อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุห กุ นิง
คำ นำ หนังสือฉบับนี้เป็น ป็ส่วนหนึ่ง นึ่ ของรายวิชา วรรณวินิจ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ปีที่๔ โดยมีวัต วั ถุประสงค์ เพื่อ ศึกษาความรู้ที่ไที่ ด้จ ด้ าก เรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุห กุ นิง ทั้ง ทั้ นี้ ในหนังสือเล่ม ล่ นี้ ประกอบไปด้ว ด้ ย ผู้แ ผู้ ต่ง ต่ ที่ม ที่ าของเรื่อง เรื่องย่อ ย่ บทประพันธ์ การถอดบทประพันธ์ คำ ศัพท์ และ คุณ คุ ค่า ค่ ด้า ด้ นต่า ต่ งๆ เนื้อหาฉบับนี้ได้ร ด้ วบรวมมาจากหนังสือบทเรียนวรรณคดีวิ ดีวิ จักษ์ และการ ถอดความของคณะผู้จั ผู้จั ดทำ หากมีข้อ ข้ ผิดพลาดประการใด ทางคณะผู้จั ผู้จั ดทำ ขอกราบอภัยมา ณ ที่นี้ ที่นี้ ด้ว ด้ ย คณะผู้จั ผู้จั ดทำ
กิตติกรรมประกาศ หนังสือ เรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุห กุ นิง สามารถดำ เนินการได้ อย่า ย่ งราบรื่น ไม่มีปัญ ปั หาใดๆ ทั้ง ทั้ นี้ทั้ง ทั้ นั้น คณะผู้จั ผู้จั ดทำ ต้อ ต้ งขอ ขอบพระคุณ คุ คุณ คุ ครู ฐิติ ฐิติ นันท์ เอี่ยมรัศมี เป็น ป็ อย่า ย่ งสูง ที่ไที่ ด้ใด้ ห้คำ ชี้แนะ แนวทางการศึกษาหาความรู้ และ การทำ หนังสือเล่ม ล่ นี้ จนออกมา ประสบความสำ เร็จ และสามารถลุล่ว ล่ งไปได้ด้ ด้ ว ด้ ยดี คณะผู้จั ผู้จั ดทำ
สา ร บั ญเรื่อง ห น้ า ผู้ แผู้ ต่ งต่ ๑ ที่ มที่ า ข อ ง เ รื่อ ง อิ เ ห น า ต อ น ศึก ก ะ ห มั ง กุ ห กุ นิ ง ๒ เ รื่อ ง ย่ อย่ ๖ ลั กลัษณ ะ คำ ประ พั น ธ์ ๑ ๓ คำ ประ พั น ธ์ แ ล ะ ถ อ ด คำ ประ พั น ธ์ ๑๖ คุ ณ คุ ค่ าค่ จ า ก ก า รอ่ า น ๑๖ ๕ คำ ศัพ ท์ ๑ ๘๔ แ ผ น ผั งผัค ว า ม คิ ด ๑ ๙๑ ค ณ ะ ผู้ จัผู้จัดทำ ๑ ๙๒
พระบาทสมเด็จพระพุธเลิศลิ หล้านภาลัย ลั ผู้แ ผู้ ต่ง ต่ พระบาทสมเด็จ ด็ พระพุธเลิศลิ หล้า ล้ นภาลัย ลั ทรงนำ มาจากบทพระนิพนธ์ ของเจ้าฟ้า ฟ้ หญิงมงกุฎกุ พระราชธิดาในพระเจ้าอยู่หั ยู่ หั วบรมโกศ เจ้าฟ้าหญิง ญิ มงกุฎกุ ๑
ที่ม ที่ าของเรื่องอิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุห กุ นิง ๒
ที่ม ที่ าของเรื่องอิเหนา อิเหนามาจากภาษาชวาว่า ว่ “อินู” มีชื่อเรียกในภาษาไทยว่า ว่ “ดาหลัง ลั” หรือ “นิทานปัน ปั หยี”ยี อิเหนาเป็น ป็ เกร็ดประวัติ วัติศาสตร์ของชวา กล่า ล่ วถึงกษัตริย์ที่ยิ่ ที่ยิ่ ง ยิ่ ใหญ่ท ญ่ รงอานุภาพ ยิ่ง ยิ่ คนไทยรู้จักเรื่องอิเหนาโดยชาวมาเลเซีย ชื่อ ยะโว หรือ ยอโว ซึ่ง ซึ่ เดินทาง มาค้า ค้ ขายที่จั ที่จั งหวัด วัปัต ปั ตานี และได้มี ด้มีโอกาสเข้า ข้ มารับราชการเป็น ป็ พี่เ พี่ ลี้ย ลี้ งของ พระธิดาในพระเจ้าอยู่หั ยู่ หั วบรมโกศ นางได้เ ด้ ล่า ล่ เรื่อง “อินู” ให้เจ้าฟ้า ฟ้ หญิงกุณ กุ ฑล (ซึ่ง ซึ่ นำ มานิพนธ์เป็น ป็ อิเหนาใหญ่)ญ่ และเจ้าฟ้า ฟ้ หญิงมงกุฎกุ(ซึ่ง ซึ่ นำ มานิพนธ์เป็น ป็ อิเหนาเล็ก ล็) จนเป็น ป็ ที่รู้ ที่ รู้ จักกันทั่ว ทั่ไป ๓
ที่ม ที่ าของเรื่องอิเหนา ครั้น รั้ เสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ ต้น ต้ ฉบับก็ไก็ ด้สูด้ สูญหายไป พระ มหากษัตริย์ในราชจักรีวงศ์จึงได้ท ด้ รงรวบรวมเรียบเรียงขึ้น ขึ้ มาใหม่ คือ คื ดาหลัง ลั เรียบเรียงในสมัยพระบาทสมเด็จ ด็ พระพุทธยอดฟ้า ฟ้ จุฬาโลก อิเหนาเรียบเรียง ขึ้น ขึ้ในสมัยพระบาทสมเด็จ ด็ พระพุทธเลิศลิ หล้า ล้ นภาลัย ลั มีความยาวทั้ง ทั้สิ้น ๓๘ เล่ม ล่ สมุดไทย พระบาทสมเด็จ ด็ พระพุทธเลิศลิ หล้า ล้ นภาลัย ลั ทรงพระราชนิพนธ์โดยใช้ ต้น ต้ ฉบับของเจ้าฟ้า ฟ้ หญิงมงกุฎกุ ซึ่ง ซึ่ เก็บ ก็ ความได้จ ด้ ากสมุดไทยที่ห ที่ ลงเหลือ ลื และจาก มุขปาฐะ ไว้ถึ ว้ถึ งตอนสึกชีมี ๒๙ เล่ม ล่ สมุดไทย อีก ๙ เล่ม ล่ สมุดไทยเป็น ป็สำ นวนของ ผู้อื่ ผู้อื่ นซึ่ง ซึ่ ไม่บ่งว่า ว่ ใครเป็น ป็ ผู้แ ผู้ ต่ง ต่ ไม่สามารถหาหลัก ลั ฐานสอบสวนได้ ๔
ที่ม ที่ าของเรื่องอิเหนา ในรัชกาลพระบาทสมเด็จ ด็ พระจอมเกล้า ล้ เจ้าอยู่หั ยู่ หั ว หมอสมิธ มิชชันนารีชาว อเมริกันได้จั ด้จั ดพิมพ์อิเหนาจำ หน่ายเป็น ป็ ครั้ง รั้ แรกในปี พ.ศ. ๒๔๑๗ โดยใช้ ต้น ต้ ฉบับของสมเด็จ ด็ พระยาพรหมมหาศรีสุริยวงค์ ภายหลัง ลั มีโรงพิมพ์อื่นๆได้ จัดพิมพ์อีกหลายฉบับจนเนื้อเรื่องอิเหนากลายไปจากเดิม เจ้าพระยาทรงเสด็จ ด็ สุเรนทราธิบดี (ม.ร.ว. เปีย ปี มาลากุล กุ) จึงชำ ระขึ้น ขึ้ใหม่ในพระบาทสมเด็จ ด็ พระ จุลจอมเกล้า ล้ เจ้าอยู่หั ยู่ หั ว แต่ชำต่ ชำระได้เ ด้ พียงอิเหนาเข้า ข้ ห้องจินตะหราก็สิ้ก็สิ้ นราชการ ตกมาถึงสมัยพระบาทสมเด็จ ด็ พระมงกุฎกุ เกล้า ล้ เจ้าอยู่หั ยู่ หั วได้โด้ปรดเกล้า ล้ ฯให้หอ สมุดวชิรญาณ ชำ ระต่อ ต่ และจัดพิมพ์ครั้ง รั้ แรกในปี พ.ศ. ๒๔๓ เรียกว่า ว่ “ฉบับ หอสมุดวชิรญาณ” ๕
เรื่องย่อ ย่ มีกษัตริย์วงศ์เทวัญ วั4 องค์ คือ คื ท้า ท้ วกุเ กุ รปัน ปั ท้า ท้ วดาหา ท้า ท้ วกาหลัง ลั และท้า ท้ ว สิงหัดส่าหรี ท้า ท้ วกุเ กุ รปัน ปั มีโอรสซึ่ง ซึ่ เก่ง ก่ กล้า ล้สามารถยิ่ง ยิ่ ชื่อ อิเหนา และท้า ท้ ว ดาหามีธิดาซึ่ง ซึ่ งามยิ่ง ยิ่ นักชื่อ นาบุษบา กษัตริย์ทั้ง ทั้สองนครให้โอรสและธิดา ตุน ตุ าหงัน (หมั้น มั้) กันไว้ตั้ ว้ ง ตั้ แต่วั ต่ ย วั เยาว์ตามประเพณีของกษัตริย์วงศ์เทเทวัญ วั ๖
เรื่องย่อ ย่ เมื่ออิเหนาอายุได้ 15 ปี อิเหนาต้อ ต้ งไปช่วยปลงศพพระอัยกีที่ กี เ ที่ มืองหมันหยา ได้พ ด้ บกับนางจินตะหราธิดาของท้า ท้ วหมันหยาก็เ ก็ กิดหลงรักและไม่ยอมกลับ ลั เมืองกุเ กุ รปัน ปั เพื่ออภิเษกกับนางบุษบา ท้า ท้ วกุเ กุ รปัน ปั จึงมีจดหมายไปเรียกตัว ตั อิเหนากลับ ลั แล้ว ล้ นัดท้า ท้ วดาหาให้เตรียมการวิวาห์ เมื่ออิเหนาทราบเรื่องจึง ออกป่า ป่ พร้อมบริวารและปลอมตัว ตั เป็น ป็โจรป่า ป่ ชื่อ มิสาระปัน ปั หยี เพื่อไปเมือง หมันหยา ระหว่า ว่ งทางได้สู้ด้สู้กับกษัตริย์หลายเมืองและได้ชัด้ชั ยชนะมา จึงได้โด้ อรส ธิดามาเป็น ป็ เชลย คือ คื นางสการะวาตีแ ตี ละนางมาหยารัศมี ซึ่ง ซึ่ อิเหนาได้รั ด้รั บมา เป็น ป็ชายา และได้สัด้สั งคามาระตามาเลี้ย ลี้ งแบบอนุชา ๗
เรื่องย่อ ย่ มื่อไปถึงเมืองหมันหยา อิเหนาได้น ด้ างจินตะหราเป็น ป็ชายา เมื่อท้า ท้ วดาหา ทราบเรื่องจึงโกรธเป็น ป็ อย่า ย่ งมาก ประกาศว่า ว่ ถ้า ถ้ใครมาขอนางบุษบาก็จ ก็ ะยกให้ กล่า ล่ วถึงระตูจ ตู รกาซึ่ง ซึ่ ปราถนามีคู่จึ คู่ จึ งให้ช่างไปวาดรูปธิดาเมืองต่า ต่ งๆ ช่างได้ว ด้ าดรูปนางบุษบา ๒ รูป ปะตาระกาหลาซึ่ง ซึ่ เป็น ป็ องค์เทวอัยกาต้อ ต้ งการจะ สั่งสอนอิเหนาจึงลัก ลั รูปนางบุษบาไปจากช่างวาดรูปหนึ่ง นึ่ เหลือ ลืไว้รู ว้ รู ปหนึ่ง นึ่ เมื่อจร กาเห็นรูปนางบุษบาก็หลงรักจึงอ้อนวอนพี่ชพี่ ายให้มาสู่ขอนางไปอภิเษกท้า ท้ ว ดาหายอมยกนางบุษบาให้จรกา ๑๐
เรื่องย่อ ย่ เมื่อทรงทราบว่า ว่ อิเหนาได้ตั ด้ ด ตั รอนการอภิเษกสมรสฝ่า ฝ่ ยองค์ปะตาระกาหลาได้ นำ รูปนางบุษบาที่ลั ที่ ก ลั จากช่างวาดนั้นไปทิ้ง ทิ้ไว้ที่ ว้โที่ คนต้น ต้ไทร วิหยาสะกำ ตามกวางแปลงมาพบรูปนางก็คลั่ง ลั่ไคล้ใล้ หลหลง วอนท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงซึ่ง ซึ่ เป็น ป็ พระราชบิดาให้ส่งฑูตไปขอนางบุษบา แต่ท้ ต่ า ท้ วดาหาปฏิเสธเพราะได้ ยกนางให้จรกาแล้ว ล้ ท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงสงสารลูกจึงยกทัพ ทัไปตีเ ตี มืองดาหาเพื่อ ชิงตัว ตั นางบุษบา ท้า ท้ วกุเ กุ รปัน ปั เรียกตัว ตั อิเหนาจากเมืองหมันหยามาช่วย ท้า ท้ วดาหาทำ ศึกกับท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิง ๑๑
เรื่องย่อ ย่ อิเหนามีชัยในสงครามครั้ง รั้ นี้ สังคามาระตาสังหารวิหยาสะกำ ส่วนอิเหนา สังหารท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงเมื่อเสร็จศึก อิเหนาเข้า ข้ เฝ้า ฝ้ ท้า ท้ วดาหาและได้พ ด้ บนาง บุษบาก็หลงรักนางทัน ทั ที อิเหนาเสียดายที่น ที่ างจะต้อ ต้ งอภิเษกกับ กั จรกา จึงหาทาง ขัด ขั ขวางพิธีอ ธี ภิเษกโดยลัก ลั ตัว ตั บุษบาไปซ่อนไว้ใว้ นถ้ำ ปะตาระกาหลากริ้วที่อิ ที่อิ เหนา ทำ ไม่ถูก ถู จึงบันดาลให้เกิดลมหอบพรากนางบุษบาไปจากอิเหนาอิเหนาและนาง บุษบาต่า ต่ งก็ต้อ ต้ งผจญเหตุก ตุ ารณ์ต่า ต่ งๆอยู่เ ยู่ป็น ป็ เวลาหลายปี จึงได้พ ด้ บกัน กั ๑๒
ลัก ลั ษณะคำ ประพันธ์ อิเหนา ตอน ศึกกะหมัง มั กุห กุ นิง ๑๓
ลัก ลั ษณะคำ ประพันธ์ ลัก ลั ษณะคำ ประพันธ์เป็น ป็ กลอนบทละคร แต่มี ต่ มี ลัก ลั ษณะบังคับ คั เหมือน กลอนสี่สุภาพ แต่ล ต่ ะวรรคจะขึ้น ขึ้ ด้ว ด้ ยคำ ว่า ว่ เมื่อนั้น บัดนั้น และมาจะกล่า ล่ วบทไป กลอนบทละคร ซึ่ง ซึ่ เป็น ป็ กลอนประเภทกลอนขับ ขั ร้องที่มี ที่มี การบังคับ คั คำ นำ เช่นเดีย ดี ว กับกลอนเสภา กลอนสักวา กลอนดอกสร้อย แต่ก ต่ ลอนบทละครบังคับ คั คำ นำ ที่ นับเป็น ป็1 วรรคได้ค ด้ ณะ วรรคหนี่งมี ๖ – ๘ คำ แบ่งเป็น ป็๔ วรรค และบังคับ คั เสียงวรรณยุกต์ในวรรคเพื่อความไพเราะในการแต่ง ต่ และอ่านทำ นองเสนาะ ดัง ดั นี้ ๑๔
วรรคสดับ ดั นิยมจบด้ว ด้ ยเสียงวรรณยุกต์ใดก็ไก็ ด้ วรรครับ นิยมจบด้ว ด้ ยเสียงวรรณยุกต์ จัตวา / โท / เอก วรรครอง นิยมจบด้ว ด้ ยเสียงวรรณยุกต์ สามัญ/ตรี วรรคส่ง นิยมจบด้ว ด้ ยเสียงวรรณยุกต์ สามัญ/ตรี และถ้า ถ้ เป็น ป็ บท สุดท้า ท้ ยต้อ ต้ งจบด้ว ด้ ยเสียงวรรณยุกต์สามัญ ๑๕
ถอดคำ ประพันธ์ อิเหนา ตอน ศึกกะหมัง มั กุห กุ นิง ๑๖
๏ เมื่อนั้น เสด็จ ด็ เหนือแท่น ท่ รัตน์มณี จึงตรัสเรียกให้นั่ง นั่ ร่วมอาสน์ แล้ว ล้ปราศรัยระดูบรรดามา ซึ่ง ซึ่ เราให้มาหาทั้ง ทั้ นี้ ระตูทุ ตู ทุ กนครอย่า ย่ นอนใจ ท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงเรืองศรี ภูมี ภู มี เห็นสองอนุชา สำ ราญราชหฤทัย ทั หรรษา ยัง ยัปรีดาผาสุกหรือทุกข์ภัย จะไปตีด ตี าหากรุงใหญ่ ช่วยเราเชิงชัยในทัน ทั การ ท้า ท้ วกระหมังกุห กุ นิงปราศรัยกับ กัประตูป ตู าหยัง ยั และระตูป ตู ระหมัน ๏ เมื่อนั้น จึงสนองมธุร ธุ สพจมาน จะตั้ง ตั้ หน้าอาสาออกชิงชัย สู้ตายไม่เสียดายชีวัง วั เหล่า ล่ ระดูปรีดิ์เ ดิ์ปรมเกษมศานด์ พระมีการลงครามแต่ล ต่ ะครั้ง รั้ มิได้ย่ ด้ อ ย่ ท้อ ท้ ถอยหลัง ลั กว่า ว่ จะสิ้นกำ ลัง ลั ของข้า ข้ นี้ ๑๗
ถอดคำ ประพันธ์ ครั้น รั้ แล้ว ล้ ท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงเสด็จ ด็ นั่ง นั่ ที่ปที่ ระทับที่ปที่ ระดับด้ว ด้ ยมณีทั้ง ทั้ หลาย พระองค์ มองเห็นถึงพระอนุชาทั้ง ทั้๒ คน จึงเรียกให้มานั่ง นั่ ที่ปที่ ระทับ ทั พูดคุยกัน กั อย่างสนุกสนาน ครั้น รั้ แล้ว ล้ จึงความเป็น ป็ไปของบ้านเมือง และบอกถึงความประสงค์ของตนว่า ที่เ ที่ รียกอนุชาทั้ง ทั้2 มาเพื่อจะให้ช่วยไปตีเ ตี มืองดาหาขอให้ทั้ง ทั้สอง ช่วยตีเมืองให้ได้ ชัยชนะเร็วไว เจ้าเมืองผู้น้ ผู้น้ องทั้ง ทั้สองจึงได้รั ด้รั บสนองผู้เ ผู้ป็นพี่ ครั้ง รั้ใดที่ท้ ที่ า ท้ วกะหมังกุห กุ นิง มีศึกเจ้าเมืองน้อยทั้ง ทั้สองก็จ ก็ ะออกอาสาไม่ย่อ ย่ ท้อ ถึงตายก็ไก็ ม่เสียดายชีวิต จะสู้จนกว่า ว่ กำ ลัง ลั วังชาจะสูญสิ้นไป ๑๘
๏ เมื่อนั้น ฟัง ฟั ระตูทู ตูทู ลตอบชอบที จึงตรัสว่า ว่ ท่า ท่ นมาเหนื่อยนัก ตรัสพลางทางชวนอนุชา ท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงเรืองศรี สมถวิลยินดีปดี รีดา จงไปพักพลขัน ขั ธ์ให้หรรษา เข้า ข้ มหาปราสาทรูจี ๏ ลดองค์ลงนั่ง นั่ บนแท่น ท่ ทอง จึงตรัสเล่า ล่ ความตามคดี กับด้ว ด้ ยพระน้องทั้ง ทั้สองศรี จนใช้เสนีถือ ถืสารไป ๑๙
ถอดคำ ประพันธ์ เมื่อท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงได้ยิ ด้ยิ นเจ้าเมืองผู้เ ผู้ป็น ป็ น้องทั้ง ทั้สองตรัสมาดังนั้น ดีใจเป็น อย่า ย่ งยิ่ง ยิ่ พระองค์รับสั่งกับ กั อนุชาทั้ง ทั้สองให้พาทัพทหารไปพักให้สำ ราญ แล้ว ล้ให้อนุชา ทั้ง ทั้สองเข้า ข้ มาอยู่ใยู่ นพระราชวัง และท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงได้ล ด้ งองค์ลงมานั่ง นั่ ข้า ข้ งๆกับ กั เจ้า เมืองทั้ง ทั้สอง พร้อมกับ กั เล่า ล่ เรื่องราวต่างๆให้ฟัง ฟั แล้ว ล้ได้ม ด้ อบสารให้เสนานำ ไปถวาย ๒๐
๏ เมื่อนั้น จึงทูลขัด ขั ทัด ทั ทานทัน ทัใด อันสุริย์วงศ์เทวัญ วั อสัญหยา ทั้ง ทั้โยธีก็ธีชำ นาญการสงคราม กรุงกษัตริย์ขอขึ้น ขึ้ก็นับร้อย ดัง ดั หิ่ง หิ่ ห้อยจะแข่ง ข่ แสงอาทิตย์ ใช่จะไร้ธิดาทุกธานี พระองค์จงควรตรึกตรา สองกษัตริย์ฟัง ฟั แจ้งแถลงไข เป็น ป็ไฉนผ่า ผ่ นเกล้า ล้ มาเอาความ เรื่องเดชเดชาชาญสนาม ลือ ลื นามในชวาระอาฤทธิ์ เราเป็น ป็ เมืองน้อยกระจิหริด เห็นผิดระบอบบุราณมา มีงามแต่บั ต่ บั ตรีท้า ท้ วดาหา ไพร่ฟ้า ฟ้ประชากระจะร้อนนัก ๒๑
ถอดคำ ประพันธ์ เมื่ออนุชาทั้ง ทั้สองได้ฟัด้ ง ฟั ถึงเรื่องราวทั้ง ทั้ หมดจึงได้คัด คั ค้านไปว่าเมืองที่จ ที่ ะไปตีนั้ ตีนั้ น มีความเก่ง ก่ กาจและชำ นาญเรื่องการรบ อีกทั้ง ทั้ ทางทหารในเมืองนั้นก็เ ก็ ก่งในเรื่องการรบ เสื่องลือ ลืในแคว้นชวาและต่า ต่ งเกรงกลัว ลัในฤทธิ์เ ธิ์ ดชเมืองเขาเป็นเมืองใหญ่ เมืองเราเป็น ป็ เมืองน้อยเปรียบเหมือนหิ่ง หิ่ ห้อยจะเปล่ง ล่ แสงแข่ง ข่ กับ กั ดวงอาทิตย์ ทั้ง ทั้สองคิดว่าจะผิดจากเดิมมา ผู้หญิงงามไม่ได้มี ด้มี คนเดีย ดี วในแผ่นดิน เจ้าเมืองน้อยทั้ง ทั้สองได้ข ด้ อให้ท้าวกะหมังกุห กุ นิงได้คิ ด้คิ ดเสียใหม่ ไม่อย่างนั้น ประชาชนจะเดือ ดื ดร้อนได้ ๒๒
๏ เมื่อนั้น จึงบ่ายเบี่ย บี่ งเลี่ย ลี่ งตอบพระน้องรัก ด้ว ด้ ยบัดนี้บุตรีดาหา เราจะยกพลไกรไปโรมรัน ท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงมีศักดิ์ ใช่หาญหักวงศ์เทวัญ วั จรกาให้มาตุน ตุ าหงัน ช่วงชิงนางนั้นกับจรกา ๏ เมื่อนั้น เมื่อนางยัง ยั อยู่กัยู่ บบิดา แม้นเกิดการสงครามช่วงชิง จะบอกความไปสามเวีย วี งชัย จะเป็น ป็ศึกกนะหนาบหน้าหลัง ลั ถ้า ถ้ เสียทีเ ที พลี่ย ลี่ งพล้ำ สิซ้ำ ร้าย สองระตูทู ตูทู ลตอบพระเชษฐา ที่ใที่ นดาหากรุงไกร ท้า ท้ วดาหาหรือจะนิ่ง นิ่ ดูได้ กรีธาทัพ ทัใหญ่ม ญ่ ามากมาย เหลือ ลืกำ ลัง ลัโยธาทั้ง ทั้ หลาย จะอัปยศอดอายแก่จรกา ๒๓
ถอดคำ ประพันธ์ แต่ท้ ต่ า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงก็ยั ก็ ง ยั ทำ ศึก เพราะความหยิ่ง ยิ่ ในศักดิ์ศดิ์ รีของตนจึงเลี่ย ลี่ งที่ จะตอบเจ้าเมืองน้อยทั้ง ทั้สอง เพราะตอนนี้ลูกสาวของท้าวดาหา จะถูก ถู ยกให้จรการูปชั่วตัว ตั ดำ พวกเราจะต้องยกทัพไปรบเพื่อชิงนาง เจ้าเมืองน้อยทั้ง ทั้สองก็ไก็ ด้ต ด้ อบกลับ ลัไปว่า นางยังอยู่กั ยู่ กั บผู้เป็น ป็ พ่อที่เ ที่ มืองดาหา หากเกิดสงครามชิงลูกสาว ท้า ท้ วดาหาคงไม่นิ่ง นิ่ ดูดาย และอาจจะส่งทัพเข้า ข้ มาร่วมรบก็ เป็น ป็ได้ และเราอาจจะถูก ถู ล้อ ล้ ม หากทางเราเสียท่าและแพ้ขึ้น ขึ้ มา จะอับอายจรกาได้ ๒๔
๏ เมื่อนั้น จึงตรัสตอบสองพระน้องยา อันระเด่น ด่ มนตรีกุเ กุ รปัน ปั ไปอยู่เ ยู่ มืองหมันหยากว่า ว่ ปีไปีป แต่ก ต่ าหลัง ลัสิงหัดส่าหรี ฝ่า ฝ่ ยเราเล่า ล่ ก็สามพารา ถึงทัพ ทั จรกาส่าาำ นัั้น นัั้ จะหักโหมโจมตรีให้แตกแตน เจ้าอย่า ย่ ย่อ ย่ ท้อ ท้ไม่พอที่ เอ็นดูนัดดาโศกาลัย ลั ท้า ท้ วกระหมังกุห กุ นิงนาถา ซึ่ง ซึ่ ว่า ว่ นี้เจ้าไม่เข้า ข้ใจ ก็ขัด ขั ข้อ ข้ งเคือ คื งกันเป็น ป็ ข้อ ข้ใหญ่ ที่ไที่ หนจะยกพลมา จะกลัว ลั ดีเ ดีป็น ป็ กระไรหนักหนา เป็น ป็ใหญ่ใญ่ นชวาแว่น ว่ แคว้น ว้ พี่ไพี่ ม่พรั่น รั่ ให้มาสักสิบแสน พักเดีย ดี วก็แล่น ล่ เข้า ข้ป่า ป่ ไป แต่เ ต่ พียงนี้ไม่พรั่น รั่ หวั่น วั่ไหว ว่า ว่ มิได้อ ด้ รไทจะมรณา ๒๕
แม้นวิหยาสะกำ มอดม้วย ไหนไหนในจะตายวายชีวา ผิดก็ทำ สงครามดูตามที พี่ดั พี่ ง ดั พฤกษาพนาวัน วั พี่ก็พี่ คงตามด้ว ด้ ยโอรสา ถึงเร็วถถึงช้าก็เหมือนกัน เคราะห์ดีก็ดี จะได้ดั ด้ ง ดัใฝ่ฝัฝ่ น ฝั จะอาสัญเพราะลูกเหมือนกล่า ล่ วมา ๏ เมื่อนั้น จึงตรัสเล่า ล่ ความตามคดี สองกษัตริย์ฟัง ฟั ตรัสพระเชษฐา ต่า ต่ งก้มพักตราไม่พาที ๏ เมื่อนั้น ชวนสองอนุชาธิบดี ท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงเรืองศรี เข้า ข้สู่ที่บ ที่ รรทม ๒๖
ถอดคำ ประพันธ์ ท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงจึงได้แ ด้ ย้ง ย้ ขึ้น ขึ้ ว่า เจ้าทั้ง ทั้สองนี้ไม่เข้า ข้ใจอะไรเลย ทั้ง ทั้ เสนาต่า ต่ งๆ ก็ขั ก็ ด ขั แย้ง ย้ ข้า ข้ กัน กัไปหมด ไปอยู่เ ยู่ มืองหมันหยามาหลายปี หากที่ไที่ หนจะยกทัพ ทั มา จะกลัว ลั อะไรหนักหนา เราก็มี ก็มี ตั้ง ตั้ ๓ เมืองก็ใก็ หญ่เ ญ่ หมือนกัน กั เราไม่ต้องกลัว ลั ถ้า ถ้ เราตีพ ตี วกนั้นให้แตกเดี๋ย ดี๋ วพวกนั้นก็มั ก็มั นก็วิ่ ก็วิ่ ง วิ่ เข้าป่า ป่ พวกเจ้าอย่ากลัว ลั เลย สงสารวิหยาสะกำ เถอะ ถ้า ถ้ไม่ได้น ด้ างมาคงจะขาดใจตาย แม้นวิหยาสะกำ สิ้นชีวิตตน คงได้ต ด้ ายตามเป็น ป็ แน่ ไหนๆแล้ว ล้ ก็จะตายถึงช้าเร็วก็ไก็ ม่ต่า ต่ งกัน แม้นว่าผิดก็จ ก็ ะลอง ทำ สงครามดู หากเคราะห์ดีก็ ดีก็ คงจะได้สด้ มดัง ดัใจนึก เมื่อสองเจ้าเมืองได้ฟัด้ ง ฟั ก็ก้ ก็ ม ก้ หน้าไม่พูดจา เมื่อท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงเห็นทั้ง ทั้สององค์ไม่มีคำ โต้แ ต้ ย้งใดๆแล้ว ล้ ก็ชวน ทั้ง ทั้สองเจ้าเมือง เข้า ข้ พักผ่อ ผ่ นในที่บ ที่ รรทมให้สบายใจ ๒๕
๏ เมื่อนั้น พระองค์ทรงพิภพดาหา ครั้น รั้สุริย์ฉายบ่ายสามนาฬิกา ก็โสรจสรงคงคาอ่าองค์ ทรงเครื่องประดับ ดัสรรพเสร็จ แล้ว ล้ เสด็ต ด็ ย่า ย่ งเยื้อ ยื้ งยูรหงส์ ออกยัง ยั พระโรงคัล คั บรรจง นั่ง นั่ ลงบนบัลลัง ลั ก์รูจี ยาสาบังคมบรมนาถ เบิกทูตถือ ถื ราชสารศรี จึงดำ รัสตรัสสั่งไปทัน ทั ที ให้เสนีนำ แขกเมืองมา ท้า ท้ วดาหาเสด็จ ด็ ออกรับทูตกะหมังกุห กุ นิง ๏ บัดนั้น อำ มาตบ์รับสั่งใส่เกศา ออกไปพาสองทูตา เข้า ข้ มาประณตบทมาลย์ ๏ บัดนั้น เสนีผู้ใผู้ หญ่ฝ่ญ่ า ฝ่ ยทหาร จึงให้อาลัก ลั ษณ์พนักงาน รับราชสารมาอ่านพลัน ลั ๒๖
ถอดคำ ประพันธ์ เข้า ข้สรงน้ำ ในคงคา ใกนั้นก็แ ก็ ต่งองค์ทรงเครื่องประดับทั้ง ทั้ หลาย แล้ว ล้ จึงเสด็จ ด็ เยื้อ ยื้ งย่า ย่ งอย่า ย่ งสวยงามดุจดั่ง ดั่ หงส์ ออกมายังท้อ ท้ งพระโรง แล้ว ล้ นั่ง นั่ ลง ณ บัลลัง ลั ก์อันงดงาม เสนาบดีตำ ดีตำแหน่งยาสานั้นได้บังคมทูลเบิกทูต นำ ราชสารให้พระองค์ ดัง ดั นั้นจึงรับสั่งให้เหล่า ล่ เสนานำ แขกเข้ามาพบในทัน ทั ที ครั้น รั้ อำ มาตย์ได้รับรับสั่งแล้ว ล้ จึงออกไปพาสองทูตเข้ามาเข้า ข้ เฝ้าพระองค์ แล้ว ล้ เสนาชั้นผู้ใผู้ หญ่ฝ่ญ่ า ฝ่ ยทหารจึงให้พนักงานผู้รับผิดชอบรับราชสารมาอ่านถวายพระองค์ ๒๗
๏ ในสารพระผู้ผ่ ผู้ า ผ่ นนคเรศ กะหมังกุห กุ นิงนิเวศน์เขตขัณ ขั ฑ์ ขอถวายประนมบังคมคัล คั พระผู้ว ผู้ งศ์เทวัญ วัศักดา ไม่ควรเคือ คื งเบื้องบาทบทศรี ด้ว ด้ ยข้า ข้ น้อยนี้มีโอรสา เติมไปไล่ล้ ล่ อ ล้ มมฤคา ได้รู ด้ รู ปพระธิดาในกลางไพร ซะรอยเป็น ป็ บุพเพนิวาสา เทวาอารักษ์มาชักให้ มีความเสน่หาอาลัย ลั แต่ห ต่ ลงใหลใฝ่ฝัฝ่ น ฝั รันทด หวัง วั เป็น ป็ เกือกทองรองบาทา พระผู้ว ผู้ งศ์เทว่อั ว่ อั นปรากฏ จะขอพระบุตรีมียศ ให้ โอรสข้า ข้ น้อยดัง ดั จินดา อันกรุงไปรไอศูร ศู ย์ทั้ง ทั้สอง จะเป็น ป็ ทองแผ่น ผ่ เดีย ดี วไปวัน วั หน้า ขอพำ นักพักพึ่ง พึ่ พระเดชา ไปกว่า ว่ ชีวัน วั จะบรรลัย ลั ๒๘
ถอดคำ ประพันธ์ ในสารนั้นบอกถึงองค์ผู้ครองเมืองกะหมังกุห กุ นิงขอถวายบังคมถึงพระองค์ ขอพระองค์ทรงประนีประนอมไม่เขื้อ ขื้ งโกรธกัน กั ด้วยว่าตนมีโอรสอยู่องหนึ่ง นึ่ ได้ได้ปท่อ ท่ งป่า ป่ ล่า ล่ สัตว์และได้พ ด้ บเจอกับ กั รูปของพระธิดาในกลางป่า เชื่อว่าคงเป็น บุพเพสันนิวาส อาจเกิดจากเทวานำ พาให้ พระโอรสตกอยู่ใยู่ นเสน่หาและมีความอาลัย ลั เฝ้า ฝ้ แต่ห ต่ ลงใหล ใฝ่ฝัฝ่ น ฝั หาพระธิดาน่ารันทดยิ่ง ยิ่ หวัง วั เพียงรับใช้รองบาทพระองค์ ผู้เ ผู้ป็น ป็ กษัตริย์วงศ์เทวัญ ขอพระธิดาผู้สูผู้ สู งศักดิ์ใดิ์ ห้กับ กัโอรสของตนได้สด้ มดังใจหวัง อันกรุงของเราทั้ง ทั้สองจะได้เ ด้ป็น ป็ ทองแผ่น ผ่ เดียวกัน กัในวันข้า ข้ งหน้า และขออาศัยพึ่ง พึ่ พิงบารมีไปจนกว่าจะสิ้นชีวัน ๒๙
๏ เมื่อนั้น องค์ศรีปัต ปั หราเป็น ป็ใหญ่ ฟัง ฟัสารทราบอรรถแล้ว ล้ ตรัสไป แก่เสน่ในทั้ง ทั้สองนั้น อันอะหนะบุษบาบังอร ครั้ง รั้ก่อนจรกาตุน ตุ าหงัน ได้ปด้ ลดปลงลงใจให้ปัน ปั นัดกันจะแต่ง ต่ การวิวาห์ ซึ่ง ซึ่ จะรับของสู่ระตูนี้ ตู นี้ เห็นผิดประเพณีหนักหนา ฝูงคนทั้ง ทั้ แผ่น ผ่ ดินจะนินทา สิ่งของที่เ ที่ อามาจงคืน คืไป ๏ บัดนั้น ทูตานุทูตแถลงไข ท้า ท้ วกะหมังกุห กุ น้งภูว ภู ไนย สั่งให้ข้า ข้ ทูลพระภูมี ภู มี ถ้า ถ้ แม้นมิยินยอมอนุญาต ให้พระราชธิดามารศรี เร่งระวัง วั พระองค์ให้จงดี ตกแต่ง ต่ บุรีให้มั่น มั่ คง ท้า ท้ วดาหาเสด็จ ด็ ออกรับทูตกะหมังกุห กุ นิง ๓๐
ถอดคำ ประพันธ์ เมื่อองค์ท้า ท้ วดาหาผู้เ ผู้ป็น ป็ใหญ่ไญ่ ด้รั ด้รั บฟัง ฟัสารทราบถึงข้อความแล้ว ล้ จึงรับสั่งแต่เสนา ทั้ง ทั้สองของท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงที่ม ที่ าเข้า ข้ เฝ้า ฝ้ ว่าอันนางบุษบาพระธิดาของเรานั้น ในครั้ง รั้ ก่อ ก่ นเราไปยกให้แก่จ ก่ รกาที่ม ที่ าหมายหมั้น มั้ไว้ไปก่อ ก่ นแล้ว ล้ และได้ปด้ ลงใจ จะให้แต่ง ต่ งานกัน กั แล้ว ล้ อันจะรับของสู่ของท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงนี้ ก็ดู ก็ ดู จะผิดประเพณียิ่ง ยิ่ นัก เหล่า ล่ ประชาราชอาจนินทได้ จึงขอให้นำ สิ่งของเหล่า ล่ นี้กลับ ลั คืน คืไปเหล่า ล่ ทูตเมื่อรับแจ้งแล้ว ล้ ก็ทู ก็ ทู ลบอก พระองค์ว่า ว่ ท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงรับสั่งให้ตนทูลพระองค์ว่า ว่ ถ้า ถ้ แม้นพระองค์ ไม่ยินยอมยกพระราชธิดาให้ ก็ใก็ ห้ระวัง วั พระองค์ให้ดี ให้สร้างบ้านเมืองของพระองค์ให้มั่น มั่ คง ๓๑
๏ เมื่อนั้น พระผู้ผ่ ผู้ น ผ่ ไอศูร ศู ย์สูงส่ง ประกาศิดสีหนาทอาจอง จะณรงค์สงครามก็ตามใจ ตรัสพลางย่า ย่ งเยื้อ ยื้ งยุรยาดร จากอาสน์แท่น ท่ ทองแผ่น ผ่ ใส พนักงานปิด ปิ ม่านทัน ทัใด เสด็จ ด็ เข้า ข้ ข้า ข้ งในฉับพลัน ลั ๏ บัดนั้น ทูตานุทูตก็ผายผัน ผั ออกจากพาราดาหานั้น พากันกลับ ลัไปมิได้ช้ด้ช้ า ๏ เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์องค์ศรีปัต ปั หรา เผยสีหบัญชรแล้ว ล้ บัญชา ตรัสสั่งเสนาธิบดี จงเร่งไปทูลเหตุพ ตุ ระเชษฐา อีกองค์อนุชาทั้ง ทั้สองศรี บอกระตูจ ตู รกาอย่า ย่ ช้าที ว่า ว่ ไพรีจะยกมาชิงชัย ๓๒
ถอดคำ ประพันธ์ ครั้น รั้ แล้ว ล้ องค์ท้า ท้ วดาหาก็ปก็ ระกาศิตอย่า ย่ งองอาจว่า หากจะยัง ยั คงทำ สงครามก็ต ก็ ามใจ พลางเสด็จ ด็ ลงจากที่นั่ ที่นั่ ง นั่ แท่น ท่ ทองเข้า ข้ ด้า ด้ นในอย่า ย่ งฉับพลัน ลั ธารกำ นัลก็ปิก็ ด ปิ ม่านในทัน ทั ที ฝ่า ฝ่ ยทูตก็ไก็ ด้อ ด้ อกจากเมืองดาหาพากัน กั กลับ ลั ทัน ทัใด ฝ่า ฝ่ ยองค์ผู้เ ผู้ป็น ป็สุริย์วงศ์องค์ดาหา เปิด ปิ หน้าต่า ต่ งแล้ว ล้ มีบัญชาสั่งเสนาให้เร่งไปทูลเหตุก ตุ ารณ์แก่ผู้ ก่ ผู้ เ ผู้ป็น ป็ พี่ข พี่ องพระองค์ และทูลกับ กั ผู้เ ผู้ป็น ป็ น้องอีกสองคนของพระองค์ ไปบอกระตูจ ตู รกา อย่า ย่ จกาอย่า ย่ มัวช้าเพราะจะมีข้า ข้ศึกยกทัพ ทั มาชิงชัย ๓๓
๏ เมื่อนั้น พระปิ่น ปิ่ ภพกุเ กุ รปัน ปั ราชฐาน แจ้งว่า ว่ ไพรีมารอนราญ พระจึงให้แต่ง ต่ สารหนังสือลับ ลั ครั้น รั้ เสร็จสั่งสองเสนา จงถือ ถืไปหมันหยาสองฉบับ ใบหนึ่ง นึ่ นั้นเร่งกองทัพ ทั กำ ชับอิเหนาให้ยกมา ใบหนึ่ง นึ่ นั้นไปให้ระตู ท้า ท้ วผู้ผ่ ผู้ า ผ่ นเมืองหมันหยา จงรีบไปให้ถึงพารา แต่ใต่ นสิบห้าราตรี ๏ บัดนั้น ตะหมังรับสั่งใส่เกศี จึงนำ สาราจรลี มาจากที่พ ที่ ระโรงชัยฉับพลัน ลั เรียกหาบ่าวไพร่ได้พ ด้ ร้อมหน้า ตะหมังขึ้น ขึ้ ขี่ม้ ขี่ม้ าผายผัน ผั ออกจากนคเรศกุเ กุ รปัน ปั พากันเร่งรีบคลาไคล ท้า ท้ วกุเ กุ รปัน ปั มีราชสารถึงอิเหนาและระตูห ตู มันหยา ๓๔
ถอดคำ ประพันธ์ ฝ่า ฝ่ ยองค์ท้า ท้ วกุเ กุ รปัน ปัได้รั ด้รั บแจ้งว่าจะมีข้า ข้ศึกมารุกราน จึงให้แต่งสารหนังสือลับ ลั แล้ว ล้สั่งให้สองเสนาถือ ถืไปยัง ยั เมืองหมันหยา ฉบับหนึ่ง นึ่ เร่งนำ กองทัพ ทั กำ ชับ ให้อิเหนาเร่งยกมาช่วย อีกใบหนึ่ง นึ่ ไปให้กับ กั เจ้าเมืองผู้ค ผู้ รองเมืองหมันหยา แล้ว ล้สั่งให้รีบไปให้ถึงเมืองหมันหยาภายใน 15 คืน คื ครั้น รั้ แล้ว ล้ ขุนนางได้รับคำ สั่งแล้ว ล้ จึงรีบนำ สารไปจากท้อ ท้ งพระโรงในทัน ทั ที พร้อมกับ กั เรียกทั้ง ทั้ บ่าวไพรให้มาพร้อมหน้า แล้ว ล้ รีบขึ้น ขึ้ ขี่ม้ ขี่ม้ าออกจากนครกุเ กุ รปัน ปั อย่างเร่งรีบในทัน ทัใด ๓๕
๏ ก้มเกล้า ล้ เคารพอภิวาท ยับ ยั ยั้ง ยั้ คอยฟัง ฟั พระวาจา พระปิ่น ปิ่ ภพภูว ภู นาถนาถา จะบัญชาให้ยกโยธี ๏ เมื่อนั้น จึงอำ นวยอวยพรสวัสวั ดี อันเหล่า ล่ ศัตรูหมู่ร้าย อานุภาพปราบปรามไปทั่ว ทั่ ทิศ องค์ท้า ท้ วกุเ กุ รปัน ปั เรืองศรี ให้เจ้ามีเดชาวราฤทธิ์ จงแพ้พ่ายอย่า ย่ รอต่อ ต่ ติด ปัจ ปั จามิตรจงเกรงฤทธิรอน ๏ เมื่อนั้น กราบถวายบังคมประนมกร กะหรัดตะปาตีชตี าญสมร รับพรพระบิดาแล้ว ล้ คลาไคล ๓๖
ถอดคำ ประพันธ์ แล้ว ล้ เคารพกราบบังคมพระบิดาคอยฟัง ฟั วาจารับสั่งจะให้บัญชาให้ยกทัพ ทั ฝ่า ฝ่ ยองค์ท้า ท้ วกุเ กุ รปัน ปั ก็อ ก็ วยพรให้โชคดีใดี ห้มีฤทธิ์เ ธิ์ ดชเก่ง ก่ กล้า ล้สามารถ ให้ศัตรูผู้มุ่ ผู้ มุ่ งร้ายทั้ง ทั้ หลายจงพ่ายแพ้ ให้มีอานุภาพสามารถสยบศัตรูได้รอบทิศ ให้ศัตรูจงเกรงในฤทธิ์ใธิ์ นตัว ตั ครั้น รั้ แล้ว ล้ กะหรัดตะปาตีก็ ตี ก ก็ ราบบังคมไหว้รับพร จากพระบิดาแล้ว ล้ ทูลลาไป ครั้น รั้ ทัพ ทั ถึงถึงหน้าพระลานพร้อมด้ว ด้ ยบริวารทหารมากมาย ก็เ ก็สด็จ ด็ ขึ้น ขึ้ ทรงม้าแล้ว ล้ รับสั่งให้เคลื่อ ลื่ นพลออกไป รอนแรมอยู่ในป่าจนถึงทางร่วม เข้า ข้สู่เมืองหมันหยาแล้ว ล้สั่งให้หยุดพลทัพ ทัไว้ คอยทัพ ทั ของอิเหนาที่จ ที่ ะตามมา ๓๗
๏ บัดนั้น ทั้ง ทั้ ตะหมังมหาเสนาใน จัดทหารอาสาได้ห้ ด้ห้ าหมื่น ช้างม้าอาวุธ วุ ครบครัน ทั้ง ทั้สองเสนีขึ้น ขึ้ ขี่ม้ ขี่ม้ า ทนายเดินเคีย คี งข้า ข้ งกางสัปทน ตำ มะหงงกาหลัง ลั กรุงใหญ่ เร่งเกณฑ์ทัพ ทัชัยฉับพลัน ลั แต่พื้ ต่ พื้ นกำ แหงแข็ง ข็ ขัน ขั ธงสำ คัญ คั คอยนำ ดำ เนินพล โยธาเยีย ยี ดยัด ยั อัดถนน ยกพลออกจากพารา ทัพ ทั เมืองกาหลัง ลั ยกมาสมทบ ๏ มาถึงทางร่วมริมดง สองทัพ ทัสมทบโยธา พบสุหรานากงวงศา ยกล่ว ล่ งมรรคามาพร้อมกัน ๓๘
ถอดคำ ประพันธ์ ฝ่า ฝ่ ยขุนนางตำ มะหงงกาหลัง ลั รวมทั้ง ทั้ ดะหมังและมหาเสนาใน ก็เ ก็ ร่งเกณฑ์ทัพ ทัในทัน ทัใด ได้จั ด้จั ดทหารอาสาผู้มี ผู้มี พื้นฐานการรบที่แ ที่ ข็งขันจำ นวนห้าหมื่นคน มีช้างม้าและอาวุธ วุ อย่า ย่ งครบครัน มีพลธงที่สำที่สำคัญ คั คอยนำ กองทัพ ทัสองจอมทัพ ทั ขึ้น ขึ้ ขี่ม้ ขี่ ม้ ากองทัพ ทั แน่น อัดเต็ม ต็ ถนนข้า ข้ รับใช้เดินเคีย คี งคอยกางสัปทน แล้ว ล้ เคลื่อ ลื่ นพลออกจากเมืองไป เมื่อมาถึงทางร่วมริมป่า ป่ ก็พ ก็ บกับ กั กองทัพ ทั ของกะหรัดตะปาตี ทั้ง ทั้สองกองทัพ ทั ได้สด้ มทบกันพากัน กั เคลื่อ ลื่ นตามทางมาพร้อมกัน ๓๙
๏ บัดนั้น ซึ่ง ซึ่ ถือ ถืสารไปเมืองนั้น ถึงกะหมังกุห กุ นิงนคเรศ พอเฝ้า ฝ้ ท้า ท้ วไท ทั้ง ทั้สองทูตาคนขยัน ยั พากันรับกลับ ลั มาฉับไว มายัง ยั นิเวศน์วัง วัใหญ่ ก็เข้า ข้ไปในพระโรงรจนา ๔๐
๏ จึงประนมก้มเกล้า ล้ เคารพ ตรัสขาดว่า ว่ ราชบุตรีถึงกะหตรัส ขาดว่า ว่ ราชบุตรี พอเฝ้า ฝ้ ท้า ท้ วให้ได้กำ ด้ กำหนดนัดงาน บรรดาของถวายนั้นไม่รับ มิได้คิ ด้คิ ดเกรงองค์พระทรงธรรม์ ข้า ข้ ทูลความตามสั่งนอกสารา จงเร่งตกแต่ง ต่ พระนคร จะชิงนางโฉมยงให้จงได้ ท้า ท้ วตรัสว่า ว่ ตามแด่วิ ด่ วิ ญญาณ์ ทูลพระองค์ทรงภพนาถา ท้า ท้ วดาหาทราบสิ้นทุกประการ จรกาธิบดีม ดี ากล่า ล่ วขาน ยัง ยั แต่จ ต่ ะแต่ง ต่ การวิวาห์กัน ส่งกลับ ลั คืน คื มาทุกส่งสรรพ์ บากบั่น บั่ สลัด ลั ตัด ตั รอน ว่า ว่ มิให้พระธิดาดวงสมร รับทัพ ทั ภูธ ภู รจะยกมา ใครมีชัยก็จะสมปรารถนา พระราชาจงทราบบาทมูล ๔๑
ถอดคำ ประพันธ์ มาถึงฝ่า ฝ่ ยทูตทั้ง ทั้สองของท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงซึ่ง ซึ่ ได้ถื ด้ อ ถืสารไปเมืองดาหานั้นก็พากัน กั กลับ ลั มา ยัง ยั เมืองของตน จนถึงตัว ตั เมืองกะหมังกุห กุ นิง ก็ต ก็ รงดิ่ง ดิ่ มายัง ยั วังใหญ่ เมื่อถึงเวลาก็ เข้า ข้ เฝ้า ฝ้ กะหมังกุห กุ นิงเหนือหัวในท้อ ท้ งพระโรง แล้ว ล้ จึงกัม กั กราบบังคมทูลเหนือหัว ว่า ว่ ได้ได้ปถวายสารมาแล้ว ล้ องค์ท้า ท้ วดาหาได้ทราบเนื้อความทุกประการ ทรงตรัสอย่า ย่ ง เฉียบขาดว่าพระธิดาของพระองค์นั้น มีจรกามาสู่ขอและได้ย ด้ กให้ทั้ง ทั้ ยัง ยัได้กำ หนด นัดหมายงานวิวาห์ไปแล้ว ล้ ส่วนบรรดาของถวายนั้นท่า ท่ นไม่รับ ให้ส่งกลับ ลั มาทั้ง ทั้ หมด ท่า ท่ นไม่ได้คิ ด้คิ ดเกรงองค์พระคอยแต่จะตัด ตั รอนซะทุกเรื่อง และได้ทู ด้ ทู ลความตามได้รับ นอกสาร ถ้า ถ้ ท้า ท้ วดาหาไม่ให้พระธิดา ก็จ ก็ งรีบเร่งทำ การปรับแต่ง ต่ พระนครให้มั่น มั่ คง รับทัพ ทั เหนีอหัวที่จ ที่ ะยกมา จะชิงพระธิดาให้ได้ห ด้ ากใครที่ไที่ ด้รั ด้รั บชัยชนะจะสมปรารถนา แต่อ ต่ งค์ท้า ท้ วดาหากลับ ลั ตรัสว่าแล้ว ล้ แต่ต ต่ ามวิญญาณ์ ขอพระองค์จงทราบด้ว ด้ ย ๔๒
๏ มาถึงทางร่วมริมดง พบสุหรานากงวงศา สองทัพ ทัสมทบโยธา ยกล่ว ล่ งมรรคามาพร้อมกัน ๏ บัดนั้น ทั้ง ทั้สองทูตาคนขยัน ยั ซึ่ง ซึ่ ถือ ถืสารไปเมืองนั้น พากันรับกลับ ลั มาฉับไว ถึงกะหมังกุห กุ นิงนคเรศ มายัง ยั นิเวศน์วัง วัใหญ่ พอเฝ้า ฝ้ ท้า ท้ วไท ก็เข้า ข้ไปในพระโรงรจนา ๔๓
๏ เมื่อนั้น ได้ฟัด้ ง ฟั ทั้ง ทั้สองทูตทูล จึงบัญชาตรัสด้ว ด้ ยขัด ขั เคือ คื ง เราอ่อนง้อขอไปในสารา ถึงจรดามากล่า ล่ วนางไว้ จะโอภาปราศรัยมาให้ดี เราก็เรืองฤทธาศักดาเดช จำ ต้อ ต้ งมีมานะไม่ละวาง แม้นมิได้สด้ มคิดดัง ดั จิตปอง จะสงครามตามดีติ ดีติ ดพัน ท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงนเรนทร์สูร ให้อาดูรเดือ ดื ดใจดัง ดัไฟฟ้า ฟ้ ดูดู๋เ ดู๋ ข้า ข้ เมืงดาหา แต่ว่ ต่ า ว่ จะรับไว้ก็ว้ไม่มี ได้ย ด้ กให้เขาก่อนก็ควรที่ นี่สิตัด ตัไมตรีให้ขาดทาง อาณาจักรนัคเรศกว้า ว้ งขวาง จะชิงนางบุษบาลาวัณ วั ย์ ไม่คืน คื ครองกรุงไกรไอศวรรย์ ไปกว่า ว่ ชีวัน วั จะบรรลัย ลั ๔๔
ถอดคำ ประพันธ์ เมื่อท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงได้สด้ ดับ ดัฟัง ฟั ทั้ง ทั้สองทูตทูลความดัง ดั นั้นก็โกรธอย่า ย่ งยิ่ง ยิ่ จึงมีบัญชาตรัสออกมาด้ว ด้ ยความขัด ขั เคืองใจว่าดูดู๋เจ้าเมืองดาหา เราอุตส่าห์ อ่อนน้อมง้อขอไปในสาร จะรับไว้ก็ไก็ ม่มีเลย ถึงแม้จรกามาขอนางไว้ แล้ว ล้ได้ย ด้ กนางให้เขาไปก่อนก็สก็ มควรอยู่ที่ ยู่ จ ที่ ะปราศรัยมาให้ดี แล้ว ล้ ดูสิมาตัด ไม่ตรีให้ขาดกัน กั เรานั้นก็มีศักดามีบารมีมาก อาณาจักรก็กว้างขวางอยู่ พอที่ จำ เป็น ป็ จะต้องมีความพยายามไม่ละวาง จะต้องชิงนางบุษบามาให้ได้ หากไม่ได้สด้ มดั่ง ดั่ใจหมายก็จ ก็ ะไม่ขอกลับ ลั คืน คื พระนครแห่งนี้อีก จะทำ สงคราม ตามรังควาญอยู่ทุ ยู่ ทุ กครา จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ๔๕