242
หน่วยยอ่ ยท่ี 2 เซลล์ประสาท จานวน 6 ขอ้
7. จากภาพส่วนประกอบ A และ B ในเซลล์ประสาทคือส่วนใด
ก. A – แอกซอน B – เดนไดรต์
ข. A – เดนไดรต์ B – แอกซอน
ค. A – นิวเคยี ส B – เดนไดรต์
ง. A – นวิ เคียส B – แอกซอน
8. สว่ นใดทาใหเ้ ซลล์ประสาทส่งกระแสประสาทเร็วขึ้น
ก. โนดออฟแรนเวียร์
ข. เยอื่ ไมอีลนิ
ค. เดนไดรต์
ง. แอกซอน
9. เซลล์ประสาทมีลกั ษณะอยา่ งไร
ก. ตัวเซลลก์ ลมแบน ตรงกลำงเว้ำ
ข. ตัวเซลล์มเี ส้นใยประสำทแยกออกมำ
ค. ตวั เซลล์มลี ักษณะกลม นิวเคลียสมลี กั ษณะเปน็ พู
ง. ตวั เซลล์มีลักษณะกลมหรือรี มีนิวเคลยี สอย่ตู รงกลำง
243
10. เซลล์ประสาทสองขั้วพบบรเิ วณใดของร่างกาย
ก. สมอง
ข. ไขสันหลงั
ค.กล้ำมเน้อื เรียบ
ง. เรตนิ ำของลกู ตำ
11. เซลล์ประสาทประสานงานพบบรเิ วณสว่ นใดของร่างกาย
ก. สมอง
ข. กล้ำมเน้อื
ค. ตอ่ มไรท้ ่อ
ง. อวยั วะรับควำมรสู้ กึ
12. เย่ือไมอีลินท่พี บในเซลล์ประสาทของสัตว์มกี ระดกู สันหลงั สร้างจากโครงสร้างใด
ก. แอกซอน
ข. เดนไดรต์
ค. เซลลช์ วนั น์
ง. ตวั เซลล์ของเซลล์ประสำท
หน่วยย่อยท่ี 3 การทางานของเซลลป์ ระสาท จานวน 6 ข้อ
13. เซลลป์ ระสาทหลายขั้วทาหน้าที่เป็นเซลล์ประสาทประเภทใด
ก. เซลล์ประสำทสง่ั กำร
ข. เซลลป์ ระสำทตัวกลำง
ค. เซลล์ประสำทประสำนงำน
ง. เซลลป์ ระสำทรับควำมรสู้ ึก
14. ระบบประสาทของหมึกมีลกั ษณะอยา่ งไร
ก. มีรำ่ งแห่ประสำทเช่อื มโยงทว่ั รำ่ งกำย
ข. มสี มองบริเวณสว่ นหัวและมไี ขสันหลงั กลำงลำตวั
ค. มสี มองบรเิ วณสว่ นหวั และมเี สน้ ประสำทข้ำงลำตัว
ง. มสี มองบริเวณสว่ นหัวและมีปมประสำทตำมสว่ นต่ำง ๆ
244
15. ปจั จัยใดมีผลตอ่ การเคลือ่ นทีข่ องกระแสประสาท
ก. จำนวนเดนไดรต์
ข. จำนวนเซลลช์ วันน์
ค. ระยะห่ำงของโนดออฟแรนเวยี ร์
ง. อตั รำส่วนของเดนไดรตต์ ่อแอกซอน
16. เย่ือหุ้มเซลล์มกี ลไกรักษาความตา่ งศกั ยร์ ะหว่างภายนอกเซลล์และภายในเซลล์ ยกเวน้ ขอ้ ใด
ก. อำศัยกระบวนกำรโซเดียมโพแทสเซียมปม๊ั
ข. ยอมให้ไอออนบำงชนิด่ำ่ นเข้ำและออกได้ต่ำงกนั
ค. ภำยในเซลล์มสี ำรที่เปน็ ประจุลบ ไม่สำมำรถออกนอกเซลล์ได้
ง. ขบั โปรตีนทม่ี ปี ระจุลบออกนอเซลล์โดยกระบวนกำรแอ็กทีฟทรำนสปอร์ต
17. สว่ นใดของเซลล์ประสาทท่ที าหนา้ ทนี่ ากระประสาทเข้าสู่ตัวเซลล์
ก. แอกซอน
ข. เดนไดรต์
ค. ตวั เซลล์
ง. เซลลช์ วันน์
18. ปจั จัยในข้อใดส่งผลตอ่ ความเร็วของกระแสประสาทที่เคล่ือนท่ีผ่านเซลล์ประสาทท่ีแอกซอน
มีเยือ่ หุม้ ไมอลี นิ
ก. จำนวนไซแนปส์
ข. จำนวนเดนไดรต์
ค. ควำมยำวของแอกซอน
ง. ระยะของโนดออฟแรนเวียร์
245
หนว่ ยยอ่ ยที่ 4 ศนู ย์ควบคุมระบบประสาท จานวน 6 ขอ้
19. สมองส่วนใดควบคมุ การเคลอ่ื นไหวของรา่ งกาย
ก. พอนส์
ข. เซรบี รมั
ค. เซรเี บลลัม
ง. ไฮโพทำลำมสั
20. ขอ้ ใดเปน็ การทางานของระบบประสาทซิมพาเทตกิ
ก. ม่ำนตำหดตัว
ข. หลอดเลือดหดตวั
ค. ฮอร์โมนหล่ังมำกข้ึน
ง. หวั ใจเตน้ แรงและเรว็ ข้นึ
21. สมองสว่ นใดท่ีทาหนา้ ทเี่ ปน็ ศนู ยค์ วบคุมการทางานของระบบประสาทอตั โนมตั ิ
ก. เมดลั ลำ ออบลองกำตำ
ข. เซรเี บลลมั
ค. เซรีบรัม
ง. พอนส์
22. ณัฐนิชาดาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ทาให้กลายเป็นผู้ป่วยความจาเส่ือมชั่วคราว อาการ
ความจาเส่ือมของณัฐนชิ าดานา่ จะมาจากการท่ีสมองส่วนใดไดร้ ับการกระทบกระเทือน
ก. พอนส์
ข. เซรีบรมั
ค. เซรีเบลลมั
ง. เมดลั ลำ ออบลองกำตำ
246
23. ทุกคร้ังหลังการดื่มสุราสุรัตน์จะมีอาการเดินเซไม่ตรงทาง เป็นเพาะฤทธ์ิของแอลกอฮอล์
ส่งผลกระทบต่อสมองสว่ นใด
ก. พอนส์
ข. เซรีบรมั
ค. เซรีเบลลมั
ง. เมดลั ลำ ออบลองกำตำ
24. บุคคลท่ีมีปัญหาเก่ียวกับการหล่ังน้าลายและการเคลื่อนไหวใบหน้าแสดงว่าสมองส่วนใดมี
ปญั หา
ก. พอนส์
ข. เซรีบรมั
ค. เซรีเบลลมั
ง. เมดัลลำ ออบลองกำตำ
หนว่ ยย่อยที่ 5 การทางานของระบบประสาท จานวน 6 ขอ้
25. อวยั วะในขอ้ ใดถกู ควบคุมโดยระบบประสาทโซมาตกิ
ก. แขน ขำ
ข. ปอด หัวใจ
ค. ต่อมเหงือ่ ต่อมไทรอยด์
ง. กระเพรำะอำหำร ลำไสเ้ ลก็
26. การทางานของระบบประสาทแบบรเี ฟลก็ ซ์อารก์ จะพบเซลล์ประสาทรับความรู้สึกอยู่ทส่ี ่วนใด
ก. เน้ือสขี ำวของสมอง
ข. รำกบนของไขสันหลัง
ค. รำกลำ่ งของไขสันหลงั
ง. เน้อื สีขำวของไขสนั หลัง
247
27. ขอ้ ใดเป็นผลจากการทางานของระบบประสาทซมิ พาเทตกิ จานวน 5 ข้อ
ก. รมู ่ำนตำหรี่
ข. ถุงน้ำดบี ีบตัว
ค. หัวใจเต้นเรว็ และแรง
ง. หลอดเลือดฝอยในปอดขยำยตัว
28. พฤติกรรมใดเกย่ี วขอ้ งกบั กระบวนการรีเฟลก็ ซแ์ อกชนั น้อยทีส่ ุด
ก. กำรเตะขำเมอื่ เคำะที่เข่ำ
ข. กำรจำมเมือ่ มฝี นุ่ เขำ้ จมูก
ค. กำรงอแขนเมื่อเคำะท่ีข้อพบั
ง. กำรอมนิ้วมอื เมอ่ื โดนไฟลวกน้วิ มอื
29. ขอ้ ใดเปน็ ผลจากการทางานของระบบประสาทพาราซิมพาเทติก
ก.ทอ่ ลมหดตวั
ข.กลน้ั ปสั สำวะ
ค.อุณหภมู ิเพมิ่ ขนึ้
ง. มดลกู บีบตัวลดลง
30. ระบบประสาทพาราซมิ พาเทติกมีศนู ย์กลางควบคุมอยู่ทใ่ี ด
ก. ไฮโพทำลำมสั
ข. ไขบรเิ วณคอสนั หลัง
ค. ไขสนั หลังบริเวณเอว
ง. เมดลั ลำออบลองกำตำ
หน่วยย่อยท่ี 6 อวัยวะรบั ความรูส้ ึก 1
31. เซลล์รบั แสงของมนุษย์อยู่ในตาช้นั ใด
ก. เรตนิ ำ
ข. มำ่ นตำ
ค. โครอยด์
ง. กระจกตำ
248
32. ขอ้ ใดกลา่ วถึงเรตินาในบริเวณที่พบเซลล์รูปแท่งมากกวา่ รปู กรวยได้ถกู ต้อง
ก. มองเห็นภำพไดช้ ดั เจน
ข. รบั ภำพในทีท่ ่ีมีแสงน้อย
ค. แยกควำมแตกต่ำงของสีได้
ง. มองเหน็ ภำพในระยะไกลได้
33. ขอ้ ใดกล่าวถึงการแกไ้ ขความผดิ ปกติของสายตาไดถ้ ูกต้อง
ความผดิ ปกติ การแก้ไข
ก. สำยตำสัน้ สวมแว่นตำเลนสน์ นู
ข. สำยตำส้ัน สวมแว่นตำเลนส์ทรงกระบอก
ค. สำยตำยำว สวมแวน่ ตำเลนสน์ นู
ง. สำยตำยำว สวมแว่นตำเลนส์เวำ้
34. ในขณะข้ึนเครื่องบนิ จะรู้สึกปวดแก้วหู รา่ งกายมกี ลไกปรบั สมดุลโดยอาศยั การทางานของ
โครงสร้างใด
ก. เย่ือแก้วหู
ข. แอมพูลลำ
ค. ทอ่ ยสู เตเซียน
ง. เซมิเซอร์ควิ ลำร์แคแนว
35. ในการเล่นเครอ่ื งเล่นในสวนสนุกจะส่งผลตอ่ การทางานของโครงสรา้ งใดของหูมากท่ีสดุ
ก. กระดูกค้อน โกลน และทัง่ ในหูส่วนกลำง
ข. เซมเิ ซอร์คิวลำรแ์ คแนวในหสู ่วนใน
ค. ทอ่ ยสู เตเซยี นในหูส่วนกลำง
ง. เยื่อแก้วหูในหสู ว่ นนอก
249
หน่วยยอ่ ยที่ 7 อวัยวะรับความรู้สกึ 2 จานวน 5 ขอ้
36. ในร้านอาหารแห่งหน่ึง แม่ครัวปรุงส้มตา โดยใช้ น้าตาลปี๊บ น้าปลาร้า มะนาว พริกข้ีหนู
และผงชรู ส เมือ่ รับประทานอาหารจากร้านดังกลา่ ว เซลล์รับรสที่ตุ่มรับรสบนล้ินจะรับรสต่อไปนี้
ได้เกือบทุกรส ยกเว้นขอ้ ใด
ก. เค็ม
ข. เ่ด็
ค. เปร้ยี ว
ง. หวำน
จ.
37. ความผิดปกติของเสน้ ประสาทสมองคู่ใดทาใหส้ ญู เสียความสามารถในการดมกลิน่
ก. คู่ที่ 1
ข. คู่ท่ี 4
ค. คทู่ ี่ 5
ง. ค่ทู ี่ 7
38. ถ้านกั เรยี นเดินอยใู่ นห้องนอน แลว้ นิ้วก้อยเทา้ ไปชนของเตยี ง หน่วยรบั ความรู้สึกใดของ
ผิวหนังจะทางาน
ก. หน่วยรับควำมรู้สกึ จำกแรงกดทช่ี ้ันหนงั กำพร้ำ
ข. หน่วยรบั ควำมรสู้ กึ จำกำรสัม่ัสทช่ี ั้นหนงั กำพร้ำ
ค. หน่วยรับควำมรสู้ กึ เก่ยี วกับควำมเจ็บปวดทช่ี นั้ หนังแท้
ง. หนว่ ยรบั ควำมรสู้ กึ เก่ยี วกับควำมเจ็บปวดทชี่ ั้นหนังกำพร้ำ
39. ขอ้ ใด ไม่ใช่วิธกี ารปฏบิ ัติท่ถี กู ต้องเกี่ยวกบั การดารงประสทิ ธิภาพของระบบผิวหนงั
ก. ดมื่ น้ำอยำ่ งน้อยวนั ละ 6-8 แก้ว
ข. ทำครีมกันแดดก่อนออกไปเ่ชญิ แสงแดดเสมอ
ค. ใชค้ รมี ทม่ี ีย่ีห้อและรำคำแพงเทำ่ นั้นในกำรบำรุง่ิว
ง. อำบนำ้ ชำระล้ำงร่ำงกำยอย่ำงน้อยวนั ละ 1 – 2 ครงั้
250
40. ขอ้ ใดกลา่ วถูกตอ้ งเกี่ยวกบั การรบั รสของลิ้น
ก. ตุ่มรับรสเค็มอยู่โคนลน้ิ
ข. ตุ่มรบั รสขมอยดู่ ้ำนข้ำงลนิ้
ค. ตมุ่ รับรสหวำนอยูป่ ลำยล้ิน
ง. ตมุ่ รับรสทุกรสจะกระจำยอยู่ทว่ั ลิ้น
251
เฉลยแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน
รายวิชาชีววิทยา 4 รหสั วิชา ว30244 เรอ่ื ง ระบบประสาทและอวัยวะรบั ความรสู้ ึก
กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565
โรงเรยี นโนนกลางวิทยาคม อาเภอพิบลู มังสาหาร จังหวัดอบุ ลราชธานี
ขอ้ คาตอบ ข้อ คาตอบ
1ข 21 ก
2ง 22 ข
3ค 23 ค
4ก 24 ก
5ข 25 ก
6ง 26 ข
7ข 27 ค
8ก 28 ง
9ข 29 ค
10 ง 30 ง
11 ก 31 ก
12 ค 32 ข
13 ก 33 ค
14 ง 34 ค
15 ค 35 ข
16 ง 36 ก
17 ข 37 ก
18 ง 38 ง
19 ค 39 ค
20 ง 40 ง
252
ภาคผนวก ข
แบบประเมินแผนการจดั การเรยี นรู้แบบเน้นแผนผังมโนทัศน์ (Concept Based Teaching)
253
แบบประเมนิ แผนการจัดการเรยี นรู้แบบเนน้ แผนผงั มโนทัศน์ (Concept Based Teaching)
เร่อื ง ระบบประสาทและอวัยวะรับความรสู้ ึก รายวิชาชีววทิ ยา 4 รหัสวชิ า ว30244
ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565
(สาหรบั ผู้เชยี่ วชาญ)
คาชี้แจง โปรดพิจารณาว่าแผนการจัดการเรียนรู้แบบเน้นแผนผังมโนทัศน์ (Concept Based
Teaching) เรื่อง แม่เหล็กและไฟฟ้า รายวิชาชีววิทยา 4 รหัสวิชา ว30244 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 แต่ละข้อมีความเหมาะสมตามองค์ประกอบแต่ละด้านอยู่ในระดับใด
แล้วเขียนตัวเลขลงในช่อง “ผลการประเมิน” แต่ละแผน
5 หมายถงึ มคี วามเหมาะสมอยู่ในระดับ มากทีส่ ดุ
4 หมายถึง มคี วามเหมาะสมอยใู่ นระดับ มาก
3 หมายถงึ มคี วามเหมาะสมอย่ใู นระดบั ปานกลาง
2 หมายถงึ มคี วามเหมาะสมอยู่ในระดับ นอ้ ย
1 หมายถึง มคี วามเหมาะสมอยใู่ นระดบั นอ้ ยท่ีสุด
ตารางที่ 6 แบบประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้แบบเนน้ แผนผงั มโนทัศน์ (Concept Based
Teaching)
ผลการประเมิน
รายการประเมิน แผนที่ 1
แผน ่ีท 2
แผน ่ีท 3
แผน ่ีท 4
แผนที่ 5
แผน ีท่ 6
แผน ่ีท 7
1. ด้านมาตรฐานและตัวชว้ี ัด
1. ตรงตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขึ้น
พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.
2560)
2. สอดคล้องสัมพันธ์กับหน่วยการเรียนรู้ที่
กาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ตารางท่ี 5 (ต่อ) 254
ผลการประเมนิ
รายการประเมิน
แผนที่ 1
3. สอดคล้องกับสาระการเรยี นรู้ แผน ่ีท 2
4. เหมาะสมกับวัยของผู้เรยี น แผน ่ีท 3
5. สามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ แผน ่ีท 4
2. ด้านผลการเรียนรู้และจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ แผนที่ 5
6. สอดคล้องกับ มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวช้วี ดั แผน ีท่ 6
และผลการเรียนรู้ แผน ่ีท 7
7. สอดคล้องกับเนอื้ หา
8. ครอบคลมุ พฤติกรรมการเรยี นรู้
9. ระบพุ ฤติกรรมทสี่ ามารถวดั และประเมินได้
ชัดเจน
10. เหมาะสมกับเวลา เน้อื หา และวัยของ
ผู้เรียน
11. ขอ้ ความชัดเจนเขา้ ใจง่าย ถกู ตอ้ งตาม
หลกั การเขยี น
12. ครอบคลุมพฤติกรรมด้านพุทธิพสิ ยั ทักษะ
พสิ ัยและจิตพิสัย
3. ด้านสาระสาคญั
13. สอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชว้ี ัด
ผลการเรยี นรู้ และจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ในหลกั สูตร
14. สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ สอดคล้อง
กับกิจกรรมการเรียนรู้ มีความชัดเจนครอบคลุม
เน้อื หาสาระ
15. เหมาะสมกับวัยของผูเ้ รียนสามารถนาไปใช้
ในชวี ติ ประจาวันได้
16. มคี วามชดั เจนเข้าใจง่าย ถกู ต้องไดใ้ จความ
ตารางท่ี 5 (ต่อ) 255
ผลการประเมนิ
รายการประเมนิ
แผนที่ 1
17. สอดคล้องกับสาระการเรยี นรู้ แผน ่ีท 2
18. ครอบคลมุ พฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย ทกั ษะ แผน ่ีท 3
พสิ ยั และจิตพิสัย แผน ่ีท 4
4. ด้านเนือ้ หา แผนที่ 5
19. มคี วามครบถว้ น ถกู ต้องตามหลกั สูตร แผน ีท่ 6
แกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน แผน ่ีท 7
20. มคี วามสอดคล้องกับ มาตรฐานการเรียนรู้
ตวั ชีว้ ดั และผลการเรยี นรู้
21. การจัดเรียงลาดับขัน้ ตอนกจิ กรรมการเรียนรู้
เพอ่ื ใหผ้ ้เู รยี นเข้าใจง่าย
22. เนอ้ื หามีความเหมาะสมกับเวลาทีใ่ ช้ในการ
จดั กจิ กรรมการเรียนรู้
23. มคี วามยากง่ายเหมาะสมกบั วยั ของผู้เรียน
24. การใช้ภาษาถูกต้องเหมาะสมกบั วยั ของ
ผู้เรียน
25. การใชภ้ าษาในการส่อื ความหมายถูกต้อง
ชดั เจน
26. เนอ้ื หาเสรมิ สร้างความคิดริเรมิ่ สรา้ งสรรค์
27. เนอ้ื หาถูกต้องตามหลักวชิ าการและทันสมยั
28. เน้ือหาไมข่ ัดต่อความม่ันคงของชาตแิ ละ
คณุ ธรรมจรยิ ธรรม
5. ด้านการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
29. สอดคลอ้ งกับเน้ือหา สอดคลอ้ งกบั
จุดประสงค์การเรียนรู้
ตารางที่ 5 (ตอ่ ) 256
ผลการประเมนิ
รายการประเมิน
แผนที่ 1
30. เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน เหมาะสมกับ แผน ่ีท 2
เวลาท่ีใช้สอน แผน ่ีท 3
แผน ่ีท 4
31. ผเู้ รียนมีสว่ นรว่ มในการปฏบิ ัติกิจกรรม แผนที่ 5
32. การเรียนยดึ กระบวนการกลมุ่ ร่วมมือกัน แผน ีท่ 6
เรียนรู้ แผน ่ีท 7
33. สาระการเรียนรสู้ อดคลอ้ งกับจุดประสงค์
การเรียนรู้
34. สาระการเรยี นรเู้ หมาะสมกับธรรมชาติของ
วิชา
35. พัฒนาคณุ ลักษณะผ้เู รียนได้ชดั เจน
36. เนน้ ผเู้ รียนให้แสวงหาความรู้ มีสว่ นรว่ มใน
การค้นควา้ วิเคราะห์และลงข้อสรุป
37. กจิ กรรมเหมาะสมกับระดับผู้เรยี น
38. เรา้ ความสนใจของผ้เู รียน
39. กิจกรรมเป็นไปตามขั้นตอนของกิจกรรม
ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น แ บ บ เ น้ น แ ผ น ผั ง ม โ น ทั ศ น์
(Concept Based Teaching)
6. ด้านสื่อการเรียนรู้
40. สอดคล้องกับจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
41. สอดคล้องกับเน้ือหา
42. สอดคลอ้ งกับสาระการเรียนรู้และกจิ กรรม
43. เร้าความสนใจของผูเ้ รยี น
44. ผเู้ รยี นมสี ว่ นร่วมในการใชส้ ือ่ นวัตกรรม
45. เหมาะสมกบั เวลาและวยั ของผเู้ รียน
ตารางที่ 5 (ตอ่ ) 257
ผลการประเมนิ
รายการประเมนิ
แผนที่ 1
46. สนองต่อจุดประสงค์การเรียนรู้และ แผน ่ีท 2
กิจกรรมการเรยี นรู้ แผน ่ีท 3
7. ดา้ นการวดั และประเมินผล แผน ่ีท 4
แผนที่ 5
47. สอดคลอ้ งกบั เน้ือหา แผน ีท่ 6
48. สอดคล้องกับจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ แผน ่ีท 7
49. สามารถวัดและประเมินผลส่งิ ทีร่ ะบุไว้ได้
50. เคร่ืองมือเหมาะสมกับวัยของผู้เรยี น
51. วิธกี ารวดั และเคร่อื งมือวัดสอดคลอ้ งกับ
พฤติกรรมที่กาหนดในจุดประสงค์
52. วธิ ีการวัดและเครือ่ งมอื วัดมคี วามสอดคล้อง
กับธรรมชาติของวิชา
53. วิธีการวดั และเครื่องมือวดั สอดคล้องกบั
ขัน้ ตอนและกระบวนการเรียนรู้ในกจิ กรรม
54. ใชว้ ธิ กี ารวัดและการประเมนิ อยา่ ง
หลากหลาย
55. มีการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง
56. วัดและประเมินผลได้ครอบคลุมพฤตกิ รรม
ด้านพทุ ธิพสิ ยั ทักษะพสิ ัย และจิตพสิ ัย
57. ใชเ้ คร่ืองมือวัดและประเมินผลได้ถูกต้อง
เหมาะสม
58. เกณฑ์การประเมินผลมีความสอดคลอ้ งกบั
ระดับความสามารถของผู้เรยี น
258
ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………..
............................................................................................................................. ....................................
.............................................................................................. ...................................................................
............................................................................................................................. ....................................
....................................................................................................................................................... ..........
......................................................................................................................... ........................................
............................................................................................................................. ....................................
ลงชือ่ ........................................................ผู้ประเมิน
(........................................................)
ตาแหน่ง...............................................................
……………/………………./……………
259
ภาคผนวก ค
รายชอื่ ผเู้ ช่ียวชาญ
รายชอ่ื ผเู้ ช่ียวชาญ
1. นางฉตั รสดุ า สยุ ะลา ผเู้ ชี่ยวชาญด้านเนอ้ื หา (ชีววทิ ยา)
ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูเช่ียวชาญ
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โรงเรียนพบิ ลู มงั สาหาร องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัดอบุ ลราชธานี
2. นางสพุ รรณี ผวิ ศรี ผ้เู ช่ียวชาญด้านเนือ้ หา (ชีววทิ ยา)
ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครูเชี่ยวชาญ
กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โรงเรียนพบิ ูลมงั สาหาร องค์การบริหารสว่ นจงั หวัดอุบลราชธานี
3. นางบญุ ล้อม แก้วดอน ผเู้ ช่ยี วชาญดา้ นเนอื้ หา (ชวี วิทยา)
ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครชู านาญกรพิเศษ
กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โรงเรียนเบ็ตตี้ดูเมน 2 ช่องเม็ก
องค์การบริหารสว่ นจังหวัดอุบลราชธานี
4. นางพัชรี คณู ทอง ผเู้ ชย่ี วชาญด้านหลกั สตู รและการสอน
ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครูเชี่ยวชาญ
กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โรงเรียนโนนกลางวิทยาคม
องค์การบริหารส่วนจงั หวดั อุบลราชธานี
5. นางสาวทัศน์วรรณ ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญดา้ นการสอนวิทยาศาสตร์
ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญกรพเิ ศษ
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โรงเรยี นโนนกลางวิทยาคม
องค์การบริหารสว่ นจังหวดั อุบลราชธานี
261
ประวตั ิยอ่ ผู้จดั ทำ
262
ประวตั ยิ ่อผูจ้ ดั ทำ
ช่อื – สกลุ นางสาวนภศร เสรกี ุล
วัน เดอื น ปี เกดิ วนั ท่ี 7 มกราคม พ.ศ. 2528
สถำนท่เี กิด อาเภอชานมุ าน จงั หวัดอานาจเจรญิ
สถำนท่อี ยู่ปจั จบุ ัน บา้ นเลขที่ 26 หมู่ 7 บ้านโคกนกกระเต็น
ตาบลโคกสาร อาเภอชานมุ าน จงั หวดั อานาจเจริญ
ตำแหน่งหนำ้ ท่ปี จั จุบนั ครู วทิ ยฐำนะ ครชู านาญการ
สถำนทีท่ ำงำนปัจจบุ นั โรงเรยี นโนนกลางวทิ ยาคม ตาบลโนนกลาง
อาเภอพบิ ูลมงั สาหาร จังหวดั อุบลราชธานี
ประวัตกิ ำรศกึ ษำ
พ.ศ. 2540 ประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรยี นชมุ ชนโคกสารวทิ ยา ตาบลโคกสาร
อาเภอชานุมาน จังหวดั อานาจเจรญิ
พ.ศ. 2543 มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 โรงเรียนชมุ ชนโคกสารวิทยา ตาบลโคกสาร
อาเภอชานุมาน จงั หวัดอานาจเจรญิ
พ.ศ. 2546 มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 โรงเรยี นชานมุ านวิทยาคม
อาเภอชานมุ าน จงั หวดั อานาจเจริญ
พ.ศ. 2551 ปริญญาครุศาสตร์บัณฑติ (ค.บ.) สาขาวิชาวิทยาศาสตร์
(ชวี วทิ ยา) ถาบนั ราชภฏั อุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี
พ.ศ. 2558 ปริญญาศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑิต (ศษ.ม.)
สาขาวิชาบรหิ ารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยกรุงเทพธนบุรี
กรงุ เทพมหานคร
แผนการจัดการเรียนรู้
แบบเนน้ แผนผังมโนทศั น์ (Concept Bases Teaching)
โรงเรยี นโนนกลางวทิ ยาคม อาเภอพบิ ลู มงั สาหาร จงั หวดั อุบลราชธานี
องค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัดอุบลราชธานี