๑๐๙
แสวงหาสารประโยชนอยแู ลว แตอ าจเปน ความเสยี หายแกผ ไู มรอบคอบ และไมร จู กั
ประมาณในทกุ ส่งิ ที่มีประมาณอยูในตวั มนั เอง ฉะนนั้ ดานธรรมทานจงึ สอนใหพยายาม
ฝก หัดดดั แปลงตนเสียแตตนมือ ซงึ่ เปนโอกาสอนั เหมาะสาํ หรับผอู ยใู นระหวา งการศกึ ษา
อบรม จะไดตอสูก ับภาระของโลกและดํารงตนอยใู นฐานะท่คี วร ไมหลดุ ลุย ไปในระหวา ง
ซงึ่ ยงั ไมถึงกาลท่คี วรจะเปน
สําหรบั ดานธรรมะเวลานยี้ งั ไมส าย พอเหมาะกบั เราผูกําลังตงั้ หนาศกึ ษาและ
ปฏิบัตอิ ยู โปรดพยายามตักตวงคณุ งามความดใี หเพยี งพอกับความตองการ ในอนาคต
ขา งหนา หากวา เช้ือแหง ภพชาติของเรายงั มอี ยูตราบใด คณุ งามความดอี นั เปน สง่ิ อาศยั
เพือ่ เสวยผล จะเปน สมบัติคอยรบั รองเราอยตู ราบน้นั เพราะใจมีอาหารประเภทหน่งึ คอื
อารมณ กายมอี าหารประเภทหนง่ึ มขี าว น้ํา เปน ตน ทง้ั สองน้ีมีอาหารเครอ่ื งบาํ รุงตา ง
กัน แมอ าศัยกนั อยู เครือ่ งบํารงุ ใจไดแ กบ ญุ กุศลที่เราบาํ เพ็ญมาเปน ลาํ ดบั นบั หลายภพ
หลายชาติ โดยการใหทาน รักษาศลี และเจรญิ ภาวนา การภาวนาตามความรูส กึ ของนัก
บําเพญ็ เห็นวาเปนของยาก แตม ีผลมาก เพราะเปน ของทาํ ยาก เราควรสนใจ
อนงึ่ การนึกภาวนาไมไดเ สยี อัฐเสียสตางคอะไรเลย และทาํ ไดทกุ เวลาทตี่ อ งการ
การฝนใจทาํ ความดนี ้นั ไมผ ดิ จากหลักธรรมของพระพุทธเจา และทา นทรงชมเชยมากนัก
เพราะพระองคไดต รสั รเู ปน พระพุทธเจาเพราะการฝนใจ เราเปน ลกู ของทานตองเดิน
ตามรองรอยของทาน จะชอ่ื วาลูกศษิ ยมคี รู
การฝน ใจเพอ่ื ธรรมนัน้ กเิ ลสเขาไมชอบ เพราะกเิ ลสเปนส่งิ ท่ีชวั่ และโสมม เขาจงึ
ไมชอบธรรมซง่ึ เปน ของดีและสะอาด ทัง้ ไมอ ยากเดินทางรว มดว ย แตถาคลอยตามเขา
แลว เขายนิ ดดี ว ยวนั ยงั คํา่ เวลาํ่ เวลาไมต องมี เขายนิ ดีตลอดกาล น่นั คือส่ิงที่เขาชอบจรงิ
ๆ แตกลับเปน พษิ แกเรา สง่ิ ทีเ่ ราชอบ เขากลบั ไมชอบ เพราะเปน ภยั แกเขา กิเลสอาสวะ
นรี้ สู ึกมมี ารยาและอบุ ายอนั แหลมคมมาก เชน เวลาเขาเขา สงิ ใจ ทาํ ใหเ ราชอบเขาและ
หลงไปตามทนั ที กวาจะรูสึกตัวและฉดุ ลากกลับมาได คลายกบั เขาควักเอาดวงหทัยวตั ถุ
ไปกนิ เสยี ครงึ่ หนง่ึ แลว เรารูส กึ ชอกชํา้ ใจไมน อย ขณะท่ีเขาเขาถงึ ตัว แมจ ะฝนนึก พุทโธ
ธัมโม สงั โฆ แหม รสู กึ ลําบากมาก ประหนง่ึ ใจจะขาดไปในเวลาน้นั จนได
แตถ าปลอยไปตามเขาใหเ ขาพาไป พาเท่ยี วชมนัน่ ชมน่ี เขา ตรอกนน้ั ออกซอยนี้
เขา รา นนน้ั ข้ึนหองนี้ พักโฮเต็ลนั้นโรงแรมน้ี เขาโรงโนน ออกโรงนี้ รูสึกวา นกึ งาย เทีย่ ว
งาย ไปงา ย อยงู า ย พักงาย นอนงาย อยางคลอ งปากคลองใจขนึ้ มาทันที สิง่ ท่ยี ังไมเคยรู
เคยเหน็ เขาวาดภาพใหดทู นั ทแี ละเชอ่ื เขาอยา งทนั ควัน ยอมจํานนทนั ที เรอื่ งความ
แวนดวงใจ ๑๐๙
กณั ฑ์เทศนท์ ่ี ๑๐- :๑๓ป๕ัญญ- าถอดถอนกิเลส
๑๑๐
ชํานาญของกเิ ลสท่เี คยปกครองใจเรา มนั ปกครองงายอยา งนี้เอง ใครก็รกั และเคารพมัน
มาก ไมอยากใหน ายคนนี้จากไปไหน ไมคอยมีการตําหนมิ ันวาไมด ี แตชอบกนั ทัง้ นั้น ยิง่
ผูแ สดงดว ยแลวกย็ ่ิงถกู มันตมยําเอาอยางสด ๆ รอ น ๆ ไมม คี วามเกรงขามเราบา งเลย
นับประมาณไมได เพราะตัวเราเองกช็ อบอยา งนั้น จะใหม ันเกรงเอาอะไร ฉะน้ัน การฝน
กิเลสจึงเปน การฝนยาก นาเห็นใจทั้งทานและเรา เพราะมคี วามรูสึกเชน เดยี วกนั
การอบรมใจท่วี า ยาก ๆ กเ็ พราะกิเลสมันฝนน่นั เอง แตโปรดทราบวา กิเลสมัน
กลวั ธรรม ถา คนมธี รรมกเิ ลสก็พลอยกลัวดว ย ไมก ลามาทะล่งึ มากนัก เพราะธรรมมี
ความคมคายกวา กเิ ลสอีกมากมาย พูดถงึ รสชาติก็ย่ิงกวารสชาติของกเิ ลส พดู ถงึ ความสงู
ของธรรมกบั ความตาํ่ ของกเิ ลสกห็ าที่เทียบไมได เพราะไมมอี ะไรเหมอื นธรรม นี่ก็พอจะ
ทราบไดว าธรรมมปี ระสทิ ธิภาพสงู เพยี งไร กิเลสตํา่ เพยี งไร ธรรมมีความเบาเพียงไร
กเิ ลสมคี วามหนักหนว งเพียงไร ดงั นน้ั พระพทุ ธเจา จงึ ทรงชมเชยและเคารพธรรม แตท รง
ตําหนิกเิ ลส ทั้ง ๆ ท่ที รงผานมาเชนเดยี วกนั
ทา นนักปฏบิ ัติพอจะนาํ กิเลสโสมมมาช่งั ตวงเทยี บกบั ธรรมไดบ างไหมวา ทางไหน
จะมนี าํ้ หนกั ทางคณุ สมบัตเิ ชิดชใู จใหมคี วามเกษมสาํ ราญ และกดถวงจิตใจใหไดรบั ความ
ทุกขท รมานมากนอยตา งกันอยา งไรบา ง เทาทท่ี ราบมาในวงปราชญ คอื บคุ คลที่แนนอน
มพี ระพุทธเจา เปน ตน ลวนแตชมเชยธรรมวา เปน นยิ ยานกิ ธรรมท้งั นนั้ และทรงตําหนิ
กเิ ลสวา เปนเคร่อื งผูกมดั มวลสตั วใ หอ ยูในวงลอมแหงวัฏจักร และถกู ทรมานใหไดรับ
ความทุกขช อกชา้ํ อยูตลอดกาล ถา ทราบชัดวา ธรรมเปน ธรรม กิเลสเปน กเิ ลส ทาํ นองเห็น
กงจักรเปน กงจักร เห็นดอกบัวเปน ดอกบัว โดยเหตผุ ลทีถ่ ูกตอ งแลว ควรเลือกหาทาง
เดนิ อยางมน่ั ใจไดแ ลว เด๋ยี วจะสายเกินไป โปรดรีบ ๆ แจว รบี ๆ พาย เดีย๋ วตะวนั จะ
สาย ตลาดจะวาย สายบัวจะเนาและขายไมอ อก คือรีบเรงบําเพญ็ ขอวัตรปฏบิ ตั ิ สมาธิ
ปญญาใหม กี าํ ลงั ในเร็ววัน
เพราะรางกาย อยาเขา ใจวาไมก า วเดินทุกระยะ เพ่อื ความแกชราตลอดถึงความ
ตาย ไมเคยมีจุดหมายบอกไวว า วนั นนั้ เดือนนน้ั ปนัน้ นาทีนั้น ชวั่ โมงน้นั เปนเวลาทีเ่ ขา
จะตาย แตต ายไดท ุกกาลสถานท่ีและไมเลือกบุคคล ตลอดชาตชิ ้นั วรรณะ เม่อื ถึงข้ันตาย
แลวจะทําอะไรไมไ ดอกี ตอ ไป เทา กับขายไมอ อก นอกจากปลอยใหเนา เปอยท้งิ ไปเทา น้นั
อยา มวั เพลนิ กับส่ิงทเ่ี กิด ๆ ดับ ๆ อยเู พียงเทา นัน้ จะเสียการ เพราะพระศาสนามไิ ดสอน
เพียงเลน ๆ แบบนง่ั ๆ นอน ๆ อยูเ ปลา ๆ โดยไมคดิ อา นไตรต รองเพ่อื หาทางออก แต
สอนเร่ืองทกุ ขเ พอ่ื ใหร ูเ ห็นทกุ ขจริง ๆ สอนเรอ่ื งสขุ เพอ่ื ใหเห็นสขุ จริง ๆ สอนเรอ่ื งกเิ ลส
แวนดวงใจ ๑๑๐
แวน่ ดวงใจ : -ภา๑ค๓๖๑ -อบรมฆราวาส
๑๑๑
เพือ่ ใหเหน็ และถอนตวั ออกจากกิเลสจรงิ ๆ และสอนอบุ ายวธิ ดี ับกิเลสและกองทกุ ขเพื่อ
ใหรแู ละดับไดจ รงิ ๆ ฉะน้ันทานจึงประกาศวาธรรมเปน ของจริง มไิ ดบ อกวาธรรมเปน
ของเลน เหมือนตกุ ตาพอจะทํากนั แบบเลนๆ และหลบั ๆ ตน่ื ๆ เหมอื นคนขี้เกยี จ
เพราะพระพุทธเจามใิ ชค นขเี้ กียจมาส่งั สอนโลกใหเปนคนเกยี จครานออ นแอ ทาํ อะไรไม
เปน ชน้ิ เปนอัน
พระพทุ ธศาสนาสอนคนใหเ ห็นบุญเห็นบาปในปจ จบุ นั เพราะกรรมดี กรรมช่ัว
เรากท็ ํากนั อยูในปจจุบนั ผลก็ควรจะรใู นปจจบุ นั คือวันนี้ ชาตนิ ้ี สว นทเ่ี ศษจากปจ จบุ ัน
อันตางแหงกรรมซ่งึ ควรจะใหผ ลในระยะสนั้ หรอื ระยะยาวนัน้ กค็ วรใหเ ปน ไปตามกรรม
และตามกาล จะเปนโลกหนา หรอื ชาตหิ นา ยกใหแกก รรมและจติ ผเู ปน เจา ของแหงกรรม
ทั้งระยะสัน้ และระยะยาว แมเ ชนนนั้ ผูบาํ เพญ็ จิตตภาวนากย็ งั มีทางจะรูวา จิตของตนยัง
จะมที างสบื ตอกับภพชาติซึง่ ควรจะมีกรรมเกย่ี วขอ งอยหู รอื ไม ตลอดความบริสุทธ์ิของ
จติ อนั เปน วาระสุดทาย จาํ ตองทราบขึ้นมาเปน ลาํ ดบั ไมเ ชนนัน้ พระพุทธเจา จะสั่งสอน
โลกไดอ ยางไร เพราะทานไมท รงทราบความตรสั รูของทา น แตท ่ีทรงสั่งสอนโลกไดอ ยา ง
เต็มภูมขิ องพระพทุ ธเจา กเ็ พราะ ปจฺจตตฺ ํ เวทติ พโฺ พ วิฺ ูหิ นนั่ เอง เปนเครื่อง
ประกาศพระองคเ อง และ สนทฺ ฏิ ฐโิ ก สําหรบั ผบู รรลุจําตองรปู ระจักษใ จโดยทั่วกัน
ดังน้นั โปรดยดึ ธรรมที่ทรงรูจ รงิ เหน็ จริงไปปฏิบตั อิ ยางเอาจรงิ เอาจัง ผลทจ่ี ะควร
ไดรับจะไมเ ปนทํานองคอยรับรางวัลจากครู แตจ ะรูขึน้ มาทีด่ วงใจอนั บริสุทธห์ิ มดจดแลว
นน่ั แล จึงยตุ ธิ รรมเพียงเทาน้ี เอวํ
www.Luangta.or.th
แวน ดวงใจ ๑๑๑
กัณฑ์เทศน์ท่ี ๑๐- :๑๓ป๗ญั ญ-าถอดถอนกิเลส
กณั ฑท์ ่ี ๑๑
พุทธประวตั ิ
เทศนอ์ บรมฆราวาส ณ วัดปา่ บา้ นตาด
เมอ่ื วนั ท่ี ๑๕ พฤษภาคม พุทธศกั ราช ๒๕๐๘
กณั ฑ์เทศนท์ ี่ ๑๑ : พทุ ธประวัติ
- ๑๓๙ -
๑๑๓
เสดจ็ ประพาสไปในสถานท่ีใดและคราวใด กเ็ ผอิญใหทรงพบแตส งิ่ ท่ีทาํ ใหสลดพระทยั คือ
เมื่อเสดจ็ ประพาสพระอทุ ยานครัง้ แรก กไ็ ดท อดพระเนตรเห็นทารกพง่ึ คลอดใหม ๆ ตัว
เลก็ ๆ นอนคลกุ เคลา กับฝนุ ปราศจากผูใหความอารักขาเพ่อื ความปลอดภัยอยูระหวาง
ทางเสด็จ พระองคท อดพระเนตรเห็นและพิจารณาจนเกดิ ความสลดสังเวชพระทัยในทารก
แลว รับสง่ั ใหพ าเสดจ็ กลบั พระราชวงั
เสด็จประพาสวาระที่สอง ก็ไดท อดพระเนตรเหน็ คนแกถอื ไมเทา เดนิ งกงนั อยดู วย
ความทุกขท รมานในระหวางทางเสดจ็ ก็ทอดพระเนตรเห็นและสลดพระทยั แลว รบั สง่ั ให
พาเสดจ็ กลบั เสดจ็ ออกประพาสวาระทีส่ าม กไ็ ดทอดพระเนตรเห็นคนตาย ซ่งึ ในพระราช
วังไมค อยจะมีคนประเภทท่ีนา สลดสงั เวชปะปนอยู เพราะเกรงจะกระเทอื นพระทัยแลว จะ
เสด็จออกผนวช เนอ่ื งจากทางสาํ นักพระราชวังเคยทราบจากนกั ทาํ นายไวกอนแลววา พระ
องคมีคตเิ ปน สอง คือ หน่ึง ถา ครองราชสมบตั จิ ะไดเปนพระเจา จกั รพรรดิ สอง ถาเสด็จ
ออกผนวชจะไดตรัสรูเ ปนพระพุทธเจา ดังนั้นจงึ มกี ารกวดขันกนั โดยทางลับ เม่ือเสด็จออก
ประพาสวาระทส่ี ี่ กไ็ ดทอดพระเนตรเหน็ เพศสมณะ ซึ่งเปนเพศท่ตี อ งพระทัยเพื่อทาง
ดาํ เนนิ ของพระองคผ เู ปนหนอพระโพธิญาณอยแู ลว
แตสมณะในคร้งั นน้ั จะเปน สมณะประเภทใดนั้น สันนษิ ฐานยาก ถาเปน ประเภทนกั
บวชนุงเหลอื งหม เหลอื ง เชน ประเพณีของพระไทยเรากค็ งจะยงั มีขึ้นไมไ ด เพราะพระพทุ ธ
ศาสนาท่ปี ระสทิ ธิ์ประสาทสมณะประเภทนีย้ ังไมอบุ ัติ คงจะเปนสมณะท่ีมีอยตู ามประเพณี
นิยมของคนสมยั นนั้ ที่บวชแลวเท่ียวทาํ ความสงบ กาย วาจา ใจ ดวยการประพฤติตบธรรม
อยูตามลัทธิของตน และเคยมีเกลื่อนอยใู นโลกมาเปนเวลานาน ทงั้ สวี่ าระท่ีพระองคท อด
พระเนตรเห็นนเ้ี ปน เรือ่ งทเ่ี ก่ยี วกบั จะเตอื นพระบารมีท่ที รงบาํ เพ็ญมา ใหส นพระทัยเพอ่ื
บาํ เพ็ญพระบารมีใหยงิ่ ขน้ึ ท้ังพระองคเ องก็สนพระทัยตอ สภาพทงั้ ส่นี ้ี จนเกิดความสลด
สังเวชเตม็ พระทัย
ในวาระสุดทา ยท่ีทรงเหน็ เพศสมณะ รสู กึ วา เปน เพศท่มี ีความสงบเสง่ียม นา
เลอื่ มใสและยนิ ดี เปนเหตุใหพระองคพ อพระทยั อยากจะบําเพญ็ พระองคใ นเพศนน้ั มาก
ขนึ้ ในราตรวี นั นน้ั คลา ยกบั พระบารมบี นั ดาล ใหทรงคิดอา นไตรต รองเรอ่ื งโลกและธรรม
และทรงยอนกลบั ไปพจิ ารณาเรื่องเกดิ แก เจบ็ ตายซ่งึ ปรากฏในคลองจักษคุ ราวเสด็จ
ประพาสอยางตดิ พระทัย ทรงเทียบพระองคกับสภาพท่ปี ระสบนั้นเขาในลกั ษณะเดียวกัน
วาความเกิดของเรากบั เด็กทที่ รงเห็นนน้ั มีเทา กนั ความแกข องเรากบั คนแกทท่ี รงเหน็ นน้ั มี
เทากนั ความทุกขของเรากับคนที่ทรงเห็นเปน ทกุ ขน นั้ มเี ทากนั ความตายของเรากบั คนท่ี
แวน ดวงใจ ๑๑๓
แว่นดวงใจ : ภาค ๑ อบรมฆราวาส
- ๑๔๐ -
กณั ฑ์เทศน์ท่ี ๑๑ : พทุ ธประวัติ
- ๑๔๑ -
๑๑๕
และสงเสียงรบกวนพระทัยใหท รงพล้งั เผลอพระองค ทรงมโี อกาสรําพึงไตรตรองสภาพ
การณทุกดานอยางเตม็ พระทยั
พอทรงยตุ จิ ากเหตุการณในวาระนั้น แลวกาวเสด็จออกทางพระทวารทเี่ ปดไว ก็พอ
ดีกับเหตกุ ารณท่ีทรงพจิ ารณาพ่งึ ยุตลิ งนนั้ มาแสดงความจรงิ ขึน้ กับคณะนางบาํ เรอผขู บั
กลอมโดยทางอากัปกิริยา ไมเ ปนที่พอพระทัยและนา สลดสังเวชยง่ิ ขึน้ อกี บางนางนอนใน
ลักษณะของคนตายแลว บา งก็ทงิ้ แขง ทงิ้ ขาท้ิงอวัยวะ บา งก็เปลือยทอนหนา บา งกเ็ ปลือย
ทอนหลงั บา งกเ็ ปลอื ยหมดทั้งอวัยวะ นาํ้ ลายไหลออกมุขทวารเหมอื นคนกําลังสลบไสล
บา งกก็ ดั ฟน กรอดๆ และบนพึมพาํ ทั้ง ๆ กําลงั หลับอยู เครื่องดนตรตี กทงิ้ เกลอ่ื นอยตู าม
บริเวณอยางไมมรี ะเบยี บสวยงามอะไรเลย ทอดพระเนตรไปทางทศิ ใดในบรเิ วณน้ัน มี
ลักษณะเชน เดยี วกนั หมด ซง่ึ แตกอ นมาไมเ คยแสดงอาการเชนนี้ ปรากฏแกพ ระทยั ในเวลา
นัน้ เหมอื นปาชา ผดี บิ ท้งั เปนสกั ขพี ยานกบั สภาพการณที่พง่ึ พิจารณามาอยา งสด ๆ รอน ๆ
อีกดวย
สดุ ทจ่ี ะทนอยูใ นปาชาผดี ิบเชนนไ้ี ด จึงเสดจ็ กลบั เขาในหอ งพระบรรทม จะเสด็จ
เยยี่ มพระราหลุ พระปโ ยรส กเ็ กรงพระชายาจะทรงตืน่ จากบรรทม และจะเปนอปุ สรรคตอ
การทรงผนวช ทรงขบพระทนตกล้ันพระทัยจาํ เสด็จจากไปในราตรีวันน้นั โดยไมท รงอําลา
ใคร ๆ มนี ายฉนั นอํามาตยและมา กณั ฐกะตามเสดจ็ มีพระทยั มงุ ตอ การทรงผนวชอยาง
แรงกลา เมอ่ื เสดจ็ ถึงสถานทแ่ี ละทรงผนวชเสร็จแลว กท็ รงรับสั่งใหน ายฉนั นะนํามากลับ
พระราชฐาน สวนพระองคก็กลายเปน นักบวชและเปน คนขอทานเขามาเสวย พอยงั ชีวติ ให
เปน ไปในวันหนึง่ ๆ และทรงบําเพ็ญพระบารมอี ยา งสดุ กาํ ลังของมหาวรี บรุ ุษ ทรงสละทฐิ ิ
มานะ สละพระราชสมบัติ ไพรฟาประชาราษฎรแผน ดินกวางแคบ พระชนกชนนี พระชายา
และพระโอรสสดุ ทร่ี กั ตลอดตําแหนงพระมหากษตั รยิ ทรงสละโดยไมม คี วามอาลัยเสยี
ดาย
ประทบั อยูในปาในเขาอันเปน สถานที่ใคร ๆ ไมพึงปรารถนา ความเปนอยทู ุกอยา ง
ยอมมคี วามลําบากและฝดเคืองไปตาม ๆ กัน เพราะศาสนายังไมม ี คนชาวปา เปน ผูใหท าน
ทุกส่ิงทอี่ าศัยเขาตองเปน ปา ไปตามคน ทรงเขา อยูอ าศยั ดวยความลําบากเชนนนั้ ถงึ หกป
จงึ ไดตรสั รเู ปนพระพทุ ธเจา ข้ึนมาในโลก ไมใ ชเปนกิจท่ีทาํ ไดอ ยางงายดายเลย วันพระองค
ตรสั รู ตรงกับวันเพญ็ เดือนหก ซ่งึ คลายกับวนั นี้ นับวาเปน วันอุดมมงคลอยางย่ิงสาํ หรบั
พวกเรา ท่ไี ดพรอมกนั มาทงั้ ทางใกลแ ละทางไกล มาทาํ ความระลึกกราบไหวถงึ พระองค
ทา น
แวน ดวงใจ ๑๑๕
แวน่ ดวงใจ : ภาค ๑ อบรมฆราวาส
- ๑๔๒ -
๑๑๖
พอสําเร็จดงั พระทยั หมายแลว กไ็ มทรงทาํ ความขวนขวายนอ ย เสวยสขุ เฉพาะพระ
องคผ เู ดยี ว ยงั มีพระมหากรณุ าธิคุณอยา งยง่ิ ในมวลสตั ว ทรงเทีย่ วแนะนําสง่ั สอนเวไนยชน
ผมู อี ุปนสิ ัยควรแกการอบรม พระปฐมฤกษแหง ธรรม ทรงแสดงแกพ ระเบญจวัคคียท ้ังหา
ดวยพระธัมมจักกัปปวัตตนสูตร จนไดบรรลุธรรมเบ้อื งตนคือ พระโสดาบนั อันดับตอไปก็
ทรงแสดงอนตั ตลักขณสตู ร จนทานทง้ั หา ไดสําเรจ็ พระอรหันต เปน พระอรยิ บุคคลขน้ั สูง
สดุ ขน้ึ มาในวงพระศาสนา เพราะพระปรชี าสามารถของพระองค จากน้ันก็ทรงรบั สั่งแกพ ระ
สาวกเหลา นน้ั ใหชว ยประกาศพระศาสนาสง่ั สอนประชาชน โดยรบั ส่ังมใิ หไปซ้ํารอยกัน
แหง ละสององค เพราะพระสาวกมีนอ ย เกรงจะไมท วั่ ถงึ ประชาชน
บรรดาสาวกซง่ึ เปน ทไ่ี ววางพระทยั ของพระพทุ ธเจา และไวใจตวั เองไดอ ยางเตม็ ที่
แลว ก็เที่ยวแนะนาํ ส่ังสอนประชาชนใหร จู กั ศาสนาวา มสี วนสําคัญและเก่ยี วขอ งกบั ตน
อยา งไรบา ง บรรดาประชาชนเมอ่ื ไดรับการแนะนาํ ส่งั สอน ยอมซาบซงึ้ ในรสพระสัทธรรม
และรจู ักการทําบญุ ใหทาน รักษาศลี เจรญิ ภาวนา ตลอดคณุ งามความดีประเภทตางๆ ที่
ควรไดควรมแี กต น จนสาํ เร็จมรรคผลขึน้ มาในทามกลางแหงการสั่งสอนก็มี ผไู ดร บั การสงั่
สอนแลวนาํ ไปปฏิบัตโิ ดยลําพงั ตนเอง จนสาํ เรจ็ มรรคผลข้นึ เปนช้นั ๆ ก็มี ทง้ั ฝายนักบวช
และฆราวาส
เมื่อสาวกมจี ํานวนมากขนึ้ และตางกช็ ว ยกันส่ังสอนเพ่ือพุทธภาระใหเ บาลง พระ
ศาสนาก็แผก ระจายไปทกุ ทิศทกุ ทาง นบั แตพระพุทธเจาตรัสรู และทําการสงั่ สอนเวไนยชน
มาเปน เวลา ๔๕ พรรษา พระศาสนานบั วา เจรญิ แพรห ลาย และผดิ ปกตกิ วา ศาสนาทัว่ ๆ
ไปที่ทาํ การสัง่ สอนกนั อยใู นสมัยน้ัน เน่ืองจากพระธรรมทพี่ ระพทุ ธเจา ตรสั รูน้ัน เปน ธรรม
ทอ่ี ัศจรรยย่ิง คนในสมยั น้นั ไมมใี ครสามารถจะรไู ด มพี ระพทุ ธเจาพระองคเดยี วทรงรูเปน
พระองคแ รก จงึ ทรงสามารถประกาศพระศาสนาไดอยางกวา งขวาง พอพรรษาที่ ๔๕ ลว ง
แลวจึงเสด็จดับขนั ธป รนิ ิพพาน แมเ ชน นัน้ ยังทรงเมตตาประทานหลกั พระศาสนาไวเ พ่อื
เปนองคแทนศาสดา
ในขอ นม้ี ีพระสาวกบางทานกราบทลู ถามพระพุทธเจา ดวยความวิตกกงั วลและนอย
ใจ โดยเกรงวาเวลาพระองคปรินพิ พานแลวจะไมมีครูอาจารยแ นะนําส่ังสอน พระองคก็
ทรงยกพระธรรมวินยั ขึน้ แสดงเปนองคแทนศาสดาวา “พระธรรมและพระวินัยนีแ้ ล จะ
เปนศาสดาแทน เม่ือเราตถาคตลว งลบั ไปแลว ผูใ ดมีความจงรักภกั ดี มีความเช่อื เลื่อมใส
ในตถาคต และมีความมุงหวังจะเปล้อื งทกุ ขเพอื่ บรรลมุ รรคผลนิพพาน ผูนัน้ จงมีความ
เคารพในพระธรรมวนิ ัยทต่ี ถาคตสงั่ สอนไวแลวเถดิ เพราะหลกั ธรรมทีเ่ ปน องคแทน
แวน ดวงใจ ๑๑๖
กณั ฑเ์ ทศน์ที่ ๑๑ : พทุ ธประวตั ิ
- ๑๔๓ -
๑๑๗
ตถาคตลวนเปน สวากขาตธรรม ท่ีกลาวไวชอบแลว ท้ังนั้น ไมม สี ิ่งใดจะบกพรอ ง และแสดง
ไวแลวดวยความบริสทุ ธใิ์ จ ท้งั เปนนิยยานกิ ธรรม สามารถยงั ผูปฏิบัตติ ามใหพนจากทุกข
ไดโดยชอบ เชนเดยี วกับตถาคตยังอยู แมการผา นไปแหง เราก็ไมมีอะไรจะกระทบ
กระเทอื นถงึ มรรคผลนพิ พาน อันผปู ฏบิ ัตจิ ะพึงไดพึงถึงดว ยขอ ปฏบิ ตั ิของตน
อนึง่ การปรินพิ พานเปน เร่ืองจติ ท่ีบรสิ ทุ ธ์ิ จะเคลอ่ื นยา ยจากกองสังขารอันเปน สว น
ผสมจะสลายจากกันเทา น้นั หาไดกระทบกระเทอื นแกวงพระธรรมวนิ ยั อันเปนทางพน
ทกุ ขของผปู ฏบิ ตั ิชอบและผมู คี วามบริสทุ ธท์ิ ัว่ ๆ ไปไม และการปรนิ ิพพานเปน เร่อื งของ
เราตถาคตโดยเฉพาะ ไมเ กีย่ วกับมรรค ผล นิพพานอันพึงไดพึงถึง จะมสี วนเสียหายไป
ดว ยแตอยางใด เพราะสวากขาตธรรมที่เราตถาคตแสดงไวแลว กเ็ พ่อื มรรคผลนพิ พานทัง้
นนั้ ไมมีธรรมบทใดบาทใดจะบกพรองไปตามการปรินพิ พานของเรา ฉะนน้ั ทกุ ทานจงม่นั
ใจและแนใ จตอหลกั พระธรรมวินัยที่เราไดแ สดงไวแลว นแ่ี ลจะนาํ ทา นท้งั หลายใหพน ทุกข
โดยสมหวัง”
ดังน้นั พวกเราผูมคี วามตั้งมน่ั ตอ หลกั ธรรม ประพฤติใหเ ปน ไปอยู จงึ เทา กบั ไดเ ขา
เฝาพระพุทธเจา อยูตลอดกาล เพราะคาํ วา “ศาสดา” นน้ั มไิ ดห มายถึงพระรปู พระโฉม
โดยเฉพาะ เพราะเปน สภาพมอี ันแตกสลายเชน เดียวกบั สิง่ ท่วั ๆ ไป แตห มายถึงพระทยั ที่
บรสิ ทุ ธ์ิ และพระธรรมที่ตรัสไวโ ดยชอบธรรม ซ่งึ เวลาน้ียงั สถิตอยกู ับผบู าํ เพญ็ ทุกทา น มิได
นพิ พานไปตามพระองค โปรดยดึ หลักธรรมนไี้ วบ นเศียรเกลา ตลอดเวลา จะเปน การบูชา
พระพุทธเจา ตลอดกาล
จวนวาระสดุ ทายก็มีผูมาทูลถามวา เมอ่ื พระองคป รินพิ พานไปแลว นานประมาณ
เทาไรพระอรหันตจะสนิ้ สูญจากโลก มรรคผลนพิ พานจะยังมอี ยใู นโลกนานประมาณเทา ไร
พระพทุ ธเจา ตรสั วา “กห็ ลกั พระธรรมวนิ ัย ตถาคตมไิ ดแ สดงใหผ ิดจากเหตุผลอนั เปนฐาน
ท่เี กิดขนึ้ แหง มรรค ผล นิพพาน พอผูป ฏิบตั ติ ามจะผดิ หวังในกาลทล่ี วงไปแลว แหง เรา แต
เราแสดงเพื่อมรรค ผล นิพพานทงั้ นนั้ เหตุใดจงึ ตอ งมาถามอยา งนนั้ ผใู ดมีความสนใจใคร
ตอ การปฏิบตั ธิ รรมที่เราแสดงไวช อบแลว ผนู ัน้ จะไดร ับความเปน ธรรมอยูตลอดกาล ทั้งที่
ตถาคตยงั มชี ีวติ อยู และตถาคตนิพพานไปแลว เพราะสวากขาตธรรมไมนิยมกาล สถานท่ี
บุคคล แตเปนอกาลโิ กอยตู ลอดกาล ถา ยงั มผี ปู ฏบิ ัตธิ รรมสมควรแกธ รรมอยตู ราบใด พระ
อรหันตจ ะไมส ูญสน้ิ จากโลกอยตู ราบน้นั
ฉะน้นั จงึ ไมควรสงสยั ในส่งิ ท่ีไมน า สงสัย แตควรสงสยั ในตัวเอง วา เวลานเ้ี รามคี วาม
ขยันหมน่ั เพยี รตามหลักธรรมของพระพทุ ธเจา สอนหรือไมเทาน้นั เปน ส่ิงที่ควรสนใจในตวั
แวนดวงใจ ๑๑๗
แวน่ ดวงใจ : -ภา๑ค๔๔๑ -อบรมฆราวาส
๑๑๘
เอง ถา เปน ผูเกยี จครานหมดศรทั ธาตอ พระสัทธรรม แมตถาคตจะยังมีชีวติ อยู ผนู นั้ กค็ อื
โมฆบรุ ษุ โมฆสตรี ผูเ ปลา จากประโยชนอยูน น่ั เอง ถงึ แมวาเขาจะจบั ชายสบงจวี รตถาคตอยู
กห็ าไดช อื่ วา ไปตามตถาคตไม แตผปู ฏิบัติสมควรแกธ รรมน่ันแล ชอ่ื วาผูไปตามเราตถาคต
ช่อื วา บชู าตถาคต บูชาพระธรรม และพระสงฆอ ยูทุกระยะกาล”
นเ่ี ปนพระโอวาททีต่ รสั กบั ผูมาทลู ถามจวนวาระสุดทาย ซง่ึ เปนพระโอวาทท่ีประทับ
ใจของผมู งุ ตอ ธรรมอยางยง่ิ จะไดพยายามบําเพ็ญตนโดยความสมํ่าเสมอ เชน เดยี วกับสมัย
ท่พี ระพทุ ธเจายังทรงพระชนมอ ยู และคอยตกั เตือนอยตู ลอดเวลา โดยธรรมทีป่ ระทานไว
แลว เชน ผปู ฏิบัตถิ ูกหรอื ผิดกแ็ สดงถงึ ผลวา ตองเปนความสุขหรือความทกุ ขอยูเชนเคย
ไมม กี ารเปล่ียนแปลง พระธรรมที่ประทานไวเ ปน ความคงที่ตอเหตุผล สมกบั ธรรมทีต่ รสั ไว
ชอบแลว และเปน ธรรมคงเสนคงวาสําหรบั ผูปฏบิ ัติตาม ไมเ ปน อยา งอ่นื
หลักใหญข องธรรมที่ตรสั รวมไว เปน สจั จะความจริงแลว ตรงไปโดยถายเดยี วนัน้
เรียกวา อรยิ สจั ขอ ตนตรสั เรอื่ ง ทุกข คอื ความบีบค้นั มีทัง้ สตั ว ท้งั คน ทง้ั ทา น ทงั้ เรา มี
ทั้งทางกายและทางใจ ความบบี คนั้ ทําคนและสัตวใ หอยูสบายไมได ถา เปนนาํ้ ก็ถกู รบกวน
อยเู สมอ หาเวลาน่ิงและใสสะอาดไมได ข้ึนช่ือวา ทุกขไ มไปรบกวนในสถานทอี่ น่ื แตจ ะรบ
กวนท่กี ายทใ่ี จของมนุษยแ ละสตั ว และทําใหไ ดรับความทุกขเ ดือดรอ นข้นึ ทนั ทีที่ทุกขเ ขา ถงึ
ตัว แมจะยนื เดนิ น่ัง นอนอยูตามปกติ กต็ อ งแสดงอาการเอนเอียงหรือกระดกุ กระดกิ ข้นึ
มาทันที และแสดงอาการระสาํ่ ระสาย ถา มากกวา น้ันทนไมไหวกถ็ งึ ตาย
ขอ ทส่ี องตรสั เรือ่ ง สมุทัย คือความคะนองของใจทแ่ี สดงตวั อยูภายในใจของคนและ
สตั ว แลว ระบายออกมาทางกาย ทางวาจา อันดับแรกก็แสดงเปน ความอยากและคอ ย
เคลือ่ นขนึ้ ไปเปน ความทะเยอทะยานไมมีทางสิ้นสุด ไมมขี อบเขตแหงความเพยี งพอของ
ความอยากประเภทนี้ ไมมีปกตปิ ระจําตัว แตป น เกลียวอยทู าํ นองน้นั แมจ ะไดส ง่ิ ทีต่ น
ตอ งการมาครองอยา งสมหวังแลว ก็ไมวายทจ่ี ะเออื้ มออกไปดวยอํานาจแหงความอยาก ไม
มใี ครในโลกจะสามารถปฏบิ ัตติ วั ตอ ความอยาก ใหไดร ะดับและอยใู นความพอดีได ทา นจงึ
เรียกวาสมทุ ัย คอื ความโผลต วั อยูเสมอ ยิง่ กวาวานร (ลงิ ) ตัวคะนองเสยี อีก
ขอทสี่ าม ตรัสเรื่อง นโิ รธ ความดับทุกขทางใจ ชอื่ วาทุกขท ีส่ ําเรจ็ รปู มาจากสมุทัย
เปนผูผลติ ขนึ้ ยอ มดบั ลงเพราะนิโรธธรรม แตก ารกลาวถึงนิโรธจําตอ งกลาวถงึ มรรคใน
ระยะเดียวกัน เพราะมรรคเปน อุบายหรอื เครื่องมือดบั ทุกข ถา ไมม เี ครือ่ งมือก็ดับทุกขไ ม
ลง เชนเดียวกับการดบั ไฟ ตองมเี คร่ืองมือ ถาไมม เี ครือ่ งมือในการดบั ไฟกด็ ับไมลง
เหมอื นกัน
แวนดวงใจ ๑๑๘
กณั ฑเ์ ทศนท์ ่ี ๑๑ : พทุ ธประวตั ิ
- ๑๔๕ -
๑๑๙
มรรค แปลวา ทางดําเนนิ เพ่ือพนทกุ ข หรอื อุบายวธิ ีดบั ทุกข ซ่ึงมมี าก แตยอลงก็มี
เพียงสาม คือ ศีล สมาธิ ปญญา หรือทาน ศีล ภาวนา นคี่ อื เคร่อื งมอื ดับทุกขแตละประเภท
ตามที่ทุกขซงึ่ มีหลายประเภท การใหท านหรือการแบงปน เปนอุบายหรอื วิธีดบั สมุทยั คือ
ความตระหน่ีถีเ่ หนียว เกดิ จากความเหน็ แกตัวเปน มลู ฐาน โลกจะตั้งอยูได ธรรมจะเจริญ
ตอ งอาศยั ทานการใหหรอื แบง ปน ท่ีเรียกวาสังคหวตั ถุ และสังคหธรรม สงเคราะหก นั ทัง้
ดานวตั ถแุ ละดา นธรรมะ นับแตความรวู ชิ าเปน ตน ไป สัตวและคนทัง้ โลก นับแตบ ดิ า
มารดากับบุตร ผใู หญก บั ผูน อย อาจารยกบั ศิษย นกั เรยี นกบั ครู สตั วเ ล้ยี งกบั เจา ของ และ
สัตวตอสัตว มีสังคหวัตถแุ ละสังคหธรรมเปนเคร่อื งประสาน หรือยึดเหนยี่ วน้ําใจกันเปน
ประจาํ โลกจงึ อยดู ว ยกนั โดยความสนทิ สนมและความเปนปก แผนแนนหนาไดตลอดมา
คาํ วา ทาน คอื ทานอยางเปด เผยทร่ี ู ๆ กนั หน่งึ ทานในหลักธรรมชาติไดแกการ
สงเคราะหห รือแบงปน กัน เชน มารดา บดิ า ครู อาจารย สงเคราะหล กู และลกู ศษิ ย ซึ่งมิได
คิดวา ตนทําทาน แตก ิรยิ าที่ทาํ นั้น ๆ กค็ ือทานน่ันเอง แตเ ปน ทานในหลกั ธรรมชาติ คือ
ความจาํ เปนตองทาํ ตอ กนั ตามวสิ ัยของคนและสตั วทีอ่ ยูดวยกัน จะตอ งทํากันทวั่ โลกจะเวน
เสียไมได ดังน้ัน ทานจึงเปนของใหญโ ตค้าํ จนุ โลกและค้ําจุนธรรม ใหต ั้งเปน โลกและเปน
ธรรมอยไู ดตลอดมา ถาจะเทยี บกบั บา นเรือนก็ไดแ กร ากฐานท่ีผกู โครงเหล็ก เทคอนกรีต
เพือ่ ความม่ันคงของบานเรือนนั่นเอง พระพทุ ธเจาจะเปน ศาสดาสอนโลกไดก ็เพราะทาน
บารมี จะขาดไปไมได และทรงปฏิบัตติ อ สตั วโ ลกตลอดมาจนวันนพิ พาน
ทางเดนิ ของพระพุทธเจาที่เกย่ี วกับสัตวโ ลกกค็ ือทานอยูน นั่ แล ไดแก ใหทานวตั ถุ
และใหท านธรรม แมป รินพิ พานไปแลว กย็ งั ประทานธรรมวินัยไวเ พือ่ เปน ทานแกส ัตวโ ลก
ตลอดมาถึงพวกเรา ซ่ึงพอมองเห็นฟา เห็นดิน มองเหน็ บญุ เห็นบาปไดบ า ง กเ็ พราะธรรม
ทานของพระพทุ ธเจา นน้ั แล ดังนน้ั ทานจงึ เปนธรรมลกึ ซึ้งและจําเปน ทว่ั โลกเหลือท่จี ะ
พรรณนา จงึ ขอยุตไิ ว สวนศลี และภาวนาไดเ คยอธิบายมาบา งแลว เขา ใจวาคงไมมที า นทจ่ี ะ
สงสัย มอี ยูเ พยี งวา เราจะดาํ เนินใหถึงข้นั บรบิ รู ณไดแ คไ หนเทา นนั้ ธรรมทกี่ ลา วนเ้ี รียกวา
มรรค คือทางพน ทุกขเ ปนระยะ ๆ เมอื่ มรรคทบี่ ําเพ็ญใหสมบูรณเตม็ ทแี่ ลวกส็ ามารถดบั
ทุกขได กลายเปนนโิ รธขึ้นมาในขณะน้นั นนั่ แล เพราะธรรมทงั้ ส่ีน้ีทาํ งานเกี่ยวโยงกัน สว น
ชอื่ ของธรรมเหลา นท้ี านแยกจากกันเหมอื น นาย ก. นาย ข. นาย ค. และนาย ง. คนละ
ชือ่ แตท าํ งานบงั คบั เคร่ืองยนตอยูใ นเคร่อื งแหงเดียวกันฉะน้ัน
ดงั นน้ั โปรดทําความพยายามฝก หดั อบรมตนใหเปน ที่มนั่ ใจในปจ จบุ ันนี้ ในชาตินี้
เราเปน มนษุ ย หมดความสงสัยในความเปน อยางอ่ืน แมจ ะอยดู วยกนั กบั สตั ว แตก แ็ นใจวา
แวน ดวงใจ ๑๑๙
แว่นดวงใจ : ภาค ๑ อบรมฆราวาส
- ๑๔๖ -
๑๒๐
เราเปนมนุษย ทงั้ ไดผ า นทุกสิง่ ทกุ อยางมาดวยความรูความเขาใจมากกวา สตั ว เพ่อื ภมู ิ
ธรรมของเราใหย ่งิ ขึ้นไปกวา ทีเ่ ปนอยู โปรดภาวนาดูตวั เอง จะเหน็ เรอื่ งทคี่ วรตแิ ละควรชม
เกิดขึน้ กบั ใจ เชน ทกุ ขเ ปนสิง่ ที่ควรตาํ หนเิ พ่ือหาทางออก จงึ ควรพิจารณาใหร ูเ รื่องของเขา
ตามธรรมดาทุกขไ มเคยอยทู ไี่ หน ซง่ึ ควรจะรูอ ยกู ับตัว เพราะมอี ยูที่นี่เปน ประจํา
เราจะปลกู บา นสรา งเรือนใหท ุกขอยู แตทุกขไมยอมอยู ถา เปน กายและใจของสัตว
และของคนแลว ทุกขชอบเต็มที่ และอยูไ ดตลอดวันยังคํา่ คืนยังรุง ตลอดกาลท่ีกายและใจ
ยงั ควรแกเ ขา พาเกิดกเ็ กดิ ดวย พาแกก็แกด ว ย ตายก็ตายไป แตทกุ ขโ ดดหนีไมย อมตาย
ดวย เพราะใจไมต ายทุกขต องเกาะไปดว ย ฉะนัน้ ใจไปทไ่ี หน ทุกขจึงติดไปดว ย ใจไปถือ
กาํ เนดิ เกดิ ในภพชาติใด ทุกขยอมติดตามไปดวยทุกภพทุกชาติ จนกวา ใจจะไดร บั การชําระ
สะสางดวยเครื่องซักฟอก คอื กศุ ลธรรมจนสะอาดเตม็ ท่แี ลว ทุกขหาท่ีเกาะไมไ ด นน่ั แล
ทุกขจ ะสุดวิสัยไมมที างเอื้อมได เพราะใจกลายเปนวิวัฏฏะพนวิสยั ของสมมตุ ิแลว น่ีคือ
แดนสดุ วิสัยของกเิ ลสทุกประเภทโดยแทจ รงิ
พระพทุ ธเจา ทรงประทานธรรมะ มีสตปิ ญญาเปน ตน ใหพ วกเราสอดสอ งดเู รอ่ื งของ
ตัว เพื่อจะไดท ราบความเปน มาของตน ๆ หลักใหญค ือสงสัยเรอ่ื งความเกิดของตัว ซึง่ เคย
เปน ทํานองนน้ั มา โดยติดตอไมขาดวรรคขาดตอนแหงภพชาติ แตพวกเรารสู ึกจะโงต อ
เรอื่ งของตัวอยมู าก ท้ังนเี้ พราะการกาวเหยยี บไปแตล ะภพแตล ะชาติก็รอยเทา (ใจ) ของ
เราเอง เกดิ ในภพชาตใิ ดกเ็ ปนเร่ืองของใจดวงรู ๆ อยกู บั เราขณะน้ีทั้งน้ันพาไปเกดิ ไมใช
ใจดวงใดไปเปน ตวั การปลกู สรา งรูปรางขึน้ มา เปนสตั วเปน บคุ คล เปน เราเปน ทา น ถาไมมี
เชื้อแหงความเกิด ความเกิดจะแสดงตัวใหป รากฏออกมาไดอยางไร เชอ้ื นั้นก็ฝง จมอยูที่ใจ
ดวงรู ๆ น้เี อง ทา นใหช ่ือใจท่มี เี ช้อื นีว้ า จิตอวชิ ชา คือความรูแกมโกง ความหลงแกมเพลิน
ไมมีทางส้ินสดุ ทัง้ เปนเรอื่ งใหญโตมากสาํ หรบั จิตผูเปนนกั ทอ งเทย่ี ว แตไ มทราบการไป
และการมาของตน จงึ ควรถอื เปน ปญ หาสําคญั สําหรบั ตวั ที่จะพยายามตดั ตนเพลงิ ไมใ หล กุ
ลามไปนานและทําความเสยี หายแกตนมาก
คาํ วา ธมฺโม ปทีโป กค็ ือแวนสอ งทางของสตั วผมู ดื มนน้ันเอง จะไดย ดึ ถือเปน
เครอ่ื งมือในการสอ งทางดําเนนิ เพื่อถึงความปลอดภยั แกตน ไมเปน ความรกรงุ รงั ดวยภพ
ชาตแิ ละกองทุกขทง้ั มวลใหย ดื เยือ้ ตอ ไป ธมโฺ ม ปทีโป เปน ตน พระพุทธเจาทรงเรม่ิ
ประกาศและรื้อขนสตั วโ ลกนบั แตเ รมิ่ ตรัสรู จนถงึ วนั เสด็จดบั ขันธปรนิ ิพพานเปน เวลา ๔๕
พรรษา ถงึ วาระสดุ ทา ยก็ประทานไวแทนองคศ าสดา สว นพระองคก เ็ สด็จนิพพานไปตาม
หนาที่ของผูหมดเช้อื ภายใน กอ นจะทรงลาสมมุตทิ ว่ั ๆ ไปเสด็จนพิ พาน กต็ รสั เรียกบรรดา
แวน ดวงใจ ๑๒๐
กณั ฑเ์ ทศนท์- ่ี ๑๑๔๑๗: -พทุ ธประวัติ
๑๒๑
สาวกมาประชุมแลว รบั ส่ังวา “ผใู ดมีความสงสยั ขอ อรรถขอธรรม และวธิ ีดําเนนิ ของตน
ภายในใจก็จงพูดข้นึ ขณะทเี่ รายงั มีชีวิตอยู จะไดชว ยปลดเปลอื้ งแกไขมใิ หมคี วามเสยี ใจใน
ภายหลงั ”
ขณะนัน้ ปรากฏวา ไมมสี าวกองคใ ดทูลสนอง ตางก็น่ังอยูด วยทาอันสงบ และคอย
สดบั พระโอวาททีจ่ ะตรสั ตอไป เมือ่ ไมเ ห็นทา นผูใดทลู สนอง กท็ รงประทานพระโอวาทครัง้
สดุ ทา ยวา “ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย ทา นทง้ั หลายจงพิจารณาสงั ขารทงั้ หลาย ท้ังสงั ขารภายใน
และสังขารภายนอก ซง่ึ เจริญข้ึนแลว เสอ่ื มไป ดว ยความไมประมาทเถดิ จะรแู จงแทงตลอด
ซึง่ พระสัทธรรมทเ่ี ราตถาคตแสดงไวแ ลว ” พอจบเทานก้ี ็ปดพระโอษฐไมต รสั อะไรตอไป
อีก จากนั้นก็ทรงทาํ หนาทีป่ รินพิ พานดว ยความสงาราศแี ละความองอาจกลา หาญ ไมสะทก
สะทา นตอ มรณภยั
ดว ยทรงเห็นวาเกดิ แลว ตองตาย ไมท รงแสดงความโศกกนั แสงตอความทกุ ขท ่มี า
ครอบงาํ พระกายในเวลานน้ั ทรงมีความองอาจตอหลกั ความจรงิ ทที่ รงรูเห็นมาแลวอยางไร
จนมคี วามชาํ นิชาํ นาญและสามารถสั่งสอนโลกไดเ ปนจํานวนมากสมภมู ิศาสดา เมื่อยงั ทรง
พระชนมอยูกท็ รงแสดงลวดลายของศาสดาไมใหมคี วามบกพรอง สมพระนามวา สตถฺ า
เทวมนสุ สฺ านํ เปนครูของเทวดาและคนทุกชั้น ดงั น้ันการทําหนาที่ปรินพิ พานโดยถกู ตอง
ตามหลักของศาสดา จึงเปน ความจาํ เปนสําหรับพระพุทธเจาโดยเฉพาะ เพื่อไวลวดลาย
และพระเกยี รตขิ องศาสดาในครัง้ สุดทาย ใหคนรุนหลังไดฟ งเปนขวัญใจ
เริ่มแรกแหง การทําหนาทปี่ รนิ ิพพาน ทรงเขาปฐมฌาน ออกจากปฐมฌานเขา ทุตยิ
ฌาน ตติยฌาน จตตุ ถฌาน ฌานท้งั สเ่ี บ้อื งตน นเ้ี รียกวา รูปฌาน โดยใชก ระแสจติ วิตก
วิจารณไ ปตามอาการของพระกาย จนถงึ ข้ันละเอียดแหง รปู ฌาน จากน้นั กท็ รงเขา อรูปฌาน
ส่ี คืออากาสานัญจายตนะ วญิ ญาณัญจายตนะ อากิญจญั ญายตนะ และเนวสญั ญานา
สญั ญายตนะ เปนลําดับ อรปู ฌานส่ีน้ีเปนนามธรรมลวน ๆ จากน้นั ก็ทรงเขา สญั ญาเวทยิต
นโิ รธ ดับสัญญาและเวทนา ทรงพกั อยใู นสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัตชิ ัว่ ขณะ แลวทรงถอย
จติ กลับลงมาเปน ลาํ ดบั จนถงึ ปฐมฌาน และถึงขั้นจิตบรสิ ุทธิธ์ รรมดา แลวทรงเขา
ปฐมฌาน ทตุ ิยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน ตอไปอีก พอผา นจตตุ ถฌานไปแลว เทานั้น ไม
ทรงเขาฌานใดตอไปอีก แลวเสด็จปรนิ พิ พานในทามกลางแหง ฌานทัง้ สอง คอื รูปฌานและ
อรูปฌานนนั้
ทง้ั นี้เพราะทรงไวล วดลายของพระพทุ ธเจา ผูเ ปนศาสดาเอกใหเตม็ ภมู ิ จงึ ไมทรง
ปรินพิ พานอยูใ นฌานใดฌานหน่งึ ถาจะนพิ พานอยูใ นฌานใดฌานหนงึ่ อาจจะถูกตาํ หนิ
แวน ดวงใจ ๑๒๑
แว่นดวงใจ : -ภา๑ค๔๘๑ -อบรมฆราวาส
๑๒๒
จากสาวกอรหนั ต วา ทรงทาํ หนา ทนี่ ิพพานไมสมบรู ณเตม็ ภูมิของศาสดาในวาระสุดทา ย
เพราะฉะน้นั เพือ่ ประกาศพระองคใหเ ต็มภูมิทัง้ ในเบื้องตน ทา มกลาง และวาระสุดทา ย จํา
ตองนพิ พานในทา มกลางแหง ฌานทัง้ สอง คือรูปฌานและอรูปฌาน ซ่งึ เปนการถูกตองและ
สมบรู ณต ามลกั ษณะของจติ ท่ีบริสุทธเิ์ ขา ชมฌานเพื่อปรนิ ิพพาน เพราะรปู ฌานและอรปู
ฌานลว นเปน สมมุตดิ วยกัน จะเขานพิ พานในจดุ สมมตุ ิ กช็ ือ่ วา ไมส มภูมิกับคาํ วา นพิ พาน
เทาทีพ่ ระองคท รงทํามานนั้ เปน อันวา ปรินพิ พานโดยสมบรู ณ เมอ่ื พระองคปรินพิ พานแลว
พระสรรี ะก็ถูกทูลอาราธนาไวเพ่ือทาํ การสักการบูชาจากพทุ ธบริษัท มมี ลั ลกษัตริย เปนตน
เพ่ือใหส มพระเกียรติ เพยี งเจด็ วนั เทา นน้ั กอ็ ญั เชิญขนึ้ ถวายพระเพลงิ
ตกมาสมยั ของพวกเรา ศพของครอู าจารยท ี่เคารพนบั ถือซง่ึ มรณภาพลง รสู ึกจะ
กลายเปน ของหมกั ดองคลายกบั ผักปลาไปเสียมาก จนจะกลายเปน ประเพณหี มักดองไป
หากมีความจาํ เปนซง่ึ จะควรอาราธนาทา นไวเ พ่อื ความจาํ เปน มีเก่ียวกบั พระราชาเปน ตน
น้ัน ทั้งโลกและธรรมกเ็ หน็ ใจโดยทั่วกัน แตจ ะเก็บไวโ ดยมไิ ดค าํ นึงถงึ ทานผเู ปนอาจารยท่ี
เคารพบชู า ซง่ึ ถกู อาราธนาไวเปน เวลานาน ๆ และพระพทุ ธเจา ผเู ปน ตวั อยา งของสัตวโลก
ท้งั เวลายังทรงพระชนมอ ยแู ละเวลานิพพานแลว ตอ ไปกเ็ กรงจะเปน ประเพณีใหก ลุ บุตรสุด
ทายภายหลังยดึ โดยหาเหตุผลและหลกั ฐานไมได
ครูอาจารยซึง่ เปนท่ีเคารพบูชาของปวงชน เวลาทา นยังมีชีวติ อยไู ดทําประโยชนแก
โลกเตม็ ภมู คิ วามรคู วามสามารถของทา น โดยบัวมใิ หช า้ํ นาํ้ มใิ หข ุน และเปน ที่อบอุนแก
บานแกเมอื ง แตเ วลาทา นมรณภาพไรว ิญญาณ ความรูสกึ ผดิ ชอบชว่ั ดีไมมปี ระจาํ รา งแลว
เกรงวาศพของทา นจะกลายเปน สินคา ไปท่ัวตลาดอยูเปนเวลานานกวาจะสน้ิ สดุ ลงได ดังนน้ั
พวกเราทเ่ี ปนนักบวชและนักปฏิบัติ ซงึ่ จดั วา เปนลูกศษิ ยทีม่ ีครู โปรดคดิ อานไตรตรองบาง
จะเปนการเสรมิ เกยี รติกรรมฐานวา เปน ผูช อบใครครวญ เพือ่ หาเหตผุ ลและอรรถธรรม นาํ
ความพอดมี าประดับตน ประดบั โลก ประดับธรรม ใหงามสบื ทอดกนั ไป
ถา คิดวา เมอื่ ทาํ การฌาปนกิจศพทา นผานไปแลว วัดวาอาวาสจะเสอ่ื มโทรม เพราะ
ไมมที ่ียึดเหนยี่ วน้าํ ใจของประชาชนใหม าสนใจกับวดั และพระเณร นบั เปนความคิดที่จะพา
ใหต นและวดั วาอาวาสศาสนา ทงั้ วงแคบและวงกวางเสอื่ มลงอยา งแนน อน จะหาทางเจรญิ
ไมไ ดเลย เพราะไปสนใจกับศพของทา นอนั เปน ทางจะไหลมาแหงอามสิ มากกวาจะสนใจ
ในธรรมทท่ี านส่งั สอน และมิไดส นใจกบั การจะปรบั ปรงุ ตนเองเพอื่ ขอ ปฏบิ ัตอิ ันดีงามใหยิ่ง
ข้ึนไป ซ่งึ เปน ทางที่จะยังตนและพระศาสนาใหเจรญิ โดยชอบธรรม
แวน ดวงใจ ๑๒๒
กัณฑเ์ ทศนท์-ี่ ๑๑๔๑๙: -พทุ ธประวตั ิ
๑๒๓
แมพระพุทธเจา พระองคก ็มไิ ดท รงส่งั สอนพทุ ธบรษิ ัท ใหม ีความเล่อื มใสและหนกั
แนนในพระองคมากกวาธรรม จะเหน็ ไดตอนพระอานนททูลถามถึงวิธจี ะปฏิบัตติ อพระ
สรรี ะของพระองคเ วลานพิ พานแลว พระองคยังไมทรงพอพระทัย และกลับหามพระ
อานนทไมใหย ุงเกี่ยว แตเมอ่ื ทรงเห็นพระอานนทท ลู โดยมีเหตผุ ลกท็ รงแนะนําใหเทา ท่ีควร
ครอู าจารยผูมธี รรมกค็ งจะเดินตามรอ งรอยของพระพุทธเจาพาดาํ เนิน ทา นคงไมส ั่งสอน
บรรดาศษิ ยใหห นักในทา นยิง่ กวาธรรม ทีล่ ูกศษิ ยค วรจะสนใจและนําไปปฏบิ ัตติ อ ตัวเอง
ตามทท่ี า นสอนไว
ผปู ฏบิ ตั ิสมควรแกธรรมช่อื วาผบู ูชาพระพุทธเจา ได ลกู ศษิ ยปฏบิ ัติสมควรแกธรรม
ก็คงจะบชู าครอู าจารยไ ดในทาํ นองเดียวกัน ดังนัน้ หลกั ของการปฏิบตั จิ ึงไมควรเห็นวาดอย
กวาสง่ิ ทีจ่ ะพาใหต นและศาสนาเส่อื ม พระศาสนามไิ ดเจรญิ มาดว ยศพดว ยเมรุ พอจะทํา
ความหนักแนน จนลมื ตน และลมื ความพอดที ีจ่ ะปฏิบัตติ อศพตอเมรุ แตเ จรญิ ดว ย ธมมฺ า
นุธมฺมปฏิปนฺโน ผูป ฏิบัตธิ รรมสมควรแกธรรมตางหาก การกลา วท้งั นมี้ ิไดสอนใหผูมุง
ธรรมเกิดความเนรคุณตอ ทานผมู พี ระคณุ แกตน แตก ารปฏบิ ัตติ อทานที่มคี ุณทง้ั เวลายัง
เปนอยหู รือตายไปแลว เทา ทโี่ ลกและธรรมเหน็ วางาม เขา ใจวา ทกุ ทา นคงเคยปฏบิ ัติตอ กัน
มาพอสมควร ลูกมีพอแม ลูกศษิ ยมคี รู เปน กับตายตอ งรองรับกันจนสนิ้ ใจไมม ีใครจะ
ปลอยทิ้งได แตขอไดคํานึงถึงความพอดี จะเปน ความชอบธรรมทง้ั ตนและสว นรวม สมกับ
เราเปนศษิ ยมคี รูทส่ี ั่งสอนใหรูจัก มตตฺ ฺตุ า สทา สาธุ ความรูจกั ประมาณยงั ประโยชน
ใหส ําเร็จทกุ เม่ือ
การแสดงประวตั ิของพระพทุ ธเจา ประสตู ิ ตรสั รู และปรินิพพาน ใหท า นผฟู งทัง้
หลายทราบ เพ่อื จะไดนอ มใจระลกึ ถึงทา น และนอมมาเปนอารมณเครือ่ งเตือนใจเปน
พุทธานสุ สติ หากยงั ไมถึงจดุ หมายปลายทางอยา งพระองคทา น คาํ วา นยิ ยานกิ ธรรม ผลที่
เกิดขึ้นจากการบําเพญ็ อยางไรตองเปน เคร่ืองสนองตอบแทนโดยแนน อน สมกบั ภาษิตวา
ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมมฺ จารึ พระธรรมไมปลอยท้งิ ผบู ําเพญ็ ธรรม ยอมตามรักษาใหมคี วาม
สุขความเจริญทกุ ภพทุกชาติไป
ดังนั้นในอวสานแหงธรรมนี้ ขอบญุ ญานภุ าพแหงองคสมเดจ็ พระผูมีพระภาคเจา
พรอ มท้งั พระธรรมและพระสงฆ จงตามคมุ ครองทา นทัง้ หลาย ท้ังทม่ี าจากทางใกลแ ละทาง
ไกล อุตสาหม าดว ยความเสยี สละทกุ อยา ง จงปราศจากโรคาพยาธเิ บียดเบยี น มแี ตความ
สขุ ความเจรญิ และประสบแตส ิง่ ทพ่ี ึงปรารถนาโดยทัว่ หนากนั เทอญ
www.Luangta.or.th
แวน ดวงใจ ๑๒๓
แวน่ ดวงใจ : -ภา๑ค๕๐๑ -อบรมฆราวาส
กัณฑท์ ี่ ๑๒ ๑๒๔
เทศนอ บรมฆราวาสสงั ณขาวรดั ธโพรธริสมมภรณ อดุ รธานี
เมเท่อื ศวนัน์อทบ่ี ร๒ม๘ฆรการวกาสฎาณคมวัดพโพทุ ธิสศมกั ภรราณช์ ๒อดุ๕ร๐ธ๕านี
เมือ่ วันที่ ๒๘สงักรขกาฏราคธมรพรุทมธศักราช ๒๕๐๕
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมมฺ าสมฺพุทฺธสฺส
อนจิ จฺ า วต สงขฺ ารา อปุ ฺปาทวยธมมฺ ิโน
อปุ ฺปชฺชติ วฺ า นิรชุ ฌฺ นตฺ ิ เตสํ วปู สโม สุโขตฯิ
ภาษิตทไี่ ดย กขนึ้ ไว ณ เบือ้ งตน นี้ ถาไมพ ิจารณาตามหลักความจริงแลว ยอ มเหน็ วา
เปน ภาษิตที่แสดงซํ้า ๆ ซากๆ แตใ นขณะเดียวกนั ภาษิตนีเ้ ปนเงาตามตัว สาํ หรบั แสดง
หลักฐานแหงความจรงิ ซ่งึ เปนอยูใ นสัตวแ ละสังขารทั้งหลาย
เนอ้ื ความในภาษติ น้ี แปลวา สังขารท้ังหลายไมเ ท่ยี ง เกิดขน้ึ แลว ยอ มดบั ไป การ
ระงับดับเสยี ซึ่งสังขารทัง้ หลายอนั เกดิ ๆ ดับ ๆ ไดโ ดยสิ้นเชิงเปน ความสุขอนั ย่ิง ดังน้ี คาํ
วา สงั ขารธรรม ท่ีวาไมเทยี่ งกด็ ี เกิดข้ึนแลวดบั ไดกด็ ี จะเหน็ วาสังขารประเภทใดที่เปนภัย
แกบรรดาสตั วทั้งหลายอยู ณ บดั นี้ และสังขารประเภทใดทีเ่ ปนเหตุใหห ล่งั นาํ้ ตา เปนเหตุ
ใหเกดิ ความวิปโยคพลดั พราก เปน เหตใุ หเกิดความเสยี อกเสียใจ เปนเหตุใหเ กิดความรนื่
เริงบนั เทงิ เปน เหตใุ หเกิดความรัก ความชัง ความกอ กังวลในใจของเราไมม ีจบสน้ิ
องคส มเดจ็ พระผูมพี ระภาคเจาตรัสไวว า อนจิ จฺ า วต สงฺขารา เราทัง้ หลายพึงทราบ
ใกล ๆ ณ บัดนี้ เปน หลกั ฐานพยานยืนยันใหเ ห็นอยอู ยา งคัดคา นไมไ ด คือ เจา พระคุณ
พระธรรมเจดยี ซึ่งมคี ุณงามความดี บุญญาภิสมภารซ่งึ ไดสรา งสมไวไมน อ ย ไดอบรมสง่ั
สอนประชาชนใหร ดู ี รชู ่ัว ทาํ ตัวเปนคนดีมาเปนอันมาก ทัง้ ไดก อสรา งวดั โพธสิ มภรณน ีใ้ ห
เจรญิ รุงเรอื งเปน ที่บําเพญ็ กศุ ลของพทุ ธบริษัทท่วั ไปเปน เวลากวา ๔๐ ปแลว แตท า นกต็ อ ง
มรณภาพจากความเปนเขา สูค วามตาย นก้ี ็คือสังขารธรรมทงั้ หลายไมเ ท่ียง เกิดขึ้นแลว
แตกดับสลาย ทเี่ ราใหช อื่ วา ตาย น่นั เอง
เพราะเหตุนน้ั ทุกทานพึงทราบวา สงั ขารธรรมของทา นกับสงั ขารธรรมของพวกเรา
เปนสังขารธรรมประเภทเดียวกนั มเี กดิ ขึน้ เปนรูป เปนกาย เปน หญงิ เปน ชาย มีแปร
สภาพขึน้ มาเปนลาํ ดบั ๆ ต้ังแตคลอดออกมากลายเปน เดก็ เปนหนุม เปน สาว เฒา แก เมือ่
แปรสภาพไปเตม็ ทแี่ ลว ก็แสดงความแตกดับใหเ ราทง้ั หลายไดเห็น และไดม ชี อ่ื ขึ้นมาวา
ตาย คอื สังขารธรรมประเภทน้ีเอง เราอยา เหน็ วาสงั ขารธรรมประเภทใด ซึง่ เปนธรรมชาติ
ท่สี ําคัญ เปน เหตุใหห ลั่งนํ้าตาของบรรดาสัตวทงั้ หลายทั่วทง้ั โลกน้ีไมม เี วลาหยุด คอื สงั ขาร
แวน ดวงใจ ๑๒๔
แว่นดวงใจ : -ภา๑ค๕๒๑ -อบรมฆราวาส
๑๒๕
ธรรมประเภทนีเ้ ทาน้นั จึงเปน สังขารธรรมที่ใหญย่ิงในโลก ความรักกด็ ี ความชงั กด็ ี ความ
วปิ โยคพลัดพรากกด็ ี ความหลงความเพลิดเพลนิ ความโศกเศรา ทั้งหลายกด็ ี เกดิ ขึ้นมา
จากสังขารธรรมประเภทน้ที ัง้ นัน้
ฉะนนั้ สังขารธรรมประเภทน้ี ทา นจงึ ยกขน้ึ เปนภาษติ ตอ เน่อื งมาแตอ งคส มเดจ็ พระ
ผูม ีพระภาคเจา ทุก ๆ พระองค ตรสั ไวเ สมอวา อนจิ จฺ า วต สงขฺ ารา สงั ขารทงั้ หลายไม
เทย่ี ง เกิดขึ้นแลวดบั ไป ทง้ั นี้ สังขารธรรมไมใชวา จะมีแตทต่ี ายแลว ไมเ ทยี่ ง มแี ตทต่ี ายน้ัน
เกิดขึ้นแลว ดับไป พึงนอ มเขามาสูต วั เรา กายของเราทกุ ชน้ิ ทค่ี รองเปนเจา ของอยู ณ บัดนี้
ก็คอื สังขารประเภทนนั้ นน่ั เอง แปรสภาพไปเชนเดียวกนั มีความแก ความชรา ทนไมไ หว
ตองแตก ตอ งทําลายไปเชน เดียวกับทา น ความรกั กร็ ักในสงั ขารประเภทน้ี ความชังกช็ งั ใน
สังขารประเภทน้ี ความหลงก็หลงในสงั ขารประเภทน้ี ดใี จเสียใจก็เพราะสังขารประเภทน้ี
เปน เหตุ ไดรบั ความทุกขทรมานก็เพราะสงั ขารประเภทนเ้ี ปนเหตุ
สงั ขารประเภทนเี้ ปน ไดท ้ังสตั ว เปนไดท ้ังบคุ คล เปนไดท ้ังช้นั ต่ํา ชน้ั สงู เปนไดท ้งั ดี
ท้ังชั่ว เปน ไดในฝายรูปรา งกลางตวั ทั้งดํา ทงั้ ขาว ทั้งรปู รางสวยงามและไมส วยงาม คอื
สงั ขารธรรม ประเภทนีท้ งั้ น้ัน ขอใหบ รรดาทา นผูฟ งทง้ั หลาย จง โอปนยิโก นอมเขา มา
สอนตนเสมอ อยาเหน็ เพียงวา คนอืน่ ตาย คนอ่นื แตกสลาย คนอนื่ ทกุ ขยากลาํ บาก เพราะ
สงั ขารธรรมประเภทของคนอน่ื สัตวอ น่ื เทา น้นั ใหพ งึ ทราบวาสงั ขารธรรมอันน้ีเปนเหมอื น
กับฝาเทาที่กา วไปเปนลําดับ สังขารธรรมประเภทใดท่เี กดิ มาแลว ในโลก ไมส ําคญั เทา
สงั ขารธรรมคอื รา งกายของสัตวและบคุ คลท่ีแตกสลาย เดินตามรอยกันไปนีต้ ้งั แตค รงั้ ไหน
ครง้ั ไรมา
เกดิ ก็เกดิ มาแลว จนตนเองซงึ่ เปนผูเกิด แก เจบ็ ตาย และเคยเปน มานานแสนนาน
เพราะสงั ขารธรรมประเภทนที้ ้งั น้ัน เคยไดร ักไดชงั เคยไดเ สยี นํา้ ตา และกําลังกาย กาํ ลังใจ
เพราะเหตแุ หงสังขารธรรมประเภทนม้ี าแลว นบั ประมาณไมถ ว น เรากไ็ มส ามารถทราบ
ความเปน มาของเราได น่ีคืออวิชชาความงมงายกอตัวเอง ปกคลุมหุมหอ จิตใจไวมใิ หรู
ความเปน มา ทาํ ใหหมุนเวยี นเปลยี่ นกันไปเปลี่ยนกนั มาตามภพตามชาติ ตามอํานาจ
วาสนาดชี ่วั เกดิ ขน้ึ เปน รูปรา งกลางตวั ปรากฏเปนสัตวบา ง เปน บคุ คลบา ง เปน คนช้นั สงู
ชัน้ ตาํ่ บาง ตดิ คกุ ตดิ ตะรางไดร บั ความทกุ ขความลาํ บาก เปนเทพบตุ ร เทวดา อนิ ทรพรหม
กลับกลายเปลย่ี นแปลงมาเปน มนุษย สับสนปนเปกนั อยูต ลอดเวลา กเ็ นื่องในอวชิ ชาความ
หลงตน เปนผูเคยผา นมาแลว อยา งนดี้ ว ยกนั ทุก ๆ คน กไ็ มสามารถจะคํานวณถึงความเปน
มาของตนได
แวน ดวงใจ ๑๒๕
กัณฑเ์ ทศน์ท-่ี ๑๑๕๒๓: -สงั ขารธรรม
๑๒๖
การกลาวมาทงั้ น้เี ปนเรื่องของสังขารธรรมท้งั นน้ั จงึ ควรใช โยนิโส คือปญญา
พิจารณาตามหลกั ธรรมทเ่ี ปนจรงิ ซ่งึ ประกาศอยูท่วั ทั้งโลกธาตุ ไมมเี วลาจะสงบเงยี บลงไป
ได คือความเกิด ความแก ความเจ็บ ความตาย เปน ไปอยทู ัง้ สตั วท้งั บุคคล ทั้งนอกบา นใน
บา น ทั้งนอกเมืองในเมอื ง ท้งั ใตนํา้ ท้ังบนบก ทัง้ ใตด นิ บนอากาศ สตั วและสงั ขารมีอยูในที่
ใด ธรรมชาตนิ จ้ี ะตอ งเปนเงาเทยี มตัว ติดตามสัตวแ ละสงั ขารประเภทนั้น ๆ ไป แตยังไม
ถึงของเราเทานั้น เราจึงไมส นใจในสิง่ เหลา นว้ี าจะเปน อยา งนน้ั หรอื ไม เม่อื ผเู กี่ยวขอ งหรอื
ส่ิงเก่ียวขอ งมอี ยกู บั เรา เราเปนผูสงวนกรรมสทิ ธิ์ เปนผูมสี วนเกี่ยวของในสตั วแ ละสังขาร
ประเภทนั้น ๆ จึงปรากฏวา สง่ิ เหลาน้ีมขี ึ้นเฉพาะในบา นเรือน หรอื ในเครอื ญาตขิ องเราวา
พอ แม พี่ นอง ลูก หลาน ญาติ มิตร สามี ภรรยาเจบ็ ไขไดทุกข และพลดั พรากจากไปเทา
นนั้
แตเ มือ่ พจิ ารณาตามหลักธรรมชาตแิ ลว ส่งิ ท้งั หลายเหลา น้ีเคยประกาศตนมาตลอด
เวลา พระพุทธเจา จะอุบัติขึน้ ในโลกกต็ าม จะไมอบุ ตั กิ ็ตาม ธรรมชาติ คือ ความเกดิ ความ
ตาย และความวปิ โยคพลัดพราก ซง่ึ มีอยใู นสตั วและสงั ขารน้นั เปน ของเคยมีมาแลว แตดึก
ดาํ บรรพเปนมาอยา งนี้ แมปจ จบุ ันในวันนี้เราทั้งหลายก็เห็นแลว ในโกศของเจาพระคุณ
ธรรมเจดียกค็ อื โกศแหงคนตายนน่ั เอง ทานตายแลว อาราธนาไวใ นโกศของทาน สวนพวก
เราจะเปนเชน ไร จะอยูในโกศหรอื นอกโกศกต็ าม หมดชีวิตแลว เขาเรยี กวาคนตายหรอื สัตว
ตายท้งั นนั้ อยใู นไหปลารา ในนาํ้ ปลา ก็คือสตั วต ายนนั่ เอง ในตลาดเต็มไปดว ยสัตวเปน
และสัตวตาย เปน ปาชา ของสัตวท่ัวทั้งดนิ แดน
ถา เราพจิ ารณาเร่อื งความเปนความตายนี้แลว จะได โอปนยิโก นอ มเขา มาพิจารณา
สงั ขารทีม่ อี ยูก ับตัวของเราซง่ึ ประคองรกั ษาอยู ณ บัดน้ี วา จะเปนเชน เดยี วกนั กับสตั วและ
สังขารทวั่ ๆ ไป โดยไมต องสงสัย เพราะฉะนัน้ คําวา อนจิ จฺ า วต สงฺขารา จึงเปน คําสวย
งามและเหมาะสมกบั สมยั และสถานทีอ่ ยางยง่ิ สถานที่ไดแ กโ ลกอันเตม็ ไปดวยความเกดิ
ความแก ความทกุ ขทรมาน และเตม็ ไปดว ยความสลาย ตาย พลัดพรากจากสัตวแ ละสงั ขาร
นี้เรียกวาสถานที่ ธรรมะกแ็ สดงสวมรอยลงในสภาพเหลาน้ี ทม่ี ีความแปรปรวน มคี วาม
แตกดับหรอื มคี วามเกิดข้ึนแลว แตกดับไปประจําตน ภาษติ ทพี่ ระพทุ ธเจา ทรงไวน ีจ้ ึงเปน
ภาษิตทที่ ันตอ สมัยทุกกาล ไมมีวนั นี้และวนั หนาตลอดกปั ตลอดกัลป เม่ือสัตวและสงั ขาร
อันเปน สภาพผนั แปรเหลา นย้ี งั มอี ยูตราบใด พึงทราบวาธรรมท่ีพระพุทธเจา ทรงแสดงไวน้ี
ยังเปนของจรงิ อยตู ลอดเวลาและเปน สวากขาตธรรมทต่ี รัสไวชอบแลว ตรสั ไวต ามหลกั
ความจรงิ ท่เี ปนไปอยา งใด
แวน ดวงใจ ๑๒๖
แวน่ ดวงใจ : -ภา๑ค๕๔๑ -อบรมฆราวาส
กณั ฑ์เทศน์ท-่ี ๑๑๒๕๕: -สงั ขารธรรม
แวน่ ดวงใจ : -ภา๑ค๕๖๑ -อบรมฆราวาส
๑๒๙
นอ ยเทาไร ไมมใี ครจะสามารถรูไดในวชิ าของตนทงั้ ๆ ที่ตนเปนผเู รยี นมาเอง แตจะ
ปฏิเสธไมไดว าเราไมม คี วามรู
นึกถึงตัว ก. ก็ออกมาทันที นึกถึงตัว ข. ตัว ค. ก็ออกมาทันที นึกถงึ สระพยัญชนะ
นึกถงึ เลขตงั้ แตเลข ๑ ถงึ เลขทีเ่ ราตองการและตามหลักวิชาทีเ่ ลาเรยี นมาท้ังหมด พอนึกถึง
ตวั ไหนกอ็ อกมาทันที แมเราจะจาํ ช่อื จาํ เสียงของครซู ง่ึ เปนผูถายทอดวิชาความรูใ หแ กเ รา
ไมได และเราเปนผูรับถา ยทอดจากครูมาสกั กี่คน ก่โี รงเรียนและกว่ี ชิ าก็ตาม การจาํ ไดห รือ
ไมไ ดนน้ั ไมเ ปน สิ่งสําคญั สง่ิ ทีป่ ฏิเสธไมไดคือ ความรทู เ่ี ราเรยี นมาจากครู เวลานป้ี จ จบุ นั
อยทู ่ีใจของเราเทา นนั้ นึกอะไรกป็ รากฏข้นึ มาตามตอ งการขอ นฉ้ี ันใด คณุ งามความดีที่เรา
ไดสรางไวกเ็ หมือนกัน ไมจาํ เปนทีเ่ ราจะจาํ ไดท กุ แงท ุกกระทงวา เราไดทาํ คุณงามความดไี ว
ก่ีครง้ั อบรมบม นิสยั ของเรามากช่ี าติกภี่ พ ผลทป่ี รากฏก็ตองอยทู ี่ใจของเรา เชน เดยี วกับ
ความรูที่เราเรยี นมาจากครูฉะนัน้
ทนี ้ีจะอธิบายหลักแหง กรรม ซึง่ เปนเจาตวั แหงวัฏฏะ และยอนอธิบายถึงเรื่องวัฏ
จักร คือดวงใจนที้ ีจ่ ะใหกอ รูปกอนาม เม่ือมีคุณงามความดีทเ่ี ราสรางไวแลว เราตายไปแลว
กจ็ ะตอ งไปเกิดสถานท่ดี ี คตทิ ่งี าม สิ่งทจี่ ะมาเปนสมบตั ขิ องเราลวนแลว แตเปน ส่ิงที่เราพึง
ปรารถนาท้งั นั้น นข้ี นึ้ อยูกับกรรมดี แมเราจะจําชอ่ื จาํ นามของกรรมดแี ละจําวนั ที่ เวลาเรา
กระทาํ กรรมดี วาไดก ระทําไวก ีค่ รง้ั ไมไ ดก็ตาม ไมเปนปญ หาอะไร ทีส่ ําคญั ก็คือ ส่ิงท่เี ราได
รับเปนเจา ของนัน้ มแี ตของดที ้งั นั้น เปน ลูกก็ดี เมียกด็ ี ผวั ก็ดี หลานกด็ ี ญาตมิ ติ รสหายทั้ง
หลายท่ีเกย่ี วขอ งกบั เรามแี ตค นดี ใคร ๆ ท่มี าคบคาสมาคมกับเราทง้ั ใกลทัง้ ไกลมแี ตคนดี
สมบัติ บริวารทีอ่ ยใู นครอบครองมีแตข องดที ้งั นัน้ น่ีเกิดขน้ึ จากกรรมดขี องเรา
ทนี ีถ้ า ทาํ กรรมชว่ั เลาก็เชน เดยี วกนั ใครจะนับอา นไดมากนอยหรอื ไมไ ดก ต็ าม จะ
ตองมาแสดงใหเ ราเหน็ อยใู นตัวของเราน้ีเอง อะไรทีเ่ ปนของเรากลายเปน ของชัว่ เสียทั้งนัน้
ผหู ญงิ กด็ ี ผูชายกด็ ี เม่อื เปน ลูกของเขาอยกู ร็ ูส ึกวาดี แตตกมาเปนเมียเปนผัวของเราแลว
มนั กลายเปน ขา ศึกไปทั้งนน้ั แมล กู หญิงลกู ชายท่เี กิดในหวั อกของเราแทมันกไ็ มด ี สภุ าพ
บรุ ษุ สุภาพสตรเี มอ่ื มาเกยี่ วขอ งกับเรากลายเปน คนไมดไี ปตาม ๆ กัน สมบัตทิ กุ ๆ ชิน้
เมอ่ื เปน ของคนอื่นมันดี เม่ือตกทอดมาเปน ของเราเลยกลายเปนของเกไ ปเสียทัง้ น้นั นี่เปน
เพราะความชั่วมันอยกู ับตัวของเรา หลกั ใหญคอื เจาของผูรบั ผิดชอบมันอยูกับตวั เราซงึ่ ทํา
ช่วั เอาไว สิ่งทัง้ หลายตกทอดมาถึงเราจึงกลายเปนของชวั่ ไปตามเรา เราจะตาํ หนวิ า ส่งิ น้ัน
ไมดีก็ไมได เพราะเจา ของมันชั่ว มนั ก็กลายเปนของชวั่ ตามเจาของ เจา ของหมายถงึ ใจผูทาํ
ใจท่ีครองรางอยู จงึ หมายเอาหมดทั้งตวั ของเราน้วี าเปนผชู ว่ั เรื่องกรรมมันเปนอยูเ ชนน้ี
แวนดวงใจ ๑๒๙
กณั ฑ์เทศนท์ -ี่ ๑๑๕๒๗: -สังขารธรรม
๑๓๐
น่ีอธบิ ายถงึ เรือ่ งกรรม หลกั ที่ใชเปน ความหมุนเวยี นเปลี่ยนแปลง เกิด แก เจบ็
ตาย ไมแ ลว ไมเลาเปน อยา งน้ี ถึงอยางไรก็ตาม เมื่อคณุ งามความดี คือกรรมอันดซี ่งึ เราได
พยายามอบรมสั่งสมเอาไว จนเปนผชู นิ ตอ นิสยั ในทางความดแี ลวนน้ั แมจ ะเดนิ ไปตาม
ถนนหนทางท่เี ราจะไปสจู ุดตา ง ๆ เชนเดียวกบั มนษุ ยในโลกเขากต็ าม แตผ ูท มี่ ที รพั ย
สมบัตเิ ปน เทพบันดาลแลว ยอมไปดวยความสะดวกกายสบายใจ ขน้ึ เครื่องจกั ร เครื่อง
ยนต จอดท่ีไหนพักทไ่ี หนมีบานพัก มโี รงแรม มีตลาดรานคา จะจับจายใชสอยอะไรกไ็ ด
สะดวกดวยเงนิ ของเขา แตผ มู ที รัพยส มบัตนิ อ ยหรือไมม ที รพั ยส มบัตเิ ลย เดนิ ตากแดดวนั
ยงั คํ่าแทบจะตายไดทานไมกบ่ี าท แมทีพ่ ักกต็ อ งอาศยั รมไมน อนอยูกบั ดนิ กนิ อยูกบั หญา
ไมม ีหลงั คาเคร่ืองปกปด กาํ บงั ยุงกัดแมลงตอม ฝนตกแดดออก เราเปน ผรู บั เคราะหท ง้ั
นั้น จนกวา จะถึงที่เขาประสงคก ็กนิ เวลานาน
ความแตกตางกันแหงการเดินทาง แมจะไปในทางสายเดยี วกันก็มคี วามชาความเร็ว
มคี วามสะดวกขดั ของตา งกันอยา งนี้ เพราะการกา วไปแหง บคุ คลทง้ั สองจาํ พวกน้มี คี วาม
ตา งกัน คนจําพวกท่ีกลาวไวกอนนนั้ คือจาํ พวกท่ีมงั่ คัง่ สมบรู ณ มีทรพั ยมาก จะไปไหน
สะดวกสบาย เหมือนมีนางขับกลอมบาํ รุงบาํ เรอ มีผูบรกิ ารคนรับใชอ ยูตามระยะทางจนถึง
สถานทอี่ ยู เพราะเงินทองของมีคา เปน เจาอาํ นาจวาสนา เกดิ มาจากเจาของเองทหี่ ามาได
ดว ยความชอบธรรม กลายเปนความสุขแกต นเอง แตพวกคนขา งหลงั นัน้ ไปไหนก็อด
อยากขาดแคลน ทางกแ็ รนแคนกันดาร ไมมคี วามสะดวกกายสบายใจ แมไปถงึ แลว จะหาที่
พักอาศัยก็ไมได เปน ความไมสะดวกไปเสียท้งั นัน้
เราเดินอยใู นวฏั สงสารก็เหมอื นกนั บางคนเกิดมาไมมโี อกาสทีจ่ ะไดเหน็ ความสุข
ความเจรญิ เห็นแตความทุกขค วามขนแคน หาเชากนิ เย็นไมพอปากพอทอง ลาํ บากลาํ เคญ็
เขญ็ อกเข็ญใจ ไรทรัพยอบั ปญญา หากนิ วนั หนง่ึ ๆ ควรจะพอปากพอทองก็ไมพอ สองวัน
สามวนั จะอิม่ ทอ งวนั หนงึ่ ก็ทงั้ ยาก ทั้ง ๆ ทขี่ องในโลกนม้ี ีไมอดและมเี ต็มอยทู ัว่ แผน ดนิ
ตามตลาดรานคาท่วั ๆ ไป แตจ ะถอื มาเปนสมบตั ขิ องตวั นั้น มันจนใจทีไ่ มมอี ะไรจะแลก
เปลี่ยนและไมมีเงนิ จะซื้อ สุดทายก็ตองยอมอดแสบทอง นอนบนแผนดิน เราเหน็ อยเู ตม็
ตาในตลาดเมืองอดุ รของเรานี้ มีทั้งคนมั่งมี มีทง้ั คนจน นอนอยูตามถนนหนทาง ไมม เี สอ้ื
ผาจะปกปดกาย แมก างเกงตัวหนง่ึ ก็ตดิ ตอ กันไมร ูกี่ชนิ้ ชิ้นนัน้ ตอ ชน้ิ น้ี ปะ ๆ ชุน ๆ เต็มไป
ดวยความขาดวิ่นแหงกางเกงและเสอ้ื ผาท่ีเขานงุ หม
ความเปนทั้งน้เี พราะความจนบังคบั มองดูแลว นา ทุเรศ สงสารในความเปนมนษุ ย
ตาดํา ๆ เหมือนกัน ซึง่ เปน ไดถึงอยา งนี้ ผูท่เี ปน เศรษฐมี เี งินลา น ๆ ในอดุ รธานนี ี้ก็มีมาก
แวน ดวงใจ ๑๓๐
แวน่ ดวงใจ : -ภา๑ค๕๘๑ -อบรมฆราวาส
๑๓๑
เหตุใดคนเหมือนกนั ฐานะความเหลอ่ื มลาํ้ ตํา่ สงู จงึ ตา งกนั อยางนี้ ขอน้เี ราจะไปตําหนติ ิ
โทษคนทีเ่ ขาจนกไ็ มไ ด จะไปชมคนมงั่ มีถายเดยี วก็ไมได เพราะมีก็ข้นึ อยูก บั กรรม จนกข็ น้ึ
อยูกบั กรรม กรรมน้นั ก็มีอยูก บั เราเหมือนกัน ถา เราตอ งการใหเ ปนคนประเภททนี่ าสงั เวช
และนา ขยะแขยง เรากต็ องทํากรรมอยางนั้น ตองเปน คนอยา งนน้ั ถา เราตอ งการเปนคนมั่ง
มีเราตอ งพยายามฝกฝนอบรมตวั เรา ดัดแปลงตัวเราใหเ ปน ผูหนักในทางความดี มคี วาม
ขยันหมั่นเพียร มีความอตุ สาหพ ยายามทุก ๆ ทางท่ีจะใหเกดิ ข้ึนแหงโภคสมบตั ิ เรากจ็ ะ
กลายเปนคนที่สองข้นึ มาในคนดแี ละมัง่ มตี ามบคุ คลประเภททกี่ ลาวนั้น สงิ่ ทง้ั หลายในโลก
น้พี อทําไดห าได เกิดข้นึ จากน้ําใจเปน ของสาํ คัญ
นอ่ี ธิบายถงึ การทอ งเท่ียวในวฏั สงสาร เปน ของแตกตา งกนั โดยอาํ นาจวาสนาบุญญา
ภิสมภารอยางน้ี ผมู อี าํ นาจวาสนาสามารถแลว น้ัน ไปในทางใดกไ็ มม คี วามยงุ เหยงิ เปนไป
ดวยความสวัสดี จะมาเกดิ ในโลกนก้ี ไ็ มไดร บั ความทกุ ขลาํ บาก จนถงึ จดุ หมายปลายทางคอื
ความพน ทกุ ขไ ด เชน องคส มเด็จพระผูม พี ระภาคเจา ของเรา ปรากฏวา เวลามาประสตู ิใน
ตระกูลกษตั รยิ เปน พระเจาแผน ดินครองกรุงกบิลพสั ดุ ไมม ีความขดั ขอ งขาดแคลน มีแต
ความสะดวกไปเสยี ท้งั ส้ิน ทง้ั โภคสมบตั ศิ ฤงคารบริวาร เครอื่ งทรงทกุ อยา งไมมีอะไรขัด
ของ บําเพญ็ คุณงามความดใี นเวลาพระองคเสด็จออกบวช ก็ตรัสรูเ ปนศาสดาของโลก
เสด็จไปทีไ่ หนก็มแี ตม นษุ ยเทวบตุ รเทวดาบูชาวันยงั คาํ่ คืนยงั รุง เต็มไปดวยเคร่อื งสกั การะ
จะวาเกดิ ขึ้นดว ยอํานาจของพระพุทธเจา ก็ไมใ ช แตเ กดิ ขนึ้ เพราะความดีของพระองคตาง
หาก แมพระพุทธเจาทปี่ รากฏข้ึนในพระองคก ็เกดิ จากคุณงามความดี
นีก่ ็เหมอื นกนั ผูใดมปี ญญาเฉลียวฉลาดพนิ จิ พจิ ารณาอบรมจิตใจของตน แมจ ะมา
เกดิ ในโลกมนษุ ยก จ็ ะเปนคนดมี พี ออยูพ อกิน พอเปนพอไป ท่อี ยูอาศัยปจจัยเครอ่ื งใชสอย
ตลอดถึงสมบตั ิทีม่ วี ญิ ญาณและไมมวี ญิ ญาณ จะเปนลูกเปนเมียเปนผวั และเพื่อนฝงู จะ
เปนคนดีมสี งาราศีเปน ทไ่ี ววางใจกันได นีก่ ็เกดิ ขึ้นเพราะอาํ นาจแหงความดี เมอื่ เราทอง
เที่ยวในวัฏสงสารอยู ก็ขอใหไ ดร บั ความสะดวกกาย สบายใจเพราะอํานาจแหงกรรมดี เมื่อ
อาํ นาจวาสนามจี นเพยี งพอแลว เราก็จะปรากฏ เตสํ วูปสโม สุโข จะระงบั ซ่ึงสงั ขารท่เี ต็ม
ไปดว ยความเกดิ แก เจ็บ ตายอันนี้เสยี ได
คําวา เตสํ วูปสโม สุโข การระงับสงั ขารนี้มีสองประเภท คอื การระงบั สงั ขารภาย
นอก ไดแกส งั ขารรางกายนี้ประเภทหน่งึ ระงับสังขารภายใน คอื ความคิด ความปรงุ ของใจ
ซ่งึ เกิดขึน้ เพราะอาํ นาจอวชิ ชาอนั เปน ตัวบงการนั้นประเภทหนง่ึ เหตทุ ีจ่ ะปรากฏสังขารภาย
นอกคอื รา งกายนข้ี ึน้ มา ก็เนือ่ งจากสงั ขารภายใน คือความปรุงความคดิ ของใจเปนเหตกุ อ
แวน ดวงใจ ๑๓๑
กณั ฑ์เทศนท์ -ี่ ๑๑๕๒๙: -สังขารธรรม
๑๓๒
เหตุ จะปรากฏสงั ขารภายในขนึ้ มาเพราะอาํ นาจแหงอวิชชา คอื ความหลงตัวเอง แมจะ
เที่ยวเกดิ แก เจ็บ ตายอยูก ก่ี ปั ก่กี ัลปนบั ชาตไิ มได ก็ไมสามารถจะถอนตนออกจากวฏั ฏะนี้
ได ทา นเรียกวา อวชิ ชา ความหลงในความเปน อยู ในความรอู ยขู องตน จะทุกขลําบากกด็ ี
สุขก็ดี ตนไดเคยรูเคยเห็น เคยประสบมาจนเพียงพอ แตก ็ไมรทู างจะออกจากสงสารจกั ร
อันนีไ้ ด จงึ เตม็ ไปดวยความสุข ความทกุ ขระคนปนเป
เชน เดียวกบั ขาวและแกลบราํ ผสมกันอยู รบั ประทานกไ็ มม ีความเอรด็ อรอย โลกท่ี
มีความเจือปนไปดวยทกุ ข แมจ ะมีสุขกส็ ุขเพอ่ื ทกุ ข เปน ของเจือปนกันอยูเชนนี้ ทานจึงให
นามโลกนี้วา โลกสังขารธรรม ไดแก อนจิ จฺ า วต สงขฺ ารา แปรปรวนอยูตลอดเวลา ขณะ
เกิดมีความย้ิมแยม แตข ณะตายมคี วามเสียใจ น่ันมันเกดิ จากสาเหตคุ อื ความหลงสงั ขาร
อนั เกย่ี วกัน ทแี รกเมื่อเกดิ ขน้ึ มาเปน หญงิ ก็ตาม เปนชายกต็ าม แหม ลกู เรานม้ี นั สวยเหลอื
เกิน มนั นารักนาปลื้มใจเหลือเกิน ท้งั มีความฉลาดรอบคอบ บอกงาย สอนงา ย ไมดื้อดึงฝา
ฝน คาํ สอนของพอแมผ ูปกครอง พอตายเทานนั้ รองไหโ ฮ น่กี ็ความหลงสังขารน่ันเอง ถา เรา
คิดไมร อบคอบแลว จะเห็นแตไดทาเดยี ว ไมค ดิ ดทู า เสีย น่ีแสดงวาไมพิจารณาถึงหลักเหตุ
ผลคือความจรงิ จงึ เกดิ ความเดือดรอ นเมอื่ ภายหลงั
ความดใี จทไ่ี ดในเบือ้ งตนเลยไมพอกับความเสียใจทไ่ี ดรับภายหลัง เบื้องตน มคี วาม
ดีใจทไี่ ดอะไรมาตามความปรารถนา แตเ วลาสง่ิ นัน้ กลบั กลายพลัดพรากจากไปเสยี เลย
เกดิ ความเสียใจขน้ึ มา ยงิ่ มากกวา รายไดท่ปี รากฏข้นึ นัน้ เสยี อีก เพราะขาดเหตผุ ล รายได
กับรายเสียจงึ ไมเพยี งพอกัน คนท่มี เี หตุผลไมคิดเชน น้ัน คนทม่ี ีหลกั ธรรมแลวยอมคดิ เห็น
ทงั้ ไดขน้ึ มาและรูรอบคอบทง้ั เสียไป จึงไมเ สียใจ สังขารประเภทนีป้ รากฏข้นึ พงึ ทราบวา
เงาคอื ความดับ มันจะตอ งมาตาม ๆ กัน แตไมว ันใดก็วนั หน่งึ เทานนั้ ตอ งแนน อนในความ
แตกสลายในความดับไปของสงั ขารธรรมประเภทน้ี แมสมบตั อิ ่ืนทไี่ ดมาและเสียไปกค็ วรมี
หลักเหตุผลเปน เคร่อื งคํ้าประกัน จะบรรเทาความดีใจเสียใจลงได ไมรนุ แรง สงั ขารธรรม
คือ กายปรากฏขึน้ มาจากสังขารภายใน สังขารภายในปรากฏข้นึ มาจากอวชิ ชาคือความหลง
ตวั เอง เม่อื มีศีล มสี มาธิ มีปญญา เปนเครื่องอบรมตนจนสามารถแกก ลา แลว จะไมเห็นตัว
วัฏฏะทีห่ มุนอยูกับหวั ใจของตนตลอดเวลาไดอ ยางไร
การพยายามทาํ ใจของเราใหเหน็ บอ แหงความหมนุ เวียนของตนเอง องคส มเดจ็
พระผูม ีพระภาคเจา ทรงชี้ชองทางวา จงพยายามใหทานจะเปน ทานประเภทใด คอื อภยั ทาน
ก็ตาม ทานดวยวัตถสุ ่งิ ของก็ตาม มากนอ ยไมส ําคัญ สาํ คัญท่ีทําอยูเสมอ นเี่ ปน ผล และเปน
ชอ งทางหรอื เปนเครอื่ งมืออันหน่ึง พยายามรักษาศีลไดมากนอ ยกต็ าม ดวยความเต็มอก
แวน ดวงใจ ๑๓๒
แว่นดวงใจ : -ภา๑ค๖๐๑ -อบรมฆราวาส
๑๓๓
เต็มใจ น่จี ดั วาเปนเครือ่ งมือท่จี ะแกตวั อวชิ ชาอันมืดเตม็ ดวงน้นั ได สมาธิคอื ความสงบของ
ใจเปนทางหรอื เปนเคร่ืองมอื อนั หนง่ึ ทจี่ ะแกต ัววัฏฏะนั้นได ปญ ญาคือความเฉลยี วฉลาด
นับแตปญ ญาขนั้ ตน จนถึงปญญาขัน้ สุดทา ย เปน เครอื่ งมือแตละขัน้ ๆ ทจ่ี ะแกไขอวชิ ชาดวง
น้ันใหไ ด เม่อื เปนผมู ีศลี สมาธิ หรือมีทาน ภาวนาจนเพียงพอแลว วฏั ฏะจะซุม ซอ นอยูท่ี
ไหน และจะไปไหนในเขาลูกใดเลา วฏั ฏะไมไ ดอยใู นกนนรกกบั พระเทวทตั ซ่งึ จะตามแก
ไขยาก แตมันอยูกับใจของเราทุกทาน
เราเปน นักทองเท่ียว เปน นกั เกดิ แก เจบ็ ตาย มาดวยกนั ไมมใี ครแพใครชนะ ไม
มีใครไดเ ปรยี บใคร เรือ่ งความเกดิ ความตาย ความสลาย ความทาํ ลาย ความวิปโยคพลดั
พรากจากสตั วและสงั ขาร การทอ งเที่ยวในวฏั สงสารนม้ี คี วามเสมอภาคกนั ทาํ ไมเราจะไม
สามารถเหน็ ตัวจกั รซ่งึ ทําใหเ ราหมุนเวียนเปล่ยี นแปลงอยูต ลอดเวลา ทําใหเกิด ๆ ตาย ๆ
ทุกขย ากลําบาก หมุนเวยี นอยอู ยางนตี้ ลอดท้งั กปั ทัง้ กัลปไดเ ลา เมอ่ื ปญญามีความสามารถ
พนิ ิจพิจารณาเขา ไปจนเหน็ จติ ซ่ึงเปน เจา วฏั จักร อันเต็มไปดวยอวิชชาหมนุ รอบตัวเองอยู
อยา งนี้ชดั เจนแลว เราตอ งทําลายจติ ทเี่ ปน วัฏจกั รนเี้ สยี ไดด ว ยอาํ นาจแหงปญ ญาแท
เมือ่ ปญ ญาไดทําลายวฏั จกั ร คือจิตทีเ่ ปนอวิชชานเ้ี สยี ไดแ ลว คําวา เตสํ วูปสโม สุ
โข ความระงบั เสียซึ่งสังขารนนั้ มนั ระงบั ดบั ไปเอง เชน เดยี วกับตน ไมท ีเ่ ราถอนขึ้นมาท้ังราก
ไมม อี ะไรเหลือ กง่ิ กา นสาขาทกุ ชิน้ ท่มี ีอยูในตนไมน้นั ตลอดลาํ ตน เขาเราไมต อ งไปทาํ ลาย
พอรากเหงา ของตนไมนน้ั ถูกถอนข้ึนมาหมดเทา น้ัน อวยั วะทุกช้ินของตน ไมน ับวนั จะเหยี่ ว
ยบุ ยอบและตายไป ไมม ชี ้นิ ใดเหลอื อยู ขอ น้ีกฉ็ ันนนั้ เหมือนกนั จะเปน สังขารท่ีวา รปู
สังขารคือกายน่กี ต็ าม สงั ขารทีค่ ดิ ปรุงขนึ้ ภายในจิตใจ จะคดิ ปรงุ ถึงเรอ่ื งอดตี อนาคต ให
ปรากฏเปนบุญเปน บาปในปจจุบันกต็ าม จะตองดับไปหมด เพราะอวชิ ชาซง่ึ เปน หวั หนา วัฏ
จักร หัวหนาของสังขารซ่ึงเปนตวั สมุทยั นี้ ไดถ กู ทาํ ลายหายสญู สน้ิ ไปจากหวั ใจแลว จะ
เหลือแตพุทโธท้ังแทง ไดแกใจทบ่ี รสิ ุทธ์ิเทา นนั้
นน่ั แหละเรียกวา เตสํ วูปสโม สุโข ความระงับดับเสียซึง่ สงั ขารอนั เปน บอ เกดิ แหง
สมุทยั ไดส ้นิ สดุ ลง เพราะอาํ นาจปญญาอันมกี าํ ลงั กลา สามารถประหตั ประหารตัวอวิชชา
ซงึ่ เปนเสนียดจัญไรน้ันไมมีอันใดเหลอื อยภู ายในใจแลว แลวจงึ กลายเปน เตสํ วูปสโม สุ
โข ความระงบั ดบั เสยี ซงึ่ สงั ขารท้งั หลายนัน้ ไมมีอนั ใดจะไปกอ ความทกุ ขทรมาน ไมมีอัน
ใดจะไปกอความทุกข ความลาํ บาก ความดีใจ เสียใจอีกแลว แมสังขารคอื รางกายยังครอง
ตวั อยู แตส งั ขารประเภทสมทุ ัยทเ่ี ปน เครื่องหลอกลวงจติ ใจใหยนิ ดียนิ รา ย ใหเกิดความดี
แวนดวงใจ ๑๓๓
กัณฑเ์ ทศนท์ -ี่ ๑๑๒๖๑: -สงั ขารธรรม
๑๓๔
ใจเสยี ใจ ใหเ กดิ ความทุกขย ากลาํ บาก ดับไปแลว เชน เดียวกับเตาไฟ เม่อื หมดเชอ้ื ไฟอยู
ภายในเตาแลว จะใสฟ นเขา ไปมากนอยก็สกั แตว า เปน ฟน เทานนั้ ไมก ลายเปน ไฟข้นึ มาได
ใจถึงจะเรยี กวาใจกต็ าม แตใจนไี้ มมเี ชื้อคอื อวชิ ชา สังขารปรงุ ข้นึ มาก็เปน ธรรมลว น
ๆ คิดเรื่องอะไรกเ็ ปน ธรรมลวน ๆ เวทนาถึงจะเสวยทุกขบางตามสภาพของขนั ธท ่ีมอี ยู ก็
ไมเ ปนเหตจุ ะใหเ กิดความลมุ หลงแตอยางใด วญิ ญาณความรูในสิ่งท่จี ะมาสัมผสั ก็รบั รูโ ดย
ธรรม ไมร ับรดู วยความหลง ไมรบั รูเพื่อเปน เหตใุ หเ กิดทุกข ใหเ กดิ สมุทยั สั่งสมกเิ ลสข้ึน
มา เลยกลายเปน ขนั ธลวน ๆ คือขนั ธไ มม ีกเิ ลสตณั หา นท่ี า นเรียกวา เตสํ วูปสโม สโุ ข ผู
ถึงธรรมดวงนแี้ ลว เรียกวาเปน ผูถงึ แดนแหงความพน ทกุ ข
แมจ ะมีธาตมุ ขี นั ธอ ยกู ็ไมม ีความเดอื ดรอ นภายในใจ เปน เตสํ วูปสโม สุโข อยู
ตลอดเวลา แตสังขารในขนั ธห านจี้ ะระงับไปไมไ ด เมอื่ รปู ขนั ธน้ยี ังไมแตก จะตองใชอยูเปน
ธรรมดา เหมอื นพระพทุ ธเจา ของเรา ทานตรัสรแู ลว ยงั อาศยั ขันธท ง้ั หานเ้ี ปน เครอื่ งมอื
ประกาศศาสนา คอื อาศัยรา งกายเดนิ เหินไปสทู ตี่ า ง ๆ เพ่อื ส่งั สอนบรรดาสตั ว อาศัยสังขาร
ความคดิ ความปรงุ ภายในใจของพระองค เพ่อื ช้ีแจงแสดงธรรมใหบ รรดาสตั วท ัง้ หลายฟง
อาศัยสญั ญาจาํ วา คนนน้ั คนนอ้ี ยูบานนัน้ เมอื งนั้น เปนผูสมควรจะรบั ธรรมของพระองค
ทานไดขนาดไหน วิญญาณความรบั รูว า ใครเขา ใจในพระสัทธรรมของพระพุทธเจา และใคร
ไมเ ขาใจ เมอ่ื มีการตอบรบั หรอื มกี ารสนทนากนั
เพราะฉะน้นั ขนั ธห าน้ีจงึ เปนเครือ่ งมอื ประกาศศาสนา แตไ มใ ชข ันธท จี่ ะทําพระ
องคใหว ุนวายเหมอื นแตกอ นมา ขนั ธท ่ีทาํ พระองคใ หวนุ วาย ไดแกขนั ธท ีม่ ีอวชิ ชาครองตัว
อยู และเปนเคร่ืองมือของอวิชชาท่ีมีบัญชาออกมาทางไหน กก็ ลายเปน สมุทัยไปท้ังนน้ั
เดอื ดรอนวุน วายไปทง้ั วนั ทัง้ คืน เพราะเหตแุ หง ขนั ธเหลา นไี้ ดร ับการกดข่บี ังคบั ออกจาก
สมทุ ยั ตวั ใหญ ไดแก อวิชชา เมอ่ื อวิชชาดับไปแลว พงึ ทราบวาสงั ขารอนั เปน สมนุ ของ
อวิชชาไดด บั ลงไปพรอมในขณะเดยี วกัน จึงเรียกวา เตสํ วูปสโม สโุ ข การระงับดบั เสียซง่ึ
สงั ขารทานกลาววาเปนความสุขอนั ยงิ่ นน้ั หมายถงึ ธรรมดวงนเี้ อง
บรรดาเราทกุ ๆ ทา น สังขารท่เี ปนตวั สมทุ ยั กอ ความยงุ ยากแกต นอยทู งั้ วันทัง้ คืน
เรากพ็ อทราบอยูภายในจิตใจ เมื่อไดอ บรมจติ ใจใหเปนไปเพอื่ ความสงบเรากพ็ อทราบได
จนกระทัง่ เรามีปญญาสามารถประหตั ประหารกเิ ลสอาสวะเขา ไปเปน ชั้น ๆ ตงั้ แตช้ันหยาบ
ขัน้ กลาง ชนั้ ละเอียด จนถึงช้นั ละเอยี ดทสี่ ดุ ไมม ีอะไรเหลืออยูภายในจติ ใจ แมแตอ วิชชาท่ี
เปน เจาการแหงวัฏจกั รกไ็ ดถูกทาํ ลายลงแลวดว ยปญญาไมมอี ะไรเหลืออยู กลายขนึ้ มาเปน
เตสํ วูปสโม สุโข ระงบั สังขารอยา งราบคาบ เมอื่ สงั ขารภายในใจทเ่ี ปน ไปเพราะอํานาจ
แวน ดวงใจ ๑๓๔
แว่นดวงใจ : -ภา๑ค๖๒๑ -อบรมฆราวาส
๑๓๕
แหง อวิชชาดบั ไปแลว ก็ไมส รา งเปน สงั ขารประเภทใหมข้นึ มา มีความระงบั ดบั เสียซง่ึ
สังขารอยตู ลอดเวลา แมอ อกจากรางนแี้ ลว ก็ไมเ ขาไปสปู ฏสิ นธทิ ไ่ี หน ไมตองเปนนกั เกดิ
แก เจ็บ ตายตอไปอีก
เหมอื นพระพุทธเจา ของเรา เพราะทานระงบั ดับเสียไดซ ึง่ สงั ขารอนั เปนตวั เสนียด
จญั ไร อันเปนเหตุใหทองเทย่ี วในวัฏฏะนีเ้ สยี ไมมอี ันใดท่กี อ กําเนดิ ตอ ไปอกี เปน สคุ โต
เสด็จไปดมี าดี แนะนําส่งั สอนประชาชนท้ังหลายใหเ ปนประโยชน เมื่อถงึ กาลอายขุ ยั ของ
พระองคแ ลว พวกเราทั้งหลายเรียกวา ปรนิ ิพพาน ปลอ ยสังขารอันนไ้ี วใหโลกไดกราบไหว
บูชา หรือปลอ ยใหเ ปน ดิน นํ้า ลม ไฟ ไปตามธรรมชาติ ธรรมชาติท่ีแทจรงิ คือ วิมุตตพิ ุท
โธ ของพระองค เปนสมบตั ขิ องพระองคเ จา แตผเู ดียว น่เี รยี กวา สมบัตทิ ่ีเปน เตสํ วูปสโม
สโุ ข เปน ธรรมท้ังแทง เปนความบริสทุ ธิล์ ว น ๆ ไมม อี นั ใดเจอื ปน
น่แี ลธรรมเทศนาวนั นไ้ี ดแ สดงเรอื่ งสงั ขารธรรม บรรดาทา นผฟู ง ทั้งหลายไดย นิ วา
อนจิ จฺ า วต สงขฺ ารา จะเขาใจวาเปน ภาษติ ทีก่ ลา วซา้ํ ๆ ซาก ๆ แตธรรมชาตทิ ่ีถกู กลา วคือ
ความตาย มันตายอยตู ลอดเวลา แมอยู ณ บัดนีม้ นั กต็ ายและเปลี่ยนแปลงอยตู ลอดเวลา
ที่เราอยูนีม่ ันกต็ าย ในบา น ในปา ภเู ขา ลําเนาไมม ันก็ตาย ในนาํ้ มันก็ตาย บนบกมนั ก็ตาย
ตายทงั้ วนั ทง้ั คืน ถาหากวามีเสียงเหมอื นกับเสยี งปนแลว เยอื่ หขู องเราทั้งหลายแตกทําลาย
ไมม อี ันใดเหลือ เพราะความแปรมนั กด็ งั ข้นึ มา ความแตกความสลายมันกด็ ังขนึ้ มา ความ
ทกุ ขย ากลําบากในครอบครวั เหยา เรือนแตละครอบครวั มนั กด็ ังขนึ้ มา สัตวไ ดร บั ความ
ทุกขมันก็ดังขึ้นมา ทอ่ี ยใู ตนํา้ มันกด็ ังขน้ึ มา อยบู นบกมนั กด็ งั ขนึ้ มา แมทส่ี ุดพวกเราน่งั ฟง
เทศนอ ยู ณ บัดนี้ เกิดความทกุ ขตา งก็จะดงั ขึน้ มาเหมือนกับเสียงปนดังเร่ืองกองทกุ ข เยื่อ
หูก็จะไมส ามารถตานทานอยูไ ด เพราะกองทกุ ขม ันประกาศล่ันโลกอยูอยางนี้
เมอื่ เปน เชนนีจ้ ะไมใ หว า อนจิ จฺ า วต สงฺขารา อยางไร มันเปนซํา้ ๆ ซาก ๆ อยู
ตลอดเวลา ตองแสดงตามความจริงที่มนั เปนอยเู ชน นี้ ใหบรรดาทานผฟู ง ทั้งหลายได
พจิ ารณาวา สง่ิ ทง้ั หลายเหลา น้เี มอื่ มีอยูม นั กแ็ สดงเสยี งลน่ั อยูตลอดเวลาอยา งนี้ แตม นั ไมมี
ปนใหสัญญาณแกเรา ในขณะความทกุ ขหรอื ความแปรปรวนปรากฏข้นึ ในสตั วแ ละสังขาร
แตล ะราย ๆ จึงคลาย ๆ กับวามีทกุ ขแ ตเราคนเดียว มีความเดือดรอนแตเ ราคนเดยี ว มี
ความฟงุ ซานวนุ วายแตเราคนเดียว มีความยากลําบากแตเราคนเดยี ว ขัดสนจนทรพั ยแ ละ
อับปญญาแตเ ราคนเดยี ว ไมดแี ตเ ราคนเดยี ว โลกเขาคลายกับวาเปน ทองคําไปหมด ทจ่ี ริง
โลกมันโลกเดยี วกัน ธาตุขันธอ นั เดยี วกนั โลก อนจิ จฺ า วต สงขฺ ารา อนั เดียวกัน หวั ใจอนั
เดียวกัน มนั เปนทุกขอ ยา งเดยี วกนั นี่เอง
แวนดวงใจ ๑๓๕
กัณฑ์เทศนท์ -่ี ๑๑๒๖๓: -สังขารธรรม
๑๓๖
ขอใหบรรดาทานผูฟ ง ทั้งหลายพนิ จิ พิจารณาในภาษิตที่ไดย กขึน้ ไวว า อนจิ จฺ า วต
สงฺขารา สงั ขารทง้ั หลาย ภายนอกภายใน ท้งั ของทานของเรามันไมเ ทีย่ ง อปุ ฺปาทวยธมฺมิ
โน อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฌฺ นฺติ เกิดขึน้ แลวไมวาอยูทีไ่ หน ๆ มันแตกดว ยกันทง้ั นนั้ เตสํ วูปส
โม สโุ ข จงพยายามทาํ ความระงับเสียซงึ่ ตน เหตุ คอื สังขารอนั เปนตวั สมทุ ยั ใหด บั สิน้ ซาก
ไปเสียจากใจแลว สังขารทเ่ี ปน ตวั ผล คอื อนจิ จฺ า วต สงฺขารา ความเกดิ ความตายแหง
สงั ขารนจี้ ะไมป รากฏแกใ จของเรา ใหเ ปนความกงั วลตอ ไปอกี เรยี กวา ถึงสันตธิ รรมอัน
ราบคาบ ไดแ กบ รมสขุ คอื วมิ ตุ ตพิ ระนิพพาน
ในอวสานแหงพระธรรมเทศนานี้ ขอบญุ ญานุภาพแหงองคสมเด็จพระผมู พี ระภาค
เจา พรอ มทัง้ พระธรรมและพระสงฆ จงมาปกเกลา เหลา ทา นพทุ ธศาสนกิ ชนท้ังหลาย ที่ได
อุตสาหจ ากบานจากเรอื นมาสดับตรบั ฟง พระสัทธรรมเทศนาโดยความเตม็ อกเต็มใจ จงมี
ความสขุ กายสบายใจทกุ ทวิ าราตรกี าล ดังไดรับประทานวิสัชนามาในพระธรรมคําส่ังสอน
ขององคส มเดจ็ พระผมู ีพระภาคเจา กน็ ับวาสมควรแกเวลา ขอยตุ ิลงดวยเวลาเพียงเทา นี้
เอวํ กม็ ดี ว ยประการฉะน้ี
www.Luangta.or.th
แวน ดวงใจ ๑๓๖
แวน่ ดวงใจ : -ภา๑ค๖๔๑ -อบรมฆราวาส
กัณฑท์ ่ี ๑๓ ๑๓๗
เทศเทนศอ นบอ์ รบมรฆมรฆารวาาวธสารสณรณมวัดสวโดัังพโเพธวธิสชสิ มมภภรรณณ์ ออุดุดรธาานนีี
เม่ือเมว่อืันวทนั ่ี ท๔ี่ ๔สิงสหิงาหคามคมพุทพธทุ ศธศักกั รราาชช๒๒๕๕๐๐๕
อยา ประมาทนอนใจในชวี ติ
นโม ตสสฺ ภควโต อรหโต สมมฺ าสมพฺ ุทฺธสฺส
อจิรํ วต ยํ กาโย ปฐวึ อธิเสสฺสติ
ฉฑุ โฺ ฑ อเปตวิ ญฺ าโณ นิรตถฺ วํ กลิงคฺ รนตฺ ิ ฯ
บัดน้ีจะแสดงพระสัทธรรมเทศนา ทีเ่ ปนโอวาทคาํ สอนขององคส มเดจ็ พระผมู พี ระ
ภาคเจา เพอื่ ใหสาํ เร็จประโยชนเ ปน ธรรมสวนานสิ งสแกบรรดาทา นผูฟง ทงั้ หลาย ฉะน้นั
พงึ ตงั้ ใจของตนเพ่อื จะสดบั ตรับฟงโอวาทคาํ สอนของพระพุทธเจา จะไดสําเร็จประโยชนใน
ขณะท่ฟี ง เทศนด วย จะสาํ เรจ็ ประโยชนในกาลตอไปดว ย การฟง ธรรมเปน ความจาํ เปน
สําหรบั เราซึง่ เปน พุทธบริษัททกุ ๆ ทา น เพราะธรรมเตม็ ไปดวยหลกั เหตผุ ล ผูจะประพฤติ
ปฏิบตั จิ ะเปนทางโลกหรือทางธรรม ธรรมเปนเครื่องชี้แนวทางไวทงั้ ๒ ทาง ผูจะดาํ เนินใน
ทางโลกยอมเปน ความจาํ เปนสําหรับอุบายวิธี หรอื ความฉลาด ท่จี ะนําไปปฏบิ ตั ใิ นกจิ การ
น้ัน ๆ ใหถ ูกตอ งและราบรืน่ แกต นเอง ผจู ะปฏบิ ัติในทางธรรมจะเปนความสะดวกไมผ ิด
พลาด เพราะสงิ่ ใดถาปราศจากการสดับตรบั ฟง ใหเขา ใจและรวู ธิ กี ารไวก อ น แลว ทาํ ไปโดย
ไมไดศึกษา ไมว า ทางโลกหรอื ทางธรรม ยอมอาจทําใหผิดพลาดไดงาย หรือแมเ กิดผลก็ไม
สมบรู ณ เพราะฉะน้ันบรรดากิจการทง้ั ปวง ตอ งอาศยั การสําเหนยี กศกึ ษาใหเรยี บรอยมา
กอน การศึกษาจงึ เปนของจาํ เปน จะเปน เข็มทศิ ชี้แนวทางการดาํ เนินเพ่ือสําเร็จเปนผลขึ้น
มาดวยดี ไมว า กิจการงานใด ๆ ท้ังนนั้ ถา ปราศจากการศึกษาเพือ่ ความเขาอกเขา ใจแลว
การงานทจ่ี ะพึงกระทาํ นนั้ ๆ ยอ มไมส มบูรณ
เฉพาะอยา งยง่ิ ในทางพระพทุ ธศาสนา องคสมเดจ็ พระผูมพี ระภาคเจาจึงทรงสน
พระทัยอยางย่ิง และปรากฏวา ไดทรงศึกษาเพอื่ สรางพระบารมีมาเปนเวลานาน และใชอบ
รมบรรดาพทุ ธบริษัทท้ังหลาย ใหร ูหนทางดีและชั่วเพ่อื ดาํ เนนิ ตนใหถ กู ทาง แมพระองค
เองปรากฏวาเปน สยมั ภูรเู องเหน็ เองกต็ าม ก็ตอ งใหเสด็จออกทรงผนวชและทรงศกึ ษาใน
หลักธรรมชาตกิ ระตุน เตือนพระทัยอยรู อบดาน ถึงกบั ทรงสลดสงั เวชและทรงทนตอ เหตุ
การณเชน นนั้ ไมได
แวนดวงใจ แวน่ ดวงใจ :๑-ภ๓า๑ค๗๖๖๑ -อบรมฆราวาส
๑๓๘
ดงั นน้ั การสําเหนยี กศกึ ษาหรือการสนใจในตวั เหตุผล จึงเปนการศึกษาในตวั แลว
ทานเสด็จทรงผนวชบวชอยา งคนขอทาน ทรงบาํ เพญ็ ความพากเพียร เจรญิ ภาวนา สละทิฐิ
มานะจากความเปนกษัตรยิ ทาํ พระองคเ ปนขอทาน บําเพ็ญสมณธรรมอยใู นปาในเขาซ่งึ
ใคร ๆ เหน็ กจ็ าํ ไมไดว าน่ีคอื ใคร เพราะเหน็ เปนสมณะ เพยี งศรี ษะโลน ๆ เทา นน้ั คลา ย
กับวาไมไดท รงสําเหนยี กศึกษาจากใคร แตแ ทจ รงิ ครสู อนของพระองคมอี ยทู วั่ ๆ ไป และ
ตลอดเวลาท้ังกลางวันกลางคืน พระองคทรงทอดพระเนตรใบไมรว งหลน ลงมาจากตน ก็
ทรงพจิ ารณาวาใบไมเมื่อผลอิ อกทแี รกกเ็ ปนใบออ น แลวก็แปรรูปเปน ใบแกห ลนรว งตกลง
มา ชวี ิตสงั ขารของเราก็เชน เดียวกบั ใบไม สิง่ ตา ง ๆ ซึง่ นอกจากนี้ มลี ักษณะเชน เดยี วกับ
ใบไมท ่ีหลนรวงตกลงมาจากข้ัวของเขา
พระองคก็ทรงพจิ ารณาเทียบเหตุผลขา งนอกขา งใน ใหร ูชดั ตามเร่อื งความเปนจริง
ดว ยพระปญ ญา เพราะสภาพภายนอกกบั สภาพภายในมีลักษณะเชนเดยี วกนั คอื มีความต้ัง
ข้ึน มีความแปรไป และมีความแตกดบั ในทส่ี ุด เมอ่ื พจิ ารณาถงึ พระองคเ องกม็ ลี กั ษณะเชน
นัน้ นีเ่ รยี กวา พระองคท รงสดับธรรมทง้ั หลายซ่ึงเปนหลกั ธรรมชาติ อยูใ นปา เฉพาะพระ
องคเดยี ว กอนจะเสดจ็ ออกทรงผนวชก็ปรากฏวาทรงไดรบั การศกึ ษาในหลกั ธรรมชาติ
อยา งสดุ พระทยั ในคืนวนั พระองคเสดจ็ ออกทรงผนวช ปรากฏวา ไดท รงเหน็ บรรดานาง
สนมผขู ับกลอมบาํ รงุ บําเรอในหอปราสาท คลา ยกับคนตายและเปน ปา ชา ผดี บิ ไปเสียหมด
แมพระองคเองกป็ รากฏวาเปนเชน นน้ั เหมือนกนั จึงเปนเหตใุ หท รงมีความรมุ รอนในพระ
ทัยวา เราจะหาทไี่ หนเปนทพี่ ่งึ
แมบ รษิ ัทบริวารและหอปราสาทราชมนเทยี ร ทเ่ี ราอาศัยอยตู งั้ แตวันเกิดจนถงึ วันน้ี
แตกอ นปรากฏเปนความรมเยน็ เปนที่ร่นื เรงิ บนั เทิงในใจ มาในวันนมี้ องไปทศิ ใดปรากฏ
เปนเชน เดยี วกับปา ชาผดี ิบไปเสียท้ังส้นิ แมหอปราสาทท่เี ราอยู ณ บดั นี้ กไ็ มทราบจะลม
จมทลายลงเม่ือไร พจิ ารณายอ นเขาไปถงึ พระองคเ อง สภาพคอื สังขารรา งกายของเราที่
ประชุมขึ้นมาจากดนิ น้าํ ลม ไฟ กลายเปน สัตว เปน คน เปน หญิง เปน ชายข้นึ มา นี้ก็ตองมี
ลักษณะเชนเดียวกบั สภาวะท้งั หลายซ่ึงมองเห็นอยบู ัดน้ี ส่ิงทั้งหลายทจ่ี ะเปนไปดว ยความ
เทย่ี งแทถ าวรไมปรากฏวา มีในทไ่ี หน ๆ ซ่ึงพอจะเขา พ่ึงพิงอิงอาศัยใหเ ปน ทร่ี มเยน็ พระทยั
มองเหน็ อยูทางเดยี วคือการเสด็จออกผนวช เพอ่ื หาทวี่ ิเวกสงดั ประกอบความพากเพียร
พิจารณาตน เหตุ คือปาชา ผีดิบทพ่ี ระองคไดทรงปรากฏในคนื วันน้นั ใหช ัดเจนลงไป
ทรงเทยี บพระองคก บั บรรดาบรษิ ทั บริวารทั้งหลายเหลา น้นั วา เสมอกนั ในเรอ่ื ง
ความเกดิ เขากับเรากม็ ีลกั ษณะเดยี วกัน ในเร่ืองความแกเ ขากับเราก็มลี กั ษณะอันเดยี วกนั
แวนดวงใจ ๑๓๘
กณั ฑ์เทศน์ท-ี่ ๑๑๖๓๗: -ธรรมสังเวช
๑๓๙
ในเร่ืองความทุกขความลําบากในสกลกาย เขากบั เรากม็ ลี กั ษณะเชนเดยี วกัน พจิ ารณา
ออกไปนอกพระราชวังทัว่ ท้ังดินแดนในไตรโลกธาตุนี้ มสี ภาพเชน เดียวกนั น้ี ไมม ีเกาะใด
ดอนใดทีจ่ ะเปน เกาะเปน ดอนเพอื่ ความรมเย็น เพื่อความแนนหนามน่ั คง เพื่อความไวว าง
ใจได จะเปน ไปเพอ่ื ความแตกความสลายเชนเดียวกับเรานท้ี ัง้ นั้น พระทัยทรงหนกั ในทาง
ทรงผนวชเพื่อจะไดพ นิ ิจพจิ ารณาเรอ่ื งความเกิด แก เจบ็ ตาย ใหชัดเจนในพระทยั ยิง่ ข้ึน
จนไดเ สดจ็ ออกไปจรงิ ๆ
น่ีก็แสดงวา พระองคไ ดท รงศึกษาในหลักธรรมชาติ ซ่งึ เปนของมีอยูทวั่ ไปใหเ กดิ ผล
ประโยชน ใหเ กดิ ความสลดสังเวชในความเกดิ แก เจบ็ ตาย ซึ่งเปนของมีอยทู ่วั ท้ังโลก
สงสาร ไมว าเขา ไมว า เรา ไมว าคนหรอื สัตวชั้นไหน ๆ เม่ือตงั้ รูปตงั้ กายข้นึ มาแลว ความ
แปรสภาพจะตอ งเปน เงาตามตัวอยา งน้ี น่ีเปนการศึกษาที่พระองคท รงคนพบในเบ้อื งตน
มีหลกั เหตุผลเปนเครื่องเทียบเคยี งในคนอน่ื กับพระองคว า มลี กั ษณะเเปนแบบพมิ พอ นั
เดียวกัน คอื อนจิ จฺ ํ ความแปรสภาพมเี ต็มตวั เชนเดยี วกนั ความทกุ ขค วามทรมานในโลกนี้
ไมใ ชโลกท่ีเปนสุขลวน ๆ
โลกทีเ่ ปน อยดู วยความหมุนตัวเปนเกลยี ว ใครจะอยูเ ฉย ๆ ไมไดเ มื่อมสี ภาพราง
กายขึ้นมาแลว แสดงวาสภาพนั้นจะตองเปน สภาพที่กอ กงั วลใหทนไมได อยูเ ฉยก็ไมได ไม
ไดหลบั ไมไดนอน ไมไ ดร บั ประทาน ไมไดเดินไปมา เปลย่ี นอิริยาบถกไ็ มไ ด ถา มิฉะน้นั
แลว เราอยูก บั โลกไมได คือเมื่อไมทําไมได จงึ เรียกวาโลกนี้วา โลกไมได จะอยใู หสบายมัน
อยูไมได นั่งใหส บายกไ็ มไ ด นอนใหสบายกไ็ มได จะไมตองอยูตองกินตองหลับตองนอน
ทําตามสะดวกกายสบายใจมันไมไ ด โลกอนั นก้ี ลายเปนโลกไมไ ดเ สียทัง้ น้ันในพระทัยของ
พระองค โลกไหนจะเปน โลกไดเลา
จงึ ทรงสบื สวนพจิ ารณาทวนหาเหตุผล ก็มีโลกตุ รธรรมเทา น้นั คือธรรมที่บคุ คล
ประพฤติแลว พน ไปเสยี จากโลกไมได ถึงซึ่งโลกไดโลกถึง โลกแนน อนไดแกโ ลกตุ รธรรม
อนั เปน ธรรมที่สูงสดุ แลวทรงปลงพระทัยเสดจ็ ออกในคืนนัน้ ท้งั ท่ที รงทราบวา พระองค
เปนกษัตรยิ และทรงมบี รษิ ัทบรวิ ารทวั่ ทงั้ แผน ดนิ ทอ่ี ยูในแวนแควน และในรมพระบารมี
ของพระองค แตกเ็ สดจ็ ออกไปพระองคเ ดยี ว มนี ายฉันนะตามเสด็จเพ่ือจะนาํ มา กณั ฐกะ
กลบั คืนเทา น้ัน เมอ่ื พิจารณาตน เหตุทท่ี รงปรากฏในคนื วนั นน้ั จนเหน็ แจม แจงชัดเจนขน้ึ
ยน ในความทพ่ี ระองคทรงบําเพ็ญมาเปนเวลา ๖ ป ถาพดู ตามภาษาของเรา เรยี กวา เกือบ
เปน เกือบตาย เพราะกษตั รยิ เสด็จออกผนวชดวยการเส่ยี งภยั ตอ ชวี ติ เพราะไมเ คยไดรับ
ความลาํ บาก
แวนดวงใจ ๑๓๙
แวน่ ดวงใจ : -ภา๑ค๖๘๑ -อบรมฆราวาส
๑๔๐
คําทีว่ า เปน กษัตรยิ อะไรเปนกษตั ริยท้งั นน้ั เครอ่ื งทรงทกุ ๆ ชิน้ เปน ของกษัตรยิ
อาหารการบริโภคเปนเครอ่ื งกษัตรยิ ทอ่ี ยอู าศยั ปจจัยทกุ ๆ อยางเปนของกษัตริยท ัง้ นน้ั
เม่อื ไดเ สดจ็ ออกทรงผนวชเปนคนขอทานแลว ความเปนกษตั รยิ ก ็สูญหายไป ยังเหลือแต
ความเปน คนอนาถาหรอื คนขอทาน ไมม ีคุณคาราคาแมแ ตน อ ยในพระองค บรขิ ารเครอ่ื ง
อาศัยทกุ ช้ินก็กลายเปน บริขารของคนขอทานไปหมด ไมม ชี ้ินใดจะเปนเคร่ืองของกษัตรยิ
เหมอื นแตก อ น แลวทรงพยายามสละทิฐมิ านะจากความเปนกษตั รยิ ใหหมดโดยสิน้ เชงิ ยงั
เหลอื แตคนขอทานเทานั้น ซง่ึ เปนคนเชน เดียวกับคนขอทานธรรมดาทว่ั ไป ซึ่งเราเห็นอยู
ดวยตา แตกลบั เปน เพศที่อยสู บายสาํ หรบั พระองค และเปนฐานะท่คี วรแกความเปน
ศาสดาของโลกไดด วย
แลวกท็ รงพนิ ิจพิจารณาหลักความเกดิ แก เจ็บ ตาย อันเปน โลกไมไ ดแลว โลกทน
อยูไมได โลกหมนุ เวียนเปลยี่ นกันไปเปล่ียนกันมา ตื่นของเกา ตืน่ ของใหม เขาใจวา เปน
ของใหมอ ยเู รือ่ ย ๆ อยา งนที้ ่ีเรยี กวา โลกวฏั จกั ร เมอื่ พระพทุ ธเจาไดท รงพิจารณาโลกน้ใี ห
ชดั เจนแลว ในพระทัยกท็ ราบวาเต็มไปดวยโลกอนั นี้เหมอื นกัน คือในเจตสกิ ธรรมก็แสดง
ความแปรปรวนหมุนเวยี นเปล่ียนแปลงไปดี ไปช่วั ไปอดีต อนาคต ปรุงกลบั ไปกลบั มาอยู
เชนน้ี ใหเห็นชัดดว ยพระปญญาเรียกวา ปจ จยาการ หรอื ปฏิจจสมุปบาท
กําหนดพิจารณาเร่ืองความเกิดความดับของสังขารท้งั ของเขาทง้ั ของเรา ตลอดทั้ง
โลกธาตุเห็นเปนสภาพไตรลักษณเ ทา น้นั คือ อนจิ จฺ ํ ท่วั ท้งั โลกธาตุ นบั ตัง้ แตตวั ของเราไป
ทุกฺขํ เปน ความทุกขเ ชน เดยี วกนั อนตตฺ า ตายแลว ใครจะถือเอาสงิ่ ใด ๆ จากโลกนี้ไปสูโ ลก
หนาไมได ทีส่ ดุ แมแตผมเสนเดียวซ่งึ เบาที่สดุ ท่ีเราไปไหนมาไหนติดตามตวั ของเราไปได
แตเม่อื จากโลกนไี้ ปแลว ตองมอบคืนเปนสมบัตเิ ดิม คือ ดิน นํา้ ลม ไฟ สงิ่ ทีเ่ หลือไปกค็ ือ
ดวงใจ และสง่ิ ทแ่ี ฝงไปกับดวงใจนั้นคือ ความดแี ละความชั่ว ซึ่งตนไดสัง่ สมไวในคราวมี
ชีวติ ธรรมชาตทิ ัง้ สองนี้เปนเงาตามตัว
เมอ่ื ทรงทราบเชน น้แี ลว กท็ รงย้าํ เขาไปอกี วา บาปเปนความช่วั เปนสง่ิ ที่เหน็ ไดชัด
แตบุญที่เปนความดีน้ีจะตามเราไปถึงไหน กท็ รงพิจารณาบญุ และบาปอกี ใหเ ห็นชดั โดย
ทางปจจยาการ เรียกวา ปฏิจจสมุปบาท คนเขา ไปถงึ อวชิ ฺชาปจฺจยา สงขฺ ารา เปน ตน
เร่ืองความเกดิ ต้งั กําเนดิ มาแตอ วชิ ชา ติดตอแตกแขนงเปนลําดับ ๆ คือเปน กิ่ง เปนกา น
เปน ใบ เปนดอก เปนผล ตอตนตอลาํ ไป จนกระทงั่ ถึง สมุทโย โหติ ท่ีทานเรียกวา ราก
เหงา ของอวิชชา เปนเครือ่ งตดิ ตอ แขนงไปอยา งน้ี
แวนดวงใจ ๑๔๐
กัณฑ์เทศน์ท-ี่ ๑๑๖๓๙: -ธรรมสงั เวช
๑๔๑
เม่ือพระองคทรงพจิ ารณายอ นกลับไปกลบั มา จนทรงเหน็ ชดั ตามเปน จริงในอวิชชา
วาเกิดข้ึนจากธรรมชาติ คือดวงใจนีแ้ ลว จงึ ทรงกําหนดพนิ จิ พจิ ารณาเรอื่ งใจดวงท่เี ปน
อวิชชาน้นั ดว ยพระปญญา ในคนื วนั เพญ็ เดอื น ๖ กท็ รงเห็นแจม แจงชัดเจน อวิชชาไดแ ตก
กระเดน็ ไปจากพระทยั ของพระองคใ นคืนวันนน้ั จงึ ปรากฏวาพระพทุ ธเจา ของเราไดต รัสรู
ในคนื วนั เพญ็ เดือน ๖ เปนอนั วา พระองคไดท รงขบคิดปญ หาตงั้ แตค ืนวนั เสด็จออกผนวช
จนถงึ วันเพ็ญเดือน ๖ รวมเปน เวลา ๖ ป ปญ หาทัง้ หมดในเร่อื ง เกดิ แก เจ็บ ตาย ในเรื่อง
ความหมุนเวียนเปลยี่ นแปลงแหงจิตใจและธาตขุ นั ธทัง้ หลายไดจบสน้ิ ลงในวันนั้น แลวได
ทรงทราบชดั วา พุทโธคือความบรสิ ุทธ์ิไดผดุ ขึ้นแลวในพระทยั ของพระองค เปน พุทโธที่
พนจากกิเลสตัณหาอาสวะ เปน พทุ โธท่บี ริสทุ ธ์ิเตม็ ท่ี เปน พทุ โธที่หมดความกังวล เรยี กวา
ผา นพนโลกไมไดน ีไ้ ปเสีย กลายเปน โลกที่ใหนามวา โลกุตรธรรม คือธรรมทีส่ ูงกวา แดน
แหงสมมุติ คอื พนจากแดนแหงความเกดิ แก เจบ็ ตายนี้ไปไดเ ปน องคแรก
เมอื่ พระองคไ ดท รงตรสั รใู นคนื นั้นแลว ทรงมีพระทัยจะสง่ั สอนบรรดาสัตว คร้งั
แรกของพระองคมคี วามทอพระทยั ในการจะทรงแนะนําสั่งสอนสัตว ดว ยเหน็ วา พระธรรม
ท่ีทรงไดรูไ ดเ ห็นนี้ เปน ธรรมทีเ่ หลอื วสิ ยั ของมนุษยผ มู กี ิเลสอยา งพวกเราท้งั หลายจะ
สามารถรไู ด แตเ มื่อพิจารณาพระองคเ ทียบกบั บรรดามนษุ ยท ้ังหลายแลว เหน็ วาพระองคก ็
เปนมนษุ ยเ ชน เดียวกบั มนษุ ยท ัว่ ไปในโลก เหตใุ ดจึงทรงรไู ดเห็นไดเลา ก็ยอ นเขา ถงึ
ปฏปิ ทาขอดําเนนิ เมอื่ มปี ฏิปทาเครือ่ งดําเนนิ ใหถ ูกทางแลว ตองเปนเหตุใหถงึ จดุ หมายได
โดยดี จึงทรงมพี ระทัยท่ีจะทรงแนะนําส่งั สอนสตั ว โดยเหน็ วา บรรดาสตั วท ง้ั หลาย ถาไดร ับ
การอบรมสั่งสอนตามแนวทางที่ถูกตองแลว ก็จะสามารถรไู ดเหน็ ไดเ ชน เดียวกับพระองค
จงึ ทรงปลงพระทยั แนะนาํ สัง่ สอนบรรดาสตั วทง้ั หลายเปนลําดับมา ปรากฏวา พระองคเ ปน
ศาสดาสอนพระองคอ ยางสมบรู ณแ ลว จงึ ทรงเปน ศาสดาสอนโลกไดอ ยา งสมบรู ณเ ปน
ลําดบั มาตลอดทกุ วนั นี้
เพราะฉะน้นั วันน้ีบรรดาทานพุทธศาสนิกชนท้ังหลาย ไดอ ตุ สา หพยายามมา
บําเพ็ญกศุ ลในสถานที่น้ี อันเกี่ยวกบั เจาพระคุณธรรมเจดีย ซ่งึ ทานถงึ มรณภาพบรรจศุ พ
ของทานไวในโกศ ไดมาสดบั ตรับฟงพระสทั ธรรมเทศนาและไดปลงธรรมสังเวชวา ทานเจา
คณุ พระธรรมเจดียก บั เราน้ีเปน ธาตุ ๔ ดิน น้าํ ลม ไฟ อันเดยี วกนั ตามบาลที ีก่ ลาวไวใน
เบือ้ งตน น้นั วา อจริ ํ วต ยํ กาโย กายเปน ของไมต ั้งอยมู ัน่ คงถาวรเชน เดยี วกบั พระคุณทา น
ปฐวึ อธเิ สสสฺ ติ ฉุฑฺโฑ อเปตวิฺญาโณ อยางไรกต็ องนอนทบั แผนดิน เมื่อวญิ ญาณได
แวน ดวงใจ ๑๔๑
แว่นดวงใจ : -ภา๑ค๗๐๑ -อบรมฆราวาส
๑๔๒
ปราศจากแลว นแี่ สดงใหเราทั้งหลายไดพินิจพจิ ารณาองคของทานทีม่ รณภาพไปแลว กับ
เราที่ยังมชี วี ติ อยู มีความแตกตางกนั ตรงไหนบา ง
ตา งกนั ตรงทีผ่ มู ีวญิ ญาณยงั ครองอัตภาพอยู กบั ทานท่มี ีวญิ ญาณปราศจากไปแลว
เขาใหชื่อวาตายแลว เทาน้ัน เม่ือวญิ ญาณไดป ราศจากตวั ของเราแลว เขาจะเรยี กเราวา อยา ง
ไรอีก กต็ องย้าํ รอยกันลงไป เชน เดยี วกบั พระคณุ ทานที่ปรากฏเปนสักขีพยานของเราท้งั
หลาย ณ บดั น้ี เพราะเหตนุ ัน้ เราทง้ั หลายท่ีมานี้ จงึ มาปลงธรรมสงั เวชอนั เปนเหตุใหระลกึ
ถึงตัวของเรา จะไดไมประมาทนอนใจ บําเพ็ญคณุ งามความดีเพื่อเปน เครอื่ งพยงุ จงู ใจให
ไปเกิดในสถานทด่ี ี แมจ ะไดมาเกดิ เปน มนษุ ยกจ็ ะเปน มนษุ ยที่ดี มคี วามเฉลียวฉลาดดวย
อาํ นาจวาสนา ความรูวิชา ตลอดถึงโภคสมบตั ิศฤงคารบริวารจะเปนมาดวยอาํ นาจแหง
ความดีของเรา เมื่อตายแลว หมดการกระทําดกี ระทําชั่ว ยอมเสวยผลกรรมทต่ี นไดท ําไว
แลว
บัดนี้ขณะนเ้ี ราท้งั หลายทกุ ๆ ทานยังไมสายเกินไป เปน ผูพ อเหมาะกับกาลเวลา
เรียกวา มัชฌิมา ในการทาํ คณุ งามความดี สามารถจะบาํ เพญ็ ตนใหเ ปนไปเพ่ือความเจริญ
ท้ังทางโลกทางธรรมได ดว ยการกระทาํ ของเรา เมือ่ ตายแลวกห็ มดวสิ ัยจะทําดที ําชัว่ ตอ ไป
ไดแลว ทา นเปรียบดว ยทอ นไมทอ นฟน ไมเปนประโยชนอ ันใด แตท อนไมทอ นฟนน้ันยัง
เอามาทําเปน ฟนหงุ ตมได หรือจะมาทําประโยชนอยา งอ่ืนกย็ ังได สวนเราทต่ี ายไปแลวจะ
ทาํ อยางนน้ั ไมไ ด แมจ ะทําเปน ฟนเปนถา นก็ไมได จะทําปลารานํ้าปลากไ็ มไดอกี เหมอื นกัน
เรยี กวา หมดราคาในคนตาย จะบําเพญ็ คุณงามความดตี อ ไปอีกไมไดแ ลว
พระองคต รัสไวว า นพิ พฺ านํ ปรมํ สุ ญฺ ํ พระนิพพานเปนธรรมทีส่ ญู ส้ินจากทกุ ข
จากภัย จากความเสนียดจญั ไรทกุ ๆ อยา ง นพิ พฺ านํ ปรมํ สขุ ํ ในขณะเดียวกัน เมอ่ื สญู ส้ิน
จากส่งิ ทง้ั หลายเหลานน้ั แลว ยังกลายเปนธรรมบรมสุขยงิ่ กวา ความสขุ ใด ๆ ในโลกน้ีอกี
โก นุ หาโส กมิ านนโฺ ท นจิ จฺ ํ ปชฺชลิเต สติ เพราะเหตนุ ั้น บรรดาทานทง้ั หลายจงรีบมา
ตามเราตถาคตในเดีย๋ วนี้ อยาพากนั มีความประมาทนอนใจในชวี ติ จิตใจของตน ซึง่ ปรากฏ
อยูกบั ดวยลมหายใจเทา นัน้ เม่ือลมหายใจดบั ลงไปแลว จะเปน คนหนมุ คนแก คนขนาด
ไหนกต็ าม เขาเรียกวาคนตายทัง้ นน้ั ฉะน้นั อยา ไดพากันประมาทนอนใจกบั ลมเพียงเทา น้ี
ไฟกเิ ลสตัณหากาํ ลังลกุ ลามไหมหวั ใจสตั วผ ปู ระมาท ใครฉลาดจะพน ไปกับเราตถาคต
หมดอํานาจของกเิ ลสจะตามทนั จงใหร ีบตามเราตถาคตไปดวยขอปฏิบตั ิ ดวยทาน ดว ยศลี
ดว ยภาวนา
แวนดวงใจ ๑๔๒
กณั ฑเ์ ทศน์ท-่ี ๑๑๗๓๑: -ธรรมสงั เวช
๑๔๓
จงมองดูตวั ของเราใหชัด มองดูหนงั ดเู นอื้ ดตู ัวของเราใหช ัดดวยปญญา หนังภาย
นอกทเี่ ราไปดใู นโรงหนงั โรงลเิ กโรงละครนั้น เปนหนังท่จี ะเพมิ่ ความทะเยอทะยาน ความ
ฟงุ เฟอเหอ เหิม เปนเหตุใหเ สียนสิ ัยต้ังแตเ ดก็ จนกระทัง่ ถึงเปนผูใหญ เสียเงินเสียทองไป
เพราะสิง่ เหลาน้นั กม็ ากมาย โดยไมคอยจะไดคติในทางทีด่ ี นอกจากจะเปนไปในทางเพลิน
เสยี โดยมาก การดหู นงั เนอ้ื เอ็น กระดูก และทุกสว นในรางกายของเราซงึ่ เปนภาพยนตรที่
มีอยูกบั ตวั นี้ จะไมต องเสียอฐั เสียสตางค ยิ่งจะใหเกิดธรรมสงั เวช เปนเหตุใหเดินตามรอย
ของพระพุทธองค ดว ยความเหน็ โทษในกองทุกขที่ตรสั ไววา โก นุ หาโส กิมานนฺโท นจิ จฺ ํ
ปชชฺ ลเิ ต สติ
อยาพากนั รน่ื เรงิ บนั เทงิ จนเกนิ ไป ใหมองดสู กลกาย ความแก ความเฒา ความชรา
ความจะแตก ความจะทาํ ลายน้นั จะไมทําลายท่ไี หน นอกจากจะแตกทาํ ลายในตวั ของเรา
จะตายในตวั ของเรา รบี เรง หาคณุ งามความดี เวลานีต้ ะวนั ยงั ไมอ สั ดง คือตัวของเรายังไม
ตาย ใหรีบเดนิ ตามพระตถาคตเจา ไปเดี๋ยวน้ี พวกทา นทั้งหลายจะปลอดภยั ไฟราคะ ไฟ
โทสะ ไฟโมหะ จะไมก ลมุ รมุ เผาลนทานท้งั หลายอีกตอ ไป เชนอยา งเราตถาคตน้ี เรา
ตถาคตนเ้ี กิดสุดทายในคร้ังเดียวเทาน้ัน เราไดต ัดขาดจากมติ รจากสหาย คอื ความเกิด
ความแก ความตาย ความกงั วลท้ังหลายแลว จะไมต อ งมาสูโ ลกซึ่งเปน โลกหมนุ ตวั เปน
เกลียวอีกตอ ไป นเ้ี ปนธรรมที่ประกาศใหเ ราพทุ ธศาสนกิ ชนท้งั หลายไดท ราบและตน่ื ตัวไม
ใหมัวเมาประมาท
ธรรมคําส่ังสอนทพ่ี ระองคตรสั ไวแลวนัน้ เปนมชั ฌิมา มคี วามเปน กลางอยูเสมอ
ใครทาํ ดวี นั ใด ใหท านวนั ใด เจรญิ ภาวนาหรอื รกั ษาศีลเมอื่ ใด เปนคุณงามความดี จะ
ปรากฏผลตลอดเวลา ใหเดินตามตถาคตเจา ไปอยา งน้ี น้ีเปนพระโอวาทของพระองค
สมเดจ็ พระผูมีพระภาคเจา นีแ่ สดงเรือ่ งธรรมชาตทิ ่ปี ระเสริฐเลิศกวาสง่ิ ใด ๆ ในโลก คือ
นพิ พฺ านํ ปรมํ สุ ญฺ ํ ไดแ กนิพพาน เปน ธรรมท่ีสูญสิน้ จากสงิ่ ท้งั หลาย ชื่อวากองทุกขแม
แตนอยจะไมมีในพระนพิ พานน้นั ๑ นพิ พฺ านํ ปรมํ สขุ ํ ไมมคี วามสขุ อนั ใดทเี่ ราท้งั หลาย
ไดผานมาในโลกน้ีจะเปนเหมือนความสขุ ในพระนิพพานน้ัน ๑ อเปตวิฺญาโณ นริ ตฺถํว
กลงิ ฺครํ ทานทงั้ หลายอยาเพลิดเพลินรื่นเริงกับทอ นไมท อ นฟนอันจะแตกจะดับ และลม
หายใจฟอด ๆ อยางนจ้ี นเกดิ ไปเลย จงตามเราตถาคตไปดว ยขอวตั รดว ยขอปฏิบตั ิ ดว ย
ทาน ดว ยศีล ดว ยภาวนา อยา เปน ผนู อนใจ ประมาทในชีวติ สังขารของตน
เขาตายกนั อยูท ่วั ท้ังแผน ดิน ซง่ึ เปนครสู อนเราแลว ทาํ ไมจงึ พากนั ประมาทเลา
แสดงเหมอื นกบั วาตะโกนเรียกเราใหร บี บาํ เพ็ญตน เพอ่ื ตามเสดจ็ พระองคไ ปใหพน ภยั คอื
แวน ดวงใจ ๑๔๓
แวน่ ดวงใจ : -ภา๑ค๗๒๑ -อบรมฆราวาส
๑๔๔
กองทุกข ซ่ึงมอี ยูในรา งกายและจิตใจ และเผารุมเราอยูต ลอดเวลาไมมเี วน ระยะแมแตข ณะ
เดยี ว สงั ขารรา งกายของเราเขาแสดงการทา ทายเราอยเู สมอวา สภาพอันน้เี ปน สภาพทว่ี าจะ
แตกแน ๆ ถา พูดตามภาษาของเรากเ็ หมือนวา กองทกุ ขเ ตม็ ตวั ทานรูหรือยัง แสดงความ
เอารดั เอาเปรยี บตลอดมา ถา ไมไ ดกนิ อยูหลับนอนเปนประจํา เขาตอ งแตกสลายโดย
ถา ยเดยี ว เพราะขันธนี้เปน สิง่ ท่อี ยเู ฉย ๆ ไมได ตองพยายามพะเนา พะนอ อุปถัมภ
อุปฏ ฐากดูแลรักษา อิริยาบถท้งั ๔ เปนเรือ่ งจะตองทําเพอื่ กายของเราท้งั นนั้
แตก ารแสดงธรรมทั้งหมดน้ี บรรดาทานผฟู งจะนําไปประพฤตปิ ฏบิ ตั ิใหไดผล
ประโยชนแกตนมากนอ ยเพียงใดน้ัน ขนึ้ อยูกับความสามารถ ข้นึ อยูกับกาํ ลังสติปญ ญา
หรือความคิดของตนเอง เปน ไปไดตามกาํ ลงั ศรทั ธาความสามารถ ยอ มไมเสียประโยชน
วันนีไ้ ดแ สดงถึงเรื่อง อจริ ํ วต ยํ กาโย ปฐวึ อธเิ สสสฺ ติ ไมว า กายของใคร ๆ ท้งั น้ัน
ไมจ รี ังถาวร เปนเรอื่ งเกดิ ๆ ตาย ๆ ถึงเราจะวาเรามอี ายยุ นื อยตู ัง้ ๖๐ ป ๗๐ ปก ็ตาม จาก
นน้ั มาถงึ วันตาย มันคลา ย ๆ กับวาเพียงชัว่ โมงเดียวเทา นั้น การราํ่ รร้ี าํ่ ไร การซ้าํ ๆ ซาก ๆ
แหงความเกดิ ความตาย ความทุกข จงึ เปนของทนี่ า รําคาญสาํ หรบั นกั ปราชญ คือพระพุทธ
เจา แมเราจะไมส ามารถทําไดอยา งพระองคทานกต็ าม แตก ็ควรจะนาํ แบบของทานไปพินจิ
พิจารณา แลว อตุ สาหประพฤตปิ ฏิบตั ติ ามคําสอนของพระองค จะเปน ไปเพอ่ื ความเจริญรงุ
เรอื งท้งั ในชาตนิ แ้ี ละชาติหนา ไมเ สียเวลาเปลาทไ่ี ดใ นความเปนมนษุ ยซ่งึ เปนชาตทิ ีส่ ูงสดุ
กวา บรรดาสตั ว ท่เี ขาไมม โี อกาสเหมือนอยางเรา ครองสมบตั แิ หงความเปนมนุษยอ ยู ณ
บัดน้ี
ในอวสานแหงพระธรรมเทศนานี้ ขอบญุ ญานภุ าพแหงองคสมเดจ็ พระผมู ีพระภาค
เจา พรอมทง้ั พระธรรมและพระสงฆ จงมาปกเกลาเหลาทา นพุทธศาสนกิ ชนทัง้ หลาย ที่ได
อตุ สา หม าดว ยความเต็มอกเต็มใจ ใหมีความสุขกายสบายใจทุกทิวาราตรกี าล ดังไดรบั
ประทานวิสัชนามาในธรรมคําส่ังสอนขององคส มเดจ็ พระผมู พี ระภาคเจา เหน็ วา สมควรแก
เวลา ขอยตุ ิลงดวยเวลาเพียงเทา นี้ เอวํ กม็ ดี ว ยประการฉะน้ี
www.Luangta.or.th
แวนดวงใจ ๑๔๔
กณั ฑ์เทศน์ท- ่ี ๑๑๗๓๓: -ธรรมสังเวช
เมอ่ื เเวทมนั ่ือศเททวนศนัี่ อ๑นทบ์อ่ี๗๑รบ๗มรกมกฆรฆกกฎรกรราฎัณกาแววฏาาหฑาคาสสคม่งท์ มณกณี่ พ๑พรวุทวุท๔รดั ธัดธมปศปศาา่ักักบบรราา้าาชนนชตต๒๒าาด๕ด๕๐๐๖๖ ๑๔๕
ยึดหลักมัชฌมิ าไวใหดี
ทุกทา นที่มาจากสถานทต่ี าง ๆ มุงหนา เพ่ือศกึ ษาและปฏิบตั ิ เจตนาทีเ่ คยตัง้ ไว
อยา งไร โปรดคาํ นึงเสมอ เพราะเจตนาเปนหลกั สําคัญ และเปน เคร่ืองเตือนใจไมใหเ ขว
ไปจากหลกั ของการดําเนนิ อัตสมบัติเปน สิง่ สาํ คญั มากกวา ส่งิ อน่ื ใด ฉะนนั้ อริ ยิ าบถทง้ั สี่
คือ ยืน เดนิ นัง่ นอน พึงสํานกึ ถงึ เรอื่ งของตวั เสมอ เรอ่ื งท้ังหมดท้ังภายนอกและภายใน
จงถือเปน เรอ่ื งของตัวจะวินจิ ฉัยใหท ราบเหตุดีเหตชุ ั่ว แลวปลอยวางไวตามควร การ
ปฏบิ ัตไิ มไดผลเทา ท่คี วร โดยมากเนือ่ งจากการลมื ตัวและลมื เร่อื งของตวั ซ่งึ ควรจะปฏบิ ตั ิ
ตอกัน เฉพาะอยา งย่งิ คือ การปรับปรุงจิตใจใหมคี วามมัน่ คงตอ หลักธรรม และรูว ิธีรักษา
ไวไ มใ หส่ิงที่ชัว่ เขามาแทรกซึมได นน้ั แล เปน ทางปฏิบตั ิชอบของพระผูมเี พศสงั วร และ
พากเพยี รในทางทีช่ อบ
โลกที่มคี วามเจริญรุงเรอื งทั้งดานวัตถุและดา นจติ ใจ เน่อื งจากการปรบั ปรุงจติ ให
มหี ลกั ฐานมน่ั คงตอตนเองและหนาท่กี ารงาน ไมป ลอยใจใหรวนเรไปตามอารมณเครื่อง
ผลักดันไปทางหายนะ หรือเปนสอ่ื แหง ความหายนะ จงึ สามารถสรา งตนและโลกใหเ ปน
ปก แผนแนนหนาได คนมหี ลักใจชื่อวา มีหลกั ทรัพยเปน เครือ่ งประดับตน ทาํ ผูนัน้ ใหงาม
และมสี งาราศใี นสังคมและทีท่ ั่วไปไมมวี นั จืดจาง ไมม เี ครอื่ งประดับใดจะสามารถทําคน
ใหงามตลอดวัย เหมอื นผูนําธรรมมาเปน เครือ่ งประดับกาย วาจา ใจของตน เพราะ
เคร่ืองประดบั อน่ื ยอ มเปน ไปไดตามวัย จากน้ันก็รวงโรยไปเพราะขาดความนิยม ไม
เหมอื นธรรมซง่ึ เปน ความงามอยูตามหลักธรรมชาติ
ฉะน้ัน การอบรมใจใหมีรากฐานมน่ั คงดวยธรรมและความรูว ชิ าเคร่ืองรักษาตน
แตตนมือ เปน ส่ิงสาํ คัญและจําเปนอยางย่ิงในคนทกุ ช้นั ทกุ วัย เชน พอแมอบรมเดก็ ตาม
โอกาสอันควร และสง เด็กเขา โรงเรยี นเสียตงั้ แตเ ม่อื ยังเด็ก ๆ เพอ่ื ใหเ ด็กมีความรวู ชิ า
และมีเหตุผลในสง่ิ ตา ง ๆ ไปในระยะนั้น จะไดไมเ ปนคนงมงาย ทัง้ เปนการฝกหัดเด็กให
รกู ารงานในหนา ท่ขี องตวั จนกลายเปนคนเคยชินตอหนา ท่ที ่ตี นจะควรทํา ไมเ ปนเดก็
เกยี จครานและเกเร เพราะหนาท่ีของพอแมจะสามารถใหก ารอบรมดูแลเดก็ ในดานการ
งานแขนงตาง ๆ ตลอดวิชาความรอู ยา งเต็มที่ได ก็ในระยะท่ีเดก็ กําลงั หัวออ นและอยูใน
แวน ดวงใจ กัณฑ์เทศน์ท-่ี ๑๑๑๔๔๗๕๕: ก-ฏแหง่ กรรม
๑๔๖
ความปกครองของตนเทา นั้น จากนัน้ จะหาโอกาสใหความรแู กเด็กไดยาก แมเ ขาจะ
ประพฤติตัวเปนคนเสยี คนเกเรไปมากนอ ยเทาไร พอ แมย อมหาทางดัดแปลงแกไ ขได
ยาก
อนงึ่ เด็กประเภทเกเรและโงเขลา พอแมจ ะเลี้ยงดใู หม วี นั เติบโตไมไดเลยตลอด
กาล แมเ ขาจะมคี รอบครวั หรอื โยกยายไปอยูท ่ไี หนแลว กจ็ าํ ตอ งมารบกวนออ นวอนและ
ถากเนือ้ เถือหนงั กัดแทะกระดูกพอ แมอ ยทู าํ นองนนั้ ไมม วี นั ทพี่ อแมจ ะอยสู บายใจได
เลย การเล้ียงดเู ด็กโง เดก็ เก เด็กเกียจคราน รูส ึกเปน เคราะหก รรมของพอ แมอยา งหนัก
ยง่ิ กวาภูเขาทง้ั ลูกเสียอีก ดังน้นั การตะเกยี กตะกายอบรมสงสอน และหาอบุ ายใหเ ดก็ มี
ความรูความฉลาดในวิชาและหนา ทก่ี ารงาน จงึ เปน ภาระอนั หนกั ยง่ิ ของพอแมแ ตละ
ครอบครวั
การสง เดก็ เขา โรงเรยี น และจา งครมู าสอนวิชาพเิ ศษใหในเวลาเดก็ วา ง ตลอด
การอบรมสง่ั สอนใหร ูจ กั กจิ บา นงานสงั คมและว่ิงเตนหางานใหเด็กทํา ทัง้ น้กี ็เพอื่ จะฉุด
ลากเดก็ ขึ้นจากหลมลกึ ซง่ึ เปนเหมือนเหวขวางหนาเด็กอยู ไดแกค วามขดั สนจนทรพั ย
อับปญญา ซงึ่ จะเปนเคราะหก รรมอันรายแกเ ด็กในอนาคต ทพ่ี อ แมผ ูคอยรับบาปกรรม
ดว ยจะนง่ิ นอนใจอยไู มไ ด ตองรบี หาหนทางหลีกเลี่ยงใหเด็กเสยี แตต น มือ จนกวาเด็กจะ
มคี วามรคู วามฉลาด ทั้งดานความรวู ิชาและดา นหนาทก่ี ารงาน แตการเลีย้ งดคู นฉลาด
และเชื่อฟง ทัง้ มีความขยันหม่นั เพยี ร ยอมมวี ันเติบโตและเบาใจแกผ ูรบั เล้ยี ง นอกจาก
นนั้ เขายังมองเห็นบญุ คณุ พอ แม และทา นผเู คยมบี ุญคุณแกเขา แลวพยายามหาโอกาส
ตอบแทนบญุ คุณจนได ไมเ ปน ทาํ นองวา กูยมื ไปแลว ไมก ลับมาแทน หรือรับประทาน
แลวตองรับประทานยาถา ย ไมเ ชนนั้นเขา แลว ไมยอมออก
ยอ นกลบั มาหาผเู ปน ลกู พระตถาคต ที่ปรากฏวา เปน ผูกินอยหู ลบั นอนใตร มเงา
แหง พระเมตตาของทาน จะควรทําความรูส ึกและปฏบิ ตั ิตนอยางไรบา ง ตอ พระโอวาทท่ี
ทรงส่ังสอนไวทุกแงทุกมมุ และเปน พระโอวาททอ่ี อกจากพระทัยทฉี่ ลาดและบริสุทธข์ิ อง
พระองค ทาํ อยา งไรจงึ จะเปนผฉู ลาด และเล้ยี งตวั ดว ยอามสิ และธรรมโดยความเย็นกาย
เยน็ ใจ และเปนการประดับเกียรตทิ าน ไมเ ปน การบอบชาํ้ แกพ ระโอวาทท่ปี ระทานไว
หากจะทําตวั แบบลูกคนโง คนเก และเกียจครานของพอแมแลว กจ็ ะเปนทาํ นองวา เลีย้ ง
ไมม ีวนั เติบโตสกั ที กดั แทะพระพทุ ธศาสนาอยูเร่อื ยไป พระพุทธเจา และพระศาสนาก็
พลอยไดร ับความชอกชํ้าไปดวย ผมู คี วามรูและปฏิบตั ิเปน ลมุ ๆ ดอน ๆ ไมเปน ไปตาม
แวน ดวงใจ ๑๔๖
แวน่ ดวงใจ : -ภา๑ค๗๖๑ -อบรมฆราวาส
๑๔๗
ทางพระโอวาทของทา น เพราะพระพุทธเจาทรงสั่งสอนพุทธบรษิ ทั ดวยธรรม ๘๔,๐๐๐
พระธรรมขันธ เชนเดยี วกบั บดิ ามารดาส่งั สอนบุตรธดิ าท่รี ักยงิ่ ของตน
พระสาวกทา น ถาเปนลกู ก็เปนลกู ประเภทที่เล้ียงงา ยและโตเรว็ รบู ญุ คณุ และ
เสริมเกยี รตวิ งศส กุลใหมสี งา ราศี ถา เปน พระก็เปน พระประเภททไี่ วว างพระทยั ของพระ
พุทธเจา ท้งั ยังทรงพระชนมอ ยแู ละนพิ พานไปแลว เปนผสู ามารถนํามรดก คอื ศาสน
ธรรมใหเล่ืองลอื แกโลกแทนพระองคท านได ไมเขา ในลักษณะลกู เก และทําลายวงศส กุล
คอื ทีเ่ กดิ ท่อี ยอู าศยั นาํ ไฟมาเผาบา นเผาเรอื น พอแมญ าตวิ งศใหฉิบหายเดือดรอ น โปรด
คาํ นงึ ถึงเร่ืองท่ีกลาวมาและคํานงึ ตัวเสมอ วาเราเปน ลูกพระตถาคต ปรากฏตัวในวงศ
พระศาสนาผูหน่ึง เปน ผูมสี ทิ ธแิ ละหนาท่จี ะนาํ บําเพ็ญตัว ใหเปนลกู ท่ีดีและดยี ิ่งของพระ
ตถาคต ดว ยขอปฏิบตั ิท่ีประทานไวแ ลว อยา งสมบูรณ
ศลี ทานปฏบิ ัติรักษาอยา งไร สมาธิทา นบําเพ็ญอยางไร ปญญาทา นเจรญิ อยา งไร
จงึ เปน ไปเพื่อความประเสรฐิ และประดับองคพ ระพทุ ธเจา และสาวกทา น จนกลายเปน ผู
ประเสริฐเลิศโลกขึน้ มา ธรรมท้ังนเี้ วลานี้ซอนองคอยูทไ่ี หน ช่อื ของพระธรรมเหลานีเ้ รา
เคยอานกนั จนตดิ ปากชนิ ใจ สวนองคของธรรมทีแ่ ทจริงนน้ั อาจจะถูกนง่ั ทบั นอนทับอยู
ดวยความเกยี จครานออนแอไมสนใจ จงึ ไมค อยปรากฏองคข นึ้ มา ถา ปลอ ยใหค วามสน
ใจและความขยันหมน่ั เพยี รมีโอกาสคยุ เขย่ี ขดุ คน บา ง กอ็ าจจะถกู เปด เผยเปน ศีล เปน
สมาธิ เปนปญญา เปนวมิ ุตตแิ ละเปน วิมุตติญาณทัสสนะขึ้นมาทกี่ าย วาจา ใจ ของผู
บาํ เพญ็ นน้ั บา ง
เพราะท่เี คยปรากฏแกพ ระพทุ ธเจา และสาวกทุก ๆ พระองค ก็ทราบวา ปรากฏขึน้
ที่นั่น ไมม ีท่อี ื่นเปน ท่ีปรากฏเลย และปรากฏข้นึ ทางความขยันหมนั่ เพยี รและสนใจ ไม
ปรากฏวา มีทางอ่ืนเปนที่เกิดขน้ึ แหง ธรรมเหลา น้ันเลย แมค าํ วา ธรรมเกยี จครา น ธรรม
มักงา ย ธรรมออนแอ ธรรมสะดวก ธรรมสบาย เพอ่ื การปฏบิ ตั ิจะไมตอ งเสียเวลาและ
ลาํ บาก ก็ไมค อยปรากฏวามีไวต อนรับ ผชู อบความสะดวกสบายกอนปฏิบัติและขณะ
ปฏบิ ัติ ใหไดร ับผลทันกับความตอ งการ นอกจากท่ีกลาวไววา ธรรมทง้ั หลายเกิดแตเหตุ
ถาเหตดุ ผี ลกด็ ี เหตชุ ั่วผลกช็ วั่ เหตสุ มบูรณผลกส็ มบูรณทั้งฝา ยดีฝา ยชั่ว ผลคอยอาํ นวย
ตามเหตเุ ทา นน้ั
แมอ งคของพระพทุ ธเจาเองขณะท่ที รงบาํ เพญ็ อยู กป็ รากฏในพระประวตั ติ าม
ภาษาโลก ๆ เราวา รอดตาย จงึ กลายเปนพระพุทธเจา องคทรงความบรสิ ทุ ธ์ิข้ึนมาใหโ ลก
ไดก ราบไหว ไมปรากฏวามีธรรมออนแอเปนตน มารอรับสนองพระองคใ หไ ดร ับความ
แวนดวงใจ ๑๔๗
กณั ฑ์เทศน์ท-่ี ๑๑๗๔๗: ก-ฏแห่งกรรม
๑๔๘
สะดวกสบายในการปฏบิ ตั ิ จนปรากฏเปน พระพุทธเจาข้นึ มาเลย หากจะมีอยบู างเพ่ือบาง
รายวา สขุ าปฏิปทา ขปิ ปาภญิ ญา ปฏบิ ตั ิสะดวกทั้งรูไ ดเ ร็ว ก็ควรคาํ นงึ ถึงคําวาบางราย ซึง่
ควรจะรับธรรมบทน้ี สวนมากรายอาจจะเปนไดอ ยา งนนั้ กไ็ ด หรืออาจจะยากและไมเปน
ไดอยา งนนั้ กไ็ ด ถาเราเปน ไดเ รว็ อยา งนนั้ เราก็เปน คนหนึง่ ของธรรมบทนัน้ แตจะเปน
รายไหนก็ตาม ขนึ้ ชอื่ วาความขยันหมน่ั เพยี รเพอื่ ความหลดุ พน ไปเสียไดใ นวันนี้ น้แี ลเปน
การดยี ิง่ กวา นอนใจเพอ่ื วนั หนาหรอื ชาติหนา ซึ่งอาจจะทาํ ใหผ บู าํ เพญ็ เกดิ ความประมาท
นอนใจ หรือถอยความเพียรพยายามอันเปน เหตุใหเ สยี ผลท่ีจะพงึ ไดร ับไปเสียได
ผูตอ งการพน ทุกขไ ปตามพระพทุ ธเจา และพระสาวกทาน โปรดสําเหนียกขอ อรรถ
ขอธรรมดว ยดี ทงั้ ภาคปฏิบัตแิ ละวธิ ีดาํ เนนิ อยา ใหเ คลื่อนคลาดจากหลกั มัชฌิมาคือสาย
กลาง จะบรรลุถึงผลเปนท่ีพงึ พอใจ ประเภทเดยี วกันกับทพ่ี ระพุทธเจา บรรลถุ ึง โดยมิ
ตอ งวติ กเดอื ดรอ นใจวา พระพทุ ธเจา นิพพานแลว ขอแตย ดึ หลักมชั ฌิมาไวใ หดีอยาให
ปลกี แวะ ผลตอ งเปนเชนเดยี วกันแนนอน เชนเดียวกับส่งิ ของท่ีสาํ เรจ็ รูปมาจากโรงงาน
ตางประเทศหรือในประเทศ ทีส่ งเขาสูหางรานหรือทอ งตลาด แมจ ะถกู ผลติ ออกมาจาก
โรงงานของประเทศใดก็ตาม เมื่อสนิ คา ไดถ ูกสงออกมาจากโรงงานนั้น ๆ แลว โรงงาน
นน้ั ๆ ยอมยังคงอยูตามปกติ มไิ ดถกู ฉบิ หายไปตามสนิ คา ทีส่ ง ออกไป และยงั สามารถ
ผลิตสนิ คา ไดอ ีกมากมายตามเคย
มัชฌิมาปฏปิ ทาน้ีเปรยี บเหมอื นโรงงานแหลงใหญในไตรภพ สามารถผลิตสาธชุ น
ทกุ ช้นั ใหม คี วามรูความฉลาดโดยลําดับ จนสามารถรแู จงแทงตลอด ซึ่งเคร่ืองปกปด
กําบงั ภายในใจ กลายเปนผบู ริสทุ ธิ์ขึน้ มาจากหลกั มัชฌิมา อันเปนโรงงานด้ังเดิมของพระ
พุทธเจา เชน เดียวกับเขาขนสินคา ออกจากโรงงานใหญสทู อ งตลาด ฉะนัน้ คุณธรรมท่ี
เปรียบเสมือนสนิ คา ซ่ึงผูบาํ เพญ็ จะพงึ ไดร บั เปนเกียรติ ท้ังชาตินี้และชาติหนา ตลอดคุณ
ธรรมอันเปย มนัน้ จะนบั ประมาณคุณคา ราคาไมไ ด
เพราะไมเคยปรากฏมรี ายใดสามารถนําเอาคุณธรรมท่ตี นและผูบําเพญ็ จนปรากฏ
ผลแลว ออกตรี าคาคา งวดของคุณธรรมขายตามตลาด วาผลของทานมรี าคาเทา นัน้ ผล
ของศีล ๕ ศลี ๘ ศีล ๑๐ ศลี ๒๒๗ มีราคาเทาน้ัน ผลของสมาธิ คือความเยอื กเย็นใจมี
ราคาเทา นน้ั ผลของปญญาเครอ่ื งรือ้ ถอนกเิ ลสมรี าคาเทาน้ัน และผลของมรรคผล
นิพพานอันเปน ธรรมเอก มีราคาเทา นน้ั พอทจ่ี ะเที่ยวกวานซอื้ คุณธรรมเหลา นน้ั มาไว
ประดบั ตนและบานเรอื น ไมต องยอมตัวเปนผูขัดสนจนใจในความสขุ ความเจริญ อนั เปน
แวนดวงใจ ๑๔๘
แว่นดวงใจ : -ภา๑ค๗๘๑ -อบรมฆราวาส
๑๔๙
สิ่งทส่ี ัตวปรารถนากันทวั่ โลกอีกตอไป จะเปน ผูน่ังนอนอยเู หนือกองสมบตั ิ คอื คุณธรรม
เหลา นน้ั
แตจ นใจท่คี ณุ ธรรมท้งั น้ไี มม ีซื้อขายตามทอ งตลาด ผูมคี วามขัดของและตอ งการ
เครื่องแกไ ขนานาประการ จงึ ไมมีทางแลกเปลยี่ นเพ่อื ผอ นคลาย ผูมคี วามสุขหรอื ความ
ทุกขมากนอย จึงเปน ภาระของตวั จะเสวยผลแตผูเดยี ว โดยจะหาผูชวยแบง หนกั แบงเบา
ไปบางไมไ ด ดงั ท่ีสัตวและมนุษยไ ดร ับทกุ ขท รมาน ซงึ่ เปน ทนี่ า สงสารเวทนา กห็ าทางแก
ไขและผอ นคลายใหไ มไ ด จาํ ตองปลอยใหผา นไปโดยกรรมของสัตวเสียเอง แมท ่ีสดุ พอ
แมข องเราไดร ับความทุกขท รมาน ก็ยังไมส ามารถชวยปลดเปลอื้ งออกใหท า นได จาํ ตอง
ปลอ ยใหเปนภาระกรรมของทา นและของเราจะพึงเสวยตามวิบากท่เี กดิ ข้นึ มากนอ ย ใน
สัตวและบุคคลเปนราย ๆ ไป
ฉะนั้น ผูมุง ความสขุ ความเจริญแกตนในปจจบุ นั และอนาคต จึงไมค วรมองขา ม
หลักของกรรมซง่ึ มอี ยกู บั ทกุ คน ถากรรมและผลของกรรมไมมอี ยูในมวลมนุษยและสตั ว
แลว โลกกไ็ มค วรทํากรรมและไมค วรไดเ สวยผลของกรรม อันเปน สวนดี ชว่ั และสุข
ทุกขอยา งที่เหน็ ๆ รู ๆ กันอยูท ั่วดินแดน ไมม ีรายใดจะอยูเหนืออาํ นาจความดี ชัว่ และ
สขุ ทกุ ขท ่เี กิดขึ้นจากกฎของกรรมทตี่ นทําไวเลย อนึ่งถา คนและสตั วทีต่ ายแลว สูญจรงิ ๆ
ก็ไมควรมคี นและสัตวม าเกิดและเสวยสุขและทุกข อนั เปนเรื่องของกรรมเกลื่อนอยูใน
โลกทเ่ี ขาใจวา ตายแลวสญู น้อี ีกตอ ไป โลกนี้จะไดม เี วลาวางจากการตอนรับความเกิด
ความตายของคนและสัตวไ ปบา ง แมจ ะมอี ยูบางกค็ วรใหเ ปนหนา ท่ีของตน ไม ภูเขา และ
ดินฟาอากาศ ซ่ึงไมร ภู าษภี าษา เปน ผเู กดิ ตาย รับเคราะหกรรมแทนมวลมนุษยแ ละสัตว
เปนการเหมาะสมยิ่ง
แตเพราะเหตุใด การเกดิ ตาย จึงเปน เรือ่ งของมนุษยและสตั วเ สยี เอง ทั้งน้ีเพราะ
กรรมและผลของกรรมไมใ ชฟุตบอล จงึ มไิ ดก ลิง้ ไปตามความชอบใจของผูตองการให
เปนตาง ๆ แตมันขนึ้ อยูก ับผูทํากรรมตา งหาก ผลคอื ความดี ความช่ัว และสขุ ทุกข จึงมิ
ไดส ญู ไปจากโลกทท่ี ํากรรมอยูเ ปน ประจํา
ฉะนน้ั การพสิ จู นดกู รรมและผลของกรรม พสิ จู นด กู ารตายแลว เกดิ หรือตายแลว
สญู พิสจู นดโู ลกนี้และโลกหนา และพิสูจนดคู วามเปลีย่ นแปลงของภพชาติ ถาไมยอนเขา
มาพิสจู นต วั เองซึง่ เปน องคก ารสําคญั ของส่งิ เหลาน้นั แลว จะไมมวี นั พบหลักฐานความ
จริงไดเ ลย เชนเดียวกบั การตะครุบเงานอกจากตัวน่ันแล เพราะหลักสาํ คญั ของสงิ่ เหลา
แวนดวงใจ ๑๔๙
กณั ฑ์เทศน์ท-่ี ๑๑๔๗๙: ก-ฏแหง่ กรรม
๑๕๐
นั้นมนั ข้ึนอยูกบั ใจของแตล ะราย ๆ ใจซ่งึ เปน ผูทาํ งานในหนา ทีเ่ หลา นีโ้ ดยตรงและเปน
เวลานานแสนนาน ทาํ ไมจะไมร ผู ลงานในหนา ที่ของตวั
งานทางโลกท่เี ขาทาํ ขึ้นมากนอยเทาไร แมจะมกี ารหลงลืมไปบาง แตเมือ่ มาตรวจ
คนดบู ญั น้ําบัญชแี ลวก็ยังพอทราบไดว า ไดม าเทา นน้ั จา ยหมดไปเทา นนั้ ยงั คงเหลืออยู
เทา น้ัน แตงานของใจทีท่ ําการส่งั สมกรรมดี กรรมช่วั ผลดี ผลชัว่ สขุ ทุกข และสั่งสมภพ
ชาตใิ หญน อ ยใสต วั เองใหไดรบั ผลเปน สุขเปน ทุกขอ ยตู ลอดกาล กค็ วรจะทาํ การตรวจคน
ดบู ญั ชีภายในใจบา ง โดยวิธีอบรมใจใหไดรบั ความสงบซง่ึ เปน วิธรี วมยอดผลรายไดท ่ีใจ
ทําและเก็บส่ังสมไว และใชปญ ญาตรวจตราคลีค่ ลายนับอา นดสู ิ่งนั้น ๆ ที่ใจทาํ และเก็บ
รวบรวมไวบ า ง ยอมจะมที างรูไดโดยลําดับ และมที างระบายหรือขบั ถา ยสิง่ ทีเ่ หน็ วาเปน
ภัยแกใจออกไดเปน ลําดับ
ย่ิงมีการรวบรวมโดยทางสมาธิ และคลคี่ ลายโดยทางปญ ญาไดมากเทาไร ก็ยิ่งมี
ทางรูเ รือ่ งของตวั มากขนึ้ วา ใจเปน ผกู อ กรรมทาํ เขญ็ สรา งภพสรา งชาติใสต วั เอง เพราะ
การเกิดการตายทุกภพทุกชาติมนั เปน เรอ่ื งของจิตแตผูเ ดยี ว ไมมสี งิ่ ใดมาแยง หนา ทท่ี าํ ได
แมการคลคี่ ลายดูสิ่งทจี่ ติ ส่ังสมไวภ ายในตนกเ็ ปนหนา ที่ของจิตจะหาอุบายเลือกเฟนเพือ่
ปลดเปล้อื งตนเอง จนปรากฏเปน อาสวกั ขยญาณข้ึนมาท่ีใจดวงเคยเปน โรงงานสั่งสม
เร่อื งตาง ๆ ทบั ถมตัวเองน้ัน คาํ วากรรมดกี ็ดี ผลของกรรมทกุ ประเภทก็ดี ตายแลวเกดิ
หรอื ตายแลวสูญก็ดี ภพหนามีหรอื ไมม กี ็ดี การเปล่ียนแปลงแหง ภพชาตขิ องสตั วก็ดี ท้งั
น้จี ะถกู เปด เผยขนึ้ มาทใี่ จโดยไมตอ งสงสัยและถามใคร
การพสิ จู นดูเร่อื งทีเ่ กดิ กับตวั มเี รือ่ งกรรมเปนตน ตอ งพิสูจนลงท่ีสาเหตุ คือใจ จะ
ไปพสิ ูจนท ่อี น่ื ไมม ีวันเจอความจรงิ ตลอดกาล แมใ จจะทําหนา ที่สงั่ สมกรรมรอ ยแปดพัน
ประการ และพาใหเ กดิ ใหตายอยตู ลอดอนันตกาลกไ็ มมที างทราบไดเลย ถา ไมพ ิสูจนลง
ทีต่ นเหตคุ ือใจ การพิสูจนไมเ จอตนเหตขุ อ เท็จจริงประจกั ษใ จ ไฉนจะสามารถรูไดว า
ความเปน มา ความเปนอยู และความไปเปนของจิต เปนมาดวยวธิ ีใด ขณะนจ้ี ิตเปน อยู
อยางไร ขา งหนา จิตจะเปน ไปอยางไร
หลกั ของวัฏฏะ ไดแ กตนเหตุ คือใจเปนผปู ระดษิ ฐก รรมดีกรรมชัว่ ใจจึงเปน
เหมอื นโรงงานผลิตส่งิ ตาง ๆ ใหสาํ เร็จรปู ออกมา ทีเ่ รยี กกันวา ผลกรรม ซ่ึงทําใหผูร บั
เสวยเปน สขุ บา ง เปน ทกุ ขบ า ง โดยไมเ ลอื กชาติช้ันวรรณะ เพราะอาํ นาจของกเิ ลสที่เปน
เช้ือฝง อยภู ายในใจผลักดนั ใหทาํ กรรม ในวฏั วนสาม ทานกลา วไวว า กิเลสวัฏฏะ กรรม
วฏั ฏะ วิปากวฏั ฏะ กิเลสเปนเหตใุ หสตั วทํากรรมและใหร ับเสวยผล วนไปเวียนมาทํานอง
แวน ดวงใจ ๑๕๐
แวน่ ดวงใจ : -ภา๑ค๘๐๑ -อบรมฆราวาส
๑๕๑
น้ตี ลอด อนนั ตกาล เพราะกิเลสเปน เหตเุ พียงอนั เดยี วเทาน้ัน วฏั ฏะของใจกห็ มุนไปเวียน
มา ไมม วี นั จบสน้ิ ถา มไิ ดด บั เชอื้ ภายในนีเ้ สียใหสน้ิ ซากลง กรรมและวบิ ากยอ มมที างสบื
ตอ การเกิดการตายของสตั ว ผูจ ําตองรบั ผลตามลาํ ดับแหงภพ จะหาวันสนิ้ สดุ ลงไมได
ตองเปนวฏั วนอยทู าํ นองน้ตี ลอดไป
การตายแลว สญู ตามความคดิ เห็นของนานาจติ ตงั น้ัน จงึ หาทสี่ อดแทรกลงไมได
ในระหวา งแหง ภพของสตั วผมู ีกิเลสภายในใจ ซ่งึ รอจะเกิดอยูทุกโอกาสทจ่ี ติ เคลอ่ื นยาย
ออกจากรางเกาภพเกา ของตน เพ่อื ปฏสิ นธใิ นภพตอไป ก็การตายแลว สูญนี้ ผูแสดงไม
สามารถจะหาหลักฐานยนื ยนั ไดวา สญู เพราะเหตุไร เพราะตามทสี่ ังเกตกนั ทวั่ ๆ ไปแลว
ไมป รากฏวามอี ะไรสูญไปจากโลกท่สี มบูรณด ว ยวตั ถุและนามธรรมนานาชนดิ นีเ้ ลย ถา
ทกุ สง่ิ สญู จรงิ ตามท่ีเขา ใจแลว สัตว บคุ คล หญงิ ชาย นานาชนิดเกดิ มาไดอยา งไร ถาไมมี
สิง่ มีอยูเปน ตัวรับประกนั แลว ทุก ๆ สิ่งไมวา เพียงสตั ว บคุ คล แมตน ไม ภูเขา ตลอดสิ่ง
ไมม ีวญิ ญาณครองทั่ว ๆ ไป จะปรากฏขนึ้ มาไมไดเลย เทาทสี่ ิ่งตาง ๆ ปรากฏตวั ขึ้นมาได
ท้งั นี้ เพราะฐานเดิมในคําวา มีรบั รองตายตัวอยูแลว เชน ดิน น้ํา ลม ไฟ อากาศ เหลา น้ี
เปน ธาตุเดมิ ตง้ั เปน หลกั อยูอยางสมบูรณ สว นอาศัยจงึ มีทางเกดิ ขน้ึ ได
สิง่ ทม่ี วี ิญญาณครอง เชน มนษุ ยและสัตวเปนตน ก็มีจิตหรอื ใจเปนเช้ือเดมิ ท่ไี มมี
การสญู เสีย เปนหลกั ประกันความเกิดใหสตั วและบคุ คลมีโอกาสปรากฏตวั ขึน้ มา คือ
อาศยั ธาตุส่ี ดิน นํ้า ลม ไฟ อากาศธาตุ อันเปน มาจากธาตุเดิมดวย อาศัยจิตอันเปนตวั
ธาตุเดมิ และรับประกันทางดา นความรูสึกประจํารางของสัตวและบุคคลดวย ทั้งฝายธาตุ
รู คือจติ และฝายธาตุไมรู คือดิน นาํ้ ลม ไฟ และอากาศธาตผุ สมสวนกนั เขาตามกฎของ
วฏั ฏะหรือกฎของธรรมชาตขิ องความหมุนเวยี นไดสว นสัดกนั แลว ยอมปรากฏตวั ออกมา
ท่โี ลกใหนามวาเกิด แตเ ม่อื ถึงกาลที่สง่ิ ผสมนส้ี ลายตัวลงสูธ าตุเดมิ ของตน ๆ โลกก็ให
นามอกี นามหน่งึ ในธาตจุ าํ พวกเดียวกันน่นั เองวา ตาย
เร่ืองเกดิ เรอ่ื งตายจงึ ออกมาจากกองผสมแหงธาตขุ องคนและสตั วร ายหน่ึง ๆ เทา
นน้ั เอง การสลายของธาตกุ องผสมนี้ยอมลงไปรวมอยูในธาตเุ ดิมอันเปน สว นใหญของตน
ตนมไิ ดสญู สน้ิ ไปไหน แมจติ ทเี่ ปน ธาตุรู เมอ่ื ออกจากรา งแลวกแ็ สวงหาทป่ี ฏสิ นธิตอไป
ตามอํานาจของเชอ้ื ทีม่ ีอยกู บั ตัวจะอํานวยในกาํ เนิดใด เปนธรรมชาตไิ มส ญู เชนเดียวกบั
ธาตุท่วั ๆ ไป
กฎแหง ความหมนุ เวยี นของธาตุยอ มมีอยเู ปนธรรมชาติแตไ หนแตไ รมา เชนสตั ว
เกดิ สตั วตาย ก็คอื ความแปรสภาพ หรือความหมุนเวยี นของธาตุนัน่ เอง มใิ ชค วามสญู สน้ิ
แวนดวงใจ ๑๕๑
กัณฑ์เทศน์ท-่ี ๑๑๔๘๑: -กฏแห่งกรรม
๑๕๒
ของธาตุ ถา ทกุ ส่ิงท่ใี หนามวา ธาตเุ ดิม แตสญู สิน้ ไปเสยี โลกนี้หรือโลกไหนก็เปนโลกอยู
ไมได เชน ธาตุดนิ ธาตนุ าํ้ ธาตลุ ม ธาตุไฟ อากาศธาตุ และวญิ ญาณธาตุ ไดสูญสิ้นไป สิง่
ท่เี ปนธาตอุ าศัย เชน ตนไมใ บหญา สตั ว บุคคล เปน ตน กส็ ญู สิ้นไปตาม ๆ กัน ไมม ีสิ่ง
ใดจะฝนตวั อยคู นเดียวและสงิ่ เดียวไดใ นโลกสญู โดยประการท้งั ปวง
วิญญาณธาตุ ถาแปลตามภาษาโลกเราฟง กนั งาย ๆ กค็ อื จติ นนั่ เอง รา งของสัตว
ของบุคคลท่ีมีความรูสกึ แฝงอยเู นื่องจากจิตเขา ครองตวั อยู แมจะมีรปู รางตางกนั แตจ ิต
ในความรูสึกเปน จิตเชนเดียวกนั ทง้ั นเ้ี ปนเพราะกรรมทีเ่ ปนพลงั ฝง อยภู ายในจิต ดีหรือ
ชวั่ เปนสิ่งผลกั ดนั ใหไ ปเกดิ ในกาํ เนดิ ตา ง ๆ แมจะเปนกาํ เนิดทไี่ มพ งึ พอใจ ก็จําตองยอม
รบั ผลของกรรมท่ีตนทําไว เชนเดยี วกบั ลูกหญิงลูกชายทเี่ กิดจากหัวอกพอแม แมจะเปน
คนหหู นวก ตาบอด ใบ บา เสยี จรติ มีอวัยวะไมสมประกอบ ก็จาํ ตองยอมรบั วา เปนบตุ ร
ธดิ าของตนฉะนั้น เพราะฉะนัน้ คนหรอื สตั วจงึ มกี ารเหลอื่ มล้ําต่ําสงู ตา งกันในคุณสมบตั ิ
ประจาํ ตน แมจ ะเปนสัตวประเภทเดยี วกัน และเปน มนุษยประเภทเดยี วกนั ก็ยอมมี
ลักษณะตา งกนั เพราะอาํ นาจแหงกรรมทที่ ําไวไมเหมือนกัน จําแนกสัตวใ หป ระณีตเลว
ทรามตา งกนั
ถามิใชกฎของกรรม คอื ยกมามอบใหเ ปน กฎของเราทกุ คนมีอํานาจเสียเองแลว
ตางก็ปน ปายขึน้ ไปอยูบนปราสาทสูงหา แสนโยชนต ั้งอยเู หนือทุกขท ั้งมวล ไมยอมใหทุกข
หนา ไหน ๆ ตามรบกวนใจไดเลย และตางก็จะหอยโหนโยนตัวอยบู นปราสาทเหนือฟา
ไมย อมมองหนาลงมาดูแดนแหงทกุ ขดังที่เปนอยูน ี้เลย นอกจากน้ันถา เปนผแู สดงแลว จะ
พาเพ่ือน ๆ หนมุ สาวชาวแสนสาํ ราญ เหาะเหนิ เดินฟา พาเทย่ี วเกี้ยวนางแสนสขุ อยบู น
ปราสาทนิรทกุ ข และเทีย่ วดูหนงั ดูละคร ดฟู อ นราํ วงในหองอนั โอโถงกวา งแสนโยชนบ น
ฟากฟาอันสูง สุดกําลังของทุกขจะเอื้อมถึง ทง้ั เปน สถานที่นา เจริญหู เจริญตา เจรญิ ใจ
ทง้ั เปนความสงางามและทรงไวซ ง่ึ สิรมิ หามงคล ไมม สี ิง่ ใดเสมอเหมือนในแหลง แหงไตร
โลกธาตุ
แตม ันไมเ ปน ไปตามกฎทน่ี กึ ใฝฝน มหิ นาํ ยงั กลบั มาปลง อนจิ จฺ า วต สงฺขารา
เปน ธรรมสงั เวชในสังขารธรรมซง่ึ เปน กองธาตุสวนผสม มีความแปรปรวนประจําตน
ตลอดเวลา ตามกฎแหงวฏั วนสาม และนําทุกขมาให เหมอื นแมนาํ้ ลําธารไหลรินอยดู ว ย
ความทกุ ขไมม ีวันจบสนิ้ ลงได
คําวาภพหนามีหรือไมน ้นั โปรดทราบตามวถิ แี หง การเกิดตายของสัตวทีอ่ ธิบาย
ผา นมาแลว เพราะถา ไมม ีภพชาติ การเกิดตายของสัตวก ็ยตุ ิกนั ลงได ไมมอี ะไรมาทําให
แวน ดวงใจ ๑๕๒
แว่นดวงใจ : -ภา๑ค๘๒๑ -อบรมฆราวาส
๑๕๓
กําเรบิ ท้ังนีเ้ น่อื งจากสง่ิ ท่ีเปนเชอื้ อยูภายใน ทาํ ใหจิตกาํ เริบและหมนุ ตัวเปนภพเปนชาติ
ข้ึนมา และพวงเอาทุกขใ นแหลงแหงไตรโลกธาตตุ ดิ มาดว ย
“โลกหนามหี รอื ไม” กว็ านนี้และวันน้ยี ังมี วนั พรุง นจ้ี ะหามไมใหมีไดอ ยา งไร
เพราะทง้ั สามวันนี้มันเปนกฎของธรรมชาติจะหมุนรอบตวั ของเขาเอง โดยไมม ีใครไปตก
แตง และหามปรามเขาได เรอื่ งโลกนก้ี บั โลกหนากเ็ ปนกฎอันตายตวั เชนเดยี วกัน สัตวท ุก
ประเภทในโลกทัง้ มวล จะมีสัตวตวั ไหนบางไมม ที อ่ี ยู แมแ ตนกั โทษเขายงั มีเรือนจาํ เปนที่
กนิ อยูหลับนอน ไมเห็นเขาสน้ิ ทา เพราะไมมีท่ีอยู เราไมใชน กั โทษทําไมจะไปคิดนอ ยเน้อื
ต่าํ ใจกลัวไมม ีโลกจะอยู นบั แตว นั เราเกดิ มาจนถึงวนั น้ี มวี ันไหนบา งท่เี ราจนมมุ เพราะหา
โลกอยูไมได ยงั ไมเคยปรากฏมสี ักวนั เดยี วและรายเดียว สัตวประเภทใดเกิดในภพใดก็
ตอ งมโี ลกอยตู ามภพและกรรมของตวั
แมแตพระเทวทตั ที่ร่าํ ลอื กันวา ทา นทํากรรมหนักมาก คลา ยกับจะไมมโี ลกไหน
ตานทานทานไวได แตค รั้นแลว ทานกม็ ไิ ดจ นมุม ยงั มีโลกอยูเ ชน เดยี วกับสตั วโ ลกท่ัวไป
โลกหนา โลกหลงั ไมเคยไดย นิ วา ขาดสูญหรอื บกพรอ ง สิง่ ทบ่ี กพรองก็คือการทําตวั ให
สมบรู ณดวยเครื่องสําหรับกินอยูหลบั นอน เคร่ืองใชสอย และการทาํ ตวั ใหเปน คนดีมี
ทรพั ยภายนอก ทรัพยภายในสมบรู ณ เพ่อื สนองความจําเปน ในเวลาตองการเทานั้น เรา
จะไปกลวั โลกหนา หรอื โลกไหนจะบกพรอง ยิ่งกวาตวั ของเราบกพรอง ถา เราบกพรอ ง
แลว แมจะอยใู นโลกทส่ี มบรู ณด วยทรัพยส นิ เงนิ ทอง เรากต็ อ งเปนคนจน และยอมรบั
ทกุ ขในโลกที่สมบรู ณอยโู ดยดี
เชน เราไมม ีเงินตดิ กระเปาไปดวยพอควร เพ่อื ซอื้ อาหารรับประทานและสิ่งจําเปน
อื่น ๆ แลว ลองเดินผา นหา งรานและตลาดอันเปนที่สมบรู ณด ว ยเคร่อื งอุปโภคบริโภค
ลองดู จะทาํ ใหเ ราอิม่ หนําสาํ ราญและเปน เศรษฐมี ีเงนิ มากขึน้ มา เพราะการเดนิ ผา น
ตลาดไดห รอื ไม มนั ตอ งเปน ทาํ นองคนอยูใ นกลางทะเล แตหานา้ํ จะดื่มไมม นี น่ั เอง
เพราะนาํ้ ในทะเลมนั มรี สเค็มจัดจนด่มื ไมไ ด น่ีเพียงโลกท่สี มบรู ณย งั มที างทนหิวแสบ
ทอง แลวเราจะไปกลัวโลกไหนยง่ิ กวากลัวตัวของเราจะอดอยากขาดแคลน ฉะนนั้ จงึ ควร
ปรบั ปรุงโลกในตัวของเราใหส มบูรณ
ถา โลกในตัวเราสมบรู ณแ ลว จะไปโลกไหนก็ไมอ ดอยากขาดแคลน จะกลายเปน
ความสมบรู ณไ ปหมดทงั้ โลกนท้ี ัง้ โลกหนา ท้ังอยูในบานในวัด ท้งั ออกจากบา นไปสูตลาด
ลาดเล ทัง้ อยูใ นเมอื งนี้ ทง้ั จะไปอยใู นเมืองโนน ทัง้ อยใู นประเทศนี้ ทง้ั จะไปอยใู น
ประเทศนอก ไมมีอดไมมีอั้น ถา เราสมบูรณด วยสตปิ ญญาและทรัพยส นิ เงนิ ทองแลว คาํ
แวนดวงใจ ๑๕๓
กณั ฑ์เทศนท์ -ี่ ๑๑๔๘๓: -กฏแห่งกรรม
๑๕๔
วา โลกแลวอยากลวั วาอด ถาเปนสินคา จา ยตลาดไดแ ลว จะหาทีเ่ หยียบยา งไปไมได จะ
เต็มไปดวยโลกและภพของสัตว โลกมนุษยท่เี ราเปน อยู ณ บดั นเี้ ปนโลกเลก็ นิดเดยี ว ผู
ตอ งการเปนมนุษยห รือภมู สิ งู กวามนษุ ย โปรดบาํ เพ็ญคณุ งามความดเี ขา ใหมาก ๆ จะ
เปน ผูสมหวังในภพทีเ่ กดิ และสถานทีอ่ ยู ท้งั จะเปนที่พึงพอใจ ไมเชนนนั้ เดยี๋ วจะพลาด
ภพ การเหยยี บยา ง (เกดิ ) พลาดภพนเ้ี ปนอปุ สรรคและอันตรายรายแรงไมนอ ยเลย
โปรดทาํ ความกลัวการเหยยี บยา งพลาดภพมากกวา การกลัวโลกหนา ไมมี
“มนุษยและสตั วสบั เปลยี่ นภพชาตเิ ปนอนื่ ไดห รอื ไม” กเ็ ราผลัดเปล่ยี นเสอื้ ผา
และผลัดเปล่ียนกางเกงกย็ งั ได จิตจะผลดั เปลี่ยนภพชาติของตนไมไ ดอยา งไร การผลัด
เปลีย่ นเส้อื ผาเราถอื เปนของธรรมดา วา ตอ งผลัดเปลี่ยนกนั ไดท ั่วโลก การผลดั เปลีย่ น
ภพชาตขิ องใจกเ็ ปนกฎธรรมดาของกรรมทต่ี นทาํ ไว ใหผลัดเปล่ียนไปไดตามสงิ่ ผลักดนั
อันเปน เจา ของผูมอี ํานาจเหนอื จิต ในระยะทก่ี เิ ลสวัฏฏะ กรรมวัฏฏะ และวิปากวฏั ฏะ
เรอื งอาํ นาจครองใจอยู สิง่ ทั้งนีม้ อี าํ นาจผลักดันจติ ใหเกิดไดในกําเนิดตาง ๆ โดยไมร อ
ใหจ ติ ไดม เี วลาพจิ ารณาและตัดสินใจเลย เพราะความกดดนั ของกรรมทีค่ รองจิต สว น
ไหนมีกาํ ลังมาก สว นนน้ั ตอ งเขาทาํ หนา ท่ีควบคมุ จติ ใหเ ปน ไปตามอํานาจของตน
ฉะนน้ั จติ จงึ ไมมีโอกาสจะใครครวญไตรต รองดสู ถานทเ่ี กดิ และภพกําเนดิ ของตน
จนปรากฏตวั ออกมาซึ่งเปน สง่ิ ทีเ่ หลือวิสัยจะแกไขแลว จึงจะทราบไดวา ตนเกิดเปน อะไร
แตส ัตวบ างจําพวกก็ไมม โี อกาสจะทราบไดว า ตนเปนสตั วป ระเภทไร นอกจากมนษุ ยและ
ภมู ิทีส่ งู กวา มนุษยเ ทาน้ันจะพอทราบไดใ นภพกําเนิดของตน ๆ
พระพุทธเจา ทานเลง็ เห็นการจตุ ิ คอื เคลอื่ นจากราง และการปฏสิ นธิ คอื การเขา สู
ภพชาตขิ องมวลสัตวว า เปน ไปไมมปี ระมาณทั้งภูมสิ งู ภมู ิต่ํา และการสบั เปลย่ี นแหง ภพ
ชาตสิ ูความเปนสตั วเปนบุคคล เปน ตน และเปนไปไดทุก ๆ ภายในบรรดาสตั วผ ูมกี เิ ลส
เปน เจา ครองใจ จงึ ทรงส่ังสอนใหอ บรมจิตไปในทางท่ีดี คอื ทาน ศลี ภาวนา เสยี ตัง้ แต
เม่อื ยังมชี วี ติ อยู เม่ือถงึ คราวจวนตวั ใจจะมีทพ่ี ่งึ ไมก ระสบั กระสา ยและเขวไปในทางผดิ
โดยไมควา เอากาํ เนดิ ตุกแกมาครองเสียบาง นับวา เปน กําเนิดท่ขี าดทุนอยางยอ ยยบั ใน
ภพเชนนน้ั
เราเปน พทุ ธศาสนกิ ชนและเปน นักปฏิบตั ิ เพ่ือรสู าเหตุของการเกดิ การตาย ซ่ึง
เปนการทองเท่ียวแหง จติ ของผยู งั ไมหมดเช้ือของความหมุนเวยี น จงึ ควรถือเปนกิจจาํ
เปน อยา งยงิ่ เหนืองานใด ๆ คอื พยายามอบรมจิตใหม ีความสงบเยือกเยน็ และฉลาดแยบ
คาย เพื่อใหท นั ความเคล่ือนไหวของจติ ท่จี ะออกทําการตดิ ตอ กบั เรอ่ื งตา ง ๆ และ
แวน ดวงใจ ๑๕๔
แวน่ ดวงใจ : -ภา๑ค๘๔๑ -อบรมฆราวาส