The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by slmaum, 2021-11-22 09:50:42

วิทยานิพนธ์

วิทยานิพนธ์

80

สูลพร้อมกับเชิญชวนเจ้าไปสู่ศาสนาของอัลลอฮ์  ผู้ทรงเอกะ ทาอิบาดะฮฺต่อพระองค์และปฏิเสธ
ศรทั ธาตอ่ เจวด็ ทั้งหลาย”

Ibn Kathīr, (1976 : 434) ได้กล่าวว่า “อลี บิน อบีฏอเล็บ  เป็นบุคคลแรก ท่ี
ไดล้ ะหมาดพร้อมท่านนบีมฮุ มั มัด  ในบรรดาผชู้ าย”

al-Sayūṭiy, (2004 : 130) ได้กล่าวว่า “นบีมุฮัมมัด  ได้ถูกแต่งตั้งเป็น นบีในวัน
จันทร์ และท่านอลี  ได้รับอิสลามในอังคาร ซึ่งอายุของอลี  ในขณะน้ัน 10 ปี มีรายงานว่า 9 และ
8 ปี และกล่าวอีกวา่ อลี บิน อบีฏอเล็บ  เป็นบุคคลหนึ่งท่ีได้รับการรับรองในการเข้าสวรรค์จากนบี
มุฮัมมัด  เป็นบุคคลท่ีได้รับการสายสัมพันธ์ในความเป็นพ่ีน้องกับนบีในเหตุการณ์ฮิจเราะฮฺ
เป็นบุคคลท่ีได้ถูกเลือกให้เป็นสามีของฟาติเมาะฮฺซึ่งเป็นบุตรหญิงของนบีท่ีเป็นสุภาพสตรีที่ดีท่ีสุด
เป็นบุคคลแรกๆท่ีได้รับอิสลาม เป็นผู้รู้ เป็นผู้กล้าที่เล่ืองลือ เป็นผู้ที่ถ่มตนท่ีถูกเอ่ยนามพร้อมด้วย
การเป็นนักพดู ทีท่ กุ คนร้จู ักในสมยั นัน้ ”

Hasan al-Nadwiy, (2003 : 423) ได้กล่าวในหัวข้อ แม่ทัพผู้ท่ีได้รับชัยชนะ ว่า
“นบีมฮุ ัมมัด  ได้กล่าวว่า ในวนั พรุง่ นี้ ธงกองทัพจะมอบใหบ้ ุคคลท่ีอัลลอฮ์  และเราะสูล  รักเขา
และด้วยมือของเขาจะมีการพิชิตเมืองน้ีอีกด้วย ดงั นั้นบรรดาเศาะฮาบะฮฺ  ท่ีอาวุโสก็ได้มีความหวัง
ต่อคาม่ันสัญญานั้น แต่ท่านนบีได้เรียกอลี บิน อบีฏอลิบ  ซึ่งในขณะนั้นอลี บิน อบีฏอลิบ  มีอาการ
เจบ็ ตา และท่านนบีก็ได้เป่าดวงตาของอลี  พร้อมขอดุอาจากอลั ลอฮ์  จนทาให้ดวงตาทีเจ็บอยู่หาย
เสมือนไม่เคยเจ็บมากอ่ น และนบีกไ็ ดม้ อบธงใหก้ ับอลี บิน อบีฏอลิบ ตามทท่ี ่านไดใ้ หค้ ามน่ั สัญญาไว้

จากชีวประวัติข้างต้นสามารถสะท้อนให้เห็นถึงผลท่ีเกิดจากการอบรมสั่งสอนของ
นบีมุฮัมมัด  ให้กับบรรดาเศาะฮาบะฮฺ  จนสามารถทาให้บุคคลเหล่าน้ันได้รับทางนาจากอัลลอฮ์
 ในการรับศาสนาอิสลามเป็นแนวทางในดาเนินชีวิตด้วยความม่ันใจต่อความถูกต้องของศาสนา
อสิ ลาม ทั้งๆท่ีสังคมสมัยน้ันกาลังเผชิญกับความมืดและเศาะฮาบะฮฺ  เหล่านนั้ พร้อมทีจ่ ะนาศาสนา
อสิ ลามไปสสู่ งั คมโลกอกี ด้วย

81

2.5 ความหมาย ความเปน็ มาและคณุ สมบัตขิ องคณะกรรมการอสิ ลามประจามัสยิด

2.5.1 ความหมายและความเป็นมา
2.5.1.1. พระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พุทธศักราช, (2540) ได้

กล่าวถึงท่ีมาคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดว่า “ให้สัปบุรุษประจามัสยิดซึ่งมีอายุต้ังแต่สิบห้าปี
บริบูรณ์ข้ึนไป ประชุมกันคัดเลือกผู้ดารงตาแหน่ง” และจะอยู่ภายใต้ระเบียบการบริหารมัสยิด
พุทธศักราช 2540 มาตรา 30 ใหม้ คี ณะกรรมการอสิ ลามประจามัสยิดคณะหนง่ึ ประกอบด้วย

(1) อิมามเปน็ ประธานกรรมการ
(2) เคาะฏีบเป็นรองประธานกรรมการ
(3) บลี าลเป็นรองประธานกรรมการ และ
(4) กรรมการอื่นตามจานวนที่ท่ีประชุมสัปปุรุษประจามัสยิดน้ันกาหนด จานวนไม่
น้อยกว่าหกคนแต่ไม่เกินสิบสองคนให้สัปปุรุษประจามัสยิดซ่ึงมีอายุต้ังแต่สิบห้าปีบริบูรณ์ขึ้นไป
ประชุมกัน คัดเลือกผู้ดารงตาแหน่งตามวรรคหนึ่งให้คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดเลือก
กรรมการตาม (4) เป็น เลขานุการหน่ึงคน นายทะเบียนหนึ่งคน เหรัญญิกหนึ่งคนและตาแหน่งอื่น
ตาม ความจาเป็น ให้ประธานกรรมการอิสลามประจาจังหวัดหรือกรรมการอิสลามประจาจังหวัด
ท่ไี ด้รับมอบหมายจากประธานกรรมการอิสลามประจาจังหวัดเป็นประธานในท่ีประชุมสัปปุรษุ ประจา
มัสยิดเพื่อดาเนินการคัดเลือกกรรมการอิสลามประจามัสยิดแล้วเสนอคณะกรรมการอิสลามประจา
จงั หวัดเพ่ือพิจารณาแตง่ ตั้ง ท้งั น้ตี ามระเบียบทค่ี ณะกรรมการกลางอิสลามแหง่ ประเทศไทยกาหนด
ดังนั้นคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดถือเป็นบุคคลท่ีได้รับความไว้วางใจจาก
สัปบุรุษในการบริหารจัดการชุมชนให้อยู่ในกรอบของอิสลามโดยมีอิมาม เคาะฎีบ บิลาลและ
คณะกรรมการฝ่ายต่างๆท่ที างมสั ยดิ ไดว้ างโครงสร้างไว้
2.5.2 คณุ สมบัติตามพระราชบญั ญตั กิ ารบรหิ ารองคก์ รศาสนาอสิ ลาม พทุ ธศกั ราช 2540
2.5.2.1. พระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พุทธศักราช, (2540) ได้
กาหนดคุณ สมบัติของ อิมาม เคาะฏีบ บีลาล และต้องไม่มีลักษณ ะต้องห้าม ด่ังต่อไปนี้
(1) มีคุณสมบัตแิ ละไม่มีลกั ษณะต้องห้ามตามมาตรา 17
(2) อ่านพระคมั ภรี อ์ ลั กรุ อานไดถ้ กู ต้อง
(3) สามารถนาในการปฏบิ ตั ศิ าสนกจิ ได้ถูกต้องตามบัญญัตแิ ห่งศาสนาอิสลาม
(4) มคี วามสามารถแสดงธรรมได้

82

(5) เป็นสัปปุรุษประจามัสยิดนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันก่อนวันคัดเลือกอิมาม
เคาะฏีบและบีลาล ไม่ถือเป็นนักพรตหรือนักบวช การพ้นจากตาแหน่งของอิมาม เคาะฏีบและบีลาล
ให้เปน็ ไปตามระเบียบทค่ี ณะกรรมการกลางอิสลามแหง่ ประเทศไทยกาหนด

และมาตรา 32 กรรมการตามมาตรา 30 (4) ตอ้ งมคี ุณสมบัติและไม่มีลกั ษณะ
ตอ้ งหา้ มดังต่อไปน้ี

(1) มคี ุณสมบัติและไมม่ ีลักษณะต้องหา้ มตามมาตรา 17
(2) เปน็ สปั ปรุ ษุ ประจามสั ยดิ น้ันมาแลว้ ไมน่ ้อยกวา่ เก้าสบิ วันก่อนวันคดั เลือก
(3) มภี ูมิลาเนาอยใู่ นจังหวดั ท่ีมัสยิดนน้ั ต้ังอยู่ไม่น้อยกวา่ เกา้ สิบวันกอ่ นวันคดั เลอื ก
ดังน้ันคุณสมบัติของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดท่ีได้มีการระบุอย่างชัดเจน
ซง่ึ ถอื เปน็ สง่ิ ทส่ี าคัญในการขบั เคลื่อนกิจกรรมของมสั ยดิ ไหบ้ รรลุตามความคาดหวงั ของสงั คม
2.5.3 อานาจหนา้ ท่ีของคณะกรรมการอิสลามประจามสั ยดิ
2.5.3.1 พระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม, (2540) ได้กาหนดอานาจ
หนา้ ท่ใี นมาตรา 35 คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดมอี านาจหน้าทด่ี งั ต่อไปน้ี
(1) บารงุ รกั ษามัสยดิ และทรัพยส์ ินของมัสยดิ ใหเ้ รยี บร้อย
(2) วางระเบียบปฏิบัติภายในของมัสยิดเพ่ือให้การดาเนินงานของมัสยิดเป็นไปด้วย
ความเรยี บรอ้ ย
(3) ปฏบิ ัตติ ามคาแนะนาชี้แจงของคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และ
คณ ะก รรมก ารอิส ลามป ระจาจังห วัดใน เมื่ อไม่ ขัด ต่ อบั ญ ญั ติ แห่ งศ าส น าอิ สล าม และก ฎ ห ม าย
(4) สนับสนุนสัปปุรุษในการปฏิบัติศาสนกิจส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีและช่วยเหลือ
ซ่งึ กันและกันในทางท่ีชอบตามบัญญัตแิ ห่งศาสนาอิสลาม
(5) พิจารณามีมตริ ับมสุ ลิมเข้าเปน็ สัปปุรุษประจามัสยิด
(6) อานวยความสะดวกและอบรมสั่งสอนให้สัปปุรุษประจามัสยิดปฏิบัติศาสนกิจ
โดยถูกต้อเครง่ ครดั
(7) ประนีประนอมข้อพพิ าทระหว่างสัปปรุ ุษประจามัสยดิ เม่ือไดร้ ับการรอ้ งขอ
(8) จัดให้มีและรักษาสมุดทะเบียนสัปปุรุษประจามัสยิดและตรวจตราแก้ไขเพ่ิมเติม
สมดุ ทะเบยี นดงั กล่าวใหถ้ กู ต้องตรงตามความเป็นจรงิ

83

(9) จาหน่ายชือ่ สปั ปุรุษประจามัสยิดออกจากทะเบยี นเมือ่ ได้สอบสวนแล้วปรากฏว่า
ผนู้ ั้นกระทาการฝ่าฝนื หรอื ไมป่ ฏิบัติใหถ้ ูกต้องตามบัญญัติแห่งศาสนาอิสลาม

(10) จดั ให้มีทะเบียนทรัพย์สิน เอกสารและบัญชีรายรับรายจ่ายของมสั ยดิ ให้ถูกต้อง
ตรงความเป็นจริงและจัดทารายงานผลการดาเนินงาน ฐานะการเงินและทรัพย์สินของมัสยิดแล้ว
รายงานใหค้ ณะกรรมการอสิ ลามประจาจังหวดั ทราบภายในเดือนมนี าคมของทุกปี

(11) ดูดวงจันทร์และแจ้งผลการดูดวงจันทร์ต่อคณะกรรมการอิสลามประจาจังหวัด
(12) ส่งเสริมการศกึ ษาและจัดกจิ กรรมท่ไี มข่ ัดตอ่ บัญญัติแห่งศาสนาอิสลาม
และมาตรา 37 อมิ ามมีอานาจหน้าท่ี ดังต่อไปน้ี
(1) ปฏิบัติหนา้ ท่ใี หเ้ ปน็ ไปตามบัญญัติแหง่ ศาสนาอิสลาม
(2) ปกครองดูแลและแนะนาเจา้ หน้าที่ของมสั ยดิ ให้ปฏิบัตงิ านในหนา้ ท่ี ให้เรยี บร้อย
(3) แนะนาให้สัปปุรุษประจามัสยดิ ปฏบิ ัตใิ หถ้ กู ต้องตามบัญญัตแิ หง่ ศาสนาอสิ ลาม
และกฎหมาย
(4) อานวยความสะดวกแก่มุสลมิ ในการปฏบิ ตั ิศาสนกจิ
(5) สงั่ สอนและอบรมหลกั ธรรมทางศาสนาอิสลามแกบ่ รรดาสัปปรุ ุษประจามัสยดิ
และในมาตรา 38 เคาะฏีบมีหน้าที่ปฏิบตั ิให้เป็นไปตามบญั ญัติแห่งศาสนาอิสลามใน
การแสดงธรรมแกส่ ปั ปุรุษประจามัสยดิ
และในมาตรา 39 บีลาลมีหน้าที่ปฏิบัติให้เป็นไปตามบัญญัติแห่งศาสนาอิสลามใน
การประกาศเชญิ ชวนให้มุสลมิ ปฏิบตั ิศาสนกิจตามเวลา
ดงั น้นั การกาหนดอานาจหน้าท่ีของคณะกรรมการอสิ ลามประจามัสยดิ ถือเป็นส่วนท่ี
สาคัญ เพื่อการทางานของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดน้ันได้ดาเนินการตามอานาจหน้าที่ท่ีได้
วางไว้ และเมื่อเกิดปัญหาก็สามารถแก้ไขได้อย่างดี และจะส่งผลในการทางานที่เกิดประสิทธิภาพของ
คณะกรรมการอิสลามประจามสั ยดิ ในการทางานเปน็ ลาดบั ต่อไป

84

บทที่ 3

วธิ ีการดาเนินการวิจัย

การดาเนินการวิจัยครั้งน้ี ผู้วิจัยมุ่งศึกษาระดับบทบาท ความรู้ความเข้าใจของ

คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดในการพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส

และศึกษาแนวทางในการพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งมีเน้ือหาและ

สาระสาคัญเกีย่ วกับวธิ ีการดาเนนิ การวิจยั ดังนี้

3.1. ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง

3.2. แบบแผนการวจิ ัย

3.3. เครือ่ งมือการวจิ ยั

3.4. การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
3.5. การวิเคราะห์ข้อมลู

3.1 ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง

3.1.1 ประชากร

ประชากรท่ีใช้ในการศึกษาระดับบทบาท ความรู้ความเข้าใจและแนวทางใน

การพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาสคือคณะกรรมการอสิ ลามประจามัสยิดท่ีไดร้ ับ

การจดทะเบียนจานวน 36 มัสยิดใน 8 ตาบลในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ประกอบด้วย

ตาบลเจ๊ะเห ไพรวัน เกาะสะท้อนและโฆษิต ตาบลละ 90 คน ตาบลศาลาใหม่จานวน 75 คน ตาบล

บางขุนทองจานวน 15 คน ตาบลนานาคจานวน 60 คน และตาบลพรอ่ นจานวน 30 คน รวมท้ังหมด

540 คน (สานักงานคณะกรรมการอสิ ลามประจาจังหวัดนราธวิ าส, 2558) รายละเอียดตามตาราง

ตารางที่ 1 จานวนมัสยดิ และคณะกรรมการอิสลามประจามัสยดิ จาแนกตามตาบล

ตาบล จานวนมัสยิด จานวนคณะกรรมการ

1. เจ๊ะเห 6 90

2. ศาลาใหม่ 5 75

3. ไพรวนั 6 90

4. บางขนุ ทอง 1 15

5. นานาค 4 60

6. เกาะสะทอ้ น 6 90

7. โฆษิต 6 90

8. พร่อน 2 30

85

รวม 36 540
3.1.2 กลุ่มตัวอยา่ ง

กลุ่มตัวอย่างในการวิจยั ครั้งนผี้ ้วู จิ ัยได้แบ่งกลมุ่ ตัวอย่างเป็น 2 กลุ่มดังน้ี

3.1.2.1 ด้านการวิจัยเชิงปริมาณ ผู้วิจัยได้ทาการเลือกคณะกรรมการอิสลามประจา

มัสยดิ ในเขตพนื้ ทอ่ี าเภอตากใบ จงั หวดั นราธวิ าส ดังนี้

ก. ขนาดกลุ่มตัวอย่าง ผู้วิจัยใช้สูตรของทาโร่ ยามาเน่ (Taro Yamane, อ้างถึงใน

ไพศาล วรคา, 2554) กาหนดขอบเขตความคลาดเคลื่อน 0.05 ดังน้ันกลุ่มตัวอย่างคณะกรรมการ

อิสลามประจามสั ยดิ ในเขตอาเภอตากใบ จงั หวัดนราธวิ าส ที่ผ้วู ิจัยนามาใช้มจี านวน 230 คน

3.1.2.2 ด้าน การวิจัยเชิงคุ ณ ภ าพ ผู้ วิจัยใช้ วิธีก ารวิจัยแบ บ โฟ กัส กรุ๊ป

(focus group)จากคณะกรรมการอสิ ลามประจาจงั หวัดนราธิวาส จานวน 10 คน และคณะกรรมการ

ชมรมอิมาม เคาะฏีบ บลิ าลในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส จานวน 10 คน

ตารางท่ี 2 จานวนประชากรและกลมุ่ ตวั อย่างจาแนกตามตาบล

ตาบล จานวนคณะกรรมการประจา จานวนกลุ่มตัวอย่าง
มัสยดิ

1. เจ๊ะเห 90 38
2. ศาลาใหม่ 75 32
3. ไพรวนั 90 38
4. บางขุนทอง 15 7
5. นานาค 60 26
6. เกาะสะทอ้ น 90 38
7. โฆษติ 90 38
8. พรอ่ น 30 13
540 230
รวม

จากตารางท่ี 2 พบว่า กลุ่มตัวอย่างคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดที่ใช้ใน
การวิจัย จานวน 230 คน ประกอบด้วยคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดในตาบลเจ๊ะเห
ตาบลเกาะสะท้อน ตาบลไพรวัน ตาบลโฆษิตในจานวนตาบลละ 38 คน ตาบลศาลาใหม่จานวน 32
คน ตาบลนานาคจานวน 26 คน ตาบลพร่อนจานวน 13 คน ตาบลบางขุนทองจานวน 7 คน
รวมทง้ั หมดเป็น 230 คน

86

3.2 แบบแผนการวิจยั

การวิจยั ครง้ั น้ีแบง่ การดาเนนิ การวิจยั ออกเปน็ 4 ขัน้ ตอน ดังน้ี
ขนั้ ตอนท่ี 1 สร้างกรอบแนวคิดโดยการศึกษา วิเคราะห์เอกสาร ตาราและงานวิจัยที่
เกีย่ วกับบทบาทของผนู้ า
ขั้นตอนที่ 2 ผู้วิจัยจัดทาแบบสอบถามและแบบทดสอบโดยการทบทวนวรรณกรรม
และทฤษฏที ีเ่ กีย่ วกับบทบาทของผู้นาเนือ่ งจากเปน็ การวิจัยเชงิ ปรมิ าณ
ข้ันตอนที่ 3 ผู้วิจัยใช้วิธีการวิจัยแบบการจัดสนทนากลุ่ม (FocusGroupDiscussion)
เพอื่ ศึกษาแนวทางในการพัฒนาเยาวชนในการเกบ็ ข้อมลู โดยใชแ้ บบสนทนากล่มุ ซง่ึ มีผูเ้ ข้ารว่ มคือ
1.ตวั แทนคณะกรรมการอสิ ลามประจาจงั หวดั นราธวิ าสจานวน 10 คน
2.ตัวแทนคณะกรรมการชมรมอิมาม เคาะฏีบ บิลาลในเขตอาเภอตากใบ จังหวัด
นราธวิ าส จานวน 10 คน
ขน้ั ตอนที่ 4 นาผลที่ไดจ้ ากขัน้ ตอนที่ 2 และ 3 มาวิเคราะห์หาแนวทางในการพัฒนา
เยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวดั นราธวิ าส

3.3 เครอื่ งมอื ท่ีใชใ้ นการวิจยั

3.3.1 เคร่อื งมอื ท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยแบบสอบถามแบ่งออกเป็น 2 ชุด คือ ชุดท่ี 1

แบบสอบถามและแบบทดสอบคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดในเขตอาเภอตากใบ จังหวัด
นราธวิ าส ชุดท่ี 2 แบบสนทนากลุ่มของคณะกรรมการอิสลามประจาจงั หวดั และคณะกรรมการชมรม
อมิ าม เคาะฏบี บิลาลในเขตอาเภอตากใบ จงั หวัดนราธวิ าส

3.3.1.1 แบบสอบถาม โดยใชก้ ารกรอกแบบสอบถามเกี่ยวกับประเดน็ ดงั น้ี
ก. บทบาทของคณะกรรมการอสิ ลามประจามัสยิด

3.3.1.2 แบบทดสอบ โดยใช้การตอบแบบทดสอบเกี่ยวกับประเดน็ ดงั นี้
ก. ความรู้ความเข้าใจในเรื่องบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิด

3.3.1.3 แบบสนทนากลมุ่ โดยใช้การสนทนาเกย่ี วกบั ประเด็นตา่ งๆ ดงั น้ี
ก. แนวทางการสร้างเยาวชนดา้ นต่างๆ ดังนี้
(1) ด้านศาสนา
(2) ด้านการศึกษา

87

(3) ดา้ นกจิ กรรม
3.3.2 การสรา้ งเครือ่ งมือและการหาคุณภาพของเคร่ืองมือ

วิธีสร้างเครื่องมือเพื่อใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้ดาเนินการสร้าง
แบบสอบถามและแบบสนทนากลุม่ ตามขนั้ ตอน ดงั น้คี อื

3.3.2.1. การสร้างแบบสอบถาม
ก. ศกึ ษาเอกสารและงานวจิ ัยท่ีเกีย่ วข้องกบั บทบาทของผ้นู า ไดแ้ ก่ บทบาท

ของผู้นาศาสนา(โต๊ะอิมาม)ในกาพัฒนาชุมชนมุสลิม บทบาทด้านศาสนา การศึกษาและการบริหาร
ของอิมามในจังหวัดนราธิวาสและบทบาทของอิมามในการพัฒนาชุมชนเขตเทศบาลเมืองตากใบ
จังหวัดนราธิวาส

ข. กาหนดขอบเขตการวิจัยเกี่ยวกับบทบาทของผู้นาท่ีมีในอัลกุรอาน
อัลฮะดีษและพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนา พุทธศักราช 2540 แล้วนาเสนออาจารย์
ท่ปี รึกษาเพ่อื ตรวจสอบความถูกต้องสมบรู ณ์และให้ข้อเสนอแนะในการปรบั ปรุงแก้ไข

ค. สร้างและเสนอให้อาจารย์ทปี่ รึกษาเพื่อตรวจสอบแบบสอบถามพร้อมไป
ปรับปรงุ (ดูคา่ ioc ในภาคผนวก ค )

ง. นาแบบสอบถามมาปรับปรุงแก้ไขและให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบพิจารณา
หาความเท่ียงตรงตามเน้ือหา (Content Validity) คือพิจารณาข้อคาถามท่ีสร้างข้ึนมาว่ามีความ
สอดคล้องระหว่างเนื้อหาสาระของเคร่ืองมือกับเนื้อหาสาระของส่ิงท่ีต้องการศึกษา โดยใช้ดัชนีความ
สอดคล้องระหว่างข้อคาถามกับลักษณะเฉพาะกลุ่มพฤติกรรมนั้นและคัดเลือกเฉพาะข้อคาถามที่มีค่า
ความตรง ตั้งแต่ 0.5 ขึ้นไป โดยนาเครอื่ งมือท่ีสร้างข้ึนไปให้ผเู้ ช่ียวชาญแต่ละคนพิจารณาลงความเห็น
และใหค้ ะแนน (พวงรตั น์ ทวีรัตน์, 2540: 116-117) ดังนี้

+1 เม่ือแน่ใจว่าข้อคาถามน้ันมคี วามสอดคล้อง
0 เมอ่ื ไมแ่ น่ใจว่าข้อคาถามน้ันมีความสอดคล้อง
-1 เมอ่ื แน่ใจว่าข้อคาถามน้ันไมม่ ีความสอดคลอ้ ง
จ.ปรบั ปรงุ แกไ้ ขเคร่ืองมือการวจิ ยั ตามขอ้ เสนอแนะของผู้เชย่ี วชาญ
ฉ.ทดลองเคร่ืองมือ (Try out) กับกลุ่มเล็กจานวน 30 คนเพื่อหาค่าความ
เท่ียงตรงของเครอ่ื งมือ (Reliability) ด้วยวิธีการหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา (Coefficient of Alpha)

88

โดยใช้สูตรของครอนบาค (Cranbach) ได้ค่าความเชื่อม่ันของแบบสอบถามท้งั ฉบบั เท่ากับ .986 และ
รายดา้ น คือ ด้านศาสนา .975 ดา้ นการศกึ ษา .947 และด้านกิจกรรม .964

ช.นาแบบสอบถามจากการทดลองเครื่องมือมาวิเคราะห์หาความเช่ือม่ัน
ของแบบสอบถามทง้ั ฉบับ

ซ.ผู้วิจัยปรับปรุงแก้ไขคุณภาพของเครื่องมืออีกครั้งเพ่ือความสมบูรณ์จาก
ขอ้ บกพรอ่ งท่ีพบจากการตอบของกลุ่มตัวอย่าง

ฌ.จัดทาแบบสอบถามฉบับสมบูรณ์ เพื่อนาไปใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
ในการวิจยั ตอ่ ไป

3.3.2.2 การสร้างแบบทดสอบ
ก. ศึกษารายละเอียดเก่ียวกับการสรา้ งแบบทดสอบ
ข. รวบรวมหลกั การทีเ่ ก่ยี วกับบทบาทของผ้นู าตามหลกั การอิสลาม
ค. จัดทาแบบทดสอบเพื่อวัดความรู้ความเข้าใจของผู้นาท่ีมีในอัลกุรอาน

อัลฮะดีษและพระราชบญั ญัตกิ ารบรหิ ารองค์กรศาสนา พุทธศักราช 2540
ง. นาแบบทดสอบท่ีเสร็จแล้วนาเสนออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เพ่ือ

ตรวจสอบความถกู ตอ้ งเหมาะสมและใหข้ ้อเสนอแนะในการปรับปรงุ แก้ไขเพ่ือใหส้ มบูรณย์ ่งิ ขนึ้
จ. นาแบบทดสอบมาปรับปรุง พร้อมเสนอผู้ทรงคุณวุฒิจานวน 3 ท่าน

(ดคู ่า ioc ในภาคผนวก ค )
ฉ. นาแบบทดสอบมาปรับปรุงหลังจากได้รับข้อเสนอแนะ แล้วจึงนาไปใช้

เก็บขอ้ มลู การวจิ ยั ตอ่ ไป
3.3.2.3 การสรา้ งแบบสนทนากลมุ่
ก. ศึกษารายละเอยี ดเกยี่ วกบั การสร้างแบบสนทนากลมุ่
ข. จัดทาแบบสนทนากลุ่มในเร่ืองแนวทางการพัฒนาเยาวชนโดยกาหนด

แนวทางเป็นดา้ นๆ คือ ด้านศาสนา การศึกษาและการจดั กิจกรรม รวมท้ังข้อเสนอแนะต่างๆ
ค. นาแบบสนทนากลุ่มที่เสร็จแล้วนาเสนออาจารย์ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์

เพื่อตรวจสอบความถกู ตอ้ งเหมาะสมและให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงแก้ไขเพื่อใหส้ มบรู ณย์ ิ่งขึ้น
ง. นาแบบสนทนากล่มุ มาปรับปรุง พร้อมเสนอผูท้ รงคณุ วฒุ ิจานวน 3 ทา่ น

89

จ. นาแบบสนทนากลุ่มมาปรับปรุงหลังจากได้รับข้อเสนอแนะแล้วจึง
นาไปใช้เก็บข้อมูลการวิจยั ต่อไป

3.4 การเก็บรวบรวมขอ้ มูล

ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล ผู้วจิ ัยมีข้ันตอนในการเก็บรวบรวมข้อมูลดังนี้
3.4.1 ขอ้ มูลเชิงปริมาณ

ผู้วิจัยศึกษาข้อมูลเชิงปริมาณ เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลแบบสอบถามและ
แบบทดสอบของคณะกรรมการอสิ ลามประจามสั ยิดในเขตอาเภอตากใบ จังหวดั นราธิวาส
โดยใช้สถิติอย่างง่าย เช่น การแจกแจงความถ่ี ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิตและส่วนเบ่ียงเบน
มาตรฐานเปน็ ตน้

3.4.2 ข้อมูลเชิงคณุ ภาพ
ผู้วิจัยศึกษาข้อมูลคุณภาพ เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลแบบสนทนากลุ่ม(Focus

Group Discussion) จากคณะกรรมการอิสลามประจาจังหวัดและคณะกรรมการชมรมอิมาม เคาะฏีบ
บิลาลในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พร้อมกับศึกษาข้อมูลเอกสารเกี่ยวกับบทบาทของผู้นา
จากอัลกุรอาน อัลฮะดีษ หนังสืออธิบายตัวบทฮะดีษ พระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนา
พุทธศักราช 2540 ตลอดจนเอกสารและงานวจิ ัยต่างๆทเ่ี กี่ยวขอ้ ง

3.4.3 การทบทวนแหลง่ ข้อมูล
แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการวิจัยคร้ังน้ีมีประกอบด้วย 2 แหล่งข้อมูล คือ ข้อมูลปฐมภูมิ

(Primary Sources) และข้อมลู ทุติยภูมิ (Secondary Sources) ดังน้ี
3.3.3.1 เอกสารข้ันปฐมภูมิ (Primary Sources) มีดังนี้
ก. คัมภีรอ์ ัลกรุ อานและอลั ฮะดีษ
ข. ขอ้ มลู จากแบบสอบถาม
ค. ข้อมลู จากแบบทดสอบ
ง. ข้อมูลจากการสนทนากลุม่
3.4.3.2 เอกสารขน้ั ทุตยิ ภูมิ (Secondary Sources) มดี ังนี้
ก. เอกสาร หนงั สือท่ีกล่าวถึงบทบาทของผู้นา
ข. เอกสาร หนงั สอื วิทยานิพนธ์ รายงานการวจิ ัยต่างๆที่เกย่ี วขอ้ ง

90
ค. พระราชบญั ญัตกิ ารบริหารองคก์ รศาสนาพทุ ธศักราช 2540

91

3.5 การวเิ คราะห์ขอ้ มลู

3.5.1 วธิ ีการวเิ คราะห์
การวิเคราะห์ขอ้ มลู ผูว้ ิจยั ได้ดาเนนิ การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ดงั น้ี
3.5.1.1 การวิเคราะห์อายัตอัลกุรอานโดยใช้หลกั อุซลู ลตุ ตฟั ซีร เชน่ การวิเคราะห์อายัต

ดว้ ยหลักการประทานอัลกรุ อาน (อัสบาบุ อันนชุ ุล) และอลั ฮะดีษโดยใช้หลักการของอลุ ูมลุ ฮะดษี เช่น
การวเิ คราะหฮ์ ะดีษทสี่ ามารถรบั ได้หรือไม่ได้ (เศาะเหียฮหฺ รอื เฎาะอีฟ)

3.5.1.2 แบบทดสอบ ผวู้ จิ ัยไดน้ าแบบทดสอบมาวเิ คราะห์โดยมีลาดับขน้ั ตอนดงั น้ี
ก. จัดทาแบบทดสอบโดยใช้ข้อสอบที่ได้จากการวิเคราะห์บทบาทของผู้นา

ในอัลกุรอาน อัลฮะดีษ รวมทั้งบทบาทท่ีมีในพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาพุทธศักราช
2540 ตลอดจนเอกสารต่างๆ เพอ่ื วัดความรู้ความเข้าใจของผตู้ อบ

ข. จัดทาแบบสอบถามตอนท่ี 3 โดยวิเคราะห์ข้อมูลเก่ียวกับความรู้ความ
เข้าใจในบทบาทของผู้ตอบแบบทดสอบ โดยใช้ค่าร้อยละ เพ่ือนามาประกอบการอภิปรายผล
ในการศึกษาค้นควา้

ค. นาแบบทดสอบตอนท่ี 3 ทไ่ี ดม้ าจากผู้ตอบรับมาวิเคราะห์
3.5.1.3 แบบสอบถาม ผู้วจิ ัยไดน้ าแบบสอบถามมาวเิ คราะห์โดยมีลาดับข้นั ตอนดงั นี้

ก. ตรวจสอบความสมบูรณ์ของการตอบแบบสอบถามทุกฉบับ เพื่อคัดเอา
เฉพาะแบบสอบถามท่มี คี วามสมบรู ณ์ จัดหมวดหมูต่ ามลกั ษณะของตวั แปร แล้วหาค่ารอ้ ยละ

ข. จัดทาแบบสอบถามตอนท่ี 1 โดยวิเคราะห์ข้อมลู เกี่ยวกับสถานภาพของ
ผู้ตอบแบบสอบถาม โดยใช้คา่ รอ้ ยละ เพือ่ นามาประกอบการอภปิ รายผลในการศึกษาคน้ ควา้

ค. จัดทาแบบสอบถามตอนที่ 2 ซ่ึงเป็นแบบสอบถามปลายปิดเก่ียวกับบทบาท
ด้านต่างๆ ของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิด โดยวิธีการสังเคราะห์ความคิดเห็นท่ีมีความหมาย
คล้ายคลึงกัน แล้วหาค่าความถเ่ี พือ่ นามาประกอบการอภปิ รายผล

ง. จดั ทาแบบสอบถามตอนที่ 4 ซง่ึ เป็นแบบสอบถามปลายเปิดในเรอ่ื งข้อเสนอแนะ
ความคิดเห็นต่อบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดในการพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอ
ตากใบ จังหวัดนราธิวาส มาวิเคราะห์โดยวิธีการวิเคราะห์ความคิดของผู้ตอบโดยแยกเป็นตามกรอก
ของผู้วจิ ยั ทไี่ ด้กาหนดไว้

92

จ. คานวณ หาค่าเฉลี่ย (x¯ ) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ของ

แบบสอบถามเก่ียวกับบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดในเขตอาเภอตากใบ จังหวัด

นราธิวาส เป็นรายหัวข้อคือบทบาทในอัลกุรอาน อัลฮะดีษและพระราชบัญญัติการบริหารองค์กร

ศาสนาอิสลาม พทุ ธศกั ราช 2540 และหาคา่ เฉลี่ยรวมทัง้ หมด

3.5.1.4 แบบสนทนากลุ่ม ผู้วิจัยนาแบบสนทนาโดยบันทึกการสนทนากลุ่มที่ได้มา

นาเสนอเชิงบรรยาย

3.5.2 สถติ ทิ ่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล

3.5.2.1 ค่ารอ้ ยละ(Percentage)ศิริวรรณเสรรี ตั น์และคณะ, (2545:214)มีสตู รคานวณดังนี้

จากสูตร p = f 100

N
เมื่อ P แทน ค่าร้อยละ

f แทน ความถ่ีท่ตี อ้ งการแปลงให้เป็นค่าร้อยละ

N แทน จานวนความถี่ท้ังหมด

3.5.2.2 ค่าเฉลี่ย x¯ (Average) บุญชม ศรีสะอาด, (2545: 22-100)โดยมีสูตรคานวณ

ดังน้ี

จากสูตร x¯ = x

เมอ่ื ¯x n

แทน คา่ เฉล่ยี

x แทน ผลรวมของคะแนนทัง้ หมดของกลมุ่

n แทน จานวนของคะแนนในกล่มุ

การวเิ คราะหห์ าค่าเฉล่ยี (¯x ) ผ้วู จิ ัยมีกฎเกณฑใ์ นการแปลข้อมูลดังน้ี

ค่าเฉลยี่ 4.51 – 5.00 หมายถึง ระดับมากทีส่ ดุ

คา่ เฉลย่ี 3.51 – 4.50 หมายถึง ระดับมาก

ค่าเฉลย่ี 2.51 – 3.50 หมายถึง ระดบั ปานกลาง

ค่าเฉล่ยี 1.51 – 2.50 หมายถึง ระดับนอ้ ย

คา่ เฉลี่ย 1.00 – 1.50 หมายถึง ระดับน้อยท่ีสดุ

3.5.2.3 ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) บุญชม ศรสี ะอาด, (2545 :
126) โดยมสี ูตรคานวณ ดงั น้ี

93

จากสูตร S.D. =√Σ(nx−−x1¯ )2

เมื่อ S.D. แทน ค่าสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน

X แทน ค่าคะแนน

n แทน จานวนคะแนนในแต่ละกลุม่

 แทน ผลรวม

การวิเคราะห์หาค่าการกระจายของข้อมูล ซึ่งมีผลต่อการจัดอันดับค่าเฉล่ียท่ีเท่ากัน

ซงึ่ ยึดคา่ S.D. ท่เี ข้าใกล้ศนู ยม์ ากทส่ี ุดมกี ารกระจายท่สี มดุลทีส่ ุด

94

บทที่ 4

ผลการวิจยั

การวิจัยเกี่ยวกับ บท บาท ของคณ ะกรรม การอิสลามประจามัสยิด ในการพั ฒ น า
เยาวชนในอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ผู้วจิ ัยดาเนินการวิเคราะห์ข้อมลู และเสนอผลการวเิ คราะห์
ขอ้ มลู ตามวตั ถปุ ระสงค์ทก่ี าหนด โดยนาเสนอในรูปแบบตารางประกอบความเรยี ง ดังน้ี

4.1 ขัน้ ตอนการวเิ คราะห์ข้อมูล

ส่วนที่ 1 การวเิ คราะห์ข้อมลู สถานภาพผ้ตู อบแบบสอบถาม
สว่ นท่ี 2 การวิเคราะห์ข้อมูลระดับความรู้ความเข้าใจในบทบาทของคณะกรรมการอิสลาม
ประจามัสยิดตอ่ การพฒั นาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวดั นราธิวาส นาเสนอโดยภาพรวม
ส่วนที่ 3 การวิเคราะห์ข้อมูลระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดในการ
พัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส นาเสนอโดยภาพรวมและเป็นรายดา้ น
สว่ นที่ 4 นาเสนอแนวทางในการพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวดั นราธิวาส

4.2 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู

4.2.1 ส่วนท่ี 1 การวิเคราะหข์ ้อมลู สถานภาพผู้ตอบแบบสอบถาม

การวิเคราะห์ข้อมูลสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถามจาแนกตัวแปรแปร อายุ วุฒิ

การศึกษาประสบการณ์ของการเป็นคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิด ดังปรากฏรายละเอียดใน

ตารางที่ 3

ตารางที่ 3 แสดงคา่ ความถ่ีและค่ารอ้ ยละสถานภาพผ้ตู อบแบบสอบถาม

ข้อมูลท่ัวไปผู้ตอบสอบถาม จานวน ร้อยละ

1.เพศ

1.1 ชาย 230 100

1.2 หญิง 00

95

ตารางที่ 3 (ตอ่ ) แสดงคา่ ความถีแ่ ละคา่ รอ้ ยละสถานภาพผตู้ อบแบบสอบถาม

ข้อมลู ทัว่ ไปผตู้ อบสอบถาม จานวน รอ้ ยละ

2. อายุ 3.9
23.5
2.1 ตา่ กวา่ 30 ปี 9 46.5
26.1
2.2 31- 40 ปี 54 100

2.3 41- 50 ปี 107 23

2.4 51 ขึ้นไป 60 62.2

รวม 230 14.8
100
3.วุฒทิ างการศึกษา
6.5
3.1 วฒุ ทิ างการศึกษาด้านสามญั 47.4

3.1.1 ระดั บ ต่ าคื อ ป ระถ ม ศึ ก ษ า/ 53 18.7
27.4
มัธยมศึกษาตอนต้น 100

3.1.2 ระดับกลางคือมัธยมตอนปลาย/ 143 30
34.4
ปวช/อนปุ ริญญา/ปวส. 9.1

3.1.3 ระดบั สงู คือปริญญาตรขี นึ้ ไป 34

รวม 230

3.2 วุฒทิ างการศกึ ษาด้านศาสนา

3.2.1 ระดับต่าคอื ตาดกี า/อิบตีดาอีย์ 15

3.2.2 ระ ดั บ ก ล างคื อ มุ ต าวัส สิ ต / 109

ซานาวยี ์

3.2.3 ระดับสูงคอื ปริญญาตรขี ึ้นไป 43

3.2.4 สถาบนั ปอเนอะหรืออืน่ ๆ 63

รวม 230

4.ตาแหนง่

4.1 อิมาม 69

4.2 เคาะฏีบ 79

4.3 บิลาล 21

4.4 กรรมการ 96
รวม
61 26.5
230 100

97

ตารางท่ี 3 (ตอ่ ) แสดงคา่ ความถี่และคา่ รอ้ ยละสถานภาพผู้ตอบแบบสอบถาม

ข้อมลู ทั่วไปผตู้ อบสอบถาม จานวน รอ้ ยละ

5.ประสบการณ์ในการดารงตาแหน่ง

5.1 น้อยกว่า 4 ปี 55 23.9

5.2 4 - 6 ปี 84 36.5

5.3 7 - 9 ปี 36 15.7

5.4 10 ปีข้ึนไป 55 23.9

รวม 230 100

จากตารางท่ี 3 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามเป็นเพศชายท้ังหมด โดยส่วนใหญ่มีอายุ

ระหว่าง 41 - 50 ปี ร้อยละ 46.5 รองลงมาอายุ 51 ปีข้ึนไป รอ้ ยละ 26.1 ส่วนอายุ 31 - 40 ปี ร้อย

ละ 23.5 และอายุต่ากว่า 30 ปี ร้อยละ 3.9 มีวุฒิการศึกษาด้านสามัญส่วนใหญ่ในระดับมัธยมตอน

ปลาย/ปวช/อนุปริญญา ร้อยละ 62.2 รองลงมาในระดับประถมศึกษา/มัธยมศึกษาตอนต้น ร้อยละ

23 และในระดับปริญญาตรีขึ้นไป ร้อยละ 14.8 ส่วนวุฒิทางการศึกษาด้านศาสนาส่วนใหญ่ในระดับ

มตุ าวัสสิต/ซานาวีย์ ร้อยละ 47.4 รองลงมาคือสถาบันปอเนาะหรืออ่ืนๆ ร้อยละ 27.4 ระดับปริญญา

ตรีขึ้นไป ร้อยละ 18.7 และในระดับตาดีกาหรืออิบตีดาอีย์ ร้อยละ 6.5 มีตาแหน่งในคณะกรรมการ

อิสลามประจามัสยิดส่วนใหญ่เป็นเคาะฎีบ ร้อยละ 34.4 รองลงมาคืออิมามร้อยละ 30 กรรมการใน

ฝา่ ยต่างๆ ร้อยละ 26.5 และตาแหน่งบิลาล รอ้ ยละ 9.1 มีประสบการณ์ในการดารงตาแหน่งสว่ นใหญ่

4-6 ปีร้อยละ 36.5 น้อยกว่า 4 ปีและมากกว่า 10 ปี ร้อยละ 23.9 และประสบการณ์ 7-9 ปี ร้อยละ

15.7

4.2.2 สว่ นท่ี 2 การวิเคราะหข์ อ้ มูลระดับความรู้ความเขา้ ใจในบทบาทของคณะกรรมการอิสลาม

ประจามสั ยิดในการพฒั นาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จงั หวัดนราธวิ าส นาเสนอโดยภาพรวม

ผู้วิจัยเสนอสรุปผลการวิเคราะห์ระดับความรู้ความเข้าใจของคณะกรรมการอิสลาม

ประจามสั ยิดในการพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จงั หวดั นราธิวาส ผลการวิเคราะห์ระดบั ความรู้

ความเข้าใจ ปรากฏรายละเอยี ดดังตารางที่ 4

98

ตารางท่ี 4 ค่าเฉล่ียระดับความรู้ความเข้าใจของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดในการพัฒนา

เยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จงั หวัดนราธวิ าส

รายการ จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ
ขอ้ ถกู ข้อผิด

1.ตามหลักการอิสลามทุกคนที่มีบทบาทจะต้องถูก 230 100 0 0
สอบสวน

2.ตามหลกั การอสิ ลามทุกๆบทบาทขนึ้ อย่กู ับผนู้ า 208 90.4 22 9.6

ตารางที่ 4 (ต่อ) คา่ เฉลย่ี ระดับความเขา้ ใจของคณะกรรมการอิสลามประจามสั ยิดในการพัฒนา

เยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จงั หวัดนราธิวาส

รายการ จานวน ร้อยละ จานวน รอ้ ยละ
ขอ้ ถกู ขอ้ ผดิ

3.ตามหลักการอิสลามบทบาทของผ้นู าในชุมชนเปน็ แค่ 94 40.9 136 59.1
ฟัรฏูกีฟายะฮฺ

4.ตามหลักการอิสลามผู้นาต้องรับรู้ในทุกเร่ืองที่เกิดข้ึน 202 87.8 28 12.2
ในชุมชน

5.ตามหลักการอิสลามผู้นาต้องแก้ไขปัญหาทุกปัญหาท่ี 203 88.3 27 11.7
เกิดข้ึนในชุมชนตามความสามารถ

6.ตามหลักการอิสลามผู้นาต้องทราบทุกปัญหาที่เกิดข้ึน 226 98.3 4 1.7
ในชมุ ชน

7.ตามหลักการอิสลามผู้นาต้องมีการตักเตือนสัปบุรุษใน 209 90.9 21 9.1
สิง่ ทไี่ ม่ดที เ่ี กิดขึน้ อยา่ งสม่าเสมอ

8.ผู้นาตอ้ งรบั ผดิ ชอบตอ่ ปญั หาท่เี กิดขน้ึ ในชมุ ชน 174 75.7 56 24.3

9.ปัญหาในชุมชนมีมากมายแต่ปัญหาการศึกษาถือเป็น 203 88.3 27 11.7
ปญั หาหลัก

10.ปัญหาในชุมชนมีมากมายแต่ปัญหาความไม่เข้าใน 213 92.6 17 7.4
ศาสนาถอื เปน็ ปญั หาหลกั

11.ปัญหาในชุมชนมีมากมายแต่ปัญหาเยาวชนถือเป็น 184 80 46 20
ปัญหาหลัก

99

12.การบริหารมัสยิดต้องยึดตามพระราชบัญญัติการ 177 77 53 23
บริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540 เปน็ ที่ตง้ั

13.ตามพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม

พ.ศ.2540 อิมามเป็นประธานของคณะกรรมการ 192 83.5 38 16.5

อสิ ลามประจามสั ยิด

14.ตามพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนา พ.ศ. 179 77.8 51 22.2
2540 อิมามมีหน้าท่นี าละหมาดอย่างเดียว

ตารางที่ 4 (ต่อ) ค่าเฉลี่ยระดับความเข้าใจของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดในการพัฒนา

เยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวดั นราธิวาส

รายการ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ
ขอ้ ถูก ข้อผิด

15.ตามพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนา พ.ศ. 50 25.7 180 78.3
2540 เคาะฏบี มหี นา้ ท่ีอา่ นคุตบะหว์ ันศกุ รเ์ ท่านน้ั

16.ตามพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนา พ.ศ. 67 29.1 163 70.9
2540 บลิ าลมหี น้าท่ีเชญิ ชวนในการปฏิบัตศิ าสนกจิ

17.ตามพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนา พ.ศ. 200 87 30 13
2540 กรรมการมีหน้าทีส่ ่งเสริมการศึกษา

18.ตามพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนา พ.ศ. 158 68.7 72 31.3
2540 ไมม่ กี ารระบหุ น้าทข่ี องกรรมการต่อเยาวชน

19.ตามพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนา พ.ศ.

2540ไม่มกี ารระบหุ นา้ ท่ีของกรรมการในการแกป้ ัญหา 151 65.7 79 34.3

ของชุมชน

20.การไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการบริหารองค์กร 204 88.7 26 11.3
ศาสนา พ.ศ. 2540 ถอื วา่ ผดิ ตามกฎหมาย

จากตารางที่ 4 พบว่า ผตู้ อบแบบทดสอบถามเป็นเพศชายทั้งหมด เมอื่ พิจารณาเป็น

รายข้อ ข้อท่ีตอบถูกทุกคนคือตามหลักการอิสลามทุกคนที่มีบทบาทจะต้องถูกสอบสวน รองลงมาคือ

ตามหลักการอิสลามผู้นาต้องทราบทุกปัญหาที่เกิดข้ึนในชุมชน ร้อยละ 98.3 รองลงมาคือปัญหาใน

100

ชุมชนมมี ากมายแต่ปญั หาความไม่เขา้ ในศาสนาถือเป็นปัญหาหลัก ร้อยละ 92.6 ส่วนข้อคาถามท่ีตอบ
ถกู น้อยทส่ี ุดคือตามพระราชบัญญัติการบริหารองคก์ รศาสนา พุทธศกั ราช 2540 เคาะฏีบมีหน้าที่อ่าน
คุตบะหว์ นั ศุกรเ์ ทา่ นนั้ รอ้ ยละ 25.7

4.2.3 สว่ นที่ 3 การวเิ คราะหข์ ้อมูลระดบั บทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยดิ ในการ
พฒั นาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จงั หวดั นราธวิ าส นาเสนอโดยภาพรวมและเป็นรายด้าน

ผู้วิจัยเสนอสรุปผลการวิเคราะห์ระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจา
มัสยิดในการพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ได้แก่ ด้านศาสนา ด้านการศึกษา
และดา้ นกิจกรรม ผลการวิเคราะห์ระดบั บทบาทในแต่ละดา้ น ปรากฏรายละเอียดดงั ตารางที่ 5

ตารางท่ี 5 ค่าเฉลี่ย ค่าความเบ่ียงเบนมาตรฐานระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิด

ในการพฒั นาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวดั นราธิวาส

ระดบั บทบาทในด้านต่างๆ ¯x S.D. ระดบั บทบาท

1 บทบาทด้านศาสนา 3.55 .56 มาก

2 บทบาทดา้ นการศกึ ษา 3.60 .60 มาก

3 บทบาทด้านกจิ กรรม 3.14 .76 ปานกลาง

รวม 3.43 .64 ปานกลาง

จากตารางท่ี 5 พบว่า ระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดในการ

พัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง (¯x =3.43,

S.D.=.64) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่ามีค่าเฉล่ียอยู่ในระดับท่ีต่างกัน สามารถเรียงลาดับจากมาก

ไปหาน้อยได้แก่ บทบาทด้านการศึกษา (¯x =3.60, S.D.=.60) บทบาทด้านศาสนา (¯x =3.55,

S.D.=.56) และบทบาทดา้ นกิจกรรม (¯x =3.14, S.D.=.76)

101

เม่อื พจิ ารณารายข้อในแต่ละด้าน ปรากฏผลดังน้ี

4.2.3.1 ดา้ นศาสนา ปรากฏผลดังรายละเอียดในตารางท่ี 6

ตารางที่ 6 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจา

มสั ยดิ ในการพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ด้านศาสนา

ระดับบทบาทในด้านศาสนา ¯x S.D. ระดับบทบาท

1. ท่านไดม้ กี ารจัดการศึกษาเรือ่ งหลักปฏิบัติ 3.48 .829 มาก

2. ท่าน ได้มีการจัดการศึกษ าเร่ืองความห มา ย

ความสาคัญของซะฮาดะตัยน์และส่ิงท่ีทาให้ซะฮา 3.59 .803 มาก

ดะฮฺเป็นโมฆะ

3. ท่านไดม้ ตี ดิ ตามต่อความไม่เข้าใจในเรื่องซะฮาดะฮฺ 3.52 .797 มาก

4. ท่านเผา้ ระวงั ตอ่ การเป็นมุรตัดของสปั บุรุษ 3.49 1.001 ปานกลาง

5. ท่ าน ได้ มี การจัด การเรียน การสอ น ใน เร่ือ ง 3.40 1.009 ปานกลาง
ความหมายของการละหมาด

6. ท่านไดม้ ีการจดั การเรยี นการสอนในความสาคญั 3.40 .983 ปานกลาง
ของการละหมาด

7. ทา่ นได้มีการตดิ ตามบคุ คลท่ไี มป่ ฏบิ ัติการละหมาด 3.30 .927 ปานกลาง
วนั ศกุ ร์

8. ทา่ นไดม้ ีการใหก้ าลงั ใจต่อผูท้ ีข่ ยนั ละหมาด 3.10 1.038 ปานกลาง

9. ท่านไดม้ จี ัดการศึกษาเร่ืองการถือศิลอด 3.39 1.016 ปานกลาง

ตารางท่ี 6 (ต่อ) ค่าเฉลี่ยและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานของระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลาม

ประจามัสยิดในการพฒั นาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จงั หวัดนราธิวาส ดา้ นศาสนา

ระดบั บทบาทในดา้ นศาสนา x¯ S.D. ระดบั บทบาท

10.ท่านได้มีการติดตามบุคคลท่ไี ม่ถือศิลอด 3.28 .883 ปานกลาง

11.ทา่ นได้มีการตักเตือนบคุ คลที่ไม่ถือศิลอด 3.33 .903 ปานกลาง

12.ทา่ นได้มีการจดั กิจกรรมละศลิ อดร่วมกัน 3.50 .961 มาก

13.ทา่ นได้มกี ารจัดการศึกษาเรื่องซะกาต 3.37 .919 ปานกลาง

14.ทา่ นได้ประชมุ กรรมการในการหาบคุ คลทสี่ ามารถรบั 3.34 .966 ปานกลาง

102

ซะกาต 3.51 .780 มาก
15.ท่านได้มีการแจกจ่ายซะกาตสาหรับผู้ท่ีมีสิทธ์ิรับ
3.42 .777 ปานกลาง
ซะกาตท้งั แปดประเภท
16.ท่านได้มีการประชาสัมพันธ์สรุปผู้ท่ีมีสิทธิรับซะกาต 3.50 .740 มาก

ทงั้ แปดประเภท 3.95 .652 มาก
17.ท่านได้มีการจัดการเรียนการสอนเรื่องการประกอบ 3.98 .587 มาก
3.69 .733 มาก
พิธฮี ัจญ์ 3.85 .835 มาก
18.ท่านได้มีการจัดการเรียนการสอนในเร่ืองหลักศรัทธา 3.71 .727 มาก
3.79 .759
ในภาพรวม มาก
19.ท่านไดม้ ีจัดการศกึ ษาเร่อื งการศรัทธาตอ่ อลั ลอฮ 3.80 .738 มาก
20.ท่านได้มีจัดการศึกษาเร่ืองการต้ังภาคีต่ออัลลอฮและ
3.75 .752 มาก
โทษ
21.ท่านมีจดั การศึกษาเรื่องการศรัทธาตอ่ เราะสูล 3.77 .787 มาก
22.ท่านมีการจดั การศึกษาเก่ียวกบั ฮะดีษนบมี ุฮมั มดั 3.70 .787 มาก
23.ท่านมกี ารจัดการศึกษาเร่ืองการศรทั ธาต่อ

มะลาอิกะฮฺ
24.ทา่ นมีการจดั การศึกษาเรื่องการศรทั ธาต่อคาภีร์

ของอลั ลอฮ
25.ทา่ นได้มีการจดั การศึกษาเรือ่ งการศรทั ธาต่อ

วันอาคิเราะฮฺ
26.ท่านได้มกี ารจัดการศึกษาเรอื่ งการเตรยี มตวั ต่อ

วันอาคิเราะฮฺ
2 7 .ท่ า น ได้ มี ก า ร จั ด ก า ร ศึ ก ษ า เรื่ อ ง ก า ร ศ รั ท ธ า ต่ อ

การกาหนดความดแี ละความชวั่ จากอัลลอฮ

103

ตารางท่ี 6 (ต่อ) ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของระดับบทบาทของคณะกรรมการอสิ ลาม

ประจามสั ยิดในการพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวดั นราธวิ าส ด้านศาสนา

ระดบั บทบาทในด้านศาสนา ¯x S.D. ระดับบทบาท

2 8 .ท่ า น ได้ มี ก า ร จั ด ก า ร ศึ ก ษ า เร่ื อ ง ก า ร ย อ ม รั บ ต่ อ 3.77 740 มาก
การกาหนดความดีและความช่ัวจากอลั ลอฮ

29.ทา่ นได้มีการจดั การเรยี นการสอนเกี่ยวกบั วิชา 3.53 .728 มาก
จริยธรรม

30.ท่านได้มกี ารจดั กิจกรรมอบรมคุณธรรม จริยธรรม 3.55 .696 มาก

31.ทา่ นไดม้ ีการตักเตือนเรื่องคุณธรรม จรยิ ธรรม 3.50 .758 มาก

32.ทา่ นได้มกี ารสง่ เสริมเยาวชนมีจติ อาสา 3.64 .696 มาก

33.ทา่ นไดย้ กย่องบคุ คลท่มี ีคุณธรรม จรยิ ธรรม 3.43 .760 ปานกลาง

34.ท่านไดม้ ีการรณรงคใ์ นเร่ืองคุณธรรม จริยธรรม 3.51 .722 มาก

รวม 3.55 .561 มาก

จากตารางท่ี 6 พบว่า ระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดในการ

พฒั นาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จงั หวดั นราธิวาสดา้ นศาสนา เมื่อพจิ ารณาเปน็ รายข้อ พบว่าอยู่ใน

ระดับมากมีค่าเฉล่ียมากสุดคือข้อที่ 19. ท่านได้มีจัดการศึกษาเรื่องการศรัทธาต่ออัลลอฮ (¯x =3.98,

S.D.=.587) รองลงมาข้อท่ี 18 ท่านได้มีการจัดการเรียนการสอนในเร่ืองหลักศรัทธาในภาพรวม

(¯x =3.95, S.D.=.652) ส่วนข้อท่ีมีค่าเฉลี่ยต่าสุดคือข้อท่ี 8 ท่านมีการให้กาลังใจต่อผู้ที่ขยันละหมาด

(¯x =3.10, S.D.=1.03)

4.2.3.2 ดา้ นการศึกษา ปรากฏผลดังรายละเอียดในตารางท่ี 7

ตารางที่ 7 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจา

มัสยดิ ในการพฒั นาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จงั หวัดนราธวิ าส ดา้ นการศกึ ษา

ระดบั บทบาทในดา้ นการศึกษา x¯ S.D. ระดับบทบาท

1. ทา่ นมีการส่งเสรมิ การจดั การเรยี นการสอนในโรงเรยี น 4.32 .647 มาก
ตาดกี าหรอื ฟัรฏูอนี

2. ทา่ นมีการสง่ เสริมการจัดการเรยี นการสอนในมสั ยิด 4.09 .727 มาก

104

3. ท่านมีการจัดกิจกรรมทดสอบการอ่านอัลกุรอานใน 3.34 .861 ปานกลาง
สูเราะฮอฺ ลั ฟาติฮะฮแฺ ละสูเราะฮทฺ สี่ าคญั อื่น

4. ท่านมีการจัดกิจกรรมการอา่ นรูกนู เกาวลีย์(คาอา่ น)ใน 3.23 .889 ปานกลาง
ละหมาด

5. ทา่ นมีการจดั กจิ กรรมกริ ออาตี/อิกรออฺและอ่นื ๆ 3.33 .981 ปานกลาง

ตารางที่ 7 (ต่อ) ค่าเฉลีย่ และส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐานของระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลาม

ประจามัสยดิ ในการพฒั นาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ดา้ นการศึกษา

ระดบั บทบาทในดา้ นการศึกษา x¯ S.D. ระดบั บทบาท

6. ทา่ นมีการจดั กจิ กรรมอา่ นอลั กรุ อานหลงั ละหมาด 3.24 1.020 ปานกลาง

7. ท่านมกี ารจดั กจิ กรรมอบรมก่อนแตง่ งาน 3.23 1.020 ปานกลาง

8. ทา่ นมีการจัดการศึกษาท่ีเปน็ รายสัปดาห์ 3.57 .897 มาก

9. ทา่ นมกี ารจดั การศึกษาท่เี ป็นรายเดอื น 3.86 .855 มาก

10.ทา่ นมีการจดั การศกึ ษาท่เี ปน็ รายปี 3.74 .782 มาก

11.ทา่ นมกี ารจดั การบรรยายตามสถานการณ์ทเ่ี กดิ ข้ึน 3.75 .720 มาก

รวม 3.60 .608 มาก

จากตารางที่ 7 พบว่า ระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดในการ

พัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาสด้านการจัดการศึกษา มีค่าเฉล่ียมากสุดคือข้อที่

1.ท่านมีการส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนฟัรฏูอีน(ตาดีกา)( ¯x =4.32, S.D.=.647) รองลงมาข้อท่ี

2.ท่านมีการส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนในมัสยิด (¯x =4.09, S.D.=.727) ส่วนข้อท่ีมีค่าเฉล่ีย

ตา่ สุดคือขอ้ ที่ 4 ท่านมีการจัดกิจกรรมการอา่ นรกู ูนเกาวลีย(์ คาอา่ น)ในละหมาด (¯x =3.23, S.D.=.889)และ

ข้อท7ี่ .ทา่ นมีการจัดกจิ กรรมอบรมก่อนแตง่ งาน (¯x =3.23, S.D.=1.020)

105

4.2.2.3 ด้านการจัดกจิ กรรม ปรากฏผลดังรายละเอยี ดในตารางท่ี 8

ตารางท่ี 8 ค่าเฉล่ียและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิด

ในการพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จงั หวัดนราธิวาส ดา้ นกจิ กรรม

ระดบั บทบาทในด้านกิจกรรม x¯ S.D. ระดับบทบาท

1.ทา่ นไดม้ กี ารจัดกจิ กรรมจติ อาสา 3.40 .780 ปานกลาง

2.ท่านไดม้ กี ารส่งเสรมิ ให้เยาวชนเปน็ ผูน้ าละหมาดฟัรฏู 3.21 .878 ปานกลาง

3.ทา่ นได้มกี ารส่งเสริมให้เยาวชนอา่ นคุฏบะหว์ นั ศุกร์ 3.20 .895 ปานกลาง

4.ทา่ นไดม้ ีการสง่ เสรมิ ใหเ้ ยาวชนเป็นอมิ ามละหมาดสนุ ตั 3.11 1.016 ปานกลาง
ตะรอเวียะห์

5.ท่านไดม้ ีการจดั กจิ กรรมเฉพาะเยาวชนที่เป็นราย 3.02 .998 ปานกลาง
สปั ดาห์

6.ท่านได้มีการประชาสมั พนั ธ์กจิ กรรมรายสปั ดาห์ของ 3.07 1.004 ปานกลาง
เยาวชนในมัสยดิ

7.ท่านไดม้ ีการจดั กจิ กรรมเฉพาะเยาวชนที่เป็นรายเดอื น 3.13 .970 ปานกลาง

ตารางท่ี 8 (ต่อ) ค่าเฉล่ียและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจา
มสั ยดิ ในการพฒั นาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ด้านกจิ กรรม

ระดบั บทบาทในด้านกจิ กรรม ¯x S.D. ระดับบทบาท

8.ทา่ นได้มีการประชาสัมพันธ์กิจกรรมรายเดือนของ 3.20 .981 ปานกลาง
เยาวชนในมสั ยดิ

9.ทา่ นได้มีการจดั กิจกรรมเฉพาะเยาวชนทเี่ ปน็ รายปี 3.21 .962 ปานกลาง

10.ท่ า น ไ ด้ มี ก า ร ป ร ะ ช า สั ม พั น ธ์ กิ จ ก ร ร ม ร า ย ปี ข อ ง 3.07 .901 ปานกลาง
เยาวชนในมัสยดิ

11.ท่านไดม้ ีการแนะนาและใหค้ าปรึกษากับเยาวชน 3.10 .914 ปานกลาง

12.ท่านได้มีการสนับสนุนงบในการส่งเสริมกิจกรรมของ 3.00 .904 ปานกลาง
เยาวชน

106

รวม 3.14 .764 ปานกลาง
จากตารางท่ี 8 พบว่า ระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดในการ
พัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาสด้านกิจกรรม เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าอยู่
ในระดับปานกลาง มีค่าเฉล่ียคือข้อที่ 1.ท่านได้มีการจัดกิจกรรมจิตอาสา(¯x =3.40, S.D.=.780)
รองลงมาขอ้ ที่ 2.ท่านไดม้ ีการสง่ เสริมให้เยาวชนเปน็ ผนู้ าละหมาดฟรั ฏู (¯x =3.21, S.D.=.878) และข้อ
ที่ 9.ท่านได้มีการจัดกิจกรรมเฉพาะเยาวชนท่ีเป็นรายปี (¯x =3.21, S.D.=.962) ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ย
ตา่ สุดคอื ข้อท่ี 12.ท่านไดม้ กี ารสนบั สนุนงบในการส่งเสริมกิจกรรมของเยาวชน (¯x =3.00, S.D.=.904)

4.2.4 สว่ นท่ี 4 นาเสนอแนวทางในการพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส
การศึกษาแนวทางในการพัฒนาเยาวชนของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดใน

เขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สาหรับการตอบวัตถุประสงค์การวิจัยข้อท่ี 4 โดยการเก็บข้อมูล
เชิงคุณภาพด้วยวิธีการสนทนากลุ่ม เพ่ือร่วมกาหนดแนวทางการสร้างเยาวชนให้มีความสมบูรณ์เป็น
รูปธรรมและสามารถนามาปฏิบัติได้ โดยมีคณะกรรมการอิสลามประจาจังหวัดนราธิวาสจานวน
10 คนและคณะกรรมการชมรมอิมาม เคาะฎีบ บิลาลอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาสจานวน 10 คน
ผู้วิจยั ขอเสนอขอ้ มูลดงั นี้

4.2.4.1 แนวทางการในการพัฒนาเยาวชนดา้ นศาสนา
ผู้เข้าร่วมคนที่ 1 ให้ความเห็นว่า “คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องจัดอบรม
ในเร่ืองของศาสนาเป็นระยะๆโดยเชิญวิทยากรจากภายนอกมาให้ความรู้เพื่อสร้างบรรยากาศใหม่ๆ
ต่อเยาวชนและสามารถสร้างความเข้าใจในหลักคาสอนของศาสนาต่อผู้เข้าอบรมเป็นอย่างมากซึ่งใน
การอบรมน้ันทางคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องมีคู่มือหรือหลักสูตรประกอบการอบรมท่ีได้
เตรียมมาโดยเฉพาะคู่มือที่ทางคณะกรรมการอิสลามประจาจังหวัดได้จัดพิมพ์และแจกให้มัสยิดนามา
เป็นแนวทางในการอบรมหรือหลักสตู รอนื่ ๆทจี่ ะทาให้การอบรมนั้นบรรลุตามเป้าหมายที่ได้วางไว้”
ผูเ้ ขา้ ร่วมคนที่ 2 ให้ความเห็นว่า “คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดควรจัดคนื แห่ง
การบูรณะมัสยิดของเยาวชนที่เป็นรายเดือนเพ่ือให้เยาวชนมีความเข้าใจศาสนามากยิ่งข้ึนและเพื่อให้
เยาวชนสามารถสอบถามปัญหาในเร่ืองศาสนาในรูปแบบที่เป็นกันเองและการจัดคืนแห่งการบูรณะ
มัสยิดที่มีช่ือเรียกอีกช่ือหน่ึงว่า อิมารอฮฺ มัสยิดซ่ึงเป็นรูปแบบหนึ่งท่ีมุสลิมได้ปฏิบัติมาแล้วในเดือน
เราะมะฏอนด้วยการเข้ามาในมัสยิดในเวลาก่อนละหมาดมัฆริบพร้อมกับการปฏิบัติตามกาหนดการ

107

ท่ีได้กาหนดไว้ซ่ึงในกาหนดการนั้นจะเร่ิมด้วยการบรรยาย การอ่านอัลกุรอาน การสนทนาในหลัก
คาสอนของศาสนาในกลุ่มย่อยโดยมีพี่เล้ียงหรือคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดมาเป็นผู้ช่วยและ
จบด้วยการฟังการนาศีฮะฮฺหลังละหมาดซุบฮีซ่ึงการอิมารอฮฺมัสยิดน้ันถือเป็นการต่อยอดรูปแบบท่ี
เกดิ ขึน้ ในเดอื นเราะมะฏอนของทกุ ปี”

ผู้เข้าร่วมคนที่ 3 ให้ความเห็นว่า “คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องให้เยาวชนมี
การเชิญชวนเยาวชนด้วยกันเข้ามัสยิดและเน้นให้เยาวชนปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างสมบูรณ์ที่มัสยิด
เนอ่ื งจากการที่เยาวชนสามารถเข้ามัสยิดเพ่อื ปฏิบัตศิ าสนกิจถือเป็นสิ่งทมี่ ีความหมายยิ่งต่อชุมชนหนึ่ง
ซึ่งทางมัสยิดก็ได้พยายามเชิญชวนอย่างสุดความสามารถแต่การตอบรับของเยาวช นมีน้อยเนื่องด้วย
การเชญิ ชวนจากบุคคลทต่ี า่ งวัย ต่างความคดิ และการใช้ภาษาท่ีต่างกนั จึงเปน็ การดีถ้าการเชิญชวนนั้น
ได้ถูกปฏิบัติโดยเยาวชนทเ่ี ป็นบุคคลในวัยเดยี วกัน ความคิดคล้ายกันและภาษาท่ีใช้เหมือนกนั คงจะไม่
มีการปฏิเสธต่อการเชิญชวนดงั กลา่ ว”

ผู้เข้าร่วมคนท่ี 4 ให้ความเห็นว่า “ทางมัสยิดควรเอ้ือให้เยาวชนออกไปหาประสบการณ์
ข้างนอกในรูปแบบออกดะอฺวะฮฺในทุกเดือนโดยผ่านการสนับสนุนงบจากมัสยิดสาหรับบางคน การ
ออกไปหาประสบการณ์ในชุมชนอื่นของเยาวชนจากมัสยิดหนึ่งไปยังมัสยิดหน่ึง จากชุมชนหนึ่งไปอีก
ชุมชนหน่ึง ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ในการใช้ชีวิตและสร้างความรู้ใหม่ต่อเยาวชนซ่ึงบางคร้ังการ
เปล่ียนแปลงน้ันจะเกิดข้ึนกับเยาวชนอย่างเป็นรูปธรรมโดยผ่านกระบวนการน้ันต้องมีกิจกรรมท่ีต้อง
ปฏิบตั ริ ่วมกันต้ังแต่การกาหนดกฎในการอยู่รว่ มกัน การแบง่ หน้าที่ท่ีจะต้องรบั ผิดชอบ การมอบหมาย
งานและการเรียนรู้ศาสนาพร้อมการศึกษาประวัติของบรรดานบี เศาะฮาบะฮฺ เพื่อนาประสบการณ์
นัน้ ไปใชใ้ นการดาเนินชวี ิต”

4.2.4.2 แนวทางในการพฒั นาเยาวชนด้านการศกึ ษา
ผเู้ ข้ารว่ มคนที่ 5 ให้ความเหน็ ว่า “คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องกอ่ ตั้งชมรม
เยาวชนที่มีโครงสร้างของชมรมตั้งแต่ประธาน รอง เลขา เหรัญญิกพร้อมกับแต่งต้ังฝ่ายต่างๆในการ
แบ่งภาระงานที่ต้องทาและฝ่ายที่สาคัญคือฝ่ายการจัดการศึกษาของเยาวชน การก่อตั้งชมรมเยาวชน
ทีอ่ ยู่ภายใตก้ ารกากับดูแลของมัสยิดเปน็ เรื่องที่ทางมัสยดิ ต้องให้ความสาคัญอย่างมากเน่ืองจากบคุ คล
เหล่าน้ันจะเป็นคนที่สามารถสานต่อกจิ กรรมท่ีทางมัสยิดได้ปฏิบัติไว้และจะเป็นปญั หาหลักของชุมชน
ถ้าบุคคลที่ได้มอบความหวังในการสานต่อไม่สามารถให้ความหวังได้โดยเฉพาะกิจกรรมท่ีเก่ียวกับ
การศกึ ษาของเยาวชน การจัดการศึกษาของเยาวชนในมัสยิดต้องไดร้ ับการดูแลจากเยาวชนดว้ ยกันซึ่ง

108

เป็นหน้าท่ีหนึ่งของชมรมท่ีได้ถูกแต่งต้ังและจะเป็นรูปแบบการศึกษาที่สามารถสอดคล้องกับความ
ต้องการของบุคคลนั้นๆได”้

ผู้เข้าร่วมคนท่ี 6 ให้ความเห็นว่า “คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องจัดสัปดาห์
แห่งการเรียนรู้ของเยาวชนเพ่ือรับรู้ส่ิงที่สังคมมุสลิมกาลังเผชิญอยู่ การเรยี นรู้ท่ีสม่าเสมอของเยาวชน
เป็นสิ่งสาคัญที่มัสยิดต้องให้การสนับสนุนเนื่องจากการศึกษานั้นถือเป็นสะพานเชื่อมระหว่างความ
เข้าใจในหลักการของศาสนากับการนาไปปฏิบัติใช้ในชีวิตประจาวัน เม่ือเยาวชนไม่มีการศึกษาโดย
ปริยายเยาวชนจะไม่เข้าใจหลักคาสอนและจะสง่ ผลต่อการปฏิบัติในชวี ิตประจาวันที่ผิดหลักการอย่าง
สิ้นเชิง การจัดการการศึกษาท่ีเกิดขึ้นในมัสยิดท่ีไม่ได้วางกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจนแต่เป็นการศึกษา
ในภาพรวมบางคร้ังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเยาวชนท่ีอยากจะศึกษาในประเด็นใหม่ๆ
ประเด็นท่ีกาลังเกิดขึ้นในโลกมุสลิมและประเด็นที่เยาวชนอยากเรียนรู้อย่างเจาะลึกกับส่ิงท่ีเกิดขึ้นใน
วัยของตน ดังน้ันการก่อตงั้ ชมรมกส็ ามารถสนองต่อความต้องการของเยาวชน”

ผู้เข้าร่วมคนท่ี 7 ให้ความเห็นว่า “คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องจดั การศึกษา
ท่ีเป็นเร่ืองๆ แบ่งเป็นหมวดหมู่พร้อมกับการสร้างความใกล้ชิดด้วยการกินอาหารร่วมกันบางมื้อ
การศึกษาที่เป็นหมวดหมู่ถือเป็นการศึกษาเฉพาะกิจท่ีไม่ต้องใช้เวลามากแต่สามารถสร้างความเข้าใจ
ในเร่ืองนัน้ ๆไดอ้ ย่างดีโดยแบง่ เรื่องที่ตอ้ งการจะศึกษาเป็นหมวดหมู่ตามความต้องการของเยาวชนหรือ
ตามสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมโดยเฉพาะในเร่ืองหลักปฏิบัติและหลกั ศรัทธาที่ยังมีเยาวชนบางคน
ท่ีปฏบิ ตั ไิ มถ่ ูกต้องและมคี วามเขา้ ใจผดิ ”

ผเู้ ข้าร่วมคนที่ 8 ให้ความเห็นว่า “คณะกรรมการอิสลามประจามัสยดิ ควรเปิดช่องทาง
การศึกษาในช่องทางท่ีหลากหลายโดยเฉพาะช่องทางเทคโนโลยี ในเม่ือเยาวชนเป็นกลุ่มคนที่นา
เทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการดาเนินชีวิตเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเทคโนโลยีนั้นมีทั้งคุณประโยชน์และโทษ
การเปดิ ชอ่ งทางการศกึ ษาในช่องทางเทคโนโลยขี องคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดก็เปน็ ส่งิ ที่ดีอีก
รปู แบบหน่ึงที่สามารถตอบคาถามของเยาวชนอยา่ งเรว็ โดยไม่ต้องคานึงถงึ เวลา สถานที่หรือข้อคาถาม
ท่ีจะถามซ่ึงบางคร้ังการถามคาถามน้ันสามารถถามตรงประเด็นโดยไม่มีความรู้สึกอายหรือกลัวใน
คาถามทอ่ี อกมาพรอ้ มกบั การสร้างความเข้าใจตามหลักศาสนาอกี ดว้ ย”

109

4.2.4.3 แนวทางในการพฒั นาเยาวชนด้านกจิ กรรม
ผู้เข้าร่วมคนที่ 9 ให้ความเห็นว่า “คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องให้มัสยิด
เป็นศูนย์กลางของชมุ ชนในทกุ ๆเร่ืองโดยเฉพาะในเรอื่ งของกิจกรรม โดยปกตมิ ัสยิดเป็นสถานท่ีรวมตัว
กันของมุสลิมหรือเม่ือมีเรื่องด่วนท่ีหน่วยงานต่างๆจะประชาสัมพันธ์ ซ่ึงกิจกรรมเหล่านั้นก็ได้
ดาเนินการเป็นเวลาอันยาวนาน จนทาให้ชุมชนนึกถึงมัสยิดโดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์คนเสียชีวิต
ที่ทางมัสยิดต้องประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนทราบอย่างละเอียดโดยสามารถกล่าวได้ว่ามัสยิดเป็น
ศูนย์กลางในการประชาสัมพันธ์ ซ่ึงการท่ีมัสยิดเป็นศูนย์กลางของการประชาสัมพันธ์ก็เป็นการง่ายใน
การท่ีจะทาให้มัสยิดเป็นศูนย์กลางของการจัดกิจกรรมมัสยิดเป็นศูนย์กลางของชุมชนถือเป็น
ศูนย์กลางของชุมชนทท่ี ุกคนในชมุ ชนใหค้ วามสาคญั ”
ผู้เข้าร่วมคนที่ 10 ให้ความเห็นว่า “คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องสร้างความ
ใกลช้ ิดและให้ความสาคญั ตอ่ เยาวชนด้วยกจิ กรรม การสร้างความใกลช้ ิดและให้ความสาคัญต่อเยาวชน
นั้นเป็นเร่ืองท่ีสมควรต้องได้รับการตระหนักอย่างย่ิงจากผู้นาศาสนาโดยเฉพาะคณะกรรมการอิสลาม
ประจามัสยิด ซึ่งการสร้างความใกล้ชิดนั้นเป็นเร่ืองท่ีทางมัสยิดต้องมีการประชุมในการวางรูปแบบ
หรือแนวทาง วัตถุประสงค์และเป้าหมายของเยาวชนอย่างชัดเจนและนามติการประชุมมาปฏิบัติใน
แนวทางเดียวกันตามที่ทุกคนเห็นชอบโดยไม่ได้มอบหมายความรับผิดชอบกับบุคคลใดบุคคลหน่ึงแต่
เป็นหน้าท่ีของทุกคนท่ีเป็นคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องปฏิบัติเช่นการสร้างความใกล้ชิด
ด้วยกิจกรรมพูดคุย ถามทุกข์สุขและมอบความหวังต่อเยาวชน เม่ือการให้ความสาคัญของ
คณะกรรมการอสิ ลามประจามัสยดิ ต่อเยาวชนเกิดขึ้นโดยอตั โนมตั ิเยาวชนก็จะมคี วามรสู้ ึกการมีคุณค่า
ของตนในสายตาสงั คมทก่ี าลังมองอยแู่ ละกาลงั มอบความหวงั ให้”
ผู้เข้าร่วมคนท่ี 11 ให้ความเห็นว่า “ความห่างเหินของเยาวชนกับมัสยิดท่ีปรากฏใน
ชุมชนมุสลิมโดยภาพรวม การที่เยาวชนจะเข้ามัสยิดด้วยวัตถุประสงค์เพ่ือการปฏิบัติศาสนกิจมีน้อย
การท่ีจะมอบให้เยาวชนเป็นผ้นู าละหมาด อ่านคุฏบะฮฺและอ่ืนๆก็เปน็ ไปได้ยาก ดังน้นั คณะกรรมการ
อิสลามประจามัสยิดต้องพยายามหากิจกรรมใหม่ๆท่ีสามารถสร้างความรู้สึกให้กับเยาวชนว่าตนเป็น
ส่วนหนง่ึ ของชุมชนและเป็นความหวังของสงั คม”
ผู้เข้าร่วมคนท่ี 12 ให้ความเห็นว่า “การจัดกิจกรรมพบปะครอบครัวที่มีในชุมชนคงจะเป็น
กิจกรรมใหม่อีกกิจกรรมหนึ่งโดยให้ทุกครอบครัวมารวมตัวกันที่มัสยิด มีการเปิดพิธีด้วยการอ่าน
อัลกุรอานที่มาจากตัวแทนของครอบครัว เล่นเกมด้วยกัน ทานอาหารร่วมกัน บอกความรู้สึกถึง

110

กิจกรรมพบปะครอบครัว มอบรางวัลให้กับครอบครัวดีเด่นตามความเห็นชอบของผู้เข้าร่วมและขอ
ข้อเสนอแนะพรอ้ มกับเชญิ ผู้อาวุโสในชุมชนเปน็ ผู้กลา่ วปดิ ”

ผเู้ ขา้ ร่วมคนที่ 13 ให้ความเห็นว่า “รูปแบบการจัดกิจกรรมเยี่ยมเยยี นผู้อาวโุ สในชุมชน
โดยท่ีเยาวชนได้เลือกบุคคลที่จะไปเย่ียมเยียน แจ้งวนั เวลาให้ทราบ พาส่ิงของที่จะมอบ พบปะพูดคุย
ในประเด็นทเี่ ยาวชนต้องการทราบและสดุ ท้ายขอคาแนะนาและมอบสง่ิ ของเพ่ือเป็นการขอบคุณ”

ผู้เข้าร่วมคนที่ 14 ให้ความเห็นว่า “รูปแบบการจัดกิจกรรมกีฬาสีโดยเร่ิมด้วยการประชุม
คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิด แต่งต้ังคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดให้เป็นหัวหน้าประจาสี
รา่ งกาหนดการ แตง่ ต้ังคณะกรรมการในการจัดกิจกรรมกีฬาสี ประชาสัมพนั ธใ์ ห้ชุมชนทราบ แจ้งงบที่
ต้องใช้จ่าย ของบสนับสนุนงบจากผู้ท่ีมีจิตศรัทธาและดาเนินการกิจกรรม ซึ่งในกิจกรรมดังกล่าวจะ
มอบใหค้ ณะกรรมการท่ีรับผดิ ชอบเปน็ ผู้ดแู ล”

111

บทท่ี 5
สรุปผลการวจิ ัยและขอ้ เสนอแนะ

การวิจัยเรื่องบทบาทของคณะกรรมการอสิ ลามประจามัสยิดในการพัฒนาเยาวชนใน
เขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาสคร้ังนี้ เป็นวิจัยเชิงสารวจ (Survey Research) มีวัตถุประสงค์
(1) เพื่อศึกษาระดับความรู้ความเข้าใจของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต่อบทบาทในการพัฒนา
เยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส (2) เพื่อศึกษาระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลาม
ประจามัสยิดในการพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส (3) เพื่อศึกษาแนวทางในการ
พัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จงั หวัดนราธิวาส

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือคณะกรรมการอสิ ลามประจามัสยิดในเขตอาเภอตากใบ จังหวัด
นราธิวาสโดยแยกเป็นตาบลคือ ตาบลเจ๊ะเห ตาบลเกาะสะท้อน ตาบลไพรวัน ตาบลโฆษิตในจานวน
ตาบลละ 38 คน ตาบลศาลาใหม่จานวน 32 คน ตาบลนานาคจานวน 26 คน ตาบลพร่อนจานวน
13 คน ตาบลบางขนุ ทองจานวน 7 คน รวมกลมุ่ ตวั อยา่ งทงั้ หมด 230 คน

วิธกี ารดาเนินการวิจัยเปน็ 4 ขน้ั ตอนคือ
ขัน้ ตอนที่ 1 สร้างกรอบแนวคิดโดยการศึกษา วิเคราะห์เอกสาร ตาราและงานวิจยั ท่ี
เก่ยี วขอ้ งกับบทบาทของผนู้ า
ขัน้ ตอนท่ี 2 ผู้วจิ ัยจดั ทาแบบสอบถามโดยการทบทวนวรรณกรรมและทฤษฏีท่ีเกีย่ วกับบทบาท
ของผู้นาซึ่งลักษณะของแบบสอบถามแบ่งออกเป็น 3 ตอน คือ ตอนที่ 1 เป็นแบบสอบถามแบบ
เลือกตอบเก่ียวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม มีลักษณะเลือกตอบแบบสอบถาม 5 ระดับ
ตอนที่ 2 เป็นแบบสอบถามแบบประมาณค่า 5 ระดับ ตอนที่ 3 เป็นแบบทดสอบเพ่ือศึกษาความรู้
ความเข้าใจของคณะกรรมการอิสลามประจามสั ยดิ ต่อบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิด
กับการสรา้ งเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ และตอนท่ี 4 เป็นข้อเสนอแนะและความคิดเห็น
ข้ันตอนที่ 3 ผู้วิจัยใช้วิธีการวิจัยแบบการจัดสนทนากลุ่ม (FocusGroupDiscussion)
เพ่ือศึกษาแนวทางการสร้างเยาวชนเนื่องจากเป็นวิจัยคุณภาพ โดยใช้แบบสนทนากลุ่ม ซ่ึงมีผู้เข้าร่วม
สนทนากลุ่ม คือตัวแทนคณะกรรมการอิสลามประจาจังหวัดนราธิวาสจานวน 10 คนและตัวแทน
คณะกรรมการชมรมอมิ าม เคาะฏบี บลี าลในเขตอาเภอตากใบ จังหวดั นราธิวาส จานวน 10 คน

112

ข้ันตอนที่ 4 นาผลที่ได้จากตอนท่ี 2 และ 3 มาวิเคราะห์เพ่ือทราบถึงบทบาทและ
ความรู้ความเข้าใจของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดในการพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ
จังหวัดนราธิวาส ส่วนตอนท่ี 4 มาวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางการพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัด
นราธวิ าส

การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยศึกษาอัลกุรอาน อัลฮะดีษ เอกสารงานวิจยั ที่เก่ียวข้อง
ใน ค ว ามห ม าย บ ท บ าท แล ะบ ท บ าท ขอ งผู้ น าใน ก าร พั ฒ น าเย าว ช น พ ร้ อม กั บ เก็ บ ร ว บ ร ว ม ข้อ มู ล
ภาคสนาม จากน้ันผูว้ ิจัยดาเนินการวิเคราะห์หาค่าตา่ งๆด้วยโปรแกรมสาเร็จรปู ทางสถิติ โดยนาข้อมูล
ท่ีได้จากแบบสอบถามตอนท่ี 1 ที่เกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบถามมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยหา
ค่าความถ่ี (Frequency) และค่าร้อยละ (Percentage) ตอนท่ี 2 ระดับบทบาทของคณะกรรมการ
อิสลามประจามัสยิดในการพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส วิเคราะห์ข้อมูลโดย
หาค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และแบบทดสอบตอนท่ี 3
เก่ียวกบั ความรู้ความเข้าใจในบทบาทมาวิเคราะหโ์ ดยหาค่าร้อยละ (Percentage) ส่วนข้อมูลที่ได้จากการ
สนทนากลมุ่ (Focus Group Discussion) ใช้วิธีการพรรณนาสงั เคราะห์นาเสนอในรปู ความเรียงเพ่ือ
นาเสนอแนวทางในการพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จงั หวัดนราธิวาส

5.1 สรุปผลการวิจยั

จากการวิเคราะห์ข้อมูล สรุปผลการวิจัยเรื่องบทบาทของคณะกรรมการอิสลาม
ประจามสั ยดิ ในการพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ตามวตั ถุประสงค์ดังนี้

5.1.1 เพื่อศึกษาระดับความรู้ความเข้าใจของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต่อ
บทบาทในการพฒั นาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวดั นราธวิ าส

ผลการศึกษาระดับความรูค้ วามเขา้ ใจของคณะกรรมการอสิ ลามประจามัสยิดในการ
พัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พบว่า ผู้ตอบแบบทดสอบถามเป็นเพศชายท้ังหมด
เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ข้อที่ตอบถูกทุกคนคือตามหลักการอิสลามทุกคนท่ีมีบทบาทจะต้องถูก
สอบสวน รองลงมาคือตามหลักการอิสลามผู้นาต้องทราบทุกปัญหาท่ีเกิดขึ้นในชุมชน ร้อยละ 98.3
รองลงมาคือปญั หาในชุมชนมีมากมายแต่ปญั หาความไม่เข้าในศาสนาถือเป็นปัญหาหลัก ร้อยละ 92.6

113

ส่วนขอ้ คาถามที่ตอบถูกน้อยที่สุดคือตามพระราชบญั ญัติการบริหารองคก์ รศาสนา พทุ ธศักราช 2540
เคาะฏีบมหี นา้ ที่อ่านคุตบะห์วันศกุ ร์เท่านนั้ ร้อยละ 25.7

5.1.2 เพ่ือศึกษาระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดในการพัฒนา
เยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธวิ าส

ผลการวิเคราะห์ระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดในการพัฒนา
เยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวดั นราธิวาส พบว่า ระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจา
มัสยิดในการพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง
(¯x =3.43,S.D.=.64) เมือ่ พิจารณาเป็นรายด้านพบว่ามีค่าเฉลี่ยอยใู่ นระดับที่ต่างกันสามารถเรยี งลาดับ
จากมากไปหาน้อยได้แก่ บทบาทด้านการศึกษา (¯x =3.60,S.D.=.60) บทบาทด้านศาสนา(¯x =3.55,
S.D.=.56) และบทบาทด้านกิจกรรม (¯x =3.14,S.D.=.76)

เม่ือพิจารณาเปน็ รายข้อ ปรากฏผลดังน้ี
5.1.1.1 ด้านศาสนา พบว่า อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉล่ียมากสุดคือ มีจัดการศึกษา
เรื่องการศรัทธาต่ออัลลอฮ (¯x =3.98,S.D.=.587) รองลงมาข้อท่ี 18 ท่านได้มีการจัดการเรียนการ
สอนในเรื่องหลักศรัทธาในภาพรวม (¯x =3.95,S.D.=.652)ส่วนข้อที่มีค่าเฉล่ียต่าสุดคือ มีการให้
กาลงั ใจต่อผ้ทู ีข่ ยนั ละหมาด (¯x =3.10,S.D.=1.03)
5.1.1.2 ด้านการศึกษา พบว่า อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉล่ียมากสุดคือ มีการส่งเสริม
การจัดการเรียนการสอนฟัรฏูอีน(ตาดีกา) ( ¯x =4.32,S.D.=.647) รองลงมา มีการส่งเสริมการจัดการ
เรียนการสอนในมัสยิด (¯x =4.09,S.D.=.727) ส่วนข้อท่ีมีค่าเฉลี่ยต่าสุดคือ มีการจัดกิจกรรมการอ่าน
รูกูนเกาวลีย์(คาอ่าน)ในละหมาด (¯x =3.23,S.D.=.889)และมีการจัดกิจกรรมอบรมก่อนแต่งงาน
(¯x =3.23,S.D.=1.020)
5.1.1.3 ด้านกิจกรรม พบว่า อยู่ในระดับปานกลาง มีค่าเฉล่ียคือ มีการจัดกิจกรรม
จิตอาสา (¯x =3.40, S.D.=.780) รองลงมา มีการส่งเสริมให้เยาวชนเป็นผู้นาละหมาดฟัรฏ (¯x =3.21,
S.D.=.878) และมีการจัดกิจกรรมเฉพาะเยาวชนที่เป็นรายปี (¯x =3.21,S.D.=.962)ส่วนข้อที่มีค่าเฉล่ีย
ตา่ สดุ คือ มีการสนับสนนุ งบในการสง่ เสรมิ กิจกรรมของเยาวชน (¯x =3.00,S.D.=904)
5.1.3 แนวทางในการพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวดั นราธวิ าส
ผลจากการสะท้อนสภาพปัญหาของเยาวชนที่เกิดข้ึนในชุมชนท่มี ากมายโดยมีปัญหา
คือ ปัญหาท่ีเก่ียวกับหลักปฏิบัติ เยาวชนไม่ให้ความสาคัญกับการปฏิบัติศาสนกิจ การละหมาดท่ีไม่

114

ตรงตามเวลาทก่ี าหนด ละหมาดท่บี ้านเป็นส่วนใหญ่ เยาวชนบางคนไม่ละหมาด ปัญหาท่ีเกยี่ วกบั หลัก
ศรทั ธาทม่ี เี ยาวชนไมเ่ ข้าใจความหมายของคาวา่ ซีรกิ เข้าใจในหลักการศรัทธาแต่ไมส่ ามารถอธิบายได้
ตามท่ีเข้าใจ รู้ในหลักศรัทธาแต่ขาดความเช่ือมั่นอย่างจริงจัง ปัญหาที่เก่ียวกับอบายมุข มีเยาวชนท่ี
มั่วสุมกับยาเสพติด ดื่มน้ากระท่อมและปัญหาความเป็นผู้นาของเยาวชน ผู้นาในการนาละหมาด
การอา่ นคฏุ บะฮฺในวนั ศกุ ร์และกจิ กรรมอน่ื ๆ ดังนั้นทางผเู้ ข้าร่วมสนทนากล่มุ ไดเ้ สนอแนวทางดังน้ี

1.คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องจัดอบรมในเร่ืองของศาสนาเป็นระยะๆ
โดยเชิญวทิ ยากรจากภายนอกมาให้ความรู้ซงึ่ สามารถสร้างบรรยากาศใหม่ๆต่อเยาวชน

2.คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องจัดคืนแห่งการบูรณะมัสยิดของเยาวชนท่ี
เป็นรายเดอื นเพ่ือให้เยาวชนมคี วามเข้าใจศาสนามากยิ่งขน้ึ และเพ่ือให้เยาวชนสามารถสอบถามปัญหา
ในเรอ่ื งศาสนาในรูปแบบเป็นกันเอง

3.คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องให้เยาวชนมีการเชิญชวนเยาวชนด้วยกัน
เขา้ มสั ยดิ และเนน้ ใหเ้ ยาวชนปฏิบัตศิ าสนกิจไดอ้ ยา่ งสมบรู ณท์ ี่มสั ยิด

4.ทางมัสยิดควรเอ้ือให้เยาวชนออกไปหาประสบการณ์ข้างนอกในรูปแบบออก
ดะอวฺ ะฮใฺ นทกุ ๆเดอื นโดยผ่านการสนบั สนนุ งบจากมัสยดิ สาหรับบางคน

5.คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องก่อตั้งชมรมเยาวชนท่ีมีโครงสร้างของ
ชมรมต้ังแต่ประธาน รอง เลขา เหรัญญิกพร้อมกบั แต่งต้ังฝ่ายตา่ งๆในการแบ่งภาระงานท่ีต้องทาและ
ฝ่ายทสี่ าคญั คอื ฝา่ ยการจัดการศกึ ษาของเยาวชน

6.คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องจัดสัปดาห์แห่งการเรียนรู้ของเยาวชนเพื่อ
รบั ร้สู ิง่ ทส่ี งั คมมสุ ลมิ กาลังเผชิญอยู่

7.คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องจัดการศึกษาที่เป็นเร่ืองๆ แบ่งเป็น
หมวดหมู่พร้อมกบั การสรา้ งความใกลช้ ิดด้วยการกินอาหารรว่ มกนั บางม้ือ

8.คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดควรเปิดช่องทางการศึกษาในช่องทางท่ี
หลากหลายโดยเฉพาะช่องทางเทคโนโลยี

9.คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องให้มัสยิดเป็นศูนย์กลางของชุมชนในทุกๆ
เร่อื งโดยเฉพาะในเรอ่ื งของกิจกรรม

10.คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องสร้างความใกล้ชิดและให้ความสาคัญต่อ
เยาวชนด้วยกิจกรรม

115

11.คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องพยายามหากิจกรรมใหม่ๆ เช่น กิจกรรม
พบปะครอบครัว กิจกรรมเยี่ยมเยียนระหว่างเยาวชนกับผู้อาวุโสในชุมชนและกิจกรรมกีฬาสีของ
ชมุ ชนที่สามารถใหเ้ ยาวชนมีความรู้สกึ วา่ ตนเป็นสว่ นหนึ่งของชุมชน

5.2 อภปิ รายผล

5.2.1 ระดับความรู้ความเข้าใจของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดในการพัฒนา

เยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จงั หวัดนราธิวาส

ผลการศึกษาระดับความรคู้ วามเขา้ ใจของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดในการ

พัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พบว่า ผู้ตอบแบบทดสอบถามเป็นเพศชาย

ทั้งหมด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ข้อท่ีตอบถูกทุกคนคือตามหลักการอิสลามทุกคนที่มีบทบาทจะต้อง

ถูกสอบสวน รองลงมาคอื ตามหลักการอิสลามผู้นาต้องทราบทกุ ปัญหาท่ีเกิดข้นึ ในชุมชน ร้อยละ 98.3

รองลงมาคือปัญหาในชุมชนมีมากมายแต่ปญั หาความไม่เขา้ ในศาสนาถือเป็นปัญหาหลัก รอ้ ยละ 92.6

สว่ นขอ้ คาถามท่ีตอบถูกน้อยท่ีสุดคือตามพระราชบญั ญัติการบรหิ ารองคก์ รศาสนา พทุ ธศกั ราช 2540

เคาะฏีบมีหนา้ ทอ่ี า่ นคตุ บะหว์ นั ศกุ รเ์ ทา่ นน้ั รอ้ ยละ 25.7

ท้ังน้ีอาจจะเป็นเพราะคณะกรรมการอิสลามได้มีการอบรมและการประชุมเป็น

ประจาในทุกๆเดือน จึงส่งผลให้เกิดความรู้ความเข้าใจพร้อมกับสามารถเปล่ียนแปลงพฤติกรรมไปสู่

แนวทางที่ดีกว่าซึ่งสอดคล้องกับหลักภาษาอาหรับท่ีบ่งบอกถึงการกระทาท่ีต่อเนื่องและอัลลอฮ  ได้

ตรัสในอัลกุรอานวา่

‫يمْنـ ُه ْم يـَْتـلُو َعلَْييه ْم آََيتييه َويـَُزكيييه ْم‬ ‫َوي﴿ـَُعلُيهَُموُهاَلُّميذالْييكتَبـَاَع َبَثَوايفْيْلياْكْلَُميمةَييَوَنإينَر ُسَكاوانلُاوا‬
﴾‫يمن قَـْبلُ لَيفي َضلَاٍل ُّمبييٍن‬
ความว่า “พระองค์ทรงเป็นผู้แต่งตั้งเราะสูลข้ึนคนหนึ่งในหมู่ผู้ไม่

รู้จักหนังสือจากพวกเขาเองเพ่ือสาธยายอายาตต่างๆของพระองค์

แก่พวกเขาและทรงทาให้พวกเขาผุดผ่องและทรงสอนคัมภีร์และ

ความสุขุมคัมภีร์ภาพแก่พวกเขาและแม้ว่าแต่ก่อนนี้พวกเขาอยู่ใน

การหลงผดิ อย่างชัดแจง้ ก็ตาม”

(อลั ญุมุอะฮฺ:2)

116

จากอายะฮฺข้างต้นอัลลอฮ์  ได้ใช้สานวนอายะฮฺท่ีเป็นการกระทาท่ีเป็นปัจจุบันนั่น
กค็ ือ ฟิอลิ มุฏอริอฺ (การกระทาที่กาลงั ปฏิบัติอย่างไม่หยุด) สามารถสะท้อนให้เห็นถงึ ความสาคัญของ
การกระทาท่ีนบีมุฮัมมัด  ได้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องในการขัดเกลาจิตใจเศาะฮาบะฮฺ  ในสมัยนั้นจน
สามารถเปลยี่ นแปลงไปสแู่ สงสว่างของอิสลาม

5.2.2 ระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยดิ ในการพฒั นาเยาวชนในเขต
อาเภอตากใบ จงั หวัดนราธวิ าส

ผลการศึกษาระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดในการพัฒนา
เยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ทั้งน้ีอาจจะ
เป็นเพราะคณะกรรมการอสิ ลามประจามัสยิดมภี าระหนา้ ท่ีในการดแู ลครอบครัวและยังมีหนา้ ท่ใี นการ
ประสานงานกิจกรรมของหน่วยงานต่างๆที่มีอยู่ในสังคมจนส่งผลกระทบต่อความตระหนักในหน้าท่ีที่
ได้รับการไว้วางใจ ซึ่งจะสอดคล้องกับอับดุลลอฮมาลิก หมัดเหระ, (2012 : 5) ที่กล่าวว่าปัญหาท่ีทา
ให้ผู้นามุสลิมไม่สามารถดูแลเยาวชนตามวิถีแห่งศาสนาอิสลามได้มี 4 ประการ คือ ประการแรกผู้นา
มุสลิมขาดความรู้ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตนเอง และจะซ่ึงสอดคล้องกับประการท่ีสองผู้นา
มุสลิมไม่ตระหนักและไม่ให้ความสาคัญในการดูแลเยาวชน ประการที่สามผู้นาขาดทักษะและ
ประสบการณ์ในการดแู ลเยาวชน และประการสุดทา้ ยผู้นาขาดความสมั พนั ธก์ ับกลมุ่ เยาวชน

เมื่อพิจารณาระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดในการพัฒนา
เยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวดั นราธิวาสเป็นรายข้อในแต่ละดา้ น ปรากฏผลดังน้ี

5.2.2.1 ด้านศาสนา พบวา่ ระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดใน
การพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาสด้านศาสนา เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า
ส่วนใหญ่อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยมากท่ีสุดคือมีจัดการศึกษาเร่ืองการศรัทธาต่ออัลลอฮและ
รองลงมาคือมีการจัดการเรยี นการสอนในเร่ืองหลักศรัทธาในภาพรวม

ทัง้ น้ีอาจจะเป็นเพราะการใหค้ วามสาคญั ต่อเรอื่ งเหล่าน้ันเป็นอย่างมากซงึ่ สอดคล้อง
กบั อิบรอฮิม ตาเยะ, (2012 : 5) ท่ีกล่าวว่า บทบาทของอิมามโดยรวม บทบาทในด้านศาสนาและบทบาท
ในด้านการบริหารอยู่ในระดับมาก ดรัลรัตน์ ภมรบุตร, (2007) ท่ีกล่าวว่า ผู้นาศาสนาอิสลามมีการ
ปฏบิ ัตติ ามบทบาทหนา้ ที่มากที่สดุ คือ ด้านศาสนา

5.2.2.2 ด้านการศึกษา พบวา่ ระดับบทบาทของคณะกรรมการอสิ ลามประจามัสยิด
ในการพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาสด้านการศึกษา เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ

117

พบว่าอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉล่ียมากสุดคือมีการส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนฟัรฏูอีน(ตาดีกา)
รองลงมาคือมกี ารส่งเสริมการจดั การเรียนการสอนในมสั ยดิ

ท้ังน้ีอาจจะเป็นเพราะความตระหนักของผู้นาในความรับผิดชอบที่จะต้องถูก
สอบถามจากชุมชนและจะถูกสอบสวนจากอัลลอฮ์  ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั อับดลุ อาซซิ เจ๊ะมามะ, (2012: 5) ท่ี
กล่าวว่า ระดับภาวะผู้นาของอิมามด้านความรับผิดชอบ ด้านวิสัยทัศน์กว้างไกล ด้านการบริหารแบบมีส่วน
รว่ ม และดา้ นกระบวนการควบคุม โดยภาพรวมและหลายด้านอยู่ในระดบั มาก

5.2.2.3 ด้านกิจกรรม พบว่า ระดับบทบาทของคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิด
ในการพัฒนาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จงั หวัดนราธิวาสด้านการจัดกิจกรรม เมื่อพิจารณาเป็นราย
ข้อ พบว่าอยู่ในระดับปานกลางโดยมีค่าเฉลี่ยคือคณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดได้มีการจัด
กิจกรรมจิตอาสา รองลงมาคือมีการส่งเสริมให้เยาวชนเป็นผู้นาละหมาดฟัรฏูและมีการจัดกิจกรรม
เฉพาะเยาวชนทเ่ี ปน็ รายปี

ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะทางมัสยิดได้จัดกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เยาวชนท่ีมีการศึกษา
เทา่ นั้นแตไ่ ม่มีกิจกรรมท่ีเหมาะสาหรบั เยาวชนทว่ั ไปและโดยปกติกิจกรรมท่ีทางคณะกรรมการอสิ ลาม
ประจามัสยิดจัดขึ้นจะเป็นกิจกรรมที่เน้นนักในเร่ืองวิชาการ การบรรยาย การชี้แนะและก็เป็นเรื่องท่ี
ไมส่ ามารถสรา้ งความดึงดูดต่อเยาวชนอีกเชน่ กนั

5.1.3 แนวทางในการพฒั นาเยาวชนในเขตอาเภอตากใบ จงั หวัดนราธวิ าส
ผลจากการสะท้อนสภาพปัญหาของเยาวชนท่ีเกิดขึน้ ในชุมชนท่มี ากมายโดยมปี ัญหา

คือ ปัญหาที่เกี่ยวกับหลักปฏิบัติ เยาวชนไม่ให้ความสาคัญกับการปฏิบัติศาสนกิจ การละหมาดที่ไม่
ตรงตามเวลาทก่ี าหนด ละหมาดทบี่ ้านเปน็ ส่วนใหญ่ เยาวชนบางคนไม่ละหมาด ปญั หาท่ีเก่ยี วกบั หลัก
ศรทั ธาท่ีมีเยาวชนไมเ่ ขา้ ใจความหมายของคาว่า ซีริก เข้าใจในหลกั การศรัทธาแต่ไมส่ ามารถอธิบายได้
ตามที่เข้าใจ รู้ในหลักศรัทธาแต่ขาดความเชื่อมั่นอย่างจริงจัง ปัญหาท่ีเก่ียวกับอบายมุข มีเยาวชนที่
ม่ัวสุมกับยาเสพติด ดื่มน้ากระท่อมและปัญหาความเป็นผู้นาของเยาวชน ผู้นาในการนาละหมาด
การอา่ นคฏุ บะฮฺในวนั ศกุ ร์และกิจกรรมอน่ื ๆ ดังน้ันทางผเู้ ขา้ รว่ มสนทนากล่มุ ได้เสนอแนวทางดงั น้ี

1. คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องจัดอบรมในเรื่องของศาสนาเป็นระยะๆ
โดยเชญิ วิทยากรจากภายนอกมาให้ความรู้ซึ่งสามารถสรา้ งบรรยากาศใหม่ๆตอ่ เยาวชน

118

2. คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องจัดคืนแห่งการบูรณะมัสยดิ ของเยาวชนที่
เป็นรายเดอื นเพ่ือใหเ้ ยาวชนมีความเข้าใจศาสนามากย่ิงขน้ึ และเพอื่ ให้เยาวชนสามารถสอบถามปัญหา
ในเร่ืองศาสนาในรปู แบบเป็นกนั เอง

3. คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องให้เยาวชนมีการเชิญชวนเยาวชนด้วยกัน
เขา้ มสั ยดิ และเน้นให้เยาวชนปฏบิ ตั ศิ าสนกจิ ได้อยา่ งสมบูรณท์ มี่ สั ยดิ

4. ทางมัสยิดควรเอื้อให้เยาวชนออกไปหาประสบการณ์ข้างนอกในรูปแบบออกดะอฺวะฮฺ
ในทกุ ๆเดือนโดยผา่ นการสนบั สนุนงบจากมสั ยดิ สาหรับบางคน

5. คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องก่อต้ังชมรมเยาวชนท่ีมีโครงสร้างของชมรม
ตงั้ แต่ประธาน รอง เลขา เหรัญญิกพร้อมกบั แตง่ ตัง้ ฝ่ายต่างๆในการแบ่งภาระงานท่ีต้องทา และฝา่ ยท่ี
สาคญั คอื ฝา่ ยการจดั การศึกษาของเยาวชน

6. คณะกรรมการอิสลามประจามสั ยิดต้องจดั สัปดาหแ์ ห่งการเรียนรู้ของเยาวชนเพื่อ
รบั ร้สู ิง่ ท่ีสังคมมุสลิมกาลงั เผชิญอยู่

7. คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องจัดการศึกษาที่เป็นเรื่องๆ แบ่งเป็นหมวดหมู่
พร้อมด้วยการสร้างความใกล้ชดิ ดว้ ยการกินอาหารร่วมกันบางม้ือ

8. คณะกรรมการอสิ ลามประจามัสยิดควรเปดิ ช่องทางการศึกษาในช่องทางทห่ี ลากหลาย
โดยเฉพาะช่องทางเทคโนโลยี

9. คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องให้มัสยิดเป็นศูนย์กลางของชุมชนในทุกๆ
เร่ืองโดยเฉพาะในเร่อื งของกจิ กรรม

10. คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องสร้างความใกล้ชิดและให้ความสาคัญต่อ
เยาวชนดว้ ยกจิ กรรม

11. คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดต้องพยายามหากิจกรรมใหม่ๆ เชน่ กิจกรรม
พบปะครอบครัว กิจกรรมเย่ียมเยียนระหว่างเยาวชนกับผู้อาวุโสในชุมชนและกิจกรรมกีฬาสีของ
ชุมชนท่ีสามารถให้เยาวชนมคี วามรสู้ ึกวา่ ตนเปน็ ส่วนหนงึ่ ของชมุ ชน

119

5.3 ข้อเสนอแนะ

ข้อเสนอแนะในการนาผลการวิจัยบทบาทของคณะกรรมการอิสลามในการพัฒนา
เยาวชนไปปรับใช้ มีดังน้ี

5.3.1 ขอ้ เสนอแนะในการนาผลการวจิ ัยไปประยกุ ต์ใช้
จากการวจิ ัยบทบาทคณะกรรมการอสิ ลามประจามสั ยิดในการพัฒนาเยาวชนในเขต

อาเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พบว่าบทบาทในภาพรวมอยู่ในระดับ ปานกลาง และเพ่ือสร้าง
คุณภาพในการพฒั นาเยาวชน ผู้เขา้ วิจัยใคร่ขอเสนอข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาเยาวชนดงั นี้

5.3.1.1 คณะกรรมการอสิ ลามประจามสั ยดิ ควรสรา้ งความใกลช้ ดิ กับเยาวชน
5.3.1.2 คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดควรก่อตั้งชมรมเยาวชนท่ีอยู่ภายใต้การ
กากับดูแลของมัสยิด โดยมีระเบียบของชมรมมาบังคับใช้พร้อมกับกาหนดวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ และ
แนวทางการปฏิบัติงานทสี่ ามารถประเมนิ และติดตามโดยมสั ยดิ อีกดว้ ย
5.3.1.3 คณะกรรมการอิสลามประจามัสยิดควรช้ีแนะเยาวชนในทุกๆกิจกรรมท่ีได้
จัดข้ึน ซ่ึงเยาวชนถือเป็นเสาหลักของสังคมที่มีความสามารถเหนือบุคคลอื่นเนื่องด้วยความแข็งแกร่ง
ในด้านจิตใจและร่างกายแต่เมื่อปราศจากการชี้แนะจากบุคคลที่มีประสบการณ์สังคมน้ันก็จะไม่
ประสบความสาเร็จอีกเชน่ กัน
5.3.1.4 การพัฒนาเยาวชนต้องมีแนวทางท่ีหลากหลายเพื่อไปปรับใช้กับใครคนใด
คนหน่ึงให้ได้ผลและสาเร็จเน่ืองจากความไม่เหมือนของแต่ละบุคคล บางทีแนวทางและรูปแบบการ
สร้างอาจจะสาเร็จกบั คนน้ี แต่แนวทางและรปู แบบการสรา้ งเดยี วกันนีอ้ าจจะใชไ้ ม่ไดผ้ ลกับอีกคนหน่ึง
ดังน้ันผู้นาจงึ จาเป็นจะต้องรู้จกั และเขา้ ใจบุคคลที่กาลังสร้างอย่อู ย่างแท้จริง พร้อมด้วยความไม่ทอ้ แท้
ตอ่ บททดสอบทไ่ี ด้เผชญิ อยู่ ซ่งึ ไม่มีความสาเรจ็ ทีไ่ ดม้ ายกเวน้ ต้องได้รบั การทดสอบจากอลั ลอฮ์ 
5.3.2 ข้อเสนอแนะในการทาวจิ ัยครง้ั ต่อไป
5.3.2.1 เสนอให้มีการสัมภาษณ์ เจาะลึกในประเด็นแนวทางในการพัฒนาเยาวชน
และดาเนินการวจิ ัยต่อในเร่อื งดังกลา่ วเพ่ือสามารถนาแนวทางการพัฒนาเยาวชนใชจ้ ริงในบริบทสังคม
ทแี่ ตกตา่ งกนั
5.3.2.2 เสนอให้มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับความคิดเห็น ความพึงพอใจของเยาวชน
และสัปบุรุษต่อบทบาทของคณะอิสลามประจามสั ยิด

120

5.3.2.3 เสนอให้มกี ารศึกษาเกีย่ วกับบทบาทของคณะกรรมการอสิ ลามประจามสั ยิด
กบั การสรา้ งผู้นาที่มศี ักยภาพในการสบื ทอดบทบาทของผู้นาตอ่ ไป

121

บรรณานุกรม

หนงั สอื /เอกสาร
บญุ ชม ศรสี ะอาด. 2545. การวิจัยเบื้องต้น. พิมพค์ รงั้ ท่ี 7. กรงุ เทพฯ : สุวีรยิ าสาสน์
บุญชม ศรสี ะอาด. 2553. การวจิ ัยเบ้ืองต้น. พิมพค์ รั้งท่ี 8. กรงุ เทพฯ : สวุ ีริยาสาส์น
พวงรัตน์ ทวีรัตน์. 2540. วิธีการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. พิมพ์คร้ังที่ 7.

กรุงเทพมหานคร : สานักทดสอบทางการศึกษาและวิจัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ
ประสานมิตร
ไพศาล วรคา. 2554. การวิจัยทางการศึกษา. สาขาวิชาวิจัยและประเมินผลการศึกษา. มหาวิทยาลัย
ราชภัฏมหาสารคาม
พระราชบัญญตั ิการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540. 2540, 9พฤษจิกายน. ราชกิจจานุเบกษา.
เลม่ ท่ี 114 ตอนที่ 65 ก. หนา้ 3
ราชบัณฑิตยสถาน. 2540. ปถานกุ รมศัพทท์ างสังคมศาสตร์. กรงุ เทพ
วนิ ยั สะมะอูน. 2539. ค่มู ือการบรหิ ารมัสยิดและชุมชน. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์การศาสนา
ศิรวิ รรณ เสรรี ตั น์ และคณะ. 2545. องค์การและการจดั การ. กรุงเทพมหานคร : ธรรมสาร
สมาคมศิษยเ์ ก่าอาหรับประเทศไทย. 1999. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานพรอ้ มความหมายภาษาไทย.
อลั มะดีนะฮฺ อัลมเุ นาะวะเราะฮฺ : ศูนยก์ ษัตริยฟ์ ะฮดฺ ์ เพื่อการพิมพอ์ ลั กรุ อาน
พระราชบัญญัติ สง่ เสริมการพฒั นาเดก็ และเยาวชนแหง่ ชาติ พ.ศ.2550. 2550, 30 ธันวาคม.
เลม่ ท่ี 125 ตอนท่ี 9 ก. หนา้ 1
พัทยา สายห.ู 2540. กลไกของสังคม. พิมพ์ครง้ั ท่ี 9. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั

หนังสือแปล
Abdul Majīd al-Zindāniy. 2556. หลักการเอกภาพของอัลลอฮ เล่มท่ี 1 แปลโดย สถาบัน

อัสสาลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา. นนทบรุ ี : บรษิ ัทเฟิรส์ ออพเซ็ท

Abu al‘Alā al-Maudūdīy. 2001. Menjadi Muslim. Yokyakarta : Penerbit Mitra
Pustaka

Ahmad Yānī. 2000. Panduan Memakmurkan Masjid Kajian Praktis bagi
Aktivis Masjid. Jakarta : Penerbit Dea Press

122

Ali ‘Abdul Halim Mahmūd. 2000. Pendidikan Ruhani แปลโดย อับดุลไฮยยี อลั -คดั ตานี

Jakarta : Gema Insani Press

Ibrāhīm al-Buraikān. 1998. Pengantar Studi Aqidah Islam.Jakarta. แปลโดย อนิส
มัตตา Jakarta : Penerbit Robbani Press

Muṣṭafā Sibā‘iy. 1985. Al-Sīrah al-Nabawiyyah แปลโดย เฆาะซาลี เบญ็ หมัด. นนทบุรี :
บริษัทเฟริ ส์ ออพเซ็ท

Najib Khālid al-‘Amīriy. 1994. Tarbiyah Rasulullah. แปลโดย ฟัรรุดดีน นุรซัม

Jakarta : Gema Insani Press

Nāsih‘Ulwān. 1994. Pendidikan Anak Dalam Islam. แปลโดย ยามาลดุ ดีน
มรี .ี Jakarta : Pustaka Amānī

Sa‘id Hawā. 2002. Ar-Rasul Muhammad SAW. แป ล โด ย กาโศ ร ซู ฮัรดี ย์ . Solo :

Pustaka Mantiq

Sayyid Muhammad Nūh. 1996. Dakwah Fardiyah. แปลโดยอัซฟา อัฟการีนา. Solo :

Penerbit Era Intermedia
Yuhanas Ilyās. 2000. Kuliah Aqidah Islam. Yogyakarta : Penerbit Lembaga

Pengajian dan Pengamalan Islam.

Yūsuf al-Qaradōฺ wiy. 2000. Karakteristik Islam. แปลโดย รอฟิอ มุเนาววัร. Surabaya

: Penerbit Risalah Gusti

หนงั สืออาหรับ

Abdul Azīz bin Bāz. 2002. al-Da‘awah ilā Alloh wa Akhlāq al-Du‘aāh( ‫الدعوة إلى الله‬
‫)وأخلاق الدعاة‬. al-Riyād : Ri‘aāsah Idāroh al-Buhūth al-‘Ilmiyyah wa al-‘Ifta’

Abdul Qādir ‘Audah. 1985. al-Islām Baina Jahl Abnā’ihi wa ‘Ajzi ‘Ulamā‘ih
(‫)الإسلام بين جهل أبنائه وعجز علمائه‬. n.p.

Abdul Raḥmān Bilah Alī. 1992. al-Tarbiyyah al-Islāmiyyah li al-Syabāb( ‫ا لتربية‬
‫) ا لإسلا مية للشبا ب‬. Majalah al-Jāmi‘ah al-Islāmiyyah bi al-Madīnah
al-Munawwarah

Abdul Raḥmān al-Rajihiy. n.d. Sharah Ṣohīh Ibn Hibbān(‫)شرح صحيح ابن حبان‬. n.p.
Abdul Wadūd. 1974. Qādat al-Gharb Yaqōlūn Dammiru al-’Islām Abīdū Ahlah

( ‫)قادة الغرب يقولون َدِّمُروا الِّإ ْسلاََم أَِبّي ُدوا أَ ْهلَه‬. n.p.
Abū Dāwūd,Sulaiman bin al-’Ash‘ath. n.d. Sunan Abī Dāwūd(‫(سنن أبي داود‬. Bayrūt :

Maktabah al-‘Aṣriyyah

123

‘Atiyah bin Muhammad. n.d. Sharh al-‘Arba‘in al-nawawiyah)‫(شرح الأربعين النووية‬. n.p.

‘Alā’uddīn Alī bin Hussām al-Dīn. 1981. Kanz al-‘Ummāl fi Sunani al-Aqwāl wa
al-Af‘aāl (‫ )كنز العمال في سنن الأقوال والأفعال‬Dār Mu‘assah al-Risālah E.L.

al-Baghawiy,Muhammad bin al-Firā’a. 2000. Ma‘aālim al-Ta n z īl f i Ta f s īr
al-Qur’aān)‫(معالم التنزيل في تفسير القرآن‬. Bayrūt : Dār Ihyā’i al-Turāth al-Arabiy

Badruddīn al-‘Aini. n.d. ‘Umdah al-Qārī Sharah Ṣohīh al-Bukhārīy( ‫عمدة القاري شرح‬
‫)صحيح البخاري‬. Bayrūt : Dār Ihyā’a al-Turāth al-‘Arabiy

Badruddīn Muḥammad bin Abdullah. 1957. al-Burhān fi ‘Ulūm al-Qur’ān( ‫البرهان في‬
‫) علو م ا لقر آ ن‬. Dār Ihyā’a al-Kutub al-‘Arabiyah ‘Isā al-Bābī al-Halbiy wa
Shara’ikuh. n.p.

al-Baidāwiy. 1958. Anwār al-Tanzīl wa Asrār al-Ta’awīl(‫)أنوار التنزيل وأسرار التأويل‬
Bayrūt : Dār Ihyā’a al-Turāth al-‘Arabiy

al-Bukhāriy, Muḥammad bin Ismā‘il Abū Abdullah. 2001. al-Jāmi‘u al-Musnad
al-Ṣaḥīḥ al-Mukhtaṣar min ’Umūr Rasulillāh wa Sunanih
wa’Ayāmih)‫(الجامع المسند الصحيح المختصر من أمور رسول الله صلى الله عليه وسلم وسننه وأيامه‬. Dār
Ṭawq al-Najāh. n.p.

Hasan al-Nadwīy. n.d. Mādhā Khasira al-‘Aālam bi Inhiṭāṭ al-Muslimīn( ‫ماذا خسر‬
‫ )العالم بانحطاط المسلمين‬Miṣr : Maktabah al-Iman

_____________. 1979. Ilā al-’Islām Min Jadīd(‫) إ لى ا لإسلام من جديد‬. Damshiq : Dār
al-Qolam li al-Nashr wa al-Tauzī‘i

Ibn ‘Allān. 2004. Dalīl al-Falihīn li Tarqi Riyād al-Sōlihīn( ‫دليل الفالحين لطرق رياض‬
‫)الصالحين‬. Lobnān : Dār al-Ma‘arifah li al-Tobā‘ah wa al-Nasr wa al-Tawzī‘i

Ibn Baṭṭāl. 2003. Sharah Ṣhoḥīḥ al-Bukhārīy li Ibn Baṭṭāl( ‫(شرح صحيح البخارى لابن بطال‬
al-Riyād : Maktabah al-Rushd al-Sa‘uūdiyyah

Ibn Hajar, Ahmad bin Alī bin Hajar. 1957. Fath al-Bāriy Sharah Ṣoḥīḥ
al-Bukhārī)‫(فتح الباري شرح صحيح البخارى‬. Bayrūt : Dār al-Ma‘arifah

Ibn Hisham. 1955. Al-Sīrah al-Nabawiyyah li Ibn Hisyām(‫)السيرة النبويةلابن هشام‬. Misr
: Sarīkah Maktabah wa Matba’ah

Ibn Ishāq. 1978. Sīrah Ibn Ishāq Kitāb al-Sīr wa al-Maghāzī)‫سيرة ابن إسحاق‬
‫(كتاب السير والمغازي‬. Bayrūt : Dār al-Fikr

Ibn Jawziy, Ali bin Muhammad. 2000. Zad al-Masīr fi ‘Ul al-Tafsīr )‫زاد المسير في علم‬
‫(التفسير‬. Bayrūt : Dār al-Kitāb al-Arabiy

Ibn Kathīr, Ismā‘il bin ‘Umar. 1999. Tafsīr al-Qur’ān al-‘Azīm(‫)تفسير القرآ ن العظيم‬
Dār al-Ṭoyyibah lin Nashr wal Tawzī ‘i. n.p.

124

Ibn Kathīr, Ismā‘il bin ‘Umar. 1976. al-Sīrah al-Nabawiyyah Min al-Bidāyah wa
al-Nihayāh li Ibn Kathīr) ‫) ا لسيرة ا لنبوية من ا لبد ا ية وا لنها ية لا بن كثير‬. Bayrūt : Dār
al-Ma’rifah li al-Tobā’ah wa al-Nashr wa al-Tauwzī‘i

Ibn Munzir, Abu Bakr Muhammad bin Ibrahīm. 2002. Kitab Tafsīr al-Qur’ān( ‫كتاب‬

‫)تفسيرالقرآن‬. al-Madīnah al-Munawwarah : Dār al-Ma’aāthir
Ibn Rajab al-Hambalīy. 2001. al-Jāmi‘u li Tafsīr al-Imām Ibn Rajab al-Hambaliy

)‫(الجامع لتفسير الإمام ابن رجب الحنبلي‬. al-’Arabiyyah as-Sa‘ūdiyyah : Dār al-‘Aāsimah

al-Mamlakah
Ibn Rajab al-Hambalīy. 1996. Fatḥul Bārī .Sharaḥ Ṣoḥīḥ al-Bukhārīy . )‫فتح الباري شرح‬

‫(صحيح البخاري‬. al-Qāhiroh : Maktab Taḥqīq Dār al-Haromain

Ibn Sa‘ad. 1990. al-Ṭobāqot al-Kubrā(‫)الطبقات الكبرى‬. Bayrūt : Dār al-Kutub
al-‘Ilmiyyah

Ibn Sa‘ad. 1999. Hayāh Al-Ṣohabah(‫) حيا ة ا لصحا بة‬. Bayrūt : Mu’assah al-Risālah
al-Tobā‘ah wa al-Nasr wa al-Tawzī‘i

Ibn Taimiyyah. 1995. Majmū‘u al-Fatawā(‫)مجموع الفتاوى‬. al-Madīnah al-Munawwarah
al-Mamlakah al-‘Arabiyyah as-Sa‘ūdiyyah : Majma‘a al-Malik Fahd
al-Mushaf al-Sharīf

Ibn Taimiyyah. 1996. al-’Iman(‫) الإيمان‬. al-’Urdon : al-Maktab al-Islāmī ‘Ammān
Izzuddin. n.d. Subuli al-Salām(‫)سبل السلام‬. Dār al-Hadith. n.p.
Mālik bin Nabī. 1991. Daur al-Muslim wa Risālatoh fi al-Tholoth al-’Akhīr min

al-Qorni al-‘Ishrīn(‫) َدْوُر اْل ُم ْسِّلِّم َوِّر َساَلتُهُ ِّفي الّثُلُ ِّث اْلَأ ِّخيِّر ِّم َن اْلَقْرِّن اْلِّع ْش ِّرْين‬. Sūriyah : Dār
al-Fikr
____________. 1986. Syurūṭ al-Nahdoh(‫(شروط النهضة‬. Sūriyah : Dār al-Fikr
al-Māwardiy. n.d. al-Nakt wa al-‘Uyūn(‫)النكت والعيون‬. Bayrūt : Dār al-Kutub
al‘Ilmiyyah.
Miftah Farīd. 1997. Masyarakat Ideal. Bandung
Muhammad Kudair. 1995. Kawthar al-Ma‘aāniy al-Darāriy fi Kashf Khabāyā
Ṣoḥīḥ al-Bukhāriy(‫)كوثَر المََعاني ال َّدَرا ِّري في َك ْش ِّف َخبَايا َص ِّحي ْح البُ َخاري‬. Bairūt : Mu’assasah
al-Risālah
Muhammad bin Mukram. 1993. lisānul ‘Arab(‫(لسان العرب‬. Bayrūt : Dār Sādir

Muhammad Nāṣiruddīn al-Albāniy. n.d. Ṣaḥīḥ wa Da‘iīf Sunan Abī Dāwūd )‫صحيح‬
‫) وضعيف سنن أ بي دا ود‬. Markaz Nūr Islām li Abḥāth al-Qur’ān wa al-Sunnah bi
Askandariyyah

125

Muhammad Nāṣiruddīn al-Albāniy. n.d. Ṣaḥīḥ wa Da‘iīf Sunan al-Tirmidhīy( ‫صحيح‬

‫) وضعيف سنن ا لتر مذ ي‬. Markaz Nūr Islām li Abḥās al-Qur’ān wa al-Sunnah bi

Askandariyyah

Muhammad Nāṣiruddīn al-Albāniy. 1985. Mishkah al-Maṣābīh (‫ )مشكاة المصابيح‬Bayrūt

: Maktab al-Islāmiy

Munīr Qudbān. 1992. Fiqh al-Sīrah( ‫) فقه السيرة‬. Jāmi‘ah Ummul Qurā

Muhammad ‘Alī al- sฺābūnīy. 1997. Sofwah al-Tafāsīr(‫)صفوة التفاسير‬. al-Qāhirah

Muhammad al-Ghāzalī as-Siqā. 1970. Fiqh al-Sīrah( ‫) فقه السيرة‬. Bayrūt : Dār

al-Qolam
Muslim bin al-Hajjāj. n.d. al -Musnad al-Ṣohīh al-Mukhtaṣar bi naql al-‘Adl ‘an

al-‘Adl ilā Rasūlila )‫(المسند الصحيح المختصر بنقل العدل عن العدل إلى رسول الله صلى الله عليه وسلم‬

Bayrūt : Dār Ihyā’i al-Turāth al-Arabiy
al-Nawawīy. 1971. al-Minhāj Sharh Shohīh Muslim(‫)المنهاج شرح صحيح مسلم‬. Bayrūt :

Dār Ihyā’ al-Turāth al-‘Arabiy
al-Qostalaniy. 1901. Irshad al-Sarī li Sarh Ṣhoḥīḥ al-Bukhāriy )‫إرشاد الساري لشرح صحيح‬

‫(البخاري‬. Misr : al-Maṭba’ah al-Kubrā al-Amīriyyah

al-Qurṭubiy, Muhammad bin Ahmad. 1964. al-Jāmi‘u li ’Ahkām al Qur’aān( ‫الجامع‬

‫(لأحكام القرآن‬. al Qāhirah : Dār al-Kutub al-Miṣriyyah

al-Sa‘adiy, Abdur Rahmān bin Nāṣir. 2000. Taisīr al-Karīm al-Rahmān fi Tafsīr
Kalām al-Mannān(‫(تيسير الكريم الرحمن في تفسيركلام المنان‬. Mu’assasah al-Risālah

al-Sayūṭiy. n.d. al-Dur al-Manshūr(‫)الدر المنثور‬. Bayrūt : Dār Fikr

________. 2004. Tārikh al-Khulāfa’(‫)تاريخ الخلفاء‬. Maktabah Nazār Musthofā

al Bāz
Sayyid Al-Jamīliy. 1995. Qazawat al-Nabiy Shollalloh alaihi Wasallam( ‫غزوا ت النبي‬

‫)صلى الله عليه وآله وسلم‬. Bayrūt : Dar Wa al-Maktabah

Sayyid Quṭub. 1990. Fī Zilāl al-Qur’aān(‫) في ظلال القرآن‬. Bayrūt: Dār Syurūq al-

Qāhiroh

Safyu al-Rahmān al-Mubārakfūry. n.d. al-Rahīq al-Makhtūm(‫)الرحيق المختوم‬. Bayrūt :

Dār al-Hilāl.

al-Shaukāniy. 1993. Nīl al-’Uwtar)‫(نيل الاوطار‬. Misr : Dār al-Hadith

al-Ṭabariy, Muhammad bin Jarīr. 2000. Jāmi‘u al-Bayān fī Ta’awīl al
Qur’aān(‫)جامع البيان في تأويل القرآن‬. Mu’assasah al-Risālah

126

al-Tirmidhīy, Muhammad bin ‘Isa bin Thaurah. 1975. Sunan al-Tirmidhiy ) ‫سنن‬
‫(الترمذي‬. Misr : Sharkah Maktabah wa Mutaba‘ah Musṭafā Bābī al-Halabiy

al‘Uthaimīn, Muhammad bin Ṣōlih. 1957. Sharah Riyād al-sōlihīn(‫(شرح رياض الصالحين‬

Riyād : Dār al-Waṭon li al-Nashr
al‘Uthaimīn, Muhammad bin Ṣōlih. 1992. Zād al-Dā‘iyyah ilā Allōh(‫)زاد الداعية إلى الله‬

Dār al-Thiqoh li al-Nashr wa al-Tauzī’i

Zainu al‘Abidīn al-Haddādiy. 1988. Faid al-Qodīr Sharh al-Jami‘i al-Ṣoghīr( ‫فيض‬

‫)القدير شرح الجامع الصغير‬. Misr : Maktabah al-Tijāriyyah al-Kubrā
al-Zarqāniy. 2003. Sharah al-Zarqāniy alā Muwaṭo’ al-’Imām Mālik( ‫شرح الزرقاني على‬

‫)موطأ الإمام مالك‬. al-Qāhiroh : Maktabah al-Thaqōfah al-Dīnniyyah

รายงานวิจัย/วิทยานิพนธ์
ดรัลรัตน์ ภมรบุตร. 2007. บทบาทของผู้นาศาสนาอิสลาม(โต๊ะอิมาม) ในการบริหารพัฒนา

ชุมชนมุสลมิ : กรณศี กึ ษามสั ยิดในเขตมนี บรุ ี. วทิ ยาลยั ศาสนศึกษา มหาวิทยาลยั มหิดล
สะสือรี วาลี. 2007. การดะอวะฮของคณะกรรมการประจามสั ยดิ ในการส่งเสริมการเศาะลาฮ

ญะมาอะฮ : กรณีศกึ ษาคณะกรรมการประจามสั ยิดในอาเภอย่งี อ จังหวดั นราธิวาส.
วิทยานิพนธส์ าขาอสิ ลามศึกษา วิทยาลยั อิสลามศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์
เจะ๊ มูหามัดสัน เจ๊ะอูมา. 2002. บทบาทของอิมามในการพัฒนาทอ้ งถนิ่ : กรณีศกึ ษาจงั หวดั
ปตั ตานี. วิทยานพิ นธร์ ัฐประศาสนสาตรม์ หาบัณฑติ วทิ ยาลัยอิสลามศึกษา
มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์
อิบรอฮิม ตาเยะ. 2012. บทบาทด้านศาสนา การศึกษาและการบรหิ ารของอิมามในจังหวดั
นราธิวาส. วทิ ยานพิ นธ์สาขาอิสลามศึกษา วทิ ยาลยั อิสลามศึกษา
มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์
อับดลุ ลอฮมาลิก หมัดเหระ. 2012. การดแู ลเยาวชนตามวิถแี หง่ ศาสนาอิสลามของผู้นามุสลมิ ใน
สามจงั หวดั ชายแดนภาคใต้. วทิ ยานพิ นธส์ าขาวิชาพฒั นามนุษยแ์ ละสังคม
มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์
อับดุลอาซซิ เจะ๊ มามะ. 2012. ภาวะผู้นาและบทบาทของอิมามในการจัดการศนู ย์การศึกษา
อสิ ลามประจามัสยดิ (ตาดีกา) ในจังหวดั นราธวิ าส. วทิ ยานิพนธส์ าขาอิสลามศกึ ษา
วทิ ยาลัยอสิ ลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

127

อานุวา มะแซ. 2012. บทบาทของอิมามในการพัฒนาชุมชนเขตเทศบาลเมืองตากใบ .
วทิ ยานพิ นธส์ าขาวิชาประวัติศาสตร์และอารยธรรมอิสลาม มหาวิทยาลยั อสิ ลามยะลา

บุคลานุกรม
บรอเฮง แวนาแว. 2017 สมั ภาษณ,์ วันท่ี 20 ตุลาคม

เอกสาร
ทะเบียนมสั ยดิ ในจงั หวดั นราธิวาส

128

ภาคผนวก

129

ภาคผนวก ก
หนงั สอื ขอความอนุเคราะห์


Click to View FlipBook Version