The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Banthakham School, 2020-05-30 03:14:06

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านท่าข้าม

หลักสูตรสถานศกึ ษา
โรงเรียนบ้านทา่ ขา้ ม

พุทธศักราช ๒๕๖๑
(ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.๒๕๖๓)
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน

พุทธศักราช ๒๕๕๑
(ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.๒๕๖๐)

สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต ๑
สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ



ประกาศโรงเรียนบ้านท่าขา้ ม
เร่อื ง ใหใ้ ชห้ ลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบ้านทา่ ขา้ ม พทุ ธศกั ราช ๒๕๖1
(ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖3) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

(ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.๒๕๖๐)

……………………………….
ตามที่โรงเรียนบ้านท่าข้าม ได้ประกาศใช้หลักสูตรสถานศึกษา โดยเร่ิมใช้หลักสูตรดังกล่าวกับนักเรียนทุก
ระดับช้ันในปีการศึกษา ๒๕๕๓ ต่อมาในปีการศึกษา ๒๕๕๘ โรงเรียนบ้านท่าข้าม ได้เพิ่มรายวิชาเพ่ิมเติมเพ่ือให้
สอดคล้องรับกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะกระบวนการคิด
วิเคราะห์ มีเวลาในการทากิจกรรมเพื่อพัฒนาความรู้ ความสามารถและทักษะ การปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม การ
สร้างวนิ ยั การมจี ติ สานึกรบั ผิดชอบต่อสังคม ยดึ ม่นั ในสถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ และมคี วามภาคภูมิใจใน
ความเป็นไทย ตลอดจนการเรียนการสอนในวิชาประวัติศาสตร์ และหน้าท่ีพลเมือง รวมถึงการสอนศีลธรรมแก่
นักเรียน โรงเรียนบ้านท่าข้าม ได้ดาเนินการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านท่าข้าม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.
๒๕๖๑) สอดคล้องตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การบริหารจัดการเวลาเรียน และปรับมาตรฐานและ
ตัวช้ีวัด สอดคล้องกับ คาสั่ง สพฐ. ท่ี ๑๒๓๙/๖๐ และประกาศ สพฐ.ลงวันท่ี ๘ มกราคม ๒๕๖๑ เป็นที่เรียบร้อย
แลว้
ท้ังนี้หลักสูตรโรงเรียนได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน เมื่อวันที่ 30
เมษายน ๒๕๖3 จงึ ประกาศใหใ้ ชห้ ลกั สูตรโรงเรยี นตง้ั แต่บดั นี้เป็นตน้ ไป

ประกาศ ณ วันท่ี 30 เดือน เมษายน พ.ศ. ๒๕๖3

ลงชอ่ื ....................................................... ลงชื่อ……………………………………….
(นายสมชาย ท้ายหว้ น) (นางสาวกติ ตมิ า มุ่งวัฒนา)

ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน ผู้อานวยการโรงเรยี นบา้ นทา่ ขา้ ม
โรงเรียนบ้านท่าขา้ ม



คำนำ

กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม หลักสูตรสถานศึกษา
โรงเรียนบ้านท่าข้าม พุทธศักราช ๒๕๖๑ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ตาม
คาส่ังกระทรวงศึกษาธิการที่ สพฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันท่ี ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ และคาส่ังสานักงานคณะกรรมการ
การศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน ที่ ๓๐/๒๕๖๑ ลงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๑ ใหเ้ ปล่ยี นแปลงมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้วี ัด กล่มุ
สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนท่าข้าม พุทธศักราช ๒๕๖๑ โดยให้
โรงเรียนใช้หลักสูตรในปีการศึกษา ๒๕๖๑ โดยให้สอนในช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ และ ๔ ในปีการศึกษา ๒๕๖๑ ปี
การศึกษา ๒๕๖๒ ให้ใช้ในช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑, ๒, ๔ และ ๕ และปีการศึกษา ๒๕๖๓ ให้ใช้ในทุกชั้นปี โดย
กาหนดให้เป็นหลักสูตรแกนกลางของประเทศ กาหนดจุดหมาย และมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายและกรอบ
ทิศทางในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีพัฒนาการเต็มตามศักยภาพ ส่งเสริมทักษะวิชาการ ทักษะอาชีพ และทักษะ
ชีวติ มคี ณุ ภาพและมที กั ษะการเรียนรใู้ นศตวรรษที่ ๒๑

เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายและเป้าหมาย ของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานโรงเรียนบา้ น
ท่าข้าม จงึ ไดท้ าหลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นบ้านท่าข้าม พทุ ธศักราช ๒๕๖๑ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน
พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการ
เรยี นรูส้ งั คมศกึ ษาศาสนา และวัฒนธรรม เพื่อนาไปใช้ประโยชน์และเปน็ กรอบในการวางแผนและพฒั นาหลักสตู รของ
สถานศึกษา และออกแบบการจัดการเรียนการสอน โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ให้มีกระบวนการนา
หลกั สตู รไปสู่การปฏิบัติ โดยมกี ารกาหนดวสิ ัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด โครงสร้างเวลาเรียน ตลอดจนเกณฑ์การวัดและประเมินผล ให้มีความสอดคล้องกับ
มาตรฐานการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้โรงเรียนสามารถกาหนดทิศทางในการจัดทาหลักสูตรการเรียนการสอน ในแต่ละ
ระดับตามความพร้อมและจุดเน้น โดยมีกรอบแกนกลางเป็นแนวทางที่ชัดเจน เพื่อตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐
มีความพร้อมในการกา้ วสสู่ ังคมคุณภาพ มีความรู้อย่างแท้จรงิ และมีทกั ษะในศตวรรษท่ี ๒๑

มาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ชีว้ ดั ท่ีกาหนดไว้ในเอกสารน้ี ช่วยทาให้หนว่ ยงานทเ่ี ก่ยี วข้อง ในทกุ ระดบั เห็นผล
คาดหวังท่ีต้องการพัฒนาการเรยี นรู้ของผเู้ รียนท่ีชัดเจนตลอดแนว ซึ่งจะสามารถช่วยให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องในระดบั
ท้องถ่ิน และสถานศึกษาร่วมกันพัฒนาหลักสูตรได้อย่างม่ันใจ ทาให้การจัดทาหลักสูตรในระดับสถานศึกษามีคุณภาพ
และมีความเป็นเอกภาพย่ิงข้ึน อีกทั้งยังช่วยให้เกิดความชัดเจนเร่ืองการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ช่วยแก้ปัญหา
การเทียบโอนระหว่างสถานศึกษา ดังน้ันในการพัฒนาหลักสูตรในทุกระดับ ต้ังแต่ระดับชาติจนกระทั่งถึงระดับ
สถานศึกษา จะต้องสะท้อนคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่กาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขั้นพ้ืนฐาน รวมทั้งเป็นกรอบทิศทางในการจัดการศึกษาทุกรูปแบบ และครอบคลุมผู้เรียนทุกกลุ่มเป้าหมายในระดับ
การศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน


การจัดหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน จะประสบความสาเร็จตามเป้าหมายท่ีคาดหวังได้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ทั้งระดับชาติ ชุมชน ครอบครัว และทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ โดยร่วมกันทางานอย่างเป็นระบบ และต่อเน่ือง
วางแผนดาเนินการ ส่งเสริมสนับสนุน ตรวจสอบ ตลอดจนปรับปรุงแก้ไข เพื่อพัฒนาเยาวชนของชาติ ไปสู่คุณภา พ
ตามมาตรฐานการเรยี นรู้ทกี่ าหนดไว้

โรงเรยี นบ้านทา่ ขา้ ม



ควำมนำ

กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.
๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ตามคาสั่งกระทรวงศึกษาธิการที่ สพฐ.
๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวนั ที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ และคาสั่งสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พื้นฐาน ที่ ๓๐/๒๕๖๑ ลง
วันท่ี ๕ มกราคม ๒๕๖๑ ให้เปลี่ยนแปลงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์และ
วิทยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.๒๕๖๐) โดยมีคาสง่ั ใหโ้ รงเรียนดาเนินการใช้หลักสูตรในปีการศึกษา ๒๕๖๑ โดยให้
โรงเรียนใช้หลักสูตรในปีการศึกษา ๒๕๖๑ โดยให้สอนในชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ และ ๔ ในปีการศึกษา ๒๕๖๑ ปี
การศึกษา ๒๕๖๒ ให้ใช้ในช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑, ๒, ๔ และ ๕ และปีการศึกษา ๒๕๖๓ ให้ใช้ในทุกชั้นปี เป็นต้นมา
ให้เป็นหลักสตู รแกนกลางของประเทศ โดยกาหนดจุดหมาย และมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทาง
ในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนมีพัฒนาการเต็มตามศักยภาพ มีคุณภาพและมีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ เพื่อให้
สอดคล้องกับนโยบายและเปา้ หมายของสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน

โรงเรยี นบ้านท่าข้ามจึงได้ทาการปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษาบ้านท่าขา้ ม (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๓) ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ในกลุ่มสาระการเรียนรู้
คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และ
วัฒนธรรม เพื่อนาไปใช้ประโยชน์และเป็นกรอบในการวางแผนและพัฒนาหลักสูตรของสถานศึกษาและจัดการเรียน
การสอน โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพผเู้ รยี น ใหม้ กี ระบวนการนาหลักสูตรไปสู่การปฏบิ ัติ โดยมกี ารกาหนด
วิสัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
โครงสร้างเวลาเรียน ตลอดจนเกณฑ์การวัดประเมินผลให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้
โรงเรียนสามารถกาหนดทิศทางในการจัดทาหลักสูตรการเรียนการสอนในแต่ละระดับตามความพร้อมและจุดเน้น
โดยมีกรอบแกนกลางเป็นแนวทางท่ีชัดเจนเพ่ือตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐ มีความพร้อมในการก้าวสู่สังคม
คณุ ภาพ มีความร้อู ย่างแท้จริง และมีทกั ษะในศตวรรษที่ ๒๑

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดที่กาหนดไว้ในเอกสารนี้ ช่วยทาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในทุกระดับเห็นผล
คาดหวงั ทีต่ อ้ งการในการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรยี นทชี่ ดั เจนตลอดแนว ซ่ึงจะสามารถชว่ ยให้หนว่ ยงานที่เกย่ี วข้องใน
ระดับท้องถิ่นและสถานศึกษาร่วมกันพัฒนาหลักสูตรได้อย่างม่ันใจ ทาให้การจัดทาหลักสูตรในระดับสถานศึกษามี
คุณภาพและมีความเป็นเอกภาพย่ิงขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เกิดความชัดเจนเรื่องการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ และ
ชว่ ยแกป้ ัญหาการเทียบโอนระหวา่ งสถานศกึ ษา ดังนน้ั ในการพฒั นาหลักสูตรในทุกระดับต้ังแต่ระดับชาติจนกระท่ังถึง
สถานศึกษา จะต้องสะท้อนคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ข้ันพื้นฐาน รวมท้ังเป็นกรอบทิศทางในการจัดการศึกษาทุกรูปแบบ และครอบคลุมผู้เรียนทุกกลุ่มเป้าหมายในระดับ
การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน



การจัดหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานจะประสบความสาเร็จตามเปา้ หมายท่ีคาดหวังได้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทัง้
ระดับชาติ ชุมชน ครอบครัว และบุคคลต้องร่วมรับผิดชอบ โดยร่วมกันทางานอย่างเป็นระบบ และต่อเน่ือง ในการ
วางแผน ดาเนินการ ส่งเสริมสนับสนุน ตรวจสอบ ตลอดจนปรับปรุงแก้ไข เพ่ือพัฒนาเยาวชนของชาติไปสู่คุณภาพ
ตามมาตรฐานการเรยี นรู้ท่กี าหนดไว้
พระบรมรำโชบำยด้ำนกำรศึกษำ รัชกำลที่ ๑๐

การศึกษาต้องมุ่งสร้างพ้ืนฐานให้แก่ผู้เรียน ๔ ด้าน มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง มีความรู้ความเข้าใจที่มี
ต่อชาติบ้านเมือง ยึดม่ันในศาสนา ม่ันคงในสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีความเอื้ออาทรต่อครอบครัวและชุมชน
ของตน มีพ้ืนฐานชีวิตที่ม่ันคง มีคุณธรรม รู้จักแยกแยะส่ิงท่ีผิด-ท่ีถูก ส่ิงชั่ว-ส่ิงดี เพื่อปฏิบัติแต่สิ่งท่ีชอบที่ดีงาม
ปฏิเสธส่ิงท่ีผิดท่ีช่วั เพื่อสร้างคนดีให้แก่บ้านเมือง มีงานทา มีอาชีพ ต้องให้เด็กรักงาน สู้งาน ทางานจนสาเร็จ อบรม
ใหเ้ รียนรู้การทางาน ให้สามารถเลี้ยงตวั และเล้ียงครอบครัวได้ เป็นพลเมืองดี การเปน็ พลเมืองดีเป็นหน้าที่ของทุกคน
สถานศึกษาและสถานประกอบการต้องส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสทาหน้าที่พลเมืองดี มีน้าใจ มีความเอ้ืออาทร ต้อง
ทางานอาสาสมคั ร งานบาเพญ็ ประโยชน์ เหน็ อะไรทจี่ ะทาเพ่อื บ้านเมอื งได้ก็ตอ้ งทา

วิสัยทัศนข์ องหลกั สตู รแกนกลำงกำรศึกษำขัน้ พนื้ ฐำน

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซึ่งเป็นกาลังของชาติ ให้เป็นมนุษย์ที่มี
ความสมดุลท้ังด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลเมืองโลก ยึดมั่นในการ
ปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมท้ังเจตคติท่ี
จาเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอดชีวติ โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญบนพ้ืนฐานความ
เชื่อว่า ทกุ คนสามารถเรียนร้แู ละพฒั นาตนเองไดเ้ ต็มตามศักยภาพ

จุดหมำยของหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพน้ื ฐำน

๑. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตาม
หลักธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาทีต่ นนบั ถือยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

๒. มีความรู้อันเป็นสากลและมีความสามารถในการสอ่ื สาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี และมี
ทกั ษะชีวติ

๓. มสี ขุ ภาพกายและสุขภาพจติ ท่ีดี มีสุขนสิ ัย และรกั การออกกาลงั กาย

๔. มีความรักชาติ มีจติ สานกึ ในความเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก ยึดมนั่ ในวถิ ชี ีวิตและการปกครองตาม
ระบบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมขุ

๕. มีจิตสานกึ ในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทยการอนรุ กั ษ์ และพฒั นาสง่ิ แวดล้อม มีจติ สาธารณะ
ทมี่ งุ่ ทาประโยชน์ และสรา้ งสิ่งท่ีดใี นสงั คม และอยรู่ ว่ มกนั ในสังคมอยา่ งมีความสุข

สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านท่าข้าม มุ่งพัฒนาผู้เรียน ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ ซึ่งพัฒนา
ผ้เู รียนใหบ้ รรลุมาตรฐานการเรยี นรทู้ กี่ าหนดนนั้ จะช่วยให้ผู้เรยี นเกดิ สมรรถนะสาคญั ๕ ประการ



๑. ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร เป็นความสามารถในการรับและส่งสารมีวัฒนธรรมใช้ภาษาถ่ายทอดความคิด
ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพ่ือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อันจะเป็น
ประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมท่ังการเจรจาต่อรองเพ่ือขจัดและลดปัญหาความขัดแย้งต่างๆ การเลือก
รับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้องตลอดจนเลือกใช้วิธีการสื่อสารท่ีมีประสิ ทธิภาพโดย
คานึงถงึ ผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม

๒. ควำมสำมำรถในกำรคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่าง
สรา้ งสรรค์ การคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพือ่ นาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศเพื่อการ
ตัดสนิ ใจเกยี่ วกับตนเองและสังคมได้อยา่ งเหมาะสม

๓. ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ญั หำ เปน็ ความสามารถในการแก้ปญั หาและอุปสรรคต่างๆ ทเี่ ผชญิ ไดอ้ ยา่ ง
ถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสมั พนั ธ์และการเปล่ียนแปลง
ของเหตุการณต์ ่างๆในสังคม แสวงหาความรู้ ประยกุ ต์ความรู้มาใช้ในการปอ้ งกันและแก้ปญั หาและมีการตัดสนิ ใจท่ีมี
ประสทิ ธิภาพโดยคานึงถงึ ผลทีจ่ ะกระทบและเกิดข้ึนต่อตนเอง สงั คมและส่ิงแวดล้อม

๔. ควำมสำมำรถในกำรใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่างๆไปใช้ในการดาเนิน
ชีวิตประจาวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง การทางาน และการอยู่ร่วมกันในสังคม การปรับตัวให้
ทันกับการเปล่ียนแปลงของสงั คมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ท่สี ่งผลกระทบ
ตอ่ ตนเองและผ้อู ่ืน

๕. ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี เปน็ ความสามารถในการเลอื กและใช้เทคโนโลยีดา้ นตา่ งๆและมี
ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยเี พอ่ื การพฒั นาตนเองและสังคม ในดา้ นการเรยี นรู้ การส่อื สาร การทางานการ
แกป้ ัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้องเหมาะสมและมีคณุ ค่า

คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐานของสถานศึกษา มุ่งพัฒนาผ้เู รยี นให้มีคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
เพื่อให้สามารถอยูร่ ่วมกบั ผู้อื่นในสังคมไดอ้ ย่างมีความสขุ ในฐานะเปน็ พลเมืองไทยและพลโลก ดังน้ี

๑. รกั ชำติ ศำสน์ กษัตรยิ ์ หมายถงึ คุณลกั ษณะท่แี สดงออกถึงการเป็นพลเมืองท่ีดีของชาติ ธารงไวซ้ ่ึงความ
เป็นชาติไทย ศรัทธา ยึดม่ันในศาสนาและเคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ คือผู้มี
ลักษณะซ่ึงแสดงออกถึงการเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ มีความสามัคคีปรองดอง ภูมิใจ เชิดชูความเป็นชาติไทย ปฏิบัติ
ตนตามหลักศาสนาท่ตี นนบั ถอื และแสดงความจงรักภกั ดตี ่อสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์

๒. ซ่ือสัตย์สุจริต หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงการยึดม่ันในความถูกต้อง ประพฤติตรงตามความ
เป็นจริงต่อตนเองและผู้อ่ืนท้ังทางกาย วาจา ใจ ผู้ท่ีมีความซ่ือสัตย์ สุจริต คือ ผู้ท่ีประพฤติตรงตามความเป็นจริงท้ัง
กาย วาจา ใจ และยดึ หลักความจริง ความถูกต้องในการดาเนนิ ชวี ิต มคี วามละอายและเกรงกลวั ต่อการกระทาผิด

๓. มีวินัย หมายถึงคุณลักษณะท่ีแสดงออกถึงการยึดมั่นในข้อตกลง กฎเกณฑ์ และระเบียบข้อบังคับของ
ครอบครัว โรงเรียน และสังคม ผู้มีวินัยคือ ผู้ที่ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว
โรงเรยี น และสังคมเป็นปกตวิ สิ ยั ไมล่ ะเมิดสทิ ธิของผอู้ ่นื



๔. ใฝ่เรียนรู้ หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงความตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียน แสวงหาความรู้
จากแห่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรยี น ผทู้ ีใ่ ฝ่เรียนร้คู ือ ผู้ท่ีแสดงออกถึงความต้ังใจ เพียรพยายามในการเรียน
และเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ แสวงหาความรู้จากแห่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนอย่างสม่าเสมอ ด้วย
การเลอื กใชส้ ่ืออย่างเหมาะสม บันทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเปน็ องคค์ วามรู้ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ ถา่ ยทอด เผยแพร่ และ
นาไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั ได้

๕. อย่อู ยำ่ งพอเพียง หมายถงึ คณุ ลักษณะที่แสดงออกการดารงชีวิตอยา่ พอประมาณมีเหตุผล รอบคอบ มี
คุณธรรม มีภูมิคุ้มกันที่ดี และปรับตัวเพื่ออยู่ในสังคมได้ดีมีความสุข ผู้ที่อยู่อย่างพอเพียงคือ ผู้ที่ดารงชีวิตอย่าง
ประมาณตน มีเหตุผล รอบคอบ ระมัดระวัง อยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วยความรับผิดชอบ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น เห็นคุณค่าของ
ทรัพยากรต่างๆ มีการวางแผนปอ้ งกันความเสยี่ งและพรอ้ มรับการเปล่ยี นแปลง

๖. มุ่งมั่นในกำรทำงำน หมายถึงคุณลักษณะท่ีแสดงออกถึงความเข้าใจและรบั ผดิ ชอบในการทาหน้าท่ีการ
งาน ด้วยความเพียรพยายาม อดทน เพ่ือให้งานสาเร็จตามเปา้ หมาย ผทู้ ่มี ่งุ ม่นั ในการทางานคือ ผทู้ ม่ี ีลกั ษณะถงึ ความ
ต้ังใจปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายดว้ ยความเพียรพยายาม ทุ่มเทกากังกาย กาลังใจ ในการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ให้
สาเรจ็ ลลุ ่วงตามเป้าหมายทกี่ าหนด ด้วยความรับผิดชอบ และมีความภาคภมู ิใจในผลงาน

๗. รักควำมเป็นไทย หมายถึงคุณลักษณะท่ีแสดงออกถึงความภาคภูมิใจ ถึงคุณค่า ร่วมอนุรักษ์ สืบทอด
ภูมิปัญญาไทย ขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ศิลปะและวัฒนธรรม ใช้ภาษาไทยในการส่ือสารได้อย่างถูกต้องและ
เหมาะสม ผทู้ ร่ี กั ความเป็นไทยคอื ผทู้ ี่มคี วามภาคภมู ิใจ เหน็ คุณค่า ชื่นชม มีสว่ นร่วมในการอนรุ กั ษ์ สบื ทอด เผยแพร่
ภูมิปัญญาไทย ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะและวัฒนธรรมไทย มีความกตัญญูกตเวที ใช้ภาษาไทยในการส่ือสาร
อย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม

๘. มจี ติ สำธำรณะ หมายถึงคณุ ลักษณะท่แี สดงออกถึงการมสี ว่ นรว่ มในกิจกรรมหรือสถานการณท์ ่ีกอ่ ให้เกิด
ประโยชน์แก่ผู้อ่ืน ชุมชน และสังคม ด้วยความเต็มใจ กระตือรือร้น โดยไม่หวังผลตอบแทน ผู้มีจิตสาธารณะคือ ผู้ท่ีมี
ลักษณะเป็นผู้ให้ และช่วยเหลือผู้อื่น แบ่งปันความสุขส่วนตัวเพื่อทาประโยชน์แก่ส่วนรวม เข้าใจ เห็นใจผู้ที่มีความ
เดือดรอ้ น อาสาชว่ ยสงั คม อนุรักษ์สิง่ แวดล้อม ดว้ ยแรงกาย สติปญั ญา ลงมอื ปฏบิ ัติเพอ่ื แก้ปัญหา หรือรว่ มสรา้ งสรรค์
สง่ิ ท่ีดีงามให้เกิดในชุมชนโดยไมห่ วงั สิ่งตอบแทน

วิสัยทัศน์หลักสูตรสถำนศกึ ษำโรงเรียนบ้ำนท่ำข้ำม (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๓)

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านท่าข้าม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) เป็นหลักสูตรที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนเป็นบุคคลแห่ง
การเรียนรู้สู่มาตรฐานสากลและเป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งร่างกาย ความรู้คู่คุณธรรม มีความเป็นผู้นาของสังคมมี
จติ สานกึ ในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลกโดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ยึดมนั่ ในการปกครองตาม
ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐานสามารถใช้นวัตกรรมและ
เทคโนโลยีรวมท้ังเจตคติท่ีจาเป็นต่อการศึกษาในการประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิตโดยมุ่งเ น้นผู้เรียนเป็น
สาคญั บนพื้นฐานความเช่อื ว่าทุกคนสามารถเรยี นรู้และพฒั นาตนเองได้เตม็ ตามศักยภาพ



เป้ำประสงค์หลักสตู ร (Corporate objective)
๑. เพื่อให้ผู้เรียนทุกคนไดร้ ับการปลูกฝงั คุณธรรม จริยธรรม มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีการพัฒนาเตม็

ตามศักยภาพ มีทกั ษะชวี ิต มีสขุ ภาพกายและสขุ ภาพจติ ดี นาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาเป็นแนวทางการ
ดาเนินชีวิต เป็นผู้นาท่ีดีของสังคมและมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้และการส่ือสารอย่าง
หลากหลาย ผู้เรียนมีศักยภาพเปน็ พลโลก (World Citizen)

๒. เพือ่ ใหส้ ถานศึกษามรี ะบบการบริหารและจัดการศกึ ษาด้วยระบบคุณภาพ (Quality System
Management) เพอื่ รองรบั การกระจายอานาจอย่างท่วั ถึง

๓. เพื่อใหบ้ คุ ลากรทกุ คนมีทักษะวิชาชพี ในการพัฒนาการเรียนการสอนและใช้นวตั กรรมเทคโนโลยี
ทที่ นั สมัยยกระดบั การจดั การเรียนการสอนเทยี บเคยี งมาตรฐานสากล (World Class standard)

๔. เพื่อใหก้ ารใช้งบประมาณและทรพั ยากรของทุกหน่วยงานเป็นไปตามเป้าหมายได้อยา่ งมี
ประสทิ ธิภาพและประสทิ ธผิ ลสูงสดุ

วสิ ัยทัศน์โรงเรยี นบ้ำนท่ำขำ้ ม

บริหารจัดการศึกษาและจดั การเรียนรู้ มีคณุ ภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน มคี วามรู้คคู่ ณุ ธรรม กา้ วทนั เทคโนโลยี
ภูมปิ ัญญาท้องถ่ินและแหล่งเรียนรู้ในชุมชน ยกระดบั บคุ ลากรเปน็ ครมู ืออาชีพ พรอ้ มใจน้อมนาปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี งสกู่ ารเรียนรู้ สขุ ภาพกายและจิตดีถ้วนหนา้ รักษาเอกลกั ษณ์ของชาติไทย ใส่ใจการปกครองแบบประชาธิปไตย
อนั มีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข

พันธกจิ
๑. จดั การศึกษาระดบั ปฐมวัยและระดบั ประถมศึกษาอยา่ งมีคุณภาพและมาตรฐาน
๒. จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคญั และพฒั นาแหล่งเรียนรู้ในสถานศึกษา
๓. จดั ภูมทิ ัศน์ในสถานศึกษา ใหม้ ีสภาพทีเ่ อ้อื ต่อการเรียนรู้น่าดู นา่ อยู่ นา่ เรยี น
๔. ส่งเสริมภมู ิปญั ญาทอ้ งถิน่ และจดั กิจกรรมการเรยี นรตู้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
๕. จดั กจิ กรรมทส่ี ่งเสรมิ และสนบั สนุนการพฒั นาคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผเู้ รียน
๖. จดั กจิ กรรมทสี่ ่งเสริมและปลกู จติ สานกึ การอนรุ ักษศ์ ลิ ปวฒั นธรรมขนบธรรมเนยี มประเพณไี ทยและ

ท้องถิน่
๗. จดั กจิ กรรมการเรียนการสอนเสริมสรา้ งให้ผูเ้ รียนรับรู้ความสามารถของตนด้านทกั ษะอาชีพ

เปำ้ ประสงค์
๑. นักเรียนได้รับบริการทางการศกึ ษาอยา่ งทั่วถงึ และมคี ุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน
๒. โรงเรียนมีหลกั สูตรสถานศึกษาทีม่ คี ุณภาพไดม้ าตรฐาน
๓. นกั เรยี นมคี วามสามารถในการนาเทคโนโลยีไปประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจาวัน
๔. บุคลากรไดร้ ับการพฒั นาส่มู าตรฐานวิชาชีพ
๕. โรงเรียนมภี มู ิทศั น์สวยงามและแหล่งเรยี นรตู้ ามแนวปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงอยา่ ง
หลากหลาย

๑๐

๖. โรงเรียนได้รบั ความร่วมมือจากชมุ ชนในการจัดการศกึ ษา
๗. นกั เรียนรับรู้ขีดความสามารถของตนเพื่อเปน็ แนวทางในการประกอบอาชพี

สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
ในการพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรสถานศึกษาบ้านท่าข้าม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามหลักสูตร

แกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ
ตามมาตรฐานทกี่ าหนด ซงึ่ จะชว่ ยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสาคญั และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ดงั นี้

สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านท่าข้าม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๓) มุ่งให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสาคัญ
๕ ประการ ดังน้ี

๑. ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา
ถา่ ยทอดความคดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ ความรู้สกึ และทศั นะของตนเองเพื่อแลกเปล่ยี นข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์
อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความ
ถูกต้อง ตลอดจนการเลอื กใช้วิธกี ารสอ่ื สาร ท่ีมีประสทิ ธิภาพโดยคานึงถงึ ผลกระทบทม่ี ตี ่อตนเองและสังคม

๒. ควำมสำมำรถในกำรคดิ เป็นความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ การคดิ สังเคราะห์ การคิด อย่างสร้างสรรค์
การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจ
เก่ยี วกับตนเองและสังคมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

๓. ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่าง
ถูกตอ้ งเหมาะสมบนพ้นื ฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เขา้ ใจความสัมพันธ์และการเปล่ียนแปลง
ของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรมู้ าใชใ้ นการป้องกันและแก้ไขปัญหา และมีกาตัดสินใจ
ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพโดยคานงึ ถงึ ผลกระทบที่เกดิ ขน้ึ ต่อตนเอง สังคมและสิง่ แวดลอ้ ม

๔. ควำมสำมำรถในกำรใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการดาเนิน
ชีวิตประจาวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง การทางาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้าง
เสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับ
การเปลี่ยนแปลงของสงั คมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลกี เลีย่ งพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ท่ีสง่ ผลกระทบต่อตนเอง
และผู้อนื่

๕. ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยดี า้ นต่าง ๆ และมีทักษะ
กระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การส่ือสาร การทางาน การแก้ปัญหา
อยา่ งสร้างสรรค์ ถกู ต้อง เหมาะสม และมคี ณุ ธรรม

๑๑

คุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์
หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านท่าข้าม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๓) (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๓) ตาม

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มี
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพอ่ื ให้สามารถอยู่รว่ มกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะพลเมืองไทยและพลโลก
ดงั นี้

๑. รกั ษ์ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์
๒. ซอื่ สัตยส์ จุ ริต
๓. มีวนิ ัย
๔. ใฝ่เรียนรู้
๕. อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง
๖. มุ่งมน่ั ในการทางาน
๗. รักความเป็นไทย
๘. มจี ิตเป็นสาธารณะ

๑๒

โครงสร้ำงหลักสตู รสถำนศกึ ษำโรงเรียนบ้ำนทำ่ ข้ำม (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๓)

โครงสรำ้ งหลักสูตรเวลำเรียนโรงเรยี นบ้ำนทำ่ ข้ำม

กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้/ กจิ กรรม เวลำเรยี น(ชวั่ โมง/ปี) ป. ๖
ระดบั ประถมศึกษำ
 กลุม่ สาระการเรียนรู้ ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ๑๖๐
ภาษาไทย ๑๖๐
คณติ ศาสตร์ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๒๐
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๒๐
สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๔๐
ประวัติศาสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๘๐
สุขศึกษาและพลศกึ ษา ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
ศลิ ปะ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๔๐
การงานอาชีพ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐
ภาษาตา่ งประเทศ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๔๐
๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๘๐ ๘๐
รวมเวลำเรยี น (พนื้ ฐำน) ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ 8๐
 รำยวชิ ำเพ่มิ เติม 40
8๐ 8๐ 8๐ 8๐ 8๐ ๑๒๐
สนุกกบั ภาษา 40 40 40 40 40 ๔๐
การป้องกันการทุจรติ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐
 กจิ กรรมพัฒนำผเู้ รียน ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๓๐
กจิ กรรมแนะแนว ๔๐
กิจกรรมนักเรยี น ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๑๐
- กิจกรรมลูกเสอื /เนตรนารี ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
- ชุมนุม ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐
กิจกรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน์
๑,๐๘๐ ชวั่ โมง/ปี
รวมเวลำเรยี นทงั้ หมด

 หนา้ ทพ่ี ลเมือง บรู ณาการและวัดผลการเรียนรวมอยใู่ นกลุม่ สาระสังคมฯ
 กจิ กรรมลดเวลาเรียนเพ่ิมเวลารู้ บรู ณาการในกลุ่มสาระการเรยี นรู้ ดังต่อไปนี้

๑. กลุม่ สาระฯ คณติ ศาสตร์

๑๓

๒. กลุม่ สาระฯ การงานอาชพี และเทคโนโลยี
๓. กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
๔. กลมุ่ สาระฯ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา
๕. กลมุ่ สาระฯ ศิลปะ
จานวนช่ัวโมงท่ีจัดให้นักเรียนระดับประถมศึกษา ( ป.๑-ป.๓ ) เรียนทั้งปี เท่ากับ ๑,๐๘๐ ช่ัวโมง ระดับช้ัน
ประถมศึกษา ( ป.๔-ป.๖ ) เท่ากับ ๑,๐๘๐ ช่ัวโมง แผนการเรียนรู้/จุดเน้นการพัฒนาผู้เรียนที่ต้องการเน้นเป็นพิเศษ
คือกลุ่มสาระการเรียนรู้ทักษะภาษาไทย คณิตศาสตร์ เพ่ือพัฒนาการ อ่านออก เขียนได้ ทักษะกระบวนการทาง
คณิตศาสตร์ คิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ที่ดี มีประโยชน์ มีความสนใจใฝ่รู้ใฝ่เรียน โดยจัดการเรียนการ
สอนและวัดผลประเมนิ ผลเป็นรายปี
สาหรับนกั เรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑-๖ นนั้ จากการประเมินผลระดับโรงเรยี น ระดับทอ้ งถ่นิ และระดับชาติ
คณะกรรมการบริหารหลักสูตร คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน มีมติร่วมกันให้จัดทาโครงการสอนเสริม
ประสบการณ์พิเศษเพ่ือเพ่ิมศักยภาพนักเรียน จานวนชว่ั โมง ๑๒๐ ชัว่ โมง ตัง้ แตช่ ั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๖ โดยไม่นา
คะแนนและระดับผลการเรียน ในรายวิชาสอนเสริมไปคิดรวมและตัดสินการเล่ือนชั้นของนักเรียน ในโครงสร้างของ
หลกั สตู รสถานศกึ ษาบา้ นท่าขา้ ม (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๓) มีรายวชิ าและจานวนช่วั โมงดังนี้

โครงกำรสอนเสริมประสบกำรณ์พเิ ศษเพ่ือเพิม่ ศักยภำพนักเรยี น

ชน้ั ป.๑-๓ จำนวน ๓ ช่วั โมง / สัปดำห์

๑. วชิ า ภาษาไทยอ่านเขียน จานวน ๑ ชั่วโมง
๑ ชั่วโมง
๒. วชิ า ภาษาไทยคดิ วิเคราะห์ จานวน ๑ ชัว่ โมง

๓. วชิ า คณิตศาสตร์ จานวน

โครงกำรสอนเสริมประสบกำรณ์พเิ ศษเพือ่ เพิ่มศกั ยภำพนักเรียน

ชั้น ป.๔-๖ จำนวน ๓ ช่ัวโมง / สปั ดำห์

๑. วชิ า ภาษาไทย จานวน ๑ ชว่ั โมง
๑ ชั่วโมง
๒. วชิ า คณติ ศาสตร์ จานวน ๑ ชั่วโมง

๓. วชิ า ภาษาอังกฤษ จานวน

โครงสรำ้ งหลักสูตรชั้นปี เปน็ โครงสร้างท่แี สดงรายละเอยี ดเวลาเรียนของรายวชิ าพื้นฐาน รายวชิ า / กจิ กรรม
เพิม่ เติมและกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนในแตล่ ะช้นั ปี
หลักสตู รต้ำนทจุ รติ ศกึ ษำ (Anti-Corruption Education)
รายวชิ าเพมิ่ เติม การป้องกันการทุจริต
ชน้ั ปฐมวัย จำนวน 1 ช่ัวโมง / สัปดำห์
(การจัดประสบการณ์แตล่ ะกิจกรรมจะใชเ้ วลาประมาณ ๒๐ นาที)
ช้นั ป.๑-๓ จำนวน 1 ช่วั โมง / สัปดำห์
ชนั้ ป.๔-๖ จำนวน 1 ชว่ั โมง / สปั ดำห์

๑๔

โครงสร้ำงหลักสตู รช้ันประถมศึกษำปที ี่ ๑
......................

รหัส กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้/กิจกรรม เวลำเรียน
(ชม./ปี)
ท ๑๑๑๐๑ รำยวชิ ำพื้นฐำน (๘๔๐)
ค ๑๑๑๐๑ ภาษาไทย ๑ ๒๐๐
ว ๑๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๑ ๒๐๐
ส ๑๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๑
ส ๑๑๑๐๒ สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๑ ๘๐
พ ๑๑๑๐๑ ประวัติศาสตร์ ๑ ๘๐
ศ ๑๑๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๑ ๔๐
ง ๑๑๑๐๑ ศลิ ปะ ๑ ๔๐
อ ๑๑๑๐๑ การงานอาชีพ ๑ ๔๐
ภาษาอังกฤษ ๑ ๔๐
อ ๑๑๒๐๑ ๑๒๐
ส 11241 รำยวิชำเพม่ิ เติม (๑๒๐)
สนุกกบั ภาษา ๑ 8๐
การป้องกันการทุจรติ 1 40
(๑๒๐)
กจิ กรรมพัฒนำผ้เู รียน ๔๐
แนะแนว
กิจกรรมนักเรียน ๓๐
๔๐
 ลกู เสือ เนตรนารี
๑๐
 ชุมนุม

กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์ ๑

โครงกำรสอนเสริมประสบกำรณ์พเิ ศษเพื่อเพมิ่ ศักยภำพนักเรียน

ช้นั ป.๑-๓ จำนวน ๓ ช่ัวโมง / สัปดำห์

๑. วิชา ภาษาไทยอ่านเขยี น จานวน ๑ ชัว่ โมง
๑ ชวั่ โมง
๒. วชิ า ภาษาไทยคดิ วิเคราะห์ จานวน ๑ ช่ัวโมง

๓. วชิ า คณติ ศาสตร์ จานวน

๑๕

โครงสรำ้ งหลกั สูตรช้ันประถมศกึ ษำปีท่ี ๒
......................

รหัส กลุม่ สำระกำรเรียนร/ู้ กิจกรรม เวลำเรยี น
(ชม./ปี)
ท ๑๒๑๐๑ รำยวชิ ำพน้ื ฐำน (๘๔๐)
ค ๑๒๑๐๑ ภาษาไทย ๒ ๒๐๐
ว ๑๒๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๒ ๒๐๐
ส ๑๒๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๒
ส ๑๒๑๐๒ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๒ ๘๐
พ ๑๒๑๐๑ ประวัติศาสตร์ ๒ ๘๐
ศ ๑๒๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา ๒ ๔๐
ง ๑๒๑๐๑ ศลิ ปะ ๒ ๔๐
อ ๑๒๑๐๑ การงานอาชีพ ๒ ๔๐
ภาษาองั กฤษ ๒ ๔๐
อ ๑๒๒๐๒ ๑๒๐
ส 12242 รำยวิชำเพมิ่ เติม (๑๒๐)
สนกุ กับภาษา ๒ 8๐
การป้องกนั การทจุ ริต 2 40
(๑๒๐)
กจิ กรรมพฒั นำผเู้ รยี น ๔๐
แนะแนว
กิจกรรมนกั เรียน ๓๐
๔๐
 ลูกเสอื เนตรนารี
๑๐
 ชุมนมุ

กจิ กรรมเพือ่ สังคมและสาธารณะประโยชน์ ๒

โครงกำรสอนเสริมประสบกำรณพ์ ิเศษเพือ่ เพม่ิ ศกั ยภำพนักเรยี น

โครงกำรสอนเสรมิ ประสบกำรณพ์ ิเศษเพอื่ เพมิ่ ศกั ยภำพนกั เรยี น

ชนั้ ป.๑-๓ จำนวน ๓ ชัว่ โมง / สัปดำห์

๑. วิชา ภาษาไทยอา่ นเขยี น จานวน ๑ ชั่วโมง
๑ ชว่ั โมง
๒. วิชา ภาษาไทยคิดวิเคราะห์ จานวน ๑ ช่วั โมง

๓. วิชา คณิตศาสตร์ จานวน

๑๖

โครงสร้ำงหลกั สตู รชั้นประถมศกึ ษำปีท่ี ๓
......................

รหัส กลุ่มสำระกำรเรยี นร/ู้ กิจกรรม เวลำเรยี น
(ชม./ปี)
ท ๑๓๑๐๑ รำยวชิ ำพื้นฐำน (๘๔๐)
ค ๑๓๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๒๐๐
ว ๑๓๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๓ ๒๐๐
ส ๑๓๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๓
ส ๑๓๑๐๒ สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๓ ๘๐
พ ๑๓๑๐๑ ประวตั ศิ าสตร์ ๓ ๘๐
ศ ๑๓๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๓ ๔๐
ง ๑๓๑๐๑ ศิลปะ ๓ ๔๐
อ ๑๓๑๐๓ การงานอาชีพ ๓ ๔๐
ภาษาองั กฤษ ๓ ๔๐
อ ๑๓๒๐๓ ๑๒๐
ส 13243 รำยวชิ ำเพิ่มเติม (๑๒๐)
สนุกกับภาษา ๓ 8๐
การป้องกนั การทจุ รติ 3 40
(๑๒๐)
กจิ กรรมพฒั นำผู้เรยี น ๔๐
แนะแนว
กิจกรรมนักเรียน ๓๐
๔๐
 ลกู เสือ เนตรนารี
๑๐
 ชมุ นมุ

กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณะประโยชน์ ๓

โครงกำรสอนเสริมประสบกำรณพ์ เิ ศษเพือ่ เพิ่มศักยภำพนักเรยี น

โครงกำรสอนเสริมประสบกำรณ์พิเศษเพ่อื เพ่มิ ศักยภำพนักเรียน

ชน้ั ป.๑-๓ จำนวน ๓ ชัว่ โมง / สัปดำห์

๑. วิชา ภาษาไทยอ่านเขียน จานวน ๑ ชั่วโมง
๑ ชว่ั โมง
๒. วชิ า ภาษาไทยคิดวเิ คราะห์ จานวน ๑ ช่วั โมง

๓. วชิ า คณติ ศาสตร์ จานวน

โครงสร้ำงหลกั สตู รชั้นประถมศึกษำปีที่ ๔ ๑๗
......................
เวลำเรยี น
รหสั กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้/กจิ กรรม (ชม./ป)ี
(๘๔๐)
ท ๑๔๑๐๑ รำยวิชำพื้นฐำน ๑๖๐
ค ๑๔๑๐๑ ภาษาไทย ๔ ๑๖๐
ว ๑๔๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๔ ๑๒๐
ส ๑๔๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔ ๑๒๐
ส ๑๔๑๐๒ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๔
พ ๑๔๑๐๑ ประวัตศิ าสตร์ ๔ ๔๐
ศ ๑๔๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา ๔ ๘๐
ง ๑๔๑๐๑ ศิลปะ ๔ ๔๐
อ ๑๔๑๐๑ การงานอาชีพ ๔ ๔๐
ภาษาองั กฤษ ๔ ๘๐
อ ๑๔๒๐๔ (๑๒๐)
ส 14244 รำยวชิ ำเพิ่มเติม ๘0
สนุกกบั ภาษา ๔ 40
การป้องกนั การทจุ รติ 4 (๑๒๐)
๔๐
กิจกรรมพฒั นำผ้เู รียน
แนะแนว ๓๐
กจิ กรรมนักเรียน ๔๐

 ลูกเสอื เนตรนารี ๑๐

 ชมุ นมุ

กจิ กรรมเพอื่ สังคมและสาธารณะประโยชน์ ๔

โครงกำรสอนเสรมิ ประสบกำรณ์พิเศษเพ่อื เพ่ิมศักยภำพนักเรียน

ชนั้ ป.๔-๖ จำนวน ๓ ช่วั โมง / สัปดำห์

๑. วชิ า ภาษาไทย จานวน ๑ ช่ัวโมง
๑ ชัว่ โมง
๒. วชิ า คณิตศาสตร์ จานวน ๑ ชว่ั โมง

๓. วิชา ภาษาองั กฤษ จานวน

๑๘

โครงสร้ำงหลกั สตู รชั้นประถมศึกษำปีที่ ๕
......................

รหสั กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้/กจิ กรรม เวลำเรยี น
(ชม./ป)ี
ท ๑๕๑๐๑ รำยวิชำพื้นฐำน (๘๔๐)
ค ๑๕๑๐๑ ภาษาไทย ๕ ๑๖๐
ว ๑๕๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๕ ๑๖๐
ส ๑๕๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕ ๑๒๐
ส ๑๕๑๐๒ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๕ ๑๒๐
พ ๑๕๑๐๑ ประวัตศิ าสตร์ ๕
ศ ๑๕๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา ๕ ๔๐
ง ๑๕๑๐๑ ศิลปะ ๕ ๘๐
อ ๑๕๑๐๑ การงานอาชีพ ๕ ๔๐
ภาษาองั กฤษ ๔ ๔๐
อ ๑๕๒๐๕ ๘๐
ส 15245 รำยวชิ ำเพิ่มเติม (๑๒๐)
สนุกกบั ภาษา ๕ ๘0
การป้องกนั การทจุ รติ 5 40
(๑๒๐)
กิจกรรมพฒั นำผ้เู รียน ๔๐
แนะแนว
กจิ กรรมนักเรียน ๓๐
๔๐
 ลูกเสอื เนตรนารี
๑๐
 ชมุ นมุ

กจิ กรรมเพอื่ สังคมและสาธารณะประโยชน์ ๕

โครงกำรสอนเสรมิ ประสบกำรณ์พิเศษเพ่อื เพ่ิมศักยภำพนักเรียน

ชนั้ ป.๔-๖ จำนวน ๓ ช่วั โมง / สัปดำห์

๑. วชิ า ภาษาไทย จานวน ๑ ช่ัวโมง
๑ ชัว่ โมง
๒. วชิ า คณิตศาสตร์ จานวน ๑ ชว่ั โมง

๓. วิชา ภาษาองั กฤษ จานวน

๑๙

โครงสร้ำงหลกั สตู รชั้นประถมศึกษำปีที่ ๖
......................

รหสั กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้/กจิ กรรม เวลำเรยี น
(ชม./ป)ี
ท ๑๖๑๐๑ รำยวิชำพื้นฐำน (๘๔๐)
ค ๑๖๑๐๑ ภาษาไทย ๖ ๑๖๐
ว ๑๖๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๖ ๑๖๐
ส ๑๖๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๖ ๑๒๐
ส ๑๖๑๐๒ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๖ ๑๒๐
พ ๑๖๑๐๑ ประวัตศิ าสตร์ ๖
ศ ๑๖๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา ๖ ๔๐
ง ๑๖๑๐๑ ศิลปะ ๖ ๘๐
อ ๑๖๑๐๑ การงานอาชีพ ๖ ๔๐
ภาษาองั กฤษ ๖ ๔๐
อ ๑๖๒๐๖ ๘๐
ส 16246 รำยวชิ ำเพิ่มเติม (๑๒๐)
สนุกกบั ภาษา ๖ ๘0
การป้องกนั การทจุ รติ 6 40
(๑๒๐)
กิจกรรมพฒั นำผ้เู รียน ๔๐
แนะแนว
กจิ กรรมนักเรียน ๓๐
๔๐
 ลูกเสอื เนตรนารี
๑๐
 ชมุ นมุ

กจิ กรรมเพอื่ สังคมและสาธารณะประโยชน์ ๖

โครงกำรสอนเสรมิ ประสบกำรณ์พิเศษเพ่อื เพ่ิมศักยภำพนักเรียน

ชนั้ ป.๔-๖ จำนวน ๓ ช่วั โมง / สัปดำห์

๑. วชิ า ภาษาไทย จานวน ๑ ช่ัวโมง
๑ ชัว่ โมง
๒. วชิ า คณิตศาสตร์ จานวน ๑ ชว่ั โมง

๓. วิชา ภาษาองั กฤษ จานวน

๒๐

รำยวชิ ำของโรงเรยี นบำ้ นทำ่ ขำ้ ม จานวน ๒๐๐ ชั่วโมง
จานวน ๒๐๐ ชัว่ โมง
กลุ่มสำระกำรเรยี นร้ภู ำษำไทย จานวน ๒๐๐ ชว่ั โมง
รำยวชิ ำพนื้ ฐำน จานวน ๑๖๐ ชัว่ โมง
จานวน ๑๖๐ ชว่ั โมง
ท ๑๑๑๐๑ ภาษาไทย ๑ จานวน ๑๖๐ ชั่วโมง
ท ๑๒๑๐๑ ภาษาไทย ๒
ท ๑๓๑๐๑ ภาษาไทย ๓
ท ๑๔๑๐๑ ภาษาไทย ๔
ท ๑๕๑๐๑ ภาษาไทย ๕
ท ๑๖๑๐๑ ภาษาไทย ๖

****************

กลุ่มสำระกำรเรียนรูค้ ณติ ศำสตร์ จานวน ๒๐๐ ช่ัวโมง
รำยวชิ ำพืน้ ฐำน จานวน ๒๐๐ ชว่ั โมง
จานวน ๒๐๐ ชว่ั โมง
ค ๑๑๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๑ จานวน ๑๖๐ ชว่ั โมง
ค ๑๒๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๒ จานวน ๑๖๐ ช่ัวโมง
ค ๑๓๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๓ จานวน ๑๖๐ ชั่วโมง
ค ๑๔๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๔
ค ๑๕๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๕
ค ๑๖๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๖

-
****************

กลมุ่ สำระกำรเรยี นวิทยำศำสตร์ จานวน ๘๐ ช่วั โมง
รำยวชิ ำพ้นื ฐำน จานวน ๘๐ ชว่ั โมง
จานวน ๘๐ ชวั่ โมง
ว ๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๑ จานวน ๑๒๐ ช่ัวโมง
ว ๑๒๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๒ จานวน ๑๒๐ ชว่ั โมง
ว ๑๓๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๓ จานวน ๑๒๐ ชัว่ โมง
ว ๑๔๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔
ว ๑๕๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕
ว ๑๖๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๖

**************

๒๑

กลุ่มสำระกำรเรียนรูส้ ังคมศกึ ษำ ศำสนำและวฒั นธรรม จานวน ๘๐ ชว่ั โมง
รำยวชิ ำพื้นฐำน จานวน ๘๐ ชวั่ โมง
จานวน ๘๐ ช่วั โมง
ส ๑๑๑๐๑ สงั คมศกึ ษาฯ ๑ จานวน ๑๒๐ ช่ัวโมง
ส ๑๒๑๐๑ สังคมศึกษาฯ ๒ จานวน ๑๒๐ ชั่วโมง
ส ๑๓๑๐๑ สังคมศกึ ษาฯ ๓ จานวน ๑๒๐ ชว่ั โมง
ส ๑๔๑๐๑ สังคมศกึ ษาฯ ๔
ส ๑๕๑๐๑ สงั คมศึกษาฯ ๕
ส ๑๖๑๐๑ สังคมศึกษาฯ ๖

ส ๑๑๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๑ จานวน ๔๐ ชัว่ โมง
ส ๑๒๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๒ จานวน ๔๐ ชวั่ โมง
ส ๑๓๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๓ จานวน ๔๐ ชั่วโมง
ส ๑๔๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๔ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง
ส ๑๕๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๕ จานวน ๔๐ ชวั่ โมง
ส ๑๖๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ ๖ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง

****************

กลุ่มสำระกำรเรียนรูส้ ุขศกึ ษำและพลศกึ ษำ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง
รำยวชิ ำพืน้ ฐำน จานวน ๔๐ ชว่ั โมง
จานวน ๔๐ ชว่ั โมง
พ ๑๑๑๐๑ สขุ ศึกษาฯ ๑ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง
พ ๑๒๑๐๑ สขุ ศกึ ษาฯ ๒ จานวน ๘๐ ช่ัวโมง
พ ๑๓๑๐๑ สขุ ศกึ ษาฯ ๓ จานวน ๘๐ ชัว่ โมง
พ ๑๔๑๐๑ สุขศกึ ษาฯ ๔
พ ๑๕๑๐๑ สขุ ศกึ ษาฯ ๕
พ ๑๖๑๐๑ สุขศกึ ษาฯ ๖

****************

๒๒

กลมุ่ สำระกำรเรียนรศู้ ิลปะ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง
รำยวิชำพนื้ ฐำน จานวน ๔๐ ชั่วโมง
จานวน ๔๐ ช่วั โมง
ศ ๑๑๑๐๑ ศิลปะ ๑ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง
ศ ๑๒๑๐๑ ศิลปะ ๒ จานวน ๔๐ ชัว่ โมง
ศ ๑๓๑๐๑ ศลิ ปะ ๓ จานวน ๔๐ ชั่วโมง
ศ ๑๔๑๐๑ ศิลปะ ๔
ศ ๑๕๑๐๑ ศิลปะ ๕
ศ ๑๖๑๐๑ ศลิ ปะ ๖

**************** จานวน ๔๐ ชั่วโมง
กล่มุ สำระกำรเรียนร้กู ำรงำนอำชพี และเทคโนโลยี จานวน ๔๐ ชัว่ โมง
รำยวชิ ำพน้ื ฐำน จานวน ๔๐ ชว่ั โมง
จานวน ๔๐ ชัว่ โมง
ง ๑๑๑๐๑ การงานอาชพี ๑ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง
ง ๑๒๑๐๑ การงานอาชีพ ๒ จานวน ๔๐ ช่ัวโมง
ง ๑๓๑๐๑ การงานอาชีพ ๓
ง ๑๔๑๐๑ การงานอาชพี ๔
ง ๑๕๑๐๑ การงานอาชพี ๕
ง ๑๖๑๐๑ การงานอาชพี ๖

****************

กลมุ่ สำระกำรเรยี นรภู้ ำษำตำ่ งประเทศ(องั กฤษ) จานวน ๑๒๐ ชวั่ โมง
รำยวิชำพ้ืนฐำน จานวน ๑๒๐ ชวั่ โมง
จานวน ๑๒๐ ชวั่ โมง
อ ๑๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๑ จานวน ๘๐ ชัว่ โมง
อ ๑๒๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๒ จานวน ๘๐ ช่ัวโมง
อ ๑๓๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๓ จานวน ๘๐ ช่วั โมง
อ ๑๔๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๔
อ ๑๕๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๕
อ ๑๖๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๖

****************

๒๓

รำยวิชำเพมิ่ เตมิ จานวน ๘๐ ชวั่ โมง
อ ๑๑๒๐๑ สนุกกับภาษา ๑ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง
อ ๑๒๒๐๒ สนุกกบั ภาษา ๒ จานวน ๘๐ ชั่วโมง
อ ๑๓๒๐๓ สนุกกบั ภาษา ๓ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง
อ ๑๔๒๐๔ สนุกกบั ภาษา ๔ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง
อ ๑๕๒๐๕ สนกุ กบั ภาษา ๕ จานวน ๘๐ ชวั่ โมง
อ ๑๖๒๐๖ สนุกกบั ภาษา ๖

****************

รำยวชิ ำเพม่ิ เตมิ จานวน ๔๐ ชวั่ โมง
ส 11241 การป้องกนั การทุจริต 1 จานวน ๔๐ ชั่วโมง
ส 12242 การปอ้ งกันการทุจรติ 2 จานวน ๔๐ ชั่วโมง
ส 13243 การป้องกันการทจุ รติ 3 จานวน ๔๐ ชว่ั โมง
ส 14244 การป้องกันการทุจริต 4 จานวน ๔๐ ชว่ั โมง
ส 15245 การปอ้ งกนั การทุจริต 5 จานวน ๔๐ ชั่วโมง
ส 16246 การป้องกนั การทุจรติ 6

****************

๒๔

กล่มุ สำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย

คำอธิบำยรำยวชิ ำพื้นฐำน ๒๕

ท ๑๑๑๐๑ ภำษำไทย ๑ กลมุ่ สำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย
ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๑ เวลำ ๒๐๐ ชวั่ โมง

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ
ฝึกอ่านออกเสียงคา คาคล้องจอง และข้อความสั้นๆ บอกความหมายของคาและข้อความ ตอบคาถาม เล่า

เรื่องย่อ คาดคะเนเหตุการณ์ เลือกอ่านหนังสือตามความสนใจอย่างสม่าเสมอ นาเสนอเรื่องที่อ่าน บอกความหมาย
ของเครือ่ งหมายหรือสัญลักษณ์สาคัญทม่ี ักพบเหน็ ในชีวิตประจาวนั มมี ารยาทในการอ่าน ฝกึ คดั ลายมอื ดว้ ยตัวบรรจง
เต็มบรรทัด เขยี นส่ือสารด้วยคาและประโยคงา่ ยๆ มีมารยาทในการเขยี น

ฝกึ ทักษะในการฟัง ฟงั คาแนะนา คาสงั่ งา่ ยๆและปฏิบตั ติ าม ตอบคาถาม เล่าเรอื่ ง พูดแสดงความคิดเห็นและ
ความร้สู ึกจากเรอื่ งทีฟ่ ังและดู พูดสือ่ สารไดต้ ามวตั ถปุ ระสงค์ เนน้ มารยาทในการฟัง การดแู ละการพดู

ฝึกทักษะการเขียนพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และเลขไทย เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา
เรยี บเรยี งคาเป็นประโยคง่ายๆ ต่อคาคลอ้ งจองง่ายๆ

บอกข้อคิดท่ีได้จากการอ่านหรือการฟังวรรณกรรมร้อยแก้วและร้อยกรองสาหรับเด็ก ฝึกท่องจาบทอาขยาน
ตามท่ีกาหนดและบทร้อยกรองตามความสนใจ โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการแสวงหา
ความรู้ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคดิ การฝึกปฏิบตั ิ อธบิ าย บนั ทกึ การตัง้ คาถาม ตอบคาถาม ใช้ทักษะการฟัง
การดูและการพดู พูดแสดงความคิดเหน็ กระบวนการสร้างความคิดรวบยอด

เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สื่อสารได้ถูกต้อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณค่าของการ
อนุรักษ์ภาษาไทย และตัวเลขไทย สามารถนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชนโ์ ดยใชห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
และสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้กบั ชีวติ ประจาวนั ได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม

มำตรฐำน/ตัวชี้วดั
ท ๑.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔, ป.๑/๕, ป.๑/๖, ป.๑/๗, ป.๑/๘
ท ๒.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓
ท ๓.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔, ป.๑/๕
ท ๔.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔
ท ๕.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒

รวม ๕ มำตรฐำน ๒๒ ตัวชวี้ ดั

คำอธิบำยรำยวชิ ำพนื้ ฐำน ๒๖

ท ๑๒๑๐๑ ภำษำไทย ๒ กล่มุ สำระกำรเรยี นรูภ้ ำษำไทย
ช้ันประถมศึกษำปที ่ี ๒ เวลำ ๒๐๐ ช่วั โมง

คำอธบิ ำยรำยวิชำ
ฝึกอ่านออกเสียงคา คาคล้องจอง ข้อความ และบทร้อยกรองง่ายๆ อธิบายความหมายของคาและ

ข้อความท่ีอ่าน ตั้งคาถาม ตอบคาถาม ระบุใจความสาคัญและรายละเอียด แสดงความคิดเห็นและคาดคะเน
เหตุการณ์ เลือกอ่านหนังสือตามความสนใจอย่างสม่าเสมอและนาเสนอเรื่องท่ีอ่าน อ่านข้อเขียนเชิงอธิบาย และ
ปฏิบัตติ ามคาสัง่ หรือขอ้ แนะนา มีมารยาทในการอา่ น

ฝึกคัดลายมือด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียนเร่ืองส้ันๆ เกี่ยวกับประสบการณ์ เขียนเร่ืองส้ันๆ ตาม
จนิ ตนาการ มมี ารยาทในการเขียน

ฝึกทักษะการฟัง ฟังคาแนะนา คาสั่งที่ซับซ้อนและปฏิบัติตาม เล่าเรื่อง บอกสาระสาคัญของเร่ือง ตั้ง
คาถาม ตอบคาถาม พูดแสดงความคิดเห็น ความรสู้ ึก พูดส่อื สารได้ชดั เจนตรงตามวตั ถุประสงค์ มีมารยาทในการฟัง
การดูและการพดู

ฝึกทักษะการเขียนพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และเลขไทย เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา
เรียบเรียงคาเป็นประโยคได้ตรงตามเจตนาของการสื่อสาร บอกลักษณะคาคล้องจอง เลือกใช้ภาษาไทยมาตรฐาน
และภาษาถิน่ ได้เหมาะสมกบั กาลเทศะ

ฝกึ จับใจความสาคญั จากเร่อื ง ระบุขอ้ คิดทไ่ี ด้จากการอ่านหรือการฟังวรรณกรรมสาหรบั เด็ก เพ่อื นาไปใช้ใน
ชีวิตประจาวัน ร้องบทร้องเล่นสาหรับเด็กในท้องถ่ิน ท่องจาบทอาขยานตามท่ีกาหนดและบทร้อยกรองที่มีคุณค่า
ตามความสนใจ โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการแสวงหาความรู้ กระบวนการกลุ่ม
กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการส่ือความ กระบวนการแก้ปัญหา การฝึกปฏิบัติ อธิบาย บันทึก การต้ัง
คาถาม ตอบคาถาม ใชท้ กั ษะการฟัง การดูและการพดู พดู แสดงความคดิ เหน็ กระบวนการสรา้ งความคิดรวบยอด

เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ ส่ือสารได้ถูกต้อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณค่าของการ
อนุรักษ์ภาษาไทย และตัวเลขไทย สามารถนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
และสามารถนาไปประยุกตใ์ ช้กบั ชีวิตประจาวันไดอ้ ย่างถกู ต้องเหมาะสม

มำตรฐำน/ตัวช้ีวัด
ท ๑.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕, ป.๒/๖, ป.๒/๗, ป.๒/๘
ท ๒.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔
ท ๓.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕ ป.๒/๖, ป.๒/๗
ท ๔.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕
ท ๕.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓

รวม ๕ มำตรฐำน ๒๗ ตวั ช้ีวัด

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน ๒๗

ท ๑๓๑๐๑ ภำษำไทย ๓ กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย
ชน้ั ประถมศึกษำปที ่ี ๓ เวลำ ๒๐๐ ชว่ั โมง

คำอธิบำยรำยวิชำ
ฝกึ อ่านออกเสยี งคา ขอ้ ความ เรื่องสน้ั ๆ และบทร้อยกรองง่ายๆ อธบิ ายความหมายของคาและข้อความท่ี

อ่าน ตั้งคาถาม ตอบคาถามเชิงเหตุผล ลาดับเหตุการณ์ คาดคะเนเหตุการณ์ สรุปความรู้ ข้อคิดจากเร่ืองที่อ่าน
เพื่อนาไปใช้ในชีวิตประจาวัน เลือกอ่านหนังสือตามความสนใจอย่างสม่าเสมอและนาเสนอเรื่องที่อ่าน อ่านข้อเขียน
เชิงอธิบายและปฏิบัติตามคาสั่งหรือข้อแนะนา อธิบายความหมายของข้อมูลจากแผนภาพ แผนท่ี และแผนภูมิ
มมี ารยาทในการอา่ น

ฝึกคัดลายมือด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียนบรรยาย เขียนบันทึกประจาวัน เขียนเร่ืองตามจินตนาการ
มมี ารยาทในการเขยี น

ฝึกทักษะการฟัง การดูและการพูด เล่ารายละเอียด บอกสาระสาคัญ ต้ังคาถาม ตอบคาถาม พูดแสดง
ความคดิ เห็น ความรสู้ ึก พดู สือ่ สารได้ชดั เจนตรงตามวัตถปุ ระสงค์ มีมารยาทในการฟัง การดูและการพดู

ฝึกเขียนตามหลักการเขียน เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา ระบุชนิดหน้าที่ของคา
ใช้พจนานุกรมค้นหาความหมายของคา แต่งประโยคง่ายๆ แต่งคาคล้องจองและคาขวัญ เลือกใช้ภาษาไทยมาตรฐาน
และภาษาถ่ินไดเ้ หมาะสมกับกาลเทศะ

ระบุข้อคิดที่ได้จากการอ่านวรรณกรรม เพ่ือนาไปใช้ในชีวิตประจาวัน รู้จักเพลงพ้ืนบ้าน เพลงกล่อมเด็ก
เพ่ือปลูกฝังความช่ืนชมวัฒนธรรมท้องถ่ิน แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับวรรณคดีที่อ่าน ท่องจาบทอาขยานตามท่ี
กาหนดและบทร้อยกรองท่ีมคี ุณค่าตามความสนใจ โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการแสวงหา
ความรู้ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการสื่อความ กระบวนการแก้ปัญหา การฝึกปฏิบัติ
อธิบาย บันทึก การตั้งคาถาม ตอบคาถาม ใช้ทักษะการฟัง การดูและการพูด พูดแสดงความคิดเห็น กระบวนการ
สรา้ งความคิดรวบยอด

เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สื่อสารได้ถูกต้อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณค่าของการ
อนุรักษ์ภาษาไทย และตัวเลขไทย สามารถนาความรู้ไปใชใ้ ห้เกิดประโยชนโ์ ดยใชห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
และสามารถนาไปประยุกตใ์ ช้กับชีวติ ประจาวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

มำตรฐำน/ตัวช้ีวดั
ท ๑.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖, ป.๓/๗, ป.๓/๘, ป.๓/๙
ท ๒.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖
ท ๓.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖
ท ๔.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖
ท ๕.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔

รวม ๕ มำตรฐำน ๓๑ ตัวช้วี ัด

คำอธบิ ำยรำยวิชำพื้นฐำน ๒๘

ท ๑๔๑๐๑ ภำษำไทย ๔ กลุ่มสำระกำรเรียนร้ภู ำษำไทย
ช้นั ประถมศึกษำปีท่ี ๔ เวลำ ๑๖๐ ชั่วโมง

คำอธิบำยรำยวชิ ำ
ฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง อธิบายความหมายของคา ประโยคและสานวนจากเรื่องที่

อา่ น อ่านเร่อื งส้นั ๆ ตามเวลาทก่ี าหนดและตอบคาถามจากเร่ืองที่อ่าน แยกขอ้ เท็จจริงและขอ้ คดิ เห็นจากเรื่องที่อ่าน
คาดคะเนเหตุการณ์จากเรื่องที่อ่าน โดยระบุเหตุผลประกอบ สรุปความรู้และข้อคิดจากเร่ืองท่ีอ่าน เพ่ือนาไปใช้ใน
ชีวิตประจาวัน เลือกอ่านหนังสือที่มีคุณค่าตามความสนใจอย่างสม่าเสมอและแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับเร่ืองที่อ่าน
มีมารยาทในการอ่าน ฝึกคัดลายมอื ด้วยตวั บรรจงเต็มบรรทัดและครึ่งบรรทัด เขียนส่ือสารโดยใช้คาได้ถูกต้อง ชัดเจน
และเหมาะสม เขียนแผนภาพโครงเร่ืองและแผนภาพความคิดเพื่อใช้พัฒนางานเขียน เขียนย่อความจากเรื่องสั้นๆ
เขียนจดหมายถึงเพื่อนและมารดา เขียนบันทึกและเขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้า เขียนเร่ืองตามจินตนาการ
มมี ารยาทในการเขยี น

ฝึกทกั ษะการฟงั การดูและการพดู จาแนกข้อเท็จจรงิ และขอ้ คิดเห็นเรอ่ื งทีฟ่ ังและดู พูดสรปุ จากการฟงั และ
ดู พดู แสดงความรู้ ความคดิ เห็นและความรู้สกึ เกยี่ วกับเรื่องท่ฟี งั และดู ต้ังคาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผลจากเร่ือง
ท่ีฟงั และดู พูดรายงานเร่ืองหรือประเดน็ ทศี่ ึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดแู ละการสนทนา มีมารยาทในการฟัง การดู
และการพดู ฝกึ เขยี นตามหลักการเขยี น เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคาในบริบทตา่ ง ๆ ระบชุ นดิ และหนา้ ท่ี
ของคาในประโยค ใชพ้ จนานุกรมคน้ หาความหมายของคา แตง่ ประโยคไดถ้ ูกต้องตามหลักภาษา แต่งบทร้อยกรองและ
คาขวัญ บอกความหมายของสานวน เปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถ่ินได้

ระบุข้อคิดจากนิทานพื้นบ้านหรือนิทานคติธรรมอธิบายข้อคิดจากการอ่านเพื่อนาไปใช้ในชีวิตจริงร้องเพลง
พื้นบ้านท่องจาบทอาขยานตามที่กาหนดและบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตามความสนใจ โดยใช้กระบวนการอ่าน
กระบวนการเขียน กระบวนการแสวงหาความรู้ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์และสรุปความ
กระบวนการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ กระบวนการส่ือความ กระบวนการแกป้ ัญหา การฝึกปฏบิ ัตอิ ธิบาย บันทึก การ
ตง้ั คาถาม ตอบคาถาม ใช้ทกั ษะการฟงั การดูและการพดู พดู แสดงความคิดเหน็ กระบวนการสร้างความคิดรวบยอด

เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ ส่ือสารได้ถูกต้อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณค่าของการ
อนุรักษ์ภาษาไทยและตัวเลขไทย สามารถนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้วิธีการของเศรษฐกิจพอเพียงและ
สามารถนาไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจาวนั ได้อย่างถกู ต้องเหมาะสม

๒๙

มำตรฐำน/ตวั ช้ีวัด
ท ๑.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕, ป.๔/๖, ป.๔/๗, ป.๔/๘
ท ๒.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕, ป.๔/๖, ป.๔/๗, ป.๔/๘
ท ๓.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕, ป.๔/๖
ท ๔.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕, ป.๔/๖, ป.๔/๗
ท ๕.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔

รวม ๕ มำตรฐำน ๓๓ ตัวชี้วัด

คำอธิบำยรำยวิชำพ้นื ฐำน ๓๐

ท ๑๕๑๐๑ ภำษำไทย ๕ กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย
ชนั้ ประถมศกึ ษำปที ่ี ๕ เวลำ ๑๖๐ ชว่ั โมง

คำอธิบำยรำยวิชำ
ฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง อธิบายความหมายของคา ประโยคและข้อความท่ีเป็นการ

บรรยายและการพรรณนา อธิบายความหมายโดยนัย แยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น วิเคราะห์ แสดงความคิดเห็น
อ่านงานเขียนเชงิ อธบิ าย คาสั่ง ข้อแนะนา และปฏิบัติตาม เลือกอ่านหนังสอื ที่มีคุณค่าตามความสนใจ มีมารยาท
ในการอา่ น

ฝึกคัดลายมือด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัดและคร่ึงบรรทัด เขียนสื่อสาร เขียนแผนภาพโครงเร่ือง แผนภาพ
ความคิด เขียนย่อความ เขียนจดหมายถึงผู้ปกครองและญาติ เขียนแสดงความรู้สึกและความคิดเห็น กรอกแบบ
รายการตา่ ง ๆ เขยี นเรือ่ งตามจินตนาการ มมี ารยาทในการเขยี น

ฝึกทักษะการฟัง การดูและการพูด พูดแสดงความรู้ ความคิดเห็นและความรู้สึก ต้ังคาถาม ตอบคาถาม
วิเคราะหค์ วาม พูดรายงาน มีมารยาทในการฟัง การดแู ละการพูด

ระบุชนิดและหน้าท่ีของคาในประโยค จาแนกส่วนประกอบของประโยค เปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐาน
และภาษาถิน่ ใชค้ าราชาศัพท์ บอกคาภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย แตง่ บท
ร้อยกรอง ใช้สานวนไดถ้ ูกต้อง

สรุปเร่ืองจากวรรณคดีหรือวรรณกรรมท่ีอ่าน ระบุความรู้ ข้อคิดจากการอ่านวรรณคดีและวรรณกรรมท่ี
สามารถนาไปใช้ในชีวติ จริง อธบิ ายคณุ ค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม ทอ่ งจาบทอาขยานตามทกี่ าหนดและบทร้อย
กรองที่มีคุณค่าตามความสนใจ โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการแสวงหาความรู้
กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์และสรุปความ กระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ กระบวนการสื่อ
ความ กระบวนการแก้ปัญหา การฝึกปฏิบัติ อธิบาย บันทึก การต้ังคาถาม ตอบคาถาม ใช้ทักษะการฟัง การดู
และการพูด พดู แสดงความคิดเหน็ กระบวนการสร้างความคดิ รวบยอด

เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สื่อสารได้ถูกต้อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณค่าของการ
อนุรักษ์ภาษาไทย และตัวเลขไทย สามารถนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้วิธีการของเศรษฐกิจพอเพียงและ
สามารถนาไปประยกุ ต์ใชก้ บั ชีวิตประจาวนั ได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม

มำตรฐำน/ตวั ชี้วัด
ท ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕, ป.๕/๖, ป.๕/๗, ป.๕/๘
ท ๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕, ป.๕/๖, ป.๕/๗, ป.๕/๘, ป.๕/๙
ท ๓.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕
ท ๔.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕, ป.๕/๖, ป.๕/๗
ท ๕.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔

รวม ๕ มำตรฐำน ๓๓ ตัวชวี้ ดั

คำอธิบำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน ๓๑

ท ๑๖๑๐๑ ภำษำไทย ๖ กลมุ่ สำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย
ชัน้ ประถมศึกษำปที ่ี ๖ เวลำ ๑๖๐ ช่ัวโมง

คำอธิบำยรำยวิชำ
ฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง อธิบายความหมายของคา ประโยคและข้อความท่ีเป็น

โวหาร อ่านเร่ืองสั้น ๆอย่างหลากหลาย แยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องท่ีอ่าน วิเคราะห์และแสดงความ
คิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องท่ีอ่านเพ่ือนาไปใช้ในการดาเนินชีวิต อ่านงานเขียน เชิงอธิบาย คาส่ัง ข้อแนะนา และปฏิบัติ
ตาม อธบิ ายความหมายของข้อมูลจากการอ่านแผนผัง แผนที่ แผนภูมิและกราฟ เลอื กอา่ นหนงั สือตามความสนใจ
และอธิบายคณุ ค่าทไ่ี ด้รบั มมี ารยาทในการอา่ น

ฝึกคัดลายมือด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัดและคร่ึงบรรทัด เขียนส่ือสารโดยใช้คาได้ถูกต้อง ชัดเจน และ
เหมาะสม เขียนแผนภาพโครงเรื่องและแผนภาพความคิดเพื่อใช้พัฒนางานเขียน เขียนเรียงความ เขียนย่อความ
จากเร่ืองอ่าน เขียนจดส่วนตัว กรอกแบบรายการต่าง ๆ เขียนเร่ืองตามจินตนาการและสร้างสรรค์ มีมารยาทใน
การเขยี น

ฝึกทกั ษะการฟัง การดูและการพดู พูดแสดงความรู้ ความเข้าใจจดุ ประสงคข์ องเร่ืองที่ฟังและดู ตง้ั คาถาม
และตอบคาถามเชิงเหตุผลจากเรื่องที่ฟังและดู วิเคราะห์ความน่าเชอื่ ถือจากเร่ืองที่ฟังและดูส่ือโฆษณาอย่างมเี หตผุ ล
พูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดูและการสนทนา พูดโน้มน้าวอย่างมีเหตุผลและ
น่าเชื่อถือ มีมารยาทในการฟงั การดแู ละการพดู

ฝึกวิเคราะห์ชนิดและหน้าท่ีของคาในประโยค ใช้คาได้เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล รวบรวมและบอก
ความหมายของคาภาษาต่างประเทศที่ใช้ในภาษาไทย ระบุลักษณะของประโยค แต่งบทร้อยกรอง วิเคราะห์
เปรียบเทยี บสานวนท่ีเป็นคาพังเพยและสภุ าษิต

ฝึกแสดงความคิดเห็นจากวรรณคดีหรือวรรณกรรมที่อา่ น เลา่ นทิ านพ้ืนบา้ นท้องถนิ่ ตนเองและนทิ านพื้นบ้าน
ของท้องถ่ินอ่ืน อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่านและนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ท่องจาบท
อาขยานตามท่ีกาหนดและบทร้อย โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการแสวงหาความรู้
กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์และสรุปความ กระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ กระบวน การสื่อ
ความ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการสังเกต กระบวนกรแยกข้อเท็จจริง กระบวนการค้นคว้า กระบวนการใช้
เทคโนโลยีในการสื่อสาร กระบวนการใช้ทักษะทางภาษา การฝึกปฏิบัติ อธิบาย บันทึก การตั้งคาถาม ตอบคาถาม
ใช้ทักษะการฟัง การดแู ละการพดู พดู แสดงความคดิ เหน็ กระบวนการสร้างความคดิ รวบยอด

เพอื่ ให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สอื่ สารไดถ้ กู ต้อง รักการเรยี นภาษาไทย เหน็ คุณค่าของการอนุรักษ์
ภาษาไทย และตัวเลขไทย สามารถนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้วธิ ีการของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถ
นาไปประยกุ ตใ์ ช้กับชีวิตประจาวันได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม

๓๒

มำตรฐำน/ตวั ชี้วัด
ท ๑.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖, ป.๖/๗, ป.๖/๘, ป.๖/๙
ท ๒.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖, ป.๖/๗, ป.๖/๘, ป.๖/๙
ท ๓.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖
ท ๔.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖
ท ๕.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔

รวม ๕ มำตรฐำน ๓๔ ตัวชว้ี ดั

๓๓

กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้คณติ ศำสตร์

คำอธิบำยรำยวชิ ำพนื้ ฐำน ๓๔

ค ๑๑๑๐๑ คณิตศำสตร์ ๑ กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้คณติ ศำสตร์
ช้ันประถมศึกษำปีท่ี ๑ เวลำ ๒๐๐ ชัว่ โมง

คำอธบิ ำยรำยวิชำ
ศึกษาฝึกทกั ษะการคิดคานวณและฝึกแก้ปัญหาจานวนนบั ๑ ถึง ๑๐๐ และ ๐บอกและแสดงจานวนสิ่งต่าง ๆ

ตามจานวนท่ีกาหนด อ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย การบอกอันดับท่ีหลัก ค่าของเลขโดดในแต่ละหลัก
และเขียนแสดงจานวนในรูปกระจาย เปรียบเทียบจานวนนับไม่เกิน ๑๐๐ และ ๐ โดยใช้เคร่ืองหมาย = ≠ > <
เรียงลาดับจานวนตั้งแต่ ๓ ถึง ๕ จานวน และหาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวก การลบ
การแก้โจทย์ปัญหาการบวก การลบ ของจานวนนับไม่เกิน ๑๐๐ และ ๐ ความยาวและน้าหนัก สร้างโจทย์ปัญหา
พร้อมทั้งแสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวก การลบ ของจานวนนับไม่เกิน ๑๐๐ และ ๐ ระบุจานวนท่ี
หายไปในแบบรูปของจานวนที่เพ่ิมข้ึนหรือลดลงทีละ๑ ทีละ ๑๐ รูปที่หายไปในแบบรูปซ้าของรูปเรขาคณิตและรูป
อน่ื ๆ ที่สมาชกิ ใน แตล่ ะชุดทซ่ี า้ มี ๒ รูป วดั และเปรียบเทยี บความยาวเป็นเซนตเิ มตร เปน็ เมตร นา้ หนักเป็นกิโลกรมั
เป็นขีด และใช้หน่วยท่ีไม่ใช่หน่วยมาตรฐาน จาแนกรูปสามเหล่ียม รูปสี่เหล่ียม วงกลม วงรี ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก ทรง
กลม ทรงกระบอก และกรวย ใชข้ อ้ มลู จากแผนภมู ิรูปภาพในการหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา เมื่อกาหนดรูป ๑ รูปแทน
๑ หนว่ ย

มำตรฐำน/ตวั ชี้วดั
ค ๑.๑ ป.๑/๑ , ป.๑/๒ , ป.๑/๓ , ป.๑/๔ , ป.๑/๕
ค ๑.๒ ป.๑/๑
ค ๒.๑ ป.๑/๑ , ป.๑/๒
ค ๒.๒ ป.๑/๑
ค ๓.๑ ป.๑/๑

รวม ๕ มำตรฐำน ๑๐ ตัวช้วี ัด

คำอธิบำยรำยวิชำพน้ื ฐำน ๓๕

ค ๑๒๑๐๑ คณิตศำสตร์ ๒ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรคู้ ณิตศำสตร์
ชั้นประถมศกึ ษำปีที่ ๒ เวลำ ๒๐๐ ชัว่ โมง

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ
ศึกษา ฝกึ ทักษะการคิดคานวณและฝึกแก้ปัญหา จานวนนับ ๑ ถึง ๑,๐๐๐ และ ๐ บอกและแสดงจานวนสิ่ง

ต่าง ๆ ตามจานวนท่ีกาหนด อ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย การบอกอันดับที่หลัก ค่าของเลขโดดในแต่
ละหลัก และเขียนแสดงจานวนในรูปกระจาย เปรียบเทียบจานวนนับไม่เกิน ๑,๐๐๐ และ ๐ โดยใช้เครื่องหมาย =
≠ > < เรียงลาดบั จานวนนบั ไมเ่ กนิ ๑,๐๐๐ และ ๐ ตง้ั แต่ ๓ ถึง ๕ จานวน และหาคา่ ของตัวไม่ทราบค่าในประโยค
สัญลักษณแ์ สดงการบวก การลบ การแก้โจทย์ปญั หาการบวก การลบของจานวนนบั ไมเ่ กิน ๑,๐๐๐ และ ๐ หาค่า
ของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์แสดงการคูณของจานวน ๑ หลักกับจานวนไม่เกิน ๒ หลัก และประโยค
สัญลักษณ์แสดงการหารท่ีตัวตั้งไม่เกิน ๒ หลัก ตัวหาร ๑ หลัก โดยท่ีผลหารมี ๑ หลัก ท้ังหารลงตัวและหารไม่ลงตัว
หาผลลัพธ์การบวก ลบ คูณ หารระคนของจานวนนับไม่เกิน ๑,๐๐๐ และ ๐ แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา ๒
ขัน้ ตอนของจานวนนับไม่เกิน ๑,๐๐๐ และ ๐ แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาเก่ียวกับเวลาทมี่ หี น่วยเดีย่ วและเป็น
หน่วยเดียว วัดและเปรียบเทียบความยาวเป็นเมตรและเซนติเมตร พร้อมทั้งแสดงวิธีการหาคาตอบของโจทย์ปัญหา
การบวก การลบความยาวท่ีมีหน่วยเป็นเมตรและเซนติเมตร วัดและเปรียบเทียบน้าหนักเป็นกิโลกรัมและกรัม
กิโลกรัมและขีด พร้อมทั้งแสดงวิธีการหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวกการลบเก่ียวกับน้าหนักที่มีหน่วยเป็น
กิโลกรัมและกรัม กิโลกรัมและขีด วัดและเปรียบเทียบปริมาตรและความจุเป็นลิตร จาแนกและบอกลักษณะของรูป
หลายเหลี่ยมและวงกลม ใช้ข้อมูลจากแผนภูมิรูปภาพในการหาคาตอบของโจทย์ปัญหา เม่ือกาหนดรูป ๑ รูปแทน ๒
หนว่ ย ๕ หน่วยหรือ ๑๐ หน่วย

มำตรฐำน/ตัวชี้วัด
ค ๑.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕, ป.๒/๖, ป.๒/๗, ป.๒/๘
ค ๒.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕, ป.๒/๖
ค ๒.๒ ป.๒/๑
ค ๓.๑ ป.๒/๑
รวม ๔ มำตรฐำน ๑๖ ตวั ชวี้ ัด

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน ๓๖

ค ๑๓๑๐๑ คณิตศำสตร์ ๓ กลุ่มสำระกำรเรียนร้คู ณิตศำสตร์
ชัน้ ประถมศกึ ษำปที ่ี ๓ เวลำ ๒๐๐ ชวั่ โมง

คำอธบิ ำยรำยวิชำ
อ่านและเขียน ตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดงจานวนนับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐

เปรยี บเทยี บและเรียงลาดับจานวนนับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ จากสถานการณ์ต่าง ๆ บอก อ่านและเขียนเศษส่วน
ทแี่ สดงปรมิ าณสง่ิ ต่าง ๆ และแสดงสิ่งต่าง ๆ ตามเศษสว่ นที่กาหนด เปรยี บเทยี บเศษส่วนท่ีตัวเศษเทา่ กนั โดยท่ตี ัวเศษ
น้อยกว่าหรือเท่ากับตัวส่วน หาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวกและการลบของจานวนนับไม่
เกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ หาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์แสดงการคูณของจานวน ๑ หลักกับจานวนไม่
เกนิ ๔ หลักและจานวน ๒ หลักกับจานวน ๒ หลกั หาคา่ ของตวั ไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการหารที่ตัวตั้ง
ไม่เกนิ ๔ หลัก ตวั หาร ๑ หลกั และหาผลลพั ธก์ ารบวก ลบ คูณ หารระคนและแสดงวิธีการหาคาตอบของโจทย์ปัญหา
๒ ข้ันตอนของจานวนนับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ หาผลบวกและแสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวกของ
เศษส่วนทมี่ ตี วั สว่ นเท่ากันและผลบวกไม่เกิน ๑ และหาผลลบพร้อมทัง้ แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปัญหารการลบของ
เสษส่วนท่ีมีตัวส่วนเท่ากัน ระบุจานวนท่ีหายไปในแบบรูปของจานวนที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงทีละเท่า ๆ กัน แสดงวิธีหา
คาตอบของโจทยป์ ัญหาเก่ียวกับเงิน เวลาและระยะเวลา เลอื กใช้เครอ่ื งมือความยาวท่เี หมาะสม วัดและบอกความยาว
ของสิ่งต่าง ๆ เป็นเซนติเมตรและมิลลิเมตร เมตรและเซนติเมตร คาดคะเนความยาวเป็นเมตรและเป็นเซนติเมตร
เปรียบเทียบความยาวและแสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับระหว่างเซนติเมตรกับมิลลิเมตร เมตรกับ
เซนติเมตร กิโลเมตรกับเมตร จากสถานการณ์ต่าง ๆ เลือกใช้เคร่ืองชั่งที่เหมาะสม วัดและบอกน้าหนักเป็นกิโลกรัม
และขีด กิโลกรัมและกรัม คาดคะเนน้าหนักเป็นกิโลกรัมและเป็นขีด เปรียบเทียบน้าหนักและแสดงวิธีหาคาตอบของ
โจทยป์ ัญหาเกีย่ วกบั นา้ หนักทมี่ หี นว่ ยเปน็ กิโลกรมั กับกรัม เมตรกิ ตันกับกโิ ลกรัม จากสถานการณต์ ่าง ๆ เลือกใช้เครอ่ื ง
ตวงท่เี หมาะสม วดั และเปรยี บเทยี บปริมาตร ความจุเป็นลิตรและมิลลลิ ติ ร คาดคะเนและแสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์
ปัญหาเกี่ยวกับปริมาตรและความจุเป็นลิตรและมิลลิเมตร ระบุรูปเรขาคณิตสองมิติที่มีแกนสมมาตรและจานวนแกน
สมมาตร เขียนแผนภูมิรูปภาพและใช้ข้อมูลจากแผนภูมิรูปภาพในการหาคาตอบของโจทย์ปัญหา เขียนตารางทาง
เดยี วจากขอ้ มลู ท่เี ป็นจานวนนบั และใช้ข้อมูลจากตารางทางเดยี วในการหาคาตอบของโจทย์ปัญหา

มำตรฐำน/ตวั ช้ีวัด
ค ๑.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖, ป.๓/๗, ป.๓/๘, ป.๓/๙, ป.๓/๑๐ , ป.๓/๑๑
ค ๑.๒ ป.๓/๑
ค ๒.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖, ป.๓/๗, ป.๓/๘, ป.๓/๙, ป.๓/๑๐, ป.๓/๑๑,
ป.๓/๑๒, ป.๓/๑๓
ค ๒.๒ ป.๓/๑
ค ๓.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒
รวม ๕ มำตรฐำน ๒๘ ตัวช้วี ัด

คำอธิบำยรำยวชิ ำพนื้ ฐำน ๓๗

ค ๑๔๑๐๑ คณติ ศำสตร์ ๔ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรูค้ ณติ ศำสตร์
ช้นั ประถมศกึ ษำปีที่ ๔ เวลำ ๑๖๐ ช่ัวโมง

คำอธิบำยรำยวชิ ำ
ศึกษา ฝึกทักษะการอ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดงจานวนนับท่ีมากกว่า

๑๐๐,๐๐๐ พร้อมท้ังเปรียบเทียบและเรียงลาดับจานวนนบั ท่ีมากกว่า ๑๐๐,๐๐๐ จากสถานการณ์ต่าง ๆ บอก อ่าน
และเขียนเศษส่วน จานวนคละแสดงปริมาณสิ่งต่าง ๆ และแสดงสิ่งต่าง ๆ ตามเศษส่วน จานวนคละที่กาหนด
เปรียบเทียบ เรียงลาดับเศษส่วนและจานวนคละท่ีตัวสว่ นตัวหนึ่งเป็นพหูคูณของอีกตัวหน่ึง อ่านและเขียนทศนิยมไม่
เกิน ๓ ตาแหน่ง แสดงปริมาณของส่ิงต่าง ๆ ตามทศนิยมที่กาหนด เปรียบเทียบและเรียงลาดับทศนิยมไม่เกิน ๓
ตาแหนง่ และประมาณผลลพั ธ์ของการบวก การลบการคูณ การหาร จากสถานการณ์ต่าง ๆ อยา่ งสมเหตสุ มผล หาคา่
ของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์ แสดงการบวก การลบของจานวนนับที่มากกว่า ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ แสดงการ
คณู ของจานวนหลายหลัก ๒ จานวน ท่ีมีผลคณู ไม่เกิน ๖ หลัก และแสดงการหารทีต่ วั ตงั้ ไมเ่ กิน ๖ หลกั ตวั หารไม่เกิน
๒ หลัก หาผลลัพธ์การบวก ลบ คูณ หารระคนของจานวนนับ และ ๐ แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา ๒ ขั้นตอน
ของจานวนนบั ท่ีมากกว่า ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ สรา้ งโจทย์ปัญหา ๒ ขั้นตอนของจานวนนบั และ ๐ พร้อมทง้ั หาคาตอบ
หาคาตอบและแสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวก การลบของเศษส่วนและจานวนคละท่ีตัวส่วนตัวหนึ่งเป็น
พหูคูณของอีกตัวหน่ึง หาผลบวก ผลลบของทศนิยมไม่เกิน ๓ ตาแหน่ง และแสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการ
บวก การลบ ๒ ขัน้ ตอนของทศนยิ มไม่เกนิ ๓ ตาแหน่ง

แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาเก่ียวกับเวลา วัดและสร้างมุมโดยใช้โพรแทรกเตอร์ แสดงวิธีหาคาตอบ
ของโจทย์ปัญหาเก่ียวกับความยาวรอบรูปและพ้ืนท่ีของรูปสี่เหล่ียมมุมฉาก จาแนกชนิดของมุม บอกชื่อมุม
ส่วนประกอบของมุมและเขียนสัญลักษณ์แสดงมุม สร้างรูปสี่เหล่ียมมุมฉากเมื่อกาหนดความยาวของด้าน และใช้
ข้อมลู จากแผนภูมิแท่ง ตารางสองทางในการหาคาตอบของโจทย์ปัญหา

มำตรฐำน/ตวั ชี้วดั
ค ๑.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕, ป.๔/๖, ป.๔/๗, ป.๔/๘, ป.๔/๙, ป.๔/๑๐, ป.๔/๑๑, ป.

๔/๑๒, ป.๔/๑๓, ป.๔/๑๔, ป.๔/๑๕, ป.๔/๑๖
ค ๒.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓
ค ๒.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒
ค ๓.๑ ป.๔/๑
รวม ๔ มำตรฐำนรวม ๒๒ ตวั ชีว้ ัด

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพ้ืนฐำน ๓๘

ค ๑๕๑๐๑ คณิตศำสตร์ ๕ กลุ่มสำระกำรเรียนร้คู ณติ ศำสตร์
ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๕ เวลำ ๑๖๐ ชัว่ โมง

คำอธิบำยรำยวชิ ำ
เขียนเศษสว่ นที่มตี วั ส่วนเปน็ ตวั ประกอบของ ๑๐ หรอื ๑๐๐ หรอื ๑,๐๐๐ ในรูปทศนยิ ม แสดงวธิ หี าคาตอบ

ของโจทย์ปัญหาโดยใช้บัญญัติไตรยางศ์ หาผลบวก ผลลบ ผลคูณ ผลหารของเศษส่วนและจานวนคละ แสดงวิธีหา
คาตอบของโจทย์ปัญหาการบวก การลบ การคูณ การหารเศษส่วน ๒ ข้ันตอน หาผลคูณของทศนิยม ที่ผลคูณเป็น
ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตาแหนง่ หาผลหารท่ตี ัวตงั้ เป็นจานวนนับหรือทศนิยมไม่เกนิ ๓ ตาแหน่ง และตัวหารเป็นจานวนนับ
ผลหารเป็นทศนิยมไม่เกิน ๓ ตาแหน่ง แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม
๒ ข้ันตอน และแสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ญั หารอ้ ยละไม่เกิน ๒ ข้นั ตอน

แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาเก่ียวกับความยาว น้าหนัก ที่มีการเปล่ียนหน่วยและเขียนในรูปทศนิยม
แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาเก่ียวกับปริมาตรของทรงส่ีเหลี่ยมมุมฉากและความจุของภาชนะทรงส่ีเหล่ียมมุม
ฉาก ความยาวรอบรูปของรูปสเ่ี หล่ยี มและพื้นที่ของรูปส่ีเหลย่ี มด้านขนานและรูปสเ่ี หลี่ยมขนมเปียกปนู สร้างเส้นตรง
หรือส่วนของเส้นตรงให้ขนานกับเส้นตรงหรือสว่ นของเส้นตรงท่ีกาหนดให้ จาแนกรูปสี่เหล่ียมโดยพิจารณาจากสมบตั ิ
ของรูป สร้างรปู ส่เี หล่ียมชนดิ ต่าง ๆ เมอื่ กาหนดความยาวของดา้ นและขนาดของมุมหรอื เมื่อกาหนดความยาวของเส้น
ทแยงมุม และบอกลักษณะของปริซึม

ใช้ข้อมูลจากกราฟเส้นในการหาคาตอบของโจทยป์ ัญหา และเขียนแผนภูมแิ ทง่ จากข้อมูลทเ่ี ปน็ จานวนนบั

มำตรฐำน/ตวั ชี้วดั
ค ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔ , ป.๕/๕, ป.๕/๖, ป.๕/๗, ป.๕/๘, ป.๕/๙
ค ๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔
ค ๒.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔
ค ๓.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒
รวม ๔ มำตรฐำนรวม ๑๙ ตวั ชว้ี ัด

คำอธิบำยรำยวิชำพื้นฐำน ๓๙

ค ๑๖๑๐๑ คณิตศำสตร์ ๖ กล่มุ สำระกำรเรยี นร้คู ณติ ศำสตร์
ชน้ั ประถมศึกษำปที ่ี ๖ เวลำ ๑๖๐ ช่วั โมง

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ
เปรียบเทียบ เรียงลาดับ เศษส่วนและจานวนคละจากสถานการณ์ต่าง ๆ เขียนอัตราส่วนแสดงการเปรยี บเทียบ

ปริมาณ ๒ ปริมาณจากข้อความหรือสถานการณ์ โดยท่ีปริมาณแต่ละปริมาณเป็นจานวนนับ หาอัตราส่วนที่เท่ากับ
อตั ราส่วนทกี่ าหนดให้ หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของจานวนนบั ไมเ่ กนิ ๓ จานวน แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาโดย
ใช้ความรู้เกี่ยวกับ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. หาผลลัพธ์ของการบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจานวนคละ แสดง
วิธหี าคาตอบของโจทยป์ ัญหาเศษสว่ นและจานวนคละ ๒ – ๓ ขน้ั ตอน หาผลหารของทศนยิ มที่ตวั หารและผลหารเป็น
ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตาแหน่ง แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม ๓ ข้ันตอน
แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาอัตราส่วน ปัญหาร้อยละ ๒ – ๓ ข้ันตอน แสดงวิธีคิดและหาคาตอบของปัญหา
เก่ียวกบั แบบรูป

แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปัญหาเก่ียวกับปริมาตรของรปู เรขาคณิตสามมิติทป่ี ระกอบดว้ ยทรงสี่เหลย่ี มมมุ ฉาก
และแสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาเกี่ยวกับความยาวรอบรูปและพ้ืนท่ีของรูปหลายเหล่ียม ความยาวรอบรูปและ
พื้นท่ีของวงกลม จาแนกรูปสามเหล่ียมโดยพิจารณาจากสมบัติของรูป สร้างรูปสามเหลี่ยมเมื่อกาหนดความยาวของ
ด้านและขนาดของมุม บอกลักษณะของรูปเรขาคณิตสามมิติชนิดต่าง ๆ ระบุรูปเรขาคณิตสามมิติที่ประกอบจากรูป
คล่ีและระบรุ ูปคลข่ี องรปู เรขาคณติ สามมิติ

ใชข้ ้อมูลจากแผนภูมริ ูปวงกลมในการหาคาตอบของโจทยป์ ัญหา

มำตรฐำน/ตัวชี้วัด
ค ๑.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖, ป.๖/๗, ป.๖/๘, ป.๖/๙, ป.๖/๑๐, ป.๖/๑๑
ค ๑.๒ ป.๖/๑
ค ๒.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓
ค ๒.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔
ค ๓.๑ ป.๖/๑
รวม ๕ มำตรฐำน รวม ๒๐ ตวั ช้ีวัด

๔๐

กล่มุ สำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๔๑

คำอธบิ ำยรำยวิชำพน้ื ฐำน

ว๑๑๑๐๑ วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ๑ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี

ชั้นประถมศึกษำปที ่ี ๑ เวลำ ๘๐ ชวั่ โมง

คำอธิบำยรำยวชิ ำ
ระบุช่ือพืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่บริเวณต่างๆท่ีได้จากการสารวจบอกสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในบริเวณท่พี ชื

และสัตว์อาศัยอยู่ในบริเวณท่ีสารวจบรรยายลักษณะและบอกหน้าท่ีส่วนต่างๆของร่างกายมนุษย์ สัตว์และพืชรวมท้ัง
บรรยายการ ทาหน้ าที่ร่ว มกันของส่ วน ต่างๆของร่างกาย มนุ ษย์ ใน กา ร ทากิจ กร รมต่างๆจ ากข้อมูล ท่ีร วบร ว ม ไ ด้
ตระหนกั ถึงความสาคัญของส่วนต่างๆของร่างกายของตนเองและการดูแลสว่ นต่างๆอยา่ งถูกต้องและปลอดภยั อธิบาย
สมบัติท่ีสังเกตได้ของวัสดุที่ทาจากวัสดุชนิดเดียวหรือหลายชนิดประกอบกันโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ระบุชนิด
ของวัสดุและจัดกลุ่มวัสดุตามสมบัติท่ีสังเกตได้ บรรยายการเกิดเสียงและทิศทางการเคล่ือนท่ีของเสียงจากหลักฐาน
เชิงประจักษ์ ระบุดาวที่ปรากฏบนท้องฟ้าในเวลากลางวันและกลางคืนจากข้อมูลที่รวบรวมได้ อธิบายสาเหตุที่มอง
ไม่เห็นดวงดาวส่วนใหญ่ในเวลากลางวันจากหลักฐานเชิงประจักษ์ อธิบายลักษณะภายนอกของหินจากลักษณะ
เฉพาะตัวท่ีสงั เกตได้

ศึกษาและฝกทกั ษะในการแกปญหาโดยใชข้ันตอนการแกปญหาอยางงาย การแสดงข้ันตอนการแกปญหาโดย
การเขียน บอกเลา วาดภาพ หรือใชสัญลักษณ การเขียนโปรแกรมอยางงายโดยใชซอฟตแวรหรือส่ือการใชงาน
อุปกรณเทคโนโลยีเบ้ืองตน การใชงานซอฟตแวรเบื้องตนการสราง จัดเก็บ และเรียกใชไฟลตามวัตถุประสงคการใช
เทคโนโลยีสารสนเทศอย างปลอดภัยข อปฏิบัติในการใช งานและการดูแลรักษาอุปกรณ การใช งานเทคโนโลยี
สารสนเทศอยางเหมาะสม

มำตรฐำน/ตัวชี้วัด
ว ๑.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒
ว ๑.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒
ว ๒.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒
ว ๒.๓ ป.๑/๑
ว ๓.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒
ว ๓.๒ ป.๑/๑
ว ๔.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔, ป.๑/๕
ว ๘.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔, ป.๑/๕

รวม ๘ มำตรฐำน ๒๐ ตวั ชวี้ ัด

๔๒

คำอธบิ ำยรำยวิชำพ้ืนฐำน

ว๑๒๑๐๑ วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ๒ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี

ชัน้ ประถมศึกษำปที ่ี ๒ เวลำ ๘๐ ชัว่ โมง

คำอธิบำยรำยวชิ ำ
ระบุว่าพืชต้องการแสงและน้าเพ่ือการเจริญเติบโตโดยใช้ข้อมูลจากหลักฐานเชิงประจักษ์ตระหนักถึงความ

จาเป็นที่พืชต้องการได้รับน้าและแสงเพ่ือการเจริญเติบโตโดยดูแลพืชให้ได้รับส่ิงดังกล่าวอย่างเหมาะสม สร้าง
แบบจาลองที่บรรยายวัฏจักรชีวิตของพืชดอก เปรียบเทียบลักษณะสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตจากข้อมูลท่ีรวบรวมได้
เปรียบเทียบสมบัติการดดู ซับน้าของวสั ดไุ ปประยุกต์ใช้ในการทาวสั ดุในชีวติ ประจาวนั อธิบายสมบัติที่นาวัสดุมาผสม
กันโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์การนามาทาเป็นวัสดุในการใช้งานการนากลับมาใช้ใหม่ตระหนักถึงประโยชน์ของการ
นาวัสดุท่ีใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ บรรยายแนวทางการเคล่ือนที่ของแสงจากแหล่งกาเนิดแสงและอธิบายการมองเห็น
วัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ตระหนักในการเห็นคุณค่าของความรู้ของการมองเห็นโดยเสนอแนะแนวทางการ
ป้องกันอันตรายจากการมองเห็นวัตถุในท่ีมีแสงสว่างไม่เหมาะสม ระบุส่วนประกอบของดินและจาแนกชนิดของดิน
โดยใชล้ ักษณะเน้ือดนิ และการจบั ตวั เป็นเกณฑ์ อธบิ ายการใช้ประโยชน์จากดนิ จากข้อมูลทรี่ วบรวมได้

ศกึ ษาและฝกทกั ษะในการแกปญหาโดยใชขนั้ ตอนการแกปญหาอยางงาย การแสดงข้ันตอนการแกปญหาโดย
การเขียน บอกเลา วาดภาพ หรือใชสัญลักษณ การเขียนโปรแกรมอยางงายโดยใชซอฟตแวรหรือสื่อการใชงานอุป
กรณเทคโนโลยีเบื้องตน การใชงานซอฟตแวรเบ้ืองตนการสราง จัดเก็บ และเรียกใชไฟลตามวัตถุประสงค การใช
เทคโนโลยีสารสนเทศอย างปลอดภัยข อปฏิบัติในการใช งานและการดูแลรักษาอุปกรณ การใช งานเทคโนโลยี
สารสนเทศอยางเหมาะสม

มำตรฐำน/ตวั ชี้วดั
ว ๑.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓
ว ๑.๓ ป.๒/๑
ว ๒.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔
ว ๒.๓ ป.๒/๑, ป.๒/๒
ว ๓.๒ ป.๒/๑, ป.๒/๒
ว ๔.๒ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕
ว ๘.๒ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔

รวม ๗ มำตรฐำน ๒๑ ตัวชี้วัด

๔๓

คำอธิบำยรำยวิชำพ้ืนฐำน

ว๑๓๑๐๑ วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี ๓ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี

ช้นั ประถมศกึ ษำปีที่ ๓ เวลำ ๔๐ ช่ัวโมง

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ
บรรยายส่ิงท่จี าเปน็ ต่อการดารงชวี ิตและการเจริญเติบโตโดยใช้ข้อมลู จากที่รวบรวมได้ ตระหนักถึงประโยชน์

ของอาหาร น้าและอากาศโดยการดูแลตนเองและสัตว์ให้ได้รับส่ิงเหล่าน้ีอย่างเหมาะสม สร้างแบบจาลองที่
บรรยายวฏั จักรชีวติ ของสตั ว์และเปรียบเทียบวฏั จักรชีวิตของสัตวบ์ างชนิดคุณค่าของชีวิตสตั วโ์ ดยไม่ทาให้วัฏจกั รชีวิต
ของสัตว์เปลี่ยนแปลง อธิบายว่าวัตถุประกอบกันเป็นวัตถุชิ้นใหม่ได้โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ อธิบายการ
เปลี่ยนแปลงของวัสดุเม่ือทาให้ร้อนขึ้นหรือทาให้เย็นลงโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ระบุผลของแรงเปล่ียนแ ปลงการ
เคลื่อนท่ีของวัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ เปรียบเทียบและยกตัวอย่างแรงสัมผัสและแรงสัมผัสที่มีผลต่อการ
เคล่ือนท่ีการจาแนกวัตถุโดยใช้การดึงดูดกับแม่เหล็กเป็นเกณฑ์ระบุข้ัวแม่เหล็กและพยากรณ์ผลท่ีเกิดขึ้นระหว่าง
ข้ัวแม่เหล็กเม่ือนามาเข้าใกล้กันจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ยกตัวอย่างการเปล่ียนพลังงานหน่ึงไปเป็นอีกพลังงานหนงึ่
การทางานของเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้าและระบุแหล่งพลังงานในการผลิตไฟฟ้าประโยชน์ของไฟฟ้าโดยการนาเสนอ
วิธกี ารใช้อย่างประหยัดและปลอดภยั

อธิบายแบบรปู เสน้ ทางการข้นึ ละตกของดวงอาทติ ยก์ ารเกดิ กลางวันกลางคนื และการกาหนดทิศโดยใช้
แบบจาลองตระหนักถงึ ความสาคญั ของดวงอาทติ ยป์ ระโยชนข์ องดวงอาทิตย์ตอ่ สิ่งมชี วี ิต

ศึกษาและฝกทกั ษะในการแกปญหาโดยใชขน้ั ตอนการแกปญหาอยางงาย การแสดงขน้ั ตอนการแกปญหาโดย
การเขยี น บอกเลา วาดภาพ หรือใชสัญลักษณ การเขียนโปรแกรมอยางงายโดยใชซอฟตแวรหรือสอ่ื การใชงานอปุ
กรณเทคโนโลยเี บ้ืองตน การใชงานซอฟตแวรเบอ้ื งตนการสราง จดั เก็บ และเรียกใชไฟลตามวตั ถปุ ระสงค การใช
เทคโนโลยีสารสนเทศอยางปลอดภัยขอปฏบิ ัติในการใชงานและการดูแลรกั ษาอุปกรณการใชงานเทคโนโลยี
สารสนเทศอยางเหมาะสม

รหัสตวั ช้ีวดั
ว ๑.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔
ว ๒.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒
ว ๒.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔
ว ๒.๓ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓
ว ๓.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓
ว ๓.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔
ว ๔.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕
ว ๘.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕
รวม ๘ มำตรฐำน ๓๐ ตัวช้ีวัด

๔๔

คำอธิบำยรำยวชิ ำพน้ื ฐำน

ว๑๔๑๐๑ วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี ๔ กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี

ชน้ั ประถมศกึ ษำปีที่ ๔ เวลำ ๑๒๐ ช่ัวโมง

คำอธิบำยรำยวิชำ
บรรยายหนา้ ท่ีของราก ลาตน้ ใบและดอกของพืชดอกโดยใช้ข้อมลู ที่รวบรวมได้ จาแนกสิ่งมชี ีวิตโดยใช้ความ

เหมือนและความแตกต่างของลักษณะของสิ่งมีชีวิต ออกเป็นกลุ่มพืช กลุ่มสัตว์และกลุ่มท่ีไม่ใช่พืชและสัตว์ จาแนก
พืชออกเป็นพืชดอกและพืชไม่มีดอกโดยใช้การมีดอกเกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลท่ีรวบรวมได้ จาแนกสัตว์ออกเป็นสัตว์มี
กระดกู สันหลังและสตั ว์ไม่มกี ระดกู สนั หลัง โดยใช้การมกี ระดกู สนั หลงั เปน็ เกณฑ์ โดยใชข้ อ้ มลู ที่รวบรวมได้ บรรยาย
ลักษณะเฉพาะท่ีสังเกตได้ของสตั ว์มีกระดูกสนั หลังในกลุม่ ปลา กลุ่มสัตว์สะเทน้าสะเทินบก กลุ่มสัตว์เล้ือยคลาน กลุ่ม
นก และกลุ่มสัตว์เลียงลูกด้วยนม และตัวอย่างสิ่งมีชีวิตในแต่ละกลุ่ม เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพ ด้านความแข็ง
สภาพยืดหยุ่น การนาความร้อนและการนาไฟฟ้าของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลองและระบุการนา
สมบัติเรื่องความแข็งสภาพยืดหยุ่นการนาความร้อนและการนาไฟฟ้าของวัสดุไปใช้ในชวี ิตประจาวันผ่านกระบวนการ
ออกแบบช้ินงาน แลกเปลี่ยนความคิดกับผอู้ ื่นโดยการอภิปรายเก่ียวกับสมบัติทางกายภาพของวัสดุอยา่ งมีเหตุผลจาก
การทดลอง เปรยี บเทยี บสมบตั ิของสสารทัง้ ๓ สถานะ จากขอ้ มูลท่ีได้จากการสงั เกตมวล การตอ้ งการท่ีอยู่รปู ร่างและ
ปริมาตรของสสาร ใช้เครื่องมือเพื่อวัดมวล และปริมาตรของสสารท้ัง ๓ สถานะ ระบุผลของแรงโน้มถ่วงที่มีต่อวัตถุ
จากหลักฐานเชิงประจักษ์ ใช้เครื่องช่ังสปริงในการวัดน้าหนักของวัตถุ บรรยายมวลของวัตถุที่มีผลต่อการ
เปลี่ยนแปลงการเคล่ือนท่ีของวัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ จาแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสงและ
วัตถุทึบแสงโดยใช้ลักษณะการมองเห็นส่ิงต่างๆผ่านวัตถุน้ันเป็นเกณฑ์จากหลักฐานเชิงประจักษ์ อธิบายแบบรูป
เส้นทางการข้ึนและตกของดวงจันทร์ โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ สร้างแบบจาลองท่ีอธิบายแบบรูปการเปลี่ยนแปลง
รูปรา่ งปรากฏของดวงจันทร์และพยากรณ์รูปรา่ งของดวงจันทร์ สร้างแบบจาลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุริยะ
และอธิบายเปรยี บเทียบคาบการโคจรของดาวเคราะห์ตา่ งๆจากแบบจาลอง

ศกึ ษาและฝกทักษะเก่ียวกบั การใชเหตุผลเชิงตรรกะในการแกปญหา การอธบิ ายการทางานหรือการคาดการ
ผลลัพธจากปญหาอยางงาย การออกแบบและเขียนโปรแกรมอยางงาย การตรวจหาขอผิดพลาดในโปรแกรม การค
นหาขอมูลในอินเทอรเน็ตและการใชคาคน การประเมินความนาเชื่อถือของขอมูล การรวบรวมขอมูล การประมวล
ผลอยางงาย การวิเคราะหผลและสรางทางเลือกการนาเสนอขอมูล การสื่อสารอยางมีมารยาทและรูกาลเทศะ การ
ปกปองขอมูลสวนตวั

๔๕

มำตรฐำน/ตัวช้ีวัด
ว ๑.๒ ป.๔/๑
ว ๑.๓ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔
ว ๒.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔
ว ๒.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓
ว ๒.๓ ป.๔/๑
ว ๓.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓
ว ๔.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕
ว ๘.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕
รวม ๘ มำตรฐำน ๒๖ ตัวชว้ี ดั

๔๖

คำอธิบำยรำยวิชำพน้ื ฐำน

ว๑๕๑๐๑ วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี ๕ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี

ช้ันประถมศกึ ษำปีท่ี ๕ เวลำ ๑๒๐ ชั่วโมง

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ
บรรยายโครงสร้างและลกั ษณะของสง่ิ มชี ีวติ ที่เหมาะสมกบั การดารงชีวิตซงึ่ เปน็ ผลมาจากการปรับตัวของสงิ่ มชี ีวิตใน

แต่ละแหล่งท่ีอยู่ อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตและความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับส่ิงไม่มีชีวิตเพื่อ
ประโยชน์ต่อการดารงชีวิต เขียนโซ่อาหารและระบุบทบาทหน้าที่ของส่ิงสิ่งมีชีวิตท่ีเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคในโซ่อาหาร
ตระหนักในคณุ คา่ ของส่ิงแวดลอ้ มทมี่ ตี อ่ การดารงชีวติ ของสงิ่ มีชีวติ โดยมสี ่วนร่วมในการดูแลรักษาส่งิ แวดล้อม อธบิ ายลกั ษณะ
ทางพันธุกรรมท่ีมีการถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูกของ พืช สัตว์ และ มนุษย์ แสดงความอยากรู้อยากเห็นโดยการถามคาถาม
เก่ียวกับลักษณะที่คล้ายคลึงกันของตนเองกับพ่อแม่ อธิบายการเปลี่ยนสถานะของสสารเม่ือทาให้สสารร้อนขึ้นหรือเย็นลง
โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจักษ์ อธิบายการละลายของสารในน้า โดยใช้หลักฐานเชิงประจกั ษ์ วิเคราะห์การเปลย่ี นแปลงของสาร
เมื่อเกิดการเปล่ียนแปลงทางเคมี โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ วิเคราะห์และระบุการเปล่ียนแปลงท่ีผันกลับได้และการ
เปล่ียนแปลงท่ีผนั กลับไม่ได้ อธิบายวิธีการหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกันท่กี ระทาต่อวัตถุในกรณีทว่ี ัตถุอยูน่ ิ่ง
จากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ เขยี นแผนภาพแสดงแรงทก่ี ระทาต่อวัตถทุ อี่ ยู่ในแนวเดยี วกันและแรงลัพธ์ทกี่ ระทาตอ่ วัตถุ ใช้เครื่อง
ชงั่ สปรงิ ในการวดั แรงทก่ี ระทาตอ่ วตั ถุ ระบผุ ลของแรงเสยี ดทานทม่ี ตี ่อการเปลย่ี นแปลงการเคล่ือนทข่ี องวัตถจุ ากหลักฐานเชิง
ประจักษ์ เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงที่อยู่ในแนวเดียวกันทก่ี ระทาต่อวัตถุ อธิบายการได้ยินเสยี งผ่านตัวกลาง
จากหลักฐานเชิงประจักษ์ ระบุตัวแปรทดลองและอธิบายลักษณะและการเกิดเสียงสูง เสียงต่า ออกแบบการทดลองและ
อธิบายลกั ษณะและการเกิดเสียงดัง เสียงค่อย วัดระดับเสียงโดยใช้เครื่องมือวัดระดับเสียง ตระหนักในคุณคา่ ของความรู้เรอ่ื ง
ระดบั เสยี งโดยเสนอแนะแนวทางในการหลกี เล่ียงและลดมลพิษทางเสียง เปรยี บเทียบความแตกตา่ งของดาวเคราะห์และดาว
ฤกษ์จากแบบจาลอง ใช้แผนที่ดาวระบุตาแหน่งและเส้นทางการขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์บนท้องฟ้าและอธิบายแบบรูป
เสน้ ทางการข้ึนและตกของกลุ่มดาวฤกษบ์ นท้องฟ้าในรอบปี เปรียบเทียบปริมาณน้าในแตล่ ะแหล่งและระบุปรมิ าณนา้ ทมี่ นษุ ย์
สามารถนามาใช้ประโยชน์ได้จากข้อมูลท่ีรวบรวมได้ ตระหนักถึงคุณค่าของน้าโดยนาเสนอแนวทางการใช้น้าอย่างประหยัด
และการอนุรักษ์น้า สร้างแบบจาลองที่อธิบายการหมุนเวียนของน้าในวัฏจักรน้า เปรียบเทียบกระบวนการเกิดเมฆ หมอก
น้าคา้ ง และน้าคา้ งแข็ง จากแบบจาลอง เปรยี บเทยี บกระบวนการเกิด ฝน หมิ ะ และลูกเหบ็ จากข้อมูลทีร่ วบรวมได้

ศกึ ษาและฝกทักษะเกี่ยวกับการใชเหตุผลเชงิ ตรรกะในการแกปญหา การอธิบายการทางานหรือการคาดการผลลัพธ
จากปญหาอยางงาย การออกแบบและเขียนโปรแกรมอยางงาย การตรวจหาขอผิดพลาดในโปรแกรมการคนหา ขอมูลใน
อินเทอรเน็ตและการใชคาคน การประเมินความนาเชื่อถือของขอมูล การรวบรวมขอมูล การประมวลผลอยาง งาย การวิ
เคราะหผลและสรางทางเลอื กการนาเสนอขอมลู การส่อื สารอยางมีมารยาทและรกู าลเทศะการปกปองขอมลู สวนตัว

๔๗

มำตรฐำน/ตวั ช้ีวดั
ว ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔
ว ๑.๓ ป.๕/๑, ป.๕/๒
ว ๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔
ว ๒.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕
ว ๒.๓ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕
ว ๓.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒
ว ๓.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕
ว ๔.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕
ว ๘.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕

รวม ๙ มำตรฐำน ๓๗ ตัวชี้วัด

๔๘

คำอธบิ ำยรำยวิชำพ้นื ฐำน

ว๑๖๑๐๑ วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี ๖ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

ช้นั ประถมศกึ ษำปที ่ี ๖ เวลำ ๑๒๐ ชั่วโมง

คำอธิบำยรำยวิชำ
ระบุสารอาหารและบอกประโยชนข์ องสารอาหารแต่ละประเภทจากอาหารท่ตี นเองรับประทานบอกแนวทางในการ

เลือกรับประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนที่เหมาะสมกับเพศและวัย รวมทั้งความปลอดภัยต่อสุขภาพ
ตระหนักถึงความสาคัญของสารอาหาร โดยการเลือกรับประทานอาหารท่ีมีสารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนท่ีเหมาะสมกับเพศ
และวัย รวมท้ังความปลอดภัยต่อสุขภาพ สร้างแบบจาลองระบบย่อยอาหารและบรรยายหน้าท่ีของอวัยวะในระบบย่อย
อาหาร รวมทัง้ อธิบายการยอ่ ยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร ตระหนักถงึ ความสาคญั ของระบบย่อยอาหาร โดยการบอก
แนวทางในการดแู ลรักษาอวัยวะในระบบยอ่ ยอาหารให้ทางานเป็นปกติ อธบิ ายและเปรยี บเทยี บการแยกสารผสมโดยการหยบิ
ออก การร่อน การใช้แม่เหล็กดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอน โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ รวมท้ังระบุวิธี
แก้ปัญหาในชีวิตประจาวันเก่ียวกับการแยกสาร อธิบายการเกิดและผลของแรงไฟฟ้าซ่ึงเกิดจากวัตถุท่ีผ่านการขัดถูโดยใช้
หลักฐานเชิงประจักษ์ ระบุส่วนประกอบและบรรยายหน้าท่ีของแต่ละส่วนประกอบของวงจรไฟฟา้ อย่างงา่ ยจากหลักฐานเชงิ
ประจักษ์ เขียนแผนภาพและตอ่ วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย ออกแบบการทดลองดว้ ยวิธีทีเ่ หมาะสมในการอธบิ ายวิธกี ารและผลของ
การตอ่ เซลลไ์ ฟฟ้าแบบอนกุ รม ตระหนกั ถึงประโยชนข์ องความรู้ของการต่อเซลล์ไฟฟา้ แบบอนกุ รมโดยบอกประโยชน์และการ
ประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวธิ ที ่ีเหมาะสมในการอธบิ ายการต่อหลอดไฟฟา้ แบบอนุกรม
และแบบขนาน ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการต่อไฟฟ้าแบบอนุกรม แบบขนาน อธิบายการเกิดเงามืดเงามัวจาก
หลักฐานเชิงประจักษ์ เขียนแผนภาพรังสีของแสงแสดงการเกิดเงามืดเงามัว สร้างแบบจาลองท่ีอธิบายการเกิดและ
เปรียบเทียบปรากฏการณ์สุริยุปราคาและจันทรุปราคา อธิบายพัฒนาการของเทคโนโลยีอวกาศ และการใช้ประโยชน์ใน
ชีวิตประจาวันจากข้อมูลที่รวบรวมได้ เปรียบเทียบกระบวนการเกิดหินอัคนี หินตะกอน และหินแปร สร้างแบบจาลองท่ี
อธบิ ายการเกดิ ซากดึกดาบรรพ์และคาดคะเนสภาพแวดลอ้ มในอดตี ของซากดกึ ดาบรรพ์ การเกดิ ลมบก ลมทะเล มรสมุ รวมทงั้
อธิบายผลท่ีมีต่อส่ิงมีชีวิตและส่ิงแวดล้อมจากแบบจาลอง อธิบายผลของมรสุมต่อการเกิดฤดูของประเทศไทย จากข้อมูลที่
รวบรวม บรรยายลกั ษณะและผลกระทบของนา้ ทว่ ม การกัดเซาะชายฝ่งั ดนิ ถล่ม แผน่ ดนิ ไหว ตระหนักถึงผลกระทบของภัย
ธรรมชาติและธรณีพิบัติภัย โดยนาเสนอแนวทางในการเฝา้ ระวังและปฏบิ ัติตนให้ปลอดภัยจากภัยธรรมชาตแิ ละธรณีพิบตั ิภัย
ที่อาจเกิดในท้องถ่ิน อธิบายการเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกและผลของปรากฏการณ์เรือนกระจกต่อสิ่งมีชีวิต ตระหนักถึง
ผลกระทบองปรากฏการณ์เรือนกระจกโดยนาเสนอแนวทางการปฏบิ ัตติ นเพอ่ื ลดกจิ กรรมทก่ี อ่ ใหเ้ กิดแก็สเรือนกระจก

ศึกษาและฝกทักษะเก่ียวกับการใชเหตุผลเชิงตรรกะในการแกปญหา การอธิบายการทางานหรือการคาดการผลลัพธ
จากปญหาอยางงาย การออกแบบและเขียนโปรแกรมอยางงาย การตรวจหาขอผิดพลาดในโปรแกรมการคนหาขอมูลใน
อินเทอรเน็ตและการใชคาคน การประเมินความนาเช่ือถือของขอมูล การรวบรวมขอมูล การประมวลผลอยางงาย
การวิเคราะหผลและสรางทางเลอื กการนาเสนอขอมลู การสื่อสารอยางมมี ารยาทและรกู าลเทศะการปกปองขอมลู สวนตวั

๔๙

มำตรฐำน/ตัวช้ีวดั
ว ๑.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕
ว ๒.๑ ป.๖/๑
ว ๒.๒ ป.๖/๑
ว ๒.๓ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๕, ป.๖/๕, ป.๖/๖, ป.๖/๗, ป.๖/๘
ว ๓.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒
ว ๓.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๕, ป.๖/๕, ป.๖/๖, ป.๖/๗, ป.๖/๘, ป.๖/๙
ว ๔.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕
ว ๘.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔

รวม ๘ มำตรฐำน ๓๕ ตัวชว้ี ัด

๕๐

กลุ่มสำระกำรเรยี นร้สู ังคมศกึ ษำ
ศำสนำและวฒั นธรรม


Click to View FlipBook Version