The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วรรณกรรม เรื่องกนกนคร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tolo.sorawit, 2021-03-16 03:26:00

กนกนคร

วรรณกรรม เรื่องกนกนคร

Keywords: กนกนคร

ขวญั อนงคท์ รงเรยี กสาวใช้ไว ๆ เปดิ ทวารบานข้าง
จงแสดงแจ้งทชี่ ้ที าง ปิ่นนางคอื นงองค์ใด
เปน็ พระมหษิ ีมีศักด์ิ ตำหนกั โฉมตรูอยู่ไหน
สเู ร่งเพ่งพาคลาไคล ตใู ครเ่ ฝา้ ฟงั บังอร ฯ
๏ บดั นน้ั สาวใช้ใจสนั่ หวาดหว่นั ภยั องค์ทรงศร
อันองคน์ งรามงามงอน ภูธรพิสมัยใครช่ ม
แม้นเราเข้าคัดขัดขาน เยาวมาลยห์ มายใจไมส่ ม
นางโกรธโทษแค้นแสนคม กจู มทุกขแ์ ท้แน่ใจ
อนั องค์ทรงศักดจิ์ ักรพรรดิเหมอื นดินในหตั ถ์จัดได้
นงลักษณจ์ กั ปนั้ ฉันใด เป็นไปตามอยา่ งนางทำ
คิดพลนั ผันหนา้ พานาง เยอื้ งยา่ งเร็วไปในคำ่
นงรามตามพลางนางนำ สู่ตำหนักใหญใ่ นวงั ฯ
๏ จวบขณะพระราชมหิษี เธอมีหฤทยั ไคลค้ ลัง่
เรอ่ื งราวขา่ วร้ายหมายฟัง กำลังเรยี กขา้ มาทูล
แคน้ ใจใครท่ บุ อุบอก นายกแดนใหญไ่ อสรู ย์
ปรากฎยศไกรไพบลู ย์ ประยูรพร้อมพร่ังดงั ดาว
ควรหรอื ถอื แยบแบบไพร่ เคร่อื งให้คนฟังรงั หยาว
คบนางกลางตลาดชาติคาว เก้ยี วสาวเมื่อเฒา่ เจ้าชู้
ใครเถอื เนอื้ เล่นเชน่ แกะ ใครแ่ ฉละอกเลน่ เช่นหม๑ู ๓๔
เจบ็ หนกั จักใครไ่ ปดู โอ้กอู กเกรียมเทียมไฟ ฯ
๏ กำลงั นางกษตั รก์ ลดั กลมุ้ รึงรมุ เพลงิ โกรธโรจนไ์ หม้

บัดเด๋ยี วเหลียวแปรแลไป สบนัยนานางย่างเดิน
ทา่ ทางอย่างยอบนอบนอ้ ม งามลม่อมมรรยาทปราศเขนิ

นม่ิ นวลยวนย้มิ พร้มิ เพลิน จำเริญแลสง่านา่ รกั
มหิษีมีจิตตพ์ ิศวง เห็นองค์มารศรมี ศี กั ดิ์

เข้ามาคารพซบพกั ตร์ นงลักษณ์สงสยั นัยนา ฯ
๏ เมอื่ นัน้ โฉมยงองค์กนกเรขา

อภวิ าทนบ์ าทมลู ทลู มา กัลยาณจิ์ งทราบบทมาลย์
นางเปน็ ทพี่ ่ึงหน่งึ เดียว ขา้ เปลีย่ วเปล่าใจภัยผลาญ
แมน้ ไม่ปราโมทโปรดปราน จกั ลาญรอนชพี รบี มรณ์

วันนภี้ ูเบศเกศรัฐ จอมกษัตร์เรอื งรงคท์ รงศร
เธอเถลิงหลังช้างย่างจร เนอื งนรแห่แหนแนน่ มา
ทรงเขม้นเห็นขา้ หน้าต่าง เทียบช้างอยดุ ทพั รบั ขา้

สู่วังตงั้ เป็นชายา เชิดหน้าชนู วลชวนชม
ตัวข้าสวามีมีแลว้ แต่แคลว้ คลาดร้างห่างสม
อาภพั อบั โชคโศกกรม รันทมทุกขท์ ำยำยี
ไม่สมคั รรกั ท้าวเจ้าหลา้ มงุ่ หนา้ เปน็ นติ ย์คดิ หนี

รกั ขา้ ๆ ไม่ไยดี เทวีจงไว้ใจวาง
ชว่ ยตสู ปู่ ่าล่าหนี รบี ลีเ้ รว็ เดินเหินห่าง
เมตตาข้าเถดิ เปดิ ทาง ในกลางราตรนี เ้ี จียว
เวลาจำเพาะเหมาะแล้ว ขอแคลว้ คลาดไปไป่เหลียว
ชา้ นักจักฉาวกราวเกรยี ว คนื เดียวคืนนดี้ นี ัก ฯ

๏ เมือ่ นั้น องคพ์ ระมหษิ ีมศี ักดิ์
ยินคำพร่ำว่าน่ารัก แสงจักษุสองสอ่ งฟา้
ทรวดทรงนงเยาวเ์ พราพริ้ง ทุกสิง่ หมายเหมอื นเลื่อนหล้า
เกศแกม้ แชม่ ช่นื รืน่ ตา นาสาสวยสมกลมกลนื
ฉนหี้ รอื ทรงศกั ดิ์จกั แคลว้ คลาดแร้วความรกั หักขนื
ฟน่ั เฟือนเหมอื นไฟไหม้ฟืน ยากหนกั จักฟ้นื ฝนื ไฟ
อันความงามนางอยา่ งนี้ จกั มีใครหักรกั ได้
เหน็ นลิ นัยนายาใจ คลั่งไคลค้ อื บา้ สามานย์
เหมือนศรพระอนงคท์ รงแผลง จากแลง่ ทง้ั ห้ามาผลาญ
แมน้ พระภูมินทรป์ ิ่นปราณ ได้สราญเริงรมย์ชมนาง
ท้าวจะละเลยเฉยท้งิ ทกุ สงิ่ สารพดั ขดั ขวาง
บา้ นเมอื งเคืองข่นุ ว่นุ วาง จะรคางใจเคืองเครอ่ื งรอ้ น

ฝ่ายกูผพู้ ระมหษิ ี จักมีทุกขเ์ ถอื เหลือถอน
จำกจู ักกันบัน่ ทอน ตดั ตอนแตต่ น้ หนภยั ฯ

พระมหิษีตรสั ว่า
๏ อ้าเจ้าเยาวมาลยห์ วานถ้อย สาวนอ้ ยคอื พรรณจ์ ันทรไ์ ข

แยบอย่างทางธรรมนำใจ งามหทยั เทยี มความงามองค์
จักช่วยอวยทางอยา่ งว่า เดนิ ปา่ อยา่ เดินเพลินหลง
ไว้หวังตั้งใจใหต้ รง สงวนองค์สงวนสัตย์อัตรา ฯ
๏ ตรัสพลางนางกษตั รต์ รัสสงั่ กำนลั อันนั่งพร้อมหนา้
ลว้ นสนิทชิดใชใ้ กลต้ า วงิ่ หาเครอื่ งแตง่ แปลงวรรณ

ปลอมองค์นงเยาวเ์ คา้ ไพร่ พาให้รบี ลผ้ี ลีผลัน
ออกจากวงั ในไปพลนั สาวสวรรคห์ ลบหลีกปลกี ไป ฯ

๏ ปางพระภูเบศเกศรัฐ จอมกษัตรช์ ่ืนแชม่ แจม่ ใส
คอยฤกษเ์ บกิ บานดาลใจ จกั ใคร่สู่สมชมนาง
คดิ เขา้ เล้าโลมโฉมศรี พูดจาพาทีแผ้วถาง
นึกซอ้ มวาจาท่าทาง อางขนางไปไยใชค่ วร
อยุ๊ อยา่ หยกิ ซพี ีเ่ จ็บ คมเล็บใช่ซึง่ พงึ สรวล

นกึ จูบลบู คางนางนวล นึกข่วนนางขดี กรดี เกา
ยามดึกนึกซ้อมออมอุม้ ในจิตตค์ ิดจุมพติ เจ้า
นึกก่ายกายองค์นงเยาว์ นึกเดากำดดั อศั จรรย์ ฯ
๏ ครน้ั ทราบวา่ นางรา้ งหนี ภูมเี ฉยี วฉนุ หุนหนั
คลั่งคล้ายคชสหี ม์ มี นั วิ่งถลนั แลน่ บ้าฆ่าคน
สำเนยี งเวียงวังดังล่ม บ้างลม้ บ้างถลากาหล
อุตลุดสุดใจไพรพ่ ล แตกรน่ ล้มตายรายตา ฯ

•••••••••
๏ เมอ่ื นน้ั ยุพยงองค์กนกเรขา
หนอี อกนอกเมอื งเน่ืองมา ถงึ ป่านางย้ังนง่ั พกั
รนั ทมกรมใจใหญห่ ลวง สุดตวงเตม็ โอฆโศกสกั
เหนด็ เหนอ่ื ยเม่ือยองค์นงลักษณ์ กรรมสลกั ทรวงเรา้ เศร้าลน้
โศกลกึ นกึ ในใจนาง อา้ งว้างอารณั ย์ดน้ั ด้น
แม้นแอบแทบฐานบ้านคนฝงู ชนเดินดรู เู้ ค้า

จกั ตกคืนไปในวงั เนานงั่ หนา้ เปลย้ี เมียเจา้
ท้าวผัวปัวเปยี เคลียเคล้า ค่ำเช้าเชยชดิ ติดกรง
แมน้ ไม่คนื ไปในหตั ถ์ แหง่ กษตั รซ์ ึ่งใจใหลหลง
เหลือหลายชายอน่ื ดนื่ องค์อันทนงน้ำใจใครเ่ รา
เห็นแสงนยั นาหนา้ มดื เพาะพชื เสนหาบา้ เขลา
กระสนั พันพัวมวั เมา เหลอื เตา้ ไต่ลี้หนีมัน
หญิงงามยามร้างห่างผวั พึงกลวั ภยั ชายหมายม่นั
บกุ ไพรไคลคลาอารณั ย์ ไป่พรั่นสิงหส์ ัตวก์ ัดตน
๑๓๕ส่ำสหี ์หมเี สือเน้ือรา้ ยทงั้ หลายทใี่ นไพรสณฑ์
โดยมากหากหาญผลาญคน เพราะผลอาหารการกิน
ภัยชายร้ายยง่ิ สงิ ห์รา้ ย ทำลายเกียรต์หิ ญงิ ย่งิ ฉนิ

จำกอู ยูไ่ พรไต่ดิน สถู่ ่ินสหี ์เสอื เนอื้ ร้าย ฯ
๏ นางเสด็จเตร็จด้ันบ่นั บุก เหลา่ รกุ ข์ลว้ นหลากมากหลาย

วันคืนขนื องค์ทรงกาย ทกุ ข์มลายรกั ล้ำจำราญ
สงสารการเสวยเคยเอก รสอเนกนานาอาหาร
ยามยากตรากตรำรำคาญ ยงั ปราณอยปู่ ว่ นปรวนแปร

มันเผือกเลือกหามาได้ กไ็ มม่ รี สหมดแก้
ลำธารทเ่ี สวยเชยแด จอกแหนไหลหลากมากเจยี ว
ดงหนามคร้ามคร่นั มันเหลือ นางเม้อื มนั มองจอ้ งเกย่ี ว
เจบ็ เนือ้ เหลือขามหนามเรียว ลดเลีย้ วกดี กั้นมรรคา
หนามเชือดเหลดื ไหลใสแสง คือแดงทับทมิ จ้มิ หญ้า

อสั สพุ ุหล่นบนคา คือวา่ เพช็ ร์แพรวแววพราย
ทรมาทารกำลำบาก แสนยากยามรา้ งหา่ งหาย
พลัดพรากจากผวั ตวั ตาย จกั สลายชพี สลัดตัดลง
เดินปา่ มาเดยี วเปล่ยี วแสนคับแคน้ ขนุ่ เขญ็ เป็นผง

ครัง้ นี้ชวี ติ ปลิดปลง ไปท่ นงว่ามีชวี ะ ฯ
๑๓๖๏ อา้ อโศกปราศโศกโชคชืน่ ยัง่ ยืนอย่สู ถติ อศิ ระ

เหลอื คเนเวลาวาระ วัฒนะอยู่ในไพรน้ี
ชอ่ ช้อยย้อยยวนชวนชน่ื เรงิ ร่นื รกุ ขมูลภลู ศรี
อยู่เปน็ หลักปา่ ตาปี เป็นทีร่ ม่ ร้อนผอ่ นทุกข์
๑๓๗อา้ ศรวี ีตโศกโบกบัตรคอื ฉตั รชเู ฉลมิ เสริมสขุ
ตโู ศกโรคเศร้าเร้ารกุ เคลา้ คลุกเคราะหก์ รรมลำเคญ็
จงอโศกศรไี พรไพศาล ชว่ ยสมานทกุ ขข์ า้ กลา้ เข็ญ
บอกแจ้งแหล่งทิศมิดเมน้ ซง่ึ เร้นซอ่ นตัวผัวตู
นา่ ทีศ่ รีอโศกโบกเศรา้ พฤกษเ์ ฒา่ จงแถลงแจ้งผลู
ปดั โบกโศกในใจตู จ่งึ สจู ักสมสมญา ฯ๑๓๘
อา้ พยัคฆ์ศกั ดก์ิ ล้าสามารถนา่ ขยาดยามโกรธโอษฐ์อา้
เข้มแขงแรงเรยี่ วเทีย่ วมา แยกเขี้ยวเค้ยี วขา้ สาใจ
โอม้ ฤคราชากล้าหาญ ถน่ิ ฐานคหู าอาศัย
เจนแผนแดนปา่ ราชัย ข้าไหวจ้ งบอกออกมา
วา่ พระอมรสหี ์มีศกั ด์ิ สำนกั อยู่ไหนในปา่
ชว่ ยข้าอยา่ เผดจ็ เม็ตตา กอบการุญตผู ้เู ม้ือ

แมน้ ไมใ่ ห้ทางอยา่ งวา่ กนิ ข้าเสยี เถดิ เลศิ เหลือ
โอก้ ูผปู้ ราศญาติเครือ บอกเสอื ๆ ไมไ่ ยดี

เชิญกินไปก่ ินผนิ หลีก ปลดปลกี ตวั หายหน่ายหนี
รังเกยี จเดยี ดฉันทนั ที บัดสีสุดแสนแค้นใจ
สตั วด์ ีมเี กียรต์ิเกลยี ดขา้ จำจิตต์คิดหาหมาไพร่

๑๓๙ชาติศวาสามานยพ์ าฬไพร คงไมป่ ลอ่ ยปละละลด
เชื้อชาตริ าชกลุ บญุ มาก ยามยากบาปตนุ้ บญุ หด

กรรมใหญไ่ ลท่ นั รนั ทด แสนสลดเหลือสลดั ปดั ทิง้ ฯ
๏ อ้าพญากาสรรอ้ นหนัก ลงปลกั ตีแปลงแหลง่ สงิ

นอนทกึ นึกเห็นเย็นจริง เกลอื กกลงิ้ กลางหลม่ จมโคลน
พาหนะพระยมสมยศ ปรากฎเกง่ กาจผาดโผน
ข้าทำกรรมอยาบบาปโยน โทษโพน้ เร็วลามตามรกุ
ถึงทช่ี วี ติ ปลิดปลด รนั ทดทกุ ขเ์ ถอื เหลอื ปลุก
ขอพึ่งซงึ่ มหิงสท์ ้ิงทกุ ข์ สูส่ ขุ ปรโลกโศกไร้
พาเฝ้าเจ้าแห่งแหลง่ หน้า พึง่ อารีท้าวด้าวใต๑้ ๔๐
จากโคลนโผนพาเขา้ ไป ไว ๆ บัดนด้ี นี ัก ฯ
๏ ควายยินผนิ หน้ามาเบง่ิ สูงเทิ่งยืนใหญ่ในปลัก

มจี ติ ต์บดิ เบือนเชือนชัก หันพักตรว์ ่งิ แล่นแสนเปรียว ฯ
๏ หลายวันด้ันเสดจ็ เตร็จเตร่ ร่อนเรไ่ ปในไพรเขียว

รำ่ ไหใ้ นดงองค์เดียว ลดเลยี้ วอารัณยจ์ ณั ฑึก
ยามหนาว ๆ เน้อื เหลอื หนาว พรอยพราวน้ำคา้ งกลางดกึ

วายุดนุ ักคักคึก หนาวลกึ ลงไปในทรวง
ยามรอ้ น ๆ เนอื้ เหลอื ร้อน ทนิ กรสอ่ งใสในสรวง
เผาแผดแดดเขม้ เตม็ ดวง เหมอื นล้วงในอกหมกไฟ
อดิ โรยโหยหิวผวิ เผือด คอื มดี กรีดเชือดเลือดไหล
เหนด็ เหนอื่ ยเม่อื ยเหน็บเจ็บใจ ทรามวัยทอดองคล์ งพัก
แทบรม่ ไมใ้ หญ่ใบรน่ื ทรงสอ้นื ไหม้หมกอกหกั
นัยนานองน้ำพร่ำพกั ตร์ นงลักษณซ์ บซ้อนอ่อนแรง ฯ
๏ จกั กลา่ วชาวปา่ ล่าสัตว์ เลาะลดั มรรคากล้าแขง
ดนิ แดนแผนใหญ่ไพรแวง เจนแจง้ ทกุ ก้าวราวพน
๑๔๑พวกภิลลห์ ินชาตกิ าจกลา้ มากหนา้ มใี นไพรสณฑ์
ถมึงทงึ ดึงดื้อถือตน เป็นคนเกง่ กล้ากวา่ ใคร
พากันดั้นพงดงคา เห็นหญา้ โลหิตตดิ ใหม่
ในจิตต์คดิ เดาเข้าใจ สัตวไ์ พรลำบากยากตน
ตามรอยโลหติ ทศิ น้ี จรลกี ลง้ิ เกลอื กเสือกสน
เจ็บหนกั จักดิ้นสนิ้ ชนม์ ในหนไม่หา่ งทางไป
คิดพลางตา่ งคนด้นมอง ยา่ งย่องแยกกันด้นั ไล่
ยนิ เสียงหญิงเศรา้ เรา้ ใจ รอ้ งไหแ้ ลเหน็ เขญ็ จริง
หลากในใจภลิ ลส์ ิน้ พดู แทตย์ทูษณ์แปลงร่างอย่างหญงิ
จกั ใกลใ้ จขามคร้ามจริง ตา่ งน่ิงแอบมองจอ้ งนาง
มามากดว้ ยกันพลันกลา้ วิ่งรา่ เขา้ ลอ่ มพร้อมขา้ ง
นงรามงามพบอยู่กลาง เหมอื นอย่างราหูจู่จันทร์

หนา้ ไพร่ใจดำต่ำช้า นึกน่ารงั เกยี จเดยี ดฉนั
ภาษาสุดต่ำคำมัน ฟังกนั ไป่เดาเข้าใจ

มนั น่ิงดนู างพลางคดิ ในจติ ต์มาดมง่ หลงใหล
ช่วั พ่อช่ัวแม่แต่ไร กไ็ ม่เหน็ นางอย่างนี้

อนั ความงามเพญ็ เปนพษิ ตอ่ ติดลามเลอ่ื นเหมือนฝี
ต่างแยกแตกสามัคคี ต่างมีมุง่ หมายรา้ ยกัน
ตา่ งคนสนใจใคร่นาง ต่างหมางใจเพ่ือนเฟอื นฟ่ัน
เกิดการรบราฆา่ ฟนั แยง่ กันอดุ ลดฉุดนาง
คนน้นั กั้นนางพลางยุด คนนเ้ี ขา้ ฉดุ อกี ขา้ ง
คนโนน้ โผนฟันบ่ันกลาง กีดขวางวนุ่ วง่ิ ชิงองค์
ฆา่ ฟนั กันตายวายวอด ม้วยมอดยบั ยุ่ยผยุ ผง
ยงิ แย่งแทงฟนั ลั่นดง เปลืองปลงชวี ิตปลิดไป ฯ
๏ ปางองคน์ งลกั ษณพ์ ักตร์เผือด เห็นเลอื ดเหลา่ ภลิ ล์รินไหล
บุ่มบา้ ฆ่ากนั บรรลัย อรไทยอกสน่ั ขวัญบิน
มันวงิ่ ชิงยดุ ฉุดคร่า บา้ งคว้าหตั ถพ์ ลางนางดนิ้
แทงฟนั กันลม้ จมดนิ ทั้งสิ้นเจ็บตายวายไป
ทรามวยั ได้ทหี นเี รน้ มดิ เมน้ ในปา่ อาศัย
เหนื่อยหนกั พักย้ังบังไม้ แลไปเห็นศพซบซอ้ น
แขนขาดขาขาดดาษป่า บา้ งฆา่ กนั มว้ ยดว้ ยศร
สดุ สิ้นภิลล์รา้ ยตายนอน บังอรเบาอกฟกองค์
ยับยอกชอกชำ้ ดำเขยี ว เจบ็ แสนแปลบเสียวเทยี่ วหลง

เวียนวนดน้ ไปในดง ยุพยงเหน็ดเหนอื่ ยเมือ่ ยลา้
นัยนาคลอคลองนองน้ำ ทกุ ขค์ ้ำขุ่นแคน้ แสนสา
ภัยภลิ ล์ส้ินแลว้ แคลว้ มา ภัยปา่ อน่ื ๆ ด่ืนดง

๏ ยามเย็นเหน็ หนองส่องใส มลไรแ้ ลสอาดปราศผง๑๔๒
ยุพยงทรงย้งั น่ังลง ลา้ งองคบ์ ังอรอ่อนกาย
สาวสวรรคบ์ รรธมลม้ หลับ อัจกรับคอื แขแลฉาย

แจม่ แจง้ แสงจนั ทรพ์ รรณพ์ ราย งามลมา้ ยรัศมสี ีคราม
โสมสอ่ งมองพักตร์รกั รปู ลอบจูบนางนอนหอ่ นขาม
ใช้แสงสอ่ งโลมโฉมงาม นงรามหลับใหลใต้พฤกษ์
สำ่ สหี ์หมเี สือเน้ือรา้ ย โคควายแรดชา้ งกวางถึก
หวงั หาอาหารธารทกึ บ้างนกึ ดืม่ น้ำลำนั้น
เหน็ นางนอนอยดู่ หู ลาก แสนอยากขบฆา่ อาสัญ
นึกว่าอาหารหวานมนั เขีย้ วคันใคร่เคยี้ วเสยี วใจ
พระศุลีมีคำดำรสั ห้ามสัตว์ ๆ จำคำได้
ขืนคดิ ผิดอตั ถต์ รัสไว้ เกรงภัยศมั ภูรฤู้ ทธิ์
ส่ำสัตวจ์ ัตบุ าทชาติรา้ ย กล้ำกรายใกล้ ๆ ใครจ่ ติ ต์ -
จักล้มิ ชมิ กลืนยนื พศิ นางนทิ ร์แนห่ ลับกับพ้นื ฯ
๏ อันหนองน้ำใสในพน งามชลพราวไพรใช่อืน่

คือหนองส่องกว้างกลางคนื วานซืนอมรสิงห์นิ่งแล
นางแทตยท์ อดกรฟอ้ นเล่น งามเช่นสาวฟา้ หนา้ แข

นงเยาว์เยา้ ยวนกวนแด รงั แกเล่หก์ ลทน้ ทกึ ฯ

๏ คนื นีน้ างอสรู ภลู ศรี จรลีแลงามยามดกึ
ถงึ หนองนำ้ ใสไหลลกึ หมายนกึ มาเลน่ เชน่ เคย
เหน็ นางหนง่ึ นอนออ่ นนกั พิศพกั ตรเ์ พราสรรพหลับเฉย
แปลกมากหลากใจใครเลยมาเกยกายอ่อนนอนดนิ

บรรเจิดเลศิ หลา้ หน้าพริม้ จิ้มลมิ้ แลพรงิ้ ยงิ่ สิน้
ชอื่ เรียงเสียงไรใคร่ยิน ศศพินทุ์พรากฟ้ามาไพร
เนตรหลบั นงรามงามปลม้ื เนตรลมื จกั เปน็ เช่นไหน
จบั นางพลางสั่นทนั ใด อรไทยผู้หลับกลบั ฟน้ื ฯ
๏ โฉมยงองคก์ นกเรขา ผุดผวาองคส์ น่ั พลันตื่น
๑๔๓ทรามวัยไทตยามายนื กลางคืนแลงามยามเพ็ญ
ตา่ งนางตา่ งคิดพิศวง งามทรงยง่ิ ใครไดเ้ หน็
ทกุ สว่ นยวนใจไมเ่ วน้ คือเคน้ เอาความงามไว้ ฯ

นางแทตยก์ ลา่ ววา่
๏ ดูรานารมี ีลกั ษณ์ ผวิ พกั ตรผ์ ุดผ่องสอ่ งใส

เนตรงามครามซึง้ ถงึ ใจ คือไขส่ องแขแลมา
โฉมงามนามใดใครแ่ จง้ หลกั แหล่งบ้านเมอื งเล่อื งหล้า

กุลกษัตรช์ ดั แทแ้ นต่ า เดนิ ปา่ เหตุผลกลใด
ดงใหญ่ใชถ่ น่ิ มานษุ ยากสุดท่ีกล้ามาได้
นี่หนองของตูอยไู่ พร ทำไมมานอนผอ่ นพัก
พงไพรใชร่ ัตน์ปจั ถรณ์ เห็นห่อนงดงามตามศักดิ์
ผดิ ถิน่ ดนิ ดงนงลักษณ์ อยา่ สมคั รมาแย่งแขง่ กนั

กับตผู ู้ความงามลบ สามภพปราศผู้คู่ขัน
จงยง้ั ฟังคำสำคัญ มฉิ นนั้ ขดั ใจไม่ดี ฯ
นางกนกเรขาตรัสว่า

๏ ดรู านงเยาว์เพราพักตร์ ทรงลกั ษณส์ ทุ ธใ์ิ สไขศรี
ข้าหรอื คอื ราชนารี บตุ รจี อมกษัตรยิ ์ฉัตร์ฟ้า
มาเดยี วเทีย่ วเถินเดินทุ่ง มาดม่งุ หมายถามตามหา
สามมี แี ลว้ แคลว้ คลา พลัดหนา้ พรากกายหายไป
เธอได้ไปเดยี วเลยี้ วเลาะ สบื เสาะกรุงทองผอ่ งใส
ลำบากยากจนพน้ ใจ จวบในอารมณ์สมคดิ

ถงึ กนกนครตอนหนง่ึ แลว้ จ่ึงคนื วงั ดังจิตต์
พบกนั พลนั จากพรากทศิ จำตดิ ตามไปให้พบ
วันใดวันหน่งึ พึงหวงั จักตัง้ หนา้ คน้ จนสบ
โฉมตรูผขู้ า้ คารพ ทราบจบเจนแผนแดนไพร
ยอ่ มรู้ลทู่ างกลางยา่ น เชิญทา่ นบอกกลา่ วขา่ วไข
เหนือใต้ใกล้หา่ งทางใด ควรไปตามหาสามี ฯ
๏ นางแทตยย์ นิ นางพลางนึก รสู้ ึกขงึ้ เคยี ดเสยี ดสี

นี่หรอื คือวา่ นารี ซ่งึ มเี นตรคมผมงาม
ยงิ่ เกศเนตรกูผู้ยงิ่ กว่าหญิงทว่ั แคว้นแดนสาม๑๔๔
นอ้ ยหรือถือดีมีความ อยาบหยามโอหงั ต้งั ตวั

ได้เลน่ เหน็ กันวันนี้ อวดดื้อถอื ดีมผี ัว
เปน็ ไรเปน็ ไปไปก่ ลวั จกั หวั ฤาไหใ้ ครร่ ู้

นกึ พลางนางแทตย์แปรดแปร้น โลดแล่นแผดรอ้ งกอ้ งหู
แปรร่างอยา่ งยักษพ์ กั ตร์ชู โอษฐ์ข่อู า้ เขยี้ วเคี้ยวฟัน ฯ
นางแทตย์กลา่ วว่า
๏ น่แี นะ่ นางงามสามหล้า จักหาเปรียบเนอ้ื เหลือสรร
ข้ารใู้ จเจา้ เทา่ ทัน หมายม่นั มาลว่ งล้วงคอ
ต้ังหน้าหาผัวตัวเอก อภิเษกกันใหมไ่ ดห้ นอ
พบตัวผวั เมยี เคลียคลอ รปู ลออองค์เคยี งเรียงพกั ตร์
เมินเสียเถิดเจ้าเราบอก ใช่หลอกจงแจง้ แหล่งหลัก

ลูกสาวแทตย์ใหญ่นายยักษ์ แผศ่ ักด์สิ ำราญย่านนี้
ไม่ใหเ้ จ้าไปได้พน้ เวียนวนอยูใ่ นไพรนี่

ตรำตรากยากแค้นแสนดี จักทวที ุกขใ์ หญไ่ ลร่ อ้ น
อย่าเรง่ ละชพี รีบหนี อยู่น่ที นภยั ไปก่อน
ข้าชอบชมหนา้ อาวรณ์ ไฟฟอนคือทกุ ข์รกุ ราน ฯ
๏ ขบเขยี้ วเกรี้ยวพลางนางเยาะ หวั เราะก้องไพรไพศาล
เทีย่ วเหาะเสาะไปไป่นาน พบพานเพอื่ นปา่ หน้าลงิ ๑๔๕
คอื รากษสเฒา่ เจ้าเลศ แปลงเพศหลอกพระอมรสิงห์
เลา่ ความตามในใจจรงิ ว่าหญิงมานษุ สดุ งาม
คู่รักของชายร้ายกาจ บังอาจจว้ งจาบอยาบหยาม
ทา่ นจงตรงไปไลต่ าม ลวนลามลอ่ ลวงบ่วงกล
ทรมานฐานไหนไม่วา่ ให้ฆา่ ตัวในไพรสณฑ์
เรา้ รกุ ทกุ ข์ทับอับจน วายชนม์ลงเองเกรงไย ฯ

๏ มันยินนางบอกออกบถ รากษสยนิ ดีมไี หน
คดิ ไดใ้ ห้แสนแคน้ ใจ กูไซร้มันทำชำ้ นกั
ตดั ลน้ิ ช้นิ ใหญใ่ ช่เล่น กระเด็นออกไปไกลหนัก

พบหนา้ นารที ี่รกั จำจกั แก้แคน้ แทนคณุ
แต่การนี้ไซรใ้ ชง่ า่ ย อาจรา้ ยแรงเรี่ยวเฉยี วฉุน
แมน้ ถลำทำพลาดปราศบุญ คอื ตุ้นตวั กสู ูเ่ คราะห์
พระศุลมี ีคำกำชับ เราสดับรกู้ ันมัน่ เหมาะ
ตามใจให้ทำจำเพาะ เพียงเหลาะแหละหลอกหยอกเย้า

กจู ักชักใจให้บา้ แมน้ ฆ่าตัวนางช่างเจา้
ทรงชยั ไม่ห้ามปรามเรา อาจเย้ายั่วเลน่ เชน่ ใจ ฯ
๏ ตรึกพลนั มันรีบถีบถา มายาหมายหยอกหลอกใหญ่

เมียงมองช่องทางหวา่ งไม้ พอได้ทีทำยำยี ฯ
•••••••••

๏ เมอื่ นั้น นางกนกเรขามารศรี
ตกใจไทตยาพาที ยุวดอี กสน่ั ขวัญปลิว
นางแทตย์แผดเสียงเพียงสาย ฟา้ ฟาดปราศกายหายฉวิ
เหมอื นลมเรว็ ปัดพดั ร้วิ ล่วิ ๆ ลอยไปในฟา้
โฉมตรูอยเู่ ดยี วเปล่ยี วดง ยพุ ยงเยน็ ชดื มืดหนา้
กรงิ่ ภัยในพงสงกา ไทตยาโกรธเกลยี ดเคียดตู
เหตผุ ลกลใดไมท่ ราบ มันอยาบยิง่ เสอื เหลือสู้

โอ้อกเอย๋ กรรมทำกู เหลอื รเู้ หลือปลีกหลีกตวั
จักวายชวี ิตคิดแน่เว้นแตไ่ ดพ้ บสบผวั

ลำบากยากแคน้ แสนกลวั พนั พวั ทุกขภ์ ัยไลล่ อ้ ม
รว้ั ภัยใหญเ่ หลอื เบอื่ หลกี จกั ปลีกตวั เมื้อเหลอื อ้อม
จำเพาะเคราะห์กรรมจำยอม หวงั ถนอมชพี มนั่ ฉนั ใด ฯ
๏ แสนขยาดหวาดเสยี วเปลยี วเปลา่ นงเยาวช์ อกช้ำรำ่ ไห้

เวลาอาทิตย์อุทัย ทรามวยั หวิ โหยโรยรา
ขณะน้ันขวัญอนงคท์ รงรู้ มผี ู้แหวกชฎั ลดั ป่า
ใกลอ้ งค์นงเยาว์เขา้ มา นางถลาเรน้ องค์โพรงไม้
อกสั่นขวัญหนดี ฝี ่อ ใครหนอบกุ ฝ่าปา่ ใหญ่
พวกภิลลห์ ินชาตกิ าจไพร มาไลล่ วนลามตามตู
ฤาสัตวส์ ิงห์เสอื เนอ้ื ร้าย กลำ้ กรายมาไปในผลู
ยุพยงทรงเอยี งเมียงดู โฉมตรดู ีใจใดปาน ฯ
๏ เพราะพระสามลี ้ลี ัด บุกชฎั มาในไพรสาณฑ์
องอาจยาตราอาการ ห้าวหาญปราศความขามใคร
ทรงเคร่อื งเรอื งรองทองแกว้ เพริศแพร้วพลอยมุกด์สุกใส
กุมขรรค์ด้นั ดงพงไพร ไฉไลรูปลกั ษณศ์ ักดิ์ทรง
อรไทยใจปล้มื ลมื หมด ทกุ ขป์ ลดปราศไปใหลหลง
วิ่งเขา้ เคล้าสอดกอดองค์ โฉมยงซบเสือกเกลอื กพกั ตร์ ฯ
๏ โอพ้ ระภัดดากลา้ แกล้ว มาแลว้ หรือองค์ทรงศักด์ิ
จงอยคู่ ูค่ รองน้องรกั ปกปักษ์ปวงภยั ไปพ้น

นอ้ งเที่ยวเลยี้ วเลาะเสาะหา บุกปา่ เถ่อื นแถวแนวหน
ชอกช้ำลำบากยากตน ภัยคนภยั สตั ว์อตั รา
พบกันวันนดี้ นี ัก เพราะยักษก์ ายใหญ่ไลข่ ้า

พรรคเผา่ เหล่ารา้ ยหมายมา ต้ังหนา้ ทำรา้ ยกายนอ้ ง ฯ
๏ นางซบพกั ตรต์ รบั หลับเนตร ส้ินเหตุขุ่นเคอื งเคร่ืองข้อง
หมดทกุ ข์หมดกรรมจำจอง อย่สู องแสนเพลนิ เดินไพร ฯ
๏ ครหู่ นึง่ นางปล้มื ลมื เนตร สงั เวชหวีดส่ันหวนั่ ไหว

ผวั หายกลายกลบั วบั ไป ยักษใหญ่กำยำง้ำตัว
แอบอิงพิงผัวมัวเผลอ พดู เพ้อพร่ำไปใชผ่ ัว
ยักษ์หยอกกลอกตานา่ กลัว ย้ิมย่ัวแยกแสยะแพละโลม
โฉมยงองคส์ ัน่ งนั งก ในอกคือไฟไหมโ้ หม
กรีดกราดหวาดทุกข์รกุ โรม ถาโถมจากมันทันใด
องค์ส่ันขวัญหายร้ายยิง่ นางวงิ่ เร็วพลันมนั ไล่
หวดุ หวิดชิดนางกลางไพร ทรามวัยลม้ สลบซบลง ฯ

•••••••••
๏ เที่ยงคืนชืน่ ฉ่ำนำ้ คา้ ง กระจา่ งจันทร์แล้งแสงส่ง
สาวน้อยคอ่ ยฟื้นตน่ื องค์ ในดงนอนเดยี วเปลยี่ วแด

โอ้กูผหู้ ลาบบาปโทษ อยโู่ ดดดงร้างห่างแห
กรรมเกร้ยี วเคย่ี วเขญ็ เห็นแท้ จกั แก้เหลอื กู้ผลูทกุ ข์

ยามรงับหลับอยกู่ ูฝนั ยกั ษ์มันเข้าทำปลำ้ ปลกุ
หนีมัน ๆ ตามลามรกุ อุกหลุกไลก่ ง้ั รงั แก๑๔๖

ฝันหรอื ใช่ฝนั ตนั ตื้น ต่นื หรือใชต่ ่ืนไมแ่ น่
เดยี๋ วนีน้ ่ฝี ันผนั แปร หรอื ตื่นยนื แลเหล่าพฤกษ์

ความจริงกร่ิงจติ ตค์ ิดพรัน่ ใช่ฝนั ดอกกรู ู้สกึ
ตน่ื ๆ ขนื ใจไมน่ กึ ยง่ิ ตรกึ ย่ิงกรง่ิ ย่ิงลน้

จกั อยุดเกรงภัยในเถิน จักเดินเกรงภัยในหน
ริกรัวกลวั กรรมจำทน นริ มลย่องย่างหวา่ งไม้ ฯ
๏ งามจนั ทร์ด้ันฟ้ากลา้ แสง แขแขง่ รังสีศรใี ส
นางท่องชอ่ งทางกลางไพร อำไพเดือนเพ็ญเหน็ มด
เดินพลางนางชแงแ้ ลเหลยี ว แสนเสยี วใจซำ้ กำสรด
รำพงึ ถงึ องคท์ รงยศ ยงิ่ สลดจติ ต์หลาบบาปแรง
โฉบยงทรงแลแปรพักตร์ พลางชงกั แขงขนื ยืนแหยง
โนน่ ผัวหรือผัวตวั แปลง มาแสรง้ นอนนง่ิ พิงไม้
เหน็ หน้าสามีมีศกั ดิ์ นงลักษณย์ ่งิ ทรงสงสยั
ครำ่ คร่าผา้ เสอื้ เหลือใจ จำไดท้ กุ อย่างนางนกึ
นงลักษณ์อักอ่วนป่วนจิตต์สุดคดิ สุดข้องตรองตรกึ
แสนพรัน่ นัน่ ใครใตพ้ ฤกษ์ ลำ้ ลกึ เลศหลากยากลว้ น
ผวั หรือใช่ผวั กลัวนัก ยกั ษห์ รอื ใช่ยกั ษอ์ ักอว่ น

แกวง่ ไกวในแดแปรปรวน จกั ควรฉนั ใดใคร่รู้
ความใครพ่ น้ ภยั ไพรผอง ความใครค่ นื สองครองคู่

ความใครไ่ ร้เศร้าเนาภู ความใครไ่ ดส้ สู่ ขุ ซึ้ง
เหมือนเชือกสี่เกลียวเหนี่ยวรง้ั ลากบังอรไปใหถ้ ึง

ความกลัวความจำคำนงึ แยง่ ดงึ องค์นางห่างไว้
สาวสวรรคป์ ัน่ ปว่ นหวนเห เหลือคเนใจนางอยา่ งไหน
พิศพักตร์พระเผือดเลือดไร้ เหตุไฉนแน่น่ิงกริ่งนัก

ฤามาป่านานปานนี้ สิ้นชีพรีบลี้หนผี ลัก
จากไปใจชายหนา่ ยรกั ฤาภกั ดีจติ ตต์ ิดตาม
น่งิ นอนอ่อนใจใช่หลบั จกั จบั กริง่ จติ ต์คิดขาม-
ยักษ์ใหญ่มายาบ้ากาม นงรามเรรวนปว่ นคดิ ฯ
๏ เม่ือนัน้ สามมี ีเดช ลืมเนตรเหน็ นวลยวนจิตต์
ลกุ ทลึ่งถึงเยาว์เขา้ ชดิ พระพิศพกั ตรน์ างพางกลืน
โฉมยงองคส์ น่ั งนั งก แสนสทกสท้อนใจใฝฝ่ นื
เธอโอบองคพ์ ลางนางยนื ใจตื้นเต็มทรงสงกา ฯ
๏ พระวา่ อา้ เจ้าเพราพักตร์ ยอดรกั ผู้ร่วมใจข้า
กรรมซัดพลดั พรากจากมาเดนิ ป่าเสาะถามตามกนั

สิน้ รักชีวิตคิดไว้ ว่าใกลเ้ วลาอาสัญ
แสนยากหากบญุ หนนุ ทัน จากวันน้ีไปไร้ทกุ ข์
แต่ไฉนโฉมยงทรงนิง่ เหมือนกริง่ เกรงขามความสขุ
เรามาพากนั ด้ันรกุ ข์ บ่ายมขุ สเู่ มอื งเรืองยศ ฯ
๏ อา้ พระผัวขวญั ครรชิต ทรงฤทธล์ิ อื ชาปรากฎ
น้องไซร้ใชจ่ ิตต์คิดคด หากสยดสยองในใจนัก

ภมู นี ีเ้ หน็ เชน่ ผวั แตก่ ลัวใช่องค์ทรงศกั ด์ิ
แน่หรอื คอื ตวั ผวั รกั ใชย่ กั ษ์จำแลงแปลงล้อ ฯ

๏ เธอว่าอ้าน้องของพี่ มารศรีตรัสหลากมากหนอ
นงเยาวเ์ จา้ ยง้ั ร้ังรอ เพราะขอ้ ขนุ่ ช้ำกำบัง
จำพ่ีมไิ ดใ้ นดง โฉมยงลืมตามความหลัง
ใช่ว่าชา้ เหลอื เม่อื ครงั้ อยูย่ งั โรงคลั วนั โนน้
พบกนั พลนั นางรา้ งชพี เหมอื นรีบล้เี ลน่ เผ่นโผน

เข็ดหลาบบาปยำ่ กรรมโยน คอื โคน่ ภเู ขาเอาทบั
นางว่าอย่าครา้ มตามหา พีม่ าเหน่อื ยอ่อนนอนหลบั
พบนางอย่างคำกำชับ นางกลบั หดห่อท้อแท้ ฯ

๏ นางว่าอ้าองค์ทรงศกั ด์ิ นอ้ งรักกริ่งใจไม่แน่
กลัวภัยใจปว่ นปรวนแปร เดอื ดแดเพราะยกั ษ์ลกั ษณ์รา้ ย

แปลงเปน็ เช่นตัวผัวขา้ มายามันยุ่งมุ่งหมาย
ขา้ เขลาเข้าไปใกลก้ าย เจยี นสลายเพราะหลงงงงวย ฯ
๏ อา้ เจา้ เสาวภาคจากหล้า นอ้ งอย่ามวั เมนิ เขนิ ขวย

เหย้ี มโรคโศกใจใกล้ม้วย จงึ่ ช่วยให้เห็นเป็นไป
ยักษ์ใหญไ่ หนเลา่ เจ้าเอ๋ย ทรามเชยอยา่ ทรงสงสัย
คนไข้ใจเผลอเพ้อไป ฉนั ใดนางเปน็ เชน่ นั้น
บุกปา่ ฝา่ ภัยไพรกวา้ ง เหตุรา้ ยหลายอย่างนางฝัน
อย่าทอ้ หนอเจา้ เพราจันทร์ ลืมมนั ใหห้ มดปลดทุกข์

พบกนั วันน้ดี แี ล้ว จกั แคลว้ คลาดเศร้าเนาสขุ
งามเพลนิ เดินร่มชมรกุ ข์ ความสนุกในปา่ นา่ คดิ
ยามพรากจากไปใจเศร้า พบเจา้ ใจช่นื ร่ืนจติ ต์

ทรามเชยเงยพักตร์สักนดิ จุมพติ พอใหใ้ จชื้น ฯ
๏ โฉมตรูชูพักตรจ์ กั จบู เห็นรปู ผวั หายกลายอ่นื
ยกั ษใ์ หญก่ ำยำงำ้ ยนื มันยนื่ ปากอ้าหานาง
หน้าตาน่ากลัวตัวขน สองทนตโ์ ง้งงอกออกข้าง
นางกรดี หวีดร้องก้องพลาง ลม้ กลางไพรพลนั ทนั ที ฯ
๏ ยพุ ยงองคอ์ ่อนซ้อนซบ นอนสลบเหมอื นหลบั กบั ที่

จนลว่ งเวลาราตรี สุรยิ ศ์ รสี ่องใสไขฟ้า
แสงสวา่ งนางฟนื้ ตืน่ ขน้ึ เศยี รมนึ พกั ตร์มดื ชืดหน้า
ชอกช้ำกำลังวังชา นอนป่านกึ ปลดหมดปราณ
ใครล่ ุก ๆ ขน้ึ มนึ เศยี ร จกั เพยี รเหลือจกั หกั หาญ
องคเ์ ย็นเชน่ นำ้ ลำธาร นอนนานจนแดดแผดรอ้ น

กำลงั ยงั มีมาบ้าง โฉมนางลกุ นง่ั ยงั ออ่ น
นอ้ ย ๆ ค่อยทรงองคอ์ ร บทจรชา้ ๆ คลาไคล
บาทนางพานางยา่ งเต้า จิตตเ์ จา้ ไปค่ ดิ ทศิ ไหน
จักไปไมห่ ้ามตามใจ ยอมให้สองบาทยาตรพ์ า
ไปถึงซึ่งหนองหมองนกั นงลักษณ์เยีย่ มนำ้ ชำ้ หน้า
เหน็ เงาเศร้าเหลือเบ่อื ตา เหมอื นบา้ ซีดซูบรูปตน ฯ
๏ โอ้อกกเู อยเคยสขุ สบทกุ ข์ทีใ่ นไพรสณฑ์

เวลาอาภัพอับจนเพราะผลกรรมเกา่ เรา้ รุก
จกั หนีทีไ่ หนไมพ่ ้น เหลือด้นเหลอื ด้ันบน่ั บุก
ในยคุ ทุกข์ยอมตรอมทกุ ข์ ความสขุ โลกใหมใ่ กลแ้ ลว้

ควรกูอยูน่ ่ีดีกว่า เปน็ อาหารเสอื เชื้อแกล้ว
อยูน่ อี่ ยู่ไหนไมแ่ คล้ว จกั แผว้ พน้ ภยั ไปม่ ี
ผเี สอ้ื เสือสีหม์ ีหมด รากษสแทตยท์ ษู ณ์ภตู ผี
เก่งกาจอาจทำยำยี บ้างมีมายาน่ากลวั
ทำเล่หเ์ สแสรง้ แปลงรูป เศรา้ ซูบท่าทางอยา่ งผวั
ลวงเราเขา้ ไปใกล้ตวั กมู ัวมนึ ไปไมค่ ิด
ล่อใจให้ปล้มื ลมื เศรา้ แลว้ เข้าขดี ลว้ งดวงจิตต์
โอก้ ผู กู้ รรมนำทศิ ความผดิ ชาตกิ ่อนรอ้ นรกุ
ชาตนิ ี้ทกุ ขยากมากลน้ ทานทนไปไยใชส่ ุข
จกั ด้นั รันทมลม้ ลุก เพิม่ ทุกข์ทำไมใ่ ช่ดี

กำลังวงั ชาหาไม่ เหน็ ใกลซ้ ง่ึ เบือ้ งเมอื งผี
ลำบากยากเขญ็ เช่นนี้ จกั มีชีพไวไ้ ยกู ฯ
๏ โฉมยงทรงรำกำสรด แสนสลดโศกสงิ ยิ่งสู้
โหยหวนครวญครางกลางภู คืออยู่กองเพลิงเรงิ เร้า
แดดเที่ยงเบย่ี งผ่อนรอ้ นหาย แดดบา่ ยเบีย่ งถอยน้อยเขา้
สายณั ห์พลนั องคน์ งเยาว์ ยิ่งเร้ารมุ อกหมกไฟ
แรงโรยโหยหวนครวญหา นยั นานองนำ้ คร่ำไห้
เหน่ือยออ่ นนอนเศรา้ เปล่าใจ หลบั ใหลอยู่ดงองค์เดยี ว

ฝันว่าสามีลล้ี ดั บกุ ชฎั มาในไพรเขียว
อรไทยใจสั่นขวัญเปรยี ว แสนเสียวอกอนาถหวาดจรงิ

ตืน่ เขม้นเห็นผวั กลวั หนกั นงลักษณผ์ นั ผละจะว่ิง

พบผวั ขวางหน้าทา่ พรง้ิ ยืนนง่ิ หนา้ พร้ิมยิ้มลอ้
หันซ้ายพบผัวตวั กล้า หนั ขวาพบผวั หวั ร่อ
ซ้ายขวาหนา้ หลังนั่งรอ ยนื กล้ออย่กู ลางทางดง
บ้างแข่งแซงแซกแหวกสู่ บา้ งจู่มาใกล้ไล่ส่ง
อมรสงิ ห์วงิ่ ไขว่หลายองค์ โฉมยงกายสัน่ งันงก
หลบซ้ายยา้ ยขวาหาท่ี หลีกล้ีวิง่ วนุ่ มุน่ หมก
เหน่ือยหนีผปี ่าลามก นางยกสองหตั ถ์อดั กรรณ
หลบั เนตรวิง่ ไปในป่า เป็นบ้าเพราะใจไหวหว่นั
ล้มลุกคลกุ คลานนานครัน พระจรติ ผิดผันฟน่ั เฟือน ฯ

•••••••••
๏ ปางพระอมรสีห์มีศกั ดิ์ สำนักในแถวแนวเถือ่ น
รม่ ไม้ไพรกวา้ งต่างเรือน แม่นเหมอื นคนปา่ สามานย์
ตัง้ หนา้ หาน้องทอ่ งโลก ถกู โฉลกรา้ ยหลาบบาปผลาญ
ดัน้ รกุ ขบ์ กุ ชฎั ลัดนาน ไป่พานพบนางกลางพน
เหน็ดเหนอื่ ยเมอ่ื ยเปลีย้ เพลียสดุ เธออยุดย้ังในไพรสณฑ์

เอนองคล์ งนอนผ่อนตน มณฑลรม่ ไม้ศยั ยา
หลับพลนั ฝันเห็นเพญ็ มาศ ปราสาทยอดเย่ยี มเทียมผา

ก่ำทองก่องถว้ นชวนตา นัศนาเนอื งนัยในเวยี ง
แลหานาครหอ่ นเหน็ เยอื กเย็นหิมะหยาดปราศเสยี ง
เขา้ ใกล้ไปปองมองเมยี ง เหลยี วเฉวยี งแลสดำรำ่ คน้ ๑๔๗

เสดจ็ ทอดทศั นาปราสาท ยพุ ราชเดนิ เดียวเทยี่ วดน้

งามทวารบานคำอำพน ซุ้มปพาฬกาญจนพ์ ้นอำไพ
อฑั ฒจนั ทร์คือจนั ทรพ์ รรณ์แพร้ว สกาวแกว้ แกมทองส่องใส

ดูสดมภช์ มเดนิ เพลินใจ พนื้ อไุ รรับผนงั ฝงั นลิ
เพดานพิสดารกาญจนแ์ กว้ ดารกิ าภาแพร้วเพริศสน้ิ

ทกุ หอ้ งออ่ งโอ่โศภนิ ย่ิงถวิลยง่ิ พวงสงกา
รเมียรมองห้องกลางกว้างใหญ่ หฤทยั รญั จวนหวนหา
เหน็ อาสนม์ าศเอี่ยมเย่ยี มตา อาภาพรรณม์ ณีมีนพ
เหนอื แท่นแผน่ กนกปกลาด กลางอาสนส์ ำอางวางศพ

พระคนึงทัศนาปรารภ มาพบทรากใครในน้ี
เปิดผ้าผืนกนกปกหนา้ เห็นกนกเรขาไขศรี
หลากจิตตพ์ ิศหนา้ นารี เทวแี ลบลน้ิ ปลน้ิ ยาว
๑๔๘เปลย่ี นเหน็ เปนไวราคี เสยี งม่ีมนั หวั ยว่ั หยาว
แล่นโดดโลดเลีย้ วเกรียวกราว ในราวอารัณย์จันฑกึ
ยุพราชหวาดฟื้นต่นื ขึน้ เสียงครนึ เครงไพรในดกึ
ออื้ ฉาวกราวกรหู มู่พฤกษ์ อกึ ทึกเย้ยยั่วหัวเราะ ฯ
๏ ลกุ ถลันผนั แปรแลเนตร สังเกตเห็นหญงิ วิ่งเหยาะ
เวียนวงพงชัฎลดั เลาะ มน่ั เหมาะรปู นางอย่างน้อง
แมน่ ยำจำได้ไมผ่ ิด เพง่ พศิ โฉมเจา้ เศรา้ หมอง
สงสารกานดาหนา้ นอง คร่ำคลองอสั สุพลุ ง
พระจู่สนู่ างพลางขาน เยาวมาลยอ์ ยา่ กร่งิ วงิ่ หลง

อย่นู ี่พ่ีมาหาองค์ บุกพงพบกนั วันน้ี ฯ

๏ เมอื่ น้ันนางสั่นงันงก หว่ันอกตกใจใฝห่ นี
โฉมยงหลงวา่ สามี คือผีเพศแสรง้ แปลงมา

หลบองค์ทรงผนั ดั้นหนี วงิ่ รี่เรว็ ไปในป่า
ปางพระยุพราชชาตฟิ ้า ทศั นานางลหี้ นไี ป
แสนฉงนสนเทห่ ์เล่ห์นี้ จักมเี หตุการฐานไหน
ทรงฤทธต์ิ ดิ ตามทรามวัย ทใ่ี นแนวป่าอารัณย์ ฯ
๏ ฝา่ ยองคน์ งพนิ ท์ุส้ินท่า ในจิตตค์ ิดว่าอาสญั
เหยยี บหล่มลม้ องคล์ งพลัน สาวสวรรคเ์ ดือดดิ้นส้ินแรง ฯ
๏ ขณะน้ันเสือใหญใ่ จร้าย รา่ งกายกำยำกล้ำแขง
จากซ้มุ พมุ่ ไม้ไพรแวง สำแดงเดชโผนโจนมา
ครอ่ มองค์นงลกั ษณจ์ ักเค้ยี ว แสนเสียวใจนางกลางปา่
เข้ยี วเค้นเหน็ ได้ไม่ช้า กานดาจกั ปลดหมดปราณ ฯ
๏ ปางพระอมรสงิ ห์วิ่งสู่ เข้าสูเ้ สือร้ายหมายผลาญ
ทรงขรรคฟ์ ันฟอนรอนราน ประหารเสอื ใหญ่ในดง ฯ
๏ แต่เสอื นัน้ ไซร้ใชเ่ สอื พระเชอื่ มายาพาหลง
เสือเงาเขา้ ครอ่ มห้อมองค์ เธอทรงแสงขรรค์ฟันเงา
ตอ้ งองคน์ งเยาว์เขา้ เหมาะจำเพาะถูกถนดั ตดั เกลา้
นงเพญ็ เปนทอ่ นนอนเนา หน้าเพราในไพรไร้ปราณ ฯ
๏ อมรสิงหน์ ิ่งตล่ิงขึงแขง สน้ิ แรงกำสรดหมดหาญ
กล้งิ เกลือกเสือกลม้ ซมซาน ไป่นานนิ่งแนแ่ ปรไป ฯ

•••••••••

๏ เมอ่ื นั้น นางอนศุ ยินศี รีใส
สิ้นสาปบาปกรรมทำไว้ ทีใ่ นชาตกิ ่อนรอ้ นเร้า
ลอยเล่อื นเหมอื นพรากจากฝัน สาวสวรรค์เปลอ้ื งปลดหมดเศร้า
ปลาบปลื้มลมื เนตรนงเยาว์ พลางเข้าปลุกพญาสามี ฯ๑๔๙
๏ สององคท์ รงจำคำสาป ขุ่นแคน้ แสนหลาบบาปก้ี
สิ้นสาปซาบสน้ิ ยินดี เหาะล้สี ู่แหลง่ แห่งฟา้ ฯ

จบภาค ๒ ในนทิ านเรอ่ื งกนกนคร
๓๔. “แกลว้ กลา้ มหารถฤทธ”ี . “มหารถ” คำนีแ้ ปลวา่ ทหารใหญ่ มคี าถาว่า

เอโก ทศ สหสรฺ าณิ โยธเยทฺยสฺตุ ธนวฺ ินำ
ศสฺตรศาสตฺ รปรฺ วิณศจฺ วชิ ฺญยะ ส มหารถะ

ความวา่ ผ้รู อบรใู้ นเชงิ อาวุธ คนเดียวอาจสูท้ หารธนูได้ถึงหม่ืนคนนนั้ ท่านวา่ เปนมหารถ

อ ๓๕. “ขคราชเริงแรงแขงขร”. “ขค” แปลว่านก (ไปในฟ้า) “ขคราช” คือครฑุ ผู้เปนพญานก.

อ ๓๖. “อรุ งคฤ์ ทธล์ิ ำ้ กำธร”. “อุรงค”์ แปลว่านาค งกู เ็ รยี ก (แปลว่าไปดว้ ยอก).

อ ๓๗. “มีมิ่งหมายเหมือนเคลอื่ นไหว”. “มง่ิ ” ศัพท์นีใ้ ชใ้ นทน่ี ตี้ ามความเดมิ ซ่งึ แปลวา่ ชวี ิต.

อ ๓๘. “พระดนัยดนยาหาไม่”. “ดนย” แปลวา่ ลูกชาย “ดนยา” แปลวา่ ลกู หญงิ .

อ ๓๙. “รอยกรรมทำไวใ้ นบรรพ์”. “บรรพ” ศพั ท์นห้ี นงั สือไทยใช้มาก ในความวา่ “กอ่ น” เชน่ “บรรพบรุ ษุ ” เปน
ตน้ พจนานกุ รมกลา่ ววา่ เปนคำแผลงมาจากสํสกฤตปุรวฺ ซึ่งน่าจะเห็นว่า “แผลง” มาก.

อ ๔๐. “ไร้บตุ รสุดบาปปลาบจติ ต์”. ลัทธิพราหมณ์ถอื ว่าความไม่มีบุตรนน้ั บาป จะตอ้ งรับทกุ ข์ในภายหน้า เพราะ
เมื่อตายไปแลว้ แลยงั เปนเปรตอย่นู น้ั ต้องมีลูกเปนผเู้ สน้ ดว้ ยก้อนเขา้ บิณฑเ์ ฉพาะตวั ผู้ตายจงึ จะไดร้ บั ผลเตม็ ท่ี คน
อื่นทำไมไ่ ด้เหมอื นลกู . ครน้ั เมอื่ พ้นวิสยั แหง่ เปรตไปเปนปติ ฤแล้ว ถ้าไมม่ ลี กู หลานของตนเองเปนผเู้ สน้ กย็ ังได้ความ
เดือดร้อนเหมือนกัน แตค่ อ่ ยยงั ช่ัว เพราะเคร่ืองเสน้ ซ่ึงลกู หลานในเครอื ญาตเิ ดียวกันบชู าส่งไปนัน้ พวกปิตฤกิน
ดว้ ยกันได้ ถงึ ไมม่ ีลกู หลานของตนเอง ก็พออาศัยผูอ้ น่ื ในเครอื ญาติเดยี วกนั ได้ เปนอันไมอ่ ด แต่เปรตนัน้ ต้องได้รบั
เส้นจากลกู หลานเฉพาะตัว มฉิ น้ันต้องอด.

อนงึ่ มีคำกลา่ วไวใ้ นมนูธรรมศาสตร์ (๙.๑๓๘) ว่า เพราะลูกคุ้มพอ่ มใิ ห้ตกนรกขุมทชี่ ่ือปุต พระสวยํภู จึงทรงเรยี กลกู
ว่า “บุตร” อนั ท่จี ริงเราท่านนา่ เช่ือวา่ นรกขมุ ท่ชี ่ือปุตฺนัน้ มผี ู้ “ประดษิ ฐ์” ขึน้ เพ่อื จะแปลคำว่า “บตุ ร” เท่านัน้ เอง.

อ ๔๑. “เพญ็ ชุณหแจม่ วงทรงกลด”. “ชณุ ห”์ แปลว่าพระจันทร์.

อ ๔๒. “นางคลอดชาดาลาวณั ย์”. “ชาดา” แปลวา่ ลกู หญงิ .

อ ๔๓. “เหน็ ราชทาริกานารี” “ทาริกา” แปลวา่ เดก็ หญิง.

อ ๔๔. “หอมหรรษเ์ หมจิตตพ์ สิ มยั ”. “พสิ มยั ” คำนเ้ี ปนคำสสํ กฤต “วิสมฺ ย” ภาษาบาลีเปนวิมฺหโย แปลวา่ แปลกใจ
แตใ่ ช้ว่า “รกั ” กนั มาก.

อ ๔๕. “ควรจำธรรมดานาไร่”. แขกมักจะเปรยี บหญิงกับไรนา เพราะหญงิ เปนที่เกดิ แหง่ พืชคน ดังซงึ่ ไรน่ าเปนที่
เกดิ แหง่ พชื ขา้ ว.

อ ๔๖. “ชาดาดวงใจใชเ่ ฉา”. “เฉา” ในที่น้วี า่ เขลา วา่ โง.่

อ ๔๗. “ตรสั ใหห้ าราชพาลา”. “พาลา” แปลวา่ นางสาว.

อ ๔๘. “มธั ยมกลมเกลาเพราเพรศิ ”. “มธั ยม” ในทีน่ ี้แปลวา่ สเอว.

อ ๔๙. “มาตรแมน้ มีวรรณอนั เปน”. “มีวรรณ” คือมีชาตซิ ่งึ ฝรั่งเรยี กวา่ Caste.

อ ๕๐. “เกรงอมุ าบดีเดชติ ”. “อมุ าบด”ี แปลว่าผวั พระอุมา คือพระอิศวร.

อ ๕๑. “แจง้ เรอ่ื งเมืองมาศ”. “มาศ” แปลวา่ ทอง คำนห้ี นงั สอื อนันตวิภาคเอาไวใ้ นพวกคำเขมร สกดดว้ ย ศ. เมือ่
สอบดใู นภาษาเขมร (Bernard’s Dictionary) กม็ ี มาส แปลว่าทองจริง ๆ แตม่ ผี ูเ้ ห็นวา่ คำ ๆ นี้เปนภาษามลายกู ม็ ี
เพราะมลายกู เ็ รยี กทองว่ามาสเหมือนกัน แต่ปทานุกรมของกระทรวงศึกษาธิการแสดงวา่ ศพั ท์nน้เี ปนภาษาบาลี
แลสสํ กฤต มาโส แล มาษ (A particular Weight of gold. Apte.) อยา่ งไรจะถูกหรอื ถา้ หากจะถกู ดว้ ยกันทง้ั น้ันก็
ตาม กไ็ มม่ ีหลักซึง่ เห็นควรสกด ศ ได้ ข้าพเจา้ ไมท่ ราบว่าเหตุใดหนังสอื รนุ่ ก่อนจึงใช้ ศ แตเ่ ห็นสะดวกดกี ใ็ ช้บ้าง
เม่ือทา่ นเหน็ มาศ ทา่ นอาจเห็นวา่ สกดผิด แต่ทา่ นทราบวา่ แปลว่าทองเปนแน่.

อนงึ่ ในท่นี ้ีขอกล่าวเสียทีเดียวว่า ตัวสกดแลศพั ท์ในหนังสือนี้ใช้ตามท่ีเห็นสะดวกบอ่ ย ๆ คำที่ทราบแล้วว่าเหน็ กนั
โดยมากว่าใช้กันผดิ มาเดมิ ในหนงั สอื นก้ี ็ขนื ใชอ้ ย่างเกา่ เนือง ๆ ตอ่ ไปภายหนา้ ถ้าผแู้ ต่งเปลย่ี นความเหน็ อาจแกใ้ น
คราวพิมพต์ ่อไปกไ็ ด้ อันที่จรงิ อยา่ ว่าแต่ศัพท์แม้กลอนก็คงเปล่ียนบา้ ง.
อ ๕๒. “ยรรยงทรงลกั ษณ์รูป”ี . “รูปี” แปลว่ามีรปู งาม.
อ ๕๓. “ศตั รูศสั ตรหี นหี นา้ ”. “ศตั รศู สั ตร”ี คอื ศัตรูผถู้ ืออาวุธ (ศสั ตร = อาวุธ)
อ ๕๔. “คงยอทรามวยั ให้พลนั ”. “ยอ” แปลวา่ ยก.
อ ๕๕. “จกั สรรสมบุญสุณหา”. “สณุ หา” แปลว่าลูกสะใภ้.
อ ๕๖. “จกั ไมช่ ื่นชมรมณี”. “รมณี” แปลวา่ เมีย.
อ ๕๗. “คุมไว้ในพันทศิ์ าลา”. “พันท”ิ แปลว่านักโทษ “พันทศิ าลา” ท่ีขงั นกั โทษ.
อ ๕๘. “แถวเถินภธู รดอนดิน”. “ภธู ร” ในที่นีแ้ ปลวา่ ภูเขา (ดู อ. ๓๐).
อ ๕๙. “ทกุ ราษฎร์ลดเล้ยี วเที่ยวดู”. “ราษฎร”์ ในท่นี แ้ี ปลวา่ แวน่ แคว้น คำเดยี วกับรัฏฐ์.
๖๐. “มดื เชน่ ในถำ้ สงิ ขร”. “สิงขร” ท่จี ริงแปลวา่ ยอด แตเ่ ราใชแ้ ปลว่าภเู ขาเกือบเสมอ.

๖๑. “มากนักมากหนาทาหิน”. “ทาหิน” แปลวา่ ไหม้ วา่ ทำใหเ้ กดิ ทุกข์ ว่าทำใหเ้ ดือดร้อน.

๖๒. “อา้ วนัสถายีมีพรต”. “วนสั ถาย”ี แปลวา่ ฤษอี ยู่ปา่ .

๖๓. “ตขู ้าขอถามสามหน”. สามหน = สามทาง.

๖๔. “คอื เทวาลัยรมิ ฝั่ง”. “เทวาลยั ” แล “เทวาศยั ” แปลว่าทีอ่ ยแู่ ห่งเทวดา ในท่ีน้ี คือ ศาลเจ้า ศาลเทพารักษ์
หรือเทวสถาน.

๖๕. “กูคอื พระบรมพรหมี”. “พรหมี” เปนเพศหญงิ แหง่ ศพั ทพ์ รหม แปลว่าเมยี พระพรหม.

๖๖. “ปางศขิ นิ ยนิ คง้ั คาวถาม”. “ศิขิน” แล “ศขิ ี” แปลวา่ นกยงู .

๖๗. “พูดอย่างปฤษณาพาท”ี . “ปฤษณา” คำนต้ี ้งั ใจใช้ในความที่องั กฤษใชว้ า่ riddle นา่ จะเขยี น ปรัศนามากกว่า
เพราะคงจะเปนศพั ท์ท่ีแปลวา่ คำถาม นนั่ เอง.

๖๘. “เสกแสรง้ แกล้งจดั อัจฉรา”. นางฟา้ ประเภทที่เรยี กอัจฉรานี้ ดนู า่ เดือดร้อนที่ถูกใช้ลงมาเป็นเมียฤษคี ร่ำ
เครอะอยู่เสมอ ๆ สุดแตฤ่ ษีคนไหนบำเพ็ญพรตแก่กลา้ จนจะเปน็ ภยั แกเ่ ทวดาเมอื่ ใด นางฟา้ พวกนกี้ ถ็ ูกใช้ลงมา
ทำลายตบะด้วยวธิ ียวนกาม ถา้ สำเรจ็ ก็ต้องเป็นเมยี ฤษี ถา้ ไมส่ ำเร็จเพราะฤษบี างองคม์ ตี บะเช่ียวชาญเกนิ ที่จะ
ยว่ั ยวนให้สำเร็จได้ กย็ งั จะเสียชือ่ ว่าไมเ่ ก่งอีกชน้ั หนึง่ เล่า แตข่ ้อไดเ้ ปรยี บของนางฟ้ามอี ยู่ขอ้ หนึ่ง คือไม่ร้จู กั มีราคี
ถงึ หากจะมาเป็นเมียตาสกปรกจนท่ีสดุ มลี ูก กก็ ลับเป็นสาวบริสุทธ์ไิ ดอ้ ยเู่ สมอ.

ขอ้ ท่วี ่าฤษีบางคนบำเพญ็ พรตแกก่ ลา้ จนเป็นภยั แก่เทวดานนั้ เพราะเหตุว่าผลแห่งพรตนน้ั ทำให้ได้เป็นใหญ่ ถึงแยง่
ตำแหนง่ พระอินทร์กไ็ ด้ เหตฉุ นนั้ เทวดาจงึ ไม่ชอบใหฤ้ ษีทำตบะเคร่งครดั นัก ถ้าเห็นเชี่ยวชาญหนกั เขา้ กต็ ้องเพียร
ทำลายพธิ ี คอื ให้นางฟา้ มายวนกามเป็นต้น การทำตบะใหแ้ ก่กลา้ ชะรอยจะเปน็ ทางให้ไดน้ างฟ้าเปน็ เมยี จง่ึ มคี น
คนองกล่าวว่า ถา้ ใครอยากมีเมียเปน็ นางฟา้ ท่านว่าจงทำตบะ.

อ ๖๙. “ความดที ำไวไ้ ร้คณุ ”. ฤษีที่ทำตบะถา้ เกดิ เหตุเช่นนก้ี ็เสียผลแหง่ ตบะหมด ต้องตง้ั ต้นใหม.่

๗๐. “เวยี งไรโหญโตโศภติ ”. “เวยี งไร” แปลวา่ เมอื งทอง.

๗๑. “จึงเสดจ็ โดยแดแต่ดอย”. หมายความวา่ ไปดว้ ยใจ ไม่จำเป็นต้องไปดว้ ยตัว เปน็ ส่งิ ซึ่งพระผเู้ ป็นเจ้าทำได้.

๗๒. “ขอพ่ึงพระองค์ทรงตรี”. “ตรี” คือตรศี ูล อาวุธสามปลายแหลม ซง่ึ เป็นอาวธุ พระอิศวร. หนงั สือไทยเรียกตรี
ศูลวา่ ตรีบอ่ ย ๆ เชน่ ท่ีหณมุ านถอื ในเรือ่ งรามเกยี รตเ์ิ ป็นต้น.

๗๓. “แดเผดจ็ เสด็จลงคงคา”. ในทีน่ ี้ควรอธิบายไว้สกั หน่อยว่า แมน่ ำ้ คงคานั้นแขกฮินดูนบั ถอื วา่ เป็นแม่น้ำบุญ
เมอื่ ใครลงอาบก็ล้างบาปได้ เหตฉุ นนั้ รมิ ฝ่ังแม่น้ำคงคาจงึ เป็นท่ีซง่ึ บคุ คลพงึ ไปทำตบะ เมื่อตายศพก็ลอยนำ้ ไป หรือ
เมอ่ื มีผ้เู ผาแล้วก็เอากระดกู ทง้ิ ลงไป นบั วา่ เป็นบุญทง้ั น้นั .

๗๔. “รากษสเกรงฤทธ์ิหลีกหนี”. รากษสนัน้ อา่ นในหนงั สือสงั เกตว่ามีพวกดุเข้ารบเข้าฆา่ ซงึ่ ๆ หนา้ อยา่ งกลา้ ๆ
พวกหน่งึ อกี พวกหนึ่งไม่ใครส่ ซู้ ึง่ ๆ หน้า มกั จะลวงด้วยมายาต่าง ๆ ใหค้ นเสยี ทเี พล่ยี งพลำ้ กอ่ นจงึ เข้าทำรา้ ย มคี ำ
กล่าวว่าเวลาโพลเ้ พลเ้ ป็นเวลารากษสออกหากิน แขกจึงหา้ มกันวา่ ไม่ให้คนนอนหลบั เวลานั้น เพราะกลัววา่ ถา้
รากษสมาพบกำลงั หลบั กจ็ ะทำรา้ ยไดถ้ นัด การห้ามไม่ใหน้ อนหลับในเวลาโพล้ไพล้นั้น ไทยเรากย็ ังหา้ มอยู่จนบดั น้ี
แตไ่ มเ่ คยไดย้ ินคำอธบิ ายวา่ ทำไมจงึ หา้ ม จะเป็นด้วยแขกมาสอนไว้ใหก้ ลวั รากษส จนเดีย๋ วนี้เราเลิกกลัวรากษสแล้ว
แต่ยงั ไม่เลิกกลวั นอนเวลาโพล้เพล้ จงึ ไมม่ คี ำอธบิ าย กเ็ ป็นได้ หรอื ถ้ามีข้าพเจ้าไมเ่ คยไดย้ ิน.

ถา้ จะกลา่ วตามโปรเฟซเซอรเ์ ดาซัน รากษสมีสามจำพวก พวกหนงึ่ ทำนองเดียวกบั ยักษ์ คอื เป็นอสรู ชนดิ ไม่ดรุ า้ ย
ไม่ส้เู ปน็ ภัยแกใ่ ครนกั รากษสอีกจำพวกหนึง่ เปน็ ศตั รูของเทวดา แลจำพวกทส่ี ามเป็นพวกทเ่ี ท่ียวอยู่ตามป่าชา้
เที่ยวทำลายพธิ ีบูชา กวนคนจำพรต สงิ ทรากศพ กนิ คน แลทำการลามกเป็นภยั แกม่ นุษยด์ ว้ ยประการต่าง ๆ รา
วณะ คือทศกณั ฐ์เปนนายใหญข่ องรากษสจำพวกท่ีสามน้ี แต่บริวารของทศกัณฐ์ไมก่ ลา้ หาญเหมอื นนายเสมอไป ดงั
ซ่ึงรากษสในเรอื่ งนซี้ ่ึงกล่าวว่าไมส่ ูอ้ มรสิงหซ์ ง่ึ ๆ หน้าเป็นต้น.

๗๕. “ยุพราชยาตร์ไปในวัน”. “วนั ” (วนะ) แปลวา่ ป่า.

๗๖. “ช่วงโชตโิ รจนร์ ่วงทว่ งที”. รว่ ง คือ รงุ่

๗๗. “แห่งนางทติ สิ ริ ิสานต์”ิ . นางทิติองค์น้ีค่กู บั นางอทิติ เป็นบตุ รพี ระทักษะฤษปี ระชาบดดี ้วยกันท้งั สองนาง นาง
ทติ เิ ปน็ ต้นสกุลมเี ผา่ พนั ธุเ์ รยี กว่า ไทตยะ หรือแทตย์ (แปลวา่ เหลา่ กอนางทิต)ิ นางอทิตเิ ปน็ ตน้ สกลุ มีลกู หลาน
เรยี กวา่ พวกอาทติ ยะ (แปลว่าเหล่ากอนางอทติ ิ) พวกไทตยะเป็นอสรุ ะ พวกอาทติ ยะ เป็นสุระ คอื เทวดา.

๗๘. “อนั เจ้าเผ้าผ่องโศภิน”. “เผา้ ” แปลวา่ ผม.

๗๙. “แสนสง่างามศักด์นิ กั ษัตร์”. “นกั ษัตร”์ คอื ดาว

๘๐. “เกศหญงิ กลบกลวั้ ทัว่ องค”์ . “เกศ” แปลว่าผม.

๘๑. “เหมอื นบาศพระอนงค์ทรงคล้อง”. “บาคพระอนงค์” คอื บ่วงของพระกามเทพ.

๘๒. “อำนาจพระอนงคท์ รงยงั ”. “ทรงยงั ” คอื ทรงทำใหเ้ ปน็ ไป.

๘๓. “คอื คลงั ดนตรวี ีณา”. “วณี า” คอื พณิ .

๘๔. “อา้ ภมรออ่ นเขลาเบาราค”. “ภมร” แปลว่าแมลงภ.ู่

๘๕. “มธกุ รหยอ่ นในหน้าท”่ี . “มธกุ ร” แปลว่าแมลงภู่ วา่ ผ้งึ .

๘๖. “ภาวชะ:”. แปลว่า ความรัก เป็นชื่อกามเทพ แปลวา่ Produced in the heart ตามคำแปลของ Monier –
Williams.

๘๗. “ยวนยั่วใหม้ ธุปอุปถัมภ”์ . “มธุป” แปลว่าแมลงภู่ วา่ ผ้ึง

๘๘. “เล่ห์ลกึ ทกึ ใหญ่ไหลมา”. “ทกึ ” แปลวา่ นำ้ .

๘๙. “น้ำคือคงคามาหลง”. “คงคา” คอื แมน่ ้ำพระคงคา.

๙๐. “ตามเรอื่ งโบราณนานมา”. ตรงนกี้ ลา่ วถึงเร่อื งแม่น้ำพระคงคาลงมาจากสวรรคตกสู่พน้ื ดินโดยแรง จนเปนที่
วติ กวา่ โลกจะแตก พระอศิ วรจึงเอาพระเศียรเขา้ รบั ไว้ แมน่ ำ้ พระคงคาตกลงบนพระเศยี รพระอศิ วร เที่ยวหลง
วนเวียนอยู่ในพระเกศาชา้ นานจงึ ไหลเลยไปอ่ืนได้ (ดู อ. ๓)

๙๑. “บนั ดาลเปน็ เต่ามาช่วย”. ตรงน้กี ล่าวถงึ กรู ุมาวตาร คือปางเมอื่ พระนารายน์อวตารเปน็ เตา่ .

๙๒. “รำไพไขกลบลบดาว”. “รำไพ” คือพระอาทติ ย์.

๙๓. “ผาลำ้ เราเห็นเปน็ ศาล”. “ศาล” คอื ตนไม้ ตน้ รัง Shorea robusta.

๙๔. “เราไมร่ ใู้ จไทตยะ”. “ไทตยะ” คอื แทตย.์

๙๕. “จกั ซ้ำเติมได้ไป่ม”ี . มายาชนดิ ทนี่ างแทตย์แสดงหลอกอมรสิงห์นี้ กลา่ วกนั ว่าเป็นมายาที่ล่อให้เห็นไปเท่าน้ัน
ถ้าไม่กลวั แลว้ จะทำรา้ ยอะไรก็ไมไ่ ด้ เช่นหลอกให้เห็นเป็นน้ำทว่ ม ถ้าผถู้ ูกหลอกไมก่ ลวั แลไม่หนี น้ำก็ไมท่ ่วมจรงิ
หรือถ้าทำมายาใหเ้ ห็นเป็นเสอื จะเขา้ กดั ถ้าไม่กลวั แลไม่หนี เสอื ก็ไมก่ ัด เพราะเสอื ไม่มี มแี ต่มายาทีท่ ำใหเ้ หน็ เปน็
เสอื เทา่ นนั้ แต่ถา้ ผถู้ กู หลอกตกใจวิ่งหนี ก็อาจเกดิ อนั ตรายเพราะเหตุอื่น เชน่ หกลม้ หรอื “ดฝี อ่ ” เป็นตน้ ตามคำที่
เล่ากน่ ว่าผีหลอก กด็ ูเป็นทำนองอย่างนี้ ไมป่ รากฎในคำเล่าบอกวา่ ผีเข้าทำร้ายคนได้ เป็นแตห่ ลอกใหต้ กใจกลวั
เท่านั้น.
๙๖. “สระช่อื มานสะสระศร”ี . สระชอ่ื น้ี กล่าวว่าเป็นหนองบญุ อยบู่ นเขาไกลาส เป็นทเี่ กิดเดิมของหงส์ (คือห่าน
คอยาวเรยี วซง่ึ อังกฤษเรียก Swan) แลกล่าวกันวา่ หงส์ท้ังหลายยอมพากนั ไปยังสระน้ีทกุ ๆ ปใี นฤดไู ข่ หรือก่อน
ฤดูมรสุม.

๙๗. “เลา่ สู่บุตรทารหลานเหลน”. “ทาร” แปลว่าเมีย.
๙๘. “วา่ ยทึกนกึ สทกอกทกึ ”. “ทกึ ” มีความเปน็ ๒ นัย คอื (๑) คำเขมรแปลวา่ นำ้ (๒) อาการความเต้นเเห่งอก.

๙๙. “ปลาถกึ ทูลถามความไป”. “ถึก” เปน็ คำไทยเก่า. แปลวา่ ตวั ผู้ ใชส้ ำหรับสัตว์เท่านั้น เช่นมา้ ถึกแปลว่ามา้ ตวั ผู้
เปน็ ต้น.

๑๐๐. “ข้าหรอื คือพญามกระ”. “มกระ” เป็นชอ่ื สตั วน์ ำ้ บางชนิด คือปลาฉลามเป็นตน้ แลแปลเปน็ คำท่เี ราใช้ว่า
มังกรดว้ ย มกรเปน็ พาหนะของพระวรุณเจ้านำ้ .
๑๐๑. “เพราะพระวารุณีวัลลภะ”. “วารณุ วี ลั ลภะ” เป็นนามๆ หนง่ึ ของพระวรณุ .
๑๐๒. “เดชะพระมหากาละ”. “มหากาล” เป็นนาม ๆ หน่ึงของพระอศิ วร.
๑๐๓. “ภาระพระวิศวชติ ”. “วิศวชติ ” เป็นนามๆ หนึ่งของพระวรณุ .
๑๐๔. “มหาธาตแุ ถวถนนลน้ หลาม”. “มหาธาตุ” แปลว่าทองคำ.
๑๐๕. “ปราสาทชาตรูปจบู ฟ้า”. “ชาตรูป” แปลว่าทองคำ
๑๐๖. “สูงสงา่ เงอื้ มเย่ยี มเทียมนค”. “นค” แปลว่าภูเขา.
๑๐๗. “หิรัณยศ์ าลามาฬก”. “หิรัณย”์ แปลวา่ ทองคำ (นานๆ มแี ปลว่าเงนิ บ้าง).
๑๐๘. “สกาวแกว้ แกมทองสอ่ งใส”. “สกาว” คือขาว.
๑๐๙. “ดูสดมภช์ มเดินเพลนิ ใจ”. “สดมภ”์ แปลว่าเสา.

๑๑๐. “ดารกิ าภาแพร้วเพรศิ สน้ิ ”. “ดาริกา” คอื ดาว.

๑๑๑. “เสยี งตรังภ์ดังเย่ยี งเสยี งฆ้อง” “ตะรังค” แปลวา่ คลื่น.

๑๑๒. “อนั ผู้รู้เร่อื งเมืองไร”. “เมอื งไร” คอื เมืองทอง.

๑๑๓. “เหมือนขวงแค่นมานา่ แคน้ ”. “ขวง” แปลว่าผ.ี

๑๑๔. “ส่อแหลง่ แสนหลากสากษี”. “สากษ”ี แปลวา่ ผูเ้ หน็ ด้วยตา.

๑๑๕. “ต้องลลี้ าไปไกลองค”์ . จงสงั เกตว่า ลี้ลา เป็นคำ ๒ คำ คือ “ล้”ี กบั “ลา” ไมใ่ ชล่ ีลา.

๑๑๖. “นางคือเยาวเรศเนตรขำ”. “เยาวเรศ” คำนี้ปทานุกรมแปลวา่ “นาง” ลุ่นๆ แต่รปู ศัพทช์ อบกล

๑๑๗. “ยลแถงยามหงายฉายฟา้ ”. “แถง” คือพระจันทร.์

๑๑๘. “หาเดือนเพอ่ื นเถินเดินดิน”. “เดือน” คือพระจันทร.์
๑๑๙. “พระศลุ ีศรีมานฉานฉาย” “ศรมี าน” แปลวา่ มสี ิริ เป็นคำเรยี กพระอศิ วร พระนารายณ์ ทา้ วกเุ วร แลผเู้ ปน็
เจา้ เป็นใหญท่ วั่ ๆ ไป.

๑๒๐. “จวบขณะพระศวิ ะพระศิวา”. “ศิวา” เป็นเพศหญงิ แห่งศพั ท์ ศิวะเปน็ นามเรียกพระอมุ าในตำแหน่งที่เปน็
ชายาพระอศิ วร.

๑๒๑. “ฝากบรรพตผชู้ ูยศ”. เขาหิมาลัยนน้ั มนี ามวา่ ฤษีบรรพต เป็นชนกของพระอมุ า.

๑๒๒. “ปางปศุบดตี รีเนตร”. “ปศบุ ดี” แปลว่าเจา้ แห่งสตั ว์ เป็นนามพระอิศวร คำวา่ ภูตบดีอีกคำหนงึ่ แปลว่า
เจ้าแห่งภตู กเ็ ปน็ นามพระอิศวร เหมือนกนั พระอิศวรเปน็ เจา้ แห่งปศุแลเจ้าแหง่ ภูต จึงหา้ มไดอ้ ย่างในเรื่องนี.้

๑๒๓. “ตรัสพลางพระศลุ ีตรโี ลจน์”. “ตรีโลจน”์ แปลว่าสามเนตร.

๑๒๔. “จรจากฟากมหากานน”. “กานน” แปลวา่ ปา่ .

๑๒๕. “หน่ึงนางนกเล้ยี งเย่ียงม”ี . “นางนกเล้ียง” คอื นางศกนุ ตลา มเหสีท้าวทษุ ยันต มีเร่ืองว่าครัง้ หนง่ึ ฤษวี ศิ วา
มติ รทำตบะเช่ียวชาญจนรอ้ นถงึ พระอนิ ทร์ ๆ ใหน้ างอัจฉราลงมายวน ฤษหี ลงจนเสยี ตบะ นางมคี รรภ์คลอดลูกทง้ิ
ไวแ้ ล้วกลบั ไปสวรรค์ มีศกุนตะ (นก) มาเลย้ี งเดก็ ไว้ เด็กจงึ ไดช้ อ่ื ว่านางศกนุ ตลา แปลวา่ นางนกเลีย้ ง.

๑๒๖. “หนงึ่ ไวทรรภีศรีบูรณ”์ . “ไวทรรภ”ี แปลวา่ นางแหง่ กรงุ วทิ รรภ์ คอื นางทมยนั ตี ผเู้ ปนมเหสีพระนล.

๑๒๗. “ออกออ้ มเรอื ใหญไ่ ป่หึง”. “ไป่หึง” แปลวา่ ไมน่ าน.

๑๒๘. “เหีย้ มทุกขเ์ ทียมผามาพงิ ”. “เหี้ยม” แปลวา่ เหตุ.

๑๒๙. “ยศศกั ดิอ์ ัคคฐานนานเนียร”. “นานเนียร” หมายความวา่ ไม่มีมานาน (เนียร = นิร)

๑๓๐. “พบพานกานดาลาลด”. “ลาลด” แปลว่าลห้อย.

๑๓๑. “เล็งพักตร์ลักษณน์ างพางอินท์”ุ . “อนิ ทุ” แปลวา่ พระจันทร์.

๑๓๒. “กษตั รีอยเู่ ยา่ เนาเรือน”. “กษัตรี” แปลว่านางกษตั รยิ ์ ใจความตรงนมี้ ีอธบิ ายว่าคนในตระกลู พอ่ ค้ามวี รรณ
ต่ำ จะกำเรบิ เอานางกษัตริยซ์ ึ่งเปนคนวรรณสูงไปเลี้ยงไว้ในเรือนนน้ั ผิดแบบแผนประเพณตี ลอดถงึ พระเวท นบั ว่า
เปน็ บาป.

๑๓๓. “เหมอื นเอาไยบัทมม์ ดั ช้าง”. “ไยบัทม”์ แปลว่าไยบัว.

๑๓๔. “ใครแ่ ฉละอกเล่นเชน่ หมู”. เมอื่ กำลังแตง่ กลอนนี้ ในเวลาอ่านทวนได้มีผู้ทักวา่ เร่ืองน้กี ล่าววา่ เป็นเร่ืองแขก
เหตใุ ดจึงใครแ่ ฉละหมู ผแู้ ต่งคดิ วา่ เมอื่ พมิ พ์หนงั สือน้แี ล้ว อาจถกู ทกั เชน่ นี้อกี หลายราย จงึ เห็นควรจะชแี้ จงไวบ้ า้ ง.
เรอ่ื งน้เี นอื้ เรื่องเดิมเป็นเรือ่ งแขกฮนิ ดู แลแขกนนั้ มีหลายพวก ถ้าจะกล่าวใหเ้ ขา้ ใจเรอื่ งแขกทุกประเภทกเ็ ห็นจะต้อง
มสี มดุ เลม่ โต ๆ อีกเลม่ หน่งึ จงึ จะพอเลา่ ยอ่ ๆ ได้ อันท่ีจริงคำวา่ แขกนน้ั ภาษาไทยเดิมก็แปลวา่ คนมาจากด้าวอ่ืน
เท่านน้ั คำที่เราใชว้ า่ “แขกเมอื ง” เด๋ียวนใี้ ช้ตรงตามความเดมิ .
แขกเกลียดหมนู ัน้ แขกอิสลามหรอื ท่เี รยี กวา่ แขกมหะหมดั แขกฮินดไู ม่เกลยี ดหมูยงิ่ กวา่ สัตว์อื่น พวกที่มี “วรรณ”
สงู แลถือเคร่งยอ่ มไมก่ ินเนื้อสัตว์เลย ไม่ว่าหมูหรอื อะไรหมด แตพ่ วกท่ี “ วรรณ “ ต่ำหรอื ไม่เคร่งย่อมกินเนื้อสตั ว์
รวมทั้งหมูดว้ ย.
อนึ่งควรเป็นทเ่ี ขา้ ใจกนั ว่าเรอ่ื งน้ีเนอ้ื เร่ืองเดิมแขกก็จริง แต่ในทน่ี ้ไี ทยแตง่ สำหรับไทยอ่าน จึงกลายเป็นไทยยิ่งกวา่
แขกแปลงชาติ ทา่ นอยา่ ลมื วา่ เรอ่ื งรามเกียรติ์นนั้ ก็เร่อื งแขกฮินดู แต่พระรามทำอะไรหลายอยา่ งท่แี ขกไม่ทำ.

๑๓๕. “สำ่ สหี ห์ มีเสอื เนื้อรา้ ย”. วาฬมิค แล วฺยาลมฤค คือสัตวซ์ ่งึ กินสัตวอ์ ื่นเปน็ อาหาร ได้แกเ่ สือเป็นต้น เหล่านี้
เรียกวา่ “เนอื้ รา้ ย”

๑๓๖. “อา้ อโศกปราศโศกโชคชืน่ ”. คำกลา่ วแก่ตน้ อโศกทำนองนีไ้ ดแ้ ต่งไว้หลายปแี ลว้ ในพระนลคำฉนั ท์ ครง้ั น้ี
ลองเอามาว่าเป็นกลอนดูบ้าง กลอนสฉู้ นั ทไ์ ม่ได้ แต่เมื่อลองอ่านทวนดกู ็เห็นว่าพอไปได้ จงึ เอาลงไวใ้ นทีน่ ้ี.

อ๑๓๗. “อา้ ศรวี ตี โศกโบกบตั ร”. “วีตโศก” เปน็ ชื่อตน้ อโศกอีกช่ือหนึ่ง อโศกแปลวา่ ไมม่ โี ศก แลต้นอโศกก็คอื
ตน้ ไมท้ ี่เรามกั เรยี กกันว่าตน้ โศกนี้เอง.

๑๓๘. “จึง่ สจู กั สมสมญา” “สมญา” แปลว่าชือ่ .

๑๓๙. “ชาติศวาสามานย์พาฬไพร”. “ศวา” แปลว่าหมา พาฬ แปลว่า สตั วก์ ินสัตว์อ่ืนเป็นอาหาร (แลแปลว่างกู ็
ได)้ .

๑๔๐. “พงึ่ อารีท้าวดา้ วใต้”. พระยมเปน็ โลกบาลประจำทิศใต.้

๑๔๑. “พวกภลิ ลห์ ินชาตกิ าจกลา้ ”. “ภิลล์” เปนชอื่ ชนชาวป่าจำพวกหน่งึ กล่าวว่าเป็นพวกดรุ า้ ย เลี้ยงชพี ด้วย
การฆ่าสตั ว์ แลโจรกรรมเป็นพื้น.

๑๔๒. “มลไรแ้ ลสอาดปราศผง” “มล” คอื มลทนิ .

๑๔๓. “ทรามวยั ไทตยามายนื ”. “ไทตยา” คอื นางแทตย์.

๑๔๔. “กวา่ หญิงทัว่ แคว้นแดนสาม”. “แดนสาม” หรอื สามภพ สามโลกเหล่าน้หี มายความว่า โลกสวรรค์ ๑ โลก
มนุษย์ ๑ โลกบาดาล ๑.

๑๔๕. “พบพานเพ่อื นป่าหน้าลิง”. รากษสแลอสูรประเภทอื่นๆ นนั้ กล่าวว่ามีมากทตี่ ัวเป็นคนหนา้ เปน็ สัตว์ หรือ
รูปสัตวห์ น้าคน มลี กั ษณะวิปรติ ตา่ ง ๆ ผิดกบั ลักษณะเทวดาแลมนุษย.์
เทวดาน้ันรูปร่างอยา่ งเดียวกับมนุษย์ เพราะมนษุ ย์เปน็ ผูแ้ ต่งหนงั สือจงึ บัญญัตใิ ห้เทวดามลี กั ษณะรปู รา่ งอย่า
เดียวกับตน.
๑๔๖. “อกุ หลกุ ไล่ก้ังรังแก”. ก้งั = กนั้ .
๑๔๗. “เหลยี วเฉวยี งแลสดำรำ่ คน้ ”. “เฉวยี ง” แปลวา่ ซ้าย “สดำ”แปลวา่ ขวา.
๑๔๘. “เปลีย่ นเห็นเป็นไวราค”ี . “ไวราค”ี คือฤษีผ้ปู ราศจากราคะ ในที่น้คี อื รากษสที่แปลงเปน็ โยคี

๑๔๙. “พลางเข้าปลกุ พญาสามี”. ตรงน้ใี นขณะทย่ี งั เป็นร่าง ผ้แู ตง่ เคยถกู ถามวา่ หวั ขาดแล้วทำไมจงึ เขา้ ปลกุ ผัวได้
ผู้แตง่ ตอบว่าเห็นจะกลับติดกันกระมัง.
อีกแหง่ หนง่ึ มผี ู้ถามว่าเหตใุ ดนางกนกเรขาจึงรจู้ กั ชื่ออมรสงิ ห์ ไม่เหน็ กล่าวท่ีไหนว่าไดบ้ อกชอ่ื ใหน้ างทราบ ผแู้ ตง่
ตอบว่าไมท่ ราบวา่ ทราบไดอ้ ย่างไร (แลไมเ่ ห็นจำเป็นจะเพิม่ กลอนเพอื่ ให้ข้อนแี้ จม่ แจ้งขน้ึ ).

ภาค ๓ บนยอดเขาไกลาส
๏ เมอื่ นนั้ พระอศิ วรเป็นเจา้ เนาผา
เห็นพญาคนธรรพ์ภรรดา ชายายุพยงนงคราญ
พากันผนั จากฟากดนิ สู่ถิน่ ทิพาศัยไพศาล
ทราบแจง้ แห่งเหตเุ ภทพาน เพราะกรรมนำการณเ์ กิดเปน็
บฑี าดาบสพรตเลศิ จง่ึ เกิดการสาปบาปเขญ็
สิน้ สาปหลาบจำลำเคญ็ เหาะเหน็ ลบิ ลบิ กลบั มา

เหมือนฟน้ื จากฝันอันรา้ ย ผนั ผายส่สู วรรค์หรรษา
ภริยาสามีปรีดา ชื่นหนา้ นวลเรียงเคยี งกัน ฯ
๏ ตรกึ พลางพระศุลีอศี วร สำรวลก้องหล้าฟ้าลัน่
ชาวดินยินเสียงเยยี่ งน้นั สำคญั ใจว่าฟา้ รอ้ ง ฯ

จบภาค ๓ ในนทิ านเร่อื งกนกนคร แล จบบริบรู ณ์

ปทานุกรม สงั เขป
คำนำ การพิมพ์หนงั สือกนกนครน้ี ผแู้ ตง่ ได้มอบให้ผู้อนื่ ตรวจตวั เรียงพิมพท์ านกับต้นฉบับ ผู้ตรวจแสดงความเห็น
วา่ คำกลอนนี้ใช้ศพั ทห์ ลายศพั ท์ซ่ึงผู้อ่านบางคนอาจไม่เขา้ ใจ เพราะคำแปลในภาคอธิบายยังน้อยนกั เหน็ ควรเติม
ปทานุกรมขน้ึ อีกสว่ นหนง่ึ

ผูแ้ ตง่ ตอบวา่ ตามใจ ผูต้ รวจจะเก็บเอาศัพทไ์ หนมาแปลบา้ งกช็ ว่ ยเก็บแลช่วยแปลให้ตลอดไปเถดิ
ปทานุกรมสงั เขปมกี ำเนิดดว้ ยประการฉน้ี — น. ม. ส.

กณั ฐ์ ๖๘. คอ.
กลั ยาณิ์ ๑๓๒. นางงาม.
กำเดา ๖๗. เขญ็ ใจ, ขัดสน.
ขา่ วสาร ๔๒. ขา่ วมปี ระโยชนย์ ิ่ง.
ข่อน ๆ ๒๐. ปั่นป่วนใจพลิ ึก.
เขอื ๑๙. เจา้ , ท่าน (บุรษุ สรรพนาม)
คนเสือ ๘๘. คนกลา้ , คนสามารถ.

ครรชติ ๙๒. คำรน. รปู เดมิ คัชชิต.
คารพ ๑๒๐. คำเดียวกบั เคารพ.คารพ เปนรูปบาลี. เคารพ เปนรปู สํสกฤต.
คำแหง ๒๑. เข้มแขงยง่ิ นกั .
จัณฑึก ๑๓๓. ประกอบด้วยความดุรา้ ย.
ฉวาง ๙๔. กว้าง. ไพรฉวาง ปา่ กวา้ ง.
ฉันทติ ๔๙. พอใจ, พงึ ใจ. (gratified – M. M. Williams)
ไฉไล ๙๔. งาม. ดู รางชาง.
ชำงือ ๗๒. แสนยาก, แสนลำบาก
ฌาน ๗. ความเพง่ ใจจนเกดิ สงบ. เชย่ี วฌาน ช่ำชองในกจิ น.้ี
ดาย ๑๓๑. เปลา่ . หาดาย หาไม่ได้. ดายแด เปล่าใจ, เปลยี่ วใจ
ดิตถ์ ๑๑๐. ทา่ น้ำ.
แด ๑๙. แดลาญ ใจพรนั่
ตบะ ๗. ความเพียรเผากเิ ลส. แรงตบะ เพยี รเผากิเลสอย่างยวดย่ิง.
ตรที พิ ๔๑. สวรรค์ ถีนตรที พิ แดนสวรรค์
ถิร ๑๔๗. มัน่ คง. ถิรนาน มนั่ คงมานาน.
ทฤษฎี ๗. เห็น (ด้วยทพิ ย์เนตร์). ทฤษฎตี รีภพ เลงทพิ ยเนตรเ์ ห็นตลอด ๓ ภพ
ทานพ ๑๓๓. ยกั ษ,์ อสูร.
ทำงน ๒๔. หนัก. กรรมทำงน กรรมหนกั คอื ครกุ รรม.
ธรรมบถ๗. คลองธรรม, ทางชอบ.
ธาตรี ๓๐. โลก. ลงมาธาตรี ลงมายงั โลกน้ี
นพศลู ๒๘. ยอดแหลม ๙ ยอด.

นรเทพ ๓๘. พระราชา. ตามอกั ษรว่า คนเทวดา หรือ เทวดาของคน.
นรเศรษฐ์ ๔๐. พระราชา ตามอกั ษรวา่ คนประเสริฐ หรอื คนสูงศกั ดิ์
นเรสูร ๖๘. พระราชา. ตามอักษรวา่ ผ้กู ล้าในคน (นเร + สูร) เปนชนดิ อลุตต์ ไม่ลบวภิ ตั ิ อยา่ งทีใ่ ช้ในคำอ่ืน
วา่ เขจร (เข + จร)
นาคร ๑๘๐. ชาวเมอื ง.
นศิ ากร ๓๐. พระจันทร์. ตามอักษรว่าทำรศั มีในกลางคืน (นศิ า + กร)
นิสัย ๑๔๘. ใจคอ. เนือ้ ความเช่นนใ้ี ชต้ ามทช่ี ินกันในไทย. แทจ้ รงิ คำนี้ออกจากบาลีว่า นสิ สฺ โย ซึง่ แปลวา่ เปน
ทีอ่ าศัย ในบางแหง่ เลงอาจารย์ โดยความว่า เปนทีอ่ าศยั ของศิษย์ คูก่ บั คำ นิสฺสติ โก ศษิ ย์ มีอัตถว์ า่ ผู้อาศยั
อาจารย.์ แต่ไฉนคำน้ี จึงเลอื นมาไกลทเี ดียว น่าจะเปนเพราะคำทอ่ี อกเสียงใกล้ๆ กนั คือ อชั ญาสยั หรอื อัธยาศัย
ซงึ่ แปลวา่ ความนยิ มในใจ, ความคดิ อ่าน, ความปราถนา อนั พอไปกันไดก้ ับอัตถ์แห่งใจคอ ในภาษาไทย.
นน่ี นั ๕๑. มสี่ นนั่
บถ ๑๓๓. ทาง.
บร ๒๘. ฆ่าศึก. บรขาม ฆา่ ศกึ พร่นั .
บวรณ์ ๔๓. เต็ม. จาก ปูรณในบาลี ที่แผลงรูปน้ี ตารท่กี วใี ช้กนั ในทางบทกลอน.
บังคลั ๑๓. เฝา้ (กริ ยิ าท่ีไปหาเจ้า).
บาปกรณ์ ๒๑. ทำบาป.
ประกาศติ ๔๒. ข้อความทป่ี ระกาศ.
ปริมาณ ๓๒. นบั .
ปพาฬ ๑๘๑. แก้วชนิดหน่ึง ฝรั่งเรียกว่า Coral.
ปัทมะ ๑๘. บวั . ปัทมะคันธนิ บัวมีกล่นิ หอม.
ปาปนาศน์ ๒๒. ผใู้ หบ้ าปฉิบหาย, ผู้ทำลายบาป.
ผลู ๖๔. ทาง.

เผด็จ ๓๘. ตัด.
พบู ๘๔. คำนีห้ นงั สอื อนันตวิภาคแปลไว้ว่าหน้า; งาม. แตท่ ่ีจรงิ เหน็ จะมาจากคำบาลีว่า วปุ แปลว่า รปู ,
กาย, เนื้อตัว
พรรค์ ๒๙. พวก, เหล่า. พลสี่พรรค์ พลสเี่ หล่า.
พรรณี ๓๗. มผี วิ . คอื ผวิ งาม.
พลั ลภ ๑๓. สนิท, ชิด.
พนิ ทุ์ ๗๘. รู,้ ชำนาญ, คนุ้ เคย. จาก วินทฺ ุ (knowing, acquainted or familiar with – M. M. Williams).
ภูลพนิ ท์ุ เชย่ี วชาญ, ช่ำชอง. พินทุ์คำนี้ ตามธรรมดาแปลว่า หยาด หรอื จดุ หรอื วง ดจุ คำ ศศพนิ ทุ์ (ดู).
ภวล ๙๖. เจริญ. จาก ภลู คำไทยกันเอง (ดู บวรณ)์ .
ภดั ดา ๒๒. ผวั . ตามอักษรว่า ผเู้ ลีย้ ง. คำนแี้ ลใชก้ นั เลอื นไปเปน ภัสดา ซึง่ วิปรติ .
ภดู ล ๑๓๓. พื้นแผน่ ดิน. ภู แผ่นดนิ ดล พ้ืน. คำนใี้ ชเ้ ลือนมาเปน ภวู ดล.
มนท์ ๕๗. ออ่ น, เขลา, โง่.
มนเทยี ร๒๘. ปราสาท. ตามธรรมดา หมายเปนเรอื นของใครๆ ทว่ั ไปก็ได.้
มันท์ ๙. ดู มนท์.
มัตสยา ๑๐๘. คำนี้ คอื มจั ฉา นนั่ แล แต่เปนรปู สํสกฤต.
มาเครียว ๑๓๓. มาถึง.
มานพ ๔๒. คน, ประชา ถ้าเปนรูปนี้ มาณพ หมายวา่ คนหนุ่ม.
มานิต ๑๒. นับถือ, เคารพ.
มาฬก ๑๑๒. เรือนหลวง.
มนี พ ๑๑๓. มี ๙ สี มณีมนี พ คือ มณีนพรตั น์.
แม้นแมนขดุ ๒๘. ดุจเทพดาขดุ . แมน เทพดา.
โมหนั ธ์ ๕๖. หลงมดื , หลงงม. (โมห + อันธะ)

ยรรยง ๔๑. ขึงขัง เขม้ แขง.
ยนู ี ๖๐. นางสาว.
โยคะ ๒๒. เพยี รทำ, เพียรบำเพ็ญ. สำรวมโยคะ เพยี รทำอย่างเครง่ ครัด หรอื อย่างขมกั เขมน้ .
รงค์ ๔๗. ที่ สถาน รงคส์ งคราม สนามรบ
รณรงค์ ๔๗. สนามรบ. รณ = ยทุ ธ์
รดิ ๒๐. ความยินด,ี ความกำหนดั . (รดกิ รรม วา่ “อัศจรรย์”).
ราฆพ ๑๓๖. พระราม. ตามอกั ษรว่า เหล่ากอแห่งรฆ.ุ
รางชาง ๙๔. งาม. รางชางไฉไล = งามงาม มอี ัตถ์ว่า งามเลศิ ลน้ หรืองามเลศิ ฟา้ .
รปิ ู ๒๘. ฆ่าศึก.
รจุ เิ รข ๒๘. ลวดลายงดงาม.
รูจี ๑๓. งดงาม. คำเดมิ รุจ.ิ
แรงดวจเสือใหญ่ ๕๖. คอื แรงดุจเสอื ใหญ่. ดวจ จาก ดจุ (ดู บวรณ์).
ลาวัณย์ ๑๐. สวยงาม, งามพรง้ิ .
ลำเภา ๘๓. งาม.
เลศ ๔๑. กลอบุ าย.
วชิ ชุ ๙๖. สายฟา้ . วิชชโุ ชตชิ ่วง สายฟ้าสว่างชัชวาล.
เวยี งคำ ๘๗. เมอื งทอง.
แวง ๗๔. ยาว. ไพรแวง ป่าเปนทวิ ยาว.
ศศพนิ ท์ุ ๙๖. พระจันทร.์ ตามอักษรวา่ วงแหง่ กระต่าย.
ศัลย์ ๒๖. คำน้ี รปู บาลีเปน สลั ละ ซง่ึ ตามธรรมดาแปลว่า ลูกศร; หอก, หลาว, ฯลฯ แต่สำนวนทางธรรมใช้
เปนชอื่ แหง่ ความโศก ดังคำเดิมวา่ โสกลสลลํ ลูกศรคือโศก หรือ โศกดจุ ลูกศร ซ่ึงไทยใช้ว่า โศกศัลย์ ฉนั้นคำ ศัลย์
ในท่นี ้ี จึงหมายความเศร้าโศก.

ศานติ์ ๑๒. สงบ. ในประโยคทว่ี า่ มานิตภูวนยั ใสศานต์ิ หมาย นบั ถอื ภูวนยั ด้วยน้ำใจอนั ใสสงบ อยา่ งท่ี
เรียกว่า น้ำใจใสจรงิ หรือน้ำใสใจจริง.
ศกนุ ี ๑๐๔. นก. นรี้ ปู สํสกฤต (ไม่ใช่ตัวเมยี ) คำเดิม ศกนุ .ิ
สะโรช ๑๐. ดอกบัว. ตามอักษรว่าเกิดในสระ. สระโรชนงรามงามเจือ หมายความงามแหง่ ดอกบัวกับความ
งามแห่งนางคละกนั ไป.
สังสนทนา ๑๑๐. เจรจาโต้ตอบกัน. คำน้ีรูปเดิมเปนดังนแี้ ท้ แตใ่ ช้กันวิปลาสมา ตดั สัง ออกเสีย เหลือแต่
สนทนา ซึ่งวิปริต แม้คำ สงั สนทนา อตั ถเ์ ดิมแท้วา่ เปรยี บ, เทียบ, เทียบเคยี ง.
สนั ต์ ๒๑. สงบ.
สากลย์ ๑๓. ทั้งหมด, ทั้งสนิ้ .
สามินทร์ ๑๐๔. เจา้ ใหญ่. (สามี + อินทร์).
สำนงึ ๑๐๐. อาศยั .
สุภคา ๖๘. นางงาม หญงิ สวย. ตามอักษรวา่ ถึงความเปนคนงาม (สภุ คา).
สุรามร ๒๘. เทวดาผู้ไม่ตาย.
เสาวภาค ๑๘. สว่ นแห่งสวรรค์ เสาวแหง่ สวรรค์ (heavenly – M. M. Williams).
เสาวรส ๘๘. รสแหง่ สวรรค์.
หยาว ๕๕. ฉาว องึ .
อดิศัย ๙. สูงศักด,ิ์ ประเสรฐิ ยิ่ง.
อนุสนธิ์ ๑๓๓. สบื ตอ่ .
อรพินท์ ๑๒๕. บวั , ดอกบัว. ใช้ในท่นี ีเ้ ปนช่ือแห่งนาง โดยสมมตวิ า่ นางเปนดจุ ดอกบวั
อรัณย์ ๘๔. คำน้ี คอื อรัญ นัน่ แล เปน็ รปู สสํ กฤต.
อวนนิ ทร์ ๓๔. พระเจ้าแผ่นดิน อวนิ แผน่ ดนิ .
อจั กรับ ๑๖๗. โคมแขวนของโบราณชนิดหน่งึ .

อมั พุ ๑๓๘. นำ้ . อัมพชุ ‘เกิดในน้ำ’ หมาย เปน็ บัวก็ได้ ปลาก็ได.้
อัสสุ ๑๓๘. นำ้ ตา.
อากลู ๑๓๖. ยุ่งเหยิง, ว่นุ วาย.
อานนั ท์ ๔๑. เปน้ ท่ีเพลิดเพลนิ .
อุตบล ๑๐. คำนี้ คอื อุปฺปล ดอกอบุ ลน่ันแลเป็นรปู สํสกฤต
อุปเทศ ๓๔. ชแ้ี จง, แนะนำ
อุโรช ๓๖. นม, ถนั . ตามอักษรว่าเกิดทอี่ ก

ตัวละคร

๑. พระอศิ วร

๒. พญากมลมติ ร

๓. นางกนกเรขา

๔. ฤษีปาปะนาจ

วิเคราะหต์ วั ละคร

พระอิศวร
- เป็นผู้มจี ิตใจงาม ทคี่ อ่ ยชว่ ยเหลอื ทตี่ กทกุ ขไ์ ด้ยาก ช่วยเหลอื โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
พญากมลมิตร
- เป็นผู้ทช่ี อบโอ้อวดเกินจรงิ มนี ิสัยโกหกแต่เปน็ คนรกั จรงิ ทมี่ ีรักเดยี วใหก้ บั นางกนกเรขา
นางกนกเรขา
- เป็นหญิงสาวท่ีมีความสวยงาม เปน็ คนมจี ิตใจดีรักเดียวใจดชี อบช่วยเหลือผู้อื่น
ฤษีปาปะนาจ
- เปน็ ผู้ถือศีลภาวนาท่ีบำเพ็ญกุศลมานานนบั ๑๐๐ปีแตก่ ็มาสาปแช่งคู่สามภี รรยาคู่นใ้ี ห้มีชวี ติ ท่ไี ม่สวยงาม

เอกสารอา้ งอิง

วชริ ญาณ//(๒๕๕๒).//กนกนคร.//สบื คน้ เม่อื ๒๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๓./
จาก

https://vajirayana.org/%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8
%A3

วิกพิ ีเดยี สารานุกรมเสรี //(๒๕๕๒).// กนกนคร.//สบื คน้ เมื่อ๒๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๓./
จาก http://www.writer.in.th/chapter/65-10

ประวตั นิ ักศกึ ษา

รหัสประจำตวั : 6181163009
เลขทบี่ ตั รประชาชน : 1103702785385
ชื่อ : นางสาวจิราพรรณ ร่งุ รงั ษี
ช่ือองั กฤษ : Miss jirapun Rungrangsri
คณะ : มนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์
สถานฯี : มรภ.บา้ นสมเดจ็ เจ้าพระยา
สาขาวิชา: 604103201163 นาฏยศลิ ป์ศกึ ษา(ค.บ.)
ระดบั การศึกษา: ปรญิ ญาตรี (5 ป)ี ภาคปกติ
ชื่อปริญญา: ครศุ าสตรบณั ฑติ นาฏยศิลปศ์ ึกษา(ค.บ.)
ปีการศึกษาท่เี ข้า: 2561 / 1
วันที่ 14/8/2561
สถานภาพ: ปกติ
วิธรี ับเขา้ : ภาคปกติ รอบที่ 1 (โควตา-ผลการเรียน)
วุฒิกอ่ นเข้ารับการศกึ ษา: ม.6

จบการศึกษาจาก: โรงเรียนมัธยมบ้านบางกะปิ

อ. ทป่ี รกึ ษา: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปทั มา วัฒนบญุ ญา

หน่วยกติ คำนวณ 84

หนว่ ยกติ ท่ผี ่าน 84

คะแนนเฉลย่ี สะสม GPAX ของนกั ศกึ ษาท่ีประเมิน 3.76


Click to View FlipBook Version