The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by off29_37, 2019-03-24 23:21:22

ไม่มีชื่อเรื่องภาพนิ่ง

เนื้อหา วิธีการสอน รหั เวล

กิจกรรมผู้เรียน/ผู้สอน ส า

หนั (นา
งสือ ที)

5.อลูมิเนียมและอลูมิเนียมผสมมีความถ่วงจ าเพาะต ่า ดังนั้น ผู้สอน: บรรยายประกอบแผ่นใส

พวกวัสดุแปลกปลอม ซึ่งอยู่ในบ่อหลอมละลายจะลอยขึ้นสู่ ผู้เรียน: ฟั งบรรยายและจด
ผิวน ้าโลหะยาก ดังนั้นจะฝังตัวอยู่ในรอยเชื่อม สาระส าคัญ

3.ความสามารถในการเชื่อมทองแดงและทองแดงผสม
3.1 คุณสมบัติของทองแดง
- มีจุดหลอมเหลวที่ 1083C

2
- ความหนาแน่น 8.9 g/cm
- ทนความกัดกร่อน

- น าไฟฟ้าได้สูงและน าความร้อนได้ดี รองจากเงิน(Silver)
- ทนต่อการกักกร่อน
- ฟิล์มของทองแดงมีสีเขียว ซึ่งเรียกว่า “พาติน่า (Patina)”

- พาติน่า (Patina) มีพิษต่อร่างกาย ผู้ สอน ถาม: คุณ สมบัติ ของ
3.2ความสามารถในการเชื่อมทองแดง ทองแดงมีอะไรบ้าง
จุดหลอมของทองแดงสูงกว่าอลูมิเนียม แต่ต ่ากว่าเหล็ก ผู้เรียน: ตอบ

หล้าความสามารถในการน าความร้อนเป็ น 8 เท่าของ เฉลย: ทนทานต่อการกัดกร่อน
เหล็กกล้าละมุ่นดังนั้นความร้อนในขณะเชื่อมจะกระจายตัว น าไฟฟ้าได้ดีสูงและน าความร้อน A,F 25(
ออกไปได้ดีมากจึงท าให้การเชื่อมยากมากขึ้น เนื่องจาก ได้ดีรองจากเงินฯลฯ 80)

หลอมเหลวยากนั้นเอง การเชื่อมทองแดงจึงจ าเป็นต้องอุ่น
งานก่อนเสมอ และประประสิทธิ์การขยายตัวจากความร้อน
เป็น 1.5 เท่าของเหล็กกล้าละมุ่น ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการ

แตกร้าวในรอยเชื่อมได้ง่าย และเกิดการบิดงอได้มากกว่า
ด้วย
3.3การเกิดรูพรุน(Blowholes) ในการเชื่อมทองแดงและ

ทองแดงผสม
รูพรุนทีเกิดขึ้นในรอยเชื่อม สาเหตุเหตุเกิดจากก๊าซ

ไฮโดรเจนและไอน ้าหรือออกซิเจน โดยที่ขณะหลอมละลาย
ความสามารถในการรวมตัวของไฮโดรเจนจะเพิ่มมากขึ้น
แต่เมื่อเริ่มเย็นตัวลงก็จะลดลงต ่าลงมาก ขณะเดียวกัน

ไฮโดรเจนจะพยายามลอยตัวขึ้นสู่ผิวหน้าของรอยเชื่อม แต่
ถ้าเกิดการเย็นตัวที่รวดเร็วของรอยเชื่อมจะท าให้ไฮโดรเจน

ลอยตัวหนีออกมาไม่ทันจึงค้างอยู่ในรอยเชื่อมเกิดเป็นรูพรุน
ขึ้น ซึ่งออกซิเจนและไอน ้าก็เช่นเดียวกัน

เนื้อหา วิธีการสอน รหัส เวลา
กิจกรรมผู้เรียน/ หนังสือ (นาที)

ผู้สอน

3.4 การแตกร้าวของรอยเชื่อม(Cracking) ผู้สอน : บรรยาย

ทองแดงผสมมีการโน้มเอียงที่จะเกิดการแตกร้าวมากกว่า ประกอบแผ่นใส
ทองแดงบริสุทธิ์ ธาตุผสมจ าพวกตะกั่ว(Pb) บิสมัท (BI) จะเกิดการ ผู้ เรี ย น : ฟั ง
ตกตะกอนเป็นสารประกอบซึ่งมีจุดหลอมเหลวต ่าที่ขอบเกรน เป็น บรรยายและจด

สาเหตุท าให้เกิดการแตกร้าว สาระส าคัญ
3.5 การเชื่อมทองแดงและทองแดงผสม

โดยทั่วไปการเชื่อมเหมือนกับการเชื่อมเหล็กกล้าคาร์บอนต ่า
โดยการเชื่อมต้องค านึงโลหะวิทยาของทองแดงอยู่เสมอ
3.5.1 การเชื่อมแก๊ส

นิยมใช้กันแพร่หลายในการเชื่อมทองแดงและโลหะผสม
ทองแดง การเชื่อมทิกใช้กับงานหนาไม่เกิน 6 มม. ส่วนการเชื่อม ผู้สอนถาม: การ
มิกใช้กับการเชื่อมงานที่หนาที่มีความหนาเกินกว่า 6 มม. การเชื่อม เชื่อมทอง แดงจะ

ทิกใช้กระแสตรงและต่อขั้วตรง ขั้วลบป็นอิเล็คโทรดและชิ้นงาน เกิดการตกตะกอน
เป็นขั้วบวก เป็นสารประกอบท า

3.5.2 การเชื่อมไฟฟ้ า ให้เกิดอะไรขึ้นใน F 10(90)
ในการเชื่อมทองเหลืองซึ่งจะมีส่วนผสมของสังกะสีอยู่ด้วย ไม่ รอยเชื่อม
สามารถใช้ลวดเชื่อมไฟฟ้ าลวดเชื่อมไฟฟ้ าที่เป็นทองเหลืองได้ ผู้เรียน: ตอบ
เพราะว่าสังกะสีที่ผสมอยู่จะระเหยและเกิดไซด์ในขณะเชื่อมอย่าง เฉลย: เกิดการ

รุนแรง ดังนั้นลวดเชื่อมไฟฟ้าส าหรับกรณีนี้ควรเป็น ฟอสฟอรัส แตกร้าวที่รอยเชื่อม
บรอนซ์ หรืออลูมิเนียมบรอนซ์

4.ความสารถในการเชื่อมเหล็กหล่อ(Cast iron)
ในการเชื่อมเหล็กหล่อความร้อนจากการเชื่อมจะท าให้คุณสมบัติ
ของเหล็กหล่อเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเย็นตัว เช่น โครงสร้างพื้นฐาน

(Matrix) เดิมเป็นPearlierแต่เมื่อถูกให้ร้อนโครงสร้างกลายเป็น
Austenite และเมื่อเย็นตัวลงจะกลายเป็นCementiteหรือคาร์

ไบด์ซึ่งมีคุณสมบัติที่แข็งและเปราะ และจะท าการตกแต่งกลึงใส
ได้ยากมากและถ้าหากเย็นตัวอย่างรวดเร็วจะได้โครงสร้าง
Marten siteในบริเวณ HAZและเขตหลอมละลายเหล็กหล่อมี

จุดอ่อนคือมีความเหนียวต ่า ดังนั้นในการเชื่อมมีข้อควรค านึงคือ

เนื้อหา วิธีการสอน รหัส เวลา

กิจกรรมผู้เรียน/ผู้สอน หนังสือ (นาที)

ต้องพยายามควบคุมการเกิดความเค้นเหลือค้าง(Residual
Stress) ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะท าได้ ส าหรับเหล็กหล่ออบ

เหนียวและเหล็กหล่อราไฟต์กลมจะมีปัญหาน้อยกว่า
4.1สาเหตุในการเชื่อมเหล็กหล่อโดยทั่วไปที่เชื่อมได้ยากคือ ผู้สอน: บรรยายประกอบ

4.1.1เมื่อแนวเชื่อมเย็นตัวลง ถ้าเย็นตัวเร็วเกินไปจะ แผ่นใส
เปลี่ยนไปเป็นเหล็กหล่อขาวโดยเฉพาะเหล็กหล่อจะมี ผู้เรียน: ฟังบรรยายและ
โอกาสเป็นมากที่สุดซึ่งคุณสมบัติของเหล็กหล่อเทาจะแข็ง จดสาระส าคัญ

เปราะแตกหักง่าย
4.1.2คาร์บอน(C) ในเหล็กกับออกซิเจนในบรรยากาศจะ
ท าให้ปฏิกิริยากันท าให้เกิดแก๊สคาร์บอนมอนออกไซด์

(CO) ซึ่งมีผลท าให้เกิดรูพรุนในรอยเชื่อม ส าหรับงานที่
ก าจัดคราบน ้ามัน จาระบี หรือสารประกอบไฮโดรเจน A 15(105)
คาร์บอนต่างๆออกจากบริเวณรอยเชื่อมไม่หมดก็จะมีผล

เช่นเดียวกัน
4.1.3เนื่องจากเหล็กหล่อมีความเหนียวต ่าเมื่อมีการขยายตัว
และหดตัวในขณะเชื่อมจึงท าให้รอยเชื่อมแตกได้ง่าย

4.1.4ถ้าได้รับความร้อนเป็นเวลานานๆกราไฟต์จะหยาบท า
ให้มีความแข็งแรงต ่า

4.1.5เหล็กหล่อปกติจะมีรูพรุน สแลก หรือทรายฝังอยู่ในท า
ให้ลวดเชื่อมที่ใช้มีคุณสมบัติทางเคมีแตกต่างกับโลหะ
ชิ้นงาน จึงเป็นผลท าให้เกิดการแตกร้าวและมีรูพรุนเพิ่มมาก

ขึ้นได้



สรุป ผู้สอน: สรุปเนื้อหา
ผู้เรียน: สรุ ปร่ วมกับ

ผู้สอน

15(120)

สรุปเนื้อหา

ความสามารถในการเชื่อมของกรรมวิธีการเชื่อมแบบต่างๆที่น ามาเชื่อม
1.ความสามารถในการเชื่อมเหล็กล้าคาร์บอน(Carbon Steels)
เหล็กกล่าคาร์บอน เป็นเหล็กที่นิยมใช้งานมากที่สุดอุตสาหกรรม ซึ่งรู้จักกันดีมากคือ เหล็กกล้าเหนียว (Mild

Steels) หรือเหล็กกล้าคาร์บอน (Low Carbon Steel)
1.1 ผลกระทบต่อความสามารถในการเชื่อมของกรรมวิธีการเชื่อมแบบต่างๆในการเชื่อมเหล็กกล้าคาร์บอน

1.1.1 Shielded Meat Arc Welding( S M A W )
1.มีความเสี่ยงต่อการแตกร้าวแก๊สไฮโดรเจน
2.เชื่อมเหล็กคาร์บอนได้ทุกเกรดและไม่จ ากัดความหนาของชิ้นงาน
3.ความเหนียวของแนวเชื่อมดี ถ้าใช้ลวดเชื่อมและ Heat Input ถูกต้อง

2.ความสามารถในการเชื่อมของอลูมิเนียมและอลูมิเนียมผสม
2.1 คุณสมบัติของอลูมิเนียม

- น ้าหนักเบา
- มีความแข็งแรง(เมื่อเป็นอลูมิเนียมผสม)
- มีความต้านทานทนต่อการกักกร่อน

- น ากระแสไฟฟ้าได้ดี
- น าความร้อนได้ดี

- จุดหลอมเหลว 660 C
3.ความสามารถในการเชื่อมทองแดงและทองแดงผสม
3.1 คุณสมบัติของทองแดง

- มีจุดหลอมเหลวที่ 1083C
2
- ความหนาแน่น 8.9 g/cm
- ทนความกัดกร่อน
- น าไฟฟ้าได้สูงและน าความร้อนได้ดี รองจากเงิน(Silver)
- ทนต่อการกักกร่อน

- ฟิล์มของทองแดงมีสีเขียว ซึ่งเรียกว่า “พาติน่า (Patina)”
- พาติน่า (Patina) มีพิษต่อร่างกาย
4.ความสามารถในการเชื่อมเหล็กหล่อ(Cast iron)

ในการเชื่อมเหล็กหล่อความร้อนจากการเชื่อมจะท าให้คุณสมบัติของเหล็กหล่อเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเย็นตัว เช่น
โครงสร้างพื้นฐาน(Matrix) เดิมเป็นPearlierแต่เมื่อถูกให้ร้อนโครงสร้างกลายเป็น Austenite และเมื่อเย็นตัวลงจะ
กลายเป็นCementiteหรือคาร์ไบด์ซึ่งมีคุณสมบัติที่แข็งและเปราะ และจะท าการตกแต่งกลึงใส ได้ยากมากและถ้า

หากเย็นตัวอย่างรวดเร็วจะได้โครงสร้าง Marten siteในบริเวณ HAZและเขตหลอมละลาย
เหล็กหล่อเทามีจุดอ่อนคือความเหนียวต ่า ดังนั้นในการเชื่อมมีข้อควรค านึงคือต้องพยายามควบคุมการเกิดความ

เค้นเหลือค้าง(Residual Stress) ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะได้ ส าหรับเหล็กหล่ออบเหนียวและเหล็กหล่อราไฟต์กลมจะมี
ปัญหาน้อยกว่า

ข้อสังเกตในการสอน

1.สังเกตความสนใจของผู้เรียน
2.สังเกตการตอบค าถามหรือการซักถามของผู้เรียน


เครื่องมือและอุปกรณ์ช่วยสอน
1.เครื่องฉายข้ามศีรษะ

2.กระดานไวท์บอร์ด
3.เครื่องเขียน


พิสัยการเรียนรู้

พุทธิพิสัย(Cognitive Domain)
1. ความรู้ความจ า(Knowledge)
2. ความเข้าใจ(Comprehension)

3. การน าไปใช้งาน(Application)
4. การวิเคราะห์(Analysis)

5 การสังเคราะห์ (Synthesis)
6.การประเมินผล(Evaluation)


ข้อทดสอบ
1. การเชื่อมทอง แดงจะเกิดการตกตะกอนเป็นสารประกอบท าให้เกิดอะไรขึ้นในรอยเชื่อม

ตอบ เกิดการแตกร้าวที่รอยเชื่อม
2. คุณสมบัติของทองแดงมีอะไรบ้าง
ตอบ ทนทานต่อการกัดกร่อน น าไฟฟ้าได้ดีสูงและน าความร้อนได้ดีรองจากเงินฯลฯ

3. คุณสมบัติของอลูมิเนียมมีอะไรบ้าง
ตอบ น ้าหนักเบา น าความร้อนได้ดี


เอกสารอ้างอิง

1.เชิดเชลง ชิดชวนกิจและคณะ.วิศวกรรมการเชื่อม.กรุงเทพฯ: ครุสภาลาดพร้าว, 2524. รหัส A
2.อดิศักดิ์ วรรณะวัลย์.วิศวกรรมการเชื่อม.พิมพ์ครั้งที่3.กรุงเทพฯ: ประกอบเมไตร, 2524. รหัส F

หน่วยเตรียมการสอน (UNIT LESSON PREPARATION)

วิชา วัสดุและโลหะวิทยา เวลา 12.30 – 17.30 น.
วันที่ - การสอนครั้งที่ 17

หัวข้อเรื่อง-หัวข้อย่อย วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม

การตรวจรอยเชื่อมแบบไม่ท าลาย เมื่อเรียนจบหน่วยนี้แล้วผู้เรียนสามารถ:

- การตรวจสอบด้วยน ้ายาแทรกซึม 1. อธิบายหลักการตรวจสอบด้วยน ้ายา
- การตรวจสอบด้วยผงแม่เหล็ก แทรกซึมได้


- การตรวจสอบด้วยรังสี 2.อธิบายหลักการตรวจสอบด้วยผง
แม่เหล็กได้
3.อธิบายหลักการตรวจสอบด้วยรังสีได้

เนื้อหา วิธีการสอน รหัส เวลา

กิจกรรมผู้เรียน/ผู้สอน หนังสือ (นาที)

บทน า ผู้สอน : กล่าวน าเข้าเรื่อง

การตรวจสอบงานเชื่อมมีความส าคัญมากโดยเฉพาะการ ผู้เรียน : ฟังบรรยายและ
ตรวจสอบรอยเชื่อมแบบไม่ท าลาย ซึ่งรอยเชื่อมจะยังสภาพ จดสาระส าคัญ
เดิมอยู่ โดยจะทีวิธีการตรวจสอบอยู่หลายวิธีดังนี้



1. การตรวจสอบด้วยน ้ายาแทรกซึม(LIQUID PENETRANT

TESTING)
การตรวจสอบด้วนน ้ายาสารแทรกซึม เป็นวิธีหนึ่งของการ
ตรวจสอบแบบไม่ท าลาย ที่สามารถบอกถึงต าแหน่งของ E 5(5)
จุดบกพร่องที่เกิดบนผิวหน้าของวัสดุเช่น รอยแตก และรูพรุน

เป็นต้น แต่มาสามารถบอกถึงจุดบกพร่องที่เกิดขึ้นภายใต้ผิว
ของวัสดุ การตรวจสอบด้วยน ายาแทรกซึมนี้มานานแล้ว โดย

ในระยะแรกใช้ผงชอล์คผสมกับน ้ามันและทาบนผิวงาน
ตรวจสอบเพื่อหาจุดบกพร่อง ต่อมาได้พัฒนาให้มีประสิทธิ์
มากยิ่งขึ้นและสามารถใช้ตรวยสอบวัสดุได้หลายชนิด โดยไม่

ต้องค านึง คุณสมบัติทางกายภาพของวัสดุงาน แต่ข้อส าคัญ
วัสดุงานนั้นจะต้องไม่ดูดซึมของเหลว หรือมีเนื้อเป็นรูพรุน
(Porous material)

เนื้อหา วิธีการสอน รหัส เวลา

กิจกรรมผู้เรียน/ผู้สอน หนังสือ (นาที)

หลักการตรวจสอบด้วยน ้ายาทารกซึม ผู้สอน : บรรยายประกอบ
การตรวจสอบด้วยน ้ายาทารกซึม เป็นการตรวจสอบที่อาศัย แผ่นใส
หลักการของปฏิบัติยาแทรกซึม(Capillary action) ซึ่งเป็น ผู้เรียน : ฟังบรรยายและ

ปรากฏการณ์ของแรงธรรมชาติระดับและขนาดของปฏิกิริยา จดสาระส าคัญ
แทรกซึมจะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบต่างๆเช่น แรงดึงดูด ความ
ตึงผิว และความหนืดของของเหลวนั้นและปฏิกิริยาแทรกซึม

นี้จะเห็นได้จากการทดลอง โดยจุ่มหลอดพลาสติกใสลงใน
แก้วน ้า โมเลกุลของน ้าที่อยู่ในหลอดจะดึงดูดโมเลกุลของ
น ้ายาด้วยสารแทรกซึม สภาพผิวของงานอาจจะขัดขวาง หรือ

ช่วยให้เกิดกาแทรกซึมที่มีความตึงผิวต ่า จะมีการแทรกซึมสูง

ขั้นตอนการตรวจสอบด้วยน ้ายาแทรกซึม มี 6 ขั้นตอน คือ
1.การท าความสะอาด หรือเตรียมผิวชิ้นงานก่อนการ
ตรวจสอบ(Cleaning)
2.การเคลือบน ้ายาสารแทรกซึมส่วนเกิน(Penetration)

3.การก าจัดน ้ ายาแทรกซึมส่วนเกิน(Removing excess
penetrate) ผู้สอนถาม:การตรวจสอบ A,F 10(15)

4.การดึงน ้ายาแทรกซึมที่อยู่ในรูพรุน หรือต าหนิอื่นออกด้วย ด้วยน ้ ายาแทรกซึ มมี
(Developer) ขั้นตอนการท ากี่ขั้นตอน
5.ตรวจสอบ(Inspection) ผู้เรียน : ตอบ

6.การท าความสะอาดหลังการตรวจสอบ(Post clean) เฉลย : 6 ขั้นตอน





















รูปที่ 1ขั้นตอนการตรวจสอบด้วยน ้ายาแทรกซึม

เนื้อหา วิธีการสอน รหัส เวลา

กิจกรรมผู้เรียน/ผู้สอน หนังสือ (นาที)

1.การท าความสะอาดหรือการเตรียมผิวงานก่อนการ ผู้สอน : บรรยายประกอบ
ตรวจสอบ แผ่นใส
การท าความสะอาดเป็นขั้นตอนทีส าคัญของการตรวจสอบ ผู้เรียน : ฟังบรรยายและ

ที่จะท าให้จะท าให้การตรวจสอบด้วยน ายาแทรกซึมได้ผลดี จดสาระส าคัญ
โดยจะต้องท าความสะอาดผิวหน้าช้นงานและภายจุดบกพร่อง

ที่จะตรวจสอบ
ดังนั้นชิ้นงานที่จะตรวจสอบจึงท าให้สะอาดและแห้งสิ่ง
สกปรกที่มักจะพบ ได้แก่ น ้ามัน สเกลที่เกิดจากตีขึ้นรูป แล

งานชุบผิว ฟลักซ์เชื่อม วัสดุเคลือบป้ องการกัดกร่อน สี
Carbonized ฟิล์มออกไซด์ และการกัดกร่อนที่อาจเกิดขึ้นบน
วัสดุ

การท าความสะอาดงานแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ทางกล
และเคมี การเลือกใช้ขบวนการท าความสะอาดนั้น ต้อง
พิจารณาถึงความสกปรกของงานกับประสิทธิภาพของของ

กระบวนการท าความสะอาด และต้องไม่ท าปฏิกิริยากับผิว
งานที่จะน ามาตรวจสอบอีกด้วย ผู้สอนถาม : ถ้าชิ้นงานมี E,F 5(20)

2.การเคลือบน ้ายาแทรกซึมบนผิวงาน ผิวสกปรกจะท าให้เกิดผล
เมื่อเตรียมผิวงานเรียบร้อยแล้วให้พ่นหรือทาน ้ายาแทรกซึม อย่างไรในการตรวจ
ลงบนผิวงาน หรือน างานไปจุ่มลงในน ้ายาแทรกซึมและปล่อย ผู้เรียน : ตอบ

ทิ้งไว้ชั้วเวลาหนึ่ง(Dwell time) เพื่อให้น ้ายาแทรกซึมเข่าไป เฉลย : เพื่อให้ตรวจสอบ
จนทั่วถึงภายในของจุดบกพร่อง สิ่งส าคัญที่ใช้ในขั้นตอนนี้ ด้วยน ้ายาแทรกซึมได้ผลดี
ได้แก่การใช้น ้ายาแทรกซึมบาบงครั้งนิยมเรียกว่า เพนนี น ้ายาซึมไปในรอย

แทรนท์ (penetrate) บกพร่องได้ดี
ก.คุณสมบัติของน ายาแทรกซึม
มีสภาพเป็นของเหลว สามรถเปลี่ยนสภาพกลายเป็นแก๊สได้

ส่วนมากนิยมผสมกับสีแดง หรือสารเรื่องแรง และจะแทรก
ซึมเข้าไปในจุดบกพร่อง เพื่อบอกถึงต าแหน่งของจุดบกพร่อง

ข.ชนิดของน ้ายาแทรกซึม แบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆคือ
1.ชนิดเรืองแสง(Fluorescent penetrate)
2.ชนิดย้อมสีสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า(Visible dye

penetrate)

เนื้อหา วิธีการสอน รหัส เวลา

กิจกรรมผู้เรียน/ผู้สอน หนังสือ (นาที)

ปัจจุบันน ้ายาแทรกซึมเพิ่มขึ้นอีกชนิดหนึ่ง เรียกว่า “ชนิดผสม ผู้สอน : บรรยายประกอบ

(Dual sensitivity penetrate) ทีมีการผสมระหว่างชนิดที่ 1 กับ แผ่นใส
ที่ 2 ในการตรวจสอบจะใช้ Black lightหรือไม่ใช้ก็ได้ ผู้เรียน : ฟังบรรยายและ

3.การจ าจัดน ้ายาแทรกซึมส่วนเกิน (Removal of excess จดสาระส าคัญ

penetrate)
เมื่อเคลือบผิวงานตรวจสอบด้วยน ้ายาแทรกซึมแล้วปล่อย

ทิ้งไว้ จนน ้ายาซึมเข้าไปในจุดบกพร่องแล้ว จากนั้นให้ให้ล้าง
น ้ายาเกินออกจากส่วนงานด้วยความระมัดระวังเพราะอาจท า

ให้น ้ายาแทรกซึมอยู่ภายในจุดบกพร่องออกมาด้วยแต่ใน
ทางตรงข้ามกัน ถ้าล้างน ้ายาส่วนเกินออกไม่หมดอาจจะท า
ให้ผลการตรวจสอบออกมาสับสน เพราะพื้นผิวงานจะเปรอะ

เปื้อนไปด้วนน ้ายาแทรกซึม
การจ าจัดน ้ายาแทรกซึมท าได้หลายวิธี เช่น ล้างออกด้วยน ้า
สารละลาย หรือเช็ดด้วยผ้า

4.การดึงน ้ายาแทรกซึมออกจากต าหนิ หรือ จุดบกพร่องด้วย
Developer A 5(25)

การพ่นสาร Developer ลงไปบนผิวงานที่ผ่านขั้นตอนก าจัด
น ้ายาแทรกซึมส่วนเกินมาแล้ว เพื่อดึงน ้ายาที่แทรกตัวต าหนิ
หรือจุดบกพร่องต่างๆให้ปรากฏขึ้นบนผิวงาน ผู้สอนถาม : การก าจัด

5.การตรวจสอบ(Inspection) น ้ายาแทรกซึมท าได้กี่วิธี
เมื่อเคลือบชิ้นงานด้วยสาร Developer และปล่อยทิ้งไว้จน ผู้เรียน : ตอบ

ได้เวลาทีก าหนดแล้วต่อไปจึงตรวจสอบผล ระยะเวลาที่ เฉลย : 1.ล้างออกด้วยน ้า
เหมาะสมหาได้จากการทดลอง ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปตาม 2.สารท าละลายหรือเช็ด
ชนิดของน ้ายาตรวจสอบและชนิดของจุดบกพร่อง เช่น น ้ายา

ตรวจสอบชนิดย้อมสี จะใช้เวลามากกว่าเรืองแสงเมื่อใช้ ด้วยผ้า
ตรวจสอบหาจุดพกพร่องชนิดเดียวกัน

6.การท าความสะอาดหลังการตรวจสอบ
เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้ว ขั้นต่อไปเป็ นการจัดวัสดุที่
หลงเหลืออยู่บนชิ้นงานตรวจสอบ ส ารับ Developer ที่ตกค้าง
อยู่บนชิ้นงานตรวจสอบ

เนื้อหา วิธีการสอน รหัส เวลา

กิจกรรมผู้เรียน/ผู้สอน หนังสือ (นาที)

สามารถก าจัดออกได้โดยได้ใช้น ้าฉีดและไปอบแห้ง ผู้สอน : บรรยายประกอบ

ส าหรับน ้ายาแทรกซึมทุกชนิดและEmulsifier หรือ Remover แผ่นใส

ตกค้างสมารถก าจัดได้โดยใช้ Vapors degreasing โดยก่อนที่ ผู้เรียน : ฟังบรรยายและ
จะน าเอาชิ้นงานไปท าความสะอาดด้วยวิธีนี้ จะต้องท าให้แห้ง จดสาระส าคัญ
และเย็นก่อน











E

10(35)

รูปที่ 2 การตรวจสอบด้วยน ้า ผู้สอนถาม: จุดบกพร่อง

ลักษณ ะใดที่สามารถ
การตรวจสอบด้วยผงแม่เหล็ก ตรวจสอบได้ด้วยผง
แม่เหล็ก
บทน า ผู้เรียน : ตอบ
การตรวจสอบด้วยผงแม่เหล็ก เป็ นกาตรวจสอบ
จุดบกพร่องที่อยู่บนผิวๆ และให้ผิวตื้นๆของชิ้นงานที่เป็น เฉลย : จุดบกพร่องที่อยู่

สารแม่เหล็ก(Ferro -Magnetic) ได้โดยท าให้ชิ้นงานให้เป็น บนผิว และให้ผิวตื้นๆของ
แม่เหล็กแล้วโรยผงเหล็ก จะรวมตัวกันอยู่บนพื้นผิวของจุดกบ ชิ้นงาน

พร่องซึ่งจะบอกขนาด รูปร่างและขอบเขตของจุดบกพร่อง
นั้นๆ ส าหรับวัสดุที่เป็นสารแม่เหล็กได้ แก่ เหล็ก นิเกิล โค
บอลท์ และยังมี Precipitation harden Ing Steel หลายชนิด

เช่น เหล็กกล้าไร้สนิม 17-4 PH, 17-7PH, และ 15-4 PH

เนื้อหา วิธีการสอน รหัส เวลา

กิจกรรมผู้เรียน/ผู้สอน หนังสือ (นาที)

สารแม่เหล็กภายหลังการอบบ่ม(Aging) ส่วนวัสดุที่ไม่จ าเป็น ผู้สอน : บรรยายประกอบ

สารแม่เหล็ก(Non ferromagnetic)ไม่สามารถตรวจสอบได้ แผ่นใส

ด้วยวิธีนี้เช่น อลูมิเนียมผสม แมกกานีเซียมผสมทองแดง ผู้เรียน : ฟังบรรยายและ
และทองแดงผสม ตะกั่ว ไทเทเนียมและไทเทเนียมผสม และ จดสาระส าคัญ
เหล็กกล้าไรสนิมชนิดออสเทนไนติก


1.ลักษณะของสนามแม่เหล็ก(Characteristics of magnetic

fields)

การตรวจสอบต้องให้ชิ้นงานเกิดสนามแม่เหล็ก ซึ่งการ
ตรวจหาจุดบกพร่องที่ให้ได้ผลที่ดีที่สุดนั้นต าแหน่งของ
จุดบกพร่องต้องตัดขวางกับเส้นแม่เหล็กเป็นมุม 90 องศา

ในทางปฏิบัตินั้นสามารถท าได้ถึง 45 องศา

1.1สนามแม่เหล็กตามแนวยาว(Longitudinal)

ได้แก่สนามแม่เหล็ก(Bar magnet) ที่ปลายขั้วทั้งสองของ
แท่งแม่เหล็ก A,E 5(40)




















รูปที่ 3 ลักษณะของสนามแม่เหล็ก

คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

เนื้อหา วิธีการสอน รหัส เวลา


กิจกรรมผู้เรียน/ผู้สอน หนังสือ (นาที)
ก.สามารถดูด หรือผลักสารแม่เหล็กอื่นได้ ผู้สอน :บรรยายประกอบ

ข.เส้นแม่เหล็กจะวิ่งตามแนวยาวระหว่างขั้วทั้งสองขั้วทั้งสอง แผ่นใส
ค.แท่งแม่เหล็กที่เกิดแตกร้าวนั้น จะเกิดขั้วใหม่ดังรูปท าให้ ผู้เรียน : ฟังบรรยายและ

เส้นแรงแม่เหล็กเกิดการบิดเบี้ยวออกามภายนอก(Flux leak) จดสาระส าคัญ
และสามารถแสดงต าแหน่งต าแหน่งที่เกิดจุดพกพร่องดังรูป


1.2สนามแม่เหล็กวงกลม(Circular)
เมื่อน าสนามแม่เหล็กมาโค้งงอให้เป็นวงกลม โดยให้ปลาย
ทั้งสองอยู่ห่างกัน จะเห็นว่าระหว่างปลายทั้งสองนั้น(N-S) ผู้ ส อ น ถ า ม :

สามารถดึงดูดวัสดุแม่เหล็กได้ แต่ถ้าให้ปลายทั้งสองเชื่อม สนามแม่เหล็กวงกลม
ติดกันก็จะได้แม่เหล็กวงแหวน ซึ่งจะไม่แสดงอ านาจแม่เหล็ก เหมาะกับจุดบกพร่องที่ใน
ออกมา ทั้งนี้เพราะไม่มีขั้วเหนือ-ใต้ (N-S) แต่โมเลกุลภายใน ลักษณะอย่างไร

เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ เส้นทางแม่เหล็กจะมีทิศทางเป็น ผู้เรียน : ตอบ
วงกลม และเส้นแม่เหล็กแบบนี้เรียกว่า “สนามแม่เหล็ก เฉลย : ขนานกับแนว

(Circular field)’’ ระดับ E 10(50)




















รูปที่ 4 สนามแม่เหล็กวงกลม

คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

เนื้อหา วิธีการสอน รหัส เวลา

กิจกรรมผู้เรียน/ผู้สอน หนังสือ (นาที)

2.การท าชิ้นงานให้เป็นแม่เหล็ก ผู้สอน : บรรยายประกอบ

การท าชิ้นงานให้เป็นแม่เหล็กมีหลายวิธีด้วนกัน แต่ส าหรับ แผ่นใส
การตรวจสอบด้วยผงแม่เหล็กจะใช้การเหนี่ยวน าจากแม่เหล็ก ผู้เรียน : ฟังบรรยายและ
การตรวจสอบด้วยผงม่เหล็กถาวร หรือใช้แม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งมี จดสาระส าคัญ

รายละเอียดดังนี้
2.1 MAGETIC YOKE
MAGETIC YOKE มีทั้งแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic)

และแม่เหล็กถาวร (Permanent) ซึ่งแม่เหล็กชนิดนี้เป็นแบบ
เคลื่อนที่ มีขนาดเล็กและน ้าหนักเบา สามารถจับถือปฏิบัติได้

สะดวกแม่เหล็กถาวรเป็นเครื่องตรวจสอบที่น าไปใช้งาน ใน ผู้สอนถาม: MAGETIC
สถานที่ที่มาสามารถหาไฟฟ้าใช้ได้หรือสถานที่ที่ไม่ยอมให้มี YOKEมีอยู่กี่ชนิด
การอารค์เกิดขึ้น ผู้เรียน : ตอบ

2.1.1แม่เหล็กไฟฟ้ า เฉลย : มีอยู่ 2 ชนิ ด
เป็นเครื่องมือตรวจสอบชนิดแม่เหล็กไฟฟ้า มีขดลวดพันรอบ คื อ แ ม่ เห ล็ ก ไ ฟ ฟ้ า
แกนเหล็กรูปตัวยู ส่วนขาของแม่เหล็กรูปตัวมีทั้งชนิดตายตัว (Electromagnetic) และแม่ E 5(55)

และชนิดปรับระยะขาถ่างได้ เพื่อให้ขั้วแม่เหล็กสัมผัสกับ เหล็กถาวร (Permanent)
ชิ้นงานทดสอบที่มีรูปร่างต่างๆเครื่องตรวจสอบ
แม่เหล็กไฟฟ้าแตกต่างจากชนิดแม่เหล็กถาวร ตรงที่มีสวิทช์

ปิดเปิด ซึ่งสะดวกต่อการใช้งาน












รูปที่5 MAGETIC YOKE

2.1.2 แม่เหล็กถาวร
ไม่มาสารถตรวจสอบชิ้นงานที่กว้างและใหญ่ได้เพราะ
อ านาจแม่เหล็กไม่เพียงพอ

คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

เนื้อหา วิธีการสอน รหัส เวลา

กิจกรรมผู้เรียน/ผู้สอน หนังสือ (นาที)

2.2 ขดลวดตัวน า(Coils) ผู้สอน : บรรยายประกอบ

สนามแม่เหล็กทีเกิดจากลวดตัวน า เป็นสนามแม่เหล็กตาม แผ่นใส
แนวตามแนวยาวคือปล่อยกระแสไฟฟ้าให้ไหลผ่านขดลวด ผู้เรียน : ฟังบรรยายและ
ตัวน า กระแสไฟฟ้าจะเหนี่ยวน าให้เกิดสนามแม่เหล็กขึ้น ซึ่ง จดสาระส าคัญ

ทิศทางที่เกิดขึ้นจะเป็นไปตามกฎมือขวา คือ ให้หัวแม่มือชี้ทิศ
ทางการไหลของกระแสในขดลวดตัวน าและนิ้วทั้งที่ทิศทาง
ของสรนามแม่ เหล็ก ความเข้มข้นของสมานแม่เหล็กเมื่อ

กระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดตัวน านั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณของ
กระแสไฟฟ้ าและจ านวนรอบขดลวดที่พันรอบชิ้นงาน
ชิ้นงานที่น ามาตรวจสอบต้องมีคามยาวไม่น้อยกว่า2หรือ3เท่า

ของเส้นผ่านศูนย์กลาง การหาค่ากระแสไฟฟ้านั้นมีหลักสตูร
ดังนี้


กระแส(Amp) = 4500x1 หรือ 5000D
L/D T LT

A,E 5(60)
เมื่อ 4500 = ค่าคงที่
L = ค่าคงที่

D = เส้นผ่านศูนย์กลาง
T =จ านวนรอบของขดลวด


การทดสอบจะต้องอยู่ในเงื่อนไขดังต่อไปนี้
1.พื้นที่หน้าตัดของชิ้นงานต้องน้อยกว่า1/10ของพื้นที่วง

ขดลวด
2.ชิ้นงานต้องยาวไม่เกิน 18นิ้ว (ส่วนที่จะท าให้เป็นแม่เหล็ก)
3.อัตราส่วนความยาว/เส้นผ่านศูนย์กลางต้องอยู่ระหว่าง 2- 15

4.ชิ้นงานต้องวางให้ขนานกับแนวสนามแม่เหล็ก
5.ค วาม ไม่ ส ม บู รณ์ (Discontinuities) ที่ ส าม ารถ ใช้
สนามแม่เหล็กตามยาวแนวตรวจสอบจะต้องมีทิศทางของ

ต าหนิอยู่ในเส้นรอยวงที่ตัดขวางกับทิศทางของเส้นแรง
แม่เหล็ก

คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

เนื้อหา วิธีการสอน รหัส เวลา

กิจกรรมผู้เรียน/ผู้สอน หนังสือ (นาที)

2.3 กระแสไหลผ่านชิ้นงาน (Current Flow) ผู้สอน : บรรยายประกอบ

วิธีการให้เกิดสนามแม่เหล็กกับชิ้นงานตรวจสอบวิธีนี้จะใช้ แผ่นใส
กระแสไฟภายนอกโดยปกติแล้วเป็นไฟคลื่นแรงต ่าให้ไหล ผู้เรียน : ฟังบรรยายและ
ผ่านชิ้นงานโดยตรงจากด้านหนึ่ง(จากContact headไปยัง จด

Contact cail) ซึ่งเป็นผลให้ชิ้นงานเกิดสนามแม่เหล็กวงกลม
ขึ้น และตั้งฉากกับทิศทางการไหลของกระแสถ้าหน้าตัดที่
เสมอและแผ่นสัมผัส (Contact) ปิดหัวท้าย จะท าให้กระแส

กระจายตัวสม ่าเสมอทั่วชิ้นงาน ส าหรับกระแสที่ใช้ตรวจสอบ
จะต้องมีขนาดที่เหมาะสมกับขนาด และรูปร่างหน้าตัดของ
ชิ้นงาน จุดบกพร่องของชิ้นงานที่สามารถตรวจสอบได้ด้วย

วิธีจะต้องมีทิศทางที่ขนาน



E 10(70)



ผู้ ส อ น ถ า ม : ก า ร
ตรวจสอบแบบ(Central

conductor) เหมาะส าหรับ
ตรวจแบบงานประเภทใด
ผู้เรียน : ตอบ

เฉลย : งานท่อเป็นต้น
รูปที่ 6 วิธีการให้กระแสไหลผ่านชิ้นงาน


2.4 ตัวกลางอยู่กลาง(Central conductor)

การตรวจสอบแบบ Central conductor เหมาะส าหรับ
ตรวจสอบงานท่อหรืองานแหวน การท าชิ้นงานให้เป็ น
แม่เหล็กโดยเอาแท่งตัวน า (conductor) ใส่ไปในรู หรือ

ช่องว่างของงาน โดยตรงปกติแท่งตัวจะท าด้วยวัสดุแม่เหล็ก
หรือวัสดุที่เป็นแม่เหล็กก็ได้

คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

เนื้อหา วิธีการสอน รหัส เวลา

กิจกรรมผู้เรียน/ผู้สอน หนังสือ (นาที)

ซึ่งมีทั้งแบบแท่งตัน และกลวง แต่ต้องเป็นตัวน าไฟฟ้ าได้ดี ผู้สอน : บรรยายประกอบ

ได้แก่ ทองแดงแลและทองเหลือง เป็ นต้น เมื่อปล่อย แผ่นใส
กระแสไฟฟ้ าผ่านตัวน าจะท าให้เกิดสนามแม่เหล็กวงกลม ผู้เรียน : ฟังบรรยายและ
ขึ้นกับชิ้นงาน ส าหรับการตรวจหาจุดบกพร่องที่ผิวของ จด

ชิ้นงานจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อต ่าแหน่งของจุดบกพร่อง อยู่ใน
ทิศทางเดียวกันกับทิศทางการไหลของกระแส ในการ
ตรวจสอบแหวนด้วยวิธีสามารถท าได้ทีเดียวพร้อมๆกันหลาย
วงขนาดกระแสไฟฟ้ า ค านวณวิธีเดียวกันกับการตรวจสอบ

ด้วยกระแสไหลผ่าน โดยคิดจากการความโตสุดของชิ้นงาน







E 5(75)


รูปที่ 7 การทดสอบแบบตัวน าอยู่กลาง


2.5 โดยใช้หัวตัวน า(Prod Contacts)
การตรวจสอบโดยใช้หัวกดตัวน าโดยปกติจะใช้งานขนาด

ใหญ่ หรืองานที่อยู่กับที่ เช่นชิ้นส่วนเครื่องจักร งาน ผู้ ส อ น ถ า ม : ก า ร
โครงสร้าง เป็นต้น ซึ่งการท างานนั้นจะใช้หัวตัวน า((Prods)
ตรวจสอบโดยใช้หัวกด
ทั้งสองกดลงบนชิ้นงานรอบๆหัวกดน าแต่ละหัว ตัวน าโดยปกติจะใช้กับ

ข้อดี ของการตรวจสอบด้วยหัวกดตัวน า คือ งานขนาดใหญ่หรือเล็ก
1.สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย ซึ่งให้ความสะดวกแก่การ ผู้เรียน : ตอบ
ตรวจสอบงานสนาม เฉลย : ขนาดใหญ่หรืออยู่

2.ให้ผลดีส าหรับการตรวจสอบหาจุดบกพร่อง ที่อยู่ภายใต้ผิว
งานดีกว่าการตรวจสอบด้วยผงแม่เหล็กวิธีอื่น กับที่


ข้อเสีย ได้แก่ การอาร์คทีมักจะเกิดจากการจุดสัมผัสระหว่าง
ชิ้นงานกับปลายของหัวตัวน า อันเนื่องจากการใช้กระแส
ตรวจสอบสูงเกินไป หรือใช้แรงกดที่หัวตัวน าไม่เพียงพอ

คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

เนื้อหา วิธีการสอน รหัส เวลา

กิจกรรมผู้เรียน/ผู้สอน หนังสือ (นาที)

ซึ่งเป็นจุดอาร์คดังกล่าวเป็นจุดที่เกิดความเสียหายแก่งานได้ ผู้สอน : บรรยายประกอบ

โดนเฉพาะถ้าเป็นงานเหล็กกล้าที่มีปริมาณคาร์บอนผสมอยู่ แผ่นใส
มากกว่า 0.3 % เพราะบริเวณจุดสัมผัสเกิดความร้อนสูงและอยู่ ผู้เรียน : ฟังบรรยายและ
ตัวเร็ว จึงท าให้ความแข็งเพิ่มขึ้น และอาจเกิดการแตกร้าวขึ้น จด

ได้









รูปที่ 8 ทดสอบโดยการใช้หัวตัวน า

3.ผงเหล็ก (Magnetic Particles)
ผงเหล็กแบ่งออกตามลักษณะการท าพา (Vehicle) ได้ 2

ชนิดได้แก่ การน าพาโดยอากาศเรียกว่าผงเหล็กชนิดแห้ง (Dry E 10(85)
- Particle) และการน าพาโดยของเหลวเรียกว่าผงเหล็กชนิด
เปียก(Wet – Particle)ผงเหล็กท าด้วยวัสดุเหล็กต่างๆที่มีความ

คงทนต่อการเป็ นแม่เหล็กต ่า (Low Receptivity)และยังมี ผู้สอนถาม : ผงเหล็กแบ่ง
คุณสมบัติต่างๆอีกเช่น Permeabilityสูง ขนาดรูปทรง ออกตามลักษณะการ

เหมาะสม ไม่เป็นพิษ ไม่มีสิ่งสกปรกเจือปน และสารเป็นผง น าพา(Vehicle)ได้กี่ชนิด
แม่เหล็ก
3.1 ผงเหล็กชนิดแห้ง ผู้เรียน : ตอบ

ผงเหล็กชนิดแห้งมีให้เลือกทั้งชนิดย้อมสีและชนิดเรืองแสง เฉลย : 2 ชนิด
(Fluorescent)ส าหรับชนิดย้อมสีได้แก่ สีแดง สีเหลือง สีด า
และสีเทา เป็นต้น ซึ่งเป็นผงแม่เหล็กในแต่และชนิดนั้นมี

คุณสมบัติทางแม่เหล็ก ขนาดและประสิทธิภาพคล้ายกัน ผง
เหล็กชนิดแห้งให้ประสิทธิที่ดีกับการตรวจสอบงานที่มีผิว
หยาบ และต าหนิที่อยู่ภายใต้ผิวงานโดยปกติแล้วผงเหล็กชนิด

แห้งจะใช้อุปกรณ์ชนิดเคลื่อนที่ ส่วนผงเหล็กที่ใช้แล้วไม่
แนะน าให้กลับมาใช้ใหม่

คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

เนื้อหา วิธีการสอน รหัส เวลา

กิจกรรมผู้เรียน/ผู้สอน หนังสือ (นาที)

3.2 ผงเหล็กชนิดเปียก ผู้สอน: บรรยายประกอบ

ผงเหล็กชนิดเปียกเหมาะกับการตรวจสอบจุดบกพร่อง แผ่นใส
ขนาดเล็กได้แก่ รอยแตกเนื่องจากความล้า ผงเหล็กชนิดเปียก ผู้เรียน: ฟังบรรยายและ
ที่ใช้กับกับอุปกรณ์แบบตั้งพื้น จะประกอบด้วยถังใส่ผงเหล็ก จด

ที่ผสมกับของเหลว ส่วนการตรวจสอบงานสนามจะต้องใช้
กับอุปกรณ์ชนิดเคลื่อนที่ จะประกอบไปด้วยผงเหล็กชนิด
เปียกก็มีให้เลือกใช้ได้หลายสี เช่นเดียวกับผงเหล็กชนิดแห้ง

วัสดุน าพาผงเหล็กชนิดเปียกมีอยู่ 2 ชนิดได้แก่ น ้ามัน และน ้า
หน้าที่ของวัสดุน าพาได้แก่ เป็นตัวพยุงผงเหล็กให้ลอยตัวอยู่
เหนือผิวงาน เพื่อให้ผงเหล็กเคลื่อนที่ไปรวมอยู่ที่บริเวณ

จุดบกพร่องได้ง่าย


4.การตรวจสอบด้วย Cable Coils
เป็นวิธีส าหรับตรวจสอบหารอยแตกตามขวางของเพลา
และท่อ A,E 5(90)

1.พันสายเคเบิล โดยรอบชิ้นงานหลวมๆ 2-4 รอบโดยให้แต่
ละรอยอยู่ชิดติดกัน
2.ผ่านกระแสเข้าขอลวด

3.พ่นหรือโรยผงเหล็กในพื้นที่ที่เป็นสนามแม่เหล็ก ในขณะที่
ก าลังผ่านกระแสอยู่และรอจนเกิดเครื่องหมายจาการรวมตัว

ของเหล็ก
4.เป่าเบาๆให้ผงเหล็กส่วนเกินหลุดออก
5.หยุดผ่านกระแส และตรวจสอบผิวงานหาจุดบกพร่อง










รูปที่ 9 การตรวจสอบด้วย Cable Coils

คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

เนื้อหา วิธีการสอน รหัส เวลา

กิจกรรมผู้เรียน/ผู้สอน หนังสือ (นาที)

สนามแม่เหล็กที่สามารถให้ตรวจสอบได้ผล มีระยะห่างจาก
ขดลวดแต่ละด้านประมาณ 150-200 มม. (วัดจากจุดกึ่งกลาง

ชองขดลวด)แต่ถ้าชิ้นงานมีความยาวมากกว่าจะต้อง

ตรวจสอบเป็นช่วงสั้นๆไปจนตลอดความยาวของาน

5.การตรวจสอบชิ้นงานกลวง ผู้สอน: บรรยายประกอบ
การตรวจสอบชิ้นงานที่มีภายในเป็ นรูปกลวง มีขั้นตอน
แผ่นใส
ดังนี้ ผู้เรียน: ฟังบรรยายและ
1.พันสายเคเบิลโดยรอบหูของงาน2-4 รอบโดยให้แต่และรอบ
จด
อยู่ชิดติดกัน

2.ผ่านกระแสเข้าขดลวด
3.พ่นหรือโรยผงเหล็กลงในพื้นที่ที่เป็ นสนามแม่เหล็ก
ในขณะที่ก าลังผ่านกระแสอยู่ และรดจนเกิดเครื่องหมายจาก

การรวมตัวของผงเหล็ก
4.เป่าเบาๆให้ผงเหล็กส่วนเกินหลุดออก
A,E 10(100)
5.หยุดกระแส และตรวจสอบงานหาจุดบกพร่อง

























รูปที่ 10 การตรวจสอบชิ้นงานกลวง


การตรวจสอบที่ส่วนอื่นๆของงานกระท าได้โดยตรงการ

เคลื่อนขดลวดไปที่จุดต้องการตรวจสอบ และการด าเนินการ
ตามความเป็นจริง

คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

เนื้อหา วิธีการสอน รหัส เวลา

กิจกรรมผู้เรียน/ผู้สอน หนังสือ (นาที)

6. การตรวจสอบด้วยรังสี(Radiographic inspection) ผู้สอนถาม: รังสีที่ใช้ใน
การตรวจสอบด้วยรังสีเป็นการตรวจสอบแบบไม่ท าลาย การตรวจสอบด้วยรังสี

สภาพ(NDT) โดยใช้รังสีเอ็กซ์ หรือ รัวสีแกมม่า ฉายผ่านเนื้อ อะไร
วัสดุและงานปฏิกิริยากับฟิล์มที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งใช้ส าหรับการ ผู้เรียน: ตอบ

หาจุดบกพร่องภายในเช่น รูพรุน แสลกฝังใน การซึมลึกมา เฉลย: รังสีเอ็กซ์ หรือรังสี
เพียงพอ การหลอมละลายไม่ดี รอยแตกร้าว และอื่นๆ แกมม่า
นอกจากนี่ยังสามารถเก็บบันทึกลักษณะจุดบกพร่องไว้ใน

ฟิล์มอีกด้วย





E 10(110)

















รูปที่ 11 การตรวจสอบด้วยรังสี

สรุป


10(120)

คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

สรุปเนื้อหา

การตรวจสอบด้วยน ้ายาแทรกซึม
การตรวจสอบด้วนน ้ายาสารแทรกซึม เป็นวิธีหนึ่งของการตรวจสอบแบบไม่ท าลาย ที่สามารถบอกถึงต าแหน่ง
ของจุดบกพร่องที่เกิดบนผิวหน้าของวัสดุ

หลักการตรวจสอบด้วยน ้ายาแทรกซึม
การตรวจสอบด้วยน ้ายาแทรกซึม เป็นการตรวจสอบที่อาศัยหลักการของปฏิบัติยาแทรกซึม(Capillary action)

ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ของแรงธรรมชาติระดับและขนาดของปฏิกิริยาแทรกซึมจะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบต่างๆเช่น
แรงดึงดูด ความตึงผิว และความหนืดของของเหลวนั้น

หลักการตรวจสอบด้วยน ้ายาแทรกซึม
ขั้นตอนการตรวจสอบด้วยน ้ายาแทรกซึม มี 6 ขั้นตอน คือ
1.การท าความสะอาด หรือเตรียมผิวชิ้นงานก่อนการตรวจสอบ(Cleaning)
2.การเคลือบน ้ายาสารแทรกซึมส่วนเกิน(Penetration)

3.การก าจัดน ้ายาแทรกซึมส่วนเกิน(Removing excess penetrate)
4.การดึงน ้ายาแทรกซึมที่อยู่ในรูพรุน หรือต าหนิอื่นออกด้วย(Developer)

5.ตรวจสอบ(Inspection)
6.การท าความสะอาดหลังการตรวจสอบ(Post clean)
การตรวจสอบด้วยผงแม่เหล็ก

การตรวจสอบด้วยผงแม่เหล็ก เป็นกาตรวจสอบจุดบกพร่องที่อยู่บนผิวๆ และให้ผิวตื้นๆของชิ้นงานที่เป็นสาร
แม่เหล็ก(Ferro Magnetic) ได้โดยท าให้ชิ้นงานให้เป็นแม่เหล็กแล้วโรยผงเหล็กจะรวมตัวกันอยู่บนพื้นผิวของจุด
กบพร่องซึ่งจะบอกขนาด รูปร่างและขอบเขตของจุดบกพร่องนั้นๆ

ลักษณะของสนามแม่เหล็ก(Characteristics of magnetic fields)
การตรวจสอบต้องให้ชิ้นงานเกิดสนามแม่เหล็ก ซึ่งการตรวจหาจุดบกพร่องที่ให้ได้ผลที่ดีที่สุดนั้นต าแหน่งของ

จุดบกพร่องต้องตัดขวางกับเส้นแม่เหล็กเป็นมุม 90 องศาในทางปฏิบัตินั้นสามารถท าได้ถึง 45 องศา
1.1สนามแม่เหล็กตามแนวยาว(Longitudinal)
1.2สนามแม่เหล็กวงกลม(Circular)

การท าชิ้นงานให้เป็นแม่เหล็ก
MAGETIC YOKE มีทั้งแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic) และแม่เหล็กถาวร (Permanent) ซึ่งแม่เหล็กชนิดนี้เป็น
แบบเคลื่อนที่ มีขนาดเล็กและน ้าหนักเบา สามารถจับถือปฏิบัติได้สะดวก

1.แม่เหล็กถาวร
2.แม่เหล็กไฟฟ้า

ผงเหล็ก (Magnetic Particles)
1. ผงเหล็กชนิดแห้ง 2. ผงเหล็กชนิดเปียก
การตรวจสอบด้วยรังสี(Radiographic inspection)

การตรวจสอบด้วยรังสีเป็นการตรวจสอบแบบไม่ท าลายสภาพ(NDT) โดยใช้รังสีเอ็กซ์ หรือ รัวสีแกมม่า ฉายผ่าน
เนื้อวัสดุ

คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

ข้อสังเกตในการสอน

1.สังเกตความสนใจของผู้เรียน
2.สังเกตการตอบค าถามหรือการซักถามของผู้เรียน


เครื่องมือและอุปกรณ์ช่วยสอน
1.เครื่องฉายข้ามศีรษะ

2.กระดานไวท์บอร์ด
3.เครื่องเขียน


พิสัยการเรียนรู้

พุทธิพิสัย(Cognitive Domain)
1. ความรู้ความจ า(Knowledge)

2. ความเข้าใจ(Comprehension)
3. การน าไปใช้งาน(Application)
4. การวิเคราะห์(Analysis)

5 การสังเคราะห์ (Synthesis)
6.การประเมินผล(Evaluation)


ข้อทดสอบ
1. รังสีที่ใช้ในการตรวจสอบด้วยรังสีอะไร

ตอบ รังสีเอ็กซ์ หรือรังสีแกมม่า
2. ผงเหล็กแบ่งออกตามลักษณะการน าพา(Vehicle)ได้กี่ชนิด

ตอบ 2 ชนิด
3. การตรวจสอบโดยใช้หัวกดตัวน าโดยปกติจะใช้กับงานขนาดใหญ่หรือเล็ก
ตอบ ขนาดใหญ่หรืออยู่กับที่



เอกสารอ้างอิง
1.เชิดเชลง ชิดชวนกิจและคณะ.วิศวกรรมการเชื่อม.กรุงเทพฯ: ครุสภาลาดพร้าว, 2524. รหัส A

2.สมบูรณ์ เต็งหงส์ และบัณฑิต ใจชื่น.การตรวจสอบงานเชื่อมโลหะ.พิมพ์ครั้งที่2.กรุงเทพฯ: เล็บพลายแอน
คอนชั่นทิง รหัส E

3. อดิศักดิ์ วรรณะวัลย์.วิศวกรรมการเชื่อม.พิมพ์ครั้งที่3.กรุงเทพฯ: ประกอบเมไตร, 2524. รหัส F

หน่วยเตรียมการสอน (UNIT LESSON PREPARATION)

วิชา วัสดุและโลหะวิทยา เวลา 12.30 – 17.30 น.
วันที่ - การสอนครั้งที่ 18

หัวข้อเรื่อง-หัวข้อย่อย วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม

กรรมวิธีการตรวจสอบรอยเชื่อมแบบไม่ท าลาย 1. อธิบายการตรวจสอบด้วนกระแสเอ็ดดี้ได้

( ต่อ ) 2. อธิบายการตรวจสอบด้วยคลื่นอุตร้าโซนิค
4. การตรวจด้วยกระแสเอ็ดดี้

5.การตรวจสอบด้วยคลื่นอุลตร้าโซนิค

เนื้อหา วิธีการสอน รหัส เวลา

กิจกรรมผู้เรียน/ผู้สอน หนังสือ (นาที)

บทน า ผู้สอน: กล่าวน าเข้าเรื่อง

ค าว่า เอ็ดดี้ เคอร์เรนท์ (Addy Current) หมายถึง ผู้เรียน: ฟังบรรยายและจด
กระแสวนเวียนที่ใช้ในการตรวจสอบคุณสมบัติ สาระส าคัญ
กายภาพของวัสดุ และสามารถค้นหาต าหนิหรือความ

ไม่สมบูรณ์ของงานโลหะทั้งชนิดที่สามารถเป็ น
แม่เหล็กและไม่เป็นแม่เหล็ก

หลักการตรวจสอบด้วยกระแสเอ็ดดี้(Addy
Current)
การตรวจสอบสอบด้วยกระแสเอ็ดดี้เป็นการตรวจสอบ

โดยไม่ท าลายที่อาศัยหลักการที่ว่า กระแสไฟฟ้าจะไหล A,E 20(20)
ในตัวน าใดๆที่มีสนามแม่เหล็กเปลี่ยนแปลง วิธีการใช้
ใน การตรวจสอบรอยเชื่อม โดยเฉพาะงานที่เป็นแท่ง

บิลเล็ท และรอยเชื่อมท่อ โดยใช้ความถี่ตั้งแต่ 50 HZ –
1 MHZ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความหนาของวัสดุ ซึ่งถ้ามี

ข้อบกพร่องเกิดขึ้นในชิ้นงานสนามแม่เหล็กก็จะเกิด
การเปลี่ยนแปลง ท าให้ทราบต าแหน่งของจุดบกพร่อง

เนื้อหา วิธีการสอน รหัส เวลา
กิจกรรมผู้เรียน/ผู้สอน หนังสือ (นาที)


ข้อดี ผู้สอน: บรรยายประกอบ
1.ตรวจสอบโลหะตัวน าได้ผลแม่นย า แผ่นใส
2.อ่านผลได้ทันที ผู้เรียน: ฟังบรรยายและจด

3.สามารถตรวจงานขณะผลิตด้วยความเร็วสูง สาระส าคัญ
4.สามารถตรวจสอบข้อบกพร่องจุดเล็กๆ

5.ไม่จ าเป็นต้องสัมผัสหน้างาน

ข้อเสีย
1.ไม่สามารถระบุธรรมชาติของข้อบกพร่องเฉพาะ

อย่างได้ชัดเจน
2.กระแสซึมได้ระยะจ ากัด ส่วนมากใช้ตรวจสอบ
ข้อบกพร่องที่อยู่ใกล้ผิวงาน

3.ไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างถาวร
4.ต้องใช้ช่างผู้ช านาญงานมีความรู้ความเชี่ยวชาญใน
การตรวจสอบ

ข้อควรระวังในการตรวจสอบสอบ
1.อาจจะมีอ านาจแม่เหล็กตกค้างส่วนบาง(Residual A,E 30(50)

field)
2.อาจจะเกิดความเที่ยงตรงของเครื่องมือในการ
ตรวจสอบอันเนื่องจากแม่เหล็ก

3.อาจท าให้อนุภาคของเหล็กติดตามผิวงาน ซึ่งถ้าหาก
ชิ้นงานมีการเคลื่อนที่ขณะใช้งาน จะเกิดการสึกหรอได้
ง่าย

4.ถ้าใช้พลังงานแม่เหล็กในการตรวจสอบอ่อน จะมีผล
แทรกซ้อน

การตรวจสอบด้วยคลื่นอุลตร้าโซนิด(Ultrasonic
Inspection)
การตรวจสอบด้วยคลื่นอุลตร้าโซนิค ใช้ในการ

ตรวจสอบหาจุดบกพร่องที่อยู่ภายในชิ้นงาน โดยใช้
คลื่นเสียงที่มีความถี่สูงแพร่ผ่านเข้าไปภายในเนื้อของ
ชิ้นงานตรวจสอบ คลื่นที่ผ่านเข้าไปนั้นจะกระทบกับ

จุดบกพร่อง และสะท้อนกลับไปยังจุดส่งคลื่น

เนื้อหา วิธีการสอน รหัส เวลา
กิจกรรมผู้เรียน/ผู้สอน หนังสือ (นาที)


ส่วนคลื่นที่ไม่กระทบกับจุดบกพร่องจะผ่านเลยไปยัง ผู้สอน: บรรยายประกอบ

ผ่านเลยไปนั้นจะน ามาวิเคราะห์หาจุดบกพร่อง เช่น แผ่นใส
รอยแตก รูพรุน สแลกฝังใน เป็นต้น ผู้เรียน: ฟังบรรยายและจด

ความถี่ของคลื่นของอุลตร้าโซนิคที่ใช้อยู่ระหว่าง สาระส าคัญ
0.5 – 50เฮริร์ซ

อุปกรณ์ตรวจสอบอุลตร้าโซนิด
เครื่องอุลตร้าโซนิดแบบ Pulse echo ที่ผลิตกัน
โดยทั่วไปจะมีส่วนประกอบดังนี้

1.Power supply เป็นเครื่องที่จ่ายกระแสไฟฟ้ าให้กับ
วงจรของอุลตร้า
2.Transducer หรือหัวตรวจเป็นหัวตรวจสอบที่ภายใน

บรรจุไว้ด้วยผลึกพร้อมที่จับ ซึ่งเป็นตัวเปลี่ยนพลังงาน ผู้สอนถาม: ความถี่ของคลื่น
เสียงเป็นสัญญาณไฟฟ้าแสดงให้เห็นต่อที่จอภาพ ของอุลตร้าโซนิ คที่ ใช้
วิธีการตรวจสอบโดยผ่านคลื่นเสียงเข้าในชิ้นงานมีอยู่ ตรวจสอบจะมีความถี่ของ

2 วิธีคือ คลื่นเท่าไร
1.การตรวจสอบโดยการใช้หัวตรวจสอบสัมผัสกับงาน ผู้เรียน: ตอบ E,F 30(80)

(Contact scan) ของสารน าคลื่น(Couplant)กั้นอยู่ เฉลย: ความถี่ระหว่าง 0.50
ระหว่างผิวสัมผัสทั้งสองดังรูป MHZ- 20 MHZ























รูปที่2 การตรวจสอบโดเยใช้หัวตรวจสอบสัมผัสกับ

งาน(Contact scan)

เนื้อหา วิธีการสอน รหัส เวลา
กิจกรรมผู้เรียน/ผู้สอน หนังสือ (นาที)


2.การจุ่ มงานและตรวจสอบไว้ในของเหลว ผู้สอน: บรรยายประกอบ

(Immersion) แผ่นใส

ใช้กับการตรวจสอบอัตโนมัติ หรือกับงานที่ผิวหยาบ ผู้เรียน: ฟังบรรยายและจด
มาก โดยน าชิ้นงานจุ่มไว้ในอ่างตรวจสอบ ปกติอ่างจะ สาระส าคัญ
บรรจุด้วยน ้าผสมน ้ายาป้ องกันสนิมและการกัดกร่อน

รวมทั้งป้ องกันสนิมและการกัดกร่อน รวมทั้งป้ องกัน
ฟองอากาศ ซึ่งหัวตรวจสอบจะเป็นระบบไกหรือ
อัตโนมัติ


ผู้ ส อ น ถ าม : วิ ธี ก า ร

ตรวจสอบโดยผ่านคลื่นเสียง

เข่าไปในชิ้นงานมีกี่วิธี E 20(100)
ผู้เรียน: ตอบ
เฉล ย : 2วิธี คื อ ใช้หั ว

ตรวจสอบสัมผัสกับงานและ
จุ่มงานและหัวตรวจสอบไว้

ในของเหลว





รูปที่3 การจุ่มงานและหัวตรวจไว้ในของเหลว

(Immersion)

สรุป ผู้สอน: สรุป

ผู้เรียน: สรุปร่วมกันผู้สอน




20(120)

สรุปเนื้อหา
การตรวจด้วยกระแสเอ็ดดี้(Addy Current)
การตรวจสอบสอบด้วยกระแสเอ็ดดี้เป็นการตรวจสอบโดยไม่ท าลายที่อาศัยหลักการที่ว่า กระแสไฟฟ้าจะไหลใน

ตัวน าใดๆที่มีสนามแม่เหล็กเปลี่ยนแปลง วิธีการใช้ใน การตรวจสอบรอยเชื่อม โดยเฉพาะงานที่เป็นแท่ง บิลเล็ท
และรอยเชื่อมท่อ โดยใช้ความถี่ตั้งแต่ 50 HZ – 1 MHZ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความหนาของวัสดุ

การตรวจสอบด้วยคลื่นอุลตร้าโซนิด(Ultrasonic Inspection)
การตรวจสอบด้วยคลื่นอุลตร้าโซนิค ใช้ในการตรวจสอบหาจุดบกพร่องที่อยู่ภายในชิ้นงาน โดยใช้คลื่นเสียงที่
มีความถี่สูงแพร่ผ่านเข้าไปภายในเนื้อของชิ้นงานตรวจสอบ คลื่นที่ผ่านเข้าไปนั้นจะกระทบกับจุดบกพร่อง และ

สะท้อนกลับไปยังจุดส่งคลื่นส่วนคลื่นที่ไม่กระทบกับจุดบกพร่องจะผ่านเลยไปยังผ่านเลยไปนั้นจะน ามา
วิเคราะห์หาจุดบกพร่อง เช่น รอยแตก รูพรุน สแลกฝังใน เป็นต้น


ข้อสังเกตในการสอน

1.สังเกตความสนใจของผู้เรียน
2.สังเกตการตอบค าถามหรือการซักถามของผู้เรียน

เครื่องมือและอุปกรณ์ช่วยสอน

1.เครื่องฉายข้ามศีรษะ
2.กระดานไวท์บอร์ด

3.เครื่องเขียน

ข้อทดสอบ
1. วิธีการตรวจสอบโดยผ่านคลื่นเสียงเข่าไปในชิ้นงานมีกี่วิธี
ตอบ 2 วิธีคือ ใช้หัวตรวจสอบสัมผัสกับงานและจุ่มงานและหัวตรวจสอบไว้ในของเหลว

2. ความถี่ของคลื่นของอุลตร้าโซนิคที่ใช้ตรวจสอบจะมีความถี่ของคลื่นเท่าไร
ตอบ ความถี่ระหว่าง 0.50 MHZ- 20 MHZ


1.เชิดเชลง ชิดชวนกิจและคณะ.วิศวกรรมการเชื่อม.กรุงเทพฯ: ครุสภาลาดพร้าว, 2524. รหัส A
2.สมบูรณ์ เต็งหงส์ และบัณฑิต ใจชื่น.การตรวจสอบงานเชื่อมโลหะ.พิมพ์ครั้งที่2.กรุงเทพฯ: เล็บพลายแอน

คอนชั่นทิง รหัส E
3. อดิศักดิ์ วรรณะวัลย์.วิศวกรรมการเชื่อม.พิมพ์ครั้งที่3.กรุงเทพฯ: ประกอบเมไตร, 2524. รหัส F


Click to View FlipBook Version