172
... แทนจานวนดงั กลา่ ว พรอ้ มกบั ถามนักเรียนว่า สงิ่ ของทีไ่ มเ่ ตม็ หน่วย เรยี กวา่ อะไร สามารถนบั เป็น
จานวนเต็มไดห้ รือไม่ และใช้สญั ลกั ษณ์อะไรแทน
2. ครูนาภาพขนมทถ่ี กู แบ่งออกเป็น 2 สว่ นเท่าๆ กนั มาตดิ บนกระดานดา ดังรปู
แทนการแบง่ ขนมเค้กดว้ ยรูปส่เี หลี่ยมดา้ นลา่ ง และแทน
สว่ นท่ีนักเรียนหนึง่ คนได้รบั ดว้ ยสสี ม้
ใหน้ ักเรียนตอบคาถามดังนี้
- แบง่ ขนมเค้กใหเ้ ทา่ ๆ กันไดก้ ีส่ ว่ น (2 สว่ น)
- นกั เรยี น 2 คน จะได้รับขนมเค้กคนละเท่าไร (คนละ 1 ส่วน)
ครูแนะนาว่าส่วนที่นักเรยี นหนึ่งคนได้รบั เป็น 1 ใน 2 ส่วนของขนมเค้กทั้งหมด
เขยี นแทนดว้ ย 1 อ่านว่า เศษหน่งึ ส่วนสอง ตวั เลขตัวบน คือ 1 เรียกวา่ ตวั เศษ ซ่ึงแสดงจานวนส่วน
2
แบง่ ท่กี ลา่ วถงึ ตวั เลขตัวเลา่ งคอื 2 เรียกวา่ ตวั ส่วน ซ่ึงแสดงจานวนสว่ นแบ่งท้ังหมดท่เี ท่าๆ กัน
3. ครูนาแถบกระดาษท่มี สี ว่ นแบง่ 5 ส่วนเท่าๆ กนั โดยทแ่ี ถบกระดาษดงั กล่าวร ะบาย
สี 1 ส่วน ติดบนกระดานดาให้นกั เรียนพิจารณา ดังรปู
ใหน้ กั เรียนตอบคาถามดังน้ี
- แถบกระดาษแบ่งออกเปน็ ส่วนทเ่ี ทา่ กันกส่ี ว่ น
- ส่วนที่ระบายสีมีกส่ี ่วน
- เขยี นเศษสว่ นแทนส่วนท่รี ะบายสไี ดอ้ ยา่ งไร
4. จากน้นั ครนู ารูปมาตดิ บนกระดาน แล้วอภปิ รายซกั ถามนักเรยี น ดังน้ี
0
173
รปู ท่ี 1 รูปที่ 2 รูปท่ี 3 รปู ที่ 4
รปู ท่ี จานวนสว่ นแบง่ ทเ่ี ทา่ ๆ กนั จานวนส่วนท่แี รเงา เศษส่วนแสดงส่วนท่ีแรเงา
14 11
24
36 4
43
11
2 24
6
11
3
5. ครนู ารูปส่ิงของหนง่ึ กลุ่มซ่ึงมจี านวนไม่เกนิ 20 และแบง่ สง่ิ ของออกเป็นหลายส่วน
เท่าๆ กัน แรเงาบางสว่ นของรูปติดไวบ้ นกระดาน เชน่
ให้นักเรียนตอบคาถามดังนี้
- รปู นี้ถูกแบง่ ออกเป็นกกี่ ล่มุ (3 กล่มุ )
- แต่ละกลุ่มมีจานวนเท่ากนั หรือไม่ (เทา่ กัน)
- กลมุ่ ท่แี รเงามกี ส่ี ว่ น (1 ส่วน)
- กลุ่มทีแ่ รเงาเปน็ เศษส่วนเท่าไรของรูป (เศษหนงึ่ ส่วนสาม)
6. ครูให้นักเรยี นหาเศษสว่ นจากส่งิ ของซึ่งมหี ลายชนิดอย่ใู นกลุ่มเดยี วกัน
174
ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี
- จานวนรปู เป็นจานวนเศษส่วนเทา่ ไรของจานวนรูปเรขาคณิตท้ังหมด (((273277)))
- จานวนรูป เป็นจานวนเศษสว่ นเทา่ ไรของจานวนรูปเรขาคณติ ท้งั หมด
- จานวนรูป เป็นจานวนเศษส่วนเท่าไรของจานวนรูปเรขาคณติ ท้ังหมด
7. ครใู หน้ ักเรียนทาใบงานท่ี 1 การอา่ นและเขียนเศษส่วนทีต่ ัวเศษนอ้ ยกว่าตวั ส่วน เมอื่
เสรจ็ แลว้ ใหน้ ักเรียนชว่ ยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากนน้ั ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันเฉลยกจิ กรรมในใบ
งานท่ี 1
ขนั้ สรปุ
1. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรปุ สง่ิ ทไี่ ดเ้ รียนร้รู ว่ มกนั ดังน้ี
- เศษส่วน คือ จานวนที่ใช้บอกปรมิ าณของสิ่งของหรือรูปภาพท่ีถกู แบ่งออกมา
เมื่อเทยี บกับส่ิงของทง้ั หมดหรอื ภาพท้ังหมด
- สัญลกั ษณ์ทเ่ี ขยี นแสดงเศษส่วนประกอบดว้ ย ตัวเศษ แสดงจานวนส่วนแบ่งที่
กล่าวถงึ ซ่งึ จะเขยี นไว้ด้านบน ตัวสว่ น แสดงจานวนสว่ นแบ่งทั้งหมดที่แบง่ ออกเทา่ ๆ กัน ซึง่ จะเขียน
ไว้ด้านลา่ ง และมีเส้นค่ันระหวา่ งตวั เศษและตัวสว่ น
สอ่ื การเรยี นรู้
1. บตั รภาพส่งิ ของท่ีเตม็ หนว่ ยและไม่เตม็ หน่วย
2. ภาพขนมเคก้ ทีถ่ กู แบง่ ออกเป็น 2 ส่วนเทา่ ๆ กนั
3. แถบกระดาษเศษส่วน
4. ใบงานท่ี 1 การอา่ นและเขยี นเศษสว่ นที่ตัวเศษน้อยกว่าตวั ส่วน
175
การวัดผลและประเมินผล
สิง่ ที่ตอ้ งการวัด วิธวี ดั เครื่องมือวัด เกณฑก์ ารประเมนิ
1. ดา้ นความรู้ ทากจิ กรรมจากใบงานที่ ใบงานท่ี 1 70% ขึน้ ไป ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
1 การประเมิน
2. ดา้ นทักษะ สงั เกตพฤติกรรมด้าน แบบสงั เกต นกั เรียนได้คะแนนระดับ
กระบวนการ ทักษะกระบวนการ พฤติกรรมดา้ น คณุ ภาพดีขึ้นไป
ทกั ษะกระบวนการ
3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะ สังเกตพฤตกิ รรมดา้ น แบบสังเกต นักเรยี นได้คะแนนระดับ
พฤติกรรมด้าน คุณภาพดขี น้ึ ไป
ทีพ่ ึงประสงค์ คุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ คณุ ลักษณะ
ทีพ่ ึงประสงค์
6.2 การอ่านและเขยี นเศษสว่ นท่ีตวั เศษเท่ากบั ตัวส่วน (1 ชว่ั โมง)
กิจกรรมการเรียนรู้
ขัน้ นาเข้าสู่บทเรยี น
1. ครูทบทวนการอา่ นเศษส่วน โดยติดแถบแสดงเศษส่วนบนกระดาน เช่น
ใหน้ ักเรยี นร่วมกันอภปิ รายสว่ นที่แรเงาแสดงเศษสว่ นใด และตรวจสอบความถูกต้อง
โดยครอู ธิบายแนะนาและตรวจสอบความถูกต้องอีกคร้งั
ขั้นสอน
176
1. ครูตดิ แถบกระดาษทีแ่ รเงาเต็ม 1 แถบ บนกระดานใช้การถามตอบ
จนนกั เรียนบอกไดว้ ่า สว่ นท่แี รเงาแสดง 1
2. ครตู ดิ แถบกระดาษรูปสเี่ หล่ียมท่ีมีขนาดเทา่ เดิมอกี 4 แบบ (ดังรปู ข้างลา่ ง) และแบ่ง
แถบกระดาษแถบท่ีหน่งึ เป็น 2 ส่วนเท่าๆ กนั แถบที่สองเปน็ 3 สว่ นเทา่ ๆ กนั แถบทีส่ ามเปน็ 4 สว่ น
เทา่ ๆ กนั และแถบทส่ี ่ีเปน็ 5 สว่ นเท่าๆ กัน ดังน้ี
แถบที่ 1
แถบที่ 2
แถบที่ 3
แถบท่ี 4
ครแู รเงาแถบกระดาษแถบที่ 1 ทลี ะสว่ น พรอ้ มท้งั ให้นกั เรียนบอกเศษส่วนทแ่ี ทน
ส่วนท่ีแรเงา (12 , 22) ทานองเดียวกนั สาหรับแถบท่ี 2 (13 , 2 , 33) แถบท่ี 3 (14 , 2 , 3 , 44) และแถบ
3 4 4
(51 2 3 4 55)
ที่ 4 , 5 , 5 , 5 , เมือ่ แรเงาครบทกุ แถบจะได้ดงั นี้
1
2
2
3
3
4
4
5
5
177
จากน้ันใหน้ กั เรยี นพิจารณาแถบกระดาษทัง้ หมดใช้การถามตอบ ดังน้ี
- กระดาษแตล่ ะแถบมขี นาดเท่ากนั หรือไม่ (เท่ากนั )
- สว่ นท่แี รเงาทั้งหมดในกระดาษแต่ละแถบเท่ากนั หรือไม่ (เทา่ กัน)
- เนอื่ งจากสว่ นที่ท่แี รเงาในกระดาษแตล่ ะแถบเท่ากัน ดังนั้น จะไดจ้ านวนอะไรที่
เท่ากนั บ้าง (1 , 2 , 3 , 4 , 55)
2 3 4
2 3 4 5
ครูเขียนผลสรุปท่ีได้บนกระดาน ดงั น้ี 2 = 3 = 4 = 5 = 1
3. ครถู ามนกั เรียนเพมิ่ เติม ดงั นี้
- นกั เรยี นคิดว่า ถา้ แบง่ กระดาษออกเป็น 6 สว่ นเท่าๆ กนั จะได้เศษส่วนใด
เท่ากบั 1 (66)
- ถ้าแบง่ กระดาษออกเปน็ 7 8 และ 9 ส่วนเท่าๆ กนั จะได้เศษสว่ นใดเท่ากบั 1
บา้ ง (77 , 8 , 99)
8
- นกั เรยี นคดิ วา่ ยังมเี ศษสว่ นท่ีเท่ากับ 1 อีกหรือไม่ (มีอีก)
- ให้นักเรยี นยกตวั อย่างเศษสว่ นท่เี ทา่ กบั 1 อีกหลายๆ ตวั อยา่ งโดยครตู รวจสอบ
ความถูกตอ้ ง
4. ครใู หน้ กั เรยี นสงั เกตแถบกระดาษที่ตดิ บนกระดานและตวั อยา่ งเศษส่วนท่ีเทา่ กบั 1
ที่นักเรยี นยกตัวอยา่ งมา ครูใชก้ ารถามตอบจนนักเรยี นร่วมกันสรปุ ได้ว่า เศษส่วนทีต่ วั เศษและตวั ส่วน
เป็นจานวนนับที่เท่ากนั เปน็ เศษสว่ นทเี่ ท่ากับ 1
5. ครใู ห้นกั เรยี นทาใบงานท่ี 2 การอา่ นและเขียนเศษสว่ นท่ีตัวเศษเท่ากบั ตวั ส่วน เม่อื
เสร็จแลว้ ให้นกั เรียนชว่ ยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนนั้ ครูและนกั เรยี นร่วมกนั เฉลยกจิ กรรมใน ใบ
งานที่ 2
ขัน้ สรปุ
1. ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปส่ิงท่ไี ดเ้ รียนรูร้ ่วมกัน ดังน้ี เศษสว่ นท่ีตวั เศษและตัวส่วน
เปน็ จานวนนบั ทเี่ ทา่ กันเป็นเศษสว่ นทีเ่ ทา่ กับ 1
ส่อื การเรียนรู้
1. แถบแสดงเศษส่วน
2. แถบกระดาษ
3. ใบงานที่ 2 การอ่านและเขยี นเศษส่วนท่ีตัวเศษเท่ากับตัวสว่ น
178
การวัดผลและประเมินผล
สิ่งที่ต้องการวัด วิธวี ดั เครือ่ งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมนิ
1. ด้านความรู้ ทากิจกรรมจากใบงานท่ี ใบงานท่ี 2 70% ขึน้ ไป ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
2 การประเมนิ
2. ด้านทกั ษะ สงั เกตพฤติกรรมด้าน แบบสงั เกต นกั เรียนได้คะแนนระดบั
กระบวนการ ทักษะกระบวนการ พฤตกิ รรมด้าน คุณภาพดีข้ึนไป
ทกั ษะกระบวนการ
3. ดา้ นคุณลกั ษณะ สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ น แบบสงั เกต นักเรียนได้คะแนนระดบั
พฤตกิ รรมดา้ น คุณภาพดีขึ้นไป
ท่พี ึงประสงค์ คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ คณุ ลกั ษณะ
ทพ่ี งึ ประสงค์
6.3 การเปรยี บเทยี บเศษสว่ นทีม่ ีตวั สว่ นเท่ากนั (1 ชว่ั โมง)
กิจกรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรยี น
1. นักเรียนทบทวนความรู้โดยสังเกตและตอบคาถามบตั รภาพแสดงเศษส่วนที่ติดบน
กระดานแล้วตอบคาถาม ดงั น้ี
ก. ข. ค. ง.
ภาพที่ 1 ภาพที่ 2
- ภาพที่ 1 แบ่งเป็นก่สี ่วน (4 สว่ น)
- แต่ละสว่ นเท่ากนั หรือไม่ (เทา่ กัน)
- สว่ นทรี่ ะบายสใี นรูป ก และรูป ข มีก่ีสว่ น (รูป ก 1 ส่วน รูป ข 2 สว่ น)
179
- สว่ นท่ีระบายสีในรูป ก และรูป ข เขยี นเป็นเศษสว่ นได้อย่างไร (รูป ก 1 รูป
4
ข 42)
ผูแ้ ทนนกั เรียนออกมาเขียนเศษส่วนแสดงสว่ นท่รี ะบายสีใต้รูป ก และรปู ข พร้อม
ทั้งเขยี นเป็นคาอา่ น นักเรยี นท่เี หลอื ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากน้ันพิจารณาภาพที่ 2 และ
ตอบคาถามดงั น้ี
- ภาพท่ี 2 แบง่ เป็นกส่ี ว่ น แต่ละสว่ นเท่ากนั หรอื ไม่ (6 สว่ นเท่าๆ กนั )
- สว่ นที่ระบายสีในรปู ค และรูป ง มกี ่ีสว่ น (รูป ค 3 สว่ น รูป ง 1 ส่วน)
- สว่ นทร่ี ะบายสีในรูป ค และรปู ง เขียนเป็นเศษส่วนได้อย่างไร (รูป ค 3 รูป ง
6
61)
ผูแ้ ทนนกั เรยี นออกมาเขยี นเศษส่วนแสดงสว่ นทรี่ ะบายสีใต้รปู ค และรูป ง พร้อมท้ัง
เขยี นเปน็ คาอ่าน นกั เรยี นท่เี หลือช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง
ขนั้ สอน
1. นกั เรยี นพิจารณาบัตรแสดงเศษสว่ นบนกระดาน ดงั น้ี
ก. ข. ค. ง.
ภาพท่ี 1 ภาพท่ี 2
นกั เรียนพจิ ารณาและเปรียบเทียบส่วนทไี่ มไ่ ดร้ ะบายสีในภาพท่ี 1 และภาพท่ี 2 ท่ใี ช้
ในกิจกรรมข้อ 1. แลว้ ตอบคาถามดงั น้ี
- ภาพที่ 1 ส่วนท่ีไมไ่ ด้ระบายสีในรูป ก และรปู ข มีก่ีส่วนใน 4 ส่วน (รูป ก 3
ส่วน รปู ข 2 สว่ น)
- ส่วนท่ีไม่ได้ระบายสใี นรูป ก และรูป ข เขยี นเป็นเศษสว่ นได้อยา่ งไร (รูป ก 3
4
รปู ข 24)
- เศษส่วนจานวนใดมคี ่านอ้ ยกว่ากัน (42)
- เพราะเหตใุ ดจงึ มคี ่าน้อยกว่า (เพราะมีเนื้อท่ไี มไ่ ดร้ ะบายสเี หลอื นอ้ ยกว่า)
180
- การเปรียบเทียบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากันต้องพิจารณาอะไร (พจิ ารณาท่ีตัว
เศษ ถ้าตัวเศษมีคา่ นอ้ ยเศษสว่ นนนั้ จะมคี า่ น้อย)
จากนั้นผู้แทนนักเรียน (ไม่ให้ซ้าคนเดิม) ออกมาเขียนเศษส่วนแสดงส่วนที่ไมไ่ ด้
ระบายสี พรอ้ มทงั้ เขยี นเครอ่ื งหมาย >, < แสดงการเปรยี บเทยี บระหว่างเศษสว่ นท้ัง 2 จานวนดังน้ี 2
4
3 3 2
< 4 หรือ 4 > 4
- ภาพที่ 2 สว่ นที่ไมไ่ ด้ระบายสีในรูป ค และรูป ง มีก่สี ว่ นใน 6 สว่ น (รูป ค 3
สว่ น รูป ง 5 สว่ น)
- ส่วนท่ีไม่ได้ระบายสีในรูป ค และรปู ง เขียนเป็นเศษส่วนได้อย่างไร (รปู ค 3
6
รูป ง 56)
- เศษสว่ นใดมคี า่ มากกวา่ กนั (56)
- เพราะเหตุใดจึงมคี ่ามากกว่า (เพราะมเี น้อื ทีไ่ มไ่ ดร้ ะบายสเี หลือมากกวา่ )
- การเปรียบเทียบเศษส่วนที่มีตวั ส่วนเทา่ กันต้องพจิ ารณาอย่างไร (พิจารณาท่ีตัว
เศษ เศษสว่ นท่ีมตี วั เศษมากจะมคี ่ามาก)
จากน้นั ผแู้ ทนนักเรียนออกมาเขียนเศษสว่ นแสดงส่วนที่ไมไ่ ดร้ ะบายสี พร้อมทั้งเขียน
เคร่อื งหมาย >, < แสดงการเปรยี บเทียบสว่ นทไ่ี มไ่ ด้ระบายสี ระหวา่ งเศษส่วนท้ัง 2 จานวน ดงั นี้ 5 >
6
3 3 5
6 หรือ 6 < 6
2. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายถึงการเปรียบเทียบเศษส่วนที่มีส่วนเท่ากนั ว่า
สามารถทาไดโ้ ดยนาตัวเศษมาเปรียบเทียบกัน ถ้าตวั เศษของจานวนใดมีคา่ มากกว่า จานวนนัน้ จะมีค่า
มากกวา่
3. ครยู กตัวอยา่ งเศษส่วนทม่ี ตี วั สว่ นเท่ากนั เพิ่มเตมิ อีก จนนกั เรียนตอบได้คล่อง เช่น
3 6
95 39
7 7
4. ครูให้นกั เรยี นทาใบงานท่ี 3 การเปรียบเทยี บเศษสว่ นท่ีมีตวั ส่วนเทา่ กัน เม่ือเสร็จ
แลว้ ใหน้ กั เรยี นช่วยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง จากน้นั ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันเฉลยกิจกรรมในใบงานท่ี
3
181
ขั้นสรปุ
1. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรปุ ส่ิงท่ไี ด้เรยี นรูร้ ่วมกัน ดังนี้ การเปรียบเทยี บเศษส่วนที่มี
ตวั ส่วนเท่ากนั ใชว้ ธิ ีนาตวั เศษมาเปรยี บเทยี บกัน เศษส่วนทม่ี ีตัวเศษมากกว่าจะมคี ่ามากกวา่ เศษส่วน
ทีม่ ีตวั เศษน้อยกวา่
สอื่ การเรยี นรู้
1. บตั รภาพแสดงเศษสว่ น
2. ใบงานท่ี 3 การเปรียบเทียบเศษส่วนท่มี ตี ัวสว่ นเท่ากัน
การวดั ผลและประเมนิ ผล
ส่ิงทต่ี อ้ งการวัด วิธวี ดั เคร่อื งมือวัด เกณฑก์ ารประเมนิ
1. ด้านความรู้ ทากจิ กรรมจากใบงานท่ี ใบงานท่ี 3 70% ข้ึนไป ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
3 การประเมิน
2. ดา้ นทกั ษะ สังเกตพฤตกิ รรมดา้ น แบบสงั เกต นกั เรียนได้คะแนนระดับ
กระบวนการ ทักษะกระบวนการ พฤติกรรมด้าน คุณภาพดขี ึ้นไป
ทกั ษะกระบวนการ
3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะ สังเกตพฤติกรรมด้าน แบบสังเกต นักเรยี นไดค้ ะแนนระดับ
พฤติกรรมด้าน คณุ ภาพดีข้ึนไป
ที่พึงประสงค์ คณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ คณุ ลักษณะ
ทีพ่ ึงประสงค์
182
6.4 การเรียงลาดบั เศษสว่ นท่มี ีตัวสว่ นเท่ากัน (1 ชั่วโมง)
กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั นาเข้าสู่บทเรยี น
1. ครูทบทวนเรอ่ื งการเปรียบเทยี บเศษสว่ นที่ตัวส่วนเท่ากัน โดยนาบัตรภาพแสดงเศษสว่ น
มาใหน้ กั เรยี นดูทลี ะคู่ แล้วใหน้ ักเรียนรว่ มกนั เปรียบเทยี บว่า รปู ภาพใดแสดงเศษสว่ นทีม่ ากกวา่ หรอื น้อย
กว่ากัน (2 - 3 ตัวอยา่ ง)
2. ครเู ขียนตวั เลขบนกระดานทีละคู่ แลว้ ให้นกั เรยี นรว่ มกันเปรยี บเทียบว่าจานวนใดมคี ่า
มากกวา่ หรือน้อยกวา่ กนั โดยใช้เครอ่ื งหมาย ดังน้ี 5 กบั 2 , 2 กับ 6 , 5 กบั 4 , 3 กับ 1
6 6 7 7 5 5 8 8
ขัน้ สอน
1. ครูกล่าวทักทายและทบทวนเรื่องการเปรียบเทียบเศษสว่ นที่ตัวส่วนเท่ากันวา่
“เศษส่วนท่ีมีตัวสว่ นเท่ากัน ให้พิจารณาทีต่ วั ส่วน เศษส่วนทมี่ ตี วั เศษมากกว่าจะมีคา่ มากกวา่ เศษส่วน
ท่มี ตี ัวเศษนอ้ ยกว่า”
2. ครูนาบัตรตัวเลข 5 , 3 , 7 , 4 , 1 ข้ึนมา โ ดย คร ู ตั ้ งค า ถ า มก ร ะตุ ้น ใ ห ้น ั กเรี ยน
9 9 9 9 9
ช่วยกนั คดิ ในประเดน็ ดงั นี้
- นกั เรยี นสามารถเรียงลาดบั บัตรตวั เลขในลักษณะใดไดบ้ า้ ง (เรียงจากนอ้ ยไปหา
มาก หรือจากมากไปหานอ้ ย)
- จานวนทีน่ ้อยทสี่ ดุ คือจานวนใด ((7991))
- จานวนท่ีมากทีส่ ุดคือจานวนใด
- เรยี งลาดับจากน้อยไปมากไดอ้ ย่างไร ((9197 , 3 , 4 , 5 , 9719))
- เรียงลาดบั จากนอ้ ยไปมากไดอ้ ยา่ งไร , 59 , 49 , 93 ,
9 9 9
3. ครยู กตัวอย่างการเรยี งลาดบั เศษส่วนทตี่ ัวสว่ นเทา่ กนั เพิ่มเตมิ อีก 2 – 3 ตัวอยา่ ง จน
นกั เรียนตอบไดค้ ล่อง
4. ครใู ห้นักเรยี นทาใบงานท่ี 4 การเรียงลาดบั เศษสว่ นที่มตี ัวสว่ นเท่ากนั เมื่อเสรจ็ แล้ว
ให้นกั เรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากน้นั ครูและนักเรยี นรว่ มกันเฉลยกจิ กรรมในใบงานที่ 4
ข้ันสรุป
1. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปสงิ่ ทีไ่ ด้เรยี นรรู้ ่วมกัน ดังน้ี การเรียงลาดับเศษสว่ นที่มีตัว
ส่วนเทา่ กนั ใช้วิธีนาตวั เศษมาเปรียบเทียบกัน เศษสว่ นท่ีมตี ัวเศษมากกว่าจะมีค่ามากกว่าเศษส่วน ท่ีมี
ตวั เศษนอ้ ยกว่า จากนั้นนามาเรยี งลาดบั จากมากไปหานอ้ ย หรือจากน้อยไปหามาก
183
สอ่ื การเรยี นรู้
1. บัตรภาพแสดงเศษส่วน
2. บัตรตวั เลข
3. ใบงานท่ี 4 การเรยี งลาดบั เศษสว่ นทม่ี ีตัวสว่ นเท่ากัน
การวดั ผลและประเมินผล
สงิ่ ทตี่ อ้ งการวัด วธิ วี ัด เคร่อื งมอื วดั เกณฑ์การประเมิน
1. ด้านความรู้ ทากจิ กรรมจากใบงานที่ ใบงานที่ 4 70% ข้ึนไป ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
4 การประเมนิ
2. ดา้ นทกั ษะ สังเกตพฤตกิ รรมดา้ น แบบสงั เกต นักเรยี นไดค้ ะแนนระดบั
กระบวนการ ทักษะกระบวนการ พฤติกรรมดา้ น คณุ ภาพดขี น้ึ ไป
ทักษะกระบวนการ
3. ดา้ นคุณลกั ษณะ สังเกตพฤติกรรมด้าน แบบสังเกต นักเรยี นไดค้ ะแนนระดบั
พฤติกรรมดา้ น คณุ ภาพดขี ึ้นไป
ทพ่ี ึงประสงค์ คณุ ลักษณะที่พงึ ประสงค์ คณุ ลักษณะ
ที่พึงประสงค์
6.5 การเปรียบเทียบเศษส่วนท่ีมีตวั เศษเทา่ กัน (1 ช่วั โมง)
กจิ กรรมการเรียนรู้
ขั้นนาเข้าสบู่ ทเรยี น
1. ครทู บทวนเร่อื งการเปรียบเทยี บเศษสว่ นโดยการติดแผนภาพบนกระดาน และให้
นักเรยี นรว่ มกนั บอกเศษส่วนแสดงจานวนท่แี รเงา ดังน้ี
1
7
5
7
184
ครูใชก้ ารถามตอบเพื่อเปรียบเทียบ 1 กับ 5 โดยใหน้ กั เรียนสังเกตจากแถบ แสดง
7 7
เศษส่วนจนนกั เรยี นร่วมกันใหเ้ หตุผลไดว้ า่
1 น้อยกวา่ 5 เพราะสว่ นทีแ่ รเงาแสดง 1 น้อยกว่า 5
7 7 7 7
5 1 ด57ังมนาี้ ก17ก>ว่า7571หรือ
หรอื 7 มากกว่า 7 เพราะสว่ นที่แรเงาแสดง
แลว้ ใหน้ กั เรยี นออกมาเขียนแสดงการเปรียบเทียบได้ 5 < 1
7 7
ข้นั สอน
1. ครูยกตวั อยา่ งการเปรยี บเทียบเศษสว่ นอกี 2 ตัวอย่าง จากแถบแสดงเศษสว่ นและ
ใหน้ ักเรียนรว่ มกนั ใหเ้ หตุผลเพอ่ื แสดงการเปรยี บเทียบ เชน่
3
5
3
7
ครใู ช้การถามตอบเพอ่ื เปรยี บเทยี บ 3 กับ 3 โดยให้นักเรียนสังเกตจากแถบ แสดง
5 7
เศษส่วนจนนักเรยี นร่วมกันใหเ้ หตผุ ลได้ว่า
หรือ 3 มากกว่า 3 เพราะสว่ นทีแ่ รเงาแสดง 5373ดงั นมน้อาี้ ยก53กก>ววา่่า375337
35 นอ้ ยกว่า 73 เพราะสว่ นที่แรเงาแสดง
7 5
3 3
แลว้ ให้นักเรยี นออกมาเขยี นแสดงการเปรยี บเทยี บได้ หรือ 7 < 5
2. ครใู ห้นกั เรยี นสงั เกตผลจากการเปรยี บเทียบเศษสว่ นและรว่ มกันสรปุ ว่า
- เศษส่วนสองจานวนเมอ่ื นามาเปรียบเทียบกันจะเท่ากนั มากกว่ากัน หรอื นอ้ ย
กว่ากนั อย่างใดอย่างหนึง่
- การเปรียบเทียบเศษสว่ นทม่ี ตี วั เศษเท่ากนั ให้พิจารณาที่ตัวส่วน เศษส่วนที่มีตัว
สว่ นน้อยกวา่ จะมคี ่ามากกวา่ เศษส่วนทมี่ ตี ัวส่วนมากกว่า
3. ครูยกตวั อย่างเศษสว่ นทม่ี ตี ัวเศษเทา่ กนั เพ่ิมเติมอกี จนนักเรียนตอบได้คล่อง เช่น
3 3
9 5
5 5
7 9
4. ครูใหน้ กั เรยี นทาใบงานที่ 5 การเปรียบเทียบเศษส่วนท่ีมีตัวเศษเทา่ กนั เมอ่ื เสร็จแล้ว
ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากน้นั ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั เฉลยกจิ กรรมในใบงานที่ 5
185
ขั้นสรุป
1. ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปส่ิงทีไ่ ดเ้ รียนรูร้ ่วมกัน ดังนี้ การเปรยี บเทยี บเศษส่วนที่มี
ตวั ส่วนเท่ากัน ใชว้ ธิ ีนาตัวเศษมาเปรยี บเทยี บกนั เศษส่วนทม่ี ตี วั สว่ นนอ้ ยกวา่ จะมีค่ามากกวา่ เศษส่วน
ท่มี ีตัวสว่ นมากกวา่ เศษส่วนท่ีมีตวั เศษมากกว่าจะมคี า่ มากกวา่ เศษสว่ นที่มตี วั เศษน้อยกวา่
สื่อการเรยี นรู้
1. บตั รภาพแสดงเศษสว่ น
2. ใบงานท่ี 5 การเปรียบเทียบเศษสว่ นที่มีตัวเศษเท่ากัน
การวัดผลและประเมนิ ผล
สิ่งทีต่ อ้ งการวดั วธิ ีวดั เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมนิ
1. ดา้ นความรู้ ทากิจกรรมจากใบงานท่ี ใบงานที่ 5 70% ข้นึ ไป ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
5 การประเมิน
2. ด้านทกั ษะ สังเกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสงั เกต นักเรยี นได้คะแนนระดับ
กระบวนการ ทักษะกระบวนการ พฤติกรรมดา้ น คณุ ภาพดขี นึ้ ไป
ทักษะกระบวนการ
3. ด้านคุณลกั ษณะ สงั เกตพฤติกรรมด้าน แบบสงั เกต นกั เรยี นได้คะแนนระดับ
พฤตกิ รรมดา้ น คณุ ภาพดีขึน้ ไป
ทีพ่ งึ ประสงค์ คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ คุณลักษณะ
ท่ีพึงประสงค์
186
6.6 การเรยี งลาดบั เศษส่วนที่มีตัวเศษเทา่ กัน (1 ชวั่ โมง)
กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้ันนาเขา้ สู่บทเรียน
1. ครูทบทวนเรือ่ งการเปรยี บเทยี บเศษสว่ นที่ตวั เศษเทา่ กัน โดยนาบัตรภาพแสดงเศษสว่ น
มาใหน้ ักเรยี นดูทีละคู่ แลว้ ให้นักเรียนรว่ มกนั เปรียบเทยี บว่า รปู ภาพใดแสดงเศษส่วนทีม่ ากกว่าหรือน้อย
กว่ากนั (2 - 3 ตัวอยา่ ง)
2. ครูเขียนตัวเลขบนกระดานทลี ะคู่ แล้วให้นกั เรียนรว่ มกนั เปรยี บเทียบว่าจานวนใดมคี ่า
มากกวา่ หรือน้อยกว่ากนั โดยใช้เครอ่ื งหมาย ดงั น้ี 2 กบั 2 , 6 กบั 6 , 4 กับ 4 , 3 กบั 3
6 5 7 9 5 7 8 6
ขนั้ สอน
1. ครูกล่าวทักทายและทบทวนเรื่องการเปรียบเทยี บเศษสว่ นที่ตวั เศษเท่ากันวา่
“เศษสว่ นทีม่ ีตวั เศษเท่ากนั ให้พจิ ารณาท่ตี ัวสว่ น เศษสว่ นท่ีมตี ัวส่วนนอ้ ยกวา่ จะมคี ่ามากกว่าเศษส่วน
ท่มี ตี ัวส่วนมากกว่า”
2. ครูนาบัตรตัวเลข 3 , 3 , 3 , 3 , 3 ข้ึนมา โดยครูตั้งคาถามกระตุน้ ให้นักเรียน
9 6 5 8 4
ชว่ ยกันคิดในประเด็น ดงั น้ี
- นักเรยี นสามารถเรยี งลาดับบัตรตวั เลขในลักษณะใดไดบ้ า้ ง (เรยี งจากนอ้ ยไปหา
มาก หรอื จากมากไปหานอ้ ย)
- จานวนท่นี ้อยทส่ี ุดคือจานวนใด ((3493))
- จานวนทีม่ ากท่สี ุดคือจานวนใด
- เรียงลาดับจากนอ้ ยไปมากได้อยา่ งไร ((3934 , 3 , 3 , 3 , 3493))
- เรียงลาดบั จากนอ้ ยไปมากได้อยา่ งไร , 83 , 36 , 53 ,
5 6 8
3. ครูยกตวั อยา่ งการเรยี งลาดับเศษสว่ นที่ตัวเศษเท่ากนั เพิม่ เติมอีก 2 – 3 ตวั อย่าง จน
นักเรียนตอบไดค้ ลอ่ ง
4. ครใู หน้ ักเรยี นทาใบงานที่ 6 การเรยี งลาดับเศษสว่ นท่ีมีตัวเศษเท่ากัน เมื่อเสรจ็ แล้ว
ใหน้ ักเรียนชว่ ยกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากนั้นครูและนักเรยี นร่วมกันเฉลยกจิ กรรมในใบงานท่ี 6
ขั้นสรุป
1. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ สิง่ ทไ่ี ด้เรยี นรรู้ ่วมกัน ดงั น้ี การเรยี งลาดับเศษส่วนที่มีตัว
เศษเท่ากนั ใชว้ ธิ ีนาตวั สว่ นมาเปรียบเทียบกัน เศษส่วนที่มตี ัวส่วนนอ้ ยกวา่ จะมคี า่ มากกว่าเศษส่วนที่มี
ตวั ส่วนมากกวา่ จากนน้ั นามาเรียงลาดับจากมากไปหาน้อย หรือจากนอ้ ยไปหามาก
187
สอ่ื การเรยี นรู้
1. บัตรภาพแสดงเศษสว่ น
2. บตั รตัวเลข
3. ใบงานที่ 6 การเรยี งลาดับเศษสว่ นทม่ี ตี วั เศษเท่ากนั
การวัดผลและประเมนิ ผล
สิง่ ที่ตอ้ งการวัด วิธีวัด เครือ่ งมือวัด เกณฑ์การประเมนิ
1. ด้านความรู้ ทากจิ กรรมจากใบงานที่ ใบงานที่ 6 70% ขึ้นไป ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
6 การประเมิน
2. ดา้ นทักษะ สังเกตพฤติกรรมด้าน แบบสังเกต นกั เรยี นไดค้ ะแนนระดบั
กระบวนการ ทักษะกระบวนการ พฤตกิ รรมด้าน คณุ ภาพดขี น้ึ ไป
ทักษะกระบวนการ
3. ดา้ นคุณลักษณะ สังเกตพฤติกรรมดา้ น แบบสงั เกต นักเรยี นไดค้ ะแนนระดบั
พฤตกิ รรมดา้ น คณุ ภาพดขี ึ้นไป
ท่พี งึ ประสงค์ คณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ คุณลกั ษณะ
ท่ีพึงประสงค์
6.7 การบวกเศษส่วนที่มตี ัวสว่ นเท่ากนั (1 ชั่วโมง)
กจิ กรรมการเรียนรู้
ขั้นนาเข้าส่บู ทเรยี น
1. ครูทบทวนเร่อื งการเปรยี บเทียบเศษสว่ น โดยนาบตั รภาพแสดงเศษส่วน มาใหน้ ักเรียนดู
ทลี ะคู่ แลว้ ใหน้ กั เรียนรว่ มกนั เปรยี บเทียบวา่ รูปภาพใดแสดงเศษส่วนที่มากกว่าหรือนอ้ ยกว่ากนั ( 2-3
ตัวอยา่ ง)
2. ครเู ขียนตัวเลขบนกระดานทีละคู่ แลว้ ให้นกั เรยี นรว่ มกันเปรยี บเทยี บว่าจานวนใดมีค่า
มากกว่าหรอื น้อยกว่ากนั โดยใช้เครอ่ื งหมาย ดังน้ี 5 กับ 2 , 2 กบั 6 , 5 กับ 4 , 3 กับ 1
6 6 7 7 5 5 8 8
188
ขนั้ สอน
1. ครูนาแผนภาพแสดงการบวกเศษสว่ นที่มตี วั ส่วนเท่ากนั เช่น
3 + 2 = 5
10 10 10
สนทนาและอภปิ รายซกั ถามนักเรียนเก่ยี วกบั วิธกี ารบวกเศษส่วนที่มตี ัวส่วนเท่ากนั
2. ครยู กตวั อย่างโจทยห์ รือประโยคสญั ลักษณเ์ ก่ยี วกบั การบวกที่มีตัวสว่ นเท่ากนั 1 – 2
ตวั อย่างมาอภปิ รายซักถามนกั เรียน ถงึ การแสดงวิธกี ารทาใหน้ ักเรียนดเู ปน็ ตัวอยา่ ง เชน่
32
55
3 + 5 =
5 8
3. ครใู ช้คาถามให้นกั เรยี นตอบ เช่น
- เศษสว่ นทีน่ ามาบวกกันมีส่วนเท่ากันหรอื ไม่ (เทา่ กนั )
- ถา้ จะใชแ้ ถบเศษสว่ นชว่ ยหาคาตอบ จะต้องใช้แถบเศษส่วนที่สว่ นแบง่ เท่าๆ กัน
กี่สว่ น (5 ส่วน)
- นกั เรยี นจะต้องแรเงาก่ชี ่องเพื่อแสงความหมายของ 3 (3 ชอ่ ง)
- ช่อง)
นกั เรียนจะต้องแรเงาก่ชี อ่ ง เพ่ือแสงความหมาย 2 5
5
(2
- นกั เรียนจะหาผลบวกของ 3 และ 2 จากแถบเศษส่วนไดอ้ ย่างไร (นบั จานวน
5 5
ช่องทแ่ี รเงา)
- จานวนชอ่ งท่แี รเงาทัง้ หมดเขยี นเปน็ เศษส่วนได้อย่างไร (55 หรอื 1)
เขียนแผนภาพแสงความสมั พันธ์กันของการบวกเศษส่วน และแสดงข้นั ตอนการหา
คาตอบ ดังน้ี
189
3 + 2 = 3+2 = 5
5 5 5 5
4. ครูยกตวั อย่างเพ่ิมเตมิ และใหน้ ักเรียนแต่รว่ มกนั หาคาตอบ เชน่
2 + 4 = 31650++6213=0=
84 + 38 =
7 7
5. ครูให้นักเรียนทาใบงานที่ 7 การบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน เม่ือเสรจ็ แล้วให้
นักเรียนชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง จากน้นั ครูและนักเรียนรว่ มกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 7
ขน้ั สรปุ
1. ครูและนักเรียนรว่ มกันสรปุ ส่ิงท่ีไดเ้ รียนรู้ร่วมกนั ดงั น้ี การบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วน
เทา่ กนั โดยใช้หลกั การนาตวั เศษบวกตัวเศษ ตัวสว่ นคงเดิม
สื่อการเรียนรู้
1. แผนภาพแสดงการบวกเศษสว่ นทม่ี ีตัวสว่ นเท่ากัน
2. ใบงานที่ 7 การบวกเศษส่วนท่มี ตี ัวส่วนเทา่ กนั
การวัดผลและประเมนิ ผล
สง่ิ ที่ตอ้ งการวดั วิธีวดั เครอื่ งมือวัด เกณฑก์ ารประเมิน
1. ดา้ นความรู้ ทากิจกรรมจากใบงานท่ี ใบงานที่ 7 70% ขึ้นไป ถือวา่ ผ่านเกณฑ์
7 การประเมิน
2. ดา้ นทักษะ สงั เกตพฤติกรรมดา้ น แบบสงั เกต นักเรยี นได้คะแนนระดบั
กระบวนการ ทกั ษะกระบวนการ พฤติกรรมดา้ น คณุ ภาพดขี ้ึนไป
ทกั ษะกระบวนการ
3. ด้านคณุ ลักษณะ สังเกตพฤตกิ รรมดา้ น แบบสังเกต นักเรียนไดค้ ะแนนระดับ
พฤตกิ รรมดา้ น คณุ ภาพดีขึ้นไป
ท่ีพึงประสงค์ คุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ คุณลักษณะ
ทพี่ ึงประสงค์
190
6.8 การบวกเศษส่วนทมี่ ตี วั สว่ นเท่ากนั (1 ชัว่ โมง)
กจิ กรรมการเรียนรู้
ขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน
1. ครทู บทวนความหมายของเศษส่วนโดยแจกกระดาษขนาดกว้าง 4 น้ิว ยาว 8 น้วิ ให้
นกั เรียนทกุ คนแล้วพบั แถบกระดาษเป็น 8 สว่ นเท่าๆ กัน ขดี เสน้ ตามรอยพับแล้วใหน้ กั เรยี นระบายสี
แดง 3 ส่วน เช่น
ครใู ช้การถามตอบจนนักเรยี นตอบไดว้ ่า เศษส่วนแสดงสว่ นทร่ี ะบายสี คือ 3
8
ข้นั สอน
1. ครกู ลา่ วทกั ทายและทบทวนเร่ืองการบวกเศษส่วนท่ีมตี ัวส่วนเทา่ กันว่า “การบวก
เศษสว่ นทม่ี ีตัวส่วนเท่ากนั ให้นาตัวเศษมาบวกกนั โดยมตี ัวส่วนเท่าเดิม”
2. ครูยกตวั อย่างบนกระดานใชก้ ารถามตอบใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั หาผลบวก ดังน้ี
1) 1 + 4 = 1+4 = 5
8 8 8 8
4 2 4+2 6
2) 7 + 7 = 7 = 7
3) 3 + 5 = 3+5 = 8
9 9 9 9
6 1 6+1 7
4) 8 + 8 = 8 = 8
ครตู รวจสอบความถูกต้องอีกคร้ัง และสนทนาและอภิปรายซักถามนักเรียนเกี่ยวกับ
วิธกี ารบวกเศษส่วนท่ีมีตวั ส่วนเทา่ กัน
3. ครูใหน้ กั เรียนทาใบงานที่ 8 การบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน เม่ือเสร็จแล้วให้
นักเรยี นชว่ ยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากนน้ั ครแู ละนักเรยี นร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานท่ี 8
ขั้นสรปุ
1. ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปส่งิ ทไ่ี ดเ้ รียนรรู้ ่วมกนั ดงั นี้ การบวกเศษสว่ นที่มีตัวส่วน
เทา่ กนั โดยใชห้ ลกั การนาตัวเศษบวกตวั เศษ ตัวส่วนคงเดมิ
สอ่ื การเรยี นรู้
1. กระดาษขนาดกว้าง 4 นว้ิ ยาว 8 นว้ิ
2. ใบงานท่ี 8 การบวกเศษสว่ นที่มีตวั ส่วนเท่ากัน
191
การวดั ผลและประเมนิ ผล
สิง่ ที่ตอ้ งการวัด วิธีวดั เคร่ืองมือวัด เกณฑก์ ารประเมนิ
1. ดา้ นความรู้ ทากจิ กรรมจากใบงานที่ ใบงานที่ 8 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
8 การประเมิน
2. ด้านทักษะ สังเกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสงั เกต นกั เรียนได้คะแนนระดบั
กระบวนการ ทกั ษะกระบวนการ พฤติกรรมด้าน คณุ ภาพดขี ้ึนไป
ทักษะกระบวนการ
3. ด้านคณุ ลกั ษณะ สงั เกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสังเกต นักเรียนได้คะแนนระดับ
พฤติกรรมดา้ น คณุ ภาพดีขน้ึ ไป
ทีพ่ งึ ประสงค์ คณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ คณุ ลักษณะ
ที่พึงประสงค์
6.9 การลบเศษส่วนทมี่ ตี ัวส่วนเทา่ กัน (1 ชวั่ โมง)
กิจกรรมการเรยี นรู้
ขัน้ นาเข้าสบู่ ทเรียน
1. นักเรียนทบทวนความรกู้ ารบวกเศษส่วนท่ีมีตวั ส่วนเทา่ กนั โดยพจิ ารณาแถบแสดง
เศษส่วนบนกระดาน ผูแ้ ทนนกั เรยี นออกมาเขยี นประโยคสัญลักษณ์ 1 คน และเขียนคาตอบ 1 คน ดัง
ตัวอยา่ ง
3 + 2 = 5
8 8 8
2. นกั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ โดยใชค้ าถามกระตุน้ ความคดิ ดังนี้ นกั เรยี นสามารถ
นาความรู้ เร่ือง การลบเศษสว่ นที่มตี วั สว่ นเทา่ กัน ไปใช้ประโยชน์ในชวี ิตประจาวนั เรื่องใดไดบ้ ้าง
ขนั้ สอน
1. ครูนาเสนอการการลบทม่ี ีตัวสว่ นเท่ากนั โดยใชแ้ ถบเศษส่วนดังน้ี
7 − 1 =
12 12
192
ครูใช้คาถามใหน้ กั เรียนตอบ ดังน้ี
- เศษสว่ นที่นามาลบกนั มตี ัวสว่ นเท่ากนั หรือไม่ (เท่ากนั )
- ถ้าจะใชแ้ ถบเศษส่วนช่วยหาคาตอบ จะตอ้ งใช้เศษส่วนทม่ี สี ่วนแบง่ เท่าๆ กนั ก่ี
ส่วน (12 ส่วน)
อใหอ้นกักมเารแียรนเงอาอแกถมบาเ-แศรษเงสนา่วักแนเถแรบยีสเนดศงจษะส1แ7่วร2นเงแา1ลก12ะ่ีชจ่อะงต้อเพง่ือแแรเสงดางกคชี่ วอ่ างมเพห่อืมแาสยดขงอคงวา17ม2ห(ม7ายชข่ออง)ง ใหน้ ักเรียน
1 (1 ชอ่ ง)
12
- นักเรียนมวี ธิ กี ารหาคาตอบจากแถบเศษส่วนไดอ้ ย่างไร (นาจานวนชอ่ งทแ่ี รเงา
มาลบกนั )
- จานวนช่องท่ีแรเงาลบกันเหลือเศษส่วนเทา่ ไร (162)
- ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั เขยี นวธิ หี าคาตอบ ซง่ึ คาตอบน่าจะเป็นดังนี้
7 - 1
12 12
เหลอื 6
12
หรือ 7 − 1 = 7−1 = 6
12 12 12 12
2. ครูสนทนาและอภิปรายซักถามนกั เรยี นเกย่ี วกบั วิธกี ารลบเศษสว่ นที่มีตัวส่วนเทา่ กัน
193
3. ครูยกตัวอยา่ งโจทยห์ รอื ประโยคสญั ลักษณเ์ ก่ยี วกับการลบท่มี ตี ัวสว่ นเท่ากนั 3 – 4
ตวั อย่างมาอภิปรายซกั ถามนักเรยี น ถึงการแสดงวธิ ีการทาใหน้ กั เรยี นดเู ปน็ ตัวอย่าง เช่น
7 − 4 = 5 −3694−=
86 − 82 = 9
8 8 2
6 =
4. ครูให้นักเรียนทาใบงานท่ี 9 การลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน เมื่อเสร็จแล้วให้
นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถกู ต้อง จากน้นั ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั เฉลยกจิ กรรมในใบงานท่ี 9
ข้นั สรุป
1. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปสิ่งท่ีได้เรยี นรรู้ ่วมกัน ดงั นี้ การลบเศษส่วนท่ีมีตัวส่วน
เทา่ กันโดยใช้หลักการนาตัวเศษลบตัวเศษ ตวั ส่วนคงเดมิ
2.
สอื่ การเรยี นรู้
1. แถบเศษสว่ น
2. ใบงานที่ 9 การลบเศษสว่ นทมี่ ตี ัวสว่ นเทา่ กนั
การวัดผลและประเมินผล
สิง่ ทตี่ อ้ งการวดั วธิ ีวดั เครอื่ งมือวดั เกณฑก์ ารประเมิน
1. ดา้ นความรู้ ทากิจกรรมจากใบงานท่ี ใบงานที่ 9 70% ขน้ึ ไป ถือว่าผ่านเกณฑ์
9 การประเมิน
2. ดา้ นทกั ษะ สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ น แบบสังเกต นักเรยี นได้คะแนนระดับ
กระบวนการ ทกั ษะกระบวนการ พฤติกรรมดา้ น คุณภาพดขี นึ้ ไป
ทกั ษะกระบวนการ
3. ด้านคณุ ลักษณะ สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ น แบบสงั เกต นักเรยี นไดค้ ะแนนระดับ
พฤตกิ รรมดา้ น คุณภาพดขี น้ึ ไป
ทีพ่ ึงประสงค์ คณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ คุณลักษณะ
ท่ีพึงประสงค์
194
6.10 การลบเศษส่วนที่มตี ัวส่วนเท่ากัน (1 ช่ัวโมง)
กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน
1. ครทู บทวนความหมายของเศษสว่ นโดยแจกกระดาษขนาดกวา้ ง 4 นิว้ ยาว 8 น้วิ ให้
นกั เรียนทุกคนแล้วพบั แถบกระดาษเปน็ 8 ส่วนเทา่ ๆ กัน ขดี เส้นตามรอยพบั แลว้ ให้นักเรียนระบายสี
แดง 3 ส่วน เชน่
ครูใช้การถามตอบจนนกั เรียนตอบไดว้ ่า เศษสว่ นแสดงสว่ นทรี่ ะบายสี คือ 5
8
ขน้ั สอน
1. ครกู ล่าวทักทายและทบทวนเรื่องการลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากนั ว่า “การลบ
เศษส่วนท่ีมตี ัวสว่ นเทา่ กัน ใหน้ าตัวเศษมาลบกัน โดยมีตัวส่วนเท่าเดมิ ”
2. ครยู กตวั อย่างบนกระดานใชก้ ารถามตอบใหน้ กั เรียนชว่ ยกันหาผลบวก ดงั นี้
1) 4 - 1 = 4−1 = 3
8 8 8 8
4 2 4−2 2
2) 7 - 7 = 7 = 7
3) 6 - 1 = 6−1 = 5
9 9 9 9
6 3 6−3 3
4) 8 - 8 = 8 = 8
ครตู รวจสอบความถกู ตอ้ งอีกครั้ง และสนทนาและอภิปรายซักถามนักเรยี นเก่ียวกับ
วธิ ีการลบเศษส่วนทม่ี ีตวั ส่วนเทา่ กัน
3. ครใู หน้ กั เรยี นทาใบงานท่ี 10 การลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเทา่ กัน เม่อื เสรจ็ แล้วให้
นักเรยี นชว่ ยกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานท่ี 10
ข้นั สรปุ
1. ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรยี นรู้ร่วมกัน ดังน้ี การลบเศษส่วนท่ีมตี ัวส่วน
เท่ากันโดยใช้หลักการนาตัวเศษลบตัวเศษ ตวั ส่วนคงเดิม
ส่ือการเรยี นรู้
1. แถบเศษส่วน
2. ใบงานที่ 10 การลบเศษส่วนทม่ี ตี วั ส่วนเทา่ กนั
195
การวัดผลและประเมินผล
สง่ิ ทต่ี อ้ งการวดั วิธวี ัด เครือ่ งมือวัด เกณฑ์การประเมนิ
1. ดา้ นความรู้ ทากจิ กรรมจากใบงานท่ี ใบงานท่ี 10 70% ขนึ้ ไป ถือว่าผา่ นเกณฑ์
10 การประเมิน
2. ด้านทกั ษะ สังเกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสังเกต นักเรยี นได้คะแนนระดับ
กระบวนการ ทกั ษะกระบวนการ พฤติกรรมด้าน คุณภาพดีขึ้นไป
ทักษะกระบวนการ
3. ดา้ นคณุ ลักษณะ สังเกตพฤติกรรมดา้ น แบบสงั เกต นกั เรียนได้คะแนนระดับ
พฤติกรรมด้าน คุณภาพดีข้นึ ไป
ทพ่ี งึ ประสงค์ คณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ คณุ ลักษณะ
ทพ่ี ึงประสงค์
6.11 โจทย์ปัญหาการบวกเศษสว่ นทม่ี ีตัวส่วนเทา่ กัน (1 ชวั่ โมง)
กิจกรรมการเรียนรู้
ข้ันนาเขา้ สูบ่ ทเรียน
1. นักเรียนทบทวนความรู้ เรอ่ื ง การบวกเศษสว่ นทมี่ ีตวั สว่ นเท่ากนั โดยพจิ ารณาโจทย์
การบวกเศษสว่ นบนกระดาน 5 ขอ้ ผู้แทนนกั เรยี นออกมาแขง่ กันเติมคาตอบ นกั เรียนทเี่ หลอื ชว่ ยกัน
ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ดังนี้
1) 3 + 2 = 2) 7 + 1 =
3) 48 + 38 = 4) 29 + 94 =
9 9 7 7
1 5
5) 6 + 6 =
2. นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยใชค้ าถามกระตุ้นความคิด ดงั น้ี นกั เรียนมี
วธิ ีการหรอื ข้ันตอนใดอกี บ้างท่จี ะชว่ ยให้หาคาตอบจากโจทยป์ ัญหาเศษส่วนได้รวดเร็ว และถูกตอ้ ง
ขน้ั สอน
1. ครตู ดิ แถบโจทย์ปญั หาการบวกเศษส่วนบนกระดาน พร้อมทั้งอ่านโจทยใ์ ห้นักเรียน
อ่านตาม ดังนี้
196
มาลีซอ้ื ผกั คะน้า 1 กิโลกรมั ซือ้ ผักกาด 3 กิโลกรมั มาลีซื้อผักคะน้าและผกั กาด
5 5
รวมกนั ก่กี โิ ลกรัม
2. ครูใหน้ ักเรียนฝึกวเิ คราะห์โจทยป์ ญั หา โดยตอบคาถามดังตอ่ ไปนี้
- โจทย์กาหนดอะไรมาให้บ้าง (มาลีซื้อผักคะน้า 1 กิโ ล กรัม ซ้ือผักกาด 3
5 5
กิโลกรมั )
- โจทยถ์ ามอะไรบา้ ง (มาลซี ้อื ผักคะน้าและผักกาดรวมกนั กก่ี โิ ลกรัม)
- ใชว้ ิธีใดหาคาตอบ (วิธีบวก)
- เขียนเป็นประโยคสญั ลกั ษณ์ได้อยา่ งไร (15 + 3 = )
- คาตอบท่ีได้คือเท่าใด (54 กโิ ลกรมั ) 5
3. ครฝู กึ วิเคราะห์โจทย์ปญั หาการบวกเศษสว่ นตามลักษณะกจิ กรรมท่ีทามาข้างต้น อีก
2 – 3 ตวั อย่าง
4. ครใู หน้ ักเรยี นทาใบงานท่ี 11 โจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนท่ีมีตัวส่วนเท่ากนั เมื่อ
เสรจ็ แล้วใหน้ กั เรยี นช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนนั้ ครูและนกั เรียนรว่ มกนั เฉลยกิจกรรมใน ใบ
งานที่ 11
ขั้นสรปุ
1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังน้ี โจทย์ปัญหาเป็นการนา
จานวนหรือสถานการณ์ต่าง ๆ มาเขยี นเป็นคาถาม เพอ่ื ให้คิดหาคาตอบ ซ่งึ เราต้องอา่ นโจทย์ใหเ้ ขา้ ใจ
พิจารณาวา่ โจทยก์ าหนดอะไรใหบ้ ้าง โจทยถ์ ามหาอะไร ควรใช้วธิ กี ารแก้ไขปัญหาอย่างไร
สอื่ การเรยี นรู้
1. แถบโจทย์ปัญหาการบวกเศษสว่ น
2. ใบงานท่ี 11 โจทย์ปัญหาการบวกเศษสว่ นท่ีมตี ัวสว่ นเทา่ กัน
197
การวัดผลและประเมนิ ผล
ส่ิงที่ต้องการวดั วิธีวดั เคร่ืองมือวดั เกณฑ์การประเมนิ
1. ด้านความรู้ ทากจิ กรรมจากใบงานที่ ใบงานท่ี 11 70% ข้นึ ไป ถือวา่ ผ่านเกณฑ์
11 การประเมิน
2. ด้านทกั ษะ สงั เกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสังเกต นักเรียนไดค้ ะแนนระดบั
กระบวนการ ทกั ษะกระบวนการ พฤตกิ รรมดา้ น คุณภาพดขี นึ้ ไป
ทักษะกระบวนการ
3. ดา้ นคุณลกั ษณะ สังเกตพฤติกรรมดา้ น แบบสงั เกต นกั เรียนได้คะแนนระดบั
พฤตกิ รรมดา้ น คณุ ภาพดีขึ้นไป
ทพ่ี ึงประสงค์ คุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ คณุ ลักษณะ
ทพี่ งึ ประสงค์
6.12 โจทยป์ ญั หาการบวกเศษส่วนท่มี ตี ัวส่วนเทา่ กัน (1 ชว่ั โมง)
กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน
1. ครนู าโจทย์ปัญหาการบวกท่ีมคี าวา่ “มากกว่า” มาให้นักเรยี นฝกึ วิเคราะห์โจทย์และ
หาคาตอบ เชน่
ชใู จปลูกผกั บุ้งได้ 1 ของแปลง ปลกู คะน้ามากกวา่ ผักบงุ้ 2 ของแปลง
4 4
ชูใจปลูกผักคะนา้ เทา่ ไร
2. ครฝู กึ ใหน้ ักเรียนฝึกวเิ คราะหโ์ จทยโ์ ดยตอบคาถามตอ่ ไปนี้
- โจทย์ขอ้ นเี้ ก่ียวกบั อะไร (จานวนผกั คะน้าท่ชี ใู จปลกู ได้)
- โจทย์ถามอะไร (ชใู จปลกู ผกั คะนา้ เทา่ ไร)
198
- โจทยก์ าหนดอะไรมาให้บ้าง (ชใู จปลกู ผกั บุ้งได้ 1 ของแปลง ปลกู คะนา้ มากกว่า
4
2
ผักบุง้ 4 ของแปลง)
- ชูใจปลกู ผกั คะนา้ เท่าไร (43 ของแปลง)
- ปลกู ผักคะนา้ มากกวา่ หรอื นอ้ ยกวา่ ผักบุ้ง (มากกวา่ )
- เป็นไปไดไ้ หมชูใจจะปลูกผักคะนา้ น้อยกวา่ 1 (เปน็ ไปไมไ่ ด้)
4
ขัน้ สอน
1. ครูตดิ แถบโจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนบนกระดาน ให้นกั เรยี นคดิ หาคาตอบ ดังนี้
ในแต่ละเดอื นปา้ สรุ ียจ์ ่ายค่าอาหาร 3 ของเงินเดือน จ่ายคา่ เช่าบา้ น 1 ของเงินเดือน
8 8
ป้าสุรยี ์จ่ายค่าอาหารและคา่ เชา่ บา้ นคิดเปน็ เศษสว่ นเท่าใดของเงินเดือน
ครูให้นกั เรยี นทุกคนอา่ นโจทย์ปัญหาพร้อมกัน แล้วฝกึ วิเคราะห์โจทย์และหาคาตอบ
โดยให้นักเรียนตอบคาถาม ดงั น้ี
- โจทย์ถามอะไร (ปา้ สรุ ยี ์จา่ ยคา่ อาหารและคา่ เชา่ บ้านคิดเป็นเศษส่วนเทา่ ใดของ
เงินเดือน)
- โจทยก์ าหนดอะไรให้บ้าง (ป้าสรุ ีย์จ่ายค่าอาหาร 3 ของเงินเดือน จา่ ยคา่ เช่า
8
1
บา้ น 8 ของเงนิ เดอื น)
ครูใช้การถามตอบและอธิบายแนะนาวิธีคิดเพื่อฝึกนักเรียนร้จู ักวางแผนแก้ปัญหา
อาจใชก้ ารเขียนแผนภาพในการหาคาตอบ ดังนี้
เงินเดือนทงั้ หมด
คา่ อาหาร 3 คา่ เชา่ บ้าน 1
8 8
- ป้าสุรีย์จา่ ยค่าอาหารและค่าเช่าบ้านคิดเป็นเศษสว่ นเทา่ ใดของเงนิ เดือน (38 + 1
8
ของเงินเดือน)
199
- ได้คาตอบเทา่ ใดและสรุปคาตอบได้อยา่ งไร (84 , ดังน้นั ปา้ สรุ ีย์จ่ายคา่ อาหาร
และค่าเช่าบา้ น 4 ของเงินเดอื น)
8
- ตรวจสอบคาตอบได้อยา่ งไร
ป้าสุรียจ์ ่ายคา่ อาหารและคา่ เช่าบ้าน 4 ของเงนิ เดือน
เป็นคา่ อาหาร 83 ของเงนิ เดอื น
8
4 3 1
ดงั นน้ั เปน็ ค่าเชา่ บ้าน 8 - 8 = 8 ของเงนิ เดือน
2. ครูฝกึ วิเคราะหโ์ จทยป์ ญั หาการบวกเศษส่วนตามลักษณะกิจกรรมทที่ ามาขา้ งต้น อีก
2 – 3 ตัวอยา่ ง
3. ครใู ห้นักเรียนทาใบงานท่ี 12 โจทยป์ ัญหาการบวกเศษส่วนท่ีมีตวั ส่วนเทา่ กัน เมื่อ
เสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครแู ละนักเรยี นร่วมกนั เฉลยกิจกรรมใน ใบ
งานที่ 12
ข้ันสรปุ
1. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปสิง่ ทไ่ี ด้เรยี นรรู้ ว่ มกัน ดงั น้ี การวเิ คราะห์โจทย์ปัญหาการ
บวกและหาคาตอบและหาคาตอบได้วา่ การแก้โจทย์ปัญหามีข้นั ตอนดังนี้
- ทาความเข้าใจโจทย์
- วางแผนแก้ปญั หา
- ดาเนินการตามแผน
- ตรวจสอบ
ส่ือการเรียนรู้
1. แถบโจทย์ปญั หาการบวกเศษส่วน
2. ใบงานท่ี 12 โจทย์ปัญหาการบวกเศษสว่ นที่มีตัวส่วนเท่ากัน
200
การวัดผลและประเมินผล
สงิ่ ทต่ี อ้ งการวดั วิธวี ดั เครื่องมือวดั เกณฑก์ ารประเมนิ
1. ดา้ นความรู้ ทากิจกรรมจากใบงานท่ี ใบงานที่ 12 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์
12 การประเมนิ
2. ด้านทกั ษะ สังเกตพฤติกรรมด้าน แบบสงั เกต นักเรยี นไดค้ ะแนนระดับ
กระบวนการ ทกั ษะกระบวนการ พฤตกิ รรมดา้ น คณุ ภาพดขี ้นึ ไป
ทักษะกระบวนการ
3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะ สงั เกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสังเกต นักเรยี นได้คะแนนระดับ
พฤติกรรมดา้ น คุณภาพดีขึน้ ไป
ทพี่ งึ ประสงค์ คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ คุณลักษณะ
ท่พี ึงประสงค์
6.13 โจทย์ปัญหาการบวกเศษสว่ นท่มี ีตวั สว่ นเท่ากัน (1 ชว่ั โมง)
กจิ กรรมการเรียนรู้
ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรียน
1. ครูทบทวนความรู้เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน
จากนั้นครูตดิ บัตรโจทย์ปญั หา แลว้ ครสู ุ่มนกั เรยี น 2-3 คน ออกมาแสดงขัน้ ตอนการแก้โจทย์ปัญหา
หน้าชัน้ เรยี น โดยครูและนกั เรียนท่เี หลอื ร่วมกันตรวจสอบความถกู ต้อง
ขั้นสอน
1. ครูนาแผนภูมิแสดงตัวอย่างโจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนท่ีมีตัวส่วนเท่ากัน มา
อภิปรายซักถามนักเรียนเกี่ยวกับการวิเคราะห์โจทย์ การเขียนโจทย์ปัญหา ประโยคสัญลกั ษณ์
การแสดงวิธที าเพอ่ื หาคาตอบ
สม้ ถุงหน่ึงหนกั 1 กิโลกรมั ส้มอีกถงุ หนึ่ง 2 กโิ ลกรมั เม่อื ชั่งรวมกนั จะหนักก่ี
6 6
กิโลกรัม
วเิ คราะห์โจทยด์ ังน้ี
1. โจทย์กาหนดอะไรให้บา้ ง (สม้ ถงุ หน่งึ หนัก 1 กิโลกรมั สม้ อกี ถุงหนกั 2 กิโลกรัม)
6 6
201
2. โจทย์ตอ้ งการทราบอะไร (เมื่อชง่ั รวมกนั จะหนกั กีก่ โิ ลกรัม)
3. โจทยข์ ้อนีท้ าโดยวธิ ีใด (นาสม้ ถุงหนง่ึ หนัก 1 กโิ ลกรัม รวมกับสม้ อีกถุงหนัก 2 กิโลกรมั )
6 6
1 2
ประโยคสญั ลกั ษณ์ 6 + 6 =
วิธีทา สม้ ถุงหน่ึงหนกั 1 กโิ ลกรมั
ตอบ กโิ ลกรมั
ส้มอกี ถุงหนัก 26 กิโลกรมั
เมื่อชง่ั รวมกนั จะหนัก 1 + 2 =636
6 6
3
เมอื่ ช่งั รวมกันจะหนัก 6 กโิ ลกรมั
2. ครูฝึกวเิ คราะหโ์ จทยป์ ัญหาการบวกเศษสว่ นท่ีมีตัวส่วนเทา่ กันตามลักษณะกิจกรรม
ท่ที ามาข้างต้นอีก 2 – 3 ตวั อยา่ ง
3. ครใู ห้นักเรยี นทาใบงานที่ 13 โจทย์ปญั หาการบวกเศษสว่ นท่ีมีตัวส่วนเท่ากัน เม่ือ
เสรจ็ แล้วให้นกั เรียนชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง จากนนั้ ครูและนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยกิจกรรมใน ใบ
งานท่ี 13
ขัน้ สรุป
1. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปส่ิงท่ีได้เรียนรูร้ ่วมกัน ดงั น้ี การแก้โจทยป์ ัญหาการบวก
เศษสว่ นทมี่ ีตวั สว่ นเท่ากนั ทาได้โดยการวิเคราะหโ์ จทย์ปัญหาเพ่ือทาความเขา้ ใจโจทย์วางแผนวา่ จะใช้
วิธใี ดหาคาตอบ แล้วลงมือทาโดยการแสดงวิธีทาหาคาตอบ และตรวจสอบคาตอบ เราสามารถนา
ความรู้เร่อื ง การแกโ้ จทยป์ ัญหาการบวกเศษส่วน ไปใช้แก้ปญั หาเกีย่ วกับจานวนต่างๆ ในชวี ิตประจาวนั
ได้
ส่อื การเรียนรู้
1. แผนภมู แิ สดงตัวอยา่ งโจทย์ปัญหาการบวกเศษสว่ นที่มีตวั ส่วนเทา่ กัน
2. ใบงานท่ี 13 โจทย์ปัญหาการบวกเศษสว่ นทมี่ ีตวั สว่ นเท่ากัน
202
การวดั ผลและประเมินผล
สิง่ ทต่ี ้องการวดั วิธวี ัด เครื่องมอื วัด เกณฑก์ ารประเมิน
1. ด้านความรู้ ทากจิ กรรมจากใบงานท่ี ใบงานที่ 13 70% ขนึ้ ไป ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
13 การประเมิน
2. ด้านทักษะ สงั เกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสังเกต นักเรียนไดค้ ะแนนระดับ
กระบวนการ ทกั ษะกระบวนการ พฤติกรรมดา้ น คุณภาพดีขน้ึ ไป
ทกั ษะกระบวนการ
3. ดา้ นคุณลกั ษณะ สังเกตพฤติกรรมด้าน แบบสังเกต นักเรียนได้คะแนนระดับ
พฤติกรรมด้าน คณุ ภาพดขี ้ึนไป
ท่ีพึงประสงค์ คุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ คณุ ลกั ษณะ
ทีพ่ ึงประสงค์
6.14 โจทย์ปญั หาการลบเศษสว่ นทีม่ ีตวั ส่วนเทา่ กัน (1 ชวั่ โมง)
กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นาเข้าสูบ่ ทเรียน
1. นักเรียนทบทวนความรู้ เรอ่ื ง การลบเศษส่วนทีม่ ีตวั ส่วนเทา่ กนั โดยพจิ ารณาโจทย์
การบวกเศษสว่ นบนกระดาน 5 ข้อ ผ้แู ทนนกั เรียนออกมาแขง่ กันเตมิ คาตอบ นกั เรยี นทเ่ี หลือชว่ ยกัน
ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ดังนี้
1) 3 - 2 = 2) 7 - 1 =
8 8 9 9
4 3 4 2
3) 55 - 25 = 4) 7 - 7 =
5) 6 - 6 =
2. นักเรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยใช้คาถามกระตุ้นความคิด ดงั น้ี นกั เรยี นมี
วิธกี ารหรอื ขัน้ ตอนใดอกี บา้ งทจ่ี ะช่วยใหห้ าคาตอบจากโจทยป์ ัญหาเศษสว่ นไดร้ วดเร็ว และถกู ตอ้ ง
ข้ันสอน
1. ครตู ดิ แถบโจทย์ปัญหาการลบเศษสว่ นบนกระดาน พรอ้ มทง้ั อา่ นโจทย์ใหน้ ักเรียนอ่าน
ตาม ดงั นี้
ดามีเชือกอยู่ 5 เมตร แบง่ ใหน้ อ้ ง 1 เมตร ดายังเหลอื เชอื กอกี กเ่ี มตร
10 10
203
2. ครูให้นักเรียนฝึกวเิ คราะหโ์ จทยป์ ัญหา โดยตอบคาถามดังต่อไปน้ี
- โจทยก์ าหนดอะไรมาใหบ้ า้ ง (ดามเี ชือกอยู่ 5 เมตร แบง่ ให้นอ้ ง 1 เมตร)
10 10
- โจทย์ถามอะไรบา้ ง (ดายงั เหลอื เชอื กอกี ก่ีเมตร)
- ใช้วธิ ีใดหาคาตอบ (วธิ ีลบ)
- เขยี นเป็นประโยคสัญลักษณไ์ ดอ้ ยา่ งไร (150 - 1 = )
- คาตอบท่ีไดค้ อื เทา่ ใด (140 เมตร) 10
3. ครูฝึกวเิ คราะหโ์ จทยป์ ญั หาการลบเศษส่วนตามลักษณะกิจกรรมทีท่ ามาขา้ งต้นอีก 2
– 3 ตวั อย่าง
4. ครูใหน้ ักเรียนทาใบงานที่ 14 โจทยป์ ญั หาการลบเศษส่วนท่ีมีตัวส่วนเทา่ กัน เมื่อ
เสร็จแล้วให้นักเรยี นช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนกั เรียนรว่ มกนั เฉลยกจิ กรรมใน ใบ
งานที่ 14
ข้นั สรุป
1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ โจทย์ปัญหาเป็นการนา
จานวนหรือสถานการณต์ ่าง ๆ มาเขยี นเป็นคาถาม เพ่ือใหค้ ิดหาคาตอบ ซึ่งเราต้องอา่ นโจทยใ์ หเ้ ข้าใจ
พจิ ารณาว่าโจทยก์ าหนดอะไรให้บ้าง โจทย์ถามหาอะไร ควรใช้วธิ กี ารแก้ไขปัญหาอย่างไร
ส่อื การเรียนรู้
1. แถบโจทยป์ ญั หาการลบเศษส่วน
2. ใบงานท่ี 14 โจทยป์ ัญหาการลบเศษส่วนทีม่ ตี ัวสว่ นเทา่ กัน
204
การวัดผลและประเมินผล
สง่ิ ที่ตอ้ งการวัด วิธีวัด เคร่อื งมือวดั เกณฑก์ ารประเมิน
1. ดา้ นความรู้ ทากิจกรรมจากใบงานที่ ใบงานที่ 14 70% ขึน้ ไป ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์
14 การประเมนิ
2. ด้านทักษะ สงั เกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสังเกต นักเรียนไดค้ ะแนนระดบั
กระบวนการ ทกั ษะกระบวนการ พฤตกิ รรมด้าน คณุ ภาพดขี ้นึ ไป
ทกั ษะกระบวนการ
3. ด้านคณุ ลักษณะ สังเกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสงั เกต นกั เรยี นได้คะแนนระดบั
พฤติกรรมด้าน คุณภาพดขี น้ึ ไป
ทีพ่ งึ ประสงค์ คณุ ลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ คณุ ลกั ษณะ
ที่พึงประสงค์
6.15 โจทย์ปญั หาการลบเศษส่วนท่ีมตี วั สว่ นเทา่ กัน (1 ชว่ั โมง)
กจิ กรรมการเรียนรู้
ขั้นนาเข้าสบู่ ทเรยี น
1. ครูนาโจทย์ปญั หาการบวกทมี่ ีคาว่า “นอ้ ยกวา่ ” มาให้นกั เรียนฝกึ วเิ คราะห์โจทยแ์ ละ
หาคาตอบ เช่น
ชใู จปลกู ผักบุ้งได้ 5 ของแปลง ปลกู คะนา้ น้อยกวา่ ผกั บุ้ง 3 ของแปลง
7 7
ชูใจปลูกผักคะน้าเท่าไร
2. ครูฝกึ ใหน้ กั เรยี นฝึกวเิ คราะหโ์ จทยโ์ ดยตอบคาถามตอ่ ไปนี้
- โจทยข์ อ้ นี้เก่ียวกับอะไร (จานวนผักคะน้าท่ีชูใจปลกู ได้)
- โจทย์ถามอะไร (ชใู จปลกู ผักคะน้าเทา่ ไร)
- โจทย์กาหนดอะไรมาใหบ้ า้ ง (ชใู จปลูกผักบงุ้ ได้ 5 ของแปลง ปลกู คะน้านอ้ ยกว่า
7
3
ผักบงุ้ 7 ของแปลง)
- ชใู จปลกู ผักคะนา้ เท่าไร (27 ของแปลง)
- ปลูกผักคะน้ามากกว่าหรือน้อยกว่าผักบงุ้ (น้อยกวา่ )
205
- เปน็ ไปได้ไหมชูใจจะปลกู ผักคะน้ามากกวา่ 5 (เป็นไปไมไ่ ด้)
7
ขั้นสอน
1. ครตู ดิ แถบโจทย์ปญั หาการลบเศษสว่ นบนกระดาน ใหน้ กั เรยี นคดิ หาคาตอบ ดังนี้
วันแรกพลอยถักผ้าพนั คอได้ 3 เมตร วนั ทีส่ องถกั ได้อีก 2 เมตร วนั แรกพลอยถัก
5 5
ผ้าพันคอได้มากกว่าวนั ทีส่ องกเี่ มตร
ครูใหน้ ักเรียนทกุ คนอ่านโจทย์ปัญหาพร้อมกัน แลว้ ฝกึ วเิ คราะหโ์ จทย์และหาคาตอบ
โดยให้นักเรยี นตอบคาถาม ดงั นี้
- โจทย์ถามอะไร (วนั แรกพลอยถักผ้าพันคอได้มากกวา่ วนั ท่ีสองกีเ่ มตร)
- โจทย์กาหนดอะไรใหบ้ า้ ง (วนั แรกพลอยถกั ผา้ พันคอได้ 3 เมตร วันทีส่ องถักได้
5
2
อกี 5 เมตร)
ครใู ชก้ ารถามตอบและอธิบายแนะนาวธิ ีคิดเพ่ือฝึกนักเรียนรจู้ กั วางแผนแก้ปัญหา
อาจใชก้ ารเขียนแผนภาพในการหาคาตอบ ดงั นี้
วันแรกถกั ได้ 3 เมตร
5
วนั ท่สี องถกั ได้ 2 เมตร
5
- วันแรกพลอยถักผ้าพันคอไดม้ ากกว่าวันท่ีสองก่เี มตร (35 - 2 เมตร)
5
1
- ได้คาตอบเท่าใดและสรุปคาตอบได้อย่างไร ( 5 , ดังน้ัน วันแรกพลอยถัก
ผา้ พันคอได้มากกวา่ วนั ที่สอง 1 เมตร)
5
- ตรวจสอบคาตอบไดอ้ ยา่ งไร
วันแรกพลอยถกั ผ้าพนั คอไดม้ ากกว่าวันท่ีสอง 1 เมตร
วันทส่ี องพลอยถกั ผ้าพนั คอได้ 52 เมตร
5
206
ดังนั้น วนั แรกพลอยถักผา้ พนั คอได้ 1 + 2 = 3 เมตร
5 5 5
2. ครฝู ึกวิเคราะห์โจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนตามลักษณะกจิ กรรมท่ีทามาข้างต้นอีก 2
– 3 ตัวอยา่ ง
3. ครใู ห้นักเรยี นทาใบงานท่ี 15 โจทย์ปญั หาการลบเศษส่วนท่ีมีตัวส่วนเทา่ กัน เมื่อ
เสรจ็ แลว้ ให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนน้ั ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันเฉลยกิจกรรมใน ใบ
งานที่ 15
ข้นั สรปุ
1. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปสง่ิ ท่ีได้เรียนรรู้ ่วมกนั ดงั น้ี การวเิ คราะห์โจทยป์ ัญหาการ
ลบและหาคาตอบและหาคาตอบไดว้ ่าการแกโ้ จทย์ปญั หามขี ้ันตอนดังน้ี
- ทาความเขา้ ใจโจทย์
- วางแผนแก้ปัญหา
- ดาเนนิ การตามแผน
- ตรวจสอบ
สื่อการเรยี นรู้
1. แถบโจทย์ปัญหาการลบเศษสว่ น
2. ใบงานท่ี 15 โจทยป์ ัญหาการลบเศษสว่ นท่ีมตี ัวส่วนเทา่ กนั
การวดั ผลและประเมนิ ผล
สงิ่ ท่ตี อ้ งการวัด วิธวี ัด เครื่องมอื วัด เกณฑ์การประเมนิ
1. ดา้ นความรู้ ทากจิ กรรมจากใบงานท่ี ใบงานที่ 15 70% ขึน้ ไป ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์
15 การประเมนิ
2. ด้านทกั ษะ สังเกตพฤติกรรมดา้ น แบบสังเกต นักเรยี นได้คะแนนระดบั
กระบวนการ ทักษะกระบวนการ พฤตกิ รรมดา้ น คณุ ภาพดขี ึ้นไป
ทกั ษะกระบวนการ
3. ด้านคุณลักษณะ สังเกตพฤติกรรมด้าน แบบสังเกต นกั เรยี นไดค้ ะแนนระดบั
พฤติกรรมดา้ น คุณภาพดขี ึ้นไป
ทพ่ี ึงประสงค์ คุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ คณุ ลักษณะ
ท่พี ึงประสงค์
207
6.16 โจทย์ปัญหาการลบเศษสว่ นทมี่ ตี วั สว่ นเท่ากัน (1 ชว่ั โมง)
กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้นั นาเขา้ สู่บทเรยี น
1. ครทู บทวนความรูเ้ รอ่ื ง การแก้โจทยป์ ัญหาการลบเศษสว่ นทม่ี ตี วั ส่วนเท่ากัน จากน้นั
ครูติดบตั รโจทย์ปัญหา แลว้ ครสู มุ่ นกั เรียน 2-3 คน ออกมาแสดงข้นั ตอนการแก้โจทย์ปัญหาหน้าชั้น
เรียน โดยครูและนักเรียนท่ีเหลือร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้อง
ข้ันสอน
1. ครูนาแผนภูมิแสดงตัวอย่างโจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน มา
อภิปรายซักถามนักเรียนเกี่ยวกับการวิเคราะห์โจทย์ การเขียนโจทย์ปัญหา ประโยคสัญลกั ษณ์
การแสดงวิธที าเพ่อื หาคาตอบ
เชือกเส้นหน่งึ ยาว 7 เมตร อกี เสน้ หนง่ึ ยาว 2 เมตร เชอื กทง้ั สองยาวตา่ งกันเทา่ ไร
9 9
วิเคราะหโ์ จทย์ดังนี้
1. โจทย์กาหนดอะไรให้บ้าง (เชือกเส้นหน่ึงยาว 7 เมตร อีกเสน้ หน่ึงยาว 2 เมตร)
9 9
2. โจทยต์ ้องการทราบอะไร (เชือกท้ังสองยาวต่างกนั เทา่ ไร)
3. โจทย์ขอ้ นท้ี าโดยวิธใี ด (นาเชือกเส้นทสี่ องลบออกจากเชือกเสน้ ทหี่ นง่ึ )
ประโยคสัญลกั ษณ์ 7 - 2 =
9 9
7
วธิ ที า เชอื กเสน้ หนึ่งยาว เมตร
29 เมตร
อกี เสน้ หน่ึงยาว เมตร
95
เชอื กทง้ั สองเส้นยาวต่างกัน 7 - 2 = 9
9 9
5
ตอบ เชือกท้ังสองเส้นยาวต่างกนั 9 เมตร
2. ครฝู กึ วิเคราะห์โจทยป์ ญั หาการลบเศษสว่ นทม่ี ีตัวส่วนเทา่ กันตามลกั ษณะกจิ กรรมที่
ทามาข้างตน้ อกี 2 – 3 ตวั อย่าง
208
3. ครูใหน้ กั เรียนทาใบงานท่ี 16 โจทย์ปัญหาการลบเศษสว่ นท่ีมีตัวส่วนเท่ากัน เมื่อ
เสรจ็ แล้วใหน้ กั เรยี นช่วยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง จากนน้ั ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันเฉลยกิจกรรมในใบ
งานท่ี 16
ข้นั สรปุ
1. ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปสิ่งที่ไดเ้ รยี นรรู้ ่วมกัน ดงั นี้ การแกโ้ จทย์ปัญหาการ ลบ
เศษสว่ นทมี่ ตี ัวสว่ นเทา่ กัน ทาได้โดยการวิเคราะห์โจทยป์ ญั หาเพ่ือทาความเข้าใจโจทย์วางแผนวา่ จะใช้
วิธีใดหาคาตอบ แลว้ ลงมอื ทาโดยการแสดงวิธีทาหาคาตอบ และตรวจสอบคาตอบ เราสามารถนา
ความรเู้ ร่ือง การแกโ้ จทย์ปัญหาการบวกเศษส่วน ไปใช้แก้ปญั หาเกย่ี วกบั จานวนต่างๆ ในชีวติ ประจาวัน
ได้
ส่อื การเรียนรู้
1. แผนภมู แิ สดงตัวอยา่ งโจทยป์ ญั หาการลบเศษส่วนทม่ี ตี ัวสว่ นเทา่ กัน
2. ใบงานที่ 16 โจทยป์ ัญหาการลบเศษส่วนทม่ี ตี ัวส่วนเท่ากนั
การวดั ผลและประเมนิ ผล
สิ่งทต่ี ้องการวดั วธิ วี ัด เครอื่ งมือวัด เกณฑ์การประเมิน
1. ดา้ นความรู้ ทากิจกรรมจากใบงานที่ ใบงานท่ี 16 70% ขนึ้ ไป ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
16 การประเมิน
2. ด้านทกั ษะ สงั เกตพฤติกรรมด้าน แบบสังเกต นักเรียนไดค้ ะแนนระดับ
กระบวนการ ทักษะกระบวนการ พฤตกิ รรมด้าน คณุ ภาพดีขึน้ ไป
ทักษะกระบวนการ
3. ด้านคณุ ลกั ษณะ สังเกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสังเกต นักเรียนได้คะแนนระดับ
พฤตกิ รรมดา้ น คณุ ภาพดขี นึ้ ไป
ท่ีพงึ ประสงค์ คุณลักษณะทพี่ ึงประสงค์ คณุ ลกั ษณะ
ทีพ่ ึงประสงค์
209
แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 7
กลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 3 วชิ าคณติ ศาสตร์ รหัสวิชา ค13101
หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 การคณู เวลาเรียน 16 ชัว่ โมง
............................................................................................................................. ............................... ....
1. สาระท่ี 1 จานวนและพีชคณติ
2. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ค 1.1 : เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การ
ดาเนินการของจานวน ผลท่เี กดิ ขึน้ จากการดาเนินการ สมบัตขิ องการ
ดาเนนิ การ และการนาไปใช้
3. ตัวชว้ี ัด
ค 1.1 ป.3/6 : หาค่าของตวั ไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลกั ษณ์ แสดงการคณู ของจานวน 1
หลักกับจานวนไมเ่ กิน 4 หลกั และจานวน 2 หลกั กบั จานวน 2 หลกั
ค 1.1 ป.3/9 : แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา 2 ขั้นตอน ของจานวนนับไม่เกิน
100,000 และ 0
4. สาระสาคัญ
การคูณจานวนทมี่ ีหนงึ่ หลกั กบั จานวนสองหลัก เรม่ิ จากคูณในหลกั หนว่ ยก่อนแล้วจึงคูณใน
หลักสบิ ซึ่งอย่ถู ัดไปทางซา้ ยมือ เม่อื ผลคูณในหลักหน่วยครบสิบหรือมากกว่าสบิ ให้ใสผ่ ลลัพธ์เฉพา ะ
หลกั หน่วย สว่ นผลลพั ธห์ ลกั สบิ น้นั ใหท้ ดไปใหผ้ ลลัพธข์ องการคณู ในหลกั สบิ ตอ่ ไป
5. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
5.1 ด้านความรู้
1) สามารถหาผลคูณจานวนทม่ี หี นงึ่ หลกั กบั จานวนสองหลักได้ (K)
2) เขยี นแสดงวิธีหาคาตอบโดยใช้การคูณจานวนหนงึ่ หลกั กบั จานวนไม่เกนิ ส่ีหลักจาก
โจทย์ที่กาหนดให้ได้ถกู ต้อง (P)
3) นาความรเู้ ก่ียวกบั การคณู จานวนหน่ึงหลักกับจานวนไมเ่ กินส่หี ลกั ไปใช้แกป้ ัญหาทาง
คณิตศาสตร์ได้ (A)
5.2 ด้านทักษะกระบวนการ
1) ทกั ษะการแก้ปัญหา
2) ทักษะการส่ือสารและสอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์
210
3) ทักษะการเชือ่ มโยง
4) ทักษะการให้เหตุผล
5) การคดิ สร้างสรรค์
5.3 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
1) มวี นิ ยั
2) ใฝ่เรยี นรู้
3) มงุ่ มัน่ ในการทางาน
6. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน
6.1 ความสามารถในการสื่อสาร
6.2 ความสามารถในการคิด
6.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา
6.4 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
6.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. การพฒั นา 3R
7.1 ทักษะด้านการอ่าน
7.2 ทักษะด้านการเขียน
7.3 ทกั ษะทางคณิตศาสตร์
8. การพัฒนา 8C
8.1 ทกั ษะด้านการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณฯ
-
8.2 ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรคฯ์
-
8.3 ทักษะดา้ นความร่วมมอื ฯ
ความร่วมมอื ในการทางานกลมุ่
8.4 ทักษะดา้ นความเขา้ ใจต่างของวฒั นธรรมฯ
การทางานร่วมกนั ในการทางานกลุ่ม
8.5 ทักษะด้านการสอ่ื สารฯ
-
8.6 ทกั ษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ฯ
-
8.7 ทกั ษะอาชพี ฯ
-
8.8 ทกั ษะความมีเมตตา คณุ ธรรมฯ
การส่งงานตรงตามเวลาท่กี าหนด
211
9. การบรู ณาการ
-
7.1 การคูณจานวนหน่งึ หลักกบั จานวนสองหลัก (1 ช่ัวโมง)
กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขั้นนาเขา้ สู่บทเรียน
1. ครนู าเขา้ สูบ่ ทเรียน เพ่ือทบทวนการคูณ โดยการแจกโจทย์การคูณใหน้ ักเรียนหา
คาตอบ ดงั นี้
- 3 × 10 = - 20 × 5 =
- 40 × 6 = - 7 × 30 =
ข้นั สอน
1. ครูเขียนโจทย์การคูณจานวนท่ีมีหนง่ึ หลักกับจานวนที่มีสองหลักให้ นักเรียนหา
คาตอบโดยอปุ กรณข์ องจริงกอ่ น เชน่
3 × 35 =
2. ให้นกั เรียนนามดั ไม้ที่ครบสบิ และไมท้ ไี่ มค่ รบสิบมาจัดเป็น 3 กอง กองละ 35 อัน
ดังรูป
3 กลมุ่ ของ 5 หรอื 3 × 5 = 15
หรอื 1 สบิ กบั 5 หน่วย
212
3 กลุม่ ของ 30 หรือ 3 × 30 = 90
ดงั นนั้ 3 × 35 = 9 สบิ กบั 1 สิบ กับ 5 หนว่ ย
= 90 + 10 + 5 = 105
รปู ท่ี 2
3. ครูนาโจทยก์ ารคูณ 3 × 35 มาเขยี นในแนวตัง้ ให้ตวั เลขตรงกบั หลักหน่วยและหลัก
สบิ ดังน้ี
หลักสบิ หลกั หน่วย
3 5 ×
3
4. ให้นักเรยี นปฏิบตั ิตามขั้นตอนตอ่ ไปนี้
ข้ันที่ 1 คูณในหลกั หน่วย
หลกั สบิ หลกั หน่วย × 15 ได้มาจาก
3 5 3×5
3
1 5
213
ข้ันท่ี 2 คณู ในหลกั สิบ
หลักสบิ หลักหน่วย
3 5 ×
3
15 90 ไดม้ าจาก
3 × 3 สิบ
90
10 5
105 ได้มาจาก 15 + 90
5. ครูแนะนาการเขยี นแสดงวธิ ีหาผลคูณสั้น ๆ ดงั น้ี
1
35×
3
105
6. ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ ว่าการเขยี นแสดงวิธที าในแนวต้งั โดยเขียนจานวนไวค้ นละบรรทัด
บรรทดั บน เรยี กว่า ตวั ตัง้ สว่ นบรรทัดล่าง เรียกว่า ตวั คูณ และให้นาจานวนที่มหี ลกั มากกว่าเป็น ตัว
ตั้ง จากนั้นหาผลคูณ ดงั นี้ ขนั้ ท่ี 1 นา 3 ไปคณู กับ 5 ในหลักหนว่ ยได้ 15 หรือ 1 สบิ กบั 5 หน่วย
เขยี น 5 ในหลักหนว่ ย ทด 1 สบิ ในหลักสบิ ขั้นท่ี 2 นา 3 ไปคณู กบั 3 ในหลกั สบิ ได้ 9 สบิ รวมกบั ทด
อกี 1 สิบ เปน็ 10 สิบ เขียน 0 ในหลักสิบ และ 1 ในหลักร้อย
7. ครูใหน้ ักเรยี นสังเกตว่า ตัวทดจากหลกั หนว่ ยในหลักสิบนน้ั จะนาไปรวมหลงั จา กท่ี
ได้ผลคณู ในหลักสบิ แลว้
8. ครใู ห้นกั เรียนทาใบงานท่ี 1 การคณู จานวนหน่ึงหลกั กับจานวนสองหลกั เมือ่ เสร็จ
แล้วให้นักเรียนชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง จากน้ันครแู ละนกั เรียนรว่ มกันเฉลยกจิ กรรมในใบงานที่
1
214
ขั้นสรุป
1. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรปุ สิ่งทไี่ ด้เรียนร้รู ว่ มกนั ดงั นี้
- การคณู จานวนท่ีมหี นงึ่ หลกั กบั จานวนทม่ี ีสองหลกั ตอ้ งคณู จานวนในหลักหน่วย
ก่อน แล้วจึงคณู จานวนในหลักสิบ ถา้ ผลคณู ของจานวนในหลักหน่วยเป็นสองหลักให้ทดจานวนที่ครบ
สบิ ไปหลักสิบ และนาตวั ทดไปรวมหลังจากท่ีได้ผลคณู ในหลักสิบแลว้
- การแสดงวธิ ีหาผลคูณในแนวต้ัง ใหเ้ ขียนจานวนไว้คนละบรรทัด บรรทัดบน
เรยี กว่า ตวั ตง้ั บรรทัดลา่ ง เรยี กวา่ ตวั คณู สว่ นมากนิยมนาจานวนทม่ี ีจานวนหลักมากกว่าเปน็ ตัวต้ัง
และจานวนทีม่ ีจานวนหลกั น้อยกว่าเปน็ ตวั คณู
ส่ือการเรียนรู้
ใบงานที่ 1 การคณู จานวนหน่งึ หลักกบั จานวนสองหลัก
การวดั ผลและประเมินผล
สิง่ ท่ตี อ้ งการวัด วิธวี ัด เครอื่ งมือวัด เกณฑ์การประเมิน
1. ด้านความรู้ ทากิจกรรมจากใบงานท่ี ใบงานท่ี 1 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
1 การประเมนิ
2. ด้านทักษะ สงั เกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสงั เกต นักเรยี นได้คะแนนระดบั
กระบวนการ ทกั ษะกระบวนการ พฤติกรรมดา้ น คุณภาพดีข้ึนไป
ทกั ษะกระบวนการ
3. ด้านคณุ ลักษณะ สังเกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสงั เกต นกั เรยี นไดค้ ะแนนระดับ
พฤตกิ รรมด้าน คณุ ภาพดขี ้นึ ไป
ที่พงึ ประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ คุณลกั ษณะ
ทพี่ งึ ประสงค์
7.2 การคณู จานวนหนึ่งหลักกบั 100, 200, 300, ..., 900 (1 ชว่ั โมง)
กจิ กรรมการเรยี นรู้
ข้นั นาเขา้ สู่บทเรยี น
1. ครนู าแผ่นปา้ ยท่ีจดั ทาโดยติดภาพธนบตั รฉบับละ 100 ไว้บนกระดานหนา้ ห้อง ดังน้ี
215
2. ครูใหน้ กั เรียนร่วมกันอภิปรายโดยการตง้ั คาถาม ดังน้ี
- มีธนบัตรฉบับละ 100 บาท กี่ฉบับ (จานวน 3 ฉบับ)
- คิดเปน็ เงินทง้ั หมดเทา่ ไร (300 บาท)
- นกั เรยี นมวี ิธคี ดิ ในการหาคาตอบอย่างไรบา้ ง (นามาบวกกัน, นามาคณู กนั )
- ถา้ นามาคณู กนั เราจะใช้ตัวเลขใดคณู กนั บ้าง (3 × 100 หรอื 100 × 3)
- เขยี นเปน็ ประโยคสัญลกั ษณ์การคณู ไดอ้ ยา่ งไร (3 × 100 = หรือ 100 × 3
= )
ขน้ั สอน
1. ใหน้ ักเรียนศกึ ษาส่ือการคณู ของ 3 × 300 แลว้ รว่ มกนั อภปิ ราย ดงั น้ี
- ธนบัตรทีเ่ ห็นเปน็ ฉบับละก่ีบาท (100 บาท)
- ครวู างธนบัตรเรียงไวอ้ ยกู่ แ่ี ถว (3 แถว)
- แต่ละแถวคดิ เป็นเงนิ ก่ีบาท (300 บาท)
- คิดเป็นเงินทง้ั หมดก่ีบาท (900 บาท)
- เขยี นเปน็ ประโยคสญั ลกั ษณ์การคณู เพอ่ื แสดงการหาคาตอบได้อยา่ งไร
(3 × 300 = หรอื 300 × 3 = )
2. นักเรียนและครูรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้องของการคณู อกี ครั้ง โดยการคูณทีละ
หลัก จากหลักหนว่ ย หลกั สบิ หลักรอ้ ย แลว้ ใสผ่ ลคณู ให้ตรงตามหลกั ดงั น้ี
300 × 3 × 300 =
3
หรือ 3 × 300 = 300 + 300 + 300
900 = 900
216
3. ใหน้ กั เรยี นสังเกตเลข 0 ที่ตอ่ ทา้ ยของคาตอบ 300 และ 900 วา่ มี 0 ต่อท้ายกี่ตัว
(ทุกคาตอบ มีเลข 0 ต่อทา้ ย 2 ตัว)
4. ครูอธิบายให้นักเรยี นเข้าใจว่า นอกจากการใช้ความหมายของการคูณในการหา
คาตอบแล้ว การคูณจานวนหน่งึ หลกั กบั 100, 200, 300, ..., 900 จะได้ผลคณู เทา่ กบั จานวนนั้นคูณ
กับ 1, 2, 3, ..., 9 แลว้ เตมิ 0 สองตัวต่อทา้ ย
5. ครูใหน้ กั เรยี นทาใบงานท่ี 2 การคณู จานวนหนงึ่ หลักกับ 100, 200, 300, ..., 900
เมอ่ื เสรจ็ แล้วให้นักเรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง จากน้ันครูและนักเรียนรว่ มกนั เฉลยกิจกรร ม
ในใบงานที่ 2
ข้ันสรุป
1. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรุปส่ิงที่ได้เรยี นรู้ร่วมกนั ดงั นี้ การคณู จานวนท่ีมหี นึ่งหลัก
กบั 100, 200, 300, ..., 900 จะได้ผลคูณเท่ากับจานวนน้ันคณู กับ 1, 2, 3, ..., 9 แลว้ เติม 0 ตอ่ ท้าย
อกี สองตัว
ส่ือการเรยี นรู้
1. ภาพธนบัตรฉบบั ละ 100
2. ใบงานท่ี 2 การคูณจานวนหน่ึงหลกั กับ 100, 200, 300, ..., 900
การวัดผลและประเมนิ ผล
สงิ่ ที่ต้องการวัด วิธวี ัด เครื่องมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ
1. ดา้ นความรู้ ทากิจกรรมจากใบงานท่ี ใบงานท่ี 2 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผ่านเกณฑ์
2 การประเมิน
2. ด้านทักษะ สงั เกตพฤติกรรมดา้ น แบบสังเกต นกั เรยี นไดค้ ะแนนระดับ
กระบวนการ ทกั ษะกระบวนการ พฤตกิ รรมด้าน คุณภาพดขี ้นึ ไป
ทกั ษะกระบวนการ
3. ดา้ นคุณลักษณะ สงั เกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสงั เกต นักเรียนไดค้ ะแนนระดบั
พฤตกิ รรมดา้ น คณุ ภาพดขี ้นึ ไป
ที่พึงประสงค์ คณุ ลักษณะที่พงึ ประสงค์ คุณลกั ษณะ
ทพ่ี งึ ประสงค์
217
7.3 การคณู จานวนหน่งึ หลกั กับ 1,000, 2,000, 3,000, ..., 9,000 (1 ชว่ั โมง)
กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั นาเขา้ สบู่ ทเรยี น
1. ครูนาแผ่นป้ายท่จี ัดทาโดยติดภาพธนบัตรฉบับละ 1,000 ไว้บนกระดานหน้าห้อง
ดงั นี้
2. ครใู ห้นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายโดยการต้ังคาถาม ดังน้ี
- มีธนบตั รฉบับละ 1,000 บาท ก่ีฉบับ (จานวน 4 ฉบับ)
- คดิ เปน็ เงนิ ทัง้ หมดเทา่ ไร (4,000 บาท)
- นักเรยี นมีวิธีคดิ ในการหาคาตอบอย่างไรบา้ ง (นามาบวกกนั , นามาคณู กนั )
- ถ้านามาคูณกันเราจะใช้ตัวเลขใดคูณกนั บา้ ง (4 × 1,000 หรอื 1,000 × 4)
- เขียนเป็นประโยคสัญลกั ษณ์การคณู ได้อย่างไร (4 × 1,000 = หรือ 1,000
× 4 = )
ข้นั สอน
1. ใหน้ กั เรียนศึกษาส่ือการคณู ของ 4 × 2,000 แลว้ รว่ มกันอภปิ ราย ดังนี้
- ธนบตั รทเี่ หน็ เปน็ ฉบบั ละกี่บาท (1,000 บาท)
- ครวู างธนบัตรเรียงไวอ้ ยู่ก่แี ถว (4 แถว)
- แตล่ ะแถวคิดเปน็ เงนิ ก่ีบาท (2,000 บาท)
- คดิ เปน็ เงนิ ทั้งหมดกบ่ี าท (8,000 บาท)
218
- เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์การคูณเพ่ือแสดงการหา คาตอบได้อย่า งไร
(4 × 2,000 = หรือ 2,000 × 4 = )
2. นักเรยี นและครูรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้องของการคูณอกี ครั้ง โดยการคูณทีละ
หลัก จากหลกั หนว่ ย หลกั สิบ หลักรอ้ ย หลักพัน แลว้ ใส่ผลคูณใหต้ รงตามหลัก ดังน้ี
2000 × หรือ 2 × 4,000 =
4 2 × 4,000 = 4,000 + 4,000
8000 = 8,000
3. ใหน้ กั เรยี นสังเกตเลข 0 ทตี่ ่อท้ายของคาตอบ 4,000 และ 8,000 ว่ามี 0 ตอ่ ทา้ ยกี่
ตัว (ทุกคาตอบ มีเลข 0 ต่อท้าย 3 ตวั )
4. ครูอธิบายให้นกั เรียนเข้าใจว่า นอกจากการใช้ความหมายของการคูณในการหา
คาตอบแลว้ การคณู จานวนหนึ่งหลักกบั 1,000, 2,000, 3,000, ..., 9,000 จะได้ผลคณู เทา่ กบั จานวน
น้นั คูณกับ 1, 2, 3, ..., 9 แล้วเตมิ 0 สามตัวตอ่ ทา้ ย
5. ครใู หน้ กั เรยี นทาใบงานที่ 3 การคณู จานวนหน่ึงหลกั กับ 1,000, 2,000, 3,000, ...,
9,000 เม่ือเสรจ็ แลว้ ให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถกู ต้อง จากนนั้ ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันเฉลย
กจิ กรรมในใบงานที่ 3
ข้ันสรุป
1. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรรู้ ว่ มกนั ดงั น้ี การคูณจานวนท่มี ีหน่ึงหลัก
กบั 1,000, 2,000, 3,000, ..., 9,000 จะไดผ้ ลคณู เทา่ กบั จานวนนน้ั คูณกับ 1, 2, 3, ..., 9 แล้วเติม 0
ตอ่ ท้ายอีกสามตวั
สื่อการเรียนรู้
1. ภาพธนบตั รฉบบั ละ 1,000
2. ใบงานที่ 3 การคูณจานวนหนงึ่ หลกั กบั 1,000, 2,000, 3,000, ..., 9,000
219
การวดั ผลและประเมินผล
สิ่งทต่ี อ้ งการวดั วิธีวดั เคร่ืองมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ
1. ดา้ นความรู้ ทากจิ กรรมจากใบงานที่ ใบงานท่ี 3 70% ข้ึนไป ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
3 การประเมนิ
2. ด้านทกั ษะ สังเกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสงั เกต นักเรยี นไดค้ ะแนนระดบั
กระบวนการ ทกั ษะกระบวนการ พฤตกิ รรมดา้ น คณุ ภาพดีขนึ้ ไป
ทักษะกระบวนการ
3. ดา้ นคุณลกั ษณะ สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ น แบบสงั เกต นักเรียนไดค้ ะแนนระดบั
พฤติกรรมดา้ น คณุ ภาพดขี ึ้นไป
ทีพ่ ึงประสงค์ คุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ คณุ ลักษณะ
ทีพ่ ึงประสงค์
7.4 การคูณจานวนที่มีหนง่ึ หลักกบั จานวนสามหลัก (ไมม่ ีการทด) (1 ชว่ั โมง)
กิจกรรมการเรยี นรู้
ขั้นนาเข้าสบู่ ทเรยี น
1. ครนู าเข้าสู่บทเรียน เพอื่ ทบทวนการคูณ โดยการแจกโจทย์การคูณให้นักเรียนหา
คาตอบ ดังน้ี
- 23 × 3 = - 5 × 100 =
- 42 × 6 = - 7 × 32 =
ขั้นสอน
1. ครูยกตวั อย่างโจทยก์ ารคณู บนกระดานดา ดงั น้ี
2 × 133 =
- นกั เรยี นจะหาผลลัพธ์ไดอ้ ย่างไร (วิธบี วกหรอื วธิ ีคูณ)
- นกั เรยี นจะหาผลลพั ธโ์ ดยวิธีการบวกได้อย่างไร (133 + 133)
- ได้คาตอบเท่าใด (266)
- ถา้ ไมใ่ ชว้ ธิ ีบวกจะใช้วิธีอะไรไดอ้ ีก (วธิ ีคณู )
- ครูอธิบายตอ่ ไปว่าเรามีวธิ กี ารในการหาคาตอบ ดังนี้
133 คือ ตัวตง้ั
2 คือ ตวั คูณ
220
1 3 3 ×
2
266
วิธกี ารคูณ
1. นา 2 คณู หลักหน่วย คือ 3 จะได้ 2 × 3 = 6 ใส่ 6 ตรงหลกั หน่วย
2. นา 2 คณู หลกั สบิ คือ 3 จะได้ 2 × 3 = 6 ใส่ 6 ตรงหลักสิบ
3. นา 2 คูณหลกั ร้อย คือ 1 จะได้ 2 × 1 = 2 ใส่ 2 ตรงหลกั ร้อย
2. ครูยกตวั อยา่ ง 2 – 3 ตวั อยา่ ง และให้นกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายวิธกี ารเพื่อหาคาตอบ
- 231 × 3 = - 432 × 2 =
3. ครูใหน้ ักเรยี นทาใบงานท่ี 4 การคูณจานวนที่มหี น่ึงหลกั กบั จานวนสามหลัก (ไม่มี
การทด) เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากน้ันครูและนักเรียนร่วมกัน เฉลย
กจิ กรรมในใบงานที่ 4
ข้นั สรปุ
1. ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปสิ่งท่ีได้เรยี นรรู้ ่วมกนั ดงั น้ี การคณู จานวนทีม่ ีหน่ึงหลัก
กับจานวนสามหลกั คูณได้โดยนาจานวนทีม่ ีหลักเดยี วมาคูณกับจานวนทม่ี ีสามหลัก โดยคณู จานวนใน
หลกั หน่วยก่อน แลว้ คณู หลกั สิบ หลักร้อยตามลาดบั
ส่ือการเรียนรู้
ใบงานที่ 4 การคณู จานวนที่มหี นึ่งหลักกับจานวนสามหลกั (ไม่มีการทด)
การวดั ผลและประเมินผล
สงิ่ ทตี่ อ้ งการวัด วิธวี ดั เครือ่ งมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ
1. ดา้ นความรู้ ทากจิ กรรมจากใบงานท่ี ใบงานท่ี 4 70% ขนึ้ ไป ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
4 การประเมิน
2. ดา้ นทักษะ สังเกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสงั เกต นกั เรียนไดค้ ะแนนระดบั
กระบวนการ ทักษะกระบวนการ พฤติกรรมด้าน คุณภาพดขี ึน้ ไป
ทักษะกระบวนการ
3. ด้านคณุ ลกั ษณะ สังเกตพฤติกรรมดา้ น แบบสงั เกต นักเรียนไดค้ ะแนนระดบั
พฤตกิ รรมด้าน คุณภาพดขี นึ้ ไป
ทพ่ี งึ ประสงค์ คณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ คุณลักษณะ
ทีพ่ งึ ประสงค์
221
7.5 การคณู จานวนทมี่ ีหนึ่งหลักกบั จานวนสามหลัก (มกี ารทด) (1 ช่ัวโมง)
กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้ันนาเขา้ สู่บทเรียน
1. ครูนาเข้าสบู่ ทเรยี น เพอ่ื ทบทวนการคูณการคูณจานวนท่ีมีหนึ่งหลักกับจานวนสา ม
หลัก (ไมม่ กี ารทด) โดยการแจกโจทย์การคณู ให้นกั เรียนหาคาตอบ ดังนี้
- 213 × 3 = - 2 × 441 =
- 301 × 5 = - 4 × 102 =
ขนั้ สอน
1. ครูและนกั เรียนช่วยกนั หาคาตอบ จากประโยคสัญลักษณ์การ คูณจานวนท่ีมีหนึ่ง
หลักกับจานวนสามหลักท่ีมีการทดจากหลกั หน่วยไปหลกั สบิ เช่น
2 × 236 =
2. นักเรียนใช้ตารางรอ้ ย ตารางสิบ ตารางหน่วย ชว่ ยในการหาคาตอบ เช่น
3. นกั เรยี นเขยี นประโยคสัญลักษณ์การคูณให้อย่ใู นรูปของการบวก (2 × 236 = 236
+ 236)
4. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั อภิปรายวธิ ีการหาผลคณู ทีม่ ีการทดจากหลักหน่วยไปหลักสิบ
และความสมเหตสุ มผลของคาตอบ
ขนั้ ที่ 1 เริ่มคณู ในหลักหนว่ ยจะได้ 12 มาจาก 2 × 6
ขัน้ ท่ี 2 คูณในหลักสิบ จะได้ 60 มาจาก 2 × 30
ข้นั ที่ 3 คูณในหลกั รอ้ ย จะได้ 400 มากจาก 2 × 200
ดงั นนั้ 2 × 236 = 400 + 60 + 12 = 472
ซึง่ จานวน 236 อยูร่ ะหวา่ ง 200 กบั 300 เมือ่ คูณกับ 2 ผลลัพธท์ ี่ได้จะใกลเ้ คยี งกับ
400 แต่ไม่เกนิ 600 ดังนั้น 472 น่าจะเปน็ คาตอบท่ถี ูกตอ้ ง