The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวมคุตบะฮ์ (วันศุกร์)
โดย นายไพโรจน์ มินเด็น
ปี 2021

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by minden family, 2021-07-11 21:33:54

รวมคุตบะฮ์ (วันศุกร์)

รวมคุตบะฮ์ (วันศุกร์)
โดย นายไพโรจน์ มินเด็น
ปี 2021

Keywords: คุตบะฮ์,วันศุกร์,นายไพโรจน์,มินเด็น,นายไพโรจน์ มินเด็น,ไพโรจน์,ไพโรจน์ มินเด็น

1

2


‫ﺑِ ْﺴ ِﻢ اﻟﻠﱠـ ِﮫ اﻟ ﱠﺮ ْﺣ َﻤ ٰـ ِﻦ اﻟ ﱠﺮ ِﺣﯿ ِﻢ‬

ความเป็ นมาและแรงบนั ดาลใจ

มลู เหตใุ นการจดั ทําหนงั สือ ”รวมคตุ บะฮ์วนั ศกุ ร์ร่วมสมยั ” เล่มนีขB ึนB สืบเนEืองจากการทีE
ข้าพเจ้าเริEมรับราชการอยู่ทีEสํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ต่อมา เมืEอได้มีการจดั ตงัB ศาล
ปกครองขึนB ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช TUVW ข้าพเจ้าจึงได้โอนมารับ
ราชการทEีศาลปกครองกลางในตําแหน่งตลุ าการศาลปกครองกลาง เมืEอปี พ.ศ. TUVU ภายหลงั
จากทEีได้รับตําแหน่งดงั กล่าวมาระยะหนึEง ได้มีการสร้างสถานทีEซึEงเป็นทีEตงัB ของศาลปกครอง
กลางถาวรแห่งใหม่ขนึ B ทEีศนู ย์บริหารราชการ ถนนแจ้งวฒั นะ ข้าพเจ้าจงึ ย้ายมาปฎิบตั ิหน้าทEีใน
ศาลแห่งใหม่นีใB นปี พ.ศ. TUUT เป็นผลทําให้ข้าพเจ้าได้รู้จกั กบั ชมรมมสุ ลิมทีโอทีซงึE เป็นชมรมทEี
เกิดจากการรวมตวั กนั ของพนกั งานทีโอทีซงEึ เป็นมสุ ลิม โดยมีวตั ถปุ ระสงค์เพืEอปฏิบตั ิศาสนกิจ
ร่วมกนั และทํากิจกรรมช่วยเหลือพEีน้องมสุ ลิมในสถานทEีต่างๆ ซงEึ ชมรมดงั กล่าวได้จดั กิจกรรม
การละหมาดวนั ศุกร์ร่วมกันทEีอาคาร U ชนัB b ของสํานักงานทีโอทีเป็นประจํา ข้าราชการและ
พนกั งานของศาลปกครองจึงได้มีโอกาสมาร่วมละหมาดวนั ศกุ ร์ ณ สถานทEีของชมรมดงั กล่าว
ด้วยพระประสงค์ของอลั ลอฮฺ (ซุบฮานะฮวู ่าตะอาลา) จึงทําให้ข้าพเจ้าได้มีส่วนร่วมในการขึนB
กลา่ วคตุ บะฮ์วนั ศกุ ร์เป็นประจําทกุ เดือน

โดยเหตุทีEข้าพเจ้าสําเร็จการศึกษาทางด้านกฎหมาย มิใช่อุละมาอ์ทีEจบการศึกษา
ทางด้านศาสนามาโดยตรง ด้วยเหตนุ ี Bในการขนึ B กลา่ วคตุ บะฮ์ของข้าพเจ้า จงึ มีลกั ษณะเป็นการ
นําเสนอเนือB หาทางศาสนาควบค่กู ันกับวิชาความรู้ทางด้านสามญั หรือทางวิทยาศาสตร์หรือ
แม้แต่มุมมองทางกฏหมายทEีข้าพเจ้ามีความเชีEยวชาญ อันเป็นผลทําให้เนือB หาจึงเป็นการ
ผสมผสานทังB สองศาสตร์เข้าด้วยกัน สําหรับเนือB หาในส่วนทEีเป็นเรEืองศาสนานันB ข้าพเจ้าได้
ศึกษาค้ นคว้ าจากตํารับตําราหรื อแม้ แต่เว็บไซต์ทางศาสนาทEีได้ รับการนิยมและยอมรับใน
ปัจจบุ นั เพEือนํามาถ่ายทอดให้ผ้ฟู ังเข้าใจแบบงา่ ยๆ และสามารถนําไปปฏิบตั ิได้จริง ดงั นนัB หาก
เนือB หาส่วนใดทEีมีข้อบกพร่องหรือผิดพลาดข้าพเจ้าขอน้อมรับในความผิดพลาดดงั กล่าวและ
ยินดีรับคําชีแB นะจากทกุ ทา่ นตลอดเวลา

3


หลังจากนันB ในปี พ.ศ. TUUg ข้าพเจ้าได้ถูกย้ายเพืEอไปรับตําแหน่งรองอธิบดีศาล
ปกครองสงขลา ทีEจังหวดั สงขลา ซEึงถือว่าเป็นครังB แรกของข้าพเจ้าทEีได้มีโอกาสปฏิบตั ิหน้าทีE
ราชการในต่างจงั หวดั อนั เป็นผลทําให้ข้าพเจ้าได้ทําความรู้จกั กบั พีEน้องมสุ ลิมในชุมชนต่างๆ
ภายในจงั หวดั สงขลา รวมทงัB ได้รับเชิญให้กล่าวคตุ บะฮ์ในมสั ยิดต่างๆ อาทิเช่น มสั ยิดสาลาฟEี
สวนปาล์ม มสั ยิดญะบลั โรดเราะมะฮ์ (หวั เขาแดง) มสั ยิดบ้านอรั กอม มสั ยิดซนุ นะต้ลุ ฮิจเราะฮ์
มัสยิดอัลมะฮับบะฮ์ (บ้านตรับ) มัสยิดอัลฟะลาฮ์ (ท่าเสา) มัสยิดท่าสะอ้าน มัสยิดโคกไร่
มสั ยิดอลั ก้อลมั และมสั ยิดดอนขีเBหล็ก เป็นต้น ด้วยเหตนุ ี Bข้าพเจ้าจึงประสงค์ทEีจะรวบรวมบท
คตุ บะฮ์ทีEได้มีการกล่าวปาฐกถาไปแล้วเพืEอประโยชน์ให้กบั ผ้ทู Eีสนใจในการกล่าวคตุ บะฮ์ต่อไป
หรือแม้แต่ผู้ทEีต้องการจะทราบเนือB หาของคตุ บะฮ์ในรายละเอียดเพEือประโยชน์ในการเพEิมพูน
อีหมา่ นของตนนนัB สามารถอา่ นและศกึ ษาค้นคว้าตอ่ ไปได้

และโดยทEีผู้เข้าร่วมปฏิบตั ิศาสนกิจละหมาดวนั ศกุ ร์ทีEเข้าฟังการคตุ บะฮ์ส่วนใหญ่เป็น
ข้าราชการและพนกั งานรัฐวิสาหกิจจากหน่วยงานตา่ งๆ ในบริเวณใกล้เคียง ซงึE ล้วนแล้วแตเ่ ป็น
ผู้ทีEมีการศึกษาและมีความรู้ความเข้าใจในเรืEองการเมืองการปกครองเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี B
เนือB หาของคุตบะฮ์ทEีนําเสนอนอกจากจะเป็นเรEืองทีEเกีEยวกับคําสอนตามหลกั การของศาสนา
อิสลามแล้วยงั ต้องเป็นเรEืองทีEเกEียวกบั ข้องกบั สถานการณ์ปัจจบุ นั โดยมีการวิเคราะห์เทียบเคียง
ระหว่างมมุ มองในแง่ของศาสนากบั วิทยาการสมยั ใหม่ด้วย เพราะฉะนนัB เพEือเป็นการสะท้อน
ให้เห็นถึงลักษณะพิเศษเฉพาะของหนังสือเล่มนี B ข้าพเจ้าจึงขอใช้ชืEอของหนังสือเล่มนีวB ่า
“คตุ บะฮ์วนั ศกุ ร์ร่วมสมยั ”

หนงั สือเล่มนีมB ิได้ใช้ถ้อยคําทEีเป็นทางการมากนกั หากแต่ใช้ถ้อยคําทีEสามารถเข้าใจได้
งา่ ย เพEือให้ผ้ฟู ังมีความรู้สกึ ผอ่ นคลายและเป็นกนั เอง สามารถฟังแบบงา่ ยๆ พร้อมทงัB ได้สาระทีE
เป็นเรืEองศาสนาและวิทยาการสมยั ใหม่ควบค่กู ันไปด้วย อย่างไรก็ตาม หนงั สือเล่มนียB ่อมไม่
อาจทEีจะสําเร็ จลุล่วงไปได้ ด้ วยดีหากปราศจากความร่ วมมือและความช่วยเหลือของบุคคล
ดงั ต่อไปนี Bคือ คณุ นรุต มินเด็น และทEีสําคญั ทีEสดุ คือ บิดามารดาของข้าพเจ้าทEีมีส่วนผลกั ดนั
และสง่ เสริมให้ข้าพเจ้าได้มีความรู้ทงัB ทางด้านศาสนาและสามญั จนสามารถศกึ ษาหาความรู้ใน
เรEืองนีแB ละเขียนหนงั สอื เลม่ นีไB ด้เป็นผลสาํ เร็จ อลั ฮมั ดลุ ลิ B ลาฮ์

4


ข้าพเจ้าในฐานะผ้เู ขียนหวงั เป็นอย่างยิEงวา่ หนงั สือเลม่ นีนB ่าจะเป็นประโยชน์แก่ผ้ทู Eีสนใจ
ศึกษาความรู้ทังB ทางศาสนาและสามัญ หรือผู้ทEีติดตามความเคลืEอนไหวของสังคมและ
เหตกุ ารณ์ในปัจจบุ นั ทีEมีการพฒั นาและความเปลEียนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซEึงหากรู้ไม่เท่าทนั
สEิงต่างๆ ทีEเกิดขึนB ก็อาจจะเป็นผลทําให้ต้องตกอยู่ในสภาพทีEขาดทุนทงัB ในโลกดุนยาและโลก
อาคีเราะฮ์ ด้วยเหตุนี B ผู้เขียนจึงหวังเป็นอย่างยEิงว่าประโยชน์จากหนังสือเล่มนี B (ถ้าหากมี)
นอกจากจะทําให้ผู้อ่านได้สามารถเข้าใจหลกั การศาสนาอิสลามได้อย่างถูกต้องและท่องแท้
แล้ วยังจะได้ รับทราบถึงเป้าหมายทีEแท้ จริ งของหลักการศาสนาทEีสูงส่งและสอดคล้ องกับ
วิทยาการสมัยใหม่ทEีจะเกิดขึนB ทังB ในปัจจุบันและในอนาคต อนั จะนํามาซึEงความเข้าใจอนั ดี
ในระหว่างผ้ ูคนในสังคมและน่าจะเป็ นผลทําให้ สังคมและประเทศชาติสามารถธํ ารงไว้ ซึEง
ความมนEั คงและความสงบสขุ ได้ตลอดไป

นายไพโรจน์ มินเดน็
ตลุ าการศาลปกครองสงู สดุ

5 2
7
13
สารบญั 19
26
ความเป็นมาและแรงบนั ดาลใจ TT
เรื6อง ทฤษฎีสมั พนั ธภาพกบั อลั กรุ อาน WX
เรื6อง การศกึ ษาวิจยั เก6ียวกบั การมีสขุ ภาพดีและอายยุ ืนยาว WY
เร6ือง โคโรนา่ ไวรัสกบั ความกลวั และความหวงั ของมอุ ฺมิน Y\
เรื6อง ภยั พิบตั กิ บั บททดสอบของมอุ ฺมิน Y]
เร6ือง ความยตุ ธิ รรมท6ีแท้จริง 63
เร6ือง ฮิกมะฮ์ของการได้ยินและการเหน็ ของมนษุ ย์
เรื6อง ฮิกมะฮ์และความมหศั จรรย์ของเดือนรอมฎอน 68
เรื6อง ความสาํ คญั และฮิกมะฮ์ของการประกอบพิธีฮจั ญ์ 74
เร6ือง มหศั จรรย์ของความจําในสมองของมนษุ ย์ 81
เรื6อง มหศั จรรย์ของนํา^ ซมั ซมั 87
94
เรื6อง ประชาชาตอิ ิสลามยคุ สดุ ท้าย 101
เร6ือง การเป็นสงั คมอดุ มปัญญา 107
เร6ือง ภารกิจของมอุ ฺมินในการเผยแผอ่ ิสลาม 113
เรื6อง การใช้ชีวิตของมอุ ฺมินในโลกดนุ ยา
เรื6อง การใช้ชีวิตทา่ มกลางสงั คมในยคุ ใหม่
เร6ือง หวั ใจ 3 ประเภท
เรื6อง โรคหวั ใจแข็งกระด้างและแนวทางแก้ไข
เรื6อง การทดสอบของอลั ลอฮฺและการระงบั ความโกรธ

6 118
125
131
เรื6อง ความอดทนและการขอบคณุ 139
เรื6อง การลงทนุ ที6ชาญฉลาด 147
เรื6อง กลลวงของชยั ฏอนกบั การประกอบอาชีพที6ประเสริฐ 153
เรื6อง คณุ ลกั ษณะของชาวสวรรค์ชนั^ ฟิรเดาส์ 162
เร6ือง อลั ฟาตฮิ ะฮ์กบั หลกั การศรัทธา 167
เร6ือง มรู่ อก้อบะต้ลุ ลอฮ 175
เรื6อง การตอบโต้ตอ่ การดหู ม6ินทา่ นศาสดาฯ 182
เรื6อง วจีท6ีดีเลศิ 187
เรื6อง จงอยา่ เข้าใกล้การทําซนิ า
เร6ือง การเลน่ ดนตรีในทศั นะของอิสลาม
เอกสารอ้างองิ

7


เร;ือง ทฤษฎีสัมพนั ธภาพกับอัลกุรอาน

‫ِﺑ ْﺳ ِم اﻟﻠﱠـ ِﮫ اﻟ ﱠر ْﺣ َﻣ ٰـ ِن اﻟ ﱠر ِﺣﯾ ِم‬

‫ ِﻣ ْن ﺷُ ُر ْو ِر أَ ْﻧﻔُ ِﺳﻧَﺎ َو ِﻣ ْن‬Dِ ‫ ﻧَ ْﺣ َﻣدُهُ َوﻧَ ْﺳﺗَ ِﻌﯾﻧُﮫُ َوﻧَ ْﺳﺗَ ْﻐ ِﻔ ُرهُ َوﻧَﺗُ ْو ُب ِإﻟَ ْﯾ َك َوﻧَﻌُ ْوذُ ِﺑﺎ‬6ِ ّ ِ َ‫ِإ ﱠن ا ْﻟ َﺣ ْﻣد‬
َ‫ َوأَ ْﺷ َﮭدُ أَ ْن َﻻ ِإﻟَﮫ‬،ُ‫ َو َﻣ ْن ﯾُ ْﺿ ِﻠ ْل ﻓَ َﻼ َھﺎ ِد َي ﻟَﮫ‬،ُ‫ َﻣ ْن ﯾَ ْﮭ ِد ِه ﷲُ ﻓَ َﻼ ُﻣ ِﺿ ﱠل ﻟَﮫ‬،‫َﺳ ِﯾّﺋَﺎ ِت أَ ْﻋ َﻣﺎ ِﻟﻧَﺎ‬
‫ﻧَ ِﺑﯾًﻧَﺎ‬ ‫َﻋﻠ َﻰ‬ ‫ اَﻟﻠﱠ ُﮭ ﱠم َﺻ ًل‬٠ ُ‫ َوأَ ْﺷ َﮭدُ أَ ﱠن ُﻣ َﺣ ﱠﻣدَاً َﻋ ْﺑدُهُ َو َرﺳُ ْوﻟُﮫ‬،ُ‫َﻻ َﺷ ِر ْﯾ َك ﻟَﮫ‬ ُ‫َو ْﺣدُه‬ ُ‫ِإ ﱠﻻ ﷲ‬
‫أَ ﱠﻣﺎ ﺑَ ْﻌدُه‬٠ ‫آ ِﻟﮫ َو َﺻ ْﺣ ِﺑﮫ َو َﻣ ْن ﺗَ ِﺑﻌَ ُﮭ ْم ِﺑﺈِ ْﺣ َﺳﺎ ٍن ِإﻟَﻰ ﯾَ ْو ِم اﻟدً ِﯾن‬ ‫َو َﻋﻠَﻰ‬ ‫ُﻣ َﺣ ﱠﻣ ٍد‬

‫ﻓَﻘَ ْد ﻗَﺎ َل ﷲُ ﺗَﻌَﺎﻟَﻰ ِﻓﻲ ِﻛ ِﺗﺎ ِب ِﷲ اﻟﻌَ ِظ ْﯾم ۗ◌ َﺳﻧُ ِرﯾ ِﮭ ْم آﯾَﺎ ِﺗﻧَﺎ ِﻓﻲ ا ْﻵﻓَﺎ ِق َو ِﻓﻲ أَﻧﻔُ ِﺳ ِﮭ ْم َﺣﺗﱠ ٰﻰ‬
‫ﯾَﺗَﺑَﯾﱠ َن ﻟَ ُﮭ ْم أَﻧﱠﮫُ ا ْﻟ َﺣ ﱡق ۗ◌ أَ َوﻟَ ْم ﯾَ ْﻛ ِف ِﺑ َر ِﺑّ َك أَﻧﱠﮫُ َﻋﻠَ ٰﻰ ﻛُ ِّل َﺷ ْﻲ ٍء َﺷ ِﮭﯾدٌ ۗ◌ ﯾَﺎ أَﯾﱡ َﮭﺎ اﻟﱠ ِذﯾ َن آ َﻣﻧُوا‬
‫ َﺟ ِﻣﯾﻌًﺎ َو َﻻ ﺗَﻔَ ﱠرﻗُوا‬6ِ ‫ َﺣ ﱠق ﺗُﻘَﺎ ِﺗ ِﮫ َو َﻻ ﺗَ ُﻣوﺗُ ﱠن ِإ ﱠﻻ َوأَﻧﺗُم ﱡﻣ ْﺳ ِﻠ ُﻣو َن َوا ْﻋﺗَ ِﺻ ُﻣوا ِﺑ َﺣ ْﺑ ِل ا ﱠ‬6َ ‫اﺗﱠﻘُوا ا ﱠ‬

‫َﺻدَ َق ﷲُ اﻟﻌَ ِظ ْﯾم‬

ขอความสขุ ความสนั ติ ความเมตตาปราณีจากเอกองค์อลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮวู า่ ตะอาลา)
จงประสบแด่พีEน้องผ้ศู รัทธาทEีรักทกุ ท่าน ขอขอบคณุ อลั ลอฮฺทีEทรงโปรดให้พวกเราได้มีชีวิตอยู่
จนถึงวนั ศกุ ร์นีอB ีกครังB ข้าพเจ้าขอเตือนตวั เองและพวกท่านให้มีความยําเกรงตอ่ อลั ลอฮฺด้วยกบั
การปฏิบตั ใิ นสงิE ทีEพระองค์ทรงสงEั ใช้และออกหา่ งจากสงEิ ทีEพระองค์ทรงสงEั ห้าม ทา่ นทงัB หลายลอง
สํารวจตวั เองว่าได้ทําสิEงทีEพระองค์ทรงสงัE ใช้ในพระมหาคมั ภีร์อลั กุรอานและซุนนะฮ์ของท่าน
นบีมฮู มั หมดั (ซอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิวา่ สลั ลมั ) ครบถ้วนหรือไม่ และออกหา่ งจากสงEิ ทีEเป็นความชวEั
ร้ายและสEิงทEีถูกห้ามหรือไม่ อายุของพวกเราเพิEมมากขึนB ทุกวนั แล้ว เราได้ลดละเลิกสEิงทีEไม่ดี
แล้วหรือไม่ อย่าทําให้มนั เป็นสิEงทีEติดตวั เราจนกระทงัE เราได้จากโลกนีไB ป เพราะฉะนนัB เราต้อง
ทบทวนตวั เองวา่ เรามีอะไรทีEควรจะต้องละเลกิ บ้าง

ท่านพีEน้องผู้ศรัทธาทEีรักทุกท่านครับ ทุกวนั นีมB ีปัญหาสงั คมมากมายส่วนใหญ่มาจาก
นําB มือมนษุ ย์ซงEึ เป็นผลมาจากอีหม่านทEีอ่อนแอจึงเกิดการกระทําทEีชวEั ร้ายหรือการกระทําทEีไม่ดี
ต่างๆ มากมาย หรือมีการละทิงB ชะรีอะฮ์ของอัลลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) และทีEสําคัญ
อาจจะมีปัญหาเรืEองอะกีดะฮ์หรือเตาฮีดการยึดมนัE ในอลั ลอฮฺอย่างแท้จริงหรือไม่ เพราะถ้ายึด
มัEนในอัลลอฮฺอย่างแท้ จริ งเขาจะไม่กล้ าทําความชEัวและต้ องการทีEจะทําความดีตลอดเวลา
เนืEองจากคิดวา่ เวลาของเขาอาจจะมีไม่มาก เพราะฉะนนัB นEีคือหน้าทีEของผ้ศู รัทธาทีEจะต้องพินิจ

8


พิจารณาหรือพิเคราะห์ตวั เองว่าเป็นอย่างไร เราเป็นผ้ศู รัทธาทEีแท้จริงหรือไม่ ปัญหาทีEเกิดขนึ B ทEี
เราทําในทกุ วนั นีเBป็นเพราะอีหมา่ นของเราออ่ นใชห่ รือไม่ หรืออะกีดะฮ์เตาฮีดของเราไมม่ นEั คงใช่
หรือไม่ เราเชEือว่าอลั ลอฮฺเป็นพระเจ้าจริงหรือไม่ เมืEออลั ลอฮฺสงัE ใช้สิEงใดหรือห้ามสEิงใด เราได้
ปฏิบตั ิตามหรือไม่ ถ้าทําอย่างนีสB งั คมดีขึนB แน่ เพราะฉะนนัB แนวทางการแก้ไขปัญหาสงั คมคือ
การเพิEมอีหม่านให้พวกเรา หรือการแก้ปัญหาทEีตวั เองก่อน หลงั จากนนัB คือครอบครัว คนรอบ
ข้างและสงั คม ถ้าไม่ได้เริEมต้นทEีตวั เราเองไม่มีทางทีEจะแก้ปัญหาได้เพราะตวั เองยังเลิกไม่ได้
ยงั ไม่ละเลิกบาปทีEอลั ลอฮฺทรงห้าม แล้วจะสามารถไปเตือนคนอEืนได้อย่างไร การใช้ชีวิตอย่บู น
โลกดนุ ยานีเBราดตู วั เองวา่ เราเป็นพวกดนุ ยานิยมหรือไม่ กลา่ วคือ ยงั ติดอยกู่ บั ความชอบในการ
ได้กินอาหารอร่อยๆ ใส่เสือB ผ้าราคาแพงๆ ขบั รถหรูๆ หรือชอบซือB รถใหม่ทงัB ๆ ทEีรถเก่าก็ยงั ใช้ได้
สร้ างบ้านให้ใหญ่โต สะสมทรัพย์สินไว้มากมาย ต้องการชืEอเสียงวงศ์ตระกูลหรือเกียรติยศ
ความมีหน้ามีตาในสงั คม เหล่านีคB ือดนุ ยานิยมทงัB หมด ซEึงเราเป็นอย่างนีหB รือไม่ ถ้าเรามีก็จง
ลดละเลิกเพราะในไม่ช้าหรือในอนาคตเราต้องกลบั ไปสคู่ วามเมตตาของอลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮวู า่
ตะอาลา) อยา่ งแนน่ อน

ท่านพEีน้องผ้ศู รัทธาทีEรักทกุ ท่านครับ ข้าพเจ้าได้ไปสมั มนาของสถานทตู ซาอดุ ิอาระเบีย
ทEีผ่านมา ซึEงช่วงสุดท้ายมีการเปิดให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้แสดงความคิดเห็นและมีท่านหนEึง
ทEีแสดงความคิดเห็นซึEงทําให้ข้าพเจ้าประทบั ใจมาก อาจารย์ท่านนีไB ด้กล่าวว่าการศึกษาของ
อิสลามยงั ไม่พฒั นาเท่าทEีควรโดยเฉพาะอย่างยิEงการนํากรุ อานหรือนําข้อเท็จจริงหรือความจริง
จากคําสอนของอิสลามไม่ว่าจะเป็ นอัลกุรอานหรือซุนนะฮ์ของท่านศาสดามูฮัมหมัด
(ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิว่าสัลลัม) ซEึงจะต้ องเอามาศึกษาและวิเคราะห์และพัฒนาต่อไป
ท่านถามวา่ รู้หรือไม่วา่ ทฤษฎีของเซอร์ไอแซกนิวตนั ทีEจริงแล้วอย่ใู นซูเราะฮ์อลั ฟี ล ถ้าใครอยาก
รู้ให้มาถามได้ จากจดุ นีเBองทีEทําให้ข้าพเจ้าได้ความคิดวา่ คตุ บะฮ์ในวนั นีกB ็น่าจะกลา่ วเรEืองทีEใกล้
ตัวและเป็นเหตุการณ์ปัจจุบันทีEเกิดขึนB เมEือไม่นานมานีทB ีEมีนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนEึงทีEชEือว่า
LIGO ซึEงย่อมาจาก Laser Interferometer Gravitational-wave Observatory เป็นองค์กรทEีมี
ทนุ มหาศาลประมานหมืEนกว่าล้านบาทซงึE มีเครEืองมือวดั และเฝา้ สงั เกตคลืEนความโน้มถ่วงโดย
ใช้การแทรกสอดของเลเซอร์ มนั เป็นเครืEองมือทีEมีลกั ษณะเหมือนแขนทีEตงัB ทํามมุ gW องศา โดย

9


แขนข้างหนEึงยาวประมาณ V กิโลเมตร และยิงด้วยแสงเลเซอร์ผ่านสญู ญากาศและทําระบบ
ความเย็นเพEือป้องกันไม่ให้มีความร้อนเล็ดรอดเข้ามาตกกระทบ ในการวดั ค่าจะใช้วิธีการยิง
แสงเลเซอร์ระหวา่ งแขนเพืEอให้คลEืนแรงโน้มถ่วงทEีมาจากนอกโลกสามารถมาแทรกสอดกบั แสง
เลเซอร์ทีEยิงไว้ตลอดเวลาและสามารถวดั ค่าได้ ซงึE ในทEีสดุ เขาค้นพบว่ามนั มีคลืEนความโน้มถ่วง
จากหลมุ ดํา T หลมุ ทีEมนั หมนุ เวียนเข้าหากนั จนกระทงEั รวมเป็นหนงEึ ซงEึ อย่หู ่างจากโลกประมาณ
•bWW ล้านปีแสง แต่การทEีมนั รวมตวั กันทําให้มวลมนั สญู สลายไป ลดน้อยลงซึEงเป็นผลทําให้
เกิดพลงั งานเหมือนเป็นคลEืนเหมือนเวลาเราโยนหินไปในนําB มนั จะมีคลืEนเป็นระลอกออกมา
จากจดุ นนัB มาถึงโลกเราอ่อนมากแต่เขาวดั ค่าได้และเขาแสดงความดีใจวา่ ได้รับความสําเร็จใน
การทEีจะพิสจู น์ทฤษฎีหนEึงของอลั เบิร์ตไอน์สไตน์ ถือว่าเป็นชยั ชนะและเป็นกุญแจทEีจะไขไปสู่
ความรู้ในจักรวาล ซEึงถามว่าเรามีความรู้สึกอย่างไร เราในฐานะผู้ศรัทธาเราได้รับอะไรบ้าง
สงEิ ตา่ งๆ ทีEเกิดขนึ B ในโลกนีไB มใ่ ชค่ วามบงั เอิญแตม่ นั คือเจตจํานงของอลั ลอฮฺ (ซบุ ฮาน่าฮวู า่ ตะอา
ลา) ทEีทรงให้เราได้รับรู้และต้องการทดสอบเราว่าจะมีอีหม่านเพEิมขึนB หรือไม่ เพEือให้เกิดความ
กระจ่างในเรืEองนีเB พEิมขึนB ทฤษฎีของอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ก็คือทฤษฎีสัมพันธภาพ อัลเบิร์ต
ไอน์สไตน์มีหลักการใหญ่อยู่ T เรEือง แต่ข้าพเจ้าจะนําเสนอเพียงเรืEองเดียวคือ กาลอวกาศ
โดยหลักวิทยาศาสตร์ทEัวไปจะบอกว่าสิEงต่างๆ นัEนมี b มิติ คือ กว้าง ยาว ลึก แต่อัลเบิร์ต
ไอน์สไตน์บอกว่า ยังมีอีกหนึEงมิติคือ มิติกาลเวลาหรือ Space-Time เป็นมิติทEี V อัลเบิร์ต
ไอน์สไตน์ไม่ได้คิดว่าโลกหรือดวงดาวมันมีแรงดึงดูดระหว่างกัน แต่เขาคิดว่าการทEีสิEงใหญ่ๆ
เชน่ โลกหรือดวงอาทิตย์มีมวลหนกั ๆ พอมนั มีมวลหนกั ๆ อยใู่ นอวกาศ มนั จะทําให้กาลเวลายืด
ออก กล่าวคือ เขาเปรียบ Space-Time เหมือนกบั ตะข่ายทีEเป็นยางยืดสามารถยืดหดได้เมืEอมี
มวลมาลงทEี ยางยืดนีกB ็จะทําให้บริเวณรอบๆ หรือ Space-Time ถูกยืดออกไป จึงมีลกั ษณะ
เหมือนกบั วา่ มนั ดงึ ดดู เข้าหากนั ทฤษฎีสมั พนั ธภาพได้กลา่ ววา่ ทกุ สงEิ ทกุ อยา่ งในเอกภพยอ่ มมี
ความสมั พนั ธ์ ซงEึ กนั และกนั เช่นทEีมีสภุ าษิตวา่ “เด็ดดอกไม้ยงั สะเทือนถึงดวงดาว” ตอนนีใB กล้
เป็นจริงแล้ว คือ สEิงทEีเกิดอยู่ในจักรวาลย่อมมีผลต่อเรา เพียงแต่เราไม่รู้ว่าเป็นอะไรเท่านันB
ทุกวนั นีทB EีมีปัญหาเรืEองสภาพแวดล้อมสภาพธรรมชาติเปลีEยนแปลงไป ตอนนีกB ็เรEิมจะรู้แล้ว
นอกจากนีแB ล้ว Space-Time ยงั ได้กลา่ ววา่ เวลาในแตล่ ะจดุ อยา่ งเชน่ ในโลกกบั เวลาทีEนอกโลก

10


นนัB ไม่ตรงกนั หรือไม่เท่ากนั โดยมีการทดลองด้วยการนํานาฬิกาอะตอมซงEึ เป็นนาฬิกาทีEมีความ
เทีEยงตรงแม่นยํามากทEีสุดเพราะใช้ การเคลืEอนทีEของอะตอมของสสารชนิดหนึEงซึEง
นักวิทยาศาสตร์บอกว่าความเทีEยงตรงของมันก็คือ เวลาถึงล้านปีมันจะคลาดเคลืEอนเพียง
• วินาทีเทา่ นนัB เขาได้นําเอานาฬิกาอะตอมมาตงัB ทEีโลกเครEืองหนงEึ และไปตงัB ทีEอวกาศเครEืองหนงEึ
ผลปรากฏวา่ เวลาเดินไม่ตรงกนั ไม่เท่ากนั ฉนั ใดก็ฉนั นนัB อลั เบิร์ตไอน์สไตน์บอกวา่ ถ้าเราไปอยู่
บนยานอวกาศทEีเคลEือนทีEด้วยกบั ความเร็วเท่ากบั แสงในเวลา • นาที กบั การทีEเราถีบจกั รยาน
อย่บู นโลก • นาที จะมีความรู้สึกไม่เหมือนกนั เพราะช่วงเวลามนั จะไม่เหมือนกนั นีEคือทฤษฎี
ของอลั เบิร์ตไอน์สไตน์ในเรEือง Space-Time ซงึE มีการพิสจู น์วา่ เป็นความจริง ในปัจจบุ นั ได้มีการ
นําทฤษฎีในเรEืองนีมB าใช้จริงๆ แล้ว และเป็นเรEืองทEีใกล้ตวั เรามาก เช่น การใช้มือถือของเราเอง
ก็ยงั ใช้ทฤษฎีของอลั เบิร์ตไอน์สไตน์เรืEอง Space-Time เพราะวา่ เวลาเราเปิด google map เพืEอ
กําหนดตําแหน่งในแผนทีEในมือถือมนั ต้องใช้ดาวเทียมทEีอย่นู อกโลก ถ้าหากใช้ดาวเทียมดวง
เดียวเวลาเราส่งข้อมลู ว่าพิกดั GPS ของเราอย่ตู รงไหน ส่งจากดาวเทียมทีEอย่นู อกโลกมาทีEตวั
เรา มนั ก็จะคลาดเคลือE นเพราะเวลามนั ตา่ งกนั ซงึE มนั จะทําให้คลาดเคลืEอนเป็นกิโล แตใ่ นการทํา
google map เขาจะใช้ดาวเทียมถึง b ดวง เพEือทEีจะเฉลEียหรือประมวลผลให้มีค่าทEีเชืEอถือได้
มากทีEสุด นีEคือการพิสูจน์และการใช้ทฤษฎีสัมพันธภาพของอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ในปัจจุบัน
หลงั จากนนัB เมEือมี Space-Time เกิดขนึ B ในจกั รวาล มวลทีEมีนําB หนกั ยอ่ มทําให้เกิดเวลาทีEยืดหด
ตัวอย่างเช่น กรณีของหลุมดํา T หลุมทEีรวมกันซEึงทําให้มวลเปลีEยนไปเป็นผลทําให้เกิดคลEืน
พลงั งานมาถึงโลก นEีก็คือคลEืนโน้มถ่วงทีEอลั เบิร์ตไอน์สไตน์พยายามทEีจะเขียนอธิบายซงEึ LIGO
เพิEงจะสามารถพิสูจน์ได้เมEือไม่นานมานี B เพราะฉะนันB นีEก็เป็ นสEิงหนEึงทEีชีใB ห้ เห็นว่ามีการ
พัฒนาขึนB ถามว่ามุสลิมได้อะไร จะมีอีหม่านเพิEมมากขึนB หรือไม่ หรือเราเห็นว่าวิทยาศาสตร์
มันก้าวหน้าไปเรืEอยๆ แล้วในทีEสุดมันจะก้าวไปจนกระทEังไม่เชืEอในพระเจ้าหรือไม่ มุสลิมคิด
อย่างนันB หรือไม่ วิทยาศาสตร์พัฒนาขึนB เท่าไหร่ทําให้ความเชืEอในพระเจ้าลดน้อยลงหรือไม่
เพราะฉะนนัB ตรงนีเB ป็นจุดทดสอบของผ้ศู รัทธาทีEเราจะต้องศรัทธาต่อพระเจ้าอย่างไร ข้าพเจ้า
ขอกล่าวไว้ล่วงหน้าเลยว่า ยEิงวิทยาศาสตร์พฒั นาก้าวหน้าขึนB มากเท่าใด การศรัทธาในพระผู้
เป็นเจ้าย่อมมีมากขึนB เท่านันB กล่าวแบบให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เมEือนักวิทยาศาสตร์ค้นคว้าหา

11


คําตอบของสรรพสEิงทงัB หลายทีEเกิดขึนB มาทงัB หมดแล้ว ก็จะรู้ถึงสจั ธรรมว่ามีพระผ้สู ร้างสEิงต่างๆ
เหลา่ นีอB ย่างแน่นอน ด้วยเหตนุ ีมB สุ ลิมจงึ ต้องกลบั มาพิจารณาหลกั ฐานทEีเป็นตวั บทบญั ญตั ิของ
ศาสนา ในเรEืองนี BซงEึ มีการกลา่ วอย่ใู นพระมหาคมั ภีร์อลั กรุ อานซูเราะฮ์อลั ฟสุ สีลตั อายะฮ์ทีE Ub
ได้ระบวุ า่

◌ۗ ‫َﺳﻧُ ِرﯾ ِﮭ ْم آﯾَﺎ ِﺗﻧَﺎ ِﻓﻲ ا ْﻵﻓَﺎ ِق َو ِﻓﻲ أَﻧﻔُ ِﺳ ِﮭ ْم َﺣﺗﱠ ٰﻰ ﯾَﺗَﺑَﯾﱠ َن ﻟَ ُﮭ ْم أَﻧﱠﮫُ ا ْﻟ َﺣ ﱡق‬
ٌ‫أَ َوﻟَ ْم ﯾَ ْﻛ ِف ِﺑ َر ِﺑّ َك أَﻧﱠﮫُ َﻋﻠَ ٰﻰ ﻛُ ِّل َﺷ ْﻲ ٍء َﺷ ِﮭﯾد‬

ความว่า “เราจะทําให้พวกเขาได้เห็นสญั ญาณทงัB หลายของเราในขอบเขตอนั ไกลโพ้น
และในตวั ของพวกเขาเอง จนกระทงEั จะเป็นประจกั ษ์แก่พวกเขาว่า อลั กรุ อานนนัB เป็นความจริง
ยงั ไมพ่ อเพียงอีกหรือทีEพระเจ้าของเจ้านนัB ทรงเป็นพยานตอ่ ทกุ สงEิ ”

นักวิชาการศาสนาอิสลามได้อธิบายว่า ขอบเขตอันไกลโพ้นนันB ก็คือ จักรวาลนEันเอง
สําหรับในเรEือง Space-Time ในพระมหาคมั ภีร์อลั กุรอานซูเราะฮ์อสั สะญะดะฮ์ อายะฮ์ทีE U-‡
ได้ระบวุ า่

‫ﯾُدَ ِﺑّ ُر اﻷَ ْﻣ َر ِﻣ َن اﻟﺗَ ﱠﺳﻌُ َﻣدﱡﺎوِء َنِإﻟَ ٰذَ ِﻟﻰ َاكﻷَ َﻋْرﺎ ِﻟ ُمِاضْﻟﺛﻐَُ ْﯾﱠم ﯾَ ِب ْﻌ َُوراﻟ ُج ﱠﺷِإﻟَ َﮭْﯾﺎ ِﮫدَ ِةِﻓ ا ْﻟﻲﻌَﯾَ ِْزو ٍﯾم ُز َﻛاﺎﻟ َ ﱠنر ِِﻣﺣ ْﻘﯾدَُما ُرهُ أَ ْﻟ َف َﺳﻧَ ٍﺔ ِﻣ ﱠﻣﺎ‬

ความว่า “พระองค์ทรงบริหารกิจการจากชนัB ฟ้าส่แู ผ่นดิน แล้วมนั จะขึนB ไปส่พู ระองค์ใน
วนั หนึEงซEึงกําหนดของมันเท่ากับหนEึงพันปีตามทEีพวกเจ้านับ นEันคือพระผู้ทรงรอบรู้สิEงเร้นลบั
และเปิดเผยเป็นผ้ทู รงอํานาจผ้ทู รงเมตตาเสมอ”

นอกจากนีใB นพระมหาคมั ภีร์อลั กรุ อานซเู ราะฮ์อลั ฮจั ร์ อายะฮ์ทEี Vˆ ได้ระบวุ า่

‫ُ َو ْﻋدَهُ ۚ◌ َو ِإ ﱠن ﯾَ ْو ًﻣﺎ ِﻋﻧدَ َر ِﺑّ َك‬6‫َوﯾَ ْﺳﺗَ ْﻌ ِﺟﻠُوﻧَ َك ِﺑﺎ ْﻟﻌَذَا ِب َوﻟَن ﯾُ ْﺧ ِﻠ َف ا ﱠ‬
‫َﻛﺄَ ْﻟ ِف َﺳﻧَ ٍﺔ ِّﻣ ﱠﻣﺎ ﺗَﻌُدﱡو َن‬

ความว่า “และพวกเขาเร่งเร้าเจ้าให้มีการลงโทษแต่ว่าอลั ลอฮฺนนัB จะไม่ทรงผิดสญั ญา
ของพระองค์เป็นอนั ขาด และแท้จริงวนั หนึEง ณ ทีEพระเจ้าของเจ้านันB เท่ากับหนึEงพันปี ตามทีE
พวกเจ้าคํานวณนบั ”

12


ทังB สองอายะฮ์นีไB ด้ระบุตรงกันว่า • วนั ณ ทีEอลั ลอฮฺนันB เท่ากับ •,WWW ปีในโลกมนุษย์
นอกจากนีใB นพระมหาคมั ภีร์อลั กรุ อานซเู ราะฮ์อลั มะอาริจ อายะฮ์ทEี V ได้ระบวุ า่

‫ﺗَ ْﻌ ُر ُج ا ْﻟ َﻣ َﻼ ِﺋ َﻛﺔُ َواﻟ ﱡرو ُح ِإﻟَ ْﯾ ِﮫ ِﻓﻲ ﯾَ ْو ٍم َﻛﺎ َن ِﻣ ْﻘدَا ُرهُ َﺧ ْﻣ ِﺳﯾ َن أَ ْﻟ َف َﺳﻧَ ٍﺔ‬

ความว่า “มาลาอิกะฮ์และวิญญาณ (ญิบรีล) จะขึนB ไปหาพระองค์ในวนั หนEึงซงึE กําหนด
ของมนั เทา่ กบั ห้าหมืEนปี (ของโลกดนุ ยานี)B ”

จากสามอายะฮ์ข้างต้นชีใB ห้เห็นว่าอัลลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) ได้ทรงบอกไว้ใน
พระมหาคมั ภีร์อลั กรุ อานแล้ววา่ เวลาในโลกดนุ ยากบั เวลาในฟากฟา้ นนัB แตกตา่ งกนั ซงEึ เป็นสงEิ ทีE
มีระบุอยู่ในพระมหาคมั ภีร์อลั กุรอานทีEพระองค์ทรงบอกไว้แล้วเมืEอ •VWW ปี แต่ทว่าอลั เบิร์ต
ไอน์สไตน์เพEิงจะคิดค้นทฤษฎีนีเB มืEอต้นศตวรรษทีE TW คือ ในปี ค.ศ. •gWU ในขณะทEีอลั กรุ อาน
ได้บอกไว้นานมาแล้วซึEงมุสลิมได้อ่านแต่ไม่มีความเข้าใจในอายะฮ์นี B นEีเป็นตัวอย่างหนEึง
ทีEชีใB ห้เห็นว่าสEิงต่างๆ ในโลกนีลB ้วนแล้วแต่เป็นการทดสอบของอลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮวู ่าตะอาลา)
ทีEต้องการให้พวกเราได้เพEิมพนู อีหม่านและให้เราศรัทธาในพระองค์มากยิEงขนึ B สําหรับผ้ศู รัทธา
ทุกๆ คนแล้ว สิEงทEีเกิดขึนB ทังB หมดนีไB ม่ใช่เหตุบังเอิญแต่เป็นพระประสงค์ของพระองค์อลั ลอฮฺ
(ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) และนEีเป็นเพียงจุดหนึEงเท่านันB เพราะนักวิทยาศาสตร์ยงั ไม่รู้อะไรอีก
มากมาย โดยเขาบอกว่าความรู้ทีEเกEียวกบั จกั รวาลในปัจจบุ นั มีแค่ไม่เกิน b เปอร์เซ็นต์ เพราะ
ยงั มีสิEงอย่างอืEนทEีมนษุ ย์ยงั ไม่รู้ ไม่ว่าจะเป็น Supermassive Black Hole ทEีอย่ใู นแกแล็คซีEทาง
ช้างเผือก ซEึงยงั ไม่รู้เลยว่ามนั จะมีปฏิกิริยาอย่างไร รู้แค่ว่ามนั ยงั ไม่ทํางานเท่านนัB แต่รู้เรืEองทีE
ห่างไกล •bWW ล้านปีแสง แตใ่ นแกแล็คซEีของเรากลบั ไม่รู้ นอกจากนนัB ยงั มี Dark Matter, Dark
Energy ทEีมีพลงั มหาศาลทีEมนษุ ย์ยงั ไม่รู้ ซงึE ล้วนแล้วแต่เป็นสEิงทEีอลั ลอฮฺจะทําให้มนษุ ย์ได้รู้ไป
เรืEอยๆ เมืEอมนุษย์ค้นคว้าหาคําตอบต่อไป ทงัB นีเB พืEอให้มนุษย์ได้ประจกั ษ์ว่าอลั กุรอานนันB เป็น
สจั ธรรม โดยอลั กุรอานไม่จําเป็นต้องเขียนไว้หมดทุกอย่าง แต่อลั กุรอานนนัB เขียนในสEิงทีEเป็น
หลกั การหรือวิธีคิดเพEือทEีจะทําให้มนุษย์ได้รับฮิดายะฮ์และให้มุสลิมมีอีหม่านเพิEมขึนB เท่านันB
ซงEึ เป็นหลกั การหรือเหตกุ ารณ์ใหญ่ๆ ทีEจะเป็นสEิงทEีสร้างอีหม่าน เพราะฉะนนัB ผ้ศู รัทธาทกุ ท่าน
คงไม่มีอะไรสําหรับเหตกุ ารณ์นีนB อกจากการเพEิมพนู อีหม่านและความเชEือมนEั ในอลั ลอฮฺ (ซุบฮา
นา่ ฮวู า่ ตะอาลา) เพิEมมากขนึ B เทา่ นนัB เอง

13


เร;ือง การศกึ ษาวจิ ยั เก;ียวกับการมีสุขภาพดแี ละอายุยืนยาว

‫ِﺑ ْﺳ ِم اﻟﻠﱠـ ِﮫ اﻟ ﱠر ْﺣ َﻣ ٰـ ِن اﻟ ﱠر ِﺣﯾ ِم‬

‫ ِﻣ ْن ﺷُ ُر ْو ِر أَ ْﻧﻔُ ِﺳﻧَﺎ َو ِﻣ ْن‬Dِ ‫ ﻧَ ْﺣ َﻣدُهُ َوﻧَ ْﺳﺗَ ِﻌﯾﻧُﮫُ َوﻧَ ْﺳﺗَ ْﻐ ِﻔ ُرهُ َوﻧَﺗُ ْو ُب ِإﻟَ ْﯾ َك َوﻧَﻌُ ْوذُ ِﺑﺎ‬6ِ ّ ِ َ‫ِإ ﱠن ا ْﻟ َﺣ ْﻣد‬
َ‫ َوأَ ْﺷ َﮭدُ أَ ْن َﻻ ِإﻟَﮫ‬،ُ‫ َو َﻣ ْن ﯾُ ْﺿ ِﻠ ْل ﻓَ َﻼ َھﺎ ِد َي ﻟَﮫ‬،ُ‫ َﻣ ْن ﯾَ ْﮭ ِد ِه ﷲُ ﻓَ َﻼ ُﻣ ِﺿ ﱠل ﻟَﮫ‬،‫َﺳ ِﯾّﺋَﺎ ِت أَ ْﻋ َﻣﺎ ِﻟﻧَﺎ‬
‫ﻧَ ِﺑﯾًﻧَﺎ‬ ‫َﻋﻠ َﻰ‬ ‫ اَﻟﻠﱠ ُﮭ ﱠم َﺻ ًل‬٠ ُ‫ َوأَ ْﺷ َﮭدُ أَ ﱠن ُﻣ َﺣ ﱠﻣدَاً َﻋ ْﺑدُهُ َو َرﺳُ ْوﻟُﮫ‬،ُ‫َﻻ َﺷ ِر ْﯾ َك ﻟَﮫ‬ ُ‫َو ْﺣدُه‬ ُ‫ِإ ﱠﻻ ﷲ‬
‫ أَ ﱠﻣﺎ ﺑَ ْﻌدُه‬٠ ‫آ ِﻟﮫ َو َﺻ ْﺣ ِﺑﮫ َو َﻣ ْن ﺗَ ِﺑﻌَ ُﮭ ْم ِﺑﺈِ ْﺣ َﺳﺎ ٍن ِإﻟَﻰ ﯾَ ْو ِم اﻟدً ِﯾن‬ ‫َو َﻋﻠَﻰ‬ ‫ُﻣ َﺣ ﱠﻣ ٍد‬

‫ ﯾَﺎ أَﯾﱡ َﮭﺎ اﻟﻧﱠﺎ ُس اﺗﱠﻘُوا َرﺑﱠﻛُ ُم اﻟﱠ ِذي َﺧﻠَﻘَﻛُم ِّﻣن ﻧﱠ ْﻔ ٍس‬٠ ‫ﻓَﻘَ ْد ﻗَﺎ َل ﷲُ ﺗَﻌَﺎﻟَﻰ ِﻓﻲ ِﻛ ِﺗﺎ ِب ِﷲ اﻟﻌَ ِظ ْﯾم‬
‫ اﻟﱠ ِذي ﺗَ َﺳﺎ َءﻟُو َن‬6َ ‫َوا ِﺣدَةٍ َو َﺧﻠَ َق ِﻣ ْﻧ َﮭﺎ َز ْو َﺟ َﮭﺎ َوﺑَ ﱠث ِﻣ ْﻧ ُﮭ َﻣﺎ ِر َﺟﺎ ًﻻ َﻛ ِﺛﯾ ًرا َو ِﻧ َﺳﺎ ًء ۚ◌ َواﺗﱠﻘُوا ا ﱠ‬
‫ﯾَﺎ أَﯾﱡ َﮭﺎ‬ ٠‫اﻟﻌَ ِظ ْﯾم‬ ‫ﺗَﻌَﺎﻟَﻰ ِﻓﻲ ِﻛ ِﺗﺎ ِب ِﷲ‬ ُ‫ﻓَﻘَ ْد ﻗَﺎ َل ﷲ‬ ‫وﻗُ َﻛوﺎﻟُ َنوا َﻋﻗَﻠَْ ْﯾوﻛُﻻ ْم ََﺳر ِدِﻗﯾﯾﺑًدًﺎا‬6ََ ‫ ﱠ‬6َ‫اِﺑﻟﱠ ِﮫِذﯾَو َان ْآﻷَ َْﻣرﻧُ َوﺣاﺎ َماﺗﱠﻘُۚ◌واِإ اﱠن ﱠا‬
‫َو َﻣن‬ ◌ۗ ‫ذُﻧُوﺑَﻛُ ْم‬ ‫أَ ْﻋ َﻣﺎﻟَﻛُ ْم َوﯾَ ْﻐ ِﻔ ْر ﻟَﻛُ ْم‬ ‫ﯾُ ْﺻ ِﻠ ْﺢ ﻟَﻛُ ْم‬
‫ َﺻدَ َق ﷲُ اﻟﻌَ ِظ ْﯾم‬٠‫ َو َرﺳُوﻟَﮫُ ﻓَﻘَ ْد ﻓَﺎ َز ﻓَ ْو ًزا َﻋ ِظﯾ ًﻣﺎ‬6َ ‫ﯾُ ِطﻊِ ا ﱠ‬

ขอความสขุ ความสนั ติ ความเมตตาปราณีจากเอกองค์อลั ลอฮฺ (ซบุ ฮานา่ ฮวู า่ ตะอาลา)

จงประสบแด่พีEน้องผ้ศู รัทธาทีEรักทกุ ท่าน ขอขอบคณุ อลั ลอฮฺทีEทรงโปรดให้พวกเราได้มีชีวิตอยู่

จนถึงวนั ศุกร์นีอB ีกครังB ข้าพเจ้าขอเตือนตวั เองและเตือนพวกท่านทังB หลายให้มีความยําเกรง

ต่ออลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) ด้วยกับการปฏิบตั ิในสิEงทีEพระองค์ทรงสงัE ใช้และออกห่าง

หรือหลีกให้พ้นจากสEิงทEีเป็นความชวEั ร้ายทีEพระองค์ทรงสงEั ห้าม การทีEเราได้ใช้ชีวิตอย่ใู นทกุ วนั นี B

ภายในโลกนี Bเรารู้ดีว่าเราอยู่ชวัE คราวและเราจะต้องเดินทางไปส่โู ลกอาคีเราะฮ์อย่างแน่นอน

เพราะฉะนนัB เราจําต้องตระเตรียมเสบียงให้เพียงพอทEีจะอยใู่ นโลกทีEถาวรตอ่ ไป โลกดนุ ยานีไB มม่ ี

อะไรทีEแน่นอน โลกนีมB ีแต่สEิงทEีชวEั คราวทงัB หมด ความสขุ ความทกุ ข์มนั เป็นเพียงชวัE ขณะหนEึงซงEึ

มันไม่ยัEงยืนถาวร เพราะฉะนันB เราต้องคิดว่าสEิงเหล่านีมB ันเป็นบททดสอบจากพระผู้เป็นเจ้า

สEิงสําคญั ทEีเราจะต้องเตรียมคืออะม้าลอิบาดะฮฺของเราทําในสิEงทีEพระองค์ทรงสงEั ใช้ ซึEงเราทํา

พร้อมแล้วหรือยงั เราจะต้องตรวจสอบตวั เราเองว่าเราละหมาดครบ U เวลาหรือไม่ ถ้าบางคน

ยงั ไม่ครบเราพร้อมทีEจะถกู ตรวจสอบหรือไม่ในวนั อาคีเราะฮ์ เพราะฉะนนัB เราต้องเตือนตวั เอง

เสมอ ส่วนสEิงทีEเป็นข้อห้ามเราได้กระทําหรือไม่ สิEงทEีพระองค์ทรงสงEั ใช้และสงEั ห้ามไม่ได้เพEือ

พระองค์ทีEสงEั ให้เราทําหรือสงัE ห้ามเราไมใ่ ห้ทําซงEึ มนั เป็นประโยชน์สําหรับพวกเราเพียงแตเ่ ราไมร่ ู้

14


ซEึงข้าพเจ้าก็ได้นําเสนอในหลายๆ คุตบะฮ์แล้วว่าสEิงทีEเราทําอิบาดะฮฺเป็นประโยชน์ต่อเรา
อย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการอาบนําB ละหมาด การออกซะกาต การถือศีลอด การทําฮัจญ์
ทุกอย่างล้ วนแล้ วแต่เป็ นประโยชน์ต่อมนุษย์ทังB สินB เพียงแต่มนุษย์ไม่รู้ มนุษย์ไม่เข้ าใจ
ยกตวั อย่างเช่น การละหมาด เรายืน เรารูกวั ะ เราส‘ุ ูด เรานงัE ตะฮีญัต เราก็ทําตามขนัB ตอนทีE
ท่านศาสดา มฮู มั หมดั (ซ็อลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิว่าสลั ลมั ) ได้ทําไว้เป็นแบบอย่าง แต่สิEงทีEจะได้ก็ได้
กบั ตวั เราซงึE นอกจากการทEีเราจะเป็นบ่าวทEีดีในการเอาหน้าผากของเราส‘ุ ูดต่อพระผ้เู ป็นเจ้า
ผ้ทู รงสงู ส่งแล้วเราเองยงั ได้อ่านกุรอาน ได้กล่าวตสั เบียะฮ์ กล่าวตกั บีร ขอดอุ าอฺต่อพระผ้เู ป็น
เจ้า เราได้ใกล้ชิดกับพระองค์โดยเฉพาะขณะทEีรูกัวะหรือสุ‘ูด ตอนทEีรูกัวะหรือสุ‘ูดก็มี
ประโยชน์ตอ่ มนษุ ย์แตม่ นษุ ย์ไม่รู้ มนษุ ย์ไม่รู้วา่ ทําไมถึงต้องรูกวั ะหรือส‘ุ ดู คือมนั มีภาคผลทีEได้
กบั มนษุ ย์ นกั วิชาการทางด้านการแพทย์บอกว่า มนั ทําให้เรามีระบบในการหายใจทEีดีขึนB คือ
เวลารูกวั ะต้องก้มโค้งประมาณ gW องศา มนั จะทําให้ปอดสว่ นหนงึE ได้ออกกําลงั กาย แตเ่ ดิมเรา
หายใจไม่ทวัE ปอดเพราะเราไม่เคยหายใจลกึ แต่เวลาเราจะหายใจยาวๆ เราจะได้ใช้ปอดส่วนทีE
อยู่ตอนกลาง ส่วนเวลาเราส‘ุ ูดนันB เราจะได้ใช้ปอดในช่วงส่วนท้ายของปอดเพราะมนั ก้มลง
ตํEาสดุ VU องศา เพราะฉะนนัB เราควรจะหายใจยาวๆ แตห่ ากวา่ เรารูกวั ะส‘ุ ดู แบบไก่จิกเราก็จะ
ไม่ได้ฮิกมะฮ์ตรงนี BทEีจริงถ้าเรารูกวั ะยาวๆ ส‘ุ ดู นานๆ แล้วเราหายใจใช้ระบบในการหายใจเข้า
ออก เราจะได้ภาคผลของการละหมาดกบั ร่างกายเรา แม้แต่การยนั นิวB เท้าในขณะส‘ุ ดู ก็ยงั ได้
ประโยชน์ต่อมนษุ ย์ นนEั เป็นสEิงทีEชีใB ห้เห็นว่าสEิงทEีเป็นอะม้าลอิบาดะฮฺทEีอลั ลอฮฺทรงกําหนดล้วน
แล้วแตเ่ ป็นประโยชน์ตอ่ มนษุ ย์ทงัB สินB ไม่วา่ จะเป็นข้อใช้หรือข้อห้าม สEิงสําคญั ทEีจะพดู ในวนั นีคB ือ
มีนักวิชาการบางคนบอกว่าปัญหาทุกวันนีมB ันเกิดจากการทEีมนุษย์ไม่ทําตามสิEงทEีอัลลอฮฺ
กําหนดไว้เพราะอัลลอฮฺทรงสร้ างมนุษย์พระองค์ทรงรอบรู้ว่ามนุษย์จะต้องมีธรรมชาติเป็น
อยา่ งไร จงึ กําหนดกฎเกณฑ์ทีEเป็นชะรีอะฮ์มาให้เราปฏิบตั ิซงึE มีอลั กรุ อานเป็นคมู่ ือให้เราทําตาม
เพราะฉะนนัB ถ้าเราไมใ่ ช้อลั กรุ อานและชะรีอะฮ์มนั ก็จะเกิดปัญหาในสงั คม อนั นีเBป็นสงEิ ทEีเกิดขนึ B
จริงเพราะว่าคนทีEสร้างปัญหาล้วนแล้วแต่มีอีหม่านทEีไม่เข้มแข็ง บางทีไม่มีตกั วา ถ้าเราเป็นผ้ทู Eี
มีอีหม่านอลั ลอฮฺจะหาทางออกให้เราเสมอ อลั ลอฮฺได้ทรงบอกไว้ในพระมหาคมั ภีร์อลั กุรอาน
ซเู ราะฮ์อตั ตอลา็ ก อายะฮ์ทีE T-b ได้ระบวุ า่

15


‫ ﯾَ ْﺟﻌَل ﻟﱠﮫُ َﻣ ْﺧ َر ًﺟﺎ َوﯾَ ْر ُز ْﻗﮫُ ِﻣ ْن َﺣ ْﯾ ُث َﻻ ﯾَ ْﺣﺗَ ِﺳ ُب‬6َ ‫َو َﻣن ﯾَﺗﱠ ِق ا ﱠ‬

ความวา่ “และผ้ใู ดยําเกรงอลั ลอฮฺ พระองค์จะทรงหาทางออกให้แก่เขา และจะทรง
ประทานปัจจยั ยงั ชีพแก่เขาโดยทEีเขามิได้คาดคดิ ”

มีคําถามว่า เราเชEืออัลกุรอานในอายะฮ์นีหB รือไม่ เราคิดว่าเราจน เรามีปัญหาเรืEอง
ครอบครัว เรืEองภรรยา เรEืองการงาน แต่เราเคยคิดพEึงอลั ลอฮฺหรือไม่ เราต้องขอดุอาอฺเราต้อง
ทําอะม้าลอิบาดะฮฺ เราต้องทบทวนวา่ เราทําสEิงทีEไม่ดีอะไรบ้าง ทําไมอลั ลอฮฺจงึ ไม่ตอบรับดอุ าอฺ
ของเราหรื อเราควรจะขอดุอาอฺเรืE องอEืนหรื ออะไรก็แล้ วแต่ซึEงสิEงทEีอัลลอฮฺยังไม่ได้ ประทานให้
ไมไ่ ด้หมายถงึ ไมด่ ีอาจเป็นสEงิ ทEีอลั ลอฮฺกําหนดไว้แล้วแตเ่ ราขอในสEงิ ทEีดีไมพ่ ออลั ลอฮฺก็เลยไมใ่ ห้
หรืออลั ลอฮฺจะตอบแทนในโลกหน้าซงึE ดีกว่าโลกนีอB ย่างแน่นอน นนัE ก็คือสEิงทีEนกั วิชาการได้พดู
ข้าพเจ้าจะเอาเรEืองหนงึE ทีEได้อา่ นลา่ สดุ ซงEึ เป็นงานวิจยั ของมหาวิทยาลยั ฮาวาร์ด เป็นผลงานของ
Prof. Dr. Robert Waldinger ใครทีEสนใจในรายละเอียดก็สามารถรับฟั งใน TED talk ใน
Youtubeได้ เขาได้ทําการศกึ ษาวิจยั เกEียวกบั Adult Development ทEีมหาวิทยาลยั ฮาวาร์ดโดย
ได้ใช้ระยะเวลาทีEยาวนานมากทีEสดุ คือ เรEิมทําตงัB แตป่ ี ค.ศ.•gb˜ หรือ พ.ศ. TV˜• ใช้เวลา ˆU ปี
ในการทดลองและศึกษาวิจัย ใช้ผู้วิจัยรวม V generation ท่าน Prof. Dr. Robert Waldinger
เป็น generation ทEี V งานวิจยั ชินB นีเBป็นงานวิจยั ทีEเกEียวกบั พฒั นาการของมนษุ ย์ในการเติบโตซงึE
เขาพยายามค้นหาคําตอบอนั หนEึงว่า ปัจจยั ใดทEีทําให้มนษุ ย์มีความสขุ และมีอายยุ ืนยาวนาน
ปัจจยั ทEีมีผลต่อการให้มนษุ ย์มีความสขุ มีอายยุ ืนนานนนัB ไม่ใช่การมีสขุ ภาพร่างกายทEีดีเท่านนัB
แตต่ ้องมีสติปัญญา มีการควบคมุ อารมณ์ทีEดี สมองไมเ่ ป็นอลั ไซเมอร์ด้วย ทีEบอกวา่ ใช้เวลาวิจยั
ˆU ปี มีเอกสาร Document Research ประมานหมEืนกว่าหน้า เขาได้ศึกษาพัฒนาการของ
มนษุ ย์ตงัB แตอ่ ายุ •g ปี จนถึง gW ปี และเขาได้แบง่ บคุ คลออกเป็น T กลมุ่ กลมุ่ แรกคือ กลมุ่ คน
ทีEมีการศกึ ษาในยคุ หลงั สงครามโลก อีกกลมุ่ หนงEึ คือ กลมุ่ คนจรจดั ทีEไม่มีการศกึ ษา ผลปรากฏ
ว่าเขาได้เก็บข้อมลู เกEียวกบั การใช้ชีวิตประจําวนั การกินอยู่ หลบั นอน ความสมั พนั ธ์กบั บคุ คล
อEืน การควบคมุ อารมณ์ การรักษาพยาบาล การศึกษาและความสําเร็จ เขาพยายามหาข้อมลู
ทงัB หมดแล้วสรุปว่าอะไรทําให้เกิดความสําเร็จในมนษุ ย์ตอนทีEอายมุ าก สําเร็จทางด้านร่างกาย
จิตใจ สมองและอายยุ ืน เขาได้ศึกษาโดยการเอาข้อมลู ทางด้านสขุ ภาพไม่ว่าจะเป็นการเจาะ

16


เลือดดูคลอเลสเตอรอล ดูไขมัน ดูการเป็นโรคต่างๆ ผลปรากฎว่า เขาได้ค้นพบว่า ปัจจัย
เกีEยวกบั พนั ธุกรรมเป็นสิEงทEีทําให้คนโชคดีมากถ้าคณุ มีพนั ธุกรรมทEีดี สว่ นเรืEองความรวย ความ
มัEงคงEั การมีชEือเสียง มันเป็นปัจจัยหนึEงทีEจะเอือB ทําให้สุขภาพดีเนEืองจากมีปัจจัยทางการเงิน
ทางด้านการรักษา แต่ก็ไม่ใช่เรืEองทEีสําคญั ทEีสดุ ปัจจยั ในเรืEองเกีEยวกบั ยาเสพติด การดืEมเหล้า
การสบู บุหรีEมีผลต่อการมีอายยุ ืนและมีสขุ ภาพร่างกายและจิตใจทีEแข็งแรง เขาพบว่าบางคน
ได้รับความสําเร็จ บางคนเป็นวิศวกร เป็นหมอและคนหนงEึ เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา
บางคนก็ตกตEําเป็นถึงขอทาน เป็นโรคจิตหรือเป็นคนบ้า เขาได้สรุปผลการศึกษาว่า ปัจจยั ทEีมี
ผลมากทีEสุด คือ การใช้ชีวิตในตอนเด็กถ้าได้รับปัญหาอย่างไร ดูแลกันอย่างไร ครอบครัวมี
ปัญหาอย่างไร ชีวิตตอนโตก็จะมีผลติดตามมาด้วย แต่สEิงทีEสําคัญทEีสุดทีEมีผลต่อการทําให้
มนษุ ย์มีอายยุ ืนและสติปัญญาทEีดี คือ Good Relationship ความสมั พนั ธ์ใกล้ชิดกนั ของมนษุ ย์
มนุษย์ทEีอยู่โดดเดีEยว มนุษย์ทEีอ้างว้างจะมีอายุไม่ยืนและไม่ประสบความสําเร็จ รวมทังB มี
สติปัญญาและสขุ ภาพทEีไม่ดี การมีความสมั พนั ธ์กบั ครอบครัว สามี ลกู หลาน เพEือนฝงู สงั คม
ต้องมีความสมั พันธ์ในทุกระดับและทีEสําคัญคุณภาพของความสําคัญนันB สําคัญทEีสุด ไม่ได้
หมายความวา่ จะต้องไมท่ ะเลาะกนั หมายถงึ ทะเลาะกนั แตส่ ามารถทEีจะกลบั คืนดีกนั เข้าใจกนั
ปรังปรุงความสมั พนั ธ์ได้เร็ว ดงั ทEีคําสอนของอิสลามบอกให้คืนดีกนั ภายใน b วนั อนั นีมB นั เป็น
สิEงทีEเขาได้ค้นพบ สิEงทEีค้นพบทEีใช้เวลาถึง ˆU ปี ใช้พลังทรัพยากรจํานวนมาก ใช้ความรู้
ความสามารถ เอกสารเป็นหมืEนๆ หน้า เพืEอค้นพบว่า ความสมั พนั ธ์ใกล้ชิดเป็นปัจจยั ทEีสําคญั
ทําให้มนษุ ย์อายยุ ืนยาวและมีสขุ ภาพทEีดี มีสมองทีEดี แต่ทว่าคําสอนของอิสลามได้บอกไว้แล้ว
เมืEอ •,VWW ปีทEีผา่ นมา ดงั ทEีปรากฏอยใู่ นซเู ราะฮ์อนั นิสาอ์ทEีได้กลา่ วมาแล้วในตอนต้น

‫ﯾَﺎ أَﯾﱡ َﮭﺎ اﻟﻧﱠﺎ ُس اﺗﱠﻘُوا َرﺑﱠﻛُ ُم اﻟﱠ ِذي َﺧﻠَﻘَﻛُم ِّﻣن ﻧﱠ ْﻔ ٍس َوا ِﺣدَةٍ َو َﺧﻠَ َق ِﻣ ْﻧ َﮭﺎ َز ْو َﺟ َﮭﺎ َوﺑَ ﱠث ِﻣ ْﻧ ُﮭ َﻣﺎ‬
‫ َﻛﺎ َن َﻋﻠَ ْﯾﻛُ ْم َر ِﻗﯾﺑًﺎ‬6َ ‫ اﻟﱠ ِذي ﺗَ َﺳﺎ َءﻟُو َن ِﺑ ِﮫ َوا ْﻷَ ْر َﺣﺎ َم ۚ◌ ِإ ﱠن ا ﱠ‬6َ ‫ِر َﺟﺎ ًﻻ َﻛ ِﺛﯾ ًرا َو ِﻧ َﺳﺎ ًء ۚ◌ َواﺗﱠﻘُوا ا ﱠ‬

ความว่า “มนุษย์ชาติทงัB หลาย จงยําเกรงต่อพระผู้อภิบาลของพวกเจ้าทีEได้ทรงบงั เกิด
พวกเจ้ามาจากชีวิตหนึEง และได้ทรงบังเกิดจากชีวิตนันB ซEึงคู่ครองของเขา และได้ทรงทําให้
แพร่หลายไปจากทงัB สองนนัB ซงึE บรรดาชาย และบรรดาหญิงอนั มากมาย และจงยําเกรงอลั ลอฮฺ

17


ทีEพวกเจ้าต่างวิงวอนขอต่อพระองค์ และพึงรักษาเครือญาติ แท้จริงอลั ลอฮฺทรงสอดส่องดพู วก
เจ้าอยเู่ สมอ”

คําสงEั ใช้ในช่วงสดุ ท้ายของอายะฮ์นีคB ือ จงยําเกรงอลั ลอฮฺผ้ซู งEึ พวกทา่ นตา่ งวิงวอนขอตอ่
พระองค์ และจงรักษาเครือญาติ แท้จริงอลั ลอฮฺทรงสอดส่องดพู วกเจ้าอย่เู สมอ อลั ลอฮฺทรงสงEั
ใช้ให้มนษุ ย์ทงัB หลายรักษาเครือญาติ กล่าวคือ สงEั ให้มนษุ ย์มีความใกล้ชิดกบั เครือญาติเพราะ
มันเป็ นสิEงทEีสําคัญ มาก และอัลลอฮฺทรงสอดส่องดูแลพวกเรา ท่าน Prof. Dr. Robert
Waldinger เพิEงจะค้นพบจากผลของการศึกษาวิจยั และได้พดู ใน TED talk เมEือไม่กEีปีมานีเB อง
นอกจากคําสัEงในอัลกุรอานแล้วยังมีปรากฏอยู่ในฮะดีษของท่านอนัส (ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ)
ได้รายงานวา่ ทา่ นศาสดามฮู มั หมดั (ซอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิวา่ สลั ลมั ) ได้กลา่ ววา่

ُ‫َﻣ ْن أَ َﺣ ﱠب أَ ْن ﯾُ ْﺑ َﺳ َط ﻟَﮫُ ِﻓﻲ ِر ْز ِﻗ ِﮫ َوﯾُ ْﻧ َﺳﺄَ ﻟَﮫُ ِﻓﻲ أَﺛَ ِر ِه ﻓَ ْﻠﯾَ ِﺻ ْل َر ِﺣ َﻣﮫ‬

ความว่า “ผ้ใู ดอยากให้ริสกีของเขาเพEิมพนู และให้ร่องรอย (อายขุ ยั ) ของเขาได้ยืนยาว
ขนึ B เขาก็จงเชืEอมสมั พนั ธ์เครือญาตขิ องเขาเถิด” รายงานโดยอิหมา่ มบคุ อรีย์และมสุ ลมิ

จากฮะดีษนีชB ีใB ห้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ถ้าหากผู้ใดประสงค์จะได้รับริสกีจากอัลลอฮฺ
(ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) อย่างกว้างขวาง หรืออยากให้อายุไขของเขายืนยาวนาน ก็จงเชEือม
สมั พนั ธ์กบั เครือญาติ เพราะทงัB สองสEิง คือ รีซกีและอายไุ ขนีอB ลั ลอฮฺเป็นผ้ทู รงกําหนดหรือเป็น
อํานาจของพระองค์ไม่มีผู้ใดทีEจะเปลีEยนแปลงได้นอกจากพระองค์เท่านันB ซึEงพระองค์ได้ทรง
ตรัสไว้แล้วในพระมหาคมั ภีร์อลั กรุ อานซเู ราะฮ์อลั ลกุ มาน อายะฮ์สดุ ท้ายได้ระบวุ า่

‫َو َﻣﺎ ﺗَ ْد ِري ﻧَ ْﻔ ٌس َﻣﺎذَا ﺗَ ْﻛ ِﺳ ُب َﻏدًا َو َﻣﺎ ﺗَ ْد ِري ﻧَ ْﻔ ٌس ِﺑﺄَ ّيِ أَ ْر ٍض ﺗَ ُﻣو ُت‬

ความว่า “และไม่มีชีวิตใดรู้ว่าพรุ่งนีเB ขาจะขวนขวายในสEิงใด และไม่มีชิวิตใดรู้ว่า ณ
แผน่ ดนิ ใดทEีเขาจะตาย”

เพราะฉะนนัB T สEิงนีอB ลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) ได้ทรงกําหนดไว้แล้วและอลั ลอฮฺ
ก็บอกวิธีการว่าถ้าเรามีการเชืEอมสมั พันธ์กับมนุษย์กับเครือญาติกับคนใกล้ตวั เราก็จะได้รับ
T สิEง คําว่า “รีสกี” ไม่ได้หมายถึงว่า เราจะต้องรEํารวย แต่หมายถึง เราสามารถทีEจะมีความสขุ
ซEึงความสุขทีEแท้ จริงคือ การไม่เจ็บป่ วย การมีอีหม่าน หรือการมีชีวิตอยู่คือริสกีทังB หมด

18


เพราะฉะนันB สEิงเหล่านีเB ป็นสิEงทีEจะพิสูจน์ให้เห็นว่า พระดํารัสของพระองค์นันB เป็นสัจธรรม
ในพระมหาคมั ภีร์อลั กรุ อานซเู ราะฮ์อลั ฟสุ สลิ ตั อายะฮ์ทEี Ub ได้ระบวุ า่

◌ۗ ‫َﺳﻧُ ِرﯾ ِﮭ ْم آﯾَﺎ ِﺗﻧَﺎ ِﻓﻲ ا ْﻵﻓَﺎ ِق َو ِﻓﻲ أَﻧﻔُ ِﺳ ِﮭ ْم َﺣﺗﱠ ٰﻰ ﯾَﺗَﺑَﯾﱠ َن ﻟَ ُﮭ ْم أَﻧﱠﮫُ ا ْﻟ َﺣ ﱡق‬
ٌ‫أَ َوﻟَ ْم ﯾَ ْﻛ ِف ِﺑ َر ِﺑّ َك أَﻧﱠﮫُ َﻋﻠَ ٰﻰ ﻛُ ِّل َﺷ ْﻲ ٍء َﺷ ِﮭﯾد‬

ความวา่ “เราจะให้พวกเขาได้เห็นสญั ญาณทงัB หลายของเราในขอบเขตอนั ไกลโพ้นและ
ในตัวของพวกเขาเอง จนกระทEังจะเป็นประจักษ์แก่พวกเขาว่า อัลกุรอานนันB เป็นความจริง
ยงั ไมพ่ อเพียงอีกหรือทEีพระเจ้าของเจ้านนัB ทรงเป็นพยานตอ่ ทกุ สงEิ ”

เพราะฉะนันB สEิงทีEเป็นคุตบะฮ์ในวันนีมB ีเป้าหมายทีEต้องการตักเตือนพวกเราให้เรา
กลบั มาพิจารณาดตู วั เองว่าได้ทําตามสิEงทEีพระองค์ทรงสงEั ใช้และออกห่างจากสEิงทีEพระองค์ทรง
สงัE ห้ามไว้หรือไม่ เพราะถ้าหากยงั ไม่ได้ทํา ผลก็จะได้กบั ตวั เอง แต่ถ้าเราทํา เราละหมาดครบ
เราก็จะได้ในสEิงทEีพระองค์อลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮวู า่ ตะอาลา) ประทานให้ สิEงทEีสําคญั คือวา่ เราต้อง
เข้าใจ เราต้องทําตามแบบฉบบั ทEีท่านศาสดามฮู มั หมดั (ซ็อลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิว่าสลั ลมั ) ได้ทําไว้
ซงEึ จะทําให้เราได้ครบถ้วนในการทEีปฏิบตั ิตามในสEิงทEีอลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮวู ่าตะอาลา) ทรงสงEั ใช้
และทา่ นศาสดามฮู มั หมดั (ซอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิวา่ สลั ลมั ) ได้นํามา

‫َو َﻣﺎ آﺗَﺎﻛُ ُم اﻟ ﱠرﺳُو ُل ﻓَ ُﺧذُوهُ َو َﻣﺎ ﻧَ َﮭﺎﻛُ ْم َﻋ ْﻧﮫُ ﻓَﺎ ْﻧﺗَ ُﮭوا‬

สดุ ท้ายนีขB อดอุ าอฺจากเอกองค์อลั ลอฮฺได้ทรงโปรดให้ข้าพเจ้าและพวกเราทุกคนได้รับ
ความสาํ เร็จทงัB โลกนีแB ละโลกหน้า อามีน

19


เร;ือง โคโรน่าไวรัสกับความรัก ความกลัว และความหวังของมุอมฺ นิ

‫ِﺑ ْﺳ ِم اﻟﻠﱠـ ِﮫ اﻟ ﱠر ْﺣ َﻣ ٰـ ِن اﻟ ﱠر ِﺣﯾ ِم‬

‫ ِﻣ ْن ﺷُ ُر ْو ِر أَ ْﻧﻔُ ِﺳﻧَﺎ َو ِﻣ ْن‬Dِ ‫ ﻧَ ْﺣ َﻣدُهُ َوﻧَ ْﺳﺗَ ِﻌﯾﻧُﮫُ َوﻧَ ْﺳﺗَ ْﻐ ِﻔ ُرهُ َوﻧَﺗُ ْو ُب ِإﻟَ ْﯾ َك َوﻧَﻌُ ْوذُ ِﺑﺎ‬6ِ ّ ِ َ‫ِإ ﱠن ا ْﻟ َﺣ ْﻣد‬
َ‫ َوأَ ْﺷ َﮭدُ أَ ْن َﻻ ِإﻟَﮫ‬،ُ‫ َو َﻣ ْن ﯾُ ْﺿ ِﻠ ْل ﻓَ َﻼ َھﺎ ِد َي ﻟَﮫ‬،ُ‫ َﻣ ْن ﯾَ ْﮭ ِد ِه ﷲُ ﻓَ َﻼ ُﻣ ِﺿ ﱠل ﻟَﮫ‬،‫َﺳ ِﯾّﺋَﺎ ِت أَ ْﻋ َﻣﺎ ِﻟﻧَﺎ‬
‫ﻧَ ِﺑﯾًﻧَﺎ‬ ‫َﻋﻠ َﻰ‬ ‫َﺻ ًل‬ ‫اَﻟﻠﱠ ُﮭ ﱠم‬ ٠ُ‫ َوأَ ْﺷ َﮭدُ أَ ﱠن ُﻣ َﺣ ﱠﻣدَاً َﻋ ْﺑدُهُ َو َرﺳُ ْوﻟُﮫ‬،ُ‫َﻻ َﺷ ِر ْﯾ َك ﻟَﮫ‬ ُ‫َو ْﺣدُه‬ ُ‫ِإ ﱠﻻ ﷲ‬
‫ﺑَ ْﻌدُه‬ ‫ أَ ﱠﻣﺎ‬٠ ‫آ ِﻟﮫ َو َﺻ ْﺣ ِﺑﮫ َو َﻣ ْن ﺗَ ِﺑﻌَ ُﮭ ْم ِﺑﺈِ ْﺣ َﺳﺎ ٍن ِإﻟَﻰ ﯾَ ْو ِم اﻟدً ِﯾن‬ ‫َو َﻋﻠَﻰ‬ ‫ُﻣ َﺣ ﱠﻣ ٍد‬

‫ َوﻗُوﻟُوا ﻗَ ْوﻻ َﺳ ِدﯾدًا‬6َ ‫ ﯾَﺎ أَﯾﱡ َﮭﺎ اﻟﱠ ِذﯾ َن آ َﻣﻧُوا اﺗﱠﻘُوا ا ﱠ‬٠ ‫ﻓَﻘَ ْد ﻗَﺎ َل ﷲُ ﺗَﻌَﺎﻟَﻰ ِﻓﻲ ِﻛ ِﺗﺎ ِب ِﷲ اﻟﻌَ ِظ ْﯾم‬
٠ ‫ َو َرﺳُوﻟَﮫُ ﻓَﻘَ ْد ﻓَﺎ َز ﻓَ ْو ًزا َﻋ ِظﯾ ًﻣﺎ‬6َ ‫ﯾُ ْﺻ ِﻠ ْﺢ ﻟَﻛُ ْم أَ ْﻋ َﻣﺎﻟَﻛُ ْم َوﯾَ ْﻐ ِﻔ ْر ﻟَﻛُ ْم ذُﻧُوﺑَﻛُ ْم ۗ◌ َو َﻣن ﯾُ ِط ِﻊ ا ﱠ‬

‫َﺻدَ َق ﷲُ اﻟﻌَ ِظ ْﯾم‬

ขอความสขุ ความสนั ติ ความเมตตาปราณีจากเอกองค์อลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮวู า่ ตะอาลา)

จงประสบแด่พีEน้องผู้ศรัทธาทEีรักทุกท่านขอขอบคณุ อลั ลอฮฺทEีทรงโปรดให้พวกเราได้มีชีวิตอยู่

จนถึงวนั ศกุ ร์นีอB ีกครังB พวกท่านทงัB หลายจงมีความยําเกรงต่ออลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮวู ่าตะอาลา)

ด้วยกบั การปฏิบตั ใิ นสงิE ทEีพระองค์ทรงสงัE ใช้และออกหา่ งจากสงิE ทีEพระองค์ทรงสงEั ห้าม

ทา่ นพีEน้องผ้ศู รัทธาทEีรักทกุ ทา่ นครับ เรามีชีวิตอยจู่ นถงึ วนั นีไB ด้เห็นอะไรมากมาย สงEิ ทEีไม่
เคยเห็นก็ได้เห็น โรคระบาดทีEเกิดขึนB ทกุ วนั นีมB ีความรุนแรงเพิEมมากขึนB คือ โรคโควิด •g ซEึงก็มี
ข่าวลือว่ามันมีการกลายพันธ์ุ แต่เดิมเป็น Type H ซEึงรุนแรงไม่มากและติดประมาณ bW
เปอร์เซ็นต์ของคนทEีเป็น ซงEึ ตอนนีมB ีประมาณ g หมืEนกว่าคนทEีติดโรคนี BตอนนีไB ด้กลายพนั ธ์ุเป็น
Type L ซึEงมีความรุนแรงมากขึนB และสามารถติดคนได้ถึง ˆW เปอร์เซ็นต์ นEีก็เป็นสิEงหนEึงทEี
ชีใB ห้เห็นถงึ ความรุนแรงของเชือB ไวรัสตวั นี BซงึE ในขา่ วบอกมาวา่ สามารถติดได้ทงัB ทางอจุ จาระและ
ปัสสาวะซึEงเป็นสารคดั หลงEั ประเภทหนึEง ซEึงแต่เดิมใน Type H ไม่เคยปรากฏเป็นผลทําให้เกิด
ความกลัวเพิEมมากขึนB ตอนนีสB Eิงต่างๆ ทีEเกิดขึนB มาไม่ว่าจะเป็ นแถลงการณ์ ของสํานัก
จฬุ าราชมนตรีทีEบอกวา่ เวลาเราจะสลามกนั ก็ให้กลา่ วสลามโดยไม่จําเป็นต้องจบั มือหรือห้ามมี
การกอดหรือชนแก้มกนั ซงึE ก็เป็นวิธีการในการป้องกนั เพืEอไม่ให้โรคระบาดต่อไป รวมทงัB คนทีEมี
อาการแม้จะไม่รุนแรงนกั ก็ไม่จําเป็นต้องมาละหมาด‘มุ อะฮ์ ซงึE เป็นเหตกุ ารณ์ทีEไม่เคยเกิดขึนB
หรือได้รับทราบมาก่อนวา่ ต้องมีการกําหนดมาตราการณ์ปอ้ งกนั คอ่ นข้างเข้มข้นมาก รวมทงัB ได้

20


ดขู ่าวจากประเทศซาอดุ ิอาระเบียว่าไม่มีการถ่ายทอดสดการละหมาดหรือต้อวาฟซงEึ เหมือนว่า
จะมีการหยดุ พกั เพืEอทําความสะอาดหรือป้องกนั การระบาดของโรคนี BนอกจากนนัB ยงั มีข่าวลือ
ว่าผีน้อย U พนั คนจะกลบั ประเทศ พอได้ฟังข่าวก็มีความหวาดหวนัE กนั ซงEึ สาเหตมุ าจากความ
กลวั นอกจากนีขB ่าวคราวในหน้าหนงั สือพิมพ์หรือในสEือมวลชนทEีปรากฏ ข่าวฆ่ากนั ตาย ข่าวทEี
พ่อแท้ๆ สมส่กู บั ลกู หรือข่าวลกู แท้ๆ ฆ่าแม่ตวั เองเพEืออําพรางศพโดยการตดั เนือB ไปแช่นําB แข็ง
สEิงตา่ งๆ เหลา่ นีเBกิดขนึ B มากมาย มนั ชีใB ห้เห็นถึงความออ่ นแอของมนษุ ย์ทีEไมม่ ีความเกรงกลวั ตอ่
พระผ้เู ป็นเจ้า หรือไมเ่ ชEือในการมีอยขู่ องพระเจ้าจงึ ทําให้เกิดปัญหาเหลา่ นี B

ท่านพีEน้องผู้ศรัทธาทEีรักทุกท่านครับ สEิงหนEึงทีEได้จากวิกฤตการณ์เหล่านีเB ราต้องนํามา
เป็นบทเรียนของเราในฐานะผ้ทู ีEมีอีหมา่ นหรือผ้ศู รัทธา เราเห็นวา่ แตเ่ ดิมมนษุ ย์คอ่ นข้างจะโอหงั
โดยเฉพาะประเทศทEีเป็นต้นกําเนิดของโรคนีมB ีความเจริญก้าวหน้ามากในด้านเทคโนโลยีและ
ด้านเศรษฐกิจ พอตอนนีชB ีใB ห้เห็นว่ามนษุ ย์เป็นเพียงแค่สEิงมีชีวิตเล็กๆ ชนิดหนึEงทEีเป็นบ่าวของ
พระองค์ซEึงไม่สามารถทEีจะมีอานุภาพหรือสามารถต่อต้ านอํานาจของพระองค์ได้ เลย
ถ้าพระองค์ประสงจะให้เกิด และชีใB ห้เห็นว่าตอนนีมB ีมาตรการกักตัว ถ้าคนเดินทางมาจาก
ตา่ งประเทศต้องกกั ตวั •V วนั คนในประเทศจีนก็ถกู กนั บริเวณไมใ่ ห้เดินทางไปไหน มีการตรวจ
เข้มและไม่มีผู้คนทEีออกมาเตร็ดเตร่หรือซือB หาอาหารกินหรือมีการรวมตัวกันของคนหมู่มาก
เพราะฉะนนัB จะเห็นได้วา่ แตเ่ ดิมมนษุ ย์คิดวา่ ตวั เองยิEงใหญ่และจะทําอะไรก็ได้ แตใ่ นทีEสดุ ตอนนี B
มนุษย์ถูกกักกันเหมือนกับสัตว์และมีความอึดอัดในการใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี B เพราะฉะนันB
สEิงสําคญั คือ เราต้องกลบั มาหวนคิดวา่ ตวั เองทําสิEงทีEไม่ดีบนหน้าโลกดนุ ยานีหB รือไม่ และเรายงั
เชEือในพระผู้เป็นเจ้าและมีความเกรงกลัวต่อสEิงทEีอัลลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) จะทรง
ประทานแก่ผ้ทู Eีฝ่ าฝืนหรือไม่ เพราะฉะนนัB เราในฐานะมอุ ฺมินเราจะต้องกลบั มาคิดย้อนดวู ่าเรา
กลวั หรือไมก่ ลวั แตท่ วา่ ตอนนีมB ีคนมาละหมาดวนั ศกุ ร์น้อยกวา่ เดิมหรือในโรงอาหารก็มีคนน้อย
กว่าเดิมซEึงสิEงนีชB ีใB ห้เห็นว่าเรามีความกลวั และเราควรใช้ความกลวั ของเราให้เป็นประโยชน์คือ
กลบั มาใกล้ชิดกบั อลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮวู ่าตะอาลา) ให้มากยิEงขึนB เพราะว่าการทีEมนษุ ย์เหินห่าง
จากอลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮวู ่าตะอาลา) พระองค์จะทรงลงโทษทงัB โลกดนุ ยาและอาคีเราะฮ์ในพระ
มหาคมั ภีร์อลั กรุ อานซเู ราะฮ์ตอฮา อายะฮ์ทีE •TV ได้ระบวุ า่

21


‫َو َﻣ ْن أَ ْﻋ َر َض َﻋ ْن ِذ ْﻛ ِري ﻓَﺈِ ﱠن ﻟَﮫُ َﻣ ِﻌﯾ َﺷﺔً َﺿ ْﻧ ًﻛﺎ َوﻧَ ْﺣﺷُ ُرهُ ﯾَ ْو َم ا ْﻟ ِﻘﯾَﺎ َﻣ ِﺔ أَ ْﻋ َﻣﻰ‬

ความว่า “และผ้ใู ดผินหลงั จากการรําลกึ ถึงข้า แท้จริงสําหรับเขาคือ การมีชีวิตอย่อู ย่าง
คบั แค้น และเราจะให้เขาฟื นB คืนชีพในวนั กิยามะฮ์ในสภาพของคนตาบอด”

อลั ลอฮฺได้ทรงตรัสบอกวา่ ถ้ามนษุ ย์ผินหลงั ให้กบั การระลกึ ถงึ พระองค์ พระองค์ก็จะทรง
ลงโทษทังB โลกดุนยาและโลกอาคีเราะฮ์ นEีก็อาจจะเป็นบะลาอ์อันหนEึงทEีทําให้เราต้องถูก
มาตรการทีEเข้มงวดตา่ งๆ เราลองทบทวนดวู า่ มนั เป็นเชน่ นีหB รือไม่

ท่านพีEน้องผู้ศรัทธาทีEรักทุกท่านครับ สEิงทEีข้าพเจ้าได้กล่าวมาแล้วตังB แต่ตอนต้นว่า
สาเหตมุ าจากความกลวั ซงึE ทําให้มนษุ ย์ไม่กล้ากระทําสEิงตา่ งๆ และใช้ชีวิตอย่างอดึ อดั อนั ทEีจริง
เราถกู ปลกู ฝังความกลวั มาตงัB แตเ่ ดก็ เช่น การกลวั ผี กลวั วิญญาณ ทงัB ๆ ทEีบางคนไมเ่ คยเห็นแต่
กลบั กลวั สิEงทีEมองไม่เห็น หรือกลวั ความมืด อาจจะกลา่ วได้วา่ ความกลวั เป็นปฏิกิริยาหรือสEิงทีE
เราจิตนาการขนึ B มาเองด้วยกบั สมองในสว่ นทีEเรียกวา่ Amygdala เป็นสมองทEีมีขนาดเลก็ ซงึE อยู่
ในสมองส่วนกลางขนาดเท่ากับเม็ดอัลมอนอยู่ทังB สองฟากของสมองส่วนกลางซEึงมันจะติด
ต่อเชEือมสัมพันธ์กับตัว Hypothalamus และมันสามารถทEีจะเก็บความทรงจําและแสดง
ปฏิกิริยาแบบสญั ชาตญาณของมนษุ ย์ พดู ง่ายๆ วา่ เมEือจําได้วา่ เหตกุ ารณ์เหลา่ นีนB ่ากลวั จิตใจ
ก็จะสร้างความกลวั ให้เกิดขึนB ในลกั ษณะทEีตอบสนองต่อสญั ชาตญาณของมนษุ ย์ซงึE ถ้าเราได้
ถกู ปลกู ฝังในตอนเป็นเดก็ ด้วยกบั ความกลวั ผี เมEือเติบโตขนึ B เป็นผ้ใู หญ่เราก็ยงั กลวั ผี แม้แตอ่ ายุ
ˆW ปี นอนพักรักษาตวั อยู่ทEีโรงพยาบาลก็ยงั ต้องมีคนมาเฝ้าเพราะกลวั ผี นEีคือการปลกู ฝังทEี
ผิดพลาด ซEึงเราในฐานะทEีเป็นมุสลิมจะ ต้องปลูกฝังให้กลวั อัลลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา)
มากทีEสดุ เท่านนัB ไม่ใช่กลวั อย่างอEืน ทกุ วนั นีเB ราไม่กลวั อลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮวู ่าตะอาลา) เพราะ
เราได้แต่รู้แต่ไม่ได้ปฏิบัติ หรือไม่ได้นํามาใช้ในชีวิตประจําวนั ว่าเราต้องสอนให้กลวั อัลลอฮฺ
เนEืองจากอัลลอฮฺนันB ทรงเห็นและทรงเฝ้ามองเราอยู่ตลอดเวลา เราศรัทธาอย่างนันB หรือไม่
ถ้าศรัทธาแล้วเรากลวั พระองค์หรือไม่ นEีคือสEิงทีEเราไม่ได้นํามาปฏิบตั ิจริงๆ เรากลวั แค่คําพูด
แต่ในทางปฏิบัติเราไม่ศรัทธาและไม่กลัว แต่ทําไมถึงกลัวผีเมืEอเวลาเราไปทีEวังเวงหรือไปทีE
โรงแรมหรือทีEทีEเราไม่เคยไป ไม่คุ้นเคย บรรยากาศมันเป็นใจทําให้เรารู้สึกกลัวขึนB มาทันที
ทงัB ๆ ทEีเราศรัทธาว่าอลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) เป็นพระเจ้าและเฝ้ามองดเู ราตลอดเวลา

22


แต่เรากลบั ไม่กลวั เพราะฉะนนัB เราต้องเปลEียนความคิดในเรEืองเหล่านีเB สียใหม่ และต้องปฏิบตั ิ
ตัวให้ถูกต้อง เราต้องสอนลูกให้กลัวอัลลอฮฺไม่ใช่สอนลูกให้กลัวภูตผีปี ศาจหรือสEิงอืEนทีE
นอกเหนือจากอลั ลอฮฺ เพราะถ้าเราเกรงกลวั สิEงอืEนนอกจากอลั ลอฮฺจะทําให้อะกีดะฮ์ของเรามี
ปัญหาอยา่ งหลกี เลยEี งไมไ่ ด้

ท่านพEีน้องผ้ศู รัทธาทีEรักทกุ ท่านครับ บรรดานกั วิชาการในยคุ สะลฟั ไม่ได้พดู เฉพาะเรืEอง
ของความกลวั แต่พูดถึงเรEืองความรักและความหวงั อันเป็นสญั ชาตญาณของมนุษย์เมEือมี
ความกลวั เกิดขนึ B ก็จะมีความหวงั ว่าอยากจะให้พ้นภยั จากสEิงทEีทําให้เรากลวั ความกลวั จะต้อง
หายไปและต้องขอดอุ าอฺ เพราะฉะนนัB มนั เป็นจดุ ดีถ้าเรามีความหวงั แต่ว่าเราต้องมีความหวงั
ต่ออลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) มากทีEสดุ ไม่ใช่หวงั พEึงสิEงศกั ด›ิสิทธิต่างๆ การมีความกลวั
และความหวงั ทําให้เราเข้าใกล้ชิดกบั อลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮวู ่าตะอาลา) มากยิEงขึนB และทําให้เรา
ได้รับรางวลั ตอบแทนด้วย ในพระมหาคมั ภีร์อลั กรุ อานซเู ราะฮ์อลั มลุ ก์ อายะฮ์ทีE •T ได้ระบวุ า่

‫ِإ ﱠن ٱﻟﱠ ِذﯾ َن ﯾَ ْﺧ َﺷ ْو َن َرﺑﱠ ُﮭم ِﺑﭑ ْﻟﻐَ ْﯾ ِب ﻟَ ُﮭم ﱠﻣ ْﻐ ِﻔ َرةٌ َوأَ ْﺟ ٌر َﻛ ِﺑﯾ ٌر‬

ความวา่ “แท้จริงบรรดาผ้ยู ําเกรงตอ่ พระเจ้าของพวกเขาโดยทางลบั สาํ หรับพวกเขาจะ
ได้รับการอภยั โทษและรางวลั อนั ใหญ่หลวง”

ในอายะฮ์นีไB ด้กล่าวถึงความยําเกรงในลกั ษณะของความกลวั คือ บรรดาผ้ทู Eีกลวั พระผู้
อภิบาลของเขาในทEีลบั โดยการไม่กล้ากระทําผิด เขาย่อมจะได้รับการตอบแทนคือ การอภยั
โทษของพระองค์และรางวลั อนั ยิEงใหญ่ในโลกอาคีเราะฮ์ เพราะฉะนนัB การศรัทธาของมอุ ฺมินใน
เรEืองทEีเกีEยวกบั ความกลวั นนัB มีมากมายถ้าได้ศึกษาในรายละเอียดจะพบว่า เราจะต้องมีความ
กลวั เกีEยวกบั การสอบสวนของพระองค์ กลวั เกEียวกบั เรEืองทีEเราถกู พิพากษา มีการเปิดบนั ทกึ ของ
เราในวันนันB ว่าเราทําอะไรไปบ้าง และกลัวการตัดสินของพระองค์ทEีทรงรุนแรงยิEง กลัวการ
ลงโทษ กลวั ไฟนรก สิEงเหล่านีเB ป็นสEิงทEีเราจะต้องมีความศรัทธาอย่างมนEั คง แต่ถามว่า เราได้
ศรัทธาจริงๆ แคไ่ หน หรือวา่ เราเกรงกลวั เฉพาะคําพดู ด้วยปากเท่านนัB แต่การกระทําเหมือนเรา
ไม่กลวั หรือไม่ได้ศรัทธาเลย ในพระมหาคมั ภีร์อลั กุรอานซูเราะฮ์อนั นาซิอาต อายะฮ์ทEี VW-V•
ได้ระบวุ า่

23


‫َوأَ ﱠﻣﺎ َﻣ ْن َﺧﺎ َف َﻣﻘَﺎ َم َر ِﺑّ ِﮫ َوﻧَ َﮭﻰ اﻟﻧﱠ ْﻔ َس َﻋ ِن ا ْﻟ َﮭ َوى ﻓَﺈِ ﱠن ا ْﻟ َﺟﻧﱠﺔَ ِھ َﻲ ا ْﻟ َﻣﺄْ َوى‬
ความว่า “และส่วนผู้ทEีหวนEั กลวั ต่อการยืนเบือB งหน้าองค์พระผู้อภิบาลของเขา และหกั
ห้ามจิตใจจากอารมณ์ใฝ่ตEํา ดงั นนัB สวรรค์จะเป็นทEีพํานกั ของเขา”

ถ้าหากเราศรัทธาวา่ อลั ลอฮฺเป็นพระเจ้า อลั ลอฮฺจะทรงตดั สินความดีความชวัE ของเราใน
วนั อาคีเราะฮ์อย่างแน่นอน เราจะต้องเกรงกลวั ต่อการยืนอยู่เบือB งหน้าหรือต่อพระพกั ตร์ของ
พระองค์ในวนั ทีEความดีและความชวัE ของเราถกู เปิดออกหรือในวนั กิยามะฮ์ และถ้าพระองค์ทรง
ตดั สินความชัEวของเรา เราก็จะถูกลงโทษอนั แสนเจ็บปวดหรือแสนสาหัส ซEึงสิEงต่างๆ เหล่านี B
ทงัB ความรัก ความกลวั และความหวงั มสุ ลิมทกุ คนได้ทบทวนตวั เองเสมอ แต่เราไม่ได้ไตร่ตรอง
หรือพิจารณาดคู วามหมายในการทําละหมาดของเรา เพราะวา่ ในการละหมาดนนัB จะต้องมีการ
อ่านฟาติฮะฮ์เป็นวายิบ ซEึงความหมายในฟาติฮะฮ์มีทังB ความรัก ความหวังและความกลัว
กลา่ วคือ

‫ َر ِّب ا ْﻟﻌَﺎﻟَ ِﻣ ِﯾ َن‬6ِ ‫ا ْﻟ َﺣ ْﻣدُ ِ ﱠ‬

ความว่า “มวลการสรรเสริญทงัB หลายนนัB เป็นสิทธิของอลั ลอฮฺผู้ เป็นพระเจ้าแห่งสากล
โลก”

ความหมายนีชB ีใB ห้เห็นว่า เราสรรเสริญพระองค์เพราะพระองค์เป็นร็อบ หมายถึง เป็น
พระผู้อภิบาลทEีสร้ างสรรพสEิงต่างๆ และพระองค์ก็ทรงดูแลให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของมัน
ถ้าหากไม่มีร็อบสEิงต่างๆ ในโลกนี Bย่อมเกิดขึนB ไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะฉะนันB นีEคือบุญคุณ
ทEีอลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) ทรงให้แก่เราซึEงเราจะต้องสรรเสริญพระองค์ เราจะต้องรัก
พระองค์ให้มากกว่าทุกสEิง นีEคือเหตุผลว่าทําไมเราถึงต้องรักอลั ลอฮฺมากกว่าทุกสิEง เราคงไม่
สามารถรักคนอEืนเหนือกวา่ พระองค์ได้เพราะพระองค์เป็นผ้ทู รงอภิบาลโลกทงัB หลาย

‫اﻟ ﱠر ْﺣ َﻣ ِن اﻟ ﱠر ِﺣ ْﯾ ِم‬

ความว่า “อลั ลอฮฺผ้ทู รงเมตตา (แก่มนษุ ย์ในโลกนีทB งัB หมดและทรงเมตตาปราณีเฉพาะ
มสุ ลมิ ในโลกอาคีเราะฮ์)”

‫َﻣﺎ ِﻟ ِك ﯾَ ْو ِم اﻟ ِدّ ْﯾ ِن‬

24


ความวา่ “พระองค์ผ้ทู รงมีอํานาจตดั สนิ ในวนั กิยามะฮ์”

นีEคือความกลวั ทีEเราต้องกลวั เมEือเวลาได้อา่ นอายะฮ์นีเBพราะพระองค์เป็นผ้ทู รงเดด็ ขาด
ในการตดั สนิ

‫ِإﯾﱠﺎ َك ﻧَ ْﻌﺑُدُ َو ِإﯾﱠﺎ َك ﻧَ ْﺳﺗَ ِﻌ ْﯾ ُن‬
ความว่า “พระองค์เท่านันB ทEีพวกเราเคารพสกั การะและพระองค์เท่านันB ทEีข้าพระองค์
ขอความชว่ ยเหลอื ”

และมสุ ลิมมีการขอดอุ าอฺต่ออลั ลอฮฺ อนั เนืEองมาจากการมีความหวงั ต่อพระองค์นนEั เอง ดงั สอง
อายะฮ์นีทB ีEวา่

‫ِا ْھ ِدﻧَﺎ اﻟ ِ ّﺻ َرا َط ا ْﻟ ُﻣ ْﺳﺗَ ِﻘ ْﯾ َم‬
ความวา่ “โปรดนําทางเราสทู่ างทีEเทEียงตรง”

‫ِﺻ َرا َط اﻟﱠ ِذﯾ َن أَ ْﻧﻌَ ْﻣ َت َﻋﻠَ ْﯾ ِﮭ ْم َﻏ ْﯾ ِر ا ْﻟ َﻣ ْﻐ ُﺿ ْو ِب َﻋﻠَ ْﯾ ِﮭ ْم َو َﻻ اﻟ ﱠﺿﺎ ِﻟّ ْﯾ َن‬
ความวา่ “คือทางของบรรดาผ้ทู ีEพระองค์ได้ทรงโปรดปรานแก่พวกเขา มิใชท่ างของพวก
ทีEถกู กริวB และมิใชท่ างของพวกทีEหลงผิด”

นีEคือดุอาอฺของเรา เราขอดุอาอฺเรามีความหวงั ต่อพระองค์ เพราะฉะนันB เวลาเราอ่าน
ฟาติฮะฮ์ในละหมาดหรือการกระทําอิบาดะฮฺทงัB หลายให้เรานกึ ถงึ ความหมาย ความหมายทีEเรา
จะต้องรักพระองค์มากทEีสดุ เราจะต้องเกรงกลวั พระองค์มากทีEสดุ และเราต้องมีความหวงั ต่อ
พระองค์มากทีEสดุ นีEคือบทบาทหน้าทีEของผ้ทู ําอิบาดะฮฺทีEจะต้องมี b ส่วน คือ ความรัก ความ
กลวั และความหวงั ในอลั ลอฮฺ (ซบุ ฮานา่ ฮวู า่ ตะอาลา) มากกวา่ สงEิ ถกู สร้างทงัB หมด

ท่านพEีน้องผ้ศู รัทธาทีEรักทกุ ท่านครับ นกั วิชาการท่านอิบนกุ อยยิมอลั เญาซียะฮ์ (ร่อฮิม่า
ฮุ้ลลอฮ) ท่านได้เปรียบเทียบว่า ทังB b สิEงนีเB ราจะต้องไม่สุดโต่งในเรEืองใดเรEืองหนEึง แต่ผู้
ประกอบอิบาดะฮฺจะต้องมีพร้อมทงัB b สEิง โดยทีEความรักเปรียบเสมือนหวั นกซงEึ นกจะขาดหวั ทEี
จะนําทางไม่ได้ ถ้าเราขาดความรักต่ออลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮวู ่าตะอาลา) การทําอิบาดะฮฺย่อมจะ
ใช้ไม่ได้ เพราะฉะนันB ความรักเปรียบเสมือนหวั นกทEีนําทาง และปีก T ข้าง ข้างหนึEงคือความ

25


กลวั ส่วนอีกข้างหนEึงคือความหวงั กล่าวคือ จะต้องกลวั การลงโทษและหวงั ในความเมตตา
ควบคู่กันไปมันจึงจะสามารถทําให้ปีกของนกบินไปได้พร้ อมๆ กัน ถ้าปีกข้างใดข้างหนึEง
มากกวา่ หรือออ่ นแอกวา่ อีกข้างหนงEึ มนั จะไมส่ ามารถทําให้นกบนิ ในอากาศได้และจะเป็นเหยEือ
ของนกั ลา่ ในระหว่างทางอย่างแน่นอน นอกจากนนัB ท่านยงั ได้ยกตวั อย่างอีกอนั หนึEงว่า ถ้าหาก
เปรียบเทียบเกEียวกบั การใช้ชีวิตในการประกอบอิบาดะฮฺจะต้องประกอบด้วย b สว่ นทEีสมดลุ กนั
ความรักก็เปรียบเสมือนเรือเดินสมทุ ร โดยมีความหวงั เป็นสEิงนําทางหรือเรดาร์ และมีกปั ตนั เรือ
คือ ความกลวั เรือเดินสมทุ รคือความรักจะขาดสิEงนําทางคือความหวงั ไมไ่ ด้และคนทีEเป็นกปั ตนั
จะต้องมีความกลวั ทEีจะขบั เรือไม่ให้ชนหินโสโครกหรือเกยตืนB ผลจึงจะทําให้อิบาดะฮฺของเรา
ไปสเู่ ปา้ หมายทีEถ่องแท้และเทEียงตรง

ทา่ นพEีน้องผ้ศู รัทธาทEีรักทกุ ทา่ นครับ สงิE ตา่ งๆ เหลา่ นีเBป็นเรEืองของหวั ใจ ซงEึ เราเองคงต้อง
ขอดุอาอฺจากพระองค์ เราคงไม่สามารถทEีจะปฏิเสธการดุอาอฺได้เพราะดุอาอฺเป็นอาวุธของ
มอุ ฺมิน เป็นอาวธุ ทีEจะค้มุ ครองปอ้ งกนั และช่วยเหลือเรา นกั วิชาการเปรียบดอุ าอฺเหมือนหยดนําB
หนEึงหยดทีEจะเชืEอมต่อกับมหาสมุทร การขอดุอาอฺเหมือนหยดนําB หยดเล็กๆ ทีEจะเชืEอมต่อ
มหาสมุทรซึEงก็คือความโปรดปรานของอัลลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) ทEียิEงใหญ่มาก
เพราะฉะนนัB ข้าพเจ้าจึงขอดอุ าอฺให้พวกเราทกุ คนมีสขุ ภาพทีEแข็งแรง มีความปลอดภยั จากโรค
ทีEอัลลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) ได้ทรงกําหนดให้มาประสบแก่พวกเราทุกคนในขณะนี B
ด้วยเถิด อามีน

26


เร;ือง ภยั พบิ ตั กิ ับบททดสอบของมุอมฺ นิ

‫ِﺑ ْﺳ ِم اﻟﻠﱠـ ِﮫ اﻟ ﱠر ْﺣ َﻣ ٰـ ِن اﻟ ﱠر ِﺣﯾ ِم‬

‫ ِﻣ ْن ﺷُ ُر ْو ِر أَ ْﻧﻔُ ِﺳﻧَﺎ َو ِﻣ ْن‬Dِ ‫ ﻧَ ْﺣ َﻣدُهُ َوﻧَ ْﺳﺗَ ِﻌﯾﻧُﮫُ َوﻧَ ْﺳﺗَ ْﻐ ِﻔ ُرهُ َوﻧَﺗُ ْو ُب ِإﻟَ ْﯾ َك َوﻧَﻌُ ْوذُ ِﺑﺎ‬6ِ ّ ِ َ‫ِإ ﱠن ا ْﻟ َﺣ ْﻣد‬
َ‫ َوأَ ْﺷ َﮭدُ أَ ْن َﻻ ِإﻟَﮫ‬،ُ‫ َو َﻣ ْن ﯾُ ْﺿ ِﻠ ْل ﻓَ َﻼ َھﺎ ِد َي ﻟَﮫ‬،ُ‫ َﻣ ْن ﯾَ ْﮭ ِد ِه ﷲُ ﻓَ َﻼ ُﻣ ِﺿ ﱠل ﻟَﮫ‬،‫َﺳ ِﯾّﺋَﺎ ِت أَ ْﻋ َﻣﺎ ِﻟﻧَﺎ‬
‫ﻧَ ِﺑﯾًﻧَﺎ‬ ‫َﻋﻠ َﻰ‬ ‫َﺻ ًل‬ ‫ اَﻟﻠﱠ ُﮭ ﱠم‬٠ ُ‫ َوأَ ْﺷ َﮭدُ أَ ﱠن ُﻣ َﺣ ﱠﻣدَاً َﻋ ْﺑدُهُ َو َرﺳُ ْوﻟُﮫ‬،ُ‫َﻻ َﺷ ِر ْﯾ َك ﻟَﮫ‬ ُ‫َو ْﺣدُه‬ ُ‫ِإ ﱠﻻ ﷲ‬
‫ﺑَ ْﻌدُه‬ ‫ أَ ﱠﻣﺎ‬٠ ‫آ ِﻟﮫ َو َﺻ ْﺣ ِﺑﮫ َو َﻣ ْن ﺗَ ِﺑﻌَ ُﮭ ْم ِﺑﺈِ ْﺣ َﺳﺎ ٍن ِإﻟَﻰ ﯾَ ْو ِم اﻟدً ِﯾن‬ ‫َو َﻋﻠَﻰ‬ ‫ُﻣ َﺣ ﱠﻣ ٍد‬

‫ َو ْﻟﺗَﻧظُ ْر ﻧَ ْﻔ ٌس ﱠﻣﺎ‬6َ ‫ ﯾَﺎ أَﯾﱡ َﮭﺎ اﻟﱠ ِذﯾ َن آ َﻣﻧُوا اﺗﱠﻘُوا ا ﱠ‬٠ ‫ﻓَﻘَ ْد ﻗَﺎ َل ﷲُ ﺗَﻌَﺎﻟَﻰ ِﻓﻲ ِﻛ ِﺗﺎ ِب ِﷲ اﻟﻌَ ِظ ْﯾم‬
‫ ﻓَﺄَﻧ َﺳﺎھُ ْم‬6َ ‫ا ﱠ‬ ‫َو َﻻ ﺗَﻛُوﻧُوا َﻛﺎﻟﱠ ِذﯾ َن ﻧَﺳُوا‬ ‫َﺧ ِﺑﯾ ٌر ِﺑ َﻣﺎ ﺗَ ْﻌ َﻣﻠُو َن‬ 6َ ‫ ۚ◌ ِإ ﱠن ا ﱠ‬6َ ‫ا ﱠ‬ ‫أُ ۖو◌ٰﻟَ ِﺋَواَكﺗﱠﻘُھُواُم‬ ‫ﻗَدﱠ َﻣ ْت ِﻟﻐَ ٍد‬
‫أَ ْﺻ َﺣﺎ ُب‬ ◌ۚ ‫اﻟﻧﱠﺎ ِر َوأَ ْﺻ َﺣﺎ ُب ا ْﻟ َﺟﻧﱠ ِﺔ‬ ‫ﯾَ ْﺳﺗَ ِوي أَ ْﺻ َﺣﺎ ُب‬ ‫ا ْﻟﻔَﺎ ِﺳﻘُو َن َﻻ‬ ◌ۚ ‫أَﻧﻔُ َﺳ ُﮭ ْم‬

‫ ﯾَﺎ أَﯾﱡ َﮭﺎ اﻟﱠ ِذﯾ َن آ َﻣﻧُوا اﺗﱠﻘُوا‬٠ ‫ ﻓَﻘَ ْد ﻗَﺎ َل ﷲُ ﺗَﻌَﺎﻟَﻰ ِﻓﻲ ِﻛ ِﺗﺎ ِب ِﷲ اﻟﻌَ ِظ ْﯾم‬٠ ‫ا ْﻟ َﺟﻧﱠ ِﺔ ھُ ُم ا ْﻟﻔَﺎ ِﺋ ُزو َن‬
ُ‫ َو َرﺳُوﻟَﮫ‬6َ ‫ َوﻗُوﻟُوا ﻗَ ْوﻻ َﺳ ِدﯾدًا ﯾُ ْﺻ ِﻠ ْﺢ ﻟَﻛُ ْم أَ ْﻋ َﻣﺎﻟَﻛُ ْم َوﯾَ ْﻐ ِﻔ ْر ﻟَﻛُ ْم ذُﻧُوﺑَﻛُ ْم ۗ◌ َو َﻣن ﯾُ ِط ِﻊ ا ﱠ‬6َ ‫ا ﱠ‬

‫ َﺻدَ َق ﷲُ اﻟﻌَ ِظ ْﯾم‬٠ ‫ﻓَﻘَ ْد ﻓَﺎ َز ﻓَ ْو ًزا َﻋ ِظﯾ ًﻣﺎ‬

ขอความสขุ ความสนั ติ ความเมตตาปราณีจากเอกองค์อลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮวู า่ ตะอาลา)

จงประสบแด่พEีน้องผ้ศู รัทธาทีEรักทกุ ท่าน ขอขอบคณุ อลั ลอฮฺทีEทรงโปรดให้พวกเราได้มีชีวิตอยู่

จนถึงวนั ศกุ ร์นีอB ีกครังB พวกท่านทงัB หลายจงมีความยําเกรงต่ออลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮวู ่าตะอาลา)

ด้วยกับการปฏิบัติในสิEงทEีพระองค์ทรงสEังใช้และออกห่างจากสEิงทEีพระองค์ทรงสัEงห้าม สEิงทีE

มสุ ลมิ จะต้องกระทํานนัB มี T อยา่ ง คือการกระทําในสงEิ ทEีใช้และออกหา่ งจากสงิE ทEีห้าม แตป่ ัญหา

ก็คือเราได้ทําครบถ้วนหรือไม่

ท่านพีEน้องผ้ศู รัทธาทีEรักทกุ ท่านครับ ช่วงนีกB ็ผ่านปีใหม่มาแล้ว บางกลมุ่ บางสถานทEีก็มี
การเฉลิมฉลอง แต่สําหรับมอุ ฺมินแล้วต้องคิดว่า การทีEเวลาได้ผ่านไปอีก • ปี ทําให้เรามีความ
อาวุโสเพิEมมากขึนB ทําให้ เรามีอายุมากขึนB และทีEสําคัญเราเข้ าใกล้ ความตายมากขึนB
เพราะฉะนันB เราถือโอกาสเหล่านีทB บทวนตัวเอง ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานซูเราะฮ์อัลฮัชร์
อายะฮ์ทEี •˜ ได้ระบวุ า่

‫َو ْﻟﺗَﻧظُ ْر ﻧَ ْﻔ ٌس ﱠﻣﺎ ﻗَدﱠ َﻣ ْت ِﻟﻐَ ٍد‬

27


ความว่า “และทุกชีวิตจงพิจารณาดูว่าอะไรบ้ างทEีตนได้ เตรียมไว้ สําหรับพรุ่งนี B
(วนั กิยามะฮ์)”

เราต้องพิจารณาสิEงทีEเราทําผ่านมาในปีก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง เรามีอีหม่านเพิEมขึนB
หรือไม่ เรามีอะม้าลเพEิมขึนB หรือไม่ และปีนีเB ราควรทEีจะวางแผนทําอย่างไร ไม่ใช่ปล่อยไปวนั ๆ
ให้กาลเวลามันผ่านไปทําให้เราแก่มากขึนB แต่ทว่าไม่มีความดีอะไรมากขึนB หรือไม่มีอีหม่าน
เพิEมขึนB เลย เราลองพิจารณาทบทวนตัวเราเองว่าเราปล่อยเวลาไปอย่างไร้ สาระหรือไม่
ชาวสะลฟั บอกวา่ การเวลาเหมือนกบั มีดหรือดาบทEีมนั มีคม ถ้าคณุ ไม่ใช้ฟันเพืEอให้เกิดสEิงทีEเป็น
ประโยชน์ ดาบนนัB ก็อาจจะย้อนกลบั มาฟันคณุ หรือบาดคณุ ก็ได้ เพราะฉะนนัB เวลาทีEล่วงพ้นไป
มนั เป็นสิEงทีEเราเอากลบั คืนมาไม่ได้ อย่าปล่อยให้ปีทEีผ่านมาส่งผลมาทําร้ายสEิงทีEจะเกิดขึนB กบั
เราในปีนีอB ีก อย่าเอาสิEงทEีอยู่ในอดีตย้อนกลับมา เราเองไม่สามารถทEีจะแก้ไขปัญหาหรือ
แก้ความไมด่ ีในอดีตได้แตเ่ ราสามารถยบั ยงัB สงEิ ทEีจะเกิดขนึ B ตอ่ ไปในอนาคตได้ด้วยการไมท่ ําแบบ
ปี ทีEแล้ว เพราะฉะนันB ถ้ าเราทบทวนตัวเราเองว่าปี ทีEแล้วเราละหมาดครบ U เวลาหรือไม่
สิEงทีEอลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮวู ่าตะอาลา) ทรงสงEั ใช้สEิงแรกคือเรEืองการละหมาด ถามว่าเราละหมาด
ครบถ้วนหรือไม่ ถ้าไม่ครบถ้วนอย่าเอาพฤติกรรมอะม้าลในปีทีEแล้วมาเป็นตัวอย่างของปีนี B
ต่อไป เราคงทําเหมือนเดิมไม่ได้ นEีคือมุอฺมินทEีจะต้องแก้ไขปรับปรุงตัวเอง ถ้าปีทEีแล้วเรา
ละหมาดครบถ้วนให้ดวู ่าเราละหมาดตรงเวลาหรือไม่ เรากลบั มาละหมาดก้อดออ์ชดใช้ทีEบ้าน
หรือไม่ ถ้าเรายงั มีอยู่เราก็ต้องทบทวนตวั เองว่าเราควรจะเป็นอย่างนันB ต่อไปหรือไม่ แต่ก่อน
ข้าพเจ้าเองก็เคยกลบั มาละหมาดก้อดออ์ชดใช้ทีEบ้าน เพราะในช่วงเวลาทํางานเราไม่สามารถ
ละหมาดได้หรือมีข้ออ้าง เช่น ตวั เปือB น ต้องถอดกางเกงใสผ่ ้าโสร่งละหมาด นนัE คือความเชืEอใน
อดีต แต่ปัจจบุ นั เวลาเราได้เรียนรู้มาแล้วเราสามารถละหมาดได้ทกุ ทEี ทีEทํางานก็เปิดโอกาสให้
เราละหมาด มีห้องละหมาดให้ แต่พวกเรากลบั ไม่ละหมาดกนั เอง เพราะฉะนนัB เราต้องสํารวจ
ตวั เองว่าทEีเราละหมาดครบ U เวลา มนั ตรงเวลาหรือไม่ ถ้ามนั ไม่ตรงเวลาการชดใช้มนั ก็ไม่ทํา
ให้ได้คณุ ค่าของการละหมาดเสมือนกบั การกินยาทีEหมอสงEั ให้กินยา b เวลาหลงั อาหารเพEือจะ
รักษาโรคเพราะว่าเป็นช่วงเวลาการออกฤทธ›ิของยา การละหมาด U เวลาก็เช่นเดียวกนั เพืEอทํา
ให้เรามีอีหม่านและระลกึ ถึงอลั ลอฮฺตลอดเวลาในช่วงวนั หนงEึ นนEั เอง ถ้าเรามารวบยอดตอนเย็น

28


อย่างเดียวการละหมาดก็ไม่ได้ผลในการห้ามปรามความชวEั ของเราหรือสร้างให้เรามีอีหม่าน
มากขึนB เราลองสํารวจดวู ่าเรามีอีหม่านเพEิมขนึ B มีอะม้าลเพEิมขนึ B หรือไม่ นนEั คือสิEงทEีพระองค์ทรง
สงEั ใช้และสิEงทEีพระองค์ทรงสงEั ห้ามเราได้ทําอะไรบ้างในปีทีEแล้ว ถ้าเราสํารวจดเู ราจะรู้วา่ สิEงทีEเรา
ยงั ละเลิกไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นมะอ์ซียตั ใดก็แล้วแต่ ยกตวั อย่างเช่น การสบู บุหรEี การเสพของมึน
เมา การเทีEยวกลางคืน การเล่นการพนนั การกินของฮารอม เพราะฉะนนัB เราต้องสํารวจตวั เอง
ว่าเราทําตวั อย่างนนัB อยู่หรือไม่ เราทําในปีทีEแล้วปีนีเB รายงั ทําอย่างนนัB ต่อไปอีกหรือ ปีนีเB ราแก่
กว่าเดิมอีกหนึEงปี แต่เราต้องการให้มนั เหมือนเดิมใช่หรือไม่ และเราก็เข้าใกล้ความตายเข้าไป
อีกหรือเราต้องการให้เราตายไปพร้อมกบั ทํามะอ์ซียตั ของเรา ซงึE จะทําอย่างนีไB ปตลอดไม่มีวนั
เลิกใช่หรือไม่ ข้าพเจ้าคิดว่าผ้ทู Eีมีศรัทธาคงไม่เป็นเช่นนนัB นนEั คือสิEงทEีเราจะต้องปรับปรุงตวั เอง
และทีEสําคญั กาลเวลาทีEข้าพเจ้าพูดมันผ่านไปรวดเร็วมากเพราะอายุเราในตอนนีกB ็มากแล้ว
ทงัB ทEีทา่ นนบีบอกวา่ ประชาชาติของทา่ นจะมีอายปุ ระมาณ ‡W-ˆW ปี เพราะฉะนนัB เราเองก็ควรทีE
จะเพิEมพูนอีหม่านด้วยการศึกษาหาความรู้จากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทีEตอนนีมB ันใกล้ตวั เรามาก
มันไม่ใช่เรEืองยากทีEจะหาความรู้ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ วิทยุหรือแม้แต่สืEอทางอิเล็กทรอนิกส์
สEือในสมาร์โฟนล้วนแล้วแต่ทําได้หมด เราได้อ่านอัลกุรอานมากขึนB หรือไม่ หรือเราทําเรืEอง
ไร้สาระดหู นงั ฟังเพลงมากกว่ากนั ตอนนีโB ลกมนั เป็นยคุ ทีEทนั สมยั ซงึE มนั ทําให้เราเข้าถึงสิEงต่างๆ
ได้ง่าย ทังB ความดีและความชัEว เราต้องระวงั ตัวเองเพืEอไม่ให้หลงกล ตอนนีเB ราหลงกลความ
เจริญ หลงกลความสุขในโลกดุนยา เหมือนทีEท่านนบีบอกว่า เราจะถูกรุมกินโต๊ะทังB ๆ ทีE
ประชาชาติมสุ ลมิ มีจํานวนมากแตถ่ กู รุมกินโต๊ะเนืEองจากเป็นโรครักดนุ ยาและรังเกียจความตาย
ถามตวั เราเองว่าเรารักดนุ ยาหรือไม่ เรายงั อยากอย่ใู นโลกดนุ ยาต่อไปนานๆ ใช่หรือไม่ เรายงั
หลงกับแสงสีเสียง ยังอยากกินอาหารทีEร้ านโน้นร้ านนี B อยากไปเทีEยวทีEโน่นทีEนีE ประเทศโน้น
ประเทศนี B จังหวัดโน้นจังหวัดนีใB ช่หรือไม่ เรายังต้องการทรัพย์สิน เงินทอง รถหรู ชEือเสียง
ทงัB หลาย เรายงั ต้องการหรือไม่ นีEคือโรครักดนุ ยา อนั ทีEจริงเราควรจะเตรียมเสบียงของดนุ ยา
เพEือไปส่โู ลกอาคีเราะฮ์ เพราะฉะนนัB จึงขอตกั เตือนสิEงต่างๆ เหล่านีเB พราะอิสลามเป็นศาสนา
แหง่ การตกั เตือน เราสามารถพดู คยุ กนั ได้ สามารถตกั เตือนกนั ได้เพืEอให้มีการปรับปรุงตวั เอง

29


ท่านพEีน้องทีEรักทกุ ท่านครับ ในช่วงเวลาทีEผ่านมาต้องบอกว่านอกจากการทEีต้องทําตาม
สิEงทEีอลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮวู ่าตะอาลา) ทรงสงEั ใช้และห่างไกลจากสิEงทEีพระองค์ทรงสงEั ห้ามไว้แล้ว
ยังมีอีกเรืE องหนEึงทีEสําคัญและต้ องประสบทุกคนเพราะมันเป็ นการกําหนดของพระองค์ก็คือ
“ภยั พิบตั ิหรือมซุ ีบะฮ์” ทEีผ่านมาเราจะเห็นว่ามีมซุ ีบะฮ์หรือภยั พิบตั ิเกิดขึนB มากมาย ไม่ว่าจะ
เป็นปัญหาเรืEอง PM 2.5 ทีEอยู่ในกรุงเทพฯหรือในเมืองใหญ่ๆ ล่าสุดก็คือ เชือB ไวรัสโคโรน่า
สายพันธ์ุใหม่ ซEึงมาจากเมืองอู่ฮนEั มณฑลหูเป่ ยในประเทศจีน ซEึงต้องบอกว่าเป็นสEิงทีEทุกคน
กลวั เนืEองจากมีคนตายและทEีสําคญั มีข่าวหลากหลายวา่ มีชาวจีนหรือชาวอ่ฮู นัE เข้ามาทีEประเทศ
ไทยประมาน U ล้านคนก่อนทีEจะมีการปิดเมืองซึEงทําให้เราแตกตืEนเนEืองจากข่าวปลอมหรือ
เฟคนิวเต็มไปหมด ซึEงสEิงต่างๆ เหล่านีมB ันไม่ใช่สEิงอืEนใดเลยและไม่ใช่อุบตั ิการณ์ทEีเกิดขึนB เอง
แต่ในฐานะผู้ศรัทธาต้องเชืEอมนัE ว่ามนั เกิดจากการอนุมตั ิของอลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา)
ซEึงมันเกEียวข้องกับการศรัทธาของเราซEึงพระองค์อัลลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) ต้องการ
ทดสอบ ผ้ศู รัทธา และต้องการลงบาลาอ์แก่คนทEีทําผิด ในพระมหาคมั ภีร์อลั กรุ อานซูเราะฮ์
อตั ตะฆอบนุ อายะฮ์ทีE •• ได้ระบวุ า่

‫ُ ِﺑﻛُ ِّل َﺷ ْﻲ ٍء َﻋ ِﻠﯾ ٌم‬6‫ ﯾَ ْﮭ ِد ﻗَ ْﻠﺑَﮫُ ۚ◌ َوا ﱠ‬6ِ ‫ ۗ◌ َو َﻣن ﯾُ ْؤ ِﻣن ِﺑﺎ ﱠ‬6ِ ‫َﻣﺎ أَ َﺻﺎ َب ِﻣن ﱡﻣ ِﺻﯾﺑَ ٍﺔ ِإ ﱠﻻ ِﺑﺈِ ْذ ِن ا ﱠ‬

ความว่า “จะไม่มีสEิงใดมาประสบแก่สเู จ้าเว้นแต่การอนุมตั ิจากอลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่า
ตะอาลา) และถ้าผู้ใดศรัทธาต่ออัลลอฮฺ พระองค์จะเปิดหัวอก (หัวใจ) ของเขาให้เข้าใจ
และอลั ลอฮฺนนัB เป็นผ้ทู รงรู้ทกุ สงEิ ”

นEีคืออายะฮ์กรุ อานทีEพดู ในเรEืองนีวB า่ มซุ ีบะฮ์ทEีเกิดขนึ B ด้วยกบั การอนมุ ตั ิของพระองค์และ
ผ้ศู รัทธาจะได้รับการเปิดหวั ใจให้ได้เข้าใจสEิงเหลา่ นี BซงEึ ตรงนีเBป็นเครEืองหมายหรืออาลามตั เป็น
หลายๆ เรEือง สาเหตทุ ีEทําให้ต้องหยิบประเดน็ เหลา่ นีมB าพดู คยุ ก็เนEืองจากวา่ มีบางคนกลวั มากวา่
จะติดโรคนีแB ละวิตกกังวลในหลายๆ เรEือง รวมทังB มีข่าวเฟคนิวออกมามากมายซEึงมันเป็น
บทเรียนสําหรับผ้ศู รัทธา การทีEอลั ลอฮฺทรงกําหนดให้เกิดขึนB มาต้องวตั ถปุ ระสงค์อย่างแน่นอน
มีคนตงัB คําถามวา่ อลั ลอฮฺ (ซบุ ฮาน่าฮวู า่ ตะอาลา) ทรงบนั ดาลให้มีเชือB โรคเกิดขนึ B ทําไม เช่น เชือB
ไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ เพราะว่ามันเป็นอันตรายต่อมนุษย์ คําว่า “ไวรัส” มันมาจาก
พจนานุกรมภาษาไทยทEีแปลว่า “วิสา” ซึEงมาจากภาษาสันสกฤต แปลว่า พิษ เพราะฉะนันB

30


โดยทEัวไปทุกคนเข้าใจว่ามันเป็นสEิงทEีไม่ดีและอัลลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) ทรงสร้ าง
สEิงเหล่านีขB ึนB มาทําไม ข้าพเจ้าจึงทําการค้นคว้าความเห็นของนักวิชาการทีEอธิบายคําถาม
เหลา่ นีวB า่ ทกุ สEิงทกุ อย่างทีEอลั ลอฮฺทรงสร้างต้องมีเปา้ หมายและวตั ถปุ ระสงค์ มีทงัB คณุ และโทษ
เพียงแต่มนุษย์ไม่รู้จึงเข้าใจว่ามีแต่โทษ แต่อัลลอฮฺจะทรงเปิดเผยให้มนุษย์ได้รับรู้ต่อไป
ในพระมหาคมั ภีร์อลั กรุ อานซเู ราะฮ์ฟสุ สลี ตั อายะฮ์ทีE Ub ได้ระบวุ า่

‫َﺳﻧُ ِرﯾ ِﮭ ْم آﯾَﺎ ِﺗﻧَﺎ ِﻓﻲ ا ْﻵﻓَﺎ ِق َو ِﻓﻲ أَﻧﻔُ ِﺳ ِﮭ ْم َﺣﺗﱠﻰ ﯾَﺗَﺑَﯾﱠ َن ﻟَ ُﮭ ْم أَﻧﱠﮫُ ا ْﻟ َﺣ ﱡق‬

ความวา่ “เราจะให้พวกเขาได้เห็นสญั ญาณทงัB หลายของเราในขอบเขตอนั ไกลโพ้นและ
ในตวั ของพวกเขาเอง จนกระทงEั จะเป็นประจกั ษ์แก่พวกเขาวา่ อลั กรุ อานนนัB เป็นความจริง”

นกั วิชาการอธิบายว่า การทีEจะเป็นข้อดีหรือข้อเสียให้พิจารณาดทู ีEจํานวนและสถานทEี
ทีEมนั อยู่ ความหมายคือวา่ เชน่ กรณีของนําB ถ้ามนั อยใู่ นกระเพาะอาหารหรือกระเพาะปัสสาวะ
มันก็จะเป็นคุณ แต่ถ้ามันไปอยู่ทEีปอดมันก็จะเป็นโทษทําให้เป็นนําB ท่วมปอดเพราะอยู่ผิด
สถานทEี จํานวนก็เช่นเดียวกนั ถ้ามนั มีจํานวนน้อย เช่น นําB ตาล ถ้าเรากินก็ทําให้เราสดชืEน แตถ่ ้า
เรากินมากไปมนั ก็จะเป็นโทษ เพราะฉะนนัB ทุกสิEงทุกอย่างทEีอลั ลอฮฺทรงสร้างนันB มีทงัB คณุ และ
โทษเพียงแต่มนษุ ย์ไม่รู้ ตอนนีนB กั วิชาการ นกั วิทยาศาสตร์ นกั สาธารณสขุ ได้ค้นพบวา่ ไวรัสก็มี
ประโยชน์ นอกจากมนั จะอย่ใู นระบบห่วงโซ่อาหารอนั จะเป็นสิEงทEีอลั ลอฮฺทรงสร้างมาให้ระบบ
เกิดสมดลุ ขึนB ในโลกนี BนอกจากนนัB มนั ยงั สามารถเพEิมภูมิค้มุ กนั ให้เกิดขึนB ได้ทงัB ในมนุษย์และ
สตั ว์ ทีEเขาสมมตุ ิฐานว่าเชือB ไวรัสนีเB ป็นเชือB โรคทีEมีอย่แู ล้วในค้างคาวแต่มนั ไม่เกิดโรคเพราะมนั
อย่ถู กู ทEี แต่พอมนั เปลีEยนทีEมาอย่ทู Eีสตั ว์อEืนและถ่ายทอดมายงั มนษุ ย์มนั ทําให้เกิดความรุนแรง
ขึนB ยิEงถ้าอยู่ในมนุษย์แล้วมีความรุนแรงซึEงทําให้มนุษย์ตายมันก็ยิEงเข้มแข็งและเผยแพร่เชือB
ตอ่ ไปได้เรEือยๆ และถ้าเมืEอใดก็ตามทEีมนั ติดมนษุ ย์แล้วมนษุ ย์มีความเข้มแข็ง มีภมู ิค้มุ กนั เกิดขนึ B
เชือB นีกB ็จะเริEมอ่อนแอและในทีEสดุ ก็จะลดการระบาด และในทีEสดุ ทกุ คนก็จะมีภูมิ เพราะฉะนนัB
ไวรัสบางอย่างเมืEอเป็นแล้วจะไม่เป็นอีก เช่น โรคอีสกุ อีใส แต่บางอย่างก็เป็นได้ อย่างในกรณี
ไวรัสสายพันธ์ุนีกB ็เป็นสายพันธ์ุใหม่ทEีเพEิงค้นพบซึEงเป็นน้องใหม่ลําดบั ทEี ˆ ในโคโรน่าไวรัสซึEง
ปกติแล้วเป็นไวรัสทีEอยใู่ นสตั ว์ไมใ่ ช่ในคน เพราะฉะนนัB นอกจากจะเป็นสงEิ ทEีอลั ลอฮฺได้ทรงอนมุ ตั ิ
ให้เกิดแล้วยงั ชีใB ห้เห็นถึงพลงั อํานาจหรืออานภุ าพของพระองค์ เช่น เรEือง ฝ่นุ PM 2.5 มนษุ ย์ไม่

31


มีความสามารถทีEจะทําอะไรได้เลย และโรคต่างๆ อัลลอฮฺก็ทรงสามารถทําให้มนุษย์ตายได้
อย่างรวดเร็วหรือทนั ที นEีคือสิEงทEีอลั ลอฮฺทรงอานภุ าพยEิง นอกจากนนัB อลั ลอฮฺก็ยงั ประทานทาง
นําให้กบั พวกเราในหลายๆ เรืEอง ต้องบอกว่าถ้าเราปฏิบตั ิตามสิEงทีEอลั ลอฮฺทรงสงัE ใช้และทรงสงEั
ห้ามอย่างพอดี ไม่บกพร่องและไม่เกินเลย ส่วนใหญ่มนุษย์ชอบบกพร่องและชอบเกินเลย
ขาดความพอดี ส่วนมสุ ลิมก็ไม่ทําตามกิตาบุ้ลลอฮและซุนนะฮ์ ไม่รู้ว่าอลั ลอฮฺทรงสงEั ใช้อะไร
และนบีบอกอย่างไร ในเรEืองโรคภยั นีทB ่านนบีได้บอกมาแล้ว •VWW ปี เป็นฮะดีษทีEรายงานโดย
ทา่ นอซุ ามะฮ์อิบนเุ ซด (ร่อฎิยลั ลอฮอุ นั ฮ)ุ ได้กลา่ ววา่ ทา่ นศาสดามฮู มั หมดั (ซอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิ
วา่ สลั ลมั ) ได้กลา่ ววา่

،‫ ﻓَﻼَ ﺗَ ْد ُﺧﻠُو َھﺎ َوإذَا وﻗَ َﻊ ِﺑﺄَ ْر ٍض‬،‫إذَا ﺳ ِﻣ ْﻌﺗُ ْم اﻟ ﱠطﺎﻋُو َن ِﺑﺄَ ْر ٍض‬
‫ ﻓَﻼَ ﺗَ ْﺧ ُر ُﺟوا ِﻣ ْﻧ َﮭﺎ‬،‫َوأَ ْﻧﺗُ ْم ِﻓﯾ َﮭﺎ‬

ความว่า “เมEือพวกท่านได้ยินถึงโรคระบาดในแผ่นดินใดก็ตาม พวกท่านอย่าได้ไปยงั
แผ่นดินนันB เเละเมEือมันเกิดขึนB ทEีแผ่นดินใดในขณะทีEพวกท่านอยู่ ณ ทีEนEัน พวกท่านก็อย่าได้
เดนิ ทางออกจากทีEแหง่ นนัB เพืEอหนีจากมนั ”

คําสอนในเรืEองนีถB ือเป็นหลกั การทEีสําคญั ในการควบคมุ โรคระบาดทงัB หลาย ทงัB นีโB ดยได้
ชีใB ห้เห็นวา่ เมEือมีโรคระบาดเกิดขนึ B ถ้าทําตามซุนนะฮ์เราต้องไม่ออกจากทEีทEีเป็นโรคเพEือปอ้ งกนั
ไม่ให้โรคระบาดออกไป และคนทEีจะเข้าก็คงเข้ามาไม่ได้เพราะมันเกิดโรคระบาดเกิดขึนB
เพราะฉะนนัB จะเห็นได้ว่า โรคนนัB เป็นสิEงทEีอลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮวู ่าตะอาลา) ทรงอนมุ ตั ิให้เกิดขึนB
แต่พระองค์ก็ทรงให้ท่านนบีมฮู มั หมดั (ซ็อลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิว่าสลั ลมั ) ได้บอกถึงวิธีการหรือวาง
แนวทางการควบคมุ โรคไว้ซงึE เป็นแบบอย่างทีEเราต้องนํามาปฏิบตั ิ และจากข้อเท็จจริงในตอนนี B
ก็จะเห็นได้ว่าโรคทEีมนั ระบาดเพราะไม่ได้ทําตามหลกั การของฮะดีษนี BเนืEองจากคนทีEอาศยั อยู่
ในสถานทEีทEีเกิดโรคนีไB ด้เดนิ ทางออกมาแพร่เชือB ในประเทศตา่ งๆ มนั ถงึ เป็นโรคระบาดกนั ทงัB โลก

ท่านพEีน้องผู้ศรัทธาทEีรักทุกท่านครับ ปัญหาอีกอันหนEึงทีEอยากจะฝากในช่วงเวลาทEี
เหลืออยู่คือ เรEืองข่าวเท็จทีEมันเกิดขึนB หรือเฟคนิวต่างๆ บางคนก็อาจจะมีส่วนในการส่งต่อ
เพราะไม่มีความรู้ ไม่สามารถตรวจสอบแหลง่ ทEีมา หรือไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ามนั เป็นจริง

32


หรือเท็จ ซEึงเรืEองนีเB ป็นสิEงสําคญั ทีEอยากเตือนให้ระวงั ทงัB นีใB นพระมหาคมั ภีร์อลั กุรอานซูเราะฮ์
อลั ฮ‘ุ รุ อต อายะฮ์ทEี ‡ ได้ระบวุ า่

‫ﯾَﺎ أَﯾﱡ َﮭﺎ اﻟﱠ ِذﯾ َن آ َﻣﻧُوا ِإن َﺟﺎءﻛُ ْم ﻓَﺎ ِﺳ ٌق ِﺑﻧَﺑَ ٍﺄ ﻓَﺗَﺑَﯾﱠﻧُوا أَن ﺗُ ِﺻﯾﺑُوا ﻗَ ْو ًﻣﺎ ِﺑ َﺟ َﮭﺎﻟَ ٍﺔ‬
‫ﻓَﺗُ ْﺻ ِﺑ ُﺣوا َﻋﻠَﻰ َﻣﺎ ﻓَﻌَ ْﻠﺗُ ْم ﻧَﺎ ِد ِﻣﯾ َن‬

ความว่า “โอ้ศรัทธาชนทงัB หลาย หากคนชวัE นําข่าวใดๆ มาแจ้งแก่พวกเจ้า พวกเจ้าก็จง
สอบสวนให้แน่ชดั หาไม่แล้วพวกเจ้าก็จะก่อเคราะห์กรรมแก่พวกหนึEงโดยไม่รู้ตวั แล้วพวกเจ้า
จะกลายเป็นผ้เู สยี ใจในสงEิ ทีEพวกเจ้าได้กระทําไป”

จากอายะฮ์นีชB ีใB ห้เห็นว่า การทีEเราได้รับข่าวคราวจากแหล่งทEีเชืEอถือไม่ได้ เช่น ข่าวจาก
คนฟาสิกคือคนทีEทําบาปหรือเป็นใครไม่รู้ แม้แต่คนทีEรู้จกั แต่เขาก็อาจไม่รู้ทEีมาเพราะส่งต่อๆ
กนั มา ก็คงต้องพินิจพิจารณาในการส่งในโซเชียลต่อไป มิฉะนนัB มนั จะเป็นเหตหุ นึEงทีEทําให้คน
ได้รับสEิงทีEไม่ดี ซEึงจะเห็นได้ว่า เป็นผลทําให้เกิดการเกลียดกลวั คนจีน เกลียดกลวั เรืEองต่างๆ
เหลา่ นี Bอนั จะเป็นผลให้พวกเราอาจจะเป็นผ้ทู ีEอธรรมคนหนงEึ ตามความในอายะฮ์นีกB ็ได้

ท่านพีEน้องผู้ศรัทธาทEีรักทุกท่านครับ สEิงสดุ ท้ายทีEอยากจะตกั เตือนคือ ขอให้ทุกคนจง
ยําเกรงต่ออลั ลอฮฺ เกรงกลวั การลงโทษของอลั ลอฮฺ แต่การเกรงกลวั อลั ลอฮฺไม่ได้หมายถึงการ
ออกห่างจากพระองค์ แตจ่ ะต้องเข้าใกล้กบั พระองค์เพราะการทีEเราอย่ใู กล้กบั พระองค์จะทําให้
เรามีความหวงั อลั ลอฮฺทรงเมตตากบั พวกเรา ไม่มีใครทีEไม่เคยทําผิด แต่คนทําผิดทีEดีคือคนทEี
เตาบตั ตวั เพราะฉะนนัB อยากให้พวกเราขออภยั โทษตอ่ พระองค์และตงัB ใจว่าในปีตอ่ ไปจะทําให้
ดีกว่าปีทีEแล้ว และจะเป็นมอุ ฺมินผู้ศรัทธาทีEทําในสิEงทEีพระองค์ทรงสงEั ใช้และออกห่างจากสิEงทีE
พระองค์ทรงสงEั ห้ามมากยEิงขนึ B อามีน

33


เร;ืองความยุตธิ รรมท;แี ท้จริง

‫ِﺑ ْﺳ ِم اﻟﻠﱠـ ِﮫ اﻟ ﱠر ْﺣ َﻣ ٰـ ِن اﻟ ﱠر ِﺣﯾ ِم‬

‫ ِﻣ ْن ﺷُ ُر ْو ِر أَ ْﻧﻔُ ِﺳﻧَﺎ َو ِﻣ ْن‬Dِ ‫ ﻧَ ْﺣ َﻣدُهُ َوﻧَ ْﺳﺗَ ِﻌﯾﻧُﮫُ َوﻧَ ْﺳﺗَ ْﻐ ِﻔ ُرهُ َوﻧَﺗُ ْو ُب ِإﻟَ ْﯾ َك َوﻧَﻌُ ْوذُ ِﺑﺎ‬6ِ ّ ِ َ‫ِإ ﱠن ا ْﻟ َﺣ ْﻣد‬
َ‫ َوأَ ْﺷ َﮭدُ أَ ْن َﻻ ِإﻟَﮫ‬،ُ‫ َو َﻣ ْن ﯾُ ْﺿ ِﻠ ْل ﻓَ َﻼ َھﺎ ِد َي ﻟَﮫ‬،ُ‫ َﻣ ْن ﯾَ ْﮭ ِد ِه ﷲُ ﻓَ َﻼ ُﻣ ِﺿ ﱠل ﻟَﮫ‬،‫َﺳ ِﯾّﺋَﺎ ِت أَ ْﻋ َﻣﺎ ِﻟﻧَﺎ‬
‫ُﻣ َﺣ ﱠﻣ ٍد‬ ‫ﻧَ ِﺑﯾًﻧَﺎ‬ ‫َﻋﻠ َﻰ‬ ‫َﺻ ًل‬ ‫اَﻟﻠﱠ ُﮭ ﱠم‬ ُ‫ َوأَ ْﺷ َﮭدُ أَ ﱠن ُﻣ َﺣ ﱠﻣدَاً َﻋ ْﺑدُهُ َو َرﺳُ ْوﻟُﮫ‬،ُ‫َو ْﺣدُهُ َﻻ َﺷ ِر ْﯾ َك ﻟَﮫ‬ ُ‫ِإ ﱠﻻ ﷲ‬
‫ﺑَ ْﻌدُه‬ ‫ أَ ﱠﻣﺎ‬٠‫آ ِﻟﮫ َو َﺻ ْﺣ ِﺑﮫ َو َﻣ ْن ﺗَ ِﺑﻌَ ُﮭ ْم ِﺑﺈِ ْﺣ َﺳﺎ ٍن ِإﻟَﻰ ﯾَ ْو ِم اﻟدً ِﯾن‬ ‫َو َﻋﻠَﻰ‬

‫ َوﻗُوﻟُوا ﻗَ ْوﻻ َﺳ ِدﯾدًا‬6َ ‫ﻓَﻘَ ْد ﻗَﺎ َل ﷲُ ﺗَﻌَﺎﻟَﻰ ِﻓﻲ ِﻛ ِﺗﺎ ِب ِﷲ اﻟﻌَ ِظ ْﯾم ﯾَﺎ أَﯾﱡ َﮭﺎ اﻟﱠ ِذﯾ َن آ َﻣﻧُوا اﺗﱠﻘُوا ا ﱠ‬
‫ َو َرﺳُوﻟَﮫُ ﻓَﻘَ ْد ﻓَﺎ َز ﻓَ ْو ًزا َﻋ ِظﯾ ًﻣﺎ‬6َ ‫ﯾُ ْﺻ ِﻠ ْﺢ ﻟَﻛُ ْم أَ ْﻋ َﻣﺎﻟَﻛُ ْم َوﯾَ ْﻐ ِﻔ ْر ﻟَﻛُ ْم ذُﻧُوﺑَﻛُ ْم ۗ◌ َو َﻣن ﯾُ ِطﻊِ ا ﱠ‬

‫َﺻدَ َق ﷲُ اﻟﻌَ ِظ ْﯾم‬

ขอความสขุ ความสนั ติ ความเมตตาปราณีจากเอกองค์อลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮวู า่ ตะอาลา)

จงประสบแด่พEีน้องผ้ศู รัทธาทEีรักทกุ ท่าน ขอขอบคณุ อลั ลอฮฺทEีทรงโปรดให้พวกเราได้มีชีวิตอยู่

จนถงึ วนั ศกุ ร์อีกครังB หนงึE

ท่านพีEน้องผ้ศู รัทธาทEีรักทกุ ท่าน ขอให้พวกท่านยําเกรงต่ออลั ลอฮฺให้มากๆ เพราะแท้ทEี
จริงทกุ วนั นีมB ีสงEิ ตา่ งๆ ทEีเป็นบททดสอบของพEีน้องมสุ ลมิ อยตู่ ลอดเวลา อยา่ งเชน่ ในปัจจบุ นั มีทงัB
ปัญหาการเมือง ปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาทางสEิงแวดล้อมทEีรุมเร้าภายในประเทศทีEเราอยู่
อาศยั โดยเฉพาะอย่างการตดั สินของกระบวนการศาลซงEึ มีทงัB คนทีEเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยและ
มีคนทEีไม่ยอมรับอํานาจของศาลหรือมีการโต้ เถียงคัดค้ านตลอดเวลา รวมทังB การ
วิพากษ์วิจารณ์เป็นอยา่ งมากตอ่ กระบวนการยตุ ิธรรม ซงEึ วิกฤตตา่ งๆ เหลา่ นีถB ือวา่ เป็นจดุ ทEีจะมี
การเปลีEยนแปลงทEีสําคัญของวงการกฎหมาย วงการการเมือง และกระบวนการยุติธรรม
ทงัB หมด แต่สําหรับพีEน้องมสุ ลิมในฐานะทEีเราเป็นผู้ศรัทธา สิEงเหล่านีคB ือการทดสอบทEีอลั ลอฮฺ
(ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) ได้ทรงให้เราประสบกับบททดสอบนี B แล้วเราจะทําอย่างไรกับบท
ทดสอบนีเBพืEอมีอีหมา่ นมากขนึ B

ทา่ นพีEน้องผ้ศู รัทธาทEีรักทกุ ทา่ น ทกุ วนั นีเBราจะเหน็ ได้วา่ ในหน้าขา่ วหนงั สือพิมพ์จะมีขา่ ว
ทีEแสดงให้เหน็ ถงึ การไมย่ อมรับตอ่ กระบวนการยตุ ธิ รรมหรือกฎหมาย หรือคําตดั สนิ ขององค์กร

34


ต่างๆ ซงEึ เหลา่ นีแB สดงให้เห็นว่าองค์กรต่างๆ เหลา่ นียB งั ไม่ได้รับการยอมรับหรือเชEือมนEั โดยดษุ ฎี
ทงัB นีอB าจเป็นเพราะมองว่ากระบวนการยุติธรรมนนัB เกิดจากกฎหมาย และกฎหมายก็เกิดจาก
สิEงทีEมนุษย์สร้ างขึนB มาย่อมมีความบกพร่องและไม่สมบูรณ์หรือมีข้อผิดพลาดในการออก
กฎหมาย รวมทงัB ผ้ทู ีEออกกฎหมายคือฝ่ายนิติบญั ญัติซงึE เป็นตวั แทนจากฝ่ายใดฝ่ายหนึEงทีEเลือก
ขึนB มาโดยอาจจะมีส่วนได้เสียในการออกกฎหมายหรืออาจจะมีผลประโชน์ของคนบางกลุ่ม
ทEีได้รับการเชิดชูและละเลยผลประโยชน์ของคนอีกกลุ่มหนEึง เพราะฉะนันB จะเห็นได้ว่านEีคือ
ความบกพร่องของกฎหมายซึEงคนทEีใช้ในการตดั สินคือศาล และศาลก็มีขอบเขตหรือกรอบใน
การตีความ ในความเป็นจริงศาลสามารถตดั สินหรือตีความโดยใช้ตวั อกั ษรหรือใช้เจตนารมณ์
ตามทEีบญั ญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ทีEกล่าวว่า ให้ใช้ค่กู นั คือ ต้องตีความโดย
มงุ่ หมายตามตวั อกั ษรและตามเจตนารมณ์ทีEแท้จริงในกฎหมายฉบบั นนัB แตใ่ นทางปฏิบตั ิเราจะ
เห็นได้ว่าตลุ าการหรือศาลมกั จะตีความตามตวั อกั ษรเพราะมนั เป็นกรอบทEีชดั เจน และมีลาย
ลกั อกั ษรทีEยืนยนั เนืEองจากเกรงจะถูกกล่าวหาว่าใช้ดลุ พินิจทีEไม่ชอบหรือเป็นตลุ าการภิวฒั น์
สิEงนีคB ือกรอบในการตดั สินคดี นอกจากนี BระบบพิจารณาโดยทวัE ไปกระบวนการยตุ ิธรรมก็จะใช้
การกล่าวหาโดยมีศาลเดียวคือศาลปกครองทEีใช้การไต่สวน ระบบกล่าวหาคือระบบทีEมีผู้ใด
กล่าวอ้างผ้นู นัB ก็ต้องมีหน้าทEีนําสืบโดยใช้พยานเอกสารหรือพยานตวั บคุ คล ถ้านําสืบแล้วศาล
เห็นจริงตามทEีนําสืบศาลก็จะเชืEอข้อเท็จจริงตามนนัB และอาจตดั สินให้ชนะคดี แต่ถ้าข้อเท็จจริง
ยงั เป็นทEีสงสยั ศาลก็อาจจะไม่ลงโทษผู้นนัB ก็ได้ อย่างเช่นในคดีอาญา ถ้าฝ่ ายอยั การหรือฝ่ าย
โจทก์ฟ้องแต่ไม่สามารถนําพยานหลกั ฐานเอกสารหรือพยานบคุ คลนําสืบให้เห็นจริง ศาลก็จะ
ยกประโยชน์ให้จําเลยโดยการยกฟอ้ ง เพราะศาลอาญาจะมีสภุ าษิตกฎหมายบทหนงึE คือ ปลอ่ ย
คนผิดไปสบิ คนดีกวา่ จบั คนไมผ่ ิดมาลงโทษเพียงหนงEึ คน ดงั นนัB จะเหน็ ได้วา่ เมEือข้อเทจ็ จริงหรือ
พยานหลกั ฐานไม่ชัดเจนศาลจะต้องยกประโยชน์ให้จําเลยในการทีEจะยกฟ้องคดี ด้วยเหตุนี B
จึงทําให้กระบวนการยุติธรรมมีข้อบกพร่องหลายประการ อีกประการหนึEงก็คือ นอกจากวิธี
พิจารณาในการกลา่ วหาแล้ว พยานหลกั ฐานในกระบวนการยตุ ิธรรมจะมีพยานเอกสาร ซงึE ก็มี
การปลอมกนั และมีการพิสจู น์เรEืองการปลอมอย่บู ่อยครังB แม้แต่เอกสารราชการทEีน่าจะเชEือถือ
ได้ แตบ่ างทีก็มีการปลอมกนั ซงEึ มีเจ้าหน้าทีEบางคนเซน็ ต์คําสงัE แทนกนั โดยทีEไมไ่ ด้เป็นการปฏิบตั ิ

35


ราชการหรือรักษาราชการแทน นอกจากนนัB พยานบคุ คลก็มีพยานเท็จทีEเกิดขนึ B มากมายสงิE ตา่ งๆ
เหล่านีชB ีใB ห้เห็นถึงความไม่ยตุ ิธรรมในสงั คมหรือผ้ทู Eีมีความสามารถ มีเงิน มีทอง สามารถทีEจะ
ชนะคดีได้ ด้วยเหตผุ ลดงั ทEีได้กลา่ วมาจงึ ทําให้กระบวนการยตุ ธิ รรมมีความบกพร่อง

ท่านพีEน้องผู้ศรัทธาทEีรักทุกท่าน เราในฐานะทEีเป็นมสุ ลิม เราเป็นมอุ ฺมิน เราคงต้องนํา
เรืEองนีมB าพิจารณาดวู า่ หลกั การศาสนาอิสลามได้มีคําสอนในเรEืองของความเป็นธรรมไว้อยา่ งไร
บ้าง ในพระมหาคมั ภีร์อลั กรุ อานได้กลา่ วไว้วา่ อลั ลอฮฺได้ทรงสร้างมนษุ ย์ทกุ คนให้อย่ใู นสภาพทEี
สมบูรณ์ และพระองค์ก็ทรงบันดาลให้ พวกเรามีสติปั ญญาทEีจะใช้ คิดไตร่ ตรองในเรืE องต่างๆ
มีความรู้สกึ ผิดชอบชวัE ดี ด้วยเหตนุ ี Bจึงมีการสอบสวนมนษุ ย์ทกุ คนซงEึ ตรงกนั ข้ามกบั สตั ว์ทีEไม่มี
ความคิด และเมEือมนษุ ย์มีสติปัญญามีสมองในการตดั สินใจกระทําดีกระทําชวEั เพราะฉะนนัB สEิง
เหลา่ นีอB ลั ลอฮฺได้ทรงบอกไว้แล้วว่าอะไรถกู อะไรผิด และถ้าฝ่าฝืนก็ต้องถกู สอบสวน ถกู ลงโทษ
นีEคือสิEงทEีอลั ลอฮฺ (ซบุ ฮาน่าฮวู า่ ตะอาลา) ได้ทรงกําหนด ในมมุ มองของศาสนาเรามีหลกั ศรัทธา
ทีEเชืEอในพระผ้ ูเป็ นเจ้ าและหลักในการศรัทธาในวันอาคีเราะฮ์ ซEึงเป็ นหลักยึดมEันว่าอัลลอฮฺ
(ซุบฮาน่าฮวู ่าตะอาลา) นนัB เป็นพระผ้อู ภิบาลผ้ทู รงบนั ดาลทกุ สEิง รวมทงัB พระองค์เท่านนัB ทีEเป็น
ผู้ทEีได้รับการเคารพสกั การะ นอกจากนนัB เรายงั มีการศรัทธาหรือให้ความเป็นเอกภาพในเรEือง
คุณลักษณะของพระองค์และจะเห็นได้ว่าทังB gg พระนามของพระองค์ซึEงมีอยู่ b พระนาม
ทEีเกEียวข้องกับความยุติธรรมหรือความเทีEยงธรรม นัEนคือคําว่า อัลฮะกัม อัลอัดล์ อัลมุกซิด
ด้วยเหตนุ ี BการเชืEอในความยตุ ิธรรมในการตดั สินของพระองค์ การเป็นผ้ทู รงอํานาจเด็ดขาดใน
วนั แห่งการตอบแทนก็เป็นหลกั ศรัทธาของมสุ ลิม นอกจากนนัB เราต้องศรัทธาและเชEือมนัE ว่าวนั
อาคีเราะฮ์ คือ วนั แห่งการตอบแทนซงEึ เป็นวนั ทีEจะทําให้ทกุ อย่างเกิดความเป็นธรรม เราจะเห็น
ได้ว่าคนทEีกระทําดีในโลกนีอB าจจะไม่ได้รับผลของความดีตอบแทน แต่คนทEีกระทําความชEัว
เห็นแก่ตวั มากกว่าประโยชน์ส่วนรวม คดโกง ทุจริต คอรัปชนัE คนเหล่านีกB ลบั ไม่ได้ถูกลงโทษ
นีEคือสิEงทEีชีใB ห้เห็นว่าความเป็นธรรมนันB อยู่ทEีไหน และคําตอบคือวนั อาคีเราะฮ์ วนั ทEีพระองค์
อลั ลอฮฺ (ซบุ ฮานา่ ฮวู า่ ตะอาลา) จะทรงตอบแทนให้เกิดความเป็นธรรมทงัB หมด การศรัทธาในวนั
อาคีเราะฮ์นนัB เปรียบเสมือนลกู จ้างทีEทํางานโดยหวงั ทีEจะได้รับเงินเดือนเมEือถึงปลายเดือนหรือ
ได้รับโบนสั เมืEอถึงสินB ปี ฉนั ใดฉนั นนัB วนั อาคีเราะฮ์ก็เช่นเดียวกนั ถ้าเราศรัทธาในวนั อาคีเราะฮ์

36


ว่ามีการสอบสวนการกระทําความดีความชวEั และตอบแทนสิEงทีEได้กระทําทงัB หมด เพราะฉะนนัB
เราจึงต้องเชืEอมนEั ว่าจะได้รับผลตอบแทนอย่างแน่นอน นีEคือหลกั การศรัทธาในวนั อาคีเราะฮ์ซงEึ
มีนกั วิชาการได้ตรวจสอบว่าคําว่า ‫ َوا ْﻟﯾَ ْو ِم ا ْﻵ ِﺧ ِر‬6ِ ‫ ِإن ﻛُﻧﺗُ ْم ﺗُ ْؤ ِﻣﻧُو َن ِﺑﺎ ﱠ‬ความว่า “หากพวก
เจ้าศรัทธาตอ่ อลั ลอฮฺและศรัทธาตอ่ วนั อาคีเราะฮ์” ทงัB สองคํานีจB ะอย่คู กู่ นั ในพระมหาคมั ภีร์อลั
กรุ อานประมาณ T• ครังB แม้ว่าจะใช้สํานวนทีEต่างกนั ก็ตาม แต่สEิงนีชB ีใB ห้เห็นว่าหลกั การศรัทธา
ทงัB สองประการนีเBป็นเรืEองทEีมีความสําคญั ต่อผ้ศู รัทธาอย่างยิEงในการทEีจะศรัทธาเชืEอมนัE ฉะนนัB
ถ้าหากผู้ใดมีศรัทธาต่ออัลลอฮฺและศรัทธาต่อวันอาคีเราะฮ์แล้ว ยังทําความชEัวอีกก็ย่อม
ชีใB ห้เหน็ วา่ เขาอาจจะมีการศรัทธาทEีไมจ่ ริงจงั นนัE เอง

ท่านพีEน้องผู้ศรัทธาทEีรักทุกท่าน ในวนั อาคีเราะฮ์อลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) คือ
ผ้ ูทรงตัดสินแต่เพียงผ้ ูเดียวและพระองค์ทรงมิได้ ใช้ วิธี พิจารณาคดีความหรื อพยานเอกสาร
พยานบคุ คลหรือพยานหลกั ฐานแบบมนษุ ย์ แต่พระองค์ทรงมีวิธีพิจารณาซงEึ มีความเป็นธรรม
มากทีEสดุ

• - มีพยานหลกั ฐานจากการจดบนั ทกึ ของมาอิกะฮ์สองทา่ น
ในพระมหาคมั ภีร์อลั กรุ อานในซเู ราะฮ์กอฟ อายะฮ์ทEี •ˆ-•˜ ได้ระบวุ า่

ٌ‫ِإ ْذ ﯾَﺗَﻠَﻘﱠﻰ ا ْﻟ ُﻣﺗَﻠَ ِﻘّﯾَﺎ ِن َﻋ ِن ا ْﻟﯾَ ِﻣﯾ ِن َو َﻋ ِن اﻟ ِّﺷ َﻣﺎ ِل ﻗَ ِﻌﯾد‬
ٌ‫َﻣﺎ ﯾَ ْﻠ ِﻔظُ ِﻣ ْن ﻗَ ْو ٍل ِإ ﱠﻻ ﻟَدَ ْﯾ ِﮫ َر ِﻗﯾ ٌب َﻋ ِﺗﯾد‬

ความว่า “จงรําลึกขณะทีEมะลาอิกะฮ์ผ้บู นั ทึกสองท่านบนั ทึก ท่านหนEึงนงัE ทางข้างขวา
และอีกท่านหนEึงนัEงทางข้างซ้าย ไม่มีคําพูดคําใดทีEเขากล่าวออกมา เว้นแต่ใกล้ๆ เขานันB มี
(มะลกั ) ผ้เู ฝา้ ตดิ ตาม ผ้เู ตรียมพร้อม”

จากอายะฮ์อลั กรุ อานทงัB สองชีใB ห้เห็นวา่ อลั ลอฮฺ (ซบุ ฮาน่าฮวู า่ ตะอาลา) ได้ทรงใช้วิธีการ
ทีEให้มะลาอีกะฮ์ได้จดบนั ทึกความดีความชวัE ของเรา การกระทําของเราไม่พ้นสิEงทีEมะลาอิกะฮ์
ทังB T ท่านได้จดไว้ นEีคือพยานเอกสารทีEเราไม่สามารถแก้ ตัวหรือโต้เถียงได้ซึEงไม่เหมือน
กระบวนการยตุ ิธรรมในปัจจบุ นั ทีEเราสามารถโต้เถียงกนั และไม่ยอมรับได้ เพราะมะลาอิกะฮ์ทงัB

37


T ท่านนันB จะจดทุกเวลา จดทุกสถานทEีเนEืองจากมะลาอิกะฮ์จะไม่ฝ่ าฝืนคําสัEงของอัลลอฮฺ
(ซบุ ฮานา่ ฮวู า่ ตะอาลา) โดยเดด็ ขาด

2 – พยานทีEจะใช้ยืนยนั คือ อวยั วะในร่างกายของมนษุ ย์เอง
ในพระมหาคมั ภีร์อลั กรุ อานในซเู ราะฮ์ฟซุ ซีลตั อายะฮ์ทีE TW ได้ระบวุ า่

‫َﺣﺗﱠ ٰﻰ ِإذَا َﻣﺎ َﺟﺎ ُءو َھﺎ َﺷ ِﮭدَ َﻋﻠَ ْﯾ ِﮭ ْم َﺳ ْﻣﻌُ ُﮭ ْم َوأَ ْﺑ َﺻﺎ ُرھُ ْم‬
‫َو ُﺟﻠُودُھُم ِﺑ َﻣﺎ َﻛﺎﻧُوا ﯾَ ْﻌ َﻣﻠُو َن‬

ความวา่ “จนกระทงEั พวกเขาได้มายงั นรก หขู องพวกเขา ดวงตาของพวกเขา ผิวหนงั ของ
พวกเขาจะเป็นพยานคดั ค้านเขาในสงิE ทEีเขาได้กระทํามา”

จากอายะฮ์อัลกุรอานบ่งบอกให้ เห็นว่าอัลลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) ไม่ได้ ใช้
พยานหลกั ฐานหรือพยานบคุ คล แต่พระองค์ทรงใช้อวยั วะของคนๆ นนัB เป็นพยานต่อตวั เขาเอง
กล่าวคือ หูทีEได้ยิน ตาทีEได้มองเห็น และผิวหนังทEีได้สมั ผสั ล้วนแต่เป็นพยานทงัB หมด และใน
พระมหาคมั ภีร์อลั กรุ อานในซเู ราะฮ์ยาซีน อายะฮ์ทีE ‡U ได้ระบวุ า่

‫ا ْﻟﯾَ ْو َم ﻧَ ْﺧ ِﺗ ُم َﻋﻠَ ٰﻰ أَ ْﻓ َوا ِھ ِﮭ ْم َوﺗُ َﻛ ِﻠّ ُﻣﻧَﺎ أَ ْﯾ ِدﯾ ِﮭ ْم َوﺗَ ْﺷ َﮭدُ أَ ْر ُﺟﻠُ ُﮭم ِﺑ َﻣﺎ َﻛﺎﻧُوا ﯾَ ْﻛ ِﺳﺑُو َن‬
ความวา่ “ในวนั นนัB เรา(อลั ลอฮฺ)จะทรงผนกึ (ปิด)ปากของเขา และทําให้มือของพวกเขา
พดู และให้บรรดาเท้าของพวกเขาเป็นพยานในสงิE ทEีเขาได้กระทําไว้”

b - แผน่ ดนิ จะเป็นพยานบอกเลา่ เหตกุ ารณ์ทEีเกิดขนึ B ทงัB หมด
ในพระมหาคมั ภีร์อลั กรุ อานในซเู ราะฮ์ซลิ ซาล ได้ระบวุ า่

‫ َوﻗﺎ َل ا ْ ِﻹ ْﻧﺳﺎ ُن ﻣﺎ ﻟَﮭﺎ‬٠ ‫ َوأَ ْﺧ َر َﺟ ِت ا ْﻷَ ْر ُض أَﺛْﻘﺎﻟَﮭﺎ‬٠‫ِإذا ُز ْﻟ ِزﻟَ ِت ا ْﻷَ ْر ُض ِز ْﻟزاﻟَﮭﺎ‬
‫ ِﺑﺄَ ﱠن َرﺑﱠ َك أَ ْوﺣﻰ ﻟَﮭﺎ‬٠ ‫ﯾَ ْو َﻣ ِﺋ ٍذ ﺗُ َﺣ ِدّ ُث أَ ْﺧﺑﺎ َرھﺎ‬

ความว่า “เมืEอแผ่นดินได้สัEนไหวอย่างรุนแรง มันก็ได้คลายสEิงทEีหนักอึงB บนมัน (ศพ,
แร่ธาตุ) ออกมา และมนุษย์จะกล่าวว่า เกิดอะไรขึนB แก่มนั เล่า ในวนั นนัB (วนั กิยามะฮ์) มนั จะ
บอกขา่ วคราวของมนั วา่ แท้จริงพระเจ้าได้มีบญั ชาแก่มนั ”

38



นกั วิชาการได้อรรถาธิบายว่า ในวนั นนัB หมายถึงวนั อาคิเราะฮ์ แผ่นดินมนั จะบอกเล่า
เรืEองราวต่างๆ ทEีเกิดขึนB บนมันด้ วยเพราะว่าอัลลอฮฺได้ ทรงบัญชาให้ มันกระทําเช่นนันB
ซงึE ความสามารถในการบอกกลา่ วสิEงตา่ งๆ เป็นเรEืองเร้นลบั ทีEเป็นผลมาจากอํานาจของพระองค์
ทงัB สนิ B

จากพยานหลกั ฐานทงัB สามประเภททีEใช้ในการพิจารณาสอบสวนความดีความชวัE ของ
มนุษย์ โดยทีEอัลลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) ทรงใช้มะลาอิกะฮให้จดบันทึกเป็นพยานชินB
สําคญั ทีEเราทกุ คนจะได้รับสมดุ บนั ทกึ แตจ่ ะรับด้วยมือซ้ายมือขวาหรือด้านหลงั ขนึ B อย่กู บั วา่ เรา
จะเป็นชาวสวรรค์หรือชาวนรก แต่เราไม่สามารถโต้เถียงได้เพราะจะถกู บนั ทึกทุกเวลา ทุกวนั
ทกุ ทEี ตงัB แตเ่ กิดจนกระทงัE ตาย นอกจากนีจB ะมีพยานซงEึ เป็นตวั เราเองและอวยั วะของเราทงัB หมด
รวมทงัB สรรพสงิE ทีEไมม่ ีชีวิตทีEจะเป็นพยานให้กบั เรา จะเหน็ ได้วา่ เป็นสงิE ซงึE มนษุ ย์ไมอ่ าจโต้เถียงได้
และก็เป็ นหลักฐานทEีมีความเพียงพอแล้วในการให้ ความยุติธรรมแก่มนุษย์ทุกคน สิEงนี B
ดเู หมือนว่าจะเป็นเรืEองทีEเหลือเชืEอ เป็นเรืEองทีEเร้นลบั มาก ในการศรัทธาเช่นนนัB ในฐานะทEีเป็น
มุสลิม แต่ในหลักความเป็นจริงแล้วสEิงนีมB ันสามารถเกิดขึนB ได้จริง นักวิทยาศาสตร์ในยุค
ปัจจบุ นั มีความพยายามทีEจะคิดค้นสิEงต่างๆ ในทางนิติเวชวิทยาหรือนิติวิทยาศาสตร์โดยได้มี
การชันสูตรเหตุแห่งการตายได้ชัดเจนขึนB มีการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ จนในทEีสุดสามารถ
ตรวจสอบเนือB เยEือ กระดูก เส้นผม เซลล์ต่างๆ ให้สามารถยืนยันข้อมูลต่างๆ ทีEอยู่ในมันได้
ลา่ สดุ มีคดีหนงEึ ทEีเป็นกวีชาวองั กฤษมีชEือวา่ จอห์น เคส เกิดในปลายศตวรรษทีE •˜ และเสียชีวิต
ในต้นศตวรรษทีE •g ซงึE มีอายุ TU ปี เขาเป็นคนทEีแต่งโคลงกลอนและกวีได้อย่างไพเราะ บทกวี
ของเขาได้รับความนิยมมากทEีสดุ ในประเทศองั กฤษจนกระทงัE ทกุ วนั นี Bและในปัจจบุ นั ได้มีการ
ชนั สตู รแล้วว่าเส้นผมจากศพของเขามีฝิEนอย่ดู ้วย ซงึE ชีใB ห้เห็นว่าเขาได้ใช้ฝEินเป็นตวั ช่วยในการ
แต่งบทกวีของเขา สEิงนีชB ีใB ห้เห็นถึงการพิสูจน์สิEงทEีมีชีวิตสามารถเก็บข้อมูลต่างๆ แม้ว่าจะ
ลว่ งเลยไปเป็นร้อยปีหรือพนั ปีก็ตาม เช่นเดียวกนั ต้นไม้ทีEถกู ตดั เหลือแต่ตอซงEึ เราจะเห็นวงปีว่า
มนั มีอายุเท่าไหร่ นอกจากจะเห็นวงปีแล้วเราจะเห็นว่าในแต่ละปีมนั ได้รับผลกระทบอย่างไร
บ้าง ไมว่ า่ จะเป็นความแห้งแล้ง ความหนาวเย็น นําB ทว่ ม มนั สามารถบง่ บอกได้ทกุ ปีวา่ เกิดอะไร
ขึนB กบั มนั ฉนั ใดก็ฉนั นนัB เราจะเห็นได้ เช่น เราเดินไปในควนั ไฟหรือในห้องครัวทีEมีการประกอบ
อาหารกนั อยู่ ซงึE เราจะรู้สกึ วา่ มีกลนEิ ติดทEีผมหรือทีEขนของเรา นีEคือการดดู ซมึ สารเคมีของอวยั วะ
ทีEมีชีวิตทงัB หมด นอกจากนนัB ในปัจจบุ นั สําหรับอวยั วะทีEไม่มีชีวิตเราจะเห็นได้ว่า ส่วนความจํา

39


ของคอมพิวเตอร์เป็นสEิงทีEไม่มีชีวิตทํามาจากสารซีลีก้า ล่าสดุ นักวิทยาศาสตร์สามารถสร้าง
ซิลิก้ านีใB ห้ มีความจําสามารถบรรจุข้ อมูลต่างๆ มีจํานวนเท่ากับสารานุกรม Britannica
ซึEงรวบรวมข้อมลู ทงัB หลายในโลกนี Bบรรจุอยู่ในซีลีก้าซึEงมีขนาดความใหญ่เท่ากับหวั เข็มหมดุ
เท่านนัB นีEคือสEิงทีEพิสจู น์ให้เห็นว่าสEิงต่างๆ ทEีอลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) ได้ทรงกําหนดไว้
มนั เป็นความจริง เพราะแท้จริงสงิE ทีEพระองค์ได้ทรงตรัสไว้นนัB ยอ่ มเป็นสจั จะเสมอ

สุดท้ายนีขB อดุอาอฺจากเอกองค์อลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) ให้ข้าพเจ้าและพีEน้อง
ผ้ศู รัทธาทกุ ท่านได้รับฮิดายะฮ์ทEีถกู ต้องและขอให้พวกเราได้รับความสขุ ทงัB โลกนีแB ละโลกหน้า
และให้พ้นจากไฟนรก อามีน

‫ اﻟﻌَ ِظ ْﯾ َم ِﻟﻲ َوﻟَﻛُ ْم َو ِﻟ َﺳﺎ ِﺋ ِر اﻟ ُﻣ ْﺳ ِﻠ ِﻣ ْﯾ َن‬6َ ‫أَﻗُو ُل ﻗُو ِﻟﻲ َھذَا َوا ْﺳﺗَ ْﻐﻔَ ُر ا ﱠ‬
‫ﻓَﺎ ْﺳﺗَ ْﻐ ِﻔ ُر ْوهُ ِإﻧﱠﮫُ ھُ َو ا ْﻟﻐَﻔُ ْو ُر اﻟ ﱠر ِﺣ ْﯾ ُم‬

40


เร;ือง ฮกิ มะฮ์ของการได้ยนิ และการเหน็ ของมนุษย์

‫ِﺑ ْﺳ ِم اﻟﻠﱠـ ِﮫ اﻟ ﱠر ْﺣ َﻣ ٰـ ِن اﻟ ﱠر ِﺣﯾم‬

‫ ِﻣ ْن ﺷُ ُر ْو ِر أَ ْﻧﻔُ ِﺳﻧَﺎ َو ِﻣ ْن‬Dِ ‫ ﻧَ ْﺣ َﻣدُهُ َوﻧَ ْﺳﺗَ ِﻌﯾﻧُﮫُ َوﻧَ ْﺳﺗَ ْﻐ ِﻔ ُرهُ َوﻧَﺗُ ْو ُب ِإﻟَ ْﯾ َك َوﻧَﻌُ ْوذُ ِﺑﺎ‬6ِ ّ ِ َ‫ِإ ﱠن ا ْﻟ َﺣ ْﻣد‬
َ‫ َوأَ ْﺷ َﮭدُ أَ ْن َﻻ ِإﻟَﮫ‬،ُ‫ َو َﻣ ْن ﯾُ ْﺿ ِﻠ ْل ﻓَ َﻼ َھﺎ ِد َي ﻟَﮫ‬،ُ‫ َﻣ ْن ﯾَ ْﮭ ِد ِه ﷲُ ﻓَ َﻼ ُﻣ ِﺿ ﱠل ﻟَﮫ‬،‫َﺳ ِﯾّﺋَﺎ ِت أَ ْﻋ َﻣﺎ ِﻟﻧَﺎ‬
‫ُﻣ َﺣ ﱠﻣ ٍد‬ ‫ﻧَ ِﺑﯾًﻧَﺎ‬ ‫َﻋﻠ َﻰ‬ ‫َﺻ ًل‬ ‫اَﻟﻠﱠ ُﮭ ﱠم‬ ُ‫ َوأَ ْﺷ َﮭدُ أَ ﱠن ُﻣ َﺣ ﱠﻣدَاً َﻋ ْﺑدُهُ َو َرﺳُ ْوﻟُﮫ‬،ُ‫َو ْﺣدُهُ َﻻ َﺷ ِر ْﯾ َك ﻟَﮫ‬ ُ‫ِإ ﱠﻻ ﷲ‬
‫ﺑَ ْﻌدُه‬ ‫ أَ ﱠﻣﺎ‬٠‫آ ِﻟﮫ َو َﺻ ْﺣ ِﺑﮫ َو َﻣ ْن ﺗَ ِﺑﻌَ ُﮭ ْم ِﺑﺈِ ْﺣ َﺳﺎ ٍن ِإﻟَﻰ ﯾَ ْو ِم اﻟدً ِﯾن‬ ‫َو َﻋﻠَﻰ‬

‫ َوﻗُوﻟُوا ﻗَ ْوﻻ َﺳ ِدﯾدًا‬6َ ‫ﻓَﻘَ ْد ﻗَﺎ َل ﷲُ ﺗَﻌَﺎﻟَﻰ ِﻓﻲ ِﻛ ِﺗﺎ ِب ِﷲ اﻟﻌَ ِظ ْﯾم ﯾَﺎ أَﯾﱡ َﮭﺎ اﻟﱠ ِذﯾ َن آ َﻣﻧُوا اﺗﱠﻘُوا ا ﱠ‬
‫ْۚﻧَو◌ْﻔﻓًَﺄزأََاﻧٌس َﺳْﺻَﻋﺎﱠﻣﺎَِﺣھُظﺎْﻗَﯾم ًدﱠﻣُبﺎَﻣ ْت‬6َ ‫َنﻓَ َُبﻘَﻧَو ْﻟْداﺗﺳَُْﻟﻧﻓَوﺎَﺟا َﻧظُﱠزاِْﺔرﻓَﱠ‬6َ ُ‫ِوﻧرُا َووَاواﺗَﱠأَرﻘُ َﻛوﺳﺎُ ْاﻟﱠﺻوِذاﻟََﺣﯾ ﱠﺎﮫ‬6َ‫ِذﺎﯾَُﯾو ََُِطنبﻻﻊِآاﺗَﻟَاﻣﻧﱠﻛُﻧُﺎﱠو‬٠‫ﺗَِْمو ْﯾَﻌﺎ َۗﻣي◌أﻠَُﯾﱡأََووَﮭ َﺎَنﻣْﺻاﻟنﱠَﺣ‬٠َُ‫َرﻘُرﻟَةُوَﺧﻛُاَِﺑْﻟنْمﯾ ٌََﺣذرُﻻﻧُْﺷِﺑﯾَوَِﻣرﺑَْﺳﺎﺗﻛ‬6َ ْ‫ﻟَﻰﻛُ ۚھُِﻓْم◌ ُم ِإَﻲاو ْﻟﯾﱠَنﻔَﺳُْﻐﺎاِْﻔوِﱠﺳ‬6َ‫ِأﻟَﯾﻓَُﻧﻘَﻐَﻔُ ْدٍدْﺻ َﺳِﻠﻗَ ۖﺎُﮭ◌ْﺢَْمل َﻟَو ۚاﻛُ◌ﺗﱠْمﷲﻘُُأُأَﺗوَوٰاﻟَْﻌَﻋ ِﺋاﺎَﻣﻟَ ﱠﺎَك‬

‫ َﺻدَ َق ﷲُ اﻟﻌَ ِظ ْﯾم‬٠ ‫ا ْﻟ َﺟﻧﱠ ِﺔ ھُ ُم ا ْﻟﻔَﺎ ِﺋ ُزو َن‬

ขอความสขุ ความสนั ติ ความเมตตาปราณีจากเอกองค์อลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮวู า่ ตะอาลา)

จงประสบแดพ่ ีEน้องผ้ศู รัทธาทกุ ทา่ น อลั ฮมั ดลุ ลิ B ลา ขอขอบคณุ เอกองค์อลั ลอฮฺ (ซบุ ฮานา่ ฮวู า่ ตะ

อาลา) ทEีให้เราได้มีสขุ ภาพแข็งแรงและได้อย่พู ร้อมหน้าพร้อมตากนั ในการละหมาดวนั ศกุ ร์ ณ

ทีEแหง่ นีอB ีกครังB หนงึE ทกุ วนั นีเBวลาได้ผา่ นไปอยา่ งรวดเร็วมาก วนั นีเBป็นวนั ทีE T ของเดือนมฮุ รั รอม

ซงึE เป็นศกั ราชใหมข่ องอิสลาม แตบ่ างคนอาจยงั ไมร่ ู้เลยวา่ วนั นีเBป็นวนั อะไร เดือนอะไรในปฏิทิน

อิสลาม หรือรู้เฉพาะของสากลเพราะขา่ วของสากลนา่ จะเป็นทEีรับรู้มากกวา่

ในเดือนมฮุ รั รอมนีมB ีวนั ทีEสําคญั คือ วนั ทEีสิบเดือนมฮุ รั รอมหรือวนั อาชรู ออฺ ซงึE มีสนุ ตั ให้
ถือศีลอดโดยมีภาคผลหรือผลบญุ คืออลั ลอฮฺจะทรงอภยั โทษให้กบั บาปเลก็ ๆ น้อยๆ ในหนงEึ ปีทEี
ผ่านมา นอกจากนีทB ่านศาสดา (ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิว่าสัลลัม) ได้ส่งเสริมด้วยกับคําพูดให้
มุสลิมถือศีลอดในวนั ตาซูอาหรือวนั ทีEเก้าของเดือนมุฮัรรอมด้วย เพEือไม่ให้เหมือนกับชาวยิว
ทีEพวกเขาถือศีลอดเฉพาะในวนั อาชรู ออฺเทา่ นนัB

41


ท่านพีEน้องผู้ศรัทธาทEีรักทุกท่านครับ พวกเราในฐานะผู้ศรัทธาเคยนึกบ้างหรือไม่ว่า
เราต้องยําเกรงตอ่ อลั ลอฮฺ (ซบุ ฮาน่าฮวู า่ ตะอาลา) โดยต้องปฏิบตั ิตามคําสงัE ใช้และออกหา่ งไกล
จากสิEงทEีพระองค์ทรงสงัE ห้าม ท่านรู้หรือไม่ว่าเราเกิดมาทําไม ? และอะไรคือเป้าหมายทีEสําคญั
ทีEสุดในชีวิตของเรา ? และเราได้ทําเพEือสEิงนันB จริงๆ หรือไม่ ? หรือเราทําเพEือให้ผ่านไปวนั ๆ
หนEึงและการกระทําต่างๆ นนัB มีตวั วดั ว่าเรามีเจตนาอย่างไร ? เราทําเพืEออลั ลอฮฺจริงหรือไม่ ?
พระองค์ได้ทรงประทานคัมภีร์มาให้พวกเราเพEือเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตบนโลกดุนยานี B
แล้วเราได้อ่านกันบ้างหรือไม่ ? ถ้าเราไม่ได้อ่านเราก็เหมือนใช้ชีวิตโดยไม่มีเป้าหมาย คมั ภีร์
อัลกุรอานคือสิEงมหัศจรรย์ ซEึงสามารถพิสูจน์ ได้ ทางวิทยาศาสตร์ ซEึงได้ ประทานให้ กับท่าน
ศาสดามฮู มั หมดั (ซ็อลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิว่าสลั ลมั ) และเป็นสิEงมหศั จรรย์ทEีเป็นสจั ธรรมจวบจนถึง
ปัจจบุ นั นี B

พEีน้องผ้ศู รัทธาทEีรักทกุ ท่านครับ ท่านจะเห็นได้ว่าอลั กรุ อานจะมีโองการทีEเหมือนกนั ใน
หลายๆ ทEีหรือพดู ซําB ๆ กนั ในบางจดุ เพืEอเป็นการเน้นยําB ซงEึ นกั วิทยาศาสตร์และนกั วิชาการได้มี
การรวบรวมกัน หนึEงในนันB คือ เรEืองการประทานการได้ยินและการเห็นให้ กับมนุษย์ใน
อลั กรุ อานซเู ราะฮ์อนั นะหฺล์ อายะฮ์ทEี ˆ˜ ได้กลา่ วไว้วา่

‫ُ أَ ْﺧ َر َﺟﻛُم ِّﻣن ﺑُطُو ِن أُ ﱠﻣ َﮭﺎ ِﺗﻛُ ْم َﻻ ﺗَ ْﻌﻠَ ُﻣو َن َﺷ ْﯾﺋًﺎ َو َﺟﻌَ َل ﻟَﻛُ ُم اﻟ ﱠﺳ ْﻣ َﻊ َوا ْﻷَ ْﺑ َﺻﺎ َر‬6‫َوا ﱠ‬
‫َوا ْﻷَ ْﻓ ِﺋدَةَ ۙ◌ ﻟَﻌَﻠﱠﻛُ ْم ﺗَ ْﺷﻛُ ُرو َن‬

ความว่า “และอลั ลอฮฺได้ทรงทําให้พวกเจ้านนัB คลอดออกมาจากครรภ์ของมารดาของ
พวกเจ้า โดยทEีพวกเจ้าไม่มีความรู้อะไรเลย และพระองค์ทําให้พวกเจ้าได้ยินและได้เห็นและ
มีจิตใจเพEือนกึ คดิ หวงั วา่ พวกเจ้าจะขอบคณุ ”

และซเู ราะฮ์อสั สะญะดะห์ อายะฮ์ทีE g ได้กลา่ ววา่

◌ۚ َ‫ﺛُ ﱠم َﺳ ﱠو ٰﯨﮫُ َوﻧَﻔَ َﺦ ِﻓﯾ ِﮫ ِﻣن ﱡرو ِﺣ ِﮫۦ ۖ◌ َو َﺟﻌَ َل ﻟَﻛُ ُم ٱﻟ ﱠﺳ ْﻣ َﻊ َوٱ ْﻷَ ْﺑ ٰ َﺻ َر َوٱ ْﻷَ ْﻓـِٔدَة‬
‫ﻗَ ِﻠﯾ ًﻼ ﱠﻣﺎ ﺗَ ْﺷﻛُ ُرو َن‬

42


ความว่า “หลังจากนันB อัลลอฮฺจะทรงทําให้ทารกทEีอยู่ในครรภ์ครบถ้วนสมบูรณ์ และ
พระองค์จะทรงเป่ าวิญญาณลงในทารก และพระองค์ทรงทําให้พวกเจ้าได้ยินและได้เห็นและ
มีจิตใจเพEือนกึ คดิ สว่ นน้อยเทา่ นนัB ทีEขอบคณุ ”

และซเู ราะฮ์อลั มอุ ฺมินนู อายะฮ์ทีE ˆ˜ ได้กลา่ ววา่

‫َوھُ َو ٱﻟﱠ ِذ ٓى أَﻧ َﺷﺄَ ﻟَﻛُ ُم ٱﻟ ﱠﺳ ْﻣ َﻊ َوٱ ْﻷَ ْﺑ ٰ َﺻ َر َوٱ ْﻷَ ْﻓـِٔدَةَ ۚ◌ ﻗَ ِﻠﯾ ًﻼ ﱠﻣﺎ ﺗَ ْﺷﻛُ ُرو َن‬
ความว่า “และพระองค์คือ ผ้ทู รงสร้างให้พวกท่านทงัB หลายได้ยินและได้เห็นและมีจิตใจ
เพEือนกึ คดิ สว่ นน้อยเทา่ นนัB ทEีขอบคณุ ”

จากอายะฮ์อลั กุรอานทังB b อายะฮ์ข้างต้น ขอตงัB คําถามว่า ทําไมพระองค์ถึงได้กล่าว
ซําB ๆ กนั หลายครังB ? และทีEสาํ คญั พระองค์ทรงกลา่ วถงึ เรEืองการได้ยินก่อนการเหน็ ทงัB ๆ ทEีข้อมลู
ในวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าการได้ยินจะต้องใช้เซลล์ประสาททEีมีเส้นใยประสาทประมาณ b หมEืน
เส้นต่อเซลล์ ในขณะทEีเซลล์ประสาทในการเห็นมีเส้นใยประสาทถึง • ล้านเส้นต่อเซลล์ ซEึงจะ
เห็นได้วา่ การเห็นนนัB จะต้องใช้เซลล์ประสาทมากกวา่ การได้ยินมาก และเซลล์ประสาท T ใน b
ของร่างกายมนุษย์คือ เซลล์ประสาททEีใช้ในการเห็น หรือคิดเป็น ˆW เปอร์เซ็นต์ของเซลล์
ประสาททงัB หมดในร่างกายจะถกู ใช้สําหรับการเห็น และอีก •T เปอร์เซ็นต์ใช้สําหรับการได้ยิน
ถ้ามองในทางวิทยาศาสตร์จะเห็นได้ว่าการเห็นสําคญั กว่าการได้ยิน แต่กรุ อานทงัB b อายะฮ์ทEี
ยกมาข้างต้นกล่าวถึงการได้ยินก่อนการเห็นเสมอ และในอีกสํานวนหนึEงทEีกล่าวซําB ๆ กัน
ในซเู ราะฮ์อลั บากอเราะฮ์ อายะฮ์ทีE •˜ ได้กลา่ ววา่

‫ُﺻ ﱞم ﺑُ ْﻛ ٌم ﻋُ ْﻣ ٌﻲ ﻓَ ُﮭ ْم َﻻ ﯾَ ْر ِﺟﻌُو َن‬

ความวา่ “เขาเหลา่ นนัB เป็นคนหหู นวก เป็นใบ้ และตาบอด ดงั นนัB พวกเขาจงึ ไม่สามารถ
จะกลบั มาได้”

ในซเู ราะฮ์อลั บากอเราะฮ์อายะฮ์ทีE 71 ได้กลา่ ววา่

‫ُﺻ ﱞم ﺑُ ْﻛ ٌم ﻋُ ْﻣ ٌﻲ ﻓَ ُﮭ ۡم َﻻ ﯾَ ۡﻌ ِﻘﻠُو َن‬

ความวา่ “พวกเขาคือ คนหหู นวก เป็นใบ้ ตาบอด ดงั นนัB พวกเขาจงึ ไมเ่ ข้าใจ”

43


นกั วิชาการได้ค้นคว้าในอลั กรุ อานทีEกล่าวถึงการได้ยินหรือในสํานวนอEืนทีEมีความหมาย
เกีEยวกบั การได้ยิน เช่น การรับรู้ การได้รับแจ้ง การได้ข่าวสาร มีจํานวน •˜U ครังB ในขณะทีEการ
เห็นหรือในสํานวนอืEนทีEมีความหมายเกีEยวกบั การเห็นมีจํานวน •V˜ ครังB ดงั กลา่ วนีหB มายความ
วา่ การได้ยินสาํ คญั กวา่ การเหน็ แล้วจะพิสจู น์ได้อยา่ งไร ?

ประการท)ี *

นกั วิทยาศาสตร์ได้ค้นพบวา่ ทารกในครรภ์ของมารดาจะสามารถได้ยินในช่วงเดือนทEี b
ของการตงัB ครรภ์ ในขณะทีEการมองเห็นจะเริEมต้นในช่วงเดือนทีE V หลงั จากนันB การได้ยินจะมี
พฒั นาการจนถึงเดือนทEี U ส่วนการเห็นไม่มีการพฒั นาโดยทEีตาจะปิดสนิท ส่วนการได้ยินจะมี
การพัฒนาเนEืองจากเซลล์ประสาททีEใช้นันB มีจํานวนน้อยกว่าจึงพัฒนาได้ดีกว่าเพราะฉะนันB
ทารกจะสามารถได้ยินตงัB แต่อย่ใู นครรภ์ของมารดา มีเด็กคนหนEึงทีEสามารถท่องจํากุรอานได้
ตงัB แต่ตอนเล็กๆ ซEึงมีสาเหตมุ าจากการทีEเมEือมารดาของเด็กคนนีตB งัB ครรภ์ เธอได้เปิดการอ่าน
อลั กุรอานให้ลกู ฟังตลอด โดยทารกในครรภ์จะสามารถได้ยินโดยใช้หสู ่วนกลางและโพรงของ
กระดกู รวมทงัB กะโหลกศีรษะในการสะท้อนเสียง จึงทําให้ทารกสามารถจําเสียงของอลั กรุ อาน
ได้ และเมืEอคลอดออกมาจากครรภ์ของมารดาแล้วจงึ สามารถทอ่ งจําได้โดยงา่ ย

ประการท)ี +

ชีวิตของทารกในครรภ์ของมารดานันB การได้ยินมีการพัฒนาการทีEรวดเร็วและมาก่อน
การเหน็ เพราะฉะนนัB ในสมองสว่ นนีจB งึ มีการเตบิ โตและสามารถจดจําได้ ซงึE จะสงั เกตได้วา่ เดก็ ๆ
จะมีความจําทีEดีและสามารถจดจําได้ เป็ นจํานวนมากโดยทีEเขาไม่สามารถอ่านและเขียนได้
ด้วยเหตนุ ี Bการได้ยินจงึ เป็นฮิกมะฮ์ทีEอลั ลอฮฺได้ทรงประทานให้ ซงEึ มนษุ ย์สามารถจดจําผ่านการ
ได้ยิน ถ้าเรามาพิจารณาในเรEืองศกั ยภาพของการมองเห็น นกั วิทยาศาสตร์บอกว่า ถ้าเรามอง
ไปข้างหน้าทางแนวตงัB เราจะมีมมุ ในการมองได้เพียง •VW องศา แต่ถ้าแนวนอนเราจะมองได้
•˜W องศา เป็นผลทําให้สายตาจะมีข้อจํากดั แต่ศกั ยภาพของการได้ยิน คือ b‡W องศา เราจะ
สามารถได้ยินคนทีEพูดอยู่ข้างหลังเรา เพราะหูสามารถรับคลืEนในอากาศทีEมาจากทุกๆ มุม
นอกจากนนัB พฒั นาการของการได้ยินมีผลตอ่ สมองเพราะในอลั กรุ อานบอกวา่ หลงั จากสร้างให้
เจ้าได้ยิน ได้เห็นและทําให้มีจิตใจทีEนึกคิด มนั เป็นขนัB ตอนทEีอลั ลอฮฺให้เราได้รับรู้ และในอายะฮ์

44


ทEีบอกวา่ หหู นวก เป็นใบ้ ตาบอด ดงั นนัB จะเห็นได้วา่ คนทีEหหู นวกจะเป็นใบ้ แตค่ นทีEตาบอดจะ
ไม่เป็นใบ้ เพราะฉะนันB การได้ยินจึงเป็นสิEงทีEมีความสําคญั ยิEงและจะเห็นได้ว่า คนทีEตาบอด
ตงัB แต่กําเนิดจะมีความจําทีEดีมากเพราะเซลล์ประสาททีEทําให้มองเห็นนนัB ไม่ได้ใช้ ในสมยั ท่าน
ศาสดามฮู มั หมดั (ซ็อลลลั ลอฮุอะลยั ฮิว่าสลั ลมั ) บรรดาซ่อฮาบะฮ์ของท่านได้ใช้วิธีการฟังใน
การทอ่ งจําอลั กรุ อาน (เนEืองจากในสมยั นนัB มีการจดบนั ทกึ ในวงจํากดั ) ซงึE เป็นการจําอยา่ งลกึ ซงึ B
และงา่ ยกวา่

นEีคือความสําคญั ของการฟัง การเห็นและการนึกคิดทีEอัลลอฮฺได้บอกไว้ในอัลกุรอาน
ซึEงถ้าไม่มีนักวิทยาศาสตร์หรือนักวิชาการทEีค้นคว้าและศึกษาในเรEืองนีอB ย่างจริงจัง มุสลิมก็
ไมอ่ าจรู้ได้วา่ สงEิ ทีEอลั กรุ อานได้บอกไว้นนัB มนั เป็นสจั ธรรม ดงั ทEีอลั กรุ อานซเู ราะฮ์ฟศุ ศีลตั อายะฮ์
ทEี UT ได้กลา่ ววา่

◌ۗ ‫َﺳﻧُ ِرﯾ ِﮭ ْم آﯾَﺎ ِﺗﻧَﺎ ِﻓﻲ ا ْﻵﻓَﺎ ِق َو ِﻓﻲ أَﻧﻔُ ِﺳ ِﮭ ْم َﺣﺗﱠ ٰﻰ ﯾَﺗَﺑَﯾﱠ َن ﻟَ ُﮭ ْم أَﻧﱠﮫُ ا ْﻟ َﺣ ﱡق‬
ٌ‫أَ َوﻟَ ْم ﯾَ ْﻛ ِف ِﺑ َر ِﺑّ َك أَﻧﱠﮫُ َﻋﻠَ ٰﻰ ﻛُ ِّل َﺷ ْﻲ ٍء َﺷ ِﮭﯾد‬

ความว่า “และเราจะทําให้พวกเขาได้เห็นถึงสญั ลกั ษณ์ต่างๆ ของเรา จากจกั รวาลและ
จากตวั ของพวกเจ้า จนกระทงัE เป็นทEีประจกั ษ์แจ้งชดั กบั เจ้า วา่ อลั กรุ อานนนัB เป็นสจั จธรรม ยงั ไม่
เพียงพออีกหรือทEีพระผ้อู ภิบาลของเจ้าจะเป็นพยานให้กบั ทกุ สงEิ ”

45


เร;ือง ฮกิ มะฮ์และความมหศั จรรย์ของเดอื นรอมฎอน

‫ِﺑ ْﺳ ِم اﻟﻠﱠـ ِﮫ اﻟ ﱠر ْﺣ َﻣ ٰـ ِن اﻟ ﱠر ِﺣﯾ ِم‬

‫ ِﻣ ْن ﺷُ ُر ْو ِر أَ ْﻧﻔُ ِﺳﻧَﺎ َو ِﻣ ْن‬Dِ ‫ ﻧَ ْﺣ َﻣدُهُ َوﻧَ ْﺳﺗَ ِﻌﯾﻧُﮫُ َوﻧَ ْﺳﺗَ ْﻐ ِﻔ ُرهُ َوﻧَﺗُ ْو ُب ِإﻟَ ْﯾ َك َوﻧَﻌُ ْوذُ ِﺑﺎ‬6ِ ّ ِ َ‫ِإ ﱠن ا ْﻟ َﺣ ْﻣد‬
َ‫ َوأَ ْﺷ َﮭدُ أَ ْن َﻻ ِإﻟَﮫ‬،ُ‫ َو َﻣ ْن ﯾُ ْﺿ ِﻠ ْل ﻓَ َﻼ َھﺎ ِد َي ﻟَﮫ‬،ُ‫ َﻣ ْن ﯾَ ْﮭ ِد ِه ﷲُ ﻓَ َﻼ ُﻣ ِﺿ ﱠل ﻟَﮫ‬،‫َﺳ ِﯾّﺋَﺎ ِت أَ ْﻋ َﻣﺎ ِﻟﻧَﺎ‬
‫ُﻣ َﺣ ﱠﻣ ٍد‬ ‫ﻧَ ِﺑﯾًﻧَﺎ‬ ‫َﻋﻠ َﻰ‬ ‫َﺻ ًل‬ ‫ َوأَ ْﺷ َﮭدُ أَ ﱠن ُﻣ َﺣ ﱠﻣدَاً َﻋ ْﺑدُهُ َو َرﺳُ ْوﻟُﮫُ اَﻟﻠﱠ ُﮭ ﱠم‬،ُ‫َو ْﺣدُهُ َﻻ َﺷ ِر ْﯾ َك ﻟَﮫ‬ ُ‫ِإ ﱠﻻ ﷲ‬
‫ أَ ﱠﻣﺎ ﺑَ ْﻌدُه‬٠ ‫آ ِﻟﮫ َو َﺻ ْﺣ ِﺑﮫ َو َﻣ ْن ﺗَ ِﺑﻌَ ُﮭ ْم ِﺑﺈِ ْﺣ َﺳﺎ ٍن ِإﻟَﻰ ﯾَ ْو ِم اﻟدً ِﯾن‬ ‫َو َﻋﻠَﻰ‬

‫ َﺣ ﱠق ﺗُﻘَﺎ ِﺗ ِﮫ َو َﻻ ﺗَ ُﻣوﺗُ ﱠن‬6َ ‫ﻓَﻘَ ْد ﻗَﺎ َل ﷲُ ﺗَﻌَﺎﻟَﻰ ِﻓﻲ ِﻛ ِﺗﺎ ِب ِﷲ اﻟﻌَ ِظ ْﯾم ﯾَﺎ أَﯾﱡ َﮭﺎ اﻟﱠ ِذﯾ َن آ َﻣﻧُوا اﺗﱠﻘُوا ا ﱠ‬
‫ِإ ﱠﻻ َوأَﻧﺗُم ﱡﻣ ْﺳ ِﻠ ُﻣو َن ﻓَﻘَ ْد ﻗَﺎ َل ﷲُ ﺗَﻌَﺎﻟَﻰ ِﻓﻲ ﺳُ ْو َر ِة اﻟﺑَﻘَ َرة ﯾَﺎ أَﯾﱡ َﮭﺎ اﻟﱠ ِذﯾ َن آ َﻣﻧُوا ﻛُ ِﺗ َب َﻋﻠَ ْﯾﻛُ ُم‬
‫َﻛﺎ َن ِﻣﻧﻛُم‬ ‫ا ﱠﻣﻟ ِرِﯾّﺻﯾَﺎ ًﺿُمﺎ أََﻛ ْ َوﻣﺎ َﻋﻛُﻠَ ِﺗ ٰﻰ َب َﺳ َﻔَﻋﻠٍَرﻰﻓَاِﻌﻟﱠ ِدﱠذةﯾٌ َِّنﻣ ِْنﻣ أَنﯾﱠﺎﻗٍَمْﺑ ِﻠأُﻛُ َﺧْم َﻟَرﻌَ ۚﻠﱠ◌ﻛُ َْموﺗَ َﻋﺗﱠﻠَﻘُوﻰ َانﻟﱠ ِذأﯾَﯾﱠ َﺎن ًﻣﯾُﺎ ِطﱠﻣﯾ ْﻌﻘُدُوﻧَوﮫُدَا ِﻓ ْد ٍتﯾَﺔٌۚ◌ َطﻓَ َﻌَﻣﺎ ُنم‬
◌ۖ ‫ِﻣ ْﺳ ِﻛﯾ ٍن‬
٠‫ﻓَ َﻣن ﺗَ َط ﱠو َع َﺧ ْﯾ ًرا ﻓَ ُﮭ َو َﺧ ْﯾ ٌر ﻟﱠﮫُ ۚ◌ َوأَن ﺗَ ُﺻو ُﻣوا َﺧ ْﯾ ٌر ﻟﱠﻛُ ْم ۖ◌ ِإن ﻛُﻧﺗُ ْم ﺗَ ْﻌﻠَ ُﻣو َن‬
‫َﺻدَ َق ﷲُ اﻟﻌَ ِظ ْﯾم‬

ขอความสขุ ความสนั ติความเมตตาปราณีจากเอกองค์อลั ลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮวู ่าตะอาลา)

จงประสบแดพ่ Eีน้องผ้ศู รัทธาทEีรักทกุ ท่าน ท่านพEีน้องผ้ศู รัทธาทEีรักทกุ ท่าน กาลเวลาได้ย่างเข้าสู่

เดือนทีEยEิงใหญ่แล้ว ขอให้พวกทา่ นจงเกรงกลวั ยําเกรงตอ่ อลั ลอฮฺ (ซบุ ฮานา่ ฮวู า่ ตะอาลา)

ทา่ นพEีน้องผ้ศู รัทธาทEีรักทกุ ทา่ น ถ้าหากมีใครซกั คนมอบของขวญั ทEีลําB คา่ มาให้พวกทา่ น
โดยไมม่ ีเงEือนไขซงึE อาจจะเป็นบ้านพร้อมทEีดินหรือรถสวยหรู ทา่ นจะรับไว้หรือไม่ แน่นอนคงไมม่ ี
ใครปฏิเสธ แตถ่ ้าหากเขามีเงืEอนไขในการให้ของขวญั กบั ทา่ นวา่ จะต้องปฏิบตั ิตามทEีเขากําหนด
แนน่ อนพวกทา่ นคงต้องพิจารณาวา่ จะปฏิบตั ติ ามเงEือนไขเหลา่ นนัB ได้หรือไม่

ท่านพีEน้องผู้ศรัทธาทีEรักทุกท่าน ท่านทราบหรือไม่ว่า ท่านได้รับของขวัญทEียิEงใหญ่
ซงEึ เป็นของขวญั อนั ลําB ค่าทEีไม่สามารถคํานวนราคาหรือคณุ ภาพได้ วนั นีเBป็นวนั ทีE •W ของเดือน
รอมฎอน เดือนแห่งการประทานอลั กุรอาน อนั ทEีจริงแล้วบรรดาคมั ภีร์ต่างๆ ทีEเคยประทานแก่
บรรดาศาสนทูตของอัลลอฮฺก็ถูกประทานมาทีEเดือนนีเB ช่นกัน ทีEสําคัญคือ เมืEอเป็ นการ
ประทานอลั กุรอานก็หมายถึงการประทานทางนําให้กบั มนุษยชาติ ซึEงเป็นเหมือนค่มู ือในการ

46


ดําเนินชีวิต ถ้าหากเราไม่มีคมู่ ือนี Bเราก็อาจจะหลงทาง เพราะฉะนนัB จงึ มีความสําคญั อย่างยิEงทEี
เราจะต้องทบทวนอลั กรุ อาน นอกจากนนัB เดือนนียB งั เป็นเดือนแห่งการทําอิบาดะฮฺทกุ ประเภท
เช่น การละหมาด ถือศีลอด ซอดาเกาะฮ์ อ่านกุรอาน บริจาคทาน และในเดือนนียB ังมีคEําคืน
ลยั ละตุ้ลก็อดร์ซึEงเป็นคืนอนั ทรงเกียรติทEีในอลั กุรอานบอกว่ามีความประเสริฐถึง • พันเดือน
หรือ ˜b ปี V เดือน หมายความว่า ถ้าท่านทําอิบาดะฮฺตรงกบั คืนนีกB ็เท่ากบั ว่าท่านทําอิบาดะฮฺ
ถึง ˜b ปี V เดือน นีEคือความโปรดปรานทีEอัลลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) ได้ประทานให้กับ
อมุ มะฮ์ของทา่ นศาสดา (ซอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิวา่ สลั ลมั ) นอกจากนี BเดือนนียB งั เป็นเดือนแหง่ การ
อภัยโทษ ประตูนรกถูกปิด ประตูสวรรค์ถูกเปิด ซยั ฏอนถูกล่ามโซ่ แล้วเราได้ต้อนรับเดือนนี B
อย่างเต็มทีEหรือไม่ ได้ทําอิบาดะฮฺอย่างครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ ได้ทําให้สมกับเป็นของขวญั
อันลําB ค่าทีEพระผู้เป็นเจ้าได้ทรงประทานให้กับพวกเราหรือไม่ และเงEือนไขทีEพระองค์ได้ทรง
กําหนดให้กระทําก็ล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์กับมนุษย์ทังB สินB เนEืองจากได้มีฮะดีษกุดซEีย์
ซงึE รายงานจากทา่ นอบฮู รุ อยเราะฮ์ (ร่อฎิยลั ลอฮอุ นั ฮ)ุ ความวา่

‫ﻛ ﱡل ﻋ َﻣ ِل اﺑ ِن آد َم ﻟﮫ إﻻ اﻟﺻﯾﺎ َم ﻓﮭو ِﻟﻲ وأﻧﺎ أﺟ ِزي ِﺑ ِﮫ‬

ความว่า “ทกุ ๆ การงานของลกู หลานอาดมั เป็นของเขา ยกเว้นการถือศีลอดทีEเป็นของ
ฉนั (อลั ลอฮฺ) และฉนั จะตอบแทนมนั เอง” รายงานโดย บคุ อรีย์และมสุ ลมิ

ฮะดีษนีชB ีใB ห้ ห็นว่า การถือศีลอดนันB สําคัญยิEงและเป็ นอิบาดะฮฺทีEพิเศษ บรรดา
นกั วิชาการได้อธิบายไว้อยา่ งมากมาย และสว่ นหนงEึ จากนกั วิชาการได้กลา่ ววา่ การทําอิบาดะฮฺ
อย่างอEืนจะต้องมีการหักกลบกับความผิดทีEได้ทํากับคนอEืน ไม่ว่าจะเป็นคําพูดวาจาหรือการ
กระทํา ถ้าความดีไม่พอก็จะเอาความชวEั ของคนอืEนมาด้วย เพราะฉะนนัB นีEคือการตอบแทนสว่ น
อEืน ส่วนการถือศีลอดนันB ไม่มีการหักกลบ และมีนักวิชาการอีกกลุ่มหนึEงได้กล่าวว่า การถือ
ศีลอดนันB เป็นอิบาดะฮฺทEีเป็นรูปแบบพิเศษเป็นการงดเว้นและเป็นเรืEองทEีไม่มีใครสามารถ
ตรวจสอบได้ การละหมาดและการจ่ายซะกาตและการทําฮัจญ์ยังมีคนสามารถมองเห็นได้
แต่การถือศีลอดเป็นเรEืองทEีอยู่ในจิตใจว่าเขาบริสุทธิ›ใจต่ออัลลอฮฺ (ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา)
หรือไม่ เพราะฉะนันB พระองค์จึงทรงตอบแทนการถือศีลอดด้วยตวั ของพระองค์เอง ทังB นีกB าร
เหนียตถือศีลอดจึงต้องชดั เจนว่าเราถือศีลอดเพEืออะไร เพEือหวงั ความโปรดปรานจากพระองค์

47


หรือไม่ เพราะฉะนนัB นกั วิชาการบางท่านจึงบอกว่า อลั ลอฮฺได้บอกว่าการถือศีลอดเป็นการงาน
ของพระองค์เนEืองจากบ่าวของพระองค์นนัB ได้อดกลนัB หรือละเว้นอารมณ์ใฝ่ ตEํา อดทนจากการ
กินการดEืมเพืEอพระองค์ เพราะฉะนนัB พระองค์จะทรงตอบแทนเอง

และนอกจากนีนB กั วิชาการได้บอกถงึ ความสาํ คญั ของการถือศีลอดวา่ ผ้ทู Eีถือศีลอดจะได้
เข้าประตสู วรรค์พิเศษ จากฮะดีษทEีรายงานโดยทา่ นซะอ์ (ร่อฎิยลั ลอฮอุ นั ฮ)ุ ความวา่

‫ ﻻ ﯾَ ْد ُﺧﻠُﮫُ إ ﱠﻻ اﻟ ﱠﺻﺎ ِﺋ ُﻣو َن‬،‫ ِﻓﯾ َﮭﺎ ﺑَﺎ ٌب ﯾُ َﺳ ﱠﻣﻰ اﻟ ﱠرﯾﱠﺎ َن‬،‫ِﻓﻲ اﻟ َﺟﻧﱠ ِﺔ ﺛَ َﻣﺎ ِﻧﯾَﺔُ أ ْﺑ َوا ٍب‬
ความวา่ “ในสวงสวรรค์นนัB มีอยู่ ˜ ประตู หนงึE ในนนัB มีชEือวา่ อรั ร็อยยาน ไมม่ ีใครสามารถ
เข้าประตนู ีไB ด้นอกจากผ้ทู ีEถือศีลอด”

ทังB นีเB ราจะได้เข้าสรวงสวรรค์โดยผ่านประตูนีหB รือไม่ก็ขึนB อยู่กับการถือศีลอดของเรา
นอกจากนนัB ยงั มีฮะดีษทีEรายงานโดยทา่ นอบฮู รู อยเราะฮ์ (ร่อฎิยลั ลอฮอุ นั ฮ)ุ ความวา่

‫َﻣ ْن َﺻﺎ َم َر َﻣ َﺿﺎ َن ِإﯾ َﻣﺎﻧًﺎ َوا ْﺣ ِﺗ َﺳﺎﺑًﺎ ﻏُ ِﻔ َر ﻟَﮫُ َﻣﺎ ﺗَﻘَدﱠ َم ِﻣ ْن ذَ ْﻧ ِﺑ ِﮫ‬
ความว่า “ผู้ใดก็ตามทีEถือศีลอดในเดือนรอมฎอนด้วยกับการศรัทธาและหวงั ในความ
โปรดปราน ดงั นนัB อลั ลอฮฺจะอภยั โทษให้เขากบั บาปทงัB หมดทEีเขาได้เคยทํามาแล้ว”

ถึงแม้ว่าจะมีการถกเถียงกนั ว่าบาปในทีEนีคB ือ บาปเล็กหรือบาปใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม
บาปทีEได้ทํามาแล้วก็จะได้รับการอภยั โทษจากการถือศีลอด นีEคือสEิงทีEชีใB ห้เห็นถึงภาคผลของ
การถือศีลอด

ทา่ นพEีน้องผ้ศู รัทธาทEีรักทกุ ทา่ น จากอายะฮ์ทีEอลั ลอฮฺ (ซบุ ฮานา่ ฮวู า่ ตะอาลา) ได้กลา่ ว
วา่

‫ﯾَﺎ أَﯾﱡ َﮭﺎ اﻟﱠ ِذﯾ َن آ َﻣﻧُوا ﻛُ ِﺗ َب َﻋﻠَ ْﯾﻛُ ُم اﻟ ِ ّﺻﯾَﺎ ُم َﻛ َﻣﺎ ﻛُ ِﺗ َب َﻋﻠَﻰ اﻟﱠ ِذﯾ َن ِﻣن ﻗَ ْﺑ ِﻠﻛُ ْم ﻟَﻌَﻠﱠﻛُ ْم ﺗَﺗﱠﻘُو َن‬
ความวา่ “โอ้บรรดาผ้ศู รัทธาทงัB หลาย การถือศีลอดถกู กําหนดมายงั ทา่ นเหมือนกบั ทีEถกู

กําหนดกบั บรรดากลมุ่ ก่อนหน้าพวกทา่ น หวงั วา่ พวกทา่ นจะมีความยําเกรง”

บรรดานักวิชาการได้อรรถาธิบายไว้หลายเรืEองเกEียวกับอายะฮ์นี B แต่หนEึงในนันB คือ
การถือศีลอดได้ถูกกําหนดมายังประชาชาติของท่านศาสดามูฮัมหมัด (ซ็อลลลั ลอฮุอะลยั ฮิ

48


ว่าสลั ลมั ) แยกจากประชาชาติอEืน แสดงให้เห็นว่าเป็นประชาชาติทEีสําคญั เป็นประชาชาติใหม่
ทีEดีเลิศ ประชาชาติอืEนอาจจะทําต่างกัน สมัยนบีมูซาก็มีชาวบนีอิสรออีลได้ถือศีลอดกัน
แต่ประชาชาติของท่านศาสดามูฮัมหมัด (ซ็อลลลั ลอฮุอะลยั ฮิว่าสลั ลมั ) ได้รับโองการให้ถือ
ศีลอดในรูปแบบหนงEึ เดือนเตม็ ๆ

และในท้ายอายะฮ์นีไB ด้ลงท้ายว่า “หวงั ว่าพวกท่านจะยําเกรง” นกั วิชาการได้อธิบายว่า
การอิบาดะฮฺอาจจะเป็นฮิกมะฮ์ทEีทําให้เรามีอีหม่านมากขึนB ทําให้เราปฏิบัติตามข้อใช้และ
ห่างไกลจากข้อห้ามมากขึนB แต่นักวิชาการบางส่วนบอกว่า ต้องศรัทธาก่อนทีEจะทําอิบาดะฮฺ
และการถือศีลอดถือว่าเป็นอิบาดะฮฺทีEแปลกเพราะจะต้องละเว้นจากการปฏิบตั ิจากสEิงต่างๆ
แต่อิบาดะฮฺอEืนคือการปฏิบัติในสEิงทEีสัEงใช้ นักวิชาการบางท่านอธิบายว่า การถือศีลอด คือ
การจําลองรูปแบบการกระทําของบรรดามะลาอีกะฮ์เพราะมะลาอีกะฮ์นนัB ไม่กิน ไม่ดืEม และทํา
ตามบญั ชาของอลั ลอฮฺตลอดเวลา เพราะฉะนนัB การถือศีลอดจึงถือว่าเป็นอิบาดะฮฺทีEสําคญั ยEิง
เพราะเป็นการยกระดบั ให้มนษุ ย์เหมือนกบั มะลาอีกะฮ์

ท่านพEีน้องผู้ศรัทธาทEีรักทุกท่าน การถือศีลอดของเราไม่ได้เป็นการซ้อมอดอาหารใน
ตอนทEีเรายากลําบากหรือขัดสนแต่อย่างใด แต่เราถือศีลอดเพราะเป็นคําสEังใช้ของอัลลอฮฺ
(ซุบฮาน่าฮูว่าตะอาลา) และการถือศีลอดก็ไม่ได้เป็นการฝืนหลกั ธรรมชาติหรือฝืนจากวงการ
แพทย์แตอ่ ย่างใด มีการศกึ ษาค้นคว้าวิจยั ไว้อย่างมากมายเกEียวกบั ประโยชน์ของการถือศีลอด
และส่วนหนEึงจากประโยชน์ของการถือศีลอดคือ โดยธรรมชาติของมนุษย์เมEือเราอดนําB อด
อาหาร ผลทีEตามมามี T อย่างคือ กลูโคสในเส้นเลือดจะน้อยลงและนําB ในเซลล์ต่างๆ ของ
ร่างกายจะลดน้อยลง และเมืEอ T อย่างนีลB ดน้อยลงร่างกายของเราก็จะอ่อนเพลีย และเซลล์
ประสาทจะถูกกระตุ้นเมืEอระดับนําB และนําB ตาลลดน้อยลง เซลล์ประสาททีEถูกกระตุ้นอยู่ทีE
ไฮโปทาลามสั ซงึE เป็นศนู ย์การควบคมุ การหิวการอิEมการกระหาย พอร่างกายได้รับรู้วา่ นําB ตาลใน
เลือดน้อยและนําB ในร่างกายน้อย ร่างกายก็จะมีปฏิกิริยาตอบสนอง โดยเข้าสโู่ หมดภาวะฉกุ เฉิน
ซEึงร่างกายจะดึงพลงั งานสํารองออกมาใช้โดยจะนํามาจากไกลโคเจนซEึงถูกสะสมในตบั และ
กล้ามเนือB ซงEึ ปกติจะไมถ่ กู นํามาใช้ และถกู นํามาใช้โดยกลคู ากอน ซงึE เป็นฮอร์โมนทีEทําให้ไกลโค
เจนแปลงเป็นกลโู คสและส่งเข้าส่กู ระแสเลือด ถ้าไม่เพียงพอก็จะเอาจากไขมนั ซงึE สะสมไว้แล้ว

49


เปลีEยนเป็นนําB ตาลและส่งส่กู ระแสเลือดให้เซลล์ต่างๆ ได้รับนําB ตาลอย่างเพียงพอ นEีคือระบบ
สํารองของมนษุ ย์ซงึE ไม่มีโอกาสได้ใช้ถ้าไม่ถือศีลอด และระดบั นําB ในร่างกายก็เช่นเดียวกนั เมEือ
ร่างกายขาดนําB จากการถือศีลอด ไฮโปทาลามสั ก็จะสงัE ไปทีEต่อมหมวกไตว่าตอนนีรB ะดบั นําB อยู่
ในภาวะคบั ขนั แล้วจะสงEั ฮอร์โมนตวั หนEึงให้บอกไตว่าให้ดดู ซมึ นําB กลบั มาอย่าพึEงปลอ่ ยไปหมด
โดยทEีถ้าร่างกายอย่ใู นสภาวะปกติเมEือดEืมเท่าไหร่ก็จะปัสสาวะออกมาเท่านนัB แต่เมEือถือศีลอด
การปัสสาวะจะน้อยกว่าปกติและมีสีเข้มขึนB นEีคือการทํางานระบบอตั โนมตั ิของร่างกายทีEถูก
กระต้นุ เมืEอเราทําการถือศีลอด นีEคือสิEงทEีชีใB ห้เห็นวา่ การถือศีลอดไม่ได้ขดั ตอ่ หลกั ธรรมชาติหรือ
หลกั ทางการแพทย์แตอ่ ยา่ งใด ยิEงไปกวา่ นนัB ในงานวิจยั ยงั พบวา่ การถือศีลอดนนัB ทําให้อิมมนู ใน
ร่างกายเพEิมขนึ B เนืEองจากค้นพบวา่ มีเซลล์เม็ดเลือดขาวทีEทําหน้าทEีตอ่ ส้กู บั เชือB โรคเพิEมขนึ B ในเส้น
เลือด เพราะฉะนนัB ระบบการปอ้ งกนั โรคก็จะดีขนึ B กว่าเดิมและระบบย่อยอาหารมีประสิทธิภาพ
เพEิมขึนB ทังB นีเB พราะปกติเรากินอาหารต่อเนืEองตลอดเวลาโดยไม่ให้กระเพราะอาหารได้พัก
แตเ่ มEือเราถือศีลอดเราจะกินเป็นเวลาและกินน้อยลงจงึ ทําให้กระเพราะอาหารมีประสทิ ธิในการ
ยอ่ ยเพEิมมากขนึ B เพราะวา่ ได้พกั ผอ่ นอยา่ งเตม็ ทEี

และการถือศีลอดยังไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อคนทีEเป็นโรคไตทEีขาดนําB ในขณะถือศีลอด
จากการศึกษาค้นคว้าวิจยั ของมหาวิทยาลยั คิงซะอู้ดพบว่า คนทีEถือศีลอดมีระดบั โซเดียมใน
เลือดเพEิมขนึ B ซงEึ เป็นผลทําให้การดดู ซมึ แคลเซียมไปใช้ดีขนึ B การสะสมของแคลเซียมทีEทําให้เกิด
การผลกึ ของก้อนเกลือในไตมีน้อยลง นEีเป็นสEิงหนึEงทีEชีใB ห้เห็นว่าการถือศีลอดทีEอลั ลอฮฺ (ซุบฮา
นา่ ฮวู า่ ตะอาลา) ได้ทรงกําหนดให้กบั เรานนัB มีคณุ ประโยชน์ตอ่ มอุ ฺมินทงัB ร่างกาย จิตใจ ทงัB สงั คม
ได้ อยู่ร่วมกันได้ ช่วยเหลือกัน ครอบครัวมีความใกล้ ชิดกัน ประชาชาติมุสลิมมีความ
เอือB เฟื อB เผืEอแผ่กนั มีความเสมอภาคกนั ทกุ อย่างล้วนเป็นประโยชน์ต่อมนษุ ย์ทงัB หมดและไม่ได้
เป็นประโยชน์ตอ่ อลั ลอฮฺ (ซบุ ฮาน่าฮวู า่ ตะอาลา) แตอ่ ยา่ งใด เพียงแตเ่ พEิมอีหมา่ นให้กบั พวกเรา
เมEือพวกเราได้รู้ถึงเจตน์จํานงของพระองค์ นีEคือส่วนหนEึงของสิEงทีEชีใB ห้เห็นถึงความสําคญั ของ
การถือศีลอด

พEีน้องผู้ศรัทธาทEีรักทุกท่านครับ ถ้าท่านต้องการขอความช่วยเหลือในเดือนนีจB ากใคร
บางคน ท่านจะต้องบากบEันเข้าพบไม่ว่าจะเป็นผอ.หรืออธิบดีหรือรัฐมนตรี ยEิงตําแหน่งสูง

50


เท่าไหร่ยิEงยากมากและขนัB ตอนค่อนข้างเยอะ และยEิงไปกว่านนัB คืออาจจะได้เพียงบางสว่ นจาก
สงิE ทEีขอไป แตส่ าํ หรับในเดือนรอมฎอนอลั ลอฮฺได้ทรงบอกวา่

◌ۖ ‫َو ِإذَا َﺳﺄَﻟَ َك ِﻋﺑَﺎ ِدي َﻋ ِﻧّﻲ ﻓَﺈِ ِﻧّﻲ ﻗَ ِرﯾ ٌب ۖ◌ أُ ِﺟﯾ ُب دَ ْﻋ َوةَ اﻟدﱠاعِ ِإذَا دَ َﻋﺎ ِن‬
‫ﻓَ ْﻠﯾَ ْﺳﺗَ ِﺟﯾﺑُوا ِﻟﻲ َو ْﻟﯾُ ْؤ ِﻣﻧُوا ِﺑﻲ ﻟَﻌَﻠﱠ ُﮭ ْم ﯾَ ْرﺷُدُو َن‬

ความวา่ “และเมEือใดทEีบา่ วของฉนั สอบถามเจ้าเกีEยวกบั ฉนั ก็ (จงตอบวา่ ) แท้จริงฉนั นนัB
อย่ใู กล้ คอยรับดอุ าอฺจากผ้วู อนขอเมEือเขาขอจากฉนั ดงั นนัB ให้พวกเขาตอบรับฉนั และให้พวก
เขาศรัทธาตอ่ ฉนั เพืEอพวกเขาจะได้รับการชีนB ํา”

เพราะฉะนันB ในเดือนรอมฎอนนีมB ีเวลาทEีดุอาอฺมุสตะญับถึง bW วนั เพราะดุอาอฺของ
ผ้ถู ือศีลอดจะถกู ตอบรับ ดงั นนัB เป็นโอกาสทีEดียEิงทEีพวกเราจะขอดอุ าอฺตอ่ พระองค์ เราทกุ คนคง
พร้อมทีEจะปฏิบตั ิตามคําสงEั ใช้และห่างไกลจากสิEงทEีพระองค์ทรงสงEั ห้าม รวมทงัB ขอดอุ าอฺพEึงพา
ตอ่ พระองค์ในทกุ สงEิ ทEีเราได้ประสบ

สุดท้ายนี Bขอให้เรามีอีหม่านมากขึนB มีความยําเกรงมากขึนB รวมทังB ให้เดือนรอมฎอน
จากไปพร้อมกบั ทกุ คนได้รับการอภยั โทษ อามีน

‫ اﻟﻌَ ِظ ْﯾ َم ِﻟﻲ َوﻟَﻛُ ْم َو ِﻟ َﺳﺎ ِﺋ ِر اﻟ ُﻣ ْﺳ ِﻠ ِﻣ ْﯾ َن‬6َ ‫أَﻗُو ُل ﻗُو ِﻟﻲ َھذَا َوا ْﺳﺗَ ْﻐﻔَ ُر ا ﱠ‬
‫ﻓَﺎ ْﺳﺗَ ْﻐ ِﻔ ُر ْوهُ ِإﻧﱠﮫُ ھُ َو ا ْﻟﻐَﻔُ ْو ُر اﻟ ﱠر ِﺣ ْﯾ ُم‬


Click to View FlipBook Version