The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Napatsarun S. Jubjang, 2022-09-19 11:04:59

ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2

ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2

91

ตารางท่ี 19 การวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบยอ่ ยของประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูดา้ นความพงึ พอใจ
ในงาน

องค์ประกอบ ร ีววรรณ ัจนท ์รหนองสรวง (2555)
ัรต ์น ิส ีน ื่รน ุนสาน (2560)
ธนากร พูลพิพัฒ ์น (2560)
ภคมน ิท ัฆมพรบรรเ ิจด (2561)
Stamps and Piedmonte (1986)
Hampton (2004)
ความ ่ถี

1) สภาพแวดลอ้ มในการทางาน ✓✓ 2
2) นโยบาย/กระบวนการทางานขององคก์ าร 5
3) วฒั นธรรมองคก์ าร ✓✓✓✓✓ 1
4) ความมงุ่ มน่ั ต่อการปฏิบตั ิงาน 1
5) เจตคติที่ดีตอ่ ความสาเร็จในการทางาน ✓ 2
6) ลกั ษณะของผบู้ งั คบั บญั ชา 1
7) คา่ ตอบแทนและสวสั ดิการ ✓ 6
8) การเล่ือนตาแหน่ง/ความกา้ วหนา้ ในวิชาชีพ 3
9) ความสัมพนั ธ์กบั เพือ่ นร่วมงาน ✓✓ 4
10) ผลประโยชน์ 1
11) ความมีอิสระในการทางาน ✓ 2

✓✓✓✓✓✓

✓✓✓

✓✓ ✓✓



✓✓

จากตารางที่ 19 ผวู้ ิจยั ไดว้ ิเคราะห์องคป์ ระกอบย่อยของความพึงพอใจในงาน
ซ่ึงไดจ้ ากการศึกษาหลกั การ ทฤษฎี เอกสารทางวิชาการและงานวิจยั ที่เกี่ยวขอ้ ง ท้งั น้ีผูว้ ิจยั ไดใ้ ช้
เกณฑใ์ นการพจิ ารณาจากองคป์ ระกอบที่มีความถี่ ต้งั แต่ 3 ข้ึนไป (ร้อยละ 60) และมีความเหมาะสม
กบั งานวิจยั ผูว้ ิจยั จึงนาขอ้ มูลขององค์ประกอบความพึงพอใจในงานขา้ งตน้ มาวิเคราะห์สรุปตวั
บ่งช้ีองคป์ ระกอบของความพึงพอใจในงาน เพื่อใชใ้ นการวจิ ยั คร้ังน้ี ซ่ึงสามารถวเิ คราะหพ์ ฤติกรรม
การวดั /สาระหลกั ของการวดั ไดด้ งั ตารางที่ 20

92

ตารางท่ี 20 นิยามเชิงปฏิบตั ิการและพฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั แต่ละองคป์ ระกอบของ
ความพึงพอใจในงาน

ความพงึ พอใจในงาน นิยามเชิงปฏบิ ัติการ พฤติกรรมการวัด/
ความพึงพอใจในงาน สาระหลกั ของการวัด

ความรู้สึกเชิงบวกของบุคคลที่มี 1 ) มี ค ว า ม รู้ สึ ก เ ชิ ง บ ว ก ต่ อ

ต่อกระบวนการทางา นของ ก ร ะ บ ว น ก า ร ท า ง า น ข อ ง

สถานศึกษา มีปฏิสัมพนั ธ์ที่ดีกบั สถานศึกษา

ผู้บริ หารและเพื่อนร่ วมงาน 2) มีความสัมพนั ธ์ที่ดีกับผูบ้ ริหาร

เม่ืองานประสบผลสาเร็จได้รับ และเพอ่ื นร่วมงาน

ผลประโยชน์เป็ นค่าตอบแทน 3 ) ไ ด้ รั บ ผ ล ป ร ะ โ ย ช น์ เ ป็ น

ความกา้ วหนา้ ในวิชาชีพ ค่าตอบแทน

4) มีความกา้ วหนา้ ในวชิ าชีพ

3.4.5 คณุ ภาพผ้เู รียน
คุณภาพผูเ้ รียนมีนักวิชาการท้ังในและต่างประเทศได้ให้ความหมายของ

คุณภาพผเู้ รียนไวด้ งั ต่อไปน้ี
กระทรวงศึกษาธิการ (2553) กล่าวว่า คุณภาพผูเ้ รียนตามหลกั สูตรแกนกลาง

การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 คือ คุณภาพในตัวผู้เรี ยนที่มีความครอบคลุม
ในดา้ นความสามารถและทกั ษะ ตลอดจนคุณลกั ษณะท่ีจะช่วยเสริมสร้างใหผ้ ูเ้ รียนมีคุณภาพบรรลุ
ตามเป้าหมายของหลกั สูตร

อานนท์ ถิ่นภูเขียว (2559) แสดงทศั นะเกี่ยวกบั คุณภาพผูเ้ รียน ว่าเป็ นผลของ
การจัดการศึกษาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามมาตรฐานการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน โดยเฉพาะอย่างย่ิง
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของ ผู้เรี ย นท่ีเกิดจากก ระบวนกา ร เรี ย นกา รส อนตามท่ี กาห นดไ ว้
ในหลักสูตร ท้ังด้านประสิทธิภาพของกระบวนการและความพึงพอใจของผู้รับบริ การ
ที่ประกอบดว้ ย ผเู้ รียน ผปู้ กครอง และชุมชน

สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน (2559) กล่าวถึง คุณภาพของ
ผเู้ รียน หมายถึง ผลการเรียนรู้ของผเู้ รียนท่ีแสดงออกถึงความรู้ ความสามารถ ทักษะตามหลกั สูตร
สถานศึกษา และมีพฒั นาการในด้านการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน สมรรถนะท่ีสาคญั และ
คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์

93

วิเชียร กันหาจันทร์ (2561) สรุป คุณภาพผู้เรียน ว่าหมายถึง คุณลักษณะ
ท้งั ในดา้ นความรู้ ทกั ษะและความสามารถของผเู้ รียน ซ่ึงเป็นผลท่ีเกิดจากคุณภาพการจดั การศึกษา
ของสถานศึกษาและคุณภาพการจดั การเรียนการสอนของครู

จากแนวคดิ ของนกั วชิ าการ นกั การศึกษาขา้ งตน้ ผวู้ จิ ยั สามารถสรุปความหมาย
ของ คุณภาพผเู้ รียน หมายถึง ผลการเรียนรู้ของผเู้ รียนท่ีมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนเป็นไปตามเกณฑ์
ท่ีสถานศึกษากาหนด สุขภาพกายและจิตใจท่ีดี มีสมรรถนะท่ีสาคญั และคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์
ตามเป้าหมายของหลกั สูตร

ตารางที่ 21 การวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบยอ่ ยของประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูดา้ นคุณภาพผเู้ รียน

องค์ประกอบ กระทรวง ึศกษา ิธการ (2553)
สมศ. (2559)
อ ัรญญา ชนะเพีย และคณะ (2559)
อ ุนตร ัศก ์ดิ วิ ัชย ัรต ์น และคณะ (2560)
วิเ ีชยร กันหาจันท ์ร และคณะ (2561)
ุสพล พรเพ็ง และวรกาญจ ์น ุสขสดเ ีขยว (2562)
ความ ีถ่

1) สุขภาพกายและจิตใจที่ดี ✓✓✓✓ 4
6
2) คณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ ✓✓✓✓✓✓ 3

3) ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ✓✓✓ 1

4) มีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการ ✓ 5
เรียนรู้ของหลกั สูตร 1

5) สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ✓ ✓✓✓✓

6) กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ✓

จากตารางที่ 21 ผูว้ ิจยั ไดว้ ิเคราะห์องค์ประกอบย่อยของคุณภาพผูเ้ รียนซ่ึงได้
จากการศึกษาหลกั การ ทฤษฎี เอกสารทางวิชาการและงานวิจยั ที่เกี่ยวขอ้ ง ท้งั น้ีผูว้ ิจยั ไดใ้ ชเ้ กณฑ์

94

ในการพิจารณาจากองคป์ ระกอบท่ีมีความถ่ี ต้งั แต่ 3 ข้ึนไป (ร้อยละ 60) และมีความเหมาะสมกบั
งานวิจัย ผูว้ ิจัยจึงนาข้อมูลขององค์ประกอบคุณภาพผูเ้ รียนข้างต้น มาวิเคราะห์สรุปตัวบ่งช้ี
องค์ประกอบของคุณภาพผูเ้ รียน เพ่ือใช้ในการวิจยั คร้ังน้ี ซ่ึงสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการวดั /
สาระหลกั ของการวดั ไดด้ งั ตารางที่ 22

ตารางท่ี 22 นิยามเชิงปฏิบตั ิการและพฤติกรรมการวดั /สาระหลกั ของการวดั แตล่ ะองคป์ ระกอบของ
คณุ ภาพผเู้ รียน

คณุ ภาพผู้เรียน นยิ ามเชิงปฏิบตั กิ าร พฤตกิ รรมการวดั /
คุณภาพผเู้ รียน สาระหลกั ของการวดั

ผลการเรี ยนรู้ของผู้เรี ยนท่ีมี 1) ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนเป็ นไป

ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนเป็ นไป ตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากาหนด

ตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากาหนด 2) เป็นผมู้ ีสุขภาพกายและจิตใจท่ีดี

สุ ข ภ า พ ก า ย แ ล ะ จิ ต ใ จ ที่ ดี 3 ) มี ส ม ร ร ถ น ะ ที่ ส า คั ญ ต า ม

มี ส ม ร ร ถ น ะ ท่ี ส า คัญ แ ล ะ เป้าหมายของหลกั สูตร

คุ ณ ลัก ษ ณ ะ ท่ี พึ ง ป ร ะ ส ง ค์ 4) มีคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ตาม

ตามเป้าหมายของหลกั สูตร เป้าหมายของหลกั สูตร

4. ความสัมพนั ธ์ระหว่างภาวะผ้นู าดิจิทลั กบั ประสิทธผิ ลการปฏิบัตงิ านของครู
เจษฎากรณ์ นนั ดิลก (2556) ไดศ้ ึกษาเกี่ยวกบั ภาวะผนู้ าของผบู้ ริหารสถานศึกษาท่ีส่งผลต่อ

ประสิทธิผลในการทางานของครูในโรงเรียน สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา
กาฬสินธุ์ เขต 1 พบว่า ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริหารสถานศึกษากบั ประสิทธิผลในการทางานของครู
ในโรงเรียนมีความสัมพนั ธ์ในทางบวก และไดส้ รุปว่า ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริหารมีความเกี่ยวเนื่อง
สัมพนั ธ์กบั ประสิทธิผลในการทางานของผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาซ่ึงถา้ อยู่ในสถานศึกษาก็อาจกลา่ วไดว้ า่
ภาวะผนู้ าของผบู้ ริหารสถานศึกษามีความสัมพนั ธก์ บั ประสิทธิผลในการทางานของครู

กนกวรรณ โพธ์ิทอง (2558 อา้ งถึงใน กนกอร สมปราชญ์, 2562) ไดท้ าการวิจยั เกี่ยวกับ
ผลของภาวะผู้นาทางเทคโนโลยีของผู้บริ หารโรงเรี ยนและบรรยากาศโรงเรี ยน โดยมี
การรู้เทคโนโลยีและการบูรณาการเทคโนโลยีในการสอนของครูเป็ นสื่อกลางต่อประสิทธิผลครู
ในโรงเรียนดีศรีตาบล ระดบั มธั ยมศึกษา สังกดั สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พบวา่

95

ภาวะผนู้ าทางเทคโนโลยขี องผบู้ ริหาร และบรรยากาศโรงเรียน การรู้เทคโนโลยแี ละการบูรณาการ
เทคโนโลยใี นการสอนของครูท่ีมีตอ่ ประสิทธิผลการสอนของครูมีความสมั พนั ธ์กนั

เอกชัย ก่ีสุขพันธ์ (2559) ได้เสนอแนวคิดเก่ียวกับภาวะผู้นาดิจิทัลว่าพัฒนามาจาก
ยุคอุตสาหกรรมมาสู่ยุคดิจิทัลในปัจจุบัน เป็ นยุคของข้อมูลข่าวสาร และอินเทอร์ เน็ต
ซ่ึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทาให้ครู อาจารยแ์ ละนักเรียนของสถานศึกษา สามารถเข้าถึง
แหล่งขอ้ มูลความรู้ไดโ้ ดยไม่มีขีดจากดั ในเร่ืองเวลาหรือแมแ้ ต่สถานที่ ดงั น้นั จึงมีผลต่อการบริหาร
จัดการสถานศึกษาของผูบ้ ริหารเป็ นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเร่ืองของระบบสารสนเทศ
(Information System) เพ่ือการบริ หารและการจัดการความรู้ (Knowledge Management) ของ
สถานศึกษาซ่ึงมีความจาเป็ นและมีความสาคญั ต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการบริหาร
สถานศึกษา ทศั นคติต่อเทคโนโลยีและความสามารถในการใช้เทคโนโลยีในปัจจุบนั ของผบู้ ริหาร
สถานศึกษาที่ถูกตอ้ งยอ่ มมีผลทาใหก้ ารลงทุนและการใชเ้ ทคโนโลยีต่าง ๆ ของสถานศึกษาเป็นไป
อย่างเหมาะสมเกิดความคุม้ ค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการบริหารงานของสถานศึกษา และ
ดิจิทัลเทคโนโลยีมีผลกระทบต่อการบริหารงานของสถานศึกษาในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็ น
การบริหารงานวิชาการ การจดั การเรียนการสอน การบริหารทรัพยากรบุคคล การบริหารอาคาร
สถานที่และสภาพแวดลอ้ ม การบริหารกิจการนกั เรียน และการสร้างความสัมพนั ธ์กบั ชุมชน ซ่ึงงาน
ของสถานศึกษาในทุกด้านจะตอ้ งมีระบบจดั การฐานขอ้ มูลของสถานศึกษาเพ่ือการตดั สินใจใน
การบริหารงานของผูบ้ ริหารสถานศึกษาจึงมีความจาเป็ นอย่างย่ิงท่ีตอ้ งใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
และการส่ือสาร ICT (Information and Communication Technology) มาใช้การเพ่ือสร้างระบบ
ฐานขอ้ มูลเพื่อการบริหารและการจดั การความรู้ในงานดา้ นตา่ ง ๆ

กนกอร สมปราชญ์ (2562) กล่าวว่า ความมีภาวะผูน้ าทางการศึกษาเป็ นความสามารถ
พฤติกรรมหรือกระบวนการที่ส่งผลต่อครูผูส้ อน ผูเ้ รียน บุคคลอื่นให้มีส่วนร่วมในการพฒั นา
การศึกษา เกิดการเปล่ียนแปลงองค์การ นาไปสู่การบรรลุเป้าหมายทางการศึกษาได้อย่างมี
ประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยภาวะผูน้ าเป็ นปัจจยั สาคญั ท่ีทาให้เกิดการบูรณาการความรู้
การร่วมคิดร่วมทา หรือรวมพลงั เพื่อนาไปสู่การเกิดนวตั กรรมทางการศึกษา ซ่ึงเป็ นเป็ นผลลพั ธ์
ท่ีจะนาไปสู่ความสาเร็จของการเรียนรู้อย่างแทจ้ ริง และนามาซ่ึงความสามารถในการแข่งขนั ของ
ความมีคณุ ภาพทางการศึกษาตอ่ ไป

อมรา พิมพ์สวัสด์ิ (2562) ได้ศึกษาภาวะผู้นาของผู้บริ หารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อ
ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 31 พบว่า
ภาวะผนู้ าของผบู้ ริหารสถานศึกษากบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ี
การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 31 มีความสมั พนั ธท์ างบวกในทกุ ดา้ น

96

Sirisookslipa, Arratanaa and KeowNgangb (2015) ไดศ้ ึกษาผลกระทบของรูปแบบภาวะ
ผู้นาของผู้บริหารโรงเรียนที่มีผลต่อประสิทธิผลของครู ผลการศึกษาพบว่า ภาวะผูน้ าแบบ
สนบั สนุนและภาวะผนู้ าแบบมีส่วนร่วมส่งผลตอ่ ประสิทธิผลของครู

สรุปได้ว่า ภาวะผูน้ าดิจิทัลมีความสาคญั อย่างยิ่งต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
เพราะภาวะผู้นาดิจิทัลสามารถกระตุ้นให้บุคลากรในสถานศึกษาปฏิบัติหน้าท่ี ด้วย
ความกระตือรือร้นและเต็มใจ โดยผูน้ ามีวิสัยทศั น์ มีความรู้ ความสามารถในการนากระบวนการ
ทางดิจิทลั มาใชอ้ ย่างเหมาะสมและนาทางพฤติกรรมของบุคคลมุ่งไปสู่การบรรลุเป้าหมาย พร้อม
ผลักดันและสนับสนุนการเปล่ียนแปลงการจัดการศึกษาและการทางานภายในสถานศึกษาได้
อยา่ งสอดคลอ้ งกบั บริบท อนั จะส่งผลใหก้ ารดาเนินงานบรรลเุ ป้าประสงค์

5. บริบทการจัดการศึกษาของสังกดั สานักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2
5.1 ข้อมูลทวั่ ไป
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 ต้งั อยู่อาคารเลขท่ี 333 หมู่ 4

บา้ นโนนทรายคา ต.ผกั ปัง อ.ภูเขียว จ.ชยั ภมู ิ 36110 โทรศพั ท์ 0-4486-1930-2
5.2 วสิ ัยทัศน์ (Vision)
“ ภายในปี 2564 สพป.ชย.2 เป็ นองค์กรช้ันนา บริหารจัดการศึกษาตามศาสตร์

พระราชา ผเู้ รียนมีคุณภาพและมาตรฐาน”
5.3 ค่านยิ มองค์กร (Corporate Value)
มงั่ คง่ั คณุ ธรรม มนั่ คงคุณภาพ ยงั่ ยนื บริการ
5.4 พนั ธกจิ (Mission Statement)
1) พฒั นาการบริหารจดั การสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษชัยภูมิ เขต 2

ใหไ้ ดม้ าตรฐานอยา่ งตอ่ เน่ือง
2) ส่งเสริมการบริหารจดั การศึกษาท่ีมีประสิทธิภาพ
3) พฒั นาครูและบคุ ลากรทางการศึกษาโดยใชน้ วตั กรรมที่หลากหลาย
4) ส่งเสริมและสนับสนุน น้อมนาศาสตร์พระราชาสู่การบริหารจัดการศึกษา

อยา่ งมีคณุ ภาพ
5) ส่งเสริมและสนับสนุนให้สถานศึกษาเป็ นศูนยก์ ารเรียนรู้ตน้ แบบสถานศึกษา

พอเพยี ง
6) ส่งเสริมใหป้ ระชากรวยั เรียนทกุ คนไดร้ ับโอกาสในการศึกษาท่ีมีคณุ ภาพ

97

7) จดั การศึกษาใหผ้ เู้ รียนมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาข้นั พ้ืนฐานและมีศกั ยภาพ
ในการแข่งขนั

8) ส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนมีทกั ษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21
9) พฒั นาผเู้ รียนที่มีความสามารถพิเศษสู่ความเป็นเลิศระดบั สากล
5.5 เป้าประสงค์หลกั
1) สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 มีการบริหารจัดการ
องคก์ ารสู่ความเป็นเลิศ มีประสิทธิภาพ มีผลการบริหารจดั การศึกษาอยใู่ นระดบั “ดีเยย่ี ม”
2) สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 และสถานศึกษา มีระบบ
การบริหารจดั การที่มีคุณภาพและมาตรฐาน
3) ครู และบุคลากรทางการศึกษาทุกคนได้รับการพัฒนาโดยใช้นวัตกรรม
อยา่ งหลากหลาย
4) สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 และสถานศึกษาทุกแห่ง
นอ้ มนาศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบตั ิ
5) สถานศึกษาทุกแห่งผ่านการประเมินสถานศึกษาพอเพียงเป็ นศูนยก์ ารเรียนรู้
ตน้ แบบ
6) ประชากรวยั เรียนทุกคนไดร้ ับการศึกษาข้นั พ้ืนฐานอยา่ งทว่ั ถึงและเสมอภาค
7) ผเู้ รียนทุกคนมีคณุ ภาพตามเกณฑม์ าตรฐานการศึกษาและมีศกั ยภาพในการแข่งขนั
8) ผเู้ รียนทกุ คนมีทกั ษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21
9) ผเู้ รียนมีความสามารถพิเศษไดร้ ับการพฒั นาสู่ความเป็นเลิศระดบั สากล
10) ผเู้ รียนมีคณุ ธรรม ค่านิยมพ้ืนฐานและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
5.6 ประเด็นกลยุทธ์
ประเด็นกลยทุ ธ์ที่ 1 การพฒั นาระบบบริหารจดั การสู่ความเป็ นเลศิ
กลยุทธ์ที่ 1.1 : สร้างประสิทธิภาพในการบริหารจดั การองค์กรโดยการมีส่วนร่วม
ของทกุ ภาคส่วน
กลยุทธ์ท่ี 1.2 : เพ่ิมประสิทธิภาพระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศและนวตั กรรมในการ
บริหารจดั การ
กลยทุ ธ์ท่ี 1.3 : ส่งเสริมสนบั สนุนใหส้ ถานศึกษาใชเ้ ทคโนโลยใี นการจดั การศึกษา
กลยทุ ธท์ ี่ 1.4 : พฒั นาระบบนิเทศ ติดตามการบริหารจดั การศึกษาใหม้ ีประสิทธิภาพ
กลยุทธ์ที่ 1.5 : พฒั นาศกั ยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาดา้ นการใช้เทคโนโลยี
เพอื่ การเรียนการสอน

98

ประเดน็ กลยทุ ธ์ท่ี 2 การน้อมนาศาสตร์พระราชาสู่การพฒั นาอย่างยั่งยืน
กลยทุ ธท์ ี่ 2.1 : ส่งเสริมใหส้ ถานศึกษานอ้ มนาศาสตร์พระราชาสู่การจดั การศึกษา
กลยุทธ์ท่ี 2.2 : พฒั นาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้สามารถน้อมนาศาสตร์
พระราชาสู่การจดั การเรียนรู้
ประเดน็ กลยทุ ธ์ท่ี 3 ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับโอกาสทางการศึกษา
กลยทุ ธท์ ี่ 3.1 : เสริมสร้างสถานศึกษาเป็นตน้ แบบสถานศึกษาพอเพียง
ประเดน็ กลยทุ ธ์ที่ 4 การพฒั นาผู้เรียนสู่ความเป็ นเลศิ ในระดับสากล
กลยทุ ธ์ท่ี 4.1 : พฒั นาผเู้ รียนใหเ้ กิดทกั ษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21
กลยทุ ธท์ ่ี 4.2 : ส่งเสริมผเู้ รียนสู่ความเป็นเลิศในระดบั สากล

6. งานวจิ ยั ทเี่ กย่ี วข้อง
6.1 งานวิจยั ในประเทศ
มลิวลั ย์ ธรรมแสง (2558) ไดศ้ ึกษารูปแบบการพฒั นาภาวะผูน้ าทางดา้ นเทคโนโลยี

เพอื่ การศึกษาของผบู้ ริหารสถานศึกษาเฉพาะความพิการ เป็นวิจยั แบบผสมผสานวิธี โดยในการวิจยั
ปริมาณใช้แบบสอบถามความคิดเห็นของผูบ้ ริหารสถานศึกษาเฉพาะความคิดเห็นของผูบ้ ริหาร
สถานศึกษาเฉพาะความพิการสังกดั สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน จานวน 215 คน
และการวิจยั เชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกกบั ผูบ้ ริหารระดบั นโยบายดา้ นการศึกษาสาหรับ
คนพิการ นกั วชิ าการที่เก่ียวขอ้ ง จานวน 14 คน ผลการศึกษา พบวา่ องคป์ ระกอบของภาวะผนู้ าดา้ น
เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษามีความเหมาะสม ประกอบด้วย 8
องคป์ ระกอบ ไดแ้ ก่ 1) วิสัยทศั น์ผูน้ า 2) การบริหารจดั การเทคโนโลยใี นสถานศึกษา 3) วฒั นธรรม
การเรียนรู้ในยคุ ดิจิทลั 4) กวามรู้เก่ียวกบั เทคโนโลยเี พ่ือการศึกษาสาหรับคนพิการ 5)การบรู ณาการ
เทคโนโลยีในการจัดการศึกษา 6) การประเมินและการนิเทศ 7) สังคม จริยธรรมและกฎหมาย
สาหรับผลมืองยุคดิจิทลั และ 8) ความเป็นมืออาชีพ ซ่ึงในปัจจุบนั ผบู้ ริหารสถานศึกษามีการปฏิบตั ิ
นอ้ ยกว่าการให้ความสาคญั ทุกองก์ประกอบโดยดา้ นการบูรณาการเทคโนโลยใี นการจดั การศึกษา
สาหรับคนพิการมีการปฏิบัติน้อยท่ีสุด ผูว้ ิจยั ได้นาเสนอรูปแบบการพฒั นาภาวะผูน้ าทางด้าน
เทคโนโลยเี พ่ือการศึกษาของผบู้ ริหารสถานศึกษา ซ่ึงในส่วนของกระบวนการพฒั นาไดอ้ อกแบบ
หลกั สูตรที่มีเน้ือหาครอบคลุม 8 องคป์ ระกอบ

อนนั ต์ วรธิติพงศ์ (2561) ไดท้ าการวิจยั เร่ืองการศึกษารูปแบบดิจิทลั เทคโนโลยีเพ่ือ
การศึกษาสาหรับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน โดยมีวตั ถุประสงค์คือ 1) วิเคราะห์สภาพการใช้งาน
ในปัจจุบนั ปัญหาความตอ้ งการดิจิทลั เพ่ือการศึกษาสาหรับการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน 2) ศึกษารูปแบบ

99

ดิจิทลั เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาสาหรับการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยตาม
วตั ถุประสงค์ที่ 1 จานวน 731 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็ นแบบสอบถาม ค่าสถิติที่ใช้ใน
การวิเคราะห์ มีการเจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน กล่มุ ตวั อยา่ งท่ีใช้
ในการวิจยั วตั ถุประสงคท์ ่ี 2 จานวน 25 คนเป็นผูเ้ ช่ียวชาญดา้ นดิจิทลั เทคโนโลยแี ละดา้ นการศึกษา
เครื่องมือท่ีใชใ้ นการวจิ ยั เป็นการจดั สนทนาอภิปรายกล่มุ ยอ่ ย (Focus Group Discussion) ผลการวจิ ยั
พบว่า ดา้ นรูปแบบดิจิทลั เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาสาหรับการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พบว่าผูเ้ ช่ียวชาญ
เห็นดว้ ยตรงกนั เร่ือง รูปแบบดิจิทลั เทคโนโลยีเพ่ือการศึกษาสาหรับการศึกษาข้นั พ้ืนฐานควรมี
องคป์ ระกอบของรูปแบบเป็ น 4 ด้าน 1) ดา้ นคลงั ความรู้สื่อดิจิทลั เพื่อการศึกษา 2) ดา้ นโครงสร้าง
พ้ืนฐานดิจิทลั เพ่ือการศึกษา 3) คนส่ือดิจิทลั เพ่ือการศึกษา 4) ดา้ นกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้
ดิจิทลั เทคโนโลยี

ภานุมาศ จนั ทร์ศรี (2562) ไดท้ าการวจิ ยั เรื่องโมเดลการพฒั นาภาวะผนู้ าเชิงดิจิทลั ของ
ผบู้ ริหารโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา: การวิจยั แบบผสมผสานวธิ ี ซ่ึงการวจิ ยั น้ีมีวตั ถปุ ระสงค์
1) เพื่อพฒั นาองค์ประกอบและตวั บ่งช้ีภาวะผูน้ าเชิงดิจิทลั ของผูบ้ ริหารโรงเรียนขยายโอกาสทาง
การศึกษา 2) เพื่อเสนอโมเดลการพฒั นาภาวะผูน้ าเชิงดิจิทลั ของผบู้ ริหารโรงรียนขยายโอกาสทาง
การศึกษามีความเหมาะสม ความเป็ นไปไดแ้ ละเป็ นประโยชน์ โดยการดาเนินการวิจยั แบ่งเป็ น 2
ระยะ ประกอบดว้ ย ระยะที่ 1 เป็นการศึกษาเชิงปริมาณเพื่อศึกษาองคป์ ระกอบภาวะผูน้ าเชิงดิจิทลั
โดยศึกษาเอกสารและงานวิจยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามจากกลุ่มตวั อย่าง คือ
ผูบ้ ริหารและครูโรงรียนขยายโอกาสทางการศึกษา จานวนท้งั สิ้น 300 คน ซ่ึงไดม้ าโดยวิธีการสุ่ม
หลายข้นั ตอน วิเคราะห์โดยใชโ้ ปรแกรม M-plus 7.0 ระยะท่ี 2 เป็นการศึกษาเชิงคุณภาพเพ่ือสร้าง
โมเดลการพฒั นาภวะผูน้ าเชิงดิจิทัล มีวิธีดาเนินการคือนาข้อมูลจากการศึกษาระยะที่ 1 ซ่ึงได้
องคป์ ระกอบและตวั บ่งช้ี ไปหาคุณภาพโดยตรวจสอบความหมาะสม ความเป็นไปไดแ้ ละความเป็น
ประโยชน์ กลุ่มเป้าหมาย ไดแ้ ก่ ผูท้ รงคุณวุฒิ จานวน 5 คน ผลการวิจยั พบว่า องค์ประกอบภาวะ
ผูน้ าชิงดิจิทัลของผูบ้ ริหารโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษามี 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่
1) การส่ือสารชิงดิจิทลั 2) การสร้างวิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทัล 3) การพฒั นาสู่ความเป็ นมืออาชีพ
4) การสร้างวฒั นธรรมชิงดิจิทลั ซ่ึงคาดชั นีกลมกลืนของโมเดลการวดั ตวั บ่งช้ีเป็ นไปตามเกณฑ์
ที่กาหนด โดยมีค่า (X) = 41.528, (D)- 30, (P-Value) - 0.0785, (RMSEA) = 0.036, (SRMR)= 0.024,
(CFI) = 0.993, (TLI) = 0.986 องคป์ ระกอบหลกั จานวน 4 องคป์ ระกอบ มีน้าหนกั สูงกวา่ เกณฑ์ 0.70
ทุกองค์ประกอบ น่ันคือ องค์ประกอบที่พัฒนาข้ึนมีความสอดคล้องกับบริบทของโรงเรี ยน
ขยายโอกาสทางการศึกษา และมีผลการประเมินคุณภาพโมเดลการพฒั นาภาวะผูน้ าเชิงดิจิทลั ของ

100

ผูบ้ ริหารโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา พบว่า ความหมาะสม ความเป็ นไปไดแ้ ละความเป็น
ประโยชน์อยใู่ นระดบั มากที่สุด

อมรา พิมพ์สวสั ด์ (2562) ศึกษาภาวะผู้นาของผูบ้ ริหารสถานศึกษาท่ีส่งผลต่อ
ประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครู สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 31 ซ่ึง
การวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงค์เพ่ือ 1) ศึกษาระดับภาวะผูน้ าของผูบ้ ริหารสถานศึกษา 2) ศึกษาระดับ
ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู 3) ศึกษาภาวะผูน้ าของผูบ้ ริหารสถานที่ส่งผลต่อประสิทธิผล
การปฏิบตั ิงานของครู สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 31 กลุ่มตวั อย่างที่ใชใ้ น
การวจิ ยั คร้ังน้ีเป็นผบู้ ริหารสถานศึกษา จานวน 13 คน และครูผสู้ อนจานวน 357 คน รวมท้งั สิ้น 370
คน สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 31 จานวน 370 คน เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการวิจยั
เป็ นแบบสอมถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ผลการศึกษา พบว่า 1) ระดบั ภาวะของ
ผูบ้ ริหารสถานศึกษา สังกดั สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 31 โดยภาพรวมอยู่ใน
ระดบั มาก โดยดา้ นที่มีค่าเฉล่ียสูงท่ีสุดคือ การเป็นแบบอยา่ งที่ดี ดา้ นท่ีมีค่าเฉล่ียต่าท่ีสุด คือ การมี
ความรับผิดชอบ 2) ระดบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูสังกดั สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา
มธั ยมศึกษา เขต 31 โดยภาพรวมอยู่ในระดบั มาก โดยดา้ นท่ีมีค่าเฉลี่ยสูงท่ีสุด คือ ความสามารถ
ดา้ นที่มีค่าเฉล่ียต่าท่ีสุด คือ แรงจูงใจ 3) ภาวะผนู้ าของผบู้ ริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผล
การปฏิบตั ิงานของครู พบว่า ความสามารถดา้ นการบริหาร การสร้างแรงบนั ดาลใจ การส่งเสริม
บรรยากาศในการทางาน และการเป็นแบบอยา่ งที่ดี มีอิทธิผลร่วมกนั ต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงาน
ของครู อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.05 มีค่าสมั ประสิทธ์ิสหสมั พนั ธพ์ หุคูณระหวา่ งภาวะผนู้ า
ของผบู้ ริหารสถานศึกษากบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูเทา่ กบั 0.838

ชีวิน อ่อนละออ และคณะ (2563) ไดน้ าเสนอบทความวิจยั ศึกษาภาวะผูน้ าสาหรับ
นักบริหาร เป็ นกิจกรรมของนักบริหารการศึกษา ในการนากลุ่มบุคคลหรือองค์การท่ีตอ้ งอาศยั
ความรู้ ความสามารถในการกาหนดวสิ ยั ทศั น์ การแลกเปล่ียนวสิ ัยทศั น์กบั คนอื่นเพอ่ื การปฏิบตั ิตาม
ด้วยความเต็มใจ การจัดให้มีสารสนเทศ องค์ความรู้ใหม่ และวิธีการเพื่อการยอมรับ
ในการเปลี่ยนแปลง การประสานงานและสร้างความสมดุลในความขดั แยง้ แห่งผลประโยชน์ของ
สมาชิก และผูม้ ีส่วนไดเ้ สีย และเป็ นการทาเพื่อสร้างแรงบนั ดาลใจให้กบั สมาชิกเพื่อการปฏิบตั ิ
ท่ีสร้างความผูกพนั กับการบรรลุผลสาเร็จตามเป้าหมาย จากบทความผูเ้ ขียนให้ความสาคัญกับ
ภาวะผูน้ าสาหรับนักบริหารการศึกษาในยุคปัจจุบัน เป็ นการบริหารภายใต้การเปลี่ยนแปลง
อย่างรวดเร็ว ปัจจยั สาคญั ที่จะส่งผลต่อความสาเร็จขององคก์ ารไดค้ ือ นกั บริหารการศึกษา ตอ้ งมี
ความรู้ ความสามารถตามแบบภาวะผนู้ า เขา้ ใจเก่ียวกบั บริบทของเทคโนโลยีท่ีเขา้ มาเปล่ียนแปลง
สงั คมของโลก และในยคุ ปัจจุบนั แบบภาวะผนู้ าที่กา้ วทนั ตอ่ การเปลี่ยนแปลง คอื ภาวะผนู้ ายคุ ดิจิทลั

101

ซ่ึงนักบริหารการศึกษาต้องมีคุณลักษณะท่ีสาคัญ 5 ประการ 1) ส่งสริมการสื่อสาร การใช้
เทคโนโลยสี ารสนเทศ และมีความเช่ือมน่ั ในทกั ษะการใชเ้ ทคโนโลยี (Digital Native) 2) มีความคิด
ต่อองค์ความรู้ใหม่ สร้างสังคมแห่งปัญญา และพฒั นาความสามารถใหม่ ๆ 3) เต็มใจทดลอง
ดว้ ยความอยากรู้อยากเห็นทางปัญญา และคิดคน้ นวตั กรรม เพ่ือใหเ้ กิดการบริการใหม่ ๆ 4) พฒั นา
ความคลอ่ งตวั ความเชี่ยวชาญสู่ความเป็นมืออาชีพทางดิจิทลั และ 5) การสร้าง ปรับเปล่ียนวิสยั ทศั น์
และแผนกลยทุ ธ์ ใหก้ า้ วทนั การเปล่ียนแปลงของโลกอนาคต

6.2 งานวิจยั ต่างประเทศ
Kozloski (2006) ได้ศึกษาภาวะผูน้ าความเป็ นผูบ้ ริหารโรงเรียนในการบูรณาการ

เทคโนโลยี ศึกษาองค์ประกอบภาวะผูน้ าเชิงเทคโนโลยีของครูใหญ่ในมลรัฐต่าง ๆ จานวน 45
มลรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า รัฐต่าง ๆ ดงั กล่าวไดก้ าหนดมาตรฐานทางเทคโนโลยี
ท่ีก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวในปัจจุบนั กล่าวคือ มีความพยายามที่จะให้ผูบ้ ริหารโรงเรียนทุกคน
มีภาวะผูน้ าเชิงเทคโนโลยีตามที่มาตรฐานกาหนดด้วยความรับผิดชอบ ในขณะท่ีภ าคธุรกิจ
มีความตอ้ งการบณั ฑิตที่มีความรู้ความเช่ียวชาญทางเทคโนโลยีเขา้ ร่วมทางาน ความดาคหวงั
และความตอ้ งการเหล่าน้ีจะบรรลุผลไดก้ ็ต่อเมื่อผูบ้ ริหารให้ความสาคญั และจะตอ้ งส่งเสริมให้มี
การใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพในสถานศึกษาและ ชุมชน ซ่ึงถือว่าเป็ นส่ิงที่มีความสาคญั
อย่างยิ่งต่อการศึกษาและเศรษฐกิจในศตวรรษท่ี 21 องค์ประกอบของภาวะผูน้ าเชิงเทคโนโลยี
ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบได้แก่ 1) ภาวะผู้นาและวิสัยทัศน์ 2) การเรียนรู้และการสอน
3) ผลิตภาพและการปฏิบตั ิทางวิชาชีพ 4) การสนบั สนุน การจดั การและการดาเนินการ 5) การวดั ผล
และการประเมินผล 6) สังคม กฎหมายและประเมินทางจริยธรรม

American Institute for Research: AIR (2009) ได้กาหนดมาตรฐานทางเทคโนโลยี
การศึกษาแห่งชาติสาหรับผบู้ ริหาร (National Educational Technology Standard for Administrators:
NE-A) ดา้ นสังคมดิจิทลั ซ่ึงมีขอบข่ายครอบคลุมถึงการจดั หาเครื่องมือทางเทคโนโลยีท่ีเหมาะสม
ซ่ึงผเู้ รียนทุกคนสามารถเขา้ ถึงและตรงกบั ความตอ้ งการ การเป็นตน้ แบบและสนบั สนุนในการใช้
ขอ้ มูลสารสนเทศที่ไม่ขดั ต่อพระราชบญั ญตั ิขอ้ มูลข่าวสารและจริยธรรม การสนับสนุน เพื่อเป็ น
แบบอยา่ งในการใชเ้ ทคโนโลยีความรับผดิ ชอบต่อสงั คมการเป็นตวั อยา่ งการใชก้ ารส่ือสารร่วมสมยั
เพอื่ พฒั นาความขา้ ใจและแลกเปล่ียนเรียนรู้วฒั นธรรมร่วมกนั และมีส่วนร่วมบนเวทีโลก

Emmanouil, Osia and Paraskevi (2014) ได้ศึกษาผลกระทบของภาวะผู้นาต่อ
ประสิทธิผลของครู พบว่า การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเน่ืองและเข้มข้น
ได้ก่อให้เกิดความต้องการในการปรับโครงสร้างการศึกษาและโครงสร้างของโรงเรี ยน
มีการนาเสนอความทา้ ทายใหม่ ๆ ไม่เพียงแต่จะช่วยปรับปรุงผลการศึกษาแต่ยงั เพื่อให้บรรลุถึง

102

การปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั ความตอ้ งการของชุมชนใหม่ดว้ ย ในเวทีการเรียนรู้ครูเป็นตวั กลางท่ีแสดงให้
เห็นถึงวิวฒั นาการและนาไปสู่การเป็นองคค์ วามรู้ เอกสารฉบบั น้ีแสดงใหเ้ ห็นถึงการมีส่วนร่วมของ
ผูน้ าด้านการศึกษาในกระบวนการศึกษาของครู นโยบายของผูบ้ ริหารเป็ นปัจจยั สาคญั สาหรับ
ประสิทธิผลของครู การปฏิบัติบางอย่างมีความสัมพันธ์กับนโยบายของผูบ้ ริหารและได้รับ
การพิสูจน์ว่ามีผลต่อการเสริมสร้างศกั ยภาพของครู ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าโรงเรียนไดร้ ับ
การเปลี่ยนแปลงเป็นองคก์ รการเรียนรู้ซ่ึงจาเป็นตอ้ งมีโครงสร้างท่ีดีและปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่าง
ต่อเน่ือง โดยคานึงถึงความตอ้ งการในปัจจุบนั และในอนาคต ความเป็ นผูน้ าคือตวั กลางท่ีกระตุน้
แรงบนั ดาลใจ แรงจูงใจ การสนบั สนุน และคาแนะนาท่ีถูกตอ้ ง

Sirisookslipa, Arratanaa and KeowNgangb (2015) ได้ศึกษาผลกระทบของรูปแบบ
ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริหารโรงเรียนท่ีมีผลต่อประสิทธิผลของครู โดยหน่วยงานทางการศึกษาระบุว่า
ปัจจุบนั ผูบ้ ริหารส่วนใหญ่เผชิญกบั ปัญหาในการนารูปแบบการบริหารความเป็นผูน้ าที่เหมาะสม
มาใช้ในการบริ หารงานของตน ดังน้ันการใช้ความเป็ นผู้นาที่เหมาะสมอาจช่วยผู้บริ หาร
ในการแกไ้ ขความสับสนเนื่องจากการทบั ซ้อนกนั ของงานที่เกิดข้ึนในการปฏิบตั ิงานการบริหาร
และการสง่ั การหรือการบงั คบั บญั ชาในระดบั สูงสุดของหน่วยงานของทีมผบู้ ริหาร ในการศึกษาคร้ัง
น้ีใช้ทฤษฎี The Path-Goal Theory โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือศึกษาลกั ษณะการเป็ นผูน้ าของผบู้ ริหาร
สถานศึกษาท่ีมีผลต่อประสิทธิผลของครู การวิจัยคร้ังน้ีใช้วิธีการสารวจเชิงปริมาณโดยใช้
แบบสอบถาม ใช้เทคนิคการสุ่มตวั อย่างแบบง่าย ผูบ้ ริหารและครูโรงเรียนในสังกดั สานกั งานเขต
พ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 1 มีผบู้ ริหารและครูท้งั สิ้น 254 คน วิเคราะห์ขอ้ มูลโดย
ให้ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉล่ีย ค่าส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์เพียร์สัน และ
การถดถอยพหุคูณแบบข้นั ตอน ผลการวิจยั พบว่าภาวะผูน้ าแบบสนับสนุน และภาวะผูน้ าแบบมี
ส่วนร่วม ส่งผลต่อประสิทธิผลของครูอยา่ งมีนยั สาคญั นอกจากน้ีภาวะผนู้ าท้งั สองรูปแบบร่วมกนั
ทานายประสิทธิผลของครูไดร้ ้อยละ 56.80 ที่ระดบั นัยสาคญั .01 สรุปไดว้ ่าเพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพ
ในการทางานของครูผบู้ ริหารควรส่งเสริมการปฏิบตั ิและปรับปรุงรูปแบบการเป็นผูน้ าท้งั สองแบบ
ไดแ้ ก่ ภาวะผนู้ าแบบสนบั สนุน และภาวะผนู้ าแบบมีส่วนร่วมอยา่ งสม่าเสมอ

7. กรอบแนวคดิ การวิจัย
ผูว้ ิจยั ได้สังเคราะห์ภาวะผูน้ าดิจิทลั จากการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง

ของสมศกั ด์ิ จีวฒั นา (2555), สุกญั ญา แช่มชอ้ ย (2555), มลิวลั ย์ ธรรมแสง (2558), เอกชยั ก่ีสุขพนั ธ์
(2559), ธิดารัตน์ และกนกอร สมปราชญ์ (2562), กนกอร สมปราชญ์ (2562), ทินกร บัวชู
และทิพภาพร บวั ชู (2562), Hong Kong Education City: HKedCity (2005), Redish, & Chan (2006),

103

Kozloski (2006), (ISTE, 2009) และ Hague & Payton (2010) ไดท้ ้งั หมด 4 องคป์ ระกอบ คือ 1) วิถี
การเรียนรู้เชิงดิจิทัล 2) วิสัยทัศน์ผูน้ าทางดิจิทลั 3) สมรรถนะทางเทคโนโลยี และ 4) สังคม
จริยธรรมและกฎหมาย

ผูว้ ิจยั ได้สังเคราะห์ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู จากการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และ
งานวิจัยท่ีเก่ียวข้องกับแนวคิดของ Gibson, John and James (1982), Agharuwhe A. Akiri (2013)
และสานกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ ก.ค.ศ. (2562) นามาได้
ท้งั หมด 5 องคป์ ระกอบ คอื 1) การจดั การเรียนการสอน 2) การบริหารจดั การช้นั เรียน 3) การพฒั นา
วชิ าชีพ 4) ความพงึ พอใจในงาน และ 5) คณุ ภาพผเู้ รียน

ตวั แปรตน้ ตวั แปรตาม

ภาวะผู้นาดจิ ทิ ลั

1) วิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั ประสิทธผิ ลการปฏิบตั งิ านของครู
2) วสิ ยั ทศั นผ์ นู้ าทางดิจิทลั • การจดั การเรียนการสอน
3) สมรรถนะทางเทคโนโลยี • การบริหารจดั การช้นั เรียน
4) สังคม จริยธรรมและกฎหมาย • การพฒั นาวชิ าชีพ
• ความพงึ พอใจในงาน
• คุณภาพผเู้ รียน

ภาพท่ี 2 กรอบแนวคดิ การวจิ ยั

104

บทท่ี 3
วธิ ีการดาเนนิ การวิจัย

การวิจัยเร่ื อง ภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริ หารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิ ทธิผล
การปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา
ชยั ภูมิ เขต 2 เป็ นการวิจยั เชิงบรรยาย (Descriptive Research) เพื่อศึกษาระดบั ภาวะผูน้ าดิจิทลั ของ
ผบู้ ริหารสถานศึกษาและระดบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู ศึกษาความสัมพนั ธ์ระหวา่ งภาวะ
ผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษากบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู และปัจจยั ภาวะผนู้ าดิจิทลั
ของผูบ้ ริหารสถานศึกษาท่ีส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา
สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 โดยมีข้นั ตอนการดาเนินการดงั น้ี

1. ข้นั ตอนของการดาเนนิ การวิจัย
1) ผูว้ ิจยั ไดศ้ ึกษา วิเคราะห์ขอ้ มูลในดา้ นแนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวขอ้ งเกี่ยวกบั

ภาวะผู้นาดิจิทัล ซ่ึงประกอบด้วย (1) วิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทัล (2) วิสัยทัศน์ผู้นาทางดิจิทัล
(3) สมรรถนะทางเทคโนโลยี และ (4) สังคม จริ ยธรรม และกฎหมาย และประสิทธิผล
การปฏิบตั ิงานของครู ซ่ึงประกอบดว้ ย (1) ดา้ นการจดั การเรียนการสอน (2) ดา้ นการบริหารจดั การ
ช้นั เรียน (3) ดา้ นการพฒั นาวิชาชีพ (4) ความพึงพอใจในงาน และ (5) คุณภาพผเู้ รียน มาเป็นกรอบ
แนวคิดในการวิจยั

2) กาหนดประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง
3) ศึกษารูปแบบและวิธีสร้างเคร่ืองมือจากเอกสาร ตารา วารสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวขอ้ ง
พร้อมปรึกษากบั อาจารยท์ ่ีปรึกษา เพือ่ ขอคาแนะนาแนวทางในการสร้างเคร่ืองมือตามวตั ถุประสงค์
ของการวิจยั
4) สร้างเคร่ืองมือ(แบบสอบถาม) และนาเสนออาจารยท์ ่ีปรึกษาการวิจยั เพ่ือพิจารณา
ตรวจสอบความสอดคลอ้ งกบั เน้ือหา ความถูกตอ้ งของภาษาและความชดั เจนในขอ้ ความเพื่อนามา
ปรับปรุงแกไ้ ขใหส้ มบูรณ์ยงิ่ ข้นึ และนาแบบสอบถามท่ีไดป้ รับปรุง แกไ้ ขเสนอใหผ้ เู้ ชี่ยวชาญ
5) นาแบบสอบถามท่ีผ่านการตรวจสอบจากผูเ้ ชี่ยวชาญมาปรับปรุงแก้ไข แลว้ นาไป
ทดลองใช้ (Try Out) กับครู ในโรงเรี ยนประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา
ประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 1 จานวน 30 คน
6) ปรับปรุงแกไ้ ขเครื่องมือและจดั ทารายงานฉบบั สมบรู ณ์

105

7) นาแบบสอบถามฉบบั สมบรู ณ์ไปเกบ็ ขอ้ มลู กบั กลมุ่ ตวั อยา่ ง
8) นาแบบสอบถามที่ไดร้ ับคืนท้งั หมดมาตรวจสอบความสมบูรณ์ของการตอบจากน้ัน
นามาวิเคราะห์ขอ้ มูลโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สาเร็จรูป SPSS แปลผล สรุปผล และนาเสนอ
ผลการวจิ ยั

2. ประชากรและกล่มุ ตัวอย่าง
2.1 ประชากรใช้ในการศึกษาคร้ังน้ี ได้แก่ ผูบ้ ริหารสถานศึกษาและครูในโรงเรียน

ประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 ปี การศึกษา 2563
จานวน 262 โรงเรียน

2.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาคร้ังน้ี คือ ผูบ้ ริหารสถานศึกษาและครู โรงเรี ยน
ประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 ปี การศึกษา 2563
จากการกาหนดขนาดกลุ่มตวั อย่างโดยใช้ตารางเครจซี่และมอร์แกน (Krejcie & Morgan, 1970)
กาหนดให้สถานศึกษาเป็ นหน่วยการสุ่ม (Sampling Unit) จากจานวน 262 โรงเรียน ไดข้ นาดของ

กลุ่มตวั อย่าง จานวน 155 โรงเรียน ประกอบดว้ ยผูบ้ ริหารสถานศึกษา 155 คน ครู 155 คน รวม
จานวนท้ังสิ้น 310 คน สุ่มตัวอย่างโดยวิธีการสุ่มแบบแบ่งช้ัน (Stratified Random Sampling)
ตามขนาดของโรงเรียน แลว้ นามาสุ่มตวั อยา่ งแบบอยา่ งง่าย (Simple Random Sampling) ดว้ ยวธิ ีการ
จบั ฉลากเพ่ือใหไ้ ดจ้ านวนสถานศึกษาท่ีเป็นกลุ่มตวั อยา่ งท่ีมีความเป็นตวั แทน โดยการกาหนดขนาด
กลุ่มตวั อย่างย่อยตามสัดส่วน เพ่ือทาการสุ่มจากประชากรในแต่ละขนาดโรงเรียนให้ได้กลุ่ม
ตวั อยา่ งท่ีตอ้ งการ ดงั ตารางท่ี 23

ตารางท่ี 23 จานวนประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง

ขนาดโรงเรียน ประชากร กลมุ่ ตวั อยา่ ง กลุม่ ตวั อยา่ งผใู้ หข้ อ้ มลู (คน) จานวน
(โรงเรียน) กลมุ่ ตวั อยา่ ง
ขนาดเลก็ (โรงเรียน) ผบู้ ริหาร ครู
ขนาดกลาง 255 302
ขนาดใหญ่ 5 151 151 151 6
2 2
รวม 333
262 310
111

155 155 155

106

3. เครื่องมือทใ่ี ช้ในการวิจยั
3.1 ลกั ษณะเครื่องมือ
การวิจยั ในคร้ังน้ีใชแ้ บบสอบถามจานวน 1 ฉบบั แบง่ เป็น 3 ตอน
ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลทัว่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม ซ่ึงมีคาถามเก่ียวกับ เพศ ตาแหน่ง

วุฒิการศึกษา ระยะเวลาในการดารงตาแหน่งปัจจุบนั ขนาดโรงเรียน
ตอนที่ 2 แบบสอบถามภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริ หารสถานศึกษาในโรงเรี ยน

ประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 เป็นแบบสอบถามแบบ
มาตรประมาณค่า 5 ระดบั (Rating Scale) จานวน 16 ขอ้ ภายใตอ้ งคป์ ระกอบหลกั 4 องคป์ ระกอบ
ได้แก่ 1) วิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั 2) วิสัยทศั น์ผูน้ าทางดิจิทลั 3) สมรรถนะทางเทคโนโลยี และ
4) สังคม จริยธรรมและกฎหมาย

ตอนท่ี 3 แบบสอบถามประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา
สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 2 เป็นแบบสอบถามแบบมาตรประมาณ
ค่า 5 ระดับ (Rating Scale) จานวน 20 ข้อ ภายใต้องค์ประกอบหลัก 5 องค์ประกอบ ได้แก่
1) การจดั การเรียนการสอน 2) การบริหารจดั การช้นั เรียน 3) การพฒั นาวิชาชีพ 4) ความพึงพอใจ
ในงาน และ 5) คุณภาพผเู้ รียน

3.2 วิธกี ารสร้างเครื่องมือ
ผูว้ ิจยั สร้างแบบสอบถาม (Questionnaire) ข้ึนจานวน 1 ฉบบั ซ่ึงหลงั จากที่ไดจ้ ดั ทา

เป็ นเคร่ืองมือแลว้ ได้มีการนาไปพฒั นาคุณภาพดว้ ยการตรวจสอบความตรงเชิงเน้ือหา (Content
Validity) และตรวจสอบความเที่ยง (Reliability) ของเครื่องมือ

โครงสร้างของแบบสอบถาม แบง่ ออกเป็น 3 ตอนดงั น้ี
ตอนท่ี 1 คาถามเกี่ยวกับข้อมูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถามมีลักษณะเป็ น
แบบตรวจสอบรายการ (Check List) ประกอบด้วย เพศ ตาแหน่ง วุฒิการศึกษา ระยะเวลาใน
การดารงตาแหน่งปัจจุบนั ขนาดของโรงเรียน
ตอนที่ 2 คาถามเกี่ยวกับภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรี ยน
ประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 ภายใตก้ รอบ 4 ดา้ น
ไดแ้ ก่ 1) วิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั 2) วิสัยทศั น์ผูน้ าทางดิจิทลั 3) สมรรถนะทางเทคโนโลยี และ
4) สังคม จริยธรรมและกฎหมาย มีลกั ษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณคา่ (Rating Scale) 5 ระดบั
ไดแ้ ก่ มากท่ีสุด มาก ปานกลาง นอ้ ย และนอ้ ยท่ีสุด ดงั น้ี

107

คะแนน ความหมาย

5 ระดบั ปฏิบตั ิภาวะผนู้ าดิจิทลั ในระดบั มากท่ีสุด

4 ระดบั ปฏิบตั ิภาวะผนู้ าดิจิทลั ในระดบั มาก

3 ระดบั ปฏิบตั ิภาวะผนู้ าดิจิทลั ในระดบั ปานกลาง

2 ระดบั ปฏิบตั ิภาวะผนู้ าดิจิทลั ในระดบั นอ้ ย

1 ระดบั ปฏิบตั ิภาวะผนู้ าดิจิทลั ในระดบั นอ้ ยท่ีสุด

ตอนท่ี 3 คาถามเก่ียวกบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา

สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 ภายใตก้ รอบ 5 ดา้ น ไดแ้ ก่ 1) ดา้ นการ

จดั การเรียนการสอน 2) ดา้ นการบริหารจดั การช้นั เรียน 3) การพฒั นาวิชาชีพ 4) ความพึงพอใจใน

งาน และ 5) คุณภาพผเู้ รียน มีลกั ษณะเป็นแบบมาตรส่วนประมาณคา่ (Rating scale) 5 ระดบั ไดแ้ ก่

มากท่ีสุด มาก ปานกลาง นอ้ ย และนอ้ ยท่ีสุด ดงั น้ี

คะแนน ความหมาย

5 ระดบั ปฏิบตั ิต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในระดบั มากท่ีสุด

4 ระดบั ปฏิบตั ิต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในระดบั มาก

3 ระดบั ปฏิบตั ิตอ่ ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในระดบั ปานกลาง

2 ระดบั ปฏิบตั ิตอ่ ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในระดบั นอ้ ย

1 ระดบั ปฏิบตั ิตอ่ ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในระดบั นอ้ ยที่สุด

ตารางที่ 24 โครงสร้างของแบบสอบถาม (Test Blueprint)

องค์ประกอบ คาถามข้อที่ จานวนคาถาม ร้อยละ

ภาวะผ้นู าดจิ ิทัล 4 12.5
4 12.5
วิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั 1-4 4 12.5
4 12.5
วสิ ัยทศั น์ผนู้ าทางดิจิทลั 5-8 16 50

สมรรถนะทางเทคโนโลยี 9-12

จริยธรรมองคก์ ารและสังคมดิจิทลั 13-16

รวมองค์ประกอบภาวะผ้นู าดิจทิ ัล

108

ตารางที่ 24 โครงสร้างของแบบสอบถาม (Test Blueprint) (ตอ่ )

องค์ประกอบ คาถามข้อที่ จานวนคาถาม ร้อยละ

องค์ประกอบประสิทธิผลการปฏบิ ัตงิ านของครู 4 12.5
4 12.5
การจดั การเรียนการสอน 17-20 4 12.5
4 12.5
การบริหารจดั การช้นั เรียน 21-24 16 50

การพฒั นาวชิ าชีพ 25-28

ความพงึ พอใจในงาน 29-32

รวมองค์ประกอบประสิทธิผลการปฏบิ ตั งิ านของครู

3.3 การหาคณุ ภาพเครื่องมือ
1) นาแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างข้ึน ให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาความสอดคล้อง

ดา้ น ความเที่ยงตรงเชิงเน้ือหา (Content Validity) ของแบบสอบถามโดยใชเ้ ทคนิค IOC ( Index of
Item-Objective Congruence) หรือดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคาถาม ด้วยวิธีการหาดัชนี
ความสอดคลอ้ งของโรวิเนลลี่และแฮมเบิลตนั (Rovinelli & Hambleton ,1978 อา้ งถึงใน ยามีละห์
เจะ๊ ซอ, 2560) โดยใหค้ ะแนนดงั น้ี

+1 เมื่อแน่ใจวา่ ขอ้ คาถามตรงกบั ขอบขา่ ยในประเด็นหลกั ของเน้ือหา

0 เม่ือไม่แน่ใจวา่ ขอ้ คาถามตรงกบั ขอบขา่ ยในประเด็นหลกั ของเน้ือหา

1 เมื่อแน่ใจวา่ ขอ้ คาถามไม่ตรงกบั ขอบข่ายในประเดน็ หลกั ของเน้ือทา

แลว้ คดั เลือกขอ้ คาถามท่ีมีดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ที่มีค่า 0.5 ข้ึนไป ผลการ

คานวณปรากฏวา่ แบบสอบถามในคร้ังน้ี ไดค้ ่าดชั นีความสอดคลอ้ งระหว่าง 0.8-1.00 จากน้นั ผูว้ ิจยั

ไดป้ รับปรุงแกไ้ ขตามคาแนะนาของผเู้ ช่ียวชาญ

2) นาแบบสอบถามท่ีผ่านการตรวจพิจารณาของผูเ้ ชี่ยวชาญแลว้ นาไปทดลองใช้
เพื่อหาคุณภาพของแบบสอบถาม โดยนาไปทดลองใช้ (Try Out) กับกลุ่มท่ีมีความคลา้ ยคลึงกบั
กลุ่มตัวอย่าง จานวน 30 คน ครูและผูบ้ ริหารโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ี
การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 1

3) วิเคราะห์หาค่าความเชื่อม่นั (Reliability) โดยวิธีการหาค่าสัมประสิทธ์ิแอลฟา
(Alpha Coefficient) ของครอนบาด (Cronbach, 1990) โดยเกณฑ์ความเช่ือมน่ั ที่ยอมรับไดจ้ ะมีค่า

109

ต้งั แต่ .70 ข้ึนไป ผลจากการตรวจสอบค่าสมั ประสิทธ์ิแอลฟาท้งั ฉบบั มีค่าความเช่ือมน่ั (Reliability)
เท่ากบั 0.97 จึงสามารถใชแ้ บบสอบถามในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลวิจยั ได้

ตารางท่ี 25 ผลการวเิ คราะห์คา่ ความเชื่อมนั่ (Reliability) ของแบบสอบถามวิจยั

แบบสอบถาม ค่าความเชื่อม่นั

ภาวะผ้นู าดจิ ทิ ัลของผู้บริหารสถานศึกษา ทดลองใช้ (30 ฉบับ)
1) วิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั 0.928
2) วสิ ัยทศั น์ผนู้ าทางดิจิทลั 0.801
3) สมรรถนะทางเทคโนโลยี 0.861
4) สังคม จริยธรรมและกฎหมาย 0.772
ประสิทธผิ ลการปฏิบตั ิงานของครู 0.824
1) การจดั การเรียนการสอน 0.963
2) การบริหารจดั การช้นั เรียน 0.771
3) การพฒั นาวชิ าชีพ 0.965
4) ความพึงพอใจในงาน 0.896
5) คุณภาพผเู้ รียน 0.702
0.927
ท้งั ฉบับ 0.970

4. การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
ผวู้ จิ ยั ดาเนินการเก็บรวบรวมขอ้ มูล มีรายละเอียดดงั น้ี
1) ผวู้ ิจยั ขอหนงั สือจากคณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น ถึงผอู้ านวยการโรงเรียน

ประถมศึกษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 เพ่ือขอความอนุเคราะห์
ร่วมมือในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู กบั กล่มุ ตวั อยา่ ง

2) ผูว้ ิจัยส่งหนังสือขอความอนุเคราะห์ร่วมมือในการตอบแบบสอบถามด้วยตนเอง
รวมท้งั เก็บขอ้ มูลด้วยแบบฟอร์มออนไลน์ของ Google Form ถึงผูบ้ ริหารโรงเรียนและครูท่ีเป็ น
กลุ่มตวั อย่างและขอความอนุเคราะห์ใหส้ ่งตอบกลบั ภายใน 2 สัปดาห์ และไดม้ ีการเผื่อการสูญเสีย

110

โดยสารองไว้ 25 เปอร์เซ็นตข์ องจานวนกลุ่มตวั อย่าง คิดเป็น 39 โรงเรียน รวมเป็นตวั อยา่ งท้งั หมด
194 โรงเรียน ไดร้ ับแบบสอบถามท้งั หมด 388 ฉบบั คดิ เป็นร้อยละ 100

3) ตรวจสอบและคดั แยกแบบสอบถามที่สมบูรณ์ไปใชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มูลทางสถิติ
ตอ่ ไป

5. การวเิ คราะห์ข้อมูล
1) วิเคราะห์ข้อมูลท่ัวไปของผูต้ อบแบบสอบถาม โดยใช้ค่าสถิติความถี่ (Frequency)

ร้อยละ (Percentage)
2) วิเคราะห์ระดับภาวะผูน้ าดิจิทลั และประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู ในโรงเรียน

ประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 โดยการหาค่าเฉลี่ย (x̅)
และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.)

3) วิเคราะห์ปัจจัยภาวะผูน้ าดิจิทัลและประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครู ในโรงเรียน
ประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 โดยการหา
ค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์ของเพียร์สัน (Pearson Product Moment Correlation) และการวิเคราะห์
การถดถอยพหุคณู แบบข้นั ตอน (Stepwise Multiple Regression Analysis)

6. การแปลผลข้อมูล
การวิจัยคร้ังน้ี ผูว้ ิจัยได้กาหนดชนิดของตัวแปร เกณฑ์การแปรผล และสถิติที่ใช้ใน

การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ตามวตั ถุประสงค์ โดยจาแนกตามแบบสอบถาม ดงั น้ี
ส่วนที่ 1 ขอ้ มูลทวั่ ไปเก่ียวกบั ผูต้ อบแบบสอบถาม วิเคราะห์ขอ้ มูลโดยการแจกแจงสถิติ

การแจกแจงความถี่ (Frequency) ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉล่ีย (x̅) และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน
(S.D.) สาหรับอธิบายลักษณะทั่วไปของประชากรที่ตอบแบบสอบถาม คือ ผูบ้ ริหารและครู
โรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 โดยเป็ น
ขอ้ คาถามเก่ียวกบั เพศ ตาแหน่ง วุฒิการศึกษา ระยะเวลาในการดารงตาแหน่งปัจจุบนั ขนาดของ
โรงเรียน

ส่วนที่ 2 การศึกษาระดบั ภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษา
สังกดั สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 โดยการแปลผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล
ใช้เกณฑ์ค่าเฉล่ีย และมีส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน เพื่อศึกษาระดบั การรับรู้ต่อพฤติกรรมภาวะผูน้ า
ดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษา ผวู้ จิ ยั ไดน้ าเกณฑก์ ารแปลความของ บญุ ชม ศรีสะอาด (2547) ดงั น้ี

111

4.51 -5.00 แปลความวา่ มีระดบั ปฏิบตั ิภาวะผนู้ าดิจิทลั อยใู่ นระดบั มากท่ีสุด
3.51 -4.50 แปลความวา่ มีระดบั ปฏิบตั ิภาวะผนู้ าดิจิทลั อยใู่ นระดบั มาก
2.51-3.50 แปลความวา่ มีระดบั ปฏิบตั ิภาวะผนู้ าดิจิทลั อยใู่ นระดบั ปานกลาง
1.51 -2.50 แปลความวา่ มีระดบั ปฏิบตั ิภาวะผนู้ าดิจิทลั อยใู่ นระดบั น้อย
1.00- 1.50 แปลความวา่ มีระดบั ปฏิบตั ิภาวะผนู้ าดิจิทลั อยใู่ นระดบั น้อยที่สุด
ส่วนท่ี 3 การศึกษาระดบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั
สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 โดยการแปลผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู ใชเ้ กณฑ์
ค่าเฉล่ีย และมีส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน เพื่อศึกษาระดบั การรับรู้ต่อระดบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงาน
ของครู ผวู้ จิ ยั ไดน้ าเกณฑก์ ารแปลความของ บุญชม ศรีสะอาด (2547) ดงั น้ี
4.51 -5.00 แปลความวา่ มีระดบั ปฏิบตั ิต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู

อยใู่ นระดบั มากที่สุด
3.51 -4.50 แปลความวา่ มีระดบั ปฏิบตั ิต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู

อยใู่ นระดบั มาก
2.51-3.50 แปลความวา่ มีระดบั ปฏิบตั ิต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู

อยใู่ นระดบั ปานกลาง
1.51 -2.50 แปลความวา่ มีระดบั ปฏิบตั ิต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู

อยใู่ นระดบั นอ้ ย
1.00- 1.50 แปลความวา่ มีระดบั ปฏิบตั ิตอ่ ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู

อยใู่ นระดบั นอ้ ยที่สุด
การหาความสัมพนั ธ์ของภาวะผูน้ าดิจิทลั กบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู ผูว้ ิจยั ใช้
คา่ สมั ประสิทธ์ิสหสัมพนั ธข์ องเพยี ร์สนั (Pearson Product Moment Correlation Coefficient) (r)โดย
มีเกณฑ์ในการแปลผล (Hinkle D.E., 1998 อา้ งถึงใน ดรุณี อภยั กาวี, ประกฤติยา ทกั ษิโณ, และ
กมลวรรณ ตงั ธนกานนท,์ 2563) ดงั น้ี

r = 0.90 - 1.00 เท่ากบั ขอ้ มูลมีความสัมพนั ธใ์ นระดบั สูงมาก
r = 0.70 - 0.89 เทา่ กบั ขอ้ มูลมีความสัมพนั ธ์ในระดบั สูง
r = 0.50 - 0.69 เท่ากบั ขอ้ มูลมีความสมั พนั ธ์ในระดบั ปานกลาง
r = 0.30 - 0.49 เทา่ กบั ขอ้ มลู มีความสมั พนั ธ์ในระดบั ต่า
r = 0.00 – 0.29 เท่ากบั ขอ้ มลู มีความสัมพนั ธ์ในระดบั ต่ามาก

112

บทท่ี 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล

การวิจัยเพ่ือศึกษาภาวะผู้นาดิจิทัลของผูบ้ ริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผล

การปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา

ชยั ภูมิเขต 2 มีวตั ถุประสงค์เพ่ือศึกษาระดบั ภาวะผูน้ าดิจิทลั ของผูบ้ ริหารสถานศึกษาและระดับ

ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู ศึกษาความสัมพนั ธ์ระหว่างภาวะผูน้ าดิจิทัลของผูบ้ ริหาร

สถานศึกษากับประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครู และปัจจัยภาวะผูน้ าดิจิทัลของผู้บริ หาร

สถานศึกษาท่ีส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งาน

เขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 2 ผวู้ จิ ยั ขอเสนอผลการวิจยั ตามลาดบั ดงั น้ี

1. ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูลทว่ั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม

2. ผลการวเิ คราะห์ระดบั ภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษา

สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2

3. ผลการวเิ คราะห์ระดบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สงั กดั

สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 2

4. ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษา

กบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษา

ประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2

5. ผลการวิเคราะห์ภาวะผูน้ าดิจิทัลของผูบ้ ริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผล

การปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา

ชยั ภมู ิเขต 2

การวิเคราะห์ข้อมูลในการวิจัยในคร้ังน้ีเป็ นการวิเคราะห์ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์

สาเร็จรูป SPSS for Windows V.26 เพ่ือใหเ้ กิดความเขา้ ใจตรงกนั ในการแปลความหมายของขอ้ มูล

ผวู้ จิ ยั จึงกาหนดสัญลกั ษณ์และอกั ษรยอ่ ที่ใชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มูลดงั น้ี

X หมายถึง ภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษา

X1 หมายถึง ภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษา ดา้ นวิถีการเรียนรู้เชิง
ดิจิทลั

X2 หมายถึง ภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษา ดา้ นวิสัยทศั น์ผนู้ า
ทางดิจิทลั

113

X3 หมายถึง ภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษา ดา้ นสมรรถนะ
ทางเทคโนโลยี

X4 หมายถึง ภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษา ดา้ นสังคม จริยธรรม
และกฎหมาย

Y หมายถึง ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู

x̅ หมายถึง ค่าเฉลี่ย (Mean)

S.D. หมายถึง ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)

N หมายถึง จานวนประชากร

n หมายถึง จานวนกลุ่มตวั อยา่ ง

r หมายถึง คา่ สัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์ของเพยี ร์สนั (Peason’s Correlation

Coefficient)

R หมายถึง สมั ประสิทธ์ิสหสัมพนั ธพ์ หุคูณ (Multiple Correlation)

R2 หมายถึง สัมประสิทธ์ิการพยากรณ์ (Coefficient of Determination)

Adjusted R2 หมายถึง ค่าสัมประสิทธ์ิการพยากรณ์ท่ีเปล่ียนจากเดิมเม่ือเพิ่มตวั แปรตน้

ทีละตวั (ค่าอานาจการพยากรณ์ท่ีปรับแกแ้ ลว้ )

S.E.est หมายถึง ค่าความคลาดเคล่ือนมาตรฐานของการพยากรณ์

S.E.B. หมายถึง คา่ ความคลาดเคล่ือนมาตรฐานของสัมประสิทธ์ิตวั พยากรณ์

b หมายถึง คา่ สมั ประสิทธ์ิถดถอยของตวั พยากรณ์ในรูปคะแนนดิบ

หมายถึง ค่าสัมประสิทธ์ิถดถอยของตวั พยากรณ์ในรูปคะแนนมาตรฐาน

F หมายถึง คา่ สถิติการแจกแจงแบบเอฟ (F -Distribution)

t หมายถึง ค่าสถิติแจกแจงแบบที (t -Distribution)

p-value หมายถึง ระดบั นยั สาคญั ทางสถิติ

1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลท่วั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
ผูต้ อบแบบสอบถามในการวิจยั คร้ังน้ี คือ ผูบ้ ริหารและครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั

สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิเขต 2 จานวน 310 คน ผูว้ ิจยั ไดส้ อบถามเกี่ยวกบั
ข้อมูลท่ัวไป ได้แก่ เพศ ตาแหน่ง วุฒิการศึกษา ระยะเวลาในการดารงตาแหน่งปัจจุบัน และ
ขนาดของโรงเรียน รายละเอียดดงั ตารางที่ 26

114

ตารางที่ 26 จานวนและร้อยละขอ้ มูลทวั่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม ผูบ้ ริหารและครูในโรงเรียน
ประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2

สถานภาพ จานวนผ้ตู อบแบบสอบถาม

1. เพศ ความถ่ี (n=310) ร้อยละ (%)
ชาย
หญิง 168 54.19
142 45.81
2. ตาแหน่ง
ผบู้ ริหารสถานศึกษา 155 50.00
ครู 155 50.00

3. วุฒิการศึกษา 109 35.16
ปริญญาตรี 197 63.55
ปริญญาโท 4 1.29
ปริญญาเอก
142 45.81
4. ระยะเวลาในการดารงตาแหน่งปัจจุบนั 50 16.13
ต่ากวา่ 5 ปี 35 11.29
6-10 ปี 65 20.97
11-20 ปี 18 5.80
21-30 ปี
30 ปี ข้ึนไป 302 97.42
6 1.94
5. ขนาดของโรงเรียน 2 0.64
ขนาดเลก็
ขนาดกลาง
ขนาดใหญ่

จากตารางท่ี 26 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่า ผูต้ อบ
แบบสอบถามส่วนใหญ่เป็ นเพศชายส่วนใหญ่ คิดเป็ นร้อยละ 54.19 มีตาแหน่งเป็ นผูบ้ ริหาร
สถานศึกษาและครูเท่ากนั คิดเป็นอย่างละร้อยละ 50.00 ระดบั การศึกษาส่วนใหญ่สาเร็จการศึกษา

115

ระดบั ปริญญาโท คิดเป็นร้อยละ 63.55 มีระยะเวลาในการดารงตาแหน่งปัจจุบนั ส่วนใหญ่ ต่ากวา่ 5
ปี คิดเป็นร้อยละ 45.81 และปฏิบตั ิงานอยใู่ นโรงเรียนขนาดเลก็ เป็นส่วนใหญ่ คิดเป็นร้อยละ 97.42

2. ผลการวิเคราะห์ระดับภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษา

สังกดั สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2
ผลการวิเคราะห์ระดบั ภาวะผูน้ าดิจิทลั ของผูบ้ ริหารสถานศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษา

สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 ท้ัง 4 ด้าน คือ 1) วิถีการเรียนรู้
เชิงดิจิทัล 2) วิสัยทศั น์ภาวะผูน้ าดิจิทัล 3) สมรรถนะทางเทคโนโลยี และ 4) สังคม จริยธรรม
และกฎหมาย แสดงผลการวิเคราะห์ ดงั ตารางท่ี 27

ตารางท่ี 27 ค่าเฉล่ีย (x̅) และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) ภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริ หาร
สถานศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2
โดยภาพรวม

ภาวะผ้นู าดจิ ทิ ลั ของผ้บู ริหารสถานศึกษา ระดบั พฤตกิ รรม แปลผล
ของผ้บู ริหาร
1) วิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั (x̅) (S.D.) มาก
2) วิสัยทศั น์ภาวะผนู้ าดิจิทลั 4.24 0.61 มาก
3) สมรรถนะทางเทคโนโลยี 4.13 0.63 มาก
4) สังคม จริยธรรม และกฎหมาย 4.09 0.68 มาก
4.28 0.65 มาก
ค่าเฉลย่ี 4.18 0.57

จากตารางท่ี 27 พบวา่ ภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษาในภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก
(x̅ = 4.18) เมื่อพจิ ารณารายดา้ น พบวา่ ดา้ นท่ีมีคา่ เฉล่ียสูงสุด คือ ดา้ นสังคม จริยธรรม และกฎหมาย
(x̅ = 4.28) อยู่ในระดบั มาก รองลงมา คือ ดา้ นวิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั (x̅ = 4.24) อยู่ในระดบั มาก
สาหรับดา้ นสมรรถนะทางเทคโนโลยี (x̅ = 4.09) อยใู่ นระดบั มาก มีคา่ เฉล่ียนอ้ ยที่สุด

116

ตารางท่ี 28 ค่าเฉล่ีย (x̅) และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) ภาวะผูน้ าดิจิทัลของผู้บริ หาร
สถานศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2
ดา้ นวิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั

ภาวะผ้นู าดจิ ทิ ลั ของผ้บู ริหารสถานศึกษา ระดบั พฤติกรรม แปลผล
ด้านวถิ กี ารเรียนรู้เชิงดจิ ิทัล ของผ้บู ริหาร
(x̅) (S.D.) มาก
1) ผูบ้ ริหารสถานศึกษาให้การสนับสนุนส่ือเทคโนโลยี 4.40 0.72 มาก
แก่ครูในการจดั การเรียนการสอน มาก
2) ผู้บริ หารสถานศึกษาส่งเสริ มการใช้ส่ือเทคโนโลยี 4.23 0.82 มาก
เพ่ือสนบั สนุนการเรียนรู้ของผเู้ รียน มาก
3) ผูบ้ ริหารสถานศึกษาจัดสภาพแวดล้อมและบรรยากาศ 4.24 0.70
ภายในโรงเรียนใหเ้ อ้ือต่อการเรียนรู้ของผเู้ รียน
4) ผูบ้ ริหารสถานศึกษาส่งเสริมให้ครูวดั และประเมินผล 4.05 0.89
การเรียนรู้ของผเู้ รียนดว้ ยเทคโนโลยดี ิจิทลั
4.24 0.61
ค่าเฉลย่ี

จากตารางท่ี 28 พบวา่ ภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษาดา้ นวถิ ีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั
ในภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก (x̅ = 4.24) เม่ือพิจารณารายขอ้ พบวา่ ขอ้ ที่มีค่าเฉล่ียสูงสุด คอื ผบู้ ริหาร
สถานศึกษาให้การสนับสนุนส่ือเทคโนโลยีแก่ครูในการจดั การเรียนการสอน (x̅ = 4.40) อยู่ใน
ระดับมาก รองลงมา คือ ผูบ้ ริหารสถานศึกษาจดั สภาพแวดลอ้ มและบรรยากาศภายในโรงเรียน
ให้เอ้ือต่อการเรียนรู้ของผูเ้ รียน (x̅ = 4.24) อยู่ในระดบั มาก สาหรับผบู้ ริหารสถานศึกษาส่งเสริมให้
ครูวดั และประเมินผลการเรียนรู้ของผูเ้ รียนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล (x̅ = 4.05) อยู่ในระดับมาก
มีคา่ เฉล่ียนอ้ ยที่สุด

117

ตารางท่ี 29 ค่าเฉลี่ย (x̅) และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) ภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริ หาร
สถานศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2
ดา้ นวิสยั ทศั นผ์ นู้ าทางดิจิทลั

ภาวะผ้นู าดิจทิ ัลของผู้บริหารสถานศึกษา ระดบั พฤตกิ รรม แปลผล
ด้านวสิ ัยทัศน์ผ้นู าทางดจิ ทิ ลั ของผ้บู ริหาร
(x̅) (S.D.) มาก
1) ผู้บริ หารส ถ านศึ กษา แล ะ ค รู กา ห นด วิสั ย ทัศ น์ 4.09 0.90 มาก
และเป้าหมายความสาเร็จดา้ นเทคโนโลยรี ่วมกนั มาก
2) ผูบ้ ริหารสถานศึกษาและครูมีส่วนร่วมในการวางเเผน 4.24 0.82 มาก
ดา้ นเทคโนโลยขี องสถานศึกษา มาก
3) ผู้บริ หารสถานศึกษามีกลยุทธ์และกากับติดตาม 4.06 0.79
ใหบ้ ุคลากรในสถานศึกษาใชเ้ ทคโนโลยี เพ่ือการปฏิบตั ิงาน
4) ผู้บริ หารสถานศึกษาเผยแพร่ วิสัยทัศน์โดยใช้ส่ื อ 4.14 0.81
เทคโนโลยสี ารสนเทศ
4.13 0.63
ค่าเฉลย่ี

จากตารางที่ 29 พบว่า ภาวะผู้นาดิจิทัลของผูบ้ ริหารสถานศึกษาด้านวิสัยทัศน์ผูน้ า
ทางดิจิทลั ในภาพรวมอยู่ในระดบั มาก (x̅ = 4.13) เม่ือพิจารณารายขอ้ พบว่า ขอ้ ที่มีค่าเฉล่ียสูงสุด
คือ ผูบ้ ริหารสถานศึกษาและครูมีส่วนร่วมในการวางเเผนด้านเทคโนโลยีของสถานศึกษา
(x̅ = 4.24) อยู่ในระดับมาก รองลงมา คือ ผู้บริหารสถานศึกษาเผยแพร่วิสัยทัศน์โดยใช้สื่อ
เทคโนโลยีสารสนเทศ (x̅ = 4.14) อย่ใู นระดบั มาก สาหรับผบู้ ริหารสถานศึกษามีกลยทุ ธแ์ ละกากบั
ติดตามให้บุคลากรในสถานศึกษาใช้เทคโนโลยี เพ่ือการปฏิบตั ิงาน (x̅ = 4.06) อยู่ในระดับมาก
มีคา่ เฉล่ียนอ้ ยท่ีสุด

118

ตารางที่ 30 ค่าเฉล่ีย (x̅) และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) ภาวะผูน้ าดิจิทัลของผู้บริ หาร
สถานศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2
ดา้ นสมรรถนะทางเทคโนโลยี

ภาวะผ้นู าดจิ ิทลั ของผ้บู ริหารสถานศึกษา ระดับพฤติกรรม แปลผล
ด้านสมรรถนะทางเทคโนโลยี ของผู้บริหาร
(x̅) (S.D.) มาก
1) ผบู้ ริหารสถานศึกษานาเทคโนโลยสี มยั ใหม่มาใชใ้ นการ 3.87 0.89 มาก
บริหารจดั การภายในสถานศึกษา มาก
2) ผูบ้ ริหารสถานศึกษาส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากรนา 4.12 0.67 มาก
เทคโนโลยสี มยั ใหมม่ าใชใ้ นการปฏิบตั ิงาน มาก
3) ผูบ้ ริหารสถานศึกษากากับติดตามการใช้เทคโนโลยี 4.01 0.89 มาก
ของบคุ ลากรในการดาเนินงานดา้ นตา่ ง ๆ ของสถานศึกษา
4) ผูบ้ ริหารสถานศึกษามีการประเมินผลการใช้เทคโนโลยี 4.00 0.90
ในการปฏิบตั ิงานของสถานศึกษา
5) ผู้บริ หารสถานศึกษานาผลการประเมินมาจัดทา 4.02 0.87
แผนพฒั นาองคก์ าร
4.09 0.68
ค่าเฉลยี่

จากตารางที่ 30 พบว่า ภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริ หารสถานศึกษาด้าน สมรรถนะ
ทางเทคโนโลยีในภาพรวมอยู่ในระดบั มาก (x̅ = 4.09) เมื่อพิจารณารายขอ้ พบว่า ขอ้ ที่มีค่าเฉลี่ย
สูงสุด คือ ผูบ้ ริหารสถานศึกษาส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากรนาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้
ในการปฏิบตั ิงาน (x̅ = 4.12) อยูใ่ นระดบั มาก รองลงมา คือ ผบู้ ริหารสถานศึกษานาผลการประเมิน
มาจดั ทาแผนพฒั นาองคก์ าร (x̅ = 4.02) อยใู่ นระดบั มาก สาหรับผบู้ ริหารสถานศึกษานาเทคโนโลยี
สมยั ใหม่มาใช้ในการบริหารจัดการภายในสถานศึกษา (x̅ = 3.87) อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉล่ีย
นอ้ ยท่ีสุด

119

ตารางท่ี 31 ค่าเฉล่ีย (x̅) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริ หาร
สถานศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2
ดา้ นสงั คม จริยธรรม และกฎหมาย

ภาวะผ้นู าดิจทิ ัลของผ้บู ริหารสถานศึกษา ระดบั พฤตกิ รรม แปลผล
ด้านสังคม จริยธรรม และกฎหมาย ของผู้บริหาร
มาก
1) ผู้บริ หารสถานศึกษามีมาตรการตรวจสอบคัดกรอง (x̅) (S.D.) มาก
ความถกู ตอ้ งของขอ้ มูลวา่ เป็นความจริงก่อนเผยแพร่ขอ้ มลู
2) ผบู้ ริหารสถานศึกษาใหค้ วามรู้ครูเก่ียวกบั กฎหมาย/โทษใน 4.29 0.75 มาก
การใช้เทคโนโลยีในการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาหรื อ 3.88 1.31
ลิขสิทธ์ิดว้ ยการคดั ลอกผลงานผอู้ ่ืน มาก
3) ผูบ้ ริหารสถานศึกษาหลีกเลี่ยงการใช้เทคโนโลยีในการ 4.31 0.85 มาก
ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาหรื อลิขสิทธ์ิด้วยการคัดลอก ท่ีสุด
ผลงานผอู้ ื่น 4.39 0.73 มาก
4) ผูบ้ ริหารสถานศึกษาสนบั สนุนให้บุคลากรคานึงถึงความ 4.51 0.79
ปลอดภยั ของขอ้ มูลสารสนเทศ
5) ผูบ้ ริหารสถานศึกษาสนับสนุนให้บุคลากรคานึงถึงความ 4.28 0.65
เป็ นส่วนตัวในการเข้าถึงข้อมูลสาคัญของผูอ้ ื่นก่อนได้รับ
อนุญาตเสมอ

ค่าเฉลย่ี

จากตารางที่ 29 พบว่า ภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษาดา้ นสังคม จริยธรรม และ
กฎหมายในภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก (x̅ = 4.28) เมื่อพิจารณารายขอ้ พบวา่ ขอ้ ที่มีค่าเฉล่ียสูงสุด คือ
ผูบ้ ริหารสถานศึกษาสนับสนุนให้บุคลากรคานึงถึงความเป็ นส่วนตัวในการเขา้ ถึงขอ้ มูลสาคัญ
ของผู้อื่นก่อนได้รับอนุญาตเสมอ (x̅ = 4.51) อยู่ในระดับมากท่ีสุด รองลงมา คือ ผู้บริหาร
สถานศึกษาสนบั สนุนให้บุคลากรคานึงถึงความปลอดภยั ของขอ้ มูลสารสนเทศ (x̅ = 4.39) อยู่ใน
ระดบั มากสาหรับ ผูบ้ ริหารสถานศึกษาให้ความรู้ครูเกี่ยวกบั กฎหมาย/โทษในการใช้เทคโนโลยี
ในการละเมิดทรัพยส์ ินทางปัญญาหรือลิขสิทธ์ิดว้ ยการคดั ลอกผลงานผูอ้ ่ืน (x̅ = 3.88) อยู่ในระดบั
มาก มีคา่ เฉล่ียนอ้ ยที่สุด

120

3. ผลการวิเคราะห์ประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัด

สานกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2
ผลการวิเคราะห์ระดบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั

สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิเขต 2 ท้งั 4 ดา้ น คือ 1) การจดั การเรียนการสอน
2) การบริหารจดั การช้นั เรียน 3) การพฒั นาวิชาชีพ 4) ความพึงพอใจในงาน และ 5) คุณภาพผเู้ รียน
ดงั ตารางที่ 32

ตารางที่ 32 ค่าเฉลี่ย (x̅) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
ในโรงเรียนประถมศึกษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิเขต 2โดยภาพรวม

ประสิทธิผลการปฏบิ ตั งิ านของครู ระดับพฤตกิ รรม แปลผล
ของผ้บู ริหาร
1) การจดั การเรียนการสอน (x̅) (S.D.) มาก
2) การบริหารจดั การช้นั เรียน 4.03 0.76 มาก
3) การพฒั นาวิชาชีพ 4.34 0.54 มาก
4) ความพงึ พอใจในงาน 4.18 0.60 มาก
5) คุณภาพผเู้ รียน 4.01 0.76 มาก
4.17 0.66 มาก
ค่าเฉลย่ี
4.16 0.59

จากตารางที่ 32 พบว่า ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในภาพรวมอยู่ในระดับมาก
(x̅ = 4.16) เมื่อพิจารณารายดา้ น พบว่า ดา้ นที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ดา้ นการบริหารจดั การช้ันเรียน
(x̅ = 4.34) อยใู่ นระดบั มาก รองลงมา คอื ดา้ นการพฒั นาวิชาชีพ (x̅ = 4.18) อยใู่ นระดบั มาก สาหรับ
ดา้ นความพึงพอใจในงาน (x̅ = 4.01) อยใู่ นระดบั มาก มีค่าเฉล่ียนอ้ ยท่ีสุด

121

ตารางที่ 33 ค่าเฉลี่ย (x̅) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
ในโรงเรี ยนประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2
ดา้ นการจดั การเรียนการสอน

ประสิทธิผลการปฏบิ ตั งิ านของครู ระดบั พฤติกรรม แปลผล
ด้านการจดั การเรียนการสอน ของผ้บู ริหาร
(x̅) (S.D.) มาก
1) ครูสร้างหลักสูตรตามมาตรฐานการเรี ยนรู้ ตัวช้ีวัด 4.11 0.76
คาอธิบายรายวิชา และหน่วยการเรียนรู้ โดยครอบคลุม มาก
เน้ือหาของหลกั สูตร 4.09 0.72
2) ครูพฒั นาหลกั สูตรโดยปรับปรุงคุณภาพของหลกั สูตรให้ มาก
ดีข้ึน ต้ังแต่จุดมุ่งหมาย การเรียนการสอน การใช้สื่อการ 3.85 1.12 มาก
เรียนการสอน การวดั และประเมินผล 4.04 0.73 มาก
3) ครูสร้างและพฒั นาสื่อนวตั กรรมเทคโนโลยที างการศึกษา 4.06 1.12 มาก
ที่สอดคลอ้ งกบั แผนการจดั การเรียนรู้ 4.03 0.76
4) ครูใชก้ ารวดั ผลและประเมินผลท่ีสอดคลอ้ งกบั มาตรฐาน
การเรียนรู้และตวั ช้ีวดั ของหลกั สูตร
5) ครูมีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการรูปแบบท่ี
หลากหลายและเหมาะสม โดยเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั

ค่าเฉลยี่

จากตารางท่ี 33 พบว่า ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู ด้านการจดั การเรียนการสอน
ในภาพรวมอยู่ในระดบั มาก (x̅ = 4.03) เมื่อพิจารณารายขอ้ พบว่า ขอ้ ที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ครูสร้าง
หลกั สูตรตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ช้ีวดั คาอธิบายรายวิชา และหน่วยการเรียนรู้ โดยครอบคลุม
เน้ือหาของหลกั สูตร (x̅ = 4.11) อยู่ในระดบั มาก รองลงมา คือ ครูพฒั นาหลกั สูตรโดยปรับปรุง
คุณภาพของหลกั สูตรให้ดีข้ึน ต้งั แต่จุดมุ่งหมาย การเรียนการสอน การใช้ส่ือการเรียนการสอน
การวดั และประเมินผล (x̅ = 4.09) อยู่ในระดับมาก สาหรับครูสร้างและพฒั นาส่ือนวตั กรรม
เทคโนโลยที างการศึกษาท่ีสอดคลอ้ งกบั แผนการจดั การเรียนรู้ (x̅ = 3.85) อยใู่ นระดบั มาก มีคา่ เฉลี่ย
นอ้ ยท่ีสุด

122

ตารางท่ี 34 ค่าเฉล่ีย (x̅) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
ในโรงเรี ยนประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2
ดา้ นการบริหารจดั การช้นั เรียน

ประสิทธผิ ลการปฏบิ ตั ิงานของครู ระดับพฤติกรรม แปลผล
ด้านการบริหารจัดการช้ันเรียน ของผู้บริหาร
(x̅) (S.D.) มาก
1) ครูเสริมสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ทางจิตวิทยาท่ีเอ้ือต่อ 4.27 0.70
การเรียนรู้ของผเู้ รียน มาก
2) ครูสร้างสภาพแวดล้อมภายในห้องเรียนท่ีเอ้ือต่อการ 4.25 0.69
เรียนรู้ของผเู้ รียน มาก
3) ครูทาหนา้ ท่ีอานวยความสะดวกให้ผเู้ รียนเกิดองคค์ วามรู้ 4.25 0.74
ดว้ ยตวั เอง มาก
4) ครูและผเู้ รียนมีกฎเกณฑ์ กติการ่วมกนั เพื่อกากบั ดูแลช้นั 4.62 0.61 ที่สุด
เรียน มาก
5) ครูส่งเสริมพฤติกรรมการมีวินยั เชิงบวกในช้นั เรียน 4.46 0.63 มาก
4.34 0.54
ค่าเฉลย่ี

จากตารางท่ี 34 พบว่า ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู ดา้ นการบริหารจดั การช้นั เรียน
ในภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก (x̅ = 4.34) เมื่อพิจารณารายขอ้ พบวา่ ขอ้ ท่ีมีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ครูและ
ผเู้ รียนมีกฎเกณฑ์ กติการ่วมกนั เพื่อกากบั ดูแลช้นั เรียน (x̅ = 4.62) อยใู่ นระดบั มากที่สุด รองลงมา
คือ ครูส่งเสริมพฤติกรรมการมีวินยั เชิงบวกในช้นั เรียน (x̅ = 4.46) อยใู่ นระดบั มาก สาหรับ ครูสร้าง
สภาพแวดลอ้ มภายในหอ้ งเรียนท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้ของผเู้ รียน และครูทาหนา้ ที่อานวยความสะดวก
ใหผ้ เู้ รียนเกิดองคค์ วามรู้ดว้ ยตวั เอง (x̅ = 4.25) มีคา่ เฉลี่ยเท่ากนั อยใู่ นระดบั มาก มีคา่ เฉล่ียนอ้ ยที่สุด

123

ตารางท่ี 35 ค่าเฉลี่ย (x̅) และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
ในโรงเรี ยนประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2
ดา้ นการพฒั นาวชิ าชีพ

ประสิทธผิ ลการปฏบิ ัติงานของครู ระดับพฤตกิ รรม แปลผล
ด้านการพฒั นาวิชาชีพ ของผ้บู ริหาร
(x̅) (S.D.) มาก
1) ครูศึกษาค้นคว้าองค์ความรู้ใหม่ ๆ ทางวิชาการและ 4.29 0.72 มาก
วิชาชีพดว้ ยวิธีการท่ีหลากหลาย มาก
2) ครูเพ่ิมพูนความรู้ ทกั ษะดา้ นการจดั การเรียนการสอนที่ 4.19 0.68 มาก
จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของผเู้ รียน
3) ครูมีกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ท้งั ในและนอกองค์การ 4.05 0.73 มาก
ร่วมกบั เครือข่ายวิชาการ
4) ครูนาความรู้ ความสามารถ ทกั ษะ ท่ีได้จากการพฒั นา 4.12 0.71
วิชาชี พมาพัฒนาการจัดการเรี ยนรู้ท่ีส่ งผลต่อการพัฒนา
คณุ ภาพผเู้ รียน 4.18 0.60

ค่าเฉลย่ี

จากตารางท่ี 35 พบว่า ประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครู ด้านการพัฒนาวิชาชีพ
ในภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก (x̅ = 4.18) เมื่อพจิ ารณารายขอ้ พบวา่ ขอ้ ที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ครูศึกษา
คน้ ควา้ องคค์ วามรู้ใหม่ ๆ ทางวิชาการและวิชาชีพดว้ ยวิธีการที่หลากหลาย (x̅ = 4.29) อยใู่ นระดบั
มาก รองลงมา คือ ครูเพม่ิ พนู ความรู้ ทกั ษะดา้ นการจดั การเรียนการสอนที่จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้
ของผูเ้ รียน (x̅ = 4.19) อยู่ในระดับมาก สาหรับ ครูมีกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ท้งั ในและนอก
องคก์ าร ร่วมกบั เครือข่ายวิชาการ (x̅ = 4.05) อยใู่ นระดบั มาก มีคา่ เฉล่ียนอ้ ยท่ีสุด

124

ตารางที่ 36 ค่าเฉลี่ย (x̅) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
ในโรงเรี ยนประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิเขต 2
ดา้ นความพึงพอใจในงาน

ประสิทธิผลการปฏบิ ัติงานของครู ระดบั พฤตกิ รรม แปลผล
ด้านความพงึ พอใจในงาน ของผ้บู ริหาร
(x̅) (S.D.) มาก
1) ครูมีความรู้สึกเชิงบวกต่อกระบวนการทางานของ 4.39 0.59
สถานศึกษา
2) ครูมีความสมั พนั ธท์ ่ีดีกบั ผบู้ ริหารและเพอ่ื นร่วมงาน 4.38 0.82 มาก
3) ครูไดร้ ับผลประโยชน์เป็นค่าตอบแทน เหมาะสมกบั งาน 3.20 1.70 ปานกลาง
ที่ไดร้ ับมอบหมาย
4) ครูมีความกา้ วหนา้ ในวิชาชีพ 4.08 0.80 มาก
4.01 0.78 มาก
ค่าเฉลยี่

จากตารางที่ 36 พบว่า ประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครู ด้านความพึงพอใจในงาน
ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̅ = 4.01) เม่ือพิจารณารายขอ้ พบว่า ขอ้ ที่มีค่าเฉล่ียสูงสุด คือ ครูมี
ความรู้สึกเชิงบวกต่อกระบวนการทางานของสถานศึกษา (x̅ = 4.39) อยใู่ นระดบั มาก รองลงมา คือ
ครูมีความสัมพนั ธ์ท่ีดีกบั ผูบ้ ริหารและเพื่อนร่วมงาน (x̅ = 4.38) อยู่ในระดบั มาก สาหรับครูไดร้ ับ
ผลประโยชน์เป็นคา่ ตอบแทน เหมาะสมกบั งานท่ีไดร้ ับมอบหมาย (x̅ = 3.20) อยใู่ นระดบั ปานกลาง
มีคา่ เฉล่ียนอ้ ยท่ีสุด

125

ตารางท่ี 37 ค่าเฉลี่ย (x̅) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
ในโรงเรี ยนประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2
ดา้ นคุณภาพผเู้ รียน

ประสิทธผิ ลการปฏบิ ัติงานของครู ระดับพฤติกรรม แปลผล
ด้านคุณภาพผ้เู รียน ของผ้บู ริหาร
(x̅) (S.D.) มาก
1) ผูเ้ รียนที่มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนเป็ นไปตามเกณฑ์ท่ี 4.03 0.79
สถานศึกษากาหนด มาก
2) ผเู้ รียนเป็นผมู้ ีสุขภาพกายและจิตใจที่ดี 4.29 0.61 มาก
3) ผเู้ รียนมีสมรรถนะท่ีสาคญั ตามเป้าหมายของหลกั สูตร 4.09 0.82 มาก
4) ผู้เรียนมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามเป้าหมายของ 4.27 0.76
หลกั สูตร มาก
4.17 0.66
ค่าเฉลยี่

จากตารางที่ 37 พบว่า ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู ดา้ นคุณภาพผูเ้ รียน ในภาพรวม
อยู่ในระดับมาก (x̅ = 4.17) เม่ือพิจารณารายขอ้ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉล่ียสูงสุด คือ ผูเ้ รียนเป็ นผูม้ ี
สุขภาพกายและจิตใจท่ีดี (x̅ = 4.29) อยู่ในระดับมาก รองลงมา คือ ผู้เรี ยนมีคุณลักษณะ
ที่พึงประสงคต์ ามเป้าหมายของหลกั สูตร (x̅ = 4.27) อยู่ในระดบั มาก สาหรับ ผเู้ รียนท่ีมีผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรียนเป็นไปตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากาหนด (x̅ = 4.03) อยใู่ นระดบั มาก มีค่าเฉล่ียนอ้ ยที่สุด

4. ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษากับ
ประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา

ประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2
ผู้วิจัยได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นาดิจิทัล ของผู้บริ หารสถานศึกษากับ

ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา
ประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 โดยการวิเคราะห์สถิติเชิงอา้ งอิง หาค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์ของเพยี ร์
สัน (Pearson’s Correlation Coefficient) ซ่ึงผลการวิเคราะห์ปรากฏ ดงั ตารางที่ 38

ตารางที่ 38 ค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์ระหว่างภาวะผูน้ าดิจิทลั ของผูบ้ ริหารสถา
สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2

ตัวแปร วถิ ีการเรียนรู้ วสิ ยั ทศั นภ์ าวะผนู้ า

วิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั (X1) เชิงดิจิทลั (X1) ทางดิจิทลั (X2)
วสิ ัยทศั น์ภาวะผนู้ าทางดิจิทลั (X2) 1
สมรรถนะทางเทคโนโลยี (X3)
สังคม จริยธรรม และกฎหมาย(X4) 0.645** 1
ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู (Y)
0.760** 0.657**

0.660** 0.700**

0.443** 0.432**

**. Correlation is significant at the 0.01 level (2-tailed).

จากตารางที่ 38 พบว่า ค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์ระหว่างภาวะผูน้ าดิจิท
สัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์ต้ังแต่ 0.432-0.673 มีความสัมพันธ์กันในทางบวก อย
ของผูบ้ ริหารสถานศึกษาและประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูมีความสัมพนั ธ์ใน
ภาวะผูน้ าดิจิทลั ของผู้บริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลการปฏิบัติงานของคร
สัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์ เท่ากบั 0.673 รองลงมา คือ ดา้ นสังคม จริยธรรม และกฎ
ดิจิทลั ของผูบ้ ริหารสถานศึกษากบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูท่ีมีความสัม
สหสัมพนั ธเ์ ทา่ กบั 0.432

126

านศึกษากบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา

สมรรถนะทาง สังคม จริยธรรม ประสิทธิผล

เทคโนโลยี (X3) และกฎหมาย (X4) การปฏิบตั ิงานของครู (Y)

1

*1

* 0.752** 1

* 0.673** 0.498** 1

ทลั ของผูบ้ ริหารสถานศึกษากบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู มี ค่า
ย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.01 ทุกด้าน แสดงว่า ภาวะผูน้ าดิจิทลั
นทิศทางเดียวกนั เม่ือพิจารณาค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์ราย ดา้ น พบว่า
รูที่มีความสัมพนั ธ์สูงสุด คือ ด้านสมรรถนะทางเทคโนโลยี ( X3) มีค่า
ฎหมาย (X4) มีค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์เท่ากบั 0.498 สาหรับภาวะผูน้ า
มพนั ธ์น้อยท่ีสุด คือ ด้านวิสัยทศั น์ผูน้ าทางดิจิทลั ( X2) มีค่าสัมประสิทธ์ิ

127

5. ผลการวิเคราะห์ภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาท่ีส่ งผลต่อประสิทธิผล
การปฏิบัติงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษา
ชัยภูมิ เขต 2

จากการศึกษาภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริ หารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิ ทธิผล
การปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา
ชยั ภูมิเขต 2 ท้งั 4 ดา้ น ผูว้ ิจยั ไดส้ ร้างสมการเพ่ือพยากรณ์ว่าตวั แปรตน้ ใดบา้ งท่ีร่วมกนั พยากรณ์
ตัวแปรตามที่ดีที่สุด โดยการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบมีข้ันตอน (Stepwise Multiple
Regression Analysis)

ผลการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์พหุคูณ และค่าสัมประสิทธ์ิการถดถอย
(ค่าอานาจพยากรณ์) ของภาวะผูน้ าดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผล
การปฏิบตั ิงานของครู สังกดั สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 เมื่อเพ่ิมค่า
ภาวะผูน้ าดิจิทัลที่เป็ นตัวแปรต้นจานวน 4 ด้านทีละตัว พบว่า ภาวะผูน้ าดิจิทัลของผูบ้ ริหาร
สถานศึกษามีความสมั พนั ธ์กนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.01 มีจานวน 2 ดา้ น ประกอบดว้ ย
ด้านสมรรถนะทางเทคโนโลยี (X3) และด้านวิถีเรียนรู้เชิงดิจิทัล (X1) ที่ส่งผลต่อประสิทธิผล
การปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา
ชยั ภูมิ เขต 2

ตารางท่ี 39 ผลการวิเคราะห์ค่าความแปรปรวนของสมการถดถอยโดยใชส้ ถิติ ANOVA ของภาวะ
ผูน้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษาท่ีส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู สังกดั สานกั งาน
เขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2

ตวั แปรต้น SS df MS F Sig.

สมรรถนะทางเทคโนโลยี (X3) 47.907 1 47.907 254.918 .000b

สมรรถนะทางเทคโนโลยี (X3) 49.070 2 24.535 132.797 .000c
วถิ ีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั (X1)

จากตารางที่ 39 การวิเคราะห์ความแปรปรวนของสมการถดถอย พบว่า สมรรถนะทาง
เทคโนโลยี (X3) มีค่าสถิติการแจกแจงแบบเอฟสูงสุด (F= 254.918) หมายความว่า สมรรถนะทาง
เทคโนโลยี (X3) มีอิทธิต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูมากกวา่ สมรรถนะทางเทคโนโลยี (X3)

128

ร่วมกบั วิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั (X1) อย่างไรก็ตามท้งั 2 สมการ มีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05
แสดงวา่ แต่ละสมการส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูแตกต่างกัน และสมการอธิบายตวั
แปรตามได้ดี สามารถนาสมการท้งั สองไปพยากรณ์ตัวแปรตามได้ สรุปได้ว่า สมรรถนะทาง
เทคโนโลยี (X3) และวิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั (X1) สามารถใช้พยากรณ์ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงาน
ของครูได้ อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติ ดงั ตารางที่ 40

ตารางที่ 40 แสดงค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์พหุคูณ ค่าสัมประสิทธ์ิการถดถอย ค่าสัมประสิทธ์ิ
การถดถอยท่ีเปลี่ยนไปจากเดิม เม่ือเพ่ิมตวั แปรอิสระทีละตัวของภาวะผูน้ าดิจิทลั ของผูบ้ ริหาร
สถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งาน
เขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2

ตวั แปรต้น R R2 Adjusted R2 S.E.est F Sig.
0.673 0.453 0.451 0.434 254.918 .000
สมรรถนะทางเทคโนโลยี (X3)
สมรรถนะทางเทคโนโลยี (X3) 0.681 0.464 0.460 0.430 132.797 .000
วิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั (X1)
** P < .01

จากตารางท่ี 40 พบว่า ตวั แปรตน้ ภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษา (X) จานวน 2
ดา้ น จากท้งั หมด 4 ดา้ น มีค่าสัมประสิทธ์ิสหสมั พนั ธ์พหุคูณต้งั แต่ 0.673 ถึง 0.681 กลา่ วคือ เม่ือเพม่ิ
ภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผูบ้ ริหารสถานศึกษาดา้ นสมรรถนะทางเทคโนโลยี (X3) เพียงดา้ นเดียวเขา้ ไป
ในสมการจะมีคา่ สมั ประสิทธ์ิสหสัมพนั ธพ์ หุคูณ เทา่ กบั 0.673 มีอานาจในการพยากรณ์ประสิทธิผล
การปฏิบตั ิงานของครูร้อยละ 45.30 (R2= 0.453 ) เม่ือเพิ่มภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผูบ้ ริหารสถานศึกษา
ดา้ นวิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั (X1) เขา้ ไปในสมการจะมีค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์พหุคูณ เท่ากับ
0.681 มีอานาจในการพยากรณ์ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูร้อยละ 46.40 (R2= 0.464 ) แสดง
ว่าตวั แปรตน้ เพียง 2 ดา้ นที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู ในโรงเรียนประถมศึกษา
สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.01

การสร้างสมการถดถอย ภาวะผูน้ าดิจิทัลของผูบ้ ริหารสถานศึกษาท่ีเป็ นตัวทานาย
ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู ถือเป็นการนากลุ่มตวั แปรที่ดีท่ีสุดมาสร้างสมการถดถอยซ่ึงได้

129

จากการคานวณค่าสัมประสิทธ์ิถดถอยท่ีอยใู่ นรูปคะแนนดิบ (b) และในรูปของคะแนนมาตรฐาน
( ) ดงั ปรากฏในตารางท่ี 41

ตารางที่ 41 ผลการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบข้ันตอน (Stepwise Multiple Regression
Analysis) เก่ียวกบั ภาวะผูน้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงาน
ของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2

ตวั แปร คะแนนดิบ คะแนน t P-values
มาตรฐาน
.000
b S.E.b. .000
.013
ค่าคงท่ี (Constant) 2.007 0.175 - 11.468

สมรรถนะทางเทคโนโลยี (X3) 0.688 0.056 0.795 12.378

วถิ ีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั (X1) -0.156 0.062 -0.161 -2.509

R = 0.681, R2= 0.464, Adjusted R2= 0.460, S.E.est = 0.430, F = 132.797**

** P < .01

จากตารางท่ี 41 พบว่าเมื่อนาตวั แปรตน้ ภาวะผูน้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษาท้งั 2 ดา้ น
คือ ดา้ นสมรรถนะทางเทคโนโลยี (X3) และดา้ นวิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั (X1) เขา้ สมการถดถอยแลว้
จะมีค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์พหุคูณ เท่ากบั 0.681 (R= 0.681) และค่าสัมประสิทธ์ิการถดถอย
หรืออานาจในการพยากรณ์ร้อยละ 46.40 (R2= 0.464) อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .01 โดยมีค่า
มาตรฐานค่าสมั ประสิทธ์ิการถดถอยของภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษาแตล่ ะดา้ นท่ีส่งผล
ต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา
ประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 มากท่ีสุด คือ ด้านสมรรถนะทางเทคโนโลยี (X3) รองลงมา ดา้ นวิถี
การเรียนรู้เชิงดิจิทลั (X1) โดยมีค่าสัมประสิทธ์ิการถดถอยในรูปของคะแนนมาตรฐาน ( ) เท่ากบั
0.795 และ -0.161 ตามลาดบั โดยสามารถสร้างเป็ นสมการพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบและคะแนน
มาตรฐานตามวธิ ี Stepwise ไดด้ งั น้ี

สมการพยาการณ์ในรูปคะแนนดิบ (Unstandardized Score)
Y = 2.007 + 0.688 (X3) - 0.156 (X1)
สมการพยาการณ์ในรูปคะแนนมาตรฐาน (Standardized Score)
Z(Y) = 0.795 Z(X3) - 0.161 Z(X1)

130

บทที่ 5
สรุปผล อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ

การวิจัยคร้ังน้ีเป็ นการศึกษาภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริ หารสถานศึกษาท่ีส่งผลต่อ
ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา
ประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 โดยมีวตั ถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับภาวะผูน้ าดิจิทลั ของผูบ้ ริหาร
สถานศึกษาและระดบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งาน
เขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 2 2) เพ่ือศึกษาความสัมพนั ธ์ระหวา่ งภาวะผนู้ าดิจิทลั ของ
ผูบ้ ริหารสถานศึกษากับ ประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัด
สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 3) เพ่ือศึกษาปัจจยั ภาวะผูน้ าดิจิทัลของ
ผบู้ ริหารสถานศึกษาท่ีส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั
สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2

กลุ่มตวั อย่างท่ีใชใ้ นการศึกษาคร้ังน้ี คือ ผบู้ ริหารสถานศึกษาและครูโรงเรียนประถมศึกษา
สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 จานวนท้งั สิ้น 310 คน เครื่องมือที่ใช้
เป็ นแบบสอบถาม มีค่าสัมประสิทธ์ิความเที่ยง เท่ากับ 0.97 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรม
คอมพิวเตอร์สาเร็จรูปเพ่ือหาคา่ เฉลี่ย (x̅) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) คา่ สมั ประสิทธ์ิสหสมั พนั ธ์
ของเพียร์สัน (Pearson Product Moment Correlation) และการวิเคราะห์การถดถอยพหุ คูณ
แบบข้ันตอน (Stepwise Multiple Regression Analysis) ระหว่างภาวะผู้นาดิจิทัลของผูบ้ ริ หาร
สถานศึกษากบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู

1. สรุปผลการวจิ ยั
จากผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผล

การปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา
ชยั ภมู ิ เขต 2 สามารถสรุปผลไดด้ งั น้ี

1.1 ภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2

ผลการวิจยั พบว่า ภาวะผูน้ าดิจิทลั ของผูบ้ ริหารสถานศึกษาในภาพรวมอยู่ในระดบั
มาก เมื่อพจิ ารณารายดา้ น พบวา่ ดา้ นที่มีคา่ เฉล่ียสูงสุด คอื ดา้ นสังคม จริยธรรม และกฎหมาย อยใู่ น

131

ระดบั มาก และดา้ นท่ีมีค่าเฉลี่ยนอ้ ยที่สุด คือ ดา้ นดา้ นสมรรถนะทางเทคโนโลยี อยู่ในระดบั มาก
ซ่ึงมีรายละเอียดในแตล่ ะดา้ น ดงั น้ี

ดา้ นวิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั ในภาพรวมอยู่ในระดบั มาก เมื่อพิจารณารายขอ้ พบว่า
ขอ้ ท่ีมีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ผูบ้ ริหารสถานศึกษาให้การสนบั สนุนสื่อเทคโนโลยีแก่ครูในการจดั การ
เรียนการสอน อยู่ในระดบั มาก และมีค่าเฉล่ียนอ้ ยท่ีที่สุด คือ ผูบ้ ริหารสถานศึกษาส่งเสริมให้ครู
วดั และประเมินผลการเรียนรู้ของผเู้ รียนดว้ ยเทคโนโลยดี ิจิทลั อยใู่ นระดบั มาก

ดา้ นวิสัยทศั น์ผนู้ าทางดิจิทลั ในภาพรวมอยูใ่ นระดบั มาก เมื่อพิจารณารายขอ้ พบวา่
ขอ้ ท่ีมีค่าเฉล่ียสูงสุด คือ ผูบ้ ริหารสถานศึกษาและครูมีส่วนร่วมในการวางเเผนด้านเทคโนโลยี
ของสถานศึกษา อยู่ในระดบั มาก และมีค่าเฉล่ียนอ้ ยท่ีท่ีสุด คือ ผูบ้ ริหารสถานศึกษามีกลยทุ ธ์และ
กากบั ติดตามใหบ้ ุคลากรในสถานศึกษาใชเ้ ทคโนโลยี เพอ่ื การปฏิบตั ิงาน อยใู่ นระดบั มาก

ด้านสมรรถนะทางเทคโนโลยี ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เม่ือพิจารณารายขอ้
พบว่า ขอ้ ที่มีค่าเฉล่ียสูงสุด คือ ผูบ้ ริหารสถานศึกษาส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากรนาเทคโนโลยี
สมยั ใหมม่ าใชใ้ นการปฏิบตั ิงาน อยใู่ นระดบั มาก และมีคา่ เฉลี่ยนอ้ ยที่ท่ีสุด คอื ผบู้ ริหารสถานศึกษา
นาเทคโนโลยสี มยั ใหม่มาใชใ้ นการบริหารจดั การภายในสถานศึกษา อยใู่ นระดบั มาก

ดา้ นสังคม จริยธรรม และกฎหมาย ในภาพรวมอยูใ่ นระดบั มาก เม่ือพิจารณารายขอ้
พบวา่ ขอ้ ท่ีมีคา่ เฉล่ียสูงสุด คอื ผบู้ ริหารสถานศึกษาสนบั สนุนใหบ้ คุ ลากรคานึงถึงความเป็นส่วนตวั
ในการเขา้ ถึงขอ้ มูลสาคญั ของผอู้ ื่นก่อนไดร้ ับอนุญาตเสมอ อยใู่ นระดบั มาก และมีคา่ เฉลี่ยนอ้ ยที่สุด
คือ ผูบ้ ริหารสถานศึกษาให้ความรู้ครูเก่ียวกับกฎหมาย/โทษในการใช้เทคโนโลยีในการละเมิด
ทรัพยส์ ินทางปัญญาหรือลิขสิทธ์ิดว้ ยการคดั ลอกผลงานผอู้ ื่น อยใู่ นระดบั มาก

1.2 ประสิทธิผลการปฏิบัตงิ านของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ี
การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2

ผลการวิจัยพบว่า ประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา
ในภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก เมื่อพิจารณารายดา้ น พบวา่ ดา้ นท่ีมีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ดา้ นการบริหาร
จดั การช้นั เรียน อยู่ในระดบั มาก และดา้ นที่มีค่าเฉลี่ยน้อยท่ีสุด คือ ดา้ นดา้ นความพึงพอใจในงาน
อยใู่ นระดบั มาก ซ่ึงมีรายละเอียดในแต่ละดา้ น ดงั น้ี

ดา้ นการจดั การเรียนการสอน ในภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก เม่ือพิจารณารายขอ้ พบวา่
ขอ้ ท่ีมีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ครูสร้างหลกั สูตรตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ช้ีวดั คาอธิบายรายวิชา และ
หน่วยการเรียนรู้ โดยครอบคลุมเน้ือหาของหลกั สูตรอยูใ่ นระดบั มาก และมีค่าเฉล่ียนอ้ ยที่ที่สุด คือ
ครูสร้างและพฒั นาสื่อนวตั กรรมเทคโนโลยีทางการศึกษาที่สอดคลอ้ งกบั แผนการจดั การเรียนรู้
อยใู่ นระดบั มาก

132

ดา้ นการบริหารจดั การช้ันเรียน ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายข้อ
พบวา่ ขอ้ ท่ีมีค่าเฉล่ียสูงสุด คือ ครูและผเู้ รียนมีกฎเกณฑ์ กติการ่วมกนั เพื่อกากบั ดูแลช้นั เรียน อยใู่ น
ระดบั มาก และมีค่าเฉลี่ยน้อยท่ีที่สุด 2 ขอ้ คือ 1) ครูสร้างสภาพแวดลอ้ มภายในห้องเรียนท่ีเอ้ือต่อ
การเรียนรู้ของผเู้ รียน 2) ครูทาหนา้ ที่อานวยความสะดวกให้ผเู้ รียนเกิดองคค์ วามรู้ดว้ ยตวั เอง อย่ใู น
ระดบั มาก

ดา้ นการพฒั นาวชิ าชีพ ในภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก เมื่อพจิ ารณารายขอ้ พบวา่ ขอ้ ที่มี
ค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ครูศึกษาค้นคว้าองค์ความรู้ใหม่ ๆ ทางวิชาการและวิชาชีพด้วยวิธีการ
ที่หลากหลาย อยู่ในระดบั มาก และมีค่าเฉล่ียน้อยท่ีท่ีสุด คือ ครูมีกิจกรรมแลกเปล่ียนเรียนรู้ท้งั ใน
และนอกองคก์ าร ร่วมกบั เครือข่ายวิชาการ อยใู่ นระดบั มาก

ดา้ นความพึงพอใจในงาน ในภาพรวมอยู่ในระดบั มาก เมื่อพิจารณารายขอ้ พบว่า
ขอ้ ท่ีมีค่าเฉล่ียสูงสุด คือ ครูมีความรู้สึกเชิงบวกต่อกระบวนการทางานของสถานศึกษา อยู่ในระดบั
มาก และมีค่าเฉล่ียนอ้ ยท่ีที่สุด คือ ครูไดร้ ับผลประโยชน์เป็นค่าตอบแทน เหมาะสมกบั งานที่ไดร้ ับ
มอบหมาย อยใู่ นระดบั มาก

ดา้ นคุณภาพผูเ้ รียน ในภาพรวมอยู่ในระดบั มาก เม่ือพิจารณารายขอ้ พบว่า ขอ้ ท่ีมี
คา่ เฉล่ียสูงสุด คอื ผเู้ รียนเป็นผมู้ ีสุขภาพกายและจิตใจท่ีดี อยใู่ นระดบั มาก และมีคา่ เฉลี่ยนอ้ ยที่ท่ีสุด
คือผเู้ รียนท่ีมีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนเป็นไปตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากาหนด อยใู่ นระดบั มาก

1.3 ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษากับประสิทธิผล
การปฏิบัติงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษา
ชัยภูมิ เขต 2

ผลการศึกษาความสัมพนั ธ์ระหว่างภาวะผูน้ าดิจิทลั ของผูบ้ ริหารสถานศึกษากับ
ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา
ประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 2 พบวา่ มีความสมั พนั ธ์กนั ในระดบั ต่าถึงปานกลาง และมีความสัมพนั ธ์กนั
อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ทุกด้าน เมื่อพิจารณาทิศทางของความสัมพันธ์จาก
ค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์ท่ีคานวณได้ มีค่าสัมประสิทธ์ิเป็ นไปในทิศทางบวกทุกด้าน แสดงว่า
ตวั แปรท้งั สองมีความสัมพนั ธ์ในทิศทางเดียวกนั เม่ือพิจารณค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์รายด้าน
ระหวา่ งภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษากบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียน
ประถมศึกษา พบว่า คู่ที่มีความสัมพนั ธ์สูงสุด คือ ดา้ นสมรรถนะทางเทคโนโลยีกบั ประสิทธิผล
การปฏิบัติงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา มีค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ เท่ากับ 0.673
มีความสัมพันธ์กันในระดับปานกลาง รองลงมาได้แก่ ด้านสังคม จริยธรรม และกฎหมาย
กบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา มีคา่ สมั ประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์ เทา่ กบั

133

0.498 มีความสัมพันธ์กันในระดับต่า และด้านวิสัยทัศน์ผู้นาทางดิจิทัลกับประสิ ทธิผล
การปฏิบัติงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา มีค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ เท่ากับ 0.4 32
มีความสัมพนั ธ์กนั ในระดบั ต่า และคู่ท่ีมีความสมั พนั ธ์นอ้ ยที่สุด คือ ดา้ นวสิ ยั ทศั นผ์ นู้ าทางดิจิทลั กบั
ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา มีค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์เท่ากับ
0.432 มีความสมั พนั ธ์กนั ในระดบั ต่า

1.4 ภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาท่ีส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงาน
ของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2

ผลการศึกษาภาวะผูน้ าดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผล
การปฏิบตั ิงานของครู พบว่า ตวั แปรพยากรณ์ที่สามารถพยากรณ์ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติ 0.01 มีจานวน 2 ดา้ น ประกอบดว้ ย ดา้ นสมรรถนะทางเทคโนโลยี และ
ดา้ นวิถีเรียนรู้เชิงดิจิทลั ซ่ึงมีค่าสัมประสิทธ์ิการถดถอยหรืออานาจในการพยากรณ์ร้อยละ 45.30
สามารถสร้างเป็นสมการพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบและคะแนนมาตรฐาน ไดด้ งั น้ี

สมการพยาการณ์ในรูปคะแนนดิบ (Unstandardized Score)
Y = 2.007 + 0.688 (X3) - 0.156 (X1)
สมการพยาการณ์ในรูปคะแนนมาตรฐาน (Standardized Score)
Z(Y) = 0.795 Z(X3) - 0.161 Z(X1)

2. อภิปรายผล
จากผลการวิจัยเร่ืองภาวะผูน้ าดิจิทัลของผูบ้ ริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผล

การปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา
ชยั ภูมิ เขต 2 ผวู้ จิ ยั ไดค้ น้ พบประเด็นที่น่าสนใจและนามาอภิปรายผล ดงั น้ี

2.1 ภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา
ประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2

ผลการวิจยั พบว่า ภาวะผูน้ าดิจิทลั ของผูบ้ ริหารสถานศึกษาในภาพรวมอยู่ในระดบั
มาก เม่ือพจิ ารณารายดา้ น พบวา่ ดา้ นที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ดา้ นสังคม จริยธรรม และกฎหมาย อยใู่ น
ระดบั มาก เน่ืองดว้ ยปัจจุบนั มีพระราชบญั ญตั ิวา่ ดว้ ยการกระทาความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
(กระทรวงมหาดไทย, 2550) ท่ีเป็ นกฎหมายเกี่ยวกับการกระทาความผิดเก่ียวกับคอมพิวเตอร์
กาหนดมาตรการทางอาญาในการลงโทษผูก้ ระทาผิด ขอ้ มูลส่วนบุคคลซ่ึงอาจถูกประมวลผล
เปิ ดเผยหรือเผยแพร่ถึงบุคคลจานวนมากไดใ้ นระยะเวลาอนั รวดเร็ว จนอาจก่อใหเ้ กิดการนาขอ้ มูล
น้ันไปใช้ในทางมิชอบอันเป็ นการละเมิดต่อเจ้าของข้อมูล จึงทาให้ผู้บริ หารและครู

134

มีความระมดั ระวงั ต่อการใช้ขอ้ มูล คานึงถึงความเป็ นส่วนตวั ตรวจสอบความถูกตอ้ งก่อนที่จะทา
การเผยแพร่ขอ้ มูลน้นั ๆ สอดคลอ้ งกบั ภทั รา ธรรมวิทยา (2558) ที่ไดท้ าการศึกษาและเปรียบเทียบ
ภาวะผนู้ าเชิงเทคโนโลยีสารสนเทศของผบู้ ริหารโรงเรียนเอกชนระดบั ประถมศึกษาในเขตธนบุรี
ตามความคิดเห็นของผูบ้ ริหารและครู พบว่า ภาวะผูน้ าเชิงเทคโนโลยีสารสนเทศของผูบ้ ริหาร
สถานศึกษา ดา้ นจริยธรรมในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศมีค่าเฉล่ียสูงท่ีสุด และ นิศาชล บารุงภกั ดี
(2563) ที่ศึกษาความสัมพนั ธ์ระหว่างภาวะผูน้ าทางเทคโนโลยีของผู้บริหารสถานศึกษากับ
ประสิทธิผลโรงเรียน พบว่า ภาวะผูน้ าทางเทคโนโลยีของผูบ้ ริหารสถานศึกษา โดยรวมแล ะ
รายด้านอยู่ในระดับมาก เรี ยงลาดับดังน้ี ด้านจริ ยธรรมในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ด้านการสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในด้านการบริ หารงาน ด้านวิสัยทัศน์
ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านสมรรถนะทางเทคโนโลยีสารสนเทศ และด้านการสนับสนุน
การเทคโนโลยสี ารสนเทศในดา้ นการจดั การเรียนการสอน และยงั สอดคลอ้ งกบั ธีรโชติ หล่ายโท้
(2560) ท่ีไดท้ าการศึกษาเร่ือง การศึกษาความสัมพนั ธ์ระหว่างภาวะผูน้ าเชิงเทคโนโลยแี ละทกั ษะ
ด้านการเรียนรู้และนวัตกรรมของผูบ้ ริหารสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขต พ้ืนท่ีการศึกษา
ประถมศึกษาอตุ รดิตถ์ เขต 2 พบวา่ ภาวะผนู้ าทางเทคโนโลยีของผบู้ ริหารสถานศึกษา โดยรวมและ
รายดา้ นอยใู่ นระดบั มากเช่นกนั สาหรับดา้ นที่มีคา่ เฉล่ียนอ้ ยท่ีสุด คือ ดา้ นสมรรถนะทางเทคโนโลยี
อยู่ในระดบั มาก ท้งั น้ีอาจเป็ นเพราะผูบ้ ริหารสถานศึกษายงั ขาดการนาเทคโนโลยีสมยั ใหม่มาใช้
ในการบริ หารจัดการภายในสถานศึกษา เช่น การจัดให้มีโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพ่ือใช้
ในการบริหารจดั การงานดา้ นต่าง ๆ อาจเน่ืองจากยงั ขาดบคุ ลากรที่เป็นนกั พฒั นาโปรแกรมสาเร็จรูป
ดา้ นการศึกษา และงบประมาณในการจดั ซ้ือที่มีอยู่จากดั และการนาเทคโนโลยีสมยั ใหม่เขา้ มาใช้
ในการบริหารจดั การ ส่งผลให้บุคลากรทางการศึกษายงั ไม่เขา้ ใจระบบ ทาให้งานล่าชา้ และบางคร้ัง
เกิดปัญหาในการใชง้ าน (สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2, 2562) สอดคลอ้ ง
กับ ภัทรา ธรรมวิทยา (2558) ที่ศึกษาและเปรียบเทียบภาวะผู้นาเชิงเทคโนโลยีสารสนเทศ
ของผบู้ ริหารโรงเรียนเอกชนระดบั ประถมศึกษาในเขตธนบุรีตามความคิดเห็นของผบู้ ริหารและครู
พบว่า ภาวะผูน้ าเชิงเทคโนโลยีสารสนเทศของผู้บริหารสถานศึกษา ด้านที่มีค่าเฉล่ียต่าท่ีสุด
ในความเห็นของผบู้ ริหารสถานศึกษา คอื ดา้ นสมรรถนะทางเทคโนโลยี สอดคลอ้ งกบั นิศาชล บารุง
ภักดี (2563) ได้ศึกษาความสัมพนั ธ์ระหว่างภาวะผูน้ าทางเทคโนโลยีสารสนเทศของผูบ้ ริหาร
สถานศึกษากบั ประสิทธิผลโรงเรียน เสนอแนวทางการพฒั นาภาวะผนู้ าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
ของผบู้ ริหาร ดา้ นสมรรถนะทางเทคโนโลยสี ารสนเทศวา่ ควรจดั สรรงบประมาณ จดั อบรม และได้
เรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ท่ีหลากหลาย

135

2.2 ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานักงานเขตพื้นท่ี
การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2

ผลการวิจยั พบวา่ ระดบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา
ในภาพรวมอย่ใู นระดบั มาก เมื่อพิจารณารายดา้ น พบว่า ดา้ นท่ีมีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ดา้ นการบริหาร
จัดการช้ันเรียน อยู่ในระดับมาก ท้ังน้ีอาจเป็ นเพราะการบริหารจัดการช้ันเรียน เป็ นหน่ึงใน
กรอบประเมินสมรรถนะในการปฏิบตั ิงานของครูผสู้ อนตามขอบข่ายงานท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การพฒั นา
คุณภาพของผูเ้ รียน (สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน, 2553) ครูจึงตอ้ งเสริมสร้าง
บรรยากาศการเรียนรู้ทางจิตวิทยาที่เอ้ือต่อการเรียนรู้ของผูเ้ รียนและสร้างสภาพแวดลอ้ มภายใน
ห้องเรียนท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้ของผูเ้ รียน อานวยความสะดวกให้ผูเ้ รียนเกิดองค์ความรู้ด้วยตวั เอง
รวมท้งั ครูและผูเ้ รียนมีกฎเกณฑ์ กติการ่วมกนั เพื่อกากับดูแลช้ันเรียน พร้อมส่งเสริมพฤติกรรม
การมีวนิ ยั เชิงบวกในช้นั เรียน สอดคลอ้ งกบั นิรดา เวชญาลกั ษณ์ (2559) ท่ีศึกษาเกี่ยวกบั การบริหาร
จดั การช้นั เรียนเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 พบว่า ในศตวรรษท่ี 21 น้ีครูถือว่าเป็ นผูม้ ี
บทบาทในการบริหารจดั การช้ันเรียนโดยการจัดกิจกรรม บรรยากาศ ส่ิงแวดลอ้ มท่ีส่งเสริมให้
ผูเ้ รียนเกิดการเรียนรู้ ส่งเสริมให้ผูเ้ รียนสามารถคน้ ควา้ เอง โดยครูช่วยแนะนาและเป็ นผูอ้ านวย
ความสะดวกให้ผูเ้ รียนเกิดการเรียนรู้และประสบการณ์ ยงั สอดคล้องกบั การศึกษาของ พชั รินทร์
ศิริสุข (2563) ศึกษาเกี่ยวกบั ความสาเร็จในการบริหารจดั การช้นั เรียนของครูยคุ 4.0 วา่ การบริหาร
จดั การช้นั เรียนของครูยุค 4.0 สามารถดาเนินการไดอ้ ย่างเรียบง่ายไม่ซบั ซอ้ นและสะทอ้ นให้เห็น
ความสาเร็จในการนาหลกั การแนวคิดของการบริหารจดั การช้นั เรียนสู่การปฏิบตั ิและอาศัยสื่อ
เทคโนโลยสี ารสนเทศมากข้ึน เพื่อส่งผลตอ่ การเรียนของผเู้ รียนให้เกิดความรู้ เกิดทกั ษะแห่งอนาคต
มีประสบการณ์และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ตามท่ีหลกั สูตรกาหนด สอดคลอ้ งกับ สานักงาน
คณะกรรมการขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (2561) ที่กาหนดหลักการและวิธีการ
ประเมินผลการปฏิบตั ิงานของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยมีดา้ นการบริหารจดั การ
ช้นั เรียนเป็นส่วนหน่ึงของการประเมินเพ่ือนาผลการประเมินไปใชเ้ ป็นขอ้ มลู ประกอบการพิจารณา
ในเรื่องต่าง ๆ ไดแ้ ก่ การเล่ือนเงินเดือน และค่าตอบแทนอื่น ๆ การพฒั นาเสริมสร้างประสิทธิภาพ
และประสิทธิผลการปฏิบตั ิงาน การให้รางวลั จูงใจ การใหอ้ อกราชการ และการบริหารงานบุคคล
เรื่องอื่น ๆ สาหรับดา้ นท่ีมีค่าเฉลี่ยนอ้ ยที่สุด คือ ดา้ นความพึงพอใจในงาน อยใู่ นระดบั มาก ท้งั น้ีอาจ
เป็ นเพราะครู ยังขาดความรู้สึกเชิงบวกต่อกระบวนการทางานของสถานศึกษา ครูไม่รับ
ผลประโยชน์เป็ นค่าตอบแทน เช่น เงินค่าตอบแทนปฏิบตั ิงานนอกเวลาราชการ เงินค่าสอนเสริม
และครูยงั ไม่มีความก้าวหน้าในวิชาชีพ อาจเพราะระยะเวลาการขอหรือเล่ือนให้มีวิทยฐานะ
ค่อนขา้ งใชเ้ วลานานและยงั ขาดประสบการณ์ ดา้ นการทางานจึงทาให้ไม่ไดร้ ับเลือกให้เป็นหวั หนา้

136

กลุม่ งานหรือกลุ่มสาระการเรียนรู้ สอดคลอ้ งกบั ภคมน ทิฆมั พรบรรเจิด (2561) ศึกษาเร่ืองภาวะผนู้ า
ของผบู้ ริหาร ความพึงพอใจในการปฏิบตั ิงานของครูที่มีผลต่อประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการ
ในสถานศึกษาสังกดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาราชบุรีเขต 2 พบวา่ ระดบั ความพึง
พอใจในงานโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก สอดคลอ้ งกับ ศิรประภา ภาคีอรรถ (2562) ที่ศึกษา
เก่ียวกับความพึงพอใจในงานที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของบุคลากรในองคก์ ร
พบวา่ ระดบั ความพงึ พอใจในงานโดยภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก

2.3 ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษากับประสิทธิผล
การปฏิบัติงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
ชัยภูมิ เขต 2

ผลการศึกษาพบว่า ภาวะผูน้ าดิจิทลั ของผูบ้ ริหารสถานศึกษามีความสัมพนั ธ์กนั ใน
ทางบวกกบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่
การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 ทุกด้าน อย่างมีนัยสาคญั ทางสถิติท่ีระดับ 0.01 แสดงว่า
ภาวะผูน้ าดิจิทัลของผูบ้ ริหารสถานศึกษาและประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูในโรงเรียน
ประถมศึกษามีความสัมพนั ธ์ในทิศทางเดียวกนั ซ่ึงเป็นไปตามสมมติฐานของการวิจยั ท่ีกาหนดไว้
วา่ ภาวะผนู้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหารสถานศึกษามีความสัมพนั ธ์ทางบวกกบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงาน
ของครู ภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริ หารสถานศึกษาที่ สัมพันธ์กันสูงสุด คือ ด้านสมรรถนะ
ทางเทคโนโลยี ท้งั น้ีอาจเป็นเพราะผบู้ ริหารสถานศึกษานาเทคโนโลยสี มยั ใหม่มาใชใ้ นการบริหาร
จัดการภายในสถานศึกษา ส่งเสริ มสนับสนุนให้บุคลากรนาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้
ในการปฏิบัติงาน ดาเนินการกากับติดตามการใช้เทคโนโลยีของบุคลากรในการดาเนินงาน
ด้านต่าง ๆ ของสถานศึกษา พร้อมท้ังประเมินผลการใช้เทคโนโลยีในการปฏิบัติงานของ
สถานศึกษา แล้วนาผลการประเมินมาจัดทาแผนพัฒนาองค์การ เมื่อผูบ้ ริหารมีสมรรถนะ
ทางเทคโนโลยีจะเป็ นผูส้ นับสนุน ส่งเสริม ผลกั ดนั สู่การปฏิบตั ิงานท่ีเป็ นระบบ เกิดประสิทธิผล
ต่อไป สาหรับภาวะผูน้ าดิจิทลั ของผูบ้ ริหารสถานศึกษากบั ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูที่มี
ความสัมพนั ธ์นอ้ ยท่ีสุด คอื ดา้ นวสิ ัยทศั นผ์ นู้ าทางดิจิทลั ท้งั น้ีอาจเป็นเพราะครูผสู้ อนมีความเห็นว่า
ผูบ้ ริหารสถานศึกษาและครูยงั ขาดการกาหนดวิสัยทศั น์และเป้าหมายความสาเร็จดา้ นเทคโนโลยี
ร่วมกัน การมีส่วนร่วมของผูบ้ ริหารสถานศึกษาและครูในการวางเเผนด้านเทคโนโลยีของ
สถานศึกษายงั น้อย ผูบ้ ริหารสถานศึกษาขาดการกากับติดตามให้บุคลากรในสถานศึกษาใช้
เทคโนโลยี เพ่ือการปฏิบัติงาน ผูบ้ ริหารสถานศึกษาเผยแพร่วิสัยทัศน์โดยใช้สื่อเทคโนโลยี
สารสนเทศนอ้ ยเกินไป สอดคลอ้ งกบั เจษฎากรณ์ นนั ดิลก (2556) ไดศ้ ึกษาภาวะผนู้ าของผบู้ ริหาร
สถานศึกษาท่ีส่งผลต่อประสิทธิผลในการทางานของครูในโรงเรียน สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่

137

การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 1 พบว่า ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริหารสถานศึกษากบั ประสิทธิผล
ในการทางานของครูในโรงเรียน สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 1
มีความสัมพนั ธ์ในทางบวกอย่างมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.01 สอดคลอ้ งกบั อมรา พิมพส์ วสั ด์ิ
(2562) ไดศ้ ึกษาภาวะผูน้ าของผูบ้ ริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู
สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 31 พบวา่ ภาวะผนู้ าของผบู้ ริหารสถานศึกษากบั
ประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครู สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 31
มีความสัมพนั ธ์ทางบวกในทกุ ดา้ นอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ี 0.01

2.4 ภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาท่ีส่ งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงาน
ของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2

ผลการศึกษาพบว่า ภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริ หารสถานศึกษาจานวน 2 ด้าน
จากท้งั หมด 4 ดา้ น มีค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์พหุคูณต้งั แต่ 0.673 ถึง 0.681 กล่าวคือ เม่ือเพิ่ม
ภาวะผูน้ าดิจิทลั ของผูบ้ ริหารสถานศึกษาดา้ นสมรรถนะทางเทคโนโลยี เพียงดา้ นเดียวเขา้ ไปใน
สมการจะมีค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์พหุคูณ เท่ากบั 0.673 เม่ือเพิ่มภาวะผูน้ าดิจิทลั ของผบู้ ริหาร
สถานศึกษาด้านวิธีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั เขา้ ไปในสมการจะมีค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์พหุคูณ
เท่ากับ 0.681 แสดงว่าภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริ หารสถานศึกษาท้ัง 2 ด้าน ประกอบด้วย
ดา้ นสมรรถนะทางเทคโนโลยี และดา้ นวิธีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั ท่ีร่วมกันพยากรณ์ประสิทธิผล
การปฏิบตั ิงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา
ชยั ภูมิ เขต 2 โดยมีค่าสัมประสิทธ์ิการถดถอยหรืออานาจในการพยากรณ์ร้อยละ 45.30 อย่างมี
นัยสาคญั ทางสถิติที่ระดับ 0.01 ซ่ึงเป็ นไปตามสมมติฐานของการวิจยั ที่กาหนดไวว้ ่า ภาวะผูน้ า
ดิจิทัลของผูบ้ ริหารสถานศึกษาอย่างน้อย 1 ด้านส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครู
ในโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2

แสดงให้เห็นว่าภาวะผู้นาดิจิทัลของผู้บริ หารสถานศึกษา ด้านสมรรถนะ
ทางเทคโนโลยี และดา้ นวิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทลั ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู สังกดั
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 ท้งั น้ีอาจเป็ นเพราะผูบ้ ริหารสถานศึกษา
นาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการบริ หารจัดการและการปฏิบัติงานของบุคลากรภายใน
สถานศึกษา กากบั ติดตาม ประเมินผลการใช้เทคโนโลยีการใช้เทคโนโลยีของบุคลากรในการ
ดาเนินงานดา้ นต่าง ๆ ของสถานศึกษา แลว้ นาผลการประเมินมาจดั ทาแผนพฒั นาองคก์ ารผบู้ ริหาร
สถานศึกษาให้การสนบั สนุนส่ือเทคโนโลยแี ก่ครูในการจดั การเรียนการสอน ผบู้ ริหารสถานศึกษา
ส่งเสริมการใชส้ ื่อเทคโนโลยี เพือ่ สนบั สนุนการเรียนรู้ของผเู้ รียน จดั สภาพแวดลอ้ มและบรรยากาศ
ภายในโรงเรียนให้เอ้ือต่อการเรียนรู้ของผูเ้ รียน ส่งเสริมให้ครูวดั และประเมินผลการเรียนรู้ของ

138

ผูเ้ รียนด้วยเทคโนโลยีดิจิทลั สอดคลอ้ งกบั สานักงานคณะกรรมการขา้ ราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษา (2562) ไดก้ าหนดหลกั เกณฑ์และวิธีการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผล
การปฏิบตั ิงานของขา้ ราชการ ตาแหน่ง ผอู้ านวยการสถานศึกษา ไดแ้ ก่ ดา้ นการบริหารการจดั การ
เรียนรู้ โดยพิจารณาจากการบริหารการจดั การเรียนรู้ การจดั ระบบและนิเทศการจดั การเรียนรู้
การบริหารจดั การเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือการเรียนรู้ และดา้ นการบริหารจดั การงานทวั่ ไปของ
สถานศึกษา โดยพิจารณาการบริหารและพฒั นาทรัพยากรบุคคล การบริหารจดั การอาคารสถานที่
สภาพแวดลอ้ ม และบรรยากาศให้เอ้ือต่อการเรียนรู้ ซ่ึงผบู้ ริหารสถานศึกษาจาเป็นตอ้ งมีการปฏิบตั ิ
ดังกล่าวในการปฏิบตั ิงาน สอดคลอ้ งกับ อมรา พิมพ์สวสั ด์ิ (2562) ได้ศึกษาการภาวะผูน้ าของ
ผูบ้ ริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครู สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่
การศึกษา มัธยมศึกษา เขต 31 พบว่า ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริหารสถานศึกษาท่ีเป็ นตวั ทานายหรือ
พยากรณ์ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู คือ ดา้ นการบริหาร การสร้างแรงบนั ดาลใจ การส่งเสริม
บรรยากาศในกการทางาน และการเป็ นแบบอย่างท่ีดี มีค่าสัมประสิทธ์ิการพยากรณ์หรืออานาจ
พยากรณ์ ร้อยละ 70.3 อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.05 สอดคลอ้ งกบั Sirisookslipa, Arratanaa
and KeowNgangb (2015) ไดศ้ ึกษาผลกระทบของรูปแบบภาวะผนู้ าของผบู้ ริหารโรงเรียนที่มีผลต่อ
ประสิทธิผลของครู พบวา่ ภาวะผนู้ าแบบสนบั สนุนและภาวะผนู้ าแบบมีส่วนร่วมส่งผลต่อประสิทธิ
ผลของครูอยา่ งมีนยั สาคญั และทานายประสิทธิผลของครูไดร้ ้อยละ 56.80 ที่ระดบั นยั สาคญั 0.01

ภาวะผูน้ าดิจิทัลของผูบ้ ริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงาน
ของครู สังกดั สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 ท่ีมีค่าสัมประสิทธ์ิถดถอย
เป็นลบและมีทิศทางความสัมพนั ธ์เชิงลบกบั ตวั แปรตาม มีประเดน็ ที่น่าสนใจ คอื

ด้านวิถีการเรียนรู้เชิงดิจิทัล มีค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์พหุคูณ เท่ากับ -0.156
ที่ส่งผลตอ่ ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครู สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ
เขต 2 นนั่ หมายความว่า ตวั แปรวิถีการเรียนเชิงดิจิทลั ทาใหป้ ระสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูลดลง
0.516 ท้งั น้ีอาจเป็ นเพราะ สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิเขต 2 ตอ้ งปฏิบตั ิงาน
ตามคู่มือการปฏิบัติงานโดยสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ในส่วนงานข้อมูล
สารสนเทศ ซ่ึงมีขอบข่ายงานที่เกี่ยวขอ้ งกบั สถานศึกษาโดยมีผบู้ ริหารและครูเป็ นผปู้ ฏิบตั ิร่วมกบั
เขตพ้ืนที่การศึกษา ได้แก่ งานจัดทาข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหาร (Education Management
Information System: EMIS) งานพฒั นานวตั กรรมและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหาร
งานพฒั นาเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารเพ่ือการบริหาร (ICT Network) และ
ระบบสานกั งานอตั โนมตั ิ โดยสานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 นาโปรแกรม
Smart CPM2 มาใช้ในการบริการจดั การ ซ่ึงจากรายงานผลการดาเนินงาน ประจาปี งบประมาณ

139

พ.ศ.2562 ของสานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 ระบุปัญหา อุปสรรคต่อการ
ใชง้ านระบบวา่ บคุ ลากรผปู้ ฏิบตั ิงานในสถานศึกษายงั ไม่เขา้ ใจระบบ ทาใหง้ านลา่ ชา้ และเกิดปัญหา
การใชง้ านในบางคร้ัง (สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2, 2562) สะทอ้ นให้
เห็นว่าครูและบุคลกรทางการศึกษาในสถานศึกษายงั ขาดความรู้ความเขา้ ใจในการใช้ระบบสื่อ
เทคโนโลยีเพ่ือการปฏิบตั ิงาน ทาใหก้ ารทางานเกิดปัญหา และในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด
ของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทาใหก้ ารเรียนการสอนภายในห้องเรียนตอ้ งยา้ ย
ไปเรียนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และช่องทีวดี ิจิทลั ทาใหค้ รูตอ้ งปรับการเรียนการสอนดว้ ยวิธีการ
ต่าง ๆ เช่น DLTV โปรแกรมออนไลน์ (Zoom, Google Meet, Microsoft Team) ส่ือการเรี ยน
การสอนแบบ Offline การจดั การเรียนการสอนผา่ นการสอนสด (LIVE) เป็นตน้ ดว้ ยเหตุน้ีจึงสร้าง
ความหนกั ใจใหแ้ ก่ครู โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ครูท่ีขาดความรู้และทกั ษะดา้ นการใชเ้ ทคโนโลยี การสอน
ออนไลน์ และการเขา้ ถึงการเรียนการสอนของนกั เรียนส่วนใหญ่ยงั ขาดความพร้อมในหลายดา้ น
ส่งผลให้ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูลดลง สอดคลอ้ งกับสานักเลขาธิการสภาการศึกษา
(สานักเลขาธิการสภาการศึกษา, 2563) ศึกษาเร่ืองการเรียนออนไลน์ยุคโควิด-19 พบขอ้ เสีย
ของการจดั การเรียนสอนออนไลน์คือ กระทรวงศึกษาธิการและสภาการศึกษขาดความพร้อม
ในการเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์ท่ีเกิดข้ึน เขตพ้ืนที่การศึกษาท่ีเป็ นตัวกลางระหว่าง
กระทรวงศึกษาธิ การและสถานศึ กษารั บเพียงนโยบายแต่ขาดการปรับให้สอดรั บกับ บ ริ บท
ของสถานศึกษา ตอ้ งทารายงานส่งเขตพ้ืนท่ีตน้ สังกดั เป็นการเพิ่มภาระงานให้ครูและสถานศึกษา
ไม่มีการสนบั สนุนทรัพยากรที่เหมาะสม สอดคลอ้ งกบั สุวฒั น์ ธรรมสนทร (2555 อา้ งถึงใน ณฐั พงศ์
แก่นสา และสุรชา อมรพนั ธุ์, 2560) ท่ีศึกษาแนวทางการแกป้ ัญหาท่ีเกิดจากการใชน้ วตั กรรมและ
เทคโนโลยีดิจิทลั เพื่อการศึกษา พบวา่ มีสถานศึกษาหลายแห่งและหลายพ้ืนที่ท่ีระบบอินเทอร์เน็ต
ยงั เขา้ ไม่ถึง และคอมพิวเตอร์ยงั ไม่มีหรือไม่เพียงพอต่อความตอ้ งการ แสดงให้เห็นว่าโครงสร้าง
พ้นื ฐานเพอ่ื การศึกษายงั มีบริการไม่ทว่ั ถึง อาจเพราะสถานศึกษาเหล่าน้ีอยใู่ นทอ้ งถ่ินท่ีห่างไกล และ
การใช้วสั ดุ เครื่องมือ หรืออุปกรณ์และเทคนิควิธีการ ครูหรือบุคลกรทางการศึกษามีปัญหา
ดา้ นงบประมาณไมเ่ พียงพอ และอปุ กรณ์ไมเ่ พียงพอตอ่ ความตอ้ งการปัจจุบนั จึงจาเป็นตอ้ งมีความรู้
ความชานาญในทกั ษะดงั กล่าว และจาเป็ นตอ้ งเขา้ ใจการใช้เครื่องมือท่ีจาเป็ นทางไอซีทีอย่างมี
ประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลในการปฏิบตั ิงาน

ภาวะผูน้ าดิจิทลั ของผูบ้ ริหารสถานศึกษาที่ไม่ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงาน
ของครู สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 มีประเดน็ ท่ีน่าสนใจ คอื

ดา้ นสังคม จริยธรรม และกฎหมาย มีค่าเฉล่ียสูงสุด แต่ไม่สามารถพยากรณ์หรือ
ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบตั ิงานของครูได้ แมว้ ่าผบู้ ริหารสถานศึกษาจะมีมาตรการตรวจสอบ


Click to View FlipBook Version