78
เอกสารอา้ งอิงประจาบท
ชลูด นิ่มเสมอ. (2553) องค์ประกอบของศิลป์. พมิ พค์ ร้ังที่ 7 กรงุ เทพมหานคร: อมรนิ ทร์.
ธวชั ชยั สมคง. (2551) Fine Art. 5(42) เมษายน. หนา๎ 35.
มหาวิทยาลัยศลิ ปากร. (2546) การแสดงศลิ ปกรรมแห่งชาติ ครงั้ ท่ี 49 ประจาปี 2546 โอกาสครบ
60 ปี มหาวทิ ยาลัยศิลปากร. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลยั ศิลปากร.
ราชบัณฑติ ยสถาน. (2546) พจนานกุ รม ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2542. กรุงเทพมหานคร :
นานมบี ค๏ุ สพ์ บั ลิเคชั่น.
ประธานเหมยี ว. (2015) ชมศิลปินมอื คนไทย ขนมปังหน้าศพสุดสยองที่โด่งดงั ไกลถงึ เมอื งนอก.
[ออนไลน์] สืบคน๎ ได๎จาก http://www.catdumb.com/body-parts-bread/ เมือ่ 14
กมุ ภาพันธ์ 2558.
สถานีกองทัพบก ชอํ ง 5. (2558) เมก็ ซโิ กเตรียมรับเฮอรร์ ิเคน. [ออนไลน์] สืบคน๎ ได๎จาก
https://twitterthai.wordpress.com/2011/05/01/ เมอ่ื 15 กมุ ภาพันธ์ 2558.
Joule. (ม.ป.ป.) 1530 Main Blog : Beautiful Mutants. [ออนไลน์] สบื ค๎นไดจ๎ าก http://1530
main.com/dan-lam/ เมอ่ื 25 กรกฎาคม 2558.
Mitmaya. (ม.ป.ป.) อนุพงษ์ จันทร. [ออนไลน์] สืบคน๎ ไดจ๎ าก http://www.mixmagazine.in.th
view.php?ref=00000291 เมือ่ 14 กมุ ภาพนั ธ์ 2558.
MThai Travel. (ม.ป.ป.) Marble Caves มหัศจรรย์ถ้าหินอ่อน. [ออนไลน์] สบื คน๎ ได๎จาก
https://travel.mthai.com/world-travel/18942.html เมือ่ 15 สิงหาคม 2558.
Ralph Zoontjens. (2010) Coral-inspired 3D Printed. [ออนไลน์] สบื คน๎ ไดจ๎ าก http://
createyourcosmos.blogspot.com/2010/09/coral-inspired-3d-printed-lamps.html
เมือ่ 20 กรกฎาคม 2558.
Tom Patterson. (ม.ป.ป.) Terrain Texture Shader Software for Cnhancing Shaded
Relief on Maps. [ออนไลน์] สืบค๎นไดจ๎ าก http://www.shadedrelief.com/texture_
shading/ เม่ือ 15 สงิ หาคม 2558.
Uta Grosenick and Burkhard Riemschneider. (Edited) (ม.ป.ป) Art Now 81 Artists at the
Rise of the New Milennium. London : Taschen.
บทที่ 9
ท่วี ่าง
เนือ้ หาประจาบท
1. ความหมายของทว่ี า่ ง
2. คณุ ลักษณะของทว่ี ่าง
3. การสรา้ งภาพลวงตาในทีว่ า่ ง
วตั ถุประสงคป์ ระจาบท
1. เพื่อให้ผู้เรยี นสามารถอธิบายความหมายและคณุ ลกั ษณะของท่วี า่ งไดถ้ ูกต้อง
2. เพ่อื ใหผ้ ู้เรยี นสามารถสร้างสรรคง์ านศลิ ปะดว้ ยการใชท้ วี่ ่างได้อย่างสวยงาม
ความนา
ท่ีวา่ งเป็นองคป์ ระกอบศิลปะทส่ี าคัญอีกองคป์ ระกอบหนง่ึ ทวี่ ่างคืออะไร มีลกั ษณะอย่างไร เมื่อ
มอี งคป์ ระกอบศลิ ปะอน่ื ปรากฏขนึ้ ในที่วา่ งแลว้ ทว่ี ่างจะยังคงเปน็ ทวี่ ่างอกี ต่อไปหรือไม่ ทวี่ า่ งมคี วามหมาย
หรือมีความจาเป็นทจ่ี ะตอ้ งเรียนรูเ้ พราะอะไร ในพ้ืนทขี่ องการสรา้ งสรรคง์ านจิตรกรรมมีการสรา้ งภาพ
ลวงตาในพ้ืนทว่ี ่างด้วยกลวิธีท่ีหลากหลายมาก ซงึ่ ถา้ เราสังเกตผลงานเหลา่ นัน้ จะเหน็ และสรุปมาเป็นองค์
ความร้ทู ่เี ราสามารถนามาใชใ้ นการสรา้ งงานศิลปะของเราได้ ในบทเรียนน้ีนอกจากเรอื่ งท่ีว่างแล้ว ผู้เรยี น
จะไดเ้ รียนรู้เรอ่ื งของสัดส่วนซ่ึงเปน็ หลักการจัดองคป์ ระกอบทางศลิ ปะที่จะทาให้ผลงานมีความลงตัวอยา่ ง
พอเหมาะในการสรา้ งความสัมพันธข์ องขนาดรปู ทรงและองค์ประกอบอ่นื ๆ โดยเริ่มจากการศกึ ษา
ความหมายและลกั ษณะของสดั สว่ น และนาความรู้เหล่านี้มาทดลองปฏบิ ตั ิการสร้างสรรคผ์ ลงานท่ีมคี ณุ ค่า
ทางสนุ ทรยี ะ
80
ความหมายของท่วี ่าง
ชลูด นมิ่ เสมอ (2553:88-95) กล่าวว่า ทวี่ ่างตามปกติจะกวา้ งขวางจนหาขอบเขตมิได้ เป็นทท่ี ี่
ส่ิงท้งั หลายทั้งปวงดารงอยู่ ทีว่ ่างเป็นทศั นธาตทุ ี่มองไม่เหน็ จะปรากฏตัวกต็ อ่ เมื่อมีทศั นธาตอุ น่ื มากาหนด
รปู ร่างหรอื มาก่อให้เกิดปฏกิ ิรยิ าขนึ้ ทวี่ า่ งจงึ เปน็ เสมือนสนามหรือเวทีท่ีทัศนธาตอุ นื่ ๆ จะลงไปแสดง
ทศั นศิลปแ์ ต่ละประเภทใช้ทีว่ ่างต่างกันไปตามลกั ษณะของงาน จติ รกรรมใชท้ วี่ า่ งท่ีเป็น 2 มติ ิ
ประติมากรรมใช้ทวี่ ่าง 3 มติ ิ เป็นท่ีวา่ งจรงิ โอบล้อมลูบไลไ้ ด้และเจาะทะลุรปู ทรงได้ สถาปัตยกรรมใช้ทีว่ ่าง
เช่นเดยี วกับประตมิ ากรรมและยังเป็นทว่ี า่ งท่เี ราสามารถเขา้ ไปอยภู่ ายในได้อีกดว้ ย การเต้นระบาสมยั ใหม่
ก็เปน็ การสร้างทีว่ า่ งให้มคี วามหมายดว้ ยการกาหนดและเปลี่ยนแปลงทวี่ ่างด้ายรา่ งกายและความ
เคลอื่ นไหวของคน ดังนน้ั ความหมายและคุณลกั ษณะของที่ว่าง จงึ มีดงั น้ี
ท่วี า่ ง หมายถึง (1) ปริมาตรทวี่ ัตถหุ รือรูปทรงกนิ เน้ือทีอ่ ยู่ (2) อากาศท่โี อบล้อมรปู ทรงอยคู่ ือ
เมอ่ื รปู ทรงหนึ่งปรากฏในทวี่ า่ ง ผิวนอกท้ังหมดของรูปทรงน้ันจะถกู ห้อมลอ้ มอย่างแนบสนิทด้วยท่ีวา่ ง
ทนั ที (3) ระยะห่างระหว่างรปู ทรง หรือเรยี กว่าชอ่ งไฟ (4) ปรมิ าตรของความวา่ งที่ถูกลอ้ มรอบดว้ ย
ขอบเขต ได้แก่ ทว่ี ่างภายในของวัตถหุ รือรปู ทรง เช่น ท่ีว่างภายในหอ้ งหอ้ งหนง่ึ ท่ีถูกลอ้ มดว้ ยผนงั พ้นื และ
เพดาน ที่วา่ งภายในอโุ มงค์ พ้ืนท่ีของระนาบ 2 มิติหรือแผ่นภาพท่จี ติ รกรใช้เขยี นรปู ลงไป ได้แก่ กระดาษ
ผา้ ใบ ฯลฯ (5) การแทนค่าของความกลมกลืนลงบนระนาบที่เปน็ 2 มิติ เชน่ การเขยี นรูปให้เหน็ ลวงตา
วา่ มคี วามลึก ปฏกิ ริ ยิ าระหวา่ งน้าหนกั สี และรปู ทรงท่มี ผี ลตอ่ ประสาทตา เช่น จิตรกรรมแบบอ๊อปอาร์ต
(Op Art) ทเี่ กดิ จากปฏกิ ิริยาระหว่างทวี่ า่ งกับเส้น นา้ หนกั หรือ ทาใหผ้ ้ดู ูเหน็ ผวิ พื้นของภาพลกึ ตื้น นูน เวา้
เป็นการสรา้ งภาพลวงตาวธิ ีหนึ่ง ดังภาพที่ 9.1 งานศิลปะอ๊อป อารต์ ของ Victor Vasarely ช่อื ผลงาน
Marson ค.ศ.1966 และภาพกบั พ้ืนสามเหลยี่ มขาวดา ไม่มชี ่อื ศิลปิน
12 34
81
5
ผลงานของ Victor Vasarely ภาพกบั พืน้ สามเหลยี่ มขาวดา
ภาพท่ี 9.1 ท่ีวา่ งในงานศิลปะออ๊ ป อารต์
ทมี่ า : Farthing, Stephen (Editor) (2010:524) (ซ้าย)
ทมี่ า : Getty Image (2016) (ขวา)
คุณลักษณะของที่วา่ ง
คณุ ลักษณะของทว่ี า่ ง มี 7 ลักษณะ ดังน้ี
1. ท่ีว่างจริงและท่ีวา่ งลวงตา (Physical Space และ Pictorial Space) ท่ีวา่ งของงานศิลปะ
ประเภทสถาปตั ยกรรมประตมิ ากรรมเป็นทว่ี ่างจรงิ ทสี่ ามารถสัมผสั ได้ ส่วนทว่ี ่างในงานจิตรกรรมหรอื
ภาพพมิ พท์ ี่แสดงความตน้ื ลกึ เปน็ ท่วี า่ งลวงตา
2. ท่ีว่างแบบ 2 มิติ (Two dimensional Space) คอื ทวี่ ่างท่กี าหนดดว้ ยความกวา้ งและความ
ยาวเทา่ นนั้ เป็นที่วา่ งของผิวพืน้ ท่แี บนราบของส่งิ ใดสงิ่ หน่ึง เชน่ แผน่ ภาพ กระดาษ หรอื ผา้ ใบ ทีว่ า่ ง
ระหว่างรปู ทรงในงานจิตรกรรมท่มี ไิ ด้แสดงความลกึ
3. ท่วี ่างแบบ 3 มิติ (Three-dimensional Space) คอื ทวี่ ่างท่ีกาหนดด้วยความกวา้ ง ความ
ยาว และความลกึ เป็นทวี่ ่างท่มี ีปริมาตร เชน่ ปรมิ าตรของทวี่ า่ งในหอ้ งห้องหนง่ึ ทว่ี ่างทลี่ ูบไล้รูปทรง
3 มติ ิ ที่ว่างในทางลึกของงานจิตรกรรมทแ่ี สดงดว้ ยการประกอบกันขององคป์ ระกอบศิลป์หรือทศั นธาตใุ ห้
เกดิ ลวงตาเหน็ เปน็ 3 มติ ิ
4. ทว่ี ่างท่เี ป็นกลาง (Neutral Space) คอื ทีว่ ่างทย่ี ังคงเป็นความวา่ งอยู่ ยังไมม่ ีการกาหนด
ขอบเขตหรอื รูปรา่ งที่มีความหมายข้นึ ยงั ไมแ่ สดงปฏกิ ิรยิ าหรอื พลงั ใด ๆ ใหเ้ รารบั รไู้ ด้ เช่น ทวี่ า่ งของ
ผนัง แผน่ ผ้าใบ แผ่นกระดาษวา่ งๆ หรอื ทว่ี า่ งบนท้องฟา้
82
5. ที่วา่ งบวกและที่วา่ งลบ (Positive Space และ Negative Space) คอื รูปร่างท่มี ีรปู รา่ งเปน็
ท่วี า่ งบวก หรอื ทว่ี ่างทีทางาน (Active Space) ส่วนท่วี ่างท่ีอยรู่ อบ ๆ รูปร่างนัน้ เรียกวา่ ที่ว่างลบ หรอื ท่ี
วา่ งท่ีอยู่เฉย (Passive Space) ดังผลงานของ Mathilde Roussel-Giraudy ผลงาน หมอน หมอนเป็น
ที่วา่ งบวก มือเปน็ ท่วี ่างลบ หรอื อาจมองวา่ มอื เป็นทีว่ ่างบวก และหมอนและพ้นื ที่รอบหมอนเป็นทว่ี ่างลบ
ภาพที่ 9.2 ท่ีวา่ งบวกและท่วี ่างลบ
ท่มี า : CMYBacon (ม.ป.ป.)
6. ทว่ี ่างสองนยั (Ambiguous Space) คือ บรเิ วณทวี่ ่างท่ีถูกกาหนดด้วยเสน้ ให้เป็นรูปร่างขึ้น
แต่รูปรา่ งของท่วี างท่ีเกดิ ขึน้ นี้มีความสาคญั หรือความหมายเท่า ๆ กบั ที่ว่างทเี่ หลอื อย่จู นไม่อาจตัดสินไดว้ า่
สว่ นใดเป็นที่ว่างบวก ส่วนใดเปน็ ที่ว่างลบ ตัวอยา่ งศลิ ปะอ๊อป อารต์ ของศิลปินชอื่ M.C. (Maurits
Cornelius) Escher ช่ือผลงาน Regular Division of the Plane III ค.ศ.1957 มองภาพม้าขาว
และม้าดาสลับกัน
ภาพที่ 9.3 ที่ว่างสองนัย ภาพท่ี 9.4 ภาพสองนัยของ M.C.Escher
ท่ีมา : 1stdibs (2016)
83
7. แบบรปู ของทวี่ ่าง (Space Pattern) คอื รูปร่างหรอื บรเิ วณ 2 มิติของท่ีวา่ งที่ถูกกาหนดขึน้
ให้เปน็ บวก เป็นลบ หรอื เปน็ สอยนัย แบ่งออกไดเ้ ปน็ 2 แบบคือ แบบรปู ปดิ (Closed Pattern) เปน็ แบบ
รปู ของท่ีวา่ งที่มีเสน้ รอบนอกลอ้ มรอบบรรจบกัน และแบบรูปเปิด (Opened Pattern) เปน็ แบบรปู ของ
ทว่ี า่ งที่มีเสน้ รอบนอกเปดิ ออก หรอื พร่าเลือนท่ีจดุ ใดจดุ หน่ึงหรือหลายจดุ ภาพที่ 9.6 สเี หลอื งเปน็ แบบ
รูปปดิ สว่ นสีเขยี วเปน็ แบบรปู เปดิ
แบบรูปปิด แบบรปู เปดิ
ภาพท่ี 9.5 แบบรปู ของทว่ี ่าง
ภาพที่ 9.6 แบบรูปของท่วี า่ งปดิ และเปดิ
ท่ีมา : Prinz, Eva (Editor) (2005:74)
ภาพท่ี 9.7 ผลงาน The lighttest touch แสดงถึงปรมิ าตรของทว่ี ่างในพนื้ ที่หนง่ึ ๆ โครงสร้าง
ใชเ้ สน้ โค้งขนึ้ ลงทาให้เกิดพ้ืนท่ีว่างในแต่ละสว่ นเป็นรูปทรง 3 มิติ ทีว่ า่ งในทางลึกของงานสถาปัตยกรรม
ที่สามารถให้ผคู้ นเข้ามามีสว่ นร่วม ในการใชพ้ นื้ ทที่ ากจิ กรรม ในทีว่ า่ งส่วนต่าง ๆ ของงานสถาปัตยกรรม
ท่วี า่ งน้ีเราเรียกวา่ ท่วี า่ งแบบ 3 มิติ
84
ภาพท่ี 9.7 พื้นท่วี า่ งในงานออกแบบสถาปตั ยกรรม
ที่มา : Paphop Kerdsup (2016)
85
ภาพที่ 9.8 พื้นท่ีวา่ งในงานออกแบบสวนขนาดเล็กสาหรบั เล่นสเกต็ บอร์ด
ทมี่ า : Allison Sanchez (ม.ป.ป.)
การออกแบบสวนขนาดเล็กสาหรบั เล่นสเกต็ บอร์ด ผลงานของศลิ ปินชือ่ Juan Angel Chavez
ชาวเมอื งชคิ าโก ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ศลิ ปนิ ผู้ช่ืนชอบการออกแบบเชงิ สร้างสรรค์ศลิ ปะ เนน้ การ
ออกแบบพนื้ ที่ว่างให้สามารถใช้ประโยชน์ได้สงู สดุ และมรี ปู ทรงท่ีมที ี่ว่างทั้งภายในและภายนอกทีม่ ี
สนุ ทรยี ภาพทางศลิ ปะด้วย
การสรา้ งภาพลวงตาในทีว่ า่ ง
ทีว่ า่ งเปน็ องคป์ ระกอบศิลปะท่ีสาคัญทผี่ ูส้ รา้ งสรรคส์ ามารถนามาใชส้ รา้ งผลงานศลิ ปะ หรืองาน
ออกแบบได้เป็นอยา่ งดี การใช้ที่ว่างไปสร้างภาพลวงตา เพ่อื ทาใหผ้ ดู้ ูรู้สึกถงึ ความลกึ หรือระยะใกล้ไกล
ในงาน 2 มิติ ทาได้ 6 ลักษณะดังนี้ (ฉัตรชัย อรรถปักษ์ 2553:108-110)
1. การลวงตาดว้ ยขนาด ขนาดของรูปทใี่ หญ่กวา่ จะร้สู กึ ว่าอยูใ่ กล้ ส่วนขนาดทีเ่ ลก็ กวา่ จะทาให้
รสู้ ึกวา่ อย่ไู กลออกไป
ภาพที่ 9.9 การลวงตาดว้ ยขนาด
86
2. การลวงตาดว้ ยการจดั วางตาแหนง่ รปู ท่ีอยใู่ กลก้ รอบล่างของงานจะทาใหร้ ู้สึกวา่ อยู่ใกลร้ ูป
ทีอ่ ยสู่ งู ข้นึ ไปจะทาใหร้ ู้สึกว่าอยู่ไกลออกไป เชน่ เดยี วกับความรู้สึกว่าพ้ืนดินอยู่ใกล้ (ตดิ กรอบล่างของภาพ)
ท้องฟ้าอยู่ไกล (ตดิ กรอบบนของภาพ) โดยเฉพาะในภาพทิวทศั นจ์ ะใชเ้ ทคนคิ นมี้ าก
ภาพท่ี 9.10 การลวงตาดว้ ยการจัดวางตาแหนง่
3. การลวงตาดว้ ยทิศทางของเส้น เสน้ ทข่ี นานกนั กบั กรอบของงานจะทาให้ความรสู้ กึ วา่ อยใู่ กล้
กว่าเสน้ ท่มี ลี กั ษณะเฉยี งทแยงหรือโค้ง ซ่งึ ทาให้เกิดความรู้สึกเคลอื่ นไหวต่อเนื่องไปข้างหน้าและมีความลกึ
ภาพท่ี 9.11 การลวงตาด้วยทิศทางของเสน้
4. การลวงตาดว้ ยการซ้อนทับกันของรูป รปู ทีเ่ ห็นเตม็ ไมถ่ กู ซอ้ นทบั จะทาใหร้ ู้สึกวา่ อยู่ใกลก้ ว่า
รปู ท่ีถกู ซอ้ นทบั
ภาพท่ี 9.12 การลวงตาดว้ ยการซ้อนทับกนั ของรปู
87
5. การลวงตาดว้ ยพื้นผิว พ้ืนผวิ ทีม่ ลี กั ษณะหยาบจะทาให้รสู้ กึ วา่ อยู่ใกลก้ ว่าพ้ืนผวิ ทมี่ ีลักษณะ
เรียบละเอยี ด
ภาพที่ 9.13 การลวงตาดว้ ยพ้ืนผิว
6. การลวงตาดว้ ยคา่ น้าหนักของรปู กับพื้น รปู ทม่ี ีนา้ หนักแตกตา่ งกันจากพื้นหรอื บรรยากาศของ
ภาพมาก จะทาให้รสู้ ึกวา่ อยู่ใกล้ หากรปู มนี า้ หนกั แตกต่างจากพื้นนอ้ ยลงจะทาให้รูส้ กึ วา่ รปู อย่ไู กล
ออกไป เสมอื นวา่ รปู ถูกบรรยากาศบดบังกลืนให้พรา่ มัวลงเร่ือย ๆ ตามระยะทล่ี ึกเข้าไป
ภาพท่ี 9.14 การลวงตาด้วยค่านา้ หนกั ของรูปกับพ้นื
ภาพท่ี 9.15 ผลงานจติ รกรรมสนี ้ามัน ของศลิ ปนิ หญิงช่ือลาพู กันเสนาะ ชอื่ ผลงาน สงกรานต์
พ.ศ. 2554 ขนาด 200 x 400 ซม. แสดงความร่นื เริงทง้ั แม่แก่ หญงิ ไทยกบั ครู่ ักต่างชาติ และเดก็ ๆ ท่ี
เลน่ นา้ โดยขยายส่วนศีรษะ ใบหน้า และอวัยวะต่างท่ตี ้องการเน้น ให้มขี นาดใหญ่กว่าปกตติ ามการ
แสดงออกของอารมณค์ วามรสู้ ึกของผู้คนในการลดนา้ ดาหัวผู้ใหญแ่ ละการเลน่ น้าสงกรานต์ ส่วนตวั แขน
ขา ไมเ่ นน้ เพ่ือลดความสาคัญ ใหส้ ่วนอารมณข์ องใบหน้าเด่นชัดเจน ลวงตาด้วยขนาดของคนท่แี ตกต่างกนั
คนตัวใหญอ่ ยดู่ า้ นหน้า คนที่อยไู่ กลออกไปตัวเล็กลง คนทล่ี อย วาดให้อย่ใู นที่วา่ งเพ่ือให้เห็นวา่ ลอยอยใู่ น
อากาศ ภาพท่ี 9.16 การซอ้ นกันของรูปทรง รูปทรงทถ่ี ูกบงั ไวจ้ ะให้ความรู้สกึ วา่ อยูไ่ กลออกไป
88
ภาพท่ี 9.15 การสร้างภาพลวงตาดว้ ยขนาด
ที่มา : บรษิ ัท รกั บ้านเกิด จากดั (2016)
ภาพที่ 9.16 การสร้างภาพลวงตาดว้ ยการซอ้ นทับกนั ของรปู
ที่มา : M.C.Escher Winkel. (2016)
ภาพที่ 9.17 เป็นตัวอยา่ งผลงานการใชพ้ ื้นผวิ ท่ีมีลกั ษณะหยาบจะทาให้ร้สู ึกวา่ อยูใ่ กลก้ ว่าพ้นื ผวิ
ที่มลี กั ษณะเรยี บละเอียด เป็นเทคนิคคอมพวิ เตอร์กราฟกิ
89
ภาพที่ 9.17 การสร้างภาพลวงตาดว้ ยพนื้ ผิว
ท่ีมา : Pinterest (ม.ป.ป.)
บทสรปุ
ท่วี า่ งเป็นองคป์ ระกอบศลิ ปะหรอื ทศั นธาตุสดุ ทา้ ยท่ผี สู้ รา้ งสรรค์ควรรูจ้ ัก ทวี่ า่ งไร้ขอบเขต มอง
ไมเ่ หน็ และจะปรากฏให้เหน็ เมอื่ มอี งคป์ ระกอบศลิ ปะอ่ืนปรากฏข้นึ ทีว่ ่างมีลกั ษณะเฉพาะท่ีตา่ งไปจาก
องค์ประกอบศิลปะอน่ื เชน่ วาดรูปทรงสเี่ หลยี่ มลงบนกระดาษ วาดปลู งบนพืน้ หาดทราย ปัน้ รูปแมว
วางบนโต๊ะ รูปส่เี หล่ยี มและรูปปูเป็นองค์ประกอบศลิ ปะท่ีกนิ เนอื้ ที่ในทว่ี า่ งบนพื้นระนาบ ส่วนรปู ปน้ั แมว
เปน็ องคป์ ระกอบศลิ ปะทีก่ นิ เนือ้ ท่ีวา่ งในอากาศ ส่วนอน่ื ท่ไี ม่ใชร่ ูปสเ่ี หลี่ยม รูปปู หรอื รปู ปัน้ แมวจะเป็นที่
วา่ งที่ห้อมล้อมอยู่ การสรา้ งสรรคท์ ว่ี ่างใหส้ ัมพนั ธ์กบั องค์ประกอบศลิ ปะอ่นื ใหเ้ กิดสนุ ทรียภาพ เลา่
เรอ่ื งราว หรือส่ืออารมณค์ วามร้สู ึก หรือจนิ ตนาการอย่างไรขนึ้ อยู่กบั เจตนาของศิลปนิ หากจัดใหม้ ที ่ีว่าง
น้อยเกนิ ไปอาจทาให้ผูด้ ูผู้ชมผลงานศิลปะรสู้ ึกอดึ อัด แตห่ ากมผี ลงานศลิ ปะนัน้ มที วี่ ่างมากเกนิ พอดอี าจทา
ใหผ้ ูด้ ูมคี าถามถงึ ความหมาย หรอื คุณภาพของผลงานชน้ิ นั้น ๆ ได้ การทางานศลิ ปะหรืองานออกแบบ
ควรคานงึ ถึงการสรา้ งสรรคท์ ว่ี า่ งดว้ ยผลงานจงึ จะมีคณุ คา่
แบบฝึกหัดทา้ ยบท
1. จงอธิบายความหมายและคุณลักษณะของทวี่ า่ ง
2. จงอธิบายวิธีการสร้างภาพลวงตาในทวี่ า่ ง
3. จงสร้างสรรค์งาน ที่วา่ ง 2 รปู แบบบนกระดาษการ์ดแข็ง ขนาด A3 โดยไม่จากัดเทคนิค
90
เอกสารอา้ งอิงประจาบท
ฉตั รชยั อรรถปกั ษ.์ (2553) องคป์ ระกอบศลิ ปะ. พิมพค์ รัง้ ที่ 6 กรงุ เทพมหานคร : พิมพ์ด.ี
ชลดู นิ่มเสมอ. (2553) องค์ประกอบของศลิ ป์. พมิ พค์ รง้ั ที่ 7 กรุงเทพมหานคร : อมรินทร์.
บรษิ ัท รกั บา้ นเกิด จากัด (2016) สงกรานต.์ [ออนไลน์] สบื คน้ ได้จาก http://www.rakbankerd.com
/moca/view.php?id=6 เมื่อ 12 กรกฎาคม 2559.
1stdibs. (2016) M.C. (Maurits Cornelius) Escher. [ออนไลน์] สืบค้นได้จาก https://www.
1stdibs.com/art/prints-works-on-paper/figurative-prints-works-on-paper/mc-
maurits-cornelius-escher-regular-division-plane-iii/id-a_386562/ เมอื่ 12 กรกฎาคม
2559.
Allison, Sanchez. (ม.ป.ป.) This Artist Defies the Ordinary by Taking His Sculptures to
the Streets. [ออนไลน์] สืบค้นได้จาก http://uproxx.com/life/juan-angel-chavez-
artist/ เมื่อ 17 กรกฎาคม 2558.
CMYBacon. (ม.ป.ป.) Negative Space Pillow. [ออนไลน์] สบื คน้ ได้จาก http://www.cmyba
con.com/2010/09/negative-space-pillow/ เมื่อ 12 กรกฎาคม 2559.
Farthing, Stephen. (Editor) (2010) Art the Whole Story. London : Thames&Hudson.
Getty Image. (2016) Think Stock. [ออนไลน์] สบื คน้ ได้จาก http://www.thinkstockphotos.
com/image/stock-illustration-black-and-white-triangle-op-art/694491812 เมือ่ 12
กรกฎาคม 2559.
M.C.Escher, Winkel. (2016) Drie Werelden Reproductie. [ออนไลน์] สบื ค้นไดจ้ าก
http://winkel.mcescher.nl/drie-werelden-reproductie-zw-w เมอื่ 12 กรกฎาคม 2559.
Paphop Kerdsup. (2016) The Lightest Touch. in Art4d. [ออนไลน์] สืบคน้ ไดจ้ าก http://art
4d.com/2017/09/the-lightest-touch เมือ่ 12 กรกฎาคม 2559.
Pinterest. (ม.ป.ป.) Best texture Idea. [ออนไลน์] สืบค้นได้จาก https://www.pinterest.com/
559150109961362005/ เม่อื 12 กรกฎาคม 2559.
Prinz, Eva. (Editor) (2005) Installationview Ryan McGinness. New York : Rizzoli
International Publications.
บทที่ 10
ความกลมกลนื กบั ความขดั แย้ง
เนือ้ หาประจาบท
1. ความกลมกลืน
2. ความขดั แย้ง
3. การใชค้ วามกลมกลืนกับความขัดแยง้
วตั ถปุ ระสงคป์ ระจาบท
1. เพอ่ื ให้ผู้เรยี นสามารถอธิบายความหมายและความสาคัญของความกลมกลืนได้
2. เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถอธิบายความหมายและความสาคญั ของความขัดแยง้ ได้
3. เพอ่ื ให้ผู้เรยี นสามารถสรา้ งสรรคง์ านศิลปะดว้ ยการใช้หลกั ของความกลมกลนื และหลัก
ของความขดั แย้งไดอ้ ยา่ งสวยงาม
ความนา
หลกั การจัดองค์ประกอบศิลปท์ ่ศี ิลปินนามาใชค้ ู่กนั เสมอกค็ อื หลกั ความกลมกลนื และหลัก
ความขดั แย้ง ในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานศิลปะหากมแี ตก่ ารจัดวางองคป์ ระกอบอยา่ งกลมกลนื ไป
ท้งั หมดกส็ ามารถทาได้ แต่หากตอ้ งการสรา้ งผลงานให้ดนู า่ ตน่ื ตาตืน่ ใจยอ่ มตอ้ งใช้หลกั ของความ
ขัดแยง้ อยา่ งพอดีเขา้ รว่ มกบั ความกลมกลนื ดว้ ย ซงึ่ หลักการท้ังสองนี้เมอื่ นามาใช้ร่วมกันจะทาให้
ผสู้ ร้างสรรคส์ นุกกบั การสรา้ งผลงาน และผู้ชมก็สามารถรับรู้ถึงความรสู้ ึกแหง่ ความสนุก ตน่ื เต้นน้ีด้วย
เชน่ กนั ในธรรมชาติมีปรากฏทง้ั ความกลมกลืนและความขัดแยง้ เช่น พุ่มไม้สีเขยี วออกดอกเป็นสีแดง
ซ่งึ สีเขียวและสแี ดงเป็นสีคู่ตรงขา้ มกัน เม่ือมาอยรู่ วมกันทาให้พ่มุ ไม้นัน้ ดมู ชี วี ิตชีวาตามธรรมชาติ
92
ความกลมกลนื
ความหมายของความกลมกลนื
นักปราชญ์แหง่ วงการศิลปะได้ให้คานิยามของคาว่า “ความกลมกลืน” (harmony) ไวใ้ นแนว
เดียวกัน ดังน้ี ราชบัณฑติ ยสถาน (2546 : 74) ความกลมกลนื หมายถึง เข้ากนั ได้ดี ไมข่ ัดแย้ง
กนั และกาจร สนุ พงษ์ศรี (2559 : 305) อธบิ ายว่า ความกลมกลืน หมายถึง ความประสาน
สัมพนั ธ์กนั ประสานกัน ลงรอย ในทางปรัชญาสุนทรียศาสตร์ หมายถงึ ความบรรสาน ภาวะ
บรรสาน เปน็ ความกลมกลนื ของสิ่งที่ปรากฏอยู่ด้วยกันตงั้ แต่ 2 สิง่ ขน้ึ ไป เช่น ความบรรสานของ
เสยี งดนตรีที่บรรเลงร่วมกันเป็นวง หรือความบรรสานของสตี า่ งในจิตรกรรม หรือในธรรมชาติ
กล่าวโดยสรุป ความกลมกลืน หมายถงึ การประสานกนั ขององค์ประกอบศลิ ป์ เชน่ การ
ประสานกันของเสน้ การประสานกนั ของสี การประสานกนั ของเส้นกบั สี เป็นต้น
เราสามารถใช้ความกลมกลนื ไดก้ บั องค์ประกอบของศลิ ปะทุกองค์ประกอบ เชน่ การสร้าง
ความกลมกลนื ของเส้นโดยการขดี เส้นไปในทิศทางเดียวกนั ใชข้ นาดความหนาของเสน้ ใกล้เคยี ง (ก)
การสร้างความกลมกลนื ของสีโดยใชส้ โี ทนเดยี วกนั (ข) การสร้างความกลมกลนื ของคา่ น้าหนักแสงเงา
(ค) การสรา้ งความกลมกลนื ของรปู ร่างอสิ ระที่มลี ักษณะคล้าย ๆ กนั (ง) การสรา้ งความกลมกลนื
ของพนื้ ผิวโดยใช้ลกั ษณะของพนื้ ผวิ แบบเดยี วกันหรือใกลเ้ คียงกนั ทง้ั ภาพ (จ)
(ก) (ข) (ค)
(ง) (จ)
ภาพที่ 10.1 ชดุ ภาพตัวอย่างการใชค้ วามกลมกลนื ในการจัดองคป์ ระกอบศลิ ป์
93
ความสาคญั ของความกลมกลืน
หลักการจัดองค์ประกอบของศิลปะทส่ี าคญั คือ ความกลมกลนื ซ่ึงเปน็ การใชอ้ งค์ประกอบ
ของศลิ ปะใหป้ ระสานกนั ลงรอยกัน ทาใหผ้ ลงานทส่ี ร้างสรรค์มเี อกภาพ ดแู ล้วสอดคล้องไปด้วยกัน
ท้ังหมด ทาให้ผูม้ องเหน็ ผลงานรูส้ กึ ไดถ้ งึ ความอ่อนโยน นุม่ นวลของสรรพสงิ่ ท่ีผู้สร้างสรรคแ์ สดง
ออกมา แต่อย่างไรก็ตามหากผลงานศลิ ปะช้นิ นนั้ มีเพียงความกลมกลนื กนั ไปทั้งหมด อาจดไู มต่ ืน่ ตา
ตืน่ ใจ สง่ิ ทจี่ ะทาใหผ้ ลงานดมู ชี วี ิตชีวามากขึน้ กค็ ือการสร้างความขัดแยง้ ขององคป์ ระกอบของศลิ ปะ
ลงทา่ มกลางความกลมกลนื นน่ั เอง
ความขัดแยง้
ความหมายของความขัดแย้ง
ราชบณั ฑิตยสถาน (2546 : 176) นยิ ามคาวา่ “ขัดแย้ง”(contrast) หมายถงึ ไม่ลงรอยกัน
กาจร สุนพงษศ์ รี (2559 : 157) อธบิ ายไวว้ ่า ความขัดแย้ง คือ ความตรงกันข้าม ความเปรียบตา่ ง
ความผิดแผกแตกต่างกนั ถ้านาสิง่ ของสองส่งิ ทไี่ ม่เหมือนกนั หรือนาสองจนิ ตภาพหรอื นาผลงานศลิ ปะ
จานวนหน่ึงทแ่ี ตกต่างกนั มาเปรียบเทยี บ ก็สามารถเหน็ จุดตา่ งหรอื สว่ นทข่ี ัดแยง้ กันได้อย่างชัดเจน
เด่นชัดข้นึ สรุปความขัดแย้ง หมายถงึ สิ่งท่ีแตกตา่ งไปจากสงิ่ ส่วนรวมทีม่ อี ยู่ เปรียบต่างแล้วเห็นได้
อยา่ งชดั เจน เชน่ สแี ดงสดเปน็ วงเลก็ ๆ อยทู่ ่ามกลางความมืดของสนี า้ เงนิ ทาให้เห็นความแตกตา่ ง
ของสแี ดงสดนน้ั อย่างเด่นชดั กล่องสีเหลี่ยมสีขาวมหี มึกดาหยดเปน็ ดวงอยู่ 1 ดวง ทาให้เห็นความ
ตา่ งของขาวกบั ดาตดั กนั อย่างชัดเจน ซงึ่ เราสามารถใชค้ วามขัดแย้งได้กับองค์ประกอบของศลิ ปะทกุ
องค์ประกอบเชน่ เดยี วกบั การใชค้ วามกลมกลนื ในการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน เช่น การสร้างความขัดแยง้
ของเส้นโดยการขีดเส้นไปในทิศทางท่ไี มล่ งรอยกัน ใชข้ นาดความหนาของเส้นทแี่ ตกตา่ งกนั มาก ๆ (ก)
การสร้างความขัดแยง้ ของสีโดยใช้สคี ่ตู รงขา้ ม ตดั กนั อย่างรนุ แรง (ข) การสรา้ งความขดั แย้งของค่า
น้าหนกั แสงเงา (ค) การสรา้ งความขดั แยง้ ของรูปรา่ งที่มลี กั ษณะแปลกแยก (ง) การสรา้ งความ
ขดั แยง้ ของพืน้ ผวิ โดยใช้ลกั ษณะของพ้ืนผิวท่แี ตกตา่ งกันโดยสิน้ เชงิ (จ)
(ก) (ข) (ค)
94
(ง) (จ)
ภาพที่ 10.2 ชดุ ภาพตัวอย่างการใช้ความขดั แย้งในการจดั องค์ประกอบศลิ ป์
ความสาคญั ของความขดั แยง้
ผลงานศลิ ปะช้ินใดที่แสดงออกถึงความขัดแย้งอยา่ งรุนแรง ย่อมทาให้ผูม้ องเหน็ ผลงานรูส้ กึ ได้
ถงึ ความรนุ แรง ความแปลกแยกของสง่ิ ใด ๆ ท่ีจัดวางลงไปในความเปน็ ส่วนรวมทส่ี งิ่ นนั้ ไม่เข้าพวก
หลงฝงู โดดเด่นจนเป็นแกะดา การจดั องค์ประกอบของศลิ ปะลักษณะทีใ่ ช้ความขัดแยง้ อย่างรุนแรงน้ี
จะทาให้ผลงานชิ้นนน้ั ขาดเอกภาพ ดแู ลว้ ไมส่ บายตาไม่สบายใจ ตึงเครียดมากกวา่ จะทาใหด้ แู ลว้
ราบรนื่ มคี วามสุขเพลดิ เพลนิ แตอ่ ย่างไรกต็ ามความขัดเย้งทีไ่ มร่ ุนแรงจะช่วยสร้างความน่าประทบั ใจ
ต่อผมู้ องเหน็ ผลงานนนั้ ๆ เนอ่ื งจากภาพท่ีมีความขัดแยง้ ท่เี หมาะสมก็ชว่ ยให้ผลงานแสดงความรสู้ ึกถึง
ความตน่ื เตน้ เรา้ ใจ นา่ คน้ หา มากกว่าผลงานท่ีมแี ต่ความกลมกลนื เพียงอย่างเดยี วหรือมแี ต่ความ
ขดั แย้งอยา่ งรุนแรงเสมือนสตั ว์ปา่ ท่กี รรโชกใสม่ นุษย์
การใช้ความกลมกลนื กบั ความขัดแยง้
การสร้างสรรคผ์ ลงานศิลปะทใี่ ชท้ ้ังหลักของความกลมกลนื และความขัดแยง้ ต้องมีสัดสว่ นที่
พอเหมาะจงึ จะทาให้ผ้มู องเหน็ ผลงานน้ัน ๆ มคี วามสบายตา สบายใจ ผ่อนคลาย ไมอ่ ึดอดั หรอื ตึง
เครยี ด ในผลงานทีม่ คี วามกลมกลืนเป็นสว่ นรวม ควรมีความขัดแยง้ ประกอบเข้ามา 30 ถงึ 40
เปอรเ์ ซนต์เพือ่ ลดความกลมกลนื ท้งั หมดทอ่ี าจดูจืดชืด ในทางตรงกันข้ามในผลงานที่มีความขดั แยง้
เป็นส่วนรวม ควรมคี วามกลมกลืนประกอบเข้ามาในสัดส่วนดังกล่าวเช่นกัน เพื่อลดทอนความขัดแย้ง
ทรี่ นุ แรงลงไป และสร้างเอกภาพให้กับผลงานสรา้ งสรรคช์ น้ิ น้นั ๆ วิธกี ารใชค้ วามกลมกลนื และความ
ขัดแยง้ รว่ มกัน ทาไดห้ ลากหลาย เช่น
การใช้รูปร่างซ้ากนั และผสมผสานความแปรเปล่ยี นเลก็ น้อย จะทาใหเ้ กดิ การประสานกันของ
รูปร่างในภาพ (ก) การใช้น้าหนักเทาลดคา่ น้าหนกั ตัดกันอย่างรุนแรงของคา่ นา้ หนักขาวกบั ดา (ข)
การใช้สีวรรณะร้อนและมีสีวรรณะเย็นแทรกบ้างจะทาให้เกิดการประสานกันของสมี ากขึน้ (ค)
95
(ก) (ข) (ค)
ภาพท่ี 10.3 ชุดภาพตวั อย่างการใช้ความกลมกลืนและความขดั แย้งร่วมกัน
ภาพที่ 10.4 ผลงานของประเทือง เอมเจริญ ชอื่ ภาพ ใบบัว
ที่มา : รา้ นคา้ ออนไลน์ Inw Shop (2016)
ผลงานจิตรกรรม เทคนคิ สีนา้ มันของประเทือง เอมเจรญิ ศิลปินแหง่ ชาติ ชอ่ื ภาพ ใบบวั
ศิลปนิ ใช้ความกลมกลนื ของรูปรา่ งรปู ทรงกลม รูปทรงรี โค้งทง้ั ภาพ ทาใหด้ แู ล้วรสู้ ึกออ่ นโยน แต่
ศิลปินใชส้ แี ดง ส้ม สรา้ งความขดั แยง้ ในภาพทา่ มกลางสีเยน็ อย่างสีขาว ฟา้ นา้ เงนิ เขยี ว และดา ซึง่
เป็นสีส่วนรวมของภาพ ทาให้ใบบวั ใบน้ีมคี วามน่าสนใจมากข้นึ นอกจากนน้ั ศิลปินยงั เน้นค่าน้าหนัก
ของสอี ่อนกบั สเี ข้มตัดกนั โดยมนี า้ หนักสีอ่อนในวงกวา้ ง สว่ นใช้สเี ข้มซึ่งเปน็ สแี ดง สีสม้ ในวงแคบกว่า
แตม่ ีคา่ น้าหนักเข้มขน้ มากทาใหส้ เี หลา่ นม้ี พี ลงั ของความสด
96
ภาพที่ 10.5 ผลงานของเฉลิมชยั โฆษติ พิพัฒน์
ทม่ี า : Pinterest (ม.ป.ป.)
ผลงานจิตรกรรมของเฉลมิ ชยั โฆษิตพิพฒั น์ ศิลปินแหง่ ชาตอิ ีกทา่ นหนึ่ง ศิลปินมีเทคนคิ ในการ
ใช้ความขัดแยง้ ของการแบ่งภาพเปน็ ซกี ซ้ายและขวา และศลิ ปินไดล้ ดความขัดแยง้ และสรา้ งความ
น่าสนใจของภาพไดอ้ ยา่ งงดงามด้วยการใชค้ วามกลมกลืนของค่านา้ หนกั ขาวดาเทาและใช้ความขัดแยง้
ของแสงสขี าวตรงเสน้ แบ่งภาพซ้ายขวา เปน็ จุดเนน้ ใหเ้ กดิ ความเด่นในภาพอย่างชัดเจนด้วย กลวิธี
ทัง้ หมดจึงเกดิ เอกภาพของงานจติ รกรรมชน้ิ น้ี
ภาพที่ 10.6 สถาปตั ยกรรมห้องสมุดสาธารณะ Beyazit ที่เมืองอสี ตลั บูล
ท่มี า : Web Urbanist (2016)
97
สถาปัตยกรรมห้องสมุดสาธารณะ Beyazit ที่เมอื งอสี ตลั บูล ประเทศตุรกหี ลังนี้ ได้รับการ
บูรณะจากสถาปิกชื่อ Tabanliogle เป็นการออกแบบโดยใช้ความขดั แยง้ ระหว่างลักษณะของ
อาคารเกา่ ในประวตั ศิ าสตร์ ซึง่ เป็นอาคารท่ีมีโครงสร้างแบบเดมิ และพน้ื ผวิ ของวัสดุเดิมทข่ี รขุ ระ
สถาปนิกได้ออกแบบขยายอาคารเก่าน้ีโดยทาจดุ เชือ่ มขยายในรูปแบบทท่ี ันสมยั เพอื่ ทาให้โครงสรา้ ง
อาคารเกา่ และอาคารใหม่คาบเกีย่ วพ้นื ทีซ่ ง่ึ กันและกัน จดั วางโครงสร้างอาคารใหม่ในทศิ ทางในแนว
เฉยี งทีต่ ่างออกไป รวมท้งั การใชว้ ัสดผุ ิวเรียบ นับวา่ สถาปิกออกแบบได้นา่ สนใจ หวอื หวา แปลกตายง่ิ
ในการบรู ณะอาคารเกา่ ใหเ้ ขา้ กับอาคารรูปแบบสมัยใหม่นน้ั ยากที่จะทาใหป้ ระสบความสาเรจ็ ในการ
รักษาตน้ ฉบับไวไ้ ด้ ตวั อย่างน้ไี ดแ้ สดงถงึ ความสุดยอดของนักออกแบบ
ภาพท่ี 10.7 การออกแบบผลิตภัณฑโ์ คมไฟสาหรบั ตกแต่งบ้าน
ที่มา : Brown, MacKenzie (2016)
ภาพที่ 10.7 เป็นตวั อยา่ งของการนาหลักการจัดองคป์ ระกอบศลิ ปะมาประยุกต์ใช้ในงาน
ออกแบบผลิตภณั ฑ์โคมไฟ ซ่งึ เปน็ ผลติ ภัณฑ์สาหรับตกแตง่ บา้ นและมีประโยชนใ์ ช้สอยตามหน้าที่ของ
โคมไฟดว้ ย ผลงานออกแบบน้เี ป็นของ dwellstudio ชือ่ ผลงาน Contrast angular lines with our
curvy Linden Lamp เนน้ การออกแบบโดยใช้วสั ดุท่ีแตกตา่ งกันโดยส้ินเชิง คือใชก้ ารจกั สานแนว
บิดโคง้ ตดั กบั ความเรียบของพื้นผิวและรปู ทรงโป๊ะไฟ สรา้ งความขัดแย้งของการใช้วัสดุ การใช้พื้นผิว
ของลายเส้นและรูปทรงของวสั ดุ การออกแบบความเรยี บงา่ ยขัดกับความแปลกตาได้อย่างนา่ ท่ึง
98
ภาพท่ี 10.8 ภาพถา่ ยแฟชั่นที่แสดงความขัดแย้งของคา่ นา้ หนัก
ทมี่ า : Flavio Argemi (2015)
ภาพที่ 10.8 เปน็ การถา่ ยภาพแฟชั่นทแี่ สดงความขัดแย้งของการออกแบบเส้อื ผา้ และฉาก
หลงั ภาพซา้ ยมือเน้นการออกแบบเสื้อผา้ ด้วยค่านา้ หนกั ขาวดา พน้ื ผวิ ของจุดและเส้นบนเส้ือผ้า
นางแบบกับฉากพนื้ หลัง ภาพขวาเน้นการออกแบบเสอื้ นอกและกางเกงสีพนื้ ตดั กบั เสอื้ คอกลมลาย
ส่เี หล่ยี มเลก็ ๆ ด้านใน กาไลข้อมอื ลายจดุ และเก้าอ้ลี ายจดุ ถา่ ยภาพนางแบบบนฉากหลงั ลายเส้นตรง
แนวตั้งและพืน้ แนวนอนตดั กันด้วยทิศทางของเส้น ความขดั แย้งนีส้ ามารถสร้างความรู้สกึ ตื่นเตน้ เรา้ ใจ
ต่อผูช้ ม และความนา่ สนใจของภาพถ่ายแฟช่ัน
ภาพที่ 10.9 การออกแบบเครื่องประดบั
ทม่ี า : Flavio Argemi (2015)
99
ภาพท่ี 10.9 เปน็ ตวั อย่างการออกแบบเครื่องประดับทีใ่ ช้หลักการสรา้ งความกลมกลืนของ
ความโคง้ ของชิน้ งานทัง้ หมดในภาพรวม และสรา้ งความขัดแย้งด้วยลกั ษณะของวสั ดุสเี งนิ ตัดกบั สที อง
และความขัดแยง้ ดว้ ยรูปหวั กะโหลกซึง่ เป็นรูปทีม่ ีความหมายตดั กบั พน้ื ผิวเรยี บของเรือนแหวน
บทสรปุ
ความขัดแยง้ และความกลมกลืนสามารถอยดู่ ้วยกันได้ และทงั้ ความขดั แย้งและความกลมกลนื
กส็ ามารถนามาสร้างเปน็ องคป์ ระกอบส่วนรวมและสว่ นรองได้เช่นเดยี วกัน การสรา้ งสรรค์ผลงาน
ศลิ ปะหรอื การออกแบบในสาขาตา่ ง ๆ สามารถใชห้ ลักการความกลมกลืนและความขดั แยง้ น้ีไดอ้ ย่าง
หลากหลาย ดงั ในตัวอย่างท่ีใช้ความกลมกลืนของการใชว้ สั ดุลักษณะเดยี วกนั คลา้ ยกนั การใช้
ทิศทางของเส้น ลวดลายคล้ายกัน เป็นตน้ และการใช้ความขดั แย้งของการจัดวางองคป์ ระกอบของ
พ้นื ผวิ ของวัสดุ ค่านา้ หนกั ของสี ทศิ ทางของลวดลาย เปน็ ต้นทาให้เกดิ ความนา่ สนใจ แปลกตา นา่ ท่งี
แบบฝกึ หัดทา้ ยบท
1. ความกลมกลืนในการจดั องคป์ ระกอบศิลปห์ มายถงึ อะไร
2. ความขดั แยง้ ในการจดั องค์ประกอบศิลปห์ มายถึงอะไร
3. การใชค้ วามกลมกลืนกับความขัดแยง้ ท่เี หมาะสมในการจัดองคป์ ระกอบศิลป์ควรทา
อย่างไรจงยกตวั อย่างประกอบการอธิบาย
4. จงวเิ คราะหก์ ารใช้ความกลมกลืนกบั ความขัดแยง้ ในการจดั องค์ประกอบศลิ ป์ ของภาพ
Girl Before a Mirror (ศิลปิน Pablo Picasso เทคนิคสีนา้ มันบนผ้าใบ)
ภาพท่ี 10.10 ผลงานของ Pablo Picasso
ที่มา : Great Museums Television (2001-2017)
100
5. ใหน้ กั ศกึ ษาสร้างสรรคผ์ ลงานศิลปะส่อื ผสมโดยใชค้ วามกลมกลนื กบั ความขัดแยง้ เพ่อื สร้าง
ผลงานให้นา่ ตืน่ เตน้ เรา้ ใจ 1 ชิ้นขนาดไมน่ อ้ ยกวา่ 20 x 20 เซนติเมตรและไมเ่ กิน 30 x 30 เซนติเมตร
เอกสารอ้างอิงประจาบท
กาจร สนุ พงษศ์ ร.ี (2559) พจนานุกรมศพั ท์ทศั นศลิ ป์. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แห่ง
จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย.
ชลดู น่มิ เสมอ. (2553) องคป์ ระกอบของศิลปะ. พิมพค์ ร้ังท่ี 7 กรงุ เทพมหานคร : อมรนิ ทร์.
ราชบณั ฑิตยสถาน. (2546) พจนานุกรม ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2542. กรุงเทพมหานคร :
นานมบี ุ๊คส์พับลิเคชั่น.
รา้ นค้าออนไลน์ Inw Shop. (2016) Lotus Leaf ผลงานของประเทือง เอมเจรญิ ศลิ ปิน
แหง่ ชาติ. [ออนไลน์] สืบคน้ ไดจ้ าก http://moomsasom.lnwshop.com/product/
เม่อื 10 สิงหาคม 2559.
Brown, MacKenzie. (2016) Custom Jewelry Design Showcase. [ออนไลน์] สบื ค้นไดจ้ าก
https://www.cadcrowd.com/blog/custom-jewelry-design-showcase/ เม่อื 15
กรกฎาคม 2559.
Flavio Argemi. (2015) InspirationGrid. [ออนไลน์] สบื คน้ ไดจ้ าก http://theinspiration
grid.com/high-contrast-fashion-photography-by-chris-nicholls/ เมือ่ 18 กุมภาพันธ์
2559.
Great Museums TV. (2001-2017) In Our Time: The Museum of Modern Art.
[ออนไลน์] สืบคน้ ไดจ้ าก http://greatmuseums.org/explore/more/in_our_time_
the_museum_of_modern_art เมอื่ 14 กมุ ภาพันธ์ 2558.
Pinterest. (ม.ป.ป.) รวมยอดผลงานศลิ ปะภาพวาดของเฉลมิ ชยั โฆษติ พพิ ฒั น์. [ออนไลน์]
สบื ค้นไดจ้ าก https://www.pinterest.at/pin/324611085625026965/ เม่อื 12
กรกฎาคม 2558.
Pinterest. (ม.ป.ป.) Twist Lamp Design. [ออนไลน์] สบื คน้ ไดจ้ าก https://www.pinterest.
com/196891814929189484/ เมอ่ื 14 กมุ ภาพันธ์ 2558.
Web Urbanist. (2016) Architecture, Art, Design & Built Environment. [ออนไลน์]
สืบค้นไดจ้ าก http://weburbanist.com/2016/08/08/a-study-in-architectural-
contrasts-12-modern-meets-historic-additions/ เมอ่ื 18 กมุ ภาพนั ธ์ 2559.
บทท่ี 11
ดุลยภาพ
เนอ้ื หาประจาบท
1. ความหมายของดลุ ยภาพ
2. ลักษณะของดุลยภาพ
3. การใชด้ ุลยภาพของสแี ละน้าหนกั ในการจดั องค์ประกอบศิลป์
วัตถปุ ระสงคป์ ระจาบท
1. เพื่อใหผ้ ู้เรยี นสามารถอธิบายความหมายดลุ ยภาพในการจดั องคป์ ระกอบศลิ ปไ์ ด้
2. เพือ่ ใหผ้ เู้ รยี นสามารถอธบิ ายลักษณะของดุลยภาพในการจัดองค์ประกอบศลิ ป์ได้
3. เพ่ือให้ผเู้ รยี นสามารถบอกความส้าคญั ของการจัดองค์ประกอบศิลปใ์ ห้มดี ุลยภาพได้
4. เพื่อให้ผู้เรยี นสามารถประยกุ ต์ใชห้ ลักดุลยภาพในการจดั องคป์ ระกอบศลิ ป์ได้
ความนา
ดุลยภาพเปน็ หลกั การจัดองค์ประกอบศลิ ปท์ ่สี า้ คัญอกี หลกั การหน่ึง ซึ่งผ้สู รา้ งสรรคผ์ ลงาน
ศิลปะจะต้องค้านึงถงึ เสมอ ดลุ ยภาพทด่ี ใี นผลงานจะชว่ ยใหผ้ ชู้ มผลงานรบั รูไ้ ดถ้ งึ ความร้สู ึกผ่อนคลาย
ไมต่ งึ เครยี ดจากความขาดดลุ ยภาพ ดลุ ยภาพมี 2 ลกั ษณะ คอื ดุลยภาพแบบสมมาตรหรือแบบสอง
ข้างเหมอื นกัน และดุลยภาพแบบอสมมาตรหรอื แบบสองขา้ งไม่เหมอื นกัน ทง้ั สองลักษณะมีกลวธิ ี
ในการน้าเสนอแตกตา่ งกนั และให้ผลทางความคิด ความรสู้ ึก จนิ ตนาการ ทแ่ี ตกต่างกันโดยสิ้นเชงิ
เมื่อสังเกตดูรา่ งกายของคนเราทง้ั ซกี ซา้ ยและซกี ขวา ดูเผิน ๆ จะเหน็ ว่ามขี นาด สสี ันของอวัยวะ
เหมอื นกันเท่ากนั แต่เมอ่ื สงั เกตโดยละเอยี ดจะเห็นความแตกต่างกันอย่บู ้างหากรา่ งกายของคนผู้น้ัน
อย่ใู นภาวะปกติ เราจึงอาจกลา่ วได้วา่ ดุลยภาพเปน็ กฎเกณฑห์ นึ่งของธรรมชาติ ดงั เช่นรา่ งกายโดย
ปกตขิ องมนษุ ย์ สตั ว์ หรือใบพชื เป็นตน้ กฎเกณฑน์ ศี้ ิลปนิ ผู้ชาญฉลาดไดศ้ กึ ษาเรยี นรู้และนา้ มาใชใ้ น
การท้างานศิลปะมาโดยตลอดทุกยุคทกุ สมยั
102
ความหมายของดลุ ยภาพ
ราชบัณฑิตยสถาน (2546 : 412) อธบิ ายว่า ดลุ ยภาพ (balance) หมายถึง ความเท่ากนั
ความเสมอกนั ก้าจร สุนพงษศ์ รี (2559 : 69) อธิบายว่า ดลุ ดลุ ยภาพ ความเท่ากัน เป็นเรอ่ื ง
ของความรสู้ ึกวา่ ผลงานศลิ ปะนน้ั มดี ลุ ยภาพ แมว้ า่ จะจัดองคป์ ระกอบไม่เปน็ ไปตามหลักสมดุล
(symmetry) กต็ าม นอกจากน้ยี ังหมายถึงวธิ ีการสรา้ งด้วยการใชเ้ สน้ สี แสงเงา มติ ติ า่ ง ๆ รวมถงึ
สุนทรียธาตุทง้ั หลาย ใหเ้ กิดการ balance ข้นึ ในความรสู้ ึก ชลูด นม่ิ เสมอ (2553 : 371) กลา่ วว่า
ดลุ ยภาพ คือสภาพของการถ่วงดุลกันของนา้ หนัก อ้านาจ ฯลฯ ความกลมกลืนขององค์ประกอบศิลป์
ทีป่ ระกอบกันในงานชนิ้ หนึง่
สรปุ ไดว้ ่า ดลุ ยภาพในการนา้ มาใชจ้ ดั องคป์ ระกอบของศิลปะหมายถึงความเทา่ กันเสมอ
เหมอื นกันทง้ั ในแบบทเี่ หมอื นกันจริง ๆ กบั ในแบบทไี่ ม่เหมือนกนั แตเ่ ท่ากันในความรู้สึก ซึง่ การ
สรา้ งสรรค์งานศลิ ปะสามารถสรา้ งสรรค์ขน้ึ ได้ทง้ั สองแบบ
ลักษณะของดลุ ยภาพ
ชลดู นม่ิ เสมอ (2553 : 173-185) อธบิ ายวา่ ดุลยภาพมี 2 ลกั ษณะ คอื ดุลยภาพแบบ
สมมาตร (Symmetry หรอื Static Equilibrium หรอื Formal Balance หรือ Passive Balance)
กบั ดุลยภาพแบบอสมมตร (Asymmetry หรือ Dynamic Equilibrium หรือ Informal Balance
หรือ Active Balance)
1. ดลุ ยภาพแบบสมมาตรหรอื แบบสองขา้ งเหมอื นกนั ในทางศลิ ปะมใี ช้น้อย สว่ นมากจะใช้
ในลวดลายตกแต่งในงานสถาปตั ยกรรมบางแบบ หรือในงานทตี่ ้องการดลุ ยภาพนง่ิ และมนั่ คงจริง ๆ
ดลุ ยภาพแบบสมมาตรใหค้ วามรู้สึกหยุดนงิ่ เพราะเป็นการซา้ ของส่งิ ท่ีเหมือนกนั แต่กลับซ้ายเปน็ ขวา
เขา้ ประจนั หนา้ กัน
ดงั ภาพ ก โบสถ์วัดแม่พระปฏสิ นธินริ มล จงั หวดั จันทบุรี (ภาพถา่ ยจาก : facebook.com/
kungbassman) ออกแบบโครงสรา้ งทางสถาปัตยกรรม ใหม้ ดี ้านซา้ ยและดา้ นขวาเหมือนกนั เท่ากัน
ทกุ ประการ เรยี กวา่ ดลุ ภาพแบบสมมาตรอย่างแทจ้ รงิ สว่ นภาพ ข ศาลาพระสอ่ี ริยาบถ ความหมาย
ของช่ือ คือ พระไม้ เปลือย น่ัง นอน ยืน เดิน ในสอ่ี ิริยาบถ ในศาลา พิพธิ ภณั ฑบ์ ้านด้า จวั หวัด
เชียงราย ของถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแหง่ ชาติ สถาปตั ยกรรมนี้ก็เชน่ เดยี วกันออกแบบโดยใช้หลกั ดลุ ยภาพ
แบบสมมาตร หากแบ่งดา้ นซ้ายและด้านขวาของสถาปตั ยกรรมจะเหน็ วา่ มคี วามเหมอื นกนั เทา่ กนั
ความรสู้ ึกท่ไี ดร้ บั คือความโออ่ า่ สงา่ งาม มนั่ คง สงบ ไดบ้ รรยากาศของความศรทั ธาต่อสิ่งหน่ึงสิง่ ใด
103
ก. โบสถ์วดั แม่พระปฏิสนธนิ ิรมล จ.จันทบุรี ข. ศาลาพระส่ีอรยิ าบถ ในพิพธิ ภณั ฑ์บา้ นดา้
ภาพที่ 11.1 ลกั ษณะของดุลยภาพแบบสมมาตร
ที่มา : Painaidii (2011) (ซา้ ย)
ท่ีมา : Sanook Travel (2017) (ขวา)
2. ดลุ ยภาพแบบอสมมาตรหรอื แบบสองขา้ งไมเ่ หมือนกัน ท้าได้ 2 วธิ คี อื
2.1 การเล่ือนแกนกลาง ดงั ภาพที่ 11.2 จะเหน็ ได้ว่า ถงึ แมน้ ้าหนักทถ่ี ่วงอยู่ 2 ข้างนัน้
จะอยู่หา่ งจากเส้นแกนทางด่งิ ประมาณเท่า ๆ กัน แต่ขนาดของนา้ หนกั ไม่เท่ากนั ภาพนจ้ี ึงขาดดลุ ย
ภาพไป แต่ถ้าเราใชร้ ะยะของที่วา่ งเข้าช่วย ด้วยการเลอ่ื นเส้นแกนไปทางดา้ นที่มีน้าหนักมากกวา่
หรือเลือ่ นรปู ทรงท่มี ีนา้ หนักมากกว่าเขา้ หาแกน และเลอื่ นรูปทรงท่ีมนี ้าหนกั น้อยให้หา่ งจากแกนกลาง
ก็จะท้าให้เกดิ ดุลยภาพข้ึนได้ จดั เปน็ ดุลยภาพแบบอสมมาตร แบบเคลอื่ นไหวผสมกบั ดุลยภาพแบบ
หยดุ นิง่
ขาดดุลยภาพ เลื่อนแกนเพือ่ สรา้ งดลุ ยภาพ เลื่อนรูปทรงท่มี นี ้าหนกั นอ้ ย
ภาพท่ี 11.2 การเลอ่ื นแกนกลางกับเลื่อนรูปทรงเพื่อสร้างดลุ ยภาพแบบเคลือ่ นไหว
104
2.2 การใช้หนว่ ยท่มี ีขนาดเลก็ แตม่ รี ปู ทรงน่าสนใจ ถว่ งดุลกบั หนว่ ยท่ีมขี นาดใหญแ่ ต่มี
รปู ร่างธรรมดา รปู ทรงทนี่ า่ สนใจอาจมคี ณุ ลกั ษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง เชน่ เสน้ มคี วามนา่ สนใจกวา่
รปู ทรงมีชีวติ มากกว่า น้าหนกั น่าสนกุ กว่า น้าหนักออ่ นกวา่ แต่รูปทรงนา่ สนใจกวา่ (ก) สนี ่าสนใจกวา่
(ข) สรี ้อนใหค้ วามดึงดดู ตามากกว่า (ค) สมี ีความจดั นอ้ ยแต่รูปทรงมีความหมายกว่า ลักษณะผวิ
สนุกกว่า
(ก) รปู ทรงนา่ สนใจกวา่ (ข) สนี า่ สนใจกว่า (ค) สีรอ้ นดึงดูดตากวา่
ภาพท่ี 11.3 วธิ ีการใช้หน่วยท่มี ขี นาดเล็กถ่วงดลุ กับหนว่ ยท่มี ขี นาดใหญ่
การใช้ดลุ ยภาพของสีและนา้ หนักในการจดั องคป์ ระกอบศิลป์
ชลูด นิ่มเสมอ (2553 : 179-182) อธบิ ายการสรา้ งดลุ ยภาพของสี และดุลยภาพของ
นา้ หนกั ไว้ดังนี้
ดุลยภาพของสี จะต้องค้านึงถงึ คณุ ลกั ษณะ 4 ประการคือ
1. ความจัดของสี น้าหนกั ของสี
2. ขนาดหรือปริมาณของสี
3. ความตัดกันหรือความกลมกลนื กับสพี ื้น
4. ต้าแหน่งของเสน้ แกนทางดง่ิ
จดุ 2 จดุ ทมี่ ีสีเดยี วกันมนี า้ หนกั ความจดั และขนาดเทา่ กันจะใหด้ ุลยภาพแกท่ ี่วา่ งในภาพ
จุด 2 จุด มีสตี า่ งกันแต่มีความจัด น้าหนักและขนาดเท่ากัน จะให้ดุลยภาพแกภ่ าพเชน่ เดยี วกนั (ก)
แต่ถ้าจุดดา้ นหน่งี มสี ีใกล้เคยี งกับสพี น้ื ดลุ ยภาพจะเสยี ไป จะให้ความรสู้ กึ ว่ารปู เอยี งไปทางจุดท่ีมีสีตัด
กบั พ้นื (ข) วิธีแก้ ทา้ ได้ 2 วธิ ีคือ 1) เลอื่ นเส้นแกนทางดิ่งของภาพให้อย่ใู นตา้ แหน่งทใี่ กล้กบั จุดทมี่ ีสี
เป็นเด่นหรอื ทต่ี ดั กับพน้ื (ค) 2) ขยายขนาดของจุดท่กี ลมกลืนกับพน้ื ให้ใหญ่ข้ึน โดยไมต่ ้องเปล่ยี น
ต้าแหนง่ ของเส้นแกนทางดง่ิ (ง) ถา้ จดุ ข้างหนึ่งมีความจดั ของสีนอ้ ยกวา่ อีกข้างหน่ึง จุดน้นั จะต้อง
ใหญข่ ึ้นหรอื ต้องเลือ่ นเสน้ แกนของภาพเข้าใกล้จดุ ทมี่ คี วามจดั มากกว่า (จ)
105
(ก) (ข)
(ค) (ง) (จ) ขยายขนาดจุดทมี่ นี า้ หนักนอ้ ย
ภาพที่ 11.4 ดลุ ยภาพของสี
ดลุ ยภาพของน้าหนัก มีหลักการใกลเ้ คยี งกับดุลยภาพของสี กลา่ วคือ หนว่ ยทม่ี ีนา้ หนกั
ตัดกับนา้ หนกั ของพนื้ จะเปน็ หนว่ ยส้าคัญ มีความเด่น และรูส้ กึ มนี า้ หนกั ถ่วงมากกวา่ หนว่ ยขนาด
เทา่ กนั ท่ีมีน้าหนกั กลนื กับพ้นื การแก้ไขกท็ า้ ได้ 2 วธิ เี ชน่ เดียวกัน คอื 1) เลอ่ื นเสน้ แกนทางดิง่ ของ
ภาพให้อยูใ่ นตา้ แหน่งทใี่ กล้กบั จุดนา้ หนักท่ีเด่นหรือท่ีตัดกับพ้ืน (ภาพ ก) และ 2) ขยายขนาดพนื้ ทขี่ อง
น้าหนักท่ีกลมกลนื กับพ้ืนให้ใหญข่ น้ึ โดยไมต่ ้องเปล่ยี นตา้ แหน่งของเส้นแกนทางด่ิง ถ้าน้าหนกั ขา้ ง
หนง่ึ มคี วามน้อยกว่าอีกขา้ งหนงึ่ น้าหนกั ตรงน้นั จะต้องทา้ ให้มีขนาดพื้นท่ีใหญข่ น้ึ หรือต้องเล่ือนเส้น
แกนของภาพเข้าใกล้พื้นทีท่ ม่ี ีนา้ หนกั มากกว่า (ภาพ ข)
ภาพ ก ภาพ ข
ภาพท่ี 11.5 ดุลยภาพของน้าหนกั
106
ภาพท่ี 11.6 ธรรมชาติของความสมดุลในความรู้สกึ
ทมี่ า : Kyrnin, Jennifer (2016)
ดลุ ภาพคือการกระจายนา้ หนักของการจดั วางองคป์ ระกอบต่าง ๆ ในการออกแบบ ดุลยภาพ
เป็นการตคี วามภาพของแรงโนม้ ถว่ งในการออกแบบ องคป์ ระกอบขนาดใหญห่ นาแน่นดใู ห้ความร้สู ึก
เหมือนหนกั กวา่ ในขณะทีอ่ งคป์ ระกอบท่ีเลก็ กวา่ ดูเหมอื นเบากว่า ผ้สู รา้ งสรรค์สามารถปรับการ
ออกแบบดลุ ยภาพได้ ในภาพตัวอย่าง 11.6 ธรรมชาตขิ องความรู้สึกในจิตของมนุษย์ตอ้ งการความมี
ดุลยภาพ ไม่ว่าจะด้วยดลุ ยภาพแบบใด การจดั วางก้อนหนิ ก้อนแรกบนแทง่ ไม้ และการวางแผน่ หิน
ทง้ั สองแผ่นพรอ้ มกับกอ้ นหินก้อนเลก็ 2 กอ้ น และก้อนใหญ่อกี 2 กอ้ น ใหไ้ ดด้ ุลยภาพไมใ่ หก้ อ้ นหนิ
หลน่ ลงพ้ืนแมแ้ ต่ก้อนเดยี วเป็นวธิ ีการใชเ้ ทคนคิ ของดลุ ยภาพนน่ั เอง
ภาพท่ี 11.7 ผลงานของ Morgan, Robert C. : ดลุ ยภาพของน้าหนัก
ทม่ี า : Morgan, Robert C. (2003-2010)
107
ผลงานของ Morgan, Robert C. ชื่อผลงาน In the Air: Conceptual Art, North and
South จดั แสดงท่ี The Bertha and Karl Leubsdorf Art นิวยอร์ค ประเทศสหรฐั อเมรกิ า เปน็
ผลงานแนว Conceptual Art เนือ้ หาน้าเสนอเรอื่ งราวของบรรยากาศการคยุ กนั ของศิลปนิ ทางตอน
เหนือกบั ศลิ ปินทางตอนใต้ การจัดองคป์ ระกอบใช้หลกั ดลุ ยภาพของน้าหนกั น้าหนกั ของผา้ ปโู ตะ๊ สีด้า
มากกว่าสีขาว ชดุ จานและขนมบนผ้าปูโต๊ะสดี ้าใช้วัสดแุ กว้ ใสเพอื่ ลดน้าหนกั ลง ส่วนบนผา้ ปโู ต๊ะสี
ขาวมีจานเซรามกิ กบั มันฝร่ังสนี า้ ตาลของจริงทา้ ให้ดมู ีน้าหนักมากขึ้นเพอ่ื ถว่ งดุลกับโต๊ะดา้ นซ้าย เป็น
การใช้หลกั การจดั องคป์ ระกอบศิลป์ ดุลยภาพแบบอสมมาตร
ภาพท่ี 11.8 ผลงานของ Norman Epp : ดลุ ยภาพของพน้ื ผวิ
ที่มา : Norman Epp (ม.ป.ป.)
ผลงานของ Norman Epp ชอ่ื ผลงาน Sensual Shadows ใช้วสั ดไุ ม้วอลนัทกับโลหะ
(Walnut, Steel) ขนาด 21x4x4 นว้ิ เนือ้ หานา้ เสนอเร่อื งราวของพ้ืนทีว่ า่ งในการรบั รูแ้ สงกบั เงาซึง่
เปรยี บเทียบกับ “พนื้ ทีใ่ นจติ ” ผลงานเป็นศิลปะแนว Conceptual Art ในแบบของศิลปะรว่ มสมยั
ศิลปนิ ใชด้ ุลยภาพแบบอสมาตร เนน้ การใชพ้ ้นื ผวิ ทแี่ ตกต่างกันแต่อยรู่ วมกันได้อยา่ งพอดี เนือ้ โลหะมี
ความหนัก แต่ใชใ้ นปรมิ าณน้อยกวา่ เน้ือไม้และใช้โลหะทม่ี สี สี ว่างทา้ ให้ดูเบา ถว่ งดุลใหผ้ ลงานดูมชี ีวิต
นา่ สนใจมาก
108
ภาพที่ 11.9 ผลงานของ Megan Puls ดลุ ยภาพของขนาดและพ้ืนผวิ ของวัสดุ
ท่ีมา : Robflye (2011)
ผลงานของ Megan Puls ช่ือผลงาน Reserve 2 ค.ศ.2011 เทคนคิ เคร่ืองเคลอื บดนิ เผา
และดนิ เผา ใชห้ ลกั การจดั องค์ประกอบแบบอสมมาตร โดยวธิ ีการเล่ือนแกนสมมาตรมาทางขวา ใช้
จา้ นวนของวัตถุด้านซ้ายมากกวา่ ดา้ นขวาแต่เป็นเครอื่ งเคลอื บทา้ ใหด้ ูผวิ เรยี บ ให้ความรู้สึกว่ามีน้าหนกั
เบา ส่วนดา้ นขวามีจา้ นวนของวัตถุน้อยกว่า มีขนาดใหญ่กว่า และมีพืน้ ผวิ ของวัตถุทีข่ รุขระ ทา้ ให้
รสู้ ึกว่ามีนา้ หนกั มากกวา่ เมอื่ เลื่อนแกนสมมตรแลว้ จึงทา้ ให้ผลงานศลิ ปะช้นิ นสี้ มดุล แบบอสมมาตร
คอื สมดลุ หรอื มดี ลุ ยภาพดว้ ยความรู้สึก
บทสรปุ
ดลุ ยภาพเป็นหลักการจัดองคป์ ระกอบศลิ ปท์ ่คี วามส้าคัญไม่ยิ่งหยอ่ นไปกว่าหลักการอน่ื วิธี
การแก้ปญั หาในการสร้างสรรคโ์ ดยใช้หลกั ดุลยภาพท้าไดอ้ ย่างหลากหลาย ดุลยภาพแบบสมมาตรจะ
ทา้ ใหผ้ ู้มองเหน็ ผลงานนั้นมคี วามสงบ ส่วนดุลยภาพแบบอสมมาตรจะท้าให้ผมู้ องเหน็ ผลงานนนั้ มี
ชีวิตชีวาสนกุ ตน่ื เตน้ เรา้ ใจไดม้ ากหรอื นอ้ ยขึน้ อยู่กบั การน้าเสนอของผู้สรา้ งสรรค์ ผลงานศลิ ปะบาง
ช้ินบางประเภทก็ต้องใช้หลกั ดลุ ยภาพแบบสมมาตร ส่วนผลงานศิลปะจา้ นวนมากผสู้ รา้ งสรรค์จะใช้
หลักการดลุ ยภาพแบบอสมมาตรในวธิ ีการต่าง ๆ ดงั กลา่ วไปแลว้ ข้างตน้ ผลงานศิลปะชิน้ ใดที่มีดลุ ย
ภาพผลงานนัน้ ก็มีสุนทรียภาพสงู และท้าใหผ้ ู้มองเห็นงานสบายอารมณ์สบายใจผอ่ นคลาย มีความสุข
109
แบบฝึกหดั ทา้ ยบท
1. ดลุ ยภาพในการจดั องคป์ ระกอบศิลปห์ มายถงึ อะไร
2. ดุลยภาพในการจัดองค์ประกอบศิลปม์ ีกลี่ ักษณะ อะไรบา้ ง จงอธิบาย
3. หลักดุลยภาพมีความสา้ คญั อย่างไรต่อการจัดองคป์ ระกอบศลิ ป์
4. จงวิเคราะห์การใชห้ ลักดลุ ยภาพของผลงานทีก่ ้าหนดให้ 2 ภาพ
ภาพที่ 11.10 ส้วมทองคา้ ของวัดรอ่ งขนุ่ ผลงานของเฉลมิ ชัย โฆษิตพพิ ฒั น์
ที่มา : MThai.com (2016)
ผลงาน Conceptual Art ทน่ี า้ เอาวตั ถทุ ่ใี ชใ้ นชีวิต ภาพรายละเอียดของผลงาน
มาสรา้ งสรรค์เป็นงานศลิ ปะ
ภาพท่ี 11.11 ศิลปะสมัยใหม่ของศลิ ปนิ ชอ่ื Jean Shin
ทมี่ า : Design Soak Art & Design Inspiration Magazine (2017)
5. ใหน้ ักศกึ ษาสรา้ งสรรค์ผลงานศลิ ปะสอื่ ผสมโดยใชห้ ลักดลุ ยภาพ 2 มติ ิ ขนาด A4 และ
3 มิติ ในพ้ืนทีไ่ ม่เกินขนาด 40x40x40 เซนตเิ มตรอยา่ งละ 1 ชิ้น
110
เอกสารอา้ งอิงประจาบท
กา้ จร สุนพงษศ์ ร.ี (2559) พจนานุกรมศพั ท์ทศั นศลิ ป์. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์แหง่
จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย.
ชลูด นม่ิ เสมอ. (2553) องคป์ ระกอบของศิลปะ. พิมพค์ ร้งั ที่ 7 กรุงเทพมหานคร : อมรินทร.์
ราชบัณฑิตยสถาน. (2546) พจนานุกรม ฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542. กรงุ เทพมหานคร:
นานมบี ุ๊คสพ์ บั ลิเคชนั่ .
Design Soak Art & Design Inspiration Magazine. (2017) Modern Artist Jean Shin.
[ออนไลน์] สบื คน้ ได้จาก http://www.designsoak.com/modern-artist-jean-shin/
เมือ่ 14 มกราคม 2560.
Kyrnin, Jennifer. (2016) Balance- Basic Principles of Design. [ออนไลน์] สืบค้นไดจ้ าก
https://www.thoughtco.com/balance-design-principle-3470048 เมือ่ 2 มกราคม
2559.
Morgan, Robert C. . (2003-2010) In the Air: Conceptual Art, North and South.
Artcritical. The online magazine of art and ideas. [ออนไลน์] สบื ค้นไดจ้ าก
http://www.artcritical.com/2013/04/18/open-work-hunter-college/ เมอ่ื 2
มกราคม 2559.
MThai.com. (2016) มาเทีย่ วชมความงดงามของวดั รอ่ งข่นุ จ.เชยี งรายกนั . [ออนไลน์]
สืบคน้ ไดจ้ าก https://travel.mthai.com/blog/5920.html เม่อื 14 กมุ ภาพันธ์ 2559.
Norman Epp. (ม.ป.ป.) Conceptual Sculpture. [ออนไลน์] สืบคน้ ไดจ้ าก http://www.nor
manepp.com/Archives/SensualShadows/index.php เมื่อ 2 มกราคม 2559.
Painaidii. (2011) 9 โบสถค์ รสิ ตส์ ดุ งาม ในเมอื งไทย. [ออนไลน์] สืบค้นไดจ้ าก http://www.
painaidii.com/diary/diary-detail/001256/lang/th/ เมือ่ 2 มกราคม 2559.
Robflye. (2011) Balance. [ออนไลน์] สืบคน้ ได้จาก http://flyeschool.com/content/
Balance เมื่อ 3 มกราคม 2559.
Sanook Travel. (2016) รวี ิวพพิ ิธภัณฑบ์ ้านดา จ.เชียงราย ของอ.ถวลั ย์ ดัชนี ทที่ อ่ งเทย่ี ว
ที่ควรไปเยอื นสักครั้ง. [ออนไลน์] สืบคน้ ได้จาก http://travel.sanook.com/1399005/
เมอ่ื 2 มกราคม 2559.
บทท่ี 12
จังหวะกับความเคลอื่ นไหว
เนื้อหาประจาบท
1. จงั หวะ
2. ความเคล่ือนไหว
วัตถปุ ระสงคป์ ระจาบท
1. เพ่ือให้ผเู้ รยี นสามารถอธบิ ายความหมายและการใชจ้ งั หวะในการจัดองค์ประกอบศิลป์ได้
2. เพ่ือให้ผเู้ รยี นสามารถอธิบายความหมายและการใชค้ วามเคล่ือนไหวในการจดั
องค์ประกอบศลิ ปไ์ ด้
3. เพ่อื ให้ผเู้ รยี นสามารถประยกุ ตใ์ ช้จังหวะและความเคลอ่ื นไหวร่วมกบั หลักการอ่ืน ๆ ในการ
จดั องคป์ ระกอบศลิ ป์ได้
ความนา
หลกั การจัดองค์ประกอบศิลปอ์ ีก 2 หลกั การ คอื จงั หวะ และความเคลือ่ นไหว จงั หวะ
เปน็ รปู แบบท่ีรับร้ไู ด้งา่ ย เช่น อาการกา้ วเดนิ ของเท้าซา้ ยสลับกับเทา้ ขวาในภาวะการเดินตามปกติ
ในชวี ิตประจาวันของมนษุ ย์ การเตน้ ของหัวใจ การหายใจเข้าและออกเปน็ จงั หวะทีเ่ ทา่ ๆกนั ต่อเน่อื งกนั
ลวดลายผิวหนังของสตั ว์บางชนิด เชน่ ลายปลอ้ งแดงเหลืองบนลาตวั ก้ิงกือ ลวดลายผวิ หนงั งู เป็นตน้
ในงานออกแบบลวดลายผา้ ลวดลายเครอ่ื งประดับ ลวดลายลูกกรงเหล็ก การออกแบบเกา้ อ้รี ูปลกั ษณ์
เดยี วกันทจี่ ดั วางในเครอื่ งบนิ รถยนต์ รถไฟ เป็นต้น สว่ นความเคล่ือนไหวเปน็ เร่อื งของการรับรู้
ความร้สู ึกว่าวัตถุใดวตั ถหุ นึ่งท่เี รามองเหน็ เกดิ อาการเคล่อื นไหว ทัง้ ทเ่ี ห็นว่าเคลื่อนไหวจรงิ ๆ และ
เคล่ือนไหวในจติ ของผู้ดู เชน่ การยืนอย่ทู ่ีถนนแลว้ มองไปในระยะไกลจะเห็นถนนแคบลง ผดู้ รู สู้ กึ ได้
ถงึ ความเคล่ือนไหวของมิตริ ะยะทาง การเคล่อื นทขี่ องของเลน่ ทีม่ ีกลไกอยู่ภายใน เป็นตน้ การใช้
จงั หวะและการสรา้ งความเคลอ่ื นไหวในการสรา้ งสรรคง์ านศลิ ปะ และงานออกแบบให้มคี วามน่าสนใจ
จะต้องอาศัยความเข้าใจในกลวธิ นี าเสนออย่างมสี นุ ทรียภาพ
112
จังหวะ
ความหมายของจงั หวะ
ราชบัณฑติ ยสถาน (2546 : 298) อธิบายว่า จังหวะ (Rhythm) หมายถึง ระยะที่
สมา่ เสมอ เช่น หวั ใจเต้นเป็นจงั หวะ ระยะทีก่ าหนดไว้เปน็ ตอน ๆ เชน่ เพงลงจังหวะช้า จงั หวะเร็ว
พดู เป็นจังหวะ กาจร สุนพงษศ์ รี (2559 : 503) อธิบายวา่ Rhythm แปลวา่ จงั หวะ ลลี า เป็นคา
สาคัญในสนุ ทรยี ศาสตร์ ปรัชญาศลิ ป ศิลปะวิจารณ์ และทฤษฎศี ลิ ป์ ใชใ้ นงานศิลปะทกุ สาขา เปน็
ผลลพั ทจ์ ากการจัดสุนทรียธาตุใหบ้ งั เกิดจงั หวะลีลาตามตอ้ งการ ในทางทศั นศลิ ปจ์ ังหวะลลี าเกิดจาก
การใชเ้ สน้ สี แสงเงา ช่องวา่ งช่องไฟ หรอื อนื่ ๆ ทางทศั นศลิ ปธาตุ (องคป์ ระกอบของศลิ ปะ)ใหเ้ กดิ
จงั หวะลลี าตามต้องการ
ชลูด นิ่มเสมอ (2553 : 192) อธบิ ายว่า จงั หวะ คือ การซา้ ท่ีเป็นระเบียบ จากระเบียบ
ธรรมดาท่มี ีชว่ งห่างเทา่ ๆ กันมาเป็นระเบียบท่สี งู ข้ึนซบั ซ้อนจนถงึ ขั้นเป็นรูปทรงของศลิ ปะ มนษุ ย์
รบั รจู้ ังหวะได้รวดเร็วและรนุ แรงกว่าวิธีการอื่น เพราะชีวิตของมนุษย์ถูกควบคุมอยดู่ ้วยจังหวะ คอื
จงั หวะการเตน้ ของหวั ใจ เสียงกลองที่ให้ความรู้สกึ เรง่ เร้าอารมณ์กเ็ พราะจังหวะของกลองนน้ั รัวถี่
เหมอื นกบั จงั หวะของหวั ใจในเวลาท่ีเราต่นื เตน้ จงั หวะท่เี นิบนาบให้อารมณส์ งบนา่ เบอื่ หรืองว่ งนอน ก็
เป็นเชน่ เดยี วกบั จังหวะของหัวใจในขณะที่เรามีอารมณ์อยา่ งนนั้ จงั หวะในงานศิลปะคือ การซา้ อย่าง
มเี อกภาพและความหมาย (ภาพ 12.1) จงั หวะเป็นกฎขอ้ หนึ่งของเอกภาพทเ่ี กิดจากการซา้ ของรูปทรง
สรปุ จังหวะในงานศลิ ปะคือ ระยะการซา้ ท่มี กี าหนดไว้อยา่ งเป็นระเบยี บและมคี วามหมาย
อาจเป็นจงั หวะของสี รปู ทรง เส้น แสงเงา พื้นท่ีวา่ ง พน้ื ผิวกไ็ ด้ จงั หวะในลกั ษณะช้าหรอื เรว็ สามารถ
สอื่ ถงึ ความรู้สกึ ท่ีแตกต่างกนั ได้ จงั หวะทีซ่ ้า ๆ กนั จะเกดิ แบบรปู (Pattern)
ภาพท่ี 12.1 จังหวะการซ้าของรูปทรงชา้ ง ณ วัดช้างลอ้ ม จงั หวดั สุโขทัย
ท่มี า : Invision Power Board (2007)
113
การใชจ้ งั หวะในการจดั องคป์ ระกอบศลิ ป์
จงั หวะเป็นหลักการจดั องค์ประกอบศลิ ป์ทส่ี ร้างสรรค์ใหเ้ กดิ จนิ ตนาการและความคิดและ
อารมณค์ วามรูส้ กึ ได้อย่างหลากหลาย ซึ่ง ชลดู นิ่มเสมอ (2553 : 192) อธบิ ายวา่ การเกดิ จงั หวะ
ทาได้ 2 ลกั ษณะ คอื การซา้ ของหนว่ ยหรือการสลบั กนั ของหนว่ ยกบั ช่องไฟ และการเลอื่ นไหล
ตอ่ เน่อื งกนั ของเส้น รปู ทรง น้าหนกั หรือสี จงั หวะของงานจิตรกรรมหรอื ประตมิ ากรรมเป็นการซ้า
หรือการไหลตอ่ เนอ่ื งกันของรปู ทรงในพน้ื ทว่ี ่าง พน้ื ทีว่ ่างเป็นตัวคงที่ แตจ่ งั หวะเปน็ ตัวทาใหเ้ กิด
ความเร็ว ความชา้ ความถี่ ความหา่ ง การไหลของรปู ทรงหรือของน้า คอื การเคล่ือนไหว
การใชจ้ ังหวะท่ีเกิดจากการซ้าของหน่วย เป็นการปรากฏตวั บนพืน้ ท่ีว่างของหน่วยตัง้ แต่ 2
หนว่ ยขึ้นไป โดยมีท่ีวา่ งคัน่ อยรู่ ะหวา่ งหน่วย พน้ื ท่ีว่างจะทาหน้าทเ่ี ปน็ ตัวกาหนดความถี่ห่างของ
จังหวะ หน่วยทจี่ ะนามาวางซ้าเหลา่ นี้ ไดแ้ ก่ เสน้ นา้ หนกั สี รปู ทรง พน้ื ผวิ จังหวะมี 3
ลกั ษณะ คอื จวั หวะซ้า จงั หวะกา้ วหน้า และจงั หวะสลับ ดงั ตวั อย่าง การใชอ้ งค์ประกอบของ
ศิลปะ ได้แก่ เส้น นา้ หนัก และสี มาจัดให้เปน็ จังหวะทงั้ 3 ลกั ษณะ (ภาพท่ี 12.2)
1. จังหวะซา้ 2. จังหวะกา้ วหน้า 3. จงั หวะสลับ
(ก) จังหวะของเสน้
(ข) จงั หวะของนา้ หนกั
(ค) จังหวะของสี
ภาพที่ 12.2 การใช้จงั หวะที่เกิดจากการซ้าของหนว่ ย
114
จงั หวะทเี่ กดิ จากการเลอ่ื นไหลหรอื การลาดับขั้นท่ตี อ่ เน่อื ง เปน็ จังหวะของการเล่อื นไหลท่ตี อ่
เนื่อของเส้น และการลาดบั ขั้นของนา้ หนกั สี และรูปทรง โดยไม่มีทีว่ ่างมาคน่ั การกาหนดจังหวะอยู่
ที่ลกั ษณะการเคลื่อนไหวขององคป์ ระกอบศลิ ป์ เชน่ เส้นลูกคลน่ื ที่เลอ่ื นไหลไปอย่างสมา่ เสมอจะให้
จังหวะตอ่ เนื่องทเ่ี ทา่ ๆ กัน น้าหนกั ทคี่ ่อย ๆ จางลงเปน็ จังหวะที่ถดถอย สที เี่ พม่ิ ความจัดขึ้นเปน็
ขัน้ ๆ ให้จงั หวะที่ก้าวหนา้
ภาพท่ี 12.3 จังหวะของการเล่อื นไหลทต่ี อ่ เน่ือง
ที่มา : Imre Farago (2010) (ซ้าย)
ทม่ี า : Article Illusion (ม.ป.ป.) (ขวา)
ผลงานศลิ ปะอ๊อปอารต์ ของวิคเตอร์ วาสาเลย์ ภาพซา้ ยเปน็ ประตมิ ากรรมตง้ั อย่ดู ้านหน้าหอ
นาฬกิ าของโบสถ์พอลีน (Pauline Church) ผลงานประกอบดว้ ย ลักษณะของกล่มุ สี 15 กลุ่มสี มี
ความสูงทัง้ หมด 26 เมตร ศิลปนิ ใช้การจัดจังหวะของสีอย่างตอ่ เน่อื ง สว่ นภาพขวาเปน็ จิตรกรรม
ศิลปนิ ใชจ้ งั หวะการเลือ่ นไหลของเส้น สี และพืน้ ท่ีวา่ ง
ภาพที่ 12.4 จังหวะของการเล่อื นไหลที่ตอ่ เน่อื งของสถาปัตยกรรม
ที่มา : Contemporist (2017)
115
ผลงานการออกแบบสถาปัตยกรรมของ Steyn Studio บรษิ ัทสถาปตั ยกรรมในประเทศ
อังกฤษ ผู้ออกแบบโบสถบ์ อสเจส (Bosjes Chapel) ซงึ่ ตั้งอยทู่ ่ฟี ารม์ บอสเจสวินยาร์ดในแหลม
ตะวนั ตกของอาฟรกิ าใต้ นกั ออกแบบทางานรว่ มกับบรษิ ัทสถาปตั ยกรรมในทอ้ งถ่ินคอื บริษัททวี ี3
สถาปตั ยกรรม (TV3Architecs) เพอื่ สร้างความมชี ีวติ ให้กับสถาปตั ยกรรม ผลงานน้ีใชจ้ ังหวะของ
เสน้ โคง้ ทต่ี ่อเนื่องขนึ้ และลงอยา่ งงดงาม เวน้ จังหวะของพื้นทวี่ า่ งสลับกนั ไป
ความเคลื่อนไหว
ความหมายของความเคลอ่ื นไหว
ราชบัณฑติ ยสถาน (2546 : 231, 263) อธบิ ายว่า ความ หมายถงึ อาการ ส่วนเคลื่อนไหว
หมายถงึ ไม่อยูน่ ่งิ ไม่คงที่ เม่ือรวมกนั เปน็ คาวา่ “ความเคล่อื นไหว” จึงหมายถึง อาการของการอยู่
ไมน่ ิ่ง ไมค่ งที่ การเคลือ่ นไหวขององค์ประกอบของศิลปะ อาทิ เสน้ นา้ หนกั พื้นทวี่ ่าง สามารถทา
ใหเ้ กดิ ขึ้นได้อย่างมสี ุนทรยี ภาพ
การใช้ความเคล่ือนไหวในการจัดองคป์ ระกอบศิลป์
ชลดู น่มิ เสมอ (2553 : 53, 62, 103, 201) กล่าวถึงการทาใหเ้ ส้น นา้ หนกั พน้ื ทว่ี ่างเกดิ ความ
เคลอ่ื นไหว และจงั หวะของการจัดองคป์ ระกอบศิลป์ท่เี กดิ ความเคลื่อนไหว ดงั นี้
1. เสน้ สามารถแสดงความเคลอื่ นไหวได้ ไดแ้ ก่ เส้นซึ่งเปน็ โครงสร้าง (Structural Line)
และเสน้ แบบคาลลิกราฟิก (Calligraphic Line) เสน้ โครงสร้างคอื เส้นท่ีมองไมเ่ ห็นด้วยตา เป็นเสน้
ในจินตนาการที่ผูด้ รู ้สู กึ หรอื ปะติดปะต่อเช่ือมโยงจากจุดหน่ึงไปอีกจดหน่ึง เสน้ ชนิดนเ้ี ดินทางดว้ ย
ความรสู้ กึ ไมใ่ ช่ด้วยการเหน็ พลังอานาจในงานศลิ ปะท่จี ะเคลอื่ นไหวหรอื หยุด่ นิง่ ผอ่ นคลายหรือตึง
เครยี ด กอ็ ยู่ท่ีเส้นโครงสร้างหรอื เสน้ ภายในทีม่ องไม่เหน็ นี้ เส้นโครงสร้างนี้ ได้แก่ เสน้ แกนของ
รูปทรง เสน้ รปู นอกของกลมุ่ รปู ทรง เส้นทล่ี ากดว้ ยจนิ ตนาการจากจุดหนง่ึ ไปยังอกี จดุ หน่ึง (ลากเส้น
ต่อจุดในจินตนาการ) เส้นทแ่ี สดงความเคลื่อนไหวของพ้นื ท่วี ่าง เปน็ ต้น ส่วนเสน้ แบบคาลลิกราฟิกคอื
เสน้ ท่ีเกิดจากรอยตวดั ของพูก่ ันหรือปากกา เป็นสัญลักษณข์ องอารมณ์ แสดงจังหวะของความ
เคลอื่ นไหว แสดงบคุ ลิกภาพของผูเ้ ขยี น ให้ความงามในตวั ของมันเอง เสน้ ในงานวาดเสน้ และ
เสน้ ลายมอื ในการเขียนหนังสอื กเ็ ช่นกันมีลกั ษณแ์ ละอารมณ์เปน็ สว่ นตัว เปลย่ี นแปรได้หลายแบบอาจ
ใหค้ วามรสู้ กึ ออ่ นแอ เข้มแขง็ ออ่ นหวาน กลา้ แขง็ เหลา่ น้เี ปน็ การนาเสนอเส้นให้เกิดความเคลือ่ นไหว
ตามทิศทางของการตวัด (ภาพท่ี 12.5-12.6)
116
ลายเซ็นต์เฉลิมชัย โฆษิตพิพฒั น์ ศลิ ปนิ แหง่ ชาติ
ภาพที่ 12.5 เสน้ ลายเซนตแ์ สดงความเคลอื่ นไหวตามอารมณ์
ภาพที่ 12.6 ผลงานลายเส้นของปัญญา วิจินธนสาร
ทีม่ า : Bloggang.com 2557
2. นา้ หนกั สามารถนามาสร้างความรสู้ กึ เคลอ่ื นไหวไดด้ ้วยการนาสายตาของผูด้ ู บริเวณที่มี
นา้ หนกั ตดั กันจะดึงดูดความสนใจ และถ้ามบี ริเวณทน่ี ้าหนกั ตดั กันหลายแหง่ จะนาสายตาใหเ้ คลอ่ื น
จากบรเิ วณหนึ่งไปอกี บรเิ วณหน่งึ ตามจงั หวะท่ีศิลปินกาหนดไว้ ซ่ึงอาจกลมกลนื สม่าเสมอ หรอื
กระแทกกระทนั้ รุนแรง ตวั อยา่ งภาพท่ี 12.7 ผลงานศลิ ปะการจัดวาง (Installation Art) เป็นการ
แสดงสร้างน้าหนักใหม้ ีความเคลอ่ื นไหวสายตาตามแสงไฟทจ่ี ดั วางแนวโค้งคล่นื โดยจัดวางให้ลอยอยู่
ทา่ มกลางฉากโดยรอบเปน็ เส้นตรงตดั กับเส้นโค้ง เส้นตรงทุกเสน้ ขดี ตรงเคล่อื นไหวนาสายตาไปยงั จดุ
ศนู ยก์ ลางที่เป็นรปู ส่ีเหลย่ี ม นา้ หนกั ของเงามืดตดั กบั จังหวะของน้าหนักแสงไฟทส่ี วา่ งในแนวคลนื่ โคง้
ต่อเนอื่ งทาใหผ้ ลงานศิลปะจดั วางชนิ้ น้ีดโู ดดเด่นสงา่ งามขน้ึ
117
ภาพท่ี 12.7 การเคล่ือนไหวของน้าหนักจากแสงไฟ
ท่ีมา : Pinterest (ม.ป.ป.)
3. พ้นื ทว่ี ่างแสดงความเคล่อื นไหวพร้อม ๆ กบั องค์ประกอบศิลป์อนื่ เชน่ จุด เสน้ รปู ทรง
น้าหนกั เป็นตน้ ชลูด นิ่มเสมอ (2553 : 103) อธิบายว่า พ้นื ทวี่ ่างโดยปกติจะมคี า่ เป็นศนู ย์ แตเ่ ม่อื
มสี งิ่ ใดสงิ่ ปรากฏขน้ึ กจ็ ะเกิดปฏกิ ิรยิ าหรอื พลังเคล่อื นไหวชดั เจนขนึ้ เช่น เสยี งหน่ึงท่ปี รากฏใความเงียบ
ความสวา่ งทา่ มกลางความมดื พลังเคลอื่ นไหวในงานศิลปะสว่ นมากจะเกิดจากการเคลอ่ื นไหวของ
สายตาผูด้ ูจากจดุ หนึ่งไปยงั อีกจดุ หน่ึง เคล่อื นไปตามเสน้ ตามสี ตามนา้ หนกั อ่อนแก่ท่มี อี ยูใ่ นภาพผา่ น
ไปในพ้นื ท่ีวา่ งลักษณะตา่ ง ๆ ความรสู้ ึกจากความเคลอ่ื นไหวไปตามทีศ่ ลิ ปินกาหนดในผลงานศลิ ปะน้ี
ทาใหเ้ กดิ ความรูส้ กึ ทางศิลปะและอารมณท์ างสนุ ทรียภาพแกผ่ ูด้ ู เชน่ แสดงความเคลื่อนไหวของ
เส้นและพ้นื ทวี่ า่ งในผลงาน Lloyd Hamrol-balloons Installation และผลงาน A whirligig โดย
ศิลปินช่ือ Lyman Whitaker แสดงความเคลอื่ นไหวของรูปทรงวตั ถใุ นพน้ื ทว่ี า่ งกลางอากาศ
(ก) ผลงาน Lloyd Hamrol-
balloons Installation
118
(ข) ผลงาน A whirligig
Kinetic Art
ภาพท่ี 12.8 ความเคล่ือนไหวในพ่ืนทว่ี ่าง
ทมี่ า : Pinterest (ม.ป.ป.) (ภาพ ก)
ทม่ี า : วิกิพเี ดีย สารานกุ รมเสรี (ม.ป.ป.) (ภาพ ข)
ภาพท่ี 12.9 จังหวะของลวดลายแบบอะบอริจน้ิ ของประเทศออสเตรเลีย
ที่มา : University of Oregon Museum of Natural and Cultural History (2014)
119
การเขยี นภาพระบายสบี นเปลอื กไม้ ลวดลายในรปู แบบด้ังเดิมของชาวอะบอริจน้ิ ในประเทศ
ออสเตรเลยี เปน็ ตวั อย่างของการใชจ้ งั หวะซ้า การใช้จังหวะสลับ เพอื่ ให้เกดิ ความรสู้ กึ ของความ
เคลื่อนไหวทเี่ ปน็ ระเบยี บ การสร้างพนื้ ผวิ เปน็ จงั หวะที่แน่นอน เกดิ ลวดลายท่ดี สู บาย ๆ บ่งบอกถงึ วิถี
ชีวิตแหง่ ความสุขของผคู้ นในชนเผ่าอะบอรจิ ้นิ ภาพบนเป็นการใชส้ ีสองสีเปน็ สขี องรปู และสขี องพ้ืน
ส่วนภาพล่างเปน็ การใช้สไี มก่ ีส่ ีท่ซี า้ กนั เป็นจังหวะที่ดมู ชี ีวิตชีวา ซงึ่ ดูผิวเผินเหมือนจะมรี ูปท่ีซ้ากัน แต่
เมอื่ สงั เกตจะเหน็ ถึงความแตกต่างในรายละเอียดของลวดลายในรปู สัตวแ์ ตล่ ะตัวท่ีต่างกนั ดว้ ย
บทสรปุ
จังหวะของความเคล่ือนไหวไม่วา่ จะเปน็ แบบเนิบชา้ เรว็ แรง เปน็ ระเบียบหรือไมเ่ ป็นระเบยี บ
ก็สามารถสร้างความรู้สกึ ของอาการเคล่อื นไหวได้ทง้ั สิ้น เอกลกั ษณข์ องการแสดงความเคลือ่ นไหวใน
งานสถาปัตยกรรม จติ รกรรม ประติมากรรม หรอื งานออกแบบอื่นใดย่อมอาศัยพลังแห่งความคิด
สรา้ งสรรค์ของศลิ ปินและนกั ออกแบบท่ผี ่านกระบวนการคดิ การใตรต่ รอง และความมานะพยายาม
พากเพยี รในการนาเสนอผลงานทง้ั ส้นิ ผลงานจงึ จะมคี ุณคา่ และสนุ ทรยี ภาพอย่างนา่ ที่ง
แบบฝกึ หดั ทา้ ยบท
1. จงั หวะในการจดั องค์ประกอบศิลป์หมายถึงอะไร
2. ความเคล่ือนไหวในการจดั องค์ประกอบศลิ ป์คอื อะไร
3. จังหวะและความเคลอ่ื นไหวมีความสาคัญอยา่ งไรต่อการจดั องคป์ ระกอบศิลป์
4. จงวเิ คราะหก์ ารใชจ้ ังหวะและความเคล่อื นไหวของผลงานสถาปัตยกรรม
ภาพท่ี 12.10 สถาปัตยกรรม
ที่มา : Pinterest (ม.ป.ป)
120
5. ใหน้ ักศึกษาสร้างสรรค์ผลงานเครือ่ งประดับโดยใชจ้ ังหวะ ความเคล่อื นไหว และหลักการ
อ่นื ๆ ในการจดั องคป์ ระกอบศิลป์ 1 ชดุ
เอกสารอ้างองิ ประจาบท
กาจร สุนพงษศ์ ร.ี (2559) พจนานุกรมศพั ท์ทัศนศลิ ป์. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พแ์ หง่
จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย.
ชลดู นมิ่ เสมอ. (2553) องค์ประกอบของศิลปะ. พิมพค์ ร้งั ที่ 7 กรงุ เทพมหานคร : อมรนิ ทร์.
ราชบณั ฑิตยสถาน. (2546) พจนานุกรม ฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542. กรงุ เทพมหานคร :
นานมบี คุ๊ สพ์ บั ลิเคชั่น.
วิกพิ ีเดีย สารานุกรมเสร.ี (ม.ป.ป.) จลนศลิ ป.์ [ออนไลน์] สบื คน้ ไดจ้ าก https://th.wikipedia.
org/wiki/ เมอื่ 10 มกราคม 2559.
Article Illusion. (ม.ป.ป.) Victor Vasarely, the leader of the op art movement.
[ออนไลน์] สืบค้นไดจ้ าก http://articalillusion.altervista.org/victor-vasarely/ เมอื่
10 มกราคม 2559.
Bloggang.com. (2557) เสพงานศลิ ป์ 132. [ออนไลน์] สืบคน้ ไดจ้ าก http://www.bloggang.
com/mainblog.php?id=haiku&month=21-08-2014&group=33&gblog=55 เม่อื 2
มกราคม 2559.
Pinterest. (ม.ป.ป.) Lamp Installation. [ออนไลน์] สบื คน้ ไดจ้ าก https://www.pinterest.
com/pin/310044755571508483/ เมอื่ 10 มกราคม 2559.
University of Oregon Museum of Natural and Cultural History. (2014) Aboriginal
Australian Bark Paintings. [ออนไลน์] สืบคน้ ไดจ้ าก http://natural-history.
uoregon.edu/collections/web-galleries/aboriginal-australian-bark-paintings
เม่ือ 10 กุมภาพนั ธ์ 2559.
บทท่ี 13
สัดส่วนกับการเนน้
เนอ้ื หาประจาบท
1. สัดส่วน
2. การเนน้
วัตถปุ ระสงค์ประจาบท
1. เพอ่ื ให้ผูเ้ รยี นสามารถอธิบายความหมายและความสาคัญของสัดส่วน และการเน้นได้
2. เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รียนสามารถสรา้ งสรรคง์ านท่ีมสี ัดสว่ นและการเน้นท่สี วยงาม
ความนา
โลกของเราประกอบด้วยผืนน้าในสัดส่วนทม่ี ากกวา่ พ้ืนดิน มนษุ ยใ์ นโลกประกอบไปด้วยธาตุ
ท้ัง 4 คือ ดิน น้า ลม และไฟ เมื่อสุขภาพมภี าวะผิดปกตเิ กดิ อาการเจบ็ ป่วยน่ันอาจเปน็ เพราะธาตุใด
ธาตุหน่งึ มากเกนิ ไปหรือนอ้ ยเกินไป จนเจ้าของรา่ งกายรู้สึกถงึ ความไม่สบาย อึดอดั การสร้างสรรค์
ผลงานศลิ ปะก็เช่นเดียวกบั หลักการของธรรมชาติ คือสัดสว่ นขององค์ประกอบของศลิ ปะหรอื ทัศนธาตุ
ท่นี ามาใชใ้ นการสร้างสรรค์เม่ือกอรปกนั เข้าเป็นผลงานชิ้นหนึง่ ๆ นนั้ จะตอ้ งมีสัดส่วนที่พอเหมาะจึงจะ
สือ่ สารถึงความสบายในการรับรขู้ องผชู้ ม องค์ประกอบศลิ ปะทีจ่ ัดขึน้ ควรมีการเนน้ เพ่ือให้เหน็ จดุ ท่ี
นา่ สนใจเป็นพเิ ศษสาหรบั ผลงานช้นิ นนั้ ๆ ผลงานท่ีมกี ารเนน้ จดุ ทนี่ า่ สนใจจะเปน็ ผลงานที่มี
สุนทรียภาพสงู มากกวา่ ผลงานทวั่ ๆ ไป
สัดสว่ น
กาจร สุนพงษ์ศรี (2559 : 480) อธิบายว่า สัดส่วน (Proportion) คือ ปฏภิ าค คาน้ีมีสว่ น
สมั พนั ธ์กับอัตราส่วน (ratio) ในทางศลิ ปะ หมายถงึ สดั สว่ นตา่ ง ๆ ขององค์ประกอบ เช่น รูปรา่ งของ
คน แบ่งเป็นสว่ นตา่ ง ๆ เชน่ ส่วนหวั ลาตัว ฯลฯ ถา้ หากมีสดั ส่วนท่เี หมาะเจาะกัน มีความประสาน
กลมกลนื กนั ก็หมายถึงรูปร่างคนนนั้ ๆ เปน็ รูปรา่ งทดี่ ูสวยงาม หรอื การจัดองคป์ ระกอบท่ีมีรูปคน
122
หรืออืน่ ๆ หลายรปู รวมอยูต่ ้องมีสัดส่วนที่ประสานกลมกลืนประสานสัมพันธก์ ัน ปญั หาของสดั สว่ นน้ี
มกี ารกล่าวถึงกนั มากมาต้งั แต่กรีกโบราณแล้ว เพราะในทางสนุ ทรียศาสตร์นบั เป็นหัวใจของการเกิด
สนุ ทรยี ภาพ ใช้กับงานศลิ ปะทกุ สาขา ดงั น้นั จึงมีการพยายามคิดคน้ กาหนดสัดสว่ นท่ีเปน็ สุนทรียะ
อมตะมาต้งั แต่ยคุ กรีกโบราณ ไพแธคกอรัสได้กลา่ วถึงสัดส่วนของเสยี งในดนตรี เพลโตแสดงสดั สว่ น
ทสี่ วยงามของรปู ทรงต่าง ๆ ในอยี ิปตม์ บี ันทึกถึงความสาคญั ของสัดสว่ นในงานสถาปัตยกรรม
เช่นเดยี วกบั กรกี ล้วนให้ความสาคัญทั้งสถาปตั ยกรรม และประติมากรรมรปู คน เลโอนาร์โดเองก็
พยายามแสดงสัดสว่ นที่สวยงามของผชู้ าย แม้แต่ในงานศิลปะสมัยใหม่ คนั ดนิ สก้ี (Kandinsky) และ
มอนดรีอนั (Mondrian) ในการสรา้ งงานกใ็ ห้ความสาคญั ของสัดสว่ น
สดั ส่วนเปน็ เร่อื งของความสัมพันธ์ของส่วนต่าง ๆ ในภาพรวม โดยพนื้ ฐานแลว้ ขนาดและ
สัดสว่ นจะช่วยใหผ้ ูช้ มเข้าใจงานศลิ ปะ เช่น หากวาดรปู คนจูงสนุ ัข ขนาดของคนควรอยู่ในระดับท่ี
ถกู ต้องในความสมั พันธ์ของขนาดร่างกายคนกับรา่ งกายสนุ ัข หรอื การวาดรปู เพื่อแสดงสญั ลักษณ์ของ
บุคคลสาคญั อาจทาให้ร่างกายของผู้นนั้ มีขนาดสงู ใหญ่กว่าบุคคลอนื่ ๆ ในภาพ ดงั เช่นผลงานแกะสลัก
ของชาวอียปิ ต์
ภาพท่ี 13.1 การเน้นบุคคลสาคัญในงานศิลปะของอียปิ ต์
ท่มี า : Boundless (ม.ป.ป.)
ภาพชาวเนร์เมอร์ (Narmer) จากแผน่ แกะสลกั หินของศลิ ปะอียปิ ต์สมยั การปกครองกอ่ น
จักรวรรด์ิ เนร์เมอรเ์ ปน็ ผู้ปกครองพร้อมกับคนถือมาตรฐานของพระเจา้ ในท้องถน่ิ ต่าง ๆ ผลงานศิลปะ
ช้นิ นี้แสดงใหเ้ ห็นถงึ การใช้สัดส่วนของชาวอยี ิปต์โบราณกบั ชาวเนร์เมอร์ ที่มีขนาดใหญ่กว่าคนอ่ืน ๆ
เปน็ สัญลักษณว์ ่าใครคือผปู้ กครองใครคอื ผู้อยู่ใต้การปกครอง คนสาคัญและย่ิงใหญ่จะแสดงออกดว้ ย
การแกะสลกั ใหม้ ีสดั สว่ นใหญ่กวา่ มาก
สัดส่วนทองคามีรูปสี่เหล่ียมผืนผ้าในอตั ราส่วนด้านข้างยาวขนึ้ ไปจะสน้ั กว่า ไดม้ ีการกลา่ ววา่
สีเ่ หลย่ี มทองคาเปน็ รปู แบบเรขาคณิตที่น่าพอใจทสี่ ดุ
123
ภาพที่ 13.2 การใชส้ ัดสว่ นทองคาในงานสถาปัตกรรมและออกแบบโฆษณา
ทีม่ า : Drawing Tutorial (ม.ป.ป.)
เร่อื งการคานวนทางคณิตศาสตร์ยคุ กลางในศตวรรษที่ 12 เกิดการคน้ พบสัดส่วนทองคา ขึ้น
เม่ือชายชาวอติ าเลียนชื่อลีโอนาโด ไฟโบเนซซี (Leonardo Fibonacci) ไดเ้ รม่ิ คานวณการขยายตวั ที่
เหมาะสมสาหรับการเพาะพันธุ์กระต่ายในชว่ งหนง่ึ ปี ในท่สี ดุ กค็ น้ พบสัดสว่ นมหัศจรรย์ที่สามารถ
นามาใช้ในการสร้างหรือออกแบบสิ่งที่งดงามได้อยา่ งสมดุล นกั วจิ ยั หลายคนได้แสดงใหเ้ ราเห็นวา่
อตั ราส่วนของ 1.6180 หรือสดั สว่ นทองคาน้นี า่ จะเป็นพืน้ ฐานทีช่ าวอยี ิปต์ใชเ้ พ่ือสร้างปริ ามดิ ทยี่ งั คงอยู่
แม้กระท่ังในปัจจุบันมาตลอดหลายศตวรรษนบั เป็นข้อพสิ ูจนถ์ ึงความสมดลุ ที่สมบูรณ์แบบ ในทานอง
เดียวกัน วิหารพาเธนอน (Parthenon) ในเมืองเอเธนสซ์ ึง่ กล่าวกนั วา่ ใชอ้ ตั ราสว่ นทองคาน้ีในการ
คานวณการกอ่ สร้างสดั ส่วนท่ีงดงามในทุกมุม อนั เปน็ เหตุผลทว่ี ิหารนย้ี งั คงดารงอยู่เช่นกนั เลโอนาร์โด
ดาวินซี (Leonardo Da Vinci) ได้นาสัดส่วนทองคามาใชใ้ นจติ รกรรมภาพโมนาลิซา (Mona Lisa) ที่มี
ช่ือเสียงของเขาดว้ ย และซลั วาดอ ดาลี (Salvador Dali) ก็ไดใ้ ช้สดั ส่วนทองคานใ้ี นการวาดภาพการ
รบั ประทานอาหารม้ือสดุ ท้าย อัตราสว่ นทองคาจึงเป็นส่ิงที่โลกต้องกล่าวถึงความมหัศจรรย์ของกฎนี้
เพราะเราจะพบภาพทสี่ วยงามสมบรู ณ์ของงานศิลปะทุกสาขา (ภาพที่ 13.3) (DesignMantic.com
2017)
124
ภาพท่ี 13.3 การใช้สัดส่วนทองคาในการทางานศิลปะสาขาต่าง ๆ
ทม่ี า : DesignMantic.com (2017)
ชลดู น่ิมเสมอ (2553 : 214) กล่าวไวว้ า่ อารยธรรมของกรกี มีความเกีย่ วข้องกับสดั ส่วนมาก
แตล่ ะช้นิ ส่วนของวิหารพาร์เธนอนนั้นมีสัดส่วนสัมพันธก์ ันดีในตัวเอง สมั พนั ธก์ บั ชน้ิ สว่ นอน่ื ๆ และ
สมั พนั ธก์ ับรูปทรงสว่ นรวมของวิหารด้วย ชาวกรีกไดส้ ร้างกฎของสดั สว่ นขึน้ กฎหนง่ึ เรียกว่า โกลเดน้
เซก็ ช่นั หรอื สว่ นทอง กฎน้ีมีว่า ส่วนเล็กสัมพันธ์กบั สว่ นทใ่ี หญ่กว่า สว่ นทใ่ี หญก่ ว่าสัมพนั ธ์กับ
สว่ นรวม เชน่ เดียวกบั ความสมั พนั ธข์ องสว่ นต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ ซง่ กรีกได้ดงั แปลงให้เปน็
สดั ส่วนตามอดุ มคติขน้ึ ดังจะเหน็ ไดจ้ ากประติมากรรมรูปเทพเจา้ ต่าง ๆ ของกรกี
ผลงานของไมเคิลแองเจลโล ผลงานของ Fernando Botero ชาวโคลัมเบีย
ชอื่ ผลงาน David ชือ่ ผลงาน อาดัมกบั เอวา (Adam and Eva)
ภาพที่ 13.4 ประตมิ ากรรมสัดส่วนของมนุษย์
ที่มา : Facweb (ม.ป.ป.)
125
การเนน้
กาจร สุนพงษ์ศรี (2559 : 213) อธิบายวา่ การเนน้ (Emphasis) เป็นการทาใหเ้ ดน่ ใชม้ าก
ในวิธีการสร้างงานศลิ ปะดา้ นการเนน้ ให้บังเกิดความเด่น เน้นความสาคญั เพิ่มความสนใจและเรา้ โสต
ประสาทเพมิ่ ข้นึ ชลูด นิม่ เสมอ (2553 : 144) อธิบายถึงความเป็นเด่น ว่าเกิดขึ้นได้ 2 ทางคือ
ความเป็นเดน่ ท่ีเกดิ จากการขัดแย้ง เม่ือมีสองส่งิ ขัดแย้งกนั อยา่ งตรงกันขา้ มมีความสาคัญหรือมีพลัง
เทา่ ๆ กันในภาพภาพหนึง่ ผลทีไ่ ด้รับจะตึงเครียดจนเกนิ ไป แต่ถา้ เราเพม่ิ ความสาคัญของฝา่ ยใดฝ่าย
หน่ึง หรือลดความสาคญั ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลง เราจะได้เอกภาพทส่ี มบรู ณ์ เพราะฝา่ ยหน่ึงเปน็ เดน่
และอีกฝ่ายหน่ึงเป็นรอง และความเป็นเดน่ ท่ีเกิดจากการประสาน หนว่ ยทเ่ี หมอื นกันเม่อื นามาซ้าใน
จงั หวะเทา่ ๆ กนั จะทาใหด้ ูจืดชืด นา่ เบอ่ื การเพิม่ ความขัดแย้งระหว่างหนว่ ยจะทาใหม้ ีการเปลยี่ น
แปรและทาใหภ้ าพนา่ สนใจข้ึน แตถ่ า้ การเปลยี่ นแปรของหนว่ ยใดหน่วยหน่งึ มมี ากเกินไป ผลทไ่ี ด้จะ
กลายเปน็ ความเดน่ การเปล่ยี นแปรทาได้ 4 แบบคือ การเปลยี่ นแปรรปู รา่ งลกั ษณะ ขนาด ทศิ ทาง
และพ้ืนทว่ี ่างหรือจังหวะ
ภาพท่ี 13.5 ผลงานของ Sandy Skoglund
ทีม่ า : Mateo Rodriguez (2013)
ศิลปินชาวอเมริกัน Sandy Skoglund ใช้แนวเรอื่ งภาพยนตรส์ ยองขวญั อเมรกิ ันและ
ธรรมชาตขิ องความวิตกกังวลของชนชั้นกลางอเมริกา โดยนาเสนอภาพความขดั แย้งระหวา่ งความจริง
กบั ความประดษิ ฐ์ ศิลปินใช้ภาพถา่ ยเร่อื งราวของความจรงิ ไว้เปน็ ฉากหลังของภาพ และใช้
ประตมิ ากรรมซง่ึ เป็นส่ิงประดิษฐเ์ ปน็ ฉากหนา้ ฉากหลังกับฉากหนา้ มีสีตดั กัน ภาพซ้ายสแี ดงดูเด่น
มาก สว่ นภาพขวามีท้ังสุนขั สฟี ้าซึง่ เน้นให้ดูเดน่ และมีสนุ ัขสีเขยี วหลายตัวกลมกลืนกบั ฉากหลังสนาม
เพอื่ ทาใหเ้ ปน็ องคป์ ระกอบรอง
126
ภาพท่ี 13.6 การเนน้ สสี ดให้เดน่ ทา่ มกลางบรรยากาศสสี วา่ ง
ท่ีมา : Artist.com (2016)
ภาพท่ี 13.7 ผลงานจิตรกรรมแนวเซอรเ์ รียลลิสม์ของ Max Ernst
ที่มา : Artfactory.com (ม.ป.ป.)
ผลงานจติ รกรรมแนวเซอร์เรยี ลลิสมข์ อง Max Ernst ช่ือภาพ The Eye of Silence แสดง
การเนน้ ดว้ ยการวางตาแหน่งของรปู ทรงและสีเขียวเหลือง แลว้ ลดคา่ นา้ หนกั ของสีเขยี วรอบ ๆ จดุ เดน่
ให้เปน็ สนี า้ ตาลเขียวเพื่อสรา้ งจุดรอง เป็นบรรยากาศหม่น ๆ เพ่อื ขบั ใหจ้ ดุ เดน่ ชดั เจนข้ึน
Fussell, Matt (2011) อธิบายว่า ตาแหนง่ การเน้นท่ีดจี ะส่งผลตอ่ องคป์ ระกอบโดยรวมและ
สามารถส่ือสารความคิดและอารมณ์ความรูส้ ึกของศิลปินได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเนน้ มีหลายวิธี
เช่น การเนน้ ด้วยความขัดแย้ง เชน่ สี หรอื พน้ื ผวิ ท่แี ตกต่างขดั แย้งกบั ส่วนอ่ืน ๆ การเน้นด้วยความ
โดดเด่ียว คอื แยกองคป์ ระกอบนัน้ ออกไปจากองคป์ ระกอบอืน่ การเน้นด้วยตาแหน่งการจดั วางท่ี
น่าสนใจ การนาสายตา โดยใชเ้ ส้นโดยนัยเพอ่ื นาสายตาของผ้ชู มไปยังวัตถุท่ีตอ้ งการเน้น
127
ตัวอยา่ งภาพท่ี 13.8 ผลงานจติ รกรรมเทคนิคปูนเปยี ก ของ Domenico Ghirlandaio ชือ่
ผลงาน Confirmation of the Rule (การรบั ศลี อภยั บาป) ทีโ่ บสถ์ Santa Trinita เมืองฟอร์เรน้ ซ์
ประเทศอติ าลี จิตรกรรมภาพนี้ศิลปนิ จัดวางตาแหน่งของพระสนั ตปาปาบนบลั ลังก์ด้านขวามือเย้ืองไป
ทางด้านบน จดั วางกลมุ่ คนยนื ดา้ นซ้ายของภาพ 3 คน และจดั วางคนด้านขวาตรงกันข้ามอีก 4 คน
จัดวางกลุ่มคนกลางภาพแบบตรงกนั ขา้ มอีก 1 ชุด คือกล่มุ คนธรรมดาน่ังหันหนา้ หลัง และกลุ่ม
นักบวชน่งั หนั หน้ามาทางผ้ชู ม คนเกือบทัง้ หมดมองไปที่พระสนั ตะปาปา เปน็ การนาสายตาไปสู่
ตาแหน่งการเนน้ ของภาพหรอื ประธานของภาพนนั่ เอง
ภาพที่ 13.8 ผลงานของ Domenico Ghirlandaio
ที่มา : Wikimedia Common (2013)
ภาพท่ี 13.9 ผลงานของ Francisco Goya
ท่มี า : Heaston, Paul (2013)