51
ใบงานและผลงาน กิจกรรมคาบที่ 6 “แมวเหมยี วกับแซลมอน”
52
ใบงานและผลงาน กิจกรรมคาบที่ 7 “กฎการคาํ นวณ”
53
สะท้อนผล Open Approach ประถมศกึ ษาปีที่ 2/1 TP กิจกรรมคาบท่ี 1 “ มาแบง่ ลูกอมกนั เถอะ”
ผลการสอน
1. นักเรยี นสามารถบอกวธิ ีการแบ่งสง่ิ ของออกเปน็ กลุม่ ละเท่าๆ กันได้
2. นกั เรียนเข้าใจความหมายและหาผลลพั ธ์ของการหารแบบหาจํานวนสมาชกิ ในแตล่ ะกลุ่ม
3. นกั เรียนสามารถเขยี นประโยคสญั ลักษณ์การหาร และเข้าใจความสมั พนั ธ์ของตวั ตั้งหาร ตวั หาร และคาํ ตอบได้
นักเรยี นสว่ นใหญ่สามารถแบง่ สิงของออกเป็นกลมุ่ กลุมละเทา่ ๆกันได้ มคี วามเข้าใจเน้ือหาผลการหาร และความสัมพันธ์ของตัวตงั้ หาร ตัวหาร และ
ผลลพั ธ์ได้
ปัญหา/อุปสรรค
นกั เรยี นบางคนไม่สามารถบอกวิธีการแบง่ สงิ ของออกมาเปน็ กลมุ่ กลุ่มละเทา่ ๆกนั ได้ เขา้ ใจความหมายและหาผลลัพธข์ องการหารแบบหาจาํ นวน
สมาชกิ ในแตล่ ะกลุ่ม และสามารถเขียนประโยคสญั ลกั ษณก์ ารหาร และเขา้ ใจความสัมพันธ์ของตัวต้งั หาร ตวั หาร และคําตอบได้
แนวทางการแกไ้ ข/ขอ้ เสนอแนะ
- คุณครูผสู้ อนช่วยในการตัง้ คําถามที่แคบลงเพื่อให้นกั เรียนเหน็ ถึงวิธกี ารหาผลลัพธ์
ทบทวนกอ่ นนําเข้าสสู่ ถานการณป์ ญั หา และทบทวนบอ่ ยคร้ังในคาบถัดไป
54
สะท้อนผล Open Approach ประถมศกึ ษาปที ี่ 2/2 ESC กจิ กรรมคาบที่ 1 “ มาแบง่ ลูกอมกนั เถอะ”
ผลการสอน
1. นกั เรยี นสามารถบอกวธิ กี ารแบ่งสง่ิ ของออกเป็นกล่มุ ละเท่าๆ กันได้
2. นกั เรยี นเขา้ ใจความหมายและหาผลลัพธข์ องการหารแบบหาจาํ นวนสมาชกิ ในแตล่ ะกล่มุ
3. นักเรยี นสามารถเขยี นประโยคสญั ลักษณ์การหาร และเข้าใจความสมั พนั ธข์ องตวั ตั้งหาร ตัวหาร และคําตอบได้
นกั เรยี นสว่ นใหญ่สามารถแบ่งสิงของออกเป็นกลมุ่ กลุมละเทา่ ๆกนั ได้ มีความเขา้ ใจเน้ือหาผลการหาร และความสัมพันธข์ องตวั ตง้ั หาร ตัวหาร และ
ผลลพั ธ์ได้
ปญั หา/อปุ สรรค
นักเรยี นบางคนไม่สามารถบอกวธิ กี ารแบ่งสิงของออกมาเปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละเทา่ ๆกนั ได้ เขา้ ใจความหมายและหาผลลัพธข์ องการหารแบบหาจํานวน
สมาชกิ ในแต่ละกลุม่ และสามารถเขียนประโยคสัญลกั ษณ์การหาร และเขา้ ใจความสัมพนั ธ์ของตัวต้งั หาร ตัวหาร และคาํ ตอบได้
แนวทางการแก้ไข/ข้อเสนอแนะ
- ครูผสู้ อนช่วยในการยกตวั อยา่ งสถานการณท์ แ่ี คบลงเพือ่ ให้นกั เรียนแกป้ ญั หาไดง้ ่ายขึ้น
- ครผู ูส้ อนยา้ํ ใหบ้ ่อยครงั้ และสรปุ องคค์ วามร้ใู นชว่ งสุดทา้ ยถึงการเขียนประโยคสัญลักษณ์
55
สะทอ้ นผล Open Approach ประถมศึกษาปที ่ี 2/1 TP กจิ กรรมคาบที่ 2 “การแบ่งปนั เป็นส่ิงทด่ี ี”
ผลการสอน
1. นกั เรยี นสามารถเขยี นประโยคสญั ลักษณ์การหารแบบหาจํานวนสมาชิกในแต่ละกลมุ่ จากสถานการณ์ปญั หาทกี่ ําหนดได้
2. นักเรยี นสามารถใชแ้ ถวการคณู ในการหาคําตอบของการหารแบบหาจาํ นวนสมาชิกในแตล่ ะกลุ่ม และตรวจสอบคาํ ตอบได้
นกั เรียนส่วนใหญส่ ามารถเขียนประโยคสญั ลกั ษณ์จากรปู แบบความสมั พนั ธ์การหารได้ และสามารถใชถ้ วการคูณในการหาคาํ ตอบของการหารได้
ปัญหา/อปุ สรรค
นกั เรยี นบางคนไม่สามารถเขยี นประโยคสัญลกั ษณก์ ารหารแบบหาจํานวนสมาชิกในแต่ละกลมุ่ จากสถานการณ์ปญั หาทีก่ ําหนด และไมส่ ามารถใชแ้ ถว
การคณู ในการหาคําตอบของการหารแบบหาจํานวนสมาชิกในแต่ละกลมุ่ และตรวจสอบคาํ ตอบได้
แนวทางการแก้ไข/ข้อเสนอแนะ
ครผู ู้สอนใชว้ ธิ กี าร ส่มุ ถามนักเรียนเป็นรายบุคคลที่เขา้ ใจเนอ้ื หาแลว้ และยํา้ คาํ ตอบของเพื่อนเพื่อนให้เพอ่ื นบางคนทยี่ งั ไมส่ ามารถทาํ ได้ ได้รู้ถงึ วธิ กี าร
คิดและแนวทางการหาคาํ ตอบของเพ่ือน
56
สะท้อนผล Open Approach ประถมศึกษาปที ี่ 2/2 ESC กจิ กรรมคาบที่ 2 “การแบง่ ปนั เปน็ ส่ิงที่ดี”
ผลการสอน
1. นกั เรียนสามารถเขยี นประโยคสัญลกั ษณก์ ารหารแบบหาจาํ นวนสมาชิกในแต่ละกลมุ่ จากสถานการณป์ ญั หาทกี่ ําหนดได้
2. นกั เรยี นสามารถใชแ้ ถวการคณู ในการหาคาํ ตอบของการหารแบบหาจาํ นวนสมาชิกในแตล่ ะกลมุ่ และตรวจสอบคําตอบได้
นกั เรยี นสว่ นใหญ่สามารถเขียนประโยคสญั ลักษณจ์ ากรูปแบบความสมั พนั ธ์การหารได้ และสามารถใชถ้ วการคณู ในการหาคาํ ตอบของการหารได้
ปัญหา/อปุ สรรค
นักเรยี นบางคนไม่สามารถเขียนประโยคสญั ลักษณก์ ารหารแบบหาจาํ นวนสมาชกิ ในแต่ละกลุ่มจากสถานการณ์ปัญหาทกี่ าํ หนด และไมส่ ามารถใช้
แถวการคณู ในการหาคําตอบของการหารแบบหาจํานวนสมาชกิ ในแต่ละกลมุ่ และตรวจสอบคาํ ตอบได้
แนวทางการแกไ้ ข/ข้อเสนอแนะ
ครูผู้สอนจะย้ําการเขียนประโยคสัญลักษณ์ คือเขยี นได้จากความสมั พนั ธก์ ารคูณ โดยตัวตง้ั หาร หมายถึงจาํ นวนส่ิงของทั้งหมดท่ีต้องการแบ่งให้เพอื่ นๆ
ตวั หารหมายถึงกล่มุ ทต่ี อ้ งการแบง่ หรือ จํานวนช้นิ ของสิ่งของทต่ี อ้ งการแบ่ง สว่ นผลลัพธจ์ ะเป็นไดท้ ้ังกล่มุ และสมาชิกข้นึ อยกู่ บั ตัวหาร
57
สะทอ้ นผล Open Approach ประถมศึกษาปีท่ี 2/1 TP กจิ กรรมคาบท่ี 3 “ให้คุกก้ที ํานายกนั ”
ผลการสอน
1. นักเรียนเข้าใจความหมายของการหารแบบหาจํานวนกลมุ่ ได้
2. นกั เรียนสามารถเขียนประโยคสญั ลกั ษณ์การหารได้ และเข้าใจความสัมพนั ธข์ องตวั ตง้ั หาร ตัวหาร และคาํ ตอบ
3. นกั เรยี นสามารถคิดเก่ียวกบั วธิ กี ารคาํ นวณหาคําตอบของการหารไดอ้ ย่างหลากหลายวิธี
นกั เรียนส่วนใหญ่เขา้ ใจความหมายของการหารแบบหาจาํ นวนกลมุ่ สามารถเขียนประโยคสญั ลักษณ์การหารได้ โดยเขา้ ใจวา่ การเขียนประโยค
สัญลักษณจ์ ะตอ้ งมาจากความสมั พนั ธข์ องตัวตั้งหาร ตัวหาร และคาํ ตอบ และสามารถคิดเก่ยี วกับวิธีการคาํ นวณหาคําตอบของการหารไดอ้ ย่างหลากหลายวิธี
ปัญหา/อปุ สรรค
นักเรยี นบางคนไมเ่ ข้าใจความหมายของการหารแบบหาจาํ นวนกลุ่ม และสามารถเขียนประโยคสญั ลักษณก์ ารหารได้ ไม่เขา้ ใจความสัมพนั ธ์ของตัวตั้ง
หาร ตวั หาร และคาํ ตอบ และไมส่ ามารถคดิ เก่ียวกบั วธิ กี ารคํานวณหาคําตอบของการหารได้อย่างหลากหลายวธิ ี
แนวทางการแก้ไข/ข้อเสนอแนะ
ครผู ู้สอนตอ้ งนาํ เข้าส่บู ทเรยี นจากเน้อื หาของชว่ั โมงก่อนหน้าเพือ่ ทบทวนความรูเ้ ดิมทนี่ กั เรียนจําได้ เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นท่ยี ังไม่เขา้ ใจในชั่วโมงกอ่ นหน้า
สามารถไปต่อพร้อมๆกับเพื่อนร่วมห้องได้
58
สะทอ้ นผล Open Approach ประถมศกึ ษาปที ่ี 2/2 ESC กจิ กรรมคาบท่ี 3 “ใหค้ ุกกที้ ํานายกนั ”
ผลการสอน
1. นกั เรียนเขา้ ใจความหมายของการหารแบบหาจาํ นวนกลุ่มได้
2. นักเรยี นสามารถเขียนประโยคสญั ลกั ษณ์การหารได้ และเขา้ ใจความสัมพันธ์ของตัวต้ังหาร ตัวหาร และคําตอบ
3. นกั เรยี นสามารถคดิ เก่ยี วกบั วธิ ีการคาํ นวณหาคาํ ตอบของการหารไดอ้ ย่างหลากหลายวิธี
นกั เรียนสว่ นใหญ่เขา้ ใจความหมายของการหารแบบหาจาํ นวนกลมุ่ สามารถเขียนประโยคสัญลกั ษณ์การหารได้ โดยเขา้ ใจวา่ การเขียนประโยค
สญั ลักษณ์จะต้องมาจากความสมั พันธ์ของตัวตั้งหาร ตวั หาร และคาํ ตอบ และสามารถคิดเกยี่ วกบั วธิ ีการคาํ นวณหาคาํ ตอบของการหารไดอ้ ย่างหลากหลายวิธี
ปญั หา/อุปสรรค
นกั เรยี นบางคนไม่เข้าใจความหมายของการหารแบบหาจํานวนกลุ่ม และสามารถเขียนประโยคสญั ลักษณก์ ารหารได้ ไม่เข้าใจความสมั พนั ธ์ของตวั ตัง้
หาร ตวั หาร และคําตอบ และไมส่ ามารถคดิ เก่ยี วกบั วิธกี ารคาํ นวณหาคาํ ตอบของการหารได้อย่างหลากหลายวิธี
แนวทางการแกไ้ ข/ขอ้ เสนอแนะ
ครถู ามกระตุ้นนักเรียนบ่อยๆในเรอื่ งของการเขยี นประโยคสญั ลกั ษณเ์ พ่อื ใหน้ กั เรยี นไดเ้ หน็ ว่าการเขยี นตวั ต้งั หารและตัวหารในตาํ แหนง่ ที่สลบั ท่ีกันจะ
ทาํ ใหค้ าํ ตอบท่ไี ด้ผดิ เพ้ียนไป
59
สะท้อนผล Open Approach ประถมศกึ ษาปที ี่ 2/1 TP กจิ กรรมคาบที่ 4 “หาอยา่ งไรนะ”
ผลการสอน
1. นกั เรียนสามารถเขียนประโยคสัญลักษณก์ ารหารแบบหาจํานวนกลุ่ม จากสถานการณ์ปญั หาที่กําหนดได้
2. นกั เรยี นสามารถใช้แถวการคณู ในการหาคาํ ตอบของการหารแบบหาจาํ นวนกลมุ่ และตรวจสอบคําตอบได้
นักเรียนส่วนใหญ่สามารถเขียนประโยคสัญลักษณ์การหารแบบหาจํานวนกลุ่มได้ โดยนักเรียนสามารถใช้แถวการคูณในการหาคําตอบและสามารถ
ตรวจคําตอบได้ โดยการตรวจคาํ ตอบใช้วธิ ีการใช้ความสมั พนั ธ์การคณู และการหาร
ปัญหา/อุปสรรค
นักเรยี นบางคนไม่สามารถเขียนประโยคสัญลักษณก์ ารหารแบบหาจํานวนกลมุ่ จากสถานการณ์ปญั หาท่ีกาํ หนด และไมส่ ามารถใช้แถวการคูณในการ
หาคําตอบของการหารแบบหาจํานวนกลุ่ม และตรวจสอบคําตอบได้
แนวทางการแก้ไข/ขอ้ เสนอแนะ
ครูยกตัวอย่างสถานการณท์ ี่แคบลง เพือ่ ให้เข้ากบั จนิ ตนาการของนักเรยี นมากข้นึ เพอ่ื ให้นกั เรยี นสามารถมางภาพการหาร การแบง่ ปันสิ่งของ และ
ความสมั พนั ธก์ ารคณู และการหารได้ดยี งิ่ ขึ้น
60
สะทอ้ นผล Open Approach 9 ประถมศึกษาปีที่ 2/2 ESC กิจกรรมคาบที่ 4 “หาอย่างไรนะ”
ผลการสอน
1. นกั เรียนสามารถเขียนประโยคสญั ลักษณก์ ารหารแบบหาจาํ นวนกลมุ่ จากสถานการณ์ปัญหาทก่ี าํ หนดได้
2. นกั เรยี นสามารถใชแ้ ถวการคูณในการหาคาํ ตอบของการหารแบบหาจํานวนกลุ่ม และตรวจสอบคาํ ตอบได้
นักเรยี นส่วนใหญส่ ามารถเขยี นประโยคสญั ลักษณก์ ารหารแบบหาจํานวนกลุ่มได้ โดยนักเรยี นสามารถใช้แถวการคูณในการหาคาํ ตอบและสามารถ
ตรวจคําตอบได้ โดยการตรวจคําตอบใช้วิธีการใช้ความสัมพันธ์การคูณและการหาร
ปญั หา/อุปสรรค
นกั เรยี นบางคนไม่สามารถเขียนประโยคสัญลักษณก์ ารหารแบบหาจาํ นวนกลมุ่ จากสถานการณป์ ัญหาท่กี ําหนด และไม่สามารถใช้แถวการคณู ใน
การหาคําตอบของการหารแบบหาจาํ นวนกลุ่ม และตรวจสอบคําตอบได้
แนวทางการแก้ไข/ขอ้ เสนอแนะ
ครผู ูส้ อนใชว้ ิธีการจัดกลุ่มแบบคละความเก่ง กลาง ออ่ น เรียบรอ้ ย ขยัน ซน ข้ีเกยี จ เพือ่ ให้เกิดการสงั เกต และเรยี นรู้ตามเพ่ือน
61
สะทอ้ นผล Open Approach ประถมศกึ ษาปีท่ี 2/1 TP กิจกรรมคาบท่ี 5 “อะหรือวา่ ...”
ผลการสอน
1. นกั เรียนสามารถสรา้ งโจทย์ปัญหาการหารจากประโยคสัญลกั ษณ์ทก่ี าํ หนดให้ท่กี าํ หนดได้
2. นกั เรียนสามารถเขยี นประโยคสัญลกั ษณ์และแสดงวิธีการคํานวณหาคาํ ตอบ พรอ้ มท้ังตรวจสอบคาํ ตอบได้
นักเรียนส่วนใหญส่ ามารถสร้างโจทย์ปัญหาการหารจากประโยคสัญลักษณ์ท่ีกําหนดให้ท่ีกําหนด และสามารถยกตัวอย่างเป้นสถานการณ์ท่ีใกล้ตัว เช่น
เพ่ือนๆในช้ันเรียน คุณครูประจําช้ัน หรือครอบครัวของตนเอง และสามารถเขียนประโยคสัญลักษณ์และแสดงวิธีการคํานวณหาคําตอบ พร้อมท้ังตรวจสอบ
คําตอบได้
ปญั หา/อปุ สรรค
นักเรยี นบางคนไม่สามารถสรา้ งโจทยป์ ัญหาการหารจากประโยคสัญลักษณ์ทกี่ ําหนดให้ทก่ี าํ หนด และไมส่ ามารถเขยี นประโยคสัญลักษณ์และแสดง
วธิ ีการคาํ นวณหาคาํ ตอบ พรอ้ มทงั้ ตรวจสอบคาํ ตอบได้
แนวทางการแกไ้ ข/ขอ้ เสนอแนะ
คณุ ครูผสู้ อนตั้งเง่อื นไขและสรา้ งขอ้ ตกลงกบั นกั เรียนถงึ การตัง้ ใจฟงั แนวคิดของเพือ่ นๆและช่วงสรปุ เช่อื มโยงแนวคิด และกระตนุ้ ให้นักเรียนช่วยกัน
ตอบคําถาม
62
สะท้อนผล Open Approach ประถมศกึ ษาปที ี่ 2/2 ESC กจิ กรรมคาบท่ี 5 “อะหรือวา่ ...”
ผลการสอน
1. นกั เรยี นสามารถสร้างโจทยป์ ญั หาการหารจากประโยคสญั ลกั ษณท์ ก่ี ําหนดใหท้ กี่ าํ หนดได้
2. นักเรยี นสามารถเขียนประโยคสัญลกั ษณแ์ ละแสดงวิธกี ารคํานวณหาคาํ ตอบ พร้อมทง้ั ตรวจสอบคาํ ตอบได้
นกั เรยี นส่วนใหญ่สามารถสร้างโจทย์ปญั หาการหารจากประโยคสัญลกั ษณ์ท่ีกาํ หนดใหท้ ีก่ าํ หนด และสามารถยกตวั อย่างเป้นสถานการณท์ ่ี
ใกล้ตวั เช่น เพอื่ นๆในชน้ั เรยี น คุณครูประจาํ ชั้น หรือครอบครวั ของตนเอง และสามารถเขียนประโยคสัญลกั ษณ์และแสดงวธิ กี ารคาํ นวณหาคาํ ตอบ พร้อมท้งั
ตรวจสอบคําตอบได้
ปญั หา/อปุ สรรค
นกั เรยี นบางคนไม่สามารถสร้างโจทย์ปญั หาการหารจากประโยคสัญลกั ษณท์ ก่ี าํ หนดให้ทกี่ าํ หนด และไม่สามารถเขยี นประโยคสญั ลกั ษณแ์ ละแสดง
วธิ กี ารคํานวณหาคาํ ตอบ พรอ้ มท้งั ตรวจสอบคําตอบได้
แนวทางการแกไ้ ข/ขอ้ เสนอแนะ
คุณครกู ระตุน้ ให้นักเรียนช่วยกันตอบคําถาม เพอ่ื ใหน้ กั เรียนบางคนสามารถเรยี บเรยี งคําถามให้เปน็ ประโยค และสามารถนาํ โจทย์ปญั หานนั้ มาหา
คาํ ตอบ และตรวจคําตอบเพ่อื ความถูกตอ้ ง
63
สะท้อนผล Open Approach ประถมศกึ ษาปีท่ี 2/1 TP กจิ กรรมคาบท่ี 6 “แมวเหมยี วกับแซลมอน”
ผลการสอน
1. นกั เรียนเข้าใจการหารโดยตวั ตัง้ หารและตัวหารมคี า่ เท่ากันได้
2. นักเรยี นเข้าใจการหารที่มีตวั ตัง้ หารเป็น 0
3. นักเรียนเข้าใจการหารทมี่ ีตัวหารเปน็ 1
นักเรยี นบางคนสามารถเข้าใจหลกั การหาร และหาคาํ ตอบ โดยท่ตี ัวต้งั เป็น 0 ได้ และนกั เรยี นส่วนใหญ่เขา้ ใจและสามารถเขยี นความสมั พนั ธ์ของการ
คูณและการหารโดยท่ีตวั ตงั้ หารและตวั หารมคี า่ เท่ากันได้
ปัญหา/อปุ สรรค
นักเรียนส่วนใหญไ่ ม่เข้าใจการหารทมี่ ตี วั ตั้งหารเป็น 0 จึงทําใหน้ กั เรยี นไม่สามารถขยี นประโยคสญั ลกั ษณ์ทม่ี ี 0 เป็นตัวต้งั หารได้
แนวทางการแก้ไข/ข้อเสนอแนะ
ครคู อยแนะนําใหช้ ่วยกันคิดทบทวนอกี รอบ วา่ หากนกั เรียนไมม่ ปี ลาแซลมอนเลยจะสามารถแบง่ ให้พอ่ื นไดห้ รือไม่ การเขยี นประโยคสัญลักษณ์
จะตอ้ งใชข้ ้อมูลใดเป็นตัวตั้งหาร
64
สะทอ้ นผล Open Approach ประถมศกึ ษาปที ่ี 2/2 ESC กจิ กรรมคาบที่ 6 “แมวเหมยี วกับแซลมอน”
ผลการสอน
1. นักเรยี นเขา้ ใจการหารโดยตัวตั้งหารและตัวหารมคี ่าเทา่ กันได้
2. นกั เรยี นเขา้ ใจการหารท่ีมตี วั ต้ังหารเป็น 0
3. นักเรียนเข้าใจการหารทีม่ ีตวั หารเป็น 1
นักเรียนบางคนสามารถเข้าใจหลกั การหาร และหาคาํ ตอบ โดยทต่ี ัวตัง้ เป็น 0 ได้ และนักเรียนสว่ นใหญ่เข้าใจและสามารถเขียนความสมั พนั ธข์ องการ
คณู และการหารโดยทีต่ ัวต้ังหารและตัวหารมีค่าเทา่ กันได้
ปัญหา/อปุ สรรค
นักเรียนส่วนใหญ่ไม่เขา้ ใจการหารท่มี ตี ัวต้ังหารเปน็ 0 จึงทําให้นักเรยี นไมส่ ามารถขยี นประโยคสญั ลกั ษณ์ทม่ี ี 0 เปน็ ตัวตงั้ หารได้
แนวทางการแกไ้ ข/ขอ้ เสนอแนะ
ครูคอยแนะนําให้ชว่ ยกนั คดิ ทบทวนอีกรอบ ว่าหากนกั เรยี นไม่มีปลาแซลมอนเลยจะสามารถแบ่งให้พ่ือนไดห้ รือไม่ การเขยี นประโยคสัญลกั ษณ์
จะตอ้ งใชข้ ้อมูลใดเปน็ ตัวตั้งหาร
65
สะท้อนผล Open Approach ประถมศึกษาปีท่ี 2/1 TP กิจกรรมคาบท่ี 7 “กฎการคํานวณ”
ผลการสอน
1. นกั เรยี นเข้าใจและเห็นความสัมพนั ธ์ของตวั ตง้ั หารและตวั หารในประโยคสัญลักษณก์ ารหารทม่ี คี าํ ตอบเท่ากบั จํานวนหน่งึ ๆ ได้
2. นกั เรยี นเขา้ ใจและเหน็ ความสัมพันธ์ของตวั ตงั้ หารและผลหารในประโยคสัญลกั ษณ์การหารตวั หารเท่ากับจาํ นวนหน่ึงๆ ได้
นักเรียนส่วนใหญส่ ามารถเขา้ ใจและเหน็ ถงึ ความสมั พนั ธ์ของการคูณและการหาร และสามารถนําตารางสูตรคณู มาใชใ้ นการหาคําตอบการหารได้อยา่ ง
คลอ่ งแคล่ว และเหน็ ถึงความสมั พนั ธข์ องตัวตั้งหาร ตัวหารและผลลพั ธ์ จงึ ทําใหน้ กั เรียนสามารถหาตัวต้ังหารจากตวั หารและผลหารได้
ปัญหา/อปุ สรรค
นกั เรยี นบางคนไม่สามารถเขา้ ใจและเห็นความสมั พนั ธ์ของตวั ตั้งหารและตัวหารในประโยคสัญลกั ษณก์ ารหารทม่ี คี ําตอบเท่ากับจาํ นวนหน่ึงๆ และไม่
เข้าใจและเห็นความสมั พนั ธ์ของตวั ต้ังหารและผลหารในประโยคสัญลักษณก์ ารหารตวั หารเทา่ กับจํานวนหน่ึงๆ ได้
แนวทางการแกไ้ ข/ข้อเสนอแนะ
ครูคอยกระตุ้น และยา้ํ ถงึ ความสัมพนั ธข์ องการคูณและการหาร เพือ่ ใหน้ ักเรียนสามารถหาตัวตั้งหารไดจ้ ากความสัมพันธก์ ารคณู
66
สะทอ้ นผล Open Approach ประถมศึกษาปที ี่ 2/2 ESC กจิ กรรมคาบท่ี 7 “กฎการคาํ นวณ”
ผลการสอน
1. นกั เรียนเขา้ ใจและเห็นความสัมพนั ธข์ องตวั ตงั้ หารและตัวหารในประโยคสญั ลักษณ์การหารที่มคี ําตอบเทา่ กับจาํ นวนหนงึ่ ๆ ได้
2. นกั เรยี นเขา้ ใจและเห็นความสมั พนั ธ์ของตัวตง้ั หารและผลหารในประโยคสญั ลักษณ์การหารตัวหารเทา่ กบั จาํ นวนหนงึ่ ๆ ได้
นักเรยี นสว่ นใหญส่ ามารถเขา้ ใจและเหน็ ถึงความสมั พันธ์ของการคูณและการหาร และสามารถนาํ ตารางสูตรคูณมาใช้ในการหาคําตอบการหารได้อยา่ ง
คลอ่ งแคลว่ และเหน็ ถงึ ความสมั พนั ธ์ของตัวตัง้ หาร ตัวหารและผลลพั ธ์ จงึ ทาํ ให้นกั เรยี นสามารถหาตัวตัง้ หารจากตวั หารและผลหารได้
ปัญหา/อปุ สรรค
นกั เรยี นบางคนไมส่ ามารถเข้าใจและเหน็ ความสัมพนั ธข์ องตัวตั้งหารและตัวหารในประโยคสญั ลกั ษณ์การหารท่ีมคี าํ ตอบเท่ากับจํานวนหนึ่งๆ และไม่
เข้าใจและเหน็ ความสัมพนั ธข์ องตวั ต้ังหารและผลหารในประโยคสญั ลักษณก์ ารหารตัวหารเท่ากับจาํ นวนหนงึ่ ๆ ได้
แนวทางการแกไ้ ข/ข้อเสนอแนะ
ครูคอยกระตนุ้ และยํ้าถึงความสัมพันธข์ องการคูณและการหาร ละความสมั พันธข์ องตัวต้ังหาร ตวั หาร และผลลพั ธ์ เพื่อให้นกั เรียนสามารถ
หาตวั ตั้งหารไดจ้ ากความสมั พนั ธ์ท้งั สองอยา่ ง และสามารถนาํ ไปใชใ้ นการหาคําตอบในบทเรียน สสวท.ไดอ้ กี ดว้ ย
67
สรุปการจดั กิจกรรม OPEN APPROACN
เรอ่ื ง การบอกเวลา
68
แผนการจดั กจิ กรรมรูปแบบ OPEN APPROACH เพอ่ื ส่งเสริมทกั ษะกระบวนการคิด
ระดบั ชนัํ ประถมศกึ ษาปที ่ี 2
หนังสือเรื่อง เรยี นคณิตศาสตร์กบั เพ่ือนๆ
สาระสําคัญ การบอกเวลา
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. นักเรียนสามารถเขยี นเขม็ นาทแี ละเขม็ ชั่วโมงลงบนนาฬกิ าได้
2. นกั เรยี นสามารถรคู้ วามหมายของเขม็ บนหน้าปดั นาฬิกา
3. นกั เรียนสามารถเขยี นตวั เลขบอกเวลาจากการดนู าฬกิ าได้
4. นักเรยี นสามารถบอกเวลาบนนาฬิกา และบอกความสัมพันธ์ของหน่วยเวลา (1 ช่วั โมง เท่ากับ 60 นาที) ได้
5. นกั เรียนสามารถบอกช่วงเวลาจากนาฬกิ า (เชา้ /บา่ ย)
แผนการจัดกจิ กรรมนวัตกรรมOPEN APPROACH 69
หมายเหตุ
กจิ กรรมคาบที่ 8 “Tiktok”
จดุ มุง่ หมาย รปู แบบการกิจกรรม สอื่ และอุปกรณ์
1.นักเรียนสามารถร้คู วามหมาย 1. ขนัํ นําเสนอสถานการณ์ปญั หา สื่อหลัก
ของเข็มบนหน้าปดั นาฬกิ า 1.1 ขํนั นาํ เขา้ ส่บู ทเรียน 1. ภาพสถานการณ์ปัญหา
2.นกั เรยี นสามารถบอกเวลาบน 1. ครทู กั ทายนักเรยี น แล้วหยบิ นาฬกิ าข้ึนมาถามนักเรียนวา่ “ใครดู
นาฬิกาได้ นาฬกิ าเป็นบา้ ง” (นกั เรยี นยกมอื ) ครถู ามต่อไปว่า “นาฬกิ ามีไวท้ ําอะไร”
3.บอกความสมั พันธข์ องหนว่ ย (นักเรียนตอบ บอกเวลา ดเู วลา) สือ่ เสรมิ
เวลา (1 ช่ัวโมง เทา่ กับ 60 นาที) 1.2 ขํันนาํ เสนอสถานการณป์ ญั หา 1. นาฬกิ าจาํ ลอง
ได้ 2. ครูถามนักเรียนวา่ “มีนกั เรยี นตอบคุณครวู า่ นาฬิกามีไวบ้ อกเวลา 2. นาฬกิ าติดกระดาน
แล้วตรงไหนของนาฬิกาที่ใช้บอกเวลาได”้ (นกั เรียนตอบ เขม็ นาฬิกา
ตัวเลข) ครถู ามว่า “เข็มนาฬิกาทีน่ กั เรยี นเหน็ มีอะไรบา้ ง” (นกั เรยี นตอบ
เขม็ ส้นั เข็มยาว เขม็ เลก็ หรือเขม็ วินาที) ครูบอกนักเรียนวา่ “วนั นีเ้ ราจะ
เรียนเฉพาะเข็มส้ันและเข็มยาวเท่าน้นั สาํ หรบั เขม็ วินาทไี ว้เรยี นใน
ระดับชนั้ ตอ่ ไป แล้วตัวเลขทีอ่ ย่บู นนาฬิกามเี ลขอะไรบา้ ง” (นกั เรยี น นับ
เลข 1 - 12)
3. ครตู ิดแถบชือ่ กิจกรรม แถบสถานการณป์ ญั หาและแถบคาํ ส่งั 1. แถบสรปุ ความรกู้ ุก๊ ไก่
2. แถบความรู้
จากนน้ั แจกใบกิจกรรม
70
2. การเรียนรดู้ ้วยตนเองของนกั เรยี น
4. ครใู ห้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ลงมอื แกส้ ถานการณ์ปญั หาลงในใบกจิ กรรม
และครคู อยกระตุ้นใหน้ กั เรียนทํากิจกรรมร่วมกัน พรอ้ มกบั สาํ รวจแนวคดิ
ของนักเรียนเพอ่ื เป็นแนวทางในการจดั ลําดับการนําเสนอแนวคิดของ
นักเรยี นในขน้ั ตอนถดั ไป
3. นําเสนอแนวคิดของกลมุ่ ต่อชัํนเรยี นและอภิปรายร่วมกนั
5. ครใู ห้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานําเสนอ จากนน้ั ครูถามรปู ท่ี 1 แล้ว
ถามนักเรียนว่าเขากําลงั ทําอะไร (นกั เรียนตอบ เขาตืน่ นอน เขาบดิ ข้ี
เกยี จ) ครถู ามตอ่ ว่า “เขาตนื่ นอนตอนไหน” (นักเรยี นตอบ เจด็ โมงเชา้
เจด็ นาฬกิ า เจ็ดโมงตรง) “ดูจากตรงไหนถงึ รู้” (นกั เรียนตอบ ดูเข็มสั้นชท้ี ่ี
เลขเจด็ เข็มยาวชีท้ ่เี ลขสบิ สอง) ครูตดิ แถบเวลา 7:00 บนกระดาน
จากนั้นอธบิ ายเกี่ยวกับวธิ ีการอ่านตัวเลขที่แสดงเวลาชว่ั โมงและตัวเลขที่
แสดงเวลานาที 7:00 นนั่ คอื 7 หมายถงึ ตัวเลขที่แสดงเวลาชวั่ โมง และ
00 หมายถึง ตวั เลขทแี่ สดงเวลานาที
71
6. ครถู ามนักเรียนว่า “เม่ือวานใครตื่นนอนตอนเจด็ นาฬิกาเหมอื น
เดก็ ชายบ้าง แลว้ คนอนื่ ๆ ละคะ” (นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็น)
จากน้ันครูถามรปู ที่ 2 แลว้ ถามนักเรยี นวา่ เขากาํ ลังทําอะไร (นกั เรียน
ตอบ เขากินขา้ วกับพอ่ แม่ เขากินขนมปงั กบั นม) ครถู ามต่อวา่ “เขากิน
ตอนไหน” (นกั เรยี นตอบ เจ็ดโมงครงึ่ เจด็ นาฬิกาสามสิบนาที เจ็ด
นาฬิกาหกนาที) “ดจู ากตรงไหน” (นักเรยี นตอบ ดูเขม็ สัน้ ช้ีท่เี ลขเจด็ เข็ม
72
ยาวชี้ทีเ่ ลขหก) ครตู ิดแถบเวลา 7:30 บนกระดาน จากนนั้ อภิปราย
รว่ มกนั วา่ ทําไมเขม็ สัน้ ชีท้ ่ีเลขเจ็ด เข็มยาวชี้ที่เลขหก จึงเขยี นเป็น 7:30
7. ครูถามนักเรียนวา่ “เม่ือวานใครรับประทานอาหารเช้าตอน
เจ็ดนาฬกิ าสามสบิ นาทเี หมือนเดก็ ชายบ้าง แล้วคนอืน่ ๆ ละคะ”
(นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ ) จากน้ันครถู ามรทู ่ี 3 แล้วถาม
นกั เรียนว่าเขากาํ ลังทาํ อะไร (นกั เรียนตอบ เขาเรียนหนังสอื เขาเรียนวิชา
คณิตศาสตร์) ครถู ามตอ่ วา่ “เขาเรยี นตอนไหน” (นกั เรยี นตอบ สามโมง
เชา้ เกา้ นาฬกิ าห้าสบิ นาที เก้านาฬกิ าสิบนาที แปดนาฬกิ าห้าสบิ นาที)
“ดูจากตรงไหน” (นกั เรยี นตอบ ดเู ขม็ ส้นั ชี้ท่เี ลขเก้า เขม็ ยาวชี้ที่เลขสิบ
หรือ ดูเข็มส้นั ชี้ทเ่ี ลขแปด เข็มยาวชท้ี ่เี ลขสบิ ) ครตู ิดแถบเวลา 8:50 บน
กระดาน จากนั้นอภิปรายรว่ มกันว่าทาํ ไมเข็มส้ันชท้ี ี่เลขแปด เขม็ ยาวชี้ที่
เลขสบิ จงึ เขยี นเปน็
8:50
8. ครถู ามนักเรยี นวา่ “เมือ่ วานตอนแปดนาฬิกาหา้ สบิ นาที
73
นกั เรียน เรียนวิชาอะไร” (นักเรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เห็น) จากน้นั ครู
ถามรปู ที่ 4 แล้วถามนักเรยี นว่าเขากาํ ลังทําอะไร (นกั เรยี นตอบ เขาเตะ
ฟตุ บอล ) ครถู ามต่อวา่ “เขาเลน่ ฟตุ บอลตอนไหน” (นกั เรยี นตอบ สบิ
โมงห้านาที ส่ีโมงหา้ นาที สบิ นาฬกิ าย่ีสิบห้านาที สบิ โมงย่สี ิบหา้ ) “ดูจาก
ตรงไหน” (นักเรยี นตอบ ดเู ขม็ สั้นช้ีท่เี ลขสิบเลยมานิดนึง เขม็ ยาวชี้ทีเ่ ลข
ห้า) ครใู หน้ ักเรียนออกมาตดิ บัตรตวั เลข 10:25 บนกระดาน จากนั้น
อภปิ รายร่วมกันว่าทาํ ไมเข็มส้นั ชี้ทเ่ี ลขสบิ เลยมานิดนงึ เข็มยาวชที้ ่เี ลขหา้
จึงเขยี นเปน็ 10:25
9. ครูถามนักเรยี นว่า “เมอื่ วานตอนสบิ นาฬกิ าย่สี บิ ห้านาที
นกั เรยี นเรยี นวชิ าอะไร” (นกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็น) จากนัน้ ครู
ถามรูปท่ี 5 แล้วถามนกั เรยี นวา่ เขากาํ ลงั ทาํ อะไร (นกั เรยี นตอบ ว่ายน้ํา เ)
ครูถามต่อว่า “เขาทํากิจกรรมตอนไหน” (นกั เรียนตอบ สิบเอด็ โมงสอง
นาที หา้ โมงสองนาที สบิ เอ็ดนาฬิกาสบิ นาที สบิ เอ็ดนาฬิกาสิบสองนาที)
“ดจู ากตรงไหน” (นกั เรยี นตอบ ดูเขม็ สัน้ ช้ีทเี่ ลขสิบเอ็ดเลยมานดิ นงึ เขม็
ยาวช้ีที่เลขสองเลยมาอีกนิดนึง) ครูให้นกั เรยี นออกมาติดบัตรตัวเลข
11:12 บนกระดาน จากนัน้ อภปิ รายร่วมกนั วา่ ทําไมเขม็ สน้ั ชี้ท่ีเลขสิบเอด็
เลยมานิดนึง เขม็ ยาวชี้ท่ีเลขสองเลยมาอกี นดิ นงึ จึงเขยี นเป็น
11:12
74
10. ครูถามนักเรยี นวา่ “เมอ่ื วานตอนสบิ เอ็ดนาฬกิ าสิบสองนาทนี ักเรยี น
เรียนทาํ อะไร” (นักเรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ )
4. การสรปุ บทเรยี นจากการเชื่อมโยงแนวคิดของนักเรยี น
ทีเ่ กิดขํนึ ในชันํ เรียน
11. ครูถามนกั เรยี นในชั้นเรียนวา่ “เขม็ ท่ีอยูบ่ นนาฬกิ ามอี ะไรบ้าง
เขม็ ส้ันบอกเวลาเปน็ .......... เขม็ ยาวบอกเปน็ เวลาเป็น...........” ให้
นักเรยี นชว่ ยกนั อธิบาย จากน้ันครตู ดิ แถบความรู้ก๊กุ ไก่
12. ครูถามนกั เรยี นวา่ “เขม็ ยาวเดินไป 1 ชอ่ ง เรยี กว่า......... และเขม็
75
ยาวเดินครบ 60 ช่อง จะเรยี กว่า.......................” ครูให้นักเรียนออกมา
ติดแถบความรู้
เข็มยาวเดนิ ไป 1 ช่อง เรียกว่า หนง่ึ นาที
และเข็มยาวเดนิ ครบ 60 ชอ่ ง จะเรียกวา่ หน่งึ ช่ัวโมง
13. ครถู ามนกั เรียนเกย่ี วกับการอา่ นตวั เลขที่แสดงเวลาช่วั โมงและตวั เลข
ท่ีแสดงเวลานาที เชน่ 7:00 อ่านวา่ อย่างไร (เจด็ นาฬกิ า) เลข 7 หมายถึง
อะไร (ตวั เลขทแ่ี สดงเวลาช่ัวโมง) และเลข 00 หมายถงึ อะไร (ตวั เลขที่
แสดงเวลานาท)ี
กิจกรรมคาบที่ 9 “ตามลา่ หาเวลา” 76
หมายเหตุ
จุดมงุ่ หมาย รูปแบบการกจิ กรรม ส่อื และอปุ กรณ์
1.นักเรยี นสามารถร้คู วามหมาย 1. ขันํ นาํ เสนอสถานการณป์ ัญหา ส่ือหลกั
ของเขม็ บนหนา้ ปัดนาฬิกา 1.1 ขันํ นําเข้าส่บู ทเรียน 1. แถบสถานการณ์ปญั หา และแถบ
2.นกั เรยี นสามารถบอกเวลาบน
1. ครทู บทวนความรเู้ รือ่ งทเี่ รียนเม่ือวาน โดยการติดติดแถบความรกู้ ๊กุ คําสัง่
นาฬกิ าได้ ไก่ และตดิ บตั รความรู้
3.บอกความสมั พันธข์ องหนว่ ย
เวลา (1 ชว่ั โมง เทา่ กับ 60 นาที) 2. นาฬิกาสาํ หรบั นกั เรียน (นาฬกิ า
ได้ จรงิ )
เขม็ ยาวเดนิ ไป 1 ชอ่ ง เรยี กวา่ หนง่ึ นาที 3. รูปนาฬิกาหน้า 63
และเข็มยาวเดนิ ครบ 60 ชอ่ ง จะเรียกว่า หนึ่งชว่ั โมง1.2 ขนํั นาํ เสนอ สือ่ เสรมิ
นาฬิกาสาํ หรบั ครู (นาฬกิ าจริง)
สถานการณป์ ญั หา
2. ครใู ห้ตวั แทนนักเรียนออกมาหมนุ นาฬิกาไปทเ่ี วลา 10.45 น. ครถู าม แถบความรกู้ ุ๊กไก่
ตอ่ ไปวา่ “นักเรียนทาํ อะไรอย่ทู ่ีโรงเรยี นในตอนนนั้ ” (นักเรยี นตอบ กําลัง
เรยี นคาบสาม)
3. ครตู ิดแถบช่อื กจิ กรรม และแจกใบกจิ กรรมใหน้ กั เรยี นแต่ละกล่มุ
เพ่อื ใหน้ ักเรียนเตมิ ชอ่ งนาทีใหค้ รบ 60 ช่อง
77
5. ครหู มุนนาฬิกาไปที่ 13.00 น. แลว้ ถามนกั เรยี นวา่ “จากนาฬิกา
ขณะนเี้ วลาเทา่ ไหร่” (นักเรียนตอบบา่ ยโมง สิบสามนาฬกิ า ตหี น่ึง) ครตู ง้ั
ขอ้ สังเกตกบั นักเรยี นว่า “เรารู้ได้อยา่ งไรว่ามนั คือเวลา สบิ สามนาฬิกา
หรือบ่ายโมง มนั อาจจะเปน็ ตีหนง่ึ ก็ได้” จากน้ันครูอธบิ ายเพิม่ เตมิ ว่า ใน
แตล่ ะวันเขม็ สน้ั จะเดนิ สองรอบ รอบแรกคือ ตอนเช้า จะเร่มิ ตง้ั แต่ 0
นาฬิกา ในตอนเช้า หรือ 12 นาฬิกาในตอนเท่ยี งคนื รอบสองคอื ตอน
บา่ ย จะเรมิ่ ตง้ั แต่จะเรม่ิ ตงั้ แต่ 0 นาฬิกา ในตอนบ่าย หรอื 12 นาฬิกาใน
ตอนเทีย่ งวนั
6. ครูอธิบายวธิ ีการอา่ นเวลาบนนาฬิกา โดยการหมุนเข็มนาฬิกาแลว้ ให้
นักเรยี นตอบ
7. ครูตดิ แถบคําสง่ั จากนั้นแจกสตกิ๊ เกอรเ์ ข็มส้นั และเข็มยาวใหก้ บั
นกั เรยี นแตล่ ะคน ครอู ธิบายใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจในคาํ สั่ง แล้วให้นักเรยี นลง
มือปฏบิ ัติโดยใหน้ ักเรียนหมนุ นาฬิกาไปให้ตรงกับเวลาท่ีนกั เรียนเลือก
กอ่ น แลว้ จึงให้นักเรียนวาดเข็มส้นั และเข็มยาวลงในใบกจิ กรรม
78
2. การเรยี นร้ดู ้วยตนเองของนกั เรียน
8. นกั เรยี นเติมชอ่ งนาทใี ห้ครบ 60 ช่อง
9. นกั เรียนหมุนนาฬกิ าไปให้ตรงกับเวลาท่ีนกั เรียนเลอื ก แล้วจึงวาดเขม็
สัน้ และเขม็ ยาวลงในใบกิจกรรม จากน้นั เขยี นตวั เลขบอกเวลาจากการดู
นาฬิกา
3. นาํ เสนอแนวคดิ ของกลมุ่ ต่อชัํนเรียนและอภปิ รายร่วมกนั
10.ครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมาหมนุ นาฬิกาให้ตรงกบั ใบกิจกรรม
ของตวั เอง ครแู ละนกั เรียนในชนั้ ร่วมกนั อภปิ รายวา่ เพอ่ื นบอกเวลา
ถกู ต้องหรือไม่ อยา่ งไร
เจด็ นาฬกิ าหกนาที) “ดจู ากตรงไหน” (นักเรยี นตอบ ดูเขม็ ส้ันชท้ี ีเ่ ลขเจ็ด
เขม็ ยาวชท้ี ีเ่ ลขหก) ครตู ิดแถบเวลา 7:30 บนกระดาน จากนั้นอภปิ ราย
รว่ มกันวา่ ทําไมเขม็ สนั้ ช้ีทเี่ ลขเจด็ เขม็ ยาวช้ที ี่เลขหก จึงเขียนเป็น 7:30
เข็มยาวชี้ท่เี ลขสองเลยมาอีกนดิ นงึ จงึ เขียนเป็น11:12
10.ครถู ามนกั เรยี นว่า“เมื่อวานตอนสบิ เอด็ นาฬกิ าสบิ สองนาทนี กั เรียน
เรียนทาํ อะไร” (นักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ )
4. การสรุปบทเรียนจากการเชื่อมโยงแนวคิดของนกั เรยี นท่ีเกดิ ขึํน
ในชํันเรียน
11. ครูถามนักเรยี นในช้ันเรยี นว่า “ในหนึง่ วันเข็มสนั้ จะเดนิ กร่ี อบ
รอบแรกคอื ตอนเช้า จะเร่มิ ต้ังแต่ตอนไหน รอบสองคอื ตอนบา่ ย จะเรมิ่
ตัง้ แตต่ อนไหน” ใหน้ ักเรยี นช่วยกันอธบิ าย
12. ครูหมนุ เขม็ นาฬกิ าไปทเ่ี วลาในตอนเชา้ แลว้ ให้นกั เรยี นบอกเวลา
79
จากนัน้ ครูหมุนเข็มนาฬกิ าไปท่เี วลาในตอนบ่ายแล้วใหน้ ักเรียนบอกเวลา
ครใู ห้นกั เรยี นสงั เกตความสมั พันธข์ องเขม็ สั้นกบั เข็มยาว
80
ตวั อย่างหนงั สอื คณิตศาสตรก์ ับเพอื่ นๆ : เรอื่ ง การบอกเวลา
81
ตัวอย่างหนงั สือคณิตศาสตรก์ ับเพ่ือนๆ : เร่ือง การบอกเวลา
.
ขนั้ นําเขา้ สู่บทเรยี น 82
ภาพการจัดกจิ กรรม : เรอื่ ง การบวกเวลา
การเรยี นร้ดู ้วยตนเองของนกั เรียน
นาํ เสนอแนวคิดกลุ่ม
สรปุ บทเรยี นจากการเชอ่ื มโยง
แนวคดิ ของนกั เรยี น
ขั้นนําเข้าสบู่ ทเรียน ภาพการจัดกิจกรรม : เร่อื ง การบวกเวลา 83
การเรยี นรูด้ ้วยตนเองของนักเรยี น
นาํ เสนอแนวคิดกลมุ่ สรปุ บทเรยี นจากการเชอ่ื มโยง
แนวคดิ ของนกั เรยี น
ขัน้ นาํ เข้าสู่บทเรียน ภาพการจดั กิจกรรม : เรื่อง การบวกเวลา 84
การเรียนร้ดู ้วยตนเองของนกั เรยี น
สรปุ บทเรยี นจากการเชอ่ื มโยง
แนวคดิ ของนกั เรยี น
นําเสนอแนวคิดกลมุ่
ขน้ั นาํ เข้าสู่บทเรียน ภาพการจดั กจิ กรรม : เรื่อง การบวกเวลา 85
นาํ เสนอแนวคดิ กล่มุ
สรปุ บทเรยี นจากการเชอ่ื มโยง
แนวคดิ ของนกั เรยี น
การเรียนรูด้ ว้ ยตนเองของนกั เรยี น
86
ใบงานและผลงาน กจิ กรรมคาบท่ี 8 “Tiktok”
87
ใบงานและผลงาน กจิ กรรมคาบท่ี 8 “Tiktok”
88
ใบงานและผลงาน กจิ กรรมคาบที่ 9 “ตามลา่ หาเวลา”
89
ใบงานและผลงาน กจิ กรรมคาบที่ 9 “ตามลา่ หาเวลา”
90
สะทอ้ นผล Open Approach ประถมศกึ ษาปีที่ 2/1 TP กจิ กรรมคาบที่ 8 “Tiktok”
ผลการสอน
1. นกั เรียนสามารถเขียนเข็มนาทีและเข็มชั่วโมงลงบนนาฬิกาได้
2. นกั เรียนสามารถเขียนตัวเลขบอกเวลาจากการดนู าฬิกาได้
3. นกั เรยี นสามารถบอกเวลาบนนาฬิกา และบอกความสัมพันธ์ของหนว่ ยเวลา (1 ช่วั โมง เท่ากบั 60 นาที) ได้
4. นกั เรียนสามารถบอกชว่ งเวลาจากนาฬิกา (เช้า/บ่าย)
ปัญหา/อปุ สรรค
- มนี ักเรยี นบางคนทไี่ มเ่ ข้าใจในเรื่องเข็มนาฬิกา เข็มสนั้ เข็มยาว
- นอ้ งเตก นอ้ งภูผา นัง่ เล่นไมฟ่ งั ในขณะครูสอน
- นักเรียนบางคนไมช่ ่วยเพือ่ นทํางานกลุ่มและยงั ชวนเพอ่ื นคุย
- นกั เรยี น ทาํ ใบกิจกรรมแสดงแนวคดิ ได้ดแี ตไ่ ม่สามารถอธิบายให้เพอื่ นได้
แนวทางการแก้ไข/ข้อเสนอแนะ
- คุณครผู สู้ อนช่วยยาํ้ และทบทวนบทเรียนบ่อยๆ
- สาํ หรับนักเรยี นทีไ่ ม่สนใจเรียน และน่ังเลน่ ครูถามคําถามบ่อยๆและใหเ้ ดนิ
- คอยกระตนุ้ ในการพดู ของนักเรียน
91
สะท้อนผล Open Approach ประถมศกึ ษาปีท่ี 2/2 ESC กจิ กรรมคาบที่ 8 “Tiktok”
ผลการสอน
1. นักเรียนสามารถเขยี นเข็มนาทีและเข็มชว่ั โมงลงบนนาฬกิ าได้
2. นกั เรียนสามารถเขียนตัวเลขบอกเวลาจากการดนู าฬิกาได้
3. นกั เรียนสามารถบอกเวลาบนนาฬิกา และบอกความสัมพันธข์ องหน่วยเวลา (1 ชั่วโมง เทา่ กบั 60 นาที) ได้
4. นกั เรยี นสามารถบอกชว่ งเวลาจากนาฬิกา (เชา้ /บา่ ย)
ปญั หา/อุปสรรค
- มนี ักเรยี นบางคนที่ไม่เขา้ ใจ ในการเขยี นบอกตวั เลข (1 ชวั่ โมง เทา่ กับ 60 นาที) ได้
แนวทางการแก้ไข/ข้อเสนอแนะ
- คุณครูผ้สู อนช่วยยํา้ สถานการณป์ ญั หากบั นกั เรยี นอกี รอบว่า สถานการณแ์ บบนคี้ ือเวลาบนนาฬิกา และบอกความสมั พนั ธข์ องหน่วยเวลา (1 ชัว่ โมง
เท่ากบั 60 นาที)
- คณุ ครูชี้แจงกับนกั เรียนว่าถา้ งเวลาจากนาฬิกา (เช้า/บา่ ย)
- ทบทวนก่อนนาํ เข้าสู่สถานการณ์ปัญหา และทบทวนบ่อยคร้ังในคาบถัดไป
92
สะท้อนผล Open Approach ประถมศกึ ษาปที ี่ 2/1 TP กจิ กรรมคาบที่ 9 “ตามลา่ หาเวลา”
ผลการสอน
1. นกั เรยี นสามารถเขยี นเขม็ นาทีและเขม็ ชว่ั โมงลงบนนาฬกิ าได้
2. นกั เรียนสามารถรคู้ วามหมายของเขม็ บนหนา้ ปัดนาฬกิ า
3. นักเรยี นสามารถเขียนตวั เลขบอกเวลาจากการดูนาฬกิ าได้
4. นักเรยี นสามารถบอกเวลาบนนาฬกิ า และบอกความสมั พันธข์ องหนว่ ยเวลา (1 ชั่วโมง เทา่ กบั 60 นาที) ได้
5. นกั เรยี นสามารถบอกชว่ งเวลาจากนาฬกิ า (เชา้ /บ่าย)
ปัญหา/อุปสรรค
- นกั เรียนบางคนยังบอกช่วงเวลาจากนาฬิกา (เชา้ /บ่าย)ไมไ่ ด้
- ในตอนทํากิจกรรมนักเรียนชอบทะเลาะกนั ในเรื่องการทาํ งาน
แนวทางการแก้ไข/ขอ้ เสนอแนะ
- คณุ ครูผสู้ อนเนน้ ย้ําในเวลาการอา่ นช่วงเวลาจากนาฬิกา (เช้า/บา่ ย)
- คุณครูอธิบายเรอื่ งการทาํ งานเปน็ กล่มุ
93
สะทอ้ นผล Open Approach ประถมศึกษาปที ่ี 2/2 ESC กจิ กรรมคาบท่ี 9 “ตามลา่ หาเวลา”
ผลการสอน
1. นกั เรยี นสามารถเขยี นเข็มนาทีและเขม็ ชัว่ โมงลงบนนาฬกิ าได้
2. นกั เรยี นสามารถรคู้ วามหมายของเข็มบนหน้าปดั นาฬิกา
3. นักเรยี นสามารถเขียนตัวเลขบอกเวลาจากการดนู าฬิกาได้
4. นักเรียนสามารถบอกเวลาบนนาฬกิ า และบอกความสมั พันธ์ของหน่วยเวลา (1 ชว่ั โมง เทา่ กับ 60 นาที) ได้
5. นกั เรียนสามารถบอกช่วงเวลาจากนาฬกิ า (เชา้ /บ่าย)
นกั เรียนส่วนใหญส่ ามารถหาคาํ ตอบจากเขม็ นาทแี ละเข็มชว่ั โมงลงบนนาฬิกาได้ นักเรียนส่วนใหญ่สามารถอธบิ ายบอกความสมั พนั ธข์ องหน่วยเวลา
(1 ชั่วโมง เท่ากับ 60 นาที) ได้
ปญั หา/อุปสรรค
- นอ้ งอิกฑา น้องเก้า นอ้ ง โอมม่ี ยังไม่สามารถบอกความสมั พันธข์ องหนว่ ยเวลา (1 ช่ัวโมง เทา่ กับ 60 นาที) ได้
แนวทางการแก้ไข/ข้อเสนอแนะ
- คุณครูผสู้ อนเน้นย้าํ เนือ้ หาในบทเรยี นบ่อยๆ
- คอยกระต้นุ ในการพูดของนกั เรยี น
94
สรุปการจดั กิจกรรม OPEN APPROACN
เร่อื ง ปรมิ าณนํา
95
แผนการจัดกจิ กรรมรปู แบบ OPEN APPROACH เพอ่ื ส่งเสริมทกั ษะกระบวนการคิด
ระดบั ชันํ ประถมศึกษาปีที่ 2
หนงั สอื เร่ือง เรยี นคณติ ศาสตรก์ บั เพ่อื นๆ
สาระสาํ คัญ ปริมาณนาํ้
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1) นักเรียนสามารถแสดงวิธีการเปรยี บเทยี บปรมิ าณของน้ําได้
2) นกั เรยี นสามารถเข้าใจความหมายของหนว่ ยแสดงปริมาณทีเ่ รยี กว่า “ลิตร” และสามารถเขยี นสัญลักษณ์แสดงหนว่ ยแสดงปรมิ าณ “ลติ ร” ได้
3) นักเรยี นสามารถวดั ปริมาณของน้าํ ทม่ี ีปริมาณน้อยกว่า 1 l (ลิตร) ได้
4) นักเรียนสามารถเขา้ ใจความหมายของเดซลิ ิตร (10 เดซลิ ิตร เป็น 1 ลิตร) ได้
5) นักเรียนสามารถเขา้ ใจความสัมพันธก์ ารวดั ปรมิ าณของน้ําที่อยู่ในภาชนะ โดยใชถ้ ว้ ยตวง 1 l (ลิตร) และ 1 dl (เดซลิ ติ ร) ได้
6) นกั เรยี นสามารถสร้างถว้ ยตวงขนาด 1 เดซลิ ติ รได้
7) นักเรยี นสามารถคาํ นวณหาปรมิ าณของน้ําได้
8) นกั เรยี นสามารถบอกปรมิ าณบรรจขุ องภาชนะตา่ ง ๆ ได้
9) นักเรียนสามารถเข้าใจความหมายของหน่วยแสดงปริมาณท่ีเรียกว่า “มิลลิลิตร” และสามารถเขียนสัญลักษณ์แสดงหน่วยแสดงปริมาณ
“มลิ ลิลติ ร” ได้
10) นกั เรยี นสามารถเปล่ียนหน่วยวัดปริมาณนาํ้ ได้
11) นักเรียนสามารถแก้สถานการณป์ ญั หาเกี่ยวกับปรมิ าณนา้ํ ได้
96
แผนการจัดกจิ กรรมนวัตกรรมOPEN APPROACH
กจิ กรรมคาบท่ี 10 “ขวดไหนจไุ ดม้ ากกว่า”
จุดม่งุ หมาย รปู แบบการกิจกรรม ส่อื และอปุ กรณ์ หมายเหตุ
1) นกั เรยี นสามารถเข้าใจ 1. ขนํั นาํ เสนอสถานการณป์ ญั หา สื่อหลัก
ความหมายของหน่วยแสดงปริมาณท่ี 1.1 ขนัํ นาํ เข้าสู่บทเรียน - สถานการณ์ปัญหา คําสัง่
เรยี กว่า “ลติ ร” และสามารถเขียนแสดง 1) ครูกล่าวทักทายนักเรียน จากนั้นครูนําเสนอปากกา 2 แท่ง แล้วถาม และใบกจิ กรรม
ปรมิ าณนาํ้ ในหนว่ ยลติ รได้ นักเรียนว่า “แท่งไหนยาวกว่ากัน” และถามต่อว่า “เราจะรู้ได้อย่างไรว่าแท่งไหนยาว - ขวดน้าํ 2 ขวดที่จุนํ้าหวาน
2) นกั เรียนสามารถวัดปรมิ าณ กว่า” (นํามาวางเทียบกัน ให้ปลายด้านหน่ึงอยู่ตําแหน่งเท่ากันแล้วดูปลายอีกด้านหนึ่ง สองชนดิ ทมี่ ปี ริมาณใกล้เคยี ง
ของน้ําท่อี ยใู่ นภาชนะ โดยทมี่ ีปริมาณ แท่งท่ียาวกว่าจะมีความยาวมากกว่า, ใช้เคร่ืองมือมาวัดความยาว เช่น ไม้บรรทัด, นํา กนั แต่มีรูปร่างแตกตา่ งกนั
เปน็ หน่วยเตม็ ลติ รได้ บล็อกมาเรยี งต่อกันตามความยาวของปากกาแลว้ เปรยี บเทียบความยาวจากบล็อก) - ถาดรองนาํ้
2) จากน้ันครูนําขวดนํ้า 2 ขวดที่มีปริมาณใกล้เคียงกัน แต่มีรูปร่างแตกต่างกัน ส่อื เสริม
มานําเสนอหน้าชั้นเรียนแล้วถามว่า “นักเรียนเห็นอะไรบ้าง” (มีขวดนํ้า 2 ขวด, ขวดท่ี - แก้วน้ําพลาสติกใส
1 มีนํ้าสีแดง, ขวดที่ 2 มีน้ําสีเขียว, ท้ังสองขวดมีรูปร่างต่างกัน) จากนั้นครูให้นักเรียน หลากหลายขนาด
- เหยอื กนา้ํ 2 ใบท่ีมคี วามจุ
ลองคาดคะเนดู ว่าขวดใดมีปรมิ าณมากกวา่ กนั
3. ครูนําเสนอเครื่องมือท่ีใช้ช่วยในการเปรียบเทียบปริมาณน้ําหวานในขวด มากกวา่ ขวดนา้ํ
ได้แก่ ถัง ถ้วยแก้วหรือชามแก้ว เหยือกนํ้า แก้วพลาสติกเล็ก พร้อมกับติดคําสั่งและให้ - ถว้ ยแก้วหรอื ชามแก้ว 2 ใบ
ท่มี ีความจมุ ากกวา่ ขวดนํ้า
นักเรียนอา่ นพรอ้ มกัน 1 รอบ
4. ครูให้นักเรียนส่งตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมาเพ่ือจับสลากเสี่ยงดวงว่าใครจะได้ - ถงั นํา้ 1 ใบ
- เทปสาํ หรับทําสัญลักษณ์
อุปกรณใ์ นการเปรียบเทยี บปรมิ าณแบบใดบา้ ง
5. ครูแจกอุปกรณ์ที่ใช้ในการเปรียบเทียบปริมาณให้แก่นักเรียนทุกกลุ่ม พร้อม - แถบข้อความสรุป “แมจ้ ะ
เปลยี่ นรูปทรงของภาชนะที่
ทัง้ ใบกิจกรรมและปากกาเมจกิ จากนัน้ ครแู จง้ เวลาในการทํากจิ กรรม
97
2. การเรยี นรู้ด้วยตนเองของนกั เรียน บรรจุ แตป่ รมิ าณของนํา้ ก็ยัง
6. นักเรียนเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านการทํากิจกรรมเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน โดย เท่าเดิม”
ให้นักเรียนช่วยกันเปรียบเทียบปริมาณน้ําสีแดงและนํ้าสีเขียว พร้อมอธิบายเก่ียวกับ
วิธกี ารเปรียบเทยี บปรมิ าณน้าํ ใหไ้ ดห้ ลากหลายวธิ ที ส่ี ดุ
7. ในขณะที่นักเรียนลงมือแก้ปัญหา ครูคอยกระตุ้นนักเรียน สังเกตแนวคิดของ
นักเรียนว่าตอบสนองต่อคําสั่งหรือไม่ ถ้าหากพบความผิดพลาดครูอาจกระตุ้นนักเรียน
อีกคร้ังโดยให้ทบทวนสถานการณ์ปัญหา หรือตรวจสอบวิธีการแก้ปัญหาของกลุ่มตนเอง
อีกครั้ง และบันทึกแนวคิดของนักเรียนเพื่อเป็นแนวทางในการจัดลําดับในการนําเสนอ
และอภิปรายแนวคิดในข้นั ถัดไป
3. นาํ เสนอแนวคดิ ของกลมุ่ ตอ่ ชนัํ เรียนและอภปิ รายรว่ มกนั
8. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานําเสนอแนวคิดการเปรียบเทียบปริมาณ
นํ้าหน้าช้ันเรียน และให้นักเรียนในชั้นเรียนร่วมกันอภิปรายถึงความเหมือนและความ
แตกต่างของแต่ละแนวคิด จากนั้นให้กลุ่มท่ีมีวิธีคิดที่แตกต่างจากกลุ่มท่ีนําเสนอก่อน
หน้าออกมานําเสนอตอ่ พรอ้ มกระต้นุ ให้นกั เรยี นฟงั และซกั ถามเพอ่ื
98
4. การสรปุ บทเรียนจากการเชอื่ มโยงแนวคดิ ของนักเรยี นที่เกดิ ขึํนใน
ชนํั เรียน
9. ครใู หน้ ักเรียนรว่ มกันสรุปเชื่อมโยงความรทู้ ี่ไดจ้ ากทาํ กจิ กรรม ในประเด็นตา่ ง ๆ ดงั น้ี
- วิธกี ารทนี่ กั เรยี นใชใ้ นการเปรียบเทยี บปรมิ าณน้ํา
- ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณของนํ้ากับภาชนะท่ีบรรจุ (แม้จะเปลี่ยนรูปทรง
ของภาชนะทบี่ รรจุ แต่ปรมิ าณของนํ้าก็ยงั เทา่ เดิม)
99
กจิ กรรมคาบที่ 11 “มีน้ําอยเู่ ท่าไร”
จดุ มงุ่ หมาย รปู แบบการกจิ กรรม สือ่ และอุปกรณ์ หมายเหตุ
1) นักเรยี นสามารถเข้าใจความหมาย 1. ขนัํ นําเสนอสถานการณป์ ญั หา ส่อื หลกั
ของหนว่ ยแสดงปริมาณท่เี รยี กว่า “ลิตร” และ
สามารถเขียนแสดงปริมาณนา้ํ ในหน่วยลติ รได้ 1.1 ขันํ นาํ เขา้ สู่บทเรยี น - สถานการณ์ปญั หา คาํ ส่ัง และ
2) นกั เรียนสามารถวัดปรมิ าณของน้าํ ท่ี 1) ครูกล่าวทักทายนักเรียน และทบทวนกิจกรรมในคาบเรียนท่ีผ่านมา ใบกจิ กรรม
อยูใ่ นภาชนะ โดยท่มี ีปรมิ าณเป็นหน่วยเต็มลิตร เก่ียวกับการเปรียบเทียบปริมาณนํ้า โดยที่ “ปริมาณของนํ้าจะคงที่ แม้ - กระปกุ พลาสตกิ บรรจนุ ํ้า 3
ได้ ลติ ร
จะเปลย่ี นภาชนะทบ่ี รรจุ”
2) ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการเปรียบเทียบปริมาณน้ํา - ขวดพลาสตกิ บรรจนุ ้ํา 2 ลติ ร
โดยใช้หน่วยวัดพ้ืนฐาน แล้วถามนักเรียนว่ารู้จักหน่วยวัดพ้ืนฐานหรือไม่ - ถ้วยตวงมาตรฐานขนาด 1 ลติ ร
- ถาดรองน้ํา
ถ้ารูจ้ กั มีอะไรบา้ ง จากนั้นเชื่อมโยงเขา้ สู่หนว่ ยลิตร
3) ครูนําเสนอ ถ้วยตวงซ่ึงเป็นเครื่องมือท่ีใช้วัดปริมาณนํ้า และ สือ่ เสริม
ถามนักเรียนว่า “นักเรียนคิดว่าถ้วยตวงน้ีจุน้ําได้ปริมาณเท่าไร” จากน้ัน - อปุ กรณ์ในการสร้างถ้วยตวง
ไดแ้ ก่ ขวดพลาสตกิ (ท่ีนกั เรียน
ร่วมกันอภิปรายเก่ยี วกบั ปรมิ าณน้าํ 1 ลิตร
4) ครูติดแถบข้อความ “มีหน่วยที่เรียกว่า ลิตร เพ่ือแสดง เตรยี มมาคนละ 1 ขวด) กรรไกร
ปริมาณน้ํา” และ “1 ลิตร สามารถเขียนแทนด้วย 1 l” จากน้ันให้ ปากกาเมจกิ
- แถบข้อความ “มหี นว่ ยท่ี
นกั เรียนอ่านพร้อมกนั ทั้งช้ันเรยี น 1 รอบ
5) ครูนําเสนอกิจกรรมและคําสั่งบนกระดาน “ให้นักเรียนสร้าง เรยี กว่า ลติ ร เพอื่ แสดงปรมิ าณ
ถ้วยตวงขนาด 1 l” พร้อมกับแจกอุปกรณ์ จากนั้นครูแจ้งเวลาในการทํา น้ํา”
- แถบข้อความ “1 ลิตร สามารถ
กจิ กรรม
เขียนแทนดว้ ย 1 l”
ช่วงที่ 2 (25 นาที)
100
1. ขันํ นําเสนอสถานการณป์ ญั หา (5 นาที)
1) ครูนําเสนอสถานการณ์ปัญหาที่ 2 โดยนําขวดพลาสติกและ
กระปกุ พลาสติกที่ใส่น้าํ มาให้นกั เรียนดู และทายว่ามปี รมิ าณน้าํ อยู่ก่ลี ติ ร
2) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาเพื่อจับสลาก
ปรมิ าณนํ้าทตี่ นเองจะได้รับ (ขวดพลาสตกิ หรอื กระปกุ พลาสติก)
3) ครูติดสถานการณ์ปัญหาที่ 2 และคําสั่งบนกระดาน แล้วให้
นักเรียนอ่านพรอ้ มกัน พรอ้ มทั้งตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียน
4) ครูกําหนดเวลาในการทํากิจกรรม จากนั้นแจกใบกิจกรรม
และอุปกรณ์ในการทํากิจกรรมให้กับนักเรียนแต่ละกลุ่ม เพื่อลงมือทํา
กิจกรรม
2. การเรียนรู้ด้วยตนเองของนกั เรียน
5) นักเรียนเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านการทํากิจกรรมเป็นกลุ่ม กลุ่ม
ละ 4-5 คน โดยใช้ขวดตวงขนาด 1 ลิตร ท่ีนักเรียนสร้างไว้ในช่วงแรก
ซึง่ ใช้หน่วยมาตรฐาน คือ “ลติ ร” ในการเปรียบเทยี บปรมิ าณนํ้า
6) ในขณะท่ีนักเรียนลงมือแก้ปัญหา ครูคอยกระตุ้นนักเรียน
สังเกตแนวคิดของนักเรียนว่าตอบสนองต่อคําสั่งหรือไม่ ถ้าหากพบ
ความผิดพลาดครูอาจกระตุ้นนักเรียนอีกคร้ังโดยให้ทบทวนสถานการณ์
ปัญหา หรือตรวจสอบวิธีการแก้ปัญหาของกลุ่มตนเองอีกครั้ง และ
บันทึกแนวคิดของนักเรียนเพื่อเป็นแนวทางในการจัดลําดับในการ
นําเสนอและอภิปรายแนวคิดในขัน้ ถัดไป
3. นาํ เสนอแนวคดิ ของกลุ่มตอ่ ชัํนเรียนและอภปิ รายร่วมกนั