การปฐมพยาบาลและการรักษา การประคบนำ้เย็นหรือใช้ความเย็นทันทีที่เกิดการบาดเจ็บ หยุดการเล่นกีฬา ความเย็นจะทำให้เลือดหยุดและลดการบวม ควรประคบวันละ 2 ครั้ง หรือ มากกว่านั้นได้ตลอด 48 ชั่วโมงแรก ใช้ผ้ายืดพันไว้เพื่อลดการบวมในเวลาต่อมา ห้ามทายาร้อนๆ และถูนวดเด็ดขาด หลังจาก 48 ชั่วโมงไปแล้ว ค่อยประคบร้อนและนวดเบาๆ ด้วยครีมร้อนๆ ที่สำคัญคือ การเริ่มบริหารกล้ามเนื้อเบาๆ หลังจากการบาดเจ็บประมาณ 3-5 วันไปแล้ว เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนคือมีแผลเป็นภายในกล้ามเนื้ออันจะนำไปสู่การเกิดพังผืด ทำให้การเคลื่อนไหวและหดยืดตัวของกล้ามเนื้อแย่ลง มีการเจ็บปวดเรื้อรังเมื่อกลับไปเล่นกีฬาใหม่ และมีโอกาสฉีกขาดใหม่ได้อีกง่ายๆ ภาพแสดงให้เห็นจุดที่เกิดการบาดเจ็บ แผนภูมิแสดงอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายที่บาดเจ็บจากกีฬาวอลเลย์บอล หัว, ใบหน้าคอ ไหล่ แขนท่อนบน ข้อศอก แขน ข้อมือ มือ, นิ้วมือทรวงอก หน้าท้อง หลัง กระดูกก้นกบ, สะโพก ต้นขาเข่า ขาท่อนล่างข้อเท้าเท้า, ข้อเท้า 1.4 1 13.4 0.9 2.7 1.2 4.2 9.5 0.5 0.2 13.9 1.0 5.7 24.4 2.7 14.9 2.2 6 4 54 3 11 5 17 38 2 1 56 4 23 98 11 60 9 ชนิดของการบาดเจ็บ อัตราของการบาดเจ็บ จำ�นวน 0 20 40 60 0 20 40 60 คลำพบก้อนเนื้อ ไม่มีรอยช้ำ รอยบุ๋ม แบบที่1 แบบที่2 แบบที่3 94 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่พบนอกเหนือจากการเกิดแผลเป็น แผลพังผืด ก็มีการเกิดกระดูกงอก ในกล้ามเนื้อ เกิดโพรงถุงน้ำ เกิดการอักเสบติดเชื้อเป็นหนองจากเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน แต่ทั้ง 3 แบบที่กล่าวมานี้พบได้น้อยกว่าโรคแทรกซ้อนของกล้ามเนื้อ การเป็นตะคริว การเป็นตะคริวเกิดจากกล้ามเนื้อมีอาการเกร็งตัว เนื่องจากความเย็นทำให้เลือดไปเลี้ยง กล้ามเนื้อบริเวณนั้นไม่สะดวก หรือเป็นตะคริวเนื่องจากร่างกายเสียเหงื่อมาก ทำให้มีการเสียแร่ธาตุ เกลือแร่ หรือกล้ามเนื้อนั้นทำงานหนักจนเกิดภาวะเมื่อยล้า อาการที่พบก็คือ มีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ส่วนใหญ่เป็นที่กล้ามเนื้อขาและกล้ามเนื้อท้อง ขณะเกร็งผู้ป่วยจะรู้สึกปวด ผิวหนังชื้นและเย็น ตะคริว เป็นการบาดเจ็บกับนักกีฬาที่ไม่สมบูรณ์หรืออาจมีสาเหตุมาจาก 1. การขาดเลือดไปเลี้ยง เช่น ใช้ถุงเท้ารัดมาก อากาศเย็นจัด 2. การขาดเกลือแร่บางอย่าง เช่น เกลือโซเดียม แคลเซียม โพแทสเซียม สังกะสี ซึ่งเสียไปกับเหงื่อ 3. จากการถูกกระแทกที่กล้ามเนื้อ 4. การหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงจากสาเหตุข้อที่ 1-2 ประกอบ ตะคริว เมื่อออกกำลังกายอย่างเต็มที่ การเปลี่ยนแปลงของเกลือแร่ในเนื้อเยื่อต่างๆ พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดตะคริวเกลือแร่และอีเล็กโทรไลด์ที่มีผลกระทบต่อการเกิดตะคริว ได้แก่แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม และเกลือแร่ที่มีปริมาณน้อยบางชนิด แคลเซียม การควบคุมการยืดหดตัวของกล้ามเนื้อขึ้นอยู ่กับปริมาณของแคลเซียม ซึ่งสะสมไว้ในเซลล์ของกล้ามเนื้อ ปริมาณแคลเซียมที่ตำ่จะทำให้เกิดอาการตะคริวการกินอาหารที่ มีปริมาณแคลเซียมเพียงพอจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ แมกนีเซียม มีความสำคัญต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ แคลเซียมจะช่วยเรื่องการหดตัว ของกล้ามเนื้อ ในขณะที่แมกนีเซียมจะช่วยในการยืดตัวของกล้ามเนื้อ ทั้งแคลเซียมและแมกนีเซียม จะควบคุมการส่งถ่ายระบบประสาทและการเต้นของหัวใจ หากได้รับแมกนีเซียมไม่เพียงพอจะมี ผลต่อกล้ามเนื้อ การออกกำลังกายมากๆ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของปริมาณแมกนีเซียม ในกล้ามเนื้อและเลือด ซึ่งมีผลต่อการยืดหดตัวของกล้ามเนื้อ โพแทสเซียม เป็นเกลือแร่ที่มีมากในเซลล์กล้ามเนื้อ ทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อ และหัวใจเป็นไปตามปกติคนที่ขาดโพแทสเซียมเป็นประจำและออกกำลังกายหรือทำงาน ในอากาศที่ร้อน ควรจะกินอาหารที่มีโพแทสเซียมเพิ่มขึ้น คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 95
สังกะสีเนื้อเยื่อที่ขาดสังกะสีพบว่า จะมีอนุมูลอิสระมาก ซึ่งทำให้เนื้อเยื่อต ่างๆ เสี่ยงต่อการถูกทำลาย เกิดการเป็นตะคริวหรือว่าเกิดความอ่อนเพลีย เพื่อป้องกันการเกิดตะคริว ควรกินอาหารให้มีความหลากหลายและให้ครบ 5 หมู่ การปฐมพยาบาล 1. นวดเบาๆ หรือใช้ของร้อนประคบบริเวณที่เป็นตะคริว 2. ช ่วยยืดกล้ามเนื้อบริเวณที่เกร็งตัว เช ่น ถ้าเป็นน ่องให้ยืดกล้ามเนื้อน ่อง โดย จับปลายเท้าดึงขึ้นมาทางหน้าแข้ง ถ้าเป็นกล้ามเนื้อต้นขา ให้เหยียดขาให้ตรง ไม่งอเข่า และ ยกต้นขาขึ้น ถ้าเป็นที่นิ้วมือ ให้เหยียดนิ้วมือที่งอให้ตรงออก 3. การเป็นตะคริวจากการเล ่นกีฬาและเสียเหงื่อมาก จะป้องกันโดยให้นักกีฬา ได้รับเกลือมากเป็นพิเศษ อาจทำได้โดยอาหารมื้อก ่อนที่จะแข ่งขันให้ใส ่เกลือให้เค็มหรือ รับประทานน้ำส้มคั้นใส่เกลือมากสักเล็กน้อย สวมเสื้อยืดขณะเล่นกีฬา เพื่อป้องกันมิให้ร่างกาย เสียเหงื่อเร็วเกินไป การเป็นลม อาการเป็นลมเกิดขึ้นได้เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ มักจะเป็นชั่วคราวอาการ ที่แสดงออกจึงเป็นอาการทางสมอง เช่น หน้ามืดใจสั่น เวียนศีรษะคลื่นไส้และมีอาการคล้ายๆช็อก แต่ไม่รุนแรงนัก การยืดกล้ามเนื้อที่เป็นตะคริว (กล้ามเนื้อน่อง) 96 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
สาเหตุของการเป็นลม มีได้หลายอย่าง เช่น อยู่ในที่ร้อนอบอ้าว ผู้คนแออัด อากาศ ถ่ายเทไม่สะดวก เหล ่านี้ทำให้เกิดอาการเป็นลมได้ นอกจากนี้ถ้าอยู ่กลางแสงแดดนานเกินไป ร ่างกายมีอาการเสียเหงื่ออันเป็นผลให้มีการเสียน้ำและเกลือแร ่อย ่างมาก ก็ทำให้เกิดอาการ เป็นลมได้ การปฐมพยาบาล 1. เป็นลมหน้าแดง เกิดจากความร้อน ความร้อนอาจมาจากภายนอก เช่น แสงแดด หรือมากจากภายในร่างกาย เช่น ขณะจับไข้สูง ให้เช็ดตัวด้วยน้ำเย็น ให้ดื่มน้ำเย็น (ห้ามดื่มน้ำชา หรือกาแฟ) 2. เป็นลมหน้าขาวเกิดจากเสียเลือดเสียน้ำ เจ็บปวด หรืออดอาหาร ห่มผ้าให้ความอบอุ่น ให้ดื่มน้ำชาหรือกาแฟร้อน 3. เป็นลมหน้าเขียว เกิดจากร่างกายขาดออกซิเจน ให้ทำการผายปอด ตามปกตินักกีฬาวอลเลย์บอลที่แข็งแรงย่อมไม่เป็นลมง่าย ถ้าไม่เล่นหักโหมเกินกว่า ที่เคยฝึกซ้อม นักกีฬาอาจเป็นลมเพราะใช้กำลังมากเกินไป อาการที่เกิดใจสั่น หน้ามืด คลื่นไส้ ตัวเย็น เหงื่อซึม หายใจเร็วไม่สมำ่เสมอ ในกีฬาที่ออกกำลังกายนานๆ ติดต่อกัน นักกีฬาอาจเป็นลม เพราะเสียนำ้และเกลือแร่มากเกินไป กรณีอาการจะคล้ายกันแต่ผู้ป่วยจะตัวแห้งและอาจมีไข้ขึ้นสูง กระดูกหัก กระดูกหักเป็นเรื่องที่ต้องส่งให้แพทย์การปฐมพยาบาลและเคลื่อนย้ายทำแบบเดียวกับข้อหลุด แต่ถ้ามีกระดูกหักทิ่มออกมานอกเนื้อต้องระวังเป็นพิเศษ ใช้ชะเนาะรัดเหนือบริเวณที่มีเลือดออก กระดูกหัก (Fracture) หมายถึง ลักษณะอาการของกระดูกหักออกจากกัน Complete Fracture มีบาดแผลหรือไม่มีบาดแผลก็ได้และอาการของกระดูกที่ไม่หักออกจากกัน Incomplete Fracture จะเป็นแตก เดาะ หรือร้าวก็ตาม และลักษณะกระดูกดังกล่าวไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ หรือไม่สามารถทำงานได้เลย ในบางรายอาจจะหักออกทิ่มเนื้อหรืออวัยวะภายในก็ได้ลักษณะเหล่านี้ ถือว่ากระดูกหักทั้งสิ้น การปฐมพยาบาลกระดูกหัก มีหลักเกณฑ์ดังนี้ 1. ให้การปฐมพยาบาลอย่างรีบด่วน 2. หากมีอาการเป็นลมหรือช็อก ต้องแก้ไขให้ฟื้นก่อน 3. ถ้ามีอาการตกเลือด ต้องห้ามเลือดด้วยวิธีที่เหมาะสม 4. การจับต้องหรือตรวจดูบริเวณที่หัก ต้องทำด้วยความระมัดระวัง 5. ถ้าจำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าออก ควรใช้วิธีตัดทิ้ง คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 97
6. หากมีบาดแผล ควรเช็ดล้างให้สะอาด แต่อย่าล้วงเข้าไปในแผล 7. หากจำเป็นต้องเข้าเฝือก ต้องทำด้วยความระมัดระวังและรวดเร็ว 8. การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ต้องกระทำให้ถูกหลักวิธีการ 9. รีบนำส่งแพทย์ 10. การรักษากระดูกนั้น ต้องรักษาโดยแพทย์ผู้ชำนาญทางกระดูกเท่านั้น ข้อเท้าแพลงหรือข้อเท้าเคล็ด (Sprain) หมายถึง การที่เอ็นยึดข้อต่อได้รับบาดเจ็บ การบาดเจ็บมีมากหรือน้อยย่อมแตกต่างกันไป สุดแท้แต่ว่าความรุนแรงของภยันตรายที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะประเภทกีฬาต้องใช้เท้าในการเล่น เช่น กระโดด วิ่ง ตะกร้อ ฟุตบอล รักบี้วอลเลย์บอล บาสเกตบอลกรีฑายิมนาสติกฯลฯโดยมีการพลิกของข้อเท้าและกลายมาเป็นข้อเท้าแพลงในที่สุด โดยพบมากที่สุดเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ด้านนอกของข้อเท้า ข้อเท้า ประกอบด้วย กระดูกหลายชิ้น โดยมีเอ็นยึดข้อต ่อระหว ่างกระดูกแต ่ละชิ้น เพื่อให้คงสภาพเป็นข้อเท้าที่มั่นคงแข็งแรง และป้องกันมิให้กระดูกข้อเท้าแยกออกจากกัน ในขณะ ที่มีการเคลื่อนไหวภายใต้แรงกระแทก แรงดึง หรือแรงบิดหมุน การปฐมพยาบาล การใช้นำ้แข็งประคบกับพันด้วยผ้าพัน (ElasticBandage)แบนเดจจำเป็นสำหรับบาดแผล เช่นนี้การประคบและพันผ้าต้องทำสลับกันในช่วง24-48ชั่วโมงแรกของการบาดเจ็บเพื่อระงับเลือด และน้ำเหลือง การบาดเจ็บที่นิ้วหัวแม่มือและข้อมือเกิดจากเทคนิคการฝึกไม่ดีเช่น การกระโดดขึ้นสกัดกั้น ลูกบอลเหนือตาข่ายทำให้นิ้วมือมีโอกาสได้รับบาดเจ็บ ควรใช้เทปเหนียว (Adhesive Tape) พันยึดบริเวณนิ้ว จึงจะสามารถลดการบาดเจ็บลงได้ การป้องกัน 1.อย่าฝืนเล่นเมื่อสภาพร่างกายไม่พร้อม หรือเล่นมากเกินไป ต้องมีความแข็งแรงอดทน มีความอ่อนตัวดี 2. เมื่อได้รับบาดเจ็บควรพักให้นานและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เป็นเวลานาน 3.จัดหาลูกวอลเลย์บอลที่มีขนาดมาตรฐานและหลีกเลี่ยงการเล่นบอลที่ก่อให้เกิดอันตราย เช่น คู่ต่อสู้ตบลูกบอลใส่ตัว 4. เลือกสวมเสื้อผ้าทำด้วยวัสดุโปร ่ง ถ ่ายเทอากาศดีรองเท้าควรใส ่ให้ถูกต้องกับ กีฬาวอลเลย์บอล 98 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
5. สวมสนับเข่าป้องกันอุบัติเหตุที่ข้อเข่า เช่น เข่าเคลื่อน เข่าแพลงหรือควรใช้ผ้ายืด หรือแผ่นเทปปิดรั้งป้องกันไว้ 6. สนามต้องได้มาตรฐาน พื้นสนามระวังอย ่าให้ลื่นและบริเวณข้างสนามอย ่าให้มี สิ่งกีดขวาง 7. สถานที่เล่นควรจะมีอากาศถ่ายเทได้ดีเพราะถ้าร้อนอบอ้าวมาก จะทำให้เกิดสภาวะ ต่างๆ ที่เป็นอันตรายตามมาได้ง่าย แสงสว่างต้องสว่างเพียงพอ ข้อต่อเคล็ด (Sprain) หมายถึงการที่ข้อต่อต่างๆได้รับการเคลื่อนไหวมากเกินไป ทำให้ เนื้ออ่อน เยื่อหุ้มข้อเอ็นรอบๆข้อ หรือกล้ามเนื้อบริเวณข้อ มีอาการฉีกขาดหรือชำ ้ทำให้เกิดความเจ็บปวด เรียกว่า “ข้อต่อเคล็ดหรือแพลง” บริเวณที่พบมากได้แก่ข้อเท้าข้อมือ หัวเข่าและหัวไหล่ เป็นต้น สาเหตุ เนื่องจากข้อต่อส่วนนั้นเกิดกระทบกระเทือน ถูกชน ถูกบิด พลิกหรือแพลงอย่างรุนแรง หรือตกจากที่สูง ทำให้เยื่อหุ้มหรือเอ็นรอบๆ ข้อต่อพลิกหรือแพลง ทำให้ข้อต่อเคล็ดหรือแพลงได้ (ดังภาพ) อาการ 1. บริเวณข้อส่วนนั้นจะบวมและมีอุณหภูมิสูงขึ้น 2. มีอาการเจ็บปวด ถ้าเคลื่อนไหวหรือใช้มือกดดูจะยิ่งเจ็บมากขึ้น 3. ในรายที่มีอาการรุนแรงไม่สามารถกระทำการเคลื่อนไหวส่วนนั้นได้เลยเพราะจะเจ็บมาก 4. มีอาการชาทั่วบริเวณนั้น ซึ่งแสดงว่าอาจมีเส้นประสาทส่วนนั้นถูกฉีกขาดไปด้วย การปฐมพยาบาล 1. ให้ข้อต่อส่วนนั้นพักผ่อนให้อยู่นิ่งๆ 2. ยกข้อต่อส่วนนั้นให้สูงขึ้น ถ้าเป็นข้อต่อ ควรห้อยแขนด้วยผ้าคล้องคอ 3. ให้ความร้อนแก่บริเวณนั้น โดยใช้นำ้อุ่นประคบ จะเป็นถุงนำ้ร้อนหรือขวดนำ้ร้อนก็ได้ 4. นวดเบาๆโดยใช้น้ำมันสะโต๊กหรือน้ำมันระกำ หรือขี้ผึ้งบาล์มต่างๆก็ได้เพื่อให้เกิด ความร้อนทั่วบริเวณนั้น แต่ต้องกระทำเบาๆ อย่ารุนแรง แล้วพันส่วนนั้นให้แน่น 5. อาจต้องเข้าเฝือกเพื่อให้ส่วนนั้นพักผ่อนนิ่งที่สุด จะทำให้หายเร็ว 6. ควรนำส่งโรงพยาบาล เพื่อตรวจฉายรังสีดูว่า มีกระดูกหักด้วยหรือไม่ คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 99
การบาดเจ็บที่บริเวณเข่า “เข่า” มักจะได้รับอันตรายมากที่สุดในผู้เล่นกีฬาวอลเลย์บอล เพราะมีการเคลื่อนไหว ในลักษณะของการวิ่งกระโดดหรือกระโดดอยู่กับที่ใช้ในการเล่น ภาวะ “เข่านักกระโดด” หมายถึง การอักเสบอันเป็นผลจากความเสื่อมและมีการฉีก ยึดของใยบางส่วนของเอ็นกล้ามเนื้อเหยียดเข่า(QuadricepsTendon)และเอ็นสะบ้า(PatellarTendon) การบาดเจ็บชนิดเรื้อรังนี้จะเกิดขึ้นเนื่องจากกิจกรรมประเภทกระโดดถีบ ปีน วิ่งซึ่งมีความเค้นดึง เกิดขึ้นอย่างซ้ำซาก บริเวณของเอ็นที่เสื่อมอาจกลายเป็นเยื่อเมือก (Mucoid Degeneration) และเปื่อยแบบ Fibrinoid Necrosis ซึ่งจะค่อยๆ แปรสภาพเป็นปมแผลเป็น (Scarred Nodule) ในเวลาต่อมา ลักษณะอาการ มีความเจ็บปวดที่บริเวณกระดูกสะบ้าหรือที่ส่วนหน้าของหัวเข่า ในระยะที่ 1 นักกีฬา จะรู้สึกปวดตรงตำแหน่งที่เสื่อมเฉพาะเมื่อหลังจากการเล่นเท่านั้น ระยะที่ 2 จะมีอาการปวด ในระหว่างการเล่นและแม้หยุดเล่นก็ยังปวดอยู่อีกพักหนึ่ง แต่ความสามารถในการเล่นก็ยังดีอยู่ ต่อมาในระยะที่ 3 จะมีอาการปวดตลอดโดยจะไม่หยุดเมื่อพักและผลการเล่นจะด้วยกว่าปกติ ความแข็งแรงของเอ็นยังไม ่ฟื้นคืนสู ่สภาพปกติถ้าเล ่นอย ่างหักโหมก็อาจทำให้เอ็นฉีกขาดได้ ก่อนเล่นจะต้องมีการยืดและอุ่นกายส่วนนี้ให้เต็มที่ และหลังเล่นให้ใช้น้ำแข็งนวด (Ice Massage) หรือใช้ผ้าเย็นประคบ การตรวจของแพทย์ พบตำแหน่งที่กดเจ็บ ซึ่งถ้าให้เกร็งกล้ามเนื้อเหยียดเข่าฝืนแรงต้านก็จะเกิดอาการเจ็บปวด มากขึ้น ภาพเอกซเรย์อาจมีรอยกระดูกสลาย(OsteolyticLesion) โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงขอบล่าง ของสะบ้า แนวการศึกษา ในระยะที่หนึ่งและที่สอง อาจให้ยาต้านการอักเสบและลดความหักโหม ในการเล่นลง เพราะยาดังกล่าวมีฤทธิ์ระงับความเจ็บปวด ในระยะที่สาม ถ้าหากมีอาการปวดแม้ในขณะเดิน อาจต้องพิจารณาผ ่าตัดขูดเอา ส่วนที่เสื่อมออก น่าสังเกตว่าอาการปวดอาจบรรเทาได้โดยการใช้เข็มแทงซ้ำๆตรงตำแหน่งที่ปวด สัก 20 ครั้ง โดยไม่ต้องฉีดยาเฉพาะที่ใดๆ เจ็บปวดที่เอ็นร้อยหวาย อาการเจ็บปวดที่เอ็นร้อยหวายจะเกิดขึ้นกับนักกีฬาที่วิ่งและมีการฝึกซ้อมหนัก อาการ ที่เกิดจะมีลักษณะดังนี้จะมีความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนบริเวณเอ็นร้อยหวายเมื่อเริ่มเล่นกีฬา 100 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
และเมื่อเล่นหรือวิ่งไปได้สักระยะหนึ่งอาการเจ็บปวดจะลดลงหรือหายไป แต่เมื่อหยุดวิ่งอาการจะ กลับมากขึ้น หรือเมื่อตื่นนอนและลุกขึ้นหรือลงจากเตียงในตอนเช้า จะมีอาการเจ็บปวดที่เอ็นร้อยหวาย และเมื่อใช้ชีวิตประจำวันผ่านไปอาการจะลดน้อยลงไปหรือหายไปเลยในตอนบ่ายๆ อาการเจ็บปวดนี้ จะเป็นที่บริเวณ 4-5 เซนติเมตร เหนือข้อต ่อส้นเท้าที่เป็นที่เกาะของเอ็นร้อยหวาย กดเจ็บ ในรายที่เป็นมากๆ หรือเป็นเรื้อรัง จะคลำได้ก้อนเล็กๆ หรือขรุขระและบวมอยู่ตลอดเวลา ทำให้ ดูเหมือนน่องโต การปฐมพยาบาล เมื่อเกิดอาการขึ้นชนิดเฉียบพลัน ให้หยุดเล่นกีฬาหรือวิ่งในทันทีประคบน้ำแข็งประมาณ 5-10 นาทียกเท้าให้อยู่สูงจากนั้นงอหัวเข่าและยืดเอ็นร้อยหวายสักประมาณ 5 นาทีให้ยาแก้ปวด และยาต้านการอักเสบแล้วแต่อาการส่วนใหญ่แล้วจะให้ประมาณ 1-3สัปดาห์การให้การรักษาทาง กายภาพบำบัด เช่น การให้ความร้อนจากแสงอินฟราเรด หรือการให้คลื่นเหนือเสียง จะทำให้หายเร็วขึ้น ห้ามฉีดยาต้านการอักเสบเฉพาะที่บริเวณนี้เป็นอันขาดถ้ามีลักษณะถึงขั้นฉีกขาดของเอ็นร้อยหวาย จำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด ต้องเข้าเฝือกไว้6 สัปดาห์จึงจะเริ่มทำการบำบัดรักษา การป้องกัน 1. บริหารกล้ามเนื้อน่องให้แข็งแรง โดยใช้นำ้หนักถ่วงที่เท้าแล้วกระดกข้อเท้าขึ้นลงช้าๆ โดยเริ่มจากน้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม แล้วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนได้ประมาณ 5-6 กิโลกรัม ให้ทำ ประมาณ 10 ครั้ง เช้าและเย็นเป็นอย่างน้อย สลับกับการยืดกล้ามเนื้อน่องให้ยืดหยุ่นอยู่เสมอ 2. ตรวจดูลักษณะโครงสร้างของร่างกาย ถ้าไม่เป็นปกติก็ต้องปรับให้เกือบเหมือน หรือเหมือนปกติเล่นกีฬาหรือวิ่ง วิธีที่ง่ายที่สุด คือ การปรับด้วยรองเท้า เช่น เท้าที่มีอุ้งเท้าโค้งสูง ให้ใส่รองเท้าที่มีรองอุ้งเท้าสูงทัดเทียมกับอุ้งเท้าของเราและเสริมรองส้นเท้าให้นิ่มมากๆ เพื่อกัน แรงกระเทือนที่ส้นเท้าขณะวิ่งหรือในรายที่เท้าคว่ำบิดเข้าในก็ต้องเสริมรองเท้าดังที่ได้กล่าวมาแล้ว 3. รองเท้าที่ใช้เล ่นกีฬาจะต้องมีส้นเท้าที่นิ่มและนอกจากนี้ส ่วนที่เสริมหุ้มส้นเท้า ไม่ควรมีเพราะจะไปทำให้มีการเสียดสีกับเอ็นร้อยหวายถึงแม้จะทำให้นิ่มเพียงใดก็ตาม หลักการปฐมพยาบาลภายใน 48 ชั่วโมงแรก การบาดเจ็บจากการเล ่นวอลเลย์บอลในช ่วงขณะฝึกซ้อมหรือขณะแข ่งขันที่พบบ ่อย กับนักกีฬา คือ การฟกช้ำ อักเสบ กล้ามเนื้อพลิกหรือข้อเท้าแพลง ซึ่งการบาดเจ็บจะมีตั้งแต่ ระดับฟกช้ำ เริ่มฉีกขาดบางส ่วนและถึงขั้นระดับฉีกขาดหมด การปฐมพยาบาลในช่วงขณะ ฝึกซ้อมหลังหรือขณะแข่งขันเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ควรรอพบแพทย์โดยที่ไม่ได้ปฐมพยาบาลนักกีฬาด้วย พบว่าในท้องถิ่นทุรกันดารนักกีฬาบางคนต้องรอถึง4ชั่วโมงกว่าจะได้เข้าห้องฉุกเฉินเพื่อพบแพทย์ คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 101
เพราะยังมีคนไข้ที่อาการหนักกว่ารออยู่โปรดจำไว้ว่าเมื่อใดที่เกิดอาการบวมชำ ้อักเสบ กล้ามเนื้อพลิก หรือข้อเท้าแพลงวิธีการรักษาตัวอย่างง่ายๆคือPRI C Eซึ่งก็ไม่ได้แปลว่าข้าว หากแต่เป็นตัวอย่าง ของ Protection, Rest, Ice, Compression และ Elevation 1.P(Protection) ทำการป้องกันส่วนที่บาดเจ็บ โดยการใช้ผ้าพัน หรือการใช้elastic bandages หรือการ splint ให้อยู่นิ่งๆ ไม่ขยับส่วนที่บาดเจ็บ หลักการปฐมพยาบาล ภายใน 48 ชั่วโมงแรก คือ 2. R (Rest) การหยุดพัก หมายถึง การหยุดพักเฉพาะส่วนกล้ามเนื้อนั้นมิให้เคลื่อนที่ หรือเคลื่อนที่แต่น้อย และรวมถึงการหยุดพักการฝึกซ้อมนั้นด้วย สำหรับการหยุดพักเฉพาะส่วน ขึ้นอยู่กับส่วนที่บาดเจ็บ เช่น ที่แขนอาจใช้ผ้าคล้องคอ(Sling)ขาอาจใช้ไม้เท้าคำ้ยัน ข้อเท้าพันด้วย Ankle Plaster Strap เป็นต้น ส่วนการหยุดพักการฝึกซ้อมนั้น ถ้ามีอาการปวดบวมมากอาจต้องพักโดยสมบูรณ์ แต่หากเล็กน้อยอาจเปลี่ยนเล่นกีฬาอื่นเพื่อมิให้ความอดทนลดลง หรือฝึกซ้อมเฉพาะท่าทางไปก่อน เช่น แกว่งแขนทำท่าตบลูกบอลเป็นต้น แต่โดยทั่วไปจะใช้หลัก“กฎของ3”(Rule of Three)คือ กล้ามเนื้อ เอ็นกล้ามเนื้อฟกช้ำ ควรหยุดพัก 3 วัน เอ็นยึดข้อต่อ กล้ามเนื้อฉีกขาดบางส่วน ควรหยุดพัก 3 อาทิตย์ กระดูก กล้ามเนื้อฉีกขาดหมด ควรหยุดพัก 3 เดือน แต่ทั้งนี้มิได้เป็นกฎเกณฑ์เสมอไปขึ้นอยู่กับหลายประการ เช่น กระบวนการซ่อมแซม ส่วนสึกหรอของแต่ละคนซึ่งไม่เท่ากัน ความร่วมมือในการทำกายภาพบำบัด พักเพื่อการแข่งขัน คราวต่อไปที่สำคัญกว่า ซึ่งแพทย์กีฬาและโค้ชควรปรึกษาด้วยกันทั้งสองฝ่ายอย่างจริงจัง เพื่อผล แห่งชัยชนะและสุขภาพของนักกีฬาเอง Rest หยุดพักในทันทีที่รู้สึกปวดเจ็บ หากยังฝืนเล่นต่อไปอาการอักเสบจะรุนแรงมากขึ้น 3. I (Ice) การประคบเย็น มีหลายวิธีเช่น การให้ถุงน้ำแข็ง สเปรย์ซิลิโคน-เจล ควรใช้เวลา15 นาทีแล้วพักไม่ควรใช้น้ำแข็งแตะผิวหนังโดยตรง เพราะจะเกิดภาวะขาดเลือดจาก เส้นเลือดตีบ การประคบนำ้เย็นเป็นวิธีแรกและอันดับแรกที่ควรทำก่อน นอกจากจะช่วยลดบวมแล้ว ยังลดความเจ็บปวดด้วยในต่างประเทศมีการใช้สารเคมีพวกแอมโมเนียมไนเตรท ซึ่งสามารถเก็บไว้ ได้โดยไม่จำเป็นต้องแช่เย็น แต่มีราคาแพงและมีโอกาสเกิดแพ้สารเคมีได้ในบ้านเราควรใช้ถุงนำ้แข็ง น่าจะเป็นวิธีที่ดีและราคาถูกที่สุดด้วย Ice น้ำแข็ง ใช้น้ำแข็งประคบบริเวณที่อักเสบ น้ำแข็งจะลดอาการบวมช้ำได้อย่าใช้ น้ำแข็งวางที่บริเวณที่ได้รับบาดเจ็บโดยตรง เพราะน้ำแข็งอาจจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นไหม้ ด้วยความเย็นจัด ควรวางผ้าเช็ดตัวบนบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บก่อน จึงวางน้ำแข็งทับบนนั้น 102 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
4. C (Compression) การกด จุดประสงค์เพื่อลดอาการปวดบวม อาจใช้ผ้ายืด พันข้อควรระวัง อย่ารัดมากเกินไป สังเกตได้ว่าปวดมากขึ้นและบวมในส่วนปลายของผ้าที่พัน อาจมีอาการซีดเซียวได้ในที่นี้การกดรัดอย่าเข้าใจผิดว่าเป็นการนวด(Massage) เพราะเป็นข้อห้าม ในระยะ 48 ชั่วโมง Compressionการพันรัดช่วยจำกัดขอบเขตของการบวมช้ำ ใช้ผ้ายางยืดพันโดยรอบ ให้ตึงพอประมาณ อย่าพันรัดแน่นจนเลือดไหลเวียนไม่สะดวก หากมีอาการข้อเท้าแพลง อย่าถอด รองเท้าออก เพราะรองเท้าจะจำกัดการบวมช้ำได้ส่วนหนึ่ง 5. E (Elevation) การยกส่วนที่บาดเจ็บให้สูงขึ้นจะเป็นการลดอาการบวม เช่น เจ็บข้อเท้า เวลานอนก็หาหมอนหรือผ้ามารองไว้ใต้ข้อเท้าให้สูงขึ้น เวลานั่งก็หาเก้าอี้อีกตัวมาวางไว้ ให้ยกขาขึ้นไปจะช่วยลดอาการบวมได้ คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 103
การเสิร์ฟ (Serving) วอลเลย์บอลเริ่มการแข่งขันด้วยการเสิร์ฟ การเสิร์ฟครั้งแรกของเซตที่ 1 และเสิร์ฟเซตที่ 5 ผู้ตัดสินที่ 1 จะทำหน้าที่เสี่ยงเพื่อให้หัวหน้าทีมที่ชนะการเสี่ยง เลือกเสิร์ฟหรือรับและเลือกแดน ที่จะลงทำการแข่งขัน โดยเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง การเสิร์ฟในการแข่งขันวอลเลย์บอลในปัจจุบัน นับว่ามีความสำคัญมาก เนื่องจากการเล่นวอลเลย์บอลมีระบบการนับคะแนนแบบ Rally Point ระบบการนับคะแนนแบบใหม่เป็นจุดผกผันที่สำคัญของกีฬาวอลเลย์บอลในเรื่องทักษะการเสิร์ฟ เทคนิคการเสิร์ฟ เวลาเสิร์ฟเป็น 8วินาทีและการยกเลิกความพยายามที่จะนำการเสิร์ฟ ซึ่งการเปลี่ยนแปลง ระบบการนับคะแนนใหม่ ทำให้ต้องปรับปรุงเทคนิคการเล่นให้เหมาะสม นักกีฬาต้องปรับตัวให้มี การเล่นที่แน่นอน ไม่ฆ่าตัวตายนั่นเอง การเสิร์ฟเป็นยุทธวิธีของการบุกอย่างหนึ่ง ลูกเสิร์ฟที่มีความรุนแรง มีประสิทธิภาพ และ เสิร์ฟได้ตรงช่องว่างหรือตรงกับผู้เล่นที่มีทักษะการรับลูกเสิร์ฟไม่ดีเป็นเป้าหมายของการเสิร์ฟ ลูกเสิร์ฟที่มีความรุนแรงและแน่นอน นับว่าเป็นการบุกที่ดีอาจจะได้คะแนนจากการเสิร์ฟ หรือ เป็นการกดดันทีมคู่ต่อสู้ในการสร้างเกมรุกอีกด้วย ความหมายของการเสิร์ฟ ทรงศักดิ์ เจริญพงศ์ (2542 : 8) ได้กล่าวถึงการเสิร์ฟว่า การเสิร์ฟเป็นการนำลูกเข้าสู่ การเล่นโดยผู้เล่นตำแหน่งหลังขวา ด้วยการตีลูกบอลด้วยมือข้างใดข้างหนึ่งหลังจากผู้เสิร์ฟได้โยน หรือปล่อยลูกแล้ว การเสิร์ฟโดยทั่วๆ ไปไม่ว่าจะเป็นการยืนเสิร์ฟหรือการกระโดดเสิร์ฟ ผู้เสิร์ฟ จะต้องเสิร์ฟลูกให้แม ่นยำและรุนแรง ทั้งนี้เพราะการเสิร์ฟจะสามารถทำคะแนนให้กับทีม ได้อีกวิธีหนึ่ง อุทัย สงวนพงศ์และสมบัติคุณามาศปกรณ์ (2543 : 35-36) ได้กล่าวว่า การเสิร์ฟ เป็นการรุกวิธีหนึ่งการแข่งขันจะเริ่มจากการเสิร์ฟเสมอลูกเสิร์ฟที่มีพลังและมีประสิทธิภาพ สามารถข่ม คู่ต่อสู้และชิงความเป็นผู้คุมเกมการเล่นได้ด้วยจุดประสงค์ของการเสิร์ฟอยู่ที่การทำคะแนนโดยตรง บทที่ 7 ทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล 104 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
ทำลายยุทธวิธีการรุกของฝ่ายตรงข้าม ลดภาระการตั้งรับของฝ่ายตน สร้างโอกาสที่ได้เปรียบ ในการตอบโต้ลูกเสิร์ฟที่ดีสามารถทำความหนักใจให้ฝ่ายตรงข้าม อันเป็นการทำลายขวัญและจิตใจ ของคู่แข่งขัน ทำให้เกิดความรวนเร ขาดความสัมพันธ์ในการรุกได้ทางหนึ่งด้วย ผู้เล่นจึงควรหา ความชำนาญโดยการฝึกหัดเสิร์ฟด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งที่เหมาะสมและดีที่สุดหรือตามความถนัด ของผู้เล่นแต่ละคน การปฏิบัติในการเสิร์ฟ ศรีเกษม อุ่นประดิษฐ์และคณะ (2532 : 56) ได้กล่าวถึงการปฏิบัติในการเสิร์ฟไว้ดังนี้ 1. ผู้เล ่นต้องเสิร์ฟลูกบอลตามลำดับที่ส ่งในใบส ่งตำแหน่งระหว่างทำการแข ่งขัน โดยหมุนตามเข็มนาฬิกา 2. เมื่อชุดที่เสิร์ฟได้คะแนน ให้ผู้เสิร์ฟคนเดิมเป็นผู้เสิร์ฟต่อ 3. เมื่อชุดที่เสิร์ฟทำเสีย ให้ฝ่ายตรงข้ามได้เสิร์ฟ 4. ผู้เสิร์ฟต้องอยู่ในพื้นที่ของเขตเสิร์ฟ 5. ผู้เสิร์ฟต้องทำการเสิร์ฟภายในเวลา 8 วินาที 6. การเสิร์ฟถือว ่าสมบูรณ์เมื่อผู้เสิร์ฟเสิร์ฟด้วยมือข้างเดียว หรือส ่วนใดส ่วนหนึ่ง ของแขนหลังจากโยนหรือปล่อยลูกบอลก่อนลูกบอลจะถูกพื้น 7. ในขณะที่ฝ่ายตนเองกำลังทำการเสิร์ฟ ห้ามผู้เล่นทำการกำบังฝ่ายตรงข้าม หลักส�ำคัญในการเสิร์ฟ อุทัย สงวนพงศ์และสมบัติคุณามาศปกรณ์ (2543 : 36-37) ได้กล่าวถึงหลักสำคัญ ในการเสิร์ฟ มีดังนี้ 1. ท่าทางในการเสิร์ฟ 2. ตำแหน่งการยืน 3. การโยนลูกบอล 4. การเหวี่ยงแขน 5. จุดที่มือกระทบลูกบอล คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 105
ตำแหน่งการยืน ก่อนที่จะเริ่มเสิร์ฟทุกครั้ง ผู้เล่นต้องยืนตามจุดหรือตำแหน่งที่เคยฝึกซ้อมมา มีผู้เล่น จำนวนมากที่ขาดความสังเกตในเรื่องนี้พอจับลูกบอลเข้ามายืนในเขตเสิร์ฟก็เสิร์ฟลูกไปตามใจตนเอง การยืนห่างจากเส้นหลังใกล้หรือไกลเพียงใดยืนห่างจากมุมสนามมากน้อยเพียงใดก็ต้องยืนที่จุดนั้น ตลอดทุกครั้งที่ทำการเสิร์ฟ เพราะจะทำให้ความแรงความเร็ว และทิศทางของลูกบอลเป็นไปตาม เป้าหมายที่ต้องการและทำให้การเสิร์ฟมีผลเสียน้อยด้วย การโยนลูกบอล ความสูงขณะโยนลูกบอลขึ้นต้องสม่ำเสมอ เช่น ความสูงจากมือที่โยนประมาณ 3-4 ช่วง ของลูกบอล ก็จะต้องโยนลูกบอลให้มีความสูงเช่นนี้ตลอดไป เพราะการโยนลูกสูงบ้างต่ำบ้างทำให้ แรงที่ใช้ตีและทิศทางของลูกขาดความแม่นยำ นอกจากนี้การโยนลูกใกล้ตัวบ้างหรือห่างตัวบ้าง เอียงไปซ้ายบ้าง ขวาบ้างก็ย่อมมีผลต่อการตีลูกบอลด้วย การเหวี่ยงแขน การเสิร์ฟให้ลูกบอลพุ่งไปตามทิศทางและมีความแรงตามที่ต้องการ ขึ้นอยู่กับการเหวี่ยงแขนด้วย ผู้เสิร์ฟเคยเหวี่ยงแขนในลักษณะใด มือห่างจากลูกบอลเท่าไร จะต้องทำอย่างนั้นทุกครั้งที่เสิร์ฟ จึงต้องฝึกฝนการเหวี่ยงแขนให้คล้ายกับเครื่องจักรที่มีจังหวะการทำงานอย่างสม่ำเสมอ จุดที่มือกระทบลูกบอล ลักษณะของมือและจุดที่มือกระทบลูกบอลต้องเหมือนกันทุกครั้งที่ตีลูกบอลในท่านั้นๆ ด้วย เช่น การแบมือตีด้านหลังตรงส่วนกึ่งกลางของลูกบอล ก็ต้องทำในลักษณะเช่นนี้ตลอดทุกลูกเสิร์ฟ เพราะการออกแรงและจุดที่ตีลูกบอลแตกต ่างกันก็ย ่อมทำให้ทิศทางของลูกบอลที่พุ ่งออกไป แตกต่างกันด้วย ลักษณะของมือที่ใช้สัมผัสลูกบอล เสงี่ยม พรหมบัญพงศ์และสุชาติทวีพรปฐมกุล (2537 : 77-79) ได้สรุปลักษณะของมือ ที่ใช้สัมผัสลูกบอลไว้ดังนี้ 1. ลักษณะกำมือ หงายฝ่ามือหรือตั้งขึ้น 2. แบบมือด้านข้าง 3. แบบฝ่ามือนับหัวแม่มืออยู่กลางฝ่ามือ หงายฝ่ามือหรือตั้งขึ้น 4. นิ้วมือเรียงชิดกันหรือกางนิ้วมือออก หงายฝ่ามือหรือตั้งขึ้น 106 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
ลักษณะของการเสิร์ฟ ทรงศักดิ์เจริญพงศ์(2533 : 61-66) ได้แบ่งลักษณะการเสิร์ฟออกเป็น 2 ลักษณะ คือ 1. การเสิร์ฟลูกมือล่าง (Under Hand Service) 1.1 การเสิร์ฟลูกมือล่างด้านหน้า 1.2 การเสิร์ฟลูกมือล่างด้านข้าง 2. การเสิร์ฟลูกมือบน (Overhand Service) 2.1 การเสิร์ฟลูกมือบนด้านหน้า 2.2 การเสิร์ฟลูกมือบนด้านข้าง 2.3 การกระโดดเสิร์ฟ หลักการเสิร์ฟลูกมือล่าง อุทัย สงวนพงศ์และสมบัติคุณามาศปกรณ์ (2543 : 40) ได้กล่าวถึงหลักการเสิร์ฟ ลูกมือล่างไว้ดังนี้ 1. ผู้เสิร์ฟยืนในเขตเสิร์ฟ หันหน้าเข้าหาตาข่าย แยกเท้าห่างกันประมาณ 1 ช่วงไหล่ เท้าซ้ายอยู่หน้า (ถ้าเสิร์ฟด้วยมือขวา) 2. ถือลูกบอลด้วยมือซ้าย ยกลูกบอลไว้ระดับหน้าท้อง งอข้อศอกและโน้มตัวไป ข้างหน้าเล็กน้อย เหวี่ยงแขนขวามาข้างหลังจนสุด พร้อมกับโยนลูกบอลขึ้นตรงๆ ไม่ควรโยนลูก สูงกว่าระดับไหล่ 3. จังหวะที่ลูกบอลเริ่มตกให้เหวี่ยงแขนขวากลับมาข้างหน้า ตีลูกบอลบริเวณส่วนหลัง ด้านล่างของลูกบอล ขณะที่แขนขวาเหวี่ยงจากข้างหลังมาข้างหน้า ควรย่อเข่าเพื่อช่วยแรงส่งด้วย การเสิร์ฟมือล่าง การเสิร์ฟมือบน คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 107
4. ลักษณะของมือที่ตีลูกบอลอาจใช้การแบมือ กำหมัด สันมือ ตีลูกบอลก็ได้แต่แขน ที่เหวี่ยงไปตีลูกบอลต้องเหยียดตึง เมื่อตีลูกบอลไปแล้วให้เหวี่ยงแขนตามลูกบอล เพื่อช่วยบังคับลูก ให้ไปในทิศทางที่ต้องการ สำหรับการเสิร์ฟลูกมือล ่างอาจจะหันด้านข้างเข้าหาตาข ่ายก็ได้ มีหลักการเสิร์ฟ เช่นเดียวกับการเสิร์ฟลูกมือล่างหันหน้าเข้าหาตาข่าย แต่การยืนของผู้เสิร์ฟจะหันไหล่ซ้ายเข้าหา ตาข่าย ตำแหน ่งที่ตีลูกบอลในการเสิร์ฟลูกมือล ่างมีส ่วนที่จะทำให้ลูกบอลตกใกล้หรือไกล ได้เหมือนกัน ถ้าหากตีตรงกึ่งกลางให้ลูกบอล (ก) ลูกบอลแทบจะไม ่หมุน ขณะเคลื่อนที่ไป กลางอากาศก่อนลูกจะตก ลูกบอลอาจส่ายได้ ถ้าเสิร์ฟใต้ลูกค่อนมาทางข้างหลัง (ข) และดึงมือขึ้น ลูกจะหมุนไปข้างหน้า ถ้าเสิร์ฟใต้ลูกค่อนมาทางข้างหลัง (ค) คล้ายเสยมือขึ้น ลูกบอลจะหมุนกลับหลัง ถ้าออกแรงเสิร์ฟเท่ากันแต่ตำแหน่งที่ตีลูกบอลต่างกัน ทำให้ระยะทางและทิศทางการตก ของลูกแตกต่างกันได้(ดังภาพ) ข ค ข ก ก ค 108 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
การเสิร์ฟลูกมือล่าง (Under Hand Service) ทรงศักดิ์ เจริญพงศ์ (2533 : 61) ได้กล่าวว่า วิธีการเสิร์ฟลูกมือล ่างที่ง ่ายที่สุด ซึ่งมีลักษณะของมือขณะสัมผัสลูกบอลอยู่3 ลักษณะ คือ 1. สัมผัสตรง 2. สัมผัสโดยให้ลูกบอลหมุนเข้าหาตัว 3. สัมผัสบอลให้ลูกบอลหมุนออกจากตัว (ดังภาพ) 1. วิธีเสิร์ฟลูกมือล่างด้านหน้า ชนินทร์ยุกตะนันทน์(2532:24-25) ได้ลำดับขั้นตอนวิธีเสิร์ฟลูกมือล่างด้านหน้าดังนี้ 1.1 ในกรณีที่ผู้เล่นถนัดขวา ให้ก้าวเท้าซ้ายอยู่หน้าเท้าขวาเล็กน้อย ถือลูกบอลไว้ด้วย มือซ้าย และยืนไปทางข้างหน้าด้านขวาของร่างกาย เพื่อให้ลูกบอลอยู่ในแนวเดียวกันกับมือข้างขวา ที่จะเหวี่ยงตีลูกบอล แสดงลักษณะการก้าวเท้า การถือลูกบอล และการเหวี่ยงแขนของการเสิร์ฟลูกมือล่างลูกมือล่าง แสดงลักษณะของมือขณะสัมผัสลูก 3 ลักษณะ ทิศทางของลูกบอลและการเคลื่อนไหวของลูกบอล คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 109
ลักษณะการก้าวเท้า การถือลูกบอล 1.2 โยนลูกบอลขึ้นด้วยมือซ้ายเบาๆ ไม่สูงมากนัก (เพราะกติกาไม่อนุญาตให้ผู้เสิร์ฟ ตีลูกบอลที่อยู่ในมือ)กำมือขวาหลวมๆ หรือจะแบมือก็ได้และใช้สันมือตีลูกบอลเป็นจุดสัมผัสลูกบอล โดยการเหวี่ยงมือจากข้างหลัง แสดงลักษณะการโยนลูกบอล การตีลูกบอล 1.3 การเสิร์ฟลักษณะนี้จะยืนหันหน้าเข้าหาตาข่ายหรือหันข้างเข้าหาตาข่ายก็ได้ แสดงลักษณะการยืนหันหน้าเข้าหาตาข่ายและการสัมผัส (การตีลูกบอล) 1.4 การส่งแรง (Follow Thorough) ผู้เสิร์ฟต้องก้าวเท้าถ่ายน้ำหนักตัวไปที่เท้าหน้า และการเหวี่ยงแขนไปตามแรงส่งไปข้างหน้า แสดงลักษณะการส่งแรง (Follow Thorough) 110 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
2. วิธีเสิร์ฟลูกมือล่างด้านข้าง เสงี่ยม พรหมบัญพงศ์และสุชาติทวีพรปฐมกุล (2537 : 80) ได้กล่าวถึงวิธีเสิร์ฟ ลูกมือล่างด้านข้างไว้ดังนี้ 1. ยืนเตรียมพร้อม โดยหันด้านข้างเข้าสนามหรือหันด้านซ้ายเข้าหาตาข่ายก้าวเท้าซ้าย ไปข้างหน้าขนานกับเส้นหลัง เท้าขวาอยู่ด้านหลัง 2. มือซ้ายชูลูกบอลเหยียดตรงไปข้างหน้า แขนขวาเหยียดตรงอยู่ข้างหลังระดับต่ำ กว่าไหล่เล็กน้อย 3. การส่งลูกบอลให้ย่อตัวโยนบอลขึ้น เหวี่ยงแขนขวามาตีลูกบอลโดยบิดตัวทางซ้าย มือหรือทิศทางที่จะส่งลูกไป 4. การตีบอลให้ใช้สันมือหลังหัวแม่มือตีปะทะบอลไป หมายเหตุวิธีการเช่นเดียวกับการเสิร์ฟมือล่างหันหน้าต่างกัน ตรงการหันด้านข้างเข้าหา สนามหรือตาข่ายเท่านั้น แสดงลักษณะการเสิร์ฟลูกมือล่างด้านข้าง ความผิดพลาดที่พบในการเสิร์ฟลูกมือล่าง ศรีเกษม อุ่นประดิษฐ์และคณะ (2532 : 59) ได้กล่าวถึงความผิดพลาดที่พบในการเสิร์ฟ ลูกมือล่างไว้ดังนี้ 1. จังหวะของการเหวี่ยงแขนตีกระทบลูกบอลไม่ดีเนื่องจากความลังเลไม่แน่ใจตนเอง 2. ตำแหน่งการยืนไม่ถูกต้อง 3. การขาดสมรรถภาพของแขนที่เหวี่ยงตีกระทบลูกบอล 4. การโยนบอลไม่ได้จังหวะ ไม่สัมพันธ์กับการเหวี่ยงแขนตีกระทบลูกบอล หลักการเสิร์ฟลูกมือบนด้านหน้า อุทัยสงวนพงศ์และสมบัติคุณามาศปกรณ์(2543 : 40) ได้กล่าวถึงหลักการเสิร์ฟลูกมือ บนด้านหน้าไว้ดังนี้ คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 111
1. ยืนในเขตเสิร์ฟ หันหน้าเข้าหาตาข่าย ถือลูกบอลด้วยมือทั้งสองข้าง ถ้ายืนเสิร์ฟอยู่กับที่ ให้ยืนเท้าแรกประมาณ 1 ช่วงไหล่ หรือเท้าซ้ายอยู่หน้า ถ้าตีลูกบอลด้วยมือขวา ถ้าหากมีก้าวเท้า ก่อนเสิร์ฟ ก้าวสุดท้ายควรเป็นเท้าซ้ายอยู่หน้า งอเข่าทั้งสองข้างเล็กน้อย น้ำหนักตัวอยู่ที่เท้าหลัง 2. ตามองไปยังเป้าหมายที่จะเสิร์ฟลูกบอลไป โยนลูกบอลขึ้นตรงๆ ถ้ายืนเสิร์ฟอยู่กับที่ แต่ถ้าเคลื่อนที่เสิร์ฟจะโยนลูกขึ้นไปข้างหน้าเล็กน้อยความสูงจากมือที่โยนประมาณ 3-4ช่วงของลูกบอล 3. ขณะโยนลูกบอลให้ยกแขนขวา ยกศีรษะ แอ่นท้อง บิดลำตัวไปทางขวาเล็กน้อย ขณะตีลูกบอลให้ถ่ายน้ำหนักตัวจากเท้าขวามาเท้าซ้าย ห่อหน้าอก แขม่วท้อง ใช้เท้ายัน พื้นขึ้นเล็กน้อย หมุนตัวจากทางขวาไปทางซ้ายเล็กน้อย แขนขวาเหยียดขึ้นหัวไหล่ ใช้ฝ่ามือตีตรงกลาง ส่วนหลังของลูกบอล ลักษณะของนิ้วมือขณะเสิร์ฟลูกมือบนด้านหน้า อาจจะแบมือโดยนิ้วทั้งห้าชิดกัน กำมือ หรือแบมือนิ้วทั้งห้าแยกกัน ซึ่งการแบมือนิ้วแยกนี้สามารถสะบัดข้อมือไปทางซ้ายหรือทางขวา และตีด้านข้างของลูกบอลเพื่อให้ลูกหมุนขณะเสิร์ฟได้อีกด้วย แสดงลักษณะบริเวณที่มือถูกลูกบอลขณะเสิร์ฟลูกมือบนด้านหน้า การเสิร์ฟลูกมือบนด้านหน้า (Overhand Service) ชาญฤทธิ์วงษ์ประเสริฐ และทรงศักดิ์ เจริญพงศ์ (2537 : แผ่นภาพโฆษณาทักษะการเสิร์ฟ) ได้เรียบเรียงวิธีการเสิร์ฟลูกมือบนด้านหน้าไว้ดังนี้ 1. ยืนด้วยเท้าทั้งสอง หันหน้าไปทางทิศทางเป้าหมาย ถือลูกบอลไว้ในฝ่ามือที่ไม่ใช่ตีลูกบอล แสดงลักษณะการเตรียมพร้อมในการเสิร์ฟมือบนด้านหน้า บริเวณที่มือถูกลูกบอล ขณะเสิร์ฟลูกมือบนด้านหน้า 112 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
2. ขณะที่โยนลูกขึ้น ให้เหยียดตัวขึ้นให้ดูเหมือนว ่า เป็นการยกลูกบอล 3. ดึงแขนและศอกที่ใช้ตีลูกบอลไปข้างหลังลูกบอล จะต้องโยนขึ้นไปข้างหลังเล็กน้อยและอยู่ด้านหน้าของผู้เสิร์ฟ 4. ดึงศอกให้ไปอยู่ด้านหลังหูตามองที่ลูกบอล 5. เหวี่ยงแขนที่ตีลูกบอลไปข้างหน้าให้เร็วๆถ่ายน้ำหนัก ไปที่เท้าหน้า ตีลูกบอลด้วยการเกร็งฝ่ามือ แสดงลักษณะการโยนลูกขึ้น แสดงลักษณะการดึงแขนและข้อศอกที่จะใช้ตีบอลไปข้างหน้า แสดงลักษณะการดึงแขนและข้อศอกที่จะใช้ตีบอลไปข้างหน้า แสดงลักษณะการดึงศอกให้ไปอยู่ด้านหลังหูตามองที่ลูกบอล คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 113
6. หลังจากตีลูกไปแล้ว ปล ่อยให้แขนเหวี่ยงไปข้างหน้า โดยไม่ต้องออกแรงหยุดปล่อยแขนที่ไม่ได้ตีลูกบอลลงข้างตัว แสดงลักษณะการส่งแรงหลังจากการตีลูกบอล หลักการเสิร์ฟลูกมือบนด้านข้าง อุทัย สงวนพงศ์และสมบัติคุณามาศปกรณ์ (2543 : 41) ได้กล่าวถึงลักษณะการเสิร์ฟ ลูกมือบนด้านข้างไว้ดังนี้ 1. ลักษณะการยืนเหมือนกับการเสิร์ฟลูกมือบนด้านหน้า แต่หันไหล่ซ้ายเข้าหาตาข่าย ทำมุมกับตาข่ายประมาณ 45 องศา 2. โยนลูกบอลด้วยมือซ้ายให้ลูกไปทางไหล่ซ้ายเล็กน้อย ความสูงจากมือที่โยนประมาณ 3-4 ช่วง ของลูกบอล พร้อมกับเหยียดแขนขวาไปข้างหลัง เงยหน้ามองลูกบอล 3. จังหวะที่ตีลูกบอลให้เหวี่ยงแขนขวาขึ้นมา พร้อมกับบิดลำตัวมาทางซ้าย เท้าขวายันพื้น หมุนตัวอย่างเร็วเข้าหาสนาม ถ่ายน้ำหนักตัวเข้าสู่เท้าซ้าย เหยียดแขนขวาตรงและต้องเหวี่ยงโค้ง ขึ้นไปข้างหน้า ลักษณะของมือขณะเสิร์ฟลูกมือบนด้านข้าง ซึ่งจุดที่สัมผัสลูกจะอยู่ตรงด้านหลังของลูก ค่อนข้างมาข้างล่างเล็กน้อย ถ้าจุดที่ตีลูกบอลเลยกึ่งกลางของลูกขึ้นมาข้างบน จะทำให้เสิร์ฟลูก ไม่ข้ามตาข่ายแต่ถ้าตีด้านล่างของลูกจะทำให้ลูกพุ่งขึ้นสูง อาจจะออกนอกสนาม แสดงลักษณะของมือขณะเสิร์ฟลูกมือบนด้านข้าง ซึ่งจุดที่สัมผัสลูกจะอยู่ด้านหลังของลูก 114 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
การเสิร์ฟลูกมือบนด้านข้าง ชาญฤทธิ์ วงษ์ประเสริฐและทรงศักดิ์ เจริญพงศ์ (2537:แผ่นภาพโฆษณาทักษะการเสิร์ฟ) ได้เรียบเรียงวิธีการเสิร์ฟ ลูกมือบนด้านข้างไว้ดังนี้ 1. หันหน้าโดยเอาด้านข้างเข้าหาตาข่ายถือลูกบอลในระดับเอว 2. ดึงแขนที่ใช้ตีลูกบอลไปด้านหลังเฉียดสะโพก บิดลำตัว ท่อนบนเล็กน้อยเพื่อให้เพิ่มแรงมากขึ้น ตามองที่ลูกบอล 3. ถ่ายนำ้หนักตัวไปยังเท้าหน้าเหยียดแขนที่ใช้ตีลูกบอล และเหวี่ยงขึ้นด้านบน 4. ตีลูกบอลขณะที่ลูกบอลอยู่เหนือไหล่และค่อนไปทาง ด้านหน้าเล็กน้อยเก็บแขนข้างที่ไม่ได้ตีลูกบอลดึงกลับหลังให้ต้าน กับลำตัว แสดงลักษณะการเตรียมพร้อมในการเสิร์ฟมือบนด้านข้าง แสดงลักษณะดึงแขนที่ใช้ตีลูกบอลไปด้านหลัง แสดงลักษณะการถ่ายน้ำหนักตัวและการเหยียดแขนที่ใช้ตีลูกบอล แสดงลักษณะการตีลูกบอลขณะที่ลูกบอลอยู่เหนือหัวไหล่ คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 115
5. หลังจากการตีลูกบอลปล่อยให้แขนเหวี่ยงไปข้างหน้า โดยไม่ต้องออกแรงหยุดปล่อยแขนที่ไม่ได้ตีลูกบอลลงข้างตัว แสดงลักษณะการส่งแรงหลังจากการตีลูก การกระโดดเสิร์ฟ (Jumping Service) การกระโดดเสิร์ฟ เป็นเทคนิคการเล ่นที่นำมาใช้กันมากในปัจจุบัน การเสิร์ฟถือว ่า เป็นการรุกครั้งแรกของทีม ผู้เล่นที่สามารถกระโดดเสิร์ฟได้ดีมีประสิทธิภาพ รุนแรงและแม่นยำ ย่อมได้เปรียบคู่ต่อสู้ในเกมการแข่งขัน มีวิธีปฏิบัติดังนี้ 1. การยืนเตรียมพร้อมภายในเขตเสิร์ฟ 9 เมตร 2. โยนลูกบอลขึ้นข้างหน้าการโยนต้องโยนให้สูงเพื่อมีจังหวะในการกระโดดเสิร์ฟได้รุนแรง 3. การกระโดดและลอยตัวลักษณะการกระโดดและลอยตัวปะทะเช่นเดียวกับการกระโดดตบ ลูกบอลหน้าตาข่าย 4. การปะทะหรือสัมผัสลูกบอล ส่วนใหญ่ผู้เสิร์ฟมักปะทะหรือสัมผัสลูกบอลด้านบน ของลูก เนื่องจากผู้กระโดดเสิร์ฟจะกระโดดได้สูง แต่ไม่สามารถบังคับลูกบอลได้เหมือนการตบลูก หน้าตาข่าย 116 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
แบบฝึกเพื่อการเสิร์ฟ แบบฝึกที่ 1 นักกีฬาจับบอลคนละลูกเมื่อผู้ฝึกสอนให้สัญญาณนักกีฬาทุกคนก็ปฏิบัติพร้อมกัน แล้วแต่ว่าผู้ฝึกสอนจะสั่งให้ปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างไร แบบฝึกที่ 2 นักกีฬาเข้าแถวตอนที่เขตเสิร์ฟถือบอลคนละลูกให้นักกีฬาเสิร์ฟบอลไปทางตรงไปลง แดนตรงข้าม แล้ววิ่งไปรับลูกจากการเสิร์ฟของฝ่ายตรงข้ามนำกลับไปต่อท้ายแถวตนเองต่อไป แบบฝึกที่3 นักกีฬาถือบอลคนละลูกเข้าแถวที่เขตเสิร์ฟกำหนดเขตที่ลูกบอลจากการเสิร์ฟจะตก ณ มุมหลังสนามทั้งสองในแดนตรงข้าม นักกีฬาต้องพยายามเสิร์ฟบอลให้ข้ามตาข่ายไปตกยังเขต ที่กำหนดให้ไป แล้ววิ่งไปเก็บบอลเอง กลับมาเสิร์ฟต่อไป คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 117
แบบฝึกที่ 4 นักกีฬาถือบอลคนละลูกเข้าแถวตอนที่เขตเสิร์ฟกำหนดเขตที่ลูกบอลจากการเสิร์ฟ จะตกที่ตำแหน่งของผู้เล่นกองหลังทั้งสนามในแดนตรงข้ามนักกีฬาต้องเสิร์ฟบอลให้ข้ามตาข่ายไป ยังเขตกำหนดแล้ววิ่งไปเก็บบอลกลับมาเสิร์ฟต่อไป แบบฝึกที่ 5 นักกีฬาเข้าแถวตอน 3 แถวที่เส้นหลังคนหัวแถวทั้งสามเสิร์ฟลูกพร้อมกันให้ลูกข้าม ตาข่ายไปตกในเขตกำหนดเดียวกัน นักกีฬาคนใดเสิร์ฟลูกไม่ลงในเขตกำหนดต้องเป็นคนวิ่งไปเก็บ ลูกทั้งหมดกลับมา แบบฝึกที่ 6 นักกีฬาเข้าแถวตอนที่เขตเสิร์ฟและต้องเสิร์ฟลูกไปลงในพื้นที่แดนหลังด้านตรงข้าม ทางซีกซ้ายหรือขวา แล้วแต่คำสั่งของผู้ฝึกสอนซึ่งจะสั่งในขณะที่นักกีฬาโยนบอลขึ้นเพื่อจะเสิร์ฟ และลูกบอลกำลังลอยอยู่กลางอากาศ 118 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
การเล่นลูกสองมือล่าง (Underhand) ความหมายการเล่นลูกสองมือล่าง ทรงศักดิ์ เจริญพงศ์กล่าวว่าการเล่นลูกสองมือล่างหรือลูกอันเดอร์ว่า เป็นวิธีการเล่นลูก โดยใช้แขนท่อนล่างของทั้งสองมือบังคับหรือส่งลูกบอลให้ไปยังทิศทางหรือตำแหน่งที่ต้องการ การเล่นแบบนี้เป็นปัจจัยสำคัญของการเล่นวอลเลย์บอลอีกอย่างหนึ่ง เพราะพื้นฐานการเล่นทีม ที่ดีนั้น ผู้เล่นจะต้องเล่นลูกสองมือล่างได้ดีก่อน เนื่องจากเป็นเทคนิคหรือวิธีการรับลูกที่มาจาก ฝ่ายตรงข้ามในลักษณะที่ค่อนข้างแรง เช่น ลูกเสิร์ฟหรือลูกตบ หรือลูกที่มาลักษณะตำ ่แต่ในบางโอกาส การเล่นลูกสองมือล่างนี้อาจจะต้องใช้มือเดียวก็ได้ตามแต่โอกาสที่จะเกิดขึ้น อาภรณ์ธรรมนิยม (2530 : 56) ได้กล่าวถึงความสำคัญของการเล่นลูกสองมือล่างไว้ว่า การเล่นลูกสองมือล่างเป็นทักษะที่สำคัญที่ใช้มากที่สุดในการเล่นวอลเลย์บอล ทีมใดมีความสามารถ ในการเล่นลูกสองมือล่างได้สูง สามารถรับลูกบอลอาการรุนแรงของฝ่ายตรงข้ามได้มีประสิทธิภาพ จะมีโอกาสเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ไม่ยากนัก การเตรียมพร้อมการเล่นลูกสองมือล่าง อุทัย สงวนพงศ์(ม.ป.ป. : 8) ได้กล่าวถึงการเตรียมพร้อมการเล่นลูกสองมือล่างไว้ดังนี้ 1. ยืนหันหน้าเข้าหาลูกบอล 2. แยกเท้าทั้งสองออกกว้างกว่าช่วงไหล่เล็กน้อย 3. ผู้เล่นที่ยืนด้านซ้ายของสนามเท้าซ้ายอยู่หน้าเท้าขวา 4. ผู้เล่นที่ยืนด้านขวาของสนามเท้าขวาอยู่หน้าเท้าซ้าย 5. ผู้เล่นที่ยืนกลางสนามให้วางเท้าเสมอกัน 6. ยกส้นเท้าเล็กน้อย 7. งอเข่าทั้งสองหัวเข่าล้ำปลายเท้าเล็กน้อย 8. โน้มตัวไปข้างหน้าทิ้งน้ำหนักตัวลงบนหัวแม่เท้าที่อยู่หน้า 9. ยกมือทั้งสองอยู่ระดับหน้าท้อง 10. ตามองลูกบอลตลอดเวลา ชนินทร์ ยุกตะนันทน์ (2532 : 52) ได้กล ่าวถึงลักษณะท ่าทางการเตรียมพร้อม เพื่อเล่นวอลเลย์บอล 1.อยู่ในลักษณะการทรงตัวย่อเข่าให้ก้มตำ่ลง โดยให้ลำตัวตั้งตรงอย่าให้ลำตัวลำ้หน้า หรือโล้ไปข้างหน้ามาก คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 119
2. ลักษณะของเท้าทั้งสอง ยืนคู่ขนานกัน ห่างกันประมาณช่วงไหล่หรือจะยืนให้เท้าใด เท้าหนึ่งอยู่หน้าอีกเท้าหนึ่งก็ได้(ขึ้นอยู่กับความถนัด) 3. ให้น้ำหนักตัวอยู่บนเท้าทั้งสอง ถ้ายืนลักษณะเท้าใดเท้าหนึ่งอยู่หน้า ให้น้ำหนักตัว ลงที่เท้าหน้าซึ่งใช้เป็นหลัก 4.การยืนต้องยืนด้วยปลายเท้าเสมอเพื่อความคล่องตัวในการเคลื่อนที่สามารถกระทำ ได้อย่างรวดเร็ว หรือที่เรียกกันว่าลักษณะพร้อมในการเคลื่อนที่ การยืนอยู่ในท่าเตรียม โดยยืนให้เท้าทั้งสองข้างแยกจากกัน แต่ปลายเท้าทั้งสองข้าง หันเข้าหากันเล็กน้อย จะทำให้เท้าไม่ตายและช่วยเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น การหดหัวแม่มือแล้วแขนจะตึง แนบชิดกัน วิธีการเล่นลูกสองมือล่าง วิธีการเล่นลูกสองมือล่างไว้เป็นข้อๆ ดังนี้ 1. เคลื่อนที่เข้าหาลูกบอล 2. หยุดและย่อเข่าลงให้ต่ำพอประมาณ พร้อมกับประสานมือ 3. ขณะที่ลูกบอลกำลังตกลงมานั้น เหยียดแขนให้ตึง พร้อมกับยกแขนและเหยียดเข่า ขึ้นปะทะกับลูก 4. ในขณะที่แขนสัมผัสลูกบอล อย่ายกแขนสูงเกินไป ควรทำมุมประมาณ 70-80 องศากับพื้น วิธีการเล่นลูกสองมือล่างไว้เป็นข้อๆ ดังนี้ 1. เคลื่อนที่ไปด้านหน้าหรือด้านข้างเพื่อรับลูกบอล 2. แขนจะต้องเหยียดตึงและอยู่ในระดับต่ำใกล้ลูกบอล การที่จะให้แขนตึงก็เพียงแต่ กดปลายหัวแม่มือลง แขนจะตึงเอง 3. แขนกระทบลูกและส่งแขนไปตามทิศทางที่ต้องการ 4. การเคลื่อนรับลูกบอลระดับต่ำผู้เล่นจะต้องย่อตัวและแขนให้อยู่ใต้ลูกบอล 5. เมื่อลูกบอลอยู่ระดับต่ำมากก็จำเป็นจะต้องนั่งชันเข่ารับลูกบอล 6. การเคลื่อนที่ไปด้านข้างเพื่อรับลูกบอลถ้าลูกบอลอยู่ไกลตัวต้องการเคลื่อนที่รวดเร็ว โดยใช้วิธีการไขว้เท้า และระยะใกล้ใช้วิธีการสไลด์เท้า 7. จุดสำคัญของการเคลื่อนที่คือจะต้องเคลื่อนที่ให้ลูกบอลอยู่ตรงกลางลำตัวเพื่อทำให้ การรับลูกได้ง่ายขึ้น 120 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
ลักษณะของมือขณะสัมผัสลูกบอล การเล่นลูกสองมือล่างต้องคำนึงถึงการจับมือหรือการให้นิ้วหัวแม่มือชิดกัน มือทั้งสอง สัมผัสกันแนบแน่นเพื่อให้แขนทั้งสองเสมอกัน ทำให้ควบคุมลูกเป็นไปตามทิศทางที่ต้องการได้ง่าย วิธีที่จะทำให้มือทั้งสองข้างแนบชิดกัน มี3 ลักษณะ ดังนี้ 1. โดยวิธีซ้อนมือ 2. โดยวิธีโอบหมัด 3. โดยวิธีกำหมัดทั้งสองข้างชิดกัน สรุปลักษณะของมือขณะสัมผัสลูกบอล จะมีการจับมือเพื่อให้แขนทั้งสองส่วนของมือ และมือเรียงชิดติดกัน เมื่อเวลาสัมผัสลูกบอลแล้วสามารถควบคุมทิศทางของลูกบอลไปในทิศทาง ที่ต้องการได้ดังนั้นลักษณะของมือขณะสัมผัสลูกบอลจึงมี3 วิธีคือ คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 121
การเล่นลูกสองมือล่าง (Underhand) 1. วิธีซ้อนมือ เป็นวิธีที่นิยมเล ่นกันมาก โดยเอามือหนึ่งไปวางซ้อนทับอีกมือหนึ่ง แล้วให้นิ้วหัวแม่มือชิดติดกัน แสดงลักษณะของมือขณะสัมผัสลูกบอลวิธีซ้อนมือ 2. วิธีโอบหมัดใช้มือใดมือหนึ่งกำหมัดแล้วใช้อีกมือหนึ่งโอบหมัด นิ้วหัวแม่มือทั้งสองชิดติดกัน แสดงลักษณะของมือขณะสัมผัสลูกบอลวิธีโอบหมัด 3. วิธีกำมือทั้งสองข้างชิดกัน โดยกำมือทั้งสองแล้วนำมาชิดกัน พยายามให้นิ้วหัวแม่มือ ทั้งสองข้างเสมอกัน แสดงลักษณะของมือขณะสัมผัสลูกบอลวิธีกำมือทั้งสอง 1 2 3 122 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
การสัมผัสลูกบอลในการเล่นลูกสองมือล่าง ชนินทร์ยุกตะนันทน์(2532 : 16) ได้กล่าวถึงการสัมผัสลูกบอลไว้ว่า 1. ใช้บริเวณแขนท ่อนล ่างจากข้อมือขึ้นไปประมาณ 1 ฝ ่ามือ หรือบริเวณข้อมือ ที่ผูกนาฬิกา 2. ขณะที่จะสัมผัสลูกบอลให้เกร็งแขนทั้งสองเล็กน้อย โดยให้แขนทั้งสองเหยียดตึง ย่อตัวลงพอประมาณ เท้าทั้งสองมีหลักที่มั่นคง 3. ขณะที่แขนทั้งสองสัมผัสลูกบอลให้ยกลำตัวขึ้น พร้อมกับยกแขนทั้งสองขึ้นเล็กน้อย เป็นการส่งลูกบอลไปในทิศทางที่ต้องการ ทำหลายๆ ครั้งจะรู้น้ำหนักของลูกบอลและสามารถส่ง ลูกบอลไปในระยะทางที่ต้องการได้ อุทัย สงวนพงศ์ (2543 : 29) ได้กล่าวถึงการสัมผัสลูกบอลไว้ว่า บริเวณที่ถูกลูกบอลคือ บริเวณท่อนแขนด้านหน้าทั้งสองแขนพร้อมๆ กัน ตั้งแต่เหนือข้อมือขึ้นมาประมาณ 10 เซนติเมตร แสดงการสัมผัสลูกบอลในการเล่นลูกสองมือล่าง วิธีการเล่นลูกสองมือล่าง ทรงศักดิ์เจริญพงศ์ได้เรียบเรียงไว้ดังนี้ 1. การย ่อเข ่าลงท ่าเตรียมพร้อม แยกเท้าออก ให้มากกว่าช่วงไหล่เล็กน้อย เท้าขวาอยู่หน้า ยกส้นเท้า เล็กน้อย แสดงลักษณะการย่อเข่าลง คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 123
2. ตามองที่เป้าหมาย พยายามให้ลูกบอล อยู ่หน้าลำตัวระหว ่างเท้าทั้งสอง ตามองที่เป้าหมาย ที่จะส ่งไป ถ้าเป้าหมายอยู ่ทางขวาของสนาม ผู้รับต้อง พยายามก้าวเท้าซ้ายก่อน เพื่อเป็นการถ่ายน้ำหนักตัวไปสู่ เท้าขวาในทิศทางเดียวกับเป้าหมาย 3. การแยกเท้าออกให้กว้างขณะเตรียมจะส่งลูก เท้าทั้งสองต้องแยกออกให้กว้างและมีความมั่นคง ยกส้นเท้าซ้ายขึ้นเล็กน้อยและพร้อมจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ตามทิศทางของลูกบอล 4. การก้าวเท้าไปหน้าลูก ถ้าจำเป็นต้องใช้ การส่งลูกจากด้านข้าง จะต้องพยายามรับลูกบอลก่อนที่ ลูกจะเคลื่อนที่เลยไปทางด้านข้างหรือด้านหลัง เท้าจะต้อง ก้าวไปอยู่ในตำแหน่งหน้าลูกบอลเพื่อให้แขนสามารถรับ และควบคุมลูกให้ไปยังเป้าหมายได้ 5. การอยู่ด้านหลังลูกบอล ผู้รับจะต้องเคลื่อนที่ ไปรับลูกบอลก่อน ก้มตัวย่อเข่า เท้าทั้งสองพร้อมที่จะเหยียด ขึ้นตามลูกบอล แขนอยู่ห่างจากลำตัวประมาณ 45 องศา กับพื้น และยกแขนขึ้นทำมุม 60 องศาขณะถูกลูก แสดงลักษณะตามองที่เป้าหมาย แสดงลักษณะการแยกเท้าออกให้กว้าง แสดงลักษณะการก้าวเท้าไปหน้าลูก แสดงลักษณะการอยู่ด้านหลังลูกบอล 124 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
6. แขนทั้งสองชิดกัน ขณะที่ถูกลูกบอลแขน ต้องชิดติดกัน โดยจับมือทั้งสองเข้าด้วยกันบีบบริเวณข้อศอก เข้าหากัน ห่อไหล่เข้าหากันเล็กน้อย ใช้บริเวณแขนด้านใน ถูกลูกบอลเพื่อการกระดอนที่ดี 7. การยกไหล ่ขึ้น ขณะส ่งลูกไหล ่ต้องยกขึ้น เหยียดเท้าหลังขึ้น ถ่ายน้ำหนักตัวไปตามทิศทางที่ลูกบอล กระดอนออกไป แสดงลักษณะแขนทั้งสองชิดกัน แสดงลักษณะการยกไหล่ขึ้น แบบฝึกที่ 1 วิธีปฏิบัติ 1. แบ่งนักกีฬาออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งยืนเป็นแถวสลับฟันปลา มือถือบอล ยื่นออกข้างหน้าระดับเข่า 2. ให้นักกีฬากลุ่มที่ไม่มีบอลเคลื่อนที่ไปทำท่าเล่นลูกสองมือล่างกับนักกีฬา ที่ยืนถือลูกสลับฟันปลาทีละลูกจนครบทุกลูกแล้ววิ่งกลับไปต่อท้ายแถวเริ่มใหม่ แบบฝึกการเล่นลูกสองมือล่าง คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 125
แบบฝึกที่ 2 วิธีปฏิบัติ 1. นักกีฬายืนเป็นแถวหน้ากระดานสองแถวห่างกัน 4 เมตร 2. ให้นักกีฬาแถวหนึ่งซึ่งมีบอลยื่นบอลออกข้างหน้าระดับเข่า แล้วให้นักกีฬา แถวที่ไม่มีบอลซึ่งยืนเป็นคู่กันวิ่งเข้ามาทำท่าเล่นลูกสองมือล่างกับบอลที่ยื่นอยู่นั้น แล้วถอยหลังกลับ ที่เดิมอย่างรวดเร็ว ปฏิบัติต่อเนื่องลูกบอลประมาณ 10 ครั้ง แล้วสลับกัน แบบฝึกที่ 3 วิธีปฏิบัติ 1. นักกีฬาจับคู่กันยืน 1 คน นั่ง 1 คน คนนั่งถือลูกบอล 2. ให้คนนั่งยื่นบอลออกข้างหน้า คนยืนรีบวิ่งไปทำท่าเล่นลูกสองมือล่างกับ บอลที่ถูกยื่นออกมานั้น คนนั่งก็หงายหลังไปแล้วรีบลุกขึ้นนั่งใหม่ จะลุกขึ้นหันหน้าไปทางใดก็ได้ แล้วยื่นบอลซ้ำอีกคนยืนต้องรีบวิ่งไปทำท่าเล่นลูกสองมือล่างกับบอล ที่ถูกยื่นออกมาใหม่อย่าง รวดเร็ว แบบฝึกที่ 4 วิธีปฏิบัติ1. นักกีฬาทั้งหมดยืนถือบอลอยู่ในสนาม 126 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
2. ให้นักกีฬาตีบอลด้วยวิธีเล่นลูกสองมือส่งบอลขึ้นในแนวดิ่ง แล้วรีบนอนหงาย ทำลุก-นั่ง 1ครั้ง แล้วรีบวิ่งไปตีบอลอีกโดยให้โอกาสบอลตกกระทบพื้นได้2 ครั้ง แบบฝึกที่ 5 วิธีปฏิบัติ 1. นักกีฬาจับคู่ยืนหันหน้าเข้าหากันห่างกัน 5 เมตร แต่ละคู่มีบอล 1 ลูก 2. ให้นักกีฬาที่มีบอลขว้างบอลลงพื้น เมื่อบอลกระดอนไปที่ใดก็ให้นักกีฬา อีกคนหนึ่งที่เป็นคู่กันวิ่งไปเล่นลูกสองมือล่างส่งบอลกับมาให้คนขว้างให้ได้ แบบฝึกที่ 6 วิธีปฏิบัติ 1. นักกีฬาเข้าแถวตอนนอกสนาม นำเก้าอี้4 ตัวไปวางที่มุมสนาม ทั้ง 4 ดังรูป 2. ผู้ฝึกสอนยืนบนที่สูงส่งลูกมายังตำแหน่งกลางหลังให้นักกีฬาวิ่งเข้าไปเล่น ลูกสองมือล่าง ส่งบอลไปในตำแหน่งกลางหน้า แล้วรีบวิ่งไปแตะเก้าอี้ตัวใดตัวหนึ่งแล้วกลับมารับ ลูกต่อไปให้ทัน ปฏิบัติต่อเนื่อง 4 ครั้ง 4 มุม แล้วเปลี่ยนคนต่อไป คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 127
การเซต (Setting) การเซตเป็นการเล่นบอลด้วยมือทั้งสองข้างพร้อมกันหรือมือข้างเดียว โดยมีเป้าหมาย สำคัญในการเล่นเพื่อส่งบอลไปให้คนตบ การเซตมักจะใช้การเล่นครั้งที่ 2 ในจำนวน 3 ครั้ง ผู้เล่นฝ่ายหนึ่งมีสิทธิ์เล่นได้ก่อนลูกนั้นจะถูกส่งไปฝ่ายตรงข้าม การเซตนับเป็นทักษะที่ยากที่สุด ในการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล การเซตก็นับเป็นอาวุธสำคัญในการทำคะแนนของทีมด้วย การที่ทีม จะประสบผลสำเร็จหรือไม่ในการแข่งขันอาศัยความสามารถในการเซตเป็นเครื่องบ่งชี้ได้60-70% เนื่องจากการเซตเป็นทักษะที่ฝึกหัดยากและอาจเกิดการผิดกติกาได้ง่าย ถ้าหากยังฝึกหัดได้ไม่ดี เท่าที่ควร ดังนั้น จึงไม่ค่อยมีผู้สนใจฝึกหัดเซต ทำให้การเล่นวอลเลย์บอลของนักวอลเลย์บอลชาวไทย โดยทั่วไปยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร มาตรฐานการเล่นจึงไม่สามารถทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้าน ใกล้เคียงได้ ส่วนประกอบของการเซต 1.การทรงตัวให้ยืนเท้านำเท้าตาม โดยจะใช้เท้าใดนำ ก็ได้ช่วงห่างระหว่างเท้าทั้งสองประมาณ1ช่วงไหล่หย่อนเข่าลง เล็กน้อย หน้าเงยมองลูก มือทั้งสองยกขึ้นระดับอก อยู่ด้านหน้า 2. การวางมือ เมื่อลูกเคลื่อนมาได้ระยะ ให้ยกมือ ทั้งสองขึ้นมาวางไว้เหนือหน้าผากโดยให้ห ่างจากหน้าผาก ประมาณ 20 เซนติเมตร ศอกทั้งสองข้างวางออกด้านข้าง เป็นมุม 45องศายกขึ้นในระดับหัวไหล่ตามองลอดช่องระหว่าง มือทั้งสอง มือทั้งสองกางนิ้วออกพอประมาณ ทำมือทั้งสอง ให้คล้ายลักษณะมีลูกบอลอยู่ในมือไม่เกร็งนิ้วหรือฝ่ามือ 3. การส่งแรง เมื่อลูกบอลเคลื่อนมาเกือบถึงมือให้ ผ่อนมือตามลูกลงมาเล็กน้อย ให้บอลสัมผัสมือและนิ้วให้มาก ที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อโอกาสในการบังคับลูก เมื่อมือเริ่มสัมผัส กับลูกบอลให้เกร็งมือและนิ้วต้านน้ำหนักของลูกไว้ถึงตอนนี้ มือทั้งสองจะมีระยะห่างจากหน้าผากประมาณ 10 เซนติเมตร ให้ใช้แรงส่งจากนิ้ว-ข้อมือ-ศอก-หัวไหล่-เข่าและข้อเท้ารวมเป็น แนวเดียว ส่งลูกออกไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ 128 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
การเซตบอลไปข้างหลัง การเซตบอลไปข้างหลังจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแอ่นหลัง แล้วดันสะโพกขึ้นไปข้างหน้าขณะที่มือจะถูกบอล เท้าหลัง จะต้องก้าวไปข้างหน้า พร้อมกับยกข้อศอกตามบอลที่เซตออกไป โดยหงายข้อมือไปข้างหลัง และฝ่ามือหงายขึ้นเพดาน การเซตบอลที่จะเซตไปด้านหน้าและหลัง การเซตบอลที่จะทำให้ผู้สกัดกั้นดูไม่ออกว่าจะเซตบอล ไปทางทิศไหน จะต้องย่อเข่าทั้งสองข้างลง แต่ลำตัวต้องตรง ซึ่งสามารถเซตบอลไปในทิศทางใดก็ได้ การเซตบอลที่จะเปลี่ยนทิศทางของบอลได้อย่างฉับพลัน สังเกตการณ์ยกข้อศอกการกางนิ้วมือรวมทั้งทรวดทรง ของลำตัวผู้เล่นต้องเริ่มจากการย่อตัวแล้วยืดตัวขึ้นสูง เมื่อเซต บอลและสามารถเปลี่ยนทิศทางได้ทันที เป็นการเล่นบอลที่ตัวเซตต้องใช้เทคนิคหลอกทีมตรงข้าม ไม่ให้อ่านทิศทางของบอลได้ไม่ว่าจะเป็นการยืนเซตหรือกระโดด เซตก็ตาม จุดสำคัญคือต้องเคลื่อนที่ให้บอลอยู่ตรงใบหน้าลำตัว ต้องตรงลักษณะอย่างนี้จะทำให้ทีมตรงข้าม มองไม่ออกว่าตัวเซต จะเซตบอลไปทางไหน สำหรับตัวเซตเอง เมื่ออยู ่ในลักษณะดังกล ่าวแล้ว จะสามารถเปลี่ยนทิศทางของบอลไปข้างหน้าข้างหลัง ทางซ้าย หรือขวา ได้ง่ายมาก โดยเพียงขยับมือเท่านั้น คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 129
การกระโดดเซตบอล การกระโดดเซตบอลในลักษณะนี้ใช้หลักการเดียวกับ หลักการที่กล่าวมาคือ การยกมือขึ้น กางนิ้วออก ลำตัวตั้งตรง และขาต้องงอ เพื่อให้สามารถเพิ่มกำลังได้มากขึ้น เมื่อต้องการ จะเซตบอลไปให้ไกลๆ การเซตบอลที่อยู่ห่างจากตาข่าย เมื่อผู้เล่นเคลื่อนที่เข้าหาบอลที่อยู่ห่างจากตาข่ายเล็กน้อย ผู้เล่นต้องเคลื่อนที่อยู่ใต้บอลแล้วจึงเซตบอล การเซตเป็นหัวใจและกุญแจสำคัญที่จะนำทีมไปสู่ชัยชนะ ปกติแล้วผู้เล่นในรูปควรเซตบอลไปทางไหล่ขวาเพื่อประสานกับ ตัวตบกลางหน้าแต่ในรูปนี้น่าจะเป็นการเซตบอลให้ผู้เล่นแดนหลัง ทำการรุก จึงจำเป็นต้องศึกษาเรื่องนี้กันเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก็คือท่าทางอย่างไรที่เซตบอลแล้วทีมตรงข้ามจะอ่านทิศทางไม่ได้ เช่น ในขั้นพื้นฐานลำตัวต้องตั้งตรง แต่สำหรับการเซตที่สูงขึ้น ท่าทางต้องเปลี่ยนไปบ้าง เช่น ลำตัวควรเอนไปข้างหลังเล็กน้อย การเตรียมพร้อมที่จะเซต โดยลำตัวเอนไปด้านหลังเล็กน้อย ท่านี้เป็นท่าที่พร้อมจะเซตบอลไปในทิศทางใดก็ได้อีก ท่าหนึ่ง เริ่มจากการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปอยู่ใต้บอล แล้วเอน ส่วนบนของลำตัวไปด่านหลังเล็กน้อย บอลต้องอยู่ตรงหน้าผากจึงจะเป็นจุดที่ดีที่สุดเพราะ จะทำให้สามารถเซตบอลไปข้างหน้าหรือข้างหลังก็ได้ทีมตรงข้าม จะไม่สามารถหาทิศทางของบอลได้เลย 130 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
การเซตบอลอย่างกะทันหัน ได้ศึกษาท ่าทางการเซตบอลที่ดีกันมามากแล้วทีนี้ ลองมาดูท่าเซตบอลที่ไม่ดีกันบ้าง ต้องทำความเข้าใจกันว่าผู้เล่นนี้ เล่นระดับชาติที่ผ่านเกมสำคัญๆมาอย่างโชกโชน ทั้งเวิร์ลด์คัพ เวิร์ลด์แชมเปี้ยนชิพ และโอลิมปิกเกมส์ แต่ต้องมาอยู่ในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง น่าจะเป็นเพราะ เพื่อนร่วมทีมส่งบอลแรกให้ไม่ดีมากกว่า ทีนี้จะดูกันว่าท่านี้ทำไมไม่ดีที่ไม่ดีก็เพราะว่าบอลอยู่ ด้านหน้าของลำตัว ทำให้ส่วนบนของลำตัวเอนไปข้างหน้า การเซตบอลจะต้องเซตไปทางด้านหน้าเท ่านั้น หากเซตกลับหลังก็เป็นการพาบอล (Hold Ball) จึงทำให้ ทีมตรงข้ามอ ่านทิศทางของบอลได้และจะทำการสกัดกั้น ได้อย่างง่ายดายด้วย ที่ถูกต้องแล้วผู้เล่นต้องเคลื่อนที่อยู่ใต้บอลอย่างรวดเร็ว และเซตขณะบอลอยู่เหนือหน้าผากถ้าทำได้ ตัวอย่างท่าทางการเซตบอลที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง โดยสรุปแล้วขั้นตอนในการเซตขั้นพื้นฐานที่ถูกต้องก็คือ ท่าที่ตัวเซตจะสามารถเซตบอลไปในทิศทางใดก็ได้โดยต้องเคลื่อนที่ ไปอยู่ใต้บอล ให้บอลอยู่ตรงหน้าผาก ลำตัวส่วนบนต้องเอนไป ข้างหลังเล็กน้อย (รูปขวามือ) ถ้าบอลอยู่ด้านหน้า หรือด้านหลังของลำตัวมากเกินไป การเซตบอลจะทำได้เฉพาะทิศทางเดียวเช่นถ้าบอลอยู่ด้านหน้า มากลำตัวส ่วนบนจะเอนไปข้างหน้า จึงเซตบอลไปข้างหน้า ได้เท่านั้น ในทำนองเดียวกัน ถ้าบอลอยู ่ด้านหลังมากลำตัว ส่วนบนจะเอนไปข้างหลังและจะเซตบอลไปข้างหลังได้เท่านั้น (รูปซ้ายมือ)ถ้าพยายามฝืนเปลี่ยนทิศทางก็จะเป็นลักษณะพาบอล (Hold ball) ดังนั้นทีมตรงข้ามจะอ่านทิศทางของบอลได้ง่ายและ ดักทำการสกัดกั้นจนทำให้ตบบอลได้ยาก คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 131
การปรับจังหวะในการเซตบอลให้สัมพันธ์กับการเคลื่อนที่ ของตัวตบ ทักษะที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของตัวเซตก็คือการเซตบอล ให้สัมพันธ์กับการเคลื่อนที่ของตัวตบ ตัวเซตจะต้องสามารถ เร่งเซตบอลให้เร็วขึ้น โดยการกระโดดขึ้นไปหาบอล หรือรอเวลา เซตบอลให้ช้าโดยการย่อตัวลงมา นอกจากนั้นจะต้องสามารถเซตบอลให้สูง ต่ำ ช้า และ เร็วได้อีกด้วยเพื่อให้ตัวตบเคลื่อนที่เข้าตบบอลได้ดีที่สุดเช่นในรูป ตัวเซตกำลังปรับจังหวะในการเซตให้สัมพันธ์กับตัวตบหมายเลข 9 ที่กำลังเคลื่อนที่ไปตบทางด้านหลังของตัวเซต การเตรียมพร้อมเซตบอลไปในทิศทางใดก็ได้ จากท่าเตรียมพร้อมในรูป ทำให้ผู้สกัดกั้นของทีมตรงข้าม ต้องอยู่ใกล้ๆ ตัวเซตเพราะไม่สามารถอ่านทิศทางการเซตบอล ของตัวเซตได้จากนั้นตัวเซตก็พร้อมที่จะเซตบอลในจุดที่ตัวตบ จะทำการตบได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด การคุกเข่าเซตบอล ถ้าบอลแรกถูกส่งมาในระดับต่ำมาก ปรกติแล้วจะต้องใช้ มือล่าง (Under Hand) ส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีมตบซึ่งเหมือนกับ แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าแบบขอไปที ถ้าสามารถเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปอยู่ใต้บอลที่ลอยมา ในระดับตำ ่คุกเข่าลงและเอนส่วนบนของลำดัวยไปด้านหลังเล็กน้อย ก็จะสามารถเซตบอลในระดับตำ่ ไปในทิศทางใดก็ได้เช่น ท่าเซตบอล ไปด้านหลังและคุกเข่า การกระโดดเซตบอลไปด้านหลัง ตัวเซตจะกระโดดพร้อมทั้งเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อย เซตบอลไปยังด้านหลัง โดยไม ่ให้ผู้สกัดกั้นของทีมตรงข้าม คาดคะเนทิศทางของบอลได้ 132 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
การเซตบอลให้ตบ ต้องให้ความสนใจกับการเซตเป็นพิเศษ เพราะการเซตเป็นกุญแจสำคัญที่สุดที่จะนำทีม ไปสู่ชัยชนะ ต่อไปนี้จะเป็นการเซตบอลให้ตบแบบที่เรียกกันว่า “เซตบอลเร็ว” (Quick Setting) เพื่อให้เพื่อนร่วมทีม “ตบบอลเร็ว” (Fast Spiking) ทั้งระยะใกล้และห่างจากตัวเซต การเซตบอลให้เพื่อนร่วมทีมตบบอลเร็วในระยะห่างจากตัวเซต การเซตให้ตัวตบ ตบบอลเร็วทุกรูปแบบจะได้ผลดีและหลอกทีมตรงข้ามให้ทำการสกัดกั้น ได้ยากต้องอาศัยการส่งบอลแรกที่ดีคือ บอลแรกต้องส ่งเข้าข้างตาข ่ายให้ตัวเซตกระโดดเซต เพราะจะทำให้ผู้สกัดกั้นของ ทีมฝ่ายตรงข้ามกังวลใจว่าตัวเซตจะตบบอลเองหรือไม่ การกระโดดเซตบอลไปด้านหลัง กระโดดเซตบอลไปทางด้านหลังนั้นต้องให้ลูกบอล คล้อยไปทางด้านหลังของหน้าผาก เมื่อกระโดดขึ้นไปแล้ว เอนส่วนบนของลำตัวไปด้านหลังเล็กน้อยพร้อมกับแหงนคอขึ้น บอลจะได้ลอยอยู่เหนือหน้าผากพอดีแล้วจึงเซตบอล ไปข้างหลังด้วยการขยับข้อมือ เมื่อพิจารณากันให้ดีแล้วจะพบว่าท่ากระโดดเซตบอล ไปทางด้านหลังของผู้เล่นทั้งสองคนไม่ได้แตกต่างกัน คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 133
ในรูปนี้เป็นการกระโดดเซตให้ลูกพุ่งไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เพื่อนร่วมทีมตบบอลเร็ว ในระยะที่ห่างจากตัวเซต การเซตเช่นนี้จะต้องหงายข้อมือกลับเข้าหาตัวให้เต็มที่และเซตบอลด้วยการเคลื่อนไหว ข้อมือที่ดีด้วย เพื่อใช้ในการบังคับบอลให้พุ่งไปเร็ว ช้า ไกล หรือใกล้ได้ ขอให้สังเกตข้อมือของตัวเซต ขณะกระโดดขึ้นเซตบอล ในรูปนี้ให้ได้ การเซตบอลเร็วให้เพื่อนร่วมทีมตบในระยะใกล้ๆ กับตัวเซต การเซตบอลเร็วแบบนี้ก็เช่นเดียวกันคือ บอลแรกที่ส่งมา ควรอยู่ในระดับที่ตัวเซตต้องกระโดดเซตเพื่อหลอกล่อการสกัดกั้น ของทีมตรงข้ามได้ด้วย การเซตบอลเร็วแบบนี้จะต้องยืดแขนออกให้สุดแล้ว เซตบอลด้วยการเคลื่อนไหวของข้อมือเท่านั้น โดยต้องควบคุม ความสูง และความเร็วของบอลให้สัมพันธ์กับจังหวะการเข้าตบ ของตัวตบด้วย การเซตบอลเร็วให้เพื่อนร่วมทีมตบในระยะใกล้ กับตัวเซตอีกท่าหนึ่ง การตบบอลเร็วที่จะหลอกล่อหรือตบจริงๆให้ได้ผลนั้น สำคัญอยู่ที่ลักษณะการกระโดดของตัวตบบอลเร็ว กล่าวคือ ตัวตบจะต้องกระโดดขึ้นก่อนที่ตัวเซตจะเซตบอลห่าง จากตัวเซตประมาณ 1เมตรลอยตัวรออยู่ในอากาศเพื่อตบบอล ที่ตัวเซตส่งมาให้การลอยตัวรออยู่กลางอากาศจะทำให้ผู้สกัดกั้น ของทีมตรงข้ามจำเป็นต้องคอยสกัดกั้นตัวตบบอลเร็วตลอดเวลา อย่างน้อย 1 คน ตัวเซตจะส่งบอลให้ตบบอลเร็วในระยะใกล้ตัวหรือไม่ ยินยอมขึ้นอยู่กับไหวพริบของตัวเซตที่จะสังเกตการสกัดกั้นของ ทีมตรงข้ามว่าจะอ่อน ณ จุดไหน แต่ถ้าตัวตบบอลเร็วไม่ลอยตัว รออยู่ก่อนทีมตรงข้ามจะสามารถทำการสกัดกั้นได้2 หรือ3คน พร้อมๆกัน โดยดูจากบอลที่ตัวเซตส่งออกไป ไม่ต้องเสียคนที่จะ คอยคุมตัวตบบอลเร็ว 134 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
ความสัมพันธ์ในการตบบอลเร็วระยะใกล้กับตัวเซต ของตัวเซตและตัวตบ ตัวตบจะกระโดดออกห ่างจากตัวเซตเล็กน้อย ลอยตัวขึ้นในขณะที่ตัวเซตกำลังจะเซตบอลและจะตบบอล ที่พุ่งมาอย่างรวดเร็วขณะที่บอลยังลอยตัวไม่สูง การตบบอลเร็วเช ่นนี้ ทั้งตัวเซตและตัวตบต้องมี ความสัมพันธ์ในเรื่องของจังหวะ การเซต การกระโดด และ การตบอย่างดียิ่ง การเล่นบอลเร็วอย่างนี้นิยมเรียกกันว่า“บอลเร็วเอ” ซึ่งเป็นพื้นฐานของบอลเร็วแบบอื่นๆ ที่จะได้กล่าวถึงกันต่อไป ขอชี้แจงท�ำความเข้าใจเรื่องของ “บอลเร็ว” ดังนี้ บอลเร็ว เอ. คือ การเซตบอลเร็วให้ตัวตบทำการตบในระยะใกล้ตัวเซตและอยู ่หน้า ของตัวเซต บอลเร็ว บี.คือการเซตบอลเร็วให้ตัวตบทำการตบในระยะห่างจากตัวเซตออกไปเล็กน้อย คือห่างจากตัวเซตมากกว่าบอล เอ. และการเซตบอลเร็ว บี. จะสูงกว่าบอลเร็ว เอ. เล็กน้อยด้วย โดยอยู่หน้าตัวเซตเช่นกัน บอลเร็ว ซี. เป็นการเซตแบบเดียวกับบอลเร็ว เอ. แต่อยู่ด้านหลังของตัวเซต บอลเร็ว ดี. เป็นการเซตแบบเดียวกับบอลเร็ว บี. แต่อยู่ด้านหลังของตัวเซตเช่นเดียวกับ บอลเร็ว ซี. ดังนั้น การเซตบอลเร็วให้ทำการรุกแบบผสม (Combinaion Attack) นั้น โดยพื้นฐานแล้ว จะประกอบด้วยด้านหน้าและหลังของตัวเซต ด้านหน้า คือ บอลเร็ว เอ. บี. หรือหัวเสา ด้านหลัง คือ บอลเร็ว ซี. ดี. หรือหัวเสา ลักษณะการ2แบบที่กล่าวถึงนี้เป็นลักษณะการรุกขั้นพื้นฐานเท่านั้นเพราะการรุกแบบผสม ยังมีอีกหลายอย่างที่จะกล่าวถึงในภายหลัง ถึงตอนนี้คงต้องดูรูปประกอบ การเซตบอลเร็ว บี. ซี. และดี. ต่อจากการเซตบอลเร็ว เอ. ซึ่งได้กล่าวไปแล้วอย่างไรก็ตามหากกล้ามเนื้อไม่แข็งแรงพออย่าพึงฝึกการรุกที่พูดถึงต่อไปนี้เด็ดขาด คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 135
การเซตบอลเร็ว บี. ตัวเซตจะเคลื่อนที่ไปอยู่ใต้บอล รอตัวที่ตบเพื่อให้จังหวะในการเซตบอล สัมพันธ์กับตัวตบแล้วจึงเซตบอลอย ่าง รวดเร็วในระดับที่ไม่สูงนัก สำหรับตัวตบต้องกระโดดขึ้น ในขณะที่ตัวเซตทำการเซตซึ่งจะเป็นการ กระโดดช้ากว่าการตบบอลเร็ว เอ. ที่ตัวตบ ต้องลอยตัวขึ้นก่อนตัวเซตทำการเซตบอล ในรูปที่ 3 จะเห็นว่าตัวตบกระโดดขึ้นไปแล้วหยอดด้วยปลายนิ้ว การเซตบอลเร็ว ซี. ยุทธวิธีการรุกแบบนี้ตัวตบจะกระโดดจากด้านหลัง ของตัวเซต พร้อมกับที่ตัวเซตจะเซตบอลให้การตบบอลเร็วซี. นี้ ตัวตบต้องกระโดดก่อนที่ตัวเซตจะเซตบอล การเซตบอลเร็ว ดี. การเซตรูปนี้สามารถทำการรุกได้ทั้งการตบบอล ซี. และดี.ผสมกันไป ผู้สกัดกั้นของทีมตรงข้ามในตำแหน่งกลางหน้า จะทำการสกัดกั้นได้ยาก ในรูปจะเห็นว่า ผู้สกัดกั้นตำแหน่งกลางหน้าคาดว่า ทีมตรงข้ามจะรุกโดยการตบบอลเร็ว ซี. จึงพร้อมจะกระโดดขึ้น สกัดกั้นแต่ทีมตรงข้ามตบบอลเร็ว ซี. จึงพร้อมจะกระโดดขึ้น สกัดกั้น แต่ทีมตรงข้ามกับตบบอลเร็ว ดี. โดยมีผู้เล่น หมายเลข 8 กระโดดหลอกเหมือนกับจะตบด้วยบอลเร็ว ซี. 136 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
การเซตบอลเร็วที่อยู่ห่างจาก ตาข่าย ถ้าบอลแรกลอยอยู ่ห ่างจาก ตาข่าย ตัวเซตต้องเคลื่อนที่ไปอยู่ใต้บอล อย ่างรวดเร็วให้บอลอยู ่เหนือไหล ่ขวา (ถ้าทิศทางกลับกันต้องอยู่เหนือไหล่ซ้าย) หมุนตัวไปยังทิศทางที่ต้องการจะเซตบอล ไปแล้วจึงทำการเซต การเซตบอลให้ผู้เล่นตำแหน่ง หน้าซ้ายทำการตบ ผู้เล ่นตำแหน ่งหน้าซ้ายหรือ ตำแหน่งที่ 4 ปกติแล้วจะเป็นตัวตบหลัก ของทีม และจะยืนห่างตัวเซตมากเป็นตัว ตบที่ต้องมีลำหักลำโค่น เพราะเป็นตัวตบ ที่ทำคะแนนให้กับทีม โดยมีตัวตบบอล เร็วหลอกให้แต่ต้องอาศัยการเซตบอล ที่แม่นยำจึงจะทำให้การตบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้สังเกตลักษณะข้อมือของตัวเซต เมื่อเซตบอลตัวเซตที่ดีข้อมือต้องยืดหยุ่นได้อย่างดียิ่ง เพราะต้องใช้ข้อมือดึงดูดบอลเร่งความเร็วของบอลและปรับทิศทางของบอลให้สัมพันธ์กับจังหวะ ของตัวตบโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเซตบอลให้ตัวตบที่ตำแหน่งหน้าซ้ายซึ่งอยู่ห่างจากตัวเซต การกระโดดเซตด้วยมือเพียงข้างเดียว เมื่อถูกส ่งมาในระดับสูงใกล้ตาข ่ายจนทำการเซต สองมือไม ่ได้ตัวเซตต้องพยายามเซตด้วยมือเพียงข้างเดียว โดยหน้าฝ่ามือมาทางแดนของตัวเอง แล้วเซตบอลด้วยการดีดนิ้ว อย่างเดียว การเซตบอลด้วยมือเดียวถือว่าเป็นทักษะชั้นสูงสุด ของตัวเซต คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 137
การหยอดโดยวิธีหยอดบอลด้วยปลายนิ้ว ตัวเซตในปัจจุบันมักจะมีรูปร่างสูง เป็นผู้เล่นที่ถนัด มือซ้าย เพราะขณะที่หันหน้าเซตบอลไปให้ผู้เล่นตำแหน่งหน้า ซ้ายตบ ตัวเซตประเภทนี้จะมีโอกาสตบบอลตามน้ำหรือหยอด ด้วยปลายนิ้วมือข้างซ้ายได้ โดยทีมตรงข้ามมักจะหลงทาง อยู่เสมอ การหยอดโดยการเซตบอลด้วยปลายนิ้ว ตัวเซตมักจะหยอดบอลเบาๆ ลงในแดนของทีมตรงข้ามด้วยการเซตบอลยุทธวิธีแบบนี้ได้ผลดี และเป็นการหลอกทีมตรงข้าม ซึ่งคิดว่าตัวเซตจะเซตบอลให้ตัวตบ 138 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
แบบฝึกเพื่อการเซต แบบฝึกที่1 วิธีปฏิบัติ 1. นักกีฬายืนจับคู่กันเป็นแถว2แถว ห่างกัน 5เมตรแถวหนึ่งถือบอลยื่นออก ข้างหน้าระดับอก 2. ให้นักกีฬาแถวที่ไม่มีบอลวิ่งไปย่อตัวเซตลูกในมือของคู่ของตนเองแล้วถอย กลับที่เดิม ปฏิบัติต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว 10 ครั้ง แล้วเปลี่ยนกัน แบบฝึกที่2 วิธีปฏิบัติ 1. นักกีฬายืนจับคู่กัน คนหนึ่งถือบอล 2. ให้นักกีฬาที่ถือบอลยื่นบอลออกข้างหน้าระดับอกในทิศทางต่างๆ รอบตัว นักกีฬาอีกคนที่ไม่มีบอล ต้องพยายามเคลื่อนที่เข้าไปเซตลูกที่ยื่นออกมานั้นอย่างรวดเร็ว ปฏิบัติ ต่อเนื่อง 10 ครั้ง แล้วเปลี่ยนกัน แบบฝึกที่3 วิธีปฏิบัติ 1. นักกีฬาเข้าแถวตอนด้านใดด้านหนึ่งในสนาม ผู้ฝึกสอนโยนบอลไปใน ตำแหน่งกลางหน้า ให้นักกีฬาในแถววิ่งไปเซตลูกในระดับการตบต่างๆ ส่งไปยังริมสนาม ด้านหน้า คนละลูกแล้ววิ่งไปต่อท้ายแถวต่อไป หรือ 2. ถ้าวิ่งไปไม่ทันก็ให้นักกีฬาตั้งบอลขึ้นเพื่อการตบโดยวิธีเล่นลูกสองมือล่าง คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 139
แบบฝึกที่4 วิธีปฏิบัติ 1. นักกีฬาเข้าแถวตอน ดังรูป ผู้ฝึกสอนโยนบอลไปในตำแหน่งกลางหน้า ให้นักกีฬาในแถววิ่งไปเซตลูกส่งออกด้านหลังในระดับการตบต่างๆ ส่งไปยังริมสนามด้านหลัง คนละลูกแล้ววิ่งไปต่อท้ายแถวต่อไป หรือ 2. ผู้ฝึกสอนใช้วิธีส่งลูกหมุนในทิศทางต่างๆให้นักกีฬาวิ่งไปเซตลูกเพื่อการตบ ในระดับต่างๆ ส่งไปยังตำแหน่งการตบต่างๆ แบบฝึกที่5 วิธีปฏิบัติ 1. นักกีฬาเข้าแถวตอนที่ริมขวาของสนามในแดนตนเอง ผู้ฝึกสอนยืนบนที่สูง นักกีฬาคนหนึ่งอยู่ตำแหน่งหน้าซ้าย 2. ผู้ฝึกสอนตบบอลข้ามตาข่ายไปให้นักกีฬาที่ตำแหน่งหน้าซ้าย รับลูกส่งมา ตำแหน่ง กลางหน้าให้นักกีฬาหัวแถววิ่งไปเซตลูกสูงเพื่อการตบส่งไปยังตำแหน่งหน้าซ้าย 3. คนเซตลูกแล้ววิ่งไปคอยรับลูกตบ คนรับลูกตบแล้ววิ่งไปรบลูกจากการเซต นำไปส่งให้ผู้ฝึกสอนแล้วไปต่อท้ายแถว ปฏิบัติต่อเนื่องเรื่อยไป แบบฝึกที่6 วิธีปฏิบัติ 1. นักกีฬาเข้าแถวตอน ดังรูป มีนักกีฬาคนหนึ่งคอยรับลูกเสิร์ฟ 2. ผู้ฝึกสอนเสิร์ฟบอลข้ามตาข่ายมาให้นักกีฬารับลูกเสิร์ฟส่งไปตำแหน่งกลางหน้า ให้นักกีฬาคนหัวแถวรีบวิ่งไปเซตบอลข้ามศีรษะของตนเอง เพื่อการตบส่งไปตำแหน่งหน้าขวา 3. คนเซตผลัดกันเซตคนละลูก คนรับลูกเสิร์ฟรับ 10 ครั้ง แล้วเปลี่ยนคนต่อไป 140 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
การตบ (Spiking) การเล่นกีฬาวอลเลย์บอลมีทักษะพื้นฐานที่ผู้เล่นจะต้องฝึกฝนเพื่อให้เกิดความชำนาญ การตบ (Spiking) เป็นทักษะพื้นฐานที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการตบถือว่าเป็นการรุกที่มี ประสิทธิภาพมากที่สุด การแข่งขันวอลเลย์บอลคะแนนที่ได้จากการแข่งขัน ส่วนมากเกิดจากการตบ ด้วยเหตุนี้ทีมตรงข้ามจึงต้องป้องกันการตบด้วยทักษะต่างๆ เช่น การสกัดกั้น และการรับลูกตบ รูปแบบต่างๆการตบเป็นการรุกได้ทั้งผู้เล่นแดนหน้าและผู้เล่นแดนหลังการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอล ในปัจจุบันทีมที่มีรูปแบบการตบที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพจะได้เปรียบคู่ต่อสู้อีกทั้งการตบ ที่รุนแรง ยังสามารถควบคุมเกมรุกของฝ่ายตรงข้ามได้อีกด้วย เนื่องจากการตบที่รุนแรงจะทำให้ คู่ต่อสู้ไม่สามารถโต้ตอบด้วยเกมการรุกที่รุนแรงได้หรืออาจจะเสียคะแนนจากการรุกนั้นได้ ทรงศักดิ์เจริญพงศ์กล่าวว่า การตบเป็นทักษะที่ใช้ในการรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ทั้งนี้ผู้ตบจะต้องมีความสามารถในการกระโดดได้สูงทรงตัวได้ดีใช้แขนและข้อมือในการตบลูก ได้อย่างรุนแรง ในปัจจุบันถ้าทีมใดมีการรุกจากการตบที่ไม่รุนแรงเมื่อใด ฝ่ายตรงข้ามจะสามารถ รุกกลับได้โดยง่าย การตบจะต้องมีความสัมพันธ์อย่างดีระหว่างตัวเซตกับตัวตบ ดังนั้นการตบจะมี ประสิทธิภาพดีหรือไม่นั้นจะขึ้นอยู่กับตัวเซตเช่นกัน หลักส�ำคัญของการตบลูกบอล ศรีเกษม อุ่นประดิษฐ์กล่าวว่า ทักษะของการตบลูกบอล เป็นทักษะของการรุก เมื่อเป็น เกมรุกในขณะที่ผู้เล่นสามารถกระโดดได้สูงที่สุดบริเวณเหนือตาข่าย ผู้เล่นตบหรือตีลูกบอลอย่างแรง เพื่อให้ลูกบอลตกลงพื้นสนามของฝ่ายตรงข้าม มีผู้ศึกษาว่าความเร็วของลูกบอลเคลื่อนที่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นได้ทดสอบจับเวลาจากการตบลูกบอลของนักกีฬาชั้นดี ปรากฏความเร็วตบลูกบอลจนกระทั่งกระทบเส้นหลังของพื้นสนาม ใช้เวลาเพียง0.33วินาทีเท่านั้น คิดเป็นความเร็วเฉลี่ย90กิโลเมตรต่อชั่วโมงการตบลูกบอลถือว่าเป็นครั้งสุดท้ายในการเล่นลูกบอล เพื่อเป็นการรุก ดังนั้นการที่ทีมจะชนะการเล่นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับรุกด้วยการตบ การตบลูกบอลนั้น ต้องการผู้เล่นที่มีความสามารถในการกระโดดในแนวดิ่ง และต้องการผู้เล่นที่สูงใหญ่อีกด้วย คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 141
ทักษะการตบลูกบอล ประกอบด้วย 1. ท่าเตรียม นักกีฬาที่จะตบลูกบอลจะต้องยืนเตรียมพร้อมที่จะวิ่งเข้ากระโดดตบ ในลักษณะเท้านำเท้าตาม ประมาณระยะก้าวในการวิ่งประกอบการวางเท้า ถ้าผู้ตบถนัดขวา ระยะทางในการวิ่งเข้ากระโดดตบ 3 ก้าว ให้นักกีฬายืนท่าเตรียมพร้อมในลักษณะเท้านำเท้าตาม โดยมีเท้าข้างที่ไม่ถนัด คือ เท้าซ้ายอยู่หน้าและถ่ายน้ำหนักตัวลงที่เท้าซ้าย เพื่อเตรียมพร้อมที่จะ วิ่งเข้าตบ ก้าวที่1ด้วยเท้าขวาต่อไปแต่ถ้านักกีฬาถนัดซ้ายและระยะทางในการวิ่ง3ก้าวก็ให้นักกีฬา เอาเท้าขวานำ ถ่ายนำ้หนักตัวลงเท้าขวาเพื่อเตรียมพร้อมจะเริ่มวิ่งเข้าตบ ก้าวที่1ด้วยเท้าซ้ายต่อไป ในระยะเตรียมตัว นอกจากการยืนเท้านำเท้าตามแล้ว นักกีฬาจะต้องหย่อนเข่าข้างหน้า ลงเล็กน้อย สายตามองลูกบอลที่จะถูกส่งมาเพื่อทราบและถ้าเป็นไปได้อาจมีการชำเลืองมองฝ่ายรับ บ้างเล็กน้อย เพื่อใช้องค์ประกอบในการเลือกทิศทางในการตบ 2. การวิ่งเข้าตบลูกบอล เนื่องจากการตบลูกวอลเลย์บอลต้องอาศัยการกระโดด อย่างเต็มที่การที่นักกีฬาจะยืนอยู่กับที่แล้วกระโดดขึ้นตบเฉยๆไม่ช่วยให้นักกีฬากระโดดได้สูงเท่าที่ควร ฉะนั้น จึงต้องใช้การวิ่งเพื่ออาศัยแรงจากการวิ่งเข้าช่วยในการกระโดด การวิ่งเข้าตบลูกจะใช้ การวิ่งไปกับพื้น ไม่ใช่วิ่งยกเท้าสูงและในขณะวิ่งลำตัวจะตั้งเกือบตรง ทั้งนี้เพราะหน้าจะต้องเงย มองลูกบอลอยู่ตลอดเวลาการวิ่งนี้จะสัมพันธ์กับการเหวี่ยงแขนและในขณะวิ่งช่วงก้าวสุดท้ายและ รองสุดท้ายถ้าผู้ตบเข้าวิ่งตบลูกโดยใช้ระยะทางในการวิ่ง3ก้าวก้าวที่2และก้าวที่3จะสัมพันธ์กับ การเหวี่ยงแขนเป็นอย่างมาก เพราะในการวิ่งก้าวที่ 2 นั้น ผู้ตบจะต้องเหวี่ยงแขนออกข้างหน้าเล็กน้อย และในการวิ่งก้าวที่ 3 ซึ่งเป็นก้าวสุดท้ายนั้น แขนทั้งสองของผู้ตบจะต้องเหวี่ยงไปข้างหน้า เพื่อเตรียมเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหวจากแนวขนานพื้นเป็นแนวดิ่งกับพื้นนั้น แขนทั้งสองจะถูกเหวี่ยง กับมาข้างหน้าและเลยขึ้นไปเหนือระดับไหล่ด้านหน้าเพื่อช่วยส่งแรงในการกระโดดและการทรงตัว กลางอากาศประสานงานกับการส่งแรงของขาทั้งสองข้าง ในการวิ่งตบลูกโดยทั่วไปการก้าวเท้าแต่ละข้างล้วนมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็น การวิ่งเข้าตบโดยใช้ช ่วงก้าวกี่ก้าวก็ตาม เพราะถ้านักกีฬาก้าวเท้าผิดข้าง จะทำให้จังหวะใน การกระโดดเสียไป 3. การเหวี่ยงแขน เนื่องจากการกระโดดที่ต้องการความสูงและการทรงตัวที่ดีกลางอากาศ การเหวี่ยงแขนจึงเป็นกิจกรรมช่วยเสริมการกระโดดตบได้เป็นอย่างดีการเหวี่ยงแขนที่ได้จังหวะ สัมพันธ์กับการกระโดดจะช่วยให้นักกีฬากระโดดได้สูง ทรงตัวกลางอากาศได้ดีและสามารถลอยตัว อยู่กลางอากาศได้นาน การเหวี่ยงแขนต้องทำพร้อมกันทั้งสองแขนในขณะส่งตัวขึ้นจากพื้นเพื่อให้ได้ แรงส่งมากๆ และการรักษาสมดุลการลอยตัวในอากาศ หรืออาจจะช่วยให้ร่างกายเคลื่อนที่ไปใน ตำแหน่งที่ต้องการได้จากท่าเตรียมกระโดด แขนจะอยู่ด้านหลังเพื่อเตรียมเหวี่ยงออกหน้า 142 คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate
4. การลอยตัวกลางอากาศ เมื่อวอลเลย์บอลกระโดดขึ้นจากพื้นแล้วช่วงเวลาในการลอยตัว อยู่ในอากาศคือช่วงเวลาที่สำคัญในการทำคะแนนเป็นอย่างยิ่ง นักกีฬาจะใช้กลวิธีใดๆในการทำคะแนน ไม่ว่าจะเป็นการตบ การหยอดการเคาะเบาๆล้วนต้องอาศัยเวลาสำคัญนี้นักกีฬาใดสามารถลอยตัว กลางอากาศได้นานก็นับว่าได้เปรียบ เพราะมีช่วงเวลาทำคะแนนมาก การลอยตัวได้นานนั้น มีองค์ประกอบ 3 ประการ คือ 1) สามารถกระโดดได้สูง 2) เวลากระโดดขึ้นจากพื้นแล้วต้องไม่เกร็งตัว จะต้องปล่อยร่างกายให้ผ่อนคลาย การเกร็งกล้ามเนื้อจากการกระโดด แล้วจึงช ่วยเกร็งกล้ามเนื้อเพื่อการตบลูกอีกครั้งหนึ่ง เมื่อตัวเริ่มตกสู่พื้น 3) ต้องลอยตัวในลักษณะตัวเกือบนิ่ง ไม่ดิ้น ไม่กระตุกแขนขา หรือโยกตัวขณะลอยตัว อยู่ในอากาศ 5. การลงสู่พื้น เมื่อตบลูกเสร็จเรียบร้อยแล้ว การกลับลงสู่พื้นก็เป็นวิธีที่สำคัญเช่นกัน เพราะถ้าผู้เล่นลงสู่พื้นได้อย่างถูกวิธีก็สามารถรักษาความปลอดภัยให้กับตนเองได้และยังสามารถ เล่นลูกต่อไปได้อย่างรวดเร็ว การลงสู่พื้นที่ถูกวิธีคือ ให้ผู้เล่นลงสู่พื้นด้วยปลายเท้าทั้งสองเกือบพร้อมกันในลักษณะ ทั้งย่อเข่างอ แล้วเตรียมพร้อมที่จะเล่นลูกหรือเคลื่อนไหวต่อไปได้ทันที อุทัยสงวนพงศ์และสมบัติคุณามาศปกรณ์กล่าวว่าการตบลูกบอลโดยทั่วไป จะมีหลักการ ที่สำคัญอยู่5 ประการคือ 1. ท่าเตรียม 2. การวิ่ง 3. การกระโดด 4. การเหวี่ยงแขน 5. การลงสู่พื้น การตบที่ประสบผลสำเร็จต้องมาจากการรับลูกจังหวะแรก และการส่งลูกจังหวะสอง ที่สัมพันธ์กัน 1. ท่าเตรียม ท่าทางการเตรียมพร้อมที่จะตบลูกบอล โดยยืนแยกเท้าทั้งสองออกตามธรรมชาติ งอเข่าทั้งสองเล็กน้อยโล้ตัวไปข้างหน้าพอสมควรตามองที่ลูกบอลตลอดเวลา เตรียมพร้อมที่จะวิ่ง ไปยังทิศทางต่างๆ คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาวอลเลย์บอล T-Certificate 143