ภาวะผู้นาดจิ ทิ ลั ของผ้บู ริหารสถานศึกษาทส่ี ่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบตั งิ านของครู
ในโรงเรียนประถมศึกษาสังกดั สานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2
DIGITAL LEADERSHIP OF SCHOOL PRINCIPAL AFFECTING TEACHER
PERFORMANCE EFFECTIVENESS IN ELEMENTARY SCHOOL
UNDER THE OFFICE OF CHAIYAPHUM PRIMARY
EDUCATION SERVICE AREA 2
นางสาวนภสั รัญช์ สุขเสนา
วิทยานพิ นธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต
มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น
พ.ศ. 2564
ภาวะผู้นาดจิ ทิ ัลของผ้บู ริหารสถานศึกษาทส่ี ่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
ในโรงเรียนประถมศึกษาสังกดั สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2
นางสาวนภัสรัญช์ สุขเสนา
วิทยานพิ นธ์นเี้ ป็ นส่วนหนง่ึ ของการศึกษาตามหลกั สูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑติ
สาขาวิชาการบริหารการศึกษา
บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยขอนแก่น
พ.ศ. 2564
DIGITAL LEADERSHIP OF SCHOOL PRINCIPAL AFFECTING TEACHER
PERFORMANCE EFFECTIVENESS IN ELEMENTARY SCHOOL
UNDER THE OFFICE OF CHAIYAPHUM PRIMARY
EDUCATION SERVICE AREA 2
MISS NAPATSARUN SUKSENA
A THESIS SUBMITTED IN PARTIAL FULFILLMENT OF THE
REQUIREMENTS FOR THE DEGREE OF MASTER OF EDUCATION
IN EDUCATIONAL ADMINISTRATION
GRADUATE SCHOOL KHON KAEN UNIVERSITY
2021
ใบรับรองวทิ ยานิพนธ์
มหาวิทยาลยั ขอนแก่น
หลกั สูตร
ศึกษาศาสตรมหาบัณฑติ
สาขาวิชาการบริหารการศึกษา
ช่ือวิทยานพิ นธ์: ภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษาท่ีส่งผลต่อประสิทธิผล
การปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สงั กดั สานกั งานเขต
พ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 2
ช่ือผู้ทาวทิ ยานิพนธ์: นางสาวนภสั รัญช์ สุขเสนา
คณะกรรมการสอบวิทยานพิ นธ์ รศ. ดร. วลั ลภา อารีรัตน์ ประธานกรรมการ
อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์:
ผศ. ดร. ประยทุ ธ ชูสอน กรรมการ
ผศ. ดร. ประกฤติยา ทกั ษโิ ณ กรรมการ
อาจารย์ ดร. ปารยพ์ ชิ ชา กา้ นจกั ร กรรมการ
ผศ. ดร.เสาวนี สิริสุขศิลป์ กรรมการ
…….......……...........……… อาจารยท์ ่ีปรึกษา …………….…………… อาจารยท์ ี่ปรึกษาร่วม
(อาจารย์ ดร. ปารยพ์ ชิ ชา กา้ นจกั ร) (ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.เสาวนี สิริสุขศิลป์ )
................................................................ ................................................................
(ศาสตราจารย์ ดร.สุรศกั ด์ิ วงศร์ ัตนชีวิน) (รองศาสตราจารย์ ดร. สุมาลี ชยั เจริญ)
คณบดีบณั ฑิตวทิ ยาลยั คณบดีคณะศึกษาศาสตร์
ลิขสิทธ์ิของมหาวิทยาลยั ขอนแก่น
นภสั รัญช์ สุขเสนา. 2564. ภาวะผ้นู าดจิ ิทลั ของผ้บู ริหารสถานศึกษาทส่ี ่งผลต่อประสิทธิผล
การปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา
ประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชา
การบริหารการศึกษา บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น
อาจารย์ทปี่ รึกษาวิทยานิพนธ์: อาจารย์ ดร. ปารยพ์ ชิ ชา กา้ นจกั ร, ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.เสาวนี
สิริสุขศิลป์
บทคัดย่อ
การวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์ 1) เพ่ือศึกษาระดบั ภาวะผูน้ าดิจิทลั ของผูบ้ ริหารสถานศึกษา
และระดบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู 2) เพ่ือศึกษาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งภาวะผนู้ าดิจิทลั ของ
ผบู้ ริหารสถานศึกษากบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู 3) เพ่ือศึกษาปัจจยั ภาวะผูน้ าดิจิทลั ของ
ผูบ้ ริหารสถานศึกษาที่ส่งลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครู กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจยั
จานวน 310 คน คือ ผบู้ ริหารสถานศึกษาจานวน 155 คน และครู จานวน 310 คน เคร่ืองมือที่ใชใ้ น
การวจิ ยั เป็นแบบสอบถาม มีค่าสัมประสิทธ์ิความเที่ยง 0.97 โดยทาการวิเคราะหข์ อ้ มูลทางสถิติดว้ ย
โปรแกรมคอมพิวเตอร์สาเร็จรูป เพ่ือหาค่าร้อยละ ค่าเฉล่ีย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธ์ิ
สหสัมพนั ธ์ และสร้างสมการถดถอยเพ่ือพยากรณ์ตวั แปรตามโดยการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบ
ข้นั ตอน
ผลการวิจยั พบวา่
1) ภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริ หารสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา
ประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 โดยรวมอยู่ในระดับ “มาก” ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดได้แก่ ด้านสังคม
จริยธรรมและกฎหมาย และดา้ นท่ีมีคา่ เฉล่ียต่าที่สุด ไดแ้ ก่ ดา้ นสมรรถนะทางเทคโนโลยี
2) ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานักงานเขตพ้ืนที่
การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 โดยรวมอยู่ในระดับ “มาก” ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดได้แก่
ดา้ นการบริหารจดั การช้นั เรียน และดา้ นที่มีคา่ เฉล่ียต่าท่ีสุด ไดแ้ ก่ ดา้ นความพึงพอใจในงาน
3) ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริ หารสถานศึกษากับประสิทธิผล
การปฏิบตั ิงานของครูมีความสมั พนั ธ์ในทางบวก อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.01
4) ภาวะผูน้ าดิจิทลั ของผูบ้ ริหารสถานศึกษาที่เป็ นตวั พยากรณ์ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงาน
ของครูมี 2 ด้าน คือ ด้านสมรรถนะทางเทคโนโลยี (X3) และด้านวิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั (X1)
มีค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์พหุคูณเท่ากับ 0.681 และค่าสัมประสิทธ์ิการทานายหรืออานาจ
พยากรณ์ร้อยละ 46.40 อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ี 0.01 สามารถสร้างสมการพยากรณ์ไดด้ งั น้ี
สมการพยาการณ์ในรูปคะแนนดิบ (Unstandardized Score)
Y = 2.007 + 0.688 (X3) - 0.156 (X1)
สมการพยาการณ์ในรูปคะแนนมาตรฐาน (Standardized Score)
Z(Y) = 0.795 Z(X3) - 0.161 Z(X1)
Napatsarun Suksena. 2021. Digital Leadership of School Principal Affecting Teacher
Performance Effectiveness in Elementary School Under the Office of Chaiyaphum
Primary Education Service Area 2. Master of Education Thesis in Educational
Administration, Graduate School, Khon Kaen University.
Thesis Advisor: Dr. Parnpitcha Kanjug, Asst.Prof.Dr. Saowanee Sirisooksilp
ABSTRACT
The purposes of this study were: 1) Study the digital leadership of school principal and the
teacher performance effectiveness in elementary school under the office of Chaiyaphum primary
education service area 2, 2) Study the relation between digital leadership of school principal and
teacher performance effectiveness in elementary school under the office of Chaiyaphum primary
education service area 2, and 3) Study the digital leadership of school principal affecting teacher
performance effectiveness in elementary school under the office of Chaiyaphum primary education
service area 2. The samples were 155 administrators and 155 teachers. The research instrument was
the Questionnaire. Research instrument was the questionnaire with the reliability coefficient of
0.98. The statistical data was analyzed using ready-to-use computer program to search for
percentage, mean, standard deviation and correlation coefficient. The regression equation was
created for predicting the dependent variables through the method of stepwise multiple regression
analysis.
Research findings found that:
1) Overall image of the digital leadership of school principal indicated a high level of mean
score. When compared to each other, the highest mean was found with the society, ethics, and law
while the lowest one was found the technology performance.
2) Overall image of teacher performance effectiveness indicated a high level of mean score.
When compared to each other, the highest mean was found with the classroom management while
the lowest one was found the job satisfaction.
3) The positive relation between digital leadership of school administrators and the
effectiveness of teacher’s performance was found with statistical significance at the 0.01 level.
4.) The 2 aspects of digital leadership affecting effectiveness of teacher’s performance are
technology performance (x3) and digital learning path (x1) with a statistical significance at 0.01
level. Predictive power of these 2 variables is at 46.40 %. The predictive equation can be
constructed as follows;
The predictive equation in unstandardized score
Y = Y = 2.007 + 0.688 (X3) - 0.156 (X1)
The predictive equation in standardized score
Z(Y) = 0.795 Z(X3) - 0.161 Z(X1)
กติ ตกิ รรมประกาศ
วิทยานิพนธ์ฉบบั น้ีสาเร็จลงดว้ ยดี เพราะไดร้ ับความกรุณาและความอนุเคราะห์อย่างยิ่ง
จากผู้มีพระคุณหลายท่าน โดยเฉพาะอย่างย่ิงอาจารย์ ดร.ปารย์พิชชา ก้านจักร และ ผู้ช่วย
ศาสตราจารย์ ดร.เสาวนี สิริสุขศิลป์ อาจารยท์ ี่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ที่ใหค้ วามช่วยเหลือ ใหค้ าปรึกษา
และคอยช้ีแนะแนวทางในการทาวิทยานิพนธ์ ให้กาลังใจและสนับสนุนการทางานวิจัย
อยา่ งตอ่ เน่ืองดว้ ยความเอาใจใส่จนบรรลุผลสาเร็จ ผวู้ ิจยั ขอบพระคณุ เป็นอยา่ งสูงไว้ ณ โอกาสน้ี
ขอกราบขอบพระคุณรองศาสตราจารย์ ดร. วลั ลภา อารีรัตน์ ประธานกรรมการสอบ ผชู้ ่วย
ศาสตราจารย์ ดร. ประยทุ ธ ชูสอน และผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ประกฤติยา ทกั ษิโณ กรรมการสอบ
วิทยานิพนธ์ที่ไดก้ รุณาตรวจสอบและให้ขอ้ เสนอแนะท่ีเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงวิทยานิพนธ์
ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งข้ึน รวมท้งั กราบขอบพระคุณคณาจารยป์ ระจาสาขาการบริหารการศึกษา
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่นทุกท่านที่ไดป้ ระสิทธ์ิประสาทความรู้และประสบการณ์
ที่มีค่ายง่ิ
ขอกราบขอบพระคุณ รองศาสตราจารย์ ดร.วลั ลภา อารีรัตน์ รองศาสตราจารย์ ดร.กนกอร
สมปราชญ์ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.เมตตา มาเวียง ดร. อุดมสิน คนั ธภูมิ และดร.วิลาสินี ชานาญกลุ
ผูเ้ ชี่ยวชาญที่ให้ความอนุเคราะห์ตรวจสอบเน้ือหา ความถูกตอ้ งและขอ้ เสนอแนะ เพ่ือปรับปรุง
เคร่ืองมือในการทาวิจยั ขอขอบพระคุณผูบ้ ริหารสถานศึกษาและคณะครูสังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่
การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 ที่ให้ความร่วมมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างครบถ้วน
สมบรู ณ์
การทาวิจยั ในคร้ังน้ีสาเร็จลงได้ด้วยดีเพราะได้รับการสนับสนุน ให้ความเขา้ อกเขา้ ใจ
จากผบู้ ริหารโรงเรียนและคณะครูโรงเรียนบา้ นหนองแต้ และจะสาเร็จไม่ไดห้ ากขาดกาลงั ใจสาคญั
จากคุณพ่อเสน่ห์ สุขเสนา คุณแม่เกษร สุขเสนา ซ่ึงเป็ นผูใ้ ห้ทุกสิ่งในชีวิต และขอขอบคุณเพื่อน
นกั ศึกษาปริญญาโท สาขาการบริหารการศึกษา รุ่นท่ี 37 คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น
ท่ีคอยใหค้ าปรึกษา ความห่วงใย และกาลงั ใจในการทาวิทยานิพนธ์ดว้ ยดีเสมอมา
นภสั รัญช์ สุขเสนา
สารบัญ
หน้า
บทคดั ยอ่ ภาษาไทย ก
บทคดั ยอ่ ภาษาองั กฤษ ข
กิตติกรรมประกาศ ค
สารบญั ตาราง ฉ
สารบญั ภาพ ญ
บทที่ 1 บทนา 1
1. ความเป็นมาและความสาคญั ของปัญหา 1
2. คาถามของการวจิ ยั 4
3. วตั ถปุ ระสงคข์ องการวิจยั 5
4. สมมติฐานการวิจยั 5
5. ขอบเขตการวิจยั 5
6. นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ 6
7. ประโยชน์ที่คาดวา่ จะไดร้ ับ 8
บทที่ 2 วรรณกรรมและงานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ ง 10
1. หลกั การ แนวคดิ ทฤษฎีเกี่ยวกบั ภาวะผนู้ า 10
2. หลกั การ แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกบั ภาวะผนู้ าดิจิทลั 28
3. หลกั การ แนวคดิ ทฤษฎีเกี่ยวกบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู 65
4. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษากบั
ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู 94
5. บริบทการจดั การศึกษาของสงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษา
ชยั ภมู ิ เขต 2 95
6. งานวิจยั ที่เก่ียวขอ้ ง 98
7. กรอบแนวคดิ การวิจยั 103
บทท่ี 3 วิธีการดาเนินการวิจยั 104
1. วธิ ีการและข้นั ตอนของการดาเนินการวจิ ยั 104
2. ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง 105
จ
สารบัญ (ต่อ)
หน้า
3. เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการวิจยั 106
4. การเก็บรวบรวมขอ้ มลู 109
5. การวเิ คราะห์ขอ้ มลู 110
6. การแปลผลขอ้ มลู 110
บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล 112
1. ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ทว่ั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม 113
2. ผลการวเิ คราะหร์ ะดบั ภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษา
สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 2 115
3. ผลการวิเคราะหร์ ะดบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 120
4. ผลการวเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธ์ระหวา่ งภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษา
กบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู ในโรงเรียนประถมศึกษา สงั กดั สานกั งาน
เขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 125
5. ผลการวเิ คราะห์ภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษาที่ส่งผลตอ่
ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู ในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งาน
เขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 2 127
บทท่ี 5 สรุปผล อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ 130
1. สรุปผลการวจิ ยั 130
2. อภิปรายผล 133
3. ขอ้ เสนอแนะ 140
บรรณานุกรม 142
ภาคผนวก 160
ภาคผนวก ก รายนามผเู้ ชี่ยวชาญ 161
ภาคผนวก ข หนงั สือราชการ 163
ภาคผนวก ค เคร่ืองมือที่ใชใ้ นการเกบ็ รวมรวมขอ้ มลู 171
ประวตั ิผเู้ ขียน 179
ฉ
สารบญั ตาราง
หน้า
ตารางท่ี 1 แสดงการสังเคราะห์องคป์ ระกอบของภาวะผนู้ าดิจิทลั จากทศั นะและ
ตารางท่ี 2
ตารางที่ 3 ผลงานวิจยั ของนกั วิชาการและสถานบนั ตา่ ง ๆ 50
ตารางท่ี 4
ตารางที่ 5 แสดงการวิเคราะห์องคป์ ระกอบของภาวะผนู้ าดิจิทลั จากทศั นะและ
ตารางที่ 6
ตารางที่ 7 งานวิจยั ของนกั วิชาการต่าง ๆ 52
ตารางที่ 8
ตารางที่ 9 แสดงการวิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบยอ่ ยของภาวะผนู้ าดิจิทลั ดา้ นวถิ ีการเรียนรู้
ตารางท่ี 10
ตารางที่ 11 เชิงดิจิทลั 55
ตารางที่ 12
ตารางท่ี 13 แสดงนิยามเชิงปฏิบตั ิการและพฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั
แตล่ ะองคป์ ระกอบของวิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั 56
แสดงการวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบยอ่ ยของวสิ ยั ทศั น์ผนู้ าทางดิจิทลั 58
แสดงนิยามเชิงปฏิบตั ิการและพฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั
แต่ละองคป์ ระกอบของวิสัยทศั นผ์ ูน้ าทางดิจิทลั 59
แสดงการวิเคราะห์องคป์ ระกอบยอ่ ยของภาวะผนู้ าดิจิทลั ดา้ นสมรรถนะ
ทางเทคโนโลยี 61
แสดงนิยามเชิงปฏิบตั ิการและพฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั
แต่ละองคป์ ระกอบของสมรรถนะทางเทคโนโลยี 62
แสดงการวเิ คราะห์องคป์ ระกอบยอ่ ยของภาวะผนู้ าดิจิทลั ดา้ นสังคม
จริยธรรม และกฎหมาย 64
แสดงนิยามเชิงปฏิบตั ิการและพฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั
แต่ละองคป์ ระกอบของสงั คม จริยธรรม และกฎหมาย 66
แสดงตารางสงั เคราะห์องคป์ ระกอบของประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
จากทศั นะและผลงานวิจยั ของนกั วิชาการและสถานบนั ตา่ ง ๆ 74
แสดงการวิเคราะห์องคป์ ระกอบยอ่ ยของประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู 77
แสดงการวิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบยอ่ ยของประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
ดา้ นการจดั การเรียนการสอน 80
ช
สารบัญตาราง (ต่อ)
หน้า
ตารางท่ี 14 แสดงนิยามเชิงปฏิบตั ิการและพฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั แต่ละ
ตารางที่ 15 องคป์ ระกอบของการจดั การเรียนการสอน 81
ตารางท่ี 16 แสดงการวิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบยอ่ ยของประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
ตารางที่ 17 ดา้ นการบริหารจดั การช้นั เรียน 84
ตารางท่ี 18 แสดงนิยามเชิงปฏิบตั ิการและพฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั แต่ละ
ตารางที่ 19 องคป์ ระกอบของการบริหารจดั การช้นั เรียน 85
ตารางที่ 20 แสดงการวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบยอ่ ยของประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
ตารางท่ี 21 ดา้ นการพฒั นาวิชาชีพ 88
ตารางที่ 22 แสดงนิยามเชิงปฏิบตั ิการและพฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั แต่ละ
ตารางท่ี 23 องคป์ ระกอบของการพฒั นาวชิ าชีพ 89
ตารางที่ 24
ตารางที่ 25 แสดงการวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบยอ่ ยของประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
ตารางที่ 26
ดา้ นความพึงพอใจในงาน 91
แสดงนิยามเชิงปฏิบตั ิการและพฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั แต่ละ
องคป์ ระกอบของความพึงพอใจในงาน 92
แสดงการวิเคราะห์องคป์ ระกอบยอ่ ยของประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
ดา้ นคณุ ภาพผเู้ รียน 93
แสดงนิยามเชิงปฏิบตั ิการและพฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั แตล่ ะ
องคป์ ระกอบของคุณภาพผเู้ รียน 94
แสดงจานวนประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง 105
โครงสร้างของแบบสอบถาม (Test Blueprint) 107
ผลการวเิ คราะห์ค่าความเชื่อมน่ั (Reliability) ของแบบสอบถามวจิ ยั 109
แสดงจานวนและร้อยละขอ้ มูลทว่ั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ผบู้ ริหาร
และครูในโรงเรียนประถมศึกษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษา
ประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 114
ซ
สารบัญตาราง (ต่อ)
หน้า
ตารางที่ 27 แสดงผลการวิเคราะห์ระดบั ภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษา
ตารางที่ 28
ตารางท่ี 29 ในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา
ตารางที่ 30
ตารางท่ี 31 ประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 2 115
ตารางท่ี 32
ตารางที่ 33 คา่ เฉล่ียและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหาร
ตารางที่ 34
สถานศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษา
ประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 2 ดา้ นวถิ ีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั 116
ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหาร
สถานศึกษาโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษา
ประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 2 ดา้ นวิสัยทศั นผ์ นู้ าทางดิจิทลั 117
ค่าเฉลี่ยและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหาร
สถานศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา
ประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 ดา้ นสมรรถนะทางเทคโนโลยี 118
คา่ เฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหาร
สถานศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษา
ประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 2 ดา้ นสังคม จริยธรรม และกฎหมาย 119
ค่าเฉล่ียและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
ในโรงเรียนประถมศึกษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษา
ชยั ภมู ิเขต 2โดยภาพรวม 120
ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
ในโรงเรียนประถมศึกษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษา
ชยั ภมู ิเขต 2 ดา้ นการจดั การเรียนการสอน 121
คา่ เฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
ในโรงเรียนประถมศึกษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา
ชยั ภูมิเขต 2 ดา้ นการบริหารจดั การช้นั เรียน 122
ฌ
สารบัญตาราง (ต่อ)
หน้า
ตารางท่ี 35 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
ตารางท่ี 36
ตารางที่ 37 ในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา
ตารางที่ 38
ตารางที่ 39 ชยั ภูมิเขต 2 ดา้ นการการพฒั นาวิชาชีพ 123
ตารางท่ี 40
คา่ เฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
ตารางที่ 41
ในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษา
ชยั ภูมิเขต 2 ดา้ นความพึงพอใจในงาน 124
คา่ เฉล่ียและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
ในโรงเรียนประถมศึกษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษา
ชยั ภมู ิเขต 2 ดา้ นคุณภาพผเู้ รียน 125
ค่าสัมประสิทธ์ิสหสมั พนั ธ์ระหวา่ งภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษา
กบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สงั กดั
สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 2 126
ผลการวเิ คราะห์คา่ ความแปรปรวนของสมการถดถอยโดยใชส้ ถิติ
ANOVA ของภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษาท่ีส่งผลตอ่
ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ท่ี
การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 127
แสดงคา่ สมั ประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์พหุคูณ ค่าสัมประสิทธ์ิการถดถอย
ค่าสมั ประสิทธ์ิการถดถอยท่ีเปลี่ยนไปจากเดิม เม่ือเพ่ิมตวั แปรอิสระ
ทีละตวั ของภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อ
ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา
สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 2 128
ผลการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบข้นั ตอน (Stepwise Multiple
Regression Analysis) เก่ียวกบั ภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษา
ท่ีส่งผลตอ่ ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา
สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 2 129
สารบญั ภาพ ญ
ภาพประกอบ 1 แสดงองคป์ ระกอบภาวะผนู้ าดิจิทลั หน้า
ภาพประกอบ 2 แสดงกรอบแนวคดิ การวิจยั 53
103
1
บทท่ี 1
บทนา
1. ความเป็ นมาและความสาคญั ของปัญหา
การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้านวิทยาการของโลกมีการเปล่ียนแปลงหลาย ๆ ดา้ นท้งั
ทางดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม การเมือง สิ่งแวดลอ้ ม เทคโนโลยี และการส่ือสาร ซ่ึงเป็นปัจจยั สาคญั ที่ทา
ให้โลกไร้พรมแดน พลโลกมีการติดต่อสัมพนั ธ์กันได้อย่างรวดเร็ว การส่งผ่านข้อมูลข่าวสาร
และองคค์ วามรู้ต่าง ๆ ท่ีมีอยู่ในสังคมไม่ว่าจะเป็ นขอ้ ความ รูปภาพ เสียง หรือคลิปวีดีโอ เพียงใช้
ปลายนิ้วสัมผสั ก็ทาให้ทุกคนสามารถเขา้ ถึงแหล่งขอ้ มูลได้อย่างรวดเร็วทุกที่ ทุกเวลา เป็ นโลก
ที่อินเทอร์เน็ตเป็ นทุกสรรพส่ิง (Internet of Things) อนั เนื่องมาจากเทคโนโลยีสามารถเชื่อมต่อ
อุปกรณ์ต่าง ๆ ทาใหเ้ ขา้ ถึงข่าวสารที่มีจานวนมหาศาล ผา่ นการวิเคราะห์ ประมวลผลอยา่ งรวดเร็ว
มีความสะดวกในการใชง้ าน (สุกญั ญา แช่มชอ้ ย, 2558) เทคโนโลยดี ิจิทลั ไม่เพยี งแต่เขา้ มามีบทบาท
สาคัญในการดาเนินชีวิตประจาวันของคนเท่าน้ัน แต่ยงั เข้ามามีอิทธิพลต่อระบบการศึกษา
ของประเทศไทย ซ่ึงถือเป็นกลไกสาคญั ในการพฒั นาทรัพยากรมนุษยแ์ ละพฒั นาประเทศให้พร้อม
เขา้ สู่ยคุ ประเทศไทยแลนด์ 4.0 ท่ีมีความมน่ั คง มงั่ คงั่ และยงั่ ยนื ในระยะยาวตามนยั ของรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช 2560 กรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2574)
ไดก้ ล่าวถึงการนาเทคโนโลยีดิจิทลั มาใช้เป็ นเคร่ืองมือสาคญั ในการพฒั นาระบบเศรษฐกิจที่ต้งั อยู่
บนพ้ืนฐานของการใชน้ วตั กรรม การปฏิรูป กระบวนการทางธุรกิจ การผลิต การคา้ และการบริหาร
การปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารราชการและการยกระดบั คุณภาพชีวิตของประชาชน (ฟาฎินา
วงศเ์ ลขา, 2558)
จากความเปลี่ยนแปลงท้งั ภายในและภายนอกประเทศ การจะต้งั รับการเปล่ียนแปลงน้นั ได้
อยา่ งสมบูรณ์จะตอ้ งใหค้ วามสาคญั กบั การพฒั นามนุษย์ พฒั นานกั เรียน เยาวชน ใหพ้ ร้อมต่อ การ
เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง แ ล ะ ส า ม า ร ถ ด า ร ง อ ยู่ ใ น ยุ ค ส มัย ข อ ง ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง น้ ี ไ ด้ อ ย่ า ง ย ่ัง ยื น ถ า ว ร
(กระทรวงศึกษาธิการ, 2556) โดยการปฏิรูปการศึกษาในศตววรรษที่ 21 มงุ่ เนน้ ใหค้ นไทยมีโอกาส
ไดเ้ รียนรู้ตลอดชีวิตอยา่ งมีคุณภาพ ผลการปฏิรูปแต่ละคร้ังสะทอ้ นให้เห็นแนวทางและบทเรียนที่มี
ความสาคัญและน่าสนใจเกิดข้ึน การปฏิรูปการเรียนรู้จะต้องปฏิรูปคนและบุคลากรท่ีสาคัญ
ทางการศึกษา ซ่ึงหมายถึงผบู้ ริหารการศึกษา ผบู้ ริหารสถานศึกษา บุคลากรครู และนกั เรียน (ภาวิช
ทองโรจน์, 2561) ซ่ึงหวั ใจสาคญั ของการปฏิรูปการศึกษา คือ ครู เป็นตวั จกั รสาคญั ในการสร้างคน
รุ่นใหม่ ครูตอ้ งศึกษาวิเคราะห์มาตรฐานและตวั ช้ีวดั ของหลกั สูตร มีวิธีการหลากหลายในการวดั
2
และประเมินผล เลือกใช้วสั ดุ อุปกรณ์ เทคนิค วิธีการที่เหมาะสม ออกแบบการจดั การเรียนรู้
เลือกใชว้ ิธีสอนและเทคนิคการสอนที่เหมาะสม จดั สิ่งอานวยความสะดวกในการเรียนการสอน
ทางด้านกายภาพให้มีบรรยากาศเหมาะสมกับการเรี ยนรู้ เพ่ือให้การจัดการเรี ยนรู้ดาเนิน
ไปอยา่ งราบร่ืนบรรลตุ ามวตั ถุประสงคท์ ่ีวางไว้ (ชนินนั ท์ คลา้ ยมณี, 2560)
ประสิทธิผลการจดั การเรียนรู้ของครูจะมีมากนอ้ ยเพียงใดจะตอ้ งมีปัจจยั เกี่ยวขอ้ ง ส่งเสริม
สนับสนุ นให้ประสิ ทธิ ผลอยู่ในระดับที่สามารถตอบสนองต่อจุดประสงค์หรื อความต้องการ
และสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับผูท้ ี่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนได้ (เอกชัย อุทรักษ์ และ
ถนอมวรรณ ประเสริฐเจริญสุข, 2561) และแนวคิดของสานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน (2547) ท่ีไดอ้ ธิบายไวว้ ่า การจดั การศึกษาแก่เด็กใน
ระบบสถานศึกษาให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ผบู้ ริหารสถานศึกษาควรมีบทบาทคือส่งเสริมให้ผสู้ อน
และผูป้ ฏิบตั ิงานกบั เด็กพฒั นาตนเองมีความรู้ความก้าวหน้าอยู่เสมอ รวมท้งั สนับสนุน การจัด
สภาพแวดลอ้ ม ตลอดจนสื่อ วสั ดุ อุปกรณ์ท่ีเอ้ืออานวยต่อการเรียนรู้ ดงั น้นั ปัจจยั ท่ีมีอิทธิพลต่อ
ประสิทธิผลการจัดการเรียนการสอนของครู จึงมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสภาพลักษณะ
ของโรงเรียน ผบู้ ริหารโรงเรียน ครูและบุคลากรที่ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีในการสอน โดยการวดั ประสิทธิภาพ
และประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูน้ัน สานักงานคณะกรรมการขา้ ราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษา หรือ ก.ค.ศ. กาหนดหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการประเมินผลการปฏิบตั ิงานของขา้ ราชการ
ครูและบุคลากรทางการศึกษา ประกอบดว้ ย 1) ดา้ นการจดั การเรียนการสอน 2) ดา้ นการบริหาร
จัดการช้ันเรียน 3) ด้านการพฒั นาตนเองและพฒั นาวิชาชีพ และ 4) งานอ่ืนที่ได้รับมอบหมาย
(สานกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา, 2562)
ผูบ้ ริหารสถานศึกษาจะต้องเป็ นผูน้ ายุคท่ีมีทักษะการบริหารงาน เป็ นผูน้ าทีม มีความรู้
ความสามารถและมีความเป็ นมืออาชีพ สามารถบริหารงานให้เกิดประสิทธิผลท่ัวท้ังองค์กร
มุ่งพฒั นาขีดความสามารถของบุคลากรให้สามารถปฏิบตั ิงานให้บรรลุเป้าหมายร่วมกนั ไดอ้ ยา่ งมี
ประสิทธิภาพ ปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั การเรียนรู้ใหเ้ ท่าทนั ยุคสมยั ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะทกั ษะดา้ น
เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารท่ีเขา้ มามีบทบาทอย่างมากในวงการศึกษาท้งั ในปัจจุบนั และ
อนาคต เพื่อใหส้ ามารถช้ีแนะและส่งเสริมใหค้ รูและนกั เรียนเรียนรู้ไดด้ ว้ ยตนเอง มีสมรรถนะและ
ความสามารถพ้ืนฐานด้านดิจิทัลท่ีจาเป็ นสาหรับการจัดการศึกษา ในด้านการดาเนินงาน
ดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศเพือ่ การศึกษาที่ผา่ นมาของกระทรวงศึกษาธิการ พบวา่ การนาเทคโนโลยี
สารสนเทศและการส่ือสารมาใช้ในการบริหารจัดการศึกษายงั ไม่ประสบผลสาเร็จเท่าที่ควร
เนื่องจากผบู้ ริหารไม่มีความรู้ดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร โดยการใชเ้ ทคโนโลยนี ้นั
ถือเป็ นส่วนหน่ึงของการทางานทุกระดับ ผูบ้ ริหารทุกระดับจึงต้องเผชิญกับสภาวการณ์ของ
3
การทางานในส่ิงแวดลอ้ มท่ีใชเ้ ทคโนโลยมี ากข้นึ แบบแผนการทางานของผบู้ ริหารจึงเปลี่ยนไปดว้ ย
เทคโนโลยีท่ีสามารถรวบรวมขอ้ มูล เก็บขอ้ มูล นาเสนอขอ้ มูลและเผยแพร่ขอ้ มูลอย่างรวดเร็ว
ผลกั ดันให้ผูบ้ ริหารต้องมีการตดั สินใจที่รวดเร็วข้ึน มีการปรับตวั ให้ทนั เพ่ือการเรียนรู้ส่ิงใหม่
ตลอดเวลา รวมท้งั แบบแผน วิธีการ และกระบวนทศั น์ (Approach and Paradigm) ในการทางาน
ที่เปล่ียนไปเป็ นสิ่งที่ผูบ้ ริหารจาเป็ นต้องมีความรู้ ทกั ษะ และวิสัยทศั น์เพ่ือท่ีจะสามารถทางาน
ในสังคมยคุ ดิจิทลั ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ (คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั , 2553)
ผูน้ าท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีท่ีเกิดข้ึนอย่างรวดเร็วในปัจจุบนั ผูน้ าจึง
จาเป็นตอ้ งมีภาวะผนู้ าดิจิทลั สามารถนาพาองคก์ รให้ดารงอยแู่ ละแขง่ ขนั กบั องคก์ ารอ่ืน ๆ ไดอ้ ย่าง
มีประสิทธิภาพ วิธีการหน่ึงท่ีจะกาหนดความเป็ นผูน้ าแบบดิจิทลั คือ ตอ้ งดูแนวคิดของความเป็น
ผูน้ ายุคโลกาภิวตั น์ เน้นถึงความสาคญั ของอิทธิพลทางสังคม ความเป็ นผูน้ าแบบดิจิทลั สามารถ
กาหนดทิศทางการมีอิทธิพลต่อผูอ้ ื่นและการเปล่ียนแปลงอย่างยงั่ ยืน ผ่านการเขา้ ถึงขอ้ มูลและ
การสร้างความสัมพนั ธ์เพื่อคาดการณ์เปลี่ยนแปลงที่สาคญั ต่อความสาเร็จของโรงเรียนในอนาคต
ซ่ึงองค์ประกอบหลักท่ีสาคัญของภาวะผูน้ าดิจิทัล ประกอบด้วย 1) วิสัยทัศน์ผูน้ าแบบดิจิทลั
2) กาพัฒนาวิชาชีพของผูบ้ ริหารและบุคลากร 3) สมรรถนะและความสามารถทางดิจิทลั ของ
ผูบ้ ริหาร 4) การสร้างเครือข่ายดิจิทลั เพื่อการเรียนรู้ และ 5) จริยธรรมองค์การและสังคมดิจิทัล
ซ่ึงความมีภาวะผูน้ าทางการศึกษาน้ีเป็ นความสามารถ พฤติกรรมหรือกระบวนการท่ีส่งผลต่อ
ครูผูส้ อน ผูเ้ รียน บุคคลอื่นให้มีส่วนร่วมในการพฒั นาการศึกษา เกิดการเปลี่ยนแปลงองค์การ
นาไปสู่การบรรลุเป้าหมายทางการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล (กนกอร
สมปราชญ,์ 2562) และมีการศึกษาภาวะผนู้ าสาหรับนกั บริหาร พบวา่ ภาวะผนู้ าสาหรับนกั บริหาร
ในปัจจุบัน เป็ นการบริหารภายใต้การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปัจจัยสาคัญท่ีจะส่งผลต่อ
ความสาเร็จขององคก์ ารไดค้ ือ นกั บริหารการศึกษาตอ้ งมีความรู้ ความสามารถตามแบบภาวะผู้นา
เข้าใจเกี่ ยวกับบริ บทของเทคโนโลยีท่ี เข้ามาเปลี่ ยนแปลงสังคมของโลกและในยุคปั จจุ บัน
แบบภาวะผูน้ าท่ีก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลง คือ ภาวะผูน้ ายุคดิจิทัล (ชีวิน อ่อนละออ, สุชาติ
บางวิเศษ, กานนท์ แสนเภา และสวิตา อ่อนละออ, 2563) และจากการศึกษาภาวะผนู้ าของผบู้ ริหาร
สถานศึกษาท่ีส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู พบวา่ มีค่าสมั ประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์พหุคูณ
ระหว่างภาวะผูน้ าของผูบ้ ริหารสถานศึกษากบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูเท่ากับ 0.838
(อมรา พิมพส์ วสั ด,์ 2562)
ท้งั น้ีโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2
มีท้งั สิ้น 262 โรงเรียน (สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน, 2562) จากผลรายงานผล
การวิเคราะห์ขอ้ มูลการทดสอบระดบั ชาติ (O-NET) ปี การศึกษา 2562 ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 6 พบวา่
4
โรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 มีคะแนนเฉลี่ย
ต่ากว่าค่าเฉล่ียระดบั ประเทศท้งั 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้ (สถาบนั ทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ
(องค์การมหาชน), 2562) จึงสะทอ้ นให้เห็นถึงประสิทธิผลในการจดั การเรียนรู้และการบริหาร
จดั การศึกษาของครูและผบู้ ริหารสถานศึกษา อีกท้งั นกั เรียนและครูในโรงเรียนประถมศึกษายงั ขาด
ความรู้ ไม่มีประสบการณ์ทางด้านเทคโนโลยี ขาดแคลนบุคลากรท่ีมีความรู้ อุปกรณ์เครื่องมือ
ล้าสมัย ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน ระบบสารสนเทศไม่มีความหลากหลาย ไม่เป็ น
มาตรฐาน ทาใหม้ ีปัญหาในการเก็บขอ้ มูล การประมวลผล (สานิต ตอ่ อานาจ, 2563) และจากรายงาน
ผลการดาเนินงานในปี งบประมาณ พ.ศ.2562 โดยกลุ่มงานติดตามประเมินผล กลุ่มนโยบายและ
แผน ระบุปัญหาและอุปสรรคของการนาระบบสานักงานอัตโนมัติ (Smart Office) มาใช้ใน
การบริหารจดั การดา้ นงานสารบรรณสาหรับสางานเขตพ้ืนที่และสถานศึกษาที่พบว่า บุคลากร
ทางการศึกษาภายในสังกดั ไม่เขา้ ใจระบบ ทาให้งานล่าช้าและบางคร้ังเกิดปัญหาในการใช้งาน
(สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2, 2562)
จากปัญหาและความสาคญั ดังกล่าว ผูว้ ิจยั จึงมีความสนใจที่จะศึกษาภาวะผูน้ าดิจิทลั ของ
ผบู้ ริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 เพื่อให้ทราบระดับประสิทธิผล
การปฏิบัติงานของครู และภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาส่งผลต่อประสิทธิผล
การปฏิบตั ิงานของครูอยูใ่ นระดบั ใด ซ่ึงผลการวิจยั สามารถนาไปพฒั นาการบริหารการศึกษาให้มี
ประสิทธิภาพและประสิทธิผลท่ีเกิดข้ึนกบั ครู ผเู้ รียน ชุมชน และหน่วยงานท่ีเก่ียวขอ้ งอยา่ งต่อเน่ือง
และยงั่ ยนื สืบไป
2. คาถามของการวจิ ยั
1. ภาวะผูน้ าดิจิทลั ของผูบ้ ริหารสถานศึกษาและประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูใน
โรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 2 อยใู่ นระดบั ใด
2. ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผูน้ าดิจิทัลของผูบ้ ริหารสถานศึกษากับประสิทธิผล
การปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา
ชยั ภูมิ เขต 2 มีความสัมพนั ธ์กนั หรือไม่ อยา่ งไร
3. ภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริ หารสถานศึกษาด้านใดบ้างท่ีส่งผลต่อ ประสิทธิผล
การปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา
ชยั ภมู ิ เขต 2
5
3. วัตถปุ ระสงค์ของการวจิ ยั
1. เพ่ือศึกษาระดับภาวะผูน้ าดิจิทัลของผูบ้ ริหารสถานศึกษาและระดับประสิทธิผล
การปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา
ชยั ภมู ิ เขต 2
2. เพ่ือศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริ หารสถานศึกษากับ
ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา
ประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 2
3. เพ่ือศึกษาปัจจัยภาวะผูน้ าดิจิทัลของผูบ้ ริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผล
การปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา
ชยั ภูมิ เขต 2
4. สมมตฐิ านการวจิ ัย
1. ภาวะผูน้ าดิจิทัลของผูบ้ ริหารสถานศึกษาอย่างน้อย 1 ด้าน ที่ส่งผลต่อประสิทธิผล
การปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา
ชยั ภูมิ เขต 2
5. ขอบเขตการวิจัย
การศึกษาคร้ังน้ี ผศู้ ึกษาไดก้ าหนดขอบเขตในการดาเนินการศึกษา ดงั น้ี
5.1 ขอบเขตดา้ นประชากร/กลมุ่ ตวั อยา่ งวิจยั
5.1.1 ประชากรท่ีใชใ้ นการวิจยั คร้ังน้ี ไดแ้ ก่ ผบู้ ริหารสถานศึกษาและครูในโรงเรียน
ประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 ปี การศึกษา 2563
จานวน 262 โรงเรียน
5.2 ขอบเขตดา้ นตวั แปร
5.2.1 ตวั แปรตน้ คือ ภาวะผูน้ าดิจิทลั ซ่ึงไดจ้ ากการสังเคราะห์จากแนวคิด เอกสาร
ทางวิชาการและงานวจิ ยั ไดอ้ งคป์ ระกอบ 4 ดา้ น คือ 1) วิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั 2) วิสัยทศั น์ผนู้ าทาง
ดิจิทลั 3) สมรรถนะทางเทคโนโลยี และ 4) สงั คม จริยธรรมและกฎหมาย
5.2.2 ตวั แปรตาม คอื ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู ซ่ึงไดจ้ ากการสงั เคราะห์จาก
แนวคิด เอกสารทางวิชาการและงานวิจยั ไดอ้ งคป์ ระกอบ 5 ดา้ น ประกอบดว้ ย 1) การจดั การเรียน
การสอน 2) การบริหารจัดการช้ันเรียน 3) การพัฒนาวิชาชีพ 4) ความพึงพอใจในงาน และ
5) คุณภาพผเู้ รียน
6
5.3 ขอบเขตดา้ นเวลา
พฤศจิกายน 2563 – เมษายน 2564
5.4 ขอบเขตดา้ นสถานที่
สถานที่ทาการศึกษาวิจยั คือ โรงเรียนประถมศึกษาในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ี
การศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 2 ปี การศึกษา 2563
6. นยิ ามศัพท์เฉพาะ
การวิจัยน้ีเพ่ือให้เกิดความเข้าใจความหมายและนิยามศัพท์ที่ตรงกัน ผูว้ ิจัยได้กาหนด
ความหมายของคาศพั ท์ ดงั ตอ่ ไปน้ี
6.1 ภาวะผูน้ าดิจิทลั หมายถึง พฤติกรรมของผูบ้ ริหารสถานศึกษาที่แสดงออกถึงการมี
วิสัยทศั น์ในการใชเ้ ทคโนโลยีเพ่ือส่งเสริมการจดั การเรียนรู้ สนับสนุนบุคลากรให้นาเทคโนโลยี
มาบูรณาการใช้ในการจัดการศึกษาและการบริหารจัดการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด กาหนด
นโยบายเพ่ือความปลอดภยั ในการใชข้ อ้ มูลดิจิทลั และเทคโนโลยี ซ่ึงมีองคป์ ระกอบ 4 ดา้ น โดยวดั
จากแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดบั ตามระดบั การปฏิบตั ิของผูบ้ ริหารสถานศึกษา
และครู
6.1.1 วิถีเรียนรู้เชิงดิจิทัล หมายถึง พฤติกรรมท่ีผูบ้ ริหารให้การสนับสนุนส่ือ
เทคโนโลยีแก่ครูในการจดั การเรียนการสอน สนับสนุนการเรียนรู้ของผูเ้ รียน มีการจดั แวดลอ้ ม
ท่ีเอ้ือตอ่ การเรียนรู้ของผูเ้ รียน มีการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ดว้ ยเทคโนโลยี
6.1.2 วิสยั ทศั นผ์ นู้ าทางดิจิทลั หมายถึง พฤติกรรมที่ผบู้ ริหารและครูร่วมกนั กาหนด
วิสัยทศั น์ เป้าหมายความสาเร็จดา้ นเทคโนโลยี การมีส่วนร่วมในการวางเเผนดา้ นเทคโนโลยีของ
สถานศึกษา สนับสนุนบุคลากรใช้เทคโนโลยีเพ่ือการปฏิบัติงาน เผยแพร่วิสัยทัศน์โดยใช้
เทคโนโลยสี ารสนเทศ
6.1.3 สมรรถนะทางเทคโนโลยี หมายถึง ความสามารถในการนาเทคโนโลยี
สมยั ใหม่มาใช้ในการบริหารจดั การในสถานศึกษา สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือ
การปฏิบัติงานของบุคลากร กากับติดตามการใช้เทคโนโลยีในการดาเนินงานต่าง ๆ มี
การประเมินผลการใชเ้ ทคโนโลยขี องสถานศึกษา
6.1.4 สังคม จริยธรรมและกฎหมาย หมายถึง พฤติกรรมการเผยแพร่ข้อมูล
สารสนเทศท่ีผ่านการตรวจสอบความถูกต้องแล้ว หลีกเลี่ยงการใช้เทคโนโลยีในการละเมิด
ทรัพย์สินทางปัญญาหรือลิขสิทธ์ิด้วยการคัดลอกผลงานผูอ้ ื่น คานึงถึงความเป็ นส่วนตัวและ
ความปลอดภยั ของขอ้ มลู สารสนเทศ
7
6.2 ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู หมายถึง ความสาเร็จหรือผลลพั ธท์ ่ีบรรลุเป้าหมาย
ที่ต้งั ไว้ ซ่ึงเกิดจากการปฏิบตั ิงานของครูในดา้ นการจดั การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ทาให้เกิด
ประสิทธิผล รวมท้งั การพฒั นาตนด้วยการศึกษาคน้ ควา้ หาความรู้เพื่อพฒั นาตนเองและวิชาชีพ
มีความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน ส่งผลต่อความสาเร็จของสถานศึกษาและผู้เรี ยน ซ่ึงมี
องคป์ ระกอบ 5 ดา้ น โดยวดั จากแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณคา่ 5 ระดบั ตามระดบั การปฏิบตั ิ
ของผบู้ ริหารสถานศึกษาและครู
6.2.1 การจดั การเรียนการสอน หมายถึง พฤติกรรมการสร้างและพฒั นาหลกั สูตร
สาหรับการจดั การเรียนรู้ให้แก่ผูเ้ รียน สร้างและพฒั นาส่ือนวตั กรรมเทคโนโลยีทางการศึกษา
มีการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ จดั การเรียนรู้ด้วยวิธีการรูปแบบที่หลากหลายและเหมาะสม
ผเู้ รียนเรียนรู้ดว้ ยวธิ ีการปฏิบตั ิโดยยดึ หลกั การเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั
6.2.2 การบริหารจดั การช้นั เรียน หมายถึง พฤติกรรมการเสริมสร้างบรรยากาศ
การเรียนรู้และสภาพแวดลอ้ มของห้องเรียนที่เอ้ือต่อการเรียนรู้ของผูเ้ รียน อานวยความสะดวก
ให้ผูเ้ รียนเกิดองค์ความรู้ด้วยตัวเอง มีกฎเกณฑ์ กติกาเพ่ือกากับดูแลช้ันเรียน พร้อมส่งเสริม
พฤติกรรมการมีวนิ ยั เชิงบวกในช้นั เรียน
6.2.3 การพฒั นาวิชาชีพ หมายถึง พฤติกรรมการศึกษาคน้ ควา้ องค์ความรู้ใหม่ ๆ
ทางวชิ าการและวชิ าชีพ เพมิ่ พนู ความรู้ทกั ษะดา้ นการจดั การเรียนการสอน มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ร่วมกนั กบั เครือข่ายวิชาการ นาความรู้ ความสามารถ ทกั ษะ ท่ีไดจ้ ากการพฒั นาวิชาชีพมาพฒั นา
การจดั การเรียนรู้ท่ีส่งผลตอ่ คุณภาพผเู้ รียน
6.2.4 ความพึงพอใจในงาน หมายถึง ความรู้สึกเชิงบวกของบุคคลที่มีต่อ
กระบวนการทางานของสถานศึกษา มีปฏิสัมพนั ธ์ท่ีดีกับผูบ้ ริหารและเพ่ือนร่วมงาน เม่ืองาน
ประสบผลสาเร็จไดร้ ับผลประโยชนเ์ ป็นคา่ ตอบแทน ความกา้ วหนา้ ในวชิ าชีพ
6.2.5 คุณภาพผเู้ รียน หมายถึง ผลการเรียนรู้ของผเู้ รียนที่มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
เป็ นไปตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนด สุขภาพกายและจิตใจท่ีดี มีสมรรถนะท่ีสาคัญ และ
คุณลกั ษณะที่พึงประสงคต์ ามเป้าหมายของหลกั สูตร
6.3 ครู หมายถึง บุคลากรผูท้ าหน้าท่ีปฏิบตั ิการสอนในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัด
สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 2
6.4 ผูบ้ ริหารสถานศึกษา หมายถึง ผูอ้ านวยการสถานศึกษา รองผูอ้ านวยการสถานศึกษา
หรือผูร้ ักษาการในตาแหน่งท่ีทาหน้าท่ีบริหารงานในโรงเรียนประถมศึกษาสังกดั สานักงานเขต
พ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2
8
6.5 โรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2
หมายถึง สถานศึกษาท่ีเปิ ดสอนระดับประถมศึกษา ตามเกณฑ์ของสานักงานคณะกรรมการ
การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 2
6.6 ขนาดสถานศึกษา หมายถึง ขนาดสถานศึกษาตามจานวนนักเรียน ตามเกณฑ์ของ
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน แบ่งเป็ น 4 ขนาด คือ ขนาดเล็ก ขนาดกลาง
ขนาดใหญ่ และขนาดใหญ่พิเศษ ดงั น้ี ขนาดเล็ก มีจานวนนักเรียนนอ้ ยกว่า 359 คน, ขนาดกลาง
มีจานวนนักเรียนต้งั แต่ 360-1,079 คน, ขนาดใหญ่ มีจานวนนกั เรียนต้งั แต่ 1,080-1,679 คน และ
ขนาดใหญพ่ เิ ศษ มีจานวนนกั เรียนต้งั แต่ 1,680 คนข้นึ ไป
7. ประโยชน์ที่จะได้รับ
ผลการวิจัยคร้ังน้ีได้ภาวะผูน้ าดิจิทัลของผูบ้ ริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผล
การปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา
ชยั ภมู ิ เขต 2 ซ่ึงจะนาไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชนด์ งั น้ี
7.1 สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาหรือหน่วยงานต้นสังกัดท่ีเก่ียวข้องกับการพฒั นา
บุคลากรได้สารสนเทศเก่ียวกับการพฒั นาภาวะผูน้ าดิจิทลั ซ่ึงสามารถนาไปใช้ในการวางแผน
กาหนดนโยบายในการส่งเสริม และพฒั นาบุคลากรทางการศึกษาในสงั กดั
7.2 ศึกษานิเทศกใ์ ชส้ ารสนเทศเพื่อวางแผนการพฒั นาครูใหส้ อดคลอ้ งกบั ยุคเทคโนโลยี
ดิจิทลั เพ่ือให้ครูสามารถพฒั นาคุณภาพผูเ้ รียนให้สามารถสร้างองค์ความรู้และแสวงหาความรู้
ดว้ ยตนเอง
7.3 โรงเรียนใช้เป็ นสารสนเทศในการจดั ฝึ กอบรมผูบ้ ริหารและครูเก่ียวกับการพฒั นา
ภาวะผูน้ าดิจิทลั ให้เป็ นบุคคลแห่งการเรียนรู้ พฒั นาการบริหารงานและพฒั นาผูเ้ รียนไดอ้ ย่างเต็ม
ตามศกั ยภาพ
9
บทที่ 2
เอกสารและงานวจิ ัยท่ีเกยี่ วข้อง
ในการวิจัย เร่ือง ภาวะผู้นาดิจิทัลของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผล
การปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา
ชยั ภูมิ เขต 2 ผูว้ ิจยั มุ่งศึกษา คน้ ควา้ รวบรวมจากตาราเอกสาร และผลงานวิจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ งเพ่ือเป็น
แนวทางในการวิจยั โดยแบ่งประเดน็ การศึกษาออกเป็น 7 หวั ขอ้ ท่ีสาคญั ดงั น้ี
1. หลกั การ แนวคดิ ทฤษฎีเก่ียวกบั ภาวะผนู้ า
1.1 ความหมายของภาวะผนู้ า
1.2 คณุ ลกั ษณะของภาวะผนู้ า
1.3 ทฤษฎีเกี่ยวกบั ภาวะผนู้ า
1.4 การส่งเสริมและพฒั นาภาวะผนู้ า
2. หลกั การ แนวคิด ทฤษฎีเก่ียวกบั ภาวะผนู้ าดิจิทลั
2.1 ความหมายของภาวะผนู้ าดิจิทลั
2.2 คุณลกั ษณะของผนู้ าแบบดิจิทลั
2.3 องคป์ ระกอบของภาวะผนู้ าดิจิทลั
2.4 นิยามเชิงปฏิบตั ิการและองคป์ ระกอบของภาวะผนู้ าดิจิทลั
3. หลกั การ แนวคดิ ทฤษฎีเกี่ยวกบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
3.1 แนวคดิ เก่ียวกบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
3.2 องคป์ ระกอบของประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
3.3 นิยามเชิงปฏิบตั ิการและองคป์ ระกอบของประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
4. ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งภาวะผนู้ าดิจิทลั กบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
5. บริบทการจดั การศึกษาของสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 2
6. งานวจิ ยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง
7. กรอบแนวคิดการวจิ ยั
10
1. หลกั การ แนวคิด ทฤษฎเี กย่ี วกบั ภาวะผ้นู า
ในการนาเสนอหัวขอ้ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั หลกั การ แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกบั ภาวะผูน้ า ผูว้ ิจยั ได้
นาเสนอหัวข้อย่อย ๆ ดังน้ี คือ 1) ความหมายของภาวะผู้นา 2) คุณลักษณะของภาวะผูน้ า
3) ทฤษฎีเกี่ยวกบั ภาวะผนู้ า และ 4) การส่งเสริมและพฒั นาภาวะผนู้ า
1.1 ความหมายของภาวะผู้นา
ผวู้ ิจยั ขอนาเสนอความหมาย แนวคิด ทศั นะของคาว่าภาวะผนู้ า เพื่อให้เชื่อมโยงไปสู่
ภาวะผนู้ าของผบู้ ริหารสถานศึกษา ท่ีองคก์ ารมุ่งสร้างประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทางาน
ใหม้ ากที่สุด ท้งั น้ีมีนกั วิชาการหลายท่านไดใ้ หค้ วามหมายไวด้ งั น้ี
วิโรจน์ สารัตนะ (2555) กล่าวถึง ภาวะผูน้ าไว้ หมายถึง กระบวนการท่ีผูบ้ ริหาร
มีอิทธิพลทาให้มีผลต่อการแสดงออกทางพฤติกรรมของคนอ่ืน ๆ เพ่ือให้สามารถบรรลุเป้าหมาย
ร่วมกนั ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิผล
กนกอร สมปราชญ์ (2556) อธิบายความหมายของภาวะผนู้ า เป็นการใชอ้ ิทธิพลหรือ
อานาจหน้าในความสัมพนั ธ์ท่ีมีอยู่ต่อผูอ้ ื่นในสถานการณ์ต่าง ๆ เพ่ือปฏิบตั ิการหรืออานวยการ
โดยใชก้ ระบวนการติดตอ่ ส่ือสารเพ่อื ม่งุ ใหบ้ รรลตุ ามเป้าหมาย
สัมฤทธ์ิ กางเพ็ง (2557) ได้อธิบายว่า ภาวะผูน้ า ว่าเป็ นเรื่องความสัมพนั ธ์ระหว่าง
บุคคล การเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึนตลอดเวลา การสร้างแรงบนั ดาลใจ สร้างแรงจูงใจ การใชอ้ านาจ
และอิทธิพล ซ่ึงเกี่ยวขอ้ งกบั ทิศทาง ใหท้ ุกคนในองคก์ ารมนั่ ใจวา่ เดินไปสู่จุดหมาย
กุลชลี จงเจริญ (2558) ให้ความหมายของ ภาวะผูน้ า เป็ นองคป์ ระกอบในตวั บุคคล
ท่ีแสดงออกให้เห็นถึงวิธีการหรือกระบวนการที่มีอิทธิพลต่อทศั นคติ ความเช่ือและพฤติกรรมของ
บุคคลหรือกลุ่มบุคคล โดยพยายามที่จะทาให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลปฏิบัติตาม เพื่อนาไปสู่
การบรรลุเป้าหมายของกลมุ่ ตามท่ีกาหนดไว้
สานกั งานราชบณั ฑิตยสภา (2558) ให้ความหมายของ ภาวะผนู้ า หมายถึง คุณสมบตั ิ
ของผนู้ า เช่นสติปัญญา ความดีงาม ความรู้ ความสามารถของบุคคล
ภารดี อนันต์นาวี (2561) ไดก้ ล่าวถึงความหมายของ ภาวะผูน้ า หมายถึง พฤติกรรม
ของผบู้ ริหารท่ีมีความสัมพนั ธ์หรือมีอิทธิพลระหวา่ งผนู้ าและผตู้ าม เพื่อทาให้เกิดการเปล่ียนแปลง
เพ่ือบรรลุจุดมุ่งหมายร่วมกัน โดยมีความสามารถในการแกป้ ัญหาต่าง ๆ ท่ีเผชิญได้ ซ่ึงได้อาศยั
อานาจหน้าท่ีหรื อการกระทาของผู้นาในการชักจูงหรื อช้ีนาบุคคลให้ปฏิบัติงานสาเร็จ
ตามวตั ถุประสงคท์ ี่วางไว้
11
Owens (2001) ไดใ้ ห้ความหมายของคาว่า ภาวะผูน้ า ว่าเป็ นพฤติกรรมของกลุ่มที่มี
บุคคลเขา้ มามีส่วนเกี่ยวขอ้ งต้งั แต่ 2 คนข้ึนไป ซ่ึงผูน้ าพยายามท่ีจะแสดงพฤติกรรมสร้างอิทธิพล
เหนือคนอ่ืน ๆ
Hoy & Miskel (2005) ได้ให้นิยามคาว่า ภาวะผูน้ า หมายถึง พฤติกรรมทางสังคม
ในการที่สมาชิ กของกลุ่มหรื อองค์กรมีอิ ทธิ พลต่อเหตุการณ์ ท่ี เกิ ดข้ ึนท้ ังภายในและภายนอก
การเลือกจุดมุ่งหมายหรือผลลพั ธ์ท่ีตอ้ งการ การจดั การอย่างเป็ นระบบของกิจกรรมการทางาน
การสร้างแรงจูงใจและความสามารถของแต่ละบุคคลของความสัมพนั ธ์เชิงอานาจ และการกาหนด
เป้าหมายร่วมกนั
DuBrin (2010) ไดน้ ิยามภาวะผนู้ าไวว้ ่า ภาวะผนู้ า คือ ความสามารถท่ีผนู้ าสร้างความ
เชื่อมนั่ และสนบั สนุนบคุ ลากรใหป้ ฏิบตั ิตามท่ีตนตอ้ งการ เพือ่ ใหบ้ รรลุเป้าหมายขององคก์ ร
Northouse (2012) ได้สรุปว่า ภาวะผูน้ า เป็ นกระบวนการของบุคคลใดบุคคลหน่ึง
ท่ีมีอิทธิพลต่อคณะกลุ่มบุคคล เพ่ือให้การปฏิบัติงานสามารถบรรลุเป้าหมายร่วมกันได้อย่าง
มีประสิทธิผล
Kruse (2013) กล่าวว่า ภาวะผูน้ า เป็ นกระบวนการของการมีอิทธิพลทางสังคมซ่ึงจะ
เพิ่มความพยายามของบุคคลอ่ืนเพ่อื มงุ่ ไปสู่ความสาเร็จของเป้าหมายท่ีกาาหนด
Eisenhower (2016) กล่าวถึงความหมายของภาวะผูน้ า วา่ เป็นศิลปะของการใชบ้ ุคคล
ใหท้ าในสิ่งที่ตอ้ งการ โดยผปู้ ฏิบตั ิทาดว้ ยความเตม็ ใจ
Mohammed Issah ( 2 0 2 0 ) ไ ด้ก ล่ า ว ถึ ง ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง ภ า ว ะ ผู้น า ว่า เ ป็ น
กระบวนการพฒั นาผปู้ ฏิบตั ิ เพอื่ ใหเ้ ป็นไปตามการเลือกของผนู้ า
จากความหมายของนกั วิชาการ นกั การศึกษาหลายท่าน สามารถสรุปไดว้ า่ ภาวะผนู้ า
หมายถึง พฤติกรรมหรื อการกระทาท่ีแสดงออกเกี่ยวกับการใช้อานาจ อิทธิพล การสร้ าง
ความเช่ือมน่ั เพอื่ กระตุน้ ช้ีนา จูงใจใหบ้ ุคคลหรือคณะบุคคลปฏิบตั ิตามดว้ ยความสมคั รใจ ใหบ้ รรลุ
วตั ถุประสงคท์ ่ีกาหนดไว้
1.2 คณุ ลกั ษณะของภาวะผ้นู า
ภาวะผนู้ าของผบู้ ริหารโรงเรียนหากมีความโดดเด่น ย่อมส่งผลต่อการปฏิบตั ิงานหรือ
ประสิทธิภาพการสอนของครู และมีผลกระทบต่อผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน ท้งั น้ีผบู้ ริหารตอ้ งเรียนรู้
เพ่ือนาการเปลี่ยนแปลง มีความสามารถ มีความรู้ใชส้ ติปัญญาและผลการวิจยั มาพฒั นาปรับปรุง
คณุ ภาพและผลการปฏิบตั ิงานของสถานศึกษาสิ่งสาคญั ที่สุด คือ การมีภาวะผนู้ าท่ีถกู ตอ้ งเหมาะสม
ของผบู้ ริหาร (กนกอร สมปราชญ,์ 2562)
12
ณัฐณภรณ์ เอกนราจินดาวฒั น์ (2560) กล่าวถึง คุณลกั ษณะของภาวะผนู้ า ซ่ึงแบ่งเป็น
ดา้ นต่าง ๆ ไวด้ งั น้ี
1) ดา้ นคณุ ลกั ษณะทางดา้ นกายภาพ ไดแ้ ก่
1.1 รูปร่าง ส่วนสูง น้าหนกั
1.2 การศึกษา ความรู้สติปัญญา
1.3 สถานภาพ ฐานะทางสงั คม
2) ดา้ นคณุ ลกั ษณะทางดา้ นบคุ ลิกภาพ ประกอบดว้ ย
2.1 ความสุขมุ รอบคอบ ความกระตือรือร้น
2.2 บุคลิกที่แสดงถึงการมีอานาจ
2.3 ความเช่ือมน่ั ในตนเอง
3) ดา้ นคุณลกั ษณะทางดา้ นความสามารถ ประกอบดว้ ย
3.1 สามารถปรับตวั เขา้ กบั สถานการณ์ต่าง ๆได้
3.2 ความสามารถในการควบคมุ อารมณ์และความสามารถในการรักษาความสงบ
ใจของบคุ คล
3.3 ความสามารถในการสร้างแรงจูงใจ
3.4 ความคดิ ริเริ่มสร้างสรรค์
3.5 ความสามารถในการตดั สินใจ
3.6 ความสามารถในการบงั คบั บญั ชา
4) ดา้ นคุณลกั ษณะทางดา้ นทกั ษะทางสังคม ประกอบดว้ ย
4.1 ความมีมนุษยสัมพนั ธ์
4.2 การรู้จกั กาลเทศะ
4.3 การแสวงหาความร่วมมือ
4.4 ความสามารถในการบริหาร
สนุก สิงห์มาตร, พิกุล มีมานะ และดุษฎีวฒั น์ แก้วอินทร์ (2560) เสนอรูปแบบ
คณุ ลกั ษณะภาวะผนู้ าในศตวรรษท่ี 21 ไวน้ ่าสนใจ ซ่ึงสามารถสรุปไดด้ งั ตอ่ ไปน้ี
1) การรอบรู้ ( Knowing) หมายถึง ผนู้ าองคก์ ารที่ดีจะตอ้ งมีความรอบรู้ในเรื่องต่าง ๆ
ท่ีเกี่ยวกบั บริหารจดั การของตนเอง เพื่อให้การบริหารงานประสบความสาเร็จ และเป็ นไปอย่างมี
ประสิทธิภาพ การรอบรู้ในการพัฒนาคุณลักษณะภาวะผู้นาในศตวรรษที่ 21 น้ี ที่พึงจะมี
ประกอบดว้ ย
13
1.1 องค์ความรู้ (Science) ในศาสตร์ด้านต่าง ๆ อย่างรอบด้าน เป็ นผู้ที่มี
ความพยายามที่จะไขวค่ วา้ หาความรู้อยู่ตลอดเวลา เพราะความรู้น้นั เกิดข้ึนตลอดเวลาและท่ีสาคญั
ผนู้ าตอ้ งมีความรู้ในเร่ืองที่ตนเองตอ้ งบริหารเป็นอยา่ งดี
1.2 ศิลปะ (Art) รู้จักวิธีบริหารจัดการองค์การ เทคนิค วิธีการทางานเพื่อให้
การบริหารงานในองคก์ ารประสบผลสาเร็จอยา่ งมีประสิทธิภาพ ตรงตามวตั ถุประสงค์
1.3 ทักษะ (Skill) ในการบริหารจัดการ การปกครอง การบริหารทรัพยากร
ที่เก่ียวขอ้ งกบั องค์การ ผูน้ าตอ้ งหมนั่ ฝึ กฝนทกั ษะการบริหารคนอยู่เสมอเพ่ือให้เป็นที่รัก ที่เคารพ
ของบุคลากรในองคก์ าร
1.4 วิชาคน (Science of People) ผูน้ าตอ้ งรู้จกั ใช้คนให้ถูกกบั งานหรือถูกหน้าท่ี
อย่างเหมาะสม ใชค้ วามสัมพนั ธ์ท้งั ระดบั ส่วนตวั หรือทางการให้เป็นประโยชน์ต่อการดาเนินงาน
ขององคก์ าร ทาลายกาแพงความขดั แยง้ หรือกาแพงท่ีก้นั ดว้ ย คาว่า รู้อะไรไม่สู้รู้จกั กนั เพราะเมื่อ
รู้จกั กนั แลว้ จะทาใหก้ ารประสานงานต่าง ๆ เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
2) อุดมการณ์ (Ideology) หมายถึง ผู้นาที่ดีต้องมีคุณลักษณะผสมท้ังหมดของ
ความเช่ือ (Beliefs) เจตคติ (Attitudes) และความคิดหลกั (Concepts) มีอิทธิพลเป็ นตวั ชกั นาและ
กาหนดทิศทางของความคิดของบุคคล โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งใชก้ บั คณะบุคคลท่ีเป็นสมาชิกของสังคม
เดียวกนั กลุ่มเดียวกนั ตลอดท้งั การทาใหท้ ุกคนในองคก์ รมีอดุ มการณ์ในการบริหารดงั ต่อไปน้ี
2.1 ยดึ มน่ั ในคุณธรรม จริยธรรมภายใตก้ รอบวฒั นธรรมของชาติ
2.2 เชื่อมนั่ ในตนเอง กลา้ หาญ แตม่ ีความนอบนอ้ ม รู้หนา้ ที่ของตน
2.3 มีความรับผดิ ชอบตอ่ ท้งั ตนเองและส่วนรวม
2.4 มีความซ่ือสัตยต์ ่อตนเองหรือผอู้ ื่น ไม่คดโกง
3) เท่าทัน (In Time Knowing) หมายถึง การที่ผูน้ าในศตวรรษท่ี 21 น้ี จะต้องมี
ลกั ษณะพิเศษที่จะรู้เท่าทนั ต่อสภาพการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของสถานการณ์ อนั ประกอบไปดว้ ย
3.1 ทนั ต่อโลกหรือต่างประเทศที่เปลี่ยนไปและทนั ต่อสังคมไทยที่เปลี่ยนแปลง
อยตู่ ลอดเวลา ทนั ต่อการไหลของวฒั นธรรม
3.2 ทนั ตอ่ สถานการณ์ในยคุ ปัจจุบนั
3.3 ตอ้ งฝึ กฝนตนเองใหร้ ู้เท่าทนั ต่อเทคโนโลยสี ารสนเทศที่นาววิ ฒั นาการใหมๆ่
เขา้ มาสู่องคก์ ารของตน
3.4 ผูน้ าท่ีดีต้องรู้จักการบริหารความเสี่ยงให้ได้ เพ่ือการบริหารจัดการท่ีมี
ประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายบนความทา้ ทายของสถานการณ์ปัจจุบนั
14
4) กล้าตดั สินใจ (Discussion Courage) หมายถึง การที่ผูน้ าจะนาองค์กรให้สาเร็จ
ตอ้ งมีความคดิ ท่ีเร็วบนหลกั ความแมน่ ยา ซ่ึงอาจสรุปไดด้ งั น้ี
4.1 กลา้ หาญที่จะตดั สินใจกระทาการใดท่ีมีความเสี่ยงบนฐานของขอ้ มูลท่ีถูกตอ้ ง
ไมใ่ ช่การคาดเดาหรือเสี่ยงโชค
4.2 กลา้ ท่ีจะลงทุนกบั นวตั กรรมใหม่ ๆ ท่ีจะเขา้ มากระทบการบริหารงาน กลา้ ท่ี
จะเรียนรู้ นาเอาเทคนิคใหม่ๆ มาใชใ้ นองคก์ าร
4.3 กลา้ ที่จะยอมรับผดิ หากบริหารงานผิดพลาด
4.4 กลา้ ที่จะให้คุณกบั บุคลากรที่ทางานสาเร็จตามเป้าหมาย รวมท้งั กลา้ ตดั สินใจ
ที่จะลงโทษแก่บุคคลกรที่ไม่ต้งั ใจหรืออาจทาความเสียหายให้องค์การที่เกิดจากการจงใจ แต่ท้งั น้ี
ท้งั น้นั ตอ้ งต้งั อยบู่ นหลกั ความยตุ ิธรรมและเสมอภาค
5) วสิ ยั ทศั น์เชิงกลยทุ ธ์ (Strategy of Vision) หมายถึง การท่ีผนู้ าสมยั ใหมน่ ้นั ตอ้ งมอง
การณ์ไกลบนฐานความคิดท่ีนอกกรอบแต่บนฐานขอ้ มูลท่ีเช่ือถือได้ ไม่จาเจกบั แนวคิดแบบเดิม ๆ
มองให้ไกลแลว้ เดินไปให้ถึงบนหลกั คิด เทคนิค วิธีการท่ีทนั สมยั พร้อมท้งั หาเทคนิคใหม่ ๆ เขา้ มา
ปรับใชใ้ นองคก์ าร และผนู้ าควรมีคุณลกั ษณะดงั ต่อไปน้ี
5.1 มองใหไ้ กลและพยายามไปใหถ้ ึงในสิ่งท่ีต้งั ใจอยา่ งอดทน
5.2 มองโลกใหก้ วา้ ง มองอยา่ งหลายมิติ
5.3 โนม้ นา้ วผอู้ ื่นใหค้ ลอ้ ยตาม
5.4 มองยทุ ธศาสตร์โลกหรือยทุ ธศาสตร์ประเทศใหค้ รอบคลมุ และรอบดา้ น
6) สร้างทีม (Team Work) หมายถึง ผู้นาที่ดีท่ีมีความคิดก้าวหน้าน้ันต้องรู้จัก
การสร้างทีมงานและเครือข่าย เพราะทีมงานหรือเครือข่ายเหล่าน้ัน จะเป็ นปัจจัยผลักดันให้
การบริหารงานสาเร็จลุล่วงไดอ้ ย่างรวดเร็ว เพราะทีมงานถือเป็ นหัวใจสาคญั ในการบริหารงาน
ผู้นาไม่สามารถทางานให้สาเร็ จได้โดยปราศจากทีมงาน เพราะในปั จจุบันน้ี สังคม
มีความสลบั ซบั ซอ้ นเป็นอย่างมาก องคก์ ารจะไม่สามารถอยไู่ ดเ้ พียงลาพงั ดงั น้นั เพื่อเป้าหมายที่จะ
บรรลุไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างทีมงานและเครือข่ายจึงมีความสาคญั อยา่ งมาก การสร้างทีม
อาจสามารถแยกเป็นประเด็นไดด้ งั ต่อไปน้ี
6.1 สร้างทีมงานที่ไวใ้ จได้ ในทุกเรื่อง
6.2 เชื่อมนั่ ในทีมงาน เชื่อในความสามารถของทีมงาน
6.3 มอบหมายภารกิจใหท้ ีมงานปฏิบตั ิตามความสามารถและความถนดั
6.4 สอดส่อง ดูแลทีมงานเพ่อื ขวญั และกาลงั ใจ
15
6.5 รับผิดชอบในส่ิงท่ีเกิดข้ึนท้งั ที่เป็นส่วนดีและส่วนบกพร่องจากการผิดพลาด
ของทีมงาน
7) ใฝ่ บริการ (Service Mind) หมายถึง การบริหารองค์การในยุคใหม่น้ี ผูน้ าตอ้ งทา
องคก์ ารใหเ้ ป็นองคก์ ารท่ีมีชีวิต ทุกคนในองคก์ ารตอ้ งร่วมดว้ ยช่วยกนั ตอ้ งเดินไปพร้อม ๆ ผนู้ าที่ดี
ไม่ควรเป็ นผูส้ ั่งการเพียงอย่างเดียว ผูน้ าตอ้ งบริหารบนความเป็ นมิตร มีคุณธรรม มีจิตใจงดงาม
เอ้ือเฟ้ื อ ปรารถนาดี ยอมสละความสุขส่วนตวั เพื่อส่วนรวม ทางานให้เป็ นแบบอย่างแก่บุคคลากร
ขององค์การ ในการทางานผูบ้ ริหารควรลงไปตรวจสอบการทางานทุกข้นั ตอนเพ่ือที่จะสามารถ
แก้ไขปัญหาได้ทนั ท่วงทีหากกรณีเกิดปัญหาในการทางานหรือเพ่ือประสิทธิภาพในการทางาน
ตลอดท้งั เป็ นการสร้างขวญั กาลังใจในการทางานให้กับบุคคลากรในองค์การอีกทางหน่ึงดว้ ย
สามารถแยกอธิบายเก่ียวกบั การใฝ่บริการของผนู้ าองคก์ ารไดด้ งั ต่อไปน้ี
7.1 ผนู้ าที่ดีตอ้ งเป็นผเู้ สียสละ เป็นผใู้ หม้ ากกวา่ เป็นผรู้ ับเพียงอยา่ งเดียว
7.2 ผนู้ าท่ีดีตอ้ งมีความอดทน อดกล้นั รอเวลาท่ีเหมาะก่อนการดาเนินการใด ๆ
ตอ้ งรอบคอบ ครบถว้ น
7.3 ผนู้ าที่ดีตอ้ งมีความเมตตา เอ้ือเฟ้ื อเผอ่ื แผต่ ่อทุก ๆ คน
7.4 ตอ้ งคิดบวก มองโลกในแง่ดี ไม่อคติแมใ้ นบางคร้ังอาจไม่เป็ นไปตามท่ีเรา
ตอ้ งการ
7.5 ตอ้ งมีความพอเพยี ง เพราะเม่ือมีความพอเพียงก็เกิดความเพียงพอและเป็นสุข
Yukl (1989) ได้ศึกษาคุณลักษณะผูน้ า และทักษะของผูน้ าท่ีประสบความสาเร็จ
การศึกษาผูน้ ากล่มุ แนวคิดทางคณุ ลกั ษณะน้ีมีหลากหลายแตกต่างกนั โดยอธิบายคุณลกั ษณะผนู้ าท่ี
ประสบความสาเร็จ 13 ประการ ประกอบด้วย 1) การปรับตัวเพ่ือให้เข้ากับสถานการณ์
2) มีความรู้สึ กไวต่อการเปล่ียนแปลงของสิ่งแวดล้อมทางสังคม 3) มุ่งสู่ความสาเร็จด้วย
ความกระตือรือร้น 4) เป็นผรู้ ักษาผลประโยชน์ 5) ใหค้ วามร่วมมือกบั ทุกส่วนงาน 6) การตดั สินใจ
ท่ีถูกตอ้ งเหมาะสม 7) การคิดและทาอย่างมีอิสระ 8) การสร้างลกั ษณะเด่น 9) มีความมุ่งมนั่ ต้งั ใจ
10) ความมีชีวิตชีวา 11) ความเช่ือมั่นในตนเอง 12) ความอดทนต่อสภาวะเครี ยด และ
13) ความพงึ พอใจตอ่ งานท่ีรับผิดชอบ
Yulk (2002) กล่าวถึง คุณลกั ษณะของผมู้ ีภาวะผนู้ าในยคุ ใหม่ ซ่ึงสามารถจดั แบ่งเป็ น
3 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่
1) บุคลิกภาพ (Personality) เป็ นพฤติกรรมที่แสดงออกเฉพาะทางท่ีไม่ค่อย
เปล่ียนแปลง มีความเก่ียวขอ้ งกบั ภาวะผูน้ าท่ีมีประสิทธิผล 4 ประการ ไดแ้ ก่ 1) ความเช่ือมน่ั ต่อ
16
ตนเอง (Self-Confidence) 2) ความอดทนอดกล้ันต่อความกดดัน (Stress-Tolerance) 3) ความมี
วฒุ ิภาวะทางอารมณ์ (Emotional Maturity) และ 4) ความซ่ือสัตย์ (Integrity)
2) แรงจูงใจ (Motivation) เป็นแรงผลกั ดนั ที่เกิดข้ึนจากภายในที่ทาให้เกิดการแสดง
พฤติกรรมท่ีเก่ียวข้องกับงานและทาให้กาหนดรูปแบบ ทิศทาง การเลือก วิธีปฏิบัติและระดับ
ความสาเร็จ แรงจูงใจท่ีสาคัญสาหรับผูน้ าที่มีประสิทธิผลมี 4 ประการได้แก่ 1) ภาระหนา้ ที่และ
ความต้องการระหว่างบุคคล (Task and Interpersonal Needs) 2) ความต้องการอานาจ (Power
Needs) 3) การมุ่งม่ันต่อความสาเร็จ (Achievement Orientation) 4) ความคาดหวังสูง (High
Expectations)
3) ทกั ษะและประสบการณ์ (Skills and Experiences) สามารถทาปฏิบตั ิงานใหบ้ รรลุ
เป้าหมายอย่างมีประสิทธิผล 4 ประเภทคือ 1) ทักษะวิธีการ (Technical Skills) มีความรู้เฉพาะ
ข้นั ตอนและวิธีการท่ีจะทาให้ภาระงานเกิดผลสาเร็จ 2) ทักษะทางมนุษย์ (Interpersonal Skills)
มุ่งเน้นท่ีความสามารถในการทาเข้าใจความรู้สึกและทัศนคติของผู้อื่น และสามารถสร้าง
ความสัมพันธ์เพ่ือให้เกิดความร่ วมมือในการปฏิบัติงาน 3) ทักษะความคิดแบบรวบยอด
(Conceptual Skills) การมองภาพรวมของงานหรือสิ่งท่ีจะพฒั นา โดยการใช้แนวความคิด (Ideas)
และความคิดรวบยอด (Concepts) ในการวางแผนและจัดการปัญหาท่ีซับซ้อน 4) ทักษะด้าน
การบริ หาร (Administrative Skills) ความรู้เฉพาะวิชาชีพทางการบริ หาร เช่น การวางแผน
(Planning) การเป็ นพี่เล้ียง (Mentoring) การมอบหมายงาน (Delegating) การแนะนาให้คาปรึกษา
(Supervising) และการดาเนินกิจกรรมการประชุม (Handling Meetings) ซ่ึงทกั ษะทางการบริหารจะ
รวมท้งั ทกั ษะวิธีการ ทกั ษะมนุษย์ และทกั ษะความคิดรวบยอดเขา้ ดว้ ยกนั เพื่อช่วยให้การบริหาร
จดั การมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล
จากแนวคิดของนกั วิชาการขา้ งตน้ ผวู้ ิจยั สามารถสรุปไดว้ ่า คุณลกั ษณะของภาวะผนู้ า
หมายถึง บุคลิกภาพลกั ษณะ พฤติกรรมของผนู้ าท่ีมีพ้ืนฐานของความรู้ ทกั ษะของการบริหารจดั การ
ท้งั ดา้ นการบริหารงานและบริหารคน มีความสามารถ ความคิด แนวคิดใหม่ ๆ เพ่อื นาพาองคก์ ารสู่
เป้าหมายแห่งความสาเร็จ
2.1 ความหมายของภาวะผ้นู าดิจิทลั
ผวู้ จิ ยั ขอนาเสนอความหมาย แนวคดิ ทศั นะของคาวา่ ภาวะผนู้ าดิจิทลั เพอ่ื ใหเ้ ช่ือมโยง
ไปสู่ภาวะผูน้ าดิจิทลั ของผูบ้ ริหารสถานศึกษา ท้งั น้ีมีนักวิชาการ นกั การศึกษา หน่วยงานองค์กร
หลายท่านไดใ้ หค้ วามหมายของภาวะผนู้ าดิจิทลั ไวด้ งั น้ี
เอกชยั กี่สุขพนั ธ์ (2559) ไดใ้ ห้ความหมายเกี่ยวกบั ภาวะผนู้ าดิจิทลั ว่าเป็นพฤติกรรม
หรือความสามารถของผบู้ ริหารสถานศึกษาในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (ICT:
17
Information and Communication Technology) มาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างระบบฐานข้อมูลใน
การบริหารและการจดั การความรู้ในการปฏิบตั ิงานดา้ นต่าง ๆ เช่น การบริหารงานด้านวิชาการ
การจดั การเรียนการสอน งานทรัพยากรบุคคล งานอาคารสถานที่ งานกิจการนกั เรียน และการสร้าง
ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งโรงเรียนและชุมชน
คณะกรรมการข้าราชการพลเรื อน (2561) กล่าวว่า ภาวะผู้นาดิจิทัล (Digital
Leadership) หมายถึง ความสามารถในการเป็ นผูน้ าองคก์ รดิจิทลั (Digital Leadership) ในมิติของ
การทางานเป็นทีม การบริหารจดั การทีมท่ีมีคุณภาพ การตดั สินใจท่ีมีคณุ ภาพ การสื่อสาร จูงใจและ
เจรจาตอ่ รอง การกระตนุ้ การเรียนรู้ และการเป็นแบบอยา่ ง (Role Mode)
กนกอร สมปราชญ์ (2562) กล่าวสรุปความหมายของ ภาวะผู้นาดิจิทัล ว่าคือ
กระบวนการหรือความสามารถหรือพฤติกรรมที่ผบู้ ริหารโรงเรียนใชอ้ านาจท่ีมีกระตุน้ ให้บุคลากร
ในหน่วยงานปฏิบัติหน้าท่ีด้วยความกระตือรือร้นและเต็มใจ โดยผูน้ ามีวิสัยทศั น์ ความรู้และ
ความสามารถในการนากระบวนการทางดิจิทลั มาใชอ้ ยา่ งเหมาะสมและนาทางพฤติกรรมของบุคคล
ไปสู่การบรรลุเป้าหมายของคุณ พร้อมจะผลกั ดนั และสนบั สนุนการเปลี่ยนแปลงการจดั การเรียน
การสอนและการทางานในโรงเรียนให้สอดคล้องกับบริบทและสภาพจริง อันจะส่งผลให้
การดาเนินงานบรรลุเป้าประสงค์
American Library Association (2012) ได้นิยามความหมายของ ภาวะผูน้ าดิจิทัล
ว่าเป็ นความสามารถของผู้นาในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสาร
เพื่อการสืบคน้ การวดั และการประเมิน สร้างและสื่อสารสารสนเทศ ซ่ึงเป็นความสามารถท่ีจาเป็น
และตอ้ งมีท้งั ความรู้ความเขา้ ใจและทกั ษะทางเทคนิค
Couros (2013) กล่าวถึงภาวะผูน้ าดิจิทลั หมายถึง การใช้เทคโนโลยีอย่างกวา้ งขวาง
(การใชโ้ ซเชียลมีเดีย) เพื่อปรับปรุงชีวติ ความเป็นอยทู่ ี่ดี และสถานการณ์ตา่ ง ๆ
Hughes (2017) สรุปความหมายของภาวะผนู้ าดิจิทลั ว่า หมายถึง การฝังความคิดแบบ
ดิจิทัลและวิธีทางานทัว่ ท้ังองค์การ คือการมุ่งเน้นอย่างไม่ลดละในการทาส่ิงที่ข้ึนสาหรับผูใ้ ช้
ทุกระดับในองค์การ การส่งเสริมวฒั นธรรมที่เปิ ดกวา้ งการทางานร่วมกันและตอบสนองต่อ
การเปล่ียนแปลงและความล้มเหลว ท้ังการแสดงความกล้าหาญ ความเห็นอกเห็นใจและ
ความอ่อนนอ้ มถ่อมตนในขณะที่ทางานดว้ ยความเร็ว ที่เร็วกว่าองคก์ รขนาดใหญ่ อยา่ งเช่นองคก์ าร
แบบราชการ
Scott McLeod (2017) ไดก้ ล่าวถึงความหมายของภาวะผนู้ าดิจิทลั คือ พฤติกรรมหรือ
คุณลกั ษณะของผูบ้ ริหารสถานศึกษาที่แสดงออกถึงการมีวิสัยทศั น์ทางการเรียนรู้และการสอน
ในการใชเ้ ทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการจดั การเรียนรู้ ซ่ึงโรงเรียนที่ประสบความสาเร็จจะมีวิสัยทศั น์
18
ที่ชดั เจนว่าเทคโนโลยีดิจิทลั จะเปลี่ยนการเรียนรู้ ส่งเสริมเคร่ืองมือดิจิทลั แก่นกั เรียน เพ่ือจะช่วยให้
พวกเขาสามารถทาอะไรได้แตกต่างไปจากการปฏิบตั ิแบบเดิมก่อนหน้าน้ี ส่งเสริมศักยภาพ
ของอุปกรณ์คอมพวิ เตอร์เพ่อื อานวยความสะดวก
Petry (2018) ได้แสดงทัศนะเก่ียวกับ ภาวะผูน้ าดิจิทัลไว้ว่า เป็ นความสามารถ
ของผูบ้ ริหารในการใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการในโรงเรี ยนและการจัดการเรี ยนรู้
พร้อมสนบั สนุนบคุ ลากรใหน้ าเทคโนโลยมี าบูรณาการใชใ้ นการจดั การศึกษาในโรงเรียน ภาวะผนู้ า
ดิจิทลั จาเป็ นตอ้ งมีการกระจายอานาจและควรใช้ความสามารถและสติปัญญาของคนในองคก์ ร
อย่างมีส่วนร่วม เนื่องจากสภาพบรรยากาศและส่ิงแวดลอ้ มท่ีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วดว้ ย
เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่มีการพัฒนาอยู่เสมอ ด้วยสภาพแวดล้อมในยุคที่ซับซ้อนที่เปล่ียนแปลง
อยา่ งรวดเร็วน้ีนาไปสู่ความทา้ ทายดา้ นภาวะผนู้ าใหม่ ๆ ท่ีผูบ้ ริหารตอ้ งมีตวั เลือกต่าง ๆ ที่จะทาให้
คลอ่ งตวั
Mohan Rao Tanniru, Youmin Xi and Kamaljeet Sandhu (2020) ใหค้ านิยามของคาวา่
ภาวะผู้นาดิจิทัล ว่าเป็ นการสร้างความเป็ นผู้นาสรรหานวัตกรรมท่ีจาเป็ นเพ่ือสนับสนุน
การเปล่ียนแปลงทางดิจิทลั
จากการให้ความหมายของนักวิชาการหลายท่านสามารถสรุปได้ ภาวะผูน้ าดิจิทลั
หมายถึง พฤติกรรมของผบู้ ริหารสถานศึกษาที่แสดงออกถึงการมีวิสยั ทศั นใ์ นการใชเ้ ทคโนโลยีเพื่อ
ส่งเสริมการจดั การเรียนรู้ สนบั สนุนบุคลากรให้นาเทคโนโลยีมาบูรณาการใช้ในการจดั การศึกษา
และการบริหารจดั การเพ่ือให้เกิดประโยชน์สูงสุด กาหนดนโยบายเพื่อความปลอดภยั ในการใช้
ขอ้ มูลดิจิทลั และเทคโนโลยี
2.2 คณุ ลกั ษณะของผ้นู าแบบดจิ ิทลั
ผวู้ ิจยั ขอนาเสนอแนวคิด ทศั นะของคุณลกั ษณะของผนู้ าแบบดิจิทลั เพ่ือใหเ้ ช่ือมโยง
ไปสู่ภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษา โดยมีนกั วชิ าการหลายทา่ นไดแ้ สดงทศั นะไวด้ งั น้ี
วสนั ต์ อติศพั ท์ (2550) กาหนดคณุ ลกั ษณะผนู้ าเชิงเทคโนโลยใี นยคุ ดิจิทลั ดงั ต่อไปน้ี
1) ผู้กาหนดทิศทาง (Direction-Setter) เป็ นผู้นาทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
ในยุคดิจิทลั ท่ีมีความสามารถในการกาหนดทิศทางในการนานวตั กรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ
ไปปรับใช้ในการจดั การเรียนรู้ไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพท้งั สาหรับในองคก์ ารของตนเอง ในระดบั
ทอ้ งถ่ินหรือในระดบั ชาติ โดยคานึงสภาพแวดลอ้ มทางเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยีสารสนเทศและ
วิชาการ เพื่อใหส้ ภาพเทคโนโลยสี ารสนเทศน้นั มีความเหมาะสมกบั สภาพบริบทของแต่ละองคก์ ร
หรือแต่ละชุมชน ตอ้ งรู้จกั สร้างวิสัยทศั น์ร่วม (Shared Vision) กบั สมาชิกในองคก์ าร รวมถึงผูท้ ี่มี
ส่วนไดส้ ่วนเสียกบั องคก์ าร (Stakeholder) นาไปสู่เป้าหมายพร้อมกนั
19
2) ผู้นาการเปล่ียนแปลง (Change Agent) เป็ นผูน้ าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
ในยคุ ดิจิทลั ทางการศึกษาท่ีมีความสามารถนาการเปล่ียนแปลงทางการศึกษา และสร้างการยอมรับ
นวตั กรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศไปใช้ในการจัดการเรียนรู้อย่างจริงจัง สามารถลดการ
ไม่ยอมรับสิ่งใหม่ ๆ ท่ีจะเขา้ ไปมีส่วนในการสร้างสภาพแวดลอ้ มใหมใ่ นระบบการจดั การศึกษา
3) ผปู้ ระชาสัมพนั ธ์ (Spokesperson) เป็นผนู้ าทางเทคโนโลยีสารสนเทศการศึกษาท่ีมี
ความสามารถในการเผยแพร่วิสัยทศั น์ของตน แลว้ สามารถเจรจาหรือต่อรองกบั ผบู้ ริหารระดบั อ่ืน
หรือต่อองค์กรและหน่วยงานภายนอก เพื่อที่จะสร้างเครือข่ายในการทางานเพ่ือประโยชน์
ในการพฒั นาเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การศึกษา
4) ผฝู้ ึ กสอน (Coach) เป็นผนู้ าทางเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษาท่ีมีความสามารถ
ในการสร้างทีมข้ึนมาเพื่อนาวิสัยทศั น์ของตนไปสู่การปฏิบตั ิ พร้อมท้งั รู้จกั แนะนาให้คาปรึกษา
และสร้างความไวเ้ น้ือเชื่อใจ ใหอ้ านาจแก่ผเู้ พ่อื นร่วมงาน
Gardner (2006) เสนอแนวคิดคุณลักษณะแห่งจิต 5 ประการ ซ่ึงจาเป็ นสาหรับ
ภาวะผนู้ าเชิงดิจิทลั แตล่ ะดา้ นไวด้ งั น้ี
1) คุณลกั ษณะแห่งจิตเช่ียวชาญ (Disciplined Mind) เป็ นความชานาญในการคิด
เกี่ยวกบั วิชาการอย่างนอ้ ยสาขาใดสาขาหน่ึง ซ่ึงเป็ นรูปแบบหน่ึงของการรู้คิดท่ีแยกออกไปตาม
ลกั ษณะเฉพาะของสาขาวิชาหรืองานฝี มือ หรืออาชีพหน่ึง ๆ จิตเชี่ยวชาญมีองคป์ ระกอบท่ีสาคญั 2
ส่วน คอื 1) การเรียนรู้อยา่ งเช่ียวชาญ ซ่ึงเป็นความสามารถในการเรียนรู้อยา่ งถ่องแทใ้ นเน้ือหาสาระ
หลักการ และองค์ความรู้ในแต่ละศาสตร์วิชา พร้อมท้ังสามารถนาสิ่งท่ีได้เรียนรู้เหล่าน้ันไป
ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการทางานและการดารงชีวิตประจาวนั 2) ความมีวนิ ยั ในตนเอง เนื่องจากความมีวินยั
ในตนเองจะเป็ นตัวกากับและควบคุมการประพฤติปฏิบตั ิตวั ของผูบ้ ริหารสถานศึกษา การทา
กิจกรรมต่าง ๆให้อยู่ในกรอบหรือแนวทางที่เหมาะสม และนาไปสู่การฝึ กฝนให้บุคคลใฝ่ เรียนรู้
อยา่ งไม่มีวนั จบสิ้น ดงั น้นั หากตอ้ งการส่งเสริมใหผ้ บู้ ริหารสถานศึกษา ครู บุคลากร รวมถึงผเู้ รียน
เป็นผมู้ ีจิตเช่ียวชาญก็จะตอ้ งส่งเสริมใหแ้ ตล่ ะบคุ คลมีคณุ ลกั ษณะท้งั 2 ส่วน
2) คุณลกั ษณะแห่งจิตสังเคราะห์ (Synthesizing Mind) คือ ความสามารถในการรับรู้
ขอ้ มูลจากหลาย ๆ แหล่ง นามาทาความเขา้ ใจและประเมินขอ้ มูลโดยปราศจากอคติ และผสมผสาน
ให้กลายเป็ นสารสนทศใหม่ที่มีความหมายท้งั ต่อตวั ผูส้ ังเคราะห์และผูอ้ ื่น ในการคิดสังเคราะห์
จะตอ้ งมีวิธีการในการคดั เลือกพิจารณาหรือตดั สินวา่ ขอ้ มูลไหนท่ีสาคญั และควรใหค้ วามสนใจจะมี
วิธีการประเมินขอ้ มูลเหลา่ น้นั อย่างไร รูปแบบท่ีจะใชใ้ นการสงั เคราะห์และนาเสนอขอ้ มูลควรเป็น
แบบไหน การคิดสังเคราะหป์ ระกอบดว้ ยหลกั การ 2 ดา้ น ดงั น้ี
20
ดา้ นท่ี 1 เป็ นการคน้ ควา้ รวบรวมขอ้ มูลท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั เรื่องท่ีจะคิดซ่ึงมีอยู่จานวน
ไม่นอ้ ยและกระจดั กระจายไปในส่วนอ่ืน ๆ โดยผสู้ ังเคราะห์จะตอ้ งคดั เลือกหรือตดั สินใจว่าขอ้ มูล
ใดท่ีสาคญั และควรใหค้ วามสนใจเป็นพเิ ศษ เม่ือไดข้ อ้ มลู เหล่าน้นั แลว้ กจ็ ะเป็นดา้ นที่สอง
ดา้ นที่ 2 เป็ นการดึงแนวคิดจากส่วนประกอบเหลา่ น้นั คดั เฉพาะส่วนท่ีเกี่ยวโยงกบั
เร่ืองที่คิด และประยุกต์แนวคิดจากแหล่งต่าง ๆ มากองรวมกันเท่าน้ัน แต่ยงั ตอ้ งนาเอาแนวคิด
เหล่าน้ันมาหลอมรวมหรือถกั ทอความคิดให้อยู่ภายใต้แบบโครงร่างเดียวกัน เพ่ือตอบสนอง
วตั ถปุ ระสงค์
3) คุณลกั ษณะของจิตสร้างสรรค์ (Creative Mind) คอื การผลิตความคิดใหม่ ๆ พร้อม
ต้ังคาถามที่แตกต่างไปจากเดิม และกาเนิดเป็ นวิธีการคิดที่สดใหม่ ซ่ึงจะกลายเป็ นคาตอบที่
คาดไม่ถึง แต่ย่างไรก็ตามในท่ีสุดแลว้ ส่ิงที่สร้างสรรค์เหล่าน้ีจะตอ้ งไดร้ ับการยอมรับจากผูร้ อบรู้
ดว้ ยเหตุท่ีการสร้างสรรค์ คือ ส่ิงที่อยนู่ อกเหนือกฎเกณฑท์ ี่มีอยู่ ความมีจิตสร้างสรรคจ์ ึงตอ้ งกา้ วล้า
กว่าคอมพิวเตอร์หรือหุ่นยนตท์ ี่ชบั ซ้อนที่สุดมากกวา่ หน่ึงกา้ ว ซ่ึง Garder ไดก้ ล่าวไวว้ ่า เป้าหมาย
ของการสังเคราะห์ คือ การทาส่ิงที่มีอยู่แลว้ ให้เกิดประโยชน์และฉายแววรูปแบบท่ีเป็ นไปไดด้ ว้ ย
ทิศทางใหม่ท่ีไม่มีใครเคยคิดไวใ้ นปัจจุบนั และเขา้ ถึงขอ้ มูลไดต้ ามความตอ้ งการและความจาเป็น
สองคลอ้ งกบั แนวคดิ จิตสังเคราะห์และจิตสร้างสรรค์
4) คุณลกั ษณะของจิตเคารพ (Respectful Mind) โดย ประยุทธ์ ปยุตโต (2550) ไดใ้ ห้
ความหมายของความเคารพ คือ การมองเห็นคุณค่าและความสาคญั การตระหนกั ในความชว่ั ดีอนั มี
อยู่ในตวั ผูอ้ ่ืน และในส่ิงอื่นควรปฏิบตั ิต่อคนอื่นหรือสิ่งน้นั ดว้ ยความจริงใจ การแสดงความเคารพ
นอบน้อมเป็ นมารยาททางสังคมท่ีมีความแตกต่างในแต่ละสังคม สาหรับสังคมไท ยถือว่า
คารวะธรรม คือ การรู้จกั เคารพบุคคลอื่นหรือส่ิงที่ควรเคารพซ่ึงตอ้ งแสดงออกพร้อมท้งั กาย วาจา
และใจ เช่น 1) การแสดงความเคารพทางกาย เป็ นการแสดงออกโดยการกระทาดว้ ยวิธีการต่าง ๆ
ไดแ้ ก่ การกราบ การไหว้ การคานบั การลกุ และนง่ั 2) การแสดงความเคารพทางวาจา เป็นการแสดง
ความเคารพโดยการพูด การพูดที่แสดงวา่ เคารพ ควรใชค้ าขานรับท่ีชดั เจน ใชค้ าสุภาพ รู้จกั เลือกใช้
ถอ้ ยคาให้เหมาะสมกับบุคคล 3) การแสคงความเคารพทางใจ เป็ นการแสดงความเคารพที่ถือว่า
สาคญั ที่สุด ที่แสดงออกมาจากความรู้สึกภายในที่ผูร้ ับสามารถรับรู้ไดด้ ว้ ยความรู้สึกความสาคญั
ของจิตเคารพกบั ผูบ้ ริหารสถานศึกษา การเคารพเป็ นการแสดงความอ่อนนอ้ มถ่อมตน ให้เกียรติ
และเคารพในความคิดเห็นของคนอื่นเคารพและเขา้ ใจถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล เช้ือชาติ
ศาสนา รวมถึงเปิ ดใจท่ีจะรับฟังความคิดเห็นของผูอ้ ่ืนท่ีแตกต่างจากความคิดของตนเอง อนั จะ
นาไปสู่ความสาเร็จในการทาปฏิบตั ิงาน
21
Sieber, Kaganer and Zamora (2013) ใหข้ อ้ เสนอแนะเพื่อการเป็ นผนู้ าดิจิทลั วา่ ตอ้ งมี
ลกั ษณะต่าง ๆ ดงั น้ีคือ
1) พฒั นาความคล่องทางดิจิทลั (Become Digitally Fluent) ยอมรับวา่ การเปลี่ยนแปลง
เป็ นส่ิงสาคัญต่อการเข้าสู่โลกดิจิทัล ซ่ึงตระหนักถึงความจาเป็ น ความคล่องทางดิจิทัล และ
การบรู ณาการความคิดเชิงดิจิทลั เขา้ สู่การจดั การในชีวิตประจาวนั
2) พฒั นาขีดความสามารถใหม่ (Develop New Capabilities) กระตุน้ ให้พนักงาน
ทุกคนพฒั นาสมรรถนะดิจิทลั เพราะหากคนงานมีความสามารถทางดิจิทลั มากข้ึนเท่าไหร่ ก็ย่ิงมี
ส่วนร่วมเพม่ิ พนู ศกั ยภาพในการสร้างสรรคส์ ่ิงท่ีมีคุณค่า
3) เต็มใจที่จะทดลอง (Willingness to Experiment) ใช้เคร่ื องมือโซเชียลมีเดีย
แบบเรียลไทม์ ความรวดเร็วจะกลายเป็ นวิธีสาคัญในการรับข้อมูลเชิงลึกทันทีในการพัฒนา
ความตอ้ งการของผรู้ ับบริการอยา่ งรวดเร็ว เพ่ือรับรู้อารมณ์สาธารณะ เพ่ือสร้างความสัมพนั ธ์อนั ดี
ซ่ึงตอ้ งอาศยั ความคล่องแคล่ว Prof. Kaganer ให้คาแนะนาคือ ยอมรับการสูญเสียการควบคุมและ
เร่ิมสร้างความสัมพนั ธ์ท่ีเป็ นประโยชน์ร่วมกนั ใหม่กับผูร้ ับบริการและผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาที่มีอานาจ
ผา่ นทางดิจิทลั
4) ทาความเขา้ ใจว่าเทคโนโลยีกาลงั เปล่ียนแปลงสังคมและมีผลกระทบต่อธุรกิจ
อ ย่ า ง ไ ร ( Understand How Technology is Transforming Society, and Translate into Business
Impact) Prof. Zamor ผู้นาด้านดิจิทัลต้องทาความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงข้นั พ้ืนฐานท่ีสาคญั เหล่าน้ีเป็ นผลกระทบทางธุรกิจ
ในระดบั อตุ สาหกรรมองคก์ รและบุคคล
5) ส่งเสริมสภาพแวดล้อมแบบรวมพลัง (Promote Collaborative Environments)
ฝ่ ายไอทีไม่สามารถแยกออกจกกนั ได้อีกต่อไปและไม่ถือว่าเทคโนโลยีเป็ นพ้ืนที่ธุรกิจแบบแยก
อิสระได้ จะเห็นว่าดิจิทัลแทรกซึมท้งั องค์กรและส่งผลต่อทุกข้นั ตอนในห่วงโซ่ของคุณค่าใน
ลักษณะเดียวกับที่ผู้จัดการสามารถประมาณการงบดุลได้ เขาจะสามารถรู้ได้ว่าเทคโนโลยี
จะส่งผลกระทบต่อกลยทุ ธ์ทางธุรกิจของบริษทั อยา่ งไร
6) ใช้ข้อมูลไม่ใช่แค่เทคโนโลยีเท่าน้ัน (Use the Information, not just the
Technology) บางทีข้ันตอนท่ียิ่งใหญ่ที่สุดในการตัดแบ่งดิจิทัลเกี่ยวข้องกับปัญหาของข้อมูล
ขนาดใหญ่ การทาความเขา้ ใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนขอ้ มูลขนาดใหญ่ลงในการตดั สินใจเพ่ือปรับปรุง
ประสิทธิภาพของธุรกิจ ควรอยู่ที่ดา้ นบนของวาระการประชุมผูบ้ ริหารทุกคน แต่เราควรพิจารณา
วธิ ีการใชเ้ พ่อื เพ่มิ ประสิทธิภาพของแต่ละบุคคล
22
จากการศึกษาแนวคิดคุณลกั ษณะของภาวะผูน้ าดิจิทลั ที่ไดก้ ล่าวไวข้ า้ งตน้ สามารถ
สรุปไดว้ ่า คุณลกั ษณะของผบู้ ริหารสถานศึกษาท่ีมีความสอดคลอ้ งกบั การเป็นผบู้ ริหารสถานศึกษา
ในยุคดิจิทัลที่อยู่ในยุคท่ีเต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสาร เทคโนโลยีสารสนเทศ นวัตกรรมและ
การเปล่ียนแปลงต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว ซ่ึงมีความจาเป็ นอย่างยิ่งท่ีผูบ้ ริหารสถานศึกษาจะต้องได้
พฒั นาคุณลกั ษณะของตนเอง ท้งั ดา้ นสติปัญญา จิตใจและดา้ นสังคม เพอ่ื เติมเตม็ คนใหส้ มบูรณ์มาก
ย่ิงข้ึน ให้เป็ นผู้บริ หารสถานศึกษาที่เก่งและดี สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์และ
การเปล่ียนแปลงของโลก ความกา้ วหนา้ ดา้ นการศึกษา การบริหารงาน และสามารถดารงชีวิตอยูใ่ น
สงั คมไดอ้ ยา่ งมีความสุข
2.3 องค์ประกอบของภาวะผ้นู าดิจทิ ัล
นักวิชาการ หน่วยงานการศึกษา นกั การศึกษาหลายท่านไดก้ ล่าวถึงองคป์ ระกอบที่
สาคญั ในการเป็นภาวะผนู้ าดิจิทลั ดงั ต่อไปน้ี
สมศักด์ิ จีวฒั นา (2555) นาเสนอตัวบ่งช้ีภาวะผู้นาเทคโนโลยีสารสนเทศและ
การสื่อสารของบุคลากรทางการศึกษา สถานศึกษาข้นั พ้ืนฐานในยคุ ดิจิทลั โดยมีองคป์ ระกอบหลกั
6 องค์ประกอบ คือ 1) ทรรศนะภาวะผูน้ าและวิสัยทัศน์ทางเทคโนโลยี 2) การเรียนการสอน
3) ความเป็ นองค์กรวิชาชีพตน้ แบบและความชานาญเชิงวิชาชีพ 4) สนับสนุนและกระบวนการ
จดั การเทคโนโลยี 5) การวดั ผลและประเมินผล และ 6) สงั คม จรรยาบรรณ และกฎหมาย
สุกญั ญา แช่มชอ้ ย (2555) ไดเ้ สนอแนวคิดองคป์ ระกอบของภาวะผนู้ าทางเทคโนโลยี
ในยคุ ดิจิทลั ข้ึนมาประกอบดว้ ย 6 ดา้ น ไดแ้ ก่
1) ภาวะผนู้ าและวิสัยทศั น์ (Leadership and Vision) ประกอบดว้ ย 5 ขอ้ ไดแ้ ก่
1.1 ส่ือสารกบั ผูท้ ่ีมีส่วนเก่ียวขอ้ งเกี่ยวกบั กระบวนการวางแผนดา้ นเทคโนโลยี
ของเขตพ้ืนที่การศึกษาหรือโรงเรียนและมีความพยายามในการดาเนินการ
1.2 ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผูท้ ี่มีส่วนเก่ียวข้องในกระบวนการวางเเผน
ดา้ นเทคโนโลยขี องเขตพ้นื ที่การศึกษาหรือโรงเรียน
1.3 วเิ คราะหค์ วามสอดคลอ้ งของแผนดา้ นเทคโนโลยขี องเขตพ้นื ท่ีการศึกษาหรือ
โรงเรียนกบั แผนอ่ืน ๆ รวมท้งั แผนกลยุทธ์ของเขต แผนพฒั นาการศึกษาของโรงเรียน หรือแผน
การเรียนการสอนอ่ืน ๆ
1.4 ผูบ้ ริหารสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีที่มีการวิจยั เป็ นฐานในแผนการพฒั นา
โรงเรียน
1.5 เข้าร่วมกิจกรรมการค้นหากรณีตัวอย่างท่ีดีในการใช้เทคโนโลยี เช่น
การทบทวนวรรณกรรม การเขา้ ร่วมสัมมนาที่เกี่ยวขอ้ ง หรือการประชุมในองคก์ รท่ีสาคญั
23
2) การเรียนการสอน (Learning and Teaching) ประกอบดว้ ย 6 ขอ้ ไดแ้ ก่
2.1 เตรียมความพร้อมและให้ความช่วยหลือครูในการใช้เทคโนโลยีสาหรับ
การตีความและวิเคราะหข์ อ้ มลู การวดั ผลนกั เรียน
2.2 เตรียมความพร้อมและให้ความช่วยเหลือครูในการใชข้ อ้ มูลจากการวดั ผล
นกั เรียนในการปรับปรุงการสอน
2.3 เผยแพร่ หรื อจัดทาแนวทางการปฏิบัติที่ดีในการเรี ยนการสอน
ดว้ ยเทคโนโลยใี หก้ บั ครู
2.4 สนบั สนุน เช่น ระยะเวลา งบประมาณ และคาตอบแทน แก่ครูพยายามที่จะ
แบ่งปันขอ้ มูลเกี่ยวกบั ปฏิบตั ิการดา้ นเทคโนโลยี
2.5 ประเมินความตอ้ งการของครูในการพฒั นาวชิ าชีพดา้ นการใชเ้ ทคโนโลยี
2.6 ส่งเสริมการพฒั นาวชิ าชีพดา้ นการใชเ้ ทคโนโลยใี หก้ บั ครูและเจา้ หนา้ ที่
3) การผลิ ตและการปฏิบัติวิชาชี พ (Productivity and Professional Practice)
ประกอบดว้ ย 5 ขอ้ ไดแ้ ก่
3.1 เขา้ ร่วมกิจกรรมพฒั นาวิชาชีพดา้ นการพฒั นาและเพิม่ การใชเ้ ทคโนโลยี
3.2 ใช้เทคโนโลยีในการช่วยเหลือการปฏิบัติงานประจา (เช่น การวางแผน
งบประมาณ การส่ือสารกบั ผอู้ ื่น การรวบรวมขอ้ มูล)
3.3 ใชร้ ะบบบริหารจดั การโดยใชเ้ ทคโนโลยีเป็นฐานในการเขา้ ถึงขอ้ มูลบุคคล
ของครูและเจา้ หนา้ ท่ี
3.4 ใช้ระบบบริหารจัดการโดยใช้เทคโนโลยีเป็ นฐานในการเข้าถึงข้อมูล
นกั เรียน
3.5 ใช้เทคโนโลยี (เช่น อีเมล์ การประชุมวิดีโอทางไกล) เป็ นเครื่องมือ
ในการสื่อสารกับผูท้ ี่มีส่วนเกี่ยวขอ้ ง รวมถึงเพื่อนร่วมงาน ผูเ้ ชี่ยวชาญ นักเรียน ผูป้ กครอง และ
ชุมชน
4) การสนับสนุน การบริ หาร และการปฏิบัติการ (Support, Management, and
Operations) ประกอบดว้ ย 6 ขอ้ ไดแ้ ก่
4.1 สนบั สนุนครูและเจา้ หนา้ ท่ีในการเช่ือมโยง สร้าง และใชร้ ะบบเทคโนโลยี
สาหรับการบริ หารและการปฏิบัติการ (เช่นระบบข้อมูลนักเรี ยน สมุดพกอิเล็กทรอนิกส์
ระบบบริหารหลกั สูตร)
4.2 จดั สรรงบประมาณ ในการสนบั สนุนความตอ้ งการเทคโนโลยขี องโรงเรียน
จดั หาเงินทนุ เพม่ิ เติมในการสนบั สนุนความตอ้ งการเทคโนโลยขี องโรงเรียน
24
4.4 จัดการทดแทน/ปรับปรุงฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ตามแผนเทคโนโลยี
ของโรงเรียน
4.5 สนบั สนุนการใหบ้ ริการดา้ นเทคโนโลยที ่ีมีคณุ ภาพอยา่ งพอเพียง
4.6 ตรวสอบความพึงพอของครูและเจ้าหน้าท่ีต่อการให้บริการสนับสนุน
ดา้ นเทคโนโลยขี องโรงเรียน
5) การวดั และประเมินผล (Assessment and Evaluation) ประกอบดว้ ย 5 ขอ้ ไดแ้ ก่
5.1 ส่งเสริมให้มีการใช้ระบบเทคโนโลยีเป็ นฐานในการรวบรวมขอ้ มูลเพ่ือ
การวดั ผลนกั เรียน
5.2 ประเมินการสอนโดยใช้ระบบเทคโนโลยีเป็ นฐานของครู รวมท้ัง
ประสิทธิภาพเทคโนโลยใี นการสอน
5.3 วดั ผลและประเมินระบบธุรการและปฏิบตั ิการโดยใช้เทคโนโลยีเป็ นฐาน
ท่ีมีอยเู่ พอ่ื การปรับปรุงและพฒั นา
5.4 ประเมินประสิทธิภาพของการให้การพัฒนาวิชาชีพเพ่ือตอบสนอง
ความตอ้ งการและการใชเ้ ทคโนโลยขี องครู
5.5 ประเมินสมรรถนะครู ด้านการใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ
ในการพจิ ารณาความดีความชอบ
6) ประเดน็ ทางสงั คม กฎหมาย และจรรยาบรรณ (Social, Legal and Ethical Issues)
6.1 ดาเนินการให้เกิดความเสมอภาคในการเข้าถึงและการใช้เทคโนโลยี
ในโรงเรียน
6.2 กาหนดนโยบายเพอ่ื สร้างความตระหนกั ถึงความสัมพนั ธข์ องเทคโนโลยีกบั
ประเด็น สังคม กฎหมาย และจรรยาบรรณ ใหก้ บั ครูเจา้ หน้าที่ และนกั เรียน
6.3 กาหนดนโยบายที่เกี่ยวขอ้ งกบั ลิขสิทธ์ิและสิทธิบตั ร
6.4 มีส่วนร่ วมในการกาหนดประเด็นท่ีเก่ียวข้องกับความเป็ นส่วนตัว
และความปลอดภยั ออนไลน์
6.5 สนบั สนุนการใชเ้ ทคโนโลยเี พ่อื สนองความตอ้ งการนกั เรียนการศึกษาพิเศษ
6.6 สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีเพ่ือจัดรูปแบบการศึกษาให้กับนักเรี ยน
เป็ นรายบุคคล
6.7 ไดเ้ ผยแพร่ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ประเด็นสุขภาพท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การใชเ้ ทคโนโลยี
และคอมพิวเตอร์ในหอ้ งเรียนและสานกั งาน
25
มลิวลั ย์ ธรรมแสง (2558) ไดเ้ สนอแนวคิดองคป์ ระกอบของภาวะผนู้ าดา้ นเทคโนโลยี
และดิจิทลั เพ่ือการศึกษาของผบู้ ริหารโรงเรียนที่เหมาะสม มี 8 องคป์ ระกอบ ไดแ้ ก่
1) วสิ ัยทศั นผ์ นู้ าทางดิจิทลั
2) การบริหารจดั การเทคโนโลยีในโรงเรียน
3) วฒั นธรรมการเรียนรู้ในยคุ ดิจิทลั
4) ความรู้เกี่ยวกบั เทคโนโลยเี พือ่ การศึกษา
5) การบูรณาการเทคโนโลยใี นการจดั การศึกษา
6) การประเมินและการนิเทศดว้ ยเทคโนโลยี
7) สังคม จริยธรรม และกฎหมายสาหรับพลเมืองยคุ ดิจิทลั
8) ความเป็นมืออาชีพ
เอกชยั กี่สุขพนั ธ์ (2559) กล่าวว่า ผูบ้ ริหารสถานศึกยาในยุคดิจิทลั จาเป็ นท่ีจะตอ้ ง
เรียนรู้เก่ียวกบั เทคโนโลยกี ารส่ือสารและเทคโนโลยคี อมพิวเตอร์ (ICT) และผลกระทบที่เกิดข้ึนต่อ
การบริหารจดั การสถานศึกษาเพ่ือการใช้ ICT ใหเ้ หมาะสม เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างคุม้ ค่าแทจ้ ริง
ดงั น้นั องคป์ ระกอบของภาวะผนู้ ายคุ ดิจิทลั จึงควรประกอบดว้ ย
1) การกาหนดวิสัยทศั น์ดา้ น ICT โดยสถานศึกษากาหนดวิสัยทศั น์ของสถานศึกษา
ใหช้ ดั เจนวา่ ตอ้ งการไปในทิศทางใด และจะนามาใชก้ บั การบริหารสถานศึกษาในเร่ืองใดบา้ ง
2) การบริหารจดั การดา้ น ICT บริหารจดั การโครงสร้างพ้ืนฐานใหส้ ามารถใชง้ านได้
อย่างมีประสิ ทธิ ภาพ ได้แก่ Hardware, Software, Network และเครื อข่ายไร้สายต่าง ๆ
ของสถานศึกษาใหค้ รู อาจารย์ บุคลากรและนกั เรียน รวมท้งั ชุมชนทุกคนสามารถใชแ้ ละเขา้ ถึงได้
อยา่ งรวดเร็ว สะดวกและง่ายตอ่ การใชง้ าน พร้อมจดั สรรทรัพยากรใหเ้ พยี งพอ
3) วัฒนธรรมการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยี การสร้างวฒั นธรรมการทางานและ
บรรยากาศสถานศึกษาใหม้ ีการใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ งแพร่หลายท้งั ดา้ นการจดั การเรียนการสอนของครู
การบริหารงานสถานศึกษาในดา้ นต่าง ๆ ใหน้ กั เรียนสามารถใชแ้ ละเขา้ ถึงแหลง่ ขอ้ มูลความรู้ต่าง ๆ
ผา่ นระบบออนไลน์ ไดท้ ุกท่ีทกุ เวลา
4) การอบรมพฒั นาบุคลากร โดยพฒั นาบุคลากรทุกคนในสถานศึกษาให้เป็ น
ผมู้ ีความรู้และความสามารถดา้ นเทคโนโลยอี ยา่ งตอ่ เน่ืองสม่าเสมอ
5) การเป็นตน้ แบบดา้ นเทคโนโลยี ผบู้ ริหารสถานศึกษาปฏิบตั ิตนใหเ้ ป็นตวั อยา่ งท่ีดี
ในใชเ้ ทคโนโลยใี นการปฏิบตั ิงานไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
26
6) การสร้างนวตั กรรมใหม่ ๆ ส่งเสริมสนับสนุนสร้างแรงจูงใจครูอาจารยบ์ ุคลากร
ทกุ คนของสถานศึกษาใหน้ าความรู้ความสามารถดา้ นเทคโนโลยีต่าง ๆ ท่ีสถานศึกษาจดั ใหม้ าสร้าง
นวตั กรรมใหม่ ๆ ในการปฏิบตั ิงานและการจดั การเรียนการสอน
7) การกากับติดตามการใช้เทคโนโลยี จดั ให้มีระบบการกากับติดตามและการให้
คาปรึกษาเกี่ยวกบั การใช้ ICT ของสถานศึกษาท้งั ครูอาจารย์ บคุ ลากรทุกคนและนกั เรียนวา่ สามารถ
ใชไ้ ดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามนโยบายอยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมหรือไม่
ชูชาติ พุทธลา (2561) ได้เสนอแนวคิดองค์ประกอบภาวะผูน้ าดิจิทัลของผูบ้ ริหาร
โรงเรียนสังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาจงั หวดั หนองบวั ลาภู มี 8 องคป์ ระกอบ
ดงั น้ี
1) การส่ือสารและการประชาสัมพนั ธ์ คือ การนาข้อมูล ข่าวสารจากบุคคลหรือ
องคก์ รใด ๆ ไปสู่อีกคนเพื่อให้เกิดความเขา้ ใจเกี่ยวกบั ความคิดเห็น เจตคติ และค่านิยม ตลอดจน
บรรลุวตั ถุประสงคข์ ององคก์ ร อนั จะทาใหเ้ กิดการพฒั นาและเปล่ียนแปลง ดงั น้นั หัวใจสาคญั ของ
การประชาสมั พนั ธจ์ ึงหนีไมพ่ น้ การสร้างความเขา้ ใจที่ถกู ตอ้ งระหวา่ งองคก์ รกบั ผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสีย
2) การสร้างแบรนด์ คือ กลยุทธ์เพ่ือการสร้างความแตกต่างซ่ึงจาเป็ นต้องใช้
ความชานาญและความเช่ียวชาญ ซ่ึงในปัจจุบนั โรงเรียนไม่ใช่เป็ นเพียงสถานที่เรียนหนงั สือหรือ
เป็ นที่ให้ความรู้เพียงอย่างเดียว แต่เปรียบเสมือนบา้ นหลงั ท่ีสองของผูเ้ รียนดว้ ย ดงั น้นั ผูบ้ ริหาร
โรงเรียนควรคานึงถึงผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสีย เช่น ผเู้ รียน ผสู้ อน และผปู้ กครอง
3) การเรียนรู้โดยใช้เครื่ องมือทางดิจิทัล คือ การแสดงออกถึงความสามารถ
ในการวางแผนและใชเ้ ทคโนโลยี สามารถใชค้ อมพิวเตอร์เพ่ือการปฏิบตั ิงาน และใช้เทคโนโลยี
ในการติดต่อสื่อสาร เพื่อการเขา้ ถึงแหล่งบริการสารสนเทศและนามาใช้บริหารจัดการภายใน
โรงเรียนอย่างเป็ นระบบ รวมถึงความสามารถในการจดั ระบบสารสนเทศโรงเรียนให้อยู่ในรูป
เทคโนโลยดี ิจิทลั ได้
4) การพฒั นาในวิชาชีพ คือ การท่ีผูบ้ ริหารพฒั นาทกั ษะในด้านวิชาชีพของตนเอง
และบุคลากร โดยมีการสนบั สนุนองคค์ วามรู้และเทคโนโลยีสมยั ใหม่ในการบริหารจดั การและจัด
ให้มีศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิตเพ่ือการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมในแต่ละพ้ืนท่ี ตลอดการส่งเสริ ม
การกระจายอานาจให้มีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการจดั การศึกษาเพ่ือนาไปสู่เป้าหมายคุณภาพ
การศึกษาและการเรียนรู้แบบคุณธรรมนาความรู้ควบคไู่ ปกบั การใชเ้ ทคโนโลยีอยา่ งแทจ้ ริง
5) สภาพแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยี คือ การดาเนินการที่มีผลต่อ
การเรียนรู้ของผเู้ รียนในทางตรงและทางออ้ มท้งั ที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม สภาพแวดลอ้ มท่ีเป็น
รูปธรรมหรือสภาพแวดล้อมทางกายภาพ เช่น สภาพต่าง ๆ ท่ีมนุษย์สร้างข้ึนมา โดยไม่ใช่แค่
27
ในห้องเรียน หากแต่เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือนวตั กรรมเทคโนโลยีจะขยายสภาพการเรียนรู้
ที่กวา้ งข้ึน และไมม่ ีขอ้ จากดั ดา้ นเวลาและสถานท่ี
6) โอกาสในการเรียนรู้และพฒั นาโดยใชเ้ ทคโนโลยี คอื โอกาสในการช่วยใหอ้ งคก์ ร
สามารถเรียนรู้และสร้างสรรคส์ ิ่งใหม่ ๆ ไดเ้ ร็วยิ่งข้ึน ดงั น้นั ในการเรียนรู้และพฒั นาจึงมีส่วนช่วย
ในการผลักดันองค์กรให้เติบโตข้ึน ไม่ใช่หยุดน่ิงอยู่กับที่ เพื่อผลักดันองค์กรในยุคดิจิทัลให้
เปล่ียนแปลงตนเองและกลายเป็นองคก์ รดิจิทลั อยา่ งแทจ้ ริง
7) การวดั ผลและประเมินผลด้วยเทคโนโลยี คือ การที่ผูบ้ ริหารใช้เทคโนโลยี
สมยั ใหม่มาช่วยในกระบวนการวดั และประเมินผลอยา่ งมีระบบ มีนวตั กรรมการวดั และประเมินผล
ดว้ ยเทคโนโลยโี ดยนาขอ้ มูลจากการวดั ผลมาตีคา่ และตดั สินคุณคา่ ของผเู้ รียน
8) การมีจริยธรรมทางสังคมและปฏิบตั ิตามกฎหมาย คือ การที่ผูบ้ ริหารโรงเรียน
นาหลกั ปฏิบตั ิตามกฎหมายและศีลธรรมอนั ดีมาใช้ในการบริหารจดั การในกระบวนการต่าง ๆ
และระบบงานท่ีเกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทลั ซ่ึงรวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เคร่ือง
คอมพิวเตอร์ เคร่ืองใช้สานักงาน อุปกรณ์การสื่อสารต่าง ๆ มาใช้ในการรวบรวมขอ้ มูล จดั เก็บ
ประมวลผลขอ้ มูล และออกมาเป็ นสารสนเทศในรูปแบบต่าง ๆ ที่เรียกขอ้ มูลนาไปใช้ประโยชน์
ไดส้ ะดวกและรวดเร็ว
ภานุมาศ จนั ทร์ศรี (2562) เสนอแนวคดิ องคป์ ระกอบภาวะผนู้ าเชิงดิจิทลั ของผบู้ ริหาร
โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาในจงั หวดั ขอนแก่น มี 4 องคป์ ระกอบดงั น้ี
1) การสื่อสารเชิงดิจิทลั (Digital Communication) หมายถึง กระบวนการที่ผบู้ ริหาร
แสดงออกถึงการส่ือสารและประชาสัมพนั ธ์ที่ขยายความคิด ความเช่ือให้กับสถานศึกษาอื่น
ตลอดจนหน่วยงานอื่นท้งั ภาครัฐและเอกชนท่ีเกี่ยวขอ้ งเขา้ ใจ เป็นท่ียอมรับของทุกองคก์ ร นาไปสู่
การปฏิบตั ิ ดว้ ยรูปภาพ การเขียน การใช้สัญลกั ษณ์ ผ่านช่องทางการส่ือสารสังคมออนไลน์ท่ีมี
ประสิทธิภาพ
2) การสร้างวิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั (Digital Learning) หมายถึง กระบวนการหรือ
พฤติกรรมที่ผูบ้ ริหารส่งเสริม สนบั สนุนให้ครูใช้เทคโนโลยีดิจิทลั ในการออกแบบกระบวนการ
จดั การเรียนการสอน ผลิตส่ือนวตั กรรมเชิงสร้างสรรคท์ ี่ส่งผลต่อการเรียนของผเู้ รียน นาไปสู่การวดั
และประเมินผลโดยการใชเ้ ทคโนโลยใี นการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ขอ้ มูลนกั เรียนแต่ละบุคคล
แลว้ เช่ือมโยงสู่ขอ้ สรุปเพอ่ื นาไปใชใ้ นการพฒั นาการสอนและการเรียนรู้ต่อไป
3) การพฒั นาสู่ความเป็นมืออาชีพ (Professional Development) หมายถึง กระบวนการ
หรือพฤติกรรมท่ีผูบ้ ริหารแสดงออกถึงแนวทางการปฏิบตั ิในด้านการคิดและการตดั สินใจและ
กลา้ ปรับปรุงเปล่ียนแปลงใหม้ ีความเชี่ยวชาญในการนาเทคโนโลยสี มยั ใหมม่ าใชใ้ นการบริหารงาน
28
ให้มีประสิทธิภาพ เปิ ดโอกาสทางการเรียนรู้ให้กับทีมงานในด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
โดยการเขา้ ร่วมอบรม ประชุม สัมมนาเพื่อพฒั นาความเป็ นมืออาชีพดา้ นการใชเ้ ทคโนโลยีดิจิทลั
ใหก้ บั บคุ ลากร
4) การสร้างวัฒนธรรมเชิงดิจิทัล (Digital Culture) หมายถึง พฤติกรรมหรื อ
กระบวนการท่ีผบู้ ริหารแสดงออกถึงการมีวิสัยทศั น์เทคโนโลยดี ิจิทลั เปิ ดโอกาสใหบ้ ุคลากรมีส่วน
ร่วมในการแสดงความคิดเห็นเพื่อนาเทคโนโลยีดิจิทลั มาใช้ในการปฏิบตั ิงาน ครูและบุคลากร
ทางานร่วมกนั แบง่ ปันขอ้ มูลข่าวสารไดท้ ุกท่ีทุกวลาเพ่ือความสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพต่อ
ผลประโยชน์ของส่วนรวม
ธิดารัตน์ และกนกอร สมปราชญ์ (2562) (อ้างถึงใน กนกอร สมปราชญ์, 2562)
ไดศ้ ึกษาวิจยั เร่ืองภาวะผนู้ าแบบดิจิทลั ท่ีส่งผลต่อการเกิดแบรนดข์ องโรงเรียน พบวา่ มีองคป์ ระกอบ
หลกั สาคญั ของภาวะผนู้ าแบบดิจิทลั มีตงั น้ี
1) วสิ ยั ทศั นผ์ นู้ าแบบดิจิทลั
2) การพฒั นาวิชาชีพของบุคลากรและผบู้ ริหาร
3) สมรรถนะและความสามารถทางดิจิทลั ของผบู้ ริหาร
4) การสร้างเครือข่ายดิจิทลั เพอ่ื การเรียนรู้
5) จริยธรรมองคก์ ารและสังคมดิจิทลั
กนกอร สมปราชญ์ (2562) กล่าวถึงองคป์ ระกอบของภาวะผูน้ าแบบดิจิทลั ประกอบ
ไปดว้ ย 1) การสร้างความตระหนกั (Awareness Building) ถึงความสาคญั ของ ICT ตอ่ การช่วยบรรลุ
ความสาเร็จ 2) ทักษะการระดมทรัพยากร (Resource Mobilizing Skills) เพื่อให้มีการใช้ ICT
อย่างแพร่หลาย 3) ทกั ษะการปฏิบตั ิการ (Operational Skills) มีกิจกรรมการบริการเพื่อจดั การและ
การใชง้ าน ICT และ 4) ภาวะผนู้ าเชิงโครงสร้าง (Structural Leadership) เป็นการปฏิวตั ิสารสนเทศ
ที่ไม่ใช่เพียงแค่การใช้ ICT แต่ยงั เป็นการเคล่ือนตวั ไปสู่รูปแบบใหม่ของการกระจายสู่สังคมดิจิทลั
ดงั น้นั องคป์ ระกอบหลกั ท่ีสาคญั ของภาวะผนู้ าดิจิทลั ประกอบดว้ ย
1) วิสยั ทศั น์ผนู้ าแบบดิจิทลั
2) การพฒั นาวิชาชีพของผบู้ ริหารและบคุ ลากร
3) สมรรถนะและความสามารถทางดิจิทลั ของผบู้ ริหาร
4) การสร้างเครือข่ายดิจิทลั เพื่อการเรียนรู้
5) จริยธรรมองคก์ ารและสังคมดิจิทลั
ทินกร บวั ชู และทิพภาพร บวั ชู (2562) ไดส้ รุปองค์ประกอบของภาวะผูน้ าดิจิทลั
ที่สาคญั ของผบู้ ริหารสถานศึกษา ประกอบดว้ ย
29
1) การมีวิสัยทศั น์ (Visionary Leadership) ผูบ้ ริหารสถานศึกษาจะตอ้ งมีวิสัยทศั น์
สามารถแลกเปลี่ยนถ่ายถอดวิสัยทัศน์ หรือความคิดรวบยอดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงองค์กร
ด้วยการพฒั นานวตั กรรมดิจิทัล และประยุกต์ใช้ดิจิทัลเพ่ือยกระดับความเป็ นเลิศขององค์กร
การเข้าใจกลยุทธ์ท่ีสนับสนุนเป้าหมายจะเป็ นการเพิ่มโอกาสในการแข่งขันขององค์กร
ดว้ ยนวตั กรรมดิจิทลั
2) การเป็ นผูใ้ ช้งานดิจิทัลได้อย่างคล่องแคล่ว (Professional Practice) ผู้บริหาร
สถานศึกษาตอ้ งตระหนักว่าจะตอ้ งเป็ นผูน้ าในการใช้งานดิจิทลั ได้อย่างคล่องแคล่ว เช่ือมนั่ ใน
การใช้เทคโนโลยี (Digital Native) สามารถจดั สภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้และนวตั กรรมดิจิทลั ได้
อย่างมืออาชีพ ออกแบบสถานที่ทางานเพื่อช่วยสร้างบรรยากาศให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
และการเสริมสร้างพลงั อานาจดว้ ยเทคโนโลยแี ละแหลง่ เรียนรู้ดิจิทลั ต่าง ๆ
3) ความสามารถในการนาขอ้ มูลมาใช้ (Data Driven) ผูบ้ ริหารสถานศึกษาสามารถ
เรียกใช้ขอ้ มูลสารสนเทศได้อย่างอิสระ (Free flow of Information) โดยนามาใช้ได้อย่างไม่จากดั
ทาให้เกิดประโยชน์ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กบั องค์กรต้งั แต่การทางานประจาวนั การวางแผน
กลยทุ ธ์ การบริหารจดั การคณุ ภาพอยา่ งต่อเน่ืองโดยใชแ้ หลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศอยา่ งมีประสิทธิภาพ
4) ความเข้าใจในความรู้และทักษะความสามารถของคนในองค์กร (Talent
Management) ผูบ้ ริหารสถานศึกษาจะต้องเข้าใจขีดความสามารถของคนในองค์กร จดั การและ
สร้างสมดุลของทกั ษะความสามารถของคนในองคก์ รใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์ สามารถจดั การ
กบั ปัญหาในการทางาน การสร้างสรรคน์ วตั กรรมดิจิทลั ใหม่ การเป็นผปู้ ระกอบการ ความเป็นมือ
อาชีพในการทางานตามแผนท่ีกาหนด การจา้ งบุคลากรท่ีมีความรู้ความคิดเชิงนวตั กรรม
5) การสร้างวฒั นธรรมการเรียนรู้ในโลกดิจิทัล (Digital Age Learning Culture)
ผบู้ ริหารสถานศึกษาจะตอ้ งสร้างสรรคผ์ ลวตั ในการใชเ้ ทคโนโลยแี ละนวดั กรรมดิจิทลั ให้เป็นปกติ
ในองคก์ ร จนเกิดเป็นวฒั นธรรมการเรียนรู้ในโลกดิจิทลั ในองคก์ รไดอ้ ยา่ งทว่ั ถึง ติดตามแนวโน้ม
การเปล่ียนแปลงตลอดเวลา ใหโ้ อกาสทดลองโครงการใหมๆ่ และมีความรวดเร็วในการตดั สินใจ
ชุติรัตน์ กาญจนธนชยั (2562) ได้สังเคราะห์องค์ประกอบของภาวะผูน้ าดิจิทลั จาก
การศึกษาตวั บง่ ช้ีภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผูบ้ ริหารสถานศึกษา สังกดั สานกั งานคณะกรรมการการศึกษา
ข้นั พ้ืนฐาน ประกอบดว้ ย
1) ความร่วมมือ ประกอบดว้ ย การแบ่งปันขอ้ มูล ความรับผิดชอบ และการแกไ้ ข
ปัญหา
2) ความรู้ดิจิทลั ประกอบดว้ ย เขา้ ใจดิจิทลั การใชด้ ิจิทลั การรู้สารสนเทศ
30
3) วิสัยทัศน์ดิจิทัล ประกอบด้วย การสร้างวิสัยทัศน์ การเผยแพร่วิสัยทศั น์ และ
การปฏิบตั ิตามวสิ ัยทศั น์
4) การส่ือสาร ประกอบดว้ ย ทกั ษะในการส่ือสาร ทศั นคติการส่ือสาร และชดั เจนใน
การส่ือสาร
สุชญา โกมลวานิช (2563) ไดส้ ังเคราะห์เน้ือหาเก่ียวกบั องคป์ ระกอบภาวะผนู้ าดิจิทลั
ของผบู้ ริหารสถานศึกษา พบวา่ ภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษามี 3 องคป์ ระกอบ ไดแ้ ก่
1) การสื่อสารดิจิทลั (Digital Communication) พฤติกรรมของผูบ้ ริหารที่แสดงออก
ถึงการสื่อสาร การประชาสัมพันธ์ และการสร้างเครื อข่าย โดยใช้ส่ือเทคโนโลยีดิจิทัล
เพอื่ การสื่อสารกบั นกั เรียน ครู บุคลากร และชุมชนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
2) การมีวิสัยทศั น์ดิจิทัล (Digital Vision) พฤติกรรมของผูบ้ ริหารท่ีแสดงออกถึง
การดาเนินงานในสถานศึกษา สามารถสร้างกลยทุ ธก์ ารนาเทคโนโลยดี ิจิทลั มาใชใ้ นการปฏิบตั ิงาน
เพ่ือส่งเสริมให้ครูและบุคลากรสามารถเรียนรู้ ปรับตัว พฒั นาตนเอง พฒั นาวิชาชีพ และสร้าง
นวตั กรรม
3) การรู้ดิจิทลั (Digital Literacy) พฤติกรรมของผบู้ ริหารที่แสดงออกถึงความสามารถ
ในการคน้ หา การประเมิน การใช้ การแบ่งปัน และสร้างสรรคส์ ารสนเทศ โดยใชเ้ ทคโนโลยีดิจิทลั
ในการจดั การเรียนการสอน การวดั ประเมินผล สร้างนวตั กรรม และสร้างบรรยากาศที่เอ้ือต่อ
การจดั การเรียนรู้
Hong Kong Education City: HKedCity (2005) กล่าวว่าองค์ประกอบของภาวะผูน้ า
ดิจิทัลประกอบกอบด้วย 8 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) แนวคิดในการดาเนินการทางเทคโนโลยี
2) การวางแผนและการออกแบบประสบการณ์และส่ิงแวดลอ้ มการเรียนรู้ 3) การเรียนการสอน
การจดั การเรียนรู้ และการพฒั นาหลกั สูตร 4) การวดั และการประเมินผล 5) ผลิตภาพและการปฏิบตั ิ
ทางวิชาชีพ 6) จริยธรรม กฎหมาย สังคมและบุคคล 7) แนวดาเนินการ นโยบาย การจัดสรร
งบประมาณสาหรับเทคโนโลยี และ 8) วิสยั ทศั น์
Redish, & Chan (2006) กล่าวไว้ว่า ผู้นาเชิงดิจิทัลประกอบด้วย 6 องค์ประกอบ
ซ่ึงไดแ้ ก่ 1) การมีภาวะผนู้ า 2) การจดั การเรียนรู้และการสอน 3) ผลิตภาพและการปฏิบตั ิทางวิชาชีพ
4) การสนับสนุน การธารงรักษา การดาเนินการ และงบประมาณ 5) การวดั และการประเมินผล
และ 6) กฎหมาย สงั คม และประเด็นทางจริยธรรม
Kozloski (2006) กล่าวว่าในปัจจุบนั เทคโนโลยไี ดก้ ลายมาเป็ นองค์ประกอบท่ีสาคญั
ในการจดั การศึกษา ผูบ้ ริหารโรงเรียนควรพฒั นาตนเองท้งั ในด้านภาวะผูน้ า ความรู้ และทกั ษะ
เก่ียวกับเทคโนโลยี Kozloski ได้กาหนดองค์ประกอบภาวะผูน้ าเชิงดิจิทัล ซ่ึงประกอบด้วย 6
31
องคป์ ระกอบ ไดแ้ ก่ 1) ภาวะผูน้ าและการมีวิสัยทศั น์ 2) การจดั การเรียนรู้และการสอน 3) ผลิตภาพ
และการปฏิบัติทางวิชาชีพ 4) การจัดการ การสนับสนุน และการดาเนินการ 5) การวดั และ
ประเมินผล 6) ประเด็นทางจริยธรรม สงั คม และกฎหมาย
ประเทศสหรัฐอเมริกาไดก้ าหนดมาตรฐานด้านการใชเ้ ทคโนโลยใี นยคุ ดิจิทลั ของชาติ
สาหรับผู้บริ หารสถานศึกษา (National Educational Technology Standards for Administrators :
NET-A) (ISTE, 2009) วา่ ประกอบดว้ ย 5 ดา้ น ดงั น้ี
1) การมีวิสัยทศั น์ (Visionary Leadership) ผบู้ ริหารสถานศึกษาจะตอ้ งสามารถสร้าง
แรงบนั ดาลใจ สามารถนาการพฒั นาและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี โดยการแลกเปล่ียนหรือ
ถ่ายทอดวิสัยทศั น์ ความคิดรวบที่เกี่ยวขอ้ งกบั การบูรณาการ เทคโนโลยเี พ่ือยกระดบั ความเป็นเลิศ
และสนบั สนุนการเปล่ียนแปลงในองคก์ าร ไดแ้ ก่
1.1 สร้างแรงบนั ดาลใจและจดั หาสิ่งอานวยความสะดวกระหว่างผูม้ ีส่วนได้
ส่วนเสียเกี่ยวกับการสร้างวิสัยทัศน์ร่ วมกันถึงการเปลี่ยนแปลงให้เกิดประโยชน์สูงสุด การใช้
ทรัพยากรยุคเศรษฐกิจดิจิทลั ร่วมกนั เพื่อตอบสนองให้เกิดเป้าหมายการเรียนรู้และการสนับสนุน
การเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพและเพม่ิ ประสิทธิภาพการทางานของผนู้ าทางการศึกษา
1.2 การมีส่วนร่วมในกระบวนการต่อเน่ืองในการพฒั นาการนาเทคโนโลยไี ปใช้
การดาเนินการแผนเชิงกลยทุ ธ์ในทกุ ระดบั ตามวสิ ยั ทศั น์ร่วมกนั ดา้ นเทคโนโลยี
1.3 การสนับสนุนนโยบายการระดมทุนเพ่ือสนับสนุนเทคโนโลยีและ
การดาเนินการตามวสิ ยั ทศั น์ร่วมกนั ดา้ นเทคโนโลยี
2) การสร้างวฒั นธรรมการเรียนรู้แบบโลกยุคดิจิทลั (Digital age Learning Culture)
ผบู้ ริหารสถานศึกษาจะตอ้ งสร้างสรรคผ์ ลวตั ในการใชเ้ ทคโนโลยใี หเ้ ป็นปกติ จนเกิดเป็นวฒั นธรรม
การเรียนรู้แบบโลกดิจิทลั ในองคก์ าร โดยจดั และส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนทุกคนไดร้ ับการเรียนรู้ดงั กล่าว
อยา่ งทวั่ ถึง ไดแ้ ก่
2.1 การตรวจสอบนวตั กรรมการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นพฒั นาอย่างต่อเน่ือง
ของการเรียนรู้ยคุ ดิจิทลั
2.2 การส่งเสริมการมีประสิทธิภาพการใชเ้ ทคโนโลยเี พ่ือการเรียนรู้
2.3 การจัดสภาพแวดลอ้ มที่ผูเ้ รียนเป็ นศูนย์กลาง พร้อมกับเทคโนโลยีและ
การเรียนรู้ทรัพยากรอื่น ๆ เพอ่ื ตอบสนองแตล่ ะความตอ้ งการท่ีหลากหลายของผเู้ รียนทกุ คน
2.4 การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในระดบั ทอ้ งถ่ิน และชุมชนการเรียนรู้ที่กระตุน้
ใหเ้ กิดนวตั กรรม ความคิดสร้างสรรคแ์ ละดิจิทลั
32
3) การปฏิบตั ิท่ีเป็นเลิศอยา่ งมืออาชีพ (Excellence in Professional Practice ) ผบู้ ริหาร
สถานศึกษาจะต้องจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้และนวัตกรรมอย่างมืออาชีพให้กับผู้เรี ยน
โดยการ เสริมสร้างพลงั อานาจครูใหจ้ ดั การเรียนรู้ใหก้ บั ผเู้ รียนโดยใชเ้ ทคโนโลยแี ละดิจิทลั ตา่ ง ๆ
3.1 การจดั สรรเวลา ทรัพยากรและการเขา้ ถึงการพฒั นาความเป็นมืออาชีพอยา่ ง
ต่อเน่ืองราบร่ืนในการผสมผสานทางเทคโนโลยี
3.2 การอานวยความสะดวกและการมีส่วนร่วมในชุมชนแห่งการเรียนรู้
ดว้ ยการกระตนุ้ อบรมและสนบั สนุนใหบ้ คุ ลากรในสถานศึกษาเรียนรู้และใชเ้ ทคโนโลยี
3.3 การส่งเสริมและการสร้างรูปแบบการติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
เกิดความร่วมมือในยคุ ดิจิทลั
3.4 การใหค้ วามสนใจดา้ นการวิจยั ทางการศึกษาและความน่าสนใจแนวโนม้ ท่ี
ปรากฎว่ามีประสิทธิภาพในการใชเ้ ทคโนโลยีและการประเมินผลท่ีสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี
ใหม่ ๆ สาหรับการเรียนรู้ท่ีพฒั นาสมรรถภาพของผเู้ รียน
4) การปรับปรุงอยา่ งเป็นระบบ (Systematic Improvement) ผบู้ ริหารสถานศึกษาตอ้ ง
ส่งเสริมความเป็นผูน้ าในยุคดิจิทลั และการบริหารจดั การคุณภาพอย่างต่อเนื่องในองคก์ ารโดยการ
ใชแ้ หล่งขอ้ มูลสารสนเทศอยา่ งมีประสิทธิภาพ
4.1 การเปลี่ยนแปลงของการนาระบบซ่ึงมีวตั ถุประสงค์เพ่ือบรรลุผลสาเร็จ
สูงสุดของเป้าหมายการเรียนรู้ที่เหมาะสม ด้วยการใช้เทคโนโลยีท่ีเหมาะสมและแหล่งเรียนรู้
ที่มีคณุ ค่า
4.2 การมีส่วนร่วมในการจดั ต้งั รวบรวมและวเิ คราะหข์ อ้ มลู อธิบายผลลพั ธแ์ ละ
คน้ หาปรับปรุงพฤติกรรมบคุ ลากรทางการศึกษาและการจดั การเรียนรู้ของผเู้ รียน
5) การเป็นพลเมืองในยคุ ดิจิทลั (Digital Citizenship) ผบู้ ริหารสถานศึกษาจะตอ้ งเป็น
แบบอย่างท่ีดีและส่งเสริมให้เกิดความตระหนักในประเด็นทางสังคม จริยธรรม และกฎหมาย
ตลอดจนความรับผดิ ชอบในสิ่งท่ีเก่ียวขอ้ งเพ่ือวิวฒั นาการของวฒั นธรรมของสงั คมดิจิทลั
American Institute for Research: AIR (2009) ได้กาหนดมาตรฐานทางเทคโนโลยี
สารสนเทศดา้ นการศึกษาระดบั ชาติสาหรับผบู้ ริหารในยคุ ดิจิทลั (National Educational Technology
standard for Administrators: NETS-A) ซ่ึงประกอบดว้ ย 5 มาตรฐาน ไดแ้ ก่ มาตรฐานท่ี 1 ภาวะผนู้ า
และวิสัยทศั น์ มาตรฐานท่ี 2 วฒั นธรรมการเรียนรู้ยคุ ดิจิทลั มาตรฐานที่ 3 มีความเป็นเลิศในวชิ าชีพ
มาตรฐานที่ 4 การพฒั นาอยา่ งเป็นระบบ มาตรฐานที่ 5 สังคมดิจิทลั
Hague & Payton (2010) ได้นาเสนอองค์ประกอบของภาวะผูน้ าดิจิทัลที่ควรรู้ และ
ดิจิทลั เป็นคู่มือสาหรับผสู้ อนและผบู้ ริหารโรงเรียนระดบั ประถมศึกษาและมธั ยมศึกษา ดงั ตอ่ ไปน้ี
33
1) ทกั ษะการทางานในหน้าท่ี (Functional Skills) มุ่งเนน้ ความรู้และทกั ษะเก่ียวกบั
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารบูรณาการกับความรู้ ในกลุ่มสาระต่าง ๆ เช่น
การบูรณาการทางความรู้และทักษะระหว่างวิชาภาษาอังกฤษกับเทคโนโลยีสารสนเทศและ
การสื่อสาร
2) ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) ความสามารถในการจินตนาการ
เชื่อมโยงระหว่างความคิดและการสร้างสรรคผ์ ลงาน โดยคาวา่ “ความคดิ สร้างสรรค”์ เป็นการสร้าง
ผลงานหรือผลิตภณั ฑ์หรือแนวคิดหรือสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ซ่ึงการรู้ดิจิทลั
เกี่ยวขอ้ งท้งั การใชอ้ ยา่ งมีวิจารณญาณและการผลิตสื่อสร้างสรรค์ เช่น ผูเ้ รียนสามารถสร้างเวบ็ ไซต์
หรือช่องทางการสื่อสารทางสังคมออนไลน์ดว้ ยตนเองสาหรับผชู้ มเฉพาะกลุ่ม ผเู้ รียนจาเป็นต้องมี
ความสามารถในการสร้างเน้ือหา การจดั การรูปภาพ การตดั ตอ่ วีดีโอ การใส่เสียง นาเสนอส่ิงใหม่ ๆ
อยา่ งสร้างสรรค์ เพ่ือใหผ้ ชู้ มเกิดความประทบั ใจต้งั แต่คร้ังแรกของการเขา้ ชม
3) การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณและการประเมินผล (Critical Thinking and Evaluation)
เป็ นการวิเคราะห์ประมวลผลขอ้ มูล ความคิด สารสนเทศ โดยใชท้ กั ษะการให้เหตุผลร่วมกับส่ือ
เพื่อต้งั คาถาม วิเคราะห์ กลน่ั กรอง ประเมินและพิจารณาสารสนเทศและสร้างขอ้ โตแ้ ยง้ เก่ียวกบั
สื่อดิจิทลั น้ัน ๆ ท่ีนามาพิจารณาได้ ท้งั น้ี ยงั เป็ นการสะทอ้ นการตีความหมาย และการกาหนด
ความสาคญั ของเรื่อง ที่พิจารณา เพ่อื ทาการตดั สินใจใหต้ รงตามวตั ถปุ ระสงคท์ ี่กาหนดไว้
4) ความเข้าใจทางสังคมและวัฒนธรรม (Cultural and Social Understanding)
เป็นความสามารถในการทาความเขา้ ใจและแบ่งปันความหมายของการสื่อสารในแต่ละสังคมและ
วฒั นธรรมผ่านเทคโนโลยีดิจิทลั ซ่ึงจาเป็นตอ้ งเขา้ ใจปฏิกิริยาที่แสดงออกมามีลกั ษณะท่ีเหมือนกนั
แต่อาจจะมีความหมายแตกต่างกันเพราะมีความต่างของวฒั นธรรมนั่นเอง รวมท้ังจะต้องทา
ความเขา้ ใจถึงสังคม วฒั นธรรม และประวตั ิศาสตร์ท่ีจะทาให้ผเู้ รียนไดเ้ รียนรู้ เขา้ ใจเรื่องต่าง ๆ ได้
กระจ่างข้ึน
5) การร่วมมือ (Collaboration) เป็ นความสามารถทางานร่วมกบั ผูอ้ ื่นได้ โดยผูเ้ รียน
จาเป็ นต้องเรียนรู้การมีส่วนร่วมในการสร้างและแบ่งปันความรู้และทางานร่วมกันเป็ นกลุ่ม
มีความสามารถอธิบายความคิด และการเจารจาต่อรองเมื่อความคิดของตนแตกต่างกับสมาชิก
ในกลุ่ม ท้ังน้ี ยังเป็ นการพัฒนาทัก ษะการฟั ง การโต้แย้ง ความยืดหยุ่นความร่ วมมือ
และความประนีประนอม
6) ความสามารถในการค้นหาและเลือกข้อมูล (The Ability to Find and Select
Information) เกี่ยวขอ้ งกบั การที่ผูเ้ รียนมีวิจรณญาณในการสืบคน้ และเลือกเน้ือสารสนเทศที่คน้ ได้
34
จากอินเทอร์เน็ตโดยเน้ือหาน้ันมีความสัมพันธ์กับวิชาที่เรี ยนซ่ึงหมายถึงการตรวจสอบ
ความน่าเชื่อถือของสารสนเทศท่ีคน้ มาจากหลาย ๆ แหลง่
7) การส่ื อสารท่ีมีประสิ ทธิ ผล (Effective Communication) ความสามารถ
ในการแสดงความคิด ความเขา้ ใจผ่านเทคโนโลยีดิจิทลั โดยผูเ้ รียนมีความรู้ ความเขา้ ใจสามารถ
เลือกเทคโนโลยีดิจิทลั ที่เหมาะสมที่สุดเพื่อใชท้ างานของตนเอง การสื่อสารที่จาเป็ นตอ้ งตระหนัก
และพิจารณาถึงความตอ้ งการของผชู้ มและการส่ือสารท่ีมีความคดิ ซบั ซอ้ นดว้ ยการอธิบายใหช้ ดั เจน
โดยสามารถเลือกรูปแบบ เคร่ืองมือ และสื่อที่เหมาะสมเพ่ือการนาเสนอสารสนเทศอย่างมี
ความหมาย
8) ความปลอดภยั ทางอิเลก็ ทรอนิกส์ (E-Safety) เป็นความสามารถทางการคิดอยา่ งมี
วิจารณญาณเกี่ยวกบั ความปลอดภยั จากการใชเ้ วบ็ ไซต์ การส่ือสาร การสร้างและการทางานร่วมกนั
ดว้ ยเทคโนโลยีดิจิทลั ผูเ้ รียนตอ้ งพิจารณาว่าพฤติกรรมใดท่ีทาไปแลว้ ก่อให้เกิดความไม่ปลอดภยั
และสามารถต้งั คาถามเก่ียวกบั ความปลอดภยั ถึงสถานการณ์ตา่ ง ๆ ท่ีเกิดข้นึ ในขณะที่ออนไลน์ได้
Sheninger (2014) ได้นาเสนอองค์ประกอบของภาวะผูน้ าดิจิทัลในด้านการศึกษา
โดยมี 7 องคป์ ระกอบ ดงั น้ี
1) การสื่อสาร ผูบ้ ริหารสถานศึกษาสามารถให้ขอ้ มูลท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ครู ผูเ้ รียนหรือ
ผูท้ ่ีมีส่วนเก่ียวขอ้ งในเวลาจริงผ่านอุปกรณ์ท่ีหลากหลาย และไม่เป็ นการส่ือสารทางเดียวหรือ
สองทาง โดยสามารถประชาสัมพันธ์หรื อรายงานการดาเนินงานต่าง ๆ ผ่านทางช่องทาง
ในการส่ือสารท่ีมีประสิทธิภาพ เช่น เวบ็ ไซต์ เฟชบุ๊ก ไลน์ ทวิตเตอร์ เป็นตน้ ซ่ึงเป็นการส่ือสารกบั
สาธารณชนดว้ ยกลยทุ ธ์การดาเนินงานท่ีเรียบง่าย ผบู้ ริหารสถานศึกษาสามารถใหข้ อ้ มูลข่าวสารกบั
บุคคลท่ีเก่ียวข้องและตอบสนองความต้องการของผู้ท่ีมีส่ วนเกี่ ยวข้องในยุคดิจิทัลได้
อยา่ งทนั ทีทนั ใด
2) ประชาสัมพันธ์ ผู้บริ หารสถานศึกษาจาเป็ นต้องทาหน้าที่เป็ นแกน นา
ในการนาเสนอหรือประชาสัมพนั ธ์เร่ืองราวต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องกับสถานศึก ษา ในส่วนน้ีน้ัน
ท่ีผูบ้ ริหารสถานศึกษาตอ้ งสามารถกาหนดรูปแบบที่เป็ นรากฐานในการประชาสัมพนั ธ์เชิงบวก
โดยใชเ้ ครื่องมือสื่อสงั คมออนไลนท์ ่ีใหบ้ ริการฟรีต่าง ๆ ในการที่จะทาเช่นน้นั ผบู้ ริหารสถานศึกษา
จะตอ้ งสร้างเคร่ืองมือหรือช่องทางที่จะทาใหค้ รู ผเู้ รี ยน หรือผทู้ ่ีมีส่วนเกี่ยวขอ้ งไดม้ ีโอกาสแบง่ ปัน
เรื่องราวในเชิงบวกที่เกี่ยวกบั สถานศึกษาดว้ ย เช่น เวบ็ ไซตห์ รือแฟนเพจในเฟซบ๊กุ ของสถานศึกษา
3) การสร้างภาพลักษณ์ สาหรับสถานศึกษาแล้ว ภาพลักษณ์หรือแบรนด์ คือ
ความเชื่อมน่ั ในคุณภาพมาตรฐานการศึกษาของผูป้ กครอง ชุมชน และผูท้ ี่มีส่วนเก่ียวขอ้ งท้งั หมด
ท้งั ในปัจจุบันและในอนาคต ผูบ้ ริหารสถานศึกษาจะต้องสามารถใช้ประโยชน์จากเคร่ืองมือ