The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Napatsarun S. Jubjang, 2022-09-19 11:04:59

ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2

ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2

35

ส่ือสังคมออนไลน์ ในการสร้างภาพลักษณ์หรือแบรนด์ในเชิงบวก ที่เน้นมุมมองด้านบวกของ
วฒั นธรรมในสถานศึกษา เพิ่มความภาคภูมิใจให้กบั ชุมชน และช่วยดึงดูดหรือรักษาความเชื่อมน่ั
ให้กบั ผูป้ กครองเมื่อมองหาสถานที่ท่ีจะส่งบุตรหลานไปเรียนแลว้ ตอ้ งนึกถึงสถานศึกษาของเรา
เป็นอนั ดบั แรก

4) ความผูกพนั และการเรียนรู้ของผูเ้ รียน เราไม่สามารถคาดหวงั ท่ีจะเห็นการเพ่ิมข้นึ
ของผลสัมฤทธ์ิถา้ นกั เรียนไม่ได้รับการเรียนรู้ นกั เรียนท่ีไม่ไดม้ ีส่วนร่วมไม่มีแนวโนม้ ที่จะเรียนรู้
ผูน้ าต้องเข้าใจว่าโรงเรียนควรสะท้อนถึงชีวิตจริงและอนุญาตให้นักเรียนใช้ส่ิงที่เรียนรู้ผ่าน
เคร่ืองมือที่ใชอ้ ยนู่ อกโรงเรียน ผนู้ าทางดิจิทลั เขา้ ใจว่าเราตอ้ งใส่เครื่องมือในโลกแห่งความเป็นจริง
ไวใ้ นมือของนกั เรียนและอนุญาตให้พวกเขาสร้างสิ่งประดิษฐ์การเรียนรู้ที่แสดงถึงความเช่ียวชาญ
ในแนวคดิ น้ีคอื การเปลี่ยนแปลงดา้ นการสอนท่ีสาคญั เนื่องจากมุง่ เนน้ การเสริมสร้างทกั ษะท่ีจาเป็น
ชุดการส่ือสาร การทางานร่วมกนั ความคิดสร้างสรรค์ ความรู้ดา้ นสื่อ การเชื่อมโยงทว่ั โลก การคิด
เชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหา ซ่ึงน่ันเป็ นส่ิงที่สังคมตอ้ งการ ด้วยรากฐานการสอนแบบรูปธรรม
เคร่ืองมือดิจิทลั และส่ือสงั คมออนไลนช์ ่วยให้นกั เรียนมีโอกาสในการเรียนรู้ไดม้ ากข้นึ กรอบ Rigor
/Relevance เป็ นเคร่ืองมือท่ีผูบ้ ริหารและครูสามารถใช้ในการวางแผนประสบการณ์การเรียนรู้
ที่เข้มงวดและมีความเก่ียวข้องโดยใช้ประโยชน์จากเครื่ องมื อดิ จิทัลได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพ
ให้นักเรียนเลือกเคร่ืองมือท่ีเหมาะสมในการสร้างสิ่งประดิษฐ์ การเรียนรู้เพ่ือแสดงให้เห็นถึง
การเรียนรู้เกี่ยวกับแนวคิดสร้างความช่ืนชมในการเรียนรู้มากยิ่งข้ึน ในขณะที่เตรียมตวั นักเรียน
ใหพ้ ร้อมสาหรับโลกแห่งความเป็นจริง

5) การพัฒนาสู่ความเป็ นมืออาชีพ ด้วยการเพิ่มข้ึนของส่ือสังคม โรงเรี ยน
ไม่จาเป็ นตอ้ งเป็ นท่ีเก็บขอ้ มูลอย่างเดียวและผู้บริหารไม่ตอ้ งรู้สึกเหมือนอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ีขาด
การสนบั สนุนและขอ้ เสนอแนะ ผูบ้ ริหารสามารถสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง (Personal
Learning Network) เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการเรียนรู้ที่หลากหลาย เรียนรู้เกี่ยวกับ
ทรัพยากร เข้าถึงความรู้รับข้อเสนอแนะการเชื่อมต่อกับผู้เช่ียวชาญท้ังด้านการศึกษาและ
ผปู้ ฏิบตั ิงานรวมท้งั หารือท่ีเก่ียวกบั กลยุทธ์ที่ไดร้ ับการพิสูจน์เพ่ือปรับปรุงการเรียนการสอน และ
ความเป็ นผูน้ า นอกจากน้ียงั มีวิธีใหม่และต่ืนเตน้ ในการรับทราบการเรียนรู้ท้งั แบบทางการและ
แบบไม่เป็ นทางการโดยใช้เครื่องมือทางดิจิทัลซ่ึงต่างจากระบบท่ีสมัยซ่ึงมุ่งน้ันไปท่ีช่ัวโมง
การติดต่อแทนท่ีของการเรียนรู้เพ่ือคงความสัมพนั ธ์และความทนั สมยั ผู้บริหารตอ้ งตระหนักถึง
วิธีใชป้ ระโยชนแ์ ละใชเ้ คร่ืองมือฟรีเพอื่ ติดตามความสนใจในการเรียนรู้ของผเู้ รียน

6) การปรับวิสัยทศั น์สิ่งแวดลอ้ มและพ้ืนท่ีการเรียนรู้ เม่ือผูบ้ ริหารเขา้ ใจหลกั และ
วธิ ีการใชผ้ เู้ รียน เพอ่ื เร่ิมการเปลี่ยนแปลงอยา่ งยงั่ ยนื ข้นั ตอนตอ่ ไปคือการเร่ิมเปล่ียนพ้นื ท่ีการเรียนรู้

36

และสภาพแวดลอ้ มที่สนบั สนุนชุดทกั ษะท่ีจาเป็นและสอดคลอ้ งกบั โลกแห่งความเป็นจริง ผบู้ ริหาร
ตอ้ งเร่ิมตน้ การสร้างวิสัยทศั นแ์ ละแผนกลยทุ ธ์เพ่ือสร้างอาคารเรียนท้งั หมดท่ีทมุ่ เทใหก้ บั การเรียนรู้
ในโลกดิจิทัลให้มากข้ึน เพื่อที่จะทาเช่นน้ันผู้นาต้องมีความรู้เกี่ยวกับลักษณะและพลวัต
ที่ประกอบด้วยช่องว่างในการเรียนรู้ที่เป็ นนวตั กรรมและสภาพแวดล้อม เช่น การนาอุปกรณ์
ของคุณมาใชเ้ อง การเรียนแบบผสมผสาน การพลิกแพลง การเล่นเกม เป็ นผูผ้ ลิตและการเรียนรู้
เสมือนจริง

7) การสร้างโอกาส เป็ นสิ่งสาคัญสาหรับผูน้ าที่จะหาแนวทางในการปรับปรุง
โปรแกรมทรัพยากรและการพฒั นาวิชาชีพที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง ผูน้ าทางดิจิทลั ใช้ประโยชน์จาก
การเชื่อมต่อผ่านเทคโนโลยีและเพิ่มโอกาสในการปรับปรุงในหลาย ๆ ด้านของวตั นธรรรม
ของโรงเรียน

Tran (2017) ได้นาเสนออองค์ประกอบของภาวะผูน้ าดิจิทลั ไวว้ ่าประกอบด้วย 5
องคป์ ระกอบท่ีสาคญั คือ

1) ความรู้ทางดิจิทลั ผนู้ าดิจิทลั ตอ้ งมีความรู้ทางดิจิทลั การรู้ดิจิทลั เป็นความสามารถ
ในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนทศและการสื่อสารเพ่ือคนั หา ประเมิน สร้างและส่ือสารขอ้ มลู โดยตอ้ ง
ใชท้ ้งั ความรู้ ความเขา้ ใจและทกั ษะทางเทคนิค ดงั น้นั ความรู้ทางดิจิทลั จึงครอบคลุมมากกวา่ ความรู้
ดา้ นเทคนิค ผูน้ าดิจิทลั ตอ้ งมีส่ิงที่เรียกว่า ดีเอน็ เอดิจิทลั ซ่ึงไม่ไดแ้ ปลว่าพวกเขาจะตอ้ งเป็นเจา้ ของ
ดิจิทลั แต่พวกเขาจาเป็นตอ้ งเขา้ ใจและชาบซ้ึงในบทบาทของเทคโนโลยี บทบาทในชีวิตประจาวนั
และอาชีพของเขา การทางานร่วมกนั เป็นทีม นวตั กรรมและการแบง่ ปันความรู้

2) มีวิสัยทัศน์ หน่ึงในสิ่งท่ีผูน้ าประสบความสาเร็จมีเหมือนกัน คือ พวกเขามี
วิสัยทศั น์และสามารถสร้างแรงบนั ดาลใจให้ผูอ้ ื่นเช่ือในวิสัยทศั น์น้ัน ซ่ึงหมายความว่าผูน้ าดิจิทลั
ตอ้ งเป็นนกั เลา่ เร่ืองที่เยยี่ มยอด เนื่องจากมีเรื่องราว มีอารมณ์ความรู้สึกซ่ึงช่วยใหผ้ นู้ าดิจิทลั เช่ือมต่อ
และกระตุน้ ผูเ้ รียน การแบ่งปันวิสัยทศั น์และความเชื่อ ช่วยให้เขาไดร้ ับผูใ้ ช้มาก่อนในขณะที่ให้
เวลามากพอท่ีจะทาใหพ้ วกเขาคนุ้ เคยกบั เทคโนโลยใี หม่

3) ตอ้ งทดลองและพฒั นา ผูน้ าดิจิทลั ไม่ควรกลวั ที่จะเส่ียงหรือลม้ เหลว นวตั กรรม
และความก้าวหน้าน้ันไม่สามารถทาได้ ซ่ึงหมายความว่าพวกเขาจะต้องสร้างสภาพแวดล้อมท่ี
บุคลากรได้รับอนุญาตให้ลม้ เหลวและทาผิดพลาดโดยไม่มีผลกระทบ ส่ิงน้ีกระตุ้นให้พวกเขา
ทดลองและสร้างสรรคส์ ่ิงใหมๆ่ พวกเขาวา่ ส่วนหน่ึงของกลยทุ ธ์ดิจิทลั คือการเปล่ียนวิธีการจดั การ
โครงสร้างองค์กรแบบลาดับที่มีการแบ่งอย่างเขม้ งวดระหว่างผบู้ งั คบั บญั ชาและผูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชา
มกั จะเป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทลั

37

4) ทาหน้าท่ีเป็ นผูอ้ านวยความสะดวก ผูน้ าดิจิทลั ทาหน้าท่ีเป็ นสื่อกลางระหว่าง
ผูอ้ พยพดิจิทลั ผูท้ ่ีไม่ได้เติบโตจากอินเทอร์เน็ตและสื่อใหม่ ๆ และชาวพ้ืนเมืองดิจิทัล ผูท้ ี่ใช้
อินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีใหม่มาพร้อมกบั การเปล่ียนแปลง เพื่อให้องค์กรประสบความสาเร็จ
ในการเปล่ียนเป็นองคก์ รดิจิทลั มนั เป็นสิ่งสาคญั ที่ไม่มีใครถูกทอดทิ้ง ผนู้ าดิจิทลั ตอ้ งคน้ หากลยุทธ์
เพ่ือลดช่องว่างดิจิทลั และเพ่ือให้แน่ใจว่าทุกคนในองค์กรได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลง
วิธีการที่เป็ นไปได้อาจเป็ นการให้คาปรึกษาแบบยอ้ นกลบั พ่ีเล้ียงดิจิทลั เป็ นผูใ้ ห้คาปรึกษาและ
โคช้ อยา่ งมีประสิทธิภาพ

5) การบรรจุและพฒั นาคนที่มีความสามารถ ภารกิจของผูน้ าดิจิทัลคือการสร้าง
โครงสร้างพ้ืนฐานดิจิทัลและวิธี กระบวนการและเคร่ื องมือใหม่ที่สอดคล้องกับเป้ าหมาย และ
กลยทุ ธ์ การเปล่ียนแปลงระบบดิจิทลั ไมค่ วรเป็นเรื่องที่น่าเบ่ือ แต่ควรเป็นส่วนหน่ึงขององคก์ รและ
ทุกคน ส่ิงสาคญั คือการสื่อสารประโยชน์ของเทคโนโลยีและกระบวนการใหม่ใหก้ บั ทีมและเสนอ
การฝึกอบรมและการฝึกสอนที่เพียงพอเพอ่ื สร้างความคนุ้ เคยใหก้ บั บุคคล

ภาวะผนู้ าดิจิทลั จากศึกษาทฤษฎีและผลการศึกษาวิจยั ของนกั วิชาการดงั กล่าวมาน้ัน
ผวู้ ิจยั พิจารณาเห็นว่าองคป์ ระกอบบางตวั มีความหมายเดียวกนั แต่นกั วิชาการเรียกชื่อต่างกัน ดงั น้นั
เพื่อให้การนาเอาองค์ประกอบแสดงในตารางสังเคราะห์มีความเหมาะสม ผูว้ ิจยั จึงกาหนดชื่อ
องคป์ ระกอบที่มีความหมายเดียวกนั แต่เรียกช่ือต่างกันที่เป็ นกลาง สะทอ้ นให้เห็นถึงความหมาย
เดียวกนั และครอบคลุมองคป์ ระกอบอื่นท่ีใชช้ ่ือแตกต่างกนั เพือ่ กาหนดเป็นองคป์ ระกอบภาวะผูน้ า
ดิจิทลั ท่ีส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษาสังกดั สานกั งานเขต
พ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 ตามแนวคิดของ สมศักด์ิ จีวฒั นา (2555), สุกัญญา
แช่มช้อย (2555), มลิวลั ย์ ธรรมแสง (2558), เอกชัย กี่สุขพนั ธ์ (2559), ชูชาติ พุทธลา (2561),
ภานุมาศ จนั ทร์ศรี (2562), ธิดารัตน์ และกนกอร สมปราชญ์ (2562), กนกอร สมปราชญ์ (2562),
ทินกร บวั ชู และทิพภาพร บวั ชู (2562), ชุติรัตน์ กาญจนธนชยั (2562), สุชญา โกมลวานิช (2563),
Hong Kong Education City: HKedCity (2005), Redish, & Chan (2006), Kozloski (2006), (ISTE,
2009), American Institute for Research: AIR (2009), Hague & Payton (2010), Sheninger (2014)
และ Tran (2017) พบว่ามีองค์ประกอบเชิงทฤษฎี (Theoretical Framework) ท่ีเขา้ กับบริบทของ
โรงเรียนประถมศึกษาจากทศั นะและผลการศึกษาท้งั 19 แหล่งที่กล่าวมา เพ่ือนาไปสู่การสงั เคราะห์
องค์ประกอบของภาวะผูน้ าดิจิทลั ดงั กรอบแนวคิด (Conceptual Framework) ตามลาดบั ดงั แสดง
ในตารางท่ี 1

ตารางท่ี 1 ตารางสงั เคราะห์องคป์ ระกอบของภาวะผนู้ าดิจิทลั จากทศั นะและ

สมศักด์ิ สุกัญญา มลวิ ลั ย์ เอกชัย ชูชาติ ภานุมาศ ธิดารัตน์ และ กนกอร ทนิ กร บัวชู ชุตริ ัตน์ สุช
จีวฒั นา แช่มช้อย ธรรมแสง ก่สี ุขพนั ธ์ พทุ ธลา จันทร์ศรี กนกอร สมปราชญ์ และทิพภาพร กาญจนธนชัย โกม
(2555) (2555) (2558) (2559) (2561) (2562) สมปราชญ์ (2562) บวั ชู (2562) (2562) (25
(2562)

การส่ือสาร การส่ือสาร การสื่อสาร การ
ไดแ้ ก่ ทกั ษะ ดิจ
และการ เชิงดจิ ิทลั ทศั นคติ และ Co
ชดั เจน ในการ on)
ประชาสมั พนั ธ์ สื่อสาร
การ
และการสรา้ ง (D
Lit
ภาพลกั ษณ์
การ
วฒั นธรรมการ การสร้าง สภาพแวด การสร้าง การสร้าง ดิจ
เรียนรู้ในยคุ วฒั นธรรม วฒั นธรรมการ Vis
ดิจทิ ลั และ ลอ้ ม เพ่ือการ วฒั นธรรม เรียนรู้ในโลก
บรรยากาศ ดิจทิ ลั
การบูรณาการ การทางานให้ เรียนรูด้ ว้ ย เชิงดิจทิ ลั
เทคโนโลยีใน มกี ารใช้ ICT
การจดั เทคโนโลยี
การศกึ ษา ใช้ ICT ใน
การจดั การ การใช้ การจดั การ การสร้าง เขา้ ใจใน
เรียน การ เทคโนโล เรียนการ วิถีการ ความรู้ ทกั ษะ
สอนดว้ ย ยสี าหรบั สอนหรือการ เรียนรูเ้ ชิง ความสามารถ
เทคโนโลยี การเรียน ปฏิบตั ิงาน ดจิ ทิ ลั ของบุคคลเพอ่ื
การสอน สรา้ งสรรค์
นวตั กรรม
ทรรศนะ ภาวะผนู้ า วสิ ยั ทศั นผ์ นู้ า กาหนด วิสัยทศั น์ผนู้ า วสิ ยั ทศั น์ ดิจิทลั วิสัยทศั น์
ภาวะผนู้ าและ และ ทางดจิ ทิ ลั วิสัยทศั นท์ าง แบบดิจทิ ลั ผนู้ าแบบ ดจิ ทิ ลั ไดแ้ ก่
วสิ ยั ทศั น์ทาง วิสยั ทศั น์ เทคโนโลยี ดิจทิ ลั การมวี ิสยั ทศั น์ การสรา้ ง การ
เทคโนโลยี และเป็ น การพฒั นา เผยแพร่และ
แบบอยา่ งใน การพฒั นา นวตั กรรมดจิ ทิ ลั ปฏิบตั ิตาม
การใช้ ICT วิชาชีพของ และประยกุ ตใ์ ช้ วสิ ยั ทศั น์
ผบู้ ริหาร ดจิ ทิ ลั
การฝึ กอบรม และ
ความเป็ น การพฒั นา ความเป็ นมือ พฒั นา การพฒั นา การพฒั นา การพฒั นา บุคลากร
องคก์ ร วชิ าชีพดา้ น อาชีพ บุคลากรดา้ น ในวิชาชีพ สู่ความเป็ น วิชาชีพของ
วชิ าชีพ การใช้ ICT ดา้ นองค์ มอื อาชีพ บคุ ลากรและ
ตน้ แบบและ เทคโนโลยี ความรู้และ ดา้ นการใช้ ผบู้ ริหาร
ความชานาญ เทคโนโลยี เทคโนโลยี
เชิงวชิ าชีพ สมยั ใหม่ ดจิ ิทลั

50

ะผลงานวิจยั ของนกั วชิ าการและสถานบนั ต่าง ๆ

ชญา Hong Kong Redish, & Kozloski (ISTE, 2009) AIR Hague & Sheninger Tran (2017)
มลวานชิ Education Chan (2006) (2006) (2009) Payton (2014)
563) City: (2010) การสังเคราะห์
HKedCity ของผ้วู ิจัย
รส่ือสาร (2005)
จิทลั (Digital
ommunicati- การสร้าง การส่ือสารที่ การสื่อสาร การสื่อสารเพอ่ื การสื่อสารและ
) รูปแบบการ มปี ระสิทธิผล ประชาสัมพนั ธ์ คน้ หา ประชาสัมพนั ธ์
ส่ือสารทีม่ ี ผ่าน และการสรา้ ง ประเมนิ สร้าง ผ่านเทคโนโลยี
ประสิทธิภาพ เทคโนโลยี ภาพลกั ษณ์ และส่ือสาร
ดจิ ทิ ลั ขอ้ มลู ดจิ ิทัล

วางแผน การสร้าง วฒั นธรรม การสร้าง
ออกแบบ วฒั นธรรมการ การเรียนรู้ วฒั นธรรมการ
ประสบการณ์ เรียนรูแ้ บบ ยุคดิจิทลั เรียนรู้เชิงดจิ ิทลั
และสิ่งแวดลอ้ ม โลกยุคดจิ ทิ ลั
การเรียนรู้

รรูด้ จิ ทิ ลั การสอน การเรียนรูแ้ ละ การเรียนรู้ จดั การเรียนรู้ ใชค้ วามคดิ ใชเ้ ครื่องมือ
Digital การเรียนรู้ การสอน และการสอน ใหก้ บั ผเู้ รียน สรา้ งสรรค์ ดิจทิ ลั และสื่อ
teracy) และหลกั สูตร โดยใช้ ในการ สังคม
ดา้ น เทคโนโลยี คน้ หาและ ออนไลน์เพ่มิ วถิ กี ารเรียนรู้
เทคโนโลยี และดจิ ทิ ลั เลือกขอ้ มูล โอกาสในการ เชิงดจิ ทิ ัล
เรียนรู้

รมีวสิ ยั ทศั น์ มวี ิสยั ทศั น์ ภาวะผนู้ า ภาวะผนู้ า การมวี ิสัยทศั น์ ภาวะผนู้ า การปรบั มวี สิ ัยทศั น์
จทิ ลั (Digital และ และความเป็ น และ วสิ ยั ทศั น์
sion) วิสยั ทศั น์ ผนู้ าในยุค วิสัยทศั น์ สิ่งแวดลอ้ ม วสิ ัยทศั น์ผ้นู า
ดจิ ิทลั และพ้ืนท่ีการ ทางดิจทิ ลั
เรียนรู้

ความเป็ น การพฒั นาสู่ ฝึ กอบรมและ การพัฒนา
เลศิ ใน ความเป็ นมือ การฝึ กสอน สู่ความเป็ น
วิชาชีพ อาชีพโดยใช้ ดา้ น มืออาชีพ
เคร่ืองมือทาง เทคโนโลยีแก่
ดจิ ทิ ลั บคุ ลากร

ตารางที่ 1 ตารางสังเคราะหอ์ งคป์ ระกอบของภาวะผนู้ าดิจิทลั จากทศั นะและ

สมศักด์ิ สุกญั ญา มลิวลั ย์ เอกชัย ชูชาติ ภานุมาศ ธดิ ารัตน์ และ กนกอร ทินกร บัวชู ชุติรัตน์ สุช
จวี ัฒนา แช่มช้อย ธรรมแสง กสี่ ุขพนั ธ์ พทุ ธลา จนั ทร์ศรี กนกอร สมปราชญ์ และทิพภาพร กาญจนธนชัย โกม
(2555) (2555) (2558) (2559) (2561) (2562) สมปราชญ์ (2562) บัวชู (2562) (2562) (25
(2562)

สนบั สนุน ใชร้ ะบบ การบริหาร การบริหาร ใชเ้ ทคโนโลยี สมรรถนะและ สมรรถนะและ การเป็น ความรู้ดจิ ทิ ลั
และ เทคโนโลยี จดั การ จดั การ ดิจิทลั บริหาร ความสามารถ ความสามารถ ผใู้ ชง้ านดจิ ิทลั ไดแ้ ก่ เขา้ ใจ
กระบวนการ สาหรบั การ เทคโนโลยใี น โครงสร้าง จดั การภายใน ทางดจิ ทิ ลั ของ ทางดิจิทลั ของ ไดอ้ ย่าง ดิจทิ ลั การใช้
จดั การ บริหารและ โรงเรียน พ้ืนฐานดา้ น โรงเรียน ผบู้ ริหาร ผบู้ ริหาร คลอ่ งแคล่ว ดจิ ทิ ลั และการ
เทคโนโลยี การ ICT รูส้ ารสนเทศ
ปฏบิ ตั กิ าร การประเมิน การวดั ผล
การวดั ผล และการนิเทศ มรี ะบบกากบั และ
และ ส่งเสริมใช้ ดว้ ย ติดตามและ ประเมนิ ผล
ประเมินผล เทคโนโลยี เทคโนโลยี ประเมินผล ดว้ ย
รวบรวม เทคโนโลยี
ขอ้ มลู เพอ่ื
วดั ผลผเู้ รียน การมีจริยธรรม
ทางสงั คมและ
สงั คม ประเดน็ ทาง สังคม จริยธรรม ปฏิบตั ติ าม จริยธรรม จริยธรรม
จริยธรรม สงั คม และกฎหมาย กฎหมาย องคก์ ารและ องคก์ าร
และ กฎหมาย สาหรบั พลเมอื ง สังคมดจิ ทิ ลั และสังคม
กฎหมาย และ ยคุ ดิจทิ ลั ดิจิทลั
จรรยาบรรณ

51

ะผลงานวจิ ยั ของนกั วิชาการและสถานบนั ตา่ ง ๆ (ต่อ)

ชญา Hong Kong Redish, & Kozloski (ISTE, 2009) AIR Hague & Sheninger Tran (2017)
มลวานชิ Education Chan (2006) (2006) (2009) Payton (2014)
563) City: (2010) การสังเคราะห์
HKedCity การ ของผ้วู จิ ยั
(2005) สนบั สนุน
การดาเนนิ การ การจดั การ ทกั ษะการ ความรูแ้ ละ สมรรถนะ
ทางเทคโนโลยี และการ ใช้ ความสามารถ ทางเทคโนโลยี
ดาเนินการ เทคโนโลยี ในการใช้
ในการ เทคโนโลยี
ทางาน

การวดั ผลและ การวดั ผลและ การวดั ผล การวดั และ
การ การ และการ ประเมินผล
ประเมนิ ผล ประเมนิ ผล ประเมินผล ด้วยเทคโนโลยี

สงั คม สังคม สังคม การเป็นพลเมอื ง สงั คม จริยธรรมและ สังคม จริยธรรม
จริยธรรม กฎหมาย และ กฎหมาย และ ในยคุ ดิจิทลั ดจิ ิทลั ความปลอดภยั และกฎหมาย
กฎหมาย และ ประเด็นทาง ประเดน็ ทาง ประเดน็ ทาง ทาง
บคุ คล จริยธรรม จริยธรรม สงั คม จริยธรรม อิเลก็ ทรอนิกส์
และกฎหมาย

ตารางท่ี 2 วิเคราะห์องคป์ ระกอบของภาวะผนู้ าดิจิทลั จากทศั นะและงานวิจ

องค์ประกอบของ สม ัศก ์ิด ีจ ัวฒนา (2555)
ภาวะผู้นาดิจทิ ัล ุสกัญญา แ ่ชม ้ชอย (2555)
ม ิล ัวล ์ย ธรรมแสง (2558)
เอก ัชย ก่ี ุสขพัน ์ธ (2559)
ูชชาติ พุทธลา (2561)

1) การส่ือสารและประชาสมั พนั ธผ์ า่ นเทคโนโลยดี ิจิทลั ✓

2) การสร้างวฒั นธรรมการเรียนรู้เชิงดิจิทลั ✓✓✓

3) วิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั ✓✓✓✓

4) วิสัยทศั นผ์ นู้ าทางดิจิทลั ✓✓✓✓

5) การพฒั นาสู่ความเป็นมืออาชีพ ✓✓✓✓✓

6) สมรรถนะทางเทคโนโลยี ✓✓✓✓✓

7) การวดั และประเมินผลดว้ ยเทคโนโลยี ✓✓✓✓✓

8) สังคม จริยธรรมและกฎหมาย ✓✓✓ ✓

✓✓ ✓✓✓✓ ✓ ✓ ✓✓✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 16 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 13 ✓ ✓ ✓ ✓✓ ✓ ✓✓ ✓ ✓✓✓ 8 ภานุมาศ จันทร์ศรี (2562) จยั ของนกั วิชาการต่าง ๆ
ธดิ ารัตน์ และกนกอร สมปราชญ์ (2562)
✓✓✓✓✓✓ ✓✓✓ กนกอร สมปราชญ์ (2562)
ทนิ กร บัวชู และทิพภาพร บวั ชู (2562)
✓ ✓ 13 ✓ ✓ ✓ 11 ชุตริ ัตน์ กาญจนธนชัย (2562) 52
สุชญา โกมลวานชิ (2563)
12 8 8 Hong Kong Education City: HKedCity (2005)
Redish, & Chan (2006)
Kozloski (2006)
(ISTE, 2009)
AIR (2009)
Hague & Payton (2010)
Sheninger (2014)
Tran (2017)

ความถี่

53

จากตารางที่ 2 ผูว้ ิจัยได้สังเคราะห์องค์ประกอบของภาวะผูน้ าดิจิทลั (Digital
Leadership) จากนักวิชาการไทยและต่างประเทศท่ีสาคญั ดงั กล่าวขา้ งตน้ พบว่า จากองค์ประกอบ
เชิงทฤษฎี (Theoretical Framework) จานวน 8 องค์ประกอบ ผู้วิจัยได้ใช้หลักเกณฑ์พิจารณา
องคป์ ระกอบท่ีสอดคลอ้ งกบั บริบทโรงเรียนประถมศึกษา และมีความถ่ีระดบั สูง (ต้งั แต่ 12 ข้ึนไป)
และได้ยึดหลกั การและกรอบแนวคิดของ สมศักด์ิ จีวฒั นา (2555), สุกัญญา แช่มช้อย (2555),
มลิวลั ย์ ธรรมแสง (2558), เอกชัย กี่สุขพนั ธ์ (2559), ธิดารัตน์ และกนกอร สมปราชญ์ (2562),
กนกอร สมปราชญ์ (2562), ทินกร บวั ชู และทิพภาพร บวั ชู (2562), Hong Kong Education City:
HKedCity (2005), Redish, & Chan (2006), Kozloski (2006), (ISTE, 2009) และ Hague & Payton
(2010) เป็นหลกั ในการกาหนดองคป์ ระกอบของภาวะผนู้ าเชิงดิจิทลั เพ่ือกาหนดเป็นกรอบแนวคิด
เพื่อการวิจยั (Conceptual Framework) คร้ังน้ี จานวน 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) วิถีการเรียนรู้เชิง
ดิจิทัล 2) วิสัยทศั น์ผูน้ าทางดิจิทลั 3) สมรรถนะทางเทคโนโลยี และ 4) สังคม จริยธรรมและ
กฎหมาย ดงั ภาพท่ี 1

องคป์ ระกอบภาวะผนู้ าดิจิทลั 1) วิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั
(Digital Leadership) 2) วิสัยทศั น์ผนู้ าทางดิจิทลั
3) สมรรถนะทางเทคโนโลยี
4) สงั คม จริยธรรมและกฎหมาย

ภาพที่ 1 องคป์ ระกอบภาวะผนู้ าดิจิทลั

จากภาพที่ 1 แสดงองคป์ ระกอบของภาวะผูน้ าดิจิทลั ที่ไดจ้ ากการสังเคราะห์แนวคิด

และงานวิจยั จากนกั วชิ าการและนกั การศึกษาต่าง ๆ ซ่ึงไดแ้ ก่ 1) วถิ ีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั 2

) วิสัยทัศน์ผูน้ าทางดิจิทลั 3) สมรรถนะทางเทคโนโลยี และ 4) สังคม จริยธรรมและกฎหมาย

โดยมีรายละเอียดของแต่ละองคป์ ระกอบท่ีจะนาไปสู่การวิเคราะห์ เพื่อกาหนดนิยามเชิงปฏิบตั ิการ

และพฤติกรรมบ่งช้ีของแต่ละองคป์ ระกอบ ดงั หวั ขอ้ ท่ีจะกลา่ วดงั ต่อไปน้ี

54

2.4. นยิ ามเชิงปฏิบัตกิ ารและพฤติกรรมบ่งชี้ขององค์ประกอบของภาวะผ้นู าดิจทิ ัล
ผูว้ ิจยั ได้นาองค์ประกอบหลกั ของภาวะผูน้ าดิจิทลั ท้งั 4 ดา้ นมาศึกษาเอกสารและ

งานวิจยั ที่เกี่ยวขอ้ ง เพื่อใหไ้ ดแ้ นวคิด ทฤษฎีท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ตวั แปรที่ศึกษาที่จะนามาใชใ้ นการวิจยั
คร้ังน้ีมีความชดั เจนและมีความหมาะสม ผูว้ ิจยั ไดส้ ังเคราะห์และนาเสนอในแต่ละองคป์ ระกอบ
ตอ่ ไปน้ี

2.4.1 วถิ กี ารเรียนรู้เชิงดจิ ทิ ัล
การออกแบบระบบการเรี ยนรู้มีความจาเป็ นและมีความสาคัญยิ่งต่อ

การเสริมสร้างประสิทธิภาพทางการเรียนรู้ของผูเ้ รียน โดยเฉพาะอย่างย่ิงการเรียนรู้จากการใช้
เทคโนโลยีสมยั ใหม่ บุคลากรในสถานศึกษาก็จาเป็ นตอ้ งเป็นคนที่สามารถนาเอาเทคโนโลยีมาใช้
ในการจดั การเรียนการสอน ซ่ึงเป็ นส่ือที่นิยมกนั ทว่ั ไปในปัจจุบนั สอดคลอ้ งกบั นักวิชาการหลาย
ท่านไดใ้ หค้ วามหมายของวถิ ีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั ดงั ต่อไปน้ี

นภสั สร ปราบปัญจะ (2559) ไดส้ รุปความหมายของวถิ ีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั คือ
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยเี พ่ือพฒั นาความรู้ ทกั ษะ ผูเ้ รียนตอ้ งใช้เทคโนโลยีเป็นเพ่ือเพิ่ม
การเรียนรู้เน้ือหาและทกั ษะ และจะไดเ้ รียนรู้วิธีการเรียนรู้ การคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ไขปัญหา
การใชข้ อ้ มูลข่าวสาร การสื่อสาร การผลิตนวตั กรรม และการร่วมมือทางาน

ชยั วฒั น์ สุทธิรัตน์ (2559) ไดก้ ลา่ ววา่ วถิ ีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั คือ ความสามารถ
ในการใชเ้ ทคโนโลยีเพื่อพฒั นาความรู้ ผเู้ รียนตอ้ งใชเ้ ทคโนโลยีเป็น เพ่ือเพิ่มการเรียนรู้เน้ือหาและ
ทกั ษะและจะได้เรียนรู้วิธีการเรียนรู้ การคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ไขปัญหาการใช้ข้อมูลข่าวสาร
การส่ือสาร การผลิตนวตั กรรม และการร่วมมือทางาน

ชูชาติ พุทธลา (2561) ไดน้ ิยามเชิงปฏิบตั ิการการจดั การเรียนรู้โดยใชเ้ ครื่องมือ
ดิจิทัล หมายถึง การแสดงออกถึงความสมารถในการวางแผน และใช้เทคโนโลยี สามารถใช้
คอมพิวเตอร์เพ่ือการทางาน และใชเ้ ทคโนโลยีเพื่อการติดต่อสื่อสาร เพ่ือการเขา้ ถึงแหล่งบริการ
สารสนเทศและเพื่อนามาใช้บริหารจดั การภายในโรงเรียนอย่างเป็ นระบบ รวมถึงความสามารถ
ในการจดั ระบบสารสนเทศโรงเรียนใหอ้ ยใู่ นรูปดิจิทลั

สุชญา โกมลวานิช (2563) ไดน้ ิยามเชิงปฏิบตั ิการการรู้ดิจิทลั (Digital Literacy)
คือ พฤติกรรมของผู้บริหารที่แสดงออกถึงความสามารถในการค้นหา การประเมิน การใช้
การแบ่งปัน และสร้างสรรค์สารสนเทศ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ในการจัดการเรียนรู้ การวดั
ประเมินผล สร้างนวตั กรรม และการจดั สภาพส่ิงแวดลอ้ มท่ีเอ้ือตอ่ การเรียนรู้

จากความหมายของวิถีเรียนรู้เชิงดิจิทลั ที่นกั วิชาการไดใ้ ห้ความหมายไวต้ า่ งกนั
สามารถสรุปนิยามเชิงปฏิบตั ิการของคาว่า วิถีเรียนรู้เชิงดิจิทลั หมายถึง พฤติกรรมที่ผูบ้ ริหารให้

55

การสนับสนุนส่ือเทคโนโลยีแก่ครูในการจดั การเรียนการสอน สนับสนุนการเรียนรู้ของผูเ้ รียน
มีการจดั สภาพแวดล้อมท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้ของผูเ้ รียน มีการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ด้วย
เทคโนโลยี
ตารางที่ 3 การวเิ คราะห์องคป์ ระกอบยอ่ ยของภาวะผนู้ าดิจิทลั ดา้ นวถิ ีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั

องค์ประกอบ ิกดานัน ์ท ม ิลทอง (2549)
มหาวิทยา ัลยศ ีรนค ิรนทรวิโรฒ (2554)
นภัสสร ปราบ ัปญจะ (2559)
กนกอร สมปราช ์ญ (2560)
Kochler and Mishra (2009)
The Wallace Foundation (2012)
DoDEA (2014)

ความ ่ถี

1) การใช้เทคโนโลยีสาหรับการจัด ✓ ✓ ✓✓ ✓ ✓ ✓ 7

การเรียนการสอน

2) การจดั สภาพแวดลอ้ มที่เอ้ือต่อการ ✓ ✓ ✓✓✓ 5

เรียนรู้แก่ผเู้ รียน

3) การวดั และประเมินผลดว้ ยเทคโนโลยี ✓ ✓✓ ✓ ✓5

4) การเปิ ดโอกาสให้บุคลากรไดร้ ับการ ✓ ✓✓ 3
พฒั นาดา้ นเทคโนโลยดี ิจิทลั

5) การใชเ้ ทคโนโลยใี นการยกระดบั การ

เรียนการสอนให้เป็ นไปตามมาตรฐาน ✓ ✓2

การศึกษา

จากตารางที่ 3 ผวู้ ิจยั ไดว้ ิเคราะห์องคป์ ระกอบย่อยของวิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั
ซ่ึงไดจ้ ากการศึกษาหลกั การ ทฤษฎี เอกสารทางวิชาการและงานวิจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง ท้งั น้ีผูว้ ิจยั ไดใ้ ช้
เกณฑใ์ นการพิจารณาจากองคป์ ระกอบที่มีความถี่ต้งั แต่ 5 ข้ึนไป (ร้อยละ 60) และมีความเหมาะสม
กบั งานวิจยั ผวู้ ิจยั จึงนาขอ้ มูลขององคป์ ระกอบวิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั ขา้ งตน้ มาวิเคราะห์สรุปตวั
บ่งช้ีองค์ประกอบของวิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทัลเพื่อใช้ในการวิจัยคร้ังน้ี ซ่ึงสามารถวิเคราะห์
พฤติกรรม การวดั /สาระหลกั ของการวดั ไดด้ งั ตารางท่ี 4

56

ตารางท่ี 4 นิยามเชิงปฏิบตั ิการและพฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั แต่ละองคป์ ระกอบของ
วิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั

วิถกี ารเรียนรู้ นิยามเชิงปฏิบัตกิ าร พฤติกรรมการวดั /
เชิงดจิ ิทลั สาระหลกั ของการวัด
วถิ ีการเรียนรู้
เชิงดิจิทลั พฤติกรรมที่ผู้บริ หารให้การ 1) ให้การสนบั สนุนสื่อเทคโนโลยี

สนับสนุนสื่อเทคโนโลยีแก่ครู แก่ครูในการจดั การเรียนการสอน

ในการจัดการเรี ยนการสอน 2) ใช้ส่ือเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุน

สนับสนุนการเรียนรู้ของผูเ้ รียน การเรียนรู้ของผเู้ รียน

มีการจดั สภาพแวดลอ้ มท่ีเอ้ือต่อ 3) มีการจดั สภาพแวดลอ้ มที่เอ้ือต่อ

การเรียนรู้ของผูเ้ รียน มีการวดั การเรียนรู้ของผเู้ รียน

และประเมินผลการเรียนรู้ด้วย 4) มีการวัดและประเมินผลการ

เทคโนโลยี เรียนรู้ดว้ ยเทคโนโลยดี ิจิทลั

2.4.2 วิสัยทัศน์ผู้นาทางดิจทิ ัล
ความเป็นผนู้ าคือการมองการณ์ไกลเพื่อดูความตอ้ งการในอนาคตขององค์กร

ความมุ่งมนั่ ที่จะให้ความสาคญั กบั สิ่งท่ีจาเป็นในการยา้ ยองคก์ รไปในทิศทางท่ีถกู ตอ้ งและเป็นส่ิงที่
ยอดเยี่ยมท่ีจะทาเช่นน้นั ได้ เน่ืองจากเป็นการดีที่สุดสาหรับองคก์ ร ซ่ึงเป็นเร่ืองสาคญั ยง่ิ ในปัจจุบนั
สาหรับความเป็นผูน้ าเนื่องจากการเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็ว (Zhu, 2016) สอดคลอ้ งกบั นกั วิชาการ
หลายทา่ นไดใ้ หค้ วามหมายของวิสยั ทศั น์ผนู้ าทางดิจิทลั ดงั ตอ่ ไปน้ี

ไพฑูรย์ สินลารัตน์ (2553) ได้อธิบายถึงความหมายของวิสัยทัศน์ผู้นา
ทางเทคโนโลยี คือ ความสามารถในการกาหนดเป้าหมาย กาหนดสาระตามเป้าหมาย และกาหนด
วิธีการตามเป้าหมายและสาระน้นั ผนู้ าจึงตอ้ งมีความเก่ง รอบรู้ มีวิธีการพร้อมกนั ไป ไม่ใช่ชานาญ
เฉพาะวธิ ีการบริหารแต่ขาดความรู้ในทิศทางหรือวสิ ัยทศั น์

ปกรณ์ ลีสกุล (2561) กล่าววา่ วิสัยทศั น์ผนู้ าทางดิจิทลั หมายถึง ทุกส่ิงทุกอยา่ ง
ของดิจิทลั การเปล่ียนแปลงดิจิทลั เป็นโอกาสในการแข่งขนั และเพ่ือแข่งขนั ผนู้ าตอ้ งมีความเขา้ ใจ
ในเทคโนโลยีและกลยุทธ์ที่สนับสนุนเป้าหมายขององคก์ ร ท้งั จากมุมมองระยะยาว และระยะส้ัน
ผู้นาดิจิทัลท่ีแข็งแกร่ งมักจะมาจากภายนอกองค์กรและนาความคิดท่ีสดใหม่มาสู่ องค์กร
ซ่ึงมันทาให้พวกเขาพร้อมที่จะพัฒนาองค์กรและสร้างความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริ ง
ท่ีเปล่ียนแปลงองคก์ รน้นั

57

ทินกร บวั ชู (2561) กล่าวว่า วิสัยทศั น์ผูน้ าทางดิจิทลั เป็ นการกาหนดทิศทาง
ขององค์กรโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทลั เป็ นตวั ขบั เคล่ือน ซ่ึงผูบ้ ริหารสถานศึกษาจะตอ้ งมีวิสัยทศั น์
สามารถแลกเปล่ียนถ่ายทอดวิสัยทัศน์ หรือความคิดรวบยอดเก่ียวกับการเปลี่ยนแปลงองค์กร
ด้วยการพัฒนานวตั กรรมดิจิทัล และประยุกต์ใช้ดิจิทัลเพื่อยกระดับความเป็ นเลิศขององค์กร
การเขา้ ใจกลยทุ ธท์ ี่สนบั สนุนเป้าหมาย เพม่ิ โอกาสในการแข่งขนั ขององคก์ รดว้ ยนวตั กรรมดิจิทลั

สุชญา โกมลวานิช (2563) ไดใ้ ห้นิยามปฏิบตั ิการของ การมีวิสัยทศั น์ดิจิทลั
(Digital Vision) คือ พฤติกรรมของผูบ้ ริหารที่แสดงออกถึงการดาเนินงานในสถานศึกษา สามารถ
สร้างกลยุทธ์การนาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการปฏิบัติงาน เพ่ือส่งเสริมให้ครูและบุคลากร
สามารถเรียนรู้ ปรับตวั พฒั นาตนเอง และสร้างนวตั กรรม

ISTE (2009) กล่าวว่า การมีวิสัยทัศน์ (Visionary Leadership) ผู้บริ หาร
สถานศึกษาจะต้องสามารถสร้างแรงบันดาลใจ สามารถนาการพัฒนาและการประยุกต์ใช้
เทคโนโลยี โดยการแลกเปล่ียนหรือถ่ายทอดวิสัยทศั น์ ความคิดรวบที่เกี่ยวขอ้ งกบั การบูรณาการ
เทคโนโลยเี พอ่ื ยกระดบั ความเป็นเลิศและสนบั สนุนการเปล่ียนแปลงในองคก์ าร ซ่ึงไดแ้ ก่ การสร้าง
แรงบนั ดาลใจและจดั หาส่ิงอานวยความสะดวกระหว่างผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับการสร้าง
วิสัยทศั น์ร่วมกนั ถึงการเปล่ียนแปลงให้เกิดประโยชน์สูงสุด การใช้ทรัพยากรยุคเศรษฐกิจดิจิทลั
ร่ วมกันเพ่ือต อบส น องใ ห้เ กิ ด เป้ า หม ายกา รเ รี ยน รู้ และกา รส นับส นุ น กา รเรี ย นก ารส อ น ที่ มี
ประสิทธิภาพและเพิ่มประสิทธิผลการทางานของผนู้ าทางการศึกษา การมีส่วนร่วมในกระบวนการ
ต่อเน่ืองในการพัฒนาการนาเทคโนโลยีไปใช้การดาเนินการแผนเชิงกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยี
ในทุกระดับตามวิสัยทัศน์ร่วมกัน และการสนับสนุนนโยบายการระดมทุนเพ่ือสนับสนุน
เทคโนโลยแี ละการดาเนินการตามวสิ ัยทศั น์ร่วมกนั ดา้ นเทคโนโลยี

Tran (2017) กล่าววา่ วิสยั ทศั น์ผนู้ าทางดิจิทลั เป็นสิ่งที่ผนู้ าประสบความสาเร็จ
มีเหมือนกัน คือ พวกเขามีวิสัยทัศน์และสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผูอ้ ่ืนเชื่อในวิสัยทัศน์
ซ่ึงหมายความว่า ผูน้ าดิจิทลั ตอ้ งเป็ นนักเล่าเร่ืองท่ียอดเย่ียม เน่ืองจากเรื่องราวมีอารมณ์ความรู้สึก
ซ่ึงช่วยให้ผูน้ าดิจิทลั เช่ือมต่อและกระตุน้ ผูเ้ รียน การแบ่งปันวิสัยทศั น์และความเช่ือ ช่วยให้เขา
ไดร้ ับผใู้ ชม้ าก่อนในขณะท่ีใหเ้ วลามากพอที่จะทาใหพ้ วกเขาคุน้ เคยกบั เทคโนโลยใี หม่

จากความหมายของวิสัยทศั น์ผูน้ าทางดิจิทลั ที่นกั วิชาการไดใ้ ห้ความหมายไว้
ต่างกนั สามารถสรุปนิยามเชิงปฏิบตั ิการของคาว่า วิสัยทศั น์ผูน้ าทางดิจิทลั หมายถึง พฤติกรรมท่ี
ผูบ้ ริหารและครูร่วมกนั กาหนดวิสัยทศั น์ เป้าหมายความสาเร็จดา้ นเทคโนโลยี การมีส่วนร่วมใน
การวางเเผนดา้ นเทคโนโลยีของสถานศึกษา สนบั สนุนบุคลากรใช้เทคโนโลยีเพื่อการปฏิบตั ิงาน
เผยแพร่วิสยั ทศั น์โดยใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ

58
ตารางท่ี 5 การวิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบยอ่ ยของภาวะผนู้ าดิจิทลั ดา้ นวิสยั ทศั น์ผนู้ าทางดิจิทลั

องค์ประกอบ ุสกัญญา แ ่ชม ้ชอย (2555)
ไพ ูฑร ์ย ิสนลา ัรต ์น (2554)
ิทนกร บัว ูช (2561)
Kawkins & Marcum (2002)
Nance (2003)
Flanagen; & Jacobsen (2003)
(ISTE, 2009)
ความถ่ี

1) กาหนดนโยบายดิจิทลั วิสัยทศั น์เป้าหมาย ✓✓✓ ✓✓ 5

ตวั ช้ีวดั ความสาเร็จร่วมกนั

2) การใชเ้ ทคโนโลยดี ิจิทลั ในการปฏิบตั ิงาน ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 5

3) ใชเ้ ทคโนโลยดี ิจิทลั ช่วยในการตดั สินใจ ✓1

4) การเผยแพร่วิสัยทัศน์โดยใช้เทคโนโลยี ✓✓✓✓ ✓5
สารสนเทศ

5) เพม่ิ โอกาสการแข่งขนั ดว้ ยนวตั กรรมดิจิทลั ✓ 1

6) มีการปฏิบตั ิตามวสิ ยั ทศั น์ ✓ ✓2

7) สนับสนุนนโยบายการระดมทุนเพ่ือ ✓1
สนบั สนุนเทคโนโลยี

8) ร่วมกิจกรรมการคน้ หากรณีตวั อย่างที่ดีใน ✓✓ 2

การใชเ้ ทคโนโลยี

จากตารางที่ 5 ผวู้ ิจยั ไดว้ ิเคราะห์องคป์ ระกอบยอ่ ยของวิสัยทศั น์ผนู้ าทางดิจิทลั
ซ่ึงไดจ้ ากการศึกษาหลกั การ ทฤษฎี เอกสารทางวิชาการและงานวิจยั ที่เก่ียวขอ้ ง ท้งั น้ีผูว้ ิจยั ไดใ้ ช้
เกณฑใ์ นการพิจารณาจากองคป์ ระกอบท่ีมีความถ่ีต้งั แต่ 5 ข้ึนไป (ร้อยละ60) และมีความเหมาะสม
กบั งานวิจยั ผวู้ ิจยั จึงนาขอ้ มูลขององคป์ ระกอบวิสัยทศั น์ผนู้ าทางดิจิทลั ขา้ งตน้ มาวิเคราะห์สรุปตวั
บ่งช้ีองค์ประกอบของวิสัยทัศน์ผูน้ าทางดิจิทัลเพื่อใช้ในการวิจัยคร้ังน้ี ซ่ึงสามารถวิเคราะห์
พฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั ไดด้ งั ตารางที่ 6

59

ตารางที่ 6 นิยามเชิงปฏิบตั ิการและพฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั แต่ละองคป์ ระกอบของ
วิสัยทศั น์ผนู้ าทางดิจิทลั

วสิ ัยทัศน์ นิยามเชิงปฏิบตั ิการ พฤติกรรมการวัด/
ผู้นาทางดิจิทัล สาระหลกั ของการวัด
วิสยั ทศั น์ผนู้ าทาง
ดิจิทลั พฤติกรรมที่ผู้บริ หารและครู 1) กาหนดวิสัยทัศน์ เป้าหมาย

ร่ ว ม กั น ก า ห น ด วิ สั ย ทั ศ น์ ความสาเร็จดา้ นเทคโนโลยรี ่วมกนั

เ ป้ า ห ม า ย ค ว า ม ส า เ ร็ จ ด้า น 2) ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการ

เทคโนโลยี การมีส่วนร่วมใน ว า ง เ เ ผ น ด้า น เ ท คโ น โ ล ยีของ

การวางเเผนดา้ นเทคโนโลยีของ สถานศึกษา

สถานศึกษา สนับสนุนบุคลากร 3) สนับสนุนบุคลากรในการใช้

ใชเ้ ทคโนโลยีเพื่อการปฏิบตั ิงาน เทคโนโลยเี พอ่ื การปฏิบตั ิงาน

เ ผ ย แ พ ร่ วิ สั ย ทั ศ น์ โ ด ย ใ ช้ 4 ) เ ผ ย แ พ ร่ วิ สั ย ทัศ น์ โ ด ย ใ ช้

เทคโนโลยสี ารสนเทศ เทคโนโลยสี ารสนเทศ

2.4.3 สมรรถนะทางเทคโนโลยี
ผู้บริ หาร สถานศึ กษาคว ร มี สม รรถ นะด้านกา รใ ช้เ ทค โน โลยีสา รส น เ ท ศ

เพ่ือ การพฒั นาวิชาชีพ สามารถประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยเี พื่อสร้างสรรคผ์ ลงานของตน และสามารถ
ใช้ใน การติดต่อสื่อสารทางานร่วมกับผูอ้ ื่น นาองค์กรให้บรรถวตั ถุประสงค์ที่ต้งั ไวอ้ ย่างมี
ประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลเป็นท่ียอมรับขององคก์ ร สังคม ชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ ง
(นทั ธีรัตน์ พรี ะพนั ธุ์, 2563) ซ่ึงมีนกั วิชาการไดแ้ สดงทศั นะเกี่ยวกบั สมรรถนะทางเทคโนโลยดี งั น้ี

สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา (2548) กล่าวว่า สมรรถนะทางเทคโนโลยี
ของผูบ้ ริหาร หมายถึง ความสามารถของผูบ้ ริหารในการใชแ้ ละให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศ
เพื่อการศึกษาและปฏิบตั ิงานไดอ้ ยา่ งเหมาะสม มีความสามารถประเมินการใชเ้ ทคโนโลยเี พื่อนามา
ปรับปรุงการบริหารจดั การและมีความสามารถส่งเสริมสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
เพ่ือการศึกษา

บรรจบ บุญจันทร์ (2556) ได้สรุปว่า สมรรถนะทางเทคโนโลยี หมายถึง
พฤติกรรมที่ผูบ้ ริหารสถานศึกษาแสดงออกถึงความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศเป็น
กิจวตั รประจาวนั การฝึ กปฏิบตั ิอย่างต่อเน่ือง สร้างทีมงานและกลุ่มการเรียนรู้ในองคก์ ารเพ่ือนา
เทคโนโลยสี ารสนเทศมาใชใ้ นการพฒั นางาน สร้างผลิตภาพของงานใหค้ วามกา้ วหน้าทางวิชาชีพ

60

แก่ผูท้ ่ีนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใชเ้ พ่ือการเรียนการสอนและเป็ นตน้ แบบในการนาเทคโนโลยี
สารสนเทศมาใชแ้ ละผเู้ รียนเกิดการเรียนรู้

สตรี รัตน์ ต้ังมีลาภ (2558) กล่าวว่า สมรรถนะด้านเทคโนโลยี สาหรับ
การบริหารจัดการในสถานศึกษามุ่งเน้นท่ีการนา ICT มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่องาน
ที่รับผิดชอบอยา่ งเป็ นระบบ มีการวางแผน การประเมินความคุม้ ค่า รวมท้งั การส่งเสริมสนับสนุน
ให้ผูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชานาเทคโนโลยี มาประยุกต์ใช้กบั งานในหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ ถือว่าเป็ น
ทกั ษะส่วนที่เป็นการนาเทคโนโลยมี าประยกุ ตใ์ ชใ้ หท้ างานใหส้ าเร็จ

ปราโมทย์ วังสะอาด, วรปภา อารี ราษฎร์, สมบัติ ท้ายเรื อคา, และธรัธ
อารีราษฏร์ (2559) กล่าวถึง สมรรถนะด้าน ICT ของผูบ้ ริหารสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานว่า เป็ น
ความสามารถในการใช้ ICT สาหรับจดั การศึกษา การพฒั นาโครงสร้างพ้ืนฐาน ICT การใช้ ICT
เพื่อการบริหารจดั การ ส่งเสริมสนับสนุนและประเมินผลการใช้ ICT รวมท้งั เป็ นการใช้ ICT เพื่อ
งานอิเลก็ ทรอนิกส์ของหน่วยงานภาครัฐ

ชูชาติ พุทธลา (2561) ได้สรุปว่า สมรรถนะทางเทคโนโลยี คือ ทกั ษะของ
ผบู้ ริหารในดา้ นวิชาชีพตนเองและบคุ ลากร โดยมีการสนบั สนุนองคค์ วามรู้และเทคโนโลยสี มยั ใหม่
ในการบริหารจดั การ และจดั ใหม้ ีศูนยก์ ารศึกษาตลอดชีวิตเพ่ือการเรียนรู้ที่เหมาะสมในแต่ละพ้ืนที่
ตลอดจนส่งเสริมกระจายอานาจใหท้ ุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการจดั การศึกษาเพื่อนาไปสู่เป้าหมาย
คุณภาพการศึกษาและการเรี ยนรู้ที่มุ่งเน้นคุณธรรมนาความรู้อย่างแท้จริ งควบคู่ไปกับการใช้
เทคโนโลยี

Sheninger (2014) ได้ให้ความหมายของสมรรถนะทางเทคโนโลยี หมายถึง
ความสามารถของผูบ้ ริหารสถานศึกษาในการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ได้เอง เพื่อตอบสนองต่อ
ความตอ้ งการการเรียนรู้ที่หลากหลาย การจดั หาทรัพยากร การเขา้ ถึงความรู้ การรับความคิดเห็น
การติดต่อกับผู้เช่ียวชาญท้ังนักการศึกษาและนักปฏิบัติ เพ่ืออภิปรายเก่ียวกับกลยุทธ์ใน
การพฒั นาการจดั การเรียนรู้ และมีภาวะผนู้ าโดยใชเ้ ทคโนโลยเี พื่อสนบั สนุนการแลกเปล่ียนเรียนรู้
และการพฒั นาความเป็นครูและผบู้ ริหารมืออาชีพ

จากแนวคิดของนักวิชาการสรุปได้ว่า สมรรถนะทางเทคโนโลยี หมายถึง
ความสามารถในการนาเทคโนโลยีสมยั ใหม่มาใช้ในการบริหารจดั การในสถานศึกษา สนบั สนุน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการปฏิบัติงานของบุคลากร กากับติดตามการใช้เทคโนโลยี
ในการดาเนินงานตา่ ง ๆ มีการประเมินผลการใชเ้ ทคโนโลยขี องสถานศึกษา

61
ตารางที่ 7 การวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบยอ่ ยของภาวะผนู้ าดิจิทลั ดา้ นสมรรถนะทางเทคโนโลยี

องค์ประกอบ สภาค ูรและบุคลากรทางการ ึศกษา (2548)
สต ีร ัรต ์น ้ตังมีลาภ (2558)
ปราโมท ์ย ัวงสะอาด และคณะ (2559)

นัท ีธ ัรต ์น ีพระ ัพน ์ุธ (2563)

ุสชญา โกมลวานิช (2563)

Sheninger (2014)

ความ ีถ่

1) การใชเ้ ทคโนโลยี เพอ่ื การบริหารจดั การ ✓ ✓ ✓ ✓✓ 5

2) การพฒั นาฐานขอ้ มลู สารสนเทศ ✓1

3) การจดั ต้งั แหล่งเรียนรู้ดา้ น ICT ✓1

4) การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื การ ✓✓ ✓ ✓4
ปฏิบตั ิงาน

5) การติดตามและประเมินผลการใชเ้ ทคโนโลยี ✓ ✓ ✓ ✓ 4

6) การสร้างสงั คมเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เชิง ✓ ✓2
สร้างสรรค์

จากตารางท่ี 7 ผวู้ ิจยั ไดว้ ิเคราะห์องคป์ ระกอบย่อยของสมรรถนะทางเทคโนโลยี
ซ่ึงไดจ้ ากการศึกษาหลกั การ ทฤษฎี เอกสารทางวิชาการและงานวิจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง ท้งั น้ีผูว้ ิจยั ไดใ้ ช้
เกณฑใ์ นการพจิ ารณาจากองคป์ ระกอบที่มีความถ่ี ต้งั แต่ 4 ข้นึ ไป (ร้อยละ 60) และมีความเหมาะสม
กบั งานวิจยั ผวู้ ิจยั จึงนาขอ้ มูลขององคป์ ระกอบสมรรถนะทางเทคโนโลยีขา้ งตน้ มาวิเคราะห์สรุป
ตวั บ่งช้ีองค์ประกอบของสมรรถนะทางเทคโนโลยี เพ่ือใชใ้ นการวิจยั คร้ังน้ี ซ่ึงสามารถวิเคราะห์
พฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั ไดด้ งั ตารางที่ 8

62

ตารางที่ 8 นิยามเชิงปฏิบตั ิการและพฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั แต่ละองคป์ ระกอบของ
สมรรถนะทางเทคโนโลยี

สมรรถนะ นยิ ามเชิงปฏิบัตกิ าร พฤตกิ รรมการวดั /
ทางเทคโนโลยี สาระหลกั ของการวัด
สมรรถนะทาง
เทคโนโลยี ความสามารถในการนาเทคโนโลยี 1) นาเทคโนโลยีสมยั ใหม่มาใช้ใน

สมยั ใหม่มาใชใ้ นการบริหารจดั การ ก า ร บ ริ ห า ร จั ด ก า ร ภ า ย ใ น

ในสถานศึกษา สนับสนุนการใช้ สถานศึกษา

เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ เ พื่ อ 2 ) ส่ ง เ ส ริ ม ส นับ ส นุ น ก า ร ใ ช้

การปฏิบตั ิงานของบุคลากร กากับ เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ เ พื่ อ

ติ ด ต า ม ก า ร ใ ช้ เ ท ค โ น โ ล ยี ใ น การปฏิบตั ิงาน

ก า ร ด า เ นิ น ง า น ต่ า ง ๆ มี 3) กากับติดตามการใช้เทคโนโลยี

การประเมินผลการใช้เทคโนโลยี ในการดาเนินงานต่าง ๆ

ของสถานศึกษา 4) ประเมินผลการใช้เทคโนโลยี

ของสถานศึกษา

2.4.4 สังคม จริยธรรม และกฎหมาย
สังคม กฎหมาย และจริยธรรม (Social, Legal and Ethical Issues) ประเด็นน้ี

นบั เป็นอีกคุณลกั ษณะหน่ึงที่ทวีความสาคญั เพ่ิมมากข้ึนสาหรับผนู้ าดิจิทลั ในสถานศึกษา เนื่องจาก
โลกยคุ ขอ้ มูลข่าวสารและความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี ตอ้ งอาศยั นวตั กรรมในการคุม้ ครองขอ้ มูล
และขอ้ ตกลงรูปแบบใหม่ในการติดต่อส่ือสาร เพ่ือสร้างหลกั ประกนั ว่าจะสามารถใช้เทคโนโลยี
ในการปฏิบตั ิงานไดอ้ ย่างเหมาะสม ปลอดภยั และมีประสิทธิผล (The Knowledge Loom, 1999)
ซ่ึงมีนกั วชิ าการไดแ้ สดงทศั นะและแนวคิดดงั น้ี

สุนันทา สมใจ (2561) ได้สรุปแนวคิดเก่ียวกบั สังคม จริยธรรม และกฎหมาย
ว่า สังคม จริยธรรม และกฎหมาย ผูบ้ ริหารต้องความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการใช้เทคโนโลยี
การส่งเสริมและบงั คบั ใชม้ าตรการเก่ียวกบั ความปลอดภยั ความเป็นส่วนตวั การสนบั สนุนและจดั
ใหเ้ กิดสภาพแวดลอ้ มในการปฏิบตั ิงานท่ีปลอดภยั ในการใชเ้ ทคโนโลยใี นสถานศึกษา

Meyenn (2001) ที่กล่าวว่า สังคม จริยธรรม และกฎหมาย คือ การท่ีบุคคลมี
ความรู้และความเขา้ ใจถึงทรัพยส์ ินทางปัญญา ความเป็นเจา้ ของขอ้ มูล (Information Property) และ
การไมใ่ ชค้ อมพวิ เตอร์ในการโจรกรรมขอ้ มูลข่าวสาร สารสนเทศของผอู้ ื่น

63

Laudon & Laudon (2002) กล่าวถึง หลักปรัชญาเกี่ยวกับจริ ยธรรม และ
ได้จาแนกประเด็นเก่ียวกับจริยธรรมที่เก่ียวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศเป็ น 4 ประเภท คือ
ความเป็ นส่วนตวั (Privacy) ความถูกตอ้ งแม่นยา (Accuracy) ความเป็ นเจ้าของ (Property) และ
ความสามารถในการเขา้ ถึงได้ (Accessibility) โดยอธิบายไดด้ งั น้ี (O'Brien, 1999)

1) ประเด็นความเป็ นส่วนตัว (Information Privacy) คือ การเก็บรวบรวม
การเก็บรักษา และการเผยแพร่ขอ้ มูลสารสนเทศเกี่ยวกบั ปัจเจกบุคคล หรือองคก์ ร ซ่ึงเจ้าของขอ้ มลู
หรือสารสนเทศน้นั ๆ มีสิทธิที่จะไมเ่ ผยแพร่ขอ้ มลู ตอ่ สาธารณะ

2) ประเด็นความถูกตอ้ ง (Information Accuracy) ขอ้ มูลหรือสารสนเทศที่ดี
ตอ้ งสามารถตรวจสอบถึงแหล่งท่ีมาได้ รวมถึงมีการตรวจสอบความถกู ตอ้ งก่อนท่ีจะทาการเผยแพร่
ขอ้ มูลน้นั ๆ

3) ประเด็นของความเป็ นเจ้าของ (Intellectual Property) คือ กรรมสิทธ์ิและ
มลู คา่ ของขอ้ มูลสารสนเทศ (ทรัพยส์ ินทางปัญญา)

4) ประเด็นของการเขา้ ถึงขอ้ มูล (Data Accessibility) คือ เนื่องจากการเขา้ ถึง
ขอ้ มูลทาไดอ้ ยา่ งง่าย สะดวก รวดเร็ว ทาใหเ้ กิดการกาหนดสิทธิในการเขา้ ถึงขอ้ มูลสารสนเทศ ท้งั น้ี
เพ่ือความปลอดภยั ของขอ้ มูล และสามารถตรวจสอบไดว้ ่าใครเป็ นผบู้ นั ทึก หรือดาเนินการแกไ้ ข
ขอ้ มลู น้นั ๆ

Kozloski (2006) ท่ีกล่าววา่ สังคม จริยธรรม และกฎหมายในการใช้เทคโนโลยี
เป็ นส่ิงที่มีความสาคญั อย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจและการศึกษาในศตวรรษที่ 21 เพราะภาวะผูน้ าดิจิทลั
ดา้ นจริยธรรม มีขอบขา่ ยครอบคลุมถึงการสร้างความมน่ั ใจวา่ มีการเขา้ ถึงเทคโนโลยใี ห้กบั นกั เรียน
ส่งเสริมให้มีการใชเ้ ทคโนโลยดี ว้ ยความรับผิดชอบต่อส่วนรวม และเกิดความปลอดภยั ในการใช้
เทคโนโลยี ความปลอดภยั ในสุขภาพและส่ิงแวดลอ้ ม ตลอดจนออกกฎหมายไม่ละเมิดลิขสิทธ์ิและ
ทรัพยส์ ินทางปัญญา

ISTE (2009) ระบุมาตรฐานเทคโนโลยีของผูบ้ ริหารสถานศึกษาว่าผูบ้ ริหาร
สถานศึกษาควรเป็ นแบบอย่างในการทาความเขา้ ใจดา้ นสังคม จริยธรรม ประเด็นกฎหมายต่าง ๆ
รวมท้งั เป็นรูปแบบตวั อย่างที่ดีในการกาหนดนโยบายเพ่ือความปลอดภยั ถูกตอ้ งตามกฎหมายและ
จริยธรรมในการใชข้ อ้ มลู ดิจิทลั และเทคโนโลยี

จากแนวคิดของนกั วิชาการสรุปไดว้ ่า สังคม จริยธรรม และกฎหมาย หมายถึง
พฤติกรรมการเผยแพร่ขอ้ มูลสารสนเทศที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องแลว้ หลีกเลี่ยงการใช้
เทคโนโลยีในการละเมิดทรัพยส์ ินทางปัญญาหรือลิขสิทธ์ิดว้ ยการคดั ลอกผลงานผูอ้ ่ืน คานึงถึง
ความเป็นส่วนตวั และความปลอดภยั ของขอ้ มลู สารสนเทศ

64
ตารางท่ี 9 การวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบยอ่ ยของภาวะผนู้ าดิจิทลั ดา้ นสังคม จริยธรรม และกฎหมาย

องค์ประกอบ ุส ันนทา สมใจ (2561)
Meyenn (2001)
Laudon & Laudon (2002)
Kozloski (2006)
ISTE (2009)
ความ ี่ถ

1) ความรู้และเขา้ ใจถึงทรัพยส์ ินทางปัญญา/ความ ✓✓✓✓ 4
เป็นเจา้ ของ
2) ความปลอดภยั ในการใชเ้ ทคโนโลยี ✓ ✓✓ 3
3) ความเป็นส่วนตวั ✓✓✓ 3
4) ความถูกตอ้ งของขอ้ มูลสารสนเทศ 3
5) การเขา้ ถึงขอ้ มูลสารสนเทศ ✓✓ ✓ 2
✓✓

จากตารางที่ 9 ผูว้ ิจยั ไดว้ ิเคราะห์องคป์ ระกอบย่อยของสังคม จริยธรรม และ
กฎหมาย ซ่ึงไดจ้ ากการศึกษาหลกั การ ทฤษฎี เอกสารทางวชิ าการและงานวิจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง ท้งั น้ีผวู้ จิ ยั
ไดใ้ ชเ้ กณฑ์ในการพิจารณาจากองค์ประกอบที่มีความถ่ี ต้งั แต่ 3 ข้ึนไป (ร้อยละ 60) และมีความ
เหมาะสมกบั งานวิจยั ผวู้ ิจยั จึงนาขอ้ มูลขององคป์ ระกอบสังคม จริยธรรม และกฎหมายขา้ งตน้ มา
วิเคราะห์สรุปตวั บ่งช้ีองคป์ ระกอบของสังคม จริยธรรม และกฎหมาย เพ่ือใชใ้ นการวิจยั คร้ังน้ี ซ่ึง
สามารถวเิ คราะห์พฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั ไดด้ งั ตารางที่ 10

65

ตารางท่ี 10 นิยามเชิงปฏิบตั ิการและพฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั แตล่ ะองคป์ ระกอบของ
สงั คม จริยธรรม และกฎหมาย

สังคม จริยธรรม นิยามเชิงปฏิบัตกิ าร พฤติกรรมการวดั /
และกฎหมาย สาระหลกั ของการวดั
สังคม จริยธรรม และ
กฎหมาย พฤติกรรมการเผยแพร่ ข้อมูล 1) การเผยแพร่ข้อมูลท่ีถูกต้อง

สารสนเทศท่ีผ่านการตรวจสอบ ผ่านการตรวจสอบแล้วว่าเป็ น

ความถูกตอ้ งแลว้ หลีกเล่ียงการใช้ ความจริง

เทคโนโลยีในการละเมิดทรัพยส์ ิน 2) หลีกเลี่ยงการใชเ้ ทคโนโลยีใน

ท า ง ปั ญ ญ า ห รื อ ลิ ข สิ ท ธ์ิ การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

ด้ว ย ก า ร คัด ล อ ก ผ ล ง า น ผู้อ่ื น หรื อลิขสิ ทธ์ิ ด้วยการคัดลอก

คานึงถึงความเป็ นส่วนตัวและ ผลงานผอู้ ่ืน

ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย ข อ ง ข้ อ มู ล 3) สนบั สนุนให้บุคลากรคานึงถึง

สารสนเทศ ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย ข อ ง ข้ อ มู ล

สารสนเทศ

4) สนบั สนุนให้บุคลากรคานึงถึง

ความเป็ นส่วนตัวในการเข้าถึง

ขอ้ มูลสาคญั ของผูอ้ ่ืนก่อนได้รับ

อนุญาต

3. หลกั การ แนวคดิ ทฤษฎีเกย่ี วกบั ประสิทธผิ ลการปฏบิ ตั งิ านของครู

3.1 แนวคดิ เกยี่ วกบั ประสิทธิผลการปฏิบตั งิ านของครู
ประสิทธิผลมีความสาคญั อย่างย่ิงในทางการบริหารองค์การ เพราะเป็ นตัวช้ีวดั ว่า

การบริหารองค์การประสบความสาเร็จหรือไม่ และยงั เป็ นปัจจยั บ่งช้ีประการหน่ึงถึงความสาเร็จ
ของผูน้ าองค์การที่แสดงถึงศกั ยภาพและความสามารถ ความมีภาวะผูน้ า และความรับผิดชอบ
ของผูน้ าองค์ในการบริหารทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์การ (Jones, 2002) สอดคลอ้ ง
กบั นกั วชิ าการหลาย ๆ ทา่ นดงั น้ี

สานักราชบัณฑิตยสถาน (2542) ให้ความหมายของ ประสิทธิผล (Effectiveness)
หมายถึง ผลสาเร็จ ผลท่ีเกิดข้นึ

66

นิศากานต์ วิศาลธรรมกร (2551) ไดแ้ สดงทศั นะเกี่ยวกบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงาน
ของครู หมายถึง การบรรลุวตั ถุประสงค์ บรรลุถึงความสาเร็จในงานดา้ นการสอนหรือผลสาเร็จที่
เกิดข้ึนตามเป้าหมายได้ตามท่ีต้องการ การดาเนินการปรับปรุงการเรียนการสอนให้บรรลุ
วตั ถุประสงค์น้ัน ท่ีสาคัญคือ ความสามารถในการประมาณการหรือประมาณสถานการณ์
สภาพแวดลอ้ มในการจดั การสอนในช้นั เรียนอยา่ งถูกตอ้ งต่อความเป็นจริง ตลอดจนการปรับปรุง
การปฏิบตั ิงานไดท้ นั เวลา เพ่ืองานจะไดด้ าเนินไปตามแผนใหบ้ รรลุตามวตั ถุประสงคต์ ามท่ีกาหนด
หรือเป้าหมายที่วางไว้

ฐิภารัตน์ สมสมยั (2557) ไดส้ รุปความหมายของ ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
หมายถึง ผลสาเร็จที่เกิดข้ึนจากความสามารถของครูผูส้ อน การปฏิบตั ิงานเพื่อให้เกิดประสิทธิผล
ตามเป้าหมายที่กาหนดไวใ้ นองคป์ ระกอบของการมุ่งผลสัมฤทธ์ิ มุ่งมนั่ ในการปฏิบตั ิงานในหนา้ ท่ี
ให้มีคุณภาพถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ให้บริการด้วยความต้ังใจ
ในการปรับปรุงระบบบริการให้มีประสิทธิภาพเพ่ือสนองความตอ้ งการของผูบ้ ริหาร รู้จกั พฒั นา
ตนเองดว้ ยการศึกษาคนั ควา้ หาความรู้ ติดตามองค์ความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆในวงวิชาการและ
วิชาชีพเพ่ือพัฒนาตนเองและพฒั นางานตลอดจนการสร้างทีมในการทางานให้ความร่วมมื อ
ช่วยเหลือ สนบั สนุน เสริมแรงให้กาลงั ใจเพ่ือนร่วมงานและปรับตวั ให้เขา้ กบั บุคคลอ่ืนหรือแสดง
บทบาทผูน้ าผูต้ ามได้อย่างเหมาะสมท่ีส่งผลให้ครูสามารถปฏิบัติงานด้วยความเต็มใจและเกิด
ประโยชน์สูงสุดตอ่ องคก์ ร

สุภคั ยมพุก (2557) ให้ความหมายของ ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู หมายถึง
ความสามารถของครูในการปฏิบตั ิงาน การจดั การเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ ทาให้เกิด
ประสิทธิผล คือสามารถทาใหผ้ เู้ รียนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปในทางท่ีตอ้ งการ ส่งผลใหก้ ารเรียน
การสอนประสบผลสาเร็จตามวตั ถปุ ระสงคข์ องสถานศึกษา

อมรา พิมพส์ วสั ด์ิ (2562) ไดใ้ หค้ วามหมายของ ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู วา่
หมายถึง ผลลพั ธท์ ่ีไดจ้ ากการประเมินค่า เป็นระดบั ของการปฏิบตั ิงานของครูใหบ้ รรลุวตั ถุประสงค์
ที่แสดงให้เห็นถึงศกั ยภาพ ความรู้ ความสามารถ ครอบคลุมถึงกระบวนการดาเนินงานในการนา
ทรัพยากรมาใช้อย่างคุม้ ค่า มีวิธีการ กระบวนการปฏิบตั ิท่ีเหมาะสม จนทาให้บรรลุเป้าหมายของ
องคก์ ารท้งั เชิงปริมาณและเชิงคณุ ภาพอยา่ งสูงสุด

ทิฆมั พร อุ่นจนั ที (2561) ไดส้ รุปความหมายของ ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
คือ ผลสาเร็จท่ีเกิดข้ึนจากการจดั การเรียนรู้ตามกระบวนการของระบบการเรียนรู้ ซ่ึงเป็ นผลจาก
การท่ีครูได้รับการพฒั นาการจดั การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ได้รับการนิทศ ติดตามการทางาน และ

67

ปรับปรุงการทางานของตนเองอยู่เสมอ และสามารถจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรี ยนได้อย่างมี
ประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล

Barnard (1968) กล่าววา่ ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูเป็นผลสาเร็จหรือผลลพั ธ์
ที่ครูสามารถปฏิบตั ิงานใหบ้ รรลตุ ามวตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายที่กาหนดไวอ้ ยา่ งครบถว้ นสมบูรณ์
โดยการใชป้ ระโยชนจ์ ากทรัพยากรที่มีอยใู่ หเ้ กิดประโยชน์สูงสุด

Gibson, Ivancevich and Donnelly (1994) ที่ ได้นิ ย ามปร ะ สิ ทธิ ผล ไ ว้ว่า เ ป็ น
การดาเนินการใด ๆ ที่มีความมุ่งหมายจะได้รับผลลัพธ์ท่ีต้องการ โดยท่ีการดาเนินการน้ัน
จะมีประสิทธิผลสูงต่าเพียงใด ข้ึนอยู่กับว่าผลที่ไดร้ ับตรงน้ันประสบความสาเร็จท้งั เชิงปริมาณ
และเชิงคุณภาพ และใชท้ รัพยากรตา่ ง ๆ อยา่ งคุม้ ค่ามากนอ้ ยเพยี งใด

Martin & Ketmer (1996) กล่าวว่า ประสิทธิผลเป็ นผลท่ีเกิดจากการปฏิบตั ิงานหรือ
การดาเนินงานท่ีใหผ้ ลของงานบรรลุตามวตั ถปุ ระสงคห์ รือเป้าหมายท่ีต้งั ไว้

Hoy & Miskel (2001) (อา้ งถึงใน มยุรี วรรณสกุลเจริญ และชาญณรงค์ รัตนพนากุล,
2563) ไดใ้ ห้ความหมายของ ประสิทธิผลของการปฏิบตั ิงาน หมายถึง การท่ีผูบ้ ริหารสามารถใช้
ภาวะผูน้ า เป็ นศูนยร์ วมในการจดั การเป็ นผลทาให้การดาเนินงานในองค์กรประสบความสาเร็จ
ของงาน และผลการเรียนรู้ของนกั เรียนจะเป็นสิ่งท่ีปูพ้ืนฐานไปสู่ความสาเร็จของนกั เรียนและเป็ น
สิ่งที่ช้ีวดั ถึงประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูไดเ้ ป็นอยา่ งดี

Cambridge Dictionary (2020) ใหค้ วามหมายของ ประสิทธิผล หมายถึง ความสามารถ
ในการประสบความสาเร็จและสร้างผลลพั ธ์ท่ีต้งั ใจไว้

จากความหมายตามแนวคิด ทศั นะของนกั วิชาการ หน่วยงานต่าง ๆ ขา้ งตน้ สามารถ
สรุปไดว้ ่า ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู หมายถึง ความสาเร็จหรือผลลพั ธ์ท่ีบรรลุเป้าหมาย
ท่ีต้งั ไว้ ซ่ึงเกิดจากการปฏิบตั ิงานของครูในดา้ นการจดั การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ทาให้เกิด
ประสิทธิผล รวมท้งั การพฒั นาตนดว้ ยการศึกษาค้นควา้ หาความรู้เพ่ือพฒั นาตนเองและวิชาชีพ
มีความพงึ พอใจในการปฏิบตั ิงาน ส่งผลตอ่ ความสาเร็จของสถานศึกษาและผเู้ รียน

3.2 องค์ประกอบของประสิทธผิ ลการปฏบิ ตั ิงานของครู
นกั วชิ าการหลายท่านไดก้ ล่าวถึงองคป์ ระกอบที่สาคญั ของประสิทธิผลการปฏิบตั ิงาน

ของครูดงั ตอ่ ไปน้ี
อดิพล เปี ยทอง (2555) ได้ศึกษาการวิเคราะห์และสังเคราะห์ปัจจยั ทางการบริหาร

ท่ีส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของบุคลากรครูในโรงเรียน โดยแบ่งองค์ประกอบของ
ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูออกเป็น 4 ดา้ นไดแ้ ก่

1) ดา้ นความสาเร็จตามเป้าหมาย

68

2) ดา้ นการปรับตวั การเปล่ียนแปลง และการพฒั นา
3) ดา้ นผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน
4) ดา้ นความพงึ พอใจของผปู้ กครอง
ฐิภารัตน์ สมสมยั (2557) ไดศ้ ึกษาการเสริมสร้างขวญั กาลงั ใจท่ีส่งผลต่อประสิทธิผล
การปฏิบัติงานของครูในสถานศึกษาอาเภอสนามชัยเขต สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา
ประถมศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 2 โดยกล่าวถึงองคป์ ระกอบของประประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของ
ครู 6 ประการ ไดแ้ ก่
1) ปริ มาณงาน หมายถึง จานวนภาระงานของครู ในสถานศึกษาท่ีเกิดจาก
ผลการปฏิบตั ิงานตามท่ีไดร้ ับมอบหมายเพอ่ื ใหง้ านสาเร็จตามมาตรฐานที่กาหนดไว้
2) คุณภาพของงาน หมายถึง ผลงานที่เกิดจากกระบวนการเรียนการสอนของครู
3) กระบวนการจดั การเรียนรู้ หมายถึง วิธีการสอนโดยไม่ยึดวิธีการใดวิธีการหน่ึง
เพื่อพฒั นานกั เรียนใหม้ ีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนตามเกณฑท์ ี่โรงเรียนกาหนด
4) ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของโรงเรียน หมายถึง ผลลพั ธ์ของงานเทียบกบั เป้าหมาย
หรือวตั ถปุ ระสงคข์ องโรงเรียนที่กาหนด
5) ความทนั เวลา หมายถึง การบริหารจดั การเวลาใหส้ อดคลอ้ งกบั เหตุการณ์ รวมท้งั
การควบคุมการปฏิบตั ิงานใหบ้ รรลตุ ามเวลาเละวตั ถปุ ระสงค์
6) การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า หมายถึง การใช้ทรัพยกรทางการศึกษาให้เกิด
ประโยชนส์ ูงสุด
ชยั ณรงค์ คาภูมิหา และ เสาวนี ตรีพุทธรัตน์ (2558) ไดส้ ังเคราะห์องค์ประกอบของ
ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูออกเป็น 5 ดา้ น ไดแ้ ก่
1) ความพึงพอใจในงาน หมายถึง ความรู้สึกท่ีดีของผปู้ ฏิบตั ิงานท่ีมีต่องานในหน้าที่
และสภาวะแวดลอ้ มในท่ีทางาน เป็นความสุขจากการไดร้ ับการตอบสนองความตอ้ งการดา้ นจิตใจ
สังคม และสภาพแวดล้อมทางกายภาพในท่ีทางาน รวมท้ังมีความยินดีที่จะปฏิบัติงาน
ดว้ ยความมงุ่ มน่ั และเตม็ ใจที่จะทางานใหป้ ระสบผลสาเร็จ
2) การทางานเป็ นทีม หมายถึง กลุ่มบุคคลในองค์การที่ร่วมกันทางาน โดยมี
การกาหนดวตั ถุประสงค์ร่วมกนั มีการติดต่อส่ือสาร ประสานงานกนั ให้ความร่วมมือ ร่วมใจกนั
ในการทางาน มีความสัมพันธ์ท่ีดีต่อเพ่ือนร่ วมงาน มีความพึงพอใจที่ได้ทางานร่ วมกัน
มีความรับผิดชอบหนา้ ท่ีเพอ่ื ใหบ้ รรลุวตั ถปุ ระสงคใ์ นการทางานร่วมกนั อยา่ งต้งั ใจ
3) ความผูกพันต่อองค์การ หมายถึง เจตคติหรือความรู้สึกท่ีดีของบุคคลท่ีมีต่อ
องค์การท่ีตนได้เขา้ ไปปฏิบตั ิงาน โดยยอมรับเป้าหมาย ค่านิยมและระเบียบปฏิบตั ิขององค์การ

69

มีความศรัทธา จงรักภกั ดีแสดงออกถึงความตอ้ งการคงอยู่ในองคก์ ารต่อไป มีความทุ่มเท รวมท้งั
เตม็ ใจที่จะอุทิศตนเพ่ือความสาเร็จขององคก์ าร

4) การจัดกระบวนการเรี ยนรู้ หมายถึง วิธีการจัดกิจกรรมเพื่อให้ผู้เรี ยน
เกิดการปรับเปล่ียนทศั นคติ แนวคิด และพฤติกรรม อนั เป็ นผลมาจากการจดั เน้ือหาสาระของ
หลกั สูตรการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ การจดั ส่ือการเรียนรู้ การจดั บรรยากาศการเรียนรู้ และการวดั
และประเมินผลการเรียนรู้ เพ่ือผูเ้ รียนเกิดการพฒั นาเต็มตามศกั ยภาพ สอดคลอ้ งกบั ความสนใจ
ความถนดั และความตอ้ งการของผเู้ รียน

5) คุณภาพผเู้ รียน หมายถึง ผลสาเร็จท่ีเกิดข้ึนจากการจดั กระบวนการเรียนรู้ท่ีครูได้
ดาเนินการซ่ึงสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของสถานศึกษา ทาให้ผูเ้ รียนมีความสามารถและทักษะ
ตลอดจนคุณลกั ษณะตามหลกั สูตร

หสั รินทร์ ดอนดี (2560) กล่าวถึงองคป์ ระกอบของ ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
ประกอบดว้ ย 4 ดา้ น ไดแ้ ก่

1) ดา้ นการวางแผนการจดั การเรียนรู้
2) ดา้ นการจดั การเรียนการสอน
3) ดา้ นประเมินผล/แบบวดั ท่ีมีคุณภาพ (ภาคทฤษฎี)
4) ดา้ นประเมินผล/แบบวดั ที่มีคุณภาพ (ภาคปฏิบตั ิ)
ทิฆมั พร อุ่นจนั ที (2561) กล่าวถึงองคป์ ระกอบของ ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
ซ่ึงครูมีพฤติกรรมที่แสดงออกถึง 1) ความพึงพอใจในงาน 2) การพฒั นาตนเอง 3) การบริหาร
หลกั สูตรและการจดั การเรียนรู้ 4) การบริหารจดั การช้นั เรียน 5) การวิจยั เพื่อพฒั นาผูเ้ รียน และ
6) การสร้างความสัมพนั ธ์และความร่วมมือกบั ผปู้ กครองและชุมชน โดยมีรายละเอียดดงั น้ี
1) ความพึงพอใจในงาน หมายถึง ความรู้สึกท่ีดีของบุคลากรที่มีต่องานในหน้าท่ี
มีความภาคภูมิใจในความสาเร็จของงาน มีความเต็มใจท่ีจะทางานให้ประสบความสาเร็จตาม
เป้าหมายของโรงเรียน
2) การพัฒนาตนเอง หมายถึง การศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ เข้าร่วมและติดตาม
กิจกรรมการพฒั นาวิชาชีพ เพื่อพฒั นาตนเอง ผูเ้ รียนและโรงเรียน มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้องค์
ความรู้ใหม่ ๆ ทางวิชาการและวิชาชีพกบั เพ่ือนร่วมงาน รวมท้งั มีการนาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้
พฒั นาและปรับปรุงการจดั การเรียนรู้
3) การบริหารหลกั สูตรและการจดั การเรียนรู้ หมายถึง การพฒั นาหลกั สูตร ออกแบบ
กิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้นผูเ้ รียนเป็ นสาคัญ ใช้ส่ือ นวตั กรรม เทคโนโลยี วดั และประเมินผล

70

การเรียนรู้ของผูเ้ รียนตามสภาพจริง รวมท้งั นาผลการประเมินไปใช้ในการปรับปรุง แก้ไขเละ
พฒั นาการจดั การเรียนรู้ของผเู้ รียนอยา่ งมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด

4) การบริหารจัดการช้ันเรียน หมายถึง มีการใช้เทคนิคและวิธีการท่ีหลากหลาย
ในการจดั การช้นั เรียน มีการจดั บรรยากาศการเรียนรู้ ใชท้ รัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมท้งั
การกากับดูแลช้ันเรียน เพื่อให้ผูเ้ รียนเกิดการเรียนรู้และพฒั นาอย่างมีประสิทธิภาพและเกิด
ประสิทธิผล

5) การวิจยั เพ่ือพฒั นาผูเ้ รียน หมายถึง การทาวิจยั เพ่ือพฒั นาการเรียนการสอนและ
พฒั นาผูเ้ รียน การนาผลการวิจยั มาใช้ในการปรับปรุงการเรียนการสอนหรือส่งเสริมพฒั นาการ
เรียนรู้ของผเู้ รียนใหด้ ียงิ่ ข้นึ

6) การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับผูป้ กครองและชุมชน หมายถึง
การประสานความร่วมมือ สร้างความสัมพนั ธ์ที่ดีและสร้างเครือข่ายกับสู้ปกครอง ชุมชนและ
องคก์ ารอ่ืน ท้งั ภาครัฐและเอกชน เพื่อสนบั สนุนส่งเสริมการจดั การเรียนรู้และพฒั นาผูเ้ รียนใหเ้ ต็ม
ศกั ยภาพและตามธรรมชาติของผเู้ รียน

อมรา พิมพส์ วสั ด์ิ (2562) ทาการศึกษาภาวะผูน้ าของผูบ้ ริหารสถานศึกษาท่ีส่งผลต่อ
ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู ซ่ึงประกอบดว้ ย

1) ความสามารถ หมายถึง การแสดงออกของครูถึงความตอ้ งการท่ีจะรับผิดชอบต่อ
ความสาเร็จและความลมั เหลวของนักเรียน การสร้างแรงจูงใจในการเรียนให้เกิดแก่นักเรียน
เพื่อยกระดบั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนกั เรียน และสามารถส่งเสริมใหผ้ ูเ้ รียนเกิดการเรียนรู้ได้
เตม็ ตามศกั ยภาพ โดยผเู้ รียนมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในทางที่ดีข้ึนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิผล

2) การปรับตัว หมายถึง การยอมรับการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึนกับตนเองหรือ
สิ่งแวดลอ้ มตามยุคตามสมยั มีการปรับตวั เพ่ือรักษาสมดุลของร่างกาย และจิตใจ เม่ือเผชิญกับ
การเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดข้ึน อีกท้งั ตอ้ งมีความกระตือรือร้นท่ีจะพฒั นาดา้ นทกั ษะวทิ ยาการให้ทนั สมยั
เพื่อให้เกิดการเรียนรู้เทคนิค วิธีการเรียนการสอนแบบใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพ ดังน้ันครู
จึงจาเป็นตอ้ งปรับตวั ใหเ้ ตรียมพร้อมกบั ยคุ สมยั ที่เปลี่ยนแปลงไปอยเู่ สมอ

3) สภาพแวดล้อมในองค์การ หมายถึง การได้รับส่ิ งอานวยความสะดวก
ในการปฏิบตั ิงาน ไดร้ ับสวสั ดิการที่เหมาะสมในการดารงชีวิตท่ียงั่ ยืน มีการส่งเสริมให้มีตาแหน่ง
หนา้ ท่ีการงานกา้ วหนา้ มากข้ึน ซ่ึงเกิดจากการไดป้ ฏิบตั ิงานที่มีเกียรติในสังคมและมน่ั คงในอาชีพ
มีส่วนร่วมในการเสนอแนะทางเลือกในการบริหารงานแก่ผูบ้ งั คบั บญั ชาและการมีความผกู พนั ต่อ
องคก์ ารซ่ึงเกิดจากการมีทศั นคติท่ีดีตอ่ องคก์ ารและตอ้ งการเป็นสมาชิกขององคก์ ารตลอดไป

71

4) แรงจูงใจ หมายถึง ปัจจยั ต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการปฏิบตั ิงานของครู พิจารณาไดจ้ าก
ความพึงพอใจในส่ิงที่ไดร้ ับ ความสาเร็จในการทางาน การมีความสัมพนั ธท์ ี่ดีกบั บุคคลทกุ ระดบั ใน
หน่วยงาน ความเชื่อมน่ั ในหน้าท่ีการงาน และการไดร้ ับค่าตอบแทนท่ีเหมาะสมกบั ปริมาณงาน
การสอน

5) การพัฒนาตนเอง หมายถึง การรู้จักแสวหาความรู้ในการเสริมสร้างทักษะ
ความชานาญในการประกอบวิชาชีพ เพื่อเพ่ิมพูนความรู้ ประสบการณ์ในการทางานสามารถ
ปฏิบัติงานที่ตนรับผิดชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปรับปรุงตนเองให้เจริ ญงอกงาม
ในการประกอบวชิ าชีพ เพอ่ื พฒั นาตนเองใหเ้ ป็นบุคคลที่มีคณุ ภาพ

บณั ฑิต ลกั ษณะภาวรรณ และกนกอร สมปราชญ์ (2562) ไดส้ ังเคราะห์องคป์ ระกอบ
ของประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูได้ 5 ดา้ น ดงั น้ี

1) ความพงึ พอใจในงาน
2) คณุ ภาพผเู้ รียน
3) การทางานเป็นทีม
4) การจดั กระบวนการเรียนรู้
5) ความผกู พนั ตอ่ องคก์ าร
สานกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ ก.ค.ศ. (2562)
ได้กาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
สาหรับประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามหนังสือ
สานกั งาน ก.ค.ศ. ท่ี ศธ 0206.7/ว6 ลงวนั ที่ 28 มีนาคม 2562 ซ่ึงประกอบดว้ ย 1) ดา้ นการจดั การเรียน
การสอน 2) ด้านการบริหารจัดการช้ันเรียน 3) ด้านการพฒั นาตนเองและพฒั นาวิชาชีพ และ
4) งานอื่นท่ีไดร้ ับมอบหมาย โดยมีรายละเอียดดงั ต่อไปน้ี
1) ดา้ นการจดั การเรียนการสอน โดยพิจารณาจากการสร้างและหรือพฒั นาหลกั สูตร
การจดั การเรียนรู้และคุณภาพผูเ้ รียน การสร้างและพฒั นาส่ือ นวตั กรรมเทคโนโลยีทางการศึกษา
และแหล่งเรียนรู้ การวดั และประเมินผลการเรียนรู้และการศึกษา วิเคราะห์สังเคราะห์ และหรือวิจยั
เพอื่ แกป้ ัญหาหรือพฒั นาการเรียนรู้ท่ีส่งผลต่อคุณภาพผเู้ รียน
2) ดา้ นการบริหารจดั การช้นั เรียน โดยพิจารณาจากการบริหารจตั การช้นั เรียนและ
การจดั ทาขอ้ มูลสารสนเทศ และการจดั ระบบดูแลช่วยเหลือผเู้ รียน
3) ด้านการพฒั นาตนเองและพฒั นาวิชาชีพ โดยพิจารณาจากการพฒั นาตนเอง
และการพฒั นาวิชาชีพ
4) งานอ่ืนที่ไดร้ ับมอบหมาย

72

นิภาพร นนธิสอน และคณะ (2563) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นา
การเปลี่ยนแปลงของผูบ้ ริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูในสถานศึกษา
โดยประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในสถานศึกษาประกอบดว้ ย

1) ดา้ นการจดั การเรียนรู้
2) การจดั ระบบดูแลช่วยเหลือนกั เรียน
3) การบริหารจดั การช้นั เรียน
4) การสร้างความสัมพนั ธ์ระหวา่ งโรงเรียนกบั ชุมชน
5) การพฒั นาตนเอง
Gibson, John and James (1982) (อา้ งถึงใน อมรา พิมพส์ วสั ด์ิ, 2562) ไดท้ าการศึกษา
และกาหนดเกณฑป์ ระสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของบคุ คลในองคก์ รไวด้ งั น้ี
1) ความรู้ความสามารถ
2) ประสิทธิภาพการปฏิบตั ิงาน
3) ความพงึ พอใจในการปฏิบตั ิงาน
4) ความสามารถในการปรับตวั
5) การพฒั นาตนเอง
6) การอยรู่ อด
Agharuwhe A. Akiri (2013) ไดศ้ ึกษาประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูท่ีส่งผลต่อผล
การเรียนของนักเรียน โรงเรียนมัธยมของรัฐในสหพนั ธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย ประกอบด้วย 8
องคป์ ระกอบไดแ้ ก่
1) การเตรียมบทเรียนและการนาเสนอ (Lesson Preparation and Presentation)
2) การตรงต่อเวลาและการมีส่วนร่วมในช้ันเรียน (Punctuality and Attendance in
Class)
3) การส่ือสารท่ีชดั เจน (Clear Communication)
4) การใช้สื่ อการเรี ยนการสอนอย่างเพียงพอ ( Adequate use of Instructional
Materials)
5) ค ว า ม คิ ด ส ร้ า ง ส ร ร ค์แ ล ะ ก า ร แ ก้ปั ญ ห า ไ ด้ดี ข อ ง ค รู ( Creativity and
Resourcefulness)
6) ความเหมาะสมของครู (adequacy of teachers)
7) ผลงานทางวิชาการของนกั เรียน (Students’ Academic Work)
8) ความห่วงใยของครูที่มีตอ่ นกั เรียน (Teachers’ Concern for Students)

73

ประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครู จากศึกษาทฤษฎีและผลการศึกษาวิจัยของ
นักวิชาการดังกล่าวมาน้ัน ผู้วิจัยพิจารณาเห็นว่าองค์ประกอบบางตัวมีความหมายเดียวกัน
แต่นักวิชาการเรียกชื่อต่างกัน ดังน้ันเพ่ือให้การนาเอาองค์ประกอบแสดงในตารางสังเคราะห์
มีความเหมาะสม ผูว้ ิจยั จึงกาหนดช่ือองคป์ ระกอบที่มีความหมายเดียวกนั แต่เรียกชื่อต่างกนั ท่ีเป็น
กลางสะทอ้ นให้เห็นถึงความหมายเดียวกันและคลอบคลุมองค์ประกอบอ่ืนที่ใช้ชื่อแตกต่างกัน
เพ่ือกาหนดเป็ นองค์ประกอบประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู ในโรงเรียนประถมศึกษาสังกดั
สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 ตามแนวคิดของ ฐิภารัตน์ สมสมยั (2557),
ชยั ณรงค์ คาภูมิหา และเสาวนี ตรีพุทธรัตน์ (2558), ทิพวลั ย์ ชาลีเครือ (2559), หัสรินทร์ ดอนดี
(2560), ทิฆมั พร อุ่นจนั ที (2561), อมรา พิมพส์ วสั ด์ิ (2562), บณั ฑิต ลกั ษณะภาวรรณ และกนกอร
สมปราชญ์ (2562), สานกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ ก.ค.ศ.
(2562), นิภาพร นนธิสอน และคณะ (2563), Gibson, John and James (1982) และ Agharuwhe A.
Akiri (2013) พบวา่ มีองคป์ ระกอบเชิงทฤษฎี (Theoretical Framework) ท่ีเขา้ กบั บริบทของโรงเรียน
จากทศั นะและผลการศึกษาท้งั 11 แหล่งท่ีกล่าวมา เพ่ือนาไปสู่การสังเคราะห์องค์ประกอบของ
ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู ดงั กรอบแนวคิด (Conceptual Framework) ตามลาดบั ดงั แสดง
ในตารางท่ี 11

ตารางที่ 11 ตารางสงั เคราะหอ์ งคป์ ระกอบของประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู จาก

อดพิ ล เปี ยทอง ฐิภารัตน์ สมสมยั ชัยณรงค์ คาภูมหิ า หสั รินทร์ ดอนดี ทิฆมั พร อมรา พิมพ์สวัสด์ิ
(2555) (2557) อุ่นจันที (2561) (2562)
และ เสาวนี (2560)
ความสาเร็จ ปริมาณงานและ
ตามเป้าหมาย คุณภาพของงาน ตรีพุทธรัตน์ (2558)

กระบวนการ ความผกู พนั ต่อ ความพงึ พอใจใน การมีความผูกพนั
จดั การเรียนรู้ องคก์ าร งาน และทศั นคติท่ีดี
ดา้ นการวางแผนการ การบริหาร ตอ่ องคก์ าร
การใชท้ รพั ยากร ความพึงพอใจใน จดั การเรียนรู้และการ หลกั สูตรและการ พึงพอใจในงานที่
อยา่ งคมุ้ คา่ งาน จดั การเรียนการสอน จดั การเรียนรู้ ไดร้ บั
ทนั เวลา การจดั การบริหารจดั การ
ผลสมั ฤทธ์ิ กระบวนการ ช้นั เรียน การสร้างแรงจงู ใจ
ทางการเรียน เรียนรู้ ในการเรียนและ
ส่งเสริมใหผ้ เู้ รียน
เกิดการเรียนรู้ได้
เต็มตามศกั ยภาพ

ผลสมั ฤทธ์ิ คุณภาพผเู้ รียน การยกระดบั
ทางการเรียน ผลสัมฤทธ์ ิ
ทางการเรียน

74

กทศั นะและผลงานวิจยั ของนกั วชิ าการและสถานบนั ตา่ ง ๆ

บัณฑติ ลกั ษณะภาวรรณ ก.ค.ศ. (2562) นิภาพร นนธิสอน Gibson, John Agharuwhe A. การสังเคราะห์
และกนกอร สม และคณะ (2563) and James Akiri (2013) ของผ้วู ิจัย
(1982)
ปราชญ์ (2562)

ผลการปฏบิ ัตงิ าน

มีความผูกพนั ตอ่ ความผูกพนั ต่อองค์การ
องคก์ าร

ความพงึ พอใจใน ความมพงึ พอใจ ความพงึ พอใจในงาน
งาน ในการปฏิบตั งิ าน
การจดั กระบวนการ การจดั การเรียน
เรียนรู้ ดา้ นการจดั การ ดา้ นการจดั การ การเตรียม การสอน
เรียนการสอน เรียนรู้ บทเรียนและการ
นาเสนอ การบริหารจัดการ
ดา้ นการบริหาร การบริหารจดั การ ช้ันเรียน
จดั การช้นั เรียน ช้นั เรียน การใชส้ ่ือการ
เรียนการสอน
อยา่ งเพียงพอ

ประสิทธิภาพการ การสื่อสารท่ี ประสิทธภิ าพของ
การปฏิบตั ิงาน
ปฏบิ ตั งิ าน ชดั เจน
คุณภาพผู้เรียน
คณุ ภาพผเู้ รียน ผลงานทาง
วิชาการของ
ผเู้ รียน

ตารางท่ี 11 ตารางสงั เคราะห์องคป์ ระกอบของประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู จาก

อดพิ ล เปี ยทอง ฐิภารัตน์ สมสมยั ชัยณรงค์ คาภมู หิ า หสั รินทร์ ดอนดี ทฆิ มั พร อมรา พิมพ์สวัสด์ิ
(2555) (2557) อุ่นจันที (2561) (2562)
และ เสาวนี (2560)

ตรีพทุ ธรัตน์ (2558)

ดา้ นประเมินผล/ การพฒั นาตนเอง การพฒั นาตนเอง
แบบวดั ทมี่ ี และเขา้ ร่วม พฒั นาดา้ นทกั ษะ
คณุ ภาพ กิจกรรมพฒั นา วทิ ยาการให้
วิชาชีพ ทนั สมยั
การทางานเป็ นทมี การวิจยั
เพือ่ พฒั นาผเู้ รียน

การสร้าง
ความสัมพนั ธแ์ ละ
ความร่วมมอื กบั
ผปู้ กครอง ชุมชน

75

กทศั นะและผลงานวจิ ยั ของนกั วชิ าการและสถานบนั ตา่ ง ๆ (ต่อ)

บณั ฑิต ลักษณะภาวรรณ ก.ค.ศ. (2562) นภิ าพร นนธิสอน Gibson, John Agharuwhe A. การสังเคราะห์
และกนกอร สม และคณะ (2563) and James Akiri (2013) ของผู้วิจัย
(1982)
ปราชญ์ (2562) ความเหมาะสม ความเหมาะสมของครู
ของครู การวดั และประเมนิ ผล

การพฒั นาตนเอง การพฒั นาตนเอง การพฒั นาตนเอง การพฒั นาวชิ าชีพ
และพฒั นาวิชาชีพ

การสร้าง ความห่วงใยของ การวจิ ัย
ความสมั พนั ธ์ ครูท่มี ีต่อผเู้ รียน เพือ่ พัฒนาผู้เรียน
ระหว่างโรงเรียน
กบั ชุมชน การสร้างความสัมพันธ์

การทางานเป็ นทมี การจดั ระบบ การทางานเป็ นทมี
ดแู ลช่วยเหลอื งานอ่ืนทไ่ี ด้รับ
งานอื่นท่ีไดร้ ับ นกั เรียน
มอบหมาย มอบหมาย

การจดั ระบบดแู ล
ช่วยเหลือนกั เรียน

ตารางท่ี 11 ตารางสงั เคราะห์องคป์ ระกอบของประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู จาก

อดพิ ล เปี ยทอง ฐิภารัตน์ สมสมัย ชัยณรงค์ คาภมู หิ า หัสรินทร์ ดอนดี ทิฆมั พร อมรา พิมพ์สวัสด์ิ
(2555) (2557) อุ่นจนั ที (2561) (2562)
และ เสาวนี (2560)
การปรับตวั การปรับตวั ต่อ
การ ตรีพุทธรัตน์ (2558) การ
เปล่ียนแปลง เปลยี่ นแปลง

ความพงึ พอใจ
ของผปู้ กครอง

76

กทศั นะและผลงานวจิ ยั ของนกั วชิ าการและสถานบนั ตา่ ง ๆ (ตอ่ )

บัณฑิต ลกั ษณะภาวรรณ ก.ค.ศ. (2562) นิภาพร นนธิสอน Gibson, John Agharuwhe A. การสังเคราะห์
และกนกอร สม และคณะ (2563) and James Akiri (2013) ของผู้วิจยั
(1982)
ปราชญ์ (2562) ความสามารถใน ความคิด ความสามารถ
การปรับตวั และ สร้างสรรคแ์ ละ ในการปรับตวั
การอยรู่ อด การแกป้ ัญหาไดด้ ี
ของครู ความรู้ความสามารถ
มคี วามรู้
ความสามารถ ความพงึ พอใจของ
ผ้ปู กครอง

77

ตารางท่ี 12 การวิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบยอ่ ยของประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู

องค์ประกอบ อ ิดพล เ ีปยทอง (2555)
ิฐภา ัรต ์น สมสมัย (2557)
ัชยณรง ์ค คาภู ิมหา และ เสาว ีน ต ีร ุพทธ ัรต ์น (2558)
ัหส ิรนท ์ร ดอน ีด (2560)
ิทฆัมพร ่อุน ัจน ีท (2561)
อมรา ิพม ์พส ัวส ์ดิ (2562)
บัณ ิฑต ัลกษณะภาวรรณ และกนกอร สมปราช ์ญ (2562)
ก.ค.ศ. (2562)
ินภาพร นนธิสอน และคณะ (2563)
Gibson, John and James (1982)
Agharuwhe A. Akiri (2013)
ความ ี่ถ

1) ผลการปฏิบตั ิงาน ✓✓ 2

2) ความผกู พนั ต่อองคก์ าร ✓ ✓✓ 3

3) ความพึงพอใจในงาน ✓ ✓✓✓ ✓5

4) การจดั การเรียนการสอน ✓✓✓✓ ✓✓✓ ✓8

5) การบริหารจดั การช้นั เรียน ✓✓ ✓✓ ✓5

6) ประสิทธิภาพของการปฏิบตั ิงาน ✓ ✓✓ 3

7) คณุ ภาพผเู้ รียน ✓✓✓ ✓✓ ✓6

8) ความเหมาะสมของครู ✓1

9) การวดั และประเมินผล ✓ 1

10) การพฒั นาวชิ าชีพ ✓✓ ✓✓✓ 5

11) การวิจยั เพ่ือพฒั นาผเู้ รียน ✓ 1

12) การสร้างความสัมพนั ธ์ ✓ ✓ ✓3

13) การทางานเป็นทีม ✓✓ 2

14) งานอื่นที่ไดร้ ับมอบหมาย ✓1

15) การจดั ระบบดูแลช่วยเหลือ ✓1
นกั เรียน

16) ความสามารถในการปรับตวั ✓ ✓ ✓3

17) ความรู้ความสามารถ ✓✓ 2

18) ความพงึ พอใจของผปู้ กครอง ✓ 1

78

จากตารางท่ี 12 ผูว้ ิจยั ได้ทาการสังเคราะห์องค์ประกอบของประสิทธิผลการปฏิบตั ิงาน
ของครู จากแนวคิด ทฤษฎีท่ีเก่ียวขอ้ งโดยผวู้ จิ ยั พจิ ารณาความถี่ระดบั สูง (ต้งั แต่ 5 ข้ึนไป) ใชแ้ นวคิด
ของ Gibson, John and James (1982), Agharuwhe A. Akiri (2013) และสานักงานคณะกรรมการ
ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ ก.ค.ศ. (2562) เป็นแนวคิดหลกั และวรรณกรรมและ
งานวจิ ยั อื่น ๆ ที่เกี่ยวขอ้ ง รวมท้งั มีความสอดคลอ้ งกบั บริบทของโรงเรียนประถมศึกษา และใชเ้ ป็น
หลักในการกาหนดองค์ประกอบของประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครู เพื่อกาหนดเป็ น
กรอบแนวคิดเพ่ือการวิจัย (Conceptual Framework) คร้ังน้ี จานวน 5 องค์ประกอบ ได้แก่
1) การจดั การเรียนการสอน 2) การบริหารจดั การช้นั เรียน 3) การพฒั นาวิชาชีพ 4) ความพึงพอใจ
ในงาน และ 5) คณุ ภาพผเู้ รียน ซ่ึงมีรายละเอียดดงั น้ี

3. นยิ ามเชิงปฏิบตั ิการและองค์ประกอบของประสิทธิผลการปฏบิ ัติงานของครู
ผูว้ ิจัยได้นาองค์ประกอบหลักของประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูท้ัง 5 ด้าน

มาศึกษาเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวขอ้ ง เพ่ือให้ไดแ้ นวคิด ทฤษฎีที่เก่ียวขอ้ งกบั ตวั แปรท่ีศึกษาที่จะ
นามาใช้ในการวิจัยคร้ังน้ีมีความชัดเจนและมีความหมาะสม ผูว้ ิจัยได้สังเคราะห์ และนาเสนอ
ในแต่ละองคป์ ระกอบต่อไปน้ี

3.3.1 การจดั การเรียนการสอน
การจดั การเรียนการสอนเป็นกระบวนการท่ีเน้นปฏิสัมพนั ธ์ระหว่างผสู้ อนกบั

ผูเ้ รียน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ผูเ้ รียนเกิดการเรียนรู้ โดยการดาเนินการที่เกิดข้ึนน้ันเป็ นไป
อย่างมีการวางแผนหรือต้งั ใจให้เกิดข้ึน โดยมีนักวิชาการศึกษา สถาบนั การศึกษาให้ความหมาย
ของการจดั การเรียนการสอนไวด้ งั น้ี

ทิศนา แขมมณี (2555) กลา่ ววา่ การจดั เรียนการสอนเป็นการคานึงถึงการเรียนรู้
ของผูเ้ รียนจากกระบวนการจัดการเรียนการสอนของครู โดยที่ผูเ้ รียนมีส่วนร่วมในการเรียน
เป็นศูนยก์ ลางในการเรียน เป็นผถู้ ่ายทอดความรู้ เจตคติและทกั ษะต่าง ๆ โดยมีการเตรียมการสอน
วางแผน กาหนดลาดบั ข้นั ตอนหรือกระบวนการสอนที่เป็ นแบบแผนชัดเจน ผูเ้ รียนมีส่วนร่วม
ในกิจกรรมการเรียนรู้ มีปฏิสัมพนั ธ์ระหวา่ งครูกบั ผเู้ รียน

มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ (2557) ได้สรุป
ความหมายของการจดั การเรียนการสอนว่า เป็ นกระบวนการปฏิสัมพนั ธ์ระหว่างผูส้ อนกบั ผูเ้ รียน
เพอื่ ที่จะทาใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้ตามวตั ถปุ ระสงคข์ องผสู้ อน

สานกั งานคณะกรรการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน (2560) กล่าวว่า การจดั การเรียน
การสอน หมายถึง การจดั ทาหลกั สูตรและหรือพฒั นาหลกั สูตร เพอื่ พฒั นาผเู้ รียนใหเ้ ป็นคนดี คนเก่ง
มีปัญญา มีศักยภาพ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพตามมาตรฐานการเรี ยนรู้ ตัวช้ีวัต

79

สมรรถนะสาคญั และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ตามหลกั สูตรสถานศึกษา โดยจดั การเรียนรู้ดว้ ย
วิธีการ รูปแบบท่ีหลากหลายและเหมาะสม เน้นผู้เรียนเป็ นสาคัญให้ผู้เรียนเกิดการเรี ยนรู้
ดว้ ยวิธีการปฏิบตั ิ

Hough & Duncan (1970) อธิบายความหมายของการจัดการเรียนการสอน
ว่าหมายถึง กิจกรรมของบุคคลซ่ึงมีหลกั และเหตุผล เป็ นกิจกรรมที่บุคคลไดใ้ ชค้ วามรู้ของตนเอง
อย่างสร้างสรรค์ เพื่อสนับสนุนให้ผูอ้ ่ืนเกิดการเรียนรู้และความผาสุก ดังน้ันการจัดการเรียน
การสอนจึงเป็นกิจกรรมในแงม่ มุ ต่าง ๆ 4 ดา้ น คอื

1) ดา้ นหลกั สูตร (Curriculum) หมายถึง การศึกษาจุดมุ่งหมายของการศึกษา
ความเขา้ ใจในจุดประสงค์รายวิชาและการต้ังจุดประสงค์การจัดการเรียนรู้ท่ีชัดเจน ตลอดจน
การเลือกเน้ือหาไดเ้ หมาะสมสอดคลอ้ งกบั ทอ้ งถ่ิน

2) ดา้ นการจดั การเรียนรู้ (Instruction) หมายถึง การเลือกวิธีสอนและเทคนิค
การจดั การเรียนการสอนท่ีเหมาะสม เพื่อช่วยใหผ้ เู้ รียนบรรลถุ ึงจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ที่วางไว้

3) ด้านการวดั ผล (Measuring) หมายถึง การเลือกวิธีการวดั ผลท่ีเหมาะสม
และสามารถวเิ คราะห์ผลได้

4) ดา้ นการประเมินผลการจดั การเรียนรู้ (Evaluating) หมายถึง ความสามารถ
ในการประเมินผลของการจดั การเรียนรู้ท้งั หมดได้

Good (1975) ได้ให้ความหมายของการจดั การเรียนการสอน คือ การกระทา
อนั เป็นการอบรมส่งั สอนผเู้ รียนในสถาบนั การศึกษา

Smith & Ragan (1999) ให้ความหมายของ การเรียนการสอน (Instruction)
หมายถึง การจดั เตรียมเงื่อนไขการเรียนรู้ที่ส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนบรรลุเป้าหมายการเรียนรู้ตามที่กาหนด
ไวอ้ ยา่ งต้งั ใจ เพื่อทาใหผ้ เู้ รียนเกิดความสามารถในดา้ นใดดา้ นหน่ึงตามท่ีตอ้ งการ

Mulyasa (2002) กล่าวว่า การจดั การเรียนการสอน หมายถึง ความพยายาม
ในการจัดการเรียนรู้ จัดการส่ิงแวดล้อม โดยเจตนาเพื่อให้ใครบางคนเรียนรู้ท่ีจะประพฤติตัว
ในเง่ือนไขบางประการ

Alfredo (n.d) (อา้ งถึงใน วิโรจน์ สารรัตนะ, 2556) แสดงความเห็นเกี่ยวกบั
การเรียนรู้ การสอนในห้องเรียนศตวรรษท่ี 21 ว่าจะเป็ นการเรียนการสอนแบบใหม่ที่มีพลวตั
มากข้ึน มีปฏิสัมพนั ธ์และมีการเรียนรู้ท่ีใช้เทคโนโลยีมากข้ึน ผูเ้ รียนมีศักยภาพเชิงแข่งขันสูง
ในตลาดโลก ทาใหเ้ กิดแนวโนม้ ใหมๆ่ เก่ียวกบั การสอนและการเรียนรู้ข้ึนมา

จากแนวคิดของนักวิชาการสรุปได้ว่า การจัดการเรียนการสอน หมายถึง
พฤติกรรมการสร้างและพฒั นาหลกั สูตรสาหรับการจดั การเรียนรู้ให้แก่ผูเ้ รียน สร้างและพฒั นาสื่อ

80

นวตั กรรมเทคโนโลยีทางการศึกษา มีการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ จดั การเรียนรู้ดว้ ยวิธีการ
รูปแบบที่หลากหลายและเหมาะสม ผูเ้ รียนเรียนรู้ด้วยวิธีการปฏิบตั ิโดยยึดหลกั การเน้นผูเ้ รียน
เป็ นสาคญั

ตารางท่ี 13 การวิเคราะห์องค์ประกอบย่อยของประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูด้านการจัด
การเรียนการสอน

องค์ประกอบ ป ีรชญา พิ ิร ุยตะมา และยศ ีว ์ร สาย ้ฟา (2558)
ุ่รงนภา โรจนไพ ูฑร ์ย และ ิปพง ์ษ ุสเมตติกุล (2558)
ัธญว ัรต ์น เห ืมอนส ้รอย และคณะ (2560)
ข ัวญ ัชย ัขวนา และ ธาร ิทพ ์ย ัขวนา (2562)
Hough & Duncan (1970)
Gunawan (2014)
Raganas & Collado (2015)

ความถี่

1) การจดั การผเู้ รียน ✓✓ 2
2) หลกั สูตร 5
3) การใชส้ ื่อ/แหล่งเรียนรู้ ✓✓ ✓✓✓ 4
4) การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 7
5) การวดั และประเมินผล ✓✓✓ ✓ 5
6) การกาหนดวตั ถุประสงคก์ ารเรียนรู้ 2
✓✓✓✓✓✓✓

✓✓✓✓✓

✓✓

จากตารางที่ 13 ผูว้ ิจัยได้วิเคราะห์องค์ประกอบย่อยของการจัดการเรียน
การสอน ซ่ึงไดจ้ ากการศึกษาหลกั การ ทฤษฎี เอกสารทางวชิ าการและงานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ ง ท้งั น้ีผวู้ ิจยั
ได้ใช้เกณฑ์ในการพิจารณาจากองค์ประกอบที่มีความถ่ี ต้ังแต่ 4 ข้ึนไป (ร้อยละ 60) และมี
ความเหมาะสมกับงานวิจยั ผูว้ ิจยั จึงนาขอ้ มูลขององค์ประกอบการจดั การเรียนการสอนขา้ งต้น

81

มาวิเคราะห์สรุปตวั บ่งช้ีองค์ประกอบของการจดั การเรียนการสอน เพื่อใช้ในการวิจยั คร้ังน้ี ซ่ึง
สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั ไดด้ งั ตารางท่ี 14

ตารางท่ี 14 นิยามเชิงปฏิบตั ิการและพฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั แตล่ ะองคป์ ระกอบของ
การจดั การเรียนการสอน

การจดั การเรียน นยิ ามเชิงปฏบิ ัตกิ าร พฤตกิ รรมการวดั /
การสอน สาระหลกั ของการวัด

การจดั การเรียนการ พฤติกรรมการสร้างและพฒั นา 1) ส ร้ างแล ะ พัฒน าห ลัก สู ต ร
สอน
ห ลั ก สู ต ร ส า ห รั บ ก า ร จั ด มาตรฐานก าร เรี ย น รู้ ตัวช้ี วัด

การเรียนรู้ใหแ้ ก่ผเู้ รียน สร้างและ คาอธิ บายรายวิชา และหน่ วย

พฒั นาสื่อนวตั กรรมเทคโนโลยี การเรียนรู้ โดยครอบคลุมเน้ือหา

ทางการศึกษา มีการวัดและ ของหลกั สูตร

ป ร ะ เ มิ น ผ ล ก า ร เ รี ย น รู้ จัด 2) สร้างและพัฒนาส่ือนวตั กรรม

การเรียนรู้ด้วยวิธีการรูปแบบท่ี เ ท ค โ น โ ล ยี ท า ง ก า ร ศึ ก ษ า ที่

หลากหลายและเหมาะสม ผเู้ รียน สอดคลอ้ งกบั แผนการจดั การเรียนรู้

เรียนรู้ด้วยวิธีการปฏิบัติโดยยึด 3 ) ใ ช้ เ ค ร่ื อ ง มื อ วั ด ผ ล แ ล ะ

หลกั การเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั ป ร ะ เ มิ น ผ ล ที่ ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ

มาตรฐานการเ รี ยน รู้ แล ะตัว ช้ี วัด

ของหลกั สูตร

4) จดั กิจกรรมการเรียนรู้ดว้ ยวิธีการ

รูปแบบที่หลากหลายและเหมาะสม

โดยเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั

3.4.2 การบริหารจดั การช้ันเรียน
การสร้างและการรักษาสิ่งแวดล้อมของห้องเรียนเพื่อเอ้ือต่อการเรี ยนรู้

ของนักเรียน หรือกิจกรรมทุกอย่างท่ีครูทาเพ่ือจะช่วยให้การสอนมีประสิทธิภาพและนักเรียน
มีผลสัมฤทธ์ิในการเรียนรู้ตามวตั ถุประสงค์ท่ีต้งั ไวส้ าหรับบทเรียนหน่ึงๆ คือ การจดั การช้นั เรียน
(สุรางค์ โคว้ ตระกูล, 2556) ซ่ึงมีนกั วิชาการไดแ้ สดงทศั นะและแนวคิดเก่ียวกบั การบริหารจดั การ
ช้นั เรียน ดงั น้ี

82

สันติ บุญภิรมย์ (2557) กล่าวว่า การจดั การช้นั เรียน หมายถึง กระบวนการ
ดาเนินการในช้นั เรียน ประกอบดว้ ย 1) การเตรียมการ เป็นการจดั เตรียมการเรียนไวใ้ หพ้ ร้อมที่จะมี
การเรียนการสอนในปี การศึกษาน้นั ๆ ซ่ึงเป็นการเตรียมความพร้อมในดา้ นศกั ยภาพ 2) การวางแผน
การเรียนการสอน ซ่ึงเป็ นการวางแผนการเรียนการสอนในช้นั เรียนและการวางแผนการเลือกใช้
กิจกรรมต่าง ๆ มาใช้ประกอบการเรียนการสอนที่คาดว่าน่าจะบรรลุผลสาเร็จตามวตั ถุประสงค์
ของรายวิชาน้ัน ๆ และ 3) การดาเนินการในช้นั เรียน เป็ นการดาเนินการเรียนการสอนให้เป็ นไป
ตามกระบวนการท่ีไดก้ าหนดไวม้ ีวตั ถุปะสงค์เพื่อผูเ้ รียนไดม้ ีความรู้ ความสามรถตามสมรรถนะ
ของรายวชิ าพร้อมท้งั มีปฏิกิริยาร่วมระหว่างผสู้ อนกบั ผูเ้ รียนเพ่ือให้ผเู้ รียนไดร้ ับประโยชน์สูงสุดต่อ
การดาเนินการเรียนการสอนในแต่ละคร้ัง และก่อให้เกิดความพึงพอใจท้ังสองฝ่ ายในระดบั ที่
ยอมรับไดเ้ พือ่ มุ่งสู่ความเป็นเลิศในช้นั เรียน

สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน (2553) กล่าวถึง การบริหาร
จดั การช้นั เรียน เป็นหน่ึงในกรอบประเมินสมรรถนะในการปฏิบตั ิงานของครูผสู้ อนตามขอบข่าย
งานท่ีเกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพของผูเ้ รียน ซ่ึงหมายถึง ความสามารถในการกากับดูแล
ช้ันเรียน สร้างบรรยากาศในการจดั การเรียนรู้ จดั ทาขอ้ มูลสารสนเทศประจาช้ันและประจาวิชา
ประกอบดว้ ย

1) จดั บรรยากาศท่ีส่งเสริมการเรียนรู้ความสุขและความปลอดภยั ของผเู้ รียน
1.1 จดั สภาพแวดลอ้ มภายในห้องเรียนและภายนอกห้องเรียนท่ีเอ้ือต่อ

การเรียนรู้
1.2 ส่งเสริมการมีปฏิสมั พนั ธท์ ี่ดีระหวา่ งครูกบั ผเู้ รียนและผเู้ รียนกบั ผเู้ รียน
1.3 ตรวสอบสิ่งอานวยความสะดวกในหอ้ งเรียนใหพ้ ร้อมใชแ้ ละปลอดภยั

อยเู่ สมอ
2) จดั ทาขอ้ มูลสารสนเทศและเอกสารประจาช้นั เรียนประจาวิชา
2.1 จดั ทาขอ้ มูลสารสนเทศของนกั เรียนเป็นรายบุคคลและเอกสารประจา

ช้นั เรียนอยา่ งถูกตอ้ งครบถว้ นเป็นปัจจุบนั
2.2 นาขอ้ มูลสารสนเทศไปใชใ้ การพฒั นาผเู้ รียนไดเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพ

3) กากบั ดูแลช้นั เรียนรายช้นั /รายวชิ า
3.1 ใหผ้ เู้ รียนมีส่วนร่วมในการกาหนดกฎกติกาขอ้ ตกลงในช้นั เรียน
3.2 แก้ปัญหาและพฒั นานักเรียนด้านระเบียบวินัยโดยการสร้างวินัย

เชิงบวกในช้นั เรียน

83

3.3 ประเมินการกากับดูแลช้ันเรี ยนและนาผลการประเมินไปใช้
ในการปรับปรุงและพฒั นา

4) งานอ่ืนที่ไดร้ ับมอบหมาย
ศิริวรรณ วณิชวฒั นวรชัย (2561) ไดส้ รุปความหมายของ การบริการจดั การ
ช้นั เรียน ว่าการบริหารจดั การช้นั เรียน หมายถึง การจดั สภาพแวดลอ้ มและบรรยากาศที่เอ้ืออานวย
ต่อการเรียนรู้ของนักเรียน การดูแลส่งเสริมให้ผูเ้ รียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้สามารถ
เรียนรู้ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
Moore (2001) ให้คาจากดั ความว่า การบริหารจดั การช้นั เรียน เป็ นพฤติกรรม
การจดั ระบบระเบียบ และนากิจการของหอ้ งเรียนให้เกิดการเรียนรู้ การบริหารจดั การช้นั เรียนมกั จะ
ถกู รับรู้วา่ เกี่ยวขอ้ งกบั การรักษาระเบียบวินยั และควบคุมช้นั อยา่ งไรกต็ าม การเขา้ ใจเช่นน้ี เป็นเร่ือง
งา่ ยเกินไป ท้งั น้ีเพราะ การบริหารจดั การช้นั เรียนมีหลายสิ่งท่ีมากไปกวา่ น้ีนนั่ คือ การสร้างและดูแล
เอาใจใส่บรรยากาศแวดลอ้ มของหอ้ งเรียนเพือ่ ใหก้ ารจดั การเรียนรู้บรรลตุ ามเป้าหมายทางการศึกษา
Kauchak & Eggen (2 0 0 7 ) ไ ด้ก ล่ า ว ถึ ง ก า ร บ ริ ห า ร จัด ก า ร ช้ัน เ รี ย น
ซ่ึงประกอบด้วย ความคิดในการวางแผนและการปฏิบตั ิงานของครูท่ีสร้างสรรค์สภาพแวดลอ้ ม
อยา่ งเป็นระบบระเบียบและส่งเสริมการเรียนรู้ โดยมีเป้าหมายของการจดั การบริหาร (Management
Goals) มี 2 ประการ คือ 1) รังสรรคส์ ่ิงแวดลอ้ มต่าง ๆ ท่ีจะส่งเสริมใหก้ ารเรียนรู้ มีความเป็นไปได้
มากที่สุดและครูจะสามารถสะทอ้ นผลปฏิบตั ิงานของตนเองดว้ ยการถามตนเองสม่าเสมอว่าระบบ
การบริหารจดั การเอ้ืออานวยให้ผูเ้ รียนไดเ้ รียนรู้อย่างไรและมากนอ้ ยเพียงใด 2) พฒั นาผเู้ รียนให้มี
ศกั ยภาพในการจดั การและนาตนเองให้สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ดงั น้ัน การบริหารจัดการ
ช้นั เรียนจึงเป็ นเครื่องมือในการส่งเสริมให้ผูเ้ รียนเกิดความเขา้ ได้ดว้ ยตนเอง ประเมินตนเองและ
ควบคมุ ดูแลตนเองไดเ้ หมาะสมตามวยั
Ulas Kubat and Nurhak Cem Dedek Bali (2018) กล่าวว่า การบริหารจัดการ
ช้นั เรียนเป็นกระบวนการในการสร้างบรรยากาศในหอ้ งเรียนท่ีดี โดยการช้ีนาการแสดงพฤติกรรม
ของนกั เรียนและการจดั กระบวนการเรียนการสอนในช้นั เรียนโดยใหผ้ เู้ รียนเป็นศูนยก์ ลาง
จากแนวคิดและทัศนะของนักการศึกษาข้างต้น ผู้วิจัยสามารถสรุปไวว้ ่า
การบริ หารจัดการช้ันเรี ยน หมายถึง พฤติกรรมการเสริ มสร้างบรรยากาศการเรี ยนรู้และ
สภาพแวดล้อมของห้องเรียนที่เอ้ือต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน อานวยความสะดวกให้ผู้เรี ยน
เกิดองค์ความรู้ด้วยตัวเอง มีกฎเกณฑ์ กติกาเพ่ือกากับดูแลช้ันเรียน พร้อมส่งเสริมพฤติกรรม
การมีวินยั เชิงบวกในช้นั เรียน

84

ตารางที่ 15 การวิเคราะห์องคป์ ระกอบย่อยของประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูดา้ นการบริหาร
จดั การช้นั เรียน

องค์ประกอบ กาน ์ต ิส ีน ุส ุขมาล ัรง ีส และ ชญาพิม ์พ อุตสาโห (2559)
วรรณนิภา วง ์ศสวาส ์ดิ (2560)
ภัท ิรน ไชยวง ์ศ และ ธ ิรนธร นามวรรณ (2561)
นิภาภร ์ณ ้ซายโพ ์ธิกลาง (2561)
Evertson and Weinstein (2006)
Reupert & Woodcock (2010)
ความ ่ีถ

1) การสร้างกฎเกณฑ์ กติกากากบั ดูแลช้นั เรียน ✓✓✓ 3
6
2) การส่งเสริมพฤติกรรมและสร้างวนิ ยั เชิงบวก ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓
ในช้นั เรียน 6
4
3) การจดั สภาพแวดลอ้ มและสร้างบรรยากาศใน ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 2
การเรียนรู้ 2

4) อานวยความสะดวกในการเรียนการสอน ✓ ✓ ✓ ✓

5) การสร้างสมั พนั ธเ์ ชิงบวก ✓✓

6) การจดั ทาขอ้ มูลสารสนเทศประจาช้นั เรียน/ ✓✓
ประจาวิชา

จากตารางที่ 15 ผูว้ ิจัยได้วิเคราะห์องค์ประกอบย่อยของการบริหารจดั การ
ช้นั เรียน ซ่ึงไดจ้ ากการศึกษาหลกั การ ทฤษฎี เอกสารทางวชิ าการและงานวิจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง ท้งั น้ีผวู้ ิจยั
ได้ใช้เกณฑ์ในการพิจารณาจากองค์ประกอบที่มีความถี่ ต้ังแต่ 3 ข้ึนไป (ร้อยละ60) และมี
ความเหมาะสมกบั งานวิจยั ผูว้ ิจยั จึงนาขอ้ มูลขององค์ประกอบการบริหารจดั การช้ันเรียนขา้ งตน้
มาวิเคราะห์สรุปตวั บ่งช้ีองค์ประกอบของการบริหารจดั การช้ันเรียนเพื่อใช้ในการวิจัยคร้ังน้ี
ซ่ึงสามารถวเิ คราะห์พฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั ไดด้ งั ตารางท่ี 16

85

ตารางที่ 16 นิยามเชิงปฏิบตั ิการและพฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั แตล่ ะองคป์ ระกอบของ
การบริหารจดั การช้นั เรียน

การบริหารจดั การ นยิ ามเชิงปฏบิ ัติการ พฤติกรรมการวัด/
ช้ันเรียน สาระหลกั ของการวัด

การบริหารจดั การ พ ฤ ติ ก ร ร ม ก า ร เ ส ริ ม ส ร้ า ง 1) เสริ มสร้างบรรยากาศแล ะ
ช้นั เรียน
บ ร ร ย า ก า ศ ก า ร เ รี ย น รู้ แ ล ะ สภาพแวดลอ้ มภายในห้องเรียนที่

สภาพแวดล้อมของห้องเรี ยน เอ้ือตอ่ การเรียนรู้ของผูเ้ รียน

ที่เอ้ือต่อการเรียนรู้ของผู้เรี ยน 2) อานวยความสะดวกให้ผู้เรียน

อานวยความสะดวกให้ผู้เรี ยน เกิดองคค์ วามรู้ดว้ ยตวั เอง

เ กิ ด อ ง ค์ค ว า ม รู้ ด้ว ย ตัว เ อ ง 3) มีกฎเกณฑ์ กติการ่วมกัน เพื่อ

มีกฎเกณฑ์ กติกาเพ่ือกากบั ดูแล กากบั ดูแลช้นั เรียน

ช้ั น เ รี ย น พ ร้ อ ม ส่ ง เ ส ริ ม 4) ส่งเสริ มพฤติกรรมการมีวินัย

พฤติกรรมการมีวินัยเชิงบวก เชิงบวกในช้นั เรียน

ในช้นั เรียน

3.4.3 การพฒั นาวิชาชีพ
ผู้ประกอบวิช าชี พจาเป็ นต้องมีการพัฒนาตนเพ่ือให้พร้ อม รั บกับ

การเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา ย่ิงเป็ นผู้ประกอบวิชาชีพครูซ่ึงมีหน้าที่และบทบาทสาคัญ
ในการพฒั นาศกั ยภาพผเู้ รียนให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ใหม้ ีความรู้ ทกั ษะ ทศั นคติแห่งความเป็น
พลมืองดีของสังคม ยิ่งต้องมีการพฒั นาด้วยระบบและกระบวนการที่มีคุณภาพและต่อเนื่อง
(อรรณพ จีนะวฒั น์, 2559) ท้งั น้ีมีนกั การศึกษา หน่วยงานทางการศึกษาไดใ้ หค้ วามหมายของพฒั นา
วิชาชีพไวห้ ลากหลาย ดงั น้ี

สานกั พฒั นาครูและบคุ ลากรทางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน (2553) การพฒั นาตนเอง
(Self-Development) หมายถึง การศึกษาคนั ควา้ หาความรู้ ติดตามและแลกเปลี่ยนเรียนรู้องคค์ วามรู้
ใหม่ ๆ ทางวิชาการและวิชาชีพ มีการสร้างองคค์ วามรู้และนวตั กรรมเพื่อพฒั นาตนเองและพฒั นา
งาน ประกอบดว้ ยตวั บ่งช้ี ดงั น้ี

ตวั บ่งช้ีที่ 1 การศึกษาคนั ควา้ หาความรู้ติดตามองคค์ วามรู้ใหม่ ๆ ทางวิชาการ
และวชิ าชีพ

ตวั บง่ ช้ีที่ 2 การสร้างองคค์ วามรู้และนวตั กรรมในการพฒั นาองคก์ รและวชิ าชีพ

86

ตวั บ่งช้ีที่ 3 การแลกเปล่ียนความคิดเห็นและสร้างเครือขา่ ย
บญุ ยฤทธ์ิ ปิ ยะศรี (2556) แสดงทศั นะเกี่ยวกบั การพฒั นาวิชชีพครู วา่ ครอบคลุม
ท้ังกิจกรรมการพัฒนาระหว่างการปฏิบัติงานของครูประจาการ (In-Service Teacher) และ
การพฒั นาในช่วงฝึ กหัด (Pre-Service Teacher) และเป็ นการพฒั นาตลอดระยะเวลาการทางาน
ในวชิ าชีพ ซ่ึงโดยทวั่ ไปการพฒั นาวชิ าชีพครูน้นั เป็นกระบวนการยกระดบั ความรู้ แนวคดิ ศกั ยภาพ
ที่จาเป็ นต่อการปฏิบตั ิงานของครูให้เป็ นครูท่ีมีศกั ยภาพในการปฏิบตั ิงานไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ
และเกิดประสิทธิผลซ่ึงตอ้ งมีการทางานอย่างต่อเนื่อง ท้งั น้ีวิธีการพฒั นาวิชาชีพครูมีหลากหลายวิธี
ไดแ้ ก่ การฝึกอบรม การศึกษาตอ่ การสร้างเครือข่ายครู เป็นตน้ การพฒั นาวิชาชีพครูโดยใชร้ ูปแบบ
การอบรมท้ังแบบอบรมให้ความรู้และการอบรมเชิงปฏิบตั ิการ เป็ นรูปแบบที่ผูจ้ ัดการอบรม
มีความคาดหวงั ว่าผูเ้ ขา้ รับการอบรมจะสามารถนาความรู้จากการอบรมและการไดล้ องฝึ กปฏิบตั ิ
ในการอบรมไปประยกุ ตใ์ ชจ้ ริงในโรงเรียนของตนเองได้
สมาพร มณีอ่อน (2559) ไดก้ ล่าวสรุปความหมายของการพฒั นาวิชาชีพ ว่า
หมายถึง กระบวนการ กิจกรรม ในการเสริมสร้างเพ่ิมพูนและปรับปรุงแกไ้ ขในทุกวิถีทางขององค์
ความรู้ ทกั ษะ เทคนิค และความสามารถของครู เพ่ือนาไปถ่ายทอดแก่ผูเ้ รียนให้สามารถเรียนรู้ได้
อยา่ งมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด
มาลินี บุณยรัตพนั ธุ์ (2559) ได้กล่าวถึง การพฒั นาบุคลากรหรือการพฒั นา
วิชาชีพทางการศึกษา หมายถึง การจดั กิจกรมตา่ ง ๆ ท่ีจดั ใหก้ บั ครูหรือบคุ ลากรทางการศึกษาเพ่ือให้
มีความรู้ มีความสมารถ มีศกั ยภาพ เพื่อส่งเสริมพฒั นาครู และบุคลากรใหม้ ีความกา้ วหนา้ ในอาชีพ
การพฒั นาวิชชีพ ประกอบดว้ ยกิจกรรมหลายลกั ษณะ เช่น การศึกษาต่อ การฝึ กอบรม การศึกษา
ดูงาน การประชุมนานาชาติ การศึกษาดว้ ยตนเองโดยการอ่าน ซ่ึงกิจกรรมเหล่าน้ีเพ่ือช่วยเพ่ิมพูน
ประสบการณ์ใหแ้ ก่ครูใหก้ า้ วหนา้ เป็นประโยชน์ตอ่ วชิ าชีพ
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (2561) ให้ความหมายของ
การพฒั นาวิชาชีพ หมายถึง กระบวนการพฒั นาวิชชีพครู โดยการมีส่วนร่วมแลกเปล่ียนเรียนรู้
ร่วมกันในระดับสถานศึกษา หรือระดับเครือข่าย หรือระดับชาติ และแสดงบทบาทในชุมชน
การเรี ยนรู้ทางวิชาชีพ ( Professional Learning Community: PLC) ด้วยความสัมพันธ์แบบ
กลั ยาณมิตร มีวิสัยทศั น์ คุณค่า เป้าหมายและภารกิจร่วมกนั เพื่อให้เกิดเป็นวฒั นธรรมองคก์ ร และ
สร้างนวตั กรรมจากการเขา้ ร่วมในชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โดยนาความรู้ ความสามารถ ทกั ษะ
ที่ไดจ้ ากการพฒั นาวชิ าชีพมาพฒั นานวตั กรรมการจดั การเรียนรู้ที่ส่งผลต่อคุณภาพผเู้ รียน
Liberman & Miler (1992) ให้ความหมายของ การพฒั นาวิชาชีพครู ว่าเป็ น
กระบวนการสืบเสาะแสวงหาความรู้ของครูอยา่ งตอ่ เน่ือง และนาไปสู่การปฏิบตั ิของครู

87

Guskey (2000) กล่าวว่า การพัฒนาวิชาชีพครู (Professional Development)
หมายถึง กิจกรรมหรือกระบวนการที่มีเป้าหมายเพื่อทาให้ครูมีการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมหรือ
ปรับปรุง เพ่ิมพูนความรู้ ทกั ษะดา้ นการจดั การเรียนการสอน (Pedagogical Skills) รวมท้งั เจตคติ
และความเชื่อของครู ที่จะส่งผลใหน้ กั เรียนเกิดการเรียนรู้เป็นเป้าหมายสุดทา้ ยสาคญั

Zepeda (2008) ได้กล่าวถึง การพัฒนาวิชาชีพ เป็ นการพัฒนาอย่างหน่ึง
ในการพฒั นาบุคคลหรือบุคลากร และปฏิบตั ิกนั อย่างสม่าเสมอ และเป็นการเรียนรู้ที่ไม่มีวนั สิ้นสุด
(Professional Development is Leaning) เพื่อการปรับปรุ งคุณภาพของโรงเรี ยน (Professional
Development is School Improvement) และเพื่อการพฒั นาการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ของนกั เรียน
(Professional Development is Student Learning Development)

OECD (2009) กล่าวถึง การพฒั นาวิชาชีพท่ีมีประสิทธิภาพเป็นการดาเนินการ
ฝึกอบรมการปฏิบตั ิ และขอ้ เสนอแนะและใหเ้ วลาที่เพยี งพอและการสนบั สนุนติดตามผล โปรแกรม
ที่ประสบความสาเร็จเก่ียวขอ้ งกบั ครูในกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีคลา้ ยกบั ที่พวกเขาจะใชก้ บั นักเรียน
และส่งเสริมการพฒั นาชุมชนการเรียนรู้ของครู มีความสนใจในการพฒั นาโรงเรียนให้เป็นองค์การ
แห่งการเรียนรู้มากข้ึนและในรูปแบบต่าง ๆ ครูจะแบ่งปันความเชี่ยวชาญและประสบการณ์
อยา่ งเป็นระบบมากข้นึ

จากแนวคิดของหน่วยงานทางการศึกษาขา้ งตน้ ผวู้ ิจยั สามารถสรุปความหมาย
ของการพฒั นาวิชาชีพ หมายถึง พฤติกรรมการศึกษาคน้ ควา้ องค์ความรู้ใหม่ ๆ ทางวิชาการและ
วิชาชีพ เพิ่มพูนความรู้ทกั ษะด้านการจดั การเรียนการสอน มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกันกับ
เครือข่ายวิชาการ นาความรู้ ความสามารถ ทกั ษะ ที่ไดจ้ ากการพฒั นาวิชาชีพมาพฒั นาการจดั การ
เรียนรู้ท่ีส่งผลตอ่ คุณภาพผเู้ รียน

88

ตารางที่ 17 การวิเคราะห์องคป์ ระกอบย่อยของประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูดา้ นการพฒั นา
วชิ าชีพ

องค์ประกอบ ปรา ีณ กัญญา ุสด และ ถนอมวรรณ ประเส ิรฐเจ ิรญ ุสข (2558)
มาลิ ีน บุณย ัรตพัน ์ุธ (2559)
สานักงานคณะกรรมการการ ึศกษา ้ัขน ืพ้นฐาน (2561)
พรสวรร ์ค ทองจา ูรญ และ กนกอร สมปราชญ (2561)
Guskey (2000)
Zepeda (2008)
ความถ่ี

1) การพฒั นาตนเอง ✓✓ ✓✓✓ 5
2) การพฒั นาคุณภาพผเู้ รียน 4
3) การพฒั นาการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน ✓ ✓ ✓✓ 3
4) การประพฤติปฏิบตั ิตน 1
5) การแลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกนั ✓ ✓✓ 3
6) การใชข้ อ้ มลู ข่าวสาร 2
7) การปรับปรุงคุณภาพของโรงเรียน ✓ 1

✓ ✓✓

✓✓



จากตารางท่ี 17 ผูว้ ิจัยได้วิเคราะห์องค์ประกอบย่อยของการพฒั นาวิชาชีพ
ซ่ึงไดจ้ ากการศึกษาหลกั การ ทฤษฎี เอกสารทางวิชาการและงานวิจยั ที่เกี่ยวขอ้ ง ท้งั น้ีผูว้ ิจยั ไดใ้ ช้
เกณฑใ์ นการพจิ ารณาจากองคป์ ระกอบที่มีความถี่ ต้งั แต่ 3 ข้นึ ไป (ร้อยละ 60) และมีความเหมาะสม
กบั งานวิจยั ผูว้ ิจยั จึงนาขอ้ มูลขององคป์ ระกอบการพฒั นาวิชาชีพขา้ งตน้ มาวิเคราะห์สรุปตวั บ่งช้ี
องคป์ ระกอบของการพฒั นาวิชาชีพ เพ่อื ใชใ้ นการวิจยั คร้ังน้ี ซ่ึงสามารถวิเคราะหพ์ ฤติกรรมการวดั /
สาระหลกั ของการวดั ไดด้ งั ตารางที่ 18

89

ตารางที่ 18 นิยามเชิงปฏิบตั ิการและพฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั แต่ละองคป์ ระกอบของ
การพฒั นาวชิ าชีพ

การพฒั นาวชิ าชีพ นิยามเชิงปฏบิ ัติการ พฤติกรรมการวดั /
การพฒั นาวิชาชีพ สาระหลกั ของการวดั

พฤติกรรมการศึกษาค้นคว้า 1) ศึกษาค้นคว้าหาองค์ความรู้

องค์ความรู้ใหม่ ๆ ทางวิชาการ ใหม่ ๆ ทางวิชาการและวิชาชีพดว้ ย

และวิชาชีพ เพ่มิ พนู ความรู้ทกั ษะ วธิ ีการที่หลากหลาย

ด้านการจัดการเรี ยนการสอน 2) เพ่ิมพูนความรู้ ทักษะด้าน

มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน การจดั การเรียนการสอน

กับเครือข่ายวิชาการ นาความรู้ 3) แลกเปลี่ยนเรี ยนรู้ร่วมกันกับ

ความสามารถ ทักษะ ที่ได้จาก เครือขา่ ยวิชาการ

การพฒั นาวิชาชีพมาพฒั นาการ 4) นาความรู้ ความสามารถ ทกั ษะ

จดั การเรียนรู้ที่ส่งผลต่อคุณภาพ ท่ี ไ ด้ จ า ก ก า ร พั ฒ น า วิ ช า ชี พ

ผเู้ รียน มาพฒั นาการจดั การเรียนรู้ที่ส่งผล

ตอ่ คณุ ภาพผเู้ รียน

3.4.4 ความพงึ พอใจในงาน
ความพึงพอใจในงาน (Job Satisfaction) มีนกั วิชาการท้งั ในและต่างประเทศได้

ใหค้ วามหมายของความพึงพอใจในงาน ไวด้ งั ต่อไปน้ี
ธนากร พูลพิพฒั น์ (2560) สรุปความพึงพอใจในงาน ว่าหมายถึง ความรู้สึก

เจตคติท่ีดีต่อการปฏิบตั ิงานตามภาระหน้าที่ของครู เป็นความรู้สึกหรือทศั คติที่เป็ นไปในทางบวก
เป็ นผลทาให้ปฏิบตั ิงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความมุ่งมน่ั เสียสละ อุทิศแรงกายแรงใจ และ
สติปัญญาให้กบั งานท่ีปฏิบตั ิ มีความสุขกบั กระบวนการในการทางาน เม่ืองานน้นั ประสบผลสาเร็จ
แลว้ ไดร้ ับผลประโยชนต์ อบแทน ซ่ึงอาจเป็นผลตอบแทนทางดา้ นวตั ถหุ รือจิตใจก็ได้

รัตน์สินี รื่นนุสาน (2560) แสดงทัศนะเกี่ยวกับ ความพึงพอใจในงาน ว่า
การสร้างความพึงพอใจให้แก่บุคลากรในองค์กรตอ้ งตอบสนองความต้องการให้ได้มากท่ีสุด
เท่าท่ีจะทาได้ เพื่อให้บุคคลไดร้ ับความพึงพอใจและส่งผลต่อความกระตือรือร้นในการทางานใหด้ ี
ข้ึน เมื่อบุคคลมีความพึงพอใจในงานเมื่อไดร้ ับการตอบสนองในส่ิงที่ไดเ้ ลือกตามความคาดหวงั วา่
จะไดร้ ับจากการทางาน ไดแ้ ก่ เงินเดือน ค่าจา้ ง การเลื่อนตาแหน่งท่ีสูงข้นึ

90

ภคมน ทิฆมั พรบรรเจิด (2561) ไดส้ รุป ความพงึ พอใจในงาน วา่ หมายถึง ระดบั
การบรรลุผลสาเร็จของการบริหารงานวิชาการ เก่ียวกบั การทาให้บุคลากรทุกคนในสถานศึกษา
ยอมรับนโยบาย มาตรการ และขอ้ ตกลงร่วมกนั ในการปฏิบตั ิงานของสถานศึกษา มีความพึงพอใจ
ในระบบการบริหารงานของสถานศึกษา มีความพึงพอใจต่อสภาพแวดลอ้ มของการทางาน ไดร้ ับ
สวสั ดิการที่เหมาะสม พอใจในการพิจารณาความดีความชอบ

Vroom (1964) กล่าว่า ความพึงพอใจในงาน หมายถึง ผลของการท่ีบุคคล
ไดเ้ ขา้ ไปมีส่วนร่วมในการทางานและตนมีส่วนเกี่ยวขอ้ ง ความพึงพอใจในงานหรือเจตคติใช้แทน
กนั ไดแ้ ละเจตคติในทางลบจะแสดงใหเ้ ห็นถึงความไม่พอใจในงานน้นั ๆ

Stamps and Piedmonte (1986) ไดใ้ หค้ วามหมายของความพงึ พอใจในงานไวว้ า่
ความพึงพอใจในงาน หมายถึง ทศั นคติเชิงบวกหรือความรู้สึกของบคุ คลท่ีมีต่องานท่ีปฏิบตั ิงานอยู่
เป็ นผลมาจากปัจจยั ที่เก่ียวขอ้ งกบั งาน ได้แก่ เงินเดือน ค่าตอบแทน ผลประโยชน์ ความมีอิสระ
คณุ ลกั ษณะงาน นโยบายขององคก์ ร สถานภาพของวิชาชีพ และสัมพนั ธภาพในหน่วยงาน

Locke (1990) มีความเห็นเก่ียวกบั ความพึงพอใจในงานว่าเป็ น สภาวะอารมณ์
ทางบวกจากการประเมินการทางานของตนเทียบกบั ผลลพั ธ์ท่ีตนเองคาดหวงั

จากแนวคดิ ของนกั วชิ าการ นกั การศึกษาขา้ งตน้ ผวู้ จิ ยั สามารถสรุปความหมาย
ของ ความพึงพอใจในงาน หมายถึง ความรู้สึกเชิงบวกของบุคคลท่ีมีต่อกระบวนการทางานของ
สถานศึกษา มีปฏิสัมพนั ธ์ที่ดีกับผูบ้ ริหารและเพื่อนร่วมงาน เม่ืองานประสบผลสาเร็จได้รับ
ผลประโยชนเ์ ป็นค่าตอบแทน ความกา้ วหนา้ ในวิชาชีพ


Click to View FlipBook Version