1.4 วิธีการตรวจสอบด้วยผงแม่เหล็ก
การตรวจสอบด้วยผงแม่เหล็ก จะประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้
1. การเตรียมชิ้นงานทดสอบ (Perparation of specimens)
2. การเลือกขบวนการตรวจสอบ (Selection of Method)
3. การท าชิ้นงานให้เป็นแม่เหล็ก (Magnetisation)
4. การตรวจหาจุดบกพร่อง (Detection)
5. การแปลความหมายจุดบกพร่อง (Interpretation of
indications)
6. การท าความสะอาดชิ้นงานขั้นสุดท้าย (Final Cleaning)
7. การคลายอ านาจแม่เหล็กตกค้าง (Demagnetisation)
1.4.4. การตรวจหาจุดบกพร่อง
วิธีการตรวจหาจุดบกพร่องที่กระท ากันอยู่ 2 วิธีคือ
1. ความไม่ต่อเนื่อง (Residual Method) เป็นวิธีที่ประกอบ
ท าชิ้นงานให้เป็นแม่เหล็กก่อนแล้วจึงใช้ผงเหล็ก ซึ่งผงเหล็กที่ใช้จะเป็นชนิด
เปียก หรือชนิดแห้งก็ได้ วิธีการตรวจสอบนี้จะใช้ได้ผลกัยชิ้นงานที่เป็น
แม่เหล็ก และไม่มีความคงตัวต่ออ านาจแม่เหล็กเพียงพอ ทีจะท าให้เกิดการ
เบี่ยงเบนของสนามแม่เหล็กที่จุดบกพร่อง
2. วิธีต่อเนื่อง (Continuous Method) เป็นการใช้ผง
เหล็กในการท าชิ้นงานให้เป็นแม่เหล็ก
1.4.4. การตรวจหาจุดบกพร่อง
วิธีการตรวจหาจุดบกพร่องที่กระท ากันอยู่ 2 วิธีคือ
1. ความไม่ต่อเนื่อง (Residual Method) เป็นวิธีที่ประกอบ
ท าชิ้นงานให้เป็นแม่เหล็กก่อนแล้วจึงใช้ผงเหล็ก ซึ่งผงเหล็กที่ใช้จะเป็นชนิด
เปียก หรือชนิดแห้งก็ได้ วิธีการตรวจสอบนี้จะใช้ได้ผลกัยชิ้นงานที่เป็น
แม่เหล็ก และไม่มีความคงตัวต่ออ านาจแม่เหล็กเพียงพอ ทีจะท าให้เกิดการ
เบี่ยงเบนของสนามแม่เหล็กที่จุดบกพร่อง
2. วิธีต่อเนื่อง (Continuous Method) เป็นการใช้ผง
เหล็กในการท าชิ้นงานให้เป็นแม่เหล็ก
2.2 การใช้ผงแห้งกับวิธีต่อเนื่อง
- การท าชิ้นงานให้เป็นแม่เหล็กแล้ว ใช้ผงเหล็กโรยบนชิ้นงานตรงบริเวณที่จะต้อง
การท าการตรวจ
- ใช้ลมอ่อนๆ เป่ าผงเหล็กส่วนที่เกินออก
- หยุดจ่ายกระแสไฟ
1.4.5 การแปรความหมายจุดบกพร่องจากการรวมตัวของผงเหล็กบนชิ้นงาน
การแปรความหมายจุดบกพร่องนั้น จะต้องใช้ประสบการณ์ เนื่องจาก
เครื่องหมายที่เกิดจากการรวมตัวของผงเหล็ก บนจุดบกพร่องที่เหมือนกัน จะ
แตกต่างออกตามชนิดของวัสดุ และ รูปทรงเรขาคณิตของชิ้นงาน
เครื่องหมายของรอยแตกบนผิวงาน จะปรากฎเป็นเส้นคมตัดตลอดแนว
รอยแตกเนื่องจากกกรรวมตัวของผงเหล็ก ส่วนเครื่องหมายของรอยแตกขนาด
เล็กจะไม่ต่อเนื่องและ ในบางครั้งการตรวจสอบอาจจะต้องใช้วานขยายช่วย
เพื่อให้การมองเห็นดีขึ้น
2.2 การใช้ผงแห้งกับวิธีต่อเนื่อง
- การท าชิ้นงานให้เป็นแม่เหล็กแล้ว ใช้ผงเหล็กโรยบนชิ้นงานตรงบริเวณที่จะต้อง
การท าการตรวจ
- ใช้ลมอ่อนๆ เป่ าผงเหล็กส่วนที่เกินออก
- หยุดจ่ายกระแสไฟ
1.4.5 การแปรความหมายจุดบกพร่องจากการรวมตัวของผงเหล็กบนชิ้นงาน
การแปรความหมายจุดบกพร่องนั้น จะต้องใช้ประสบการณ์ เนื่องจาก
เครื่องหมายที่เกิดจากการรวมตัวของผงเหล็ก บนจุดบกพร่องที่เหมือนกัน จะ
แตกต่างออกตามชนิดของวัสดุ และ รูปทรงเรขาคณิตของชิ้นงาน
เครื่องหมายของรอยแตกบนผิวงาน จะปรากฎเป็นเส้นคมตัดตลอดแนว
รอยแตกเนื่องจากกกรรวมตัวของผงเหล็ก ส่วนเครื่องหมายของรอยแตกขนาด
เล็กจะไม่ต่อเนื่องและ ในบางครั้งการตรวจสอบอาจจะต้องใช้วานขยายช่วย
เพื่อให้การมองเห็นดีขึ้น
1.4.6 การท าความสะอาดชิ้นงานขั้นสุดท้าย
ชิ้นงานที่ผ่านการตรวจสอบมาแล้ว จะต้องท าความสะอาดเอาผง
เหล็ก และการน าพาออก โดยปกติแล้ว จะล้างออกด้วยพาราฟิน
หลังจากนั้นต้องท าให้แห้ง และป้ องกันการเกิดการกัดกร่อน
1.4.7 การคลายอ านาจแม่เหล็กตกค้าง
การคลายอ านาจแม่เหล็กตกค้าง ก็คือ การท าให้อ านาจแม่เหล็กที่
ตกค้างอยู่บนชิ้นงานหมดไป โดยเพราะเหล็กแข็งจะมีอ านาจแม่เหล็ก
ตกค้างมากกว่าเหล็กอ่อน อย่างไรก็ตามการคลายอ านาจแม่เหล็กตกค้าง
อาจจะง่ายหรือยากขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุงาน งานจ าเป็นต้องการท าการ
คลายอ านาจแม่เหล็กตกค้างออกได้แก่
1.4.6 การท าความสะอาดชิ้นงานขั้นสุดท้าย
ชิ้นงานที่ผ่านการตรวจสอบมาแล้ว จะต้องท าความสะอาดเอาผง
เหล็ก และการน าพาออก โดยปกติแล้ว จะล้างออกด้วยพาราฟิน
หลังจากนั้นต้องท าให้แห้ง และป้ องกันการเกิดการกัดกร่อน
1.4.7 การคลายอ านาจแม่เหล็กตกค้าง
การคลายอ านาจแม่เหล็กตกค้าง ก็คือ การท าให้อ านาจแม่เหล็กที่
ตกค้างอยู่บนชิ้นงานหมดไป โดยเพราะเหล็กแข็งจะมีอ านาจแม่เหล็ก
ตกค้างมากกว่าเหล็กอ่อน อย่างไรก็ตามการคลายอ านาจแม่เหล็กตกค้าง
อาจจะง่ายหรือยากขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุงาน งานจ าเป็นต้องการท าการ
คลายอ านาจแม่เหล็กตกค้างออกได้แก่
1. งานที่ใช้กับเครื่องมือละเอียด
2. งานที่อาจน าไปตัดแต่งอีก
3. งานที่ต้องน าไปท าความสะอาด
4. งานที่ต้องน าไปสวม
5. งานที่ต้องน าไปเชื่อมด้วยไฟฟ้ า
งานที่ไม่จ าเป็นต้องการคลายอ านาจแม่เหล็กตกค้างออกได้แก ่
1. งานที่ท าด้วยเหล็กอ่อน
2. งานที่ไปอบชุบที่อุณหภูมิสูงกว่า 580 องศาเซลเซียส
3. งานที่ไม่มีผลต่อสนามแม่เหล็ก
4. งานที่น าไปท าแม่เหล็ก
1. งานที่ใช้กับเครื่องมือละเอียด
2. งานที่อาจน าไปตัดแต่งอีก
3. งานที่ต้องน าไปท าความสะอาด
4. งานที่ต้องน าไปสวม
5. งานที่ต้องน าไปเชื่อมด้วยไฟฟ้ า
งานที่ไม่จ าเป็นต้องการคลายอ านาจแม่เหล็กตกค้างออกได้แก ่
1. งานที่ท าด้วยเหล็กอ่อน
2. งานที่ไปอบชุบที่อุณหภูมิสูงกว่า 580 องศาเซลเซียส
3. งานที่ไม่มีผลต่อสนามแม่เหล็ก
4. งานที่น าไปท าแม่เหล็ก
การคลายอ านาจแม่เหล็กตกค้าง มีหลายวิธีด้วยกัน ได้แก่
1. ช่องขดลวด (Aperture Coil)
การคลายอ านาจแม่เหล็กด้วยวิธีนี้ เป็นวิธีการที่ท ากันทั่วไป โดยให้
ชิ้นงานผ่านช่องขดลวด (Coil) ซึ่งขดลวดนั้น ผลิตสนามแม่เหล็กด้วยการ
ป้ อนกระแสไฟสลับ ชิ้นงานทดสอบที่มีรูปทรงไม่สมมาตร จะต้องหมุนชิ้นงาน
ในขณะผ่านช่องขดลวด การกระท าด้วยวิธีนี้ให้ผลดีกับการก าจัดสนามแม่เหล็ก
ตกค้างในส่วนต่างๆของชิ้นงานที่รูปทรงไม่สมมาตรกัน
รูปที่ 1.14 Apreture Coil
การคลายอ านาจแม่เหล็กตกค้าง มีหลายวิธีด้วยกัน ได้แก่
1. ช่องขดลวด (Aperture Coil)
การคลายอ านาจแม่เหล็กด้วยวิธีนี้ เป็นวิธีการที่ท ากันทั่วไป โดยให้
ชิ้นงานผ่านช่องขดลวด (Coil) ซึ่งขดลวดนั้น ผลิตสนามแม่เหล็กด้วยการ
ป้ อนกระแสไฟสลับ ชิ้นงานทดสอบที่มีรูปทรงไม่สมมาตร จะต้องหมุนชิ้นงาน
ในขณะผ่านช่องขดลวด การกระท าด้วยวิธีนี้ให้ผลดีกับการก าจัดสนามแม่เหล็ก
ตกค้างในส่วนต่างๆของชิ้นงานที่รูปทรงไม่สมมาตรกัน
รูปที่ 1.14 Apreture Coil
2. Cable Coil
ชิ้นงานตรวจสอบที่ขนาดงานใหญ่มาก และน าผ่านช่องขดลวดได้
ล าบาก หรือไม่สามารถจัดหาช่องขดลวดได้ ดังนั้นจึงต้องใช้วิธี Cable
Coil โดยเอาขดลวดที่ต้องท าด้วยสายเคเบิล พันรอบชิ้นงาน แล้วป้ อน
กระแสไฟสลับเข้าไปก็เกิดสนามแม่เหล็กขึ้นที่งาน พร้อมกับน าขดลวดผ่าน
ชิ้นงาน
3. A.C Decay
มีทั้งแบบตั้งโต๊ะและแบบเคลื่อนที่ เป็นเครื่องคลายอ านาจแม่เหล็กใหม่
ระบบอิเล็กโทรนิคส์ ใช้งานได้สะดวก ท าการคลายอ านาจแม่เหล็กชิ้นงาน
ได้ทั้งแบบยึดติดหัว และท้ายชิ้นงานหรือใสเข้าไปในขดลวด
4. Yoke คลายอ านาจแม่เหล็ก
เป็นอุปกรณ์แม่เหล็กไฟฟ้ าที่สามารถให้ผลดี ในการคลายอ านาจ
แม่เหล็กตกค้าง ซึ่งมีชือเรียกว่า Growle เพราะจะเกิดเสียงเมื่อดึง
ชิ้นงานออก
2. Cable Coil
ชิ้นงานตรวจสอบที่ขนาดงานใหญ่มาก และน าผ่านช่องขดลวดได้
ล าบาก หรือไม่สามารถจัดหาช่องขดลวดได้ ดังนั้นจึงต้องใช้วิธี Cable
Coil โดยเอาขดลวดที่ต้องท าด้วยสายเคเบิล พันรอบชิ้นงาน แล้วป้ อน
กระแสไฟสลับเข้าไปก็เกิดสนามแม่เหล็กขึ้นที่งาน พร้อมกับน าขดลวดผ่าน
ชิ้นงาน
3. A.C Decay
มีทั้งแบบตั้งโต๊ะและแบบเคลื่อนที่ เป็นเครื่องคลายอ านาจแม่เหล็กใหม่
ระบบอิเล็กโทรนิคส์ ใช้งานได้สะดวก ท าการคลายอ านาจแม่เหล็กชิ้นงาน
ได้ทั้งแบบยึดติดหัว และท้ายชิ้นงานหรือใสเข้าไปในขดลวด
4. Yoke คลายอ านาจแม่เหล็ก
เป็นอุปกรณ์แม่เหล็กไฟฟ้ าที่สามารถให้ผลดี ในการคลายอ านาจ
แม่เหล็กตกค้าง ซึ่งมีชือเรียกว่า Growle เพราะจะเกิดเสียงเมื่อดึง
ชิ้นงานออก
การบันทึกจุบกพร่อง (Recording Defects)
เมื่อตรวจสอบชิ้นงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว จุดบกพร่องที่ตรวจพบ
จะต้องท าเครื่องหมายแสดงไว้ด้วยดินสอ เทียน สี หรือ อื่นๆ ที่เหมาะสม
ส าหรับเครื่องหมายที่ถาวรนั้นท าได้หลายวิธีด้วยกันคือ
ก. เทปใส (Transparent Tape) เป็นการบันทึกโดยปล่อยให้
ผิวหน้างานแห้งแล้วจึงใช้เทปใสปิดบนเครื่องหมาย
ข. การถ่ายภาพ (Photography) บันทึกโดยใช้กล้องถ่ายภาพ
ถ่ายเครื่องหมายที่อยู่บนผิวงาน จากนั้นน าไปล้างและอัดเป็นภาพที่ต้องการ
ค. ใช้กระดาษบาง เป็นการบันทึกเครื่องหมายของงานที่ตรวจพบจุ
บกพร่องแล้วด้วยการท าความสะอาด
การบันทึกจุบกพร่อง (Recording Defects)
เมื่อตรวจสอบชิ้นงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว จุดบกพร่องที่ตรวจพบ
จะต้องท าเครื่องหมายแสดงไว้ด้วยดินสอ เทียน สี หรือ อื่นๆ ที่เหมาะสม
ส าหรับเครื่องหมายที่ถาวรนั้นท าได้หลายวิธีด้วยกันคือ
ก. เทปใส (Transparent Tape) เป็นการบันทึกโดยปล่อยให้
ผิวหน้างานแห้งแล้วจึงใช้เทปใสปิดบนเครื่องหมาย
ข. การถ่ายภาพ (Photography) บันทึกโดยใช้กล้องถ่ายภาพ
ถ่ายเครื่องหมายที่อยู่บนผิวงาน จากนั้นน าไปล้างและอัดเป็นภาพที่ต้องการ
ค. ใช้กระดาษบาง เป็นการบันทึกเครื่องหมายของงานที่ตรวจพบจุ
บกพร่องแล้วด้วยการท าความสะอาด
ปฏิบัติตรวจสอบแนวเชื่อมด้วยตัวน า (Prods)
1. จับหัวตัวน ากดลงบนชิ้นงานให้แน่น มีระยะห่างระหว่างหัวตัวน าทั้ง
สองประมาณ 100-200 มม. และอยู่ต าแหน่งคร่อมรอยเชื่อมอยู่
2. เปิดเครื่องให้กระแสผ่าน ซึ่งกระท าให้พื้นที่แนวเชื่อมอยู่ระหว่าง
หัวตัวน าเกิดสนามแม่เหล็ก
3. พ่นหรือโรยผงเหล็กบนพื้นที่ที่เป็นสนามแม่เหล็ก ในขณะที่เครื่อง
ก าลังเปิดอยู่ และคอยให้ผงเหล็กรวมตัวจนเกิดเครื่องหมายที่จุดบกพร่อง
4. เอาผงเหล็กส่วนที่เกินออกโดยใช้ลมเป่ าเบาๆ
5. ปิดเครื่อง และ ตรวจสอบดูเครื่องหมายของผงเหล็กที่เกิดขึ้น
6. เคลื่อนหัวตัวน าไปอยู่ต าแหน่งเลข 2 แล้วจึงท าการทดสอบต่อไป
เหมือนดังที่กล่าวมาแล้ว
ปฏิบัติตรวจสอบแนวเชื่อมด้วยตัวน า (Prods)
1. จับหัวตัวน ากดลงบนชิ้นงานให้แน่น มีระยะห่างระหว่างหัวตัวน าทั้ง
สองประมาณ 100-200 มม. และอยู่ต าแหน่งคร่อมรอยเชื่อมอยู่
2. เปิดเครื่องให้กระแสผ่าน ซึ่งกระท าให้พื้นที่แนวเชื่อมอยู่ระหว่าง
หัวตัวน าเกิดสนามแม่เหล็ก
3. พ่นหรือโรยผงเหล็กบนพื้นที่ที่เป็นสนามแม่เหล็ก ในขณะที่เครื่อง
ก าลังเปิดอยู่ และคอยให้ผงเหล็กรวมตัวจนเกิดเครื่องหมายที่จุดบกพร่อง
4. เอาผงเหล็กส่วนที่เกินออกโดยใช้ลมเป่ าเบาๆ
5. ปิดเครื่อง และ ตรวจสอบดูเครื่องหมายของผงเหล็กที่เกิดขึ้น
6. เคลื่อนหัวตัวน าไปอยู่ต าแหน่งเลข 2 แล้วจึงท าการทดสอบต่อไป
เหมือนดังที่กล่าวมาแล้ว
ข้อควรระวัง
1. ต้องกดหัวตัวน ากับชิ้นงานให้แน่น
2. ปิดเครื่องให้ชิ้นงานเป็นสนามแม่เหล็กอยู่ จนกว่าจะเป่ าผงเหล็ก
ส่วนเกินไปก่อน
3. พื้นที่ของการตรวจสอบของแต่ละขั้นตอนจะต้องมีส่วนทับกันด้วย
4. ลดสนามแม่เหล็กลงบ้าง
5. เพิ่มสนามแม่เหล็กขึ้น
รูปที่ 1.15 แสดงการตรวจสอบแนวเชื่อมด้วยหัวตัวน า
ข้อควรระวัง
1. ต้องกดหัวตัวน ากับชิ้นงานให้แน่น
2. ปิดเครื่องให้ชิ้นงานเป็นสนามแม่เหล็กอยู่ จนกว่าจะเป่ าผงเหล็ก
ส่วนเกินไปก่อน
3. พื้นที่ของการตรวจสอบของแต่ละขั้นตอนจะต้องมีส่วนทับกันด้วย
4. ลดสนามแม่เหล็กลงบ้าง
5. เพิ่มสนามแม่เหล็กขึ้น
รูปที่ 1.15 แสดงการตรวจสอบแนวเชื่อมด้วยหัวตัวน า
ปฏิบัติการตรวจสอบชิ้นงานที่มีพื้นที่ใหญ่
การตรวจสอบชิ้นงานที่พื้นที่ใหญ่ กระท าได้โดยแบ่งการตรวจสอบ
ออกเป็นส่วนเล็กๆตามล าดับจนเต็มพื้นที่
ใช้ระยะห่างหัวตัวน า 200 มม. ซึ่งเป็นระยะที่ให้สนามแม่เหล็กรอบหัว
ตัวน าได้ชัดเจนดี และสนามแม่เหล็กบนพื้นที่ส่วนเล็กๆของชิ้นงาน ที่สามารถ
ตรวจสอบได้ดีมีลักษณะคล้ายรูปไข่กว้าง 100 มม.
รูปที่ 1.16 แสดงให้เห็นพื้นที่ส่วนเล็กๆที่ท าการตรวจสอบพื้นที่ผิวงาน
ปฏิบัติการตรวจสอบชิ้นงานที่มีพื้นที่ใหญ่
การตรวจสอบชิ้นงานที่พื้นที่ใหญ่ กระท าได้โดยแบ่งการตรวจสอบ
ออกเป็นส่วนเล็กๆตามล าดับจนเต็มพื้นที่
ใช้ระยะห่างหัวตัวน า 200 มม. ซึ่งเป็นระยะที่ให้สนามแม่เหล็กรอบหัว
ตัวน าได้ชัดเจนดี และสนามแม่เหล็กบนพื้นที่ส่วนเล็กๆของชิ้นงาน ที่สามารถ
ตรวจสอบได้ดีมีลักษณะคล้ายรูปไข่กว้าง 100 มม.
รูปที่ 1.16 แสดงให้เห็นพื้นที่ส่วนเล็กๆที่ท าการตรวจสอบพื้นที่ผิวงาน
การปฏิบัติการตรวจสอบด้วย Cable Coil
เป็นวิธีการส าหรับการตรวจสอบหารอยแตกตามขวางของเพลาและท่อ
1. พันสายเคเบิล โดยรอบชิ้นงานงานหลวมๆ 2-4 รอบโดยให้แต่ละรอบอยู่ชิดติดกัน
2. ผ่านเข้ากระแสเข้าขดลวด
3. พ่นหรือโรยผงเหล็กในพื้นที่ที่เป็นสนามแม่เหล็ก ในขณะก าลังผ่านกระแสอยู่และ
รอจนเกิดเครื่องหมายจากการรวมตัวของผงเหล็ก
4. เป่ าเบาๆ ให้ผงเหล็กส่วนเกินหลุดออกมา
5. หยุดผ่านกระแส
การปฏิบัติการตรวจสอบด้วย Cable Coil
เป็นวิธีการส าหรับการตรวจสอบหารอยแตกตามขวางของเพลาและท่อ
1. พันสายเคเบิล โดยรอบชิ้นงานงานหลวมๆ 2-4 รอบโดยให้แต่ละรอบอยู่ชิดติดกัน
2. ผ่านเข้ากระแสเข้าขดลวด
3. พ่นหรือโรยผงเหล็กในพื้นที่ที่เป็นสนามแม่เหล็ก ในขณะก าลังผ่านกระแสอยู่และ
รอจนเกิดเครื่องหมายจากการรวมตัวของผงเหล็ก
4. เป่ าเบาๆ ให้ผงเหล็กส่วนเกินหลุดออกมา
5. หยุดผ่านกระแส
สนามแม่เหล็กที่สามารถใช้ตรวจสอบได้ผล มีระยะห่างจากขดลวดแต ่
ละด้านเท่ากับ 150-200 มม. แต่ถ้าชิ้นงานมีความยาวเกิน จะต้องตรวจสอบเป็น
ช่วงสั้นๆ ไปจรตลอดความยาวของงาน
รูปที่ 1.17 การตรวจสอบชิ้นงานกลวง
สนามแม่เหล็กที่สามารถใช้ตรวจสอบได้ผล มีระยะห่างจากขดลวดแต ่
ละด้านเท่ากับ 150-200 มม. แต่ถ้าชิ้นงานมีความยาวเกิน จะต้องตรวจสอบเป็น
ช่วงสั้นๆ ไปจรตลอดความยาวของงาน
รูปที่ 1.17 การตรวจสอบชิ้นงานกลวง
การตรวจสอบชิ้นงานกลวงดังรูป มีขั้นตอนในการปฏิบัติงานดังต่อไปนี้
1. พันสายเคเบิลโดยรอบงาน 2-4 รอบ โดยให้รอบอยู่ชิดติดกัน
2. ผ่านกระแสไฟเข้าขดลวด
3. พ่นหรือโรยผงเหล็กลงในพื้นที่ที่เป็นสนามแม่เหล็ก ในขณะที่ก าลัง
ผ่านกระแสอยู่
4. เป่ าเบาๆ ให้ผงเหล็กส่วนเกินหลุดออก
5. หยุดผ่านกระแส และตรวจสอบชิ้นงานหาจุดบกพร่อง
การตรวจสอบหาจุดบกพร่อง ในส่วนอื่นๆของงาน กระท าได้โดยการ
เคลื่อนลวดไปจุดที่ต้องการตรวจสอบ และด าเนินการตามวิธีการดังกล่าว
การตรวจสอบชิ้นงานกลวงดังรูป มีขั้นตอนในการปฏิบัติงานดังต่อไปนี้
1. พันสายเคเบิลโดยรอบงาน 2-4 รอบ โดยให้รอบอยู่ชิดติดกัน
2. ผ่านกระแสไฟเข้าขดลวด
3. พ่นหรือโรยผงเหล็กลงในพื้นที่ที่เป็นสนามแม่เหล็ก ในขณะที่ก าลัง
ผ่านกระแสอยู่
4. เป่ าเบาๆ ให้ผงเหล็กส่วนเกินหลุดออก
5. หยุดผ่านกระแส และตรวจสอบชิ้นงานหาจุดบกพร่อง
การตรวจสอบหาจุดบกพร่อง ในส่วนอื่นๆของงาน กระท าได้โดยการ
เคลื่อนลวดไปจุดที่ต้องการตรวจสอบ และด าเนินการตามวิธีการดังกล่าว
วิธีใช้ผงเหล็กชนิดเปียก (พ่นจากกระป๋ อง)
ผงเหล็กแบบเปียกพ่นจากกระป๋ องสเปร์นี้ ท าส าเร็จรูปโดยใช้ผงเหล็กผสมกัน
แล้วบรรจุไว้ในกระป๋ องความดัน พร้อมที่จะน าไปใช้งานได้ทันที ซึ่งเหมาะ
แก่การใช้ตรวจสอบในต าแหน่งเหนือศรีษะ แนวตั้ง และในสถานที่มีลมพัด
แรง
วิธีใช้
1. เขย่ากระป๋ องให้ผงเหล็กให้ผสมกันดีก่อน
2. ท าชิ้นงานทีตรวจสอบให้เป็นแม่เหล็ก
3. พ่นเหล็กที่เขย่าเอาไว้ลงไปบนพื้นที่ที่ต้องการตรวจสอบ
4. ตรงรอยแตกจะมีผงเหล็กรวมตัวอยู่เป็นเส้นคมชัด
5. บริเวณที่ตรวจสอบแล้ว ควรท าการตรวจสอบใหม่อีกครั้ง
วิธีใช้ผงเหล็กชนิดเปียก (พ่นจากกระป๋ อง)
ผงเหล็กแบบเปียกพ่นจากกระป๋ องสเปร์นี้ ท าส าเร็จรูปโดยใช้ผงเหล็กผสมกัน
แล้วบรรจุไว้ในกระป๋ องความดัน พร้อมที่จะน าไปใช้งานได้ทันที ซึ่งเหมาะ
แก่การใช้ตรวจสอบในต าแหน่งเหนือศรีษะ แนวตั้ง และในสถานที่มีลมพัด
แรง
วิธีใช้
1. เขย่ากระป๋ องให้ผงเหล็กให้ผสมกันดีก่อน
2. ท าชิ้นงานทีตรวจสอบให้เป็นแม่เหล็ก
3. พ่นเหล็กที่เขย่าเอาไว้ลงไปบนพื้นที่ที่ต้องการตรวจสอบ
4. ตรงรอยแตกจะมีผงเหล็กรวมตัวอยู่เป็นเส้นคมชัด
5. บริเวณที่ตรวจสอบแล้ว ควรท าการตรวจสอบใหม่อีกครั้ง
ข้อดีของการตรวจสอบโดยใช้แม่เหล็ก
1.ถึงแม้มีสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์อยู่ในจุดบกพร่องก็สามารถตรวจได้
2. ผงเหล็กที่ตกค้างไม่ให้อิทธิพลต่อคุณสมบัติของชิ้นงานทดลอง
3. มองเห็นส่วนที่มีจุดบกพร่องง่ายกว่ากรณีการตรวจสอบแบบน ้ายาแทรกซึม
ข้อเสียของการตรวจสอบโดยใช้แม่เหล็ก
1.สามารถตรวจธาตุที่มีลักษณะเป็นแม่เหล็กเท่านั้น
2.จ าเป็นต้องตรวจมากกว่า 2 ครั้ง โดยที่เปลี่ยนทิศทางของสนามแม่เหล็กเพราะ
ตรวจได้ เฉพาะจุดบกพร่องที่มีทิศตั้งฉากกับเส้นแรงแม่เหล็ก
3.เมื่อตรวจชิ้นงานทดลองที่มีรูปร่างซับซ้อน ผงเหล็กปั่นป่ วนได้ง่าย
ข้อดีของการตรวจสอบโดยใช้แม่เหล็ก
1.ถึงแม้มีสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์อยู่ในจุดบกพร่องก็สามารถตรวจได้
2. ผงเหล็กที่ตกค้างไม่ให้อิทธิพลต่อคุณสมบัติของชิ้นงานทดลอง
3. มองเห็นส่วนที่มีจุดบกพร่องง่ายกว่ากรณีการตรวจสอบแบบน ้ายาแทรกซึม
ข้อเสียของการตรวจสอบโดยใช้แม่เหล็ก
1.สามารถตรวจธาตุที่มีลักษณะเป็นแม่เหล็กเท่านั้น
2.จ าเป็นต้องตรวจมากกว่า 2 ครั้ง โดยที่เปลี่ยนทิศทางของสนามแม่เหล็กเพราะ
ตรวจได้ เฉพาะจุดบกพร่องที่มีทิศตั้งฉากกับเส้นแรงแม่เหล็ก
3.เมื่อตรวจชิ้นงานทดลองที่มีรูปร่างซับซ้อน ผงเหล็กปั่นป่ วนได้ง่าย
Filler metal & Electrode for Gas
shielded Arc Welding
Filler metal & Electrode for Gas
shielded Arc Welding
Gas Shielded Arc Welding (1)
Gas Tungsten Arc Welding :GTAW(TIG)
Gas Shielded Arc Welding (1)
Gas Tungsten Arc Welding :GTAW(TIG)
Gas Shielded Arc Welding (2)
Gas Metal Arc Welding :GMAW(MIG/MAG)
Gas Shielded Arc Welding (2)
Gas Metal Arc Welding :GMAW(MIG/MAG)
Gas Shielded Arc Welding (3)
Plasma Arc Welding : PAW
Gas Shielded Arc Welding (3)
Plasma Arc Welding : PAW
Flux Cored Arc Welding :FCAW
(External Gas Shielded)
Flux Cored Arc Welding :FCAW
(External Gas Shielded)
Flux Cored Arc Welding :FCAW (Self
Shielded GAS)
Flux Cored Arc Welding :FCAW (Self
Shielded GAS)
1 ลวดเชื่อมเติมส ำหรับกระบวนกำรเชื่อมทิก :TIG
(Filler metal for Gas Tungsten Arc Welding)
1 ลวดเชื่อมเติมส ำหรับกระบวนกำรเชื่อมทิก :TIG
(Filler metal for Gas Tungsten Arc Welding)
คุณสมบัติที่ส ำคัญ
และกำรเลือกใช้งำน
•ส่วนผสมใกล้เคียงเนื้อโลหะงำน
•เชื่อมโลหะต่ำงชนิดสมบัติลวด
อำจแตกต่ำงจำกโลหะงำนทั้งสอง
•ผลทำงโลหะวิทยำ กำรหลอม
รวมตัวกันระหว่ำงลวดเชื่อมกับงำน
• สภำวะกำรใช้งำนเช่นควำมต้ำนแรง
ดึง ,สมบัติกำรน ำควำมร้อน
คุณสมบัติที่ส ำคัญ
และกำรเลือกใช้งำน
•ส่วนผสมใกล้เคียงเนื้อโลหะงำน
•เชื่อมโลหะต่ำงชนิดสมบัติลวด
อำจแตกต่ำงจำกโลหะงำนทั้งสอง
•ผลทำงโลหะวิทยำ กำรหลอม
รวมตัวกันระหว่ำงลวดเชื่อมกับงำน
• สภำวะกำรใช้งำนเช่นควำมต้ำนแรง
ดึง ,สมบัติกำรน ำควำมร้อน
ลักษณะลวดเชื่อมเติม
TIG และPAW
• กลมตัน(solid wire)
•ใส้ฟลักซ์ (flux
cored) เช่นลวดเชื่อมทิก
เหล็กกล้ำไร้สนิม เน้น gas
shielded อำจให้
alloying elements
•ใส้ผงโลหะ(metal
cored) เน้น alloying
elements
ลักษณะลวดเชื่อมเติม
TIG และPAW
• กลมตัน(solid wire)
•ใส้ฟลักซ์ (flux
cored) เช่นลวดเชื่อมทิก
เหล็กกล้ำไร้สนิม เน้น gas
shielded อำจให้
alloying elements
•ใส้ผงโลหะ(metal
cored) เน้น alloying
elements
ลักษณะลวดเชื่อมเติม
TIG และPAW
• 0.020(0.5 mm.)
ถึง 3/16(5mm.)
• Rod เป็นเส้นยำว
36(100 cm.)ส ำหรับป้ อน
ลวดด้วยมือ (manual)
• ม้วน (spool or coil)
ส ำหรับกำรป้ อนลวดต่อเนื่องแบบ
ใช้กลไก(mechanized
welding) หรือแบบอัตโนมัติ
(Auto – welding)