The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือ แว่นดวงใจ (ฆราวาส)
โดย
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
วัดเกษรศีลคุณ(วัดป่าบ้านตาด)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ebook.luangta, 2021-09-08 03:07:46

หนังสือแว่นดวงใจ

หนังสือ แว่นดวงใจ (ฆราวาส)
โดย
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
วัดเกษรศีลคุณ(วัดป่าบ้านตาด)

๑๕๕

พยายามรื้อฟน สง่ิ ทต่ี ิดแนบอยกู ับใจและแกไ ขดวยปญ ญา อยาน่ิงนอนใจ ความเปนอยู
แหงภพชาติของเรา มคี วามสขุ ความทกุ ข ขนาดไหนท่ีเคยเปน มา โปรดประมวลมา
พิจารณาโดยตลอด อยายอมหมกั หมมเอาไว จะเปนเชอื้ ตอ ทุกขภยั มาถึงตวั เชนทเี่ คย
เปน มาตามภพชาตติ าง ๆ จงพยายามพิจารณาและถอดถอนออกใหหมดดว ยความเพียร

ถา จิตหมดเชื้อโดยสิน้ เชิงแลว เรือ่ งทกุ ขใ นภพไหน ๆ จะไมมีอีกตอไป นน่ั แล
ทานเรยี กวา ผูหมดทุกขโดยประการทงั้ ปวง คาํ วา นพิ พฺ านํ ปรมํ สุ ญฺ ํ โปรดทราบวา
คือ สูญทกุ ขท ้ังมวลภายในใจนัน่ เอง แตผทู รี่ วู าทกุ ขส ูญส้นิ ไปนน้ั คือผูบรสิ ทุ ธโิ์ ดยสิ้นเชิง
มิไดสญู ไปดว ย เชนเดียวกบั หัวกลอยหวั มันท่ถี กู ตมจนจดื สนทิ ดแี ลว ไมมรี สคนั ฝง เหลอื
อยู ยอมทรงรสชาติอันดีไวใ นหัวของมันอยา งสมบูรณ มิไดส ูญไปตามรสคันอนั เปนพิษ
รับประทานยอมมรี สเอร็ดอรอ ยดฉี ะนัน้

ดงั น้ันในอวสานแหง ธรรมนี้ จงึ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรยั มาคุมครองทุก
ทา นใหมคี วามสุขกายสบายใจ และมโี อกาสไดบ าํ เพญ็ คุณงามความดเี ต็มสติกาํ ลงั จน
บรรลุถงึ ฝง แหง ความพน ทกุ ขโ ดยสิ้นเชิงทกุ ถวนหนา กันเทอญฯ

www.Luangta.or.th

แวนดวงใจ ๑๕๕

กณั ฑ์เทศนท์ -่ี ๑๑๔๘๕: -กฏแหง่ กรรม



เทศนอ บขรันมธฆ์หรกาา้ ณัว-าหฑส ท์ลณี่กั ๑วปดั๕ัจปจา บุบา นั นตาด ๑๕๖

เมอื่ วเมนั ทือ่ ทเวทาี่ันศ๑งทน๗เ่ี อ์ ด๑บก๗รนิ ุมมกถภฆุมราึงภาพาควนัพาสวันธธาพณ์ มพทุ ทุวสธัดธศิน้ปศัก่าักทรบราา้ากุ ชชนตข๒๒า๕ด๕๐๐๗๗

การตงั้ ขอสงั เกตจิตในเวลาฟงเทศนห รอื เวลาน่งั ภาวนา เราไมตอ งกดขี่บงั คบั
จิตจนเกนิ ไป เปนเพยี งทําความรไู วเฉพาะหนาเทา น้นั ทา นผกู าํ ลงั เรม่ิ ฝก หดั โปรดจดจาํ
วิธไี ว แลวนาํ ไปปฏิบัติ สว นจะปรากฏผลอยา งไรน้ัน โปรดอยา คาดคะเนและถือเปน
อารมณใ นผลของสมาธิที่เคยปรากฏมาในคราวลว งแลว ขอใหต ้ังหลักปจ จบุ ัน คอื
ระหวา งจติ กบั อารมณม ลี มหายใจเปนตน ทก่ี ําลงั พจิ ารณาอยูใหม น่ั คง จะเปนเคร่อื ง
หนุนใหเกิดความสงบเยอื กเยน็ ขึ้นมาในเวลานน้ั เมือ่ ปรากฏผลชนิดใดขึน้ มา จะเปน
ความสงบนง่ิ และเยน็ สบายใจก็ดี จะเปน นิมิตเร่อื งตา ง ๆ ก็ดี ในขณะนัง่ ฟง เทศน หรอื
ขณะนง่ั ภาวนากต็ าม เวลาจะทาํ สมาธภิ าวนาในคราวตอไป โปรดอยาถอื อารมณท ี่ลวง
แลวเหลานีเ้ ขามาเปน อารมณของใจในขณะน้ัน จิตจะไปทําความรูสกึ กับอารมณอดีต
โดยลมื หลกั ปจจุบันซึง่ เปน ทรี่ ับรองผล แลว จะไมปรากฏผลอะไรขนึ้ มา

โปรดทาํ ความเขาใจวา เราทําคร้งั แรกซ่งึ ยงั ไมเคยมีความสงบมากอนเลย ทําไม
จงึ ปรากฏขึ้นมาได ทงั้ นเ้ี พราะการต้งั หลักปจ จุบันจติ ไวโดยถกู ตอ ง สิ่งท่ีจะถือเอาเปน
แบบฉบบั จากอดีตท่เี คยไดรับผลมาแลวน้นั คอื หลักเหตุ ไดแกว ิธตี ง้ั จิตกบั อารมณแ หง
ธรรมตามแตจริตชอบ ตงั้ จิตไวกบั อารมณแหง ธรรมบทใดและปฏบิ ัติตอ กันอยางไรใน
เวลานน้ั จงึ ปรากฏผลเปนความสงบสุขขนึ้ มา โปรดยดึ เอาหลักการนี้มาปฏบิ ัติในคราว
ตอไป แตอ ยาไปยดึ ผลท่ปี รากฏขน้ึ และลวงไปแลว จะไมม ีผลอะไรในเวลาน้ัน นอกจาก
จะทาํ ใหจติ เขวไปเทาน้ัน โดยมากท่ีจิตไดรับความสงบในวนั นี้ แตวันตอ ไปไมส งบ ทัง้ น้ี
เพราะจติ ไปยดึ เอาสญั ญาอดตี ทผี่ า นไปแลวมาเปนอารมณในเวลาทาํ สมาธนิ ั้น ถา เรา
ยึดเอาเพยี งวิธีการมาปฏบิ ตั ิ ผลจะปรากฏขน้ึ เชน ท่ีเคยเปน มาแลว หนึง่ จะแปลก
ประหลาดยิง่ กวา ทเ่ี คยเปนมาแลวเปนลาํ ดับหนง่ึ

สว นมากผบู าํ เพ็ญทางดานจิตใจท่เี คยไดร ับความสงบเย็นใจมาแลว แตขาดการ
รักษาระดับท่ีเคยเปน มาแลว ทงั้ ความเพียรดอยลง เพราะไดรับความเยน็ ใจแลว
ประมาทนอนใจ จิตก็มคี วามเสือ่ มลงได เม่ือจติ เสอ่ื มลงไปแลว พยายามหาทางปรับ
ปรุงจติ ใหข ้นึ สรู ะดับเดิม แตไมสามารถจะยกขึ้นสรู ะดบั เดิมได ท้ังน้เี พราะจิตไปยึดเอา

แวนดวงใจ กณั ฑเ์ ทศน์ที่ ๑๕- ๑๑: ๘๕ข๗นั ๖ธ-์หา้ -หลกั ปจั จุบัน

แวน่ ดวงใจ : -ภา๑ค๘๘๑ -อบรมฆราวาส

กณั ฑ์เทศนท์ ี่ ๑๕- ๑: ๘ข๙นั ธ-์หา้ -หลกั ปัจจุบนั

๑๕๙

สมุทัยเทยี่ วปกปน เขตเอาไว ดงั นัน้ อุบายทง้ั หา คอื เกสา โลมา นขา ทนั ตา ตโจ อัน
เปน สวนใหญท ท่ี า นมอบใหแ กนกั บวช จึงเปน เหมือนใหอาวธุ เขา ถากถางเพือ่ ถอดถอน
อปุ าทานท่ีฝงเกล่ือนอยตู ามสว นตาง ๆ ของรา งกายใหห มดส้นิ ไปเปนลําดับ เร่ิมแตก าร
พิจารณาช้ันตน จนถงึ ขั้นความชํานาญ และสามารถรเู ทา ทันสว นรางกาย ทงั้ ภายนอก
ภายใน ทั้งเบ้อื งบน เบื้องลา งโดยทั่วถึง

ถาจะแยกกายนอ้ี อกเปน ประเภทของทุกข ทุกอาการของกายจะว่ิงลงสูส ายทุกข
ตามกันหมด ไมม ีชิน้ ใดฝน ตัวอยไู ด เพ่อื ความประจกั ษใจและแนนอนกับทกุ ขใ นกาย
ลองเอาปลายเข็มจรดลงดานใดดานหนง่ึ ของกายสกั นดิ หนง่ึ จะทราบทันทวี า ทกุ ขมอี ยู
ทุกขมุ ขนท่วั รางกายของบุคคลและสัตวผูหนงึ่ ๆ ดงั นั้น ผใู ชสติปญญาตรวจตรองอยู
กบั ขันธ ยอ มมที างทราบเรื่องของตัวและทกุ ขทอี่ ยใู นขันธน ที้ ั้งขันธโดยลําดับ เพราะ
ทุกขทัง้ มวลไมน อกไปจากขันธน ้ีเลย แมค าํ วา อริยสจั ซึ่งถือวาเปนธรรมลกึ ซ้งึ จึงไมเ ลย
ความรสู กึ ของผูร บั สัมผัสไปได ตองอยูในวงความรูส กึ ของเราดวยกนั จะสูงก็ไมเลยกาย
กบั ใจน้ไี ปได สมุทยั ก็ไมลึกเลยความรอู นั น้ี เพราะความรสู กึ เปน ฐานทเี่ กดิ ของสมุทยั

สมทุ ัยไมมที ีอ่ ่ืนเปนแดนเกิดนอกจากใจดวงนีเ้ ทา นนั้ การพิจารณาทางปญ ญา
ไปตามสว นตา ง ๆ ของขันธ จงึ เปน อุบายจะรอื้ ถอนอุปาทานคอื ตัวสมทุ ยั น้ันข้นึ มา เพือ่
ใหธ รรมชาติเหลานนั้ ไดอ ยูเปน ปกติ ไมถ กู กดบังคบั จบั จองจากใจ เพอ่ื ใจไดอ ยูเปน สุข
ไมต อ งกงั วลกบั ส่งิ ใด เปนเราเปนของเรา คือตา งอนั ตา งจริง ตางอันตา งอยู ที่เรียกวา
ยถาภูตํ ญาณทสสฺ นํ รูเหน็ ตามเปน จริงดวยปญ ญาจรงิ ๆ ไมเพียงจําไดและพูดออกมา
ดวยสญั ญา ยงั สามารถถอดถอนหนามจากอปุ าทานของขนั ธทที่ มิ่ แทงใจไดอกี

สมทุ ยั ทีท่ ํางานเก่ียวกบั กายก็ถอนตัวออกไป สว นสมุทยั ที่เกยี่ วกับใจโดยเฉพาะ
กเ็ ปน วิสัยของสติปญ ญาจะตามสอดรูแ ละทําลายเชนเดียวกัน เพราะทุกข สมุทยั นโิ รธ
มรรค ทงั้ หยาบและละเอยี ดเกิดขึน้ จากใจอนั เดยี วกนั ฉะน้ัน ทุกข สมุทยั จึงไมมีเกาะ
ใดจะเปน ทอ่ี อกตวั วา ไดผ านพนสายตาของสติปญ ญาไปได และไมสูงต่าํ ไปท่ไี หนนอก
จากใจดวงน้ี

ทไ่ี มอาจมองเหน็ ความจริงอนั ต้งั ปรากฏชัดอยยู ิ่งกวาภเู ขาท้งั ลูก เนื่องจากการ
มองขามกายขามใจดวงน้ไี ปเสยี เทา น้ัน จึงไมท ราบวาอรยิ สัจอนั แทจริงอยูท ไ่ี หนและ
เปน อยางไร เราเคยทราบมาจนชินหูวา พระพุทธเจา และสาวกตรัสรมู รรคผลนิพพาน
ทานตรัสรอู ะไร นอกจากจะรแู จงทกุ ข สมทุ ัย ท่ไี ดยนิ แตเ สียงและรูอยดู วยใจทุกเวลาที่
เขาแสดงตัวอยใู นหอ งมดื อยางเปดเผย ไมเ กรงขามตอ ผูใด โดยการเปดมานออกดดู ว ย

แวนดวงใจ แว่นดวงใจ : -ภา๑๑ค๙๕๐๑๙-อบรมฆราวาส

๑๖๐

มรรค คือสติ กับ ปญญา นโิ รธก็แสดงตัวออกมาในขณะมานเครือ่ งกั้นหอ งของสมทุ ยั
ไดถูกเปดขึ้น เปนความดบั สนิทแหง ทกุ ขข ้ึนมาเทานนั้ ธรรมของจรงิ ซงึ่ ควรจะรูภ ายใน
ใจจะเปนอ่นื มาแตทไี่ หน ก็ตองเปน ของจริงอยกู ับใจ และรูข้ึนทใ่ี จ พน ทกุ ขทใี่ จ เชน
เดยี วกับพระพุทธเจาและสาวกเทาน้นั แล ถา ทาํ ถูกตามแบบทาน

ฉะนน้ั คาํ วา มัชฌิมา ในครงั้ นั้นกบั ครงั้ นจ้ี ึงเปนอรยิ สจั อนั เดยี วกัน และตงั้ อยู
ทา มกลางแหงขนั ธข องทา นกบั ของเราเชน เดยี วกัน ไมเคยยา ยตําแหนงหนา ที่ไปทาํ งาน
ที่ไหน คงเปน ธรรมของจริงอยูประจาํ ขันธแ ละประจําจิตตลอดมา จึงควรจะกลา วไดว า
อรยิ สัจใหค วามเสมอภาคทว่ั หนา กัน นอกจากเรายังไมไ ดนํามาใชใ หเปน ประโยชนแก
ตนเทาที่ควรแกเพศและฐานะเทา นนั้ อรยิ สจั จึงไมมีชอ งทางจะอํานวยประโยชนใหส ม
กับวาเปน ธรรมอันประเสรฐิ

อนงึ่ ความไมส งบก็คอื เรา ผพู ยายามทาํ เพือ่ ความสงบโดยวิธีดัดแปลงตา ง ๆ ก็
เปน เรื่องของเราเอง แตเหตุใดจึงจะเปน ไปเพื่อความสงบไมไ ด อยา งไรใจจะหนจี าก
ความพยายามไมไ ดแ นน อน ตอ งหย่ังลงสคู วามสงบได กค็ วามสงบของใจมหี ลายขน้ั
สงบลงไปช่วั ขณะแลวถอนขึน้ มา น่กี เ็ รยี กวา ความสงบ ความสงบทรี่ วมจดุ ลงแลวถอย
ออกมาเลก็ นอยแลวออกรสู ิ่งตาง ๆ เปนเรื่องภายนอกบา ง ภายในของตวั ออกแสดง
บา ง แตต วั เองไมรู เพราะขนั้ เร่มิ แรกสตไิ มทนั น้ีกเ็ รียกความสงบประเภทหนงึ่

แตความสงบอยางสนิททา นเรยี กวา อัปปนาสมาธิ แมจะถอนออกจากสมาธิมา
ทรงตวั เปนจิตธรรมดากม็ ีความสงบประจาํ ไมฟ ุง เฟอไปกบั อารมณต าง ๆ ตัง้ อยดู วย
ความสงบสขุ มีความเยือกเย็น สบายเปนประจํา จะคิดอานการงานอะไรไดต ามความ
ตองการ แตค วามสงบของสมาธทิ เี่ ปนภาคพน้ื อยแู ลว ยอ มทรงตวั อยูเ ปน ปกติ ขณะที่
รวมสงบเขา ไปก็ปลอยวางกริ ิยาความคดิ ปรุงตาง ๆ เสยี อยเู ปนเอกจิตหรือเอกัคคตา
เทาน้ัน ไมเก่ยี วของกับอารมณแ ละรวมไดเ ปน เวลานาน ๆ ตามตองการ

ปญ ญาก็มเี ปนขั้น ๆ เหมอื นกบั สมาธิที่เปน ขณิกะ อปุ จาระ และอปั ปนาสมาธิ
ปญ ญามขี น้ั หยาบ ขัน้ กลาง และข้นั ละเอียด ซงึ่ จะควรใชไ ปตามขั้นของสมาธิขนั้ น้ัน ๆ
ปญ ญาทเี่ ริม่ ฝก หัดเบื้องตน กเ็ ปนข้ันหยาบ อาศยั การฝก หดั เสมอก็คอยมีกาํ ลังข้นึ เปน
ลาํ ดบั อาศัยการฝก หดั มากเทาไร กย็ อ มมคี วามชํานาญคลองแคลว และรวดเร็วขึ้น เชน
เดียวกบั สมาธิทฝี่ ก อบรมจนพอตวั แลว ตอ งการจะใหจิตสงบลงสสู มาธเิ มื่อไรก็ไดตาม
ความตองการ ปญ ญากจ็ ําตอ งอาศัยการฝก เชน เดียวกนั มใิ ชเพยี งจติ เปน สมาธิแลว จะ

แวน ดวงใจ กัณฑ์เทศนท์ ่ี ๑๕- ๑:๑๙ข๖๑ัน๐ธ-์ห้า-หลักปัจจุบัน

๑๖๑

กลายเปน ปญ ญาขนึ้ มาเอง และจติ เปนสมาธขิ ้นั ไหน จะกลายเปน ปญ ญาขั้นน้ัน ๆ ข้นึ
มาตาม ๆ กัน ตอ งอาศยั การฝก หดั เปน สาํ คัญ

ถาปญ ญาจะปรากฏตวั แฝงขึน้ มาตามสมาธิ โดยไมต องอาศยั การฝกหัดแลว ผู
บําเพญ็ ใจเปน สมาธแิ ลว จะไมต ิดอยูในสมาธเิ ลย เพราะปญ ญาก็มแี ฝงขน้ึ มาและมีหนา
ท่ที าํ งานแกไขปลดเปล้ืองกเิ ลส ชวยสมาธไิ ปเชน เดียวกัน แตการตดิ สมาธริ ูส ึกจะมี
ดาษด่ืน เพราะความเขาใจวา สมาธิกเ็ ปน ตัวของตวั ไดพ ออยูแ ลว ทางที่ถกู และราบร่นื
ในการปฏิบัติควรจะเปนทาํ นองวา สมาธิกใ็ หถ อื วา เปน สมาธิเสีย ปญ ญาก็ควรถอื วา
เปนปญญาเสีย ในเวลาท่ีควรจะเปน คอื ขณะที่จะทาํ เพอื่ ความสงบกใ็ หเ ปน ความสงบ
จรงิ ๆ

เมือ่ จิตถอนออกจากความสงบแลว ควรฝกหดั คิดอานไตรต รองธาตุขันธ
อายตนะ และสภาวธรรมตา ง ๆ แยกสวนแบง สวนของสง่ิ เหลาน้ันออกดูใหช ดั เจนตาม
เปนจรงิ ของเขาดว ยปญญา จนมคี วามชาํ นาญเชนเดยี วกบั สมาธิ ปญญาก็จะรหู นาทก่ี าร
งานของตนไปเอง ไมใ ชจะตองถกู บังคบั ขูเข็ญอยูตลอดเวลา และจะกา วข้ึนสูระดับอัน
ละเอียดเปน ขนั้ ๆ ไป จนกลายเปนมหาสติมหาปญ ญาไปพรอ ม ๆ กัน และกลายเปน
สติปญญาอัตโนมัติ โดยไมต อ งส่งั เสียบงั คับวาใหพ ิจารณาสิง่ นนั้ ใหตรวจตราส่ิงน้ี ให
เหน็ ส่ิงนี้ ใหร ูส ิ่งนี้ แตส ติกับปญญาจะทํางานกลมเกลยี วกันไปในหนา ทีข่ องตนเสมอกนั

ส่ิงใดมาสมั ผสั ตา หู จมกู ลน้ิ กาย ใจ สติกบั ปญญาจะรูและแกไ ขสง่ิ ทม่ี าสัมผัส
น้ันไดทันทว งที แตสตปิ ญญาขน้ั นท้ี ํางานเกย่ี วกับนามธรรมลวน ๆ ซงึ่ เปนสว นละเอียด
ไมเ กี่ยวกบั เร่ืองของกายเลย เพราะกายนเ้ี พยี งสตปิ ญ ญาขน้ั กลางก็สามารถพิจารณารู
และปลอ ยวางได สวนนามธรรมซงึ่ เปน สว นละเอยี ดและเกดิ กับดับพรอ มอยูจําเพาะใจ
เปน หนาทีข่ องสตปิ ญ ญาอันละเอยี ดจะทําการพิจารณา เพราะสติปญ ญาข้นั น้มี คี วาม
กระเพ่ือมและหมนุ ตัวเองอยเู สมอ นอกจากเวลาเขา อยูในสมาธิและเวลานอนหลับเทา
นนั้ ทัง้ ไมม ีการบังคบั นอกจากจะทําการยับยัง้ ไวเ พอื่ พกั สงบตามโอกาสอนั ควรเทา น้ัน
ไมเชนนน้ั จะไมค อยมเี วลาพักผอ นตัวเองเลย เพราะความเพลิดเพลินในการคดิ อา น
ไตรตรอง เพือ่ การถอดถอนตัวเอง

ท่ที า นกลาวไวในธรรมขนั้ สงู วา อทุ ธจั จะความฟุงของใจนน้ั ไดแกความเพลนิ ใน
การพจิ ารณาธรรมท้งั หลายท่สี มั ผัสใจจนเกินไป ไมต ้ังอยูใ นความพอดีน่ันเอง เมือ่ จิต
ผานไปแลวจงึ จะยอนกลบั มารูว า การทจ่ี ิตเพลนิ ในธรรมจนเกินไป แมจ ะเปนไปเพอื่
ถอดถอน ก็จดั เปน ทางผิดไดทางหนงึ่ เหมอื นกนั เพราะจติ ไมไดพ กั ผอ นทางดานความ

แวนดวงใจ แวน่ ดวงใจ : -ภา๑๑ค๙๖๒๑๑-อบรมฆราวาส

๑๖๒

สงบ ซง่ึ เปน ทางถูกและเปนการเสริมกําลงั ปญ ญา เพยี งการทาํ งานตลอดเวลาไมมีการ
พักผอ นหลับนอน ก็ยงั รสู ึกเหน่อื ยและทอนกาํ ลงั แมจ ะเปนไปเพ่อื ผลรายไดจากงานท่ี
ทํา

ดงั น้ัน จิตแมจะอยูในปญญาขั้นไหนจําเปนตอ งพักสงบ ถอนจากความสงบออก
มาแลว กท็ ํางานตอ ไปตามแตอ ะไรจะมาสมั ผัส สตกิ บั ปญ ญาตอ งวิง่ ออกรบั ชวงและ
พจิ ารณาทนั ที ทท่ี าํ งานของจติ กค็ ือธรรมทงั้ สี่ ไดแก เวทนา สญั ญา สังขาร วญิ ญาณ ที่
มคี วามเกย่ี วโยงกนั ท้งั เปน งานติดกับตวั ซ่ึงควรจะพิจารณาไดท กุ ขณะทเ่ี คล่ือนไหว การ
เกดิ และการดบั ของเวทนา สัญญา สงั ขาร วิญญาณอนั เปน สวนภายใน เมอื่ นํามาเทียบ
กบั ดานวัตถุ คือกายแลว ก็คอื การเกดิ การตายของแตล ะสง่ิ นนั่ เอง ที่ตางกันอยบู างก็
เพยี งไมเห็นซากของส่งิ เหลา นยี้ งั เหลืออยเู หมือนซากแหง รางกายเทา นั้น ฉะนนั้ การ
สงั เกตทบทวนดเู ร่ืองความเกดิ ดับของอาการท้งั สี่นโ้ี ดยทางปญญา จึงเปน เหมือนไป
เย่ียมคนตายในสงครามหรอื เมรุเผาศพน่ันเอง ไมมีอะไรผิดแปลกกัน

ทง้ั ขันธหยาบ (รูปขนั ธ) ทั้งขันธล ะเอียด (นามขนั ธ) สงเคราะหล งในความพงั
พนิ าศเสมอกนั ไมม ใี ครมีอาํ นาจราชศักดไ์ิ ปยดึ เอาขันธเ หลา นมี้ าเปนขันธเที่ยง ขนั ธ
เปนสขุ ขันธไมมีทุกข ขนั ธเปนอตั ตา คือนึกเอาตามใจหวงั ไดแ มแตรายเดยี ว ผู
พจิ ารณาหยัง่ ลงถงึ ไตรลักษณะ ดว ยไตรลกั ษณญาณจริง ๆ แลว ก็มอี ยูท างเดียว คือ
ตองรบี ออกไปใหพนจากปา ชา แหง ความเกิดตายทุกประเภทเทาน้นั ไมตอ งมาเปน
กังวลซากศพของเขาของเรา ซง่ึ เปนสภาพทนี่ าทเุ รศเสมอกันทัง้ สตั วท ้ังคนอีกตอไป

ฉะนน้ั นกั คน ควาทางดา นจติ ใจ จงึ ควรคํานงึ ถึงฐานทเ่ี กิดและดบั ของขันธท งั้
สองประเภทนี้ ดว ยปญญาอนั หลักแหลมวา ขนั ธเหลา น้เี กิด-ดับ เกดิ -ดับจากอะไร ฐาน
ที่ตั้งของเขาคืออะไร นอกจากจติ ดวงงมงายซง่ึ กาํ ลงั เปนเขียงเช็ดเทาและเปนผูให
กําเนิดของเขาแลว สมมุติเคร่ืองกังวลนอ ยใหญไมม ีทางเกดิ ได กจ็ ิตดวงงมงายนีม้ ีอะไร
แทรกซมึ เขา เขาจงึ กลายเปน จิตทีม่ ีโรคเบียดเบยี นเปนประจํา ไมมีความแยบคายพอ
จะถอนตวั ออกจากหลมลึก คอื ความเกิดตายได ลองใชจ อบและดาบเพชร คือ สติ
ปญญาขุดคนฟาดฟนดดู วงใจนน้ั ดว ยความเพยี ร จะเห็นซากของอวิชชาทง้ั เปน เกาะกนิ
อยใู นจิตดวงนน้ั เมอ่ื อวิชชาถูกจอบและดาบเพชรขุดคน ฟาดฟน อยางหั่นแหลก ก็แตก
กระเดน็ ออกจากใจ เสยี งดงั สะทานหว่ันไหว ประหนึง่ แผนดินถลมทวั่ ขอบเขตจกั รวาล
เสยี งสะเทอื นสะทา นทัว่ ทั้งไตรภพ

แวน ดวงใจ กัณฑ์เทศน์ที่ ๑๕- ๑๑: ๙๖ข๓ัน๒ธ-์หา้ -หลกั ปจั จุบนั

๑๖๓

เสียงท้งั น้ี คอื เสยี งอวชิ ชาพังทลายลงจากแทน บลั ลงั ก องคพ ุทธะทบ่ี ริสทุ ธผิ์ ุด
ข้นึ แทนแทน บัลลังกข องอวิชชาท่สี นิ้ ซากลงไป เร่อื งภพนอ ยภพใหญก ท็ ราบชัดในขณะ
นัน้ วาเปน ไปจากธรรมชาตอิ นั เดียวนี้พาใหเกดิ ใหต าย ถา เปน ไมก ็คอื รากแกว ของตน
ไม ถาเปนภพชาตกิ ็รากแกวของภพชาติ คอื อวิชชาที่เชื่อมกนั กบั จติ อยา งสนิทมาเปน
เวลานาน จนไมส ามารถจะทราบวาอะไรเปนจติ อะไรเปนอวชิ ชา จาํ ตอ งหลงแลวหลง
เลา จนกวาสติปญ ญามีความสามารถแกลว กลา ถึงข้นั มหาสติมหาปญญาแลว จึงจะ
ทราบรากฐานทเ่ี กดิ ภพชาตไิ ดอยางชัดเจน พรอ มทั้งการทําลายดว ยมรรคญาณคอื
ปญ ญาขัน้ ละเอียด ภพชาติจึงส้ินสุดลงจากดวงใจ

นน่ั แล ทท่ี านวา วุสติ ํ พฺรหมฺ จรยิ ํ กตํ กรณียํ เปนผูเสรจ็ กจิ ในพระศาสนาโดย
สมบรู ณ ทา นจงึ ใหน ามวา วิมตุ ติ สมมตุ นิ น้ั เราต้ังชอื่ ดว ย มคี วามตดิ ใจในส่ิงนั้นดว ย
เปนอปุ าทานในสมมตุ ินั้นดวย สว นวมิ ุตติต้ังขนึ้ จากใจของทานผูบ ริสทุ ธ์ิ จงึ ไมมีความ
ตดิ ใจกับชื่อวิมตุ ติ เพียงต้ังไวเ ปนคเู คยี งของสมมตุ ิเทา น้นั เม่อื ใจไดถงึ ขนั้ นั้นแลว
อรยิ สัจไปอยทู ไ่ี หนเลา กข็ ณะจติ ยงั ลมุ หลงอยู อรยิ สัจไปอยทู ีใ่ ด เมื่อรแู ลว อรยิ สัจกจ็ ะ
อยทู ่ีนน่ั เอง จะถูกเปลี่ยนแปลงไปทีไ่ หนไมไ ด เพราะสัจธรรมเปนธรรมอนั ตายตัว ไม
เคยเปล่ยี นแปลงเปน อยา งอืน่ แตก าลไหน ๆ มา

อรยิ สจั สเี่ ปน เสนทางเดินถงึ ความส้ินทุกขทั้งมวล ไมใชเ ปนสิง่ จะแบกหามไป
ดวย ทกุ ขกส็ น้ิ ไปจากใจ เพราะสมทุ ยั ถูกถอนขนึ้ ดว ยมรรค คือ ศลี สมาธิ ปญญา
นิโรธก็แสดงเปนความดบั ทุกขขนึ้ ในขณะเดยี ว แลวก็สน้ิ สุดลง ผูที่รูวาทกุ ขดับไปผนู ้ัน
เปนธรรมพเิ ศษจากอรยิ สจั ส่ีอันหน่ึงตา งหาก ควรเรยี กวา วสิ ุทธิธรรม เพราะหมดเรื่อง
เกย่ี วของโดยประการท้งั ปวงแลว

ทา นนกั ใจบุญทุกทานท่ีไดยินไดฟง แลว โปรดฝงใจลงในธรรม ปฏิบตั ิใหถ กู
ตามทางของพระพทุ ธเจา ผลเปนท่ีพงึ พอใจจะสนองตอบแทนความเหนื่อยยากจาก
การบาํ เพญ็ ของเรา โดยไมวา เปน หญงิ เปน ชาย เปนนกั บวช และฆราวาส อยาได
ประมาทวาสนาของตนท่สี รางมาแลว โปรดมีความภาคภมู ิใจ และพยายามบาํ เพ็ญตอ
เตมิ วาสนาของเราใหมากมนู ข้ึนไป ใจจะถงึ แดนแหงความสมหวังในวันหนึ่งแนนอน

ในอวสานแหง การแสดงธรรม ขออาํ นาจแหง คุณพระรัตนตรัย จงอภบิ าลรกั ษา
ใหทุกทา นมคี วามสขุ กายสบายใจ นึกส่งิ ใดจงสมหวังดังความปรารถนาทกุ ประการ
เทอญ

แวนดวงใจ แว่นดวงใจ : -ภา๑๑ค๙๖๔๑๓-อบรมฆราวาส



กัณฑ์ที่ ๑๖ ๑๖๔

เมือ่ เเวทมนั อ่ืศเทวทน่ีันศ๑อ เทนบ๘รี่อ์ ๑รยีบก๘มรพงุมฆมกลภรฆรมุ าราะําภวาพอาดวาันพาสรับสนัธยิณธ อพณบ์ พรวุทุคดัุทวยิธคธดัปศภศปาลกั กัา่บูมรรบาาาา้ินชชนตต๒๒าา๕๕ดด๐๐๗๗

วันนี้จะแสดงจดุ รวมของเร่อื งท้งั ปวง ทั้งดี ทงั้ ชวั่ ทงั้ สขุ ทั้งทุกขใ หท านผูฟง ทราบ

วา รวมลงที่ไหนกันแน โปรดตง้ั เครือ่ งรับไวโ ดยถกู ตอ ง จะทราบเร่อื งท้ังมวลวา “รวมลง

ในจิตแหง เดยี วกัน”
ความมดื ก็อยูทน่ี ่ี ความสวา งก็อยูทน่ี ี่ ความโง ความหลงก็อยใู นตวั ของเรานี้

ความรคู วามฉลาดกอ็ ยใู นใจของเรานี้ ใจดวงนี้จงึ เปน เหมือนเกา อตี้ วั เดียว แตค นรอน่ัง
บนเกาอีม้ สี องคน ถาคนหนึ่งเขา นัง่ อกี คนหน่งึ กต็ องยืน แตถาแบง กนั นง่ั ก็ไดนั่งคนละ
ซกี เชนเดยี วกับความโงค วามฉลาดแทรกกันอยใู นใจดวงเดยี ว จะวาโงจรงิ ๆ กร็ อู ยู จะ
วา หลงจรงิ ๆ ก็ยังรูอยู แตถ าจะวา รจู ริง ๆ กย็ ังมีความโงความฉลาดแทรกอยูด วย จึง
เทียบกบั เกา อตี้ วั เดียวแตค นนงั่ สองคน ใจดวงเดียวแตม ีความโงก บั ความหลงแทรกกัน
อยูค นละซีก ถาใครมีกําลงั มากกวา คนน้ันก็ไดน่งั มาก

ฉะนัน้ อบุ ายวิธอี บรมใจและการประกอบคณุ งามความดีทุกประเภท จึงเพ่ือกําจัด
ปด เปา สงิ่ มัวหมองออกจากใจดวงน้ี ทา นพูดเรอื่ งคนโง เรากไ็ ดยินและเขา ใจ ทานพูด
เรือ่ งคนฉลาด เรากไ็ ดย ินและเขาใจ ทา นพดู เร่อื งปุถชุ นคนหนา เรากร็ ูและเขาใจ ทานพูด
เร่ืองพระอริยเจานบั แตช ้นั ตน จนถงึ พระอริยเจาชั้นสงู สุด เรากร็ ูและเขาใจเปนลําดับ
เฉพาะเราเองยงั ไมสามารถทาํ ตวั ใหเปน อยา งน้นั ได แตมีความสนใจใครอ ยากจะสดับ
เรอื่ งราวความดีทีท่ านอบรมมา และทางดาํ เนนิ ของทา น ทานดาํ เนนิ อยา งไร จงึ เปนไป
เพอ่ื ธรรมเชน นน้ั

เบอ้ื งตน พระพุทธเจา ก็ดี พระสาวกอรหนั ตผ ูป ฏิบัตแิ ละรเู ห็นตามพระพุทธเจากด็ ี
ทานเปนคนมีกเิ ลสประเภทเดียวกันกับพวกเรา แตอ าศัยความพากเพียรพยายามไมล ด
ละการบําเพญ็ เพื่อชําระซักฟอกสิ่งมืดมนของใจ ทา นพยายามบําเพญ็ โดยความ
สมํ่าเสมอไมห ยดุ ชะงกั หรือทอดทิ้งความพยายาม ใจทไี่ ดรับการบํารงุ จากปยุ ทด่ี ี คือกุศล
กรรม ก็คอย ๆ เจรญิ ขึ้นโดยลาํ ดับ จนสามารถบรรลุธรรมถงึ ชน้ั อริยภมู ิอนั สูงสดุ คือ
พระอรหตั ผล คาํ วา พระอรยิ เจานัน้ แปลวาผปู ระเสริฐ เพราะธรรมท่ีทานไดบรรลุเปน

แวนดวงใจ แวน่ ดวงใจ : -ภ๑า๑๖ค๙๔๖๑ -อบรมฆราวาส

๑๖๕

ธรรมอนั ประเสริฐมอี ยู ๔ ชัน้ คือ ดงั นี้ ช้ันพระโสดา ช้ันพระสกทิ าคา ชั้นพระอนาคา
และช้ันพระอรหัต

ผูสาํ เร็จชั้นพระโสดา ทานกลา วไววา ละสงั โยชนไ ด ๓ คือสักกายทฏิ ฐิหน่ึง
วจิ ิกจิ ฉาหนึง่ สีลัพพตปรามาสหน่ึง สักกายทิฏฐทิ ่แี ยกออกตามอาการของขนั ธม ี ๒๐
โดยตั้งขนั ธห าแตละขันธ ๆ เปน หลกั ของอาการนัน้ ๆ ดังน้ี ความเหน็ กายเปน เรา เหน็
เราเปน กาย คอื เห็นรปู กายของเราน้เี ปนเรา เหน็ เราเปน รปู กายอันน้ี เหน็ รปู กายในอันน้ี
มใี นเรา เหน็ เรามใี นรปู กายอนั น้ี รวมเปน ๔ เหน็ เวทนาเปน เรา เหน็ เราเปน เวทนา เหน็
เวทนามใี นเรา เหน็ เรามใี นเวทนา นก่ี ็รวมเปน ๔ เหมือนกันกบั กองรปู แมสญั ญา
สงั ขาร วิญญาณก็มนี ัย ๔ อยา งเดียวกนั โปรดเทียบกนั ตามวธิ ที ่ีกลาวมา คือขนั ธหาแต
ละขันธมนี ยั เปน ๔ สห่ี า ครั้งเปน ๒๐ เปนสักกายทฏิ ฐิ ๒๐ มตี ามทานกลา วไววา พระ
โสดาบันบคุ คลละไดโดยเดด็ ขาด

แตท างดานปฏิบัติของธรรมะปา รสู กึ จะคลาดเคลอื่ นไปบา ง เฉพาะสักกายทฏิ ฐิ
๒๐ นอกนน้ั ไมม ีขอขอ งใจในดานปฏบิ ตั ิ จึงเรยี นตามความเห็นของธรรมะปา แทรกไว
บา ง คงไมเปนอุปสรรคแกก ารฟงและการอา น เมอ่ื เห็นวาไมใ ชทางปลดเปลอ้ื งตามนัย
ของสวากขาตธรรมแลว กก็ รณุ าผา นไป อยา ไดถอื เปน อารมณขดั ของใจ ผูละสกั กายทฏิ ฐิ
๒๐ ไดเดด็ ขาดน้นั เมอ่ื สรุปแลวกพ็ อไดค วามวา ผูมใิ ชผูเห็นขนั ธห าเปนเรา เหน็ เราเปน
ขันธห า เหน็ ขนั ธห ามใี นเรา เห็นเรามใี นขนั ธห า คิดวาคงเปนบุคคลประเภทไมค วรแสวง
หาครอบครวั ผวั -เมยี

เพราะครอบครัว (ผวั -เมยี ) เปนเร่ืองของขนั ธห า ซ่งึ เปนรวงรังของสักกายทิฏฐิที่
ยังละไมขาดอยูโ ดยดี สว นผูล ะสักกายทิฏฐิไดโดยเดด็ ขาดแลว รปู กายกห็ มดความหมาย
ในทางกามารมณ เวทนาไมเ สวยกามารมณ สัญญาไมจ าํ หมายเพ่ือกามารมณ สังขารไม
คดิ ปรงุ แตง เพ่ือกามารมณ วิญญาณไมร บั ทราบเพื่อกามารมณ ขันธท ัง้ หา ของผูนนั้ ไม
เปน ไปเพ่อื กามารมณ คือประเพณขี องโลกโดยประการท้งั ปวง ขันธหา จาํ ตองเปล่ยี นหนา
ทไี่ ปงานแผนกอื่นทตี่ นเห็นวายังทาํ ไมสาํ เรจ็ โดยเล่ือนไปแผนกรปู ราคะ อรูปราคะ มานะ
อทุ ธัจจะ อวิชชา

ผลู ะสักกายทฏิ ฐิ ๒๐ ไดโดยเดด็ ขาด คดิ วา เปน เรื่องของพระอนาคามบี ุคคล
เพราะเปนผหู มดความเย่อื ใยในทางกามารมณดงั กลาวแลว สว นพระโสดาบันบคุ คลคดิ
วาทา นรูและละไดโ ดยขออุปมาวา มีบุรุษผหู นง่ึ เดนิ ทางเขา ไปในปา ลึก ไปพบบงึ แหงหนง่ึ
มนี ้าํ ใสสะอาดและมรี สจืดสนิทดี แตน ้าํ นน้ั ถกู จอกแหนปกคลุมไว ไมสามารถจะมองเหน็

แวน ดวงใจ ๑๖๕

กัณฑ์เทศนท์ -่ี ๑๑๖๙๗: พ-ระอรยิ บุคคล

๑๖๖

น้าํ โดยชัดเจน เขาคนนั้นจึงแหวกจอกแหนที่ปกคลมุ นํ้านนั้ ออก แลวกม็ องเห็นนํา้ ภายใน
บงึ น้นั ใสสะอาดและเปนทนี่ า ดืม่ จึงตักขึ้นมาดื่มทดลองดู ก็รูวานํ้าในบึงน้ันมรี สจืดสนิทดี
เขากต็ ั้งหนา ดม่ื จนเพียงพอกับความตองการท่ีเขากระหายมาเปน เวลานาน เมื่อดื่มพอกับ
ความตอ งการแลว กจ็ ากไป สว นจอกแหนทีถ่ กู เขาแหวกออกจากนา้ํ กไ็ หลเขา มาปกคลุม
นา้ํ ตามเดิม

เขาคนน้นั แมจ ากไปแลวก็ยังมีความติดใจ และคดิ ถึงนํ้าในบึงน้ันอยูเ สมอ และทุก
ครงั้ ท่ีเขาเขาไปในปานนั้ ตองตรงไปท่ีบึงและแหวกจอกแหนออก แลวตักขึ้นมาอาบดม่ื
และชําระลางตามสบายทุก ๆ ครั้งท่ีเขาตองการ เวลาเขาจากไปแลว แมน ํา้ ในบงึ น้ันจะถกู
จอกแหนปกคลมุ ไวอ ยา งมดิ ชดิ กต็ าม แตค วามเช่ือท่ีเคยฝงอยใู นใจเขาวา นา้ํ ในบงึ นัน้ มี
อยอู ยา งสมบรู ณห น่ึง นํ้าในบงึ นน้ั ใสสะอาดหนึ่ง นา้ํ ในบงึ น้ันมรี สจดื สนิทหนึ่ง ความเช่ือ
ทั้งนขี้ องเขาจะไมม ีวันถอนตลอดกาล

ขอน้ี เทยี บกนั ไดกับโยคาวจร ภาวนาพจิ ารณาสว นตา ง ๆ ของรางกายชดั เจนดว ย
ปญ ญาในขณะน้ันแลว จิตปลอ ยวางจากรูป เวทนา สญั ญา สังขาร วญิ ญาณ หย่งั เขาสู
ความสงบหมดจดโดยเฉพาะ ไมม คี วามสมั พันธก บั ขันธท ง้ั หลายเลย และขณะนัน้ ขันธ
ท้งั หา ไมท าํ งานประสานกบั จิต คอื ตา งอันตา งอยู เพราะถูกความเพียรแยกจากกันโดย
เด็ดขาดแลว ขณะนน้ั แลเปน ขณะทเ่ี กิดความแปลกประหลาดและอัศจรรยข้ึนมาอยางไม
มีสมัยใด ๆ เสมอเหมอื นได นับแตวันเกิดและวนั ปฏิบตั ิมา แตก็ไดเ ห็นสิ่งมหัศจรรย
ปรากฏขึ้นในเวลาน้ัน จิตก็ไดท รงตวั อยใู นความสงบสขุ ช่วั ระยะกาล แลวจึงถอนขึ้นมา
พอจติ ถอนขนึ้ มาจากทน่ี ้นั แลว ขนั ธกบั จิตก็เขา ประสานกนั ตามเดมิ

แตหลกั ความเชอื่ ม่ันวา จติ ไดห ยัง่ ลงถึงแดนแหงความสงบอยางเต็มทหี่ นึ่ง ขนั ธ
ทัง้ หา คอื รปู เวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ ไดแ ยกจากจติ โดยเด็ดขาดในเวลานั้นหน่ึง
ขณะจิตท่ีทรงตวั อยใู นความสงบเปน จิตที่อัศจรรยย ิ่งหนึ่ง ความเชอ่ื ทง้ั นีไ้ มมวี ันถอน
ตลอดกาล เพราะความเชื่อประเภทอจลศรัทธา ความเชื่อมน่ั ไมหว่นั ไหวโยกคลอนไป
ตามคําเลา ลอื โดยหาหลกั ฐานและเหตผุ ลมไิ ด และเปน ความเชื่อมัน่ ประจาํ นิสัยของ
โยคาวจรผนู ัน้ จากประสบการณนัน้ แลว กต็ ้งั หนาบําเพ็ญตอ ไปเชนที่เคยทาํ มาดว ยความ
ดดู ดมื่ และเขมแขง็ เพราะมีธรรมประเภทแมเหล็กซงึ่ เปน พลงั ของศรัทธาประจําภายใน
ใจ จติ ก็หย่ังลงสคู วามสงบสขุ และพักอยตู ามกาลอันควร ทาํ นองทเี่ คยเปน มา แตยงั ไม
สามารถทําใจใหข าดจากความซึมซาบของขนั ธไ ดโดยส้นิ เชงิ เทา นั้น แมเ ชนนัน้ ก็ไมมี
ความทอถอยในทางความเพยี รเพ่ือธรรมข้ันสงู ข้นึ ไปเปนลาํ ดับ

แวน ดวงใจ ๑๖๖

แว่นดวงใจ : -ภา๑ค๙๘๑ -อบรมฆราวาส

๑๖๗

สว นคณุ สมบัติประจําใจของพระโสดาบนั บคุ คลนั้น คอื หลักความเช่อื ม่นั
ประเภทอจลศรัทธา เปนผเู ช่อื ม่นั ตอผลที่รูเหน็ ประจักษใ จแลว และเช่อื มั่นตอ คุณธรรม
เบอ้ื งสงู ทีต่ นยงั ไมรไู มเ หน็ สมานตฺตตา ความเปนผูวางตนเสมอ ไมถ อื ตัวดว ยมานะ

ชนิดใดชนดิ หน่งึ กบั คนทกุ ชั้น เปนผูมธี รรมครองใจ ไมถืออะไรใหยง่ิ กวา เหตกุ ารณท่ีเห็น
วา ถูกตองดว ยเหตุผล พระโสดาบนั บุคคลยอมรบั และปฏิบัตติ ามทนั ที ไมย อมฝาฝนหลัก
ความจริง ไมว าพระโสดาบันบคุ คลจะเปนคนชาติ ชั้น วรรณะใด ยอ มใหความสนทิ สนม

และความสมา่ํ เสมอกับคนทั่วไปไมลาํ เอยี ง
แมคนช่วั ทเ่ี คยประพฤติตัวไมดีมาแลว ตลอดสตั วด ริ ัจฉาน พระโสดาบนั บคุ คลก็

ไมร ังเกยี จ โดยเห็นวาเขากบั เราตกอยูในวงแหง กรรมดี-ชว่ั เหมอื นกนั ใครมกี รรม

ประเภทใดจาํ ตองยอมรบั ตามหลกั กรรมทต่ี นทาํ มา และยอมรับตามหลักความจรงิ ท่เี ขา
ทํา หรือเขายกเหตุผลข้ึนมาอางโดยถูกตองในขณะนนั้ โดยไมต อ งร้อื ฟน อดีตคอื ความ
เปนมาของเขา ตลอดชาติ ชัน้ วรรณะมาเปน อุปสรรคตอ ความจริงทตี่ นเห็นวาถกู ตอ ง รบี
ยึดถือมาเปน คติทนั ที น้ีเปนหลักธรรมประจาํ อัธยาศัยของพระโสดาบันบคุ คล

ถาคาํ ที่กลา วมาดวยความจนใจทัง้ นเ้ี ปนการถกู ตอ ง พระโสดาบันบุคคลแสวงหา

ครอบครัวผวั -เมยี ก็ไมขัดของตอประเพณีของผูละสักกายทิฏฐิ ๒๐ อันเปนรวงรังของ
กามารมณยังไมไดเ ดด็ ขาด สักกายทฏิ ฐิ ๒๐ กไ็ มเ ปน อุปสรรคแกพระโสดาบนั ในทาง
ครอบครัว เพราะเปนคนละชน้ั
ทานนักปฏบิ ัตโิ ปรดยดึ เอาเข็มทิศจากสวากขาตธรรมนําไปปฏบิ ตั ิ จนเกดิ ความรู
ความเหน็ ขน้ึ จําเพาะตน และกลายเปนสมบัติของตนขนึ้ มา นัน่ แหละจะมีทางทราบไดวา

งานของเราเปน งานประเภทหนึง่ งานของทานเปน งานประเภทหน่งึ แตร วมผลรายได
เปน ตัวเงินอนั เดยี วกัน จะไดรอยบาท พนั บาท หมน่ื บาท หรอื มากกวานนั้ ก็ทราบชัดวา
เงนิ จาํ นวนนีเ้ กิดจากผลงานท่ีตนไดท าํ ความอตุ สาหพ ยายามแสวงหามา มมี ากหรอื มนี อย
จะเปน ที่อนุ อกอนุ ใจแกต นเอง อาจจะดีกวา การคาดคะเนทรัพยใ นกระเปาของคนอืน่

หรือการนําปรมิ าณทรพั ยข องคนอนื่ มาถกเถียงกนั โดยคคู วามท้งั สองไมไดรบั ประโยชน
อะไรจากความแพค วามชนะนน้ั ๆ เลย ทั้งเปนการตดั ทอนสนั ทฏิ ฐโิ กท่ีทรงมอบใหเปน
สมบัติของผบู าํ เพ็ญจะรับไปเปนมรดก ใหลดคุณภาพลง
วิจกิ ิจฉา คือความสงสยั โดยสงสยั วา ตายแลวเกิดหรือตายแลวสูญ ถาตายแลว
เกิด แตจะเกิดในภพชาติทีเ่ คยเกดิ หรือไม หรือจะเกดิ เปน อะไรในภพตอไป คนตายแลว

เปลยี่ นภพชาติเกดิ เปน สัตว หรือสัตวตายแลว เปลี่ยนภพชาตเิ กดิ เปน คนไดห รอื ไม คน

แวนดวงใจ ๑๖๗

กัณฑเ์ ทศนท์ ่ี-๑๑๖๙๙: พ-ระอริยบุคคล

๑๖๘

ตายแลวสัตวต ายแลว ไปอยทู ไ่ี หนกัน กรรมดี-กรรมชวั่ มจี รงิ ไหม? และท่ีทาํ ลงไปแลว ให
ผลหรือไม ภพหนาชาติหนา มีจรงิ ไหม? นรก สวรรค มีจริงไหม? มรรค ผล นพิ พาน มี
จริงไหม? ทัง้ นี้อยใู นขา ยแหงความสงสัยทัง้ นัน้ พระโสดาบันบคุ คลคิดวา ทานละได
เพราะทานรเู หน็ หลกั ความจริงประจาํ ใจ ซงึ่ เปน ตน เหตขุ องปญหาทง้ั มวลทกี่ ลาวมา และ
ยังเชือ่ กรรมและผลของกรรมอยางฝง ใจแบบถอนไมข น้ึ ท้ังเชอ่ื ความตรัสรขู องพระพทุ ธ
เจา และพระธรรม วา เปน สวากขาตธรรมและเปน นิยยานิกธรรม สามารถนาํ ผปู ฏิบัตติ าม
ใหถ งึ ความพนทกุ ขไดโ ดยลาํ ดบั อยางฝง ใจอกี เชนเดียวกัน

ตามหลักความจรงิ ของกฎธรรมชาติแลว ไมม อี ะไรสูญในโลก มีแตความเปล่ยี น
แปลงของสงั ขารทุกประเภท ซง่ึ ไมใชธรรมชาติเดิมเทานน้ั เปลยี่ นแปลงตัวเองลงสธู รรม
ชาติ คอื ธาตเุ ดิมของเขา และเปลีย่ นแปลงตวั เองจากธรรมชาติเดมิ ขนึ้ มาสูธ าตแุ ฝง เชน
เปนสัตว บุคคล เปน ตน กรรมดี กรรมชว่ั ซ่ึงเปนส่งิ ท่มี ปี ระจําสตั วผ ูมีกิเลสเครือ่ งผลกั
ดันและมคี วามรสู กึ ในแงดีช่ัวตา งกัน จาํ ตองทาํ กรรมอยโู ดยดี แลว กรรมดีกรรมชวั่ จะสูญ
ไปไมได แมผ ลดีผลชว่ั ซง่ึ ผทู าํ กรรมจะรับเสวยเปน ความสขุ ความทุกข จําตองมีเปน คูกัน
โดยจะเส่อื มสญู ไปไมไ ดเ หมอื นกนั นอกจากผทู าํ ใจใหห มดเชอ้ื จากภพชาติแลว เทานนั้
จะเปนผหู มดปญหาในเรือ่ งเกิดตาย เพราะการทําดที าํ ชั่วและไดร ับผลดชี วั่ ทง้ั นีเ้ ปน
สาเหตมุ าจากเช้อื แหงภพชาตทิ ่ฝี ง อยูภายในใจเปน มูลฐาน นอกจากนีแ้ ลวจะไมอ ยใู น
อํานาจคําปฏิเสธและคํารบั รองของผใู ด เชนเดียวกับความมืด ความสวางตั้งอยเู หนอื โลก
ธรรมของโลก ฉะนั้น

สีลพั พตปรามาส ทา นแปลวา การลบู คลาํ ศลี พรต เปนสงั โยชนเคร่อื งขอ งอนั ดบั
สาม การลูบคลําเกิดจากความไมไวใ จ ถา เปนลกู หญิงลกู ชายก็เปนท่ีไมไ วใจของพอ แม
อาจจะทําความหนักใจใหพอแมไดร ับทุกขอ ยูเร่ือย ๆ เชน ลกู หญงิ ประพฤตติ วั ไมส มศกั ดิ์
ศรขี องหญงิ ทาํ คณุ คา ของหญิงใหตํ่าลง เปนคนชอบเทย่ี ว ชอบเกยี้ วผชู าย ชอบทําตวั ใน
ลักษณะขายกอนซ้อื ใครชมวา ดี วาหญิงคนสวยท่ีไหนเกิดความติดใจ เชื่องาย จายไป
โดยไมคิดมูลคา เพ่อื ความเปน คคู รอง ไปทไี่ หนแฟนคอยแอบแฝงและติดตามเปนพวง
ๆ ประหน่ึงเขารอยปูนาปลาทะเลไปขายทีต่ ลาด ครั้นแลวกลายเปนเขารอ ยหญงิ ปรามาส
หญงิ ประเภทนีเ้ รยี กวา หญงิ ปรามาส เปน ทีล่ บู คลําของชายทัว่ ๆ ไปดว ย เปนหญงิ
ปรามาสสาํ หรับพอ แมจะตองหนกั ใจในการวากลาวสั่งสอนซํ้า ๆ ซาก ๆ ดวย เปน หญงิ
ชอบคาประเวณอี นั เปนทอ่ี บั อายและขายหนา ของวงศส กลุ ดวย

แวนดวงใจ ๑๖๘

แวน่ ดวงใจ : -ภา๒ค๐๐๑ -อบรมฆราวาส

๑๖๙

ถา ผูเ ปนลกู ชายก็ทาํ ความหนกั ใจใหพ อแมอ ีกทางหน่งึ เชน ประพฤตติ ัวเปนคน
เกเร ข้เี กยี จเรยี นหนงั สอื และไปโรงเรยี น เพ่ือนชวนไปเทย่ี วและเกย้ี วผูหญงิ ทไ่ี หนเปน ที่
พอใจ ไปโดยไมบ อกลาผูป กครองทางบานและทางโรงเรยี นใหท ราบหวั ทา ยปลายเทา เลย
ไปแสวงหาความสนกุ สนานร่ืนเริงโดยวิธชี ิงสุกกอ นหา ม ครทู างโรงเรียนเหน็ ทาไมด ี
เพราะเด็กขาดโรงเรียนไปหลายวนั เขา ใจวาเดก็ ขโมยมาทบี่ าน รีบมาหาผูปกครองทาง
บานถามเรอ่ื งราวของเดก็ คนเก พอแมผ ปู กครองทางบานเกิดงงงนั อ้ันตแู ละพูดออกมา
ดว ยความต่นื เตน ตกใจวา ออ ก็ไดมอบเดก็ ใหอ ยูกับครูทโ่ี รงเรยี นแลว ทางบานก็ไมส น
ใจ เพราะเขา ใจวา เดก็ อยูป ระจําท่ีโรงเรียน

เรือ่ งกเ็ ลยยุงกนั ใหญ เพราะผปู กครองทงั้ สองฝายตา งกไ็ มรเู รอ่ื งของเดก็ ไฟที่
เด็กกอ ขน้ึ เพอ่ื ประโยชนเฉพาะตัว จงึ ลุกลามไปไหมท ้งั ครู ผปู กครอง ทางโรงเรียนและ
พอ แมของเด็กทางบาน ใหกลายเปนเพลงิ ทั้งกองไปดวยกัน ทัง้ น้ีเปนเรือ่ งหนกั ใจแกพอ
แมไ มน อ ยเลย เพราะฉะนัน้ ถา เปนลูกชายประเภทท่ีกลา วน้ีเรียกวา ชายปรามาส พอแม
ตอ งทุกขแลว ทุกขเ ลา ส่ังสอนแลว อบรมเลา ไมม ีเวลาปดปากสนิทลงไดเลย ตองลูบตอง
คลาํ อยเู ชนน้นั ไมเ ปน อนั กินอยหู ลบั นอนใหส นิทได

ถาเปน สามกี ็คอื สามที ี่ไมนา ไวใ จ กลัวจะไปคบชสู ูแฟนในสถานทีต่ าง ๆ เวลาลบั หู
ลับตาลกู เมยี เทย่ี วพว งผูหญิงตามตรอกตามซอก แลว นาํ ไฟปรมาณมู าเผาผลาญลูกเมยี
และครอบครัว เพราะตามธรรมดาผชู ายชอบเปน นกั เทีย่ ว นกั เกย้ี วผูหญงิ และนักฉวย
โอกาส ผหู ญิงคนใดใจลอยพลอยเชอื่ งาย มกั จะถูกตมจากฝายชายเสมอ ผูชายท่ีไมค อ ย
จะเหน็ คูครองเปนของสําคญั โดยมากมนั เปนคนเสยี หายในทางกามารมณ เบื้องตน ก็
เหน็ เหยอ่ื (หญงิ ) ท่ีผา นเขา มาอยา งลอย ๆ นน้ั วา เปน อาหารวา ง แตไ มไ ดคํานงึ ถึงปลาท่ี
ติดเบ็ดจนถึงตายเพราะเหยื่อลอ ปลอยเลยตามเลยจงึ ตอ งเสียคน

ผูม คี รอบครัวเปน หลักฐานประพฤติใหหนักไปทางอารมณ จงึ เปน ความเส่อื มเสีย
แกตนและครอบครวั หญงิ ผูม สี ามปี ระเภทชอบแสวงหาอาหารวา งเปน นิสยั จงึ เปนที่
หนกั ใจยิ่งกวา ภูเขาท้ังลูก กนิ อยูหลับนอนไมเปนสขุ ฉะนัน้ สามีประเภทอาหารวางนี้ จึง
ควรใหน ามวาสามีปรามาสของภรรยา เพราะตองรบั ประทานขาวกบั น้ําตา เนอื่ งจากความ
ประพฤติระแวงจากสามเี สมอ ปลอยอารมณใ หส บายใจสกั นิดไมไ ดเ ลย

ถา เปนภรรยากเ็ ปน ภรรยาทีไ่ มนา ไวใจของสามเี ชน เดียวกัน เปนคนผลาญทรพั ย
กลบั ใจ มีนิสัยเหมือนวานร (ลงิ ) ทัง้ เปน คูรัก ทัง้ เปนคเู วร ชอบเทยี่ วแสวงหาส่งิ แปลก
ๆ เปน อาหารในเวลาวกิ าลแบบนกคา งคาว กลับมาถงึ บานกท็ ําการเคี่ยวเข็ญสามี ทําทาตี

แวนดวงใจ ๑๖๙

กณั ฑเ์ ทศนท์ ี่-๑๒๖๐:๑พ-ระอริยบคุ คล

๑๗๐

โพยตพี ายหาโทษรายปา ยสสี ามี เพื่อหาอุบายหนีจากสามีไปตามชู กิจการงานซ่ึงเปนหนา
ที่ของแมบ านในครอบครวั จะจัดทําไมน ําพา สอดหูสายตามองไปมองมา ลว นแตเปน
เรือ่ งมารยามองทางหาแฟน หนักเขากน็ ําเงินไปมอบใหชายชู จา งคนมาฆา สามขี องตวั
เพ่อื ครองรกั กับเขา ถา เปน หญงิ ประเภทน้ีก็ควรใหน ามวา ภรรยาปรามาส เพราะกอกรรม
ทาํ เข็ญใหส ามีไดรบั ความทกุ ขท รมานและปวดราวในหัวใจไมม วี ันสราง ท้งั เปนการเสยี่ ง
ภยั ตอชวี ิตอนั อาจเกดิ ขึน้ จากภรรยาเพชฌฆาตผคู อยสังหารอยตู ลอดเวลาท่ีไดโอกาส

ถา เปน สมบัติ มีรถราเปนตน ก็เปนที่ไมน าไวใจ จะขบั ข่ไี ปทางไหนกก็ ลวั อันตราย
ตองเขาโรงซอ มบอย ๆ ไมเ ชนน้นั กจ็ ะพาเจาของไปคว่าํ จมดนิ ทไ่ี หนไมแ นท้งั นน้ั ตอง
ตรวจดเู ครอ่ื งทกุ เวลากอ นจะขับข่ไี ปไหนมาไหน ลกั ษณะท่ีกลา วมาท้ังนีเ้ ขา ในขา ยของคํา
วา ปรามาส คือการลูบคลําทั้งนน้ั

ถาเปนศีลก็เปนศีลประเภทลม ลกุ คนผรู กั ษาศลี ก็เปนบคุ คลลมลุก เดี๋ยวกท็ ําศีล
ใหข าด เดย๋ี วก็ไปรบั ศีลใหม รบั แลว รบั เลา ขาดแลว ขาดเลา จนตวั เองก็ไมแ นใจวา ตนมี
ศีลหรือเปลา ทัง้ ๆ ท่รี บั ศีลแลว รบั ศลี เลา อยูน ัน่ เอง ท้ังน้หี มายถึงศลี ของสามัญชนท่วั ๆ
ไปเพราะรบั แลว วนั นค้ี ราวน้ี แตวนั หนาคราวหนา ตอ งรับอกี เหลา นเ้ี รยี กวา สีลพั พต
ปรามาส เพราะลบู คลาํ ศลี เหมือนลูบคลําบาดแผล

พระอรยิ บุคคลชั้นพระโสดาบันแมจ ะเปน ฆราวาส กเ็ ปนผแู นว แนใ นศีลทีต่ น
รักษาอยู ไมรับศลี แลวรบั ศลี เลา เหมอื นสามัญชน เพราะทานเชอื่ เจตนาของตนและรกั ษา
ศลี ดว ยความระมัดระวงั ไมย อมใหศ ีลขาดหรอื ดา งพรอ ยดวยเจตนาลวงเกนิ แมจะเปน ผู
นาํ หนาของหมชู น กเ็ พียงรบั เปนจารีตของผูเ ปนหวั หนา เทานั้น แตเ จตนาจะรับเพราะเขา
ใจวา ตนเปน ผมู ีศีลขาดหรอื ดา งพรอ ยนั้น ไมมีในพระโสดาบนั บคุ คลเลย

พระสกทิ าคา ทา นวา ทาํ ราคะ โทสะ โมหะใหเ บาลง น่ีทางดานปฏิบตั ไิ มมขี อ ขอ ง
ใจ จึงขอยตุ ิไวเ พียงน้ี

พระอนาคามลี ะสงั โยชนได ๕ คอื ๓ กับทผี่ า นมาแลว และละเพม่ิ ไดอกี ๒ ขอ คอื
กามราคะ ความยนิ ดีในประเพณีของโลก และปฏฆิ ะความหงดุ หงดิ ใจ สวนกามราคะนั้น
อยูในวงของรปู กาย ตามความเห็นของธรรมะปา วา สกั กายทิฏฐิ ๒๐ นน่ั แลเปนบอของ
กามราคะแท ควรเปน ภาระของพระอนาคามีเปนผูล ะไดโดยเด็ดขาด เพราะผูจะกาวขน้ึ สู
ภูมอิ นาคามโี ดยสมบรู ณ จาํ ตอ งพจิ ารณาขันธหาโดยความรอบคอบดวยปญญา แลว ผา น
ไปดวยความหมดเยอื่ ใย คือสามารถพิจารณาสว นแหง รา งกายทุกสว น เหน็ ดว ยความเปน

แวน ดวงใจ ๑๗๐

แวน่ ดวงใจ : -ภา๒ค๐๒๑ -อบรมฆราวาส

๑๗๑

ปฏกิ ูลดว ย โดยความเปน ไตรลักษณด วย ประจักษกบั ใจ จนทราบชดั วา ทกุ สวนในราง
กายสะทอ นน้มี ีความปฏกิ ลู เตม็ ไปหมด

ความปฏกิ ูลของรางกายที่ปรากฏเปนภาพอยูภ ายนอก กลบั ยอนเขามาสูวงของจิต
ภายในโดยเฉพาะ และทราบชัดวาความเปน สุภะท้งั นี้ เปน เร่อื งของจิตออกไปวาดภาพ
ขึ้นมา แลวเกิดความกาํ หนัดยินดกี ด็ ี ความเปน อสภุ ะที่จติ ออกไปวาดภาพข้ึน แลว เกิด
ความเบอ่ื หนา ยและอดิ หนาระอาใจตอ ความเปน อยูของรา งกายทุกสว นก็ดี ในภาพทั้ง
สองน้จี ะรวมเขาสจู ติ ดวงเดยี ว คือมไิ ดปรากฏออกภายนอกดังท่ีเคยเปนมา จิตไดเ ห็น
โทษแหง ภาพภายนอกทต่ี นวาดขน้ึ อยางเต็มใจ พรอ มทง้ั การปลอยวางจากสภุ ะและอสุภะ
ภายนอก ทเ่ี ก่ยี วโยงกับสว นรางกายทีต่ นเคยพิจารณา ถอนอปุ าทานความถอื กายออกได
โดยส้ินเชงิ เร่ืองของกามราคะซึง่ เกย่ี วกบั กายกย็ ตุ ลิ งได ในขณะที่ถอนจติ ถอนอปุ าทาน
จากกาย โดยผานออกระหวางสภุ ะและอสภุ ะตอกัน หมดความเย่ือใยในสุภะและอสภุ ะ
ท้งั สองประเภท

ปฏฆิ ะ ความหงดุ หงดิ ของใจ ขอ นที้ างดา นปฏิบตั ิไมมีแปลกตางและของใจ จึงขอ
ยตุ ไิ วเ พียงเทานี้

อนั ดับสี่คอื อรหตั ภมู ิ ทานวาละสงั โยชนได ๑๐ คือสงั โยชนเบอื้ งต่าํ ๕ ทกี่ ลา ว
ผา นมาแลว กับสังโยชนเ บอ้ื งบนอกี ๕ คอื รูปราคะ อรปู ราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา

รปู ราคะ ความกาํ หนัดยินดใี นรูป ไมไดหมายถึงรปู หญิง รปู ชาย และรปู พสั ดุสิ่ง
ของตาง ๆ ซึ่งเปน ของภายนอกและเปนสว นหยาบ ๆ แตหมายถงึ นิมติ ท่ปี รากฏกบั จติ
อยภู ายในโดยเฉพาะ คือภาพที่ไดจ ากภายนอกตามทก่ี ลาวผา นมา ซ่งึ ยอนกลบั เขา มาอยู
ในวงของจิตโดยเฉพาะ ผพู จิ ารณาจําตอ งถือนิมิตนีเ้ ปนอารมณข องจติ หรือเปนเคร่อื ง
เพง เล็งของจิต จะวา จติ ยินดีหรือตดิ รูปฌานก็ถูก เพราะจติ ชน้ั นต้ี องทาํ การฝก ซอ มความ
เขาใจเพอ่ื ความชาํ นาญอยกู ับนิมติ ภายใน โดยไมเ กีย่ วกบั กายอีกเลย จนเกดิ ความชาํ นิ
ชํานาญในการปรงุ และทําลายภาพภายในจิต ใหม ีการปรากฏขน้ึ และดบั ไปแหงภาพได
อยางรวดเร็ว

แตก ารเกิด-ดบั ของภาพทง้ั นเ้ี ปนการเกดิ -ดบั อยูจาํ เพาะใจ มิไดเ กิด-ดับอยูภาย
นอกเหมอื นแตกอ น ซ่ึงจติ กําลงั เกี่ยวของอยูกบั กายเลย แมค วามเกดิ ดับของภาพภายใน
เมื่อถูกสตปิ ญ ญาจดจองเพง เลง็ อยูไมห ยดุ ยอมมกี ารเปล่ียนแปลงตวั เองไปโดยลาํ ดบั
ความเกดิ -ดบั ของภาพชนดิ น้ี นบั วันและเวลาเร็วเขาทุกทจี นปรากฏเหมือนฟา แลบแลว
ดบั ไป ผลสุดทา ยก็หมดไป ไมมีนิมิตเหลืออยูภายในใจเลย พรอมทงั้ ความรูเทาทนั วา

แวนดวงใจ ๑๗๑

กณั ฑ์เทศนท์ -ี่ ๑๒๖๐:๓พ-ระอริยบุคคล

แวน่ ดวงใจ : -ภา๒ค๐๔๑ -อบรมฆราวาส

กณั ฑ์เทศน์ท่ี-๑๒๖๐:๕พ-ระอรยิ บุคคล

๑๗๔

ธรรมทงั้ น้ไี ดอธิบายตามปริยัติบา ง ตามความเหน็ ของธรรมะปา บาง เมอ่ื ผิดบาง
ถกู บางก็ขออภยั จากทา นผูฟงผอู า นทุกทานดวย เพราะแสดงไปตามความเขา ใจแบบปา
ๆ ท่ีไดปฏบิ ัติมา และพรอ มทจี่ ะรบั ฟงเหตุผล ผิดถูกและตชิ มจากทา นผมู ีเมตตาเสมอ

วธิ ีปฏิบัตเิ พ่อื ความสขุ ความเจรญิ เปนขั้น ๆ และประจกั ษใ จ คอื การอบรมภาวนา
คณุ งามความดอี ่นื ๆ ยอมเปนเครื่องอดุ หนนุ กนั ไป ขึ้นชือ่ วา ความดีแลว ตอ งเปน เครื่อง
หนนุ กนั ไปทง้ั น้นั เชน เดียวกับพรกิ แมจ ะเปน เม็ดเล็ก ๆ หรอื เม็ดไมค อ ยจะเต็มเทา ไรก็
ตาม เมอื่ นํามาผสมกนั ตําลงในครกแลวคดออกมาใสถวยหรือจาน ขณะรับประทานจะจิม้
ลงไปดานไหนของถวยหรอื จานนั้น ยอมมีรสเผด็ เชนเดียวกนั หมด ไมไ ดน ยิ มวาดา นนนั้
พริกเต็ม ดานน้พี รกิ ลีบ

ขึน้ ช่อื วาความดีแลว ไมว าจะเกิดจากกุศลกรรมประเภทใดรวมกันแลวจะกลาย
เปน กองบุญอนั ใหญโตเชนเดยี วกัน ดงั นัน้ โปรดทานผูฟง ทุกทานซ่งึ มคี วามมงุ หวงั ใน
ธรรมอยางเต็มใจ นําไปปฏิบัตดิ ัดแปลงตัวเองตามฐานะใหถกู เขม็ ทศิ ทางเดนิ ของธรรม
ในขณะที่มีชวี ิตอยู แมถ งึ คราวจาํ เปน ซ่งึ ทกุ คนจําตองเผชญิ จติ จะมหี ลกั ยึดไมรวนเรไป
ในทางผดิ จะกา วไปตามทางผิด นยิ ยานกิ ธรรมนาํ ตนใหถึงสขุ ในคตภิ พน้นั ๆ ขึน้ ชือ่ วา
ความสุขความเจริญท่เี รารําพงึ ราํ พันถงึ อยูทกุ ขณะจติ นน้ั จะกลายมาเปนสมบัติเครื่อง
ครองของใจในภพของตน ๆ โดยไมต อ งสงสยั

ในอวสานแหง ธรรม จึงขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรยั ตามคมุ ครองรกั ษาทาน
ทง้ั หลาย ใหม แี ตค วามสขุ กายสบายใจ นกึ สงิ่ ใดจงสมหวงั ดังความปรารถนาทุกประการ
เทอญฯ

www.Luangta.or.th

แวนดวงใจ ๑๗๔

แวน่ ดวงใจ : -ภา๒ค๐๖๑ -อบรมฆราวาส



อรยิ สัจกนัณอฑกท์ ี่ อ๑ร๗ิยสจั ใน

เทศนอ์ บรมฆราวาส ณ วดั ป่าบ้านตาด
เมื่อวนั ท่ี ๒๑ กุมภาพันธ์ พุทธศกั ราช ๒๕๐๗

แว่นดวงใจ : -ภา๒ค๐๘๑ -อบรมฆราวาส

๑๗๖

ผทู าํ ตัวใหตํ่าลงไป จนเปน ที่ดถู กู เหยยี ดหยามของเพอ่ื นมนษุ ยด ว ยกนั เนอื่ ง
จากการดัดแปลงตวั เองไปในทางผดิ โดยมีความคดิ ผิดเปน เจาเรอื น ผูจ ะทาํ ตวั ใหด ี
และเดน ขน้ึ เปนลาํ ดับ จําตองดัดแปลงตวั เองใหถูกทาง ผลยอมเปนความสุขความ
เจรญิ คบื หนา ตามลําดบั แหง เหตทุ ีท่ ําไวดแี ลว ไมว าวนั น้ี วนั หนา ชาตนิ ้ี ชาตหิ นา ความ
สขุ ความเจริญตองอาศัยผลท่ีเราทาํ จากคนคนเดียวนี้แล เปนเครื่องตามสนองในภพ
น้ัน ๆ ดว ยเหตนุ ค้ี วามเปน มนษุ ยจงึ อยูในความนยิ มของโลก วาเปนภพชาติทีส่ งู และ
เปนท่ีรวมแหง ความดที ัง้ ปวงไวด ว ย เชน พระศาสนา เครอ่ื งหลอหลอมมนษุ ยใหเ ปน
คนดีกร็ วมอยทู ่ีนี่

แมพระพุทธศาสนาซ่ึงเปน ศาสนาทเี่ ยีย่ มดวยเหตผุ ลก็มีอยกู บั มนุษยเรา พระ
พทุ ธเจา กม็ าตรัสรูในแดนแหง มนษุ ยเรานี้ พระสาวกเกิดเปนมนษุ ยโ ดยสมบรู ณแลว จงึ
สามารถปฏบิ ัตธิ รรมจนไดต รัสรูต ามพระพทุ ธเจา ฉะน้นั ความเปนมนุษยจ ึงเปน ผมู ี
ภาชนะอันดีสาํ หรบั รบั รอง ทั้งกองสมบตั ิเงินทองของมีคา ในโลก ทั้งโลกตุ รภมู สิ มบัติ
จงึ ควรภาคภูมิใจในบุญวาสนาของตนทพ่ี บพระพุทธศาสนา อันเปน ศาสนาท่ีบริสทุ ธิ์ท้ัง
เหตทุ ้งั ผล การกลา วทงั้ นีม้ ิไดตาํ หนิศาสนาใด ๆ วา ไมดี เพราะศาสนาใดกด็ ีดว ยกนั
เนื่องจากไมไดสอนคนใหช ่วั แตความดนี นั้ มีสงู ตาํ่ ตางกัน คณุ ภาพของศาสนาจึงตาง
กัน พระพุทธศาสนานส้ี ามารถสอนคนใหเ ปนคนดเี ย่ยี มได ทัง้ ความประพฤตแิ ละความ
รคู วามเหน็ ภายในใจ จนกลายเปน ใจวเิ ศษและอัศจรรยเ หนือใจสามญั ธรรมดา เพราะ
การอบรมจากธรรมของจริงอยา งประเสรฐิ คือพระพุทธศาสนา

เวลานเ้ี รากําลงั อยใู นมชั ฌมิ า คอื ศนู ยกลางของโลก สตั วด ริ ัจฉานกไ็ มไดไ ปเกิด
นรกคอื แดนหาความสุขกายสบายใจไมไดก ไ็ มเ คยประสบ กาํ เนิดเปรตผไี ดยินแตชื่อ
แตไมไ ดเปนสัตวประเภทนน้ั คอื เราเปน มนษุ ยโ ดยสมบูรณ ฉะน้นั จงึ ควรเหน็ คณุ คาใน
ตวั เราและชวี ิต จิตซงึ่ ครองตวั อยขู ณะน้ี พยายามอบรมดัดแปลงวถิ ีทางเดินของชีวิต
และจิตใจใหเปนไปดวยความสม่าํ เสมอและราบรนื่ ท้งั ทางโลกและทางธรรม จะมีความ
สุขกายสขุ ใจ อยใู นโลกนก้ี ็เหน็ ประจักษใจ ถา มีธรรมเครอื่ งดัดแปลงใหถูกทาง จะไป
โลกหนา ก็คือใจดวงกาํ ลังดัดแปลงอยู ณ บดั นี้ จะเปนผพู าไป ไมม สี งิ่ ใดจะไปโลกหนา
ได นอกจากจิตดวงเดยี วซงึ่ เปน ของละเอียดย่งิ นเ้ี ทาน้ัน

เราทุกทา นตา งก็เปน นายชา งผูฝ ก ฝนอบรมตน อยางไรจะเปน ท่มี น่ั ใจ โปรด
กระทาํ ลงไปจนสุดความสามารถในขณะมชี ีวิตอยู ถาชีวติ หาไมแลวจะสุดวิสัย เพราะ
รา งกายแตกสลาย ตองหมดทางเดนิ ทนั ทีทช่ี วี ติ ส้ินสุดลง การบําเพ็ญความดที กุ

แวนดวงใจ กัณฑ์เทศน์ท่ี ๑๗- :๒๑อ๐๗ร๙ยิ ๖ส-จั นอก อริยสัจใน

๑๗๗

ประเภทเปนตนวา เคยบําเพญ็ ทาน รักษาศลี และเจริญภาวนาก็ทาํ ตอ ไปอีกไมได ทํา
ใหข าดไปเสียทกุ อยาง เราจงึ ไมควรเหน็ ส่งิ ใดวา เปน ของมคี ุณคาย่งิ กวา ใจซง่ึ กาํ ลงั รบั
ผิดชอบในสมบัติทกุ ส่ิงอยูเ วลาน้ี แมเ ราจะเสาะแสวงหาส่งิ ใดมาเพือ่ บําบดั รางกายและ
จติ ใจใหมคี วามสขุ เทาทคี่ วรจะเปนได แตเราอยา ลืมตวั ถงึ กบั ไดผ ดิ พลาดไปกบั สงิ่ น้นั
ๆ จนถอนตวั ไมข ้นึ เพราะอํานาจความอยากเปน เจา ของเรอื นใจ ถา ไดรับการอบรมอยู
เสมอ อยา งไรกไ็ มตกตํ่าและถอยหลงั มาสูความทุกขและความต่าํ ทรามตา ง ๆ ที่ไมพึง
ปรารถนา จะกา วไปทลี ะเล็กละนอ ย และกา วไปเสมอจนถงึ จดุ ประสงคจนได

ผูม ีความเจริญรงุ เรอื งทงั้ ทรัพยภายนอกและทรพั ยภายใน คอื คณุ สมบตั ขิ องใจ
ทานเจรญิ รงุ เรอื งไดเพราะการฝก ฝนดดั แปลง อยาเขา ใจวา เปนไปจากเหตุอน่ื ใดท้ังสน้ิ
เพราะกาย วาจา ใจ เปนส่งิ อบรมดดั แปลงไดดว ยกนั ไมเ ชนนน้ั จะหาคนดคี นฉลาดไม
ไดในโลกมนุษยเรา และจะไมผ ิดอะไรกับสัตวท ่ีมิไดฝก หดั ดดั แปลงเลย สง่ิ ท่ีจะทําให
คนดคี นช่วั ไดจงึ ขึน้ อยกู ับการฝกหัดดดั แปลงตัวเองตามใจชอบ ผลกก็ ลายเปน คนดีคน
ชว่ั และสขุ ทุกขข ้นึ มาเปน เงาตามตวั ฉะนั้นการไมปลอยตวั คือใหอยูในกรอบของการ
สงั เกตสอดรูของตัวเสมอน่ันแล เปนทางเจรญิ กา วหนา ผูช อบความเจรญิ กา วหนา จง
เปนผูสงวนตน

อนึง่ ธรรมเครอื่ งขดั เกลามนุษยและสัตวใ หเปนคนดีและสัตวด ตี ามฐานะของ
ตนนั้น มีอยกู บั ทุกคน ไมวา นักบวชและฆราวาสหญิงชาย ขึ้นอยูก บั ความขยันหมัน่
เพยี ร ความอดทน ความดี ความชว่ั ข้นึ อยูกับตวั ผูชอบทํา ทําทีไ่ หนกไ็ ด ไมน ิยมวาใน
บา น นอกบาน ในวดั นอกวัด ในนํา้ บนบก เพราะตนเหตคุ วามดแี ละชว่ั มันอยูก ับตวั
ของผูทํา ไมไ ดอ ยูทอ่ี น่ื ใดท้ังนน้ั ดงั นั้น คาํ วา ธมโฺ ม หเว รกขฺ ติ ธมมฺ จารึ ธรรมยอ ม
รกั ษาผูปฏบิ ัติธรรมก็ดี น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมมฺ จารี ผปู ฏบิ ัตธิ รรมยอ มไมตกไปในท่ชี ั่ว
ก็ดี ธรรมทัง้ สองบทนจ้ี ึงไมตองมตี น มปี ลาย คอื ยงั คงเสนคงวาอยูตลอดกาล

ทานที่เปนนักบวชทกุ ทา น โปรดทาํ ความสําคัญในเพศและหนาที่ของตน เพราะ
คําวา นกั บวช เปนผูปลอยภาระความยงุ เหยิงทางการงานทฆ่ี ราวาสจดั ทาํ ทุกประเภท
เปน ผมู ีภาระนอย และปลอยความกังวลในสิง่ ทง้ั ปวง ทกุ ขก็ขอใหทุกขแบบลกู ของพระ
พทุ ธเจา สุขก็ขอใหส ุขตามแบบของพระพุทธเจา หนา ที่การงานทีช่ อบตามเพศของพระ
โปรดเห็นเปนสิ่งที่มคี ุณคาประจาํ ตน อยาเหน็ สิง่ ใดวาเปน ของมคี ณุ คา ย่ิงไปกวา เรอื่ ง
ของพระ ถา เห็นสงิ่ อน่ื เปนของมีคา ยิง่ กวาเรอ่ื งของพระแลว พระของเรากเ็ ริ่มจะดอยลง
ไป ขอ วัตรปฏิบตั ขิ องพระ การรักษาศีลของพระ การปฏบิ ัติธรรมของพระ ความ

แวน ดวงใจ แว่นดวงใจ : -ภา๑๒ค๗๑๐๑๗-อบรมฆราวาส

๑๗๘

พากเพยี รประจาํ หนาท่ีและเพศของพระจะดอยลงไปตาม ๆ กัน เพราะส่งิ อืน่ ๆ มีคณุ
คามากกวาคําวา พระซงึ่ มปี ระจาํ เพศของตน

ทุกขจ ะแสนทกุ ขแสนลําบากขนาดไหน กข็ อใหทกุ ขลาํ บากเยีย่ งลูกพระตถาคต
โงก ข็ อใหโงอ ยูในกรอบของพระธรรมวนิ ัย ฉลาดกอ็ ยา ใหเลยเสนทางของหลกั พระ
ธรรมวนิ ัยทีป่ ระทานไว จะไดนามวาลกู ของพระตถาคตแท แมจะเกิดสุดทา ยภายหลงั ก็
คือลกู พระตถาคตผูสุดทอ งน่นั เอง ไมใชเ ปนลูกของผอู นื่ ใด เชน เดียวกบั เรามลี กู หลาย
คน เปนผหู ญงิ ก็คือลกู ของเรา เปน ผูชายก็คือลกู ของเรา คนหวั ปก ค็ อื ลูกของเรา คน
กลางก็คือลกู ของเรา คนสดุ ทองก็คอื ลูกของเรา ลกู ของพระพทุ ธเจา ก็เปนคนเชนน้นั
เหมอื นกนั

คาํ วา พระเมตตาน้ันมอี ยูทุกสัตวท กุ บคุ คล รองรอยพระเมตตา ไดแกพระธรรม
๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธที่วางไวเปน แนวทางหรือเปนบันได เพ่ือใหพทุ ธบรษิ ทั คือลกู
ของพระองคไ ดก า วเดนิ ไปตามพระโอวาทน้ัน ๆ จะไมผ ดิ หวงั ทง้ั ชาติน้ีก็จะมีผลตอบ
แทน คอื มีความสขุ ความเจรญิ ภายในใจ ทัง้ ชาตหิ นาซึ่งจะสืบตอไปจากชาตนิ ี้อยทู ุก ๆ
ขณะ คือ เมื่อจติ เคลอื่ นยายจากรางกายนี้ออกไปแลว กจ็ ะมีความสขุ ความเจรญิ ประจํา
คติภพของตน เม่ือยงั ไมถ ึงแดนสน้ิ ทุกขโดยสนิ้ เชิง ทั้งนีเ้ ชนเดยี วกบั คนเดินทาง จะกาว
ไปขา งหนา กจ็ ากเทา อนั นี้ จะกา วไปทางไหนหรอื กา วไปถงึ ไหนก็จากเทาอันน้ี ผมู าจาก
ภพไหน มาจากโลกใด จะไปสูภพไหน หรอื จะไปอยโู ลกใด กค็ ือใจดวงน้ีจะเปนผพู ามา
และพาไป ไมใชใจดวงไหนคนผูใดทัง้ นั้น

เพราะฉะน้นั การประคองการกา วไปของตน จงึ เปนหนาทแ่ี ละภาระของผเู ดนิ
ทาง จําตอ งสงั เกตดวยดวี า ทางไหนถูก ทางไหนผดิ มิใชว าทางและเทา แลว กจ็ ะเดนิ ไป
ทาเดียว โดยไมค ํานึงถึงทางผิดทางถกู และขวากหนาม เพราะคาํ วา ทาง ยอมมีทัง้ ทาง
ผิด ทางถกู และขวากหนาม ผกู า วเดินโดยไมคํานึงดังกลา วจะไดรบั ความเดอื ดรอ นเม่ือ
ภายหลงั แตผสู ังเกตทง้ั ทางเดนิ สงั เกตทัง้ การเหยยี บยา ง จะถึงจุดหมายปลายทางโดย
ความสวสั ดแี ละปลอดภัยในระยะทาง

พระโอวาทของพระพุทธเจา ทุกบททุกบาท ลวนเปนทางแหง สวากขาตธรรม
เพราะโอวาททีอ่ อกจากพระโอษฐของพระพุทธเจานนั้ เต็มไปดวยเหตผุ ลหาท่ีแยง ไมได
ทัง้ นีเ้ นื่องจากใจของพระองคเ ปนใจทเ่ี ตม็ ไปดว ยเหตุผล เม่ือเหตผุ ลเพยี งพอแกก าร
ปฏบิ ตั แิ ลว กป็ รากฏเปนพระพุทธเจา ขึน้ มา ดังนั้นความบริสุทธข์ิ องพระองคจึงเกิดจาก
หลักเหตผุ ลที่สมบรู ณ เม่ือประทานธรรมขอไหนไวจงึ เปน ธรรมท่ีถูกตอง และใหนามวา

แวนดวงใจ กณั ฑ์เทศน์ท่ี ๑๗- :๑๒อ๗๑ร๑ยิ๘ส-ัจนอก อริยสจั ใน

๑๗๙

สวากขาตธรรม และ นยิ ยานกิ ธรรม สามารถนําผปู ฏบิ ตั ิตามใหถึงจุดหมายปลายทาง
ไดโ ดยสมบรู ณ คือ นพิ พฺ านํ ปรมํ สขุ ํ โดยไมเลอื กกาล ตามบทธรรมท่วี า อกาลโิ ก
ความดี ความชั่วมอี ยู ผทู าํ ดี ทาํ ช่ัวมีอยู ความสขุ ความทกุ ขอันเปน ตวั ผลจะสูญหาย
ไปไมได

อกาลโิ กจงึ เปน ธรรมศูนยกลางอยตู ลอดเวลา เมื่อธรรมคืออกาลโิ กเปน ธรรมยนื
ตายตัวอยเู ชนน้ี ผูปฏบิ ตั ติ ามจะไดร บั ความเดือดรอนหรือถึงความอับจนนั้นจะเปนไป
ไมได คาํ วา ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมมฺ จารึ จะเปน ธรรมทที่ รงโลกทรงธรรมอยูไมได ทุก
ๆ สงิ่ จะอนั ตรธานหายสญู ลงทันที แตพ ระธรรมบทน้ีเคยรบั รองโลกและธรรมมา
ตลอดอนันตกาลแลว ไมมีสิ่งใดอาจเอ้ือมลว งล้ําหลักธรรมนไี้ ปได จงึ เปน ที่แนใจและ
วางใจสาํ หรบั ผดู าํ เนินตามพระธรรม มหี วงั ผลเปนเครื่องตอบแทนโดยแนนอน เชน
เดียวกบั ผรู บั ประทาน มีความอิม่ สบายกาย หายหวิ เปน เคร่อื งตอบแทนฉะนนั้

ทา นผบู ําเพญ็ ที่อยูในศลี และธรรมประเภทใด ก็โปรดไดส งวนรักษาศลี ธรรม
ของตนเชนเดยี วกบั เรารักษาชีวติ ประจาํ วนั ดวยเครื่องบํารงุ ตาง ๆ ฉะนน้ั อยาเหน็ แก
ความหลับนอน เหน็ แกค วามเกียจครา น เห็นแกความมกั งายออนแอ เพราะส่งิ เหลาน้ี
เคยเปน อุปสรรคตอความเจริญมาประจําโลก ถาปลอยชอ งใหส่งิ เหลา นีม้ ีโอกาสแทรก
ได จะกลายมาเปนศาสดาแทนพระพทุ ธเจา สมบตั ภิ ายนอกและภายในที่ควรจะไดจ ะ
ถึงกจ็ ะสญู หายไปหมด เม่ือขาดสมบตั ิทงั้ สองเปน เครอ่ื งบํารุง กายกับใจกเ็ ปน ทกุ ข
เดอื ดรอน มแี ตสิ่งท่กี ลาวมาเขา รมุ ลอ มถายเดียว ผูน้นั จะหาความเจริญไมได จะเปน
พระเปนฆราวาสก็เดือดรอ นหาความสุขไมไดเ ลย

จงึ ควรทราบวา ผูจ ะสรางโลกก็ดี สรางธรรมก็ดี ตอ งมธี รรมเปนเคร่อื ง
สนบั สนุนอยูภายในใจและกจิ การทท่ี าํ ไมเชนนน้ั จะไมเ ปน ไปเพือ่ ความเรียบรอยและ
สวยงาม และไมเ ปนไปเพ่ือความรมเย็นแกตนเองและผอู ื่น แมผ มู หี นาท่ีปฏิบัติธรรม
โดยตรง แตธ รรมเปนสมบตั กิ ลาง ไมเ ขาใครออกใคร ผปู ฏิบตั ผิ ดิ ทางโดยเขาใจวาตน
ปฏิบตั ิถกู แลว ฝน ทาํ ไป แตใ จกลายเปนโลกไปเสีย ท้ัง ๆ ทีเ่ ขาใจวา ตนดําเนินตาม
ธรรม ผลจงึ ปรากฏเปนความทกุ ขเ ดือดรอน แลว กม็ าตําหนวิ า เราปฏิบตั ิธรรมมาเปน
เวลาเทา นน้ั ๆ แตไ มเ ห็นมผี ลอนั ใดเปนเคร่ืองตอบแทนขน้ึ มาเลย แทจ ริงการกระทาํ
ของตนผิดพลาดไปจากหลกั ธรรมโดยเจาตวั ไมร ู

ถา การกระทาํ ของผนู น้ั ไดดําเนินไปดวยดี คําวา มรรค ผล นพิ พาน ในคร้ังนนั้
กบั คร้ังนจ้ี ะไมม ีอะไรมาเปน อุปสรรคไดเ ลย นอกจากตัวเปนอปุ สรรคตอตวั เสียเองดว ย

แวน ดวงใจ แว่นดวงใจ : -ภา๒๑ค๑๗๒๑๙-อบรมฆราวาส

กณั ฑ์เทศนท์ ี่ ๑๗- :๒อ๑ร๓ยิ ส-จั นอก อริยสัจใน

๑๘๑

ตอ งมกี ารบาํ เพญ็ ความดโี ดยมีทานเปน ประจํา ถาไมไดทําความรูสกึ ไมส บายใจ เพยี ง
เทานี้ผนู ัน้ กค็ วรจะรูสกึ ในตวั เองวา ความรสู กึ ของเขาไดเ ปล่ยี นแปลงไปเทาไร

ผเู ร่มิ ฝกหดั ภาวนาเบอ้ื งตนใจมีความยงุ เหยงิ ดวยเรอื่ งตาง ๆ ไมม คี วามสงบ
สบายลงได แตอาศยั การฝกทรมานครั้งแลวครัง้ เลา ใจท่ีเคยวุน วายก็คอยเปล่ียนสภาพ
ไปวนั ละเล็กละนอยจนลงสูความสงบได และจิตลงสูความสงบไดเปน ลาํ ดบั จนสงบลง
ถึงฐานของสมาธไิ ดอ ยา งแทจริง นส่ี ันทฏิ ฐิโก ยิง่ ปรากฏชดั แกผ บู าํ เพญ็ ข้นึ เปน ลาํ ดับ
โดยทีผ่ หู นึ่งผูใดท่ไี มร ดู วยจะมาโกหกไมไ ดเ ปนอนั ขาด เพียงความสงบในขัน้ สมาธมิ ี
เคร่อื งยนื ยนั ภายในใจของผปู ฏบิ ัติอยูแลว ทีนีก้ ลาวถงึ ข้นั ปญ ญาความแหลมหลักของ
นักคน ควายอ มจะรูเหน็ สิ่งตา ง ๆ ท่ีไมเ คยปรากฏในใจมาเลย ท้ังใกล ทั้งไกล ท้ังภาย
ในและภายนอก เพราะหลกั ความจริงของไตรลักษณในหลกั ธรรมชาตทิ ่แี สดงตัวอยทู กุ
หนทุกแหงทัว่ ทงั้ ไตรโลกธาตุ ประหน่ึงมาตั้งทีท่ าํ งานอยบู นหัวใจของนักคน ควาคนนนั้
ตลอดเวลา

นอกจากถึงเวลาจะพกั ผอนจติ และพักผอ นกาย แลวปด สวิตซความรูเพ่อื
พจิ ารณาเสยี เทา นน้ั เร่ืองตาง ๆ จงึ จะยุติลง พอเรม่ิ เปด สวิตซแ หงความรเู พ่ือทาํ งาน
งานที่จะพจิ ารณากห็ ลงั่ ไหลเขามาท้ังทางตา หู จมูก ลิ้น กายและทางใจ ทง้ั ภายนอก
ภายใน สวนกันไปผานกนั มา แตรวมความแลว มันเปนเรื่องเตอื นใจไมใ หป ระมาทตน
ทง้ั นนั้ ผูมีความสนใจตอการพจิ ารณาเพื่อหาทางออกจากทุกขก็ย่ิงถอื เปน โอกาสอัน
เหมาะสม ท่ีจะพยายามตกั ตวงเอาใหพอกบั ความตองการของสตปิ ญ ญา ศรัทธา ความ
เพยี ร ในเวลาเชน นน้ั

คาํ วา ทุกขฺ ํ กร็ ูเหน็ ทุกขอ ยางถึงใจ ทั้งทุกขทางกาย ท้งั ทุกขทางใจ ทั้งทุกขของ
ทา น ทั้งทุกขของเรา ไมเพียงรแู ละจําไดต ามที่ไดย ินไดฟงมา คําวา อนจิ จฺ ํ กร็ เู ห็นอยาง
ถึงใจ ทัง้ ความแปรปรวนทางกาย ท้งั ความแปรปรวนทางใจ ทั้งความแปรปรวนของ
ทา น ท้งั ความแปรปรวนของเรา ทงั้ ความแปรปรวนของสภาวธรรมทเ่ี กย่ี วกบั เราและทว่ั
ๆ ไป ท้งั การกาวหนา ทั้งการถอยกลบั ในอิรยิ าบถท้งั สี่ ตลอดอาการของใจเปน ไปกบั
ความแปรปรวนท้ังมวลตลอดกาล หาความคงทีไ่ มไดแ มแตชนิ้ เดียว คําวา อนตตฺ า กร็ ู
เหน็ อยา งถึงใจวา เปน สภาพทเ่ี ปลาจากสัตวจ ากบคุ คล เปลา จากความเสกสรรปน ยอ
ของใคร ๆ ทง้ั สิน้ ไมไ ดเปน ไปตามท่ีสตั วป รารถนาและขอรองใด ๆ ทงั้ สนิ้ แตเ ปนไป
ตามลกั ษณะแหง ความจริงของตนเทานัน้

แวนดวงใจ แวน่ ดวงใจ : -ภา๒๑ค๑๘๔๑๑-อบรมฆราวาส

กณั ฑ์เทศนท์ ี่ ๑๗- :๒อ๑ร๕ยิ ส-จั นอก อริยสัจใน

๑๘๓

นถ่ี าจะคิดและพูดกนั ไปในทํานองนัน้ กแ็ สดงใหเหน็ วา ผนู น้ั ยงั ไมไดร ับการ
ศึกษาอบรมใหรูค วามหมายของศาสนาท่ีแทจริงใหด ีพอ เพราะท่ีพระศาสนาสอนเชน
นั้นเปน การสอนถูกตองตามหลกั ความจรงิ สมนามวา อรยิ สัจ ซ่งึ เปนหลักธรรมของพระ
ศาสนา เปนของจรงิ และพระพุทธเจาเปนผูรจู ริง จงึ สามารถสอนและช้ถี ูกจุดบกพรอง
ของสตั ว เพราะทกุ ขทเี่ กิดขึ้นแกคนและสัตว ยอมมสี าเหตมุ าจากจดุ บกพรอง เชน รา ง
กายเปน โรคอนั เปน ทางมาของทุกข ก็แสดงวารา งกายมสี วนบกพรอ งภายในตวั

หากวารางกายยงั สมบรู ณอยทู กุ ๆ สว นแลว จะไมมชี อ งทางใหท กุ ขเ กิดไดเลย
จะเหน็ ไดจากคนไขด ว ยโรคชนิดตา ง ๆ พากนั หลั่งไหลเขาไปใหหมอตรวจ และรกั ษาท่ี
โรงพยาบาล ทัง้ นล้ี วนเปน ผมู ีสวนบกพรอ งในรา งกายทัง้ นนั้ ไมใ ชผมู รี า งกายอัน
สมบรู ณเ ลย แมก ารตรวจโรคและการใหยาของหมอ กค็ อื ตรวจดสู ่งิ บกพรองและการ
แกไ ขซอมแซมสง่ิ บกพรองของคนไขใหส มบรู ณข ้ึนนน่ั เอง ถา รา งกายเริ่มดีข้ึนคนไขก ็
เริม่ มคี วามสุข เพราะโรคถูกกบั ยา ถา รา งกายไดรบั การรกั ษาโดยถูกตอง โรคกห็ าย
ทกุ ขกด็ บั ไปนน่ั เอง

พระพทุ ธเจาเปน ผูฉ ลาดจงึ ไมท รงสอนใหแ กท ุกขซ งึ่ เปนตัวผล แตทรงสอนให
แกตน เหตุ คอื ความบกพรองหรอื สงิ่ บกพรอ ง อันเปน สาเหตทุ ี่เกดิ ข้ึนแหง ทุกขท ่เี รยี ก
วา “สมทุ ยั ” แปลวา แดนเกิดขน้ึ แหง ทกุ ข เม่ือเหตุดบั ผลกด็ ับไปเอง การท่ีพระพทุ ธ
เจา ทรงยกเอาทกุ ขข น้ึ ประกาศกอนอืน่ ก็คือการชบ้ี อกหลกั ฐานความจรงิ ใหทราบ เพ่ือ
จะไดคน หาสาเหตุที่เปนมาแลว ทําการแกไ ขใหถ กู ทาง เชนเดยี วกบั ของกลางท่โี จรลักไป
เจา หนา ท่ตี องถอื เปน หลักฐานช้ินสาํ คญั เพอื่ จะผูกมดั โจรใหอยใู นเง้ือมมือฉะน้ัน

การแสวงหาอาชีพไมเพียงพอกบั ความจําเปน ในครอบครวั ยอ มเกดิ ความทกุ ข
เดอื ดรอ นขน้ึ มาในครอบครวั เพราะไมว า คนและสัตวถ ามเี ครื่องบํารงุ ดว ยความ
สมบรู ณแ ลว ความทุกขเดอื ดรอนไมค อยมใี นหมชู นและครอบครัวน้นั ๆ ถาหาไมแลว
แมแ ตคสู ามีภรรยาซ่งึ เปน ที่รักยิ่งของกันและกัน ก็ยงั กลายเปนคูเ วรและแยกทางเดิน
กันได ทง้ั นเ้ี นอื่ งจากความบกพรองในการแสวงหาอาชีพและทางอน่ื ๆ อกี เขา ผสมกัน
ทกุ ขใ นครอบครัวจงึ เกดิ ขึ้น เพราะความอดอยากขาดแคลนมีไมเพียงพอกบั ความจํา
เปนทจ่ี ะพึงใช พึงรบั ประทานบา ง เพราะราคะตัณหาไมม เี พียงพอในอารมณบ าง

ความบกพรอ งเกดิ ไดหลายทางคือ เพราะความไมฉ ลาดในการทํามาหาเลย้ี งชีพ
หารายไดไ มทนั เขาบาง เพราะสุขภาพไมส มประกอบบา ง เพราะความโงและเกียจคราน
เปน เจา เรอื นบา ง ข้เี กียจทาํ งานหารายได แตก ารจา ยกับการกินน้นั ลอื นามบาง เพราะ

แวน ดวงใจ แวน่ ดวงใจ : -ภา๑๒ค๑๘๖๑๓-อบรมฆราวาส

กณั ฑ์เทศนท์ ี่ ๑๗- :๒อ๑ร๗ยิ ส-จั นอก อริยสัจใน

๑๘๕

ทรัพย ทรัพยท ุกประเภทจะตง้ั อยไู ดเพราะหลักใจดี มนี สิ ยั มนั่ คง ไมเอนเอยี งตอ สิง่
แวดลอ มโดยงา ยดาย มเี หตุผลเปน เคร่ืองปกครองตนเองและทรัพยสิน จะไมเส่ือมเสีย
ไปเพราะถูกหลอกลวงจากคนอนื่ หรอื ถกู หลอกลวงจากตัวเอง แตการหลอกลวงตนเอง
เปน สิ่งท่เี ราจะมองเหน็ ไดโ ดยยาก ทั้ง ๆ ทถี่ ูกหลอกจากตวั เองอยูต ลอดเวลา ทรัพย
สมบตั ิเก็บไวด วยมอื ของตัวเอง แตแลวกต็ ัวเปน ผสู ังหารทรัพย โดยไมคาํ นึงวาควรหรอื
ไมควร จับจายตามความอยากเปน เจาครองใจ เพียงเทา นี้กพ็ อทราบไดว าตนถกู หลอก
จากตนเองดว ยความสนทิ ใจ

เพราะฉะนัน้ การท่ีพระศาสนาสอนคนใหรจู กั วธิ ีปฏบิ ตั ิตอ ตวั เองโดยถูกตอ ง
เพื่อปดกั้นทางมาของทุกข จึงเปน ทาํ นองเดยี วกนั กบั หมออธบิ ายเร่อื งโรคและวิธรี ักษา
ตวั ใหแกคนไขนาํ ไปปฏบิ ัตเิ พ่อื ความปลอดภัยแกตวั เอง ซึ่งตรงกับอรยิ สจั ที่สอนคนให
ฉลาดปกครองตัวเองดวย การรสู าเหตทุ างมาของความสุขความทกุ ข และรูวธิ ีแกไขและ
สง เสริมตามเหตกุ ารณทีค่ วร มิไดเปนไปตามท่คี ิดวาพระศาสนาสอนคนในแงร าย จึง
ควรทราบความหมายอันแทจริงของอริยสัจ ซึง่ เปน หัวใจของโลกทุกภูมแิ ละของธรรม
ทุกขั้น ผูหวงั ความเจรญิ จงึ ควรแยกแยะอรยิ สัจไปปฏบิ ัตติ ามเพศและขนั้ ภมู ิของตน จะ
เปน ผเู จริญรงุ เรอื งทั้งปจจบุ นั และอนาคต เพราะไมเคยปรากฏพทุ ธบริษัทรายใด ท่นี ํา
อริยสัจของพระพุทธเจาไปปฏบิ ัตแิ ลว ไดรบั ความเสยี หายและลม จมไป นอกจากจะทาํ
ผนู ้นั ใหเ ปน คนดแี ละประเสริฐ จนกลายมาเปน บุคคลตัวอยางของโลกเทา นั้น ท่กี ลาวนี้
โดยมากเปนอริยสัจท่วั ไป จะเรยี กวา อริยสจั นอก หรอื อรยิ สัจครอบครวั กไ็ ด ตามแต
จะเรียกดวยความถนัดใจ

ตอไปนีจ้ ะอธบิ ายอรยิ สจั ใน อริยสัจนโ้ี ดยมากเกีย่ วกับใจโดยเฉพาะ แตจ ะ
อธิบายเพียงสงั เขปใหพ อดีกบั เวลา เพราะไดอธิบายผา นมามากแลว ผปู ฏบิ ัตติ าม
อริยสจั ภายนอกไดต ามสมควรและสมบรู ณ จนมคี วามสขุ ทางฆราวาสปกครอง แตอ าจ
มีความบกพรอ งทางภายในโดยเฉพาะคอื ใจ เพราะทุกขประเภทนอ้ี าจเกิดไดก ับคนทกุ
ชั้น ไมว า คนมี คนจน นกั บวช และฆราวาสหญิง ชายไมเ ลอื กหนา ถามีจุดบกพรองทุกข
ยอ มมีทางเกิดขึ้นไดเ ชนเดยี วกบั สว นรางกาย จดุ บกพรอ งของใจเรยี กวา สมุทัย แดน
เกดิ ทกุ ขท างใจ ทา นกลา วไวยอ ๆ มสี าม คือ กามตณั หา ภวตณั หา และวภิ วตัณหา
แปลวา ความอยาก ความอยากทงั้ สามนแ้ี ตละอยา งเปนทางที่มาของทกุ ขทงั้ นนั้ เพราะ
เปน เครอ่ื งกดถวงจิตใจ

แวน ดวงใจ แว่นดวงใจ : ภา๑ค๘๑๕อบรมฆราวาส

- ๒๑๘ -

๑๘๖

วิธแี กไ ขคือธรรมเครื่องอบรม เพ่อื บํารงุ ใจใหม ีความสงบสขุ ถาธรรมเครื่อง
บํารุงไมพอกบั ความตอ งการของใจ ใจยอมมีทางเล็ดลอดออกไปสูอ ารมณประเภท
ตา งๆ เพือ่ แสวงหาอาหารเคร่อื งบํารงุ แตอ าหารประเภททีใ่ จตองการน้นั โดยมากเปน
อาหารประเภทน้าํ เกลือ ด่มื เขาไปแลวทําใหรอ นทอ งตอ งการดืม่ นา้ํ บอย จงึ หาความอมิ่
พอในการดื่มไมได ลักษณะของใจทม่ี ีความอยากในอารมณป ระเภททาํ ใหเ กดิ ตณั หา
จงึ หาเมอื งพอไมเจอ ใครจะดม่ื ไปสักเทา ไร และเคยดมื่ มามากและนานเทาไรก็ไมเคย
ไปเจอเอาเมืองพอดี แตไปเจอเอาเมืองหวิ ทง้ั นั้น ทา นจึงกลาวประมาณความอยากใน
อาหารประเภทเหลา นว้ี า นตฺถิ ตณหฺ าสมา นที แมน า้ํ จะเสมอตณั หายอ มไมมี ดังน้ี

น่ีคอื อาหารประเภทที่ดื่มเขาไปแลวทําใหเ กดิ โทษแกผูด ่ืม คือออกรอนทองทํา
ใหชวนดมื่ เสมอ เครอื่ งดื่มประเภทนี้ ถา ขืนด่ืมมาก ๆ และดืม่ ไปนาน ๆ คิดวา ลําไสค ง
ทะลแุ นน อน ถา ไมมียาแกใหห ายตอ งเสียคนและตายกนั ดว ยโรคชนดิ นี้ทุกราย ทา นผูรู
โทษของมันมาแลว จึงสอนใหระวงั และหาหนทางตดั ตัณหาความอยากทัง้ สามนดี้ ว ย
อุบายตา ง ๆ ใหนอ ยลง โดยมกี ารอบรมใจดวยธรรม อันมีรสเยยี่ มยอดเปน ท่ดี ่มื ของใจ
เพอ่ื จะใหจิตปลอ ยวางอาหารประเภทน้ําเกลือนั้นเสีย เหลือแตธรรมรสไวเปนเครื่อง
บาํ รงุ ใจ

การอบรมใจดว ยธรรมจนปรากฏเปนความสงบสุขขนึ้ มา นนั่ คอื ธรรมรสทใ่ี ห
คุณแกผ ดู ม่ื ดื่มไดมากเทาไรกย็ ิ่งเห็นความสงบสุขมากเทาน้นั ท้ังจะทําใหผ ดู มื่ มโี ลกอัน
กวา งขวางและเบิกบานภายในใจ เห็นสัตวเปนสัตว เห็นคนเปนคน เหน็ ส่ิงช่วั เปนของ
ช่ัว เห็นส่งิ ทด่ี ีเปน ของดี เหน็ บุญเปน บุญ เหน็ บาปเปน บาปจรงิ ๆ กลายเปนคนจรงิ ตอ
หลักกรรม ไมเอนเอยี ง ทาํ นองคนขณะทีก่ ําลังหวิ จดั มองเห็นใบไมแ หง กลายเปน ผัก
ตมไป ไดควา มาเปนอาหารและจ้มิ นํา้ พรกิ พอหายหวิ แลว จึงกลบั เหน็ โทษวา ความหวิ
จดั ทาํ ใหตาฝาฟางไปไดฉ ะนั้น ความอยากในอฐานะท่ไี มค วรอยาก ทา นเรียกวา สมทุ ัย
ทุกขค อื โทษท่เี กิดจากอฐานะ เปน ความแผดเผาตวั เองจนจติ ทรงตวั นิง่ ๆ ไมได เพราะ
ถกู ส่งิ ผลักดันใหกระสับกระสา ยอยตู ลอดเวลา หาความสขุ ไมไดต ลอดกาล มรรค คือ
อุบายวธิ ีตดั รอนตัณหาท้ังสามนั้นใหห มดไปเปน ลาํ ดบั นโิ รธ คอื ความดบั ทุกขทางใจ
ดวยอาํ นาจของมรรค คอื การบาํ เพ็ญ

การทาํ คุณงามความดีทกุ ประเภท มีการใหทาน รกั ษาศีล และเจรญิ สมาธิ
ภาวนา แตล ะประเภทจัดวาเปน มรรค คือทางสงั หารทุกข สมุทยั ภายในใจทง้ั น้ัน ผู
ตองการดับทุกขทางใจจงึ ควรเห็นกิจทงั้ นีเ้ ปน กิจจําเปนประจาํ นสิ ยั จนมีความสมบูรณ

แวนดวงใจ กณั ฑ์เทศนท์ ่ี ๑๗- :๒๑อ๑ร๘๙ิย๖ส-ัจนอก อริยสัจใน

๑๘๗

ภายในใจ ทางพน ทุกขไมมใี ครตัดหนามกัน้ ไวเลย จะเปน เสนทางของผูหนีทกุ ขก าวไป
ดวยความบริสทุ ธ์ใิ จ แมท ี่อยูข องผูส้นิ ทุกขกไ็ มม ีใครนาํ ขวากหนามไปปกเสยี บไว เปน
ธรรมชาตทิ ร่ี ่ืนรมยเ ชนเดยี วกับใจที่หมดจากทุกขแลว นัน่ แล

อนึ่ง คาํ วา ทกุ ขใ นชาติน้ี ชาตหิ นา โปรดอยา มองขามใจซง่ึ เปน เจา ทุกขอ ยูข ณะ
น้ี แมส ุขทุกขั้นกม็ ใี จดวงเดยี วน้เี ทาน้นั จะเปน เจา ของผูครองสุขในคตขิ องตน

การแสดงธรรมท้งั อริยสจั นอกและอริยสัจในกเ็ ห็นสมควรแกเ วลา อริยสัจใดที่
เห็นสมควรแกภ าวะของตน โปรดนาํ ไปปฏบิ ตั เิ พ่อื กําจัดทกุ ขท เี่ ก่ียวกบั สง่ิ ภายนอก
และทกุ ขท่มี อี ยภู ายในใจโดยเฉพาะ ใหไ ดร บั ประโยชนเทาที่ควร สมกบั อริยสัจอนั
ประเสริฐเปนของทุกคน เพราะความบกพรองอาจมกี บั ทกุ คน ถาไดนาํ อรยิ สจั ไปแกไข
สวนทีย่ ังเห็นวา บกพรองใหส มบรู ณเ ตม็ ที่ ผลคอื ความสุขอันสมบรู ณจะเปน ที่ยอมรับ
โดยไมล าํ เอยี งตอ ผูใด

ในอวสานแหงการแสดงธรรม ขออํานาจคุณพระรัตนตรยั จงคุมครองรกั ษาให
ทกุ ทานมคี วามรมเย็นเปน สขุ และมีโอกาสบําเพ็ญคุณงามความดีเต็มสตกิ าํ ลัง โดย
ปราศจากอุปสรรคใด ๆ มากีดขวาง และขอใหมีแตความรืน่ เริงสดช่ืนทง้ั หลบั และตื่น
ตลอดอิรยิ าบถ นึกส่ิงใดจงมีมาสนองความตอ งการดงั ใจหวังทกุ ประการเทอญ

www.Luangta.or.th

แวนดวงใจ แวน่ ดวงใจ : -ภา๒๑ค๒๘๐๑๗-อบรมฆราวาส



กัณฑท์ ี่ ๑๘ ๑๘๘

เทคศวนอาบมรวม่าฆงรใาวนาหส ลณกั วธัดรปราบมาชนตาาตดิ

เม่ือวเทนั ศทนี่ อ์๒บ๗รมมฆีนราวคามส พณทุ ธวศดั ักปรา่ บาช้าน๒ต๕าด๐๗

เม่อืคววันทาี่ ม๒โ๗งมแ นี ลาคะมคพวุทาธมศักสรางชส๒ยั ๕๐๗

วันน้จี ะขอโอกาสเลาความโงแ ละความสงสยั ของตน ใหบรรดาทานผูฟ งทราบ
บางเปนบางตอน โดยคิดวา ทกุ คนยอ มมาจากแดนแหง ความโงและความสงสัยดวยกนั
เพราะบิดามารดาทีส่ ืบสายมาจากบรรพบรุ ษุ ผใู หก ําเนดิ สบื ทอดกนั มา คงเปนคนมี
กิเลสสิ่งท่พี าใหโ งเหมือนกนั แมบ รรดาเราท้ังหลายก็คงไมมผี ใู ดแหวกมาเกิดถูกแดน
แหง ความฉลาด และตัดปญ หาความสงสยั ไดแ ตผเู ดยี ว เมอื่ เปน เชน น้ัน ความสงสยั จํา
ตอ งมีอยดู ว ยกนั ฉะน้ันวนั นจี้ ะขอถือโอกาสแกไ ขปญ หาขอ ของใจของแตละทาน โดย
การแสดงธรรมแทนการตอบปญหา ท่ถี ามตามแงแ หง ความสงสัยตาง ๆ กนั นับแต
ปญหาข้นั เร่ิมตนจนถงึ ปญหาขน้ั สูงสุด ซง่ึ ผูแสดงก็ไมแ นใ จวาจะตอบไดห รอื ไม แต
ปญหาท่ีแตละทา นถามรูสึกวาเรียงลําดับกนั ดี พอจะเปนแนวทางของการแสดงธรรม
แทนการตอบปญ หาได

กอนการปฏบิ ัตแิ ละกําลงั ปฏิบตั ิเบื้องตน ความโงแ ละความสงสัยจาํ ตองมดี ว ย
กันทุกคน เพราะธรรมชาติทกี่ ลาวน้ี เคยเปนผูน าํ ของภพชาตทิ ่ีสัตวจ ะมาเกิดทุกราย
การวางรากฐานเบ้อื งตน เรายงั ไมมีตนทนุ มากมาย พอจะมีความฉลาดมาเปนผูนาํ ทกุ
กรณี เมือ่ เปน เชนน้นั ความโงก ต็ อ งมโี อกาสนาํ หนาเราอยูโดยดี เรื่องความโงน น้ี ัน้ ถา
เรายงั ไมเ คยอบรมความฉลาดเปน เครอ่ื งสองทาง เขาซึง่ ครองอาํ นาจอยภู ายในใจ จํา
ตองฉุดลากไปในทางผิดไดเปนธรรมดา การฝก หัดอบรมเบือ้ งตนเทา ทเี่ คยปฏิบัตมิ า รู
สกึ มีความสงสัยในธรรมของพระพทุ ธเจา ทง้ั ปฏปิ ทาเคร่ืองดาํ เนนิ และผลอนั จะพึงได
รับ จะเปน ไปโดยสมบูรณต ามธรรมทีต่ รสั ไวห รอื ไม นเี่ ปนความสงสัยอยา งฝง ใจ ใน
ระยะทมี่ ีความสงสยั ใครจะปฏบิ ัตอิ บรมเพื่อธรรมขนั้ สงู จรงิ ๆ พูดฟงงาย ๆ กค็ อื เพอ่ื
พระนิพพานนัน่ เอง

กอนทีย่ งั ไมค ดิ และสนใจจะปฏิบัตเิ พือ่ พระนิพพานนั้น ความสงสัยดังกลาวก็ไม
คอยปรากฏในใจ คงจะเปนเพราะเรายังไมไดตั้งเข็มทิศหมุนมาทางนี้ พอบวชในพระ
ศาสนาและไดศึกษาขอ อรรถขอธรรม เฉพาะอยางยงิ่ คือพุทธประวตั ิซ่งึ เปนประวัตขิ อง
พระพุทธเจา เสด็จออกบวชจนไดตรสั รู มรรค ผล นพิ พาน อนั ดับตอ มาก็เปนประวตั ิ
ของพระสาวกที่ไดสดับธรรมจากพระพุทธเจาแลว ปลีกตวั ออกไปบําเพ็ญเพยี รในสถาน
ทีต่ า ง ๆ แลวไดตรสั รูข ้นึ มาเปนองคพยานของพระพทุ ธเจา และศาสนธรรม เมื่อได

แวนดวงใจ แวน่ ดวงใจ : -ภา๒๑ค๒๘๒๑๘-อบรมฆราวาส

๑๘๙

ศึกษาเลา เรียนมาถึงระยะนี้ เกดิ ความเชอ่ื เลื่อมใสขนึ้ มาและคดิ อยากบาํ เพ็ญตนใหเปน
เชนนน้ั ดวย

แตว ิธีบาํ เพญ็ เพ่อื เปนเชน นั้นจะบําเพ็ญอยา งไร ธรรมคือ ปฏปิ ทาเคร่อื งดําเนิน
ซ่ึงจะชักจูงจิตใจใหเปนไปเพอ่ื ธรรมขั้นสูง คอื การตรสั รเู หมอื นอยางพระพทุ ธเจาและ
สาวกทง้ั หลายนน้ั บัดน้ีจะสามารถผลิตผลใหเ ปนเชน นั้นไดหรอื ไม หรอื จะเปนโมฆะ
และกลายเปน ความลําบากแกตนผปู ฏบิ ัติไปเปลา ๆ หรอื อาจจะมีผลเชนน้ันอยูอยา ง
สมบรู ณ ตามสวากขาตธรรมทตี่ รสั ไวชอบแลว นี้เปนความสงสยั เบ้ืองตน แตความเชือ่
วา พระพทุ ธเจา ตรสั รูก็ดี พระสาวกตรสั รูเปนพระอรหันตก ด็ ี รสู กึ เชอื่ มน่ั อยา งเต็มใจ
ตามวิสยั ของปุถุชน สิ่งทเ่ี ปนอุปสรรคแกต นอยใู นระยะเริ่มตนน้ี กค็ ือความสงสัยวา
ปฏปิ ทาทเี่ ราดําเนินตามทานจะบรรลุถึงจุดทีท่ านบรรลหุ รือไม หรือวาทางเหลาน้ีจะ
กลายเปนขวากเปนหนามไปเสยี หมด หรอื จะกลายเปน อน่ื จากนยิ ยานกิ ธรรม ทัง้ ๆ ที่
พระพทุ ธเจา และสาวกทงั้ หลายดําเนนิ ไปตามทางสายน้ีแลว ถึงแดนแหงความเกษม นี่
เปนความสงสยั ปฏิปทาฝายเหตุ

ฝายผลกใ็ หม คี วามสงสัยวา เวลาน้ีมรรคผลนิพพานจะมอี ยูเ หมือนคร้ังพุทธกาล
หรอื ไม ความสงสยั ที่ฝงอยูภายในใจทัง้ น้ี ไมสามารถจะระบายใหผหู นึง่ ผใู ดฟงได
เพราะเขา ใจวาจะไมม ีใครสามารถแกไขความสงสัยน้ีใหสิ้นซากไปจากใจได จึงเปนเหตุ
ใหม คี วามสนใจและมงุ หวงั ท่จี ะพบทานพระอาจารยม่ันอยูเ สมอ แมจะยงั ไมเคยพบเห็น
ทา นมากอนเลยกต็ าม แตเ คยไดยนิ กิตติศพั ทกติ ติคณุ ของทานฟุงขจรมาจากจังหวัด
เชยี งใหมเ ปน เวลานานแลววา ทา นเปนพระสําคญั รปู หน่งึ โดยมากผูที่มาเลาเร่อื งของ
ทานใหฟงนั้น จะไมเ ลาธรรมขั้นอริยภมู ธิ รรมดา แตจ ะเลาถึงขนั้ พระอรหตั ภูมิของทา น
ทัง้ น้นั

จึงเปน เหตุใหม ่นั ใจวา เมอื่ เราไดศึกษาเลาเรียนใหเ ต็มภูมคิ าํ สัตยของตนทต่ี ้งั ไว
แลว อยางไรเราจะตองพยายามออกปฏิบัติ และไปอยสู ํานักของทา น และศึกษาอบรม
กบั ทา น เพือ่ จะตดั ขอขอ งใจสงสยั ทีฝ่ ง ใจอยขู ณะน้ีใหจ งได ความสตั ยท ่เี คยตั้งตอ ตน
เองนนั้ คือฝา ยบาลขี อใหจบเพียงเปรยี ญ ๓ ประโยคเทา น้ัน สวนนักธรรมแมจะไมจบ
ช้ันก็ไมถือเปน ปญหา พอสอบเปรยี ญได ๓ ประโยคแลว จะออกปฏิบัติโดยถายเดียว
จะไมยอมศึกษาและสอบประโยคตอ ไปเปน อันขาด นเ่ี ปน คําสัตยท่เี คยต้ังไว ฉะนน้ั การ
ศึกษาเลา เรยี นจงึ มงุ เพอ่ื เปรียญ ๓ ประโยค แตจะเปนกรรมดหี รอื กรรมชั่วอยา งไรกไ็ ม
ทราบได การสอบเปรียญตกอยูถึง ๒ ป ปท ส่ี ามจงึ สอบได แมฝายนักธรรมทีเ่ รียนและ
สอบยังไมจบชนั้ ก็พลอยไดต ามกนั ไปจนจบช้ัน เพราะเรียนและสอบควบกันไป

แวนดวงใจ กัณฑ์เทศนท์ ่ี ๑๘ :- ค๒ว๑๒า๘๓มว๙-า่ งในหลักธรรมชาติ

๑๙๐

พอเดินทางไปถงึ จงั หวดั เชียงใหมก ็เผอิญทา นพระอาจารยม น่ั ถูกทา นเจา คุณ
ธรรมเจดีย จงั หวดั อุดรธานี อาราธนานมิ นตทา นใหไ ปพักจําพรรษาอยูท จ่ี ังหวัด
อดุ รธานี ทานกําลังออกเดินทางออกจากที่วเิ วกมาพกั อยทู ว่ี ดั เจดียห ลวง จังหวัด
เชียงใหมไ ลเ ล่ียกันกับทางนไี้ ปถงึ พอไดท ราบวา ทานมาพกั อยวู ดั เจดียห ลวงเทา นนั้ ก็
เกิดความยินดีเปน ลน พน ตอนเชาไปบณิ ฑบาตกลับมาไดทราบจากพระเลา ใหฟงวา
เชานี้ทานพระอาจารยมัน่ ออกบิณฑบาตสายนแ้ี ละกลับมาทางเดิม ดังน้ีกย็ ิ่งเปน เหตุให
มีความสนใจใครอยากจะพบเหน็ ทานมากขน้ึ จะไมพบซึ่ง ๆ หนา กต็ าม แตขอใหพบ
เหน็ ทา นจะเปน ทพ่ี อใจ กอนทท่ี า นจะออกเดนิ ทางไปจังหวดั อุดรธานี

พอวันรงุ ขน้ึ เชากอนทา นออกบณิ ฑบาต เราก็รบี ไปบิณฑบาตแตเ ชากอนทาน
แลว กลบั มาถงึ กฎุ ี กค็ อยสังเกตตามเสนทางที่ทานจะผานมา ตามท่ไี ดสอบถามกบั พระ
ไวแ ลว ไมน านก็เหน็ ทา นมา จึงรบี เขา ไปในหองกุฎี แลว คอ ยสอดสายตาออกดทู า นภาย
ในหอ งอยางลับ ๆ ดว ยความหวิ กระหายอยากพบทา นมาเปน เวลานาน ก็ไดเ ห็นทานมา
จริง ๆ เกิดความเล่อื มใสในทานขึ้นอยา งเตม็ ท่ีในขณะน้นั วาเราไมเ สียทที ่ีเกดิ มาเปน
มนุษยทั้งชาติ ไดเ ห็นพระอรหนั ตในคราวนเี้ สยี แลว ทงั้ ๆ ท่ไี มมีใครบอกวา ทานพระ
อาจารยม น่ั เปนพระอรหันต แตใ จเรามันหย่งั เชอื่ แนว แนล งไปอยา งน้ัน พรอ มทง้ั ความ
ปต ยิ ินดี จนขนพองสยองเกลาอยา งบอกไมถ กู ในขณะทีไ่ ดเ หน็ ทา น ทง้ั ๆ ทท่ี า นก็ไมได
มองเห็นเราดวยตาเนื้อ

คราวนั้นทา นพกั อยูทวี่ ดั เจดยี ห ลวงไมก ีว่ นั กอ็ อกเดนิ ทางมาจงั หวดั อดุ รธานีกับ
คณะลูกศิษยข องทาน สวนเราพยายามเรยี นหนังสอื อยทู วี่ ดั เจดยี หลวง พอสอบเปรยี ญ
ไดก ็เขาไปกรงุ เทพฯ เพื่อมงุ หนาออกปฏิบตั กิ รรมฐานตามคําสตั ยท ตี่ ง้ั ไว แตถ ูกผใู หญ
สงั่ ใหอ ยทู ีน่ ัน่ ดว ยความเมตตา หวังอนุเคราะหท างดานปรยิ ตั ิ พยายามหาทางหลกี ออก
เพื่อปฏิบตั ิตามความตัง้ ใจและคําสตั ยทีต่ ้งั ไวแ ลว เพราะคดิ วา คําสตั ยไดส ิน้ สดุ แลวใน
ขณะท่สี อบเปรียญได เราจะเรียนและสอบประโยคตอไปอีกไมไดโดยเด็ดขาด ตามปกติ
นิสยั รกั ความสตั ยมาก ถาไดต ั้งคาํ สตั ยลงคราวไหนแลว จะไมย อมทาํ ลายคาํ สัตยน น้ั แม
ชวี ติ ก็ไมร ักเทาคาํ สัตย น่ีอยา งไรจะพยายามออกปฏบิ ัติใหจ นได

เผอญิ ในระยะน้ัน พระผใู หญท ีเ่ ปนอาจารยถกู นิมนตไ ปตา งจงั หวัด เราก็พอมี
โอกาสปลกี ตวั ออกจากกรุงเทพฯไดใ นเวลานน้ั หากวาทา นยังอยูทนี่ ัน้ จะหาทางออกยาก
เพราะทา นก็เปน เจาบุญเจา คุณเหนือกระหมอมเราอยู อาจจะเกรงอกเกรงใจทา น และ
หาทางออกไดย าก พอเห็นเปน โอกาสดีตอนกลางคนื ก็เขา น่งั ตง้ั สจั จาธิษฐาน ขอบันดาล
จากพระธรรม เพอ่ื เปน การสนบั สนนุ ความแนใ จในการออกคราวน้ี เมอ่ื ทาํ วัตรสวด
มนตเ สรจ็ แลว ในคาํ อธิษฐานน้นั มคี วามมงุ หมายวา ถาจะไดอ อกปฏบิ ัติกรรมฐานตาม

แวนดวงใจ แว่นดวงใจ : -ภา๒ค๑๒๙๔๑๐-อบรมฆราวาส

กณั ฑเ์ ทศนท์ ่ี ๑๘ :- ค๒ว๒า๕มว-า่ งในหลักธรรมชาติ

๑๙๒

ทา นถูกนิมนตไ ปจังหวัดสกลนครเสียกอน จึงเลยไปพกั อยูที่วัดทงุ สวาง จังหวัด
หนองคาย ประมาณสามเดือนกวา พอถึงเดอื นพฤษภาคม ๒๔๘๕ ก็ออกเดนิ ทางจาก
หนองคายไปจังหวดั สกลนคร และเดนิ ทางตอ ไปถงึ วดั ทานพระอาจารยม ่ัน ท่ีต้งั อยูบ า น
โคก ตาํ บลตองโขบ อําเภอเมือง จงั หวัดสกลนคร พอไปถงึ วัดพบทา นกาํ ลังเดินจงกรม
อยูเวลาโพลเพล (จวนมืด) ทา นกถ็ ามวา “ใครมา” ก็กราบเรียนถวายทา น จากนน้ั ทา น
กอ็ อกจากทางจงกรมขึน้ ไปบนศาลา เพราะทานพกั อยใู นหอ งบนศาลานนั้ ทา นกท็ กั
ทายปราศรัยดว ยความเมตตา และเอ็นดคู นทีแ่ สนโงไปหาทา น และไดแสดงธรรมใหฟง

ในบทธรรมที่ทา นแสดงใหฟง ในคืนวนั ท่ีไปถงึ ทแี รกนนั้ จะนาํ ใจความยอ เทา ที่

จําไดมาเลาใหท านผูฟง ทราบ และเปนบทธรรมท่ีฝงลกึ อยภู ายในใจจนบัดน้ีวา “ทาน
มหาก็นับวาเรยี นมาพอสมควร จนปรากฏนามเปนมหา ผมจะพูดธรรมใหฟงเพื่อเปน
ขอคิด แตอยาเขาใจวาผมประมาทธรรมของพระพทุ ธเจานะ เวลานีธ้ รรมท่ที านเรียนมา
ไดมากไดน อ ย ยังไมอ ํานวยประโยชนใหทานสมภูมทิ ่ีเปน เปรียญ นอกจากจะเปน
อุปสรรคตอการภาวนาของทา นในเวลาน้ีเทา นั้น เพราะทานจะอดเปนกังวล และนาํ
ธรรมทเ่ี รยี นมาน้ันเขามาเทยี บเคยี งไมได ในขณะที่ทาํ ใจใหสงบ

ดังน้นั เพอ่ื ความสะดวกในเวลาจะทาํ ความสงบใหแ กใ จ ขอใหทา นทีจ่ ะทําใจให
สงบยกบชู าไวก อ น ในบรรดาธรรมท่ีทานไดเรยี นมา ตอ เม่อื ถึงกาลทีธ่ รรมซ่ึงทา นเรียน
มาจะเขามาชวยสนับสนุนใหท านไดร บั ประโยชนมากข้นึ แลว ธรรมที่เรยี นมาทงั้ หมดจะ
ว่ิงเขามาประสานกันกับทางดา นปฏิบัติ และกลมกลืนกันไดอ ยา งสนิท ทัง้ เปนธรรม
แบบพมิ พ ซึ่งเราควรจะพยายามปรับปรุงจิตใจใหเปนไปตามดวย แตเวลาน้ผี มยงั ไม
อยากจะใหทา นเปนอารมณก บั ธรรมที่ทานเลา เรียนมา อยา งไรจิตจะสงบลงได หรือจะ
ใชป ญ ญาคดิ คนในขนั ธ ก็ขอใหท านทําอยใู นวงกายนกี้ อน

เพราะธรรมในตําราทา นช้เี ขา มาในขนั ธท ้ังนัน้ แตหลกั ฐานของจิตยงั ไมม ี จงึ ไม
สามารถนาํ ธรรมท่ีเรยี นมาจากตํารา นอมเขามาเปนประโยชนแกต นได และยงั จะกลาย
เปน สัญญาอารมณคาดคะเนไปท่อี ื่น จนกลายเปนคนไมมหี ลกั เพราะจิตติดปริยัติใน
ลักษณะไมใ ชท างของพระพุทธเจา ขอใหท านนาํ ธรรมที่ผมพูดใหฟงไปคดิ ดู ถาทานต้ัง

ใจปฏิบตั ไิ มทอถอย วนั หนึ่งขางหนา ธรรมท่ีกลาวน้จี ะประทบั ใจทา นแนนอน” เทาทีจ่ าํ
ไดในวนั นัน้ ก็นํามาเลา ใหฟ งเพยี งเทา นี้

เรารสู ึกเกิดความเช่ือเล่ือมใสทานทันที ทไี่ ดเ หน็ องคข องทานชดั เจนในคนื วนั
น้นั พรอ มท้งั ความเชอ่ื ในธรรมท่ีทานเมตตาแสดงใหฟง และทานก็อนเุ คราะหรับไวใ ห
อยใู นสํานกั ของทา นตลอดมา เรากอ็ ยกู บั ทา นดว ยความพอใจจนบอกไมถ กู แตอ ยูดว ย
ความโงเ งา อยางบอกไมถูกอกี เหมอื นกัน เฉพาะองคท านรูสึกมเี มตตา ธรรมานุเคราะห

แวนดวงใจ แวน่ ดวงใจ : -ภา๒๑ค๒๙๖๑๒-อบรมฆราวาส

กณั ฑเ์ ทศนท์ ่ี ๑๘ :- ค๒ว๒า๗มวา่-งในหลักธรรมชาติ

แวน่ ดวงใจ : -ภา๒ค๒๘๑ -อบรมฆราวาส

๑๙๕

ไมวางจากนมิ ิตภายในของตวั เอง จนกวาจะมีความชาํ นาญโดยอาศัยการฝก ซอมไมลด
ละ นมิ ิตภายในใจกน็ ับวันจางไป

สุดทา ยกห็ มด ไมปรากฏนมิ ิตทงั้ ภายนอกภายในใจ นน่ั ทานก็เรยี กวาจิตวาง
วา งชนิดนเ้ี ปน เรอ่ื งวา งประจาํ นสิ ัยของจติ ทม่ี ีภมู ธิ รรมประจําขน้ั แหง ความวางของตน
นไ่ี มใ ชว า งสมาธิ และไมใชว า งในขณะทนี่ ัง่ สมาธิ ขณะท่ีนง่ั สมาธเิ ปนความวา งของสมาธิ
แตจติ ที่ปลอยวางจากรางกายเพราะความรูรอบดวยนมิ ิตภายในก็หมดสิ้นไป เพราะ
อํานาจของสติปญ ญารเู ทา ทันดว ย นีแ่ ลช่อื วาวางตามฐานะของจติ เมื่อถงึ ขัน้ นแี้ ลว จิต
วา งจริง ๆ แมก ายจะปรากฏตวั อยูก ส็ กั แตความรูสกึ วา กายมอี ยูเ ทา นัน้ แตภาพแหง กาย
หาไดป รากฏเปน นิมติ ภายในจติ ไม วา งเชนนแ้ี ลเรียกวา วา งตามภมู ขิ องจิต และมคี วาม
วา งอยูอยางน้ปี ระจํา ถาวา งเชน นวี้ าเปน นพิ พาน กเ็ ปน นิพพานของผนู ้ัน หรือของจิตชั้น
น้ัน แตยังไมใ ชนพิ พานวางของพระพทุ ธเจา

ถา ผูจะถอื สมาธเิ ปนความวางของนพิ พาน ในขณะจิตท่ีลงสสู มาธิกเ็ ปนนพิ พาน
ของสมาธแิ หง โยคาวจรผปู ฏิบตั ิผนู น้ั เสียเทาน้ัน ความวางท้งั สองประเภทท่กี ลา วมานี้ไม
ใชเ ปน นพิ พานวางของพระพทุ ธเจา เพราะเหตุใด เพราะจิตที่มคี วามวา งในสมาธิ จาํ
ตอ งพอใจและตดิ ในสมาธิ จิตทมี่ คี วามวางตามภูมขิ องจิตจําตองมีความดดู ดื่มและตดิ
ใจในความวา งประเภทน้ี จาํ ตองถอื ความวางนเ้ี ปน อารมณข องใจจนกวาจะผานไปได
ถา ผถู ือความวา งนวี้ าเปน นพิ พาน กเ็ รียกวาผูนั้นติดนพิ พานในความวางประเภทนี้โดย
เจาตัวไมรู เมื่อเปนเชนนี้ความวา งประเภทนจ้ี ะจดั วาเปน นิพพานไดอยา งไร

ถา ไมต องการนิพพานข้ันน้ี กค็ วรกาง เวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณออกตรวจ
ตราดใู หชดั เจนและละเอียดถ่ีถวน เพราะความวา งที่กลาวนีเ้ ปนความวา งของเวทนา คือ
สุขเวทนามเี ต็มอยใู นความวา งน้นั สัญญากห็ มายวา ง สงั ขารก็ปรงุ แตเรอื่ งความวางเปน
อารมณ วญิ ญาณก็ชว ยรบั รูทางภายใน ไมเพียงจะรับรภู ายนอก เลยกลายเปน นพิ พาน
ของอารมณ ถา พจิ ารณาสิง่ เหลา นใี้ หช ัดและความวา งใหช ัด โดยเหน็ เปน เร่อื งของ
สังขารธรรม คอื สง่ิ ผสมนน่ั แล จะมชี องทางผานไปไดในวนั หนึง่ แนน อน เม่อื พิจารณา
ตามท่ีกลา วน้ี ขันธทั้งส่แี ละความวางซึง่ เปนส่งิ ปด บงั ความจริงไว กจ็ ะคอ ยเปดเผยตวั
ออกมาทีละเล็กละนอ ย จนปรากฏไดชดั จิตยอ มมที างสลดั ตัวออกได

แมฐ านทต่ี ้งั ของสงั ขารธรรมที่เตม็ ไปดวยสิ่งผสมน้ี กท็ นตอสติปญ ญาไมไ ด
เพราะเปน สิ่งเกี่ยวโยงกัน สตปิ ญ ญาประเภทคนแรแ ปรธาตุจะฟาดฟน เขาไป เชนเดียว
กับไฟไดเชอ้ื ลุกลามไปไมหยดุ จนกวา จะขดุ รากเหงาของธรรมผสมน้ขี นึ้ ไดเสยี เมอ่ื ใด
เมื่อนั้นจึงจะหยุดการรุกการรบ เวลานมี้ อี ะไรทีเ่ ปน ขา ศึกตอ นพิ พานวา งตามแบบของ
พระพทุ ธเจา คือส่ิงท่ีติดใจอยใู นข้ันน้ีและขณะนแี้ ลเปนขา ศกึ ส่ิงทตี่ ิดใจก็ไดแ กความ

แวนดวงใจ กัณฑ์เทศนท์ ่ี ๑๘ :-ค๒ว๑า๒ม๙๙ว๕่า-งในหลกั ธรรมชาติ

แวน่ ดวงใจ : -ภา๒ค๓๐๑ -อบรมฆราวาส

โครงการผา้ ปา่ ชว่ ยชาติ โดยทา่ นอาจารย์พระมหาบวั ญาณสัมปนั โน

ธรรมะเป็นเหมือนกบั ทำ�นบก้ันนำ�้ กเิ ลสตณั หา
ซ่งึ ไมม่ ีวันยบุ ยอบน้ี ให้ยุบยอบลงไปได้
และเหอื ดแหง้ ลงไปโดยไม่มีเหลอื
ถา้ เปน็ ผสู้ นใจนำ�มาปฏิบตั ิปิดก้ันตนเอง

ตามหลักเหตผุ ลท่ีพระพทุ ธเจา้ ประกาศสอนไว้
แมจ้ ะไมม่ คี วามเจริญสุดขีดสุดแดน

ก็ตอ้ งมีความเจรญิ รงุ่ เรอื งตามฐานะของตนที่มีธรรมภายในใจ
จะให้เสยี ผลนน้ั เปน็ ไมม่ ี

(อบรมพระวดั ปา่ บ้านตาด ๑๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๑๐)

ธรรมะคร้งั สดุ ทา้ ย

เพราะฉะนัน้ จงึ วา่ บวชคราวน้เี ปน็ บวชครัง้ สดุ ทา้ ยด้วย
เกิดคราวนี้เปน็ เกิดคร้งั สดุ ทา้ ยด้วย จะไมก่ ลับมาเกดิ อีกและจะไม่กลับมาตายอีกตอ่ ไป

๘ เมษายน ๒๕๕๓

มอื ของครูอาจารย์กับมือของลูกศิษยล์ ูกหา ญาติมติ ร เพ่อื นฝูง เปน็ อนั หนึง่ อันเดยี วกัน
ใชแ้ ทนกนั ได้ ไวใ้ จกนั ได้ เชื่อใจกันได้ ตายใจกนั ได้

๑ มกราคม ๒๕๕๔

พระพทุ ธเจา้ องคเ์ ดยี วกัน พระธรรมวินยั กอ็ ันเดียวกัน ใหเ้ อาจรงิ เอาจงั นะ

๑๑ มกราคม ๒๕๕๔

“...อยา่ งพิมพห์ นงั สอื ออกแจกทานซ่านเข้าหัวใจ
สัตว์โลกชมุ่ เย็นไปหมด ผลประโยชน์ออกมาจากจิตใจ
ชุ่มเยน็ มีหลักเกณฑก์ ระจายออกไป หนา้ ทก่ี ารงานกเ็ รียบรอ้ ยดีงาม

ธรรมเขา้ สูใ่ จนี้กระจายออกไปเปน็ มงคลทัง้ หมด
ทา่ นจึงว่าการใหท้ านธรรมนช้ี นะซ่งึ ทานทง้ั ปวง

บอกว่าชนะเลย...”

แว่นดวงใจ เล่ม ๑ ภาคฆราวาส

ชดุ หนงั สือ แว่นดวงใจ แบง่ ออกเปน็ ๓ เล่ม
ภาคฆราวาส ภาคบรรพชิต และภาคสนทนาปญั หาธรรม
ธรรมเทศนา ท่านอาจารยพ์ ระมหาบัว ญาณสัมปนั โน
วดั ป่าบา้ นตาด จงั หวัดอุดรธานี
พมิ พว์ นั ที่ ตลุ าคม ๒๕๖๔
จ�ำ นวน ๗,๐๐๐ ชุด
ทมี่ าของภาพ Facebook : วัดป่าบ้านตาด (ภาพบางส่วน)


Click to View FlipBook Version