โอ้ แ ต่ นี้ต่นี้สืบไ ปภ า ย ห น้ า จ ะอ า ย ชา ว ด า ห า เ ป็นป็ แ ม่ น มั่ นมั่เขาจะค่อค่นนินทาทุกสิ่งอัน นางรำ พันว่าว่พลางทางโศกา๏เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์เทวัญวัอสัญหยาปลอบนางพลางเช็ดชลนา ดวงยิหวาอย่าย่ทรงโศกีจงสร่างสิ้นกินแหนงแคลงใจ ที่ใที่นบุษบามารศรีพี่สพี่ลัดลัตัดตัใจไม่ไยดี มิได้มีด้มีปรารถนาอาลัยลัจรกาจึงได้มด้าว่าว่ขาน กำ หนดนัดทำ งานการใหญ่พอกะหมังกุหกุนิงรู้ไป ก็ให้มากล่าล่วกัลยาครั้นรั้ขอนางมิได้ดัด้งดัใจจง จึงเกิดการณรงค์ในดาหาเพราะแหนหวงช่วงชิงวนิดา ใช่ว่าว่นางเปล่าล่อยู่เยู่มื่อไรอันถือถืข่าข่วบุษบาว่าว่งามนัก จะดีกดีว่าว่น้องรักนั้นหาไม่ ๙๖
ถอดคำ ประพันธ์ ๙๗ นางจินตะหราก็รู้ ก็ รู้ สึกคับ คั แค้น ค้ใจไม่มองดูสารแล้ว ล้ คร่ำ ครวญว่า อนิจจาความรักนั้นก็เหมือน น้ำ ที่ไที่ หลเชี่ยว ไฉนเล่า ล่ จะไหลกลับ ลั คืน คื มา คงไม่มีหญิงใดจะเจ็บช้ำ ไปกว่านางเพราะหลงเชื่อ หลงรัก ถึงตอนนี้แล้ว ล้ จะไปโทษใครได้ เสียแรงหวังที่จ ที่ ะฝากชีวิตไว้กับอิเหนาแต่ก็ไก็ ม่ปราณี ที่จั ที่จั กรีบเสด็จ ด็ไปนั้นก็เ ก็ ข้า ข้ใจเพราะนางบุษบานั้นคู่ค คู่ วรกับอิเหนา ไม่ต่ำ ศักดิ์เ ดิ์ หมือนนาง ต่อ ไปชาวเมืองดาหาก็จ ก็ ะนินทาได้ นางเอาแต่ร้ ต่ ร้ องไห้คร่ำ ครวญอิเหนาปลอบโยนให้จินตะหรา คลายความโศกเศร้า ว่าที่อิ ที่อิ เหนาไปนั้น แม้บุษบาจะสวยก็จ ก็ ริง แต่อิ ต่ อิ เหนาตัดสัมพันธ์ไป แล้ว ล้
นี่จำ เป็น ป็ จึงจำ จากไป เพราะกลัว ลั ภัยพระราชบิดา แม้นเสียดาหาก็เสียวงศ์ อัปยศถึงองค์อสัญหยา เจ้ากับพี่ก็พี่ จะมีแต่นิ ต่ นิ นทา แก้วตาจงดำ ริตริตรอง ถึงไปก็ไม่อยู่น ยู่ าน เยาวมาลย์อย่า ย่ โศกเศร้าหมอง พระจุมพิตชิดเชยปรางทอง กรประคองนฤมลขึ้น ขึ้ บนเพลา ๏เมื่อนั้น จินตะหราวาตีโตี ฉมเฉลา ได้เ ด้ ห็นสารทราบความตามสำ เนา ค่อ ค่ ยบรรเทาเบาทุกข์แคลงใจ จึงเคลื่อ ลื่ นองค์ลงจากพระเพลาพลาง นวลนางบังคมแถลงไข ซึ่ง ซึ่ พระจะเสด็จ ด็ไปชิงชัย ก็ตามใจไม่ขัด ขั อัธยา แม้นสำ เร็จราชการงานศึก แล้ว ล้ รำ ลึก ลึ อย่า ย่ ลืม ลื หมันหยา จงเร่งรีบยกทัพ ทั กลับ ลั มา น้องจะนับวัน วั ท่า ท่ ภูว ภู ไนย ๙๘
ถอดคำ ประพันธ์ ๙๙ จรกาจึงมาทำ การสู่ขอและเตรียมการวิวาห์พอท้าวกะหมังกุห กุ นิงทราบก็มาสู่ขอนางอีก เมื่อไม่ได้น ด้ างจึงเกิดศึกในเมืองดาหาเพื่อช่วงชิงนางบุษบาไม่ใช่ว่านางไม่มีใคร อันข่า ข่ วลือ ลื ที่ ว่า ว่ บุษบางามนักนั้นแต่ก็ ต่ ง ก็ ามสู้นางจินตะหราไม่ได้ ครั้ง รั้ นี้จำ เป็น ป็ จึงต้องจำ จากไปเพราะ เกรงกลัว ลั ท้า ท้ วกุเ กุ รปัน ปั บิดาต่า ต่ งหาก หากเสียเมืองดาหาก็เ ก็ หมือนเสียถึงวงศ์ตระกูล กู มีแต่จะ ถูก ถู นินทา ขอให้นางคิดให้ดีเ ดี มื่อไปแล้ว ล้ ก็ไม่อยู่น ยู่ านจะรีบกลับ ลั มาหานาง นางอย่า ย่ ได้โศกเศร้า เสียใจ อิเหนาหอมแก้ม ก้ นางและประคองขึ้น ขึ้ บนตัก ตั นางจิตะหราเห็นสารแล้ว ล้ ค่อยบรรเทา ความทุกข์ความแคลงใจ นางบอกอิเหนาว่าจะไปทำ ศึกก็ต ก็ ามใจแต่เ ต่ มื่อเสร็จศึกให้คิดถึง เมืองหมันหยาและรีบกลับ ลั มานางจะรอ
๏เมื่อนั้น พระทรงโฉมประโลมจิตพิสมัย รับขวัญ วักัลยาแล้ว ล้ ว่า ว่ ไป พี่จ พี่ ะลืม ลืปลื้ม ลื้ใจไยมี เป็น ป็ เวรากรรมจึงจำ จาก ขอฝากมาหยารัศมี กับนางสการะวาตี ด้ว ด้ ยทรามวัย วัไร้ที่พึ่ ที่พึ่ ง พึ่ พา นางไกลบิตุร ตุ าชมาตุร ตุ งค์ โฉมยงอย่า ย่ เคีย คี ดขึงตึงสา ถ้า ถ้ พลั้ง ลั้ ผิดสิ่งไรได้เ ด้ มตตา อย่า ย่ ถือ ถืโทษโกรธาเทวี ว่า ว่ พลางทางเปลื้อ ลื้ งสังวาลทรง ให้องค์จินตะหรามารศรี จงเจ้าเอาเครื่องประดับ ดั นี้ ไว้ดู ว้ ดู ต่า ต่ งพักตร์ที่จ ที่ ะขอลา ๑๐๐
ถอดคำ ประพันธ์ ๑๐๑ อิเหนารับขวัญ วั นางแล้ว ล้ ว่า ว่ คงเป็น ป็ เวรกรรมที่ต้ ที่ อ ต้ งจากไปก็ข ก็ อฝากนางมาหยารัศมีและนาง สการะวาติให้จินตะหราดูแลเพราะนางทั้ง ทั้สองห่างไกลบิดามารดาอย่าได้เ ด้ คียดแค้นหึง หวงถ้า ถ้ ผิดก็ใก็ ห้เมตตานางทั้ง ทั้สอง อย่า ย่ ถือ ถืโทษโกรธเคือง แล้ว ล้ ถอดสังวาลให้นางจินตะหรา ไว้ดูต่า ต่ งหน้า
๏ เมื่อนั้น ระดูผู้ผ่ ผู้ า ผ่ นหมันหยา ทั้ง ทั้ประไหมสุหรีศรีโสภา ฟัง ฟั ราชนัดดาก็อาวรณ์ ต่า ต่ งองค์อำ นวยอวยชัย เจ้าไปให้เป็น ป็สุขสโมสร อันเหล่า ล่ อาสัตย์ดัสดั กร จงพ่ายแพ้ฤทธิรอนพระหลานรัก ๏ เมื่อนั้น ระเด่น ด่ มนตรีมีศักดิ์ รับพรภูว ภู ไนยด้ว ด้ ยใจภักดิ์ บังคมลามาตำ หนักประเสบัน อิเหนาเข้า ข้ เฝ้า ฝ้ ระดูหมันหยาและถวายบังคมลา ๑๐๒
ถอดคำ ประพันธ์ ๑๐๓ อิเหนาทูลลาท้า ท้ วหมันหยาและประไหมสุหรี่ ต่างองค์ต่า ต่ งอวยพรให้เดินทางปลอดภัยและ ให้ข้า ข้ศึกศัตรูพ่ายแพ้ แล้ว ล้ เหนาก็ทู ก็ ทู ลลากลับ ลั มาที่ตำ ที่ ตำหนักของตน
๏ ขึ้น ขึ้ เกยกิริณีที่ปที่ ระทับ ทั ผัน ผั พักตร์สู่พายัพ ยั ทิศา พร้อมหมู่อำ มาตย์มาตยา โหราธิบดีชีดีชี พราหมณ์ พอได้ศุด้ ศุ ถฤกษ์ก็ลั่น ลั่ ฆ้อง ประโคมคึกกึกก้องท้อ ท้ งสนาม ประโรหิตฟัน ฟัไม้ข่ม ข่ นาม ทำ ตามตำ ราพิชัยยุทธ์ ทัพ ทั หน้าทัพ ทั หลวงทัพ ทั หลัง ลั พร้อมพรั่ง รั่ ตั้ง ตั้โห่อึงอุตม์ ทหารโบกธงทองกระบี่ค บี่ รุฑ ฝรั่ง รั่ จุดปืน ปืใหญ่ใญ่ ห้สัญญา ชีพ่อก็เบิกโขลนทวาร โอมอ่านอาคมคาถา เสด็จ ด็ ทรงช้างที่นั่ ที่นั่ ง นั่ หลัง ลั คา คลาเคลื่อ ลื่ นโยธาทุกหมวดกอง อิเหนากรีธาทัพ ทัไปกรุงดาหา ๑๐๔
ถอดคำ ประพันธ์ ๑๐๕ อิเหนาทูลลาท้า ท้ วหมันหยาและประไหมสุหรี่ ต่างองค์ต่า ต่ งอวยพรให้เดินทางปลอดภัยและ ให้ข้า ข้ศึกศัตรูพ่ายแพ้ แล้ว ล้ เหนาก็ทู ก็ ทู ลลากลับ ลั มาที่ตำ ที่ ตำหนักของตน
๏ ครั้ง รั้ ออกมานอกนคเรศ พระทรงเดชเศร้าสร้อยละห้อยไห้ เหลีย ลี วหลัง ลั ตั้ง ตั้ ตาดูเวีย วี งชัย หฤทัย ทั หวั่น วั่ หวั่น วั่ ถึงกัลยา โอ้ว่า ว่ เจ้าดวงยิหวาพี่ ปานนี้จะคร่ำ คราญหวนหา ใครจะปลอบโฉมงามสามสุดา แต่พ ต่ อหาใจเศร้าบรรเทาคลาย สงสารน้ำ คำ ที่พ ที่ ร่ำ สั่ง คิดถึงความหลัง ลั แล้ว ล้ใจหาย ครวญพลางกำ สรดระทดกาย แล้ว ล้ คิดอายพวกพลมนตรี จึงชักม่านทองทั้ง ทั้สี่ทิศ ดัง ดั จะปิด ปิ บังแสงสุริย์ศรี ลมหวนอวลกลิ่น ลิ่สุมาลี เหมือนกลิ่น ลิ่ ผ้า ผ้ ยาหยีซึ่ยีซึ่ ง ซึ่ เปลี่ย ลี่ นมา แว่ว ว่ เสียงสำ เนียงบุหรงร้อง ว่า ว่ เสียงสามนิ่ม นิ่ น้องเสน่หา พระแย้ม ย้ เยี่ย ยี่ มม่านทองทัศทั นา เห็นแต่ป่ต่ า ป่ พุ่มไม้ใบบัง เอนองค์ลงอิงพิงเขนย กรเกยก่ายพักตร์ถวิลหวัง วั รสรักร้อนรนพ้นกำ ลัง ลั ชลนัยน์ไหลหลั่ง ลั่ ลงพรั่ง รั่ พราย ๑๐๖
ถอดคำ ประพันธ์ ๑๐๗ ระหว่า ว่ งทางอิเหนาโศกเศร้าเสียใจอาลัย ลั รักนางทั้ง ทั้สามยิ่ง ยิ่ นัก ว่า ว่ ป่านนี้จะคร่ำ ครวญหา ใครจะปลอบนาง คิดถึงความหลัง ลั แล้ง ล้ ยิ่ง ยิ่ ใจหายคิดไปก็อ ก็ ายพวกไพร่พลจึงชักม่านปีดทั้ง ทั้สี่ ทิศเหมือนจะบัง แสงดวงอาทิตย์ ลมพัดกลิ่น ลิ่ ดอกไม้เหมือนกลิ่น ลิ่ ผ้านางที่เ ที่ปลี่ย ลี่ นมา ได้ยิ ด้ยิ นเสียงนกยูงร้องก็ คิดว่า ว่ เป็น ป็ เสียงของนาง จึงเผยม่านออกมาเห็นแต่ต้ ต่ น ต้ไม้ใบไม้จึงเอนตัวลงพิงหมอนเอา มือกายหน้าผากคิดถึงความรักก็ยิ่ง ยิ่ เศร้าใจจนน้ำ ตาไหลออกมา
ร่าย ๏ บัดนั้น ประสันตาพี่เ พี่ ลี้ย ลี้ งพระโฉมฉาย ขี่ช้ขี่ช้ างพระที่นั่ ที่นั่ ง นั่ มาข้า ข้ งท้า ท้ ย เห็รพระไม่สบายคลายทุกข์ทน จึงเสแสร้งแกล้ง ล้ กล่า ล่ ววาจา ป่า ป่ นี้สนุกกว่า ว่ ทุกแห่งหน แต่เ ต่ ห็นมามากมายหลายตำ บล ก็ยัง ยัไม่ชอบกลเหมือนป่า ป่ นี้ แม้นไม่มีราชการงานเดือ ดื น คงจะมาปลูกเรืองอยู่ที่ ยู่ นี่ ที่นี่ น้ำ ท่า ท่ หาง่ายสบายดี สารพัดจะมีไม่ยากใจ ถ้า ถ้ เลิก ลิ ทัพ ทั กลับ ลั มาหมันหยา จะจำ ป่า ป่ ไว้ทู ว้ ทู ลแถลงไข ให้พระพาสามสมรอรไท มาประพาสพรรณไม้ให้สำ ราญ ๏ เมื่อนั้น พระสุรินท์วงศ์เทวาศักดาหาญ นิ่ง นิ่ ฟัง ฟัประสันตาอยู่ช้ยู่ ช้ านาน ค่อ ค่ ยคลายร้อนรำ คาญวิญญาณ์ จึงลุกขึ้น ขึ้ ตรัสถามทัน ทั ที ป่า ป่ นี้หรือสนุกหนักหนา จรัสพลางทางทอดทัศทั นา ไหนนี่บอกมาอย่า ย่ ลวงกัน ๑๐๘
ถอดคำ ประพันธ์ ๑๐๙ ประสันตาพี่เ พี่ ลี้ย ลี้ งเห็นเช่นนั้นก็ขี่ช้ขี่ช้ างมาข้า ข้ งท้า ท้ ยชี้ชวนให้ชมธรรมชาติของป่า ป่ ไปตลอดทาง ว่า ว่ ป่า ป่ นี้แปลกตากว่าป่า ป่ ไหนๆ ไว้เสร็จศึกแล้ว ล้ น่าจะชวนนางทั้ง ทั้สามมาเที่ย ที่ วพักผ่อนให้ สบาย อิเหนานิ่ง นิ่ ฟัง ฟั อยู่น ยู่ านก็ค ก็ ลายทุกข์แล้ว ล้ ลุกขึ้น ขึ้ ถามว่า ว่ ป่า ป่ นี้หรือสนุกว่าพลางอิเหนาก็ มองไปถามว่า ว่ ไหนล่ะ ล่ อย่า ย่ โกหกกัน
๏บัดนั้น ประสันตาแสนกลคนขยัน ยั ทำ ตกใจทูลองค์พระทรงธรรม์ ข้า ข้สำ คัญ คั มั่ง มั่ คงอยู่ต ยู่ งนี้ ด้ว ด้ ยช้างบาทย่า ย่ งทีสที ะเทิน เดินเกินตำ บลมาพันที เขาว่า ว่ ดงหน้าก็ยัง ยั มี ถึงจะชี้เชิญให้ทัศทั นา ๏เมื่อนั้น พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา ยิ้ม ยิ้ พลางทางตอบประสันตา ปดเล่น ล่ ต่อ ต่ หน้าไม่อายใจ ครั้น รั้ซักไซ้ไล่ห ล่ าความจริง ยัง ยั กลอกกลิ้ง ลิ้ กลับ ลั ลวงไปใหม่ ชอบผลัก ลัให้พลีด ลี ลงไป คนอะไรเช่นนี้ก็ยีง ยี มี ๑๑๐
ถอดคำ ประพันธ์ ๑๑๑ ประสันตาแกลัง ลั ทำ ตกใจทูลว่าอยู่ด ยู่ งนี้เพราะช้างเดินเลยมาแล้ว ล้ แต่ดงข้า ข้ งหน้ายัง ยั มี อิเหนายิ้ม ยิ้ แล้ว ล้ ตอบว่าโกหกซี่ง ๆหน้าช่างไม่อาย ยัง ยั มาเฉไ ปอีกคนอะไรน่าจะผลัก ลัให้ ตกจากช้างท่า ท่ จะดี
๏ ว่า ว่ พลางทางชมคณานก โผนผกจีบไม้อึงมี่ เบญจวรรณจับวัล วั ย์ชาลี เหมือนวัน วั พี่ไพี่ กลสามสุดามา นางนวลจับนางนวลนอน เหมือนพี่แ พี่ นบนวลสมรจินตะหรา จากพรากจับจากจำ นรรจา เหมือนจากนางสดาระวาตี แขกเต้า ต้ จับเต่า ต่ ร้างร้อง เหมือนแก้วพี่ทั้ พี่ ง ทั้สามสั่งความมา ตระเวนไพรร่อนร้องตระเวนไพร เหมือนเวรใดให้นิราศเสน่หา เค้า ค้โมงจับโมงอยู่เ ยู่ อกา เหมือนพี่นั พี่ นั บโมงมาเมื่อไกลนาง คับ คั แคจับแคสันโดษเดี่ย ดี่ ว เหมือนเปล่า ล่ เปลี่ย ลี่ วคุบ คุ ในใจไพรกว้า ว้ ง ชมวิหคนกไม้ไปตามทาง คะนึงนางพลางรีบโยธี ๏ แรมร้อนนอนพักมาหลายวัน วั ถึงทางร่วมกุเ กุ รปัน ปั กรุงศรี พบทัพ ทั กระหรัดตะปาตี ภูมี ภู มีให้หยุดโยธา ๑๑๒
ถอดคำ ประพันธ์ ๑๑๓ อิเหนาชมนกชมไม้ต่า ต่ ง ๆ เห็นนกต่า ต่ งๆ ไม่ว่า ว่ จะเป็น ป็ นกเบญจวรรณ นกนางนวล นกจาก พราก นกแขกเต้า ต้ ที่กำ ที่ กำลัง ลั เกาะต้น ต้ เต่าร้าง นกแก้ว ก้ นกตระเวนไพร นกเค้าโมง นกคับแค ก็ ให้นึกไปถึงนางทั้ง ทั้สามตลอดทาง เดินทางมาหลายวันก็ม ก็ าถึงทางร่วมเมืองกุเ กุ รปัน ปั พบกับ กองทัพ ทั ของกะหรัดตะปาตีอิ ตีอิ เหนาก็ให้หยุดกองทัพ ทั
๏ เ มื่ อ นั้ น ก ระ ห รั ด ปาตี เตี ชร ษฐ า เ ห็ น ระ เ ด่ นด่ ม น ต รีก็ปรีด า จึ ง เ สด็ จด็ ม า ห า ทั นทัใ ด แ ล้ วล้บ อ ก ว่ าว่ สม เ ด็ จด็ พ ระ บิ ด า ใ ห้ ข้ าข้คุ ม คุ นิ ก ร น้ อ ยใ ห ญ่ ม า บ ร ร จ บ ทั พทัพ ระอ ง ค์ไ ป ช่ว ย พิ ชัย ด า ห า ธ า นี ห ล า ย วั นวัแ ล้ วล้แ ต่ มต่ า ค อ ย ทำ ยั บยัยั้งยั้โย ธ า อ ยู่ ที่ยู่ นี่ที่นี่ ข่ าข่ ว ศึก ว่ าว่ ประ ชิด ติ ด บุ รี ม า จ ะ จ ร ลี รีลีรีบไ ป ๏ เ มื่ อ นั้ น ระ เ ด่ นด่ ม น ต รี เ ฉ ล ยไ ข ข้ าข้ก็เร่ง รี บ ร้อ นไม่ น อ น ใ จ แ ต่ ทต่ า งไก ล อ้ อ ม ก ว่ าว่ กุ เ กุ ร ปันปั ว่ าว่ แ ล้ วล้สอ ง ก ษัต ริ ย์ก็จั ด ทั พทั พ ร้อ ม สร ร พ พ ห ล พ ล ขั นขัธ์ เ ข้ าข้ก ระ บ ว น สม ท บ บ ร ร จ บกัน แ ล้ วล้ย ก จ า ก ที่ นั่ที่นั่นั่รี บ ม า ๑๑ ๔
๏ ครั้น รั้ ถึงเนินทราบชายทุ่ง ทุ่ แว่น ว่ แคว้น ว้ แดนกรุงดาหา จึงให้หยุดบัญชาให้ตำ มะหงง ท่า ท่ นจงรีบเข้า ข้ไปในกรุงใหญ่ ทูลศรีปัต ปั หราเรืองชัย แก้ไขอย่า ย่ ให้เคือ คื งบาทา ๏ บัดนั้น ตำ มะหงงรับสั่งให้ใส่เกศา ก้มเกล้า ล้ กราบถวายบังคมลา มาขึ้น ขึ้ ม้าควบขัน ขัไปฉับพลัน ลั ๏ ครั้น รั้ ถึงจึงแจ้งคดี แก่ยาสาเสนีดคนขยัน ยั บัดนี้องค์อิเหนากุเ กุ รปัน ปั กรีธาทัพ ทั ขัน ขั ธ์ยกมา สองทัพ ทักับกระหรัดตะปาตี มาช่วยบุรีดาหา จงพาเราเข้า ข้ เฝ้า ฝ้ พระผ่า ผ่ นฟ้า ฟ้ จะกราบทูลกิจจาให้แจ้งการ ๑๑๕
ถอดคำ ประพันธ์ ๑๑๖ กะหรัดตะปาตีพี่ ตีพี่ชพี่ ายอิเหนาเห็นทัพ ทั อิเหนายกมาก็ดีใดี จ บอกว่าท้าวกุเ กุ รปัน ปั บิดาให้คุมทัพ ทั มา รอทัพ ทั อิเหนาเพื่อไปช่วยองดาหามาคอยอยู่ห ยู่ ลายวันแล้ว ล้ ข่า ข่ วว่าข้า ข้ศึกประชิดเมืองแล้ว ล้ จะ ได้รี ด้รี บไป อิเหนาจึงว่าการเดินทางทัพ ทั นั้นอ้แล้ว ล้ ทั้ง ทั้สองทัพก็จั ก็จั ดทัพเข้า ข้ กระบวนเดียวกันเร่ง รีบยกทัพ ทัไปยัง ยั กรุงดาหาทัน ทั ที เมื่อถึงชายแดนเมืองดาหา อิเหนาก็หยุดตั้ง ตั้ ค่ายนามครุฑ ตามตำ ราพิชัยสงคราม แล้ว ล้ให้ตำ มะหงงรีบไปกราบทูลท้า ท้ วดาหา ให้กราบทูลอย่าให้ขุ่น ขุ่ เคือ คื งใจ ตำ มะหงงรับคำ สั่งแล้ว ล้ ควบม้าไปทัน ทั ทีเมื่อไปถึงก็แ ก็ จ้งยาสาเสนาเมืองดาหาว่า บัดนี้อิเหนา และกะหรัดตะปาตีจ ตี ากกุเ กุ รปัน ปั ยกทัพ ทั มาช่วยพระธิดาดาหาแล้ว ล้ จงพาเข้า ข้ เฝ้า กราบทูลเรื่องราวให้กระจ่างยาสาปรีกิ์เ กิ์ปรมเกษมศานต์ดีใดี จมากพาตำ มะหงงเข้า ข้ไปท้อง พระโรงทันที
๏ บัดนั้น ยาสาปรีดิ์เ ดิ์ปรมเกษมศานต์ จึงพากันเข้า ข้ไปมิทัน ทั นาน ยัง ยัสถานท้อ ท้ งพระโรงรูจี ๏ นบนิ้วประนมบังคมคัล คั กราบทูลทรงธรรม์ถ้ว ถ้ นถี่ บัดนี้ระเด่น ด่ มนตรี กับกระหรัดตะปาตีย ตี กมา รี้พลมาหมายหลายแสน ตั้ง ตั้ อยู่ปยู่ ลายแดนกรุงดาหา ใช้ให้ตำ มะหงงเสนา เข้า ข้ มาเฝ้า ฝ้ เบื้องบาทบงสุ์ ๏ เมื่อนั้น พระปิ่น ปิ่ปัก ปั นัคเรศสูงส่ง แจ้งว่า ว่ อิเหนาสุริย์วงศ์ มาช่วยรณรงค์ราวี มีความเกษมสันต์หรรษา ดัง ดัได้ผ่ ด้ า ผ่ นเมืองฟ้า ฟ้ ราศี ด้ว ด้ ยนัดดาเรืองอิทธิฤทธี เห็นว่า ว่ บุรีไม่อันตราย ๑๑๗
พระเปรมปรีดิ์ดี ดิ์ใดี จอยู่ใยู่ นพักตร์ มิให้ประจักษ์คนทั้ง ทั้ หลาย จึงแย้ม ย้ เยื้อ ยื้ นเอื้อนโอษฐ์อ ฐ์ ภิปราย ซึ่ง ซึ่ หลานชายของเราอุตส่าห์มา ตำ มะหงงไปบอกให้ถ้ว ถ้ นถี่ ว่า ว่ กูนี้ กู นี้ ขอบใจหนักหนา เชิญให้เข้า ข้ มาในพารา จะได้พั ด้พั กโยธาให้สำ ราญ ๏ บัดนั้น ตำ มะหงงได้ฟัด้ ง ฟั พระบรรหาร จึงสนองมธุร ธุ สพจมาน พระหลานรักถวายบังคมมา ให้ทูลองค์พระทรงฤทธิ์ ด้ว ด้ ยโทษผิดติดพันอยู่ห ยู่ นักหนา จะขอทำ การสนองพระบาทา เสด็จ ด็ แล้ว ล้ จึงจะมาอัญชลี ๑๑๘
ถอดคำ ประพันธ์ ๑๑๙ ตำ มะหงงกราบทูลว่า ว่ บัดนี้อิเหนากับกะหรัดตะปาตียกทัพ ทั มามากมายหลายแสนตั้ง ตั้ อยู่ ปลายแดนเมืองดาหา ท้า ท้ วดาหารู้ว่าอิเหนายกทัพมาช่วยก็มี ก็มี ความดีใจเพราะอิเหนามี ความ เก่ง ก่ กล้า ล้สมารถเห็นว่านางบุษบาจะไม่เป็น ป็ อันตราย แต่ไม่แสดงออกให้ใครเห็น ยิ้ม ยิ้ แล้ว ล้ กล่า ล่ วว่า ว่ อิเหนายกทัพ ทั มาช่วยก็ขอขอบใจ แล้ว ล้ให้ตำ มะหงงไปเชิญให้เข้า ข้ มาในเมืองจะ ได้พั ด้พั กผ่อ ผ่ นให้สบาย ตำ มะหงงกราบทูลว่าอิเหนารู้ตัว ตั ดีว่ ดีว่ ามีความผิดติดตัวอยู่ จึงขอทำ ศึก ให้เสร็จสิ้นก่อ ก่ น จึงจะเข้า ข้ มาถวายบังคม ท้า ท้ วดาหาจึงไม่ได้รั ด้รั บสั่งอะไร แต่ถามสุหรานากง ว่าจะทำ ศึกในเมือง หรือจะไปช่วยพี่ ๆรบ
ออกมาอยู่ที่ ยู่ ภู ที่ ว ภู ไนย ตรวจเตรียมทัพ ทัชัยฉับพลัน ลั ครั้น รั้ เสร็จเสด็จ ด็ ทรงอาธา พร้อมพี่เ พี่ ลี้ย ลี้ งเสนากิดาหยัน ยั ยกจากพระนครจรจรัล ตำ มะหงงกุเ กุ รปัน ปัก็ตามมา ๏ ครั้น รั้ ถึงจึงหยุดจตุร ตุ งค์ เสด็จ ด็ไปเฝ้า ฝ้ องค์พระเชรษฐา ถ้อ ถ้ ยทีมี ทีมีใจปรีดา ตรัสสั่งสนทนาพาที แล้ว ล้ แถลงแจ้งเหตุบ ตุ รรยาย แต่ต้ ต่ น ต้ จนปลายถ้ว ถ้ นถี่ วัน วั เมื่อน้องมาถึงธานี ได้ทู ด้ ทู ลว่า ว่ พระพี่จ พี่ ะยกมา ดูทีท้ ที า ท้ วตรัสเห็นขัด ขั เคือ คื ง ว่า ว่ ไหนจะจากเมืองหมันหยา เมียเขาเขารักดัง ดั แก้วตา หรือจะอาจคลาดคลาเห็นผิดไป แต่พ ต่ ระเชรษฐาให้หาตัว ตั ก็ไม่มีความกลัว ลั ยัง ยั ขีด ขีได้ ๑๒๐
เกิดณรงค์สงครามก็เพราะใคร จนเดือ ดื ดร้อยทั่ว ทั่ไปทั้ง ทั้ ธานี นับประสาอะไรแก่ตัว ตั เรา ถึงตายเข้า ข้ก็ไม่ดูผี เห็นเคือ คื งขัด ขั ตรัสซ้ำ อยู่ดั ยู่ ง ดั นี้ พระภูมี ภู มี จงทราบบทมาลย์ ๏ เมื่อนั้น ระเด่น ด่ มนตรีใจหาญ ฟัง ฟัสุหรานากงแจ้งการ จึงตอบพจมานอนุชา ซึ่ง ซึ่ ท่า ท่ นขุ่น ขุ่ แค้น ค้ เคือ คื งนัก ก็ประจักษ์แจ้งใจไม่กังขา ไม่ถือ ถืโทษโกรธตอบพระผ่า ผ่ นฟ้า ฟ้ จะตั้ง ตั้ หน้าหักหาญพาลภัย เสด็จ ด็ศึกจะเข้า ข้ไปอัญชลี จะด้า ด้ ตีก็ตี ตามอัชฒาสัย เมื่อได้เ ด้ กินแล้ว ล้ก็จนใจ ตามแต่ภู ต่ ว ภู ไนยจะปรานี ๑๒๑
๏ บัดนั้น ตำ มะหงงบังคมเหนือเกศี จึงกราบทูลแถลงแจ้งคดี องศ์ศรีปีต ปี รารับสั่งมา ให้ข้า ข้ บังคมทูลภูว ภู ไนย ว่า ว่ ชี้ชอบขอบพระทัย ทั หนักหนา ขอเชิญเข้า ข้ไปในพารา จะได้พั ด้พั กโยธาพลากร ข้า ข้ จึงทูลสนองพจมาน พระนัดดาจะทำ การแก้ตัว ตัก่อน เสด็จ ด็ศึกจึงจะบทจร มาเฝ้า ฝ้ ภูธ ภู รธิบดี พระมิได้ต ด้ อบคำ ว่า ว่ ขาน ตรัสแต่กิ ต่ กิ จการกรุงศรี แต่ดู ต่ ดู พระกิริยาพาที เหมือนจะเคลื่อ ลื่ นคลายที่โที่ กรธา ๏ เมื่อนั้น พระโฉมยงพงศ์อสัญแดหวา ได้ฟัด้ ง ฟั ตำ มะหงงเสนา เกษมสันต์หรรษาเป็น ป็ พ้นไป จึงเสด็จ ด็ คลาไคลเข้า ข้ในห้อง ให้ชักปิด ปิ ม่านทองสองไข สุหรานากงทรงชัย ก็กลับ ลัไปที่ปที่ ระทับ ทั พลับ ลั พลา ๑๒๒
ถอดคำ ประพันธ์ ๑๒๓ สุหรานากงทูลว่ามาอยู่ด ยู่ าหานานแล้ว ล้ จึงขออาสาออกไปช่วยอิเหนาและกะหรัดตะปาตี ออกรบ เมื่อท้า ท้ วดาหาอนุญาตสุหรานากงก็ก ก็ ราบทูลลาออกมาเตรียมไพร่พลแล้ว ล้ ยก พลออกจากเมืองไปยังค่า ค่ ยของอิเหนา เมื่อไปถึงก็เ ก็ ข้า ข้ เฝ้า ฝ้ อิเหนาสนทนากันด้ว ด้ ยความ ยินดีเ ดี ล่า ล่ เรื่องราว ตั้ง ตั้ แต่ต้ ต่ น ต้ จนจบว่า เมื่อวันที่สุที่ สุ หรานากงมาถึงเมืองดาหาได้ทูลว่าอิเหนา จะยกทัพ ทั มาช่วย ดูท่า ท่ ทางท้า ท้ วดาหาจะขัด ขั เคืองว่าไหนเลยจะจากเมืองหมันหยามาเพราะ รักเมียดัง ดั แก้ว ก้ ตาคงไม่มาแน่นอน เกิดศึกก็เพราะใครจนเดือ ดื ดร้อนไปทั้ง ทั้ เมือง นับประสา อะไรกับ กั ท้า ท้ วดาหาแม้นตายก็คงไม่เผาผี อิเหนาได้ฟัง ฟั ก็ต ก็ อบว่าที่ท้ ที่ า ท้ วดาหาขุ่น ขุ่ เคืองนั้นก็รู้ กัน กั อยู่อิ ยู่ อิ เหนาไม่ถือ ถืโทษโกรธตอบคิดแต่จ ต่ ะทำ ศึกให้ได้ชัยชนะแล้ว ล้ เข้า ข้ เฝ้า ฝ้ จะด่ ว่าอย่างไรก็ แล้ว ล้ แต่ ตำ มะหงทูลว่าท้า ท้ วดาหารับสั่งให้ทูลอิเหนาว่าท่านขอบใจมากเชิญเข้า ข้ในเมืองจะ ได้พั ด้พั กพล แต่ตำ ต่ ตำมะหงงทูลท้า ท้ วดาหาว่าอิเหนาจะขอทำ ศึกแก้ตั ก้ ว ตั ก่อนเสร็จศึกแล้ว ล้ จึงจะ
๏ เมื่อนั้น พระผู้พ ผู้ งศ์เทวาในราศี ได้ฟัด้ ง ฟั พระพี่เ พี่ ลี้ย ลี้ งทูลคดี จึงมีพระบัญชาการ ตำ มะหงงจงเร่งไปตรวจตรา เกณฑ์พลโยธาทวยหาญ เราจะออกหักโหมโรมราญ รีบรัดจัดการให้พร้อมไว้ ๏ บัดนั้น ตำ มะหงงกุเ กุ รปัน ปั กรุงใหญ่ รับสั่งบังคมลาคลาไคล ออกไปจัดทัพ ทั ฉับพลัน ลั อิเหนามีบัญชาให้จัดทัพ ทั เตรียมรบกับ กั ทัพ ทั กระหมังกุห กุ นิง ๑๒๔
๏ เมื่อนั้น พระผู้พ ผู้ งศ์เทวากระยาหงัน ครั้น รั้ ฤกษ์ดีแ ดี จ่มดวงสุริยัน ยั ทรงธรรม์ชวนกระหรัดตะปาตี ทั้ง ทั้สุหรานากงอนุชา สังคามาระตาเรืองศรี กับระเด่น ด่ ดาหยนผู้ภั ผู้ภั กดี มาเข้า ข้ ที่สที่ รงน้ำ ทิพมนตร์ ๏ ห้าองค์ชำ ระสระสนาน กิดาหยัน ยั ถวายพานเครื่องต้น ต้ บรรจงทรงทาพระสุคนธ์ ปรุงปนเกสรสุมาลี สอดใส่สนับเพลาภูษ ภู าทรง ฉลององค์โหมดตากต่า ต่ งสี เจียระบาดค่ด ค่ ครัดรูจี ปั้น ปั้ เหน่งเพชรพลอยมณีหนุนซับ ๑๒๕
๑๒๖ ทรงมหาสังวาลพิชัยยุทธ์ ชมพูนุทเฟื่อ ฟื่ งห้อยพลอยประดับ ดั ทองกรแก้วพุกามวาบวับ วั ธำ มรงค์รุ้งระยับ ยั จับตา ทรงมงกุฎกุ กุณ กุ ฑทัด ทั ตรัสเตร็จ อุบะเพชรแพร้วพรายพระเวหา เหน็บกริชฤทธิไกรแล้ว ล้ไคลคลา เสด็จ ด็ มายัง ยั เกยแก้วมณี ๏ ต่า ต่ งองค์ขึ้น ขึ้ ทรงม้าต้น ต้ พร้อมพลจตุร ตุ งค์ทั้ง ทั้สี่ กิดาหยัน ยั พี่เ พี่ ลี้ย ลี้ งเคีย คี งพาชี ถวายกลดโหมดสีต่า ต่ งกัน ให้เดินทัพ ทัโยธาห้ากอง เสียงกลองเสียงปืน ปื ครื้นครั่น รั่ ผงคลีมื ลีมื ดคลุ้ม ลุ้ชอุ่มควัน วั รีบร้นพลขัน ขั ธ์คลาไคล ๏ ครั้น รั้ มาใกล้ก ล้ องทัพ ทัไพรี เห็นโยธีธ ธี งทิวปลิว ลิไสว ช้างม้าดาทุ่ง ทุ่ เป็น ป็ แถวไป พระสั่งให้หยุดพลจตุร ตุ งค์
ถอดคำ ประพันธ์ ๑๒๗ อิเหนาได้ฟัด้ ง ฟั พี่เ พี่ ลี้ย ลี้ งเล่า ล่ เรื่องราวให้ฟัง ฟั จึงสั่งตำ มะหงงให้เร่งจัดทัพ ทั ตำ มะหงงรับคำ สั่ง แล้ว ล้ รีบออกไปจัดทัพ ทั ทัน ทั ทีอิ ทีอิ เหนาและนุชากรีพาทัพเผชิญทัพ ทั กะหมังกุห กุ นิงเมื่อได้ฤกษ์ อิเหนา กะหรัดตะปาตี สุหรานากง สังคามาระตา และระเด่น ด่ ดาหยน ต่างพากัน กั เข้าที่อ ที่ าบ น้ำ ทิพย์มนต์ ทั้ง ทั้ ห้าองค์ชำ ระร่างกายแล้ว ล้ มหาดเล็ก ล็ ก็นำ เครื่องทรงถวายบรรจงทาแป้งที่ ปรุงด้ว ด้ ยกลิ่น ลิ่ ดอกไม้ สวมใส่กางเกง สวมเสื้อ สีต่า ต่ ง ๆ รัดเข็ม ข็ ขัด ขั ที่ปที่ ระดับ ดั ด้ว ด้ ยเพชรพลอย สวมสังวาล สวมกำ ไลข้อ ข้ มือแก้วจากพม่า สวมแหวนสวยงามระยับ ยั ตา สวมมงกุฎกุ และใส่ตุมหูเป็น ป็ อุบะเพชร เหน็บกริชอันมีฤทธิ์ เสด็จ ด็ ออกมาที่เ ที่ กยแก้ว ต่างองค์ขึ้น ขึ้ ม้าพร้อมพลทั้ง ทั้สี่เหล่า ล่
๏ บัดนั้น จึงมหาเสนาตำ มะหงง รับราชบัญชาพระโฉมยง ให้หยุดธงสำ คัญ คัสัญญา แล้ว ล้ รีบรัดจัดพลรณยุทธ์ ตั้ง ตั้ ที่น ที่ ามครุฑปัก ปั ษา วางกองเยื้อ ยื้ งกันเป็น ป็ฟัน ฟัปลา ให้โยธาคอยยิงชิงชัย ๏ เมื่อนั้น ท้า ท้ วกระหมังกุห กุ นิงเป็น ป็ใหญ่ เห็นทัพ ทั มาตั้ง ตั้ มั่น มั่ กันเมืองไว้ พลไกรเพียบพื้นปัถ ปั พี จึงตรัสเรียกโอรสยศยง กับองค์อนุชาทั้ง ทั้สองศรี ต่า ต่ งรีบกะระตะพาชี ออกยืน ยื ที่ปที่ ระจำ กองโยธา แล้ว ล้ มีสีหนาทโองการ ประกาศสั่งทวยหาญกองหน้า จงเร่งเข้า ข้ ตีทั ตี พ ทั มห้อัปรา หักเอาดาหาในวัน วั นี้ ๑๒๘
ถอดคำ ประพันธ์ ๑๒๙ มหาดเล็ก ล็ กั้น กั้ ร่มทองเป็น ป็สีต่า ต่ งกัน กัให้เดินทัพ ทั เป็น ป็ ห้ากอง เสียงกลองเสียงปืนดัง ดัสนั่น นั่ ครั่น รั่ ครื้น ฝุ่น ฝุ่ ตลบอบอวนดัง ดั ควัน วัไฟ เมื่อมาใกล้ก ล้ องทัพ ทั ข้า ข้ศึกเห็นธงทิวปลิว ลิไสวก็ใก็ ห้หยุดทัพ ทั ตำ มะหงงรับคำ สั่งก็ใก็ ห้ธงสัญญาณหยุดทัพ ทั จัดทัพ ทั แบบนามครุทวางกองทหารเยื้องกัน เป็น ป็ปัน ปัปลา ฝ่า ฝ่ ยท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิง เห็นกองทัพ ทัใหญ่ตั้ ญ่ ง ตั้ มั่น มั่ ขวางเมืองไว้จึงเรียกวิหยาสะกำ โอรสและระ ตูป ตู าหยัง ยั กับ กั ระตูป ตู ระหมันน้องชายรีบกระตุ้นตุ้ม้าออกไปประจำ ที่ก ที่ องทัพ ทั แล้ว ล้ประกาศให้ เร่งตีทั ตี พ ทั ดาหาให้ได้ใด้ นวันนี้
๏ บัดนั้น ตะหมังรับสั่งใส่เกศี ก็เร่งพลเร่งพวกพาชี เข้า ข้ ตีต่ ตี อ ต่ หักโหมโจมทัพ ทั บ้างเป่า ป่ ชุด ชุ จุดยิงปืน ปืใหญ่ ฉัตรชัยมณฑกนกสับ นายกองแกว่ง ว่ ดาบวาบวับ วั ต่า ต่ งขับ ขั พลวิ่ง วิ่ เข้า ข้ชิงชัย ๏ เมื่อนั้น นายทหารกุเ กุ รปัน ปัไม่หวั่น วั่ไหว ให้ระดมปืน ปื ดับ ดั รับไว้ แล้ว ล้ไล่โล่ ยธีตี ธีปตี ระจัญ ต่า ต่ งมีฝีมื ฝีมื ออื้ออึง วางวิ่ง วิ่ เข้า ข้ ถึงอาวุธ วุ สั้น ดาบสองมือโถมทะลวงฟัน ฟั เหล่า ล่ กริชนิดพันประจัญรบ ทหารหอกกรอกกลับ ลัสัประยุทธ์ ป้องปัด ปั อาวุธ วุ ไม่หลีก ลี หลบ พวกพลพาชีตีก ตี ระทบ รำ ทวนสวนประจบโถมแทง บ้างสกัดซัดพุ่งหอกคู่ เกาทัณ ทั ฑ์ธนูน้าวแผลง ๑๓๐
ถอดคำ ประพันธ์ ๑๓๑ ะหมังรับคำ สั่งก็รี ก็รี บเข้า ข้โจมตีทั ตี น ทั ทีบ้ ทีบ้ างจุดปืน ปืใหญ่ (ฉัตรชัย มณฑก นกสับ) นายกอง แกว่ง ว่ ดาบควบม้าเข้า ข้ชิงชัยกัน กั ทหารเมืองกุเ กุ รปัน ปัใช้ปืนตับ ตั ยิงสกัดไว้แล้ว ล้ไล่ปล่ ระจัญบานกัน กั ต่า ต่ งฝ่า ฝ่ ยต่า ต่ งมีฝีมื ฝีมื อ ต่อ ต่ สู้กัน กั จนถึงอาวุธ วุ สั้น ดาบสองมือโถมเข้า ข้ ทะลวงฟัน ฟั พวกใช้กริช ต่อ ต่ สู้ก็ต่ ก็ อ ต่ สู้กัน กั พลวัน วั ทหารหอกก็ป้องปัด ปั อาวุธ วุ ไม่หลบหนี ทหารม้รำ ทวนเข้า ข้สู้กัน บ้าง สกัด กั หอกที่ชัที่ชั ดมา บ้างพุ่งหอก บ้างยิงเกาทัณฑ์ เข้า ข้ ตะลุมบอนกัน กั กลางสนามรบ ส่วนที่ ตายทับ ทั กัน กั เหมือนกองฟาง เลือ ลื ดไหลนองไปทั่ว ทั่ ท้อ ท้ งทุ่ง กองหลัง ลั ก็หนุนขึ้น ขึ้ไปไม่ขาดสาย
ตะลุมบอนฟอนฟัน ฟักันกลางแปลง ต่อ ต่ แย้ง ย้ ยุทธยิงชิงชัย ตายระดับ ดั ทับ ทักันดัง ดัฟอนฟาง เลือ ลื ดนองท้อ ท้ งช้างเหลวไหล กองหลัง ลัประดัง ดั หนุนขึ้น ขึ้ไป ตัว ตั นายไล่ไล่ พร่เข้า ข้ บุกบัน ๏ เมื่อนั้น ลัง ลั คามาระตาแข็ง ข็ ขัน ขั เห็นพวกพลไพวีดี วีปดี ระจัญ โยธาขยั้น ยั้ หยุดยั้ง ยั้ พระกริ้วโกรธนักคัง คั อัคผี แกว่ง ว่ กระบี่ขี่ บี่ ขั ขี่ บ ขั ม้าที่นั่ ที่นั่ ง นั่ โรมรุกบูกไปแต่ลำ ต่ ลำพัง ใล่ห ล่ ลัง ลั พวกพลเข้า ข้ รณรงค์ ๏ เมื่อนั้น ระเด่น ด่ มนตรีสูงส่ง กับระเด่น ด่ ทั้ง ทั้สามสุริย์วงศ์ ต่า ต่ งองค์ผัน ผั แปรแลตาม เห็นสังคามาระตากล้า ล้ นัก ยัง ยั อ่อนศักดิ์หั ดิ์หั กศึกไม่เกรงขาม มิไว้ใว้ จในทีทำ ที ทำสงคราม ต่า ต่ งขับ ขั ม้าตามไปทัน ทัใด ๑๓๒
๏ เมื่อนั้น ท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงเป็น ป็ใหญ่ เห็นระเด่น ด่ ทั้ง ทั้สี่จึงถามไป เข้า ข้ ผู้ใผู้ ดที่ชื่ที่ชื่ อจรกา ๏ เมื่อนั้น ระเด่น ด่ มนตรีใจกล้า ล้ ยิ้ม ยิ้ พลางทางตอบวาจา เรายกมาแต่ก ต่ รุงกุเ กุ รปัน ปั จะสังหารผลาญพวกปัจ ปั จามิตร ที่ม ที่ าติดดาหาเขตขัณ ขั ฑ์ ซึ่ง ซึ่ ท่า ท่ นถามหาจรกานั้น มิได้ม ด้ าด้ว ด้ ยกันในกองนี้ ๏ เมื่อนั้น ท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงเรืองศรี รู้ว่า ว่ ระเด่น ด่ มนตรี ภูมี ภู มี ครั่น รั่ คร้ามขามวิญญาณ์ แต่ม ต่ านะตอบไปด้ว ด้ ยใจหาญ เจ้าผู้ว ผู้ งศ์วานอสัญหยา แต่ล ต่ ะองค์ทรงโฉมโสภา ชันษาอายุก็ยัง ยั เยาว์ ๑๓๓
ถอดคำ ประพันธ์ ๑๓๔ ะหมังรับคำ สั่งก็รี ก็รี บเข้า ข้โจมตีทั ตี น ทั ทีบ้ ทีบ้ างจุดปืน ปืใหญ่ (ฉัตรชัย มณฑก นกสับ) นายกอง แกว่ง ว่ ดาบควบม้าเข้า ข้ชิงชัยกัน กั ทหารเมืองกุเ กุ รปัน ปัใช้ปืนตับ ตั ยิงสกัดไว้แล้ว ล้ไล่ปล่ ระจัญบานกัน กั ต่า ต่ งฝ่า ฝ่ ยต่า ต่ งมีฝีมื ฝีมื อ ต่อ ต่ สู้กัน กั จนถึงอาวุธ วุ สั้น ดาบสองมือโถมเข้า ข้ ทะลวงฟัน ฟั พวกใช้กริช ต่อ ต่ สู้ก็ต่ ก็ อ ต่ สู้กัน กั พลวัน วั ทหารหอกก็ป้องปัด ปั อาวุธ วุ ไม่หลบหนี ทหารม้รำ ทวนเข้า ข้สู้กัน บ้าง สกัด กั หอกที่ชัที่ชั ดมา บ้างพุ่งหอก บ้างยิงเกาทัณฑ์ เข้า ข้ ตะลุมบอนกัน กั กลางสนามรบ ส่วนที่ ตายทับ ทั กัน กั เหมือนกองฟาง เลือ ลื ดไหลนองไปทั่ว ทั่ ท้อ ท้ งทุ่ง กองหลัง ลั ก็หนุนขึ้น ขึ้ไปไม่ขาดสาย
๏ เมื่อนั้น พระองค์วงศ์อสัญแดหวา จึงตอบว่า ว่ อันตัว ตั จรกา มิได้อ ด้ ยู่ด ยู่ าหาธานี เมื่อหลับ ลั ตามารบให้ผิดเมือง รี้พลตายเปลือ ลื งไม่พอที่ จะรบกับจรกาดัง ดั ว่า ว่ นี้ จงล่า ล่ เลิก ลิโยธิถอยไป แม้นไม่รู้แห่งเมืองจรกา จะช่วยชี้มรรคาบอกให้ ถ้า ถ้ ขืน ขื ตั้ง ตั้ประชิดติดกรุงไกร คงชิงชัยไม่ฟัง ฟั ท่า ท่ นพาที ถึงมาตรแม้นจรกามิมาเล่า ล่ ตัว ตั เราจำ ช่วยด้ว ด้ ยเป็น ป็ พี่ เมตตาว่า ว่ น้องเป็น ป็สตรี จะทอดทิ้ง ทิ้ มารศรีเสียอย่า ย่ งไร ใช่นางเกิดในปทุมา สุริย์วงศ์พงตานั้นหาไม่ จะมาช่วงชิงกันดัง ดั ผลไม้ อันจะได้น ด้ างไปอย่า ย่ สงกา ๑๓๕
ถอดคำ ประพันธ์ ๑๓๖ ะหมังรับคำ สั่งก็รี ก็รี บเข้า ข้โจมตีทั ตี น ทั ทีบ้ ทีบ้ างจุดปืน ปืใหญ่ (ฉัตรชัย มณฑก นกสับ) นายกอง แกว่ง ว่ ดาบควบม้าเข้า ข้ชิงชัยกัน กั ทหารเมืองกุเ กุ รปัน ปัใช้ปืนตับ ตั ยิงสกัดไว้แล้ว ล้ไล่ปล่ ระจัญบานกัน กั ต่า ต่ งฝ่า ฝ่ ยต่า ต่ งมีฝีมื ฝีมื อ ต่อ ต่ สู้กัน กั จนถึงอาวุธ วุ สั้น ดาบสองมือโถมเข้า ข้ ทะลวงฟัน ฟั พวกใช้กริช ต่อ ต่ สู้ก็ต่ ก็ อ ต่ สู้กัน กั พลวัน วั ทหารหอกก็ป้องปัด ปั อาวุธ วุ ไม่หลบหนี ทหารม้รำ ทวนเข้า ข้สู้กัน บ้าง สกัด กั หอกที่ชัที่ชั ดมา บ้างพุ่งหอก บ้างยิงเกาทัณฑ์ เข้า ข้ ตะลุมบอนกัน กั กลางสนามรบ ส่วนที่ ตายทับ ทั กัน กั เหมือนกองฟาง เลือ ลื ดไหลนองไปทั่ว ทั่ ท้อ ท้ งทุ่ง กองหลัง ลั ก็หนุนขึ้น ขึ้ไปไม่ขาดสาย
๏ เมื่อนั้น ท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงใจกล้า ล้ จึงว่า ว่ เรายกโยธา หมายมาจะชิงพระบุตรี ถึงจะรับของสู่ระตูไ ตู ว้ ยัง ยั มิได้ทำ ด้ ทำการภิเษกศรี จรกาไม่มาก็ยิ่ง ยิ่ ดี ไม่มีผู้ห ผู้ วงแหนเกียดกัน สุดแท้แ ท้ ต่น ต่ างอยู่ที่ ยู่ ไที่ หน เราก็จะชิงชัยที่นั่ ที่นั่ น นั่ อันชิงนางอย่า ย่ งนี้ไม่ผิดธรรม์ ธรรมเนียมนั้นมีแต่บุ ต่ บุ ราณมา สุดแต่ใต่ ครดีใดี ครได้ การอะไรของเจ้าผู้เ ผู้ชษฐา จงยกทัพ ทั กลับ ลั คืน คืไปพารา เบื้องหน้าจะได้สืด้สื บสุริย์วงศ์ ๏ เมื่อนั้น ระเด่น ด่ มนตรีตอบตามประสงค์ ซึ่ง ซึ่ จะให้เรายกจตุร ตุ งค์ คืน คื คงกรุงไกรนั้นไม่ควร อับอายไพร่ฟ้า ฟ้ประชาชน เลนีรี้พลจะแซ่สรวล หรือหมายไม่สมคะเนเรรวน จึงชวนพูดจาหย่า ย่ ทัพ ทั ๑๓๗
ถอดคำ ประพันธ์ ๑๓๘ ท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิงจึงชี้แจงว่า ที่ย ที่ กกองทัพ ทั มาหมายจะชิงตัวนางบุษบา เพราะถึงท้า ท้ วดาหา จะรับของหมั้น มั้ จากจรกาไว้แ ว้ ล้ว ล้ แต่ก็ ต่ ยั ก็ยั งมิได้อ ด้ ภิษกสมรสกัน จรกาไม่ได้ม ด้ าด้วยก็ดี จะได้ ไม่มีก้า ก้ งขวางคอ การชิงนางเช่นนี้ย่อ ย่ มไม่ผิดธรรมเนียมเพราะเป็น ป็ประเพณีมาแต่โบราณ สุดแต่ว่ ต่ า ว่ ใครจะมีฝีมื ฝีมื อมากกว่าก็ได้นางไป ดัง ดั นั้น เรื่องนี้คงไม่ใช่ธุร ธุ ะกงการอะไรของพี่ชพี่ าย เพราะฉะนั้นจงยกทัพ ทั กลับ ลัไปเสียดีก ดี ว่า อิเหนาจึงท้า ท้ รบกับท้า ท้ วกะหมังกุห กุ นิง แล้ว ล้ บอกว่า หากรักตัว ตั กลัว ลั ตาย ก็ให้รีบมากัม กั กราบแล้ว ล้ ยกทัพ ทั กลับ ลั เมืองไปเสีย
อย่า ย่ พักพูดอุบายให้ตายใจ ท่า ท่ นมิยกคืน คืไปก็ไม่กลับ ลั รี้พลจะพลอยย่อ ย่ ยยับ ยั เรากับระตูม ตู าสู้กัน จะได้ล ด้ องฤทธิ์ฝีธิ์ มื ฝีมื อ ให้ลือ ลืชื่อในชวาเขตขัณ ขั ฑ์ หรือรักตัว ตั กลัว ลั จะม้วยชีวัน วั บังคมคัล คั จะให้คืน คืไปพารา ๏ เมื่อนั้น วิหยาสะกำ ใจกล้า ล้ ได้ฟัด้ ง ฟั คั่ง คั่ แค้น ค้ แทนบิดา จึงร้องตอบวาจาว่า ว่ ไป ดูก่อนอริราชไพรี อย่า ย่ พาทีล ที บหลู่ท่ ลู่ น ท่ ผู้ใผู้ หญ่ โอหังบังอาจประมาทใคร จะนบนอบยอบไหว้อ ว้ ย่า ย่ พึ่ง พึ่ นึก มิเราก็เจ้าจะตายลง อย่า ย่ หมายจิตคิดทะนงในการศึก ยัง ยั มิทัน ทั พันดูมาขู่คึ ขู่ คึ ก จะรับแพ้แลลึก ลึไม่มีลาย ๑๓๙
๏ เ มื่ อ นั้ น สัง ค า ม า ระ ต า เ ฉิ ด ฉ า ย ฟังฟัวิ ห ย า สะกำ อ ภิ ปรา ย ห ย า บ ค า ย เ คื อคื ง ขั ดขัอั ธ ย า จึ ง ทู ล อ ง ค์ ระ เ ด่ นด่ ม น ต รี น้ อ ง นี้ จ ะ ข อ อ า สา สู้วิ ห ย า ล ะกำ ผู้ ศัผู้ศักด า พ ระอ ง ค์ จ ง ยื นยื ม้ า เ ป็นป็ ประ ธ า น ๏ เ มื่ อ นั้ น ระ เ ด่ นด่ ม น ต รีใ จ ห า ญ จึ ง ต อ บ อ นุ ชา ชัย ชา ญ เ จ้ า จ ะ ต้ าต้น ต่ อต่ฤ ท ธิ์ก็ธิ์ต า มใ จ แ ต่ อต่ ย่ าย่ ล ง จ า ก พ า ชี เ พ ล ง ก ระ บี่ ยับี่งยัห า ชำ น า ญไม่ เ พ ล ง ท ว น สัน ทั ดทัชัด เ จ น ใ จ เ ห็ น จ ะ มี ชัย แก่ไ พ รี ๏ เ มื่ อ นั้ น สัง ค า ม า ระ ต า เ รือ ง ศรี น้ อ ม อ ง ค์ ล ง ถ ว า ย อั ญ ชลี ก ะ ระ ต ะ พ า ชีขึ้ นขึ้ไ ปพ ลั นลั ๑ ๔๐
ถอดคำ ประพันธ์ ๑๔๑ วิหยาสะกำ ได้ยิ ด้ยิ นแล้ว ล้ เคีย คี ดแค้น ค้ แทนท้าวกะหมังกุห กุ นิง จึงกล่า ล่ วกับ กั อิเหนาว่าอย่า ย่ ปากกล้า ล้ โอหังลบหลู่ผู้ ลู่ ผู้ ใผู้ หญ่ อย่าทะนงตัวว่าเก่ง ก่ เมื่อรบกัน กัไม่ใครก็ใครก็ต้ ก็ อ ต้ งตายกันไปข้า ข้ งหนึ่ง นึ่ นี่ ยัง ยัไม่ทัน ทั รบเลยก็ม ก็ าพูดจาข่ม ข่ ขู่ใขู่ ห้คู่ต่ คู่ ต่ อสู้ยอมแพ้เสียแล้ว ล้สังคามาระตาฟัง ฟั วิหยาสะกำ พูด ดัง ดั นั้นก็โก็ กรธ ขออาสารบกับวิหยากะกำ อิเหนาก็อ ก็ นุญาตแต่กำ ชับเตือนว่าอย่าลงจากหลัง ลั ม้าเพราะไม่ชำ นาญเพลงดาบ ให้รบด้ว ด้ ยทวนบนหลัง ลั ม้าซึ่ง ซึ่ ชำ นาญดีแ ดี ล้ว ล้ จะได้มี ด้มีชัยชนะใน การรบ สังคามาระตาจึงขับ ขั ม้าไปหยุดที่ห ที่ น้าวิหยาสะกำ ร้องท้า ท้ให้รบด้ว ด้ ยเพลงทวน และ แกล้ง ล้ เยาะเย้ย ย้ ว่า ว่ หากมีฝีมื ฝีมื อควรคู่กั คู่ กั บวงศ์เทวัญก็จ ก็ ะยกนางบุษบาให้
๏ ยืน ยื ม้าอยู่ต ยู่ รงวิหยาละกำ แสร้งทำ เป็น ป็ ที่เ ที่ ย้ย ย้ หยัน ยั แล้ว ล้ ว่า ว่ ใครไม่คิดแก่ชีวัน วั จะชิงตุน ตุ าหงันพระธิดา จงมาเล่น ล่ ทวนด้ว ด้ ยกันก่อน ให้เห็นฤทธิรอนแกล้ว ล้ กล้า ล้ แม้นควรคู่กัคู่ บวงศ์เทวา จึงจะยกกัลยาให้ไป ๏ เมื่อนั้น วิทยาสะทําทํ ศรีใน ได้ฟัด้ ง ฟั แค้น ค้ ขัด ขั กลัด ลัใจ จึงตอบไปด้ว ด้ ยพลัน ลั ดูก่อนเจ้าผู้เ ผู้ รืองฤทธิรงค์ รูปทรงงามสมคมสัน เชื้อชาติญาติวงศ์พงศ์พันธุ์ อยู่เ ยู่ ขตขัณ ขั ฑ์ธานีบุรีไร หรือเป็น ป็ วงศ์อสัญแดหวา ในสี่นคราเป็น ป็ไฉน จึงปั้น ปั้ หน้ามาต่อ ต่ ฤทธิไกร ไม่กลัว ลั วาลัย ลั จะมรณา ที่ยื ที่ น ยื มาอยู่ข้ ยู่ า ข้ งหลัง ลั นั้น กั้น กั้ กลดพื้นสุวรรณโอ่อ่า นามวงศ์พงศ์ใดจงบอกมา แจ้งกิจจาแล้ว ล้ จึงจะรบกัน ๑๔๒
ถอดคำ ประพันธ์ ๑๔๓ วิหยาสะกำ แค้น ค้ใจยิ่ง ยิ่ นัก จึงถามออกไปว่าเจ้าผู้เ ผู้ ก่ง ก่ กล้า ล้ มีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร อยู่ เมืองไหนเป็น ป็ เชื้อสายตระกูล กู ใด หรือเป็น ป็ เชื้อสายในวงศ์เทวัญ วั ของสี่เมืองจึงมาท้า ท้ รบช่าง ไม่กลัว ลั ตาย และผู้ที่ ผู้ ท ที่ รงม้าอยู่ใยู่ นร่มมีใครบ้าง แล้ว ล้ ค่อ ค่ ยมารบกัน สังคามาระตาได้ฟัด้ ง ฟั ก็ โกรธมาก ก็ชี้ก็ชี้ แจงว่า ว่ มีอิเหนาเมืองกุเ กุ รปั่น ปั่ กะหรัดตะปาตีพี่ชพี่ ายอิเหนา สุหรานากง แห่ง เมืองสิงหัดส่าหรี ระเด่น ด่ ดาหย่นจากเมืองหมันหยา ตัว ตั เราชื่อสังคามาระตาบุตรท้าวปัก ปั มา หงันเป็น ป็ น้องของอิเหนา วิหยาสะกำ ยิ้ม ยิ้ เยาะแล้ว ล้ ว่า ว่ ยัง ยัสงสัยว่าตัว ตัสังคามาระตานั้นเป็น น้องอิเหนาได้อ ด้ ย่า ย่ งไร หรือมีความรักใคร่กัน กั ขอให้บอกมาตามตรง
๏ เ มื่ อ นั้ น สัง ค า ม า ระ ต า เ ฉิ ด ฉั น ไ ด้ ฟัด้งฟัดั งดัศร เ สีย บ ก ร ร ณ จึ ง ต อ บไ ปพ ลั นลัทั นทัใ ด อั น อ ง ค์ สม เ ด็ จด็ พ ระ ปิ่นปิ่ เ ก ล้ าล้ คื อคื อิ เ ห น า กุ เ กุ ร ปันปั เ ป็นป็ใ ห ญ่ นั่ นนั่ก ระ ห รั ด ต ะ ปาตี ชตีา ญ ชัย ร่ ว มใ น สุริ ย์ ว ง ศ์ธิ บ ดี นี่ สุห ร า น า ก ง ท รง สวั สวัดิ์ อ ง ค์ อ ะ ห น ะ สิง หั ด ส่า ห รี นั่ นนั่ระ เ ด่ นด่ ด า ห ย น ภู มิ ภู มิ อ ยู่ มัยู่ มันห ย า ธ า ณี ก รุงไก ร เ ร า ชื่ิสัง ค า ม า ระ ต า ห น่ อ ท้ าท้ว ปักปัม า ห วั นวัเ ป็นป็ใ ห ญ่ ไ ด้ เด้ป็นป็อ นุ ชา เ รือ ง ชัย ภู ว ภู นั ย อ ง ค์ ระ เ ด่ นด่ ม น ต รี ๏ เ มื่ อ นั้ น วิ ห ย า สะกำ เ รือ ง ศรี ยิ้ มยิ้ แ ล้ วล้จึ ง ก ล่ าล่ ว ว า ที ซึ่งซึ่ว่ าว่ ม า นี้ ยังยัแ ค ล งใ จ อั น ก า ห ลั งลัสิง หั ด ส่า ห รี นั้ น ด า ห า กุ เ กุ ร ปันปัก รุงใ ห ญ่ ๑ ๔๔
ทั้ งทั้ห มั น ห ย า ธ า นี นั้ นไ ชร้ ก็แ จ้ งไ ว้ ว่ว้าว่ ว ง ศ์กันสืบ ม า ตั วตัสิอ ยู่ ปัยู่กปัม า ห งั น ใ ช่ว ง ศ์อ สัญ แ ด ห ว า เ ห ตุ ใ ตุ ด ว่ าว่ เ ป็นป็อ นุ ชา นั บใ น ว ง ศา ประ ก า รใ ด ห รือ ห นึ่ งนึ่พึ่ งพึ่จ ะ ม า เ ป็นป็ น้ อ ง เกี่ยกี่ว ข้ อข้ง รั กกันเ ป็นป็ไฉ น เ ร า คิ ด เ ห็ น ผิ ด ประ ห ล า ด ใ จ จ ง บ อ กไ ปแ ต่ จต่ ริง บั ด นี้ ๏ เ มื่ อ นั้ น สัง ค า ม า ระ ต า เ รือ ง ศรี ฟังฟัวิ ห ย า สะกำ พ า ที ดั งดัต รี เ พ ชร บ า ด ใ น อุ ร า จิ ง ร้อ ง ว่ าว่ เ ห ว ยไ พ ริ น ล ม ลิ้ นลิ้ ห ย า บ ค า ย นั ก ห น า ม า ถ า มไ ถ่ไถ่ ล่ เล่ อ า กิ จ จ า คื อคื จ ะ ปรา ร ถ น า สิ่งใ ด สุด แ ต่ ว่ต่ าว่ จิ ต พิ ศว า ส ก็นั บ เ ป็นป็ ว ง ศ์ญ า ติกันไ ด้ อ ย่ าย่ ชัก เ จ ร จ า ใ ห้ ช้าไ ป จ ะ ชิง ชัยใ ห้ เ ห็ น ฝีมืฝีมือกัน ว่ าว่ พ ล า ง ท า ง ก ร า ย ปล า ย ท ว น รำ ร่ า ย เ ป็นป็ก ระ บ ว น ห ว น หั น ชัก อ า ชา ชิด ติ ด พั น เ ข้ าข้ประ จั ญ จ้ ว งโจ มโถ ม แ ท ง ๑ ๔๕