เอกสารประกอบการสอน
รายวิชา 110133025 องคป์ ระกอบศลิ ป์ 1
(Composition I)
ทิพยส์ คุ นธ์ อทิ ธิประทปี
ศ.ม. (ประยุกต์ศิลปศึกษา)
ภาควิชาเทคโนโลยศี ิลปอตุ สาหกรรม
คณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกล้าพระนครเหนือ
พ.ศ.2559
คาอธบิ ายรายวิชา (Course Description)
110123025 องคป์ ระกอบศลิ ป์ 1 2(1-2-3)
(Composition I)
วิชาบังคับก่อน : ไมม่ ี
คาอธิบายรายวิชา
องค์ประกอบของศิลปะ หลักการจัดองค์ประกอบศลิ ป์ วิธีการสรา้ งสรรค์งาน 2 มิติด้วยวัสดุ
ตา่ ง ๆ วธิ กี ารพัฒนาทักษะฝีมือทางศลิ ปะและสุนทรียภาพของผู้เรยี น
คารับรอง
ขอรับรองว่านางสาวทพิ ย์สุคนธ์ อทิ ธปิ ระทปี ได้สอนวชิ า 110123025 องค์ประกอบศลิ ป์ 1
(Composition I) จริง
ลงช่อื ......................................................
(นางสาวทิพยส์ คุ นธ์ อิทธิประทปี )
วันที่ 9 เดอื นมกราคม พ.ศ. 2561
ลงชอื่ ......................................................
(อาจารย์ ดร.ประภสั สร ประเทอื งไทย)
ตาแหนง่ หัวหนา้ ภาควิชาเทคโนโลยีศลิ ปอตุ สาหกรรม
วนั ที่ 9 เดอื นมกราคม พ.ศ. 2561
ลงช่อื ......................................................
(นายสเุ ทพ จันทน)
ตาแหน่ง คณบดีคณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ
วันท่ี 9 เดือนมกราคม พ.ศ. 2561
(1)
คานา
เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า 110123025 องค์ประกอบศลิ ป์ 1 (Composition I) 2
หนว่ ยกิต 1 ชั่วโมงทฤษฎี 2 ชว่ั โมงปฏิบัติ และ 3 ชว่ั โมงศกึ ษาดว้ ยตนเอง มีวตั ถุประสงคใ์ นการ
จดั ทาขนึ้ เพื่อให้ผู้สอนใชป้ ระกอบการสอน และเพื่ออานวยความสะดวกในการเรียนแกผ่ ู้เรยี น เนือ้ หา
โดยรวมเนน้ การอธิบายพร้อมภาพประกอบเก่ยี วกับองค์ประกอบศิลป์หรอื ทัศนธาตุ และหลักการจัด
องค์ประกอบศิลป์ ตัวอยา่ งการสรา้ งสรรค์งาน 2 มติ ิ 3 มติ ิด้วยวสั ดตุ า่ งๆ ทั้งในแงข่ องศลิ ปะและการ
ออกแบบเพื่อเป็นแนวทางในการทาความเข้าใจเนื้อหา และเปน็ แรงบันดาลใจให้ผเู้ รยี นกล้าคดิ และ
แสดงออกซง่ึ ศกั ยภาพของตนดา้ นความคดิ สร้างสรรค์อนั จะนาไปสพู่ นื้ ฐานทจี่ ะนาไปต่อยอดในรายวิชา
อ่ืน ๆ ต่อไป
ในเอกสารประกอบการสอนมีเนื้อหาประกอบด้วย 15 บทเรยี นสาหรับ 15 สัปดาห์ของการ
เรียนการสอนในระดบั อดุ มศึกษา ในบทที่ 1 และ 2 เปน็ บทท่ีอธิบายเนอื้ หาเกย่ี วกบั ศิลปะกับความงาม
ท่ปี รากฏในวตั ถุตา่ ง ๆ ในชวี ติ ประจาวนั เนอ้ื หาและเรื่องราวทางศลิ ปะในแตล่ ะรูปแบบ บทท่ี 3 ถงึ
บทที่ 9 เปน็ เน้ือหาเก่ยี วกับองค์ประกอบศลิ ป์หรือทัศนธาตุ และบทที่ 10 ถึงบทที่ 14 เป็นเน้อื หา
เกย่ี วกบั หลักการจดั องคป์ ระกอบศิลป์หรอื การนาทัศนธาตตุ ่าง ๆ มาประกอบกนั อย่างมีหลกั การแตล่ ะ
หลกั การคืออะไร นามาใชใ้ นการสร้างสรรค์งานอยา่ งไร และบทสดุ ท้าย บทท่ี 15 เปน็ บทสรปุ เน้น
ความคดิ รวบยอดท่ไี ด้จากบทเรียนทง้ั 14 บท
ผเู้ ขียนขอขอบคุณเจ้าของภาพและเน้ือหาที่ได้นามาอ้างอิงในเอกสารฉบับนี้ทุกทา่ น และหวงั
เปน็ อยา่ งยิ่งว่าเอกสารฉบับนี้จะเป็นประโยชนต์ อ่ การเรยี นการสอน กศุ ลใดที่เกดิ จากเอกสารฉบับน้ี
ผู้เขียนขอมอบแดบ่ ดิ า มารดา บรู พคณาจารย์ และผู้มสี ่วนสนบั สนนุ ใหเ้ อกสารนี้ประสบความสาเร็จ
ทกุ ท่าน
ทพิ ยส์ ุคนธ์ อิทธปิ ระทีป
(2)
(3) หน้า
(1)
สารบัญ (3)
(9)
คานา (15)
สารบัญ 1
สารบัญภาพ 1
แผนการสอน 1
บทท่ี 1 บทนา 1
2
เนื้อหาประจาบท 2
วัตถปุ ระสงค์ประจาบท 3
ความนา 10
ความหมายของศิลปะและความงาม 10
ความสัมพันธข์ องศิลปะกับความงาม 12
องค์ประกอบของศิลปะในชวี ิตประจาวนั 13
บทสรปุ 13
แบบฝกึ หดั ท้ายบท 13
เอกสารอา้ งองิ ประจาบท 13
บทท่ี 2 เนอื้ หาเร่อื งราวทางศลิ ปะและกลวธิ ีการจดั วางภาพ 13
เนื้อหาประจาบท 17
วัตถุประสงค์ประจาบท 22
ความนา 23
การนาเสนอเนอื้ หาและเรื่องราวทางศลิ ปะ 24
กลวิธใี นการจัดวางภาพ 25
บทสรุป 25
แบบฝกึ หัดท้ายบท 25
เอกสารอา้ งองิ ประจาบท
บทท่ี 3 จุดกบั เส้น
เน้ือหาประจาบท
วตั ถุประสงค์ประจาบท
(4)
สารบัญ (ตอ่ )
บทท่ี 4 ความนา หนา้
บทที่ 5 จดุ และทีม่ าของจดุ 25
เส้นและความรู้สกึ ของเสน้ 25
ศลิ ปะจากจดุ และเสน้ 26
บทสรุป 28
แบบฝึกหัดทา้ ยบท 31
เอกสารอ้างอิงประจาบท 32
รูปร่างกับรูปทรงและมวล 32
เนอื้ หาประจาบท 33
วัตถุประสงค์ประจาบท 33
ความนา 33
ความหมายและลกั ษณะของรปู ร่าง 33
ความหมายและลกั ษณะของรูปทรง 33
ความหมายของมวลและศิลปะจากมวล 36
บทสรปุ 39
แบบฝกึ หดั ท้ายบท 41
เอกสารอ้างอิงประจาบท 42
สี 42
เนอื้ หาประจาบท 43
วตั ถปุ ระสงค์ประจาบท 43
ความนา 43
ความหมายและคุณลักษณะของสี 43
วงจรสแี ละวรรณะของสี 44
คู่สแี ละสีขา้ งเคียง 45
จิตวทิ ยาของสี 46
บทสรปุ 49
53
(5)
สารบัญ (ต่อ)
บทท่ี 6 แบบฝกึ หดั ท้ายบท หนา้
บทท่ี 7 เอกสารอา้ งอิงประจาบท 53
บทท่ี 8 การใช้สี 54
เนอ้ื หาประจาบท 55
วัตถปุ ระสงค์ประจาบท 55
ความนา 55
การใชส้ กี ลมกลืน 55
การใช้สตี ัดกนั 55
การใช้สีเลือ่ มพราย 57
บทสรุป 59
แบบฝกึ หดั ท้ายบท 61
เอกสารอ้างองิ ประจาบท 61
น้าหนักออ่ นแก่ของแสงเงา 62
เนื้อหาประจาบท 63
วตั ถปุ ระสงค์ประจาบท 63
ความนา 63
ความหมายของน้าหนักออ่ นแกข่ องแสงเงา 63
คณุ ลกั ษณะของน้าหนกั อ่อนแก่ของแสงเงา 63
แหลง่ กาเนิดของแสงกับเงา 64
การสร้างสรรค์ศลิ ปะจากน้าหนกั อ่อนแก่ของแสงเงา 65
บทสรุป 68
แบบฝึกหัดทา้ ยบท 69
เอกสารอ้างอิงประจาบท 69
พ้นื ผิว 70
เนื้อหาประจาบท 71
วัตถปุ ระสงค์ประจาบท 71
71
(6) หนา้
71
สารบญั (ตอ่ ) 72
74
ความนา 77
ความหมายและที่มาของพื้นผวิ 77
การสร้างสรรคศ์ ลิ ปะจากพ้ืนผิว 78
บทสรุป 79
แบบฝึกหัดท้ายบท 79
เอกสารอ้างอิงประจาบท 79
บทที่ 9 ทว่ี ่าง 79
เน้ือหาประจาบท 80
วตั ถุประสงค์ประจาบท 81
ความนา 85
ความหมายของทวี่ า่ ง 89
คุณลกั ษณะของทวี่ า่ ง 89
การสร้างภาพลวงตาในท่ีวา่ ง 90
บทสรปุ 91
แบบฝึกหดั ท้ายบท 91
เอกสารอา้ งอิงประจาบท 91
บทที่ 10 ความกลมกลนื กับความขดั แย้ง 91
เนื้อหาประจาบท 92
วัตถปุ ระสงค์ประจาบท 93
ความนา 94
ความกลมกลนื 99
ความขัดแย้ง 99
การใชค้ วามกลมกลนื กับความขดั แย้ง 100
บทสรปุ
แบบฝกึ หดั ท้ายบท
เอกสารอ้างองิ ประจาบท
(7) หนา้
101
สารบัญ (ตอ่ ) 101
101
บทที่ 11 ดุลยภาพ 101
เนอ้ื หาประจาบท 102
วตั ถุประสงค์ประจาบท 102
ความนา 104
ความหมายของดุลยภาพ 108
ลกั ษณะของดุลยภาพ 109
การใช้ดุลยภาพของสีและนา้ หนกั ในการจัดองค์ประกอบศลิ ป์ 110
บทสรุป 111
แบบฝึกหัดทา้ ยบท 111
เอกสารอ้างอิงประจาบท 111
111
บทท่ี 12 จังหวะกับความเคล่ือนไหว 112
เนือ้ หาประจาบท 115
วัตถปุ ระสงค์ประจาบท 119
ความนา 119
จังหวะ 120
ความเคลือ่ นไหว 121
บทสรปุ 121
แบบฝึกหัดท้ายบท 121
เอกสารอา้ งองิ ประจาบท 121
121
บทท่ี 13 สัดส่วนกับการเน้น 125
เนอ้ื หาประจาบท 128
วัตถปุ ระสงค์ประจาบท
ความนา
สดั ส่วน
การเน้น
บทสรุป
(8) หนา้
128
สารบญั (ตอ่ ) 129
131
แบบฝกึ หัดท้ายบท 131
เอกสารอา้ งอิงประจาบท 131
บทที่ 14 เอกภาพ 131
เนื้อหาประจาบท 131
วัตถปุ ระสงค์ประจาบท 132
ความนา 138
ความหมายของเอกภาพ 138
หลกั ของเอกภาพในการจัดองคป์ ระกอบศลิ ป์ 140
บทสรปุ 141
แบบฝกึ หดั ท้ายบท 141
เอกสารอา้ งอิงประจาบท 141
บทที่ 15 บทสรปุ 141
เนอ้ื หาประจาบท 141
วัตถุประสงค์ประจาบท 146
ความนา 147
ความคดิ รวบยอดขององค์ความรู้ 148
บทสรปุ 149
แบบฝึกหดั ท้ายบท
เอกสารอา้ งองิ ประจาบท
บรรณานกุ รม
(9)
สารบญั ภาพ หนา้
4
ภาพที่ 5
1.1 ภาพศลิ ปะ 5
1.2 เหม่อ 6
1.3 โปสเตอร์โฆษณาลาโพงย่ีห้อนิโทร 6
1.4 ประตมิ ากรรม"ความแปลกแยกในครอบครัว" 8
1.5 ผลิตภณั ฑ์ Memory Containersในโครงการ Creole 8
1.6 สร้อยคอกลั ยาและปนิ่ ปักผมดอกเงนิ 9
1.7 Hard Drive / CD Audio 9
1.8 เฟอรน์ เิ จอร์ยี่หอ้ Minotti 11
1.9 pig-a-boo 14
1.10 รูปแบบการจดั วางหนา้ กระดาษ 14
2.1 เนอ้ื หาในทางศิลปะ 15
2.2 เรอื่ งราวในทางศิลปะ 16
2.3 การเนน้ เนื้อหาด้วยเร่ือง 17
2.4 เนอ้ื หาทเี่ ปน็ ผลจากการผสมผสานกันของศิลปนิ กับเร่ืองราว 17
2.5 เนอ้ื หาที่เป็นอิสระจากเรือ่ งราว 18
2.6 เนื้อหาทไ่ี ม่มีเรื่องราว 18
2.7 การวางภาพในแนวตง้ั ผลงานของ Sylvie Fleury ชือ่ งาน Dog Toy 3 (Crazy Bird) 19
2.8 การวางภาพในแนวนอน ผลงานของ Daniel Richter ช่อื งาน Fool on a hill 19
2.9 ภาพถา่ ยแสดงจดุ เด่นของการถา่ ยภาพทวิ ทัศน์ศูนย์กีฬาทางน้าบึงหนองบอน กรงุ เทพฯ 20
2.10 การสร้างจดุ เด่นด้วยเส้นนาสายตา 20
2.11 จดุ เดน่ กับฉากหลงั หรอื จุดรอง 21
2.12 การวางตาแหน่งจุดเด่น 21
2.13 การกาหนดจุดเดน่ ทัง้ ส่ีจุด 21
2.14 ร้อยละความนยิ มการกาหนดจุดเด่นในภาพ 21
2.15 ภาพทไี่ มเ่ นน้ จดุ เด่นจุดใดจดุ หนึง่
2.16 การสรา้ งจดุ เดน่ จดุ รองดว้ ยการใช้ค่าน้าหนัก
(10) หนา้
22
สารบัญภาพ 26
26
ภาพที่ 28
2.17 การเปรยี บเทยี บขนาดของจุดเดน่ ในภาพ 29
3.1 ทุง่ ดอกไม้สวนนงนุช 31
3.2 At Sunset ค.ศ.1909 34
3.3 เสน้ และความรสู้ กึ ของเส้น 35
3.4 ชุดผลงานศิลปะจากจดุ ของยาโยอิ กูซามะ 35
3.5 ชุดผลงานศลิ ปะจากเส้น 35
4.1 รูปร่างเรขาคณิต 36
4.2 รูปรา่ งอิสระ 37
4.3 จกั รยานรูปรา่ งเรขาคณิต 37
4.4 ศิลปะรปู ร่างอสิ ระ 37
4.5 ศิลปะจดั วาง โครงสรา้ งรูปร่าง 37
4.6 รูปทรงจริง 38
4.7 รูปทรงลวงตา 38
4.8 รปู ทรงเรขาคณิต 38
4.9 รูปทรงอสิ ระ 40
4.10 รูปทรงของประตมิ ากรรม 40
4.11 รปู ทรงเรขาคณติ ประกอบ 41
4.12 รปู ร่าง รปู ทรง และเสน้ 41
4.13 ประติมากรรมแขวน ช่อื ภาพ Before Birth After Death 44
4.14 การตกแตง่ ผนังจากโครงสร้างไม้ไผ่ 45
4.15 การใช้มวลในงานจติ รกรรม ชือ่ งาน Once None 46
4.16 ศิลปะจดั วาง ช่อื ผลงาน Birds and Ships 47
5.1 คุณลักษณะของสี
5.2 วงจรสี 12 สีและวรรณะของสี
5.3 การไลค่ ่านา้ หนักของสีในงานจิตรกรรมของพลุตม์ มารอด
5.4 การใชส้ ีค่ตู รงขา้ มในงานจิตรกรรมของคมกริช สวัสดิรมย์
(11) หนา้
47
สารบัญภาพ 48
48
ภาพที่ 50
5.5 การใช้สแี ดงกับสเี ขียวในงานจติ รกรรมของพลุตม์ มารอด 52
5.6 ผลงานจติ รกรรมของสุดรัก คงพว่ ง 52
5.7 การใช้สีวรรณะร้อนในงานจิตรกรรมของเนยี ม มะวรคนอง 56
5.8 ความรสู้ ึกของสี 56
5.9 พระมหาเจดยี ์ชเวดากอง 57
5.10 ผลงานของ Rebecca Horn 58
6.1 การใชส้ กี ลมกลืน 58
6.2 งานศิลปะท่ใี ชส้ ีเอกรงค์ 59
6.3 จิตรกรรมสพี หุงรงค์ของประเทือง เอมเจริญ 60
6.4 การใชว้ รรณะของสี
6.5 จติ รกรรมการใชว้ รรณะของสี ของ Kunstsammlung 61
6.6 ภาพติดตา 64
6.7 การเขยี นสีเลอ่ื มพรายในจติ รกรรมของ Georges-Pierre Seurat 64
6.8 การเขยี นสเี ล่อื มพรายในจิตรกรรมของ Paul Signac 65
65
ช่อื ภาพ The Tugboat, Canal in Samois 66
7.1 คณุ ลักษณะของนา้ หนัก 66
7.2 แสงสว่างและเงามดื ทาให้เกิดคา่ นา้ หนักของแสงเงา 67
7.3 แสงเงาจากดวงอาทิตย์ทะเลพัทยา 67
7.4 แสงเงาจากแสงประดิษฐ์ 68
7.5 แสงทม่ี าจากการสะท้อนผวิ วตั ถุ 69
7.6 แสงท่ีส่องผ่านตวั กลาง
7.7 เงาทเ่ี กดิ ขน้ึ บนตวั วตั ถเุ องรปู จรเข้ชายหาดเสม็ด
7.8 เงาที่เกิดข้นึ บนฉาก
7.9 การให้แสงเข้าทางด้านหนึง่ อีกด้านหนึง่ เป็นเงา
7.10 การใชแ้ สงเงาประกอบกับองค์ประกอบอื่น
(12) หนา้
73
สารบัญภาพ 74
74
ภาพท่ี 75
8.1 พน้ื ผิวจรงิ ในธรรมชาติ 75
8.2 โคมไฟ พน้ื ผิวประดิษฐ์จาก 3D Printer เลียนแบบปะการงั ในธรรมชาติ 76
8.3 ผลงานจติ รกรรมแสดงพื้นผวิ ของอนพุ งษ์ จนั ทร 76
8.4 ผลงานศลิ ปะภาพพิมพ์ 77
8.5 ประตมิ ากรรมขนมปังพ้ืนผวิ ของซากศพมนษุ ย์ 81
8.6 ประติมากรรมบอลลูนสุนขั (สีแดง)
8.7 ประติมากรรมส่งิ แวดล้อม ของ Peter Joseph Woytuk 82
8.8 ผลงาน Beautiful Mutants ของ Joule 82
9.1 ที่วา่ งในงานศิลปะอ๊อป อารต์ 82
9.2 ที่ว่างบวกและท่ีว่างลบ 83
9.3 ทว่ี ่างสองนัย 83
9.4 ภาพสองนยั ของ M.C.Escher 84
9.5 แบบรปู ของท่ีวา่ ง 85
9.6 แบบรปู ของทว่ี ่างปดิ และเปิด 85
9.7 พืน้ ทวี่ า่ งในงานออกแบบสถาปัตยกรรม 86
9.8 พืน้ ทว่ี ่างในงานออกแบบสวนขนาดเลก็ สาหรับเล่นสเก็ตบอรด์ 86
9.9 การลวงตาด้วยขนาด 86
9.10 การลวงตาด้วยการจดั วางตาแหน่ง 87
9.11 การลวงตาดว้ ยทศิ ทางของเสน้ 87
9.12 การลวงตาด้วยการซ้อนทับกนั ของรูป 88
9.13 การลวงตาด้วยพื้นผิว 88
9.14 การลวงตาดว้ ยค่าน้าหนักของรปู กบั พ้ืน 89
9.15 การสร้างภาพลวงตาด้วยขนาด
9.16 การลวงตาด้วยการซ้อนทับกนั ของรปู
9.17 การลวงตาด้วยพืน้ ผิว
(13) หนา้
92
สารบญั ภาพ 94
95
ภาพที่ 95
10.1 ชดุ ภาพตัวอยา่ งการใช้ความกลมกลืนในการจัดองค์ประกอบศลิ ป์ 96
10.2 ชุดภาพตัวอย่างการใช้ความขดั แย้งในการจัดองคป์ ระกอบศลิ ป์ 96
10.3 ชดุ ภาพตวั อยา่ งการใชค้ วามกลมกลนื และความขดั แย้งร่วมกนั 97
10.4 ผลงานของประเทือง เอมเจริญ ชอ่ื ภาพ ใบบัว 98
10.5 ผลงานของเฉลิมชัย โฆษติ พิพัฒน์ 98
10.6 สถาปัตยกรรมห้องสมุดสาธารณะ Beyazit ทเี่ มืองอีสตลั บลู 99
10.7 การออกแบบผลิตภณั ฑ์โคมไฟสาหรับตกแต่งบา้ น 103
10.8 ภาพถา่ ยแฟช่ันท่แี สดงความขดั แย้งของคา่ นา้ หนัก 103
10.9 การออกแบบเครอ่ื งประดับ 104
10.10 ผลงานของPablo Picasso 105
11.1 ลักษณะของดุลยภาพแบบสมมาตร 105
11.2 การเลอ่ื นแกนกลางกบั เลื่อนรปู ทรงเพือ่ สรา้ งดลุ ยภาพแบบเคลื่อนไหว 106
11.3 วธิ กี ารใชห้ น่วยที่มขี นาดเล็กถว่ งดลุ กบั หนว่ ยที่มขี นาดใหญ่ 106
11.4 ดลุ ยภาพของสี 107
11.5 ดลุ ยภาพของนา้ หนกั 108
11.6 ธรรมชาติของความสมดุลในความรู้สึก 109
11.7 ผลงานของ Morgan, Robert C. : ดลุ ยภาพของน้าหนกั 109
11.8 ผลงานของ Norman Epp : ดุลยภาพของพน้ื ผิว 112
11.9 ผลงานของ Megan Puls ดุลยภาพของขนาดและพื้นผวิ ของวัสดุ 113
11.10 สว้ มทองคาของวดั ร่องขุน่ ผลงานของเฉลมิ ชัย โฆษิตพพิ ัฒน์ 114
11.11 ศลิ ปะสมัยใหม่ของศิลปินชื่อ Jean Shin 114
12.1 จังหวะการซ้าของรูปทรงช้าง ณ วดั ชา้ งล้อม จังหวดั สโุ ขทยั 116
12.2 การใชจ้ งั หวะทเ่ี กดิ จากการซ้าของหนว่ ย
12.3 จังหวะของการเลื่อนไหลที่ต่อเน่ือง
12.4 จังหวะของการเล่ือนไหลที่ตอ่ เน่ืองของสถาปัตยกรรม
12.5 เส้นลายเซนต์แสดงความเคล่อื นไหวตามอารมณ์
(14) หนา้
117
สารบัญภาพ (ต่อ) 117
118
ภาพที่ 118
12.6 ผลงานลายเสน้ ของเส้นของปญั ญา วิจนิ ธนสาร 119
12.7 การเคล่ือนไหวของน้าหนักจากแสงไฟ 122
12.8 ความเคลอื่ นไหวในพ่นื ทว่ี ่าง 123
12.9 จังหวะของลวดลายแบบอะบอรจิ ้ิน ของประเทศออสเตรเลยี 124
12.10 สถาปัตยกรรม 124
13.1 การเนน้ บคุ คลสาคญั ในงานศิลปะของอยี ปิ ต์ 125
13.2 การใชส้ ดั ส่วนทองคาในงานสถาปตั กรรมและออกแบบโฆษณา 126
13.3 การใช้สัดสว่ นทองคาในการทางานศลิ ปะสาขาต่าง ๆ 126
13.4 ประติมากรรมสดั ส่วนของมนษุ ย์ 127
13.5 ผลงานของ Sandy Skoglund 127
13.6 การเนน้ สสี ดใหเ้ ดน่ ทา่ มกลางบรรยากาศสสี วา่ ง 128
13.7 ผลงานจิตรกรรมแนวเซอรเ์ รียลลิสม์ของ Max Ernst 129
13.8 ผลงานของ Domenico Ghirlandaio 129
13.9 ผลงานของ Francisco Goya 133
13.10 ผลงานจติ รกรรมแนวสาแดงพลงั อารมณ์ของถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแหง่ ชาติ 134
13.11 ลวดลายใบไม้สีเขยี ว 136
13.12 ศลิ ปะอ๊อป อาร์ต 136
14.1 เอกภาพของรปู ความคิดและการแสดงออก 137
14.2 เอกภาพของรปู ความคิด การแสดงออกและ และรูปทรง 138
14.3 การซา้ และการแปรเปล่ียน 139
14.4 การใช้หลักเอกภาพกฎเกณฑ์ของการขดั แย้ง 139
14.5 ความเปน็ เด่นทเี่ กดิ จากการขดั แย้งกันของรูปทรงและเส้น
14.6 การแปรเปลีย่ นของทิศทางและขนาดของรูปทรง
14.7 ผลงานประตมิ ากรรมจากเคร่ืองพิมพ์ 3 มติ ิ
14.8 ผลงานประติมากรรมรูปคนจากแผ่นโลหะสแตนเลส ของ Bruvel, Gil
(15) หนา้
143
สารบญั ภาพ (ต่อ) 144
145
ภาพที่ 145
15.1 ผลงานศลิ ปะของ Victor Vasarely 146
15.2 ประตมิ ากรมเฟอร์นิเจอร์จากแนวคิดศิลปะจลนะ 147
15.3 แผนผังความคดิ สว่ นแรก : ความเขา้ ใจเบื้องต้น 148
15.4 แผนผงั ความคิดสว่ นที่สอง : องคป์ ระกอบศลิ ป์ (ทศั นธาตุ)
15.5 แผนผงั ความคดิ ส่วนที่สาม : หลกั การจดั องคป์ ระกอบศลิ ป์
15.6 ศิลปะการจดั วางอาหาร “Cubes” โดย Lernert & Sander
15.7 ผลงานงานไมข้ อง Cha Jong-Rye ศลิ ปินและนักออกแบบเฟอร์นเิ จอรห์ ญิง
(16)
(17)
แผนบรหิ ารการสอน
รายวชิ า 110123025 องค์ประกอบศิลป์ 1 (Composition I) 2(1-2-3)
คาอธบิ ายรายวชิ า
องคป์ ระกอบของศิลปะ หลกั การจัดองค์ประกอบศลิ ป์ วิธกี ารสรา้ งสรรค์งาน 2 มติ ิดว้ ยวัสดุ
ตา่ ง ๆ วธิ กี ารพัฒนาทกั ษะฝีมือทางศิลปะและสนุ ทรียภาพของผ้เู รยี น
วตั ถปุ ระสงคข์ องรายวชิ า
1. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรู้ความเข้าใจในองคป์ ระกอบศิลป์ หลกั การจดั องคป์ ระกอบศิลป์
2. เพื่อให้ผเู้ รียนมคี วามสามารถในการสรา้ งสรรคง์ าน 2 มิติดว้ ยวสั ดุต่าง ๆ
3. เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นมีความสามารถในการพัฒนาทักษะฝมี ือทางศิลปะ และสนุ ทรยี ภาพ
วตั ถปุ ระสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม
1. เพื่อใหผ้ ูเ้ รยี นสามารถอธิบายความรเู้ กี่ยวกบั องคป์ ระกอบศลิ ป์ ศลิ ปะกับความงาม
ศลิ ปะในชวี ิตประจาวัน หลักการจดั องคป์ ระกอบศลิ ป์
2. เพอื่ ให้ผู้เรียนสามารถนาหลกั การจัดองคป์ ระกอบศลิ ป์มาใช้สรา้ งสรรคผ์ ลงานศิลปะ
พนื้ ฐานให้เกิดสนุ ทรยี ภาพได้
3. เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนสามารถระบุแนวทางในการพัฒนาตนเองด้านการสรา้ งสรรคศ์ ลิ ปะได้อย่างมี
เหตผุ ล และเป็นขนั้ ตอนที่มคี วามเปน็ ไปได้ในอนาคต
แผนการสอนรายสัปดาห์
สปั ดาห์ หัวข้อ กจิ กรรม
การเรียนการสอน
ท่ี เน้ือหา อธบิ ายประกอบเอกสารประกอบ
การสอน และผลงานตวั อย่าง
1 บทท่ี 1 บทนา ซกั ถาม อภิปราย
ทาแบบฝึกหัดทา้ ยบท
ความหมายของศิลปะและความงาม อธบิ ายประกอบเอกสารประกอบ
การสอน และผลงานตวั อยา่ ง
ความสัมพันธข์ องศลิ ปะกับความงาม ซกั ถาม อภิปราย
ทาแบบฝกึ หดั ท้ายบท
องค์ประกอบของศลิ ปะในชีวติ ประจาวัน
2 บทท่ี 2 เนือ้ หาเรอ่ื งราวทางศลิ ปะและกลวิธี
การจัดวางภาพ
การนาเสนอเน้อื หาและเร่ืองราวทางศิลปะ
กลวิธีในการจดั วางภาพ
(18)
สปั ดาห์ บทที่ 3 หัวข้อ กจิ กรรม
ท่ี บทท่ี 4 เนือ้ หา การเรยี นการสอน
3 บทที่ 5 จุดกับเสน้ อธิบายประกอบเอกสารประกอบ
4 บทท่ี 6 จดุ และท่ีมาของจดุ การสอน ผลงานตัวอย่าง สอ่ื สไลด์
5 บทที่ 7 เส้นและความรู้สกึ ของเสน้ ภาพนิ่ง ซกั ถาม อภิปราย
ศิลปะจากจุดและเส้น ทาแบบฝกึ หดั ทา้ ยบท วจิ ารณ์งาน
6 บทที่ 8 รูปรา่ งกบั รูปทรงและมวล อธิบายประกอบเอกสารประกอบ
7 ความหมายและลักษณะของรปู ร่าง การสอน ผลงานตวั อย่าง ส่ือสไลด์
ความหมายและลักษณะของรูปทรง ภาพนิ่ง ซักถาม อภปิ ราย
8 ความหมายของมวลและศิลปะจากมวล ทาแบบฝกึ หดั ท้ายบท วจิ ารณ์งาน
สี อธบิ ายประกอบเอกสารประกอบ
ความหมายและคุณลักษณะของสี การสอน ผลงานตวั อยา่ ง สอ่ื สไลด์
วงจรสีและวรรณะของสี ภาพนงิ่ ซกั ถาม อภิปราย
คู่สแี ละสขี ้างเคยี ง ทาแบบฝึกหัดทา้ ยบท วิจารณ์งาน
จิตวทิ ยาของสี
การใช้สี อธิบายประกอบเอกสารประกอบ
การใช้สีกลมกลืน การสอน ผลงานตัวอย่าง สื่อสไลด์
การใช้สีตดั กนั ภาพนง่ิ ซกั ถาม อภิปราย
การใช้สีเล่ือมพราย ทาแบบฝกึ หัดทา้ ยบท วจิ ารณ์งาน
นา้ หนกั ออ่ นแก่ของแสงเงา อธบิ ายประกอบเอกสารประกอบ
ความหมายของน้าหนักออ่ นแก่ของแสงเงา การสอน ผลงานตวั อยา่ ง สื่อสไลด์
คุณลักษณะของน้าหนักอ่อนแก่ของแสงเงา ภาพนิ่ง ซักถาม อภปิ ราย
แหล่งกาเนดิ ของแสงกับเงา ทาแบบฝึกหัดท้ายบท วิจารณ์งาน
การสรา้ งสรรค์ศลิ ปะจากน้าหนกั อ่อนแก่
ของแสงเงา อธบิ ายประกอบเอกสารประกอบ
พื้นผวิ การสอน ผลงานตวั อยา่ ง สอ่ื สไลด์
ความหมายและที่มาของพ้ืนผิว ภาพนง่ิ ซักถาม อภปิ ราย
การสรา้ งสรรค์ศิลปะจากพนื้ ผิว ทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบท วจิ ารณ์งาน
(19)
สัปดาห์ หวั ข้อ กจิ กรรม
ท่ี เนอื้ หา การเรยี นการสอน
9 บทที่ 9 ความกลมกลนื กับความขดั แย้ง อธบิ ายประกอบเอกสารประกอบ
10 ความหมายของท่วี า่ ง การสอน ผลงานตวั อยา่ ง สื่อสไลด์
คณุ ลักษณะของทว่ี า่ ง ภาพน่งิ ซักถาม อภิปราย
11 การสรา้ งภาพลวงตาในทีว่ า่ ง ทาแบบฝกึ หดั ทา้ ยบท วิจารณ์งาน
บทท่ี 10 ความกลมกลืนกบั ความขดั แย้ง อธิบายประกอบเอกสารประกอบ
12 ความกลมกลืน การสอน ผลงานตัวอย่าง สื่อสไลด์
13 ความขดั แยง้ ภาพนิง่ ซักถาม อภปิ ราย
14 การใช้ความกลมกลนื กบั ความขดั แยง้ ทาแบบฝึกหัดทา้ ยบท วจิ ารณ์งาน
15 ความหมายของดลุ ยภาพ
ลักษณะของดลุ ยภาพ อธบิ ายประกอบเอกสารประกอบ
การใชด้ ุลยภาพของสแี ละน้าหนัก การสอน ผลงานตัวอย่าง สื่อสไลด์
ในการจดั องค์ประกอบศิลป์ ภาพนิ่ง ซักถาม อภปิ ราย
บทท่ี 11 ดลุ ยภาพ ทาแบบฝึกหัดทา้ ยบท วจิ ารณ์งาน
ความหมายของดุลยภาพ
ลักษณะของดุลยภาพ อธิบายประกอบเอกสารประกอบ
การใช้ดุลยภาพของสีและน้าหนัก การสอน ผลงานตัวอยา่ ง สอ่ื สไลด์
ในการจดั องค์ประกอบศิลป์ ภาพนิ่ง ซักถาม อภปิ ราย
บทท่ี 12 จังหวะกับความเคลือ่ นไหว ทาแบบฝึกหดั ท้ายบท วิจารณ์งาน
จังหวะ อธบิ ายประกอบเอกสารประกอบ
ความเคล่อื นไหว การสอน ผลงานตวั อย่าง ส่อื สไลด์
ภาพนง่ิ ซกั ถาม อภิปราย
บทท่ี 13 สัดส่วนกับการเนน้ ทาแบบฝึกหัดทา้ ยบท วจิ ารณ์งาน
สัดสว่ น อธิบายประกอบเอกสารประกอบ
การเน้น การสอน ผลงานตวั อยา่ ง ซักถาม
อภปิ ราย ทาแบบฝึกหดั ท้ายบท
บทที่ 14 เอกภาพ อธบิ าย อภปิ ราย ซักถาม
ความหมายของเอกภาพ ทาแบบฝกึ หัดท้ายบท
หลักของเอกภาพในการจัดองคป์ ระกอบศิลป์
บทท่ี 15 บทสรุป
ความคดิ รวบยอดขององค์ความรู้
(20)
การวัดผลและประเมินผล
การวัดผล
1. คะแนนเกบ็ 80 คะแนน (ได้จากการตรวจแบบฝึกหดั ประจาบท)
2. คะแนนสอบ 20 คะแนน (ได้จากการสอบปลายภาคเรยี น)
การประเมนิ ผล
ชว่ งคะแนน 80- 100 คะแนน ผลการเรยี น A
ช่วงคะแนน 75 - 79 คะแนน ผลการเรียน B+
ช่วงคะแนน 70 - 74 คะแนน ผลการเรยี น B
ชว่ งคะแนน 65 - 69 คะแนน ผลการเรยี น C+
ช่วงคะแนน 60 - 64 คะแนน ผลการเรยี น C
ช่วงคะแนน 55 - 59 คะแนน ผลการเรียน D+
ชว่ งคะแนน 50 - 54 คะแนน ผลการเรยี น D
ช่วงคะแนน 0 - 49 คะแนน ผลการเรียน F
บทที่ 1
บทนา
เน้อื หาประจาบท
1. ความหมายของศลิ ปะและความงาม
2. ความสมั พันธ์ของศลิ ปะกบั ความงาม
3. องคป์ ระกอบของศิลปะในชวี ติ ประจาวัน
วตั ถุประสงคป์ ระจาบท
1. เพือ่ ใหผ้ ้เู รียนสามารถอธิบายความหมายและความสัมพันธ์ของศลิ ปะกับความงามได้
2. เพ่ือใหผ้ ้เู รียนสามารถวิเคราะห์องคป์ ระกอบของศิลปะในชวี ติ ประจาวนั
ความนา
ศลิ ปกรรมศาสตรเ์ ปน็ การศกึ ษาในสาขาศิลปะและสาขาการออกแบบ ในหลกั สตู รจะจัดให้มีวชิ า
องค์ประกอบศลิ ปเ์ ป็นวชิ าพนื้ ฐานทผี่ ู้เรยี นทกุ คนจะต้องเรียนรู้ให้เขา้ ใจ เพอื่ ทจ่ี ะสรา้ งสรรคผ์ ลงานศลิ ปะ
หรือผลงานออกแบบไดอ้ ยา่ งมหี ลกั วิชาในอนาคต คนท่วั ไปมกั เขา้ ใจว่าศลิ ปะจะประกอบดว้ ยความงาม
เสมอ ซึง่ ในความเป็นจริงศลิ ปะกบั ความงามมคี วามหมายแตกต่างกนั แต่ก็มคี วามสัมพันธ์กันในบางแงม่ ุม
กต็ าม และส่งิ ทีเ่ ปน็ ส่วนประกอบสาคัญในผลงานศิลปะกค็ อื องค์ประกอบของศิลปะ งานศิลปะและงาน
การออกแบบทเี่ ราพบเห็นในชีวติ ประจาวนั นัน้ ผู้เรยี นสามารถวิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบของศลิ ปะเพอื่ ทา
ความเข้าใจศลิ ปวตั ถุนัน้ ๆ ในระดบั พื้นฐาน แลว้ นามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการสรา้ งสรรคผ์ ลงานของเราใน
โอกาสต่อไปได้ ดังน้ันในบทเรียนเริ่มต้นนี้ ผเู้ รียนจะได้ทาความเขา้ ใจกบั ความหมายและความสมั พันธข์ อง
ศลิ ปะกับความงาม รวมท้งั การวเิ คราะห์ในระดบั พนื้ ฐานเก่ียวกับองคป์ ระกอบของศิลปะในงานศิลปะและ
งานออกแบบที่พบในชวี ติ ประจาวัน
2
ความหมายของศลิ ปะและความงาม
ราชบัณฑติ ยสถาน (2546:1101) อธิบายว่า ศิลป์ หรอื ศิลปะ หมายถึง ฝมี อื ฝีมือทางการช่าง
การทาให้วิจิตรพิสดาร ศลิ ปะยงั หมายถงึ การแสดงออกซึ่งอารมณ์สะเทอื นใจใหป้ ระจกั ษ์ด้วยสือ่ ตา่ ง ๆ
อย่างเสยี ง เส้น สี ผวิ รูปทรง เป็นตน้ เชน่ ศลิ ปะการดนตรี ศิลปะการวาดภาพ ศลิ ปะการละคร
คาว่า “ความ” ราชบัณฑติ ยสถาน (2546:231) อธบิ ายว่า หมายถงึ เรอื่ ง หรอื คาวา่ “ความ” น้ี
สามารถใชเ้ ปน็ คานาหน้ากรยิ าหรอื วิเศษณ์เพื่อแสดงสภาพ เชน่ ความดี ความชว่ั ส่วนคาวา่ “งาม”
ราชบัณฑิตยสถาน (2546:278) อธบิ ายว่า คานเี้ ป็นคาวเิ ศษณ์ หมายถงึ ลกั ษณะท่เี ห็นแล้วชวนใหช้ นื่
ชมหรอื พงึ ใจ เช่น รปู งาม คอื มีลกั ษณะสมบูรณ์ดี เช่น ต้นไมง้ าม
จากคาอธบิ ายดังกล่าวข้างตน้ สรปุ ได้วา่ ความงาม หมายถึง สภาพลักษณะของสงิ่ ใด ๆ ท่ีเหน็
แลว้ ชวนใหช้ น่ื ชมหรอื พงึ ใจ เช่น รปู ปน้ั วีนัสและภาพวาดทิวทัศนห์ าดทรายนชี้ า่ งมีความงามชวนให้ชื่นชม
นา่ พึงใจเป็นอยา่ งมาก
ความสมั พนั ธ์ของศลิ ปะกบั ความงาม
เมอื่ วิเคราะหจ์ ากความหมายของคาวา่ ศิลปะและความงามแลว้ เราจะพบความสมั พันธข์ องศลิ ปะ
กบั ความงามอยา่ งชัดเจน กลา่ วคือ ศิลปะเป็นผลงานท่ีเกดิ จากฝีมือของมนุษย์ มนษุ ยอ์ าศัยฝีมอื เพอ่ื ทา
ใหเ้ กิดความวจิ ิตรพสิ ดาร การแสดงออกนกี้ เ็ พ่ือสอ่ื ความหมายซ่ึงอารมณส์ ะเทือนใจให้ประจกั ษ์ดว้ ยสอื่
ต่าง ๆ เช่น เสียง เสน้ สี ผวิ รูปทรง เปน็ ตน้ ซ่งึ ราชบัณฑติ ยสถาน (2546:1073) กลา่ วถงึ คาวา่
“วิจิตร” กค็ ือการทาใหเ้ กดิ ความงามอยา่ งประณตี แต่หากทาให้เกิดความ “วิจิตรพิสดาร” น้นั จะหมายถงึ
ลกั ษณะท่ีประดิษฐ์หรือตกแตง่ จนบางทีเกินงาม เช่น ปราสาทจาลองในสวนสนกุ ตกแต่งอยา่ งวิจิตรพสิ ดาร
ส่วนความงาม หมายถึง ลักษณะทเ่ี หน็ แลว้ ชวนใหช้ น่ื ชมหรือพงึ ใจ ดงั นัน้ ศลิ ปะท่ีงามอย่างพอดีหรอื
ตกแตง่ จนบางทีก็เกินงามหรือรกรงุ รังไปบ้างอยา่ งศิลปะสมัยรอคโคโค กส็ ามารถทาใหผ้ ้พู บเหน็ รสู้ ึกถงึ
ลกั ษณะหรือสภาพของศลิ ปะนนั้ ๆ ว่าชวนให้ชื่นชมหรอื พงึ ใจได้
ศลิ ปะมคี ุณลกั ษณะทเี่ กยี่ วขอ้ งกับความงามเพราะศิลปนิ ผ้สู ร้างสรรคก์ ระทาด้วยความประณีต
วจิ ิตร สื่อความคดิ อารมณแ์ ละความรสู้ ึกผ่านกระบวนการไตร่ตรองอย่างดีแล้ว ส่วนผ้ดู ูหรือผูช้ มจะรู้สกึ
ถึงความงามนั้นมากนอ้ ยเพยี งใดขึน้ อยู่กบั ผลงานศลิ ปะนั้นและศกั ยภาพในการรับรสความงามของผนู้ ั้น
ประกอบกันด้วย
3
องค์ประกอบของศลิ ปะในชวี ิตประจาวนั
องค์ประกอบของศลิ ปะ หมายถงึ การรวมตัวกนั ของทศั นธาตทุ างศิลปะ(Visual Elements/
Elements of Art) อนั ไดแ้ ก่ จดุ เส้น สี รปู รา่ ง รูปทรง พื้นผิว ท่วี า่ ง ธาตุหรอื องคป์ ระกอบเหล่านี้
ถกู นามาจดั วางหรอื รวมตวั กนั อย่างมรี ะเบียบแบบแผนซง่ึ ในทางศลิ ปะ เรียกวา่ หลกั การจดั องค์ประกอบ
ศิลป์ (Principles of Art) อันได้แก่ ความสมดุล ความมเี อกภาพ ความกลมกลนื ความขดั แยง้ การเน้น
การซ้าและจังหวะ เปน็ ตน้ ดังนัน้ กล่าวสรปุ ได้ว่าองคป์ ระกอบของศลิ ปะกอรปไปดว้ ยทัศนธาตแุ ละหลกั การ
จัดทัศนธาตุหรือองคป์ ระกอบศลิ ป์ ซงึ่ การกอรปกนั อยา่ งลงตวั จะทาให้ผลงานเกิดความงามกอ่ ให้เกิดความ
พงึ ใจตอ่ ผู้พบเหน็ น่ันเอง
ในการดารงชวี ติ ของคนเรามสี ง่ิ ต่าง ๆ มากมายท่อี ยรู่ อบตวั และทุกสิง่ ไดม้ ีองค์ประกอบของศลิ ปะ
เข้ามามสี ่วนร่วมในการจัดวางเพอื่ ความงามอยา่ งลงตัว เชน่ ภาพถา่ ย ผลติ ภัณฑ์เครอ่ื งใช้ เคร่อื งดนตรี
ไทย เครื่องดนตรสี ากล ผลติ ภัณฑข์ องที่ระลกึ เส้ือผา้ เครอ่ื งแตง่ กาย เคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ เฟอร์นเิ จอร์
อปุ กรณส์ านกั งาน ยานยนต์ สภาพแวดล้อม สวนสาธารณะ นทิ รรศการ ภาพยนตร์ ละคร โรง
มหรสพ หา้ งสรรพสินค้า สถานท่ที ่องเทีย่ ว ของใชใ้ นครวั ในโรงพยาบาล เว็บไซด์ เกมในคอมพวิ เตอร์
รา่ งกายมนุษย์ สตั ว์ พชื ขนม ภาพประกอบในหนังสอื เราจะเหน็ ได้วา่ ผลงานสร้างสรรคศ์ ลิ ปะทุกแขนง
ผลิตภณั ฑ์ท่เี กย่ี วข้องกบั ทุกสาขาอาชพี ทุกอย่างทเี่ กย่ี วข้องกับชีวิตประจาวันของมนุษย์เราล้วนตอ้ งอาศยั
การจดั วางองค์ประกอบศิลปะใหเ้ กดิ ความงามลงตัวน่าชน่ื ชมและพึงใจทง้ั สนิ้
สิง่ ต่าง ๆ รอบตวั ทเ่ี ราไดใ้ ช้ ได้สัมผัส และไดพ้ บเหน็ ในระหวา่ งการดารงชีวิตบนโลกใบนี้ได้มีการ
สรา้ งสรรค์ความงามท่ีเกดิ มาจากองคป์ ระกอบของศิลปะ ทาให้ชวี ิตมนุษยม์ ีความสุข ความสดชื่น มี
สุนทรียภาพ มคี วามภาคภมู ใิ จทไี่ ด้ใช้ ได้เปน็ เจา้ ของ ซ่งึ ต่อไปน้จี ะได้นาเสนอตัวอยา่ งผลงานศิลปะและ
ผลงานการออกแบบแลว้ วเิ คราะห์องค์ประกอบของศิลปะท่ีปรากฏอยใู่ นผลงานนนั้ ๆ โดยวิเคราะห์
ระดบั พนื้ ฐานใน 4 ประเดน็ ได้แก่ รูปลักษณะของภาพ สขี องภาพ การจัดวางภาพ และความกลมกลนื
ของภาพ ทงั้ นจี้ ะนาเสนอบทวิเคราะหต์ ามลาดับ คอื ภาพศิลปะ ภาพถา่ ย โปสเตอร์ ประตมิ ากรรม
การออกแบบผลิตภณั ฑ์ การออกแบบแฟชนั่ การออกแบบผลิตภณั ฑ์อุตสาหกรรม การออกแบบ
เฟอร์นิเจอร์ และการออกแบบขนมหวาน
1. ภาพศิลปะ เป็นจิตรกรรมฝีพระหตั ถข์ ององค์พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ย
เดชมหิตลาธเิ บศรรามาธบิ ดีจักรีนฤบดินทรสยามินทราธริ าชบรมนาถบพิตรพระราชทานพระบรมราชา-
นุญาตให้มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร ยมื ภาพจติ รกรรมฝพี ระหตั ถ์มาแสดงในงานศลิ ปกรรมแห่งชาติคร้ังที่ 46
ภาพจิตรกรรมฝีพระหตั ถช์ ้นิ นีเ้ ปน็ ผลงานประเภทจติ รกรรมเทคนคิ สีน้ามันบนผา้ ใบ ไม่ปรากฎชื่อภาพ
เปน็ ผลงานเมื่อพ.ศ. 2505 ขนาดของผลงาน 61x46 เซนติเมตร ลงพระนามย่อ ภอ. 8-05
4
วิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบของศลิ ปะ
รูปลักษณะของภาพ เปน็ ภาพเขยี นสนี า้ มัน พระบรมฉายาลักษณ์ของสมเดจ็ พระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ
สีของภาพ ผลงานจติ รกรรมชิ้นนเี้ น้นการใช้โทนร้อนสแี ดง สม้ ดาและมว่ ง ภาพสีตัดกันใช้สจี ดั
จา้ น ระบายแบบไลน่ า้ หนกั ของสีให้เกดิ ความเขม้ ออ่ นของแสงเงาในภาพ สีที่ใชท้ าให้เกดิ จดุ เด่นดงึ ดูด
สายตา และทาใหภ้ าพมชี วี ติ ชีวามาก
การจัดวางภาพ ผลงานช้ินนพี้ ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้จัดวางภาพแบบ
สมดลุ ซา้ ยขวาสองข้างเทา่ กนั จัดวางพระบรมฉายาลกั ษณ์ของสมเด็จพระนางเจา้ สิริกติ พิ์ ระบรมราชนิ ีนาถ
ตรงกลางภาพโดดเดน่ สะดดุ ตา
ความกลมกลนื ของภาพ เป็นลักษณะภาพท่ใี ชส้ ีจัดจ้านรอ้ นแรงทดี่ ูมีเอกภาพ
ภาพท่ี 1.1 ภาพศลิ ปะ
ท่มี า : มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร (2543 : 17)
2. ภาพถา่ ย เปน็ ผลงานภาพถา่ ยของทิพย์สุคนธ์ อทิ ธปิ ระทีป ช่อื ภาพ "เหมอ่ " พ.ศ. 2538
วเิ คราะห์องคป์ ระกอบของศลิ ปะ
รปู ลักษณะของภาพ เปน็ ภาพของกล่มุ คนท่เี หมอ่ ภายใต้การจบั กลุ่มคยุ กันอยู่ทรี่ ิมทะเล
สขี องภาพ มดื ทบึ ยามคา่ คืน สสี ว่ นรวมในกลุ่มสีดา เหลืองสม้ ลกั ษณะสีเป็นแบบสีตดั กนั และ
น้าหนกั สเี ข้มจดั อ่อนจัดตัดกนั เนน้ ฉากหลังมดื และจุดเด่นสวา่ งจัด
การจดั วางภาพ มกี ลุม่ คนที่มีระยะหน้าและระยะหลังไกล ๆ และนาสายตาของภาพดว้ ยแสง
สวา่ งจากตะเกียงตดั กบั เงามืดของรปู รา่ งคนและสงิ่ ของ
5
ความกลมกลนื ของภาพ สะทอ้ นอารมณ์ความร้สู ึกวังเวงเปลี่ยวเงาท้งั หมู่คณะและมีความต่อเนอ่ื ง
ของเน้อื หาเรอ่ื งราว
ภาพที่ 1.2 เหมอ่ ภาพท่ี 1.3 โปสเตอรโ์ ฆษณาลาโพงยห่ี อ้ นโิ ทร
ท่ีมา : ทิพยส์ ุคนธ์ อิทธปิ ระทปี (2538) (ซ้าย)
ทม่ี า : Walter Lurzer (Editor) (1996 : 23) (ขวา)
3. โปสเตอร์ เป็นผลงานแผ่นภาพโฆษณาลาโพงยหี่ อ้ นโิ ทร (Nitro) ของนกั ออกแบบทมี หนึ่ง
ซึ่งประกอบด้วย Hoffman York & Compton, Mike Ancevic, David Hanneken, Mike Ancevic,
และGary Stepniak (ภาพท่ี 1.3)
วิเคราะห์องคป์ ระกอบของศลิ ปะ
รปู ลักษณะของภาพ ภาพโฆษณาลาโพงย่หี อ้ นโิ ทร (Nitro) ใชเ้ สน้ กราฟิกของผลงานจากลทั ธิ
ศิลปะออพอาร์ต(Op Art)เป็นตัวสรา้ งภาพลวงตา สร้างจงั หวะ และดงึ ดดู ความสนใจให้กับภาพโฆษณา
สีของภาพ ใชท้ ฤษฎีสตี ัดกันระหว่างสีขาวกบั สนี า้ เงินอมมว่ งเข้มให้คา่ น้าหนักโดยรวมเปน็ สกี ลาง
เป็นพน้ื ของภาพและวงกลมสดี าของลาโพงเปน็ จุดสนใจทม่ี นี ้าหนกั เข้มสดุ เปน็ จุดเด่น และเส้นดาดา้ นลา่ ง
เป็นจุดรอง ทาให้สีของภาพโดยรวมเป็นโทนสแี ละนา้ หนกั แบบภาพขาวดา
การจัดวางภาพ จุดเด่นของภาพคือลาโพงวงบรเิ วณกลางภาพค่อนไปทางซ้ายของภาพ นาสายตา
ดว้ ยเสน้ วนกน้ หอยและใช้ การซา้ แบบลดหลน่ั ของเส้นขาวดาสลบั ฟนั ปลาตามวงของก้นหอย นาสายตา
ไปสู่ประธานของภาพคือลาโพง จดั วางจุดรองด้วยเส้นดาดา้ นล่างของภาพสาหรับเน้นส่วนขอ้ ความโฆษณา
และใชห้ ลกั การซ้าของเส้นหยกั ทาให้เกดิ ภาพลวงตาใหด้ มู ีความเคลื่อนไหวด้วยรปู แบบศิลปะออปอารต์ ทา
ใหเ้ กดิ การจดจาจากสิง่ ท่ผี ูช้ มรจู้ กั อยแู่ ลว้ และให้ความรสู้ กึ ของคลืน่ ทด่ี เู คลือ่ นไหวเปล่งเสยี งทอ่ี อกมาจาก
ภาพ
6
ความกลมกลนื ของภาพ เปน็ ภาพทีใ่ ช้ลกั ษณะความขัดแยง้ เปน็ ตวั สรา้ งความนา่ สนใจใหก้ ับ
ประธานของภาพ ด้วย สี เสน้ และรปู ทรง นาสายตา
4. ประตมิ ากรรม เป็นผลงานประตมิ ากรรมของ แดง บวั แสน ชื่อผลงาน "ความแปลกแยก
ในครอบครวั " เปน็ ผลงานประตมิ ากรรมท่ีได้รับรางวัล เกยี รตินยิ มอันดบั 3 เหรียญทองแดง ใชเ้ ทคนคิ
สื่อผสม ขนาด 198x390 เซนติเมตร (ภาพที่ 1.4)
วิเคราะห์องคป์ ระกอบของศิลปะ
รูปลักษณะของภาพ ประตมิ ากรรมเสมือนคนจริงตดั ต่อร่างกายครง่ึ บนและล่าง แทรกอริ ิยาบถใน
ท่าเดินระหว่างเดก็ และผู้ใหญ่ มแี มวและชอ่ งส่เี หลี่ยมคล้ายการเดนิ ผ่านมติ แิ ละห้วงเวลาบนฐานส่เี หลีย่ ม
ที่มีเงาสะท้อน
สีของภาพ สีเหมอื นผวิ หนังคนจรงิ สีโทนเหลอื งสม้ มนี ้าหนักของสเี ขยี วแทรกตามรา่ งกาย และสี
น้าตาลของกรอบสเ่ี หลีย่ มคลา้ ยประตไู ม้
การจดั วางภาพ คนเดินเรยี งแถวและสลับชนิ้ ส่วนของร่างกายและเวน้ ระยะของพ้ืนทว่ี ่างเพอ่ื
ส่อื ความคิดของสว่ นที่ขาดหายไปเช่นหัว ขา สายตา ดว้ ยการจากดั ในพ้ืนที่สีเ่ หลย่ี ม
ความกลมกลนื ของภาพ เป็นภาพเสมอื นจรงิ ของมนุษย์ผชู้ ายผู้หญิงและเดก็ ท่ไี มใ่ ส่เสอ้ื ผ้าขนาด
เท่าคนจรงิ ทีส่ อดคลอ้ งกลมกลนื กัน
ภาพท่ี 1.4 ประติมากรรม ภาพท่ี 1.5 ผลิตภณั ฑ์ Memory Containers
"ความแปลกแยกในครอบครวั " ในโครงการ Creole
ท่มี า : มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร (2543 : 45) (ซา้ ย)
ทีม่ า : Stefano Zuffi (Editor) (1998 : 98) (ขวา)
7
5. การออกแบบผลติ ภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ Memory Containers ผลงานในโครงการ Creole
(ภาพที่ 1.5)
วเิ คราะห์องคป์ ระกอบของศิลปะ
รปู ลักษณะของภาพ ผลติ ภณั ฑ์ทใ่ี ส่ของ ทาจากโลหะมนั วาว ท่มี ีลวดลายเสน้ ตรงและโค้งวาง
สลับเปน็ แนว ดรู ว่ มสมัยและดูมีดไี ซนแ์ ปลกตา
สีของภาพ สโี ทนขาวดาทเ่ี กิดจากเนอื้ วสั ดโุ ลหะและการเวน้ ช่องไฟของการจัดวางลวดลายสลับ
ทับซ้อนกนั เปน็ ชอ่ งขาวดาสลบั กนั ทาใหเ้ กดิ น้าหนักของภาพรวมของผลิตภณั ฑ์
การจดั วางภาพ การสรา้ งลวดลายของเส้นกราฟิกท่ีสลับกนั ระหวา่ งเสน้ โค้งและเสน้ ตรงแนวนอน
และแนวตง้ั โดยการแบง่ ช่องไฟใหเ้ ป็นเส้นตั้งแถบใหญ่และแถบเลก็ อยา่ งเปน็ จงั หวะ ใชห้ ลกั การจดั วางดว้ ย
การซ้ากนั ของลวดลาย
ความกลมกลนื ของภาพ เกิดจากการใชล้ ายเสน้ กราฟิกที่ดูเรียบง่ายแต่มีเสน่หด์ ว้ ยการตัดกนั ของ
ลักษณะเส้นโคง้ และตรงในเนอื้ วัสดุและโทนสีเดียว
6. การออกแบบแฟช่ัน เครอ่ื งประดับเงินของเอกชัย พนารีวฒั นา ชื่อผลงาน สรอ้ ยคอกลั ยา
ขนาด 13.5x18.5 เซนตเิ มตร และป่ินปกั ผมดอกเงนิ ขนาด 5.5x12 เซนตเิ มตร วสั ดุทาจากโลหะเงิน
(ภาพท่ี 1.6)
วิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบของศลิ ปะ
รูปลักษณะของภาพ เปน็ ภาพเด็กผู้หญงิ สวมชฎาท่มี ีเครอื่ งประดับคลอ้ งเป็นตัวประดับกบั ตวั ชฎา
สขี องภาพ ใชส้ ขี าวของเครอ่ื งเงินเปน็ จดุ เด่นตัดกับเทาเข้มของภาพประกอบ ใช้การตดั กนั ของ
น้าหนักสีให้เครือ่ งประดบั ดูโดดเด่น
การจดั วางภาพ องค์ประกอบของภาพอยู่ตรงกลางเน้นจุดเดน่ บรเิ วณตรงกลางคอ่ นไปทาง
ด้านล่างให้พนื้ ทีว่ ่างท้งิ พืน้ ที่ให้กับจดุ เด่นเพอ่ื นาสายตา
ความกลมกลนื ของภาพ เรียบงา่ ยกลมกลืนดว้ ยการคลมุ โทนสีขาวดาและงดงามด้วย
ศลิ ปวฒั นธรรมไทยจากตวั ชฎาและเด็กผู้หญิงไทย เปน็ องคป์ ระกอบสร้างเรอ่ื งราวให้กบั ตัวเครือ่ งประดบั ที่
ไดแ้ รงบันดาลใจจากการร้อยดอกไมไ้ ทยๆ
8
ภาพที่ 1.6 สรอ้ ยคอกลั ยาและปิน่ ปกั ผมดอกเงิน ภาพท่ี 1.7 Hard Drive / CD Audio
ท่ีมา : Ministry of Industry (2005:89) (ซา้ ย)
ที่มา : กฤษณพงศ์ เกียรตศิ กั ด์ิ (2006 : 31) (ขวา)
7. การออกแบบผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม เครือ่ งเลน่ HDD/CD จาก Metaphys Japab
ออกแบบโดย ชิอากิ มรุ ะตะ นักออกแบบชื่อก้องโลกชาวญีป่ ุ่นเปน็ อุปกรณ์ External ใหมล่ า่ สุดทีใ่ ช้
เชื่อมต่อกบั คอมพวิ เตอรแ์ ละลาโพง สาหรับใชเ้ ป็น Hard Drive ในการเก็บ file เสยี งรปู แบบตา่ ง ๆ
สามารถเลน่ CD และFile เสยี งได้ 1000 gigabyte (ภาพท่ี 1.7)
วิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบของศลิ ปะ
รปู ลกั ษณะของภาพ เคร่อื งเล่นเพลงทรงสีเหล่ยี มผนื ผา้ ในสไตล์ Minimalism เรียบงา่ ย แต่
หรหู รา ปมุ่ กดระนาบไปกับตัวผลิตภัณฑเ์ ห็นเปน็ ลายเส้นตัดให้รู้ว่าสามารถกดได้
สีของภาพ สขี าวสะอาดตากับแสงเหลืองทาใหด้ มู รี าคา
การจัดวางภาพ รปู ทรงสีเ่ หลยี่ มผืนผ้าขนาดยาวระนาบกับพ้ืน เว้นช่องสี่เหลีย่ มครง่ึ หนง่ึ ของตัว
ผลิตภัณฑ์สาหรบั การทางานประกอบกับช่องใส่แผน่ ซดี ีรอมทีน่ า่ สนใจ
ความกลมกลนื ของภาพ ความเรียบง่ายของรูปทรงและสแี ละตาแหนง่ ของ Function ตา่ งๆ ดู
เป็นเอกภาพเดียวกัน
9
8. การออกแบบเฟอรน์ เิ จอรแ์ ละการตกแตง่ ภายใน ภาพโซฟาย่ีหอ้ Minotti รปู แบบชือ่ มิลา
โน (Model: Milano) ออกแบบโดย โรโดลโฟ ดอลโดนี (Rodolfo Dordoni) (ภาพที่ 1.8)
วเิ คราะห์องคป์ ระกอบของศลิ ปะ
รูปลกั ษณะของภาพ โซฟารูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่กบั การตกแตง่ ภายในหอ้ งน่งั เลน่ ที่ให้
ความรู้สึกเรียบ ขรมึ สงบนง่ิ ดว้ ยการจดั องค์ประกอบของผนงั พืน้ และเพดานเปน็ ส่ีเหล่ยี มและเรียบมี
ลวดลายนอ้ ยและไม่มีเรื่องราว
สีของภาพ โซฟาสโี ทนน้าตาลอมเทา มีลายทอเปน็ เส้นฝนทด่ี ูเรียบขรมึ แซมด้วยหมอนสสี ม้
ตัดกับสขี องโซฟาแตง่ แต้มเล็กนอ้ ยช่วยใหห้ ้องมีเสนห่ ไ์ ม่ขรึมเกนิ ไป กบั ผนงั สเ่ี หลยี่ ม build in สดี าและ
พรมสเี ทาอมนา้ ตาลออ่ นมีลายทอเปน็ พื้นผิวเดินเส้นเหลยี่ มหกั มมุ ลอ้ กบั รปู ทรงของโซฟาและผนงั หอ้ ง
การจดั วางภาพ การจัดวางท่ีเรียบงา่ ยองคป์ ระกอบไมม่ ากทาให้เฟอรน์ เิ จอร์ดูอบอ่นุ และ
ผอ่ นคลายและหรหู รา
ความกลมกลนื ของภาพ ความเรยี บ ขรึม สงบนิ่ง จรงิ จังดูเปน็ เอกภาพทั้งรปู รา่ งและโทนสี
ในการอยู่อาศยั ให้ผอ่ นคลายแบบมนั่ คงแบบผู้ใหญ่
ภาพท่ี 1.8 เฟอรน์ เิ จอรย์ ่หี อ้ Minotti ภาพที่ 1.9 pig-a-boo
ท่มี า : กฤษณพงศ์ เกียรติศักดิ์ (2006 : 39)
ทีม่ า : ธเนศ จันทร์เกตุ (บรรณาธกิ าร) (2016 : 147)
10
9. การออกแบบอาหารและนา้ ด่ืม (ภาพที่ 1.9)
วิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบของศลิ ปะ
รูปลักษณะของภาพ เครอื่ งด่ืมทเ่ี ปน็ นา้ สมนุ ไพรไทยทีม่ ลี กั ษณะคล้ายตม้ ยา มีใบมะกรดู และ
พริกแดงเป็นสว่ นประกอบของเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอร์ ใสก่ บั น้าแขง็ เสริ์ฟในขนั เงนิ สาหรบั กนิ นา้ แบบไทย
สขี องภาพ โทนเย็นเน้นสีขาวและเขียว สร้างจดุ สนใจดว้ ยพริกสีแดง เปน็ การใชส้ คี ู่ตรงข้ามเพอื่
ดงึ ดดู สายตา ดนู า่ รบั ประทานและนา่ สดชื่น
การจัดวางภาพ ในขวดแบนมนี า้ สีเขยี วออ่ นคูก่ ับใบมะกรูดสเี ขียวเขม้ ตะไคร้และพรกิ สแี ดง
เปรยี บเทยี บใหน้ ึกถึงอาหารไทยที่นิยมของชาวตา่ งชาติเช่นต้มยากุง้ จุดเดน่ ของชดุ เสริฟน้าอยตู่ รงกลาง
คอ่ นไปทางด้านลา่ งขวามือ
ความกลมกลนื ของภาพ องคป์ ระกอบของน้าดมื่ จากการจัดวางภาพแสดงใหเ้ หน็ ทมี่ าของรสชาติ
ท่ีอย่ใู นขวดน้าแบนวางในขนั เงนิ เปรียบเปน็ อาหารแบบพ้ืนบ้าน ให้ระลกึ ถึงเม่อื ได้เหน็ และลิ้มรสชาตไิ ดม้ าก
ย่ิงขึ้น
บทสรปุ
ศลิ ปะมคี ณุ ลักษณะทีส่ าคญั คือมีความงาม ทเ่ี ป็นอย่างนนั้ กเ็ พราะศลิ ปนิ ผสู้ ร้างสรรคก์ ระทาดว้ ย
ความประณตี วิจติ ร มุ่งเน้นการส่ือความคดิ อารมณแ์ ละความรู้สึกผา่ นกระบวนการไตร่ตรองมาอย่างดแี ล้ว
ส่วนผู้ชมจะรบั รสความงามนั้นไดม้ ากนอ้ ยเพียงใด ขึ้นอยกู่ บั ความงามท่ีมอี ยู่ในผลงานศลิ ปะนั้น และ
ศกั ยภาพในการรบั รสความงามของผ้นู น้ั ประกอบกันด้วย ผลงานสรา้ งสรรคศ์ ลิ ปะในทุกแขนง รวมทง้ั
ผลิตภณั ฑท์ ี่เกย่ี วขอ้ งกบั ทกุ สาขาอาชีพ ลว้ นอาศัยการจดั วางองค์ประกอบของศลิ ปะอันก่อให้เกิดความ
งามอย่างลงตัวนา่ ชืน่ ชมและนา่ พงึ ใจทง้ั สิน้ องคป์ ระกอบของศิลปะทลี่ งตวั ทาให้ชีวิตมนุษยไ์ ด้รับรสแหง่
สนุ ทรยี ภาพ ความสุขและความสดชืน่ ทง้ั ความภาคภูมใิ จที่ได้ใช้และไดเ้ ป็นเจ้าของอีกดว้ ย
แบบฝึกหัดทา้ ยบท
1. ใหน้ ักศึกษา นาเสนอผลิตภัณฑห์ รือส่งิ รอบตัวที่น่าสนใจ โดยบอกขอ้ มูลพน้ื ฐานของส่ิงน้ันเชน่
ชื่อ ชนดิ ขนาด ชื่อผ้อู อกแบบ แนวความคิดในการออกแบบ วัสดุ วธิ ีใชผ้ ลิตภณั ฑ์ และ วเิ คราะห์
องคป์ ระกอบของผลิตภัณฑ์ ดว้ ยการ Sketch ภาพ ประกอบวธิ ีการใช้ และองค์ประกอบทางศิลปะทง้ั
รปู ร่าง สีสัน หลักการจดั วางหรอื รูปแบบของสิ่งของหรอื ภาพเหล่าน้ันมา 3 ชนิ้ งาน ลงบนกระดาษ ขนาด
A4 พร้อมคาอธิบายด้านลา่ งพรอ้ มชื่อนามสกลุ นักศกึ ษา ตามตัวอย่างการจดั วางหน้ากระดาษในหน้าถดั ไป
11
ใชส้ าหรบั ใชส้ าหรับ
ขอ้ 1 ขอ้ 2
ภาพที่ 1.10 รปู แบบการจดั วางหนา้ กระดาษ
2. ให้นักศกึ ษาไปทศั นศึกษาตามแหล่งท่แี สดงงานศิลปะต่างๆ และเลือกผลงานมาวเิ คราะห์
องคป์ ระกอบและบอกข้อมูลตา่ งๆเช่นเดียวกับคาสง่ั ข้อที่ 1 มา 2 ผลงาน และ ใสร่ ปู นกั ศึกษาถา่ ยรปู คู่กบั
สถานที่ประกอบร่วมด้วยดังตัวอย่างการจัดวางหน้ากระดาษดา้ นขวามือ
3. จงอธิบายความหมายของศลิ ปะและความงาม
4. จงอธิบายความสาคัญและประโยชนข์ องการใช้องค์ประกอบในการจัดการและการออกแบบกบั
การใช้ชวี ติ ของเรา และยกตวั อย่างมา 1-2 อย่างวา่ องค์ประกอบศลิ ปะมสี ่วนเก่ียวขอ้ งอย่างไร
5. การเรียนในวันน้ผี ู้เรยี นไดร้ บั ความรูอ้ ะไรบา้ ง
6. จงวเิ คราะห์องคป์ ระกอบของศิลปะในชวี ติ ประจาวนั ตามภาพท่กี าหนดให้
ผลงาน "Craftholic" ของบรษิ ัท Accent ซง่ึ เป็นบริษัทจาหน่ายสินคา้ ตกแต่งภายในทเ่ี ปน็ ผ้าและ
lifestyle ด้วยแนวความคดิ ของทีมนกั ออกแบบในโตเกียว ผลิตในโรงงานทจ่ี นี และอินเดยี เรอ่ื งราวของ
craftholic มีอยู่วา่ Craft ถอื เป็นสิ่งมชี วี ิตจากโลกCraft และไดเ้ ขา้ มาโลดแลน่ ในดาวที่ชื่อวา่ โลก ซึ่ง
Craft มีอานาจประหลาดในการสะกดให้คนตกหลมุ รกั และกลายเปน็ Craftholic
ภาพท่ี 1.11 ผลงาน Craftholic ของบรษิ ทั Accent
ท่มี า : Japan Institute of Design Promotion (JDP) (2012 : 22)
12
7. ให้นกั ศึกษาสรา้ งสรรค์ผลงาน เน้ือหาเกยี่ วกบั ความรสู้ ึกทีม่ ตี ่อการได้เขา้ มาอยู่ในร้วั
มหาวิทยาลัย ทาลงกระดาษ 100 ปอนด์ดว้ ยสี โปสเตอร์ ขนาด A5 และวเิ คราะห์องคป์ ระกอบด้านหลัง
โดยระบุ 1. คาส่ังงาน 2. ช่ือผลงาน 3. แนวความคิด 4. วิเคราะห์องค์ประกอบทฤษฎีสแี ละวธิ กี าร
จัดวางองคป์ ระกอบ 5. ช่ือนกั ศึกษา 6. วนั ทส่ี ั่งงาน.......วนั ทีส่ ง่ งาน........
ด้านหน้า ด้านหลงั
ภาพที่ 1.12 ตัวอย่างการจัดวางหนา้ กระดาษและการเขียนขอ้ มูลในการสง่ ผลงาน
เอกสารอ้างอิงประจาบท
กฤษณพงศ์ เกยี รติศักดิ์. (บรรณาธกิ าร) (2006) นิตยสาร Wallpaper. 12 สิงหาคม หน้า 31.
ทิพย์สุคนธ์ อทิ ธปิ ระทีป. (2538) สมุดผลงานประเภทภาพถา่ ย.
ธเนศ จนั ทรเ์ กต.ุ (บรรณาธกิ าร) (2016) นิตยสารลฟิ ว่งิ เอ็กเซท็ ทร้า. พฤศจกิ ายน. หน้า 147.
มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร. (2543) การแสดงศลิ ปกรรมแห่งชาติครง้ั ท่ี 46. กรุงเทพมหานคร : อมั รนิ ทร.์
ราชบณั ฑติ ยสถาน. (2546) พจนานกุ รม ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2542. กรุงเทพมหานคร :
นานมีบุ๊คส์พับลิเคชนั่ .
Japan Institute of Design Promotion (JDP) (2012) Japan House. Tokyo : Japan External
Trade Organization (JETRO)
Ministry of Industry. (2005) Bangkok Fashion Now &Tomorrow : Stone. Volume Three.
Bangkok : TTIS.
Stefano Zuffi. (Editor) (1998) The Dream Factory Alessi Since 1921. Milan : KÖnemann.
Walter Lurzer. (Editor) (1996) Lurzer's Int'I ARCHIVE. Volume 3/96. Frankfurt : BGR
Druck- Service GmbH.
บทที่ 2
เนื้อหาเร่ืองราวทางศลิ ปะและกลวธิ ีการจดั วางภาพ
เน้อื หาประจาบท
1. การนาเสนอเนื้อหาและเร่อื งราวทางศลิ ปะ
2. กลวธิ ใี นการจดั วางภาพ
วตั ถปุ ระสงคป์ ระจาบท
1. เพื่อให้ผูเ้ รยี นสามารถอธบิ ายความหมายและความสัมพันธ์ของเน้อื หาและเร่ืองราวทางศลิ ปะ
ได้ถกู ต้อง
2. เพอื่ ใหผ้ ู้เรยี นสามารถอธบิ ายกลวิธใี นการจดั วางภาพไดถ้ ูกต้อง
3. เพ่อื ให้ผู้เรยี นสามารถนาเสนอเนอ้ื หาเรือ่ งราวทางศิลปะโดยใช้กลวิธีการจดั วางภาพในการ
สร้างสรรค์ได้อย่างสวยงาม
ความนา
การสรา้ งสรรค์ผลงานศลิ ปะนั้นผูส้ ร้างสรรคต์ อ้ งแสดงออกเพื่อสอื่ สารซ่งึ ความคดิ อารมณ์และ
ความรสู้ กึ ลงไปในผลงานใหผ้ ู้อน่ื ได้รับรู้ การส่อื สารดงั กล่าวแบง่ เป็น 2 ลกั ษณะคือการส่ือสารสิ่งท่ีเป็น
เน้อื หา (นามธรรม) และเร่อื งราว (รปู ธรรม) ทงั้ สองลกั ษณะมีความสัมพนั ธก์ นั หรอื ไม่ สัมพนั ธก์ นั มาก
นอ้ ยอยา่ งไร หรือไม่สมั พนั ธก์ ันเลย ผเู้ รยี นจะไดเ้ รียนรจู้ ากการทดลองปฏบิ ัตกิ ารสรา้ งสรรคผ์ ลงานใน
บทเรียนนี้ การแสดงออกเพอ่ื การสอ่ื สารนน้ั มกี ลวิธใี นการจัดวางภาพทที่ าใหส้ ื่อความหมายและเกดิ ความ
งามในผลงานได้เปน็ อย่างดหี ากผูส้ รา้ งสรรค์เขา้ ใจเลือกกลวิธีที่เหมาะสม
การนาเสนอเนอื้ หาและเรอ่ื งราวทางศลิ ปะ
เนอ้ื หาในทางศิลปะ หมายถงึ ความคดิ ที่เป็นนามธรรมหรืออารมณค์ วามรู้สกึ ทผี่ ู้สร้างสรรค์
แสดงใหเ้ ห็นและรับรู้ได้ดว้ ยใจ ศิลปนิ สร้างความสะเทอื นอารมณแ์ ก่ผชู้ ม โดยแสดงผา่ นกระบวนการทาง
ศลิ ปะ เชน่ ศลิ ปินตอ้ งการเขยี นภาพท่ีมเี น้ือหาเกย่ี วกับความลึกลับและเวง้ิ วา้ งใต้ทอ้ งทะเล กจ็ ะ
14
แสดงออกโดยการเขยี นภาพทิวทศั น์ของฝูงปลา ปะการงั และพชื ใตท้ ้องทะเลในบรรยากาศทบึ ตัดกับ
แสงสว่างวาบพาดผ่านความทึบนั้น หรอื เขียนเป็นภาพเรือเดินสมุทรทจ่ี มอย่ใู ต้ทอ้ งทะเลพร้อม ๆ กับแก้ว
แหวน ทองคา ฝงู ปลา และกองหัวกะโหลก เปน็ ต้น ภาพท่ี 2.1 ผลงานจิตรกรรมสีน้ามันบนผา้ ใบ
ผลงานของประทปี คชบัว ไดน้ าเสนอความคิดและความรูส้ ึกทผี่ ชู้ มสมั ผสั ได้ด้วยใจคอื ความแรน้ แค้น
ทา่ มกลางความหวงั ในท้องทุ่งกว้าง กลา่ วโดยสรุปเนื้อหาทางศลิ ปะก็คือการแสดงความคดิ และอารมณ์
ความรู้สกึ เชิงนามธรรมแฝงไวใ้ นผลงานศลิ ปะน่นั เอง
ภาพที่ 2.1 เน้อื หาในทางศลิ ปะ ภาพท่ี 2.2 เรอ่ื งราวในทางศิลปะ
ทีม่ า : Martidal-WordPress.com (ม.ป.ป.) (ซา้ ย)
ทมี่ า : มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร (2546 : 40) (ขวา)
เร่อื งราวในทางศลิ ปะ หมายถงึ ความคิดท่เี ปน็ รูปธรรมที่ผู้สร้างสรรค์แสดงใหเ้ หน็ และรับร้ไู ด้
ดว้ ยตาโดยผ่านกระบวนการทางศิลปะ เชน่ ศลิ ปนิ ตอ้ งการเขยี นภาพที่มีเนือ้ หาเก่ียวกับชาวเขา ก็อาจจะ
แสดงรปู ภาพท่ีเกย่ี วกับวถิ ชี ีวิต กจิ กรรมประจาวัน การแต่งกาย ประเพณีของชาวเขา เปน็ ตน้ ภาพที่
ปรากฏแก่สายตานัน่ คอื เร่ืองราว ภาพท่ี 2.2 ผลงานภาพพิมพโ์ ลหะ ผลงานของทนิ กร กาษรสุวรรณ
ช่ือภาพ Life style in Thai Country ขนาดภาพ 79x100 เซนตเิ มตร พ.ศ. 2546 ได้นาเสนอความคิด
ที่เปน็ รูปธรรมเกยี่ วกบั การตัง้ บา้ นเรอื น การนับถอื ศาสนา การประกอบอาชีพเกษตรกรรม กจิ กรรม
ยามวา่ ง เชน่ เลน่ ว่าว ปลกู ต้นไม้ กล่าวโดยสรุปคือเร่อื งราวทางศิลปะกค็ ือการแสดงภาพความคดิ เชิง
รปู ธรรมทีป่ รากฏไว้ชัดแจง้ ในผลงานศิลปะนั่นเอง
15
ความสัมพันธ์ของเนื้อหากบั เรื่องราวทางศลิ ปะ
เน้ือหากบั เรื่องราวในทางศลิ ปะหรือการแสดงออกอยา่ งเปน็ นามธรรมและรปู ธรรมที่ปรากฏใน
ผลงานศิลปะจะมคี วามสัมพนั ธก์ นั มากหรือนอ้ ยหรอื ไมส่ ัมพนั ธ์กนั เลย หรอื อาจไม่มีเรื่องราวเลยกเ็ ปน็ ไปได้
ทง้ั สิน้ ทง้ั น้ี ขน้ึ อยกู่ ับเจตนาของผูส้ รา้ งสรรค์และลกั ษณะเฉพาะของงานนั้น ๆ เราสามารถแบ่ง
ลกั ษณะความสัมพนั ธร์ ะหว่างเน้อื หาและเรื่องราวทางศลิ ปะได้ 4 ลกั ษณะดงั นี้ (วริ ัลพชั ร แสงวชั รมรกต
2552 อา้ งถึงใน thaigoodview.com 2009)
1. การเน้นเนอื้ หาดว้ ยเรอ่ื งราว
2. เนือ้ หาท่ีเปน็ ผลจากการผสมผสานกนั ของศลิ ปินกับเรอื่ งราว
3. เน้ือหาที่เปน็ อสิ ระจากเร่อื งราว
4. เนื้อหาที่ไมม่ เี รอ่ื งราว
1. การเนน้ เน้อื หาด้วยเร่อื งราว หมายถงึ การใช้เร่ืองราวทต่ี รงกบั เน้อื หา และเรือ่ งราวเปน็ ตัว
แสดงเนือ้ หาโดยตรง เช่น เม่อื ผ้สู รา้ งสรรค์ต้องการให้ความงามของดอกไม้เปน็ เนอื้ หาของงาน ผู้
สรา้ งสรรคก์ จ็ ะเลือกดอกไมท้ ี่สวยงามมาเป็นเร่ืองราวในการนาเสนอ เชน่ ผลงานภาพเขียนสีนา้ ของ
พนั ธศ์ กั ด์ิ จกั กะพาก ศิลปินผู้เลือกดอกกหุ ลาบมาเป็นแบบในการเขยี นภาพ ให้มีสสี นั และความออ่ นนุ่ม
ของกลบี ดอกซึ่งชว่ ยให้ภาพเกดิ ความงาม
ภาพท่ี 2.3 การเน้นเนือ้ หาดว้ ยเร่อื ง
ท่ีมา : Phansakdi Chakkaphak (2552 : 21)
16
2. เน้ือหาที่เป็นผลจากการผสมผสานกันของศลิ ปินกบั เร่อื งราว หมายถงึ การนาความเห็น
สว่ นตวั สอดแทรกหรือการผสมความรสู้ กึ สว่ นตัวของผูส้ ร้างสรรคเ์ ข้าไปในเรือ่ งราว กลา่ วคือ เป็นการผสม
กันระหว่างรปู ลกั ษณะของเร่อื งราวกบั จนิ ตนาการของผ้สู รา้ งสรรค์ เชน่ เรอ่ื งราวความงามของดอกไม้
นาเสนอโดยผูส้ รา้ งสรรค์สอดแทรกผสมความรูส้ กึ ความนึกคิดของตนเองลงไปในเรื่องด้วย ผสู้ รา้ งสรรค์จะ
ดัดแปลง เพมิ่ เตมิ รปู รา่ งของดอกไมใ้ ห้งามไปตามทศั นะของตนเองอยา่ งอิสระ และใช้องค์ประกอบทาง
ศิลปะ ได้แก่ เสน้ พืน้ ผิว และรูปทรงนามาจัดเข้ากันเป็นองคป์ ระกอบทางรูปทรงแสดงออกให้สอดคล้อง
กับความงามของเรอ่ื งราว ดังภาพท่ี 2.4 ผลงานของ Geogia O'keeffe ชอ่ื ภาพ "Arazee III (Jack-in-
the-Pulpit III)" เป็นดอกไมท้ ่ีผูส้ รา้ งสรรค์ ยังคงวาดภาพรปู ร่างดอกไมแ้ ต่ลดทอนรปู ลักษณ์และแฝง
อารมณแ์ ละความคิดของศิลปนิ ท่มี ตี อ่ ดอกไม้น้ี ในแงม่ ุมชกั ชวนผู้คนเมืองใหญท่ เี่ รง่ รีบใหห้ ันมามองดอกไม้
ท่ีเหมอื นดอกไม้กาลงั จอ้ งมองคณุ อยู่
ภาพท่ี 2.4 เนื้อหาท่ีเป็นผลจากการผสมผสานกันของศิลปนิ กบั เรอื่ งราว
ทม่ี า : Uta Grosenick (Editor) (2005 : 247)
3. เน้ือหาท่เี ป็นอิสระจากเรอ่ื งราว หมายถึง การนาเสนอการประสานกันของรปู ทรงเปน็ หลกั
กล่าวคือ เมอ่ื ผ้สู รา้ งสรรคส์ อดแทรกจินตนาการของตนเองเขา้ ไปในงานมากข้ึน ความสาคญั ของเรือ่ งราว
ก็จะลดลง ดอกไม้ที่สวยทเ่ี ปน็ แบบถูกผูส้ ร้างสรรค์ตดั ทอน ขดั เกลา หรือเปลยี่ นแปลงมากทส่ี ุดจนเรื่องราว
ดอกไม้น้ันหมดความสาคัญไปอยา่ งสิ้นเชงิ เหลือแตเ่ พยี งเนอ้ื หาที่เปน็ อิสระ การทางานแบนี้ผสู้ รา้ งสรรค์
อาศยั เพยี งเร่ืองราวเป็นจดุ เร่ิมตน้ แล้วเดินทางหา่ งออกจากเร่อื งจนหายลบั ไป เหลอื แต่รปู ทรง และ
ตัวผูส้ รา้ งสรรคเ์ องท่ีเปน็ เน้อื หาของงาน ในกรณนี ้ีเนอ้ื หาภายในหมายถึง เนอ้ื หาท่เี กดิ จากการประสานกัน
ของรูปทรง ซ่งึ จะมบี ทบาทในการสอื่ สารมากกวา่ เนอื้ หาภายนอกหรอื บางคร้งั จะไม่แสดงเนือ้ หาภายนอก
17
ออกมาเลย ดังภาพท่ี 2.5 ผลงานของสวัสดิ์ ตันติสขุ ช่อื ภาพ "ความบรสิ ทุ ธิ์" เป็นการแสดงความบริสทุ ธิ์
อ่อนหวานของดอกไมด้ ้วยการประสานกันของสดี อกไมใ้ นจิตของผสู้ รา้ งสรรค์ จนรปู ทรงภายนอกซ่ึงก็คอื
รูปดอกไม้หายไป
ภาพท่ี 2.5 เนื้อหาท่เี ปน็ อสิ ระจากเร่อื งราว ภาพท่ี 2.6 เน้ือหาทีไ่ ม่มีเร่ืองราว
ท่ีมา : มหาวิทยาลัยศลิ ปากร (2546 : 15) (ซา้ ย)
ท่ีมา : มหาวทิ ยาลัยศิลปากร (2546 : 40) (ขวา)
4. เน้ือหาท่ไี มม่ ีเร่ืองราว หมายถึง การนาเสนอรูปทรงกับเน้อื หาโดยไมม่ เี รอ่ื งราว สาหรบั
ศิลปนิ บางคน เขาไม่มีความจาเปน็ ตอ้ งใชเ้ รอื่ งราวเป็นจุดเริม่ ตน้ งานของผูน้ นั้ ไมม่ ีเรื่องราว มีแตร่ ปู ทรง
กบั เนอ้ื หา โดยรูปทรงเป็นเนื้อหาเสียเองโดยตรง เป็นเนอ้ื หาภายในจิตของผูส้ รา้ งสรรคล์ ว้ น ๆ เปน็
การแสดงความคิด อารมณ์ และบุคลิกภาพของผูส้ รา้ งสรรคแ์ ท้ ๆ ที่นาเสนอลงไปในรูปทรงทบ่ี รสิ ุทธ์ิ
งานศิลปะประเภทนจ้ี ะเห็นไดช้ ดั ในดนตรีและงานทศั นศลิ ป์ท่ีเป็นนามธรรม ดงั ภาพที่ 2.6 ผลงานของ
ปกรณภ์ ทั ร จนั ทะไขส่ ร ชอ่ื ภาพ "อารมณป์ รารถนา หมายเลข1/2000" พ.ศ. 2543
กลวธิ ีในการจดั วางภาพ
เมื่อคิดเนอื้ หาและเร่อื งราวแลว้ ว่าจะนาเสนออย่างไร ผู้สร้างสรรคก์ ็ตอ้ งคดิ ต่อไปวา่ จะใชก้ ลวิธใี น
การจดั วางภาพอยา่ งไร เพ่ือใหเ้ หมาะสมและส่งเสริมให้เกิดการสื่อความมายไดต้ ามเจตนารมณท์ ี่ตงั้ ไว้
กลวธิ ีในการจดั ภาพน้นั เราต้องคานึงถงึ 2 ประเด็น คือ การวางภาพแนวตงั้ หรือแนวนอน และการจัดวาง
จุดเดน่ และจดุ รอง ดงั มีรายละเอยี ดตอ่ ไปนี้
18
1. การวางภาพแนวตั้งหรอื แนวนอน วธิ ีคิดเพอ่ื ทีจ่ ะตัดสนิ ใจใหไ้ ดว้ า่ ผลงานศิลปะชนิ้ น้ีจะจดั
วางภาพในแนวตั้งหรือแนวนอนนัน้ ผสู้ ร้างสรรค์ต้องอาศยั การสังเกตขนาดและโครงสรา้ งโดยรวมของ
วัตถใุ นภาพวา่ มขี นาดเป็นอยา่ งไร เชน่ โครงสรา้ งโดยรวมเปน็ รปู ดา้ นสูงมากกว่าด้านกว้างก็ควรจัดวาง
ภาพในแนวต้งั ดังภาพที่ 2.7 ผลงานของ Sylvie Fleury ถ้าโครงสร้างโดยรวมเป็นรูปดา้ นกว้างมากกวา่
ด้านสงู กค็ วรจะวางภาพในแนวนอนดงั ภาพที่ 2.8 ผลงานของ Daniel Richter วาดภาพในแนวนอน
การตัดสินใจไดถ้ กู ตอ้ งจะทาให้ได้ภาพท่ีมคี วามเหมาะสม ทาให้เหลือที่ว่างในภาพนอ้ ยลง ทีว่ ่างที่
เหลอื อยผู่ ู้สร้างสรรคส์ ามารถเพมิ่ รายละเอียดของเร่ืองราวทสี่ ัมพนั ธ์กบั จดุ เดน่ ไดช้ ัดเจนยง่ิ ขึน้ แต่หาก
ตัดสินใจไม่ถกู ต้องทาให้มีท่วี า่ งเหลอื มาก กจ็ าเป็นต้องเพมิ่ เรอื่ งราวลงไปอีกซ่ึงจะทาใหด้ งึ ความสนใจจาก
จดุ เดน่ ไปสนใจส่วนยอ่ ย ๆ ทาให้จดุ เด่นถกู ลดความน่าสนใจลงไป จนไม่อาจโดดเดน่ เท่าท่คี วร
ภาพท่ี 2.7 การวางภาพในแนวตัง้ ภาพที่ 2.8 การวางภาพในแนวนอน
ผลงานของ Sylvie Fleury ผลงานของ Daniel Richter
ชือ่ งาน Dog Toy 3 (Crazy Bird) ชอื่ งาน Fool on a hill
ที่มา : Uta Grosenick and Burkhard Riemschneider (Editor) (2005) ซา้ ย : 86 ขวา : 270)
2. การจัดวางจุดเดน่ และจุดรอง เมื่อตดั สินใจไดแ้ ล้ววา่ จะวางภาพในแนวตง้ั หรอื แนวนอน
ขนั้ ตอนต่อไปคือคดิ ถงึ การวางตาแหนง่ ของจดุ เดน่ และจุดรองในภาพ
จดุ เดน่ หมายถงึ สว่ นทสี่ าคัญในภาพมคี วามชดั เจนสะดดุ ตาเป็นแห่งแรก ทันทที เ่ี รามองภาพนี้
หรือผลงานศลิ ปะช้นิ นี้เราจะเห็นจุดน้เี ป็นจุดแรก จดุ เด่นนบั เปน็ สง่ิ ท่ีมลี กั ษณะของการมีอานาจ ตระหง่าน
ชัดเจนกว่าสว่ นอืน่ ทงั้ หมด จุดเด่นเป็นตัวเอกของการนาเสนอการสรา้ งสรรค์โดยใช้หลกั การเน้นเพอ่ื ใหเ้ ห็น
ความแตกตา่ งจากส่วนอนื่ ๆ อย่างเด่นชัด
19
จดุ รอง หมายถงึ สว่ นทมี่ หี นา้ ที่เสริมให้เห็นความสาคัญของสว่ นหลกั สาคัญของภาพสร้างความ
สมบรู ณ์ กลมกลนื ใหก้ ับภาพมากข้ึน และเป็นเอกภาพทางดา้ นเนอ้ื หา การทจ่ี ะมจี ดุ เดน่ ได้ตอ้ งมจี ดุ รอง
ถ้าหากสวยกระจายไปทว่ั กจ็ ะไม่มีจุดเด่น ส่ิงทีเ่ ด่นน้อยกว่าเรยี กว่าจดุ รองซึง่ มีสว่ นเสรมิ ใหจ้ ุดเด่นปรากฏ
เด่นชัดขน้ึ มา ดงั น้ัน ท้งั จดุ เดน่ และจุดรองจึงเปน็ สง่ิ ท่สี าคัญไมด่ อ้ ยกว่ากนั ผู้สรา้ งสรรคง์ านศิลปะตอ้ ง
สร้างจดุ เดน่ และจดุ รองที่เสริมซึง่ กันและกันอยา่ งเหมาะสมลงตัวภาพหรือผลงานศิลปะจงึ จะเกดิ คุณคา่ แหง่
ความงาม
ภาพท่ี 2.9 ภาพถา่ ยแสดงจุดเดน่ ของการถ่ายภาพทิวทัศน์ศนู ย์กีฬาทางนา้ บึงหนองบอน กรุงเทพฯ
ทม่ี า : ทิพยส์ คุ นธ์ อิทธปิ ระทปี (2558) ถา่ ยภาพ
ผลงานของ Akiko Taniguchi ผลงานของ Chaiyo Thongmuenwai
ช่อื งาน A rise in Altitude ช่ืองาน Go-back 2
ขนาด 90x60 เซนตเิ มตร ขนาด 80x60 เซนตเิ มตร
ภาพที่ 2.10 การสร้างจดุ เดน่ ด้วยเสน้ นาสายตา
ทม่ี า : มหาวทิ ยาลัยศิลปากร (2546) (ซา้ ย : 83 ขวา : 122)
20
ภาพที่ 2.11 จุดเด่นกับฉากหลงั หรอื จุดรอง
การวางตาแหนง่ ของจุดเดน่ มีหลกั การคอื จดุ เด่นจะวางอยใู่ กล้กับตาแหนง่ กงึ่ กลางของภาพแต่
ไม่ควรอยู่กลางภาพพอดี และไม่นิยมใหอ้ ยู่สูงหรือต่า ชิดซ้ายหรอื ขวา หรือติดมมุ มากเกนิ ไป ดภู าพที่ .11
นอกจากน้นั การวางจดุ เด่นหรอื จุดสนใจของภาพมวี ธิ ีการง่าย ๆ โดยแบ่งภาพสี่เหล่ยี มดา้ นซา้ ยและขวา
ออกเป็นสามสว่ น แบ่งภาพด้านบนและล่างออกเป็นสามส่วน เส้นท่ีตัดกันจะเกดิ จุดตัด A B C D จุดท้งั ส่ี
เปน็ ทว่ี างจดุ เด่นทเ่ี หมาะสมและควรวางจุดเดน่ เพยี งจุดเดียวไมใ่ ช่วางจนครบทง้ั สจี่ ุดนน้ั ดภู าพที่ 2.13 และ
ในการจัดภาพผู้สรา้ งสรรคน์ ยิ มกาหนดจดุ เดน่ อยู่ใกลจ้ ุดกง่ึ กลางของภาพ หรืออาจมีบางสว่ นของจดุ เดน่
ทบั จดุ กงึ่ กลางของภาพ ดูภาพที่ 2.12 และรอ้ ยละของความนยิ มการกาหนดตาแหน่งของจดุ เดน่ ดังภาพ
ท่ี 2.14
จุดเดน่ ทเี่ หมาะสมกบั ภาพ จดุ เดน่ ท่ีติดมมุ เกนไป จดุ เด่นที่อยู่สูงเกนิ ไป
ภาพที่ 2.12 การวางตาแหนง่ จดุ เด่น
21
AB 41 20
CD %%
25 14
%%
ภาพที่ 2.13 การกาหนดจุดเด่นทง้ั สจ่ี ดุ ภาพที่ 2.14 ร้อยละความนิยมการกาหนดจดุ เดน่ ในภาพ
ภาพที่มรี ปู ทรงซา้ กัน มีสี มคี า่ นา้ หนัก มีขนาด และรายละเอียดใกล้เคียงกนั จะทาใหผ้ ู้ดไู มเ่ ขา้ ใจ
จดุ มุ่งหมายวา่ ตอ้ งการให้รูปทรงใดเป็นจดุ เด่น ผ้ดู จู ะใหค้ วามสาคญั แกร่ ูปทรงนั้นเท่า ๆ กนั จากเหตุผล
ดงั กล่าว อาจเปน็ ประโยชนใ์ นแงก่ ารถ่ายทอดท่ีไมต่ อ้ งการเน้นจุดเด่นจดุ ใดจุดหน่งึ ซ่ึงอาจทาใหท้ กุ สว่ น
ของภาพมีความสาคัญเท่า ๆ กนั ทั้งนี้กข็ ้ึนอย่กู ับจดุ มุง่ หมายและความร้สู กึ ทผ่ี สู้ ร้างสรรค์ตอ้ งการ
แสดงออก ดูภาพที่ 2.15 เปน็ ภาพประกอบ ผลงานของ Evgeny Kiselev เนน้ จุดเด่นหลายจดุ มาก
ภาพท่ี 2.15 ภาพที่ไม่เน้นจุดเด่นจดุ ใดจดุ หนงึ่ ภาพท่ี 2.16 การสรา้ งจุดเด่นจุดรองด้วยการใช้คา่ น้าหนกั
ทมี่ า : Garrock Webster (Editor) (2007 : cover) (ซ้าย)
ท่ีมา : คณะจติ รกรรมประตมิ ากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศลิ ปากร (2546 : 101) (ขวา)
22
ในกรณีที่รูปทรงของจุดเดน่ มีหลายรปู ทั้งยังมีขนาดใกลเ้ คียงกันและอยู่ห่างกัน ผู้สร้างสรรค์
สามารถแก้ปญั หาได้โดยการใช้ค่านา้ หนักออ่ นแกข่ องรปู ทรงให้แตกต่างกนั หรือตัดรายละเอยี ดของ
รปู ทรงทเี่ ราไมต่ อ้ งการจะใหเ้ ป็นจุดเดน่ ออกไปมากบา้ งนอ้ ยบา้ งในแต่ละรูปทรง เพอ่ื ลดความสาคญั ของ
รูปทรงเหล่าน้นั ลง ผลงานของจักรพันธุ์ โปษยกฤต ชื่อภาพ กลมุ่ 2512 จิตรกรรมสนี า้ มนั ขนาด
160.5x200.5 เซนติเมตร
นอกจากการวางตาแหน่งของจดุ เดน่ ในภาพและการสร้างจดุ เดน่ จดุ รองในภาพแลว้ สง่ิ สาคัญท่ี
ต้องคานึงถงึ อีกอยา่ งหนง่ึ กค็ ือ ขนาดของจดุ เดน่ ซ่งึ ผูส้ ร้างสรรค์ควรทาจดุ เด่นให้มขี นาดทีเ่ หมาะสมกับ
กรอบภาพหรอื ขนาดของผลงานชนิ้ นนั้ ๆ ดว้ ย ชุดภาพตัวอยา่ งตอ่ ไปนี้เป็นการชใี้ หเ้ หน็ วา่ จุดเด่นทม่ี ขี นาด
เลก็ จุดเด่นทม่ี ขี นาดใหญ่ และจุดเด่นท่ีมขี นาดเหมาะสมนั้นแตกตา่ งกันอยา่ งไร ดงั ภาพที่ 2.17
จุดเดน่ มขี นาดเล็ก จุดเดน่ มขี นาดใหญ่ จุดเด่นมขี นาดเหมาะสม
ภาพที่ 2.17 การเปรียบเทียบขนาดของจดุ เด่นในภาพ
บทสรปุ
เนอ้ื หาทางศิลปะ หมายถงึ การแสดงความคิด และอารมณ์ ความรสู้ ึกเชงิ นามธรรมแฝงไวใ้ น
ผลงานศลิ ปะการเน้นเน้ือหาด้วยเรือ่ งราว สว่ นเรอ่ื งราวทางศิลปะ หมายถงึ การแสดงภาพความคิดเชิง
รูปธรรมท่ปี รากฏไว้ชัดแจ้งในผลงานศิลปะ ทั้งความเป็นนามธรรมและรูปธรรมในการแสดงออกของ
ศิลปนิ มีความสัมพันธก์ นั ใน 4 ลักษณะ ไดแ้ ก่ การเน้นเนื้อหาดว้ ยเรื่องราว เน้อื หาทีเ่ ปน็ ผลจากการ
ผสมผสานกันของศลิ ปนิ กบั เรอ่ื งราว เนอื้ หาท่ีเปน็ อสิ ระจากเรือ่ งราว และเนอื้ หาท่ไี มม่ เี ร่อื งราว การทจ่ี ะ
23
สร้างความสมั พันธแ์ บบใดข้นึ อยกู่ บั เจตนารมณ์ของศลิ ปนิ ผนู้ น้ั เม่อื วางแนวความคิดได้แล้ววา่ จะนาเสนอ
เนือ้ หาและเรอื่ งราวอยา่ งไร สิง่ ทตี่ อ้ งมีความรู้อย่างถ่องแท้คอื กลวธิ ใี นการจดั วางภาพเพ่อื ให้เกิดการ
ถา่ ยทอดความคิด อารมณแ์ ละความรูส้ ึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกลวิธีเหล่าน้ี ไดแ้ ก่ การตัดสินใจที่จะ
วางภาพในแนวตง้ั หรือแนวนอนโดยพจิ ารณาจากโครงสร้างส่วนรวมของรูป และการสร้างจุดเด่นและจุด
รองในภาพให้สง่ เสริมซ่งึ กนั และกนั อยา่ งลงตวั ความรูแ้ ละทักษะในการเลือกเน้ือหาและเร่ืองราวมา
สร้างสรรคโ์ ดยใชก้ ลวธิ ีในการจัดวางภาพเปน็ ส่ิงทผี่ ู้เรียนควรฝึกฝนอยา่ งต้ังใจและสม่าเสมอ และการ
สรา้ งสรรค์ผลงานต่าง ๆ นน้ั ไมว่ ่าจะเลือกใชว้ ธิ ีการอยา่ งไรก็ตอ้ งขึน้ อยกู่ ับตัวศลิ ปนิ เองท่ีต้องการถ่ายทอด
ให้ผูด้ ูได้รบั รู้หรือไดร้ ับความรู้สึกอยา่ งไร ฉะน้ัน จงึ ไมม่ ีวธิ ีในการเลอื กจดั วางหรอื นาเสนอองคป์ ระกอบ
ศลิ ปะใดจะถูกหรือจะผิดมากไปกวา่ ผลทผ่ี ู้ชมไดร้ บั อย่างทศี่ ิลปินตอ้ งการ
แบบฝึกหดั ทา้ ยบท
1. จงอธบิ ายความหมายของเนือ้ หาในทางศิลปะ
2. จงอธบิ ายความหมายของเร่อื งราวในทางศิลปะ
3. จงอธบิ ายความสมั พนั ธข์ องเนื้อหาและเร่ืองราวในทางศลิ ปะทง้ั 4 ลักษณะ
4. จงสรา้ งสรรคผ์ ลงานศลิ ปะในกระดาษ 100 ปอนด์ ขนาด A4 โดยเลือกการนาเสนอเนอ้ื หา 2
ลกั ษณะตามทีเ่ รียนมา และเวน้ กรอบรูป 1 เซนตเิ มตร และ วิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบศลิ ปะโดยระบเุ นื้อหา
และเรื่องราวที่ใชส้ ร้างสรรค์ ระบุกลวิธีในการจดั วางภาพ ทาไมวางภาพแนวต้งั /แนวนอน อะไรเปน็ จุดเด่น
จุดรองในภาพ ทฤษฎีสที ใ่ี ช้ ฯลฯ ระบตุ ามตวั อย่างด้านล่างน้ี
A4 ด้านหนา้ A4 ดา้ นหลงั
1.คาส่งั งาน............
2.ชื่อผลงาน.........(นกั ศึกษาต้งั เอง).
3.แนวความคดิ
เน้อื หาเก่ยี วกับ.......เรอื่ งราวเกย่ี วกับ....
ต้องการนาเสนอความคิดหรือ
ความรู้สกึ อย่างไร..
4.วิเคราะห์องค์ประกอบศิลปะ ยกตัวอยา่ ง
เช่น กลวธิ ีในการจัดวางภาพ จัดวางแนว.....
เพราะ.. จุดเด่นคือ.จุดรองคอื .....
สรา้ งจุดเด่นจดุ รองโดย........
5.ช่อื ศิลปินผสู้ ร้างสรรค.์ .....
วันทสี่ งั่ งาน.....วันที่ส่งงาน..........
24
ขอ้ แนะนา : วิธแี ละเง่ือนไขในการวเิ คราะห์องค์ประกอบศิลปะคือใช้ประสบการณ์การดารงชวี ิต
ของมนุษยห์ รือตัวนักศกึ ษาเปรยี บเทียบ หรือหาเหตุและผลความเปน็ ไปได้ทค่ี นทัว่ ไปปฏิบตั แิ ละหลกั การ
ความรูท้ ่เี รียนเพมิ่ มากขึน้ ต้ังแตบ่ ทท่ี 1 จนถึงความรู้ปจั จบุ นั ทีไ่ ดร้ บั จากการเรียนและขอ้ มูลทม่ี ากกวา่ จาก
ข้อมลู ทนี่ กั ศกึ ษาได้มีความรู้ไว้ก่อนหนา้ แล้ว และให้ทาเพ่ิมข้นึ ไปตามสาระทีไ่ ดเ้ รียนมากอ่ นหนา้ และ
ปจั จุบัน รวมทง้ั กาหนดให้ทาทกุ ครง้ั ไปท่ีมีการสั่งทาผลงานสร้างสรรคใ์ นบทตอ่ ๆ ไป
เอกสารอา้ งอิงประจาบท
คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลยั ศิลปากร. (2546) นทิ รรศการศลิ ปกรรม
เชดิ ชูเกยี รตจิ กั รพันธุ์ โปษยกฤต. กรงุ เทพมหานคร : อมรินทร์.
วริ ัลพัชร แสงวชั รมรกต. (2552) อ้างถงึ ใน thaigoodview.com (2009) องคป์ ระกอบศิลป.์
[ออนไลน์] สืบค้นไดจ้ าก www.thaigoodview.com/node/44957 เม่ือ 21 มิถนุ ายน 2558
มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร. (2546) การแสดงภาพพิมพแ์ ละวาดเสน้ นานาชาติ เนอ่ื งในวาระฉลอง
ครบรอบ 60 ปี มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร. กรงุ เทพมหานคร : อมรนิ ทร.์
มหาวิทยาลัยศิลปากร. (2546) การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครง้ั ที่ 46. กรงุ เทพมหานคร :
อมรินทร.์
มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร. (2546) การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครงั้ ที่ 49 ประจาปี 2546 ใน
โอกาสครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยศิลปากร. กรงุ เทพมหานคร : อมรินทร.์
Garrock Webster. (Editor) (2007) Computer arts. October, pp.cover.
Martidal-WordPress.com (ม.ป.ป.) ผลงานของประทปี คชบวั . [ออนไลน์] สืบคน้ ไดจ้ าก
https://martidol.wordpress.com/ประทปี -คชบวั / เมอื่ 21 มถิ นุ ายน 2558.
Phansakdi Chakkaphak (2552) Beauty in Bloom. Bangkok : Printing.
Sam Atkinson. (Editor) (2013) The Illustrated Story of Art. London : Doring Kinderskey.
Uta Grosenick and Burkhard Riemschneider. (Editor) (2005) Art Now 81 artist at the
rise of the New Millennium. Singapore : TASCHEN.
Uta Grosenick and Burkhard Riemschneider. (Editor) (2005) Women Artists in the20th
and 21st Century. Singapore : TASCHEN.
บทที่ 3
จุดกบั เสน้
เนอื้ หาประจาบท
1. จุดและทีม่ าของจุด
2. เสน้ และความรู้สกึ ของเสน้
3. ศลิ ปะจากจุดและเสน้
วตั ถปุ ระสงคป์ ระจาบท
1. เพื่อให้ผเู้ รียนสามารถอธิบายความหมายและทม่ี าของจดุ ได้ถกู ตอ้ ง
2. เพ่ือให้ผู้เรยี นสามารถอธิบายความหมายของเส้นและแปลความรูส้ ึกของเสน้ ไดถ้ ูกต้อง
3. เพือ่ ใหผ้ ูเ้ รยี นสามารถสรา้ งสรรค์งานศิลปะจากจุดและเส้นได้อย่างสวยงาม
ความนา
การสร้างสรรค์ผลงานศลิ ปะนนั้ ผสู้ รา้ งสรรคต์ ้องแสดงออกเพ่อื สอื่ สารซ่งึ ความคิด อารมณ์และ
ความรสู้ ึกลงไปในผลงานใหผ้ ูอ้ ่ืนได้รบั รู้ การสื่อสารดงั กล่าวแบ่งเป็น 2 ลกั ษณะคอื การสื่อสารส่ิงทีเ่ ป็น
เนื้อหา (นามธรรม) และเร่ืองราว (รูปธรรม) ทัง้ สองลกั ษณะมีความสัมพนั ธก์ นั หรอื ไม่ สมั พนั ธ์กันมาก
น้อยอยา่ งไร หรือไม่สัมพนั ธก์ นั เลย ผ้เู รยี นจะได้เรยี นรจู้ ากการทดลองปฏบิ ตั กิ ารสรา้ งสรรค์ผลงานใน
บทเรยี นเร่อื งจดุ กับเสน้ น้ี การแสดงออกเพือ่ การส่อื สารมกี ลวธิ ีในการจดั วางภาพท่ีทาให้ส่ือความหมายและ
เกิดความงามในผลงานได้เปน็ อยา่ งดหี ากผู้สรา้ งสรรคเ์ ข้าใจเลอื กกลวิธที เ่ี หมาะสม
จุดและท่มี าของจดุ
จดุ (Point) หมายถงึ การแต้มสมั ผสั เพยี งคร้ังเดียวทป่ี รากฏบนพ้ืนระนาบทเี่ หน็ ในภาพหรือ
พน้ื ผิวตา่ ง ๆ โดยมีรปู ร่าง ขนาด และสแี ตกตา่ งกันเพราะเปน็ สิ่งที่ขน้ึ อย่กู บั หัวสมั ผัสของอปุ กรณบ์ นพื้น
ระนาบนั้น เชน่ การใชป้ ลายแหลมของดนิ สอกับปลายทขู่ องดินสอ หรอื ปลายปากตดั ของสเี มจกิ กับปลาย
แหลมเล็กของปากกาเขียนแบบเบอร์ 0.01 จุดท่ไี ดจ้ ะมรี ปู รา่ งและขนาดตา่ งกัน
26
จุดมีทีม่ าจาก 2 แหลง่ ใหญ่ ๆ คือ
1. จดุ ทเี่ กดิ จากธรรมชาติ เช่น นา้ คา้ งปลายยอดหญ้า สวิ บนใบหน้า ผงฝนุ่ ละอองในอากาศ
หยดนา้ ท่กี ลิง้ อยู่บนใบบวั ดอกหญ้า ตัวอยา่ งภาพที่ 3.1 เปน็ ภาพที่มองในระยะไกล เราจะเหน็ เปน็ จดุ
ของท่งุ ดอกไม้ จดุ สีขาว เหลือง เขียว มว่ ง เป็นต้น
2. จดุ ทเ่ี กดิ จากฝมี อื มนุษย์ เช่น ผสู้ รา้ งสรรค์งานศิลปะใช้สนี ้ามนั จุดเป็นภาพทวิ ทัศนท์ อ้ งฟา้
ทะเล เรือใบ เปน็ ผลงานของ Childe, Hassam ชอื่ งาน At Sunset ดังภาพท่ี 3.2
ภาพที่ 3.1 ทุง่ ดอกไมส้ วนนงนชุ ภาพท่ี 3.2 At Sunset ค.ศ.1909
ท่มี า : ทิพยส์ ุคนธ์ อิทธปิ ระทีป (2558) ถา่ ยภาพ ทีม่ า : WikiArt.org (ม.ป.ป.)
เสน้ และความรสู้ ึกของเสน้
เส้น (Line) หมายถงึ รอยแนวยาวตอ่ เนอ่ื งกันหรือขาดตอนและกวา้ งไปตามการรา่ งหรอื การขดู
ขดี เขียนรอยนัน้ ซง่ึ อาจเกดิ จากการขดู ขีดเขยี นดว้ ยวัสดุเครอ่ื งเขียน หรือวสั ดอุ ื่นใดกไ็ ดท้ ส่ี ามารถขดู ขดี ได้
เชน่ ปากกาหมกึ ซมึ พูก่ ัน กบไสไม้ เกรยี งโบกปนู น้วิ มอื เปน็ ตน้ เส้นมี 2 ลกั ษณะ คอื เสน้ ตรง
(Straight Line) และเสน้ โคง้ (Curve Line) เสน้ ทง้ั สองลักษณะนี้เม่อื นามาจัดวางในแบบตา่ ง ๆ กนั จะมี
ชอ่ื เรียกแตกต่างกันไป อกี ทัง้ ให้ความหมายของความรูส้ ึกท่ตี ่างกนั อีกด้วย ซง่ึ อธบิ ายได้ดงั นี้
1. เสน้ ต้ัง เปน็ เส้นที่ขดี ในแนวด่งิ จากบนลงลา่ งเป็นตน้ เส้นตงั้ ให้ความรสู้ ึกทางความสูง มี
ความสงา่ งาม รสู้ กึ ได้ถงึ ความม่ันคงและแข็งแรง หนักแนน่ ในบางวฒั นธรรมนาเสน้ ต้งั ไปใช้เปน็
สญั ลกั ษณส์ ่อื ความหมายแทนความซือ่ ตรง
2. เสน้ นอน เป็นเส้นท่ีขดี ในแนวขวางจากซ้ายไปขวาเป็นต้น เส้นนอนใหค้ วามรูส้ ึกทางความ
กว้าง ส่ือความรสู้ กึ ได้ถึงความสงบ ราบเรียบ น่งิ และผอ่ นคลาย เราอาจเคยสังเกตวา่ เมอื่ ไปเท่ยี ว
ทะเลแล้วมองไปไกลสดุ สายตาจะเห็นเส้นขอบฟ้ากบั ขอบน้าเป็นเสน้ นอน ทาใหเ้ รารู้สึกผ่อนคลายความ
ตงึ เครียดไปได้ในเวลานัน้
27
3. เสน้ เฉียงหรือเส้นทแยงมมุ เปน็ เส้นทีข่ ีดในแนวเฉยี งจากบนลงลา่ งเป็นตน้ เส้นเฉียงให้
ความรู้สึกถงึ ความเคล่อื นไหว ไม่ได้เคล่ือนไหวอยา่ งเนิบนาบแต่เป็นความเคลอื่ นไหวเรว็ และแรง รู้สกึ ได้
ถึงความไม่ม่ันคง แตต่ ่นื เตน้ เรา้ ใจกวา่ เส้นตง้ั ทด่ี มู นั่ คงและเสน้ นอนที่สงบเรียบ
4. เสน้ หยกั หรือเสน้ ซกิ แซกแบบฟันปลา เปน็ เสน้ ทขี่ ีดในแนวเฉยี งจากบนลงล่างหรือลา่ งข้ึนบน
ในทศิ ทางตรงกนั ขา้ มสลบั กนั ไปทางซา้ ยทีขวาทเี ป็นตน้ เสน้ หยักใหค้ วามรสู้ กึ เคล่ือนไหวอยา่ งเป็นจงั หวะ
มีระเบยี บ ไมร่ าบเรยี บ แสดงให้ร้สู กึ ไดว้ า่ แหลมคมอันตราย น่ากลัว ขัดแย้ง รนุ แรง ในประเทศไทย
เสน้ หยกั ได้ถูกนามาใชเ้ ปน็ สญั ลกั ษณ์ของสายไฟฟา้ แรงสงู และในหลาย ๆ ครั้งกน็ าไปใชใ้ นกรณีอนื่
5. เสน้ โค้งแบบคล่ืน เป็นเส้นโค้งที่ขีดในแนวนอนหรือแนวเฉยี งกไ็ ด้โดยขีดเสน้ โคง้ ข้ึนและโค้งลง
สลับกันไปเป็นจังหวะท่ีเทา่ กนั หรือไม่เทา่ กันกไ็ ด้ เสน้ โค้งแบบคลน่ื ให้ความรสู้ กึ เคลือ่ นไหวอยา่ งช้า ๆ ลื่น
ไหลต่อเนือ่ งกันไป คล่ืนโคง้ ใหค้ วามรู้สกึ สภุ าพ ออ่ นโยน นุ่นนวล ในจิตรกรรมไทยนาเสน้ โคง้ แบบคล่นื มา
เปน็ สัญลักษณข์ องแมน่ ้า
6. เสน้ โค้งแบบกน้ หอย เปน็ เสน้ โค้งทข่ี ีดวนเปน็ วงกลม เสน้ ลักษณะน้ใี ห้ความรสู้ กึ เคลื่อนไหว
คลคี่ ลายหรอื เตบิ โตในทิศทางทีห่ มนุ วนออกมา ถา้ เพง่ มองเขา้ ไปข้างในจะเหน็ พลังความเคลอื่ นไหวท่ีไมม่ ี
ที่ส้ินสุด
7. เส้นหยกั และโคง้ เปน็ การขดี เสน้ แบบผสมกนั ระหวา่ งเสน้ หยกั กบั เส้นโค้ง การปนกนั อย่าง
ไมเ่ ปน็ ระเบียบจะใหค้ วามรสู้ กึ ขัดแย้ง สับสน วุ่นวาย น่าหงุดหงิดเพราะไม่เหน็ จดุ เร่มิ ตน้ การคลีค่ ลาย
และจดุ สิน้ สดุ
8. เสน้ ประ เป็นการขดี เส้นตรงแนวนอนหรือแนวตงั้ หรอื แนวเฉยี งแบบขาดตอนไมต่ ่อเนอื่ ง ขดี
เสน้ ส้นั บ้างยาวบ้างหรอื เสน้ ยาวเท่า ๆ กนั เส้นประให้ความรู้สกึ ไม่แนน่ อน ไม่ต่อเนื่อง ไม่ชัดเจน ลงั เล
สงสัย เคลือ่ นไหวชา้ ๆ เนบิ นาบ
เส้นตั้ง เส้นนอน เส้นเฉยี ง เสน้ หยักหรือเสน้
หรอื เส้นทแยงมุม ซกิ แซกแบบฟนั ปลา