หลกั สตู รระดบั ชนั้ เรยี น
โรงเรียนองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัดเชยี งราย
พทุ ธศักราช ๒๕65
(ฉบบั ปรบั ปรงุ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชว้ี ัด พทุ ธศกั ราช 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน
พทุ ธศักราช ๒๕5๑
รายวิชา ว21212 ปฏบิ ตั ิการวทิ ยาศาสตร์2
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1
ชื่อครผู สู้ อน
นางสาวกติ ตกิ า อะทะเทพ
สำนกั การศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เชียงราย
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิน่
กระทรวงมหาดไทย
โครงการสอน (Course Outline)
สาระการเรยี นร้รู ายวิชา วิทยาศาสตรเ์ พม่ิ เติม(ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ 2) รหัส ว21212
ครผู ูส้ อน นางสาวกิตติกา อะทะเทพ
ระดบั ชั้น
□ ประถมศึกษาปที ี่ ……. ☑ มัธยมศึกษาปีที่ 1/15 ภาคเรยี นท่ี 2/2565
ลักษณะวิชา
□ สาระพืน้ ฐาน ☑ สาระเพม่ิ เตมิ □ กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน □ อนื่ ๆ
1. คำอธิบายรายวชิ า (ภาคเรยี นท่ี 1)
ทดลอง อธบิ าย และบอกความแตกต่างเก่ียวกบั ความร้อนและการขยายตวั ของสสาร ทัง้ ในสถานะของแข็ง
ของเหลว และแก๊ส ทดลองเพื่อสังเกตและอธิบายเกี่ยวกับการเปลี่ยนสถานะของน้ำ ทดลอง อธิบาย และสร้าง
แบบจำลองเกยี่ วกบั การถ่ายโอนความรอ้ น ทัง้ การพาความรอ้ น การนำความร้อน และการแผร่ งั สีความรอ้ น
สืบค้น อภิปรายเพื่อสร้างแบบจำลองการแบ่งชั้นบรรยากาศของโลก ทดลองเพื่ออธิบายอุณหภูมิของ
อากาศในรอบวันของแต่ละพ้ืนท่ี ความดันอากาศทม่ี ีต่อการขยายตัวของอากาศ ความดนั อากาศทีร่ ะดบั ความสูงต่าง
ๆ ทดลอง อธิบาย และสร้างแบบจำลองเกี่ยวกับการเกิดลม การหมุนเวียนของอากาศ และความเร็วลม สืบค้น
ทดลองและอธิบายเกี่ยวกับความชื้นของอากาศและความชื้นสัมพัทธ์ สืบค้นและอธิบายการเกิดเมฆ การพยากรณ์
อากาศ การเกิดพายแุ ละผลกระทบของพายุ แก๊สเรอื นกระจกกบั การเปลี่ยนแปลงอุณหภมู ิของโลก
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล บันทึก
จัดกลุ่มข้อมูลและการอภิปรายเพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าสามารถนำเสนอ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้
มีความสามารถในการตัดสินใจ
เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรมจริยธรรม และ
คา่ นิยมทเี่ หมาะสม
2. ผลการเรียนรายภาค (ภาคเรยี นที่ 2) ขอ้
ผลการเรียนรายภาค 1
2
1.ทดลอง อธิบาย และบอกความแตกต่างเก่ยี วกบั ความรอ้ นและการขยายตวั ของสสาร 3
2.ทดลองเพื่อสังเกตและอธิบายเก่ียวกบั การเปล่ียนสถานะของนำ้ 4
3.ทดลอง อธบิ าย และสรา้ งแบบจำลองเก่ยี วกับการถา่ ยโอนความรอ้ น 5
4.สบื ค้น อภปิ รายเพ่ือสรา้ งแบบจำลองการแบ่งชัน้ บรรยากาศของโลก 6
5.ทดลองเพ่อื อธิบายอุณหภูมขิ องอากาศในรอบวันของแต่ละพนื้ ท่ี
6.ทดลองเพอื่ อธบิ ายเกยี่ วกบั ความดันของอากาศ 7
7.ทดลอง อธิบาย และสร้างแบบจำลองเกี่ยวกับการเกดิ ลม การหมุนเวยี นของอากาศ และความเร็ว
ลม
8.สบื ค้น ทดลองและอธิบายเกยี่ วกับความชื้นของอากาศและความชื้นสัมพทั ธ์ 8
9.สืบค้นและอธิบายการเกิดเมฆ การพยากรณ์อากาศ การเกิดพายุและผลกระทบของพายุ 9
แก๊สเรอื นกระจกกบั การเปลี่ยนแปลงอุณหภมู ขิ องโลก
10.นำความรู้ และกระบวนการไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข มีจิตวิทยาศาสตร์คุณธรรม 10
จรยิ ธรรม
3) เนือ้ หาวิชา เน้ือหาการสอน
ภาคเรยี นที่ 2 -พลงั งานความร้อนและการขยายตวั -หดตวั ของ
ระยะเวลา สสาร
เน้ือหาการเรยี นก่อนวดั ผลกลางภาค – วัดผลกลางภาค -อุณหภมู ิกับการเปล่ียนสถานะของนำ้
-การนำความร้อน
ระยะเวลา -การพาความรอ้ นและการแผ่รังสคี วามรอ้ น
เนื้อหาการเรยี นหลงั วดั ผลกลางภาค – วดั ผลปลายภาค -สมดุลความรอ้ น
- การสรา้ งแบบจาลองของชั้นบรรยากาศโลก
- อณุ หภูมอิ ากาศ 1
- อณุ หภมู อิ ากาศ 2
- อณุ หภูมิกบั ความดันออากาศ
- ความดนั อากาศท่รี ะดบั ความสงู ต่างกัน
เนอ้ื หาการสอน
-ลมและการหมุนเวียนของอากาศ
-ความเรว็ ลม
-ความชืน้ ของอากาศ
-ความชืน้ สัมพทั ธ์
-การเกิดเมฆ
-การพยากรณอ์ ากาศ
-พายแุ ละผลกระทบ
-แก๊สเรอื นกระจกกบั อุณหภูมขิ องอากาศโลก
4) วิธกี ารวดั ผลประเมนิ ผล
สดั ส่วนคะแนนการวัดผลประเมนิ ผล = คะแนนประเมินตามสภาพจรงิ
(80 คะแนน) : (20 คะแนน)
ผลการเรยี นรู้รายภาค ผลการเรยี นรู้รายภาคทตี่ อ้ งการวดั (ขอ้ ท)่ี
ภาคเรยี นท่ี 1. ทดลอง อธิบาย และบอกความแตกต่างเกี่ยวกับความร้อนและการขยายตัวของสสาร
2 2. ทดลองเพ่อื สังเกตและอธบิ ายเก่ียวกับการเปลี่ยนสถานะของน้า
3. ทดลอง อธบิ าย และสร้างแบบจาลองเก่ยี วกับการถ่ายโอนความร้อน
4. สืบคน้ อภปิ รายเพื่อสรา้ งแบบจาลองการแบ่งช้นั บรรยากาศของโลก
5. ทดลองเพอ่ื อธิบายอุณหภมู ิของอากาศในรอบวันของแต่ละพนื้ ที่
6. ทดลองเพ่อื อธิบายเกยี่ วกับความดนั ของอากาศ
7. ทดลอง อธบิ าย และสร้างแบบจาลองเก่ียวกับการเกิดลม การหมุนเวียนของอากาศ และ
ความเร็วลม
8. สบื คน้ ทดลองและอธบิ ายเก่ียวกับความชน้ื ของอากาศและความชืน้ สัมพัทธ์
9. สืบค้นและอธิบายการเกิดเมฆ การพยากรณ์อากาศ การเกิดพายุและผลกระทบของพายุ
แก๊สเรือนกระจกกบั การเปล่ียนแปลงอุณหภมู ิของโลก
10.นาความรู้ และกระบวนการไปใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างมีความสุข มีจิตวิทยาศาสตร์
คุณธรรม จรยิ ธรรม
5) รายละเอยี ดการเกบ็ คะแนน
ภาคเรียนที่ 2 ก่อนวดั ผลกลางภาค (ประเมินตามสภาพจริง) : 30 คะแนน
ผลการเรียนรายภาคที่ตอ้ งการวัด (ขอ้ ที่) วิธีการวัด คะแนน
2
1 -ชืน้ งานจากเครื่องมือการคิด
3
(Thinking tools) 2
-ทดสอบ 3
คะแนน
2 -ชิ้นงานจากเคร่อื งมอื การคิด
2
(Thinking tools)
3
-ทดสอบ 2
ผลการเรียนรายภาคทตี่ ้องการวัด (ขอ้ ท่ี) วิธีการวัด 3
-ชืน้ งานจากเครื่องมอื การคดิ
3 (Thinking tools)
-ทดสอบ
-ชน้ื งานจากเคร่ืองมอื การคดิ
4 (Thinking tools)
-ทดสอบ
-ชื้นงานจากเครื่องมือการคดิ 2
5 (Thinking tools) 3
2
-ทดสอบ 3
-ชืน้ งานจากเครอ่ื งมอื การคดิ
6 (Thinking tools) คะแนน
-ทดสอบ 5
การเกบ็ คะแนนวดั ผลกลางภาค (ประเมินตามสภาพจริง) : 10 คะแนน 5
ผลการเรยี นรรู้ ายภาคท่ตี อ้ งการวัด (ขอ้ ท่)ี วธิ กี ารวดั คะแนน
5
7 -ช้นื งานจากเครื่องมือการคดิ 10
(Thinking tools) 5
10
8 -ชน้ื งานจากเครอื่ งมอื การคิด 10
(Thinking tools)
คะแนน
การเกบ็ คะแนนหลงั วัดผลกลางภาค (ประเมนิ ตามสภาพจริง) : 40 คะแนน 10
ผลการเรยี นรู้รายภาคทตี่ อ้ งการวดั (ขอ้ ที่) วธิ กี ารวัด 10
9 -ช้นื งานจากเครอ่ื งมือการคดิ
(Thinking tools)
10 -ทดสอบ
-ชื้นงานจากเครอ่ื งมอื การคดิ
11 (Thinking tools)
-ทดสอบ
-ชื้นงานจากเครื่องมือการคดิ
(Thinking tools)
การเกบ็ คะแนนวดั ผลปลายภาค (ประเมินตามสภาพจรงิ ) : 20 คะแนน
ผลการเรียนรู้รายภาคท่ีตอ้ งการวดั (ขอ้ ท)ี่ วิธกี ารวัด
12 -ประเมนิ จากใบงานการสอนคดิ
-ประเมินจากบทเรียนออนไลน์
13 ตามผลการเรียนรู้ทก่ี ำหนด
-ประเมินจากใบงานการสอนคดิ
-ประเมินจากบทเรยี นออนไลน์
ตามผลการเรยี นรทู้ ่กี ำหนด
คำอธบิ ำยรำยวิชำเพ่ิมเติม
ว21212 ปฏบิ ัติกำรทำงวิทยำศำสตร์ 2 กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชน้ั มธั ยมศึกษำปีท่ี 1 ภำคเรียนท่ี 2 เวลำ 40 ช่ัวโมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ
ทดลอง อธิบาย และบอกความแตกต่างเก่ียวกบั ความร้อนและการขยายตัวของสสาร ทง้ั ในสถานะของแข็ง
ของเหลว และแก๊ส ทดลองเพื่อสังเกตและอธิบายเกี่ยวกับการเปลี่ยนสถานะของน้า ทดลอง อธิบาย และสร้าง
แบบจาลองเกี่ยวกับการถ่ายโอนความรอ้ น ทงั้ การพาความร้อน การนาความร้อน และการแผร่ งั สีความร้อน
สืบค้น อภิปรายเพื่อสร้างแบบจาลองการแบ่งชั้นบรรยากาศของโลก ทดลองเพื่ออธิบายอุณหภูมิของ
อากาศในรอบวนั ของแต่ละพื้นท่ี ความดันอากาศท่มี ีตอ่ การขยายตวั ของอากาศ ความดันอากาศท่รี ะดับความสูงต่าง
ๆ ทดลอง อธิบาย และสร้างแบบจาลองเกี่ยวกับการเกิดลม การหมุนเวียนของอากาศ และความเร็วลม สืบค้น
ทดลองและอธิบายเกี่ยวกับความชื้นของอากาศและความชื้นสัมพทั ธ์ สืบค้นและอธิบายการเกิดเมฆ การพยากรณ์
อากาศ การเกดิ พายแุ ละผลกระทบของพายุ แก๊สเรอื นกระจกกบั การเปลี่ยนแปลงอุณหภมู ิของโลก
โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสบื คน้ ข้อมูล บันทึก
จัดกลุ่มข้อมูลและการอภิปรายเพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าสามารถนาเสนอ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มี
ความสามารถในการตัดสินใจ
เห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรมจริยธรรม และ
ค่านิยมที่เหมาะสม
ผลกำรเรยี นรู้
1.ทดลอง อธิบาย และบอกความแตกต่างเกี่ยวกับความรอ้ นและการขยายตัวของสสาร
2.ทดลองเพื่อสังเกตและอธบิ ายเกี่ยวกับการเปลี่ยนสถานะของน้า
3.ทดลอง อธบิ าย และสร้างแบบจาลองเก่ียวกับการถา่ ยโอนความร้อน
4.สบื คน้ อภปิ รายเพอ่ื สรา้ งแบบจาลองการแบ่งชนั้ บรรยากาศของโลก
5.ทดลองเพ่อื อธบิ ายอุณหภูมิของอากาศในรอบวันของแต่ละพน้ื ท่ี
6.ทดลองเพ่ืออธบิ ายเก่ียวกบั ความดนั ของอากาศ
7.ทดลอง อธบิ าย และสร้างแบบจาลองเกีย่ วกับการเกิดลม การหมนุ เวยี นของอากาศ และความเร็วลม
8.สืบค้น ทดลองและอธบิ ายเกี่ยวกับความช้นื ของอากาศและความช้ืนสัมพัทธ์
9.สืบค้นและอธิบายการเกิดเมฆ การพยากรณ์อากาศ การเกิดพายุและผลกระทบของพายุ
แก๊สเรอื นกระจกกบั การเปลี่ยนแปลงอุณหภมู ิของโลก
10. นาความรู้ และกระบวนการไปใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างมีความสุข มีจิตวิทยาศาสตร์คุณธรรม
จรยิ ธรรม
รวมทั้งหมด 10 ผลกำรเรียนรู้
- พลงั งานความร้อนและการขยายตัว-หดตัวของสสาร หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ 1
- อณุ หภูมิกบั การเปลย่ี นสถานะของนา้ อณุ หภมู ิและควำมร้อน
- การนาความร้อน
- การพาความรอ้ นและการแผ่รงั สคี วามรอ้ น หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี 2
- สมดลุ ความรอ้ น ปรำกฏกำรณ์
เก่ยี วกบั อำกำศ
ว21212 ปฏบิ ตั ิกำรวิทยำศำสตร์ 2
ชัน้ มธั ยมศกึ ษำปที ี่ 1
เวลำ 40 ช่วั โมง 1.0 หนว่ ยกติ
- การสรา้ งแบบจาลองของช้นั บรรยากาศโลก
- อณุ หภูมอิ ากาศ 1
- อุณหภูมอิ ากาศ 2
- อณุ หภมู กิ ับความดนั ออากาศ
- ความดันอากาศทรี่ ะดับความสงู ตา่ งกนั
- การเกดิ ลม
- ลมและการหมนุ เวียนของอากาศ
- ความเร็วลม
- ความชนื้ ของอากาศ
- ความชนื้ สัมพัทธ์
- การเกิดเมฆ
- การพยากรณ์อากาศ
- พายุและผลกระทบ
- แกส๊ เรือนกระจกกับอุณหภมู ขิ องอากาศโลก
โครงสรำ้ งรำยวิชำเพ่มิ เตมิ
รำยวิชำ ว21212 ปฏบิ ตั กิ ำรทำงวทิ ยำศำสตร์ 2
ชั้นมัธยมศกึ ษำปที ี่ 1 เวลำ 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ
อตั รำส่วนคะแนน 90 : 10
ลำดบั ชอื่ หน่วย ผลกำรเรียนรู้ เนือ้ หำสำระ เวลำ นำ้ หนัก ภำระงำน/
ท่ี กำรเรยี นรู้ (ชั่วโมง) คะแนน ชน้ิ งำน
1 อณุ หภมู ิและ - เครอ่ื งมอื
ความร้อน ข้อที่ 1 - พลังงานความร้อนและการ 10 24 การสอนคิด
2 ปรากฏการณ์ ขอ้ ที่ 2 ขยายตัว-หดตวั ของสสาร 66 - เครือ่ งมือ
เก่ียวกบั การสอนคิด
อากาศ ขอ้ ท่ี 3 - อุณหภมู กิ ับการเปล่ยี นสถานะ 90
10
ของน้า 100
- การนาความร้อน
- การพาความร้อนและการแผ่
รังสคี วามรอ้ น
- สมดุลความรอ้ น
ขอ้ ที่ 4 - การสร้างแบบจาลองของชนั้ 28
ข้อท่ี 5 บรรยากาศโลก
ขอ้ ที่ 6 - อุณหภมู อิ ากาศ 1
ขอ้ ท่ี 7 - อุณหภมู ิอากาศ 2
ขอ้ ท่ื 8 - อุณหภูมิกับความดันออากาศ
ข้อที่ 9 - ความดนั อากาศทรี่ ะดับความ
สงู ต่างกัน
- การเกดิ ลม
- ลมและการหมุนเวียนของ
อากาศ
- ความเร็วลม
- ความช้นื ของอากาศ
- ความช้นื สมั พทั ธ์
- การเกิดเมฆ
- การพยากรณ์อากาศ
- พายุและผลกระทบ
- แก๊สเรือนกระจกกบั อุณหภมู ิของ
อากาศโลก
รวม 38
ปลำยภำค 2
รวมทงั้ หมด 40
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 1
ช่อื หน่วยการเรียนรู้ อณุ หภมู ิและความรอ้ น หน่วยยอ่ ยท่ี 1 m
เร่อื ง การใช้ห้องปฏิบัตกิ ารและอุปกรณใ์ นหอ้ งปฏิบัติการ เวลา 2 ชว่ั โมง
วันท่ที ำการสอน ผูส้ อน นางสาวกติ ติกา อะทะเทพ
1. สาระสาคัญ 2. ผลการเรียนรู้
ห้องปฏิบัตกิ ารทางวทิ ยาศาสตร์ ประกอบดว้ ย อปุ กรณ์ ข้อที่ 10 นาความรู้ และกระบวนการไปใช้ใน
ในห้องปฏบิ ตั ิการหลากหลายชนิด เชน่ บกี เกอร์ ชวี ิตประจาวนั ได้อย่างมีความสขุ มีจติ วทิ ยาศาสตร์
กระบอกตวง ขวดรปู ชมพู่ หลอดหยด เป็นต้น คณุ ธรรม จรยิ ธรรม
มวี ิธกี ารใชแ้ ละดแู ลรักษาที่แตกต่างกนั
3. สาระการเรียนรู้ 4. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
การใช้หอ้ งปฏิบตั ิการและอปุ กรณใ์ นหอ้ งปฏบิ ัติการ - ใบงาน PMI เรอื่ ง การปฏิบัติตามข้อปฏิบัตใิ นห้องทดลอง
- ใบงาน เร่อื ง อปุ กรณ์ในหอ้ งปฏบิ ตั ิการวิทยาศาสตร์
5. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 6. เครอื่ งมอื การสอนคดิ
- ความสามารถในการคิด - Six thinking hats (white hat, black hat และ
- ความสามารถในการแกป้ ัญหา green hat)
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี - PMI
กจิ กรรมการเรยี นรู้
7. ขนั้ ของกจิ กรรม 8. ส่อื 9. วธิ ีวัดผล
Do Now (3 นาที) - แบบทดสอบ - ประเมินจากใบ
บอกอปุ กรณ์ในห้องปฏบิ ัตกิ ารวทิ ยาศาสตร์ คนละ 1 ชนิด ออนไลน์ เรอ่ื ง งาน PMI เร่อื ง
Purpose (2 นาที) การใช้ การปฏบิ ัติตามขอ้
เราจะเรยี น เรือ่ ง การใชห้ อ้ งปฏบิ ตั ิการและอปุ กรณใ์ นห้องปฏิบตั ิการ หอ้ งปฏบิ ตั ิการ ปฏบิ ัติใน
เพื่อใหน้ กั เรยี นอธิบายเกี่ยวกบั ขอ้ ปฏบิ ัติ คาแนะนาในห้องทดลอง และ และอุปกรณ์ใน ห้องทดลอง
อุปกรณส์ าหรบั การทดลองเบือ้ งตน้ ได้ หอ้ งปฏิบัติการ ใน - ประเมนิ จากใบ
Work mode (110 นาที) เว็บไซต์ Quizizz งาน เร่อื ง อุปกรณ์
1. นักเรยี นทดสอบความรู้ เรื่อง การใชห้ อ้ งปฏิบัติการและอปุ กรณ์ใน ในหอ้ งปฏิบตั ิการ
หอ้ งปฏบิ ัตกิ าร โดยใชแ้ บบทดสอบออนไลนใ์ นเว็บไซต์ Quizizz (15 นาที) วทิ ยาศาสตร์
- ประเมนิ จากใบ
งาน เรื่อง อปุ กรณ์
2. นกั เรียนศึกษาความรู้เร่ือง การใชห้ ้องปฏิบตั กิ ารและอุปกรณ์ใน - วดิ ีโอ เรื่อง Lab ในหอ้ งปฏิบัตกิ าร
ห้องปฏบิ ตั ิการ จากวดิ ีโอ เรือ่ ง Lab Safety ขอ้ ควรปฏิบัติใน Safety ข้อควร วทิ ยาศาสตร์
ห้องปฏิบัติการ (5 นาที) ปฏิบัตใิ น
3. นักเรยี นสบื ค้นข้อมลู เก่ยี วกับ การใชห้ ้องปฏิบัติการและอุปกรณ์ใน ห้องปฏิบัติการ
ห้องปฏบิ ตั กิ าร จากอินเทอรเ์ น็ต/ใบความรู้ และร่วมกันทาใบงาน เรื่อง
อปุ กรณใ์ นห้องปฏบิ ตั ิการวทิ ยาศาสตร์ (พอเพียง 3 การมภี ูมิคมุ้ กันท่ีด)ี (15 - ใบความรู้ เรื่อง
นาท)ี การใช้
4. นักเรียนฟงั ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ เก่ยี วกบั การใช้ห้องปฏบิ ตั ิการและอุปกรณ์ หอ้ งปฏิบัตกิ าร
ในห้องปฏิบัติการ (15 นาที) และอปุ กรณ์ใน
5. นกั เรยี นตอบคาถาม ดงั ตอ่ ไปน้ี (10 นาท)ี หอ้ งปฏิบตั ิการ
- ใบงาน PMI
- ขอ้ ควรระวังในห้องทดลองมอี ะไรบา้ ง (white hat) เรอื่ ง การปฏิบัติ
- นักเรยี นคดิ ว่าจะเกดิ ผลเสียอย่างไร ถ้านกั เรียนไม่รขู้ อ้ ควรระวังใน ตามขอ้ ปฏิบัติใน
หอ้ งทดลอง (black hat) หอ้ งทดลอง
- นกั เรยี นคดิ วา่ ควรจะมีข้อปฏบิ ัติใดเพ่มิ เติมจากทกี่ าหนดไวอ้ ีก (green - ใบงาน เร่อื ง
hat) อปุ กรณ์ใน
6. นกั เรียนสืบค้นและวเิ คราะหข์ อ้ ดี ข้อเสีย และข้อเสนอแนะในหัวข้อ การ ห้องปฏิบัติการ
ปฏบิ ัตติ ามข้อปฏิบัติในห้องทดลอง ลงในใบงาน PMI (คดิ 1 คดิ วเิ คราะห)์ วทิ ยาศาสตร์
(20 นาท)ี
7. นกั เรยี นตวั แทน นาเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรียน และอภิปรายโต้แยง้ ผลงาน
รว่ มกนั (20 นาท)ี (สมรรถนะ 4)
8. ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ ความร้เู รอื่ ง การใชห้ ้องปฏิบตั กิ ารและอปุ กรณ์
ในหอ้ งปฏบิ ัติการ (20 นาท)ี
Reflective thinking (5 นาท)ี
- บอก 1 สงิ่ ทไ่ี ด้เรยี นรู้ในวันน้ี
- ขอ้ สอบ/แบบทดสอบ 2 ข้อ
ข้อสอบ/แบบทดสอบ ทมี่ า : แบบทดสอบกอ่ นและหลงั การอบรม เรื่อง ความปลอดภัยและการจดั การของเสยี
สาหรับห้องปฏบิ ตั ิการ (2563) (https://www.si.mahidol.ac.th/th/division/ophs/admin/news_files/102_34_1.pdf)
1. ข้อใดเปน็ การปฏิบัติงานกับสารเคมอี นั ตรายทถี่ ูกตอ้ งและปลอดภยั
ก. ใส่คอนแทคเลนส์เมอ่ื ทางานกบั สารเคมี
ข. สวมรองเท้าเม่ือทางานกบั สารเคมี
ค. ถ้าไม่มนั่ ใจวา่ เป็นสารเคมอี ันตรายอย่างไร ให้ทดลองทานอ้ ย ๆ ดูก่อน
ง. สวมใส่อุปกรณป์ ้องกันอนั ตรายทีเ่ หมาะสมตลอดเวลา*
2.เมือ่ สารเคมีหกใส่รา่ งกายหรอื กระเดน็ เข้าตา ต้องทาอะไรเป็นสงิ่ แรก
ก. รบี ไปพบแพทยท์ นั ที ข. อาบนา้ หรือลา้ งตาด้วยนา้ นานอย่างน้อย 15 นาที
ค. รบี รายงานใหห้ ัวหนา้ ห้องปฏบิ ตั กิ ารทราบ ง. แจง้ ผู้รว่ มงาน
แบบประเมินใบงาน PMI
แบบประเมินใบงาน PMI
คำชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลงานใบงานนักเรียน โดยการประเมนิ คะแนนลงในชอ่ งรายการประเมนิ กำหนด
ตามตารางแนบทา้ ยแบบประเมินใบงาน PMI
ลำดบั ชอ่ื -สกุล การแสดงความ เนอื้ หา นำเสนอ ความสวยงาม ตรงตอ่ เวลา รวม สรปุ ผลการ
ที่ ของผ้รู ับการประเมนิ คิดเหน็ 20 คะแนน ประเมนิ ผา่ น/
( 4 คะแนน ) ( 4 คะแนน ) ( 4 คะแนน ) ( 4 คะแนน )
( 4 คะแนน ) ไม่ผา่ น
ลงช่ือ ....................................................ผ้ปู ระเมนิ
................/................/................
เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
18 - 20 ดมี าก
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ต่ำกวา่ 10 ปรบั ปรงุ
นกั เรยี นไดร้ ะดับคณุ ภาพที่ พอใช้ ข้ึนไปถือวา่ ผ่าน
ตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน PMI
เกณฑก์ าร ระดบั การประเมนิ
ประเมนิ 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช)้ 1 (ปรบั ปรงุ )
การแสดง - แสดงความคิดเหน็ ในช่อง P - แสดงความคดิ เห็นในชอ่ ง - แสดงความคดิ เห็นใน - แสดงความคิดเห็นในช่อง
ความ ได้ 10 ขอ้ ขึ้นไป P ได้ 9-10 ข้อ ชอ่ ง P ได้ 7-8 ขอ้ P ได้ น้อยกวา่ 7 ขอ้
คิดเห็น - แสดงความคิดเหน็ ในช่อง M - แสดงความคิดเหน็ ในช่อง - แสดงความคิดเหน็ ใน - แสดงความคิดเห็นในชอ่ ง
ได้ 10 ข้อขึน้ ไป M ได้ 9-10 ขอ้ ช่อง M ได้ 7-8 ขอ้ M ได้ น้อยกวา่ 7 ข้อ
- แสดงความคดิ เห็นในชอ่ ง I - แสดงความคิดเห็นในชอ่ ง I - แสดงความคดิ เหน็ ใน - แสดงความคดิ เห็นในช่อง I
ได้ 10 ขอ้ ขน้ึ ไป ได้ 9-10 ขอ้ ช่อง I ได้ 7-8 ข้อ ได้ นอ้ ยกวา่ 7 ขอ้
เน้ือหา - เนอ้ื หาครบถ้วนตามสาระท่ี - เน้ือหาถกู ตอ้ งตามสาระที่ - เนือ้ หาถูกตอ้ งตามสาระ - เนือ้ หาถกู ตอ้ งตามสาระที่
กำหนด 100% กำหนด 80-99% ที่กำหนด 60-79% กำหนดตำ่ กวา่ 59%
- เขียนถูกต้องตามหลกั ภาษา - เขียนถกู ตอ้ งตามหลัก - เขยี นถูกต้องตามหลัก - เขยี นถกู ตอ้ งตามหลกั
100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% ภาษาต่ำกวา่ 59%
- ลำดับหัวข้อเนือ้ หาชัดเจน - ลำดบั หัวขอ้ เน้อื หาชัดเจน - มกี ารสรปุ ได้อย่าง - มีการสรปุ ไม่สมเหตุสมผล
- มกี ารสรุปได้อยา่ ง - มกี ารสรุปไดอ้ ย่าง สมเหตุสมผล 60-79% ต่ำกวา่ 59%
สมเหตุสมผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%
การ - พดู ชัดเจนเสียงดังฟังชัด - พูดชดั เจนเสยี งดงั ฟังชดั - การพดู เหมาะสม - สามารถพูดนำเสนอได้
นำเสนอ - ใช้ภาษาทางการถกู ต้องตาม - ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ ง - ใช้ภาษาทางการ - ใชภ้ าษาทางการถกู ต้อง
อกั ขระ100% ตามอกั ขระ80-99% ถูกต้องตามอักขระ60- ตามอักขระต่ำว่า 59%
- บุคลกิ ภาพดแี ละมคี วามมัน่ ใจ - บคุ ลิกภาพดี 79% - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม
- มกี ารใช้สอื่ ประกอบการนำเสนอ - ความพร้อมในการนำเสนอ - บุคลกิ ภาพเหมาะสม
- ความพร้อมในการนำเสนอ ได้บางส่วน
ความ - ใช้สสี ันสวยงาม - ใช้สสี นั สวยงาม - ใช้สีสนั สวยงามและมี - ใช้สสี นั สวยงามหรือเป็นไป
สวยงาม - มคี วามสะอาด - มีความสะอาด ความสะอาด ตามเกณฑอ์ ย่างใดอย่าง
- มีความคดิ สร้างสรรค์ - มคี วามคดิ สร้างสรรค์ หน่ึง
- ความเป็นระเบียบอ่านงา่ ย
การตรงต่อ สง่ ผลงานครบถว้ น ตรงตาม ส่งผลงานครบถว้ น แต่ช้า สง่ ผลงานครบถว้ น แต่ สง่ ผลงานครบถว้ น แต่ชา้
เวลา เวลาท่ีกำหนด กวา่ เวลาทีก่ ำหนด 5 นาที ช้ากว่าเวลาท่ีกำหนด 10 กว่าเวลาท่กี ำหนด 15 นาที
นาที
เฉลยใบงาน อปุ กรณใ์ นหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารวทิ ยาศาสตร์
1. ความปลอดภัยในหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร
• การเตรียมสารเคมพี วก กรด ด่าง หรือสารระเหย ควรทำในตู้ดดู ควัน
• เทกรดลงน้ำ ห้ามเทนำ้ ลงกรด
• หา้ มใช้เปลวไฟในการให้ความรอ้ นแกข่ องเหลวไวไฟ หรอื ในขบวนการกลน่ั
• ให้ความระมดั ระวังในการจดุ ไฟในห้องปฏบิ ัตกิ าร ดบั ไฟทนั ทีเม่ือเลิกใช้งาน ไมค่ วรปลอ่ ยให้ไฟตดิ ทง้ิ ไวโ้ ดยไมม่ ี
คนดู
• ควรเก็บสารเคมไี วไฟในตสู้ ำหรับเกบ็ สารเคมไี วไฟโดยเฉพาะ
• หลกี เลยี่ งการสดู ดมไอระเหยของสารเคมี หา้ มทดสอบชนดิ ของสารเคมีโดยยกดมกลิน่ โดยตรงอย่างเดด็ ขาด
• การดดู สารละลายโดยใช้ปเิ ปต็ ห้ามใช้ปากดูด ใหใ้ ชล้ กู ยาง
• ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าทีไ่ มก่ อ่ ให้เกดิ ประกายไฟ
• หากผิวหนังถกู สัมผสั โดยสารเคมี ต้องล้างออกโดยทนั ทดี ้วยน้ำประปา หรือน้ำสะอาด อยา่ งน้อย 15 นาที
• เมอ่ื เลกิ ปฏิบตั ิงานในห้องปฏิบัตกิ าร ควรล้างมือด้วยสบู่ และน้ำสะอาด
• หา้ มด่ืม กนิ เคี้ยวหมากฝร่ัง สูบบุหร่ี หรอื แม้แต่ทาเครอ่ื งสำอางในห้องปฏิบตั ิการ
• ห้ามนำเคร่อื งด่มื อาหาร บหุ รี่ และเคร่ืองสำอางเข้ามาเก็บในบริเวณหอ้ งปฏบิ ัตกิ าร
• ห้ามใช้เครอ่ื งไมโครเวฟในห้องปฏิบตั กิ ารเพื่อเตรยี มกาแฟ อาหาร
• ห้ามใชต้ ้เู ย็นในหอ้ งปฏบิ ัตกิ ารเพื่อเกบ็ อาหาร
2.อุปกรณ์ในห้องปฏบิ ตั กิ าร
บกี เกอร์ เป็นอปุ กรณ์พ้นื ฐานในหอ้ งปฏิบัติการเคมี
ใชส้ ำหรับเตรยี มสารละลาย ต้มสารละลาย ตกตะกอน ผสมสารหรอื ให้สารทำปฏิกริ ิยากนั
กระบอกตวง (cylinder) เปน็ อปุ กรณใ์ ช้สำหรับวัดปรมิ าตรของเหลว
หรอื ใชต้ วงสารละลาย ใหม้ ีปริมาตรตามท่ีต้องการ
ปรมิ าตรสารละลายท่ไี ดจ้ ากการวดั ด้วยกระบอกตวงเป็นปริมาตรอยา่ งคร่าวๆเทา่ นนั้
ขวดรปู ชมพู่ (Erlenmeyer flask) หลอดทดลอง (test tube) ใช้
หรือเรียกอีกอยา่ งว่า conical flask สำหรบั ทดสอบปฏกิ ริ ิยาเคมรี ะหวา่ ง
ทำดว้ ยแก้วมีลกั ษณะเปน็ ทรงกรวย สารตา่ ง ๆ ในปริมาณน้อย ๆ
มสี เกลบอกปรมิ าตร
กรวยกรอง (funnel) อปุ กรณ์
หลอดหยดสาร (dropper) อุปกรณ์ ช่วยในการถา่ ยเทสารละลาย
พ้นื ฐานสำหรบั หอ้ งปฏิบัตกิ ารเคมี มี จากภาชนะท่ีมขี นาดใหญไ่ ปยงั
ลักษณะเปน็ หลอดแกว้ ปลายเรียว ภาชนะขนาดเล็ก
เลก็ สว่ นปลายอีกข้างหนง่ึ มีกระเปาะ
ยางตดิ อยู่ เพอ่ื ใช้ในการดูด ขวดวัดปริมาตร ใชส้ ำหรบั เตรยี ม
สารละลาย สารละลาย ใหไ้ ด้ปรมิ าตรตามท่ี
ต้องการ
แทง่ แกว้ คนสาร (Glass Rod)
มีลักษณะเป็นแท่งแกว้ ยาวปลายแบน ขวดลดความดัน (suction flask)
ใช้สำหรบั คนสารละลายใหผ้ สมเป็น เปน็ อปุ กรณเ์ พอ่ื ช่วยให้การกรองแยก
เนอื้ เดียวกัน ของแข็งออกจากของเหลว
บิวเรต (buret หรือ burette) เป็น Stand & Clamp (ชุดขาต้ังและแค
อปุ กรณ์ทีใ่ ชใ้ นการไทเทรต ลมป์จับ)
Stand เปน็ อุปกรณซ์ ึ่งทำหน้าทเี่ ป็น
ปเิ ปต (Pipet หรือ Pipette) ฐานสำหรับติดตงั้ อุปกรณอ์ นื่ ๆ
เป็นอุปกรณใ์ ช้สำหรับวดั ปรมิ าตร
ของสารละลายใหม้ คี วามแน่นอน
และมคี วามแมน่ ยำสงู
ตะเกียงบุนเสน (Bunsen Burner)
เปน็ ตะเกียงกา๊ ซพื้นฐานทใ่ี ช้ใน
ห้องปฏิบตั ิการ ให้เปลวไฟท่มี ี
อณุ หภูมสิ ูง
เกณฑก์ ารให้คะแนน/แนวการตอบ
คำถามที่ 1 คะแนนเตม็ 1 คะแนน ไมม่ คี ะแนน
ตอบสอดคล้องกับแนวคำตอบ ตอบไม่สอดคลอ้ งกับแนวคำตอบ
/ไมเ่ ขียนขอ้ ความใด ๆ
คำถามท่ี 2
คะแนนเตม็ 3 คะแนน คะแนนเต็ม 2 คะแนน คะแนนเตม็ 0 คะแนน
ตอบถูก 8-13 ข้อ ตอบถูก 3-7 ข้อ ตอบถูก 2 - 0 ขอ้
เกณฑ์การให้คะแนน
เกณฑารตดั สนิ คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
8-13 ดมี าก
3-7 ดี
1-2 พอใช้
0 ปรับปรงุ
นกั เรยี นไดร้ ะดับคณุ ภาพ พอใช้ ขน้ึ ไป ถอื วา่ ผา่ น
ใบความรู้ เร่ือง การใชห้ อ้ งปฏบิ ตั กิ ารและอปุ กรณใ์ นหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร
ความปลอดภยั ในหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร
•การเตรยี มสารเคมีพวก กรด ด่าง หรือสารระเหย ควรทาในต้ดู ูดควนั
•เทกรดลงนา ห้ามเทนาลงกรด
•หา้ มใชเ้ ปลวไฟในการให้ความรอ้ นแก่ของเหลวไวไฟ หรอื ในขบวนการกลนั่
•ให้ความระมัดระวงั ในการจดุ ไฟในห้องปฏิบัตกิ าร ดับไฟทนั ทเี มอ่ื เลิกใชง้ าน ไมค่ วรปล่อยให้ไฟตดิ ทิงไวโ้ ดยไม่มคี นดู
•ควรเกบ็ สารเคมีไวไฟในตสู้ าหรับเก็บสารเคมีไวไฟโดยเฉพาะ
•หลกี เลย่ี งการสูดดมไอระเหยของสารเคมี ห้ามทดสอบชนดิ ของสารเคมโี ดยยกดมกลิน่ โดยตรงอย่างเด็ดขาด
•การดูดสารละลายโดยใช้ปิเป็ต ห้ามใชป้ ากดูด ใหใ้ ชล้ กู ยาง
•ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าท่ีไมก่ ่อให้เกิดประกายไฟ
•หากผวิ หนังถูกสัมผัสโดยสารเคมี ตอ้ งลา้ งออกโดยทนั ทีด้วยนาประปา หรือนาสะอาด อยา่ งน้อย 15 นาที
•เมือ่ เลิกปฏบิ ตั งิ านในห้องปฏบิ ตั กิ าร ควรลา้ งมือด้วยสบู่ และนาสะอาด
•หา้ มดื่ม กนิ เคียวหมากฝร่ัง สูบบุหร่ี หรือ แม้แต่ทาเครือ่ งสาอางในหอ้ งปฏิบัติการ
•ห้ามนาเครือ่ งดื่ม อาหาร บุหรี่ และเครอ่ื งสาอางเขา้ มาเก็บในบรเิ วณห้องปฏิบัติการ
•หา้ มใชเ้ ครื่องไมโครเวฟในหอ้ งปฏิบตั ิการเพื่อเตรยี มกาแฟ อาหาร
•หา้ มใช้ตูเ้ ยน็ ในหอ้ งปฏิบตั กิ ารเพือ่ เก็บอาหาร
อุปกรณใ์ นหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร
บีกเกอร์ เปน็ อุปกรณ์พืนฐานในหอ้ งปฏบิ ตั ิการเคมี
ใช้สาหรับเตรียมสารละลาย ต้มสารละลาย ตกตะกอน ผสมสารหรอื ใหส้ ารทาปฏิกิริยากัน
บกี เกอรม์ หี ลายขนาด ตงั แต่ขนาดเลก็ 50 ml ไปจนถึง 5 L
บกี เกอร์ท่ีนยิ มใชใ้ นห้องปฏบิ ัตกิ ารมกั ทาจากแก้วทนไฟ (Pyrex หรือ Bomex)
และก็ยังมีชนดิ ที่ทาด้วยพลาสติกที่ไม่สามารถตงั ไฟไดแ้ ต่ราคาถูกกวา่
กระบอกตวง (cylinder) เปน็ อปุ กรณ์ใชส้ าหรบั วดั ปรมิ าตรของเหลว
หรือใชต้ วงสารละลาย ใหม้ ปี ริมาตรตามทต่ี ้องการ
ปริมาตรสารละลายทไ่ี ดจ้ ากการวดั ด้วยกระบอกตวงเป็นปรมิ าตรอยา่ งคร่าวๆเทา่ นนั
หากต้องการความแมน่ ยาสูงตอ้ งใช้อุปกรณ์ประเภทอนื่ เช่น ปเิ ปต เป็นตน้
กระบอกตวงมที ังแบบทาดว้ ยแก้วและทาด้วยพลาสตกิ
มีหลายขนาดให้เลอื กใช้ โดยมีตังแต่ 5 ml.ไปจนถึง 2 L
อปุ กรณใ์ นห้องปฏบิ ตั กิ าร
ขวดรปู ชมพู่ (Erlenmeyer flask) หรือเรยี กอกี อย่างวา่ conical flask
ทาดว้ ยแกว้ มลี ักษณะเปน็ ทรงกรวย มีสเกลบอกปริมาตร มีหลายขนาดด้วยกนั
แตท่ ่นี ยิ มใชใ้ นห้องปฏิบัตกิ ารเคมี มีขนาดความจุ 250 – 500 ml.
นิยมใช้ในการไทรเทรทสารละลาย
หลอดหยดสาร (dropper) อุปกรณพ์ นื ฐานสาหรับห้องปฏิบตั กิ ารเคมี มีลักษณะเปน็
หลอดแกว้ ปลายเรียวเล็ก ส่วนปลายอีกขา้ งหนง่ึ มีกระเปาะยางตดิ อยู่ เพ่อื ใช้ในการดูดสารละลาย
หลอดหยดสารใช้สาหรับหยดสารละลายทลี ะนอ้ ย ๆ ซึ่งสามารถใช้ในการเตรียมสารละลาย เพื่อ
ปรบั ปรมิ าตรสารใหไ้ ด้ตามทต่ี ้องการ หรอื ใชใ้ นการหยดสารเพอ่ื ใหท้ าปฏกิ ิริยากันอีกดว้ ย
แท่งแกว้ คนสาร (Glass Rod)
มีลกั ษณะเปน็ แท่งแก้วยาวปลายแบน มีขนาดความยาว 10 – 20 นิว ใช้สาหรับคนสารละลาย
ให้ผสมเปน็ เนอื เดยี วกัน นอกจากนยี งั ใช้ช่วยในการเทสารละลายไปยงั พาชนะอืน่ โดยเท
สารละลายให้ไหลไปตามแท่งแก้วคน วิธีนจี ะทาใหส้ ามารถควบคุมทศิ ทางการไหลของสารละลาย
ไดด้ ขี ึนอีกดว้ ย
บวิ เรต (buret หรอื burette) เปน็ อปุ กรณ์ทใี่ ชใ้ นการไทเทรต มลี ักษณะเป็นหลอดแก้วที่มี
ขดี บอกปรมิ าตรและมวี าล์วสาหรับเปดิ -ปดิ เพ่อื ควบคุมการปล่อยสารละลายภายในหลอดทีใ่ ช้ใน
การทาปฏิกิรยิ าจงึ ทาใหส้ ามารถวัดปริมาตรสารทใี่ ชไ้ ปในการทดลองได้ อยา่ งแมน่ ยา ขนาดที่
นยิ มใชโ้ ดยทวั่ ไปในหอ้ งปฏบิ ตั ิการคอื 25 ml. หรือ 50 ml.
ปเิ ปต (Pipet หรอื Pipette)
เปน็ อปุ กรณ์ใช้สาหรับวดั ปริมาตรของสารละลายใหม้ คี วามแน่นอนและมีความแมน่ ยาสูง
ตะเกยี งบนุ เสน (Bunsen Burner)
เป็นตะเกยี งก๊าซพืนฐานท่ีใช้ในหอ้ งปฏบิ ัติการ ให้เปลวไฟท่มี ีอุณหภูมิสูง
พอสมควร ตะเกยี งบุนเสนสามารถปรบั อัตราสว่ นอากาศเขา้ ไดเ้ พยี งอย่าง
เดียวเท่านัน ไม่สามารถปรบั เชือเพลงิ ได้
ใบความรู้ เรอื่ ง การใชห้ อ้ งปฏบิ ตั กิ ารและอปุ กรณใ์ นหอ้ งปฏิบตั กิ าร
อปุ กรณใ์ นหอ้ งปฏบิ ตั ิการ
หลอดทดลอง (test tube) ใชส้ าหรบั ทดสอบปฏิกริ ยิ าเคมีระหวา่ งสารตา่ ง ๆ ในปรมิ าณนอ้ ย ๆ
มีลกั ษณะเปน็ หลอดแกว้ มที ังชนดิ ที่มีปาก และไมม่ ีปาก แบบท่ีทนไฟและไมท่ นไฟ มีหลายขนาด
กรวยกรอง (funnel) อุปกรณ์ชว่ ยในการถ่ายเทสารละลายจากภาชนะทม่ี ีขนาดใหญไ่ ปยงั ภาชนะขนาดเลก็
มักจะใช้สาหรับสวมบวิ เรตเพื่อเทสารละลายลงในบวิ เรต หรือใชร้ ว่ มกับกระดาษกรองเพอ่ื กรองเอาของแขง็
หรือตะกอนออกจากสารละลาย กรวยกรองมีทงั แบบก้านสันและก้านยาว โดยกรวยก้านยาวจะกรองได้
เร็วกวา่ กรวยก้านสัน สว่ นขนาดของกรวยกรองวดั จากเส้นผ่าศูนยก์ ลาง (ภายนอก)
โดยมีหลายขนาด ซึ่งมตี งั แต่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 cm. ไปจนถงึ 15 cm.
ขวดวดั ปรมิ าตร (volumetric flask) มลี กั ษณะเปน็ ขวดแกว้ คอยาว มขี ดี บอกปรมิ าตรเพยี งขดี เดยี ว
ใชส้ าหรบั เตรยี มสารละลาย ใหไ้ ด้ปรมิ าตรตามที่ตอ้ งการ มจี กุ ปิดด้านบน จงึ สามารถเขย่าใหส้ ารละลาย
ผสมกนั ไดอ้ ย่างท่ัวถึง สว่ นใหญ่มขี นาดตังแต่ 50 ml. จนถงึ 2 L. นยิ มใชใ้ นการเตรียมสารละลายมาตรฐาน
(สารละลายท่ีมีความเขม้ ขน้ แน่นอน) หรือเตรยี มสารละลายท้ม่ี คี วามเขม้ ขน้ นอ้ ยกว่าสารละลายตงั ตน้
หรอื สารสารละลายเดิม
ขวดลดความดนั (suction flask) เป็นอปุ กรณเ์ พือ่ ชว่ ยให้การกรองแยกของแข็งออกจากของเหลว
ทาไดอ้ ย่างรวดเร็ว โดยขวดมลี กั ษณะคลา้ ยขวดรูปชมพู่แต่มแี ขนเล็ก ๆ ยน่ื ออกมาบรเิ วณคอขวดด้วย
การใชข้ วดลดความดัน จะชว่ ยให้การกรองเรว็ กวา่ การกรองแบบธรรมดาท่ัวไปอย่างเห็นได้ชัดเจน
ขวดลดความดนั จะใช้กบั กรวยกรองแบบบชุ เนอร์ (buchner funnel) โดยจะวางกรวยกรองอยูด่ า้ นบน
สาหรับแขนเล็ก ๆ บริเวณคอขวดจะตอ้ งตอ่ เข้ากบั ชดุ ลดความดัน เพื่อดึงเอาอากาศออกจากขวดลดความดนั
Stand & Clamp (ชุดขาตงั และแคลมปจ์ บั )
Stand เปน็ อุปกรณ์ซ่งึ ทาหนา้ ท่เี ป็นฐานสาหรบั ติดตงั อุปกรณอ์ ่ืน ๆ เพ่ิมเติม โดยท่วั ไปจะติดตงั
Clamp โดยมี Clamp Holder เปน็ ตวั เชื่อมระหว่าง Clamp กบั Stand Clamp ทาหน้าทเี่ ป็น
เสมอื นมอื จบั ยดึ กบั อุปกรณต์ า่ ง ๆ ท่ีใช้ในการทดลอง เชน่ บิวเรต (Clamp ทใี่ ชส้ าหรบั บวิ เรต
โดยเฉพาะเรียกว่า Buret Clamp), Condenser , ขวดปรมิ าตร ฯลฯ
ใบงานท่ี 1 เรอื่ ง การใชห้ อ้ งปฏบิ ตั กิ ารและอปุ กรณใ์ นหอ้ งปฏิบตั กิ าร
ชอื่ ........................................................................... ชัน ............... เลขท่ี ........................
ตอนที่ 1 ความปลอดภยั ในหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร
1. ……………………………………………………………………………………………………………………….......................…
2. ..…………………………………………………………………………………………………………………….....……………….
3. ..……………………………………………………………………………………………………......………………………...…….
4. ………………………………………………………………………………………..……………......………………………………
5. …………………………………………………………………………………………...…………......………………………………
6. ……………………………………………………………………………………………..………......………………………………
ตอนที่ 2 อปุ กรณใ์ นห้องปฏบิ ตั ิการ ชื่อ ช่ือ
หน้าที่ หน้าที่
ชื่อ
หน้าท่ี
ช่ือ ชื่อ ชื่อ
หน้าท่ี หน้าที่ หน้าที่
ชื่อ ช่ือ ช่ือ
หน้าที่ หน้าที่ หน้าที่
ช่ือ ช่ือ ชื่อ
หน้าที่ หน้าที่ หน้าท่ี
ชื่อ
หน้าท่ี
ใบงาน PMI เร่อื งการปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ปฏบิ ตั ใิ นหอ้ งทดลอง
ช่อื ........................................................................... ชัน ............... เลขท่ี ........................
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2
ช่อื หน่วยการเรียนรู้ อณุ หภูมแิ ละความร้อน หนว่ ยยอ่ ยท่ี 1 m
เร่อื ง พลงั งานความร้อนและการขยายตัว-หดตวั ของสสาร เวลา 2 ช่ัวโมง
วนั ท่ีทำการสอน ผสู้ อน นางสาวกิตติกา อะทะเทพ
1. สาระสาคัญ 2. ผลการเรียนรู้
ข้อที่ 1 ทดลอง อธบิ าย และบอกความแตกต่างเกี่ยวกบั
เม่ือสสารได้รบั ความรอ้ นจะขยายตวั โดยความร้อน ความรอ้ นและการขยายตัวของสสาร
ทาให้อนุภาคเคลอื่ นทเี่ รว็ ขน้ึ และระยะห่างระหวา่ งอนุภาคมาก
ขึ้น สสารจึงขยายตวั เชน่ เมอ่ื สสารสูญเสยี ความรอ้ นจะหดตวั
โดยความร้อนท่สี ญู เสียไปทาให้อนภุ าคเคลอื่ นทช่ี ้าลงและมี
ระยะห่างระหวา่ งอนุภาคลดลง
3. สาระการเรียนรู้ 4. ช้นิ งาน/ภาระงาน
พลงั งานความรอ้ นและการขยายตวั -หดตัวของสสาร - ใบงาน Diagram เรอ่ื ง พลังงานความร้อนและการขยายตวั -
หดตวั ของสสาร
-ใบกิจกรรมการทดลอง เร่อื ง พลังงานความรอ้ นและการ
ขยายตัว-หดตัวของสสารเม่อื ไดร้ บั ความร้อน
5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 6. เครื่องมอื การสอนคิด
- ความสามารถในการคดิ Diagram, Six thinking hats (white hat )
- ความสามารถในการแกป้ ญั หา
- ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
กจิ กรรมการเรียนรู้
7. ขน้ั ของกจิ กรรม 8. สือ่ 9. วธิ วี ัดผล
Do Now (3 นาที) - ใบความรู้ - แบบประเมินใบ
บอกชื่อเพ่อื นทีต่ ัวเลก็ ท่ีสดุ ในห้อง เกยี่ วกบั พลงั งาน งาน Diagram
Purpose (2 นาที) ความรอ้ นและการ เร่อื ง พลังงาน
เราจะเรยี นเรื่อง พลังงานความร้อนและการขยายตวั -หดตัวของสสาร เพ่อื ให้ ขยายตวั -หดตวั ความร้อนและการ
นกั เรยี นสามารถอธบิ าย และบอกความแตกตา่ งเกย่ี วกับความร้อนและการ ของสสาร ขยายตวั -หดตวั
ขยายตวั ของสสารได้ - ใบงาน Diagram ของสสาร
เร่ือง พลังงาน -แบบประเมนิ
ความรอ้ นและการ กจิ กรรมการ
Work mode (110 นาที) ขยายตวั -หดตวั ทดลอง เรอื่ ง
1. นกั เรียนตอบคาถามดงั ตอ่ ไปน้ี (15 นาที) ของสสาร พลังงานความร้อน
- เมอ่ื เราครอบลูกโป่งไว้กับปากขวดรูปชมพู่ แล้วนาไปวางในนา้ เดอื ด -ใบกิจกรรมการ และการขยายตวั -
ลักษณะของลกู โป่งจะเปล่ียนแปลงอยา่ งไร (white hat) ทดลอง เรอ่ื ง หดตัวของสสาร
2. นักเรียนสืบค้นความรู้เกย่ี วกบั พลงั งานความรอ้ นและการขยายตวั -หดตวั พลงั งานความรอ้ น เม่ือไดร้ ับความ
ของสสาร ในอินเทอร์เนต็ /ใบความรู้ และสรปุ ความรูร้ ปู แบบขอแผนผงั ลง และการขยายตวั - รอ้ น
ในใบงาน Diagram เรื่อง พลังงานความรอ้ นและการขยายตัว-หดตวั ของ หดตวั ของสสาร
สสาร (20 นาที) (คิด 9 คิดเชิงมโนทศั น)์ เมอ่ื ไดร้ บั ความ
3. นกั เรียนตัวแทนทาเสนอผลงานและอภปิ รายร่วมกนั (15 นาท)ี ร้อน
4. นกั เรียนรว่ มกนั ทากจิ กรรมการทดลองตามใบกิจกรรม เร่ือง พลังงาน
ความรอ้ นและการขยายตัว-หดตวั ของสสารเม่อื ได้รบั ความรอ้ น และร่วมกัน
อภปิ รายผลของการทดลองรว่ มกนั (40 นาที) (พอเพียง 7 สังคม)
5. นกั เรียนตวั แทนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลการทดลองและอภิปรายผลรว่ มกนั
(10 นาที) (สมรรถนะ 3)
6. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกบั พลงั งานความร้อนและการ
ขยายตัว-หดตัวของสสาร (10 นาที)
Reflective thinking (5 นาท)ี
- บอก 1 สิ่งทไ่ี ดเ้ รยี นรู้นวันน้ี
- ข้อสอบ/แบบทดสอบ 1 ข้อ
แบบทดสอบ ทม่ี า : แนวข้อสอบ O-NET วิชา วทิ ยาศาสตร์ ม.ต้น (2565)
(https://drive.google.com/file/d/1LbYiUuieCj6iu43HYLMzVDcTpGJNc9cz/view)
1. นักเรยี นกบั เพอื่ นกาลังศกึ ษาการเปลีย่ นสถานะของสสารทีข่ ึน้ อย่กู ับความร้อน โดยมลี าดับการเปล่ียนแปลง
สถานะของสาร ดังแบบจาลองต่อไปนี้
เมือ่ กาหนดให้ แทนปรมิ าณค่าความร้อน จากน้อยไปมากตามลาดับ ข้อใดแสดงลาดับ
คา่ ความร้อน ท่ีให้ไปในบีกเกอร์เม่อื เวลาผา่ นไปท่ีสอดคลอ้ งกบั ลาดับ การเปล่ยี นสถานะของสสารจาก A B >C
1. 2.
3. 4
แบบประเมินใบงาน diagram
แบบประเมนิ ใบงาน Diagram
คำชแ้ี จง : ให้ผสู้ อนประเมินผลงานใบงานนกั เรียน โดยการประเมินคะแนนลงในชอ่ งรายการประเมนิ กำหนดตามตารางแนบ
ทา้ ยแบบประเมินใบงาน Diagram
ลำดบั ท่ี ชอ่ื -สกลุ รูปแบบ เนอ้ื หา นำเสนอ ความ ตรงตอ่ เวลา รวม สรปุ ผลการ
สวยงาม 20 คะแนน ประเมนิ
ของผรู้ บั การ
ประเมนิ ผ่าน/ไม่ผา่ น
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ลงชื่อ ....................................................ผปู้ ระเมิน
................/................/................
18 - 20 ดีมาก
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง
นกั เรียนได้ระดับคณุ ภาพท่ี พอใช้ ข้ึนไปถือว่า ผา่ น
ตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน Diagram
เกณฑก์ าร ระดับการประเมนิ
ประเมิน 4 (ดมี าก) 3 (ด)ี 2 (พอใช)้ 1 (ปรบั ปรงุ )
รปู แบบ - มหี วั ขอ้ ทชี่ ัดเจน - มีหัวขอ้ ที่ชัดเจน - มหี ัวข้อท่ีชดั เจน - มหี ัวข้อทช่ี ดั เจน
- เขยี นอย่ใู นกรอบ - เขียนอยใู่ นกรอบ - เขยี นอย่ใู นกรอบ - เขยี นอยู่ในกรอบ
- ใช้คำสำคัญตรงประเดน็ - ใช้คำสำคญั ตรงประเดน็ - ใช้คำสำคัญตรงประเด็น
- ใชส้ ัญลักษณ์หรือภาพส่ือ - ใช้สัญลกั ษณ์หรือภาพสื่อ
ความหมาย ความหมาย
- ใช้สสี นั ทั่วแผน่
เน้ือหา - เน้อื หาครบถว้ นตามสาระที่ - เนือ้ หาถูกตอ้ งตามสาระที่ - เนอ้ื หาถูกต้องตามสาระที่ - เนอื้ หาถกู ต้องตามสาระ
กำหนด 100% กำหนด 80-99% กำหนด 60-79% ทกี่ ำหนดต่ำกวา่ 59%
- เขยี นถูกต้องตามหลักภาษา - เขียนถูกต้องตามหลกั ภาษา - เขยี นถูกตอ้ งตามหลกั ภาษา - เขยี นถกู ต้องตามหลกั ภาษา
100% 80-99% 60-79% ต่ำกว่า 59%
- ลำดบั หวั ข้อเนอื้ หาชดั เจน - ลำดับหัวขอ้ เน้ือหาชดั เจน - มกี ารสรุปไดอ้ ยา่ ง - มีการสรุปไมส่ มเหตสุ มผล
- มีการสรุปได้อย่าง - มีการสรปุ ไดอ้ ยา่ ง สมเหตุสมผล 60-79% ต่ำกว่า 59%
สมเหตุสมผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%
การนำเสนอ - พูดชดั เจนเสียงดงั ฟังชดั - พดู ชัดเจนเสียงดงั ฟงั ชดั - การพดู เหมาะสม - สามารถพูดนำเสนอได้
ความ - ใช้ภาษาทางการถกู ต้องตาม - ใชภ้ าษาทางการถูกต้องตาม - ใชภ้ าษาทางการถกู ต้องตาม - ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ งตาม
สวยงาม
อักขระ100% อกั ขระ80-99% อกั ขระ60-79% อกั ขระตำ่ กวา่ 59%
- บคุ ลิกภาพดีและมคี วาม - บคุ ลิกภาพดี - บุคลิกภาพเหมาะสม - บุคลกิ ภาพเหมาะสม
มน่ั ใจ - ความพรอ้ มในการนำเสนอ
- มกี ารใชส้ ่อื ประกอบการ ได้บางส่วน
นำเสนอ
- ความพรอ้ มในการนำเสนอ
- ใช้สสี นั สวยงาม - ใช้สีสนั สวยงาม - ใช้สีสันสวยงามและมีความ - ใช้สีสนั สวยงามหรือเปน็ ไป
- มคี วามสะอาด - มีความสะอาด สะอาด ตามเกณฑอ์ ย่างใดอยา่ งหนึ่ง
- มีความคดิ สร้างสรรค์ - มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์
- ความเปน็ ระเบยี บอา่ นงา่ ย
การตรงตอ่ - ส่งผลงานครบถ้วน - ส่งผลงานครบถ้วน - สง่ ผลงานครบถว้ น - สง่ ผลงานครบถ้วน
เวลา ตรงตามเวลาท่ีกำหนด แตช่ ้ากวา่ เวลาท่กี ำหนด แต่ช้ากว่าเวลาท่กี ำหนด แต่ช้ากวา่ เวลาทีก่ ำหนด
5 นาที 10 นาที 15 นาที
ชื่อ – สกุล แบบประเมนิ กจิ กรรมการทดลอง
สมาชกิ กลุ่ม
1.……………………… ………………………………………...ชั้น………..เลขที่……...
2.……………………… ………………………………………...ชนั้ ………..เลขท่ี……...
3.……………………… ………………………………………...ช้ัน………..เลขท่ี……...
คำชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อนประเมนิ ผลงานใบงานนักเรียน โดยการประเมนิ คะแนนลงในชอ่ งรายการประเมินกำหนด
ตามตารางแนบท้ายแบบประเมนิ
ลำดบั ที่ ชอ่ื -สกุล การแบง่ หนา้ ที่ การรจู้ กั การทำการ ปฏิบัติการ ผลการทดลอง รวม สรุปผลการ
ของผ้รู ับการ ภายในกล่มุ แสดงความ ทดลองตาม ทดลองเสรจ็ ถูกตอ้ งสะอาด 20 คะแนน ประเมนิ ผ่าน/ไม่
( 4 คะแนน)
ประเมนิ คดิ เหน็ ข้ันตอน ทันเวลา เรยี บร้อย ผ่าน
( 4 คะแนน) ( 4 คะแนน) ( 4 คะแนน) ( 4 คะแนน)
ลงชอ่ื ....................................................ผ้ปู ระเมนิ
................/................/................
เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
18 - 20 ดมี าก
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ
นกั เรยี นไดร้ ะดบั คณุ ภาพที่ พอใช้ ข้ึนไปถือว่า ผา่ น
ใบความรู้
เรอ่ื ง พลังงานความรอ้ นและการขยายตวั -หดตวั ของสสารเมอ่ื ไดร้ บั ความรอ้ น
สสารโดยทว่ั ไปมีทงั้ สถานะที่เปน็ ของแขง็ ของเหลว และแก๊ส เมื่อสสารแตล่ ะสถานะไดร้ บั ความรอ้ นจะเกิดการ
ขยายตัว และเมอ่ื สสารสญู เสียความรอ้ นจะเกดิ การหดตัว แตก่ ารขยายตวั และหดตวั ของสสารในทนี่ ไี้ ม่ได้
หมายความวา่ อนภุ าคของสสารมีขนาดใหญข่ นึ้ หรือเลก็ ลง
หลายคนมแี นวคิดทคี่ ลาดเคลือ่ นว่า หากสสารได้รบั ความร้อน อนุภาคของสสารจะมขี นาดใหญข่ นึ้
ในทางตรงขา้ มหากสสารสญู เสียความรอ้ น อนุภาคของสสารจะมขี นาดเลก็ ลง หรอื สสารไดร้ บั ความร้อน
อนุภาคของสสารจะมจี านวนเพม่ิ ขนึ้ ในทางตรงขา้ มหากสสารสูญเสยี ความรอ้ น อนุภาคของสสารจะมี
จานวนลดลง ซง่ึ แท้จรงิ แลว้ เมือ่ สสารไดร้ ับความร้อน อนุภาคของสสารไมไ่ ด้มขี นาดเพม่ิ ขนึ้ หรอื มจี านวน
อนุภาคมากขนึ้ และเมอื่ สสารสญู เสียความร้อน อนภุ าคของสสารก็ไม่ไดม้ ขี นาดเลก็ ลงหรอื มีจานวนนอ้ ยลง
เพยี งแต่การไดร้ บั ความรอ้ นหรือสูญเสยี ความรอ้ นนนั้ เกีย่ วขอ้ งกบั การเคลอื่ นทแี่ ละระยะหา่ งของอนุภาคของ
สสารนนั้ เอง
เมื่อสสารได้รับความร้อนจะขยายตวั โดยความร้อนทาให้อนภุ าคเคลื่อนท่ีเรว็ ขนึ้ และระยะหา่ งระหวา่ ง
อนุภาคมากขนึ้ สสารจึงขยายตวั เชน่ การขยายตัวของแอลกอฮอล์ในหลอดเทอร์มอมิเตอร์เม่ือไดร้ ับความ
รอ้ น หรอื อากาศในบอลลนู หรอื โคมลอยไดร้ ับความร้อน อนุภาคของอากาศเกิดการขยายตวั จึงทาให้
บอลลูนหรือโคมลอยมีขยายใหญข่ นึ้
เมอ่ื สสารสูญเสยี ความรอ้ นจะหดตวั โดยความร้อนท่ีสูญเสยี ไปทาใหอ้ นุภาคเคลือ่ นท่ชี า้ ลงและมี
ระยะหา่ งระหวา่ งอนุภาคลดลง เชน่ การเดนิ สายไฟจะต้องไม่ขึงสายใหต้ งึ หรอื หยอ่ นจนเกินไป เนือ่ งจากในฤดู
หนาวสายไฟจะสูญเสียความรอ้ นอนุภาคของสสารในสายไฟจะเกิดหดตัว หากขึงสายไฟตงึ เกินไปในตอนแรก
สายไฟอาจจะขาดได้
ใบกจิ กรรมการทดลอง
เรื่อง พลงั งานความร้อนและการขยายตวั -หดตัวของสสารเม่อื ไดร้ ับความรอ้ น
ชอื่ – สกุล ........................................................... ชนั้ ................. เลขท่ี ................
จุดประสงค์ : สารวจและอธบิ ายผลของความรอ้ นตอ่ การ
วสั ดุอปุ กรณแ์ ละสารเคมี 2. บีกเกอร์ขนาด 250 ลูกบาศก์เซนติเมตร 1 อนั
1. ขวดแก้ว หรือขวดพลาสติก 1 ขวด 4. ขันพลาสตกิ 1 อัน
6. นา 350 ลกู บาศก์เซนตเิ มตร
3. ลูกโปง่ 1 ลูก 8. จกุ ยางเจาะรู 2 จุก
5. ขวดรปู กรวย ขนาด 250 ลูกบาศก์เซนติเมตร 2 ขวด 10. นา้ แขง็ 500 ลกู บาศก์เซนติเมตร
7. หลอดแกว้ นาแกส๊ 2 หลอด 12. ลกู กลมและวงแหวนเหล็ก 1 ชดุ
9. น้าร้อน อุณหภมู ิประมาณ 80°C500 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร
11. ชุดตะเกยี งแอลกอฮอล์ 1 ชดุ
วธิ กี ารทดลอง
1. สวมลูกโปง่ ปิดปากขวดรปู ชมพู่ วดั ขนาดเส้นผ่านศนู ยก์ ลางตามแนวขวางบริเวณตรงกลางของลูก
2. นาขวดรปู ชมพไู ปแชใ่ นน้ารอ้ น และสังเกตการเปล่ยี นแปลงที่เกดิ ขนึ
3. บันทึกผลการทดลอง โดยวดั ขนาดของเสน้ ผ่านศนู ย์กลางของลูกโป่ง
สมมติฐาน
.........................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................
ตัวแปรทเี่ กย่ี วขอ้ ง
ตัวแปรตน้
.............................................................................................................................................
ตวั แปรตาม
.............................................................................................................................................
ตวั แปรควบคุม
.............................................................................................................................................
บนั ทึกผลการทดลอง
การทดลอง การเปลย่ี นแปลงทเี่ กดิ ขนึ
ก่อนไดร้ บั ความรอ้ น หลังไดร้ บั ความรอ้ น
ขนาดเสน้ ผ่าน
ศนู ยก์ ลาง
อภปิ รายผลการทดลอง
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
คาถามทา้ ยการทดลอง
1. มื่อนาขวดรูปชมพูท่ ่คี รอบดว้ ยลูกโปง่ ไปวางในภาชนะทมี่ ีนา้ ร้อนหรอื นาแขง็ ลูกโปง่ มีการ
เปลี่ยนแปลงอย่างไร
.............................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
.............................................................................................................................................
.............................................................................................................................................
2. แบบจาลองการจดั เรียงอนุภาคของอากาศเมอื่ นาขวดรูปชมพ่ทู ่คี รอบดว้ ยลกู โปง่ ไปวางในภาชนะที่มี
นา้ ร้อนหรือนา้ แข็งเปน็ อย่างไร
.............................................................................................................................................
.............................................................................................................................................
.............................................................................................................................................
.............................................................................................................................................
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 3
ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ อณุ หภูมิและความรอ้ น หนว่ ยย่อยที่ 1 m
เรื่อง อุณหภมู ิกับการเปล่ยี นสถานะของนำ้ เวลา 2 ช่วั โมง
วันท่ีทำการสอน ผ้สู อน นางสาวกติ ตกิ า อะทะเทพ
1. สาระสำคัญ 2. ผลการเรยี นรู้
ความร้อนทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับการเปลยี่ นสถานะ มี อยู่ 2 ชว่ ง
ความร้อนทีเ่ ปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลว ขอ้ ที่ 2 ทดลองเพอ่ื สงั เกตและอธบิ ายเกย่ี วกับการเปล่ยี นสถานะ
เรยี กวา่ “ความรอ้ นแฝงของการหลอมเหลว” ของนำ้
ความรอ้ นทีเ่ ปลย่ี นสถานะจากของเหลวเป็นแกส๊ เรยี กว่า
“ความร้อนแฝงของการกลายเปน็ ไอ” 4. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
3. สาระการเรยี นรู้
อณุ หภมู กิ บั การเปล่ยี นสถานะของน้ำ - ใบงาน Compare and contrast เรอ่ื ง ความเหมือนและความต่างของ
ความร้อนแฝงของการหลอมเหลวและความร้อนแฝงของการกลายเปน็ ไอ
5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น - ใบกิจกรรมการทดลอง เรอ่ื ง อณุ หภมู กิ ับการเปล่ียนสถานะของนำ้
- ความสามารถในการคิด - ใบงานตามแนวทาง PISA เรอื่ ง วฏั จักรของน้ำ
- ความสามารถในการแกป้ ัญหา
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. เคร่ืองมือการสอนคิด
- Six thinking hats (white hat, yellow hat, black
hat)
- Compare and contrast
กิจกรรมการเรยี นรู้
7. ขั้นของกจิ กรรม 8. สอ่ื 9. วธิ ีวดั ผล
Do Now (3 นาที) - วิดโี อ เรอ่ื ง -แบบประเมินใบ
บอกความแตกตา่ งของนำ้ กับน้ำแขง็ อณุ หภูมิกับการ งาน Compare
Purpose (2 นาที) เปลี่ยนสถานะของ and contrast
เราจะเรยี นเร่อื ง อุณหภมู ิกบั การเปลี่ยนสถานะของน้ำ เพอ่ื นกั เรยี นสามารถ สาร เรอ่ื ง ความเหมอื น
สงั เกตและอธิบายเกยี่ วกับการเปลยี่ นสถานะของนำ้ ได้ และความตา่ งของ
Work mode (110 นาที) ความรอ้ นแฝงของ
1. นักเรยี นตอบคำถามดังตอ่ ไปน้ี (10 นาที) -ใบงาน การหลอมเหลว
- ความแตกต่างของความรอ้ นสงู กับความรอ้ นต่ำคืออะไร (white hat) Compare and และความร้อนแฝง
- ข้อดีของการท่ีสสารสามารถเปลยี่ นสถานะได้ คอื อะไร (yellow hat) contrast เรื่อง ของการกลายเป็น
- ถา้ สสารไม่สามารถเปลย่ี นสถานะได้ จะเกดิ ข้อเสยี อะไรข้ึน (black ความเหมอื นและ ไอ
hat) ความตา่ งของ - แบบประเมินใบ
2. นกั เรยี นศกึ ษาความรู้เก่ยี วกบั อุณหภมู กิ บั การเปลีย่ นสถานะของสาร ความร้อนแฝงของ กจิ กรรมการ
โดยการดูวิดโี อ เร่อื ง อณุ หภูมกิ บั การเปล่ยี นสถานะของสาร พร้อมอภิปราย การหลอมเหลว ทดลอง เร่อื ง
ร่วมกัน (10 นาที) และความร้อนแฝง อณุ หภูมิกับการ
3. นกั เรยี นสบื ค้นความรเู้ พิม่ เติมจากอินเทอร์เน็ต เก่ียวกับ อุณหภมู กิ ับการ ของการกลายเป็น เปลยี่ นสถานะของ
เปล่ยี นสถานะของสาร และเปรียบเทียบความเหมือนและความต่างของ ไอ นำ้
ความร้อนแฝงของการหลอมเหลวและความร้อนแฝงของการกลายเปน็ ไอ - ใบกิจกรรมการ -แบบประเมินใบ
โดยเขยี งลงใบงาน Compare and contrast (20 นาท)ี (คดิ 2 คดิ ทดลอง เร่ือง งานตามแนวทาง
เปรยี บเทยี บ) อุณหภมู ิกบั การ PISA เร่ือง วัฏจกั ร
4. นกั เรยี นตวั แทนนำเสนอใบงาน Compare and contrast พรอ้ ม เปลยี่ นสถานะของ ของนำ้
อภิปรายรว่ มกนั (10 นาท)ี นำ้
5. นกั เรยี นร่วมมือทำกิจกรรมทดลองตามใบกิจกรรมการทดลอง เรอ่ื ง -ใบงานตาม
อณุ หภมู ิกับการเปล่ยี นสถานะของนำ้ พรอ้ มอภปิ รายผลการทดลองรว่ มกนั แนวทาง PISA
(30 นาท)ี (พอเพยี ง 7 สังคม) (สมรรถนะ 4) เรอ่ื ง วฏั จักรของ
6. นกั เรียนตัวแทนกลมุ่ นำเสนอผลการทดลองพร้อมอภิปรายร่วมกัน น้ำ
(10 นาท)ี
7. นักเรยี นศึกษาความรูแ้ ละทำใบงานตามแนวทาง PISA เรอ่ื ง วัฏจกั รของ
นำ้ (10 นาท)ี
8. นักเรยี นและครรู ว่ มกันเฉลยใบงานและอภิปรายขอ้ มูลรว่ มกัน (10 นาท)ี
Reflective thinking (5 นาท)ี
- บอก 1 สิ่งท่ีได้เรยี นรใู้ นวันนี้
- แบบทดสอบ/ขอ้ สอบ 1 ขอ้
แบบทดสอบ/ขอ้ สอบ 1 ข้อ ท่มี า : ONET (2564)
แบบประเมนิ ใบงาน Compare & Contrast
คำช้ีแจง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลงานใบงานนักเรียน โดยการประเมินคะแนนลงในชอ่ งรายการประเมนิ กำหนดตามตารางแนบ
ท้ายแบบประเมินใบงาน compare & contrast
ลำดบั ที่ ชอ่ื -สกลุ การเขยี น เนอ้ื หา ความสะอาด การ การตรง รวม สรปุ ผลการ
ขอ้ เปรยี บเทียบ เรยี บร้อย นำเสนอ ตอ่ เวลา 20 คะแนน ประเมิน
ของผูร้ บั การ
ประเมนิ ของงาน ผ่าน/ไมผ่ า่ น
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ลงชอ่ื ....................................................ผ้ปู ระเมิน
................/................/................
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
18 - 20 ดมี าก
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
นกั เรียนตไ่ำดกร้ วะา่ ด1บั 0คุณภาพท่ี พอใช้ ขึน้ ปไรปบั ถปือรุงวา่ ผา่ น
ตารางแนบทา้ ยแบบประเมินใบงาน Compare & Contrast
เกณฑ์การ ระดับการประเมนิ
ประเมิน
4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรุง)
การเขยี น - เขยี นข้อเปรียบเทียบ - เขยี นขอ้ เปรียบเทียบ - เขยี นข้อเปรยี บเทียบสงิ่ ท่ี - เขียนข้อเปรียบเทียบสง่ิ ที่
ขอ้ สิ่งทเี่ หมอื น และต่างไดต้ รงตาม สง่ิ ท่เี หมอื น และตา่ งได้ตรงตาม เหมือนและต่างได้ตรงตาม เหมอื นและตา่ งได้ตรงตาม
ประเด็นทกี่ ำหนด /หัวข้อ ประเดน็ ที่กำหนด /หัวขอ้ ประเด็นทก่ี ำหนด/หัวข้อ ได้ ประเดน็ ท่ีกำหนด/หัวขอ้
เปรียบเทียบ อยา่ งถูกต้องสมบูรณ์ 100 % ไดถ้ ูกตอ้ ง 80-99% ถกู ตอ้ ง 60-79% ได้ถกู ตอ้ งตำ่ กวา่ 59%
เนือ้ หา - เน้ือหาครบถว้ นตามสาระท่ี - เนื้อหาถกู ตอ้ งตามสาระที่ - เนือ้ หาถกู ต้องตามสาระที่ - เน้ือหาถูกตอ้ งตามสาระท่ี
กำหนด 100% กำหนด 80-99% กำหนด 60-79% กำหนดต่ำกวา่ 59%
- เขียนถกู ตอ้ งตามหลกั ภาษา - เขียนถูกตอ้ งตามหลกั ภาษา - เขียนถูกตอ้ งตามหลัก - เขยี นถูกต้องตามหลกั ภาษา
100% 80-99% ภาษา 60-79% ต่ำกว่า 59%
- ลำดบั หัวขอ้ เนอ้ื หาชัดเจน - ลำดบั หวั ขอ้ เน้อื หาชดั เจน - มีการสรุปไดอ้ ยา่ ง - มกี ารสรุปไม่สมเหตสุ มผล
- มกี ารสรปุ ไดอ้ ยา่ ง - มกี ารสรปุ ได้อยา่ ง สมเหตุสมผล 60-79% ต่ำกว่า 59%
สมเหตสุ มผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%
ความสะอาด - มคี วามสะอาด - มคี วามสะอาด - มคี วามสะอาด - มีความสะอาด หรือเป็นไป
เรียบรอ้ ย - ขนาดตัวอักษรเหมาะสม - ขนาดตวั อักษรเหมาะสม - ขนาดตัวอักษรเหมาะสม ตามเกณฑอ์ ย่างใดอยา่ งหน่งึ
ของงาน - มีการเว้นช่องว่างระหวา่ งวรรค - มีการเว้นชอ่ งว่างระหว่างวรรค
เหมาะสม สวยงาม เหมาะสม สวยงาม
- ความเป็นระเบยี บอา่ นงา่ ย
การนำเสนอ - พูดชัดเจนเสยี งดงั ฟังชดั - พูดชดั เจนเสียงดังฟังชัด - การพดู เหมาะสม - สามารถพดู นำเสนอได้
- ใช้ภาษาทางการถกู ต้องตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ต้องตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ ง - ใชภ้ าษาทางการถูกตอ้ งตาม
การตรงต่อ อกั ขระ100% อกั ขระ 80-99% ตามอกั ขระ60-79% อกั ขระต่ำกวา่ 59%
เวลา - บุคลิกภาพดี - บคุ ลกิ ภาพดี - บุคลกิ ภาพเหมาะสม - บคุ ลิกภาพเหมาะสม
- ความพรอ้ มในการนำเสนอได้
และมีความมน่ั ใจ บางส่วน - สง่ ผลงานครบถว้ น
- มกี ารใช้ส่ือประกอบ แตช่ ้ากวา่ เวลาท่กี ำหนด 15
การนำเสนอ - ส่งผลงานครบถว้ น - สง่ ผลงานครบถ้วน นาที
- ความพรอ้ มในการนำเสนอ แต่ช้ากว่าเวลาทก่ี ำหนด แตช่ ้ากวา่ เวลาท่กี ำหนด
5 นาที 10 นาที
- ส่งผลงานครบถว้ น
ตรงตามเวลาทกี่ ำหนด
ใบกจิ กรรมการทดลอง เร่ืองอณุ หภมู กิ บั การเปลีย่ นสถานะของนา้
ชอื่ – สกุล ............................................................ ชนั ................. เลขที่ ................
จดุ ประสงค์
1. ส้ารวจและอธบิ ายผลของความร้อนตอ่ การเปล่ยี นแปลงสถานะของน้า
วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละสารเคมี 2. นา้ แข็งทบุ ละเอียด
4. เทอรม์ อมิเตอร์ 1 อนั
1. บกี เกอร์ขนาด 500 ลูกบาศก์เซนติเมตร 1 ใบ 6. อะลมู เิ นียมฟอยล์ 1 แผน่
3. ชดุ ตะเกยี งแอลกอฮอล์ 1 ชดุ
5. แทง่ แก้วคนสาร 1 แห่ง
วิธกี ารทดลอง
1. ใส่น้าแข็งลงในบีกเกอรป์ รมิ าตรประมาณ 400 ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร (cm) ใช้เทอร์มอมิเตอรว์ ดั อุณหภูมิ
ของนา้ แขง็ ในบีกเกอร์ บันทึกผลการทดลอง
2. น้าบีกเกอร์ที่มีน้าแขง็ มาใหค้ วามรอ้ นโดยใช้ตะเกยี งแอลกอฮอล์ และใช้แทง่ แกว้ คนน้าแข็งตลอดเวลา
จนน้าแข็งละลายหมด วัดอุณหภูมิขณะทน่ี ้าแขง็ ละลายหมดพอดี บันทึกผลการทดลอง
3. ปิดปากบีกเกอร์ดว้ ยอะลมู ิเนยี มฟอยล์และใหค้ วามรอ้ นตอ่ ไปจนนา้ เร่มิ เดือด สงั เกตการเปลีย่ นแปลง
อุณหภูมจิ ากเทอรม์ อมิเตอร์ วดั อุณหภูมขิ ณะน้าเดือด บนั ทึกผลการทดลอง
4. หลังจากน้าเรม่ิ เดือด ให้ความร้อนตอ่ ไปอีกประมาณ 5 นาที พรอ้ มกับบนั ทกึ อุณหภมู ทิ กุ ๆ 1 นาที
5. ดงึ เทอรม์ อมเิ ตอร์ใหก้ ระเปาะของเทอร์มอมเิ ตอรส์ งู กว่าระดับน้าเลก็ น้อยทงิ ไวป้ ระมาณ 1 นาที
บนั ทกึ ค่าอณุ หภูมิ
สมมตฐิ าน
.........................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................
ตวั แปรทเ่ี กย่ี วข้อง
ตวั แปรต้น
..........................................................................................................................................................
ตวั แปรตาม
..........................................................................................................................................................
ตัวแปรควบคมุ
..........................................................................................................................................................
บันทกึ ผลการทดลอง อณุ หภมู ิ นาทที ่ี อณุ หภูมิ
ของน้า
การเปลยี่ นแปลงสถานะ
ของนา้ 1
น้าแข็งกอ่ นใหค้ วามร้อน 2
นา้ แข็งขณะละลายหมด 3
นา้ ขณะเรมิ่ เดือด
4
ไอนา้ เดอื ด
(ยกเทอร์มอมิเตอร์ขึนมาวดั 5
บริเวณเหนือผิวนา้ เล็กนอ้ ย)
อภปิ รายผลการทดลอง
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
ค้าถามทา้ ยการทดลอง
1.ขณะท่นี า้ แขง็ หลอมเหลวมกี ารเปล่ยี นอณุ หภมู ิหรือไม่ เพราะเหตุใด
...........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
2.ขณะทีน่ า้ กา้ ลงั เดอื ดมกี ารเปลี่ยนแปลงอุณหภูมหิ รือไม่ เพราะเหตุใด
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
3. เมอ่ื เราใหค้ วามรอ้ นต่อไปหลงั จากน้าเดือด อุณหภูมิของน้าจะเพม่ิ ขึน คงที่ หรือลดลง และทเ่ี ปน็ เช่นนัน
เนงื่ มาจากสาเหตใุ ด
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 4
ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ อุณหภูมิและความร้อน หน่วยย่อยท่ี 1 m
เร่ือง การนำความรอ้ น เวลา 2 ชั่วโมง
วนั ท่ีทำการสอน ผู้สอน นางสาวกติ ตกิ า อะทะเทพ
1. สาระสำคัญ 2. ผลการเรยี นรู้
ขอ้ ท่ี 3. ทดลอง อธบิ าย และสรา้ งแบบจำลองเก่ียวกบั
การนำความร้อน การนำความร้อนเป็นหนึ่งในวธิ กี ารถ่ายโอน การถ่ายโอนความร้อน
ความร้อน ซึ่งเกิดขน้ึ โดยมีของแขง็ เป็นตวั กลาง วัตถทุ ี่นำความ
รอ้ นไดด้ ี เรียกว่า "ตวั นำความร้อน (Conductor)" เชน่ เงนิ
ทองแดง เหลก็ ส่วนวตั ถุท่ีนำความรอ้ นไดไ้ ม่ดเี ราเรยี กวา่ "ฉนวน
ความรอ้ น (Insulators)" เช่น พลาสตกิ ยาง ไม้
3. สาระการเรยี นรู้ 4. ชิน้ งาน/ภาระงาน
การนำความร้อน - ใบกจิ กรรมการทดลองเรือ่ งการนำความร้อน
- ใบงานตามแนวทาง PISA เรอ่ื ง โลหะทนี่ ำความรอ้ นได้ดที ส่ี ุด
5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 6. เคร่ืองมือการสอนคดิ
- ความสามารถในการคิด - Six thinking hats (white hat, yellow hat)
- ความสามารถในการแกป้ ญั หา
- ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
กจิ กรรมการเรียนรู้
7. ขนั้ ของกิจกรรม 8. สื่อ 9. วธิ ีวัดผล
Do Now (3 นาที) - ใบกจิ กรรมการ - ประเมนิ จากใบ
บอกชอื่ อาหารท่ีตอ้ งใชค้ วามรอ้ นในการปรงุ ให้อาหารสกุ ทดลองเรื่องการ กิจกรรมการ
Purpose (2 นาที) นำความรอ้ น ทดลองเรอื่ งการ
เราจะเรยี นเรื่อง การนำความร้อน เพอื่ ทดลอง อธิบายเก่ยี วกบั การถ่ายโอน - ใบงานตาม นำความร้อน
ความร้อนได้ แนวทาง PISA - ประเมินจากใบ
Work mode (110 นาที) เรอ่ื ง โลหะทน่ี ำ งานตามแนวทาง
1. นักเรียนตอบคำถามดังนี้ (15 นาที) ความร้อนไดด้ ี PISA เรอื่ ง โลหะท่ี
- หมอ้ หรือกระทะทำอาหาร เหตุใดสว่ นมากมักทำมาจากโลหะ (white ท่ีสุด นำความร้อนไดด้ ี
hat) ท่สี ุด
- ประโยชน์ของของความร้อนคืออะไร (yellow hat)
2. นักเรียนศกึ ษาความรเู้ กย่ี วกับการนำความรอ้ นจากอนิ เทอร์เน็ต และครู
อธิบายเพม่ิ เติม (15 นาท)ี
3. นักเรียนร่วมกนั ทำกจิ กรรมการทดลองเรอ่ื ง การนำความรอ้ น ตามใบ
กจิ กรรมการทดลองเร่ืองการนำความรอ้ น (35 นาท)ี (พอเพียง 7 สังคม)
(คิด 4 คิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ) (สมรรถนะ 4)
4. นกั เรียนและครรู ว่ มกนั อภิปรายผลการทดลอง เรอ่ื ง นำความร้อน
(15 นาที)
5. นักเรียนศกึ ษาความรู้และทำใบงานตามแนวทาง PISA เรอื่ งโลหะที่นำ
ความร้อนไดด้ ที ี่สุด (20 นาท)ี
6. นักเรยี นและครูร่วมกันเฉลยใบงาน PISA (10 นาที)
Reflective thinking (5 นาท)ี
- บอก 1 ส่งิ ทไ่ี ดเ้ รยี นรูใ้ นวันน้ี
- แบบทดสอบ/ข้อสอบ 1 ขอ้
แบบทดสอบ/ขอ้ สอบ 1 ขอ้ ท่มี า : https://www.slideshare.net/krupornpana55/a-14136287
ใบงานตามแนวทาง PISA เรอื่ ง โลหะท่ีนาความร้อนได้ดที ีส่ ดุ
ผลการเรียนรขู้ อ้ ที่ 3 ทดลอง อธบิ าย และสรา้ งแบบจำลองเก่ียวกับการถา่ ยโอนความรอ้ น
ใหน้ ักเรียนอ่านขอ้ มูลดงั ตอ่ ไปนแี้ ลว้ ตอบคาถาม
การนาความร้อนคืออะไร
การนาความรอ้ นเป็นหนงึ่ ในวิธกี ารถา่ ยโอนความร้อน ซงึ่ เกดิ ขึน้ โดยมขี องแขง็ เป็นตวั กลาง วตั ถทุ ่นี า
ความรอ้ นไดด้ ี เรียกวา่ "ตวั นาความรอ้ น (Conductor)" เชน่ เงนิ ทองแดง เหล็ก สว่ นวัตถทุ น่ี าความรอ้ นได้
ไมด่ ีเราเรียกว่า "ฉนวนความรอ้ น (Insulators)" เชน่ พลาสติก ยาง ไม้
การนาความร้อนเป็นสมบตั อิ ยา่ งหนึ่งของวสั ดุ วัสดทุ นี่ าความร้อนไดด้ ีจะสามารถส่งผา่ นความร้อน
จากจุดที่มีอณุ หภูมิสูงกวา่ ไปยงั จุดทมี่ ีอุณหภมู ติ า่ กว่าและรบั ความร้อนจากสิ่งแวดลอ้ มได้อย่างรวดเร็ว สว่ น
วสั ดุนาความร้อนท่ีไมด่ จี ะตา้ นการไหลของความร้อน และรบั ความร้อนจากสิง่ แวดล้อมได้ช้า สาหรับหน่วยการ
วดั ค่าการนาความรอ้ นคอื วตั ต์ต่อเมตร-เคลวิน (W/m•K) หรือวตั ต์ตอ่ เมตร•องศาเซลเซียส (W/m-C)
โดยทว่ั ไปตวั นาไฟฟ้าทีด่ อี ย่างทองแดง อะลมู เิ นยี ม ทองคา หรือเงนิ ซึ่งเป็นโลหะ จะเป็นตัวนาความ
ร้อนทีด่ ดี ว้ ย ขณะท่ีฉนวนไฟฟา้ ก็จะเปน็ ฉนวนความรอ้ น ซึ่งนาความรอ้ นได้ไมด่ เี ช่นกนั สงั เกตได้จากแกว้ ทเี่ ป็น
โลหะกับแก้วท่เี ป็นกระเบอ้ื ง หากเราเติมนา้ รอ้ นลงไปในแกว้ โลหะ น้ารอ้ นจะมีโมเลกุลที่รอ้ นและมพี ลงั งาน
จลน์สงู โมเลกุลดังกล่าวจะเคลื่อนทแี่ ละเขา้ ชนกับโมเลกลุ ที่เยน็ และมีพลงั งานจลนต์ า่ กวา่ อย่างแกว้ โลหะ จงึ
เกิดการถา่ ยโอนพลงั งานไดอ้ ย่างรวดเรว็ แต่ความร้อนจากน้ากลับถา่ ยโอนไปยงั แกว้ กระเบือ้ งซง่ึ เปน็ ตัวนา
ความร้อนท่ีไมด่ ไี ดอ้ ย่างชา้ ๆ
โลหะทนี่ าความร้อนไดด้ ีทส่ี ดุ
นอกจากโลหะเงินจะครองแชมปเ์ ป็นตวั นาไฟฟ้าทด่ี ที ี่สดุ แล้ว มันยงั เปน็ โลหะท่นี าความร้อนไดด้ ีท่ีสุด
อกี ด้วย จากคา่ การนาความรอ้ นท่ีสูงถึง 406 W/m•K อยา่ งไรกต็ าม ยังมีวสั ดทุ ีไ่ มใ่ ชโ่ ลหะแต่มคี ่าการนาความ
ร้อนทส่ี งู กว่าเงนิ มาก นั่นคอื เพชร อะตอมของเพชรประกอบดว้ ยธาตุในหมคู่ าร์บอนท่มี โี ครงสรา้ งโมเลกุลเรียง
ตัวกันแบบเรยี บง่าย และสง่ ผลให้มปี ระสิทธภิ าพในการถา่ ยโอนความรอ้ นสงู สว่ นค่าการนาความรอ้ นของ
โลหะหรือวัสดอุ ่นื ๆ มคี า่ ประมาณดังต่อไปน้ี
ทีม่ าของขอ้ มลู : https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/88019/-sciphy-sci-
คาถามที่ 1 :
การนาความร้อนคอื อะไร (1 คะแนน)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
คาถามที่ 2 :
ฉนวนความร้อนคืออะไร (1 คะแนน)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
คาถามท่ี 3 :
จงวงกลมล้อมรอบคาว่า “ใช”่ หรือ “ไมใ่ ช”่ ในแต่ละข้อความ
(2 คะแนน)
ใช่ หรอื ไมใ่ ช่
โลหะเงนิ จะครองแชมป์เป็นตวั นาไฟฟา้ ท่ีดที ่สี ุดแล้ว มันยงั เปน็ โลหะทนี่ าความ ใช่ ไมใ่ ช่
รอ้ นไดด้ ที ่ีสุดอีกดว้ ย
การนาความรอ้ นเกิดข้นึ โดยอาศยั ของเหลวเป็นตัวกลาง ใช่ ไม่ใช่
วัสดุที่ไม่ใช่โลหะแตม่ ีค่าการนาความร้อนทส่ี ูงกวา่ เงินมาก น่ันคือ เพชร ใช่ ไม่ใช่
เกณฑก์ ารให้คะแนน/แนวการตอบ
คำถามท่ี 1 การนาความรอ้ นคอื อะไร (ขอ้ ละ 1 คะแนน)
แนวการตอบคำถาม
การนำความรอ้ นเปน็ หน่ึงในวธิ กี ารถ่ายโอนความรอ้ น ซง่ึ เกิดขนึ้ โดยมีของแขง็
เป็นตัวกลาง วัตถทุ ีน่ ำความร้อนไดด้ ี เรียกวา่ "ตัวนำความร้อน (Conductor)"
เช่น เงนิ ทองแดง เหลก็
คะแนนเตม็ 1 คะแนน ไมม่ คี ะแนน
ตอบสอดคลอ้ งกับแนวคำตอบ ตอบไม่สอดคล้องกบั แนวคำตอบ
/ไม่เขียนข้อความใด ๆ
คำถามที่ 2 ฉนวนความร้อนคอื อะไร (ขอ้ ละ 1 คะแนน)
แนวการตอบคำถาม
วัตถทุ ่นี าความร้อนได้ ไมด่ ีเราเรยี กว่า "ฉนวนความร้อน (Insulators)" เชน่
พลาสตกิ ยาง ไม้
คะแนนเต็ม 1 คะแนน ไมม่ ีคะแนน
ตอบสอดคลอ้ งกับแนวคำตอบ ตอบไม่สอดคล้องกบั แนวคำตอบ
/ไม่เขยี นข้อความใด ๆ
คำถามท่ี 3 จงวงกลมลอ้ มรอบคาว่า “ใช่” หรือ “ไมใ่ ช่” ในแต่ละข้อความ
ข้อ ขอ้ ความ คำตอบ
1. โลหะเงนิ จะครองแชมป์เปน็ ตัวนาไฟฟ้าทด่ี ที สี่ ดุ แล้ว มันยัง ใช่ / ไม่ใช่
เป็นโลหะทนี่ าความรอ้ นไดด้ ที ส่ี ุดอีกด้วย ใช่ / ไมใ่ ช่
2. การนาความร้อนเกิดขึน้ โดยอาศัย ของเหลวเป็นตัวกลาง ใช่ / ไมใ่ ช่
3. สดทุ ่ีไมใ่ ชโ่ ลหะแตม่ คี ่าการนาความรอ้ นทสี่ งู กวา่ เงนิ มาก นน่ั
คอื เพชร
คะแนนเตม็ 3 คะแนน คะแนนเต็ม 2 คะแนน คะแนนเต็ม 0 คะแนน
ตอบถูกทัง้ 5 ขอ้ : ใช่ /ไมใ่ ช่ / ใช่ ตอบถูก 3 ข้อ ตอบถูก 2 - 0 ข้อ
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
5 ดีมาก
3 – 4 ดี
1 – 2 พอใข้
0 ปรบั ปรุง
นักเรยี นได้ระดบั คุณภาพ พอใช้ ข้ึนไปถอื ว่า ผา่ น
ใบกิจกรรมการทดลอง เรอื่ ง การนาความรอ้ น
ชื่อ – สกลุ ............................................................ ชั้น ................. เลขท่ี ................
จดุ ประสงค์
1. ศึกษาการถ่ายโอนความรอ้ นโดยการนาความร้อน และความสามารถในการนาความร้อนของสสารชนิดตา่ ง ๆ
2. สรา้ งแบบจาลองเพอ่ื อธบิ ายการนาความร้อน
ตอนท่ี 1 การถา่ ยโอนความรอ้ นโดยการนาความรอ้ น
วสั ดอุ ุปกรณแ์ ละสารเคมี 2. ดนิ นา้ มันก้อนใหญ่ 1 ก้อน
1. ชุดตะเกยี งแอลกอฮอล์ 1 ชดุ 4. แท่งไม้ยาว 30 เซนตเิ มตร 1 แห่ง
6. นาฬิกาจบั เวลา 1 เดือน
3. ลวดทองแดงยาว 30 เซนติเมตร 1 เสน้
5. ลวดเหล็กยาว 30 เซนตเิ มตร 1 เสน้
วธิ กี ารทดลอง
1. ปน้ั ดินน้ามนั กอ้ นเลก็ ๆ ไปตดิ กบั ลวดทองแดง ลวดเหลก็ และแทง่ ไม้ แทง่ ละ 3 ตาแหน่ง โดยใหแ้ ตล่ ะตาแหน่งมี
ระยะห่างจากปลายแทง่ เทา่ ๆ กนั
2. ใชต้ ะเกียงแอลกอฮอลใ์ หค้ วามรอ้ นที่ปลายข้างหนึ่งของลวดทองแดง ลวดเหลก็ และแท่งไม้ทีม่ ดี ินนา้ มนั ห้มุ อยดู่ งั รูป
จบั เวลาตั้งแตเ่ ริ่มใหค้ วามรอ้ นจนกระทง่ั ดินนา้ มันแตล่ ะกอ้ นหล่นลงมา และบนั ทกึ ผลการทดลอง
สมมตฐิ าน
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
ตวั แปรทเ่ี กยี่ วข้อง
ตวั แปรตน้
..........................................................................................................................................................
ตวั แปรตาม
..........................................................................................................................................................
ตวั แปรควบคุม
..........................................................................................................................................................
บนั ทึกผลการทดลอง เวลาทดี่ นิ นา้ มนั รว่ ง (วินาท)ี
ชนิดของตวั นา ก้อนที่ 1 กอ้ นที่ 1 ก้อนท่ี 1
ลวดทองแดง
แทง่ ไม้
สวดเหลก็
อภิปรายผลการทดลอง
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
คาถามทา้ ยการทดลอง
1. พราะเหตุใดดนิ นา้ มนั จงึ ร่วงลงมาเมื่อเวลาผ่านไป
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
2. ลาดบั การร่วงของดนิ นา้ มนั ทต่ี ดิ อยกู่ ับลวดเหล็ก ลวดทองแดง และแทง่ ไม้ เหมือนกันหรือไม่ เรียงลาดบั จาก
ทางดา้ นใดของเปลวไฟ และเพราะเหตุใด
......................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
3. การร่วงของกอ้ นดินนา้ มนั ท่อี ยหู่ ่างจากเปลวไฟมากทีส่ ุดของตวั นาแตล่ ะชนดิ รว่ งลงมาพรอ้ มกนั หรอื ไม่ หาก
ไมพ่ รอ้ มกัน มกี ารเรยี งลาดับการร่วงอย่างไร และนกั เรียนคิดวา่ เพราะเหตใุ ด
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
4. นักเรยี นคิดว่าในบรรดาตวั นาทั้งสามชนิดท่ใี ชใ้ นการทดลอง ตัวนาชนดิ ใดเปน็ ตวั นาความร้อนที่ดที ี่สดุ
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
ตอนที่ 2 แบบจาลองการถ่ายโอนความรอ้ น โดยการนาความรอ้ น
วัสดุอปุ กรณแ์ ละสารเคมี
วิธกี ารทดลอง
1. สืบค้นข้อมลู การนาความรอ้ นผา่ นของแข็งจากแหลง่ ความร้ตู า่ ง ๆ เชน่ หนังสอื อนิ เทอรเ์ นต็
2. วาดแบบจาลองการนาความร้อนผา่ นของแข็ง โดยแสดงถึงการจดั เรยี งอนภุ าคของของแข็งเมื่อ
ได้รับความร้อน
3. นาเสนอแบบจาลองทสี่ ร้างข้ึน
แบบจาลองการนาความรอ้ นผา่ นของแข็ง
อภปิ รายผลการทดลอง
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 5
ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ อุณหภมู ิและความรอ้ น หน่วยย่อยท่ี 1 m
เรือ่ ง การพาความรอ้ น เวลา 2 ชั่วโมง
วนั ทีท่ ำการสอน ผู้สอน นางสาวกติ ตกิ า อะทะเทพ
1. สาระสำคญั 2. ผลการเรียนรู้
การพาความรอ้ น (Convection) คือ การถ่ายโอน ขอ้ ท่ี 3 ทดลอง อธบิ าย และสรา้ งแบบจำลองเกย่ี วกบั
พลงั งานความร้อนที่เกดิ กบั ตวั กลางทเ่ี ป็นของเหลวหรอื การถา่ ยโอนความร้อน
แก๊สซ่งึ โมเลกุลของตวั กลางมกี ารเคลือ่ นทจี่ ากจุดที่
อุณหภมู สิ งู ไปสู่อณุ หภูมิต่ำกว่า
3. สาระการเรียนรู้ 4. ชิน้ งาน/ภาระงาน
การพาความร้อน - ใบกจิ กรรมการทดลอง เรื่อง การพาความรอ้ น
- ใบงานตามแนวทาง PISA เรอื่ ง เคล็ดลบั การจัดการ
ความรอ้ นภายในอาคาร
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 6. เครื่องมือการสอนคดิ
- ความสามารถในการคิด - Six thinking hats (white hat, yellow hat, green
- ความสามารถในการแกป้ ัญหา hat)
- ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
กิจกรรมการเรยี นรู้
7. ข้ันของกจิ กรรม 8. ส่อื 9. วธิ วี ัดผล
Do Now (3 นาที) - วดิ ีโอ เรอื่ ง การ - ประเมนิ จาก- ใบ
บอกช่อื ยห่ี อ้ บะหม่กี ่ึงสำเรจ็ รูปที่นกั เรยี นชอบ พาความรอ้ นเปน็ กิจกรรมการ
Purpose (2 นาที) อย่างไร ทดลอง เรื่อง การ
เราจะเรยี นเรื่อง การพาความร้อน เพ่ือ ทดลอง อธิบาย และสร้าง พาความร้อน
แบบจำลองเกี่ยวกบั การถา่ ยโอนความร้อนได้ - ประเมนิ จากใบ
Work mode (110 นาที) - ใบกิจกรรมการ เคล็ดลับ การ
1. นักเรยี นดวู ิดโี อ เรื่อง เรื่อง การพาความรอ้ นเปน็ อยา่ งไร (15 นาท)ี ทดลอง เรอ่ื ง การ จดั การความร้อน
2. นักเรียนตอบคำถามดังตอ่ ไปนี้ (10 นาที) พาความรอ้ น ภายในอาคาร
- ใบงานตาม
- การพาความร้อน พลังงานความร้อนจะอาศยั ตวั กลางใดบ้าง (white แนวทาง PISA
hat)
- ขอ้ ดขี องการพาความรอ้ นคอื อะไร (yellow hat) เรอื่ ง เคล็ดลับ
- สามารถนำหลักการพาความรอ้ นไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนได้อยา่ งไรบา้ ง การจัดการความ
(green hat) รอ้ นภายในอาคาร
3. ครูอธิบายเพ่มิ เติม เร่อื ง การพาความรอ้ น (15 นาที)
4. นักเรียนศึกษาความรู้เกี่ยวกบั การพาความร้อน จากอเิ ทอรเ์ นต็
(10 นาท)ี
5. นกั เรียนรว่ มกนั ทำใบกจิ กรรมการทดลอง เร่ือง การพาความรอ้ น พรอ้ ม
อภปิ รายรว่ มกัน (พอเพยี ง 7 สงั คม) (30 นาท)ี (คิด 4 คิดอยา่ งมี
วจิ ารณญาณ)
6. นกั เรียนตวั แทนกลมุ่ นำเสนอผลการทดลองพร้อมอภปิ รายรว่ มกนั (10
นาท)ี (สมรรถนะ 3)
7. นักเรียนศกึ ษาความรู้และทำใบงานตามแนวทาง PISA เร่ือง เคลด็ ลบั
การจดั การความรอ้ นภายในอาคาร (15 นาท)ี
8. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันเฉลยใบงาน PISA (15 นาที)
Reflective thinking (5 นาท)ี
- บอก 1 สง่ิ ที่ได้เรยี นรู้ในวนั นี้
- แบบทดสอบ/ขอ้ สอบ 1 ขอ้
แบบทดสอบ/ขอ้ สอบ 1 ขอ้ ONET (2563)