The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วรรณกรรม เรื่องกนกนคร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tolo.sorawit, 2021-03-16 03:26:00

กนกนคร

วรรณกรรม เรื่องกนกนคร

Keywords: กนกนคร

คำนำ

นิทานไทยจานวนมากเกดิ ข้นึ จากจนิ ตนาการของผแู้ ตง่ จงึ มีเรื่องราวเกยี่ วกับอภินิหารปรากฏอยแู่ ทบทุก
เร่ืองโดยไม่คำนึงถึงหลักความจริงมากนกั อีกทง้ั มตี น้ กำเนิดมาจากวรรณกรรมมขุ ปาฐะซึ่งไมท่ ราบผู้เลา่ ตน้ เรอื่ งท่ี
แนน่ อน จงึ ไมส่ ามารถทราบไดว้ ่า ต้นกำเนิดของเรื่องน้ี มาจากผู้ใด นิทานไทยเหลา่ น้ีนอกจากจะถ่ายทอดเรอื่ งราว
ความสนุกสนานตามทอ้ งเรอ่ื งแล้วยังสะทอ้ นสภาพแวดลอ้ มความเป็นอย่ขู องสังคมไทยในอดตี ไดเ้ ป็นอย่างดี

บทละครนอก เร่ืองพิกุลทอง เปน็ นทิ านไทยเร่อื งหนี่งซงึ่ ไมป่ รากฏหลกั ฐานเกยี่ วกับผูแ้ ต่ง แตป่ รากฏวา่
นิทานเร่อื งน้ี ปรากฏว่าอยใู่ นชว่ งสมัยอยธุ ยา จากสำนวนท่ตี ดิ ปากคนไทยวา่ “ รักข้ามภพ ” คงเป็นที่นิยมมากใน
อดตี กระทั่งเอกลักษณข์ องตัวละครเอกในเรือ่ งกลายเป็นสำนวนติดปากคนไทยมาจนถงึ ทุกวนั นี้

ผศู้ ึกษาไดพ้ ิจารณแล้วว่า วรรณกรรมเร่อื ง กนกนครได้มีประโยชน์กบั ผูอ้ ่าน ทีก่ ำลังหาขอ้ มูลเร่ืองนี้อยู่
หากมีขอ้ แนะนำหรือข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขอนอ้ มรับไวแ้ ละขออภยั มา ณ ท่ีนดี้ ว้ ย

ผู้จดั ทำ
นางสาวจริ าพรรณ รงุ่ รังษี

สารบัญ

เร่อื ง
หนา้
คำนำ
สารบญั
ประวัติความเป็นมาของวรรณคดเี รื่อง กนกนคร
ประวัตผิ ู้แต่ง
เนือ้ เรอื่ งย่อ
สญั ลักษณ์ บอกบทชม
บทประพนั ธ์
ตวั ละคร
๑๒๘
วิเคราะห์ตัวละคร
เอกสารอ้างอิง
ประวตั ินกั ศกึ ษา

ประวตั ิความเป็นมาของเรื่อง กนกนคร

นทิ านน้ีมเี คา้ เดมิ ในหนังสอื สสํ กฤตชื่อ กถาสริตสาคร ซ่งึ เปนสมุดรวบรวมนิทานไว้เปน็ อนั มาก กถา
สรติ สาครน้นั พราหมณช์ ื่อโสมเทวไดแ้ ต่งระหว่าง พ.ศ. ๑๖๐๖ กับ พ.ศ. ๑๖๒๔ สำหรบั เป็นเครอ่ื งสำราญของนาง
พระยาทรงนามสรู ยวดี มเหสขี องพระมหากษตั ร์ทรงนามอนันต เจา้ แผ่นดนิ แคว้นรัศมี แตโ่ สมเทวกลา่ วว่านิทานใน
กถาสรติ สาครน้ี ได้มาจากสมดุ อีกเล่มหนง่ึ เรียกพฤหัตกถา ซ่งึ เป็นหนังสือเกา่ ขึ้นไปอีกหลายร้อยปี สว่ นพฤหัตกถา
นัน้ เลา่ ก็คัดเอาเน้อื เรื่องนทิ านมาจากหนงั สอื เก่าขึ้นไปอีกช้ันหนง่ึ จนไมม่ ใี ครทราบวา่ เกา่ เพยี งไรแน่

นิทานมาจากหนังสือเก่าเชน่ นี้ วิธผี กู เร่อื งยอ่ มจะผิดกบั วิธขี องเราในสมยั น้ี แลนทิ านในสมดุ ที่ออกชอ่ื มานั้น
พราหมณเ์ ปนผแู้ ตง่ ตัวเฟอ่ื งฟูในเรื่องนิทานจงึ มีชาตเิ ปน็ พราหมณอ์ ยบู่ ่อย ๆ เชน่ ในเรอ่ื งนี้ ซง่ึ ในกถาสริตสาคร
เรียกเร่ือง “เมืองทอง” น้นั ก็มพี ราหมณ์เปนนายโรงเอก ได้ลูกสาวทา้ วพระยาเปนภริยาร่ำไป การยกยอ่ งตระกลู
พราหมณถ์ งึ เชน่ น้ัน เราทา่ นทไ่ี มไ่ ด้อยู่ในศาสนาพราหมณย์ ่อมเห็นรมุ่ รา่ ม เพราะนายโรงเอกในเรอ่ื งชนิดนี้ต้องเปน็
กษตั รจ์ งึ จะงดงามตามความเห็นของเรา

ถ้าท่านไดอ้ า่ นเรื่อง “เมืองทอง” ในกถาสรติ สาครทา่ นคงจะเหน็ วา่ จะเอาเร่อื งมาแต่งเป็นกลอนไทย ควรต้องแก้
รปู เร่อื งไปจนแทบจะจำไมไ่ ด้ เร่ืองกนกนครน้ีกเ็ รอ่ื งเมอื งทอง แตว่ างโครงเสียใหม่ตามรปู ทีผ่ ูแ้ ต่งเหน็ ว่าดีขึ้น

เมอ่ื ตอนกลางปี พ.ศ. ๒๔๕๘ ขา้ พเจา้ ได้แต่งพระนลคำฉันทเ์ สร็จแล้ว เวลาว่างก็จะลองแตง่ กาพย์กลอนอย่างอืน่ ดู
บ้าง นึกวา่ เมือ่ ได้แตง่ ฉนั ทย์ ืดยาวแลว้ จะแตง่ อะไรอืน่ เหน็ จะง่ายแสนงา่ ย แต่เม่อื ได้ลองแต่งอะไรดูกช็ กั จะวน
ไปเปนฉันทร์ ำ่ ไป กาพย์กลอนอืน่ กลบั จะยากกว่าฉันท์ไปทงั้ นนั้ อันทจ่ี ริงเราท่านย่อมเหน็ กันวา่ การแต่งฉนั ท์ถกู ครุ
ลหุอย่างบรสิ ทุ ธิน์ ้ัน ยากกวา่ แตง่ กาพย์กลอนชนิดอืน่ ๆ ทงั้ หมด แต่ถ้าทา่ นลองแต่งฉันทด์ ูสัก ๓,๐๐๐ บทจน
“เฟ่ือง” แล้ว ทา่ นคงจะเหน็ ว่าแมแ้ ตก่ ลอน ๘ ซงึ่ ถกู หม่นิ วา่ งา่ ยจนถงึ ได้ชอ่ื ว่ากลอนตลาดน้นั กแ็ ต่งไมไ่ ด้คลอ่ ง
เหมือนฉันท์ เมอื่ ลองจบแตง่ ดูบ้างก็กกุ กักไมใ่ ครพ่ อใจตน ดูเหมือนเรายังไมท่ ันรู้ตัวมันกก็ ลายเปนฉันท์ไปเสียแล้ว

วันหนงึ่ ขา้ พเจ้ามีธรุ ะจะต้องการโคลงสักบทหนงึ่ จึงจับแต่งเปนโคลงสุภาพ อนั เปนกาพยก์ ลอนชนิดซง่ึ ขา้ พเจา้ เลกิ
แต่งมานานเพราะทนงว่าแต่งไดด้ พี อใจตวั แลว้ ในวันนน้ั กลบั นกึ จะจบั แต่งโคลงสภุ าพ จงึ ข้ึนตน้ ได้ ๒ บาทแลว้ ชงัก
อยู่ อีกประเดย๋ี วเดียวโคลงที่แตง่ แล้ว ๒ บาท แลที่ยงั ไมไ่ ดแ้ ตง่ อกี ๒ บาทนั้นกลายเปนฉนั ท์สทั ทลู ไปถึง ๔ บท
โคลง ๔ บาทกบั ฉันทส์ ัททูล ๔ บทนน้ั ผิดอนั มาก แตก่ ็เปนไปได้ ข้าพเจา้ เคยเปนเชน่ นี้อยพู่ ักหนึ่ง จนนึกวิตกวา่ จะ
แตง่ อะไรนอกจากฉันทไ์ ม่ไดต้ ่อไปอีกกระมงั การเปนดงั นี้ทำใหม้ ีมานะคดิ ว่าจะขืนแต่งกลอนใหจ้ นได้ จงึ จับหนังสอื
กถาสริตสาครคำแปลเปนองั กฤษข้นึ อา่ นหาเนอ้ื เร่อื ง พบเรอ่ื งเมอื งทองเหน็ เข้าท่วงทวี ่าจะใชไ้ ด้ แตม่ ลี ักษณะ
รุม่ ร่ามทคี่ วรดดั แปลงหลายอยา่ ง จึงจับเอาเร่อื งมา “วาด” ดูใหม่พอเปนเค้า ยงั ไมท่ ันจะจบั แตง่ เป็นกลอนก็พอได้
หนงั สือมาใหม่อีกชดุ หนึง่ จงึ ลองจับอ่านดู ดูเหมือนแทบจะเรอ่ื งแรก ก็พบเร่อื งเมอื งทองแปลงรูปไว้เสร็จ อยา่ งท่ี
เราคิดแลวาดข้ึนไว้ แตบ่ รรยายไว้เกล้ียงเกลากวา่ โครงของเราซงึ่ ยังมิทันบรรยายนั้นเปนอันมาก หนังสือนนั้ เปน็
ภาษาองั กฤษกลา่ วว่าแปลมาจากสมดุ สสํ กฤตชอื่ ตฺรวิ กิ รฺ มาโธคาศรฺ ีะ อันเป็นหนงั สือซ่งึ ข้าพเจา้ ไมเ่ คยได้ยินชื่อทอี่ ืน่
เลย

เมอ่ื มาสบเหมาะเข้าเช่นนก้ี น็ ับวา่ โชคดี เปนอนั ลงมือแต่งกลอนได้ แตเ่ รอ่ื งกนกนครน้ีมใิ ช่เอามาจาก ตฺริวกิ รฺ มาโธ
คาศรฺ ีะ อย่างเดยี ว ต้องกล่าววา่ ประกอบขึ้นดว้ ย (๑) เรือ่ งเมืองทอง (๒) ตฺรวิ กิ ฺรมาโธคาศรฺ ะี (๓) น.ม.ส. ทัง้ สามน้ี
รวมกัน ถ้าถามว่าส่วนไหนมากส่วนไหนน้อย ก็อยากจะตอบอย่างตำรายาว่าที่ (๑) กับที่ (๒) เสมอภาค ท่ี (๓) เท่า
ยาท้งั หลาย

ผอู้ า่ นพึงรำลึกวา่ นทิ านนี้เน้ือเรอ่ื งเดมิ เป็นเร่ืองแขกฮนิ ดู ผ้แู ตง่ เปนไทยแตง่ กลอนไทยใหไ้ ทยอ่าน แตเ่ ป็นผู้รู้
ภาษาอังกฤษ นกึ ในภาษานนั้ ได้ เหตุฉนน้ั ความคดิ ความเปรียบ หรอื เชงิ ความและสำนวนทีก่ ล่าวกด็ ี อาจเปนไทย
ๆ แขก ๆ ฝร่ัง ๆ ปะปนกนั หลายขนาน ขอ้ สำคญั อยู่ทว่ี ่า ถา้ ท่านเห็นว่าไดป้ รุงเขา้ กนั กลมกล่อมดแี ลว้ ก็เป็นอนั ใชไ้ ด้

หนังสือน้ีผแู้ ต่งเปนผู้ร้องเพลงไม่เป็น และรำละครไมเ่ ปน็ จงึ มิได้เอาการร้องและการรำมาคำนึงในเวลาท่ีแต่งน้นั
เลย ตงั้ ใจจะเลา่ นทิ านเปน็ ไหนกลอน ๖ ซึง่ เพียรจะใหไ้ พเราะเทา่ นัน้ วนั หนงึ่ มผี ูถ้ ามข้าพเจา้ ว่า เรื่องกนกนครของ
ขา้ พเจ้านั้นจะขอเอาไปเล่นละครได้หรือไม่ ข้าพเจ้าตอบว่าไม่ได้เปน็ อันขาด เพราะผ้แู ต่งไมเ่ คยเอาการเลน่ ละครมา
คำนงึ เลย ทา่ นผ้นู ้ันตอบวา่ ไมเ่ ป็นไรดอก ถา้ เนื้อเรื่องใช้ได้แลว้ ขอเอาไปแกไ้ ขสักสองสามวันกใ็ ช้ได้ ข้าพเจา้ รอ้ งขอ
ทนั ทวี า่ อยา่ ใหม้ ีใจดรุ ้ายเชน่ นนั้ เป็นอันขาด เพราะกลอนนข้ี องขา้ พเจ้า ถ้าท่านแก้ ถงึ หากจะดีขน้ึ ก็จะผิดสำนวน
เจา้ ของไป ถ้าท่านอยากจะเล่นละครกจ็ งหาเรือ่ งทีอ่ ่นื เถิด ขา้ พเจา้ นำเอาความขอ้ น้ีมาเลา่ เพอ่ื จะกลา่ วคำร้องขอน้นั
ซ้ำไว้ในที่นอี้ กี ครัง้ หน่งึ

กลอนนีเ้ คยถกู ทกั ทว้ งในเวลาท่ียงั เป็นร่างว่า ก็เม่ือมิได้ตงั้ ใจจะแตง่ เป็นบทละคร เหตใุ ดจึงมี “เมอ่ื นนั้ ” “บดั น้นั ”
อยา่ งท่ใี ช้ในบทละคร แลท้งั มลี กั ษณะแปลก ๆ อกี หลายทางท่ไี ม่เคยมีเยย่ี งอยา่ งในหนงั สือเก่า คำทวี่ า่ นี้ก็คงถูก แต่
ผู้แต่งชอบอย่างนน้ั จงึ มิได้แกไ้ ขข้อทีเ่ ปนตำหนิ
หนังสือนไ้ี ด้เรมิ่ แต่งในตอนกลางปี พ.ศ. ๒๔๕๘ พงึ่ จบเมอื่ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ นีเ้ อง ท่ใี ชเ้ วลาเกอื บ ๗ ปี
น้ี เพราะไดแ้ ต่งบางตอนแล้วท้งิ ทอดไปตงั้ ๒ ปจี ึงจับแต่งตอ่ ก็มี พอกล่าวเปนเลาๆได้ว่า ต้งั แตต่ อนต้นมาเพียงที่
กล่าวถงึ นางแทตย์ ได้แต่งๆอยดุ ๆอยปู่ ระมาณ ๖ ปีครึ่ง ตอ่ น้นั มาจนจบได้แต่งเสร็จในราว ๓ เดอื นเท่านน้ั
อนึ่งคำกลอนนี้ได้ต้ังใจแต่งอย่างพถิ พี ิถนั ผชู้ ำนาญกลอนอาจสังเกตไดว้ ่าผู้แต่งไดต้ ัง้ ข้อบังคับตวั เองหลายอย่าง เมือ่
ทำดงั นั้นกเ็ สียเปรยี บทำให้แตง่ ยาก จึงจำเป็นต้องใช้ศพั ทม์ ากขึน้ แลแปลกกบั ศพั ทท์ ใ่ี ช้ตามธรรมดาในกลอน อย่าง
เดยี วกับผ้แู ต่งฉนั ท์ตอ้ งถกู บงั คบั คำหนกั คำเบาตามคณะ จงึ ต้องใชศ้ พั ท์สูง ๆ จนคนสามญั อ่านไมใ่ ครร่ เู้ รื่อง กลอน
กนกนครกก็ ระเดยี ดจะเปน็ อย่างน้ี ถงึ จะยังหยอ่ นกว่าฉนั ท์อยมู่ าก ก็ไมห่ วงั ว่าผอู้ า่ นทุกชั้นจะเขา้ ใจซมึ ซาบได้ นี่
เปนข้อบกพรอ่ งซง่ึ ผูแ้ ต่งพยายามจะให้ลดนอ้ ยลงไปโดยท่เี ขียนช้ีแจงคำแลความทค่ี วรช้แี จงไวใ้ นภาคอธิบาย ซ่ึงมีไว้
ข้างท้ายสมดุ น้ี

พิทยาลงกรณ
วนั ที่ ๘ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๔๖๕ รายงาน กนกนคร

เน้อื เรอ่ื งยอ่ จากเร่ือง กนกนคร

พญากมลมติ ร ซึ่งเป็นผใู้ หญ่ในหมคู่ นธรรพไ์ ด้นางอนศุ ยินนี างฟ้ารปู งามเปน็ คูค่ รองตามพรของพระอศิ วร
กมลมติ รคุยโออ้ วดกบั เพือ่ นคนธรรพถ์ งึ ความงามของภรรยาของตนว่า อาจยัว่ ตบะของฤาษีตนหนง่ึ ได้ ดังนั้น จึงถกู
ฤาษีสาปลงมาเกิดในโลกมนษุ ย์

นางอนศุ ยินี เปน็ ธิดากษตั ริยเ์ มืองอนิ ทริ าลัย ไดน้ ามวา่ กนกเรขา เม่ือเจรญิ วยั นางไมพ่ อใจชายใด แตพ่ ระ
บิดารบเรา้ จะให้มคี ู่ครอง ในทสี่ ุดนางรับจะอภเิ ษกกบั ชายทมี่ าจากกนกนครตามนมิ ติ ฝนั พระบดิ าจงึ ป่าวประกาศ
ว่า ชายใดทเ่ี คยเห็นกนกนครจะยกพระราชธดิ าให้ ขณะท่ีพญากมลมิตรถูกสาปไปเกิดเป็นโอรสกษัตริย์ ทรงพระ
นามว่า อมรสงิ ห์ และไมค่ ดิ มคี เู่ ชน่ เดียวกับนางกนกเรขา เมื่อพระบดิ าเร่งรัดใหอ้ ภเิ ษกกับเจา้ หญงิ องคใ์ ดองคห์ น่ึง
อมรสิงห์กแ็ ย้งวา่ เป็นหญงิ อย่างในนมิ ติ ฝันเทา่ นัน้ ทำให้พระบิดาทรงกรว้ิ จึงให้นำไปจองจำไว้ แต่เม่ืออมรสิงหห์ นีไป
ได้ พระองค์ก็ได้จึงเดนิ ทางไปถึงเมืองของนางกนกเรขาและเขา้ ไปลวงนางวา่ เคยเหน็ กนกนคร เม่ือนางจบั พริ ุธก็ขับ
ไลไ่ ป

หลังจากน้ันอมรสิงห์จึงออกคน้ หากนกนครจนกระทั่งพบศพนางกนกเรขาที่เมอื งน้ัน พอตื่นข้ึนอมรสงิ ห์
รสู้ กึ ตวั วา่ กลับมาอยู่เมืองอนิ ทิราลัย จึงขออนุญาตเขา้ ไปเล่าเรือ่ งกนกนครใหน้ าง
กนกเรขาฟงั เมื่อนางระลึกความหลังไดว้ า่ อมรสงิ ห์เคยเป็นพระสวามี แตจ่ ะตอ้ ง
พรากกันอีกเมือ่ ครบสองครั้งแล้วจึงจะไดอ้ ยรู่ ว่ มกันอยา่ งสขุ สบายเชน่ เดมิ หลงั จาก
นน้ั ไมน่ านนางกส็ ้ินชพี ลง ฝ่ายอมรสิงห์เมือ่ เหน็ นางกนกเรขาสน้ิ ใจไปต่อหน้าก็
เสยี ใจซดั เซพเนจรไปสปู่ า่ โดยไม่รวู้ ่าวิญญาณของนางกนกเรขาได้กลับไปสรู่ า่ งท่ี
กนกนคร ซงึ่ ภายหลังทงั้ สองได้รอนแรมผจญอุปสรรคต่าง ๆ จนกระท่งั พน้ จากคำ
สาปและได้กลบั ขนึ้ ไปอยูบ่ นเมอื งสวรรค์ด้วยกนั ในทส่ี ุด

ประวตั ิผู้แตง่
พระประวัติ

พระราชวงศเ์ ธอ กรมหมื่นพทิ ยาลงกรณ ทรงเปน็ พระโอรสในกรมพระราชวงั บวรฯบวรวิไชยชาญ และ
จอมมารดาเล่ืยม (เล็ก) ประสตู ใิ นพระราชวงั ณ. วนั ท่ี 10 มกราคม พ.ศ.2419 ตรงกบั วันพุธ แรม 11 ค่ำ เดอื นย่ี
ปีชวด มพี ระนามวา่ พระองค์เจา้ รัชนีแจ่มจรสั (ต้นสกลุ “รชั น”ี )

กรมพระราชวังบวรฯ ทิวงคต เมอื่ พระองคร์ ชั นีพระชนมายไุ ด้ 7 ปี หนา้ ทเ่ี ลี้ยงดอู บรมท่านจึงตก เปน็ ของคณุ จอม
มารดาโดยลำพงั ตลอดมา เปน็ พระกศุ ลท่ที ่านทรงมีคณุ ลงุ คุณนา้ และพระญาติวงศใ์ กล้ชิด ผู้ เปน็ ขา้ ราชการคน
สำคญั ๆ สมยั น้ันเป็นผูช้ ่วยคุณจอมมารดาแนะนำใหพ้ ระองคช์ ายไดร้ บั การศึกษาดีท่สี ุด ท่จี ะดีได้

เม่อื พ.ศ.2429 พระองค์รชั นีไดเ้ สด็จเข้าเปน็ นักเรยี นประจำ ณ.โรงเรยี นพระตำหนกั สวนกุหลาบ ซ่งึ เปน็ โรงเรยี นใน
พระบรมราชปู ถมั ภข์ องพระบามสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยู่ หวั สำหรบั ให้เปน็ สถานศึกษา แกเ่ จ้านายและบุตร
ขา้ ราชการสมยั นนั้ ทรงเรยี นอย่จู นพระชนั ษา 13 ปี จึงทรงสอบไลป่ ระโยค 1 ได้ ซึง่ ทา่ น ทรงเรียนทัง้ ภาษาไทย
และภาษาองั กฤษไปดว้ ยกนั

กรมหมน่ื พิทยาลงกรณกับงานวรรณกรรม

เมอื่ มกี ารเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรง- ราชานภุ าพ
สภานายกแหง่ ราชบณั ฑิตยสภา เสดจ็ ฯ แปรพระสถานจากกรงุ เทพฯ ไปประทบั แรมเปน็ ประจำอยู่ท่ี หวั หิน
จังหวดั ประจวบคีรขี นั ธ์ พระราชวรวงศเ์ ธอ กรมหมื่นพทิ ยาลงกรณ ผูท้ รงเปน็ อุปนายก แผนกวรรณคดี แหง่ ราช
บัณฑิตยสภาจงึ ทรงเป็นสภานายกแทน ไดท้ รงปฏบิ ัตริ าชการทุกแผนกในราชบัณฑิตยสภา ดำเนินรอย ตาม
ระเบียบเดิม ซง่ึ สภานายกพระองคก์ อ่ นทรงจัดไดโ้ ดยตลอดจนกระทงั่ พ.ศ.2476 เมือ่ คราวท่ีจัดระเบียบงานขึ้นใหม่
ได้เปลยี่ นนาม ราชบณั ฑติ ยสภาเปน็ “ราชบณั ฑิตยสถาน” กรมหมื่นพทิ ยาลงกรณ จีงไดก้ ราบถวายบังคมลาออก
ทรงรับพระราชทานบำนาญพระราชวรวงศ์เธอ กรมหม่ืนพิทยาลงกรณ ทรงมีปฏิภาณในทางหนงั สือ ธรรมดาคนที่
รักหนงั สอื มักมีนิสยั ฝกั ใฝม่ าตั้งแต่เดก็ เมอื่ พระองค์ท่านทรงพระเยาว์ ทรงพบรปู เสอื สองตวั หนั หน้าเขา้ หากนั บน
หลงั หีบ ผ้าเช็ดหนา้ กฉ็ วยมาเขียนเปน็ คำโคลงไว้ใตร้ ูป ทง้ั ๆ ท่ีไม่ได้ตั้งพระทยั จะให้เปน็ โคลงเลย ลายพระหตั ถ์ก็ยุ่ง
ยงิ่ อยา่ งลายมอื เดก็ แต่วรรคตอนและเอกโท ถกู ต้องตามลกั ษณะโคลงทกุ อย่าง และได้ถ้อยได้ความดี โคลงน้ัน
บงั เอิญไปสะดุดตาของทา่ นผู้ร้หู นังสือดีเขา้ ท่านกเ็ ลยหยิบไปอ่าน และพจิ ารณา แลว้ ทำนายล่วงหนา้ ว่า โตข้ึน
พระองคช์ ายจะเปน็ ผู้รหู้ นังสือดถี ึงกับเป็นกวี ซง่ึ นับว่าท่านผูน้ ้ันทำนายไดอ้ ยา่ งแม่นยำท่สี ุ

คำชแี้ จง้ สญั ลักษณบ์ อกบทชม
บทชมดง
บทชมนาง
บทตอ่ สู้

บทประพนั ธ์
ภาค ๑ บนฟา้
๏ มาจะกล่าวบทไป ถงึ พญากมลมติ รฤทธกิ์ ล้า
กระเด่ืองเล่อื งชอ่ื ฦๅชา เลอศักด์ริ ักษาสตั ยท์ รง
ย่ิงใหญใ่ นสกลคนธรรพ์ ผองพรรณ์พงึ พศิ พศิ วง
อาภรณอ์ าภาอ่าองค์ เพราพริ้งย่ิงยงทรงลกั ษณ์ ฯ
๏ เธอพร่ำทำพรตกฎกล้า บูชาพระศลุ มี ศี ักดิ์
แรงเรย่ี วเชี่ยวฌานนานนกั เพ่งพกั ตรภ์ ักดีศวี ะ
แจม่ ใจในพรตปลดบาป กำหราบโทโสโมหะ
ร้อยฉนำสำรวมโยคะ แรงตบะบม่ รักภักดี ฯ
๏ เมือ่ นนั้ พระวิศเวศวรเรอื งศร๑ี
เอยี่ มอาสน์ไกลาสคีรี เอมอิทธทิ์ ฤษฎตี รภี พ
แลเพง่ เลง็ พิศทิศทศ ปรากฎทุกแหลง่ แจง้ จบ
ส่ายเนตรทัศนาปรารภ แลพบกมลมิตรจติ ต์นอ้ ม
บ่มตบะบำเพ็ญเหน็ ชดั บนั ทดั ธรรมบถอดผอม
โดยแบบดาบสพรตพรอ้ ม หว่านล้อมน้ำใจในบญุ
มเหศวรหวนทรงสงสาร ชมฌานเชดิ เน่ืองเคร่ืองหนุน
หมายเอือ้ อปุ ถมั ภค์ ้ำคณุ คำ้ จนุ จินตนาอารี

จึง่ เสดจ็ จากหล้าผาขาว ดงั ดาวดเู ด่นเพ็ญศรี
เอ่ียมองค์ทรงรปู โยคี ศศีเสียบเผา้ เพราพราย ฯ๒

พระอศิ วรตรัสแกพ่ ระยาคนธรรพว์ ่า
๏ อ้าพญากมลมิตรจติ ตแ์ ผว้ คือแกว้ กอ่ งเกิดเฉิดฉาย

ไพบลุ ย์คุณธรรมกำจาย ชนหลายรูเ้ ฟือ่ งเล่ืองฟ้า
กอบกรรมทำกจิ พธิ ี ภกั ดีต่อเราเจา้ หลา้

จกั ให้พรเจา้ เรามา ปราถนาฉนั ไหนใครอ่ วย
อยากได้อยา่ งใดใหข้ อ อยา่ ทอ้ ใจสเทนิ เขนิ ขวย
ศกั ดิส์ ิทธ์ิฤทธล์ิ ้ำร่ำรวย อำนวยไมห่ ้ามตามใจ ฯ

พญาคนธรรพทูลตอบวา่
๓๏ อา้ พระธำรงคงคา พระคณุ กรณุ าหาไหน

ขา้ บำเพ็ญบุญคุณมัย โดยใจจงรกั ภักดี
ใช่เลศเหตุใคร่ได้ลาภ เอิบอาบอทิ ธก์ิ ล้ากว่าก้ี
ขอคุณกรณุ าปรานี ขา้ ทาสบาทธลุ สี ืบไป
ให้นัง่ ตง้ั จิตต์คดิ รัก อยูห่ น้าสามภิ ักดใิ์ กล้ ๆ

เทา่ นี้มีสขุ ปลกุ ใจ แสนหมน่ื อน่ื ไมห่ มายดล ฯ
พระอศิ วรตรสั ว่า

๏ อ้าพญาคนธรรพบ์ รรเจิด เชาวนเ์ ชิดชเู ฉลมิ เพม่ิ ผล
๔เหมาะหมดพจมานบานมน จักถกลเกียรต์ไิ กรใหญ่นกั

เรามีวาจาว่าไว้ ว่าใหพ้ รเธอเลอศักด์ิ
จักขอเรง่ ขอขอ้ รัก ขอจกั จวบนยั ใจจอง ฯ

พญาคนธรรพท์ ลู ว่า
๕๏ ขา้ แต่พระศศิเศขร อาทรอปุ ถมั ภล์ ้ำผอง
๖พระหทัยใฝม่ ง่ ทรงปอง โดยคลองการุญบุญมยั

ประโยชน์โปรดใหญ่ใหข้ ้า ผู้ฝ่าบทศรีอดิศยั
ขอนางพางจนั ทรข์ วญั ใจ งามใสเนตรสองส่องฟา้
๗เหมอื นสพี ระศอทรงศักด์ิ เหมอื นจันทร์อนั ปกั เกศา
ได้แนบนงคราญกานดา ภรยิ าเยาว์ยวนควรครอง
ยามพิศเนตรนางพางเหน็ ศัมภูผู้เปนเจ้าของ๘
จักรื่นอารมณ์สมปอง เพิม่ ภกั ด์ิรกั ลอองบทมาลย์ ฯ

๏ เมอื่ นั้น พระศลุ ียินคำรำ่ ขาน
เหน็ เรื่องเบ้อื งน่าช้านาน ทราบการณแ์ น่หนกั จักมี

ตรัสวา่ อา้ เจา้ เมามนั ท์ ซ่ึงสรรภรยิ าอา่ ศรี
แสงเนตรสีนิลรูจี รังสเี ลห่ ์แสงศศธร๙

ส่อเข็ญเปนภยั ใหญ่หลาย ยอ่ มรา้ ยย่ิงฤทธิ์พษิ ศร
เรง่ รวังตั้งตัวกลวั รอ้ น สังหรณเ์ ห็นเหตุเภทภัย
จงสมจิตตห์ วงั ดงั มาด ไปค่ ลาดบรรหารขานไข
ตรัสเสร็จเสดจ็ กลับฉับไว วบั ไปจากหนา้ คนธรรพ์ ฯ

๏ เมื่อนัน้ กมลมิตรปรเี ปรมเหมหรรษ์
บังคมก้มราบกราบพลัน คนื จากพนารัญทันที
อนั ความเหนด็ เหนอื่ ยเมอื่ ยลา้ หน้าตาซดี ซัวมวั ศรี
เหตเุ พราะทรมานนานปี ในทมี่ ัวหมน่ มลทนิ

เดชะพระอศิ วรทรงยศ เคล่อื นคลายหายปลดหมดสน้ิ
เรอื งรองผ่องพักตรเ์ พียงอนิ ทร์ อืน่ สิ้นไป่เปรียบเทยี บทัน ฯ

๏ คนื สูน่ ิเวศนว์ จิ ติ ร โศภติ พรายแสงแสรง้ สรร
คิดโฉมชายาลาวัณย์ ศรจี ันทรค์ อื ศรนี ยั นา
๑๐เครา่ ใคร่ไดเ้ คลียเมยี มง่ิ นงั่ นง่ิ เหิมหรรษฝ์ นั หา
ปว่ นใจใฝ่ขวญั กนั ดา นึกหนา้ นวลใยใคร่ยล ฯ
๏ หยดุ นัง่ ยั้งนอนหอ่ นได้ วนไปเวยี นมาสบั สน
ออกห่างปรางคำอำพน เดิรด้นสสู่ วนมาลี ฯ

๏ เหน็ นางนวลศรีมโี ฉม ดังโสมส่องหล้าราศี
๑๑เนาเรอื เหนือสรสั ปัทมี ตรณีจันทรน์ วลชวนชม๑๒
พายเงนิ งามเงาเพราพราย นวลฉายยึดดา้ มงามสม

เรอื น้อยลอยนำ้ ขำคม บัวฉมชลู อ้ มหอ้ มเรือ
งามน้ำงามนางกลางชล งามกุมุทอตุ บลล้นเหลอื
สะโรชนงรามงามเจือ งามเรือลอยน้ำอำไพ
พศิ รูปเพลินลกั ษณศ์ ักด์ศิ รีงามฉวีคอื ชวาน่าใคร๑่ ๓
นวลนงองค์ลอองยองใย รูปไลมแลลม่อมพร้อมเพรา
๑๔คดิ เจา้ คือจนั ทร์ครรพติ งอนจริตงามแจรม่ แชล่มเฉลา
เสมอเสมอื นเดอื นเด่นเพญ็ เพรา น่าพเนา้ พนอนอ้ มออมองค์ ฯ
๏ เลง็ โฉมโลมนางห่างนุช ไกลสดุ กลางสระระหง
ใคร่เคล้าคลึงขวัญบรรจง เอ้อื มห่อนถึงองค์นงลกั ษณ์๑๕

นางเหลอื งนยั นามาแล คือแขสอ่ งสรวงดวงจักษุ์
สบเนตรนางย้ิมพรม้ิ พกั ตร์ยวั่ รักย่งิ เรง่ ใจร้อน

๑๖พศิ เนตรนวลนางกลางสนิ ธุ์ คอื นิลสศี อมหศิ ร
แสงศอแสงโฉมศศธร ในเนตรบังอรรวมพร้อม ฯ

๏ โฉมเฉลา รปู เย้าใจยวนหวนหอม
ได้น้องแนบกายหมายออมจกั ถนอมใจสนทิ ชดิ เชอ้ื
เนตรนางอยา่ งนนั้ มั่นใจ พระศลุ อี วยให้แกเ่ ผอื
เชิญเจา้ จากสระละเรอื น่ิมเนื้อแน่งนอ้ ยกลอยใจ

วนั นีพ้ เี่ ฝา้ พระศวิ ะ ได้ชมเดชะอดิศัย
๑๗ศอนลิ ปิน่ จนั ทรพ์ รรณ์ไร จำไดใ้ นเนตรนางนอ้ ง

เจ้าจงมใี จใสสขุ ปราศทุกขป์ ลดทง้ิ ส่งิ หมอง
ผวิ นอ้ งผ่องลำ้ ลำยอง หวงั ครองเวียนเคล้าเมารัก
อ่นุ แนบแอบเนือ้ เหนอื หมอน ปจั ถรณแ์ ท่นคำจำหลกั
บรรเทงิ เรงิ รมยช์ มพักตร์ พศิ รักพ่รี อ้ นหอ่ นคลาย
อีกข้อขอถามนามนาง สำอางเอ่ียมองค์ทรงฉาย
อยา่ อดิ จติ ตเ์ อื้อนเบือนอาย เคืองคายขนุ่ ข้องหมองใจ ฯ

๏ เม่ือนนั้ นางอนุศยินีศรใี ส
ส่ฝู ่ังบังคมทูลไป ขา้ ไซรเ้ ปนข้าบทมาลย์
นามอนศุ ยินมี ีจติ ต์ มานิตภูวนัยใสศานติ์
เคารพนบนอ้ มจอมปราณ ภูบาลกรุณาปรานี ฯ

๏ เมื่อน้นั กมลมติ รเรอื งรงค์ทรงศรี
เปรมใจไดแ้ น่งนารี ดังศุลอี วยอตั ถต์ รสั ไว้
แยม้ หยิม่ อ่มิ ในใจสุด เชยนชุ ชวนนอ้ งผอ่ งใส
สู่มนเทียรทองยองใย หฤทัยบรรเทิงเรมิ รมย์ ฯ
๏ อมุ้ นางวางแนบแอบน้อง กรคล้องกายคลึงสึงสม
กา่ ยกมุ จมุ พิตชิดชม เกลียวกลมคลอเคลา้ เมากาม
เกย่ี วกวัดรดั รงึ คลงึ เคลน้ เหิมเห็นซง่ึ สวรรค์ช้นั สาม
ฉมชนื่ รน่ื รสนงราม ในยามสงิ สมรมณยี ์ ฯ
๏ สองทรงผาสุกทุกเมอ่ื แนบเนอ้ื นวลน้องผ่องศรี

เนาเนนิ ไกลาสคีรีปวงภยั ไป่มีมาพอ้ ง ฯ
๏ ฝา่ ยพญากมลมิตรจิตตช์ ่นื เริงรนื่ อารมณ์สมสอง

เย็นเช้าเฝา้ สงวนนวลนอ้ ง ปกป้องรกั ษาอาทร
เผอเรอเยอ่ หย่งิ ย่งิ ยวด โอ่อวดออกช่ือลอื ฉ่อน
นงแสนแนน่ สรวงปวงอร นางอมรนางมนษุ ยส์ ุดแมน้
เมียเราเพราพรายฉายเฉดิ ล้ำเลิศองค์อืน่ หม่ืนแสน
สาวสวรรค์ช้นั ส้ินดนิ แดน ไป่แมน้ เมียข้าลาวณั ย์

เนตรนางอย่างศอมหิศร ฤารชนกี รเฉิดฉนั
เนตรไหนไป่เปรียบเทียบทนั เนตรนางพางจันทรร์ ูจี

นางในไตรภพจบชั้น มาขนั แข่งนอ้ งตอ้ งหนี
เมียท่านเมียใครไหนดี หาเช่นโฉมศรีสดุ คน้ ฯ
๏ เทย่ี วอวดเท่ยี วโอ้โอหงั ใครฟังหม่ันไสท้ กุ หน๑๘

กำเรบิ เอิบในใจตน ใครยลยอ่ มสิน้ ยนิ ดี ฯ
๏ วนั หน่ึงสากลย์คนธรรพ์ พร้อมกนั สังคตี ดดี สี๑๙

เปนทีเ่ หมิ เหมเปรมปรี ตา่ งมีสขุ ล้ำสำราญ
บางองค์ทรงรำทำเพลง บงั คลบรรเลงศพั ท์สาร
บรรเทิงเรงิ รื่นช่นื บาน ในวารอ่ิมเอมเปรมใจ ฯ
๏ ฝ่ายพญากมลมติ รจติ ต์โอ่ มาถงึ ซ่ึงสโมสรใหญ่

รบี เฉลยเอย่ นามทรามวยั อวยนยั ะนานารี
เกิดกลา่ วเปนปากเปนเสยี ง โตเ้ ถยี งดนั ดงึ องึ มี่

อนั นางอนุศยินี งามดีย่ิงใครในภพ
ใครกล้ามาแกลง้ แข่งบา้ ง คือนางองคไ์ หนใครส่ บ
เนตรนางพางจันทรพ์ ลั ลภ ไตรภพห่อนเปรยี บเทยี บน้อง
ใครพศิ พิศวงนงนุช ศรีสุทธ์แิ สงใสไร้สอง
แจ่มเจิดเลิศล้ำลำยอง เนตรนอ้ งคมขำอำไพ ฯ

๏ เมอ่ื นนั้ เพื่อนพญาคนธรรพ์หม่นั ไส้
ยม้ิ เยาะเคาะคัดขัดไป โรคในโลกน้ีมยี า
พอแกพ้ อไขไดบ้ ้าง แยบอยา่ งเยอ้ื งยักรกั ษา
งกู ัดรดั รงึ ตรงึ ตรากลดั กล้าเพราะฤทธ์ิพษิ เรา้
ยงั หาโอสถปลดได้ มีมากรากไม้ใบเถา

แรงฤทธ์ปิ ลดิ พลันบนั เทา งูเหา่ พษิ รอ้ นผ่อนร้าย
แต่ชายอนั พิษความสวย กัดนน้ั จักป่วยห่อนหาย
โรครักโรคหลงทรงกาย จกั คลายความรอ้ นหอ่ นมี

ท่านจงแจง้ ใจไว้บา้ ง อันนางภรยิ าอา่ ศรี
นัยนาทาครามงามดี รงั สคี ือจันทร์ขวญั ตา
ตางามตามจติ ตค์ ิดเถดิ งามเลศิ แลเพญ็ เชน่ ว่า
แต่องค์นงคราญกานดา ใชต่ าท้งั องคน์ งลกั ษณ์
ภาคอืน่ ดน่ื อย่ดู บู า้ ง แกม้ คางโฉมยงทรงศักด์ิ

นาสิกเกศาน่ารกั พร้อมพรักแนแ่ ล้วฤาไร
เราอา้ งนางหนึ่งพงึ ชม เพราะผมเพ็ญทองผ่องใส

อกี นางร่างจมกู ถกู ใจ ไฉไลแลรบั กบั พักตร์
บางนางงามเหลอื เม่ือนิ่ง บางหญงิ หวั เราะเพราะหนกั

อีกองคท์ รงศรีดีนกั นางหน่ึงพงึ รักรปู ทรง
บางนางสอางเอวอ้อนแอน้ อีกองค์องแขนแสนสง่
หนึง่ ความงามจรติ ติดองค์ ใครเหน็ เปน็ มงคลตา
จักว่างามเนตรงามย่งิ กวา่ หญงิ ซึง่ งามนาสา
ฤานางเสยี งหวานกานดา งามกว่านางอื่นหม่นื พนั
นงรามงามเกล้าเผา้ ดก จักยกวา่ ยิง่ ส่ิงสรรพ์
ฤาความงามแก้มงามกรรณ งามกวา่ อ่ืนนนั้ ฉนั ใด
ตา่ งนางต่างงามยามยวน ต่างนางต่างนวลแจม่ ใส
จักวา่ ใครงามกว่าใคร ข้าไมเ่ ห็นดว้ ยทัง้ น้ัน ฯ

๏ เมอ่ื นัน้ กมลมติ รคิดขนุ่ หนุ หัน
เนตรขวางพลางตอบคำพลนั พดู เลน่ เชน่ นัน้ ป่วยการ

ความงามสามภพจบสนิ้ ทกุ ถ่นิ ทิพาศยั ไพศาล
ประมวลถ้วนไซรไ้ ป่ปาน เนตรเจา้ เยาวมาลย์เมยี ตู

นางไหนใครกลา้ มาขัน จักอั้นหวั หดอดสู
โฉมศรีโสภาน่าดู ใครรจู้ ักความงามจรงิ

ยอ่ มวา่ หาใครไม่เปรียบ เทียบเนตรนงรามงามยง่ิ
เพราะเขลาเจ้าหาญคา้ นติง ไปก่ รง่ิ กลา่ วคำสำนวน ฯ

๏ เม่ือน้นั เพอ่ื นพญาคนธรรพ์พลนั สรวล
ความงามหลามหลากมากล้วน ตัง้ ขบวนเปน็ แห่แลลาน

งามนวลงามเนตรงามหนา้ ลว้ นเปน็ วาจาของทา่ น
อาจมีคำขัดทดั ทาน หาพยานยนื ปากยากลน้
ความงามอันเกดิ แตป่ าก แหง่ ผวั พดู มากรอ้ ยหน
หอ่ นมหี ลกั คำ้ คำตน ปวงชนไป่เชอื่ เบ่อื ใจ ฯ

๏ เมื่อน้นั กมลมิตรตดิ อกหมกไหม้
สูอยา่ เยาะเยย้ ไยไพ เจ้าไซร้ตาบอดสอดรู้
หยง่ิ แล้วยังแถมแกมโง่ พดู โปพ้ ดู ปดอดสู
อันเนตรนงรามงามตรู ใครดยู อ่ มพะวงหลงเพลนิ
อย่าวา่ แต่ชายสามานย์ แม้มนุ มี ฌี านหาญเหริ
บ่มตละนา่ เบ่อื เหลือเกิน จำเริญโยคะละกาม
เปนทห่ี วาดหวั่นพรั่นจติ ต์ วาสพสรุ ฤทธิค์ ดิ ขาม๒๐

๒๑จ่ึงจดั อจั ฉราวายาม กวนกามกอบกรรมทำลาย
ยยี วนชวนชน่ื รื่นรส เพือ่ พรตหล่นแหลกแตกหาย

ไปสมประสงคจ์ งร้าย สน้ิ หมายหมดวายามะ
แมน้ ใหภ้ ริยาขา้ ยัว่ คงขรัวฌานแตกแหลกหละ

เหลอื อั้นเหลืออดลดละ โยคะจักดบั ฉบั พลัน
ทนเนตรบังอรหอ่ นได้ เราไมก่ ล่าวแกล้งแสรง้ สรร
โฉมศรีโศภาลาวณั ย์ ดวงจันทร์คอื ดวงนัยนา ฯ

๏ เมอื่ น้ัน เพือ่ นพญาคนธรรพห์ รรษา
ตบหตั ถต์ รัสตอบวาจา ไมช่ า้ ได้เล่นเห็นจริง
ที่ใกล้ไหลเ่ ขาเราช้ี โยคีพรตกลา้ มาสิง
เช่ียวฌานนานไม่ไหวติง ปราศสิ่งยว่ั ยวนชวนชัก
ทา่ นใคร่สำแดงวนดิ า จงเชญิ กลั ยาณท์ิ รงศกั ดิ์

ส่ไู หล่ครี ที พ่ี ัก เยอื้ งยักย่วั เย้าโยคี
เชงิ ยวนชวนใหเ้ ธอหลง นยั นานวลนงทรงศรี
แม้นนางลา้ งกจิ พิธี ของมหามุนีไดจ้ ริง
จึง่ จักประจกั ษ์หลักอ้าง ว่านางงามปลอดยอดหญิง
เราไซรไ้ ป่หาญคา้ นตงิ ทุกสงิ่ นอบน้อมยอมตาม ฯ

๏ เม่ือน้ัน กมลมติ รเจ็บชำ้ คำหยาม
ฤาคิดรอบคอบตอบความ ในยามหันหนุ มุ่นใจ
ท่านทา้ ขา้ ไซรไ้ ปพ่ รั่น อันนางพางจนั ทร์แจ่มใส

อาจลา้ งพิธีชไี พร แนไ่ ดด้ ังจติ ตค์ ิดเจยี ว

เราปองลองเล่นเชน่ ท้า ใจขา้ ไปพ่ รั่นหวน่ั เสียว
ดวงเนตรโฉมยงองค์เดยี ว อาจเหนย่ี วพรตโงโ่ ยคี

ให้ตบะหลน่ แหลกแตกทิง้ ห่อนน่ิงอยไู่ ดใ้ นที่
จักเกดิ เสยี วศลั ยท์ นั ที ราคกี ำหนัดกลัดใจ
แม้นมิสมหวงั ดังวา่ เศยี รขา้ จักบน่ั หั่นให้
เปน็ เครอ่ื งบูชาตราไว้ ท่ีในแมน่ ้ำคงคา ฯ
๏ เม่ือน้ัน เพอื่ นพญาคนธรรพพ์ ลนั ว่า
อย่าชลา่ กลา้ เลน่ เจรจา พูดบ้าบุ่มไปไป่ดี
จักตดั เศียรเสน้ เชน่ วา่ เธอใชพ่ ระมหาฤาษี
๒๒ทรงนามทกั ษะโยคี พระประชาบดีเดชิต
เศียรขาดแลว้ มีมาเปลยี่ น เศียรท่านใชเ่ ศยี รนักสทิ ธ์
หัวขาดจกั ขาดชีวติ จักตดิ หวั ใหม่ได้ฤา
พูดพลางหวั เราะเยาะเยย้ ทา่ นเอยอุตสา่ ห์อยา่ ดอ้ื

เราว่าจงฟงั ยั้งมือ ผอ่ นปรือคืนคำจำไว้ ฯ
๏ เมอ่ื นัน้ กมลมิตรหนั หนุ มนุ่ ไหม้
จากชุมนุมพลนั ทันใด รบี ไปยงั องค์ชายา ฯ
๏ พบนางกลางสวนยวนจิตต์ ยงิ่ พิศผกู พันธห์ รรษา
เสาวภาคโศภติ ตดิ ตา นยั นาคมขำลำ้ ลบ
แจม่ ลกั ษณจ์ ิ้มลิ้มรมิ สระ ปทั มะคนั ธินกลนิ่ กลบ
ฤาษีชีไพรในภพ แลสบเนตรน้องต้องรกั ฯ
๏ พศิ นางพลางกล่าววาจาดรู าโฉมยงทรงศักดิ์

มีชายใจพาลหาญนกั ลบหลนู่ งลกั ษเ์ ลิศฟา้
กลา่ วว่าถา้ เจา้ เพราพริ้ง เลศิ ยงิ่ นางใดในหลา้
เชญิ องค์นงคราญกานดา ยังไหลภ่ ผู าขา้ งโน้น
ยวนองคโ์ ยคมี ฌี าน ให้ร่านรมุ ในใจโผน
รอ้ นราคราวไฟไหมโ้ ชน เอนโอนโยคะละทิง้
แม้นนางทำได้ประจกั ษ์ จักว่านงลกั ษณย์ อดหญิง
นา่ แคน้ คำเขาเขลาจรงิ คา้ นตงิ ความงามทรามวยั
พ่ที ้าว่าองค์นงลักษณ์ จักใหป้ ระจักษจ์ นได้
แม้นไมไ่ ดด้ งั หวังใจ พีไ่ ซร้จกั ตัดเศียรตู

ทงิ้ ในแมน่ ำ้ คงคา บูชาเพอื่ ปลดอดสู
ขอเชิญนางนอ้ งลองดู ค้ำชขู อ้ ทา้ วาที
ใช้เนตรโฉมยงทรงฉาย ทำลายพรตดือ้ ฤาษี
ใหส้ มศรทั ธาสามี ดังที่ไดก้ ลา่ วท้าไว้ ฯ

๏ เม่อื น้ัน นางอนุศยินีศรีใส
ยินตรสั ขดั อกตกใจ หฤทัยหวาดหวนั่ พรน่ั ทรวง
อำ้ อึ้งตลึงแลแดลาญ เยาวมาลยท์ ุกข์เทา่ เขาหลวง
อดึ อัดขัดเขม้ เต็มตวง พกั ตร์เผอื ดเดอื ดดวงแดรอ้ น ฯ

นางอนศุ ยินกี ล่าวว่า
๒๓๏ ข้าแต่พระป่นิ ปราเณศ ทรงเดชจงยัง้ ฟังก่อน

เกรงผดิ จิตต์ขา้ อาวรณ์ โทษกรณ์กอ่ เกดิ กองร้าย
บาปนักจกั ลอ่ นกั ธรรม เพ่อื ดาบสกรรมรส่ำรสาย

เธอบำเพ็ญบุญหนนุ กาย มัน่ หมายกุศลผลดี
แมน้ เรานอกรดี กีดขวาง มงุ่ รา้ ยหมายลา้ งฤาษี

ทางดที ไี่ ด้ไป่มี อคั คลี วกเราเรา่ ร้อน
บาปกรรมทำทกุ ข์แม่นมัน่ โทษทณั ฑเ์ ราเขอื เหลอื ถอน

กรงิ่ ภัยใจขา้ อาวรณ์ ชา้ กอ่ นจงฟังยั้งคิด ฯ
๏ วอนพลางนางเพ่งเล็งพกั ตร์ เหตรุ กั ใหร้ ้อนถอนจติ ต์

เพยี งเพลงิ เริงไลใ่ กล้ชิด ยง่ิ คิดยิ่งคร้ามขามนกั
วาจาบังอรวอนว่า นัยนาดอู งค์ทรงศักดิ์
พจน์นางแพ้เนตรนงลักษณ์ ย่งิ ชมยงิ่ ชักให้รา้ ย
กมลมิตรพศิ เนตรนวลนุช แสนสดุ ใจรักฤาหาย
หอ่ นยินวาทาธิบาย ชมเนตรโฉมฉายเพลินไป
ยิ่งนึกยิง่ แนใ่ นจิตต์ นกั สิทธไ์ ป่ซงองคไ์ ด้
ตาเพ็ญเชน่ นั้นมน่ั ใจ อาจพร่าพรตใหเ้ อนเอียง
นางวอนห่อนเปนประโยชน์ เพราะเนตรนงโพธเธอเถยี ง
ไปย่ ้ังฟังคำสำเนียง บ่ายเบย่ี งว่าวอนอ่อนใจ ฯ

๏ สามมี ิฟังดงั วา่ กลั ยาณพ์ิ รึงพรนั่ หวน่ั ไหว
ขอ่ นๆ รอ้ นตัวกลัวภยั หฤทยั นง่ิ นึกตรกึ ตรอง
ความจริงในใจใคร่รู้ ยั่วดแู ต่สองต่อสอง
นักสทิ ธค์ งใครใ่ นคลอง รดิกรรมทำนองทางใน
เรางามย่ิงสามโลกกวา้ ง อาจล้างดาบสพรตใหญ่

จักสิทธส์ิ มหวังดังใจ ฤาไม่สำเรจ็ อยากรู้

ใคร่ทราบก็เหลอื จะใคร่ อายใจกเ็ หลอื อดสู
กรง่ิ โทษเทียมไฟใหม้ภู โฉมตรลู งั เลหฤทยั ฯ
๏ เธอวอนทรามวยั ใจตื้น นางขืนคำวอนห่อนไหว
จูงกรพากนั ครรไล มุง่ หนา้ มาในไพรพน
แลหาดาบสพรตกล้า แทบใกลไ้ หลผ่ าปลายหน

พบโยคียงซงตน อานนนง่ิ แนแ่ ลนาน๒๔
คือหลักปกั ไวไ้ ป่เคล่อื น แมน่ เหมือนตน้ ไม้ไพศาล

ฝงู ปลวกทำรงั ยังปราณ สำราญอยูร่ อบโยคิน
หนวดเธอทอดไปในพน ปลวิ ไปในหนบนหนิ
ผมขาวยาวเฟ้อื ยเล้ือยดนิ มนุ นิ ทร์ห่อนไหวใจกาย
กิ้งกา่ เพศหญงิ วง่ิ หนี บนตัวฤาษีซอ่ นหาย
กง้ิ กา่ เพศชายไล่กราย เร่รายตัวหญิงวิง่ ลอ้
ดาบสอดแดแน่น่งิ มันวง่ิ บนกายสอๆ
ฌานเพ่งฤาพลง้ั ร้งั รอ เหมอื นตอปักไว้ในดนิ
ลืมเนตรแลไปในหาว จกั ษใุ สขาวคือหนิ
ไปเ่ หน็ อนั ใดในดนิ ไปย่ ินอนั ใดในภพ ฯ
๏ สององค์ทรงเห็นนักสิทธ์ ใหค้ ิดเคลอื บแคลงแสยงสยบ
ไตรต่ รองถ่องถ้วนทวนทบ คือคบเพลงิ เร้าเผาแรง
เปย่ี มฌานปานนั้นพร่ันนกั ทรงศักดิ์เลศิ ลำ้ คำแหง
จะยว่ั โยคะระแวงเรย่ี วแรงบาปกรณร์ ้อนรา้ ย
สงสยั ใจตรึกนกึ พรน่ั โทษทัณฑจ์ ักมากหลากหลาย

กอบก่อกองกรรมทำลาย จักสลายสุขสันต์มั่นคง ฯ
๏ ฝ่ายพญากมลมติ รพศิ นาง พิศพลางพสิ มยั ใหลหลง

บังเกิดกำเริบเอบิ องค์ นัยนาโฉมยงเช่นนี้
มุ่งรา้ ยหมายมานา่ จะ สำเรจ็ เดด็ ตบะฤาษี
คดิ แค้นคำทา้ วาที ยิง่ มีจำนงปลงใจ
๒๕ชี้เชญิ ชายามารศรี ยุวดีลำยองผอ่ งใส
อญั เชญิ โฉมเจา้ เข้าไป ล่อใหเ้ หน็ องคน์ งเยาว์
เชงิ ชวนยวนยั่วโยคะ ดาบสปลดตบะเพราะเจา้

พ่จี ักแฝงไมใ้ นเงา อยูเ่ ฝา้ ใฝ่ยง้ั ฟังดู ฯ
๏ สองกรทรงกอดยอดรกั จุมพติ ชิดพักตรใ์ นผลู
เก่ยี วกวดั รัดโลมโฉมตรู เหมอื นคู่จักรา้ งหา่ งนาน ฯ

๏ เม่อื น้นั นางสุโลจนากลา้ หาญ๒๖
ห่อนขดั ภดั ดาว่าวาน เยาวมาลย์มุ่งเย้าเขา้ ไป
ยืนตรับยับย้ังสงั เกต เหน็ เนตรลมื อยดู่ ูใส
ม่งุ เขมง็ เลง็ แลแต่ไกล ปราศไหวนา่ หวน่ั พร่ันจริง
เข้าไปใกล้หน้าดาบส ทรงพรตแขง็ ขนื ยนื น่ิง

จักยว่ั จักยวนชวนอิง ห่อนทง้ิ โยคะละลด
๒๗เธอบงนงรามทรามวยั ฤาไม่ก็ไม่ปรากฎ
นางเยาะเฉพาะพักตร์นกั พรต ชอ้ ยชดเชิงชวนยวนยี ฯ

๏ เม่ือนัน้ ปาปะนาศนม์ หาฤาษี
ทรงฌานนานยนื หมน่ื ปี ไปม่ ีใครกลา้ มากราย

ลืมเนตรห่อนเหน็ อันใด กรรณ์ไซร้ห่อนฟงั ทัง้ หลาย
โยคะยิง่ ล้ำกำจายกระสบั กระส่ายฤามี ฯ

๏ วันเม่ือโฉมยงทรงฉาย ม่งุ ร้ายตอ่ ตบะฤาษี
องคพ์ ระปาปะนาศน์มนุ ี สำรวมอินทรียน์ ิ่งนาน

รู้สึกมายามายวน ทบทวนทำนองปองผลาญ
โยคมี ีใจรำคาญ เหตกุ ารกลใดใคร่แล

น้อยๆ ค่อยรู้สกึ ตน เหน็ นางโศภนเพญ็ แข
นยั นานิลนวลยวนแด ยิง่ แลย่ิงล้ำอำไพ

ท่วงทที ่าทางอย่างล้อ ใครหนอน่าชดิ พิสมยั
นักสทิ ธ์คดิ หลายหฤทัย เหตใุ ดมาเพ่งเล็งพศิ
แม่นมั่นปญั ญาฌานะ โยคะเครง่ ครดั ชัดจติ ต์
ทราบเหตเุ ลศกลตน้ คิด มันกวนชวนชิดท้งั น้ี

มุ่งร้ายหมายผลาญฌานกู สรู่ จู้ งั ไรใช่ท่ี
กำเรบิ มาเลน่ เหน็ ดี มุนเี ธอขมึงนยั นา ฯ

๏ อนั นางอนศุ ยนิ ีเหน็ เนตรโยคีซา้ ยขวา
เขยี วเขม็งเล็งดูกานดา ประหมา่ มุ่นอกตกใจ
หวาดหว่ันพร่ันทรวงดวงจติ ต์ สุดคดิ จกั ซงองค์ได้
เซซวนซุดสลบซบไป ลม้ ในพนารญั ทันที ฯ

๏ เม่อื นน้ั กมลมิตรเหน็ เมยี เสียศรี
วิง่ ไปใกลอ้ งคม์ ุนี โอบอุม้ ยุวดีชายา

กอดทบั กับฤทัยไหวหวนั่ องคส์ ่นั บนแผน่ ภผู า

รกิ รวั กลัวกรรมนำพา เกรงเดชพระมหามนุ ี ฯ
๏ เม่ือน้ัน ปาปะนาศนม์ หาฤาษี
รู้เร่อื งเคอื งใจโยคีจึ่งมีวาจาสาปไป ฯ
ฤาษสี าบวา่

๏ ดูราเมียผัวตัวเอิบ กำเรบิ ใจบาปหยาบใหญ่
อนั เนตรนงรามทรามวยั จกั ไดร้ บั ผลบดั น้ี

นางย่วั โยคะละเมิด จงเกิดเปนมานุษ๒ี ๘
กมลมิตรผู้พญาสามี เหน็ ดีรดู้ ้วยช่วยกนั
จงมีกำเนิดมานุษ ผ่องผดุ เพญ็ ลกั ษณร์ งั สรรค์
สองมงุ่ ใจสมคั รรกั กัน ให้พลนั เรศิ รา้ งหา่ งไป
รนั ทมกรมกรรมทำงน ลา้ งตนในห้วงทกุ ขใ์ หญ่
จนส้ินบาปกรรมทำไว้ จ่ึงใหส้ น้ิ สาปหลาบจำ ฯ
๏ เมือ่ นนั้ กมลมิตรพิศเนตรนางขำ
เจ็บหนักจักจากตรากตรำ คราวกรรมจำรา้ งหา่ งนอ้ ง
ย่งิ พศิ ภรยิ าอาดรู ยิ่งภูลทกุ ข์ทนหม่นหมอง
กม้ วอนกรไหวใ้ จตรอง พลางสนองวาจาวา่ ไป ฯ

กมลมติ รกลา่ วแก่ฤาษีว่า
๏ ข้าแต่พระมหามนุ ี ข้านีท้ ำบาปอยาบใหญ่
ลวนลามความผิดตดิ ใจ หฤทัยหวาดหว่นั รนั ทด
ผอ่ นโทษโปรดเถดิ โยคี จงสาปใหม้ ีกำหนด
รู้เขตคำแชง่ แบ่งลด เปลื้องปลดทุกขน์ อ้ ยถอยไป ฯ

๏ เมือ่ นน้ั ปาปะนาศน์บรรหารขานไข
ซึง่ เจ้าเนาเข็ญเหน็ ภัย คดิ ใครค่ นื สองครองกนั
จกั สมโดยหวังดังใจ โดยนยั ทเ่ี ราสาปสรร
เม่ือใดไดท้ ลวงจ้วงฟนั จวบจำ้ หำ้ หั่นกันลง
เม่ือน้นั กำหนดปลดบาป สนิ้ สาปไป่คลาดมาดมง่
กล่าวพลางดาบสพรตยง เธอสำรวมองค์ตอ่ ไป ฯ

๏ เมื่อนัน้ กมลมิตรจิตตส์ น่ั หว่ันไหว
พศิ เนตรนงรามทรามวยั อรไทยพิศหน้าสามี
นางใครจ่ ำพักตรภ์ รรดา เธอใคร่จำหนา้ มารศรี
จักพรากจากพลนั ทนั ที สองมใี จเศร้าเปลา่ ทรวง ฯ
๏ ตกจากฟากฟ้ามาดนิ พลัดถิ่นอาศยั ในสรวง
พึงหลาบบาปเขอื เหลอื ตวง ผาหลวงสงู ใหญ่ไป่ปาน ฯ
๏ นางเข้าส่คู รรภ์มหิษี พระนราธบิ ดีใสศานติ์
ทรงนามชยั ทัตภบู าล ตระการเกยี รติ์องคท์ รงยศ
๒๙ครองอินทริ าลัยไกรเกรยี ง สำเนียงฦๅชาปรากฎ
ปราศปจั จามิตรคดิ คด ยงยศเยงสิน้ ดินดอน ฯ
๏ กมลมติ รส่คู รรภม์ หษิ ี พระนราธบิ ดชี าญศร
๓๐ทรงนามธรรมราชภูธร เธอครองนครอละกา
ไพรีเขด็ นามขามยศ ปรากฎเดชเดือ่ งเล่ืองหล้า
สำราญบานใจไพร่ฟ้า ท่ัวหนา้ สขุ เกษมเปรมปรี ฯ
๏ เมื่อนน้ั องคพ์ ระมเหศวรเรืองศรี

เนาอาสน์ไกลาสครี ี เปนที่อิม่ เอมเปรมตา
พศิ เพ่งเลง็ ดรู แู้ จง้ ทกุ แหลง่ ในสวรรค์ช้ันหลา้
เหน็ พญาคนธรรพภ์ รรดา ชายายุพยงนงคราญ
ตกจากฟากฟ้ามาดิน ท้ิงถน่ิ ทิพาศัยไพศาล
ทราบแจ้งแห่งเหตเุ ภทพาน เกิดทกุ ข์รุกรานปานนัน้
นง่ิ นกึ ตรกึ ตรองคลองธรรม โทษกรรมเกดิ ก่อส่อศัลย์
เพราะเหตุเนตรนางพางจนั ทร์ เชน่ กันกบั สศี อเรา
โดยเลมดิ เกดิ กอบกองทกุ ข์ เพลิงลุกรอ้ นยง่ิ ผงิ เผา
อนั กายโฉมยงนงเยาว์ ยงั เนาในสวรรคช์ ้ันฟ้า
นางไซรไ้ ปเกดิ ในดนิ กรงุ อินทิราลัยใต้หล้า
เราจักอุปถัมภน์ ำพา รกั ษาทรากใสใ่ จจำ
เหตุศรีแห่งศอเราไซร้ แบง่ สว่ นไปในเนตรขำ
จกั ทอดท้งิ ทรากตรากตรำ ห่างหายหลายฉนำฤาควร
อนั พญาคนธรรพ์นั้นไซร้ หฤทัยซวนเซเหหวน
พูดพลอ่ ยเสเพลเรรวน ปน่ั ปว่ นเพราะเราเขา้ เจอื
๓๑ศรีจันทร์ศรีศอสีศยาม ในเนตรนงรามงามเหลือ
เธอเหน็ สาวนอ้ ยลอยเรือ ห่อนเบอ่ื นัยนาบ้าฟุ้ง
คิดไปไม่เปนความผดิ แหง่ พญากมลมติ รจติ ตย์ ุ่ง
๓๒ฤทธอ์ิ นงค์หลงใหลไคลค้ ลุ้ง ควรเราเข้าพยุงเธอไว้ ฯ
๏ ตรึกพลางพระมหาเทวะ โดยพระกรุณาธยาศัย
๓๓หยิบดอกอมั พุชอำไพ พลางปักลงไว้ในดิน

กลายเปนเกาะนอ้ ยลอยอยู่ แลดสู ำอางกลางสนิ ธ์ุ
มเี มอื งเรืองแข่งแหล่งอินทร์ โศภนิ ไพจิตรพศิ พราย
ปราสาทราชฐานกาญจน์แกว้ เพริศแพรว้ จำรสั เรืองฉาย
หอ่ นมีชนใดใกลก้ ราย เมืองหมา้ ยอย่รู า้ งกลางชล ฯ
๏ จดั เสร็จพระอิศวรทรงเดช ปล่อยเหตุใหเ้ กดิ เปนผล

กมลมติ รกับนอ้ งสองตน อนุสนธิ์คำสาปมนุ ี ฯ

จบภาค ๑ ในนิทานเรอ่ื งกนกนคร
๑. “พระวิศเวศวรเรืองศร”. “วศิ เวศวร” เปนนามๆ หนึง่ ของพระอิศวร พระอศิ วรมนี ามมาก ทใ่ี ช้ในหนงั สือนี้คือ
ศลุ ี ศิว ศศเิ คขร คงคาธร ศมั ภู มเหศวร มหาเทว อมุ าบดี มหากาล ปศุบดี เปน็ ต้น
๒. “ศศีเสยี บเผา้ เพราพราย”. “ศศี” แปลวา่ มกี ระตา่ ย คือพระจนั ทร์. เผา้ แปลวา่ ผม. ศศีเสยี บเผา้ หมายความวา่
พระอิศวรทรงพระจันทร์เปนปนิ่ มเี รือ่ งวา่ คร้งั หนง่ึ พระจันทร์ทำผิดเพราะเปนชกู้ บั นางดารา (ชนนีพระพุธ) ผ้เู ปน
ชายาของพระพฤหัสบดี เกดิ ความใหญจ่ นพระจนั ทร์ถูกกำจัดไปอยู่นอกหมูเ่ ทวดา ตอ่ เม่ือพระอศิ วรทรงรับ
พระจนั ทร์มาปกั ไวบ้ นพระเกศา พระจันทรจ์ ง่ึ กลบั เข้าหมูเ่ ทวดาได้.
๓. “อ้าพระธำรงคงคา”. คือคงคาธร (ทรงไวซ้ ่ึงแมน่ ำ้ คงคา) เป็นนามพระอิศวร มเี รอ่ื งวา่ เม่อื แม่น้ำคงคาจะลงมา
จากสวรรคน์ ้นั แผ่นดนิ จะแตกเพราะกำลังน้ำซ่ึงไหลตกลงมาโดยแรง พระอิศวรต้องเอาพระเศยี รรับไว้ แผน่ ดินจึง
รอดภัยไปได้ แม่นำ้ คงคาตกลงบนพระเศยี รแล้วหลงอยใู่ นพระเกศาช้านานจึงหาทางไหลเลยไปได้.
๔. “เหมาะหมดพจมานบานมน”. “บานมน” คือเปนที่บานใจ.
๕. “ขา้ แตพ่ ระศศิเศขร”. “ศศิเศขร” เป็นนามพระอิศวร แปลว่าเสยี บพระจนั ทรไ์ ว้ทผี่ ม.
๖. “พระหทัยใฝ่ม่งทรงปอง”. “มง่ ” คือมงุ่ .
๗. “เหมอื นสพี ระศอทรงศักด”์ิ . พระอิศวรน้ันพระศอเปนสนี ลิ เรียกวา่ นีลกัณฐะ มีเรอ่ื งวา่ เม่อื กวนเกษยี รสมุท
เพ่ือจะเอาอมฤตน้ัน มีพษิ ชอ่ กาลกูฎลอยขึ้นมามากมาย จะเปนภัยแกเ่ ทวดาแลอสรู ซ่งึ ประชมุ กนั อยู่ จนพระอิศวร
ทรงกลนื พษิ นน้ั เสยี ส้ิน เทพดาแลอสูรจึงพ้นภยั พิษนน้ั ไม่ทำร้ายพระอิศวรกจ็ รงิ แต่ทำให้พระศอเปนสนี ลิ .

๘. “ศมั ภผู เู้ ปนเจ้าของ”. “ศมั ภ”ู เปนนาม ๆ หน่งึ ของพระอศิ วร.
๙. “รงั สเี ล่ห์แสงศศธร”. “ศศธร” แปลว่าทรงไว้ซึ่งกระตา่ ย คอื พระจันทร์.
๑๐. “เคร่าใครไ่ ด้เคลยี เมียมงิ่ ”. “เคร่า” แปลวา่ คอย.
๑๑. “เนาเรือเหนอื สรสั ปทั มี”. “สรสั ” แปลวา่ สระ “ปทั มี” แปลวา่ มบี ัว ว่าหนองบวั สระบวั .
๑๒. “ตรณจี นั ทรน์ วลชวนชม”. “ตรณ”ี แปลวา่ เรอื (เครอ่ื งขา้ ม).
๑๓. “งามฉวีคอื ชวาน่าใคร่”. “ชวา” คอื ดอกกหุ ลาบ.

๑๔. “คดิ เจา้ คอื จันทน์ครรพิต”. ครรพติ = หย่งิ .
๑๕. “เออื้ มห่อนถงึ องคน์ งลกั ษณ์”. “หอ่ น” แปลว่าเคย. เช่น “บ่ห่อนมี” แปลวา่ ไม่เคยมี. แต่ในกาพย์กลอนของ
เราใชห้ ่อนแปลวา่ “ไม่” โดยมาก เชน่ โคลงในเตลงพา่ ยวา่
“เบ้อื งนน้ั นฤนาถผู้ สยามนิ ทร”์
“เบ่ยี งพระมาลาผิน หอ่ นพ้อง”
เปนตน้ ในกาพยก์ ลอนที่ขา้ พเจ้าแต่ง ใช้ห่อนแปลว่า “ไม่” เกอื บเสมอ ทใี่ ช้ดังนี้นบั วา่ ผดิ ความเดิม. แตก่ ็ขืนใช้
เพราะเลือนกันมานานแล้ว แลคำทใี่ ช้เลือนอย่างน้ยี ังมีอีกหลายคำ.
อ ๑๖. “พศิ เนตรนวลนางกลางสนิ ธ์ุ”. “สนิ ธ์”ุ ศัพท์นใี้ ชม้ ากในหนังสอื ไทย ในทหี่ มายความว่าน้ำ อันท่จี รงิ แปลว่า
ทะเลแปลว่าแมน่ ้ำ แลเปนชอื่ แม่นำ้ สายหนงึ่ ในอินเดียดว้ ย.
๑๗. “ศอนิลปน่ิ จันทรพ์ รรณไ์ ร”. “พรรณ์ไร” แปลว่าวรรณเป็นทอง (ไร แปลวา่ ทอง).
๑๘. “นางอนุศยินศี รีใส”. “อนุศยินี” คำนฝ้ี รัง่ เขาแปลไวว้ า่ เมยี ผ้ภู กั ดีต่อผวั . “A devoted wife. But the word
has another technical philosophical significance : it connotes evil, clinging to the soul by reason
of sin in a former birth, and begetting the necessity of expiation in another body”.
๑๙. “ใครฟังหม่นั ไสท้ ุกหน”. “หมั่นไส้” คำนี้ผ้รู หู้ นงั สือมักเขียนว่า “มันไส”้ ดูไดค้ วามดกี วา่ แตเ่ สยี งพูดพดู
“หมน่ั ไส้” เสมอ.
๒๐. “วาสพสรุ สิทธิค์ ิดขาม”. “วาสพ” เปนชื่อเรียกพระอนิ ทร.์

๒๑. “จึงจัดอจั ฉราวายาม”. “วายาม” คอื พยายาม (อจั ฉรา ดู อ. ๖๘).

๒๒. “ทรงนามทกั ษะโยคี”. พระทกั ษะเปนพรหมฤษีประชาบดี. ครงั้ หนึง่ กระทำพิธบี ูชายญั เปนการใหญ่ เชญิ เทพ
ดามามาก แต่ไมไ่ ด้เชิญพระอิศวรผเู้ ปนเขย. พระอิศวรทรงเหน็ เปนการหมิน่ ประมาท จงึ เสด็จมาทำลายพิธี ตัด
เศียรพระทักษะขาดแล้วโยนเข้ากองไฟให้ไหมเ้ สีย ครัน้ เลิกการกาหลกนั แลว้ จะหาเศียรพระทักษะมาติดเข้าอยา่ ง
เก่าก็หาไมไ่ ด้ จึงต้องตัดเอาหัวแพะหรือแกะมาตดิ แทน. รูปฤษซี ึง่ ตวั เปนคนหวั เปนเเพะหรือเเกะน้ันคอื รปู พระ
ทักษะองค์น.้ี

๒๓. “ขา้ แต่พระปนิ่ ปราเณศ”. “ปราเณศ” แปลวา่ เจา้ แหง่ ลมหายใจเปนคำเมยี ใช้เรยี กผัว แลผัวใชเ้ รียกเมยี กไ็ ด้

๒๔. “อานนนงิ แนแ่ ลนาน”. “อานน” แปลว่าหนา้

๒๕. “ชี้เชญิ ชายามารศร”ี . “มารศรี” ศัพท์นี้ใชเ้ รียกนาง แต่ไม่ทราบวา่ แปลวา่ กระไรแน่ ขา้ พเจา้ เคยกลา่ วในตอน
อธบิ ายศัพท์ในพระนลคำฉันทว์ ่าจะแปลวา่ นางเปนสิริแหง่ กามเทพหรอื สริ ิแหง่ ความรกั จะได้ทางหน่ึงกระมงั
(เพราะมารเปนชื่อกามเทพ แลเเปลวา่ ความรกั กไ็ ด)้ แต่ได้พบในหนังสอื สมุดดำตัวดนิ สอแหง่ หนงึ่ เขยี นวา่ มาณศรี
แปลวา่ มสี ริ ิ.

๒๖. “นางสโุ ลจนากล้าหาญ”. “สโุ ลจนา” แปลว่านางเนตรงาม.

๒๗. “เธอบงนงรามทรามวยั ”. “บง” แปลวา่ ด.ู

๒๘. “จงเกิดเปนมานุษี”. “มานษุ ”ี แปลว่านางมนษุ ย์.

๒๙. “ครองอนิ ทิราลัยไกรเกรยี ง”. “อนิ ทิราลัย” แปลว่าทอ่ี ย่แู หง่ นางอินทิรา คอื พระลกั ษมีผเู้ ปนเจา้ แหง่ ความ
งาม. ศพั ท์nอนิ ทิราลยั น้เี ปนช่อื นีโลตบล คือบัวสนี ้ำเงิน เพราะเมอื่ พระลักษมแี รกเสดจ็ ลอยขึ้นจากทอ้ งเกษียรสมุท
นั้นทรงนัง่ ในบัวชนิดน้.ี

๓๐. “ทรงนามธรรมราชภธู ร”. “ภูธร” คำนี้อันที่จริงแปลว่าทรงไว้ซ่งึ แผ่นดนิ หรอื รองรบั แผ่นดนิ ไว้ หมายความว่า
ภเู ขา หรอื เปน็ นามพระนารายนใ์ นตำแหนง่ ที่ทรงยกแผ่นดนิ ชูไว้ตามเรือ่ งในกฤษณาวตารเปน็ ตน้ ในหนงั สอื ไทยเรา
ใช้ภธู รแปลวา่ พระเจา้ แผ่นดนิ นา่ จะเห็นว่าเปนเพราะยกยอ่ งพระเจ้าแผ่นดนิ วา่ เปนอวตารแห่งพระนารายน์ ไม่ใช่
เพราะศัพท์ภธู รแปลวา่ พระเจ้าแผน่ ดินเปนแน่.

๓๑. “ศรจี นั ทร์ศรศี อสีศยาม”. แปลว่าสิรแิ หง่ พระจนั ทร์ แลสริ แิ ห่งพระศอสคี รามแก่ (ศยามแปลว่าสคี ล้ำ)

๓๒. “ฤทธ์ิอนงคห์ ลงใหลไคลค้ ลุ้ง”. “อนงค”์ แปลวา่ ไม่มีองค์หรือไมม่ ตี ัวเป็นนามพระกามเทพ ซึ่งถูกเผาเปนจุณ
ไปคร้งั หนง่ึ เพราะตาไฟของพระอิศวร. ความรกั นน้ั กลา่ วว่าพระกามเทพทำให้เกดิ จึงใชศ้ พั ท์ “อนงค์” อย่างที่ใชใ้ น
ที่น้ี อนึ่งควรกล่าวเสียทเี ดียวว่า ในสมุดเล่มน้ใี ช้อนงคแ์ ปลว่ากามเทพหรอื ความรกั เสมอ ไมม่ ที ่แี ปลวา่ นางเลย ถึง
ในที่ซ่งึ ใชว้ ่า “ขวญั อนงค”์ กแ็ ปลว่าขวัญของกามเทพ.

ภาค ๒ บนดนิ
๏ มาจะกลา่ วบทไป ถงึ ทา้ วชัยทัตเทยี มสหี ์

๓๔แกลว้ กลา้ มหารถฤทธี ราชาธบิ ดเี ดชิต ฯ
๏ เกล่อื นพลกล่นแสนยากร เพยี งพลสุรามรมาสถิต

ริปฤู าปองลองฤทธ์ิ แมอ้ มติ รมุ่งร้ายวายปราณ
อึงอศั วานึกครึกคร้นื เรงิ เหลา่ พลปืนหนื่ หาญ
แรงรณพลคชชยั ชาญ เช่นชา้ งโลกบาลบม่ มัน
งามสงา่ รถาธึกกึกกอ้ ง แคล่วคลอ่ งเรงิ แรงแขงขนั
บรขามนามพลส่พี รรค์ ศรขรรคแ์ ขง่ คำ้ รำบาญ ฯ
๏ ชนลือชอ่ื เวียงเกรียงไกรกรุงอินทิราลัยไพศาล
หลัน่ ลดปรากฎปราการ ตระหงา่ นแงง่ ำ้ อำไพ
หอยุทธเชงิ ยวนชวนยทุ ธ เศิกสดุ ใจสั่นหวั่นไหว
รายเคียงเรยี งค่นั หลน่ั ไป เชยี งชยั ชโยดมข่มยุทธ
งามพลบนป้อมพรอ้ มเพรยี ง คูเวยี งแม่นแมน้ แมนขดุ
ลมชายปลายปลิวทิวธุช แสนสดุ สำราญบานรมย์
มนเทียรเถอื กทองกอ่ งแกว้ เพรศิ แพรว้ เรืองอรา่ มงามสม
ชอ่ ฟา้ เชิดฟา้ น่าชม เกลียวกลมแลรับกับฟา้
นพศูลสูงเยี่ยมเทยี มเมฆ รุจิเรขเรืองรองห้องหลา้

ปราสาทมาศแกว้ แววตา อาภาผอ่ งคำ้ อมั พร
ภาพครฑุ สดุ สงา่ สามารถ ขคราชเริงแรงแขงขร๓๕

๓๖อรุ งค์ฤทธ์ลิ ำ้ กำธร ผกหงอนแผง่ ้ำอำไพ
ภาพสงิ หห์ ย่ิงย่างอย่างสงิ ห์ มมี ง่ิ หมายเหมอื นเคลอ่ื นไหว๓๗

เทพนมชมเหน็ เปนไป ดังเทพท่ใี นเมืองฟ้า
ก่องเก็จเพช็ รร์ ัตนร์ ุ้งร่วง โชติชว่ งแวววบั จบั หลา้
แสงทองสอ่ งสกุ มุกดา งามสง่าวังเวียงเพยี งแมน ฯ
๏ สำ่ สนมสมสนองรองบาท นวลนาฎนบน้อมหอ้ มแหน
เฝ้าใฝไ่ ปค่ ลาดขาดแคลน แมน่ แมน้ สรุ นาถเนาฟา้ ฯ
๏ ท้าวมีมหิษที รงลักษณ์ งามพักตรเ์ พญ็ เลห่ เ์ ลขา
โฉมตรูคู่ปราณนานมา นยั หนง่ึ นยั นาภวู นยั
สององคท์ รงครองกนั มา พระดนยั ดนยาหาไม่๓๘
ทรงศกั ดิห์ นกั อกหมกใจ รอยกรรมทำไว้ในบรรพ์๓๙
๔๐ไร้บุตรสุดบาปปลาบจิตต์ หงดุ หงิดหฤทยั ไหวหวนั่
ธำรงทกุ ข์หลวงทรวงตัน จกั ไดไ้ ปสวรรค์ฉนั ใด ฯ
๏ ชอกช้ำรำคาญนานปี จวบพระมหิษศี รีใส
เปล่งปล่ังดวงจันทร์พรรณ์ไร อรไทยโฉมยงทรงครรภ์
ปางกษัตรภ์ ดั ดาปราเณศ ทรงเดชฤาร้างห่างขวญั
จงถนอมจอมนางพางจันทร์ สาวสวรรค์เสวยสขุ ทกุ วาร
ราชแพทยแ์ วดล้อมพร้อมพรกั พิทกั ษอ์ รไทยใสศานต์ิ

พงศเ์ ผา่ เฒ่าแก่แม่งาน บรหิ ารมหิษีมยี ศ

จวบวันฤกษง์ ามยามบญุ เพ็ญชุณห์แจ่มวงทรงกลด๔๑
กัลยาณเิ์ จบ็ ครรภ์รันทด ไปป่ ลดปลิดปวดรวดเร้า
ราชาอาทรร้อนจติ ต์ เพยี งพษิ เพลงิ ใหญ่ไหม้เผา
ชช้ี อบปลอบโฉมโลมเล้า อ้าเจา้ จงสกดอดใจ ฯ

๔๒๏ นางคลอดชาดาลาวณั ย์ คอื จนั ทรแ์ จม่ หอ้ งผอ่ งใส
พมิ พ์พกั ตรล์ กั ษณ์ลำ้ อำไพไฉไลแลปลมื้ ลมื พรบิ

ล้วนเลศิ เฉิดฉายหลายหลาก แสนยากสาธกยกอยบิ
โฉมยงนงรามงามทิพย์ ลอยลิบลงมาธาตรี ฯ
๏ บดั นั้น ราชแพทย์แวดล้อมมหษิ ี
๔๓เหน็ ราชทารกิ านารี ทรงฉวเี ลศิ ลำ้ จำเริญ

หลากจิตตพ์ ิศขนงนงลกั ษณ์ แปลกนกั พากนั สรรเสริญ
เหมือนเมฆย้อยอยู่ดูเพลนิ ลอยเหริ บังพระศศธร

บดั เด๋ียวเธอลมื นยั นา เหมอื นเมฆในฟา้ เปดิ ถอน
ดวงจันทรเ์ ยย่ี มยอดอัมพร สองทศิ ากรพรอ้ มกนั
รศั มสี ีนิลกลบหอ้ ง ใสส่องคือโคมโสมสรร
ต่างตนต่างตลึงอึง้ พลัน ฤาจันทร์ลอ่ งฟ้ามาดิน
จกั ษแุ สงฉายพรายแพร้ว สองแกว้ ใสจริงยง่ิ สนิ ธุ์
ส่ายส่องผอ่ งพ้นมลทนิ แสงเนตรสนี ิลแปลกนัก
โชตชิ ว่ งดงั ดวงเดือนฉาย แลลม้ายพระศศมี ีศกั ดิ์
เปน็ ท่จี ำเรญิ เพลินรกั ต่างนั่งต้งั พักตรภ์ กั ดี
ชนปวงไปร่ แวงแจง้ จติ ต์ ยามพศิ เนตรเรื้องรงั สี

ว่าได้เห็นศรพี ระศุลี อันมปี นในนัยนา
ต่างคดิ พิศวงสงสยั อำไพเพญ็ พักตร์นกั หนา

แลเพ่งเลง็ พิศติดตา โศภาย่งิ คนบนดิน
ชมพลางต่างถวายอภิวาทน์ พระนราธริ าชเรอื งศลิ ป์

บชู าบารมีภูมนิ ทร์ รัศมสี นี ิลกลบไป ฯ
๏ บดั นัน้ อำมาตยป์ ระมุขผูใ้ หญ่

ก้มเกล้าทลู องคท์ รงชัย ขา้ ไม่เคยเหน็ เชน่ น้ี
อันพระบตุ รนี ้ีไซร้อำไพยง่ิ มานุษี

แสงเนตรนางไหนใครมี รังสดี ังเช่นเหน็ ชดั
ข้าอยู่ในแดนรศั มีนยั นาดรณุ จี ำรัส

จกั เปรียบเทียบใดไปท่ ัด ความสัตย์สงสยั ใจจริง
เหมือนไดเ้ หน็ กล่ินการบูร จำรูญจำเริญเพลินยง่ิ
จักยกตัวอยา่ งอ้างองิ หาสง่ิ เปรียบยากหลากใจ
หนึ่งเหมือนได้เห็นกล่นิ จันทน์ หอมหรรษ์เหมจติ ต์พิสมยั ๔๔
แปลกนักจกั ชฉ้ี ันใด นกึ เหน็ เปนไปเชน่ น้ี

อนั องค์พระราชชาดา เหน็ ไดใ้ ช่มานุษี
นางฟา้ มาในธานี เกดิ เปน็ บตุ รีภบู าล

ขอจงทรงพระจำเริญ เพลดิ เพลนิ ผาสกุ ทกุ ฐาน
บุญใหญ่ไดอ้ งคน์ งคราญ เกดิ ในวงศว์ ารภูวนัย ฯ

๏ เม่อื นน้ั พระนราธิบดอี ดศิ ยั

สำราญบานราชหฤทยั ตรัสให้กำหนดกฎการ
สมโภชบุตรีศรแี ควน้ ทว่ั แดนกรุงไกรไพศาล
ผา้ เสอ้ื เหลือกะปริมาณ ประทานเปนทานมากมาย
เหล่าพราหมณต์ ามกนั มารับ สนิ ทรพั ย์บรจิ าคหลากหลาย
เงนิ ทองกองแกว้ แพรวพราย งวั ควายม้าชา้ งรางวลั ฯ
๏ ตรัสให้หาโหราจารย์ ไวชาญวิชชากล้ากลั่น
อีกพราหมณ์ความรูส้ ำคญั ทรงธรรมใ์ ห้เขาเข้ามา

เลือกนามประทานโฉมยง วา่ องค์กนกเรขา
โพยภัยไม่มบี ฑี า โศภาเพียงแก้วแพรวพรรณ์ ฯ
๏ ได้ลกู โดยหวังดงั จติ ต์ ทรงฤทธปิ์ รีเปรมเหมหรรษ์
แจ่มใจใสสขุ ทกุ วัน จงถนอมจอมขวัญบุตรี
ปวงราษฎรป์ ราศเศร้าเปลา่ โศก ชูโฉลกเฉลมิ เลอื่ งเรอื งศรี
ท่ัวเขตเทศคามพราหมณ์ชีต่างมสี ุขล้ำสำราญ
ครอบครองคลองธรรมบำรุง เกียรต์ิฟุ้งเฟอ่ื งไปไพศาล
ดังรม่ ไทรใหญใ่ บบาน บงั แสงสุริย์ฉานมิดชิด
ทนุถนอมกล่อมเกลย้ี งเล้ยี งองค์ โฉมยงชาดายาจิตต์
ปราศข้อขุ่นเคอื งเนืองนิตย์ เกริกกิตตเ์ิ รืองลือฤาลด ฯ
๏ ฝา่ ยพระบตุ รนี ริ มล โศภนอาภาปรากฎ
ชายยลโฉมยงทรงยศ รนั ทดรนั ทมกรมทุกข์
ไดเ้ ห็นดังถูกทำโทษ รอ้ นโลดราวไฟไหม้สขุ
ยัว่ ให้ใจงา่ นพล่านพลุก เพลิงลุกราคเรา้ เผาใจ

รุน่ สาวราวโสมโฉมฉาย ศรผี ายแสงผอ่ งส่องใส
นยั นานา่ เพลินเชญิ ใจ ให้ไปเปนทาสเทวี ฯ

๏ เมอ่ื นัน้ องคพ์ ระนเรศวรเรืองศรี
เหน็ ราชชาดานารี เปนที่สำราญบานตา
เอวองคท์ รงลกั ษณพ์ ักตร์พริ้ม ยามย้ิมยั่วแย้มแจม่ หน้า
รังสีแสงใสนัยนา ใตห้ ล้าปราศเปรียบเทียบทนั
สมควรเษกสาวบ่าวสม ชดิ ชมเชยคู่ชขู วญั
สยมุ พรโฉมยงทรงวรรณ์ ให้สรรเกศกษตั รภ์ ดั ดา

บำเรอภิรมย์สมสู่ ไดค้ ู่ดงั ใครใ่ จหา
สมศกั ด์สิ มวงศช์ าดา คงสมปราถนานงลักษณ์
ตรึกตรองคลองธรรมนำท้าว จอมดา้ วอมิ่ ในใจหนัก
ตรัสเรยี กมหิษยี อดรัก เพยี งจักษเุ จา้ ปัฐพี ฯ

ท้าวชัยทตั ตรสั ว่า
๏ อ้าเจา้ เยาวมาลยก์ านดา แกว้ ตาผู้มิ่งมารศรี

อันกนกเรขาเทวี ยวุ ดีทรงวยั ใหญแ่ ล้ว
สมควรอภริ มยส์ มสอง สงิ ส่คู คู่ รองผอ่ งแผ้ว
ทรงลกั ษณศ์ กั ด์เิ ลศิ เพรศิ แพร้ว เหมือนแก้วทั้งคู่ดูพราย

พีม่ ง่ บงกิจพธิ ี สรรหาสวามเี ฉดิ ฉาย
สง่ ขา่ วป่าวคำกำจาย ลมื เกียรต์ฤิ าวายวนั เว้น
โฉมเจ้าดำรหิ ์ฉันใด อรไทยกล่าวความตามเหน็
ประสงค์องคน์ างพางเพญ็ คงเชน่ เดียวกันมน่ั ใจ ฯ

๏ เมอ่ื น้ัน องค์พระมหิษีศรีใส
อภวิ าทน์บาทมลู ทูลไป โดยนยั ขอ้ ความตามจริง ฯ

พระมหิษีทลู วา่
๏ ข้าแต่อวนนิ ทรป์ น่ิ ขตั ยิ ์ ดำรสั ระบอบชอบยิง่
ใคร ๆ ไปห่ าญคา้ นติง เว้นแตล่ ูกหญงิ องค์เดียว

ทรามวยั ไม่คดิ มีคู่ต้งั จติ ต์โฉมตรูอยเู่ ด่ียว
เกลียดผัวกลวั ยง่ิ จริงเจียว จกั เหนยี่ วจกั รัง้ ฤายอม
ขา้ ไดช้ แ้ี จงแจ้งเหตุ อปุ เทศคำขานหวานหอม
เสาวรสพจมานหวา่ นลอ้ ม นงเยาว์ฤายอมอยา่ งคิด ฯ

ทา้ วชัยทตั ตรสั ว่า
๏ อา้ องคน์ งคราญกานดา อันกนกเรขายาจติ ต์
ไมค่ ดิ มคี ูช่ ูชดิ กล่าวเกลื่อนเบือนบิดผิดไป
หญิงไม่อยากมสี ามี หาในโลกน้ีหาไหน
อันพวงบบุ ผามาลัย เกลียดแมลงภไู่ ซรฤ้ ามี

๔๕๏ ควรจำธรรมดานาไร่จกั ไม่รบั ไถใช่ที่
ฉนั ใดชาดานารี พงึ มีสามแี นบตัว

อันกนกเรขาทรามวยั เตบิ ใหญส่ มควรมผี ัว
ไปพ่ ึงรังเกยี จเกลียดกลัว ดอกบัวเกรงผ้ึงห่อนมี

ปัญหามีแตจ่ ักหา ภรรดาสมศักด์ิสมศรี
หาไดใ้ ชง่ า่ ยชายดีสมกับเทวีลกู เรา ฯ

พระมหิษีทลู วา่

๏ ขา้ แตพ่ ระมหาราชา ชาดาดวงใจใช่เฉา๔๖
นางนกึ แน่ในใจเยาว์ ไป่คิดชดิ เคลา้ คูค่ รอง
พระองค์จงโปรดดำรัส ชี้แจงแจงอตั ถ์ทงั้ ผอง
ใหน้ างทราบความตามคลอง ทำนองซึง่ ทรงจงใจ
นางกล่าวแกข่ ้าว่าผวั กริ่งกลัวรงั เกยี จเกลียดใกล้
แม้ในความฝนั ทรามวัย กไ็ มข่ อเหน็ สามี ฯ

๏ เมอ่ื น้นั พระมหากษัตรเ์ รืองศรี
ยนิ พระมหษิ ีเทวี นรสีห์สนเทห่ ์หฤทยั
๔๗๏ ตรัสให้หาราชพาลา ชาดาดวงจติ ต์พิสมยั
คดิ หวงั ฟังความทรามวัย พิศวงสงสยั จินดา ฯ
๏ เมื่อน้นั โฉมยงองคก์ นกเรขา
ทราบคำดำรสั ราชา สุภคาขึน้ เฝา้ ภมู ี ฯ
๏ วาดวงองคอ์ รออ้ นแอน้ งามแขนคอื งวงคชสหี ์
เรอื งรามงามจรติ จรลี ทรงฉวีผอ่ งผุดสุดใจ
๔๘๏ มัธยมกลมเกลาเพราเพรศิ ลำ้ เลิศรงั สศี รใี ส
อโุ รชโชติชดู ูไป คล่นื ไกรกล้งิ สมทุ รดจุ กัน
มยูรยาตรน์ าดกรอ่อนช้อยดงั ย้อยจากฟ้ามาผนั
สรุ ีศรีหลา้ ลาวณั ย์หาเทยี บฤาทันเทวี
ถึงทป่ี ระทบั ภูธร บงั อรซุดองค์มารศรี
แยม้ ยิม้ พริ้มพกั ตรภ์ ักดี อัญชลีบติ เุ รศร์เลอลกั ษณ์ ฯ
๏ เม่อื นนั้ พระนราธิราชเรอื งศักดิ์

เหน็ พระลกู หญิงพร้งิ พักตร์ เพียงจักษุเจ้าปัฐพี
ภูบาลตรึกไตรในจติ ต์ นงรามงามจริตเลอศรี
หาไหนไป่เทียมเทวี ใครเหน็ เปนท่เี พลินตา
ชายใดไดเ้ ห็นโฉมยง หอ่ นจืดใจจงใจหา
แม้กผู ูเ้ ปนบิดา ชนม์ชรามานานปานน้ี
เห็นนางพางสบนางสรวง ในทรวงปลมื้ เปรมเต็มที่
แม้ใครได้สศู่ ูลี สำนึกนกึ มีเช่นกัน
ชายหนมุ่ ไหนเลยเฉยได้ จกั ใครจ่ ักครวญหวนฝัน
ราคีกำหนดกลดั พลัน ปว่ นป่ันใจร้อนห่อนเว้น
นางอื่นงามเพญ็ เช่นนี้ ไหนมีคือใครได้เหน็
หน่มุ ๆ รมุ ใจใคร่เคล้น คลงึ เคลา้ เชา้ เย็นเปนนิตย์
นางเปน็ ยอดหญงิ มง่ิ ภพ ใครสบโชคชื่นร่ืนจติ ต์
จักเหน็ เช่นไดอ้ มฤต คำ่ เช้าเฝา้ ชดิ เชงิ รกั
ลาวณั ย์บรรเจดิ เลิศหล้า เกดิ มาในวงศท์ รงศกั ด์ิ
แม้นไม่มีคู่ชูพักตร์ น่าเสยี ดายนกั เช่นน้ี ฯ
ทา้ วชัยทตั ตรัสวา่

๏ อ้าเจา้ เยาวมาลยก์ านดา แกว้ ตาผู้มิ่งมารศรี
โฉมเฉลาเสาวภาคพรรณี เจา้ น้ที รงวยั ใหญ่แลว้
สมควรอภริ มยส์ มสอง มีคอู่ ย่คู รองผอ่ งแผ้ว

ทรงลกั ษณ์ศกั ด์ิเลศิ เพริศแพรว้ เหมอื นแกว้ ท้ังค่ดู พู ราย
พ่อม่งบงกิจพธิ ี สรรหาสวามีเฉดิ ฉาย

ส่งขา่ วปา่ วคำกำจาย ลือเกยี รติฤาวายทวิ า ฯ
๏ เม่อื น้นั โฉมยงองคก์ นกเรขา

ยินคำดำรสั ราชา กลั ยาณ์กิ ้มกราบทูลไป ฯ
นางกนกเรขาทูลวา่

๏ ข้าแต่อวนินทป์ ิน่ ราช ภพนาถเลอฤทธิ์อดิศยั
ซ่งึ ทรงรำลกึ ตรึกไตร จักใหข้ ้าหาสามี

เพราะเหตเุ ม็ตตาการุญ พระคุณเปี่ยมเกล้าเกศี
แต่วา่ ขา้ ผู้บตุ รี ไม่รกั จกั มภี รรดา

อยู่เดียวเปนสุขทุกเมอื่ พระองคจ์ งเชือ่ คำข้า
ใหเ้ ปนเชน่ ตอู ยู่มา ไม่เปนภรยิ าชายใด ฯ

ทา้ วชยั ทัตตรสั วา่
๏ ดรู านงเยาว์เสาวลักษณ์ ดวงจกั ษุผู้พิสมัย
เจา้ ตรสั อัตถน์ ้ันฉนั ใด ใครฟังดงั ไรค้ วามคดิ
นงเพ็ญเปน็ ราชกญั ญา เกิดมาในวงศท์ รงกติ ติ์

แม้นไม่มีคชู่ ชู ิด ชีวติ ไรผ้ ลข้นแค้น ฯ
นางกนกเรขาทูลวา่

๏ ข้าแตบ่ ิตุราชเลอศกั ดิ์ ลกู แน่ใจหนักจติ ต์แนน่
แมน้ ชายฉายเฉิดเลิศแมน สุดงามสามแดนฤาทนั
หมายมาเปนสามีลูก ลูกไซรไ้ ป่ผูกใจสรร

ขอพระนรเทพทรงธรรม์ ฟงั คำสำคญั วนั น้ี
ไม่ขอมคี ู่อยู่ข้าง หมายหมางใจเกลียดเสยี ดสี

ข้าผดิ ธรรมดานารี ภมู ีอย่าเผดจ็ เมต็ ตา
นางสิน้ ดินแดนแสนหมน่ื ใครอน่ื ไป่เปนเชน่ ข้า
พระองค์ทรงฤทธบิ์ ดิ า จงเชอื่ วาจาลูกรัก ฯ

๏ เม่อื นัน้ องคพ์ ระวรี วงศท์ รงจักร
ยินคำสำคญั มนั่ นกั ทรงศกั ด์ิรำพึงอึง้ คดิ
หานางอย่างนี้หาไหน ในแดแน่ไดไ้ มผ่ ดิ
ชาดามานษุ สดุ ทศิ หาไหนได้ชนดิ นงเยาว์
นางเกิดเปน็ ลกู เราไซร้ ลูกเราฤาใชล่ ูกเล่า
นางฟ้ามาเปนลกู เรา ดเู ค้าจกั เปนเช่นนี้
จงึ ทรงรปู ลกั ษณน์ กั หนา งามจรงิ ยงิ่ มานุษี

ไมร่ กั จกั มสี ามี ผิดแบบนารีธรรมดา ฯ
๏ องคพ์ ระภวู นัยไตรต่ รอง ใหห้ มองใจหนกั นักหนา

ค่ำเช้าเฝ้าปลอบกญั ญา สุภคายนื คำรำ่ ไป
จนองค์ทรงเดชเกศรฐั เคอื งขัดขุ่นอกหมกไหม้
อาวรณร์ อ้ นราชหฤทยั ภูวนัยออกอัตถต์ รัสไป ฯ

ท้าวชยั ทัตทรงกลา่ วคำแคน้ วา่
๏ อา้ กผู ใ้ จไรส้ ุข เจบ็ ทุกข์จำทนหมน่ ไหม้
เคราะหเ์ รอื่ งเบ้ืองบรรพ์อันใด กรรมในชาติก่อนร้อนรา้ ย
เปน็ บาปตราบในชาตนิ ี้ มีราชบตุ รีเฉดิ ฉาย
ด้อื ดึงขง้ึ เคียดเกลยี ดชาย มงุ่ หมายไมห่ าสามี
ผดิ แบบผดิ แผนแสนรา้ ย เคอื งคายขุ่นข้องหมองศรี

กูในชาติกอ่ นหอ่ นดี ชาตนิ ข้ี ุกเขญ็ เหน็ ชดั
หมายมงุ่ ร่งุ เรอื งเบอื้ งหนา้ เห็นแนแ่ กต่ าวา่ ขัด
เพราะกรรมทำอยาบบาปซดั รู้ถนัดเลห่ น์ ้ันมน่ั นกั ฯ

๏ เมอื่ น้ัน องค์พระบตุ รมี ีศกั ดิ์
ยนิ นราธบิ ดีชช้ี กั นงลักษณส์ อ้ ยเศรา้ เปลา่ ใจ
สงสารบติ รุ งค์ทรงเดช ภูธเรศรอ้ นรนหม่นไหม้
เคารพนบน้อมจอมชัย อรไทยทลู ความตามจรงิ ฯ

นางกนกเรขาทลู วา่
๏ ข้าแต่ปฐั พินทรป์ ่ินเกศ ทรงเดชการุญคุณยิง่
เปนท่ีปกปักพักพงิ ทกุ ส่งิ เมตตาอาทร
ข้าไซรใ้ ช่เกลยี ดมีผวั ใช่กลัวชายกร่ิงยง่ิ ศร

แท้จรงิ ใจข้าอาวรณ์ ใครส่ ู่คูช่ อ้ นชชู ิด
สำคญั ทีต่ รงองค์ชาย มหี มายในใจไมผ่ ดิ
มานุษสุดภพจบทศิ องคเ์ ดียวข้าคดิ ใครร่ กั ฯ

ท้าวชยั ทตั ตรัสวา่
๏ อา้ เจ้าเผา่ รตั น์ขัติเยศ นรเศรษฐ์สูงวงศ์ทรงศกั ดิ์
ชายใดไหนเลา่ เสาวลกั ษณ์ซึง่ เจ้าเพราพักตร์พงึ ชดิ
เผ่าพงศ์ทรงราชย์แหลง่ ไหน กลุ งามนามใดไกรกติ ต์ิ

เหนือใตใ้ หต้ รู ทู้ ศิ ประจักษจ์ ักคดิ ตามควร ฯ
นางกนกเรขาทลู วา่

๏ ข้าแต่พระมหาราชา เมตตาเชิงชอบสอบสวน

แสนยากหากจกั ชกั ชวน โดยขบวนเบ่ยี งแบบแยบใด
เหตุวา่ ขา้ ไซร้ไปร่ ู้ ชายผู้โศภนคนไหน

ยรรยงพงศ์เผา่ เหลา่ ใคร อยไู่ หนในถ่นิ ดนิ ดอน
ทราบเพียงวา่ ชายนายหนงึ่ ขา้ พึงรกั รว่ มปัจถรณ์

กรุงงามนามกนกนคร แทเ้ ทีย่ งเวยี งอมรแมนฟ้า
ชายไหนมาจากเมอื งน้ัน ชายนนั่ คือสามขี ้า
ใครอ่ืนหมน่ื แสนแน่นมา ลกู ยาฤาปลงหฤทยั ฯ
ทา้ วชยั ทัตตรัสว่า

๏ ดรู านงเยาว์เสาวภาค จกั ยากโดยเลศเหตไุ หน
ทราบความนามเวยี งเกรียงไกร จักให้สืบดน้ คน้ ดู
ร้อยพราหมณถ์ ามเท่ียวเล้ยี วเลาะ สบื เสาะสื่อความตามผลู

พงึ คน้ หนไหนใคร่รู้ โฉมตรจู งบอกบดิ า ฯ
นางกนกเรขาทูลวา่

๏ อ้าพระพรี พงศ์ทรงศักด์ิ ยากจกั สืบเสาะเลาะหา
ลกู ไซรไ้ ม่แจง้ จนิ ดา อนั วา่ เวยี งทองกอ่ งกาญจน์

จักสถติ ทศิ ไหนในดนิ ฤาถิน่ ตรที ิพไพศาล
เมืองนาคในมหาบาดาล ฤาฐานถิ่นหลา้ อานนั ท์
ข้าทราบในยามศัยยา พระอิศวรเสดจ็ มาเข้าฝัน
ว่าพระภัดดาข้าอนั ชาตบิ รรพ์เคยอยคู่ คู่ รอง
ห่อนชา้ จกั สอู่ ยูส่ ม สุขาภิรมย์รว่ มห้อง
จักเสดจ็ จากเมอื งเรอื งรองงามกอ่ งกาญจน์แก้วแพร้วพศิ

ชายอื่นใช่ผคู้ ชู่ ืน่ แสนหมืน่ ไปม่ ่งปลงจิตต์
ขอพระบิตรุ งค์ทรงฤทธิ์ มปี ระกาศติ สั่งความ
ให้ปา่ วขา่ วรว่ั ทั่วแห่ง ทุกแหล่งกระหลบภพสาม
ชายใดได้เรอื่ งเมืองงาม อันนามเวยี งทองผ่องเพญ็
ใหร้ บี มากลา่ วขา่ วสาร ยกข้อสอ่ พยานให้เหน็
๔๙มาตร์แมน้ มีวรรณอนั เปน ชายเช่นควรคู่ตนู ี้
ทรงศกั ดิจ์ ักอวยชาดา ใหเ้ ปนภรยิ าเสรมิ ศรี
ชายใดในภพธาตรี รู้ที่รู้เรื่องเมืองนนั้
ยนิ ขา่ วปา่ วคงตรงมา ขา้ ทราบสัญญาแม่นมั่น
จักแจ้งโดยคำสำคญั วา่ มานพนั้นสามี ฯ

ท้าวชยั ทตั ตรสั วา่
๏ อา้ เจ้าเสาวภาคเพญ็ พักตร์ ดวงจกั ษุผ้ภู ูลศรี

มานพเช่นเจ้าเลา่ น้ี อาจมีมามากยากใจ
เจา้ จกั แจง้ จิตต์คดิ มนั่ เพราะสัญญามที ่ไี หน
พอ่ ทราบสำคัญนน้ั ไซร้ จกั ใหส้ บื ทัว่ ธาตรี ฯ

นางกนกเรขาทลู วา่
๏ ข้าแตพ่ ระองค์ทรงภพ พระคุณล้ำลบเกศี
ทรงชยั ให้ทูลเช่นนี้ เหลือที่ลกู กล้าวายาม
พระวิศเวศวรบอกขา้ แตม่ ีวาจาว่าห้าม
มิให้พรายแพรง่ แจง้ ความ ลูกจำทำตามศลุ ี
พระองค์จงโปรดโทษให้ แกต่ ผู ใู้ ตบ้ ทศรี

แม้นทูลมลู ความตามมี เกรงอุมาบดเี ดชิต ฯ๕๐
๏ เมื่อนั้น พระนราธริ าชเรืองกติ ติ์

คำนึงอึ้งอดั ขัดคดิ แปลกจติ ต์เหน็ ยากหลากแท้
ข้อความตามฝนั น้ันไซร้ ควรเช่ือฤาไม่ไมแ่ น่
สงสยั ในจติ ตอ์ ิดแด ถึงแม้จริงตามความน้ัน
เมืองไหนในถิ่นดนิ ดอน คือกนกนครในฝัน
ไปเ่ คยยินชือ่ ลอื กัน บอกเบอ้ื งเมืองอันอาจมี
ยากหนกั จักน่ิงเสยี เล่า โฉมเจ้าไรค้ ่ชู ูศรี

จกั เลยเฉยไปไป่ดีนารไี รผ้ ัวมัวพรรณ
จำใจให้ขา่ วป่าวรอ้ ง ทำนองนงเยาว์กล่าวสรร
หาไม่ไหนเจา้ นวลจนั ทร์ จักหันหาคู่ชูพักตร์ ฯ

๏ ทรงธรรมดำรหิ เ์ ล่ห์นี้ พลางพระภมู ีมีศักด์ิ
โปรดให้โฉมยงทรงลักษณ์ คืนส่ตู ำหนกั นางใน
ตรัสเรยี กอำมาตยม์ นตรี พลางมีบรรหารขานไข

สจู งตรงรีบเร็วไป สัง่ ใหป้ ระกาศธานี
ล่นั ฆอ้ งร้องข่าวป่าวทว่ั ให้ร่ัวรรู้ อบกรุงศรี
ชายใดใต้หลา้ ธาตรี ทราบท่ีทราบเรือ่ งเมืองทอง
แมน้ ชาตชิ บู วรณค์ วรอยู่ ฝังปลกู ลูกกูคหู่ ้อง
จักแบ่งราชัยใหค้ รอง ทำนองราชบุตรสุดรกั
ทงั้ จักยกราชชาดา ใหเ้ ปนชายายอศักดิ์
ให้เขาเข้ามาอยา่ พกั กจู ักอุปถมั ภ์ดำกล ฯ

๏ บดั นั้น คณามาตย์หลากจติ ตค์ ิดฉงน
รับสง่ั พระองค์ทรงพล ต่างตนคลานคลอ้ ยถอยไป

จัดใหต้ ฆี อ้ งรอ้ งป่าว ยินขา่ วไรผ้ ้รู ูไ้ ด้
โจษจรรกันทัว่ กรุงไกร ต่างใคร่ทราบเร่อื งเมอื งทอง ฯ

๏ ฝา่ ยราชบรุ ษุ สุดเสยี ง ปา่ วไปในเวียงทัง้ ผอง
เสยี งคนไปเคยี งเสียงฆ้อง ส่งขา่ วป่าวร่องกอ้ งไป ฯ
๏ เจา้ เอยเจา้ จ้า ใครยนิ อยา่ ชา้ เร่งมาเรว็ ไว ฟังคำประกาศ ดงั ราชหฤทยั ถอ้ ยคำจำไป สบื ส่อตอ่ กัน ฯ
๏ ชายดมี ีชาติ ควรสู่คู่ราช ชาดาลาวัณย์ เคยเห็นเมอื งทอง งามผ่องเพยี งจนั ทร์ จงเฝา้ เจา้ อนั ทรงสทิ ธฤิ์ ทธี ฯ
๏ ท้าวจักยอยศ ลือชาปรากฎ เกยี รติ์แกว่นแดนตรี จดั สรรปันให้ ราไชศวรศรี สารพรรณอันมี แบ่งมอบครอบครอง
ฯ๏ หนง่ึ จะประทาน ยุพยงนงคราญ ลักษณล์ ้ำลำยอง องคก์ นกเรขา บุบผาผิวทอง ประคบประคอง เปนคชู่ ูใจ ฯ
๏ ชายดีมีชาติ แจง้ เร่ืองเมอื งมาศ สรู่ าชเร็วไว๕๑ รางวลั อนั ยิง่ ทุกสง่ิ สมใจ กอบโกยโดยนัย ท่ีประกาศเอย ฯ

๏ บดั นัน้ ทวยราษฎรย์ ินเคา้ เขาเฉลย
แปลกมากหลากใจไม่เคย ยนิ ขา่ วป่าวเผยเช่นน้ี
ต่างคนเอมอมิ่ ยม้ิ ยอ่ ง สืบเร่อื งเมอื งทองผ่องศรี
บ้างออกเดินดงพงพี ทกุ ทคี่ ลาไคลไปมา
บางคนตนเดยี วเทย่ี วเดิน ในแถวแนวเถนิ เนนิ ผา
พบลิงพบคา่ งช้างมา้ หมหู มาเหลือหลากมากมาย
ไมพ่ บเมอื งทองรองเรอื ง พบเมอื งเลว ๆ แหล่หลาย
กระทงิ สงิ ห์โตโคควาย ไมห่ มายอยากพบ ๆ มัน
บางคนดน้ ไปในปา่ นึกหนา้ นางเลศิ เฉิดฉัน

มัวเหม่อเผลอฝา่ อารณั ย์ พบเสอื ๆ มันกัดเอา
บางตนบา่ ยตนี ปีนผา พลาดท่าหวั หกตกเขา
ลำบากยากเขญ็ เยน็ เช้า ไต่เตา้ เสาะเรื่องเมืองทอง ฯ
๏ บางพวกเกลอ่ื นกลุม้ กลุ่มกัน พลั วนั ยัดเยียดเสียดถอง
สบื ข้อตอ่ ความถามลอง แซซ่ อ้ งในถนนกล่นไกล
เดอื ดจติ ตค์ ดิ ใครไ่ ดค้ วาม เมืองงามโศภติ ทศิ ไหน

ตา่ งคนถามกันลนั่ ไป หาใครจักรฤู้ ามี
โจษจรรบรรลอื รอบด้าว ยนิ ข่าวยุพยงทรงศรี

ท่ัวกนั บรรดาธานีทุกที่ใกล้ไกลในภพ
ต่างใครไ่ ด้เรอ่ื งเมอื งทอง เที่ยวท่องสืบไปไป่สบ
แตกต่ืนดนื่ หนา้ มานพ ปรารภไล่เลียงเถยี งกัน
ทกุ เมืองเนอ่ื งมาไม่อยุด อตุ ลุดรอบเวยี งเสยี งล่ัน
ระเบง็ เซง็ แซแ่ จจรร กลางคนื กลางวนั ฤาเวน้
ละการละงานดาลเดอื ด ไปเ่ หอื ดดกึ ดืน่ ตน่ื เต้น
ท้งิ ถ่ินเที่ยวเต้าเชา้ เย็น ขุกเขญ็ ลือเลอื่ งเครอ่ื งร้าว
วิวาทบาดเลาะเบาะแวง้ ตรี นั ฟันแทงกันฉาว
กลุม่ ๆ กลุ้มเทย่ี วเกรยี วกราว เปน็ คราวจลาจลข้นแค้น

ทง้ิ อาชวี ะละหมดปรากฎความเส่ือมสุดแสน
อาการบ้านเมืองเคอื งแคลน ทั่วแดนอักอ่วนป่วนกนั ฯ

๏ เมื่อนัน้ องค์ทา้ วชยั ทัตรงั สรรค์
รอ้ นร้าวคราวเข็ญเป็นควัน ป่วนปนั่ ปวงราษฎรห์ วาดไป

หฤทัยราชาอาวรณ์ เมอื งกนกนครอยู่ไหน
สงสยั ใช่จริงกรงิ่ ใจ อรไทยเลน่ หลอกออกกล

ลวงกูผู้พอ่ ลอ่ ให้ สบื ขา่ วปา่ วไปในหน
นา่ หวั มัวเมอเผลอตน ให้คนฟุ้งซ่านดาลใจ
จกั จรงิ ฤาเลน่ เช่นนกึ ร้สู กึ แสนเลวเหลวไหล
ไปเ่ หน็ เป็นผลกลใด เมืองมาศคาดไดไ้ มม่ ี
ผู้คนเนืองแนน่ แสนหมืน่ แตกต่ืนมาสกู่ รุงศรี
ป่วนป่นั กันทัว่ ธาตรี เพราะราชดรุณนี งลักษณ์ ฯ
๏ พระมหาราชาอาทร เรา่ รอ้ นหฤทัยทรงศกั ดิ์
ดงั มีดกรดี เชอื ดเผอื ดพักตร์ โศกสลกั ทรวงทา้ วร้าวราน ฯ

•••••••••

๏ มาจะกลา่ วบทไป ถงึ ท้าวธรรมราชอาจหาญ
ครอบครองอละกามานาน สำราญเล่อื งชอ่ื ลือชา
ไพรีเขด็ นามขามยศ ปรากฎรู้รวั่ ทั่วหล้า

ทรงเดชเขตรอบขอบฟ้า แกล้วกลา้ รณรงคว์ งศ์ราม ฯ
๏ ท้าวมโี อรสเลอศักด์ิ ทรงลักษณเ์ ลิศลบภพสาม
โศภาอาภรณง์ อนงาม ทรงนามอมรสิงหพ์ ร้งิ พกั ตร์

คือพญากมลมติ รมาเกดิ ช่นื เชดิ ชูวงศ์ทรงจักร
องอาจชาตฟิ า้ กล้านัก สมศักดิส์ มศรมี ีชยั
ศึกษาศรศาสตร์อาจสุด ยงยทุ ธกาจแกว่นแดนไหว

เขม้ แขงแรงล้ำกำไร รปิ ูร้ไู ปใจครา้ ม
แสงขรรค์บั่นเศียรเสีย้ นเศิก เอิกเกริกเล่ืองชอ่ื ลอื ขาม
แคลว่ คล่องคลองรงค์สงคราม หา้ วหาญชาญสนามนา่ ชม ฯ

๏ นารมี ใี จใครห่ าอาศาเปน็ คสู่ ูส่ ม
เพลิงราคมากไหม้ใจกรม รันทมทกุ ข์เรา้ เผาใจ
ตามตอมดอ้ มเมยี งเอยี งอาย ลอ้ มรายเรยี งรมุ กล้มุ ใกล้
ถดถอยชมอ้ ยชมา้ ยกรายไป หฤทยั รญั จวนมวนกาม
ทา่ เย้าทยี วนชวนชิด ครวญใครใ่ นจติ ตว์ บั หวาม
รกั เธอ ๆ ห่อนผ่อนตาม นางงามพระไม่ไยดี ฯ
๏ ปางท้าวธรรมราชเลอเดช สังเกตโอรสเรอื งศรี
๕๒ยรรยงทรงลกั ษณร์ ูปี ไมม่ ใี ครเทียบเปรยี บปาน
๕๓ศตั รูศัสตรหี นหี น้า ไปก่ ลา้ ปองรายหมายผลาญ
แสนสงา่ อ่าโอ่โอฬาร องอาจชาตทิ หารเหมิ รณ
ทนุถนอมกลอ่ มเกลีย้ งเลีย้ งมา นับวา่ สำเรจ็ เผล็ดผล
หมายไวไ้ ด้สมใจตน ปวงชนจงรกั ภักดี

ยุพราชขาดคู่ชชู น่ื เริงรืน่ อารมณส์ มศรี
รำลึกตรกึ หานารี ดรุณีลกู ทา้ วด้าวใด
ควรสอู่ ยหู่ อ้ งครองคู่ ลูกกูบญุ หนักศกั ดใิ์ หญ่
สำรวจตรวจตรกึ นกึ ไป นึกได้หนง่ึ หนา้ นารี
ลกู สาวทา้ วใหญไ่ กรยศ จิตรรถราชาอา่ ศรี
จอมแคว้นแกวน่ กลา้ ราวี ไพรีเข็ดฤทธค์ิ ิดทอ้


Click to View FlipBook Version