The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Banthakham School, 2020-05-30 03:14:06

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านท่าข้าม

๑๐๑

สำระเพม่ิ เตมิ
รำยวชิ ำสนุกกับภำษำ
รำยวชิ ำภำษำองั กฤษ

อ ๑๑๒๐๑ สนุกกบั ภำษำ ๑ ๑๐๒
ช้ันประถมศึกษำปีท่ี ๑
คำอธิบำยรำยวิชำเพิ่มเติม
กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ภำษำต่ำงประเทศ
เวลำ ๘๐ ชัว่ โมง

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

ใช้คาสั่งที่ใช้ในห้องเรียน ตัวอักษร เสียงตัวอักษร สระ การสะกดคา ให้ข้อมูลเก่ียวกับตนเอง ประโยคบอก
ความต้องการเก่ียวกับตนเอง ประโยค ให้ขอ้ มลู เก่ยี วกับตนเอง คาสัง่ ทีใ่ ชใ้ นห้องเรยี น ข้อความทใ่ี ช้ในการพูดให้ข้อมูล
เก่ียวกับตนเอง และเรื่องใกล้ตัว คา ที่มีความหมายสัมพันธ์กับส่ิงต่างๆใกล้ตัว อาหาร เคร่ืองดื่ม วัฒนธรรมเจ้าของ
ภาษาแสดงกิรยิ า การขอบคุณ ขอโทษ การพดู แนะนาตนเอง การใช้ภาษาในการฟงั พูด อา่ นในสถานการณ์ท่ีเกิดข้ึน
ในห้องเรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูลและมีทักษะทางสังคม มีวิถีของระบอบ
ประชาธปิ ไตย ซือ่ สตั ย์ ใฝ่เรยี นรู้ แสดงออกถึงความเปน็ ไทย

เพื่อให้เกิดความรู้ ความเขา้ ใจ สามารถสอ่ื สารส่ิงที่เรียนรู้ และ นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ในชีวติ ประจาวัน

ผลกำรเรียนรู้
๑. ปฏบิ ัติตามคาส่ัง คาขอร้องท่ีฟัง
๒. อ่านออกเสียงตัวอักษร คา กลุ่มคา ประโยคงา่ ยๆ และ บทพูดเข้าจงั หวะง่ายๆ ถูกต้องตามหลักการอา่ น
๓. บอกความหมายของคาและกล่มุ คาท่ีฟังตรงตามความหมาย ตอบคาถามจากการฟงั หรืออ่านประโยค
บทสนทนาหรอื นิทานง่ายๆ
รวม ๓ ผลกำรเรียนรู้

อ ๑๒๒๐๒ สนุกกบั ภำษำ ๒ ๑๐๓
ชนั้ ประถมศึกษำปที ี่ ๒
คำอธบิ ำยรำยวิชำเพ่ิมเติม
กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ภำษำต่ำงประเทศ
เวลำ ๘๐ ชั่วโมง

คำอธิบำยรำยวิชำ

ใช้คาสงั่ ที่ใช้ในห้องเรยี น ตัวอักษร เสยี งตัวอักษร สระ การสะกดคา การอา่ นออกเสยี ง คา กล่มุ คา บทอ่าน
บทสนทนา ประโยค ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองคา ประโยคบทอ่าน บทสนทนา ประโยค ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง
ข้อความท่ีใช้ในการพูดให้ข้อมูลเก่ียวกับตนเอง และเร่ืองใกล้ตัว คา ท่ีมีความหมายสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆใกล้ตัว อาหาร
เครอ่ื งดื่ม วฒั นธรรมเจ้าของภาษาแสดงกิรยิ า การขอบคณุ ขอโทษ การพดู แนะนาตนเอง กิจกรรมทางภาษา การร้อง
เพลง การใช้ภาษาในการฟัง พูด อ่านในสถานการณ์ท่ีเกิดขึ้นในห้องเรียนโดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การ
สืบคน้ ข้อมูลและมีทักษะทางสังคม มวี ิถขี องระบอบประชาธิปไตย ซื่อสตั ย์ ใฝเ่ รยี นรู้ แสดงออกถึงความเปน็ ไทย

เพ่อื ใหเ้ กดิ ความรู้ ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งท่เี รยี นรู้ และ นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ในชวี ติ ประจาวนั

ผลกำรเรียนรู้
๑. ปฏิบัตติ ามคาสง่ั คาขอรอ้ งทฟ่ี งั
๒. อ่านออกเสยี งตัวอักษร คา กลุม่ คา ประโยคง่ายๆ และ บทพูดเขา้ จังหวะง่ายๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน
๓. บอกความหมายของคาและกลุ่มคาที่ฟังตรงตามความหมาย ตอบคาถามจากการฟังหรืออ่านประโยค

บทสนทนาหรือนทิ านงา่ ยๆ
๔. พดู โต้ตอบด้วยคาสน้ั ๆ งา่ ยๆ ในการสือ่ สารระหว่างบคุ คลตามแบบท่ฟี ัง ใช้คาสง่ั และคาขอรอ้ งง่ายๆ

บอกความต้องการง่ายๆ ของตนเอง พูดขอและให้ข้อมูลเก่ยี วกับตนเองและเพื่อน บอกความรู้สึกของ
ตนเองเก่ยี วกบั สงิ่ ต่างๆ ใกล้ตัวหรอื กิจกรรมต่างๆ ตามแบบทีฟ่ ัง
๕. พูดใหข้ ้อมลู เก่ยี วกบั ตนเองและเร่ืองใกล้ตวั จัดหมวดหมู่คาตามประเภทของบุคคล สตั ว์ และสิง่ ของ
ตามที่ฟังหรืออ่าน
๖. พดู และทาท่าประกอบ ตามมารยาทสงั คม/วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา บอกชื่อและคาศัพท์งา่ ยๆ
เกี่ยวกบั เทศกาล/วันสาคัญ/งานฉลอง และชีวติ ความเป็นอยู่ของเจา้ ของภาษา เข้ารว่ มกิจกรรมทาง
ภาษาและวฒั นธรรมท่เี หมาะกับวยั
รวมท้ังหมด ๖ ผลกำรเรยี นรู้

อ ๑๓๒๐๓ สนกุ กับภำษำ ๓ ๑๐๔
ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ่ี ๓
คำอธบิ ำยรำยวชิ ำเพิ่มเติม
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ
เวลำ ๘๐ ช่วั โมง

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

ใชค้ าสง่ั ที่ใช้ในห้องเรียน ตวั อกั ษร เสียงตวั อักษร สระ การสะกดคา การอ่านออกเสยี ง คา กลุ่มคา บทอ่าน
พดู เขา้ จงั หวะ บทสนทนา ประโยค ใหข้ ้อมูลเกี่ยวกบั ตนเองคา เลือกระบภุ าพ ตรงความหมาย บทสนทนา ใหข้ ้อมูล
เก่ยี วกับตนเอง ประโยคบอกความต้องการเกย่ี วกับตนเองคา คาสัง่ ท่ีใช้ในห้องเรียน ขอ้ ความท่ใี ช้ในการพูดให้ข้อมูล
ความรู้สึกเกี่ยวกับตนเอง และเรื่องใกล้ตัว วัฒนธรรมเจ้าของภาษาแสดงกิริยา การขอบคุณ ขอโทษ การพูดแนะนา
ตนเอง การใช้ภาษาในการฟงั พูด อา่ นในสถานการณท์ ี่เกดิ ขนึ้ ในห้องเรยี นโดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ การ
สืบคน้ ข้อมูลและมที ักษะทางสงั คม มวี ถิ ขี องระบอบประชาธิปไตย ซอื่ สัตย์ ใฝเ่ รยี นรู้ แสดงออกถึงความเปน็ ไทย

เพอ่ื ให้เกดิ ความรู้ ความเข้าใจ สามารถสือ่ สารสง่ิ ท่ีเรียนรู้ และ นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ในชีวิตประจาวัน

ผลกำรเรียนรู้
๑. ปฏิบัตติ ามคาสั่ง คาขอรอ้ งที่ฟงั
๒. บอกความหมายของคาและกลุม่ คาที่ฟังตรงตามความหมาย ตอบคาถามจากการฟงั หรืออ่านประโยค

บทสนทนาหรือนิทานงา่ ยๆ
๓. พดู โตต้ อบด้วยคาสั้นๆ ง่ายๆ ในการสื่อสารระหวา่ งบุคคลตามแบบท่ฟี ัง ใช้คาสงั่ และคาขอรอ้ งง่ายๆ
๔. บอกความต้องการง่ายๆ ของตนเอง พดู ขอและให้ข้อมลู เกี่ยวกบั ตนเองและเพื่อน บอกความรูส้ ึกของ

ตนเองเก่ยี วกบั สง่ิ ตา่ งๆ ใกลต้ วั หรอื กจิ กรรมตา่ งๆ ตามแบบที่ฟงั
๕. พูดให้ข้อมูลเกยี่ วกบั ตนเองและเร่ืองใกล้ตัว จดั หมวดหม่คู าตามประเภทของบุคคล สัตว์ และสิง่ ของ

ตามที่ฟังหรอื อ่าน
๖. พดู และทาท่าประกอบ ตามมารยาทสังคม/วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา
๗. บอกช่อื และคาศัพทง์ ่ายๆ เก่ียวกบั เทศกาล/วนั สาคญั /งานฉลอง และชวี ิตความเปน็ อยูข่ องเจา้ ของ

ภาษา เข้ารว่ มกจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรมท่เี หมาะกบั วยั
๘. บอกความแตกตา่ งของเสียงตัวอักษร คา กลุม่ คา และประโยคง่ายๆ ของภาษาอังกฤษและภาษาไทย
๙. ฟงั /พูดในสถานการณง์ ่ายๆ ทีเ่ กดิ ขนึ้ ในหอ้ งเรียน
รวมท้ังหมด ๙ ผลกำรเรยี นรู้

อ ๑๔๒๐๔ สนุกกับภำษำ ๔ ๑๐๕
ช้นั ประถมศึกษำปีท่ี ๔
คำอธบิ ำยรำยวชิ ำเพิ่มเตมิ
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ
เวลำ ๘๐ ชั่วโมง

คำอธิบำยรำยวิชำ

ปฏิบัติตามคาส่ัง คาแนะนา คาขอร้องที่ใช้ในห้องเรียน พูดเข้าจังหวะ บทสนทนา ประโยค ให้ข้อมูล
เกี่ยวกับตนเองคา เลือกระบุภาพ หรือสัญลักษณ์ตรงความหมาย ตอบคาถามจากการฟังและอ่าน บทสนทนา พูด
เขียนให้ข้อมูลโต้ตอบเกี่ยวกับตนเอง ส่ือสารระหว่างบุคคล ประโยคบอกความต้องการเก่ียวกับตนเองคา คาสั่งท่ีใช้
ในห้องเรียน ข้อความท่ีใช้ในการพูด เขียน แสดงความต้องการของตนเอง ให้ข้อมูลความรู้สึกเกี่ยวกับตนเอง และ
เรื่องใกล้ตัว วัฒนธรรมเจ้าของภาษาแสดงกิริยา การขอบคุณ ขอโทษ การพูดแนะนาตนเอง คาศัพท์เก่ียวกับเทศกาล
เจา้ ของภาษา กิจกรรมทางภาษา การรอ้ งเพลง ศกึ ษา การใชภ้ าษาในการฟัง พูดทาทา่ ประกอบอย่างสุภาพ เขา้ ร่วม
กิจกรรมทางภาษา อ่าน พูด ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้น
ข้อมลู และมีทกั ษะทางสังคม มีวิถีของระบอบประชาธปิ ไตย ซื่อสตั ย์ ใฝเ่ รยี นรู้ แสดงออกถึงความเป็นไทย

เพอ่ื ให้เกดิ ความรู้ ความเข้าใจ สามารถสือ่ สารสิง่ ที่เรยี นรู้ และ นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ในชีวติ ประจาวนั

ผลกำรเรยี นรู้
๑. ปฏิบตั ิตามคาส่งั คาขอรอ้ งทีฟ่ งั
๒. อ่านออกเสียงตวั อักษร คา กลมุ่ คา ประโยคง่ายๆ และ บทพูดเข้าจังหวะงา่ ยๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน
๓. บอกความหมายของคาและกลมุ่ คาที่ฟงั ตรงตามความหมาย ตอบคาถามจากการฟังหรืออา่ นประโยค

บทสนทนาหรอื นทิ านง่ายๆ
๔. พดู โตต้ อบด้วยคาสนั้ ๆ ง่ายๆ ในการส่ือสารระหวา่ งบคุ คลตามแบบทีฟ่ ัง ใช้คาสง่ั และคาขอรอ้ งง่ายๆ

บอกความต้องการงา่ ยๆ ของตนเอง
๕. พดู ขอและใหข้ ้อมูลเก่ยี วกับตนเองและเพ่ือน บอกความรูส้ ึกของตนเองเกย่ี วกบั สิ่งต่างๆ ใกล้ตวั หรอื

กิจกรรมตา่ งๆ ตามแบบท่ีฟัง
๖. พูดให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเองและเรือ่ งใกลต้ วั จดั หมวดหมคู่ าตามประเภทของบุคคล สัตว์ และส่งิ ของ

ตามท่ฟี ังหรืออ่าน
๗. พดู และทาท่าประกอบ ตามมารยาทสงั คม/วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา บอกชื่อและคาศัพท์ง่ายๆ

เก่ียวกบั เทศกาล/วนั สาคัญ/งานฉลอง และชวี ติ ความเป็นอยู่ของเจา้ ของภาษา เขา้ รว่ มกจิ กรรมทาง
ภาษาและวัฒนธรรมท่เี หมาะกับวยั
๘. บอกความแตกตา่ งของเสียงตวั อักษร คา กลุ่มคา และประโยคงา่ ยๆ ของภาษาภาษาอังกฤษและ
ภาษาไทย
๙. ฟัง/พูดในสถานการณ์ง่ายๆ ทเ่ี กดิ ขึน้ ในห้องเรียน
รวมทั้งหมด ๙ ผลกำรเรียนรู้

อ ๑๕๒๐๕ สนกุ กับภำษำ ๕ ๑๐๖
ชั้นประถมศกึ ษำปที ่ี ๕
คำอธบิ ำยรำยวชิ ำเพ่ิมเติม
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ
เวลำ ๘๐ ชัว่ โมง

คำอธิบำยรำยวิชำ

ปฏิบตั ิตามคาสงั่ คาแนะนา คาขอร้อง คาแนะนาง่ายๆ ทใ่ี ชใ้ นหอ้ งเรียน การสะกดคา การอา่ นออกเสียง
บทสนทนา ประโยค ให้ข้อมูลเก่ียวกับตนเองคา เลือกระบุภาพ หรือสัญลักษณ์ตรงความหมายของประโยค ตอบ
คาถามจากการฟังและอ่าน บทสนทนา นิทานง่ายๆ ประโยค พูด เขียนให้ข้อมูลโต้ตอบเก่ียวกับตนเอง แสดง
ความรูส้ กึ ส่ือสารระหว่างบุคคล ใชถ้ อ้ ยคา น้าเสยี ง และกิรยิ า ประโยคบอกความต้องการเกี่ยวกับตนเองคา คาสั่ง
ทใี่ ชใ้ นหอ้ งเรียน ข้อความทีใ่ ชใ้ นการพดู เขยี น แสดงความตอ้ งการของตนเอง ให้ข้อมลู ความรสู้ กึ เก่ยี วกับตนเอง และ
เร่ืองใกล้ตัว บอกความเหมือน ความแตกต่าง ระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดต่างๆ แสดงความคิดเห็นง่ายๆโดย
ใชค้ าศัพท์เหมาะสมกับวัย การใชภ้ าษาในการฟัง พูดทาท่าประกอบอย่างสุภาพ เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษา อา่ น พดู
ในสถานการณ์ท่ีเกิดขึ้นในห้องเรียนโดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูลและมีทักษะทางสังคม มี
วถิ ีของระบอบประชาธิปไตย ซื่อสตั ย์ ใฝ่เรยี นรู้ แสดงออกถงึ ความเป็นไทย

เพอื่ ให้เกดิ ความรู้ ความเข้าใจ สามารถสือ่ สารส่ิงที่เรียนรู้ และ นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ในชีวติ ประจาวนั

ผลกำรเรียนรู้
๑. ปฏิบตั ิตามคาสงั่ คาขอร้องทีฟ่ ัง
๒. อา่ นออกเสยี งตวั อักษร คา กลุ่มคา ประโยคง่ายๆ และ บทพูดเขา้ จังหวะงา่ ยๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน
๓. บอกความหมายของคาและกลุ่มคาที่ฟงั ตรงตามความหมาย ตอบคาถามจากการฟงั หรอื อา่ นประโยค

บทสนทนาหรอื นิทานงา่ ยๆ
๔. พูดโตต้ อบดว้ ยคาส้นั ๆ งา่ ยๆ ในการสื่อสารระหวา่ งบคุ คลตามแบบทีฟ่ ัง ใช้คาส่ังและคาขอรอ้ งง่ายๆ

บอกความต้องการงา่ ยๆ ของตนเอง
๕. พดู ขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเพ่ือน
๖. บอกความรู้สึกของตนเองเกีย่ วกับสงิ่ ต่างๆ ใกล้ตวั หรือกิจกรรมต่างๆ ตามแบบท่ีฟงั
๗. พูดให้ขอ้ มูลเก่ียวกับตนเองและเรือ่ งใกล้ตวั จัดหมวดหมคู่ าตามประเภทของบุคคล สตั ว์ และส่ิงของ

ตามทีฟ่ ังหรืออา่ น
๘. พูดและทาท่าประกอบ ตามมารยาทสงั คม/วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
๙. บอกช่ือและคาศัพท์ง่ายๆ เกีย่ วกบั เทศกาล/วันสาคญั /งานฉลอง และชวี ติ ความเปน็ อยู่ของเจ้าของ

ภาษา เข้ารว่ มกจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรมทเ่ี หมาะกบั วัย
๑๐. บอกความแตกต่างของเสยี งตัวอกั ษร คา กลุ่มคา และประโยคงา่ ยๆ ของภาษาองั กฤษและภาษาไทย
๑๑. ฟงั /พูดในสถานการณง์ ่ายๆ ทีเ่ กดิ ข้ึนในหอ้ งเรียน
๑๒. ใชภ้ าษาองั กฤษเพื่อรวบรวมคาศพั ทท์ ่ีเก่ยี วข้องใกล้ตัว

๑๐๗

๑๓. มีทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ (เน้นการฟัง-พดู ) สือ่ สารตามหวั เรือ่ งเกย่ี วกับตนเอง ครอบครวั
โรงเรียน สง่ิ แวดล้อมใกล้ตวั อาหาร เครอื่ งดื่ม และเวลาวา่ งและนนั ทนาการ ภายในวงคาศัพท์
ประมาณ ๓๐๐-๔๕๐ คา (คาศัพท์ที่เปน็ รปู ธรรม)

๑๔. ใชป้ ระโยคคาเดียว (One Word Sentence) ประโยคเด่ยี ว (Simple Sentence) ในการสนทนา
โต้ตอบตามสถานการณ์ในชวี ิตประจาวัน
รวมทั้งหมด ๑๔ ผลกำรเรยี นรู้

๑๐๘

อ ๑๖๒๐๖ สนุกกับภำษำ ๖ คำอธบิ ำยรำยวิชำเพ่ิมเติม
ชนั้ ประถมศกึ ษำปีท่ี ๖ กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ
เวลำ ๘๐ ช่ัวโมง

คำอธบิ ำยรำยวิชำ

ปฏิบัตติ ามคาสั่ง คาแนะนา คาขอร้อง คาแนะนางา่ ยๆ ทีใ่ ช้ในหอ้ งเรียน การสะกดคา การอ่านออกเสยี ง
คา กล่มุ คา บทอา่ น บทกลอนส้ันๆ บทสนทนา ประโยคถูกต้องตามหลักการอา่ น ใหข้ ้อมูลเก่ียวกับตนเองคา เลอื กระบภุ าพ
หรอื สญั ลกั ษณ์ หรือเครอื่ งหมายตรงความหมายของประโยค ขอ้ ความส้นั ๆ ตอบคาถามจากการฟงั และอ่าน บทสนทนา พดู
เขียนให้ข้อมูลโต้ตอบเกี่ยวกับตนเอง แสดงความรู้สึก สื่อสารระหว่างบุคคล เขียนภาพ แผนผัง และแผนภูมิ ตารางแสดง
ขอ้ มูลต่างๆ ใช้ถอ้ ยคา นา้ เสียง และกิรยิ า ประโยคบอกความต้องการเกย่ี วกับตนเองคา คาสง่ั ทใ่ี ช้ในห้องเรยี น ขอ้ ความท่ีใช้
ในการพูด เขียน แสดงความต้องการของตนเอง ให้ข้อมูลความรู้สกึ เก่ียวกับตนเอง และเรื่องใกล้ตัว ใช้คาส่ัง คาขอร้อง และ
ให้คาแนะนา บอกความเหมือน ความแตกต่าง ระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดต่างๆ กิจกรรมทางภาษา การร้องเพลง
การเล่านิทานประกอบทา่ ทาง พูด วาดภาพแสดงความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ แสดงความคิดเหน็ งา่ ยๆโดยใช้คาศัพท์เหมาะสม
กับวัย การใช้ภาษาในการฟัง พูดทาทา่ ประกอบ และนาเสนอดว้ ยการพูด เขยี นอย่างสภุ าพ เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษา อา่ น
พูด ในสถานการณ์ท่เี กิดข้ึนในห้องเรียน และสถานศึกษาโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูลและมีทกั ษะ
ทางสงั คม มีวิถีของระบอบประชาธิปไตย ซ่อื สตั ย์ ใฝ่เรียนรู้ แสดงออกถงึ ความเปน็ ไทย

เพอ่ื ให้เกดิ ความรู้ ความเขา้ ใจ สามารถส่อื สารสิ่งท่ีเรยี นรู้ และ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ในชวี ติ ประจาวนั
ผลกำรเรยี นรู้
๑. ปฏิบตั ติ ามคาส่งั คาขอรอ้ งที่ฟงั
๒. อา่ นออกเสยี งตวั อกั ษร คา กลมุ่ คา ประโยคงา่ ยๆ และ บทพูดเข้าจังหวะง่ายๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น
๓. บอกความหมายของคาและกลมุ่ คาทฟ่ี งั ตรงตามความหมาย ตอบคาถามจากการฟงั หรอื อ่านประโยค

บทสนทนาหรอื นทิ านง่ายๆ
๔. พูดโต้ตอบดว้ ยคาส้ันๆ ง่ายๆ ในการส่อื สารระหวา่ งบุคคลตามแบบทฟี่ งั ใชค้ าสง่ั และคาขอร้องงา่ ยๆ

บอกความต้องการง่ายๆ ของตนเอง
๕. พูดขอและใหข้ ้อมลู เกย่ี วกบั ตนเองและเพือ่ น
๖. บอกความรสู้ กึ ของตนเองเกี่ยวกบั สง่ิ ตา่ งๆ ใกล้ตวั หรอื กิจกรรมตา่ งๆ ตามแบบทฟ่ี งั
๗. พูดใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั ตนเองและเร่อื งใกล้ตัว จัดหมวดหมคู่ าตามประเภทของบคุ คล สตั ว์ และส่ิงของ

ตามทีฟ่ ังหรืออา่ น
๘. พดู และทาทา่ ประกอบ ตามมารยาทสงั คม/วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
๙. บอกชอ่ื และคาศพั ท์งา่ ยๆ เกยี่ วกับเทศกาล/วนั สาคญั /งานฉลอง และชวี ติ ความเปน็ อยู่ของเจา้ ของ

ภาษา เขา้ รว่ มกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมทีเ่ หมาะกบั วยั
๑๐. บอกความแตกตา่ งของเสียงตัวอักษร คา กลมุ่ คา และประโยคง่ายๆ ของภาษาอังกฤษและภาษาไทย
๑๑. ฟัง/พดู ในสถานการณง์ ่ายๆ ท่ีเกิดข้นึ ในหอ้ งเรยี น
๑๒. ใชภ้ าษาอังกฤษ เพอื่ รวบรวมคาศัพทท์ เี่ กีย่ วขอ้ งใกล้ตัว

๑๐๙

๑๓. มที ักษะการใช้ภาษาอังกฤษ (เน้นการฟัง-พดู ) สอื่ สารตามหัวเร่ืองเกีย่ วกบั ตนเอง ครอบครัว โรงเรยี น
สงิ่ แวดล้อมใกลต้ ัว อาหาร เครอ่ื งดม่ื และเวลาว่างและนนั ทนาการ ภายในวงคาศัพทป์ ระมาณ
๓๐๐ - ๔๕๐ คา (คาศพั ท์ท่เี ปน็ รูปธรรม)

๑๔. ใช้ประโยคคาเดียว (One Word Sentence) ประโยคเดี่ยว (Simple Sentence) ในการสนทนาโตต้ อบตาม
สถานการณใ์ นชวี ิตประจาวัน
รวมทง้ั หมด ๑๔ ผลกำรเรียนรู้

๑๑๐

หลกั สตู รตา้ นทจุ รติ ศกึ ษา
(Anti-Corruption Education)

รายวิชาเพิม่ เติม
การปอ้ งกนั การทุจรติ

๑๑๑

๑. หลกั สูตรต้ำนทจุ รติ ศึกษำ (Anti-Corruption Education)
ยุทธศาสตร์ชาตวิ า่ ด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ยทุ ธศาสตร์ ท่ี

๑ “สร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต” ได้มุ่งเน้นให้ความสาคัญในกระบวนการปรับสภาพสังคมให้เกิดภาวะท่ี “ไม่ทน
ต่อการทุจริต” โดยเร่ิมตั้งแต่กระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมในทุกระดับช่วงวัย ตั้งแต่ปฐมวัย เพ่ือสร้างวัฒนธรรม
ตอ่ ตา้ นการทจุ ริต และปลูกฝงั ความพอเพยี ง มวี ินัย ซื่อสตั ย์สจุ รติ ยดึ ประโยชนส์ ่วนรวมมากกว่าประโยชนส์ ่วนตน เป็น
การดาเนินการผ่านสถาบันหรือกลุ่มตัวแทนท่ีทาหน้าท่ีในการกล่อมเกลาสังคมให้มีความเป็นพลเมืองท่ีดี มีจิต
สาธารณะ เสียสละเพื่อส่วนรวมและเสริมสร้างให้ทุกภาคส่วนมีพฤติกรรมท่ีไม่ยอมรับและต่อต้านการทุจริตในทุก
รูปแบบและได้กาหนดกลยุทธ์ ๔ กลยุทธ์ กล่าวคือ กลยุทธ์ที่ ๑ ปรับฐานความคิดทุกช่วงวัย ต้ังแต่ปฐมวัยให้สามารถ
แยกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์สว่ นรวม กลยุทธท์ ี่ ๒ สง่ เสรมิ ใหม้ รี ะบบและกระบวนการกล่อมเกลา
ทางสังคมเพอื่ ต้านทจุ รติ กลยุทธ์ที่ ๓ ประยุกต์หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งเป็นเคร่ืองมือต้านทุจรติ และกลยุทธท์ ี่ ๔
เสรมิ พลงั การมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชน(Community)และบรู ณาการทกุ ภาคส่วนเพอ่ื ต่อตา้ นการทจุ รติ

คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้มีคาสั่งที่ ๖๔๖/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ แต่งต้ังคณะอนุกรรมการ
จัดทาหลักสูตร หรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริตซ่ึงประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ
หรือผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานด้านการศึกษา และหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องในการจัดทาหลักสูตรการเรียนการสอน จาก
ทง้ั ภายในและภายนอกหน่วยงาน รวมท้งั ผทู้ รงคณุ วฒุ ิจากองค์กรภาคเอกชนเพื่อดาเนินการจัดทาหลกั สตู รหรือชุดการ
เรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต นาไปใช้ในการเรียนการสอนให้กับนกั เรียน นักศึกษาใน
ทุกระดับชั้นเรียนท้ังในส่วนของการศึกษาตั้งแต่ระดับปฐมวัยอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา ท้ัง
ภาครัฐและเอกชน รวมทั้งอาชีวศึกษาและการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย นอกจากนี้ ยังรวมถึง
สถาบันการศึกษาอนื่ ท่เี ก่ียวข้อง เช่น สถาบันการศึกษาในสังกัดสานักงานตารวจแห่งชาติ สถาบันการศึกษาทางทหาร
เป็นต้น เพ่ือให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายท่ีเก่ียวข้องกับการศึกษาทั้งระบบ รวมท้ังบุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ
รวมท้งั ภาคประชาชน เพื่อเปน็ การปลูกฝังจิตสานึกในการแยกแยะประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวมจิตพอเพียง
ตา้ นทจุ รติ และสรา้ งพฤติกรรมท่ไี มย่ อมรับและไม่ทนต่อการทุจริต

เพื่อเป็นการป้องกันการทุจริต โดยเริ่มปลูกฝังนักเรียนต้ังแต่ปฐมวัยจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ ๖ สานักงาน
คณะกรรมการการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน จึงจัดทารายวิชาเพ่มิ เติม “การป้องกนั การทจุ ริต” ใหส้ ถานศกึ ษาทกุ แห่งนาไปใช้
ในการจัดการเรียนการสอนเพ่ือปลูกฝังและสร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริตให้แก่นักเรียนสร้างความตระหนักให้
นักเรียน ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน มีจิตพอเพียงต้านทุจริต ละอายและเกรงกลัวท่ีจะไม่
ทุจริตและไม่ทนตอ่ การทจุ ริตทุกรปู แบบ

สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ในฐานะองค์กรรับผิดชอบการจัดการศึกษาให้แก่นักเรียน
ตั้งแต่ระดับปฐมวัย จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ จึงได้จัดทารายวิชาเพ่ิมเติม “การป้องกันการทุจริต”ประกอบด้วย
เน้ือหา ๔ หน่วยการเรียนรู้ ได้แก่ ๑) การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ๒)
ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต๓) STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต และ ๔) พลเมืองและ ความ

๑๑๒

รับผิดชอบต่อสังคม ซ่ึงทั้ง ๔ หน่วยนี้ จะจัดทาเป็นแผนการจัดการเรียนรู้ ตั้งแต่ชั้นปฐมวัย จนถึง ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี
๖ เพื่อให้สถานศึกษาทุกแห่งนาไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพื่อปลูกฝังและป้องกันการ ทุจริตให้แก่นักเรียนทุก
ระดับ ทั้งน้ี เป็นการสร้างพลเมืองท่ีซื่อสัตย์สุจริตให้แก่ประเทศชาติ ปัญหาคอร์รัปชันลดลง และดัชนีภาพลักษณ์คอร์
รัปชันของประเทศไทย มีค่าคะแนนสูงข้ึน บรรลุตามเป้าประสงค์ของยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วย การป้องกันและ
ปราบปรามการทุจรติ ระยะท่ี ๓ (พ.ศ.๒๕๖๐ - ๒๕๖๔)

โรงเรียนบ้านท่าข้าม หวังเป็นอย่างยิ่งวา่ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา : Anti-Corruption Education จะสร้าง
ความรู้ความเข้าใจและทักษะให้แก่ผู้เรียนในเรื่องการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์
ส่วนรวม ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต และพลเมือง กับความรับผิดชอบ
ตอ่ สงั คม เพ่ือร่วมกันป้องกันหรอื ต่อตา้ นการทจุ รติ มิใหม้ กี ารทจุ รติ เกิดข้นึ ในสังคมไทย ร่วมสร้างสังคมไทยทไี่ มท่ นต่อ
การทุจรติ ตอ่ ไป

รายละเอยี ดของหลักสตู รต้านทจุ รติ ศึกษา (Anti-Corruption Education)
กรอบการจัดทาหลักสตู รหรือชดุ การเรยี นรูแ้ ละสอื่ ประกอบการเรยี นรู้ ด้านการป้องกนั การทุจรติ โดยท่ี

ประชมุ ได้เห็นชอบร่วมกันในการจดั ทาหลกั สตู รหรือชุดการเรยี นรแู้ ละสื่อประกอบการเรยี นรู้ ดา้ นการปอ้ งกันการ
ทจุ ริต หัวข้อวิชา ๔ วิชา ประกอบดว้ ย

๑) การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๒) ความอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ ริต
๓) STRONG : จติ พอเพียงตา้ นทจุ รติ
๔) พลเมอื งและความรับผิดชอบตอ่ สงั คม
เนอ้ื หาหลักสตู รหรือชุดการเรียนรู้ ด้านการป้องกนั การทจุ ริต โดยได้แบง่ กลุ่มตามการเรียนการสอนในแต่ละ
ชว่ งช้ัน และการฝกึ อบรมในแตล่ ะกลุ่มเป้าหมาย เป็น ๕ กล่มุ ดังนี้
กลมุ่ ๑ หลักสูตรการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน (ระดบั ปฐมวัย และป.๑-ม.๖) มชี อ่ื หลักสตู รว่า “รายวชิ าเพม่ิ เติม
การปอ้ งกนั การทจุ รติ
กลุม่ ๒ หลักสตู รอดุ มศึกษา มชี ่อื หลักสตู ร “วยั ใส ใจสะอาด “Youngster with good heart”
กลุ่ม ๓ หลกั สตู รกลุ่มทหารและตารวจ มีช่ือหลกั สตู ร “หลักสตู รตามแนวทางรับราชการ กลุ่มทหารและ
ตารวจ”
กลมุ่ ๔ หลกั สูตรวิทยากร มีชื่อหลกั สูตร “สรา้ งวิทยากรผนู้ าการเปลย่ี นแปลงสู่สงั คมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต”
กล่มุ ๕ หลักสตู รโค้ช มชี ือ่ หลกั สตู ร “โคช้ เพ่ือการรูค้ ิดต้านทุจรติ ”

หลักสตู รการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน ดาเนนิ การจดั ทาเป็นแผนการจัดการเรยี นรโู้ ดยแยกเป็น ๑๓ ระดับชนั้ ปี ไดแ้ ก่
ระดับปฐมวยั ระดบั ประถมศึกษาชน้ั ปที ่ี ๑ - ๖ และระดบั มัธยมศึกษาช้นั ปีที่ ๑ - ๖ ในแต่ละระดับช้นั ปี จะใช้เวลา
เรยี นท้ังปี จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ต้องจัดทาเน้ือหาและกจิ กรรมการเรยี นการสอนให้แตกต่างกัน ตามความเหมาะสมและ
การเรียนรู้ในแต่ละช่วงวัย

๑๑๓

หลกั สูตรการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน
๑. ช่ือหลักสตู ร “รายวชิ าเพิ่มเตมิ การปอ้ งกนั การทุจริต”

ตามที่สานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ร่วมกับสานักงานคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน และหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ดาเนินการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการ
เรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต สาหรับใช้เป็นเน้ือหามาตรฐานกลางให้สถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง
นาไปใช้ในการเรียนการสอนให้กับกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทุกระดับช้ันเรียน เพื่อปลูกฝังจิตสานึกในการแยก
ประโยชน์สว่ นบคุ คลและประโยชนส์ ว่ นรวม จติ พอเพียง การไม่ยอมรบั และไม่ทนต่อการทจุ ริต โดยใช้ช่ือว่าหลักสูตร
ต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) หลักสูตรที่ ๑ หลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน โดยมีแนวทางการ
นาไปใช้ตามความเหมาะสมของแตล่ ะโรงเรียน ดังน้ี

๑. นาไปจัดเปน็ รายวชิ าเพ่ิมเตมิ ของโรงเรียน
๒. นาไปจดั ในชัว่ โมงลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้
๓. นาไปบรู ณาการกบั การจัดการเรียนการสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
(สาระหนา้ ท่ีพลเมือง) หรือนาไปบรู ณาการกับกลุม่ สาระการเรียนร้อู น่ื ๆ

๒. จดุ มุ่งหมายของรายวิชา เพ่อื ใหน้ กั เรยี น
๒.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนกับผลประโยชนส์ ่วนรวม
๒.๒ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต
๒.๓ มีความรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกบั STRONG / จติ พอเพยี งตอ่ ตา้ นการทุจริต
๒.๔ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพลเมืองและมีความรบั ผิดชอบตอ่ สังคม
๒.๕ สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชน์สว่ นรวมได้
๒.๖ ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ผ้ลู ะอายและไม่ทนตอ่ การทุจริตทุกรปู แบบ
๒.๗ ปฏิบตั ิตนเปน็ ผู้ท่ี STRONG / จติ พอเพียงต่อต้านการทุจริต
๒.๘ ปฏิบัติตนตามหน้าทพ่ี ลเมืองและมีความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม

๓. คำอธิบำยรำยวิชำ
ศกึ ษาเกย่ี วกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนกบั ผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและความไม่

ทนต่อการทุจรติ STRONG / จติ พอเพยี งต่อต้านการทจุ รติ รู้หนา้ ที่ของพลเมืองและรบั ผิดชอบต่อสังคมในการต่อตา้ น
การทจุ รติ

โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จาแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัตจิ ริง การทาโครงงานกระบวนการเรียนรู้ ๕
ข้นั ตอน (๕ STEPs) การอภิปราย การสบื สอบ การแกป้ ัญหา ทักษะการอา่ นและการเขยี น เพอ่ื ให้มีความตระหนัก
และเหน็ ความสาคัญของการต่อตา้ นและการป้องกันการทุจรติ

๑๑๔

๔. ผลกำรเรียนรู้
๑. มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตน กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวม
๒. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ
๓. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกับ STRONG / จติ พอเพยี งต่อต้านการทุจริต
๔. มีความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับพลเมืองและมีความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม
๕. สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวมได้
๖. ปฏบิ ัติตนเปน็ ผูล้ ะอายและไม่ทนต่อการทจุ รติ ทุกรูปแบบ
๗. ปฏิบัติตนเป็นผู้ที่ STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทุจริต
๘. ปฏิบตั ิตนตามหน้าท่ีพลเมืองและมีความรับผดิ ชอบต่อสังคม
๙. ตระหนกั และเห็นความสาคัญของการต่อต้านและป้องกันการทจุ รติ
รวมทั้งหมด ๙ ผลการเรียนรู้

ส 11241 การปอ้ งกนั การทจุ รติ 1 ๑๑๕
ชน้ั ประถมศึกษำปที ่ี ๑
คำอธบิ ำยรำยวชิ ำเพ่ิมเติม
กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้สังคมศึกษำศำสนำและวฒั นธรรม
เวลำ ๔๐ ชั่วโมง

ศึกษาเกี่ยวกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกบั ผลประโยชน์สว่ นรวม ความละอายและความไม่
ทนต่อการทจุ ริต STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทจุ ริต รู้หนา้ ที่ของพลเมืองและรบั ผิดชอบตอ่ สงั คมในการต่อตา้ น
การทุจริต

โดยใชก้ ระบวนการคิด วเิ คราะห์ จาแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบตั ิจริง การทาโครงงานกระบวนการเรียนรู้ ๕
ข้นั ตอน (๕ STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแกป้ ัญหา ทกั ษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มีความตระหนัก
และเหน็ ความสาคญั ของการตอ่ ต้านและการป้องกันการทุจรติ

ผลกำรเรยี นรู้
๑. มีความรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตน กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวม
๒. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ
๓. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั STRONG / จิตพอเพียงต่อตา้ นการทจุ รติ
๔. มีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบตอ่ สงั คม
๕. สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตน กับผลประโยชนส์ ่วนรวมได้
๖. ปฏบิ ัตติ นเป็นผลู้ ะอายและไม่ทนต่อการทจุ รติ ทุกรปู แบบ
๗. ปฏิบตั ติ นเป็นผ้ทู ่ี STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทุจริต
๘. ปฏบิ ัตติ นตามหนา้ ที่พลเมืองและมีความรับผดิ ชอบต่อสังคม
๙. ตระหนกั และเห็นความสาคญั ของการต่อตา้ นและป้องกันการทจุ ริต
รวมท้ังหมด ๙ ผลกำรเรยี นรู้

ส 12242 การปอ้ งกนั การทุจรติ 2 ๑๑๖
ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 2
คำอธบิ ำยรำยวชิ ำเพ่ิมเติม
กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้สังคมศึกษำศำสนำและวฒั นธรรม
เวลำ ๔๐ ชั่วโมง

ศึกษาเกี่ยวกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกบั ผลประโยชน์สว่ นรวม ความละอายและความไม่
ทนต่อการทจุ ริต STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทจุ ริต รู้หนา้ ที่ของพลเมืองและรบั ผิดชอบตอ่ สงั คมในการต่อตา้ น
การทุจริต

โดยใชก้ ระบวนการคิด วิเคราะห์ จาแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบตั จิ ริง การทาโครงงานกระบวนการเรียนรู้ ๕
ข้นั ตอน (๕ STEPs) การอภิปราย การสบื สอบ การแกป้ ัญหา ทกั ษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มีความตระหนัก
และเหน็ ความสาคญั ของการตอ่ ต้านและการป้องกันการทุจรติ

ผลกำรเรยี นรู้
๑. มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตน กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวม
๒. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ
๓. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับ STRONG / จิตพอเพียงต่อตา้ นการทุจรติ
๔. มีความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบตอ่ สงั คม
๕. สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวมได้
๖. ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผู้ละอายและไม่ทนต่อการทจุ รติ ทุกรปู แบบ
๗. ปฏิบตั ิตนเปน็ ผู้ท่ี STRONG / จติ พอเพยี งตอ่ ตา้ นการทุจริต
๘. ปฏบิ ัติตนตามหนา้ ที่พลเมืองและมีความรับผดิ ชอบต่อสังคม
๙. ตระหนกั และเห็นความสาคญั ของการต่อตา้ นและป้องกันการทจุ ริต
รวมท้ังหมด ๙ ผลกำรเรียนรู้

ส 13243 การปอ้ งกนั การทจุ รติ 3 ๑๑๗
ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 3
คำอธบิ ำยรำยวชิ ำเพ่ิมเติม
กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้สังคมศึกษำศำสนำและวฒั นธรรม
เวลำ ๔๐ ชั่วโมง

ศึกษาเกี่ยวกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกบั ผลประโยชน์สว่ นรวม ความละอายและความไม่
ทนต่อการทจุ ริต STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทจุ ริต รู้หนา้ ที่ของพลเมืองและรบั ผิดชอบตอ่ สงั คมในการต่อตา้ น
การทุจริต

โดยใชก้ ระบวนการคิด วเิ คราะห์ จาแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบตั ิจริง การทาโครงงานกระบวนการเรียนรู้ ๕
ข้นั ตอน (๕ STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแกป้ ัญหา ทกั ษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มีความตระหนัก
และเหน็ ความสาคญั ของการตอ่ ต้านและการป้องกันการทุจรติ

ผลกำรเรยี นรู้
๑. มีความรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตน กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวม
๒. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ
๓. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั STRONG / จิตพอเพียงต่อตา้ นการทจุ รติ
๔. มีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบตอ่ สงั คม
๕. สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตน กับผลประโยชนส์ ่วนรวมได้
๖. ปฏบิ ัตติ นเป็นผลู้ ะอายและไม่ทนต่อการทจุ รติ ทุกรปู แบบ
๗. ปฏิบตั ติ นเป็นผ้ทู ่ี STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทุจริต
๘. ปฏบิ ัตติ นตามหนา้ ที่พลเมืองและมีความรับผดิ ชอบต่อสังคม
๙. ตระหนกั และเห็นความสาคญั ของการต่อตา้ นและป้องกันการทจุ ริต
รวมท้ังหมด ๙ ผลกำรเรยี นรู้

ส 14244 การปอ้ งกนั การทจุ รติ 4 ๑๑๘
ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4
คำอธบิ ำยรำยวชิ ำเพ่ิมเติม
กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้สังคมศึกษำศำสนำและวฒั นธรรม
เวลำ ๔๐ ชั่วโมง

ศึกษาเกี่ยวกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกบั ผลประโยชน์สว่ นรวม ความละอายและความไม่
ทนต่อการทจุ ริต STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทจุ ริต รู้หนา้ ที่ของพลเมืองและรบั ผิดชอบตอ่ สงั คมในการต่อตา้ น
การทุจริต

โดยใชก้ ระบวนการคิด วเิ คราะห์ จาแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบตั ิจริง การทาโครงงานกระบวนการเรียนรู้ ๕
ข้นั ตอน (๕ STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแกป้ ัญหา ทกั ษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มีความตระหนัก
และเหน็ ความสาคญั ของการตอ่ ต้านและการป้องกันการทุจรติ

ผลกำรเรยี นรู้
๑. มีความรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตน กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวม
๒. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ
๓. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั STRONG / จิตพอเพียงต่อตา้ นการทจุ รติ
๔. มีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบตอ่ สงั คม
๕. สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตน กับผลประโยชนส์ ่วนรวมได้
๖. ปฏบิ ัตติ นเป็นผลู้ ะอายและไม่ทนต่อการทจุ รติ ทุกรปู แบบ
๗. ปฏิบตั ติ นเป็นผ้ทู ่ี STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทุจริต
๘. ปฏบิ ัตติ นตามหนา้ ที่พลเมืองและมีความรับผดิ ชอบต่อสังคม
๙. ตระหนกั และเห็นความสาคญั ของการต่อตา้ นและป้องกันการทจุ ริต
รวมท้ังหมด ๙ ผลกำรเรยี นรู้

ส 15245 การปอ้ งกนั การทุจรติ 5 ๑๑๙
ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 5
คำอธบิ ำยรำยวชิ ำเพ่ิมเติม
กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้สังคมศึกษำศำสนำและวฒั นธรรม
เวลำ ๔๐ ชั่วโมง

ศึกษาเกี่ยวกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกบั ผลประโยชน์สว่ นรวม ความละอายและความไม่
ทนต่อการทจุ ริต STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทจุ ริต รู้หนา้ ที่ของพลเมืองและรบั ผิดชอบตอ่ สงั คมในการต่อตา้ น
การทุจริต

โดยใชก้ ระบวนการคิด วิเคราะห์ จาแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบตั จิ ริง การทาโครงงานกระบวนการเรียนรู้ ๕
ข้นั ตอน (๕ STEPs) การอภิปราย การสบื สอบ การแกป้ ัญหา ทกั ษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มีความตระหนัก
และเหน็ ความสาคญั ของการตอ่ ต้านและการป้องกันการทุจรติ

ผลกำรเรยี นรู้
๑. มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตน กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวม
๒. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ
๓. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับ STRONG / จิตพอเพียงต่อตา้ นการทุจรติ
๔. มีความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบตอ่ สงั คม
๕. สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวมได้
๖. ปฏบิ ัตติ นเป็นผู้ละอายและไม่ทนต่อการทจุ รติ ทุกรปู แบบ
๗. ปฏิบตั ติ นเป็นผู้ท่ี STRONG / จติ พอเพยี งตอ่ ตา้ นการทุจริต
๘. ปฏบิ ัตติ นตามหนา้ ที่พลเมืองและมีความรับผดิ ชอบต่อสังคม
๙. ตระหนกั และเห็นความสาคญั ของการต่อตา้ นและป้องกันการทจุ ริต
รวมท้ังหมด ๙ ผลกำรเรียนรู้

ส 16246 การปอ้ งกนั การทจุ รติ 6 ๑๒๐
ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 6
คำอธบิ ำยรำยวชิ ำเพ่ิมเติม
กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้สังคมศึกษำศำสนำและวฒั นธรรม
เวลำ ๔๐ ชั่วโมง

ศึกษาเกี่ยวกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกบั ผลประโยชน์สว่ นรวม ความละอายและความไม่
ทนต่อการทจุ ริต STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทจุ ริต รู้หนา้ ที่ของพลเมืองและรบั ผิดชอบตอ่ สงั คมในการต่อตา้ น
การทุจริต

โดยใชก้ ระบวนการคิด วเิ คราะห์ จาแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบตั ิจริง การทาโครงงานกระบวนการเรียนรู้ ๕
ข้นั ตอน (๕ STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแกป้ ัญหา ทกั ษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มีความตระหนัก
และเหน็ ความสาคญั ของการตอ่ ต้านและการป้องกันการทุจรติ

ผลกำรเรยี นรู้
๑. มีความรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตน กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวม
๒. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ
๓. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั STRONG / จิตพอเพียงต่อตา้ นการทจุ รติ
๔. มีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบตอ่ สงั คม
๕. สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตน กับผลประโยชนส์ ่วนรวมได้
๖. ปฏบิ ัตติ นเป็นผลู้ ะอายและไม่ทนต่อการทจุ รติ ทุกรปู แบบ
๗. ปฏิบตั ติ นเป็นผ้ทู ่ี STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทุจริต
๘. ปฏบิ ัตติ นตามหนา้ ที่พลเมืองและมีความรับผดิ ชอบต่อสังคม
๙. ตระหนกั และเห็นความสาคญั ของการต่อตา้ นและป้องกันการทจุ ริต
รวมท้ังหมด ๙ ผลกำรเรยี นรู้

๑๒๑

โครงสรา้ งรายวชิ าระดับปฐมวัย

ลาดับ หนว่ ยการเรียนรู้ เรอื่ ง จานวนชว่ั โมง
๑๔
๑. การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและ การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและ
๑๒
ผลประโยชน์สว่ นรวม ผลประโยชนส์ ่วนรวม

- การคดิ แยกแยะ

- ระบบคิดฐาน ๒ ๔๐

- ของเล่น

- การรบั ประทานอาหาร
- การเขา้ แถว

- การเกบ็ ของใช้สว่ นตัว
- ทางานทไี่ ดร้ ับมอบหมาย

- การแบ่งปนั
- การแตง่ กาย
- การทากจิ วตั รประจาวัน (การใชน้ า้ ไฟฟ้า
กระดาษ การท้งิ ขยะ)

๒. ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต
- ของเลน่

- การรบั ประทานอาหาร
- การเข้าแถว
- การเก็บของใช้สว่ นตวั
- ทางานทไี่ ด้รบั มอบหมาย
- การแบ่งปนั
- การแต่งกาย
- การทากิจวตั รประจาวัน

๓. STRONG / จิตพอเพยี งตอ่ ต้านการทุจริต STRONG / จิตพอเพยี งตอ่ ต้านการทจุ ริต

- ความพอเพยี ง
- ความโปร่งใส
- ความตนื่ รู้ / ความรู้
- ตา้ นทจุ รติ
- มุ่งไปขา้ งหนา้
- ความเออื้ อาทร
- การรบั ประทานอาหาร

- การชว่ ยเหลอื เพอื่ น
- การใช้กระดาษ

๔. พลเมืองกับความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม พลเมืองกบั ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม
- ความรบั ผดิ ชอบต่อตนเอง
- ความรับผดิ ชอบตอ่ ผู้อื่น
- การตรงต่อเวลา
- การทาความสะอาดห้องเรยี น
- การช่วยเหลือตนเอง

รวม

* หมายเหตุ การจดั ประสบการณแ์ ตล่ ะกจิ กรรมจะใชเ้ วลาประมาณ ๒๐ นาที

๑๒๒

โครงสร้างรายวิชาระดับประถมศกึ ษา

ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๑

ลาดับ หน่วยการเรยี นรู้ เรอ่ื ง จานวน
๑. การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและ ชว่ั โมง
การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและ ๑๖
ผลประโยชนส์ ว่ นรวม ผลประโยชนส์ ่วนรวม
- การคิดแยกแยะ ๑๐
๒. ความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ ริต - ระบบคดิ ฐาน ๒
- ระบบคดิ ฐาน ๑๐ ๔
๓. STRONG / จติ พอเพียงตอ่ ตา้ นการทุจริต
ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทุจรติ
- การทาการบ้าน
- การทาเวร
- การสอบ
- กิจกรรมนักเรียน

STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทุจริต
- ความพอเพยี ง
- ความโปรง่ ใส
- ต้านทุจริต
- ความเอ้อื อาทร

๔. พลเมอื งกบั ความรับผดิ ชอบต่อสังคม พลเมืองกับความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม ๑๐
-ความหมายบทบาทและสทิ ธิ -การเคารพสิทธิ ๔๐
หนา้ ท่ีต่อตนเองและผอู้ ื่น
- ระเบยี บ กฎ กติกา กฎหมาย
- ความรบั ผดิ ชอบ (ตอ่ ตนเองกบั ตอ่ ผอู้ ่ืน)
- ความเป็นพลเมอื ง

รวม

๑๒๓

ประถมศึกษาปีท่ี ๒

ลาดบั หนว่ ยการเรยี นรู้ เร่อื ง จานวน
๑. การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและ ชวั่ โมง
การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและ ๑๖
ผลประโยชนส์ ว่ นรวม ผลประโยชนส์ ่วนรวม
- การคิดแยกแยะ ๑๐
๒. ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทุจรติ - ประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ่วนรวม
- ระบบคดิ ฐาน ๒ ๔
๓. STRONG / จิตพอเพียงตอ่ ต้านการทจุ ริต - ระบบคดิ ฐาน ๑๐
๑๐
๔. พลเมืองกบั ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทุจรติ
- การทาการบา้ น
- การทาเวร
- การสอบ
- กจิ กรรมนักเรียน

STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทจุ ริต
- ความพอเพียง
- ความโปรง่ ใส
- ตา้ นทุจริต
- ความเอือ้ อาทร

พลเมืองกับความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม
- เรอื่ งการเคารพสทิ ธิหนา้ ทีต่ ่อตนเองและผอู้ นื่
- การเคารพสทิ ธิหนา้ ทีต่ อ่ ชุมชนและสงั คม
- ระเบยี บ กฎ กตกิ า กฎหมาย
- ความรับผดิ ชอบ (ต่อห้องเรียน)
- คุณลกั ษณะของพลเมอื งทดี่ ี
- หนา้ ท่ขี องพลเมืองท่ดี ี

รวม ๔๐

๑๒๔

ประถมศึกษาปีที่ ๓

ลาดับ หน่วยการเรียนรู้ เรอื่ ง จานวน
๑. การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตน ชวั่ โมง
การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตน ๑๖
และผลประโยชน์ส่วนรวม และผลประโยชน์สว่ นรวม
- การคดิ แยกแยะ ๑๐
๒. ความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ รติ - ระบบคดิ ฐาน ๒
- ระบบคิดฐาน ๑๐ ๔
๓. STRONG / จติ พอเพียงต่อต้านการทุจรติ - ผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์ ๑๐
๔. พลเมืองกับความรับผดิ ชอบต่อสังคม ส่วนรวม
- การขัดกันระหวา่ งประโยชน์สว่ นตนและ
ผลประโยชนส์ ว่ นรวม
ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต
- การทาการบ้าน
- การทาเวร
- การสอบ
- การแต่งกาย
- กิจกรรมสง่ เสริมความถนดั และความสนใจ
STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจรติ
- ความพอเพยี ง
- ความโปรง่ ใส
- ต้านทจุ ริต
- ความเอื้ออาทร
พลเมืองกบั ความรับผดิ ชอบต่อสงั คม
- เรอ่ื งการเคารพสทิ ธหิ น้าทีต่ ่อตนเองและ
ผู้อืน่ ท่มี ตี ่อชมุ ชน
- เรอ่ื งการเคารพสิทธหิ น้าท่ีต่อตนเองและ
ผอู้ นื่ ท่ีมีต่อประเทศชาติ
- ระเบียบ กฎ กตกิ า กฎหมาย
- ความรบั ผิดชอบ (ตอ่ โรงเรียน)
- ความเป็นพลเมือง

รวม ๔๐

๑๒๕

ประถมศกึ ษำปที ่ี ๔

ลาดับ หนว่ ยการเรยี นรู้ เร่ือง จานวน
๑. การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและ ชว่ั โมง
การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและ
ผลประโยชนส์ ว่ นรวม ผลประโยชนส์ ่วนรวม ๑๔
- การคดิ แยกแยะ
๒. ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทุจริต - ระบบคิดฐาน ๒
- ระบบคดิ ฐาน ๑๐
๓. STRONG / จติ พอเพียงตอ่ ตา้ นการทจุ รติ - ความแตกตา่ งระหวา่ งจรยิ ธรรมและการทุจริต
- ประโยชน์ส่วนตนและประโยชนส์ ่วนรวม
๔. พลเมืองกบั ความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม
ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต ๑๐
- การทาการบ้าน ๖
- การทาเวร
- การสอบ
- การแตง่ กาย
- กิจกรรมนักเรยี น (ภายใน ร.ร.)
- การเข้าแถว

STRONG / จิตพอเพียงตอ่ ตา้ นการทจุ ริต
- การดารงชีวิตตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ
พอเพียง
- ความโปร่งใส
- ความตนื่ รู้ / ความรู้
- ต้านทุจริต
- มุ่งไปข้างหนา้
- ความเออื้ อาทร

พลเมอื งกบั ความรับผดิ ชอบต่อสังคม ๑๐
- เรือ่ งการเคารพสิทธหิ นา้ ท่ีตอ่ ตนเองและผู้อ่ืนทม่ี ี
ตอ่ ครอบครัว
- ระเบียบ กฎ กตกิ า กฎหมาย
- ความรบั ผดิ ชอบ (ต่อชุมชน)
- ความเป็นพลเมอื ง

รวม ๔๐

๑๒๖

ประถมศกึ ษาปีท่ี ๕

ลาดับ หนว่ ยการเรียนรู้ เรอื่ ง จานวน
ชัว่ โมง
๑. การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและ
ผลประโยชน์สว่ นรวม ผลประโยชน์สว่ นรวม ๑๔
- การคดิ แยกแยะ
- ระบบคดิ ฐาน ๒
- ระบบคิดฐาน ๑๐
- ความแตกต่างระหว่างจรยิ ธรรมและการทุจรติ
- ประโยชนส์ ่วนตนและประโยชนส์ ่วนรวม
- การขัดกันระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและ
ผลประโยชนส์ ่วนรวม
- ผลประโยชน์ทบั ซ้อน

๒. ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ ความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ รติ ๑๐
๓. STRONG / จิตพอเพยี งตอ่ ตา้ นการทุจรติ - การทาการบา้ น
๔. พลเมอื งกบั ความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม - การทาเวร
- การสอบ
- การแตง่ กาย
- กจิ กรรมนกั เรยี น (ในห้องเรียน โรงเรียน ชุมชน)
- การเขา้ แถว

STRONG / จติ พอเพียงต่อตา้ นการทุจรติ ๖
- ความพอเพียง ๑๐
- ความโปร่งใส
- ความตืน่ รู้ / ความรู้
- ต่อต้านทจุ ริต
- มงุ่ ไปขา้ งหนา้
- ความเอ้อื อาทร

พลเมืองกับความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม
- เรือ่ งการเคารพสทิ ธหิ น้าทตี่ ่อตนเองและผู้อ่นื
- ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย
- ความรับผดิ ชอบ (ตอ่ สังคม)
- ความเปน็ พลเมอื ง

รวม ๔๐

๑๒๗

ประถมศึกษาปที ี่ ๖

ลาดับ หนว่ ยการเรยี นรู้ เรื่อง จานวน
๑. การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและ ชั่วโมง
การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและ
ผลประโยชน์ส่วนรวม ผลประโยชนส์ ่วนรวม ๑๔
- การคิดแยกแยะ
๒. ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทจุ ริต - ระบบคิดฐาน ๒
- ระบบคดิ ฐาน ๑๐
๓. STRONG / จติ พอเพียงต่อต้านการทุจรติ - ความแตกต่างระหวา่ งจรยิ ธรรมและการทุจรติ
- ประโยชนส์ ่วนตนและประโยชนส์ ว่ นรวม
๔. พลเมอื งกับความรับผดิ ชอบต่อสังคม - การขดั กันระหวา่ งประโยชนส์ ่วนตนและ
ผลประโยชน์สว่ นรวม
- ผลประโยชนท์ บั ซ้อน
- รปู แบบของผลประโยชนท์ ับซ้อน

ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ รติ ๑๐
- การทาการบา้ น
- การทาเวร
- การสอบ
- การแตง่ กาย
- กิจกรรมนกั เรียน (ในหอ้ งเรยี น โรงเรียน ชุมชน
สังคม)
- การเข้าแถว

STRONG / จิตพอเพยี งต่อต้านการทุจรติ ๖
- การสร้างจติ สานึกความพอเพยี งตอ่ ตา้ นการทุจริต
- ความโปร่งใส
- ความตนื่ รู้ / ความรู้
- ต้านทุจรติ
- มงุ่ ไปขา้ งหนา้
- ความเออ้ื อาทร

พลเมืองกับความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม ๑๐
- เรือ่ งการเคารพสิทธิหน้าทต่ี อ่ ตนเองและผอู้ นื่ ท่มี ี
ตอ่ ประเทศชาติ
- ระเบยี บ กฎ กติกา กฎหมาย
- ความรับผดิ ชอบ (ตอ่ ประเทศชาติ)
- ความเป็นพลเมอื ง

รวม ๔๐

๑๒๘

๗. กจิ กรรมการเรียนรู้
แนวคิดและแนวการสอน

กจิ กรรมการเรยี นรู้ที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เนน้ การใชท้ ฤษฎีการเรียนรู้ การสรา้ งความรู้ ได้แก่ ๑)
ทฤษฎคี อนสตรัคตวิ ิสต์ (Construction Theory) ๒) ทฤษฎคี อนสตรคั ตวิ ิสตเ์ ชงิ สังคม (Social Constructivism
Theory) ๓) ทฤษฎีคอนสตรัคตวิ ิสต์เชิงปญั ญา (Cognitive Constructivism) ๔) ทฤษฎปี ระมวลผลขอ้ มูล
(Information Processing Theory) ๕) ทฤษฎีพหุปัญญา (Theory of Multiple Intelligences) ๖) ทฤษฎีการ
เรยี นรู้แบบรว่ มมอื (Cooperative Learning Theory) ในการจัดการเรียนการสอน โดยภาพรวมจะใช้กลยทุ ธ์การ
สอนทเ่ี น้นผเู้ รียนเป็นสาคัญ คือจัดตามความแตกต่างของเด็กแต่ละคน ด้วยการสอนโดยใชก้ ระบวนการคดิ วเิ คราะห์
คดิ สงั เคราะห์ การฝกึ ปฏิบัติจริงการทาโครงงานสืบสวนสอบสวน กระบวนการเรียนรู้ ๕ ขั้นตอน
(๕ STEPs) การอภิปราย การแกป้ ญั หาตลอดจนใชเ้ ทคนิคการสอนทห่ี ลากหลายเหมาะกับผเู้ รยี นแต่ละวยั

๘. สื่อการเรียนร้แู ละแหลง่ เรียนรู้
จดั กจิ กรรมด้วยสื่อการเรยี นรู้ทเี่ กย่ี วกบั การป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ เช่น วดี โิ อ ข่าว VTR นิทาน

การต์ นู ภาพยนตรส์ น้ั เอกสารแกท้ จุ ริตคิดฐานสอง สื่อสิงพิมพ์ตา่ ง ๆ ใบความรู้ ใบงาน วสั ดอุ ปุ กรณ์ต่าง ตลอดจน
แหล่งเรียนรทู้ ใี่ ชค้ อมพวิ เตอร์ในการสืบค้น

๙. การวดั และประเมนิ ผล
๙.๑ การประเมนิ การเรียนรู้ โดยใช้เครื่องมือประเมินการเรียนรใู้ นด้าน
- ความรู้ความเข้าใจ
- การปฏิบตั ิ
- คณุ ลักษณะที่พงึ ประสงค์
เครอื่ งมือทีใ่ ช้ประเมิน
- แบบสอบถาม
- แบบประเมินการปฏบิ ตั ิงาน
- แบบสังเกตพฤตกิ รรมการปฏิบัติงาน
๙.๒ การประเมินผล
นกั เรียนผ่านการประเมินทุกกิจกรรม ร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป จึงจะถือวา่ ผ่านเกณฑ์การประเมิน

๑๒๙

๑๐. ตารางชัว่ โมงการจดั การเรยี นการสอน
ประกอบดว้ ย ๔ หนว่ ยการเรยี นรู้ คอื ๑) การคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนกบั ผลประโยชนส์ ่วนรวม ๒)

ความไม่ทนและความอายตอ่ การทจุ รติ ๓) STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นทุจริต และ ๔) พลเมืองกับ ความรบั ผดิ ชอบต่อ
สงั คม โดยกาหนดชั่วโมงการจัดการเรียนการสอนดงั น้ี

ท่ี หน่วยการเรียนรู้ ปฐมวัย (ช่วั โมง) ระดับการศกึ ษา ป.๔-๖ (ช่ัวโมง)
๑๔ ป.๑-๓ (ชวั่ โมง) ๑๔
๑ การคดิ แยกแยะระหว่าง
ผลประโยชน์ส่วนตนและ ๑๒ ๑๖ ๑๐
ประโยชน์ส่วนรวม ๙ ๖
๕ ๑๐ ๑๐
๒ ความไม่ทนและความอายต่อการ ๔๐ ๔ ๔๐
ทจุ ริต ๑๐
๔๐
๓ STRONG : จติ พอเพียงต่อตา้ น
การทจุ รติ

๔ พลเมืองกบั ความรับผดิ ชอบต่อ
สงั คม
รวม

โดยหลักสูตรรายวิชาเพ่ิมเติม การป้องกันการทจุ ริต การศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน กาหนดเป็น ๑ หลกั สตู ร และแยก
เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ ๗ ระดับช้ันปี ได้แก่ ระดบั ปฐมวัย ระดับประถมศึกษาชน้ั ปที ี่ ๑ - ๖

ทง้ั นี้ ในแต่ละระดบั ชน้ั ปี จะใช้เวลาเรียนท้ังปี จานวน ๔๐ ช่ัวโมง ซึง่ จะมีเน้ือหาและกิจกรรมการเรยี นการ
สอนที่แตกตา่ งกนั ตามความเหมาะสมและการเรียนรู้ในแต่ละช่วงวยั

๑๓๐

กิจกรรมพฒั นำผู้เรียน

๑๓๑

กจิ กรรมพัฒนำผูเ้ รียน

โรงเรียนบ้านท่าข้ามได้จัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนโดยมุ่งให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ได้ฝึก
ปฏิบัติจริงและค้นพบความถนัดของตนเอง สามารถค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมตามความสนใจจากแหล่งเรียนรู้ที่
หลากหลาย บาเพ็ญประโยชน์เพ่ือสังคม มีทักษะในการดาเนินงาน ส่งเสริมให้มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ สังคม ศีลธรรม
จรยิ ธรรม ให้ผเู้ รยี นรูจ้ ักและเข้าใจตนเอง สามารถวางแผนชวี ิตและอาชีพได้อยา่ งเหมาะสม

กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นกิจกรรมท่ีมุ่งให้ผเู้ รียนพัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาการเรียนรู้อย่างรอบด้าน
เพ่ือความเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม เสริมสร้างให้เป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม มี
ระเบียบวนิ ัย ปลกู ฝังให้สรา้ งจติ สานึกของการทาประโยชน์เพ่ือสังคม สามรถจักการตนเองได้และอยรู่ ว่ มกับผู้อ่นื อย่าง
มคี วามสุข โรงเรียนบ้านท่าข้ามไดจ้ ดั กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน โดยแบ่งออกเป็น ๓ ลกั ษณะ ดงั น้ี

๑. กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์สิ่งแวดล้อม ส ามารถ
ตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา กาหนดเป้าหมาย วางแผนชีวิตท้ังด้านการเรียนและอาชีพ สามารถปรับตนได้อย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ยังชว่ ยให้ครรู ู้จักและเข้าใจผู้เรียน ทง้ั ยังเป็นกจิ กรรมท่ชี ่วยเหลือและให้คาปรึกษาแกผ่ ู้ปกครองในการมีส่วน
ร่วมพฒั นาผ้เู รียน โดยนกั เรียนทกุ คนต้องเข้าร่วมกิจกรรมแนะแนว ๔๐ ช่ัวโมงต่อปีการศึกษา

๒. กิจกรรมนักเรียนเป็นกิจกรรมท่ีมุ่งพัฒนาระเบียบวินัย ความเป็นผู้นาผู้ตามที่ดี ความรับผิดชอบ การ
ทางานร่วมกัน รู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจท่ีเหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันเอื้ออาทรและ
สมานฉันท์ โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัดและความสนใจของผู้เรียน ให้ได้ปฏิบัติด้วยตนเองใน
ทุกข้ันตอน ได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติตามแผนประเมินและปรับปรุงการทางานเน้นการทางาน
รวมกันเป็นกลุ่มตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับวุฒิภาวะของผู้เรียนและบริบทของสถานศึกษาและท้องถ่ิน
กิจกรรมนักเรียน ประกอบด้วย กิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วม กิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี
๓๐ ชั่งโมงตอ่ ปีการศึกษา กิจกรรมชุมนมุ นกั เรยี นทุกคนตอ้ งเข้ารว่ มกิจกรรม ชมุ นมุ ๔๐ ชัง่ โมงต่อปีการศกึ ษา

๓. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เปน็ กจิ กรรมที่ส่งเสริมใหผ้ ู้เรียนบาเพ็ญตนใหเ้ ป็นประโยชน์ต่อ
สังคม ชุมชนและท้องถ่ินตามความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพ่ือแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความ
เสียสละการมีจิตสาธารณะ เช่น กิจกรรมอาสาพัฒนาต่างๆ กิจกรรมสร้างสรรค์สังคม นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วม
กิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ ชั่วโมงต่อปกี ารศกึ ษา

๑๓๒

โครงสร้ำงและอตั รำเวลำกำรจดั กจิ กรรม

กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น ระดับประถมศึกษา

ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖

๑. กิจกรรมแนะแนว ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐

๒. กิจกรรมนกั เรียน

๒.๑ ลกู เสือ-เนตรนารี ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐

๒.๒ กิจกรรมชมุ นุม ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐

๓. กจิ กรรมเพ่อื สังคม ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐

และสาธารณประโยชน์

เวลาเรียนรวม ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐

๑. กจิ กรรมแนะแนว
วตั ถปุ ระสงค์
๑. เพื่อผ้เู รียนคน้ พบความถนัด ความสามารถ ความสนใจของตนเอง รักละเหน็ คุณคา่ ในตนเองและผอู้ ื่น
๒. เพ่ือให้ผู้เรียนแสวงหาความรู้จากข้อมูล ข่าวสาร แหล่งเรียนรู้ ทั้งด้านการศึกษา อาชีพส่วนตัว สังคม
เพ่ือนาไปใช้ในการวางแผน เลือกแนวทางการศึกษาอาชีพได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับศักยภาพของ
ตนเอง
๓. เพอ่ื ให้ผู้เรยี นไดพ้ ฒั นาบุคลกิ ภาพ และรบั ตัวอยู่ในสงั คมไดอ้ ยา่ งมีความสขุ
๔. เพื่อให้ผู้เรียนมคี วามรู้ มีทกั ษะ มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ ในงานอาชพี และมเี จตคติทด่ี ีตอ่ อาชีพสุจรติ
๕. เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รยี นมคี ่านิยมที่ดีงามในการดาเนินชีวติ สร้างเสรมิ วินยั คณุ ธรรมและจรยิ ธรรมแก่นักเรยี น
๖. เพ่อื ให้ผู้เรียนมจี ิตสานึกในการรบั ผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว สงั คม และประเทศชาติ

แนวกำรจดั กิจกรรม โรงเรยี นบ้านท่าขา้ มได้จัดกจิ กรรมแนะแนวเพ่ือชว่ ยเหลือและพัฒนาผู้เรียน ดังน้ี
๑. จัดกิจกรรมเพ่ือให้ครูได้รู้จักและช่วยเหลือผู้เรียนมากขึ้น โดยใช้กระบวนการทางจิตวิทยา การ

จัดบริการสนเทศ โดยให้มีเอกสารเพ่ือใช้ในการสารวจข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้เรียน ด้วยการสังเกต
สัมภาษณ์ การใช้แบบสอบถาม การเขียนประวัติ การพบผู้ปกครองก่อนและระหว่างเรียน การเย่ียม
บ้านนักเรียน การให้ความช่วยเหลือผู้เรียนเรื่องสุขภาพจิต เศรษฐกิจ การจัดทาระเบียนสะสม สมุด
รายงานประจาตัวนักเรียน และบัตรสขุ ภาพ
๒. การจัดกิจกรรมพัฒนาวุฒิภาวะทางอารมณ์ โดยทาแบบทดสอบเพ่ือรู้จักและเข้าใจตนเอง มีทักษะใน
การตัดสินใจ การปรบั ตัว การวางแผนเพื่อเลอื กศกึ ษาต่อ เลอื กอาชพี
๓. การจัดบริการให้คาปรึกษาแก่ผู้เรียนรายบุคคล และรายกลุ่ม ในด้านการศึกษา อาชีพ และส่วนตัว
โดยมีผู้ให้คาปรึกษาท่ีมีคุณวุฒิ และมีความเช่ียวชาญในเร่ืองการให้คาปรึกษา ตลอดจนมีห้องให้
คาปรกึ ษาท่เี หมาะสม

๑๓๓

๓.๑ ช่วยเหลอื ผู้เรียนท่ปี ระสบปญั หาด้านการเงิน โดยการให้ทนุ การศึกษาแก่ผ้เู รียน
๓.๒ ติดตามเกบ็ ข้อมูลของนกั เรยี นท่ีสาเร็จการศึกษา

๒. กจิ กรรมนกั เรยี น
๑. กิจกรรมลกู เสอื
กิจกรรมลูกเสือ - เนตรนำรี
ผเู้ รยี นในระดับชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๑-๖ ทุกคน ได้ฝกึ อบรมวิชาลูกเสือ - เนตรนารี เพื่อส่งเสรมิ หลักการ

ปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ส่งเสริมความสามัคคี มีวินัย และบาเพ็ญประโยชน์
ตอ่ สงั คม โดยดาเนนิ การจัดกจิ กรรมตามข้อกาหนดของคณะกรรมการลูกเสือแห่งชาติ

วัตถุประสงค์
พระราชบญั ญัติลกู เสอื พ.ศ.๒๕๕๑ มาตรา ๘ ได้กาหนดวัตถปุ ระสงคข์ องการฝึกอบรม เพอื่ พฒั นาลกู เสือ
ทั้งทางกาย สติปัญญา จิตใจ และศีลธรรมให้เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ และช่วยสร้างสรรค์สังคม เพ่ือให้
เกิดความสามัคคี และความเจริญก้าวหน้า ทั้งนี้เพื่อความสงบสุข และความมั่งคงของประเทศชาติตามแนวทาง
ดงั ต่อไปนี้

๑. ให้มีนิสัยในการสงั เกต จดจา เชื่อฟัง และพง่ึ ตนเอง
๒. ใหม้ คี วามซอ่ื สตั ย์สุจรติ มรี ะเบียบวนิ ยั และเหน็ อกเห็นใจผูอ้ น่ื
๓. ให้รจู้ กั บาเพ็ญตนเพ่ือสาธารณประโยชน์
๔. ให้รู้จกั ทาการฝมี ือและฝึกฝนการทากจิ กรรมตา่ งๆตามความเหมาะสม
๕. ให้รู้จักรกั ษาและส่งเสรมิ จารตี ประเพณี วัฒนธรรม และความมั่งคงชองชาติ
แนวกำรจัดกจิ กรรม

กจิ กรรมลกู เสือ เนตรนำรี ช้นั ประถมศึกษำปีที่ ๑-๓
เปิดประชุมกอง ดาเนินการตามกระบานการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมให้ศึกษาวิเคราะห์ วางแผน
ปฏิบัติกิจกรรมตามมาตรฐาน โดยเน้นระบบหมู่ สรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุมกอง โดยให้ผู้เรียนศึกษา
และฝกึ ปฏิบัตดิ ังน้ี

๑. เตรียมลูกเสือสารอง นิยายเร่ือเมาคลี ประวัติการเริ่มกิจกรรมลูกเสือสารอง การทาความ
เคารพเป็นหมู่ (แกรนด์ฮาวล์) การทาความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย ระเบียบแถว
เบื้องต้น คาปฏิญาณ กฎ และคตพิ จน์ของลกู เสือสารอง

๒. ลูกเสือสารองดาวดวงท่ี ๑ , ๒ และ ๓ อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสารวจ การ
คน้ หาธรรมชาติ ความปลอดภยั บริการ ธง และประเทศต่างๆ การฝีมอื กิจกรรมกลางแจ้ง
การบันเทิง การผูกเงื่อน คาปฏิญาณ และกฎของลูกเสือสารองโดยใช้กระบานการทางาน
กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการจัดการ กระบวนการคิดริเริ่ม
สร้างสรรค์ กระบวนการฝึกปฏิบัติ ทางลูกเสือ กระบวนการทางเทคโนโลยี และภูมิปัญญา
ท้องถน่ิ ได้อยา่ งเหมาะสม

๑๓๔

เพอ่ื ใหม้ ีความรู้ ความเขา้ ใจในกจิ กรรมลกู เสือ สามารถปฏิบตั ิตามคาปฏญิ าณ กฎ และคตพิ จนข์ องลูกเสือ
สารอง มีนิสัยในการสังเกต จดจา เชื่อฟัง และพ่ึงตนเอง ซื่อสัตย์ สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอกเห็นใจผู้อนื่
บาเพญ็ ตนเพื่อสาธารณประโยชน์ รู้จักทาการฝมี อื พัฒนากาย จติ ใจ และศลี ธรรม ท้งั น้ีโดยไม่เกีย่ วขอ้ งกับลัทธิทาง
การเมืองใดๆ สนใจและอนุรกั ษ์ธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม นาไปใช้ในชีวิตประจาวนั ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ

กจิ กรรมลูกเสือ - เนตรนำรี ชนั้ ประถมศึกษำปีที่ ๔-๖
เปิดประชุมกอง ดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน
ปฏิบัติกิจกรรมตามมาตรฐาน โดยเน้นระบบหมู่ สรุปการปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุมกอง โดยให้ผู้เรียนศึกษาและ
ปฏิบตั ใิ นเรอ่ื ง
๑. ลูกเสือตรี ความรู้เกี่ยวกับขบวนการลูกเสือ คาปฏิญาณและกฎของลูกเสือสามัญ กิจกรรมกลางแจ้ง

ระเบยี บแถว
๒. ลูกเสือโท การรู้จักดูแลตนเอง การช่วยเหลือผู้อื่น การเดินทางไปยังสถานท่ีต่างๆ ทักษะทางวิชา

ลูกเสือ งานอดิเรกและเรือ่ ทีน่ ่าสนใจ คาปฏญิ าณ และกฎของลกู เสอื ระเบียบแถว
๓. ลูกเสือเอก การพ่ึงพาตนเอง การบริการ การผจญภัย วิชาการของลูกเสือ ระเบียบแถว โดยใช้

กระบวนการทางาน กระบวนการแก้ปัญหา ระบวนการกลุ่ม กระบวนการจัดการ กระบวนการคิด
ริเร่ิม สร้างสรรค์ กระบวนการฝึกปฏิบัติทางลูกเสือ กระบวนการทางเทคโนโลยี และภูมิปัญญา
ทอ้ งถ่นิ ได้อยา่ งเหมาะสม
เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของลูกเสือ
สามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจา เช่ือฟัง และพึ่งตนเอง ซ่ือสัตย์ สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
บาเพ็ญตนเพ่ือสารธารณประโยชน์ รู้จักทาการฝีมือ พัฒนากาย จิตใจ และศีลธรรม ทั้งน้ีโดยไม่เก่ียวข้องกับลัทธิ
ทางการเมอื งใดๆ สนใจและอนุรกั ษธ์ รรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม และนาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวันไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
หมำยเหตุ ผู้เรียนไดป้ ฏิบตั กิ ิจกรรม และผ่านการทดสอบแล้ว จะได้รับเครื่องหมายลูกเสือตรี ลูกเสอื โท และ

ลกู เสอื เอก

๒. กจิ กรรมชมุ นมุ
วัตถปุ ระสงค์

๑. เพื่อใหผ้ ูเ้ รยี นไดป้ ฏิบัตกิ ิจกรรมตามความสนใจ ความถนดั และความตอ้ งการของตน
๒. เพอ่ื ให้ผเู้ รียนได้พฒั นาความรู้ ความสามารถด้านการคิดวเิ คราะห์ สังเคราะห์ ให้เกดิ ประสบการณ์

ท้งั ทางวิชาการและวชิ าชีพตามศักยภาพ
๓. เพอ่ื ส่งเสรมิ ให้ผ้เู รยี นใช้เวลาใหเ้ กิดประโยชน์ตอ่ ตนเองและสว่ นรวม
๔. เพือ่ ให้ผเู้ รียนทางานร่วมกบั ผอู้ ื่น ได้ตามวถิ ีประชาธปิ ไตย

๑๓๕

แนวกำรจัดกจิ กรรม
การจัดกิจกรรมตามความสนใจ (ชุมนุม) ผู้เรียนสามารถเลือกเข้าเป็นสมาชิกชุมนุม วางแผนการดาเนิน

กิจกรรมร่วมกนั โดยมีชุมนมุ ท่หี ลากหลาย เหมาะสมกบั เพศ วัย และความสนใจของผูเ้ รียน ประกอบด้วยกิจกรรมด้าน
คุณธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่งเสริมประชาธิปไตย ส่งเสริมการเรียนรู้ และค่ายวิชาการ
การศึกษาดงู าน การฝกึ ปฏิบัติ การบรรยายพเิ ศษดงั ตวั อยา่ งพอสงั เขปต่อไปน้ี

๑. กิจกรรมพัฒนาวุฒิภาวะทางอารมณ์ ศีลธรรมและจริยธรรม จัดสอนจริยธรรมในห้องเรียน จัดให้มี
การปฏิบัติกิจกรรมเนื่องในวันสาคัญทั้งทางชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยผู้เรียนมีส่วนร่วมใน
การจัดกิจกรรมทั้งในด้านวฒั นธรรม ประเพณี กีฬา และศลี ปะ

๒. กิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต จัดกิจกรรมแข่งขันกีฬาสีทุกช่วงช้ัน โดยผู้เรียนได้ฝึกทักษะการทางาน
และการแกป้ ญั หาทุกขั้นตอน

๓. กิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการทางาน จัดกิจกรรมวันวิชาการโดยผู้เรียนมีโอกาสปฏิบัติจริง และฝึก
ทักษะการจัดการ

๔. กจิ กรรมเพอื่ อนรุ ักษส์ ิง่ แวดลอ้ มและวัฒนธรรม โดยจดั กิจกรรมสืบสานวฒั นธรรมไทย เช่น ประเพณี
ไหว้ครู ประเพณลี อยกระทง

๕. กิจกรรมส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย จัดให้มีการเลือกคณะกรรมการนักเรียน โดยให้
นากระบวนการประชาธิปไตยไปใชใ้ นการรว่ มวางแผนดาเนินงานพัฒนาโรงเรยี น

๖. กจิ กรรมคนดีของสงั คม จัดให้มกี ารบรรยายให้ความรู้ เพ่ือป้องกนั ปัญหาโรคติดต่อร้ายแรง ปญั หา
ยาเสพติด ปญั หาวยั ร่นุ ใหค้ วามรเู้ พื่อปลกู ฝงั ใหเ้ ปน็ สุภาพบรุ ษุ สุภาพสตรี

๗. กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ โดยจัดแหล่งเรียนรู้ ได้แก่ ห้องสมุด ห้องปฏิบัติการทางภาษา
ห้องปฏิบตั ิการทางวทิ ยาศาสตร์ หอ้ งเทคโนโลยีสารสนเทศ

๘. กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพและอนามยั ใหบ้ รกิ ารห้องพยาบาล มีบรกิ ารใหค้ วามรแู้ กผ่ เู้ รยี น เพื่อปอ้ งกัน
โรคระบาดอยา่ งทันเหตกุ ารณ์

๓. กจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสำธำรณประโยชน์
วตั ถุประสงค์

๑. เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนบาเพ็ญตนให้เปน็ ประโยชน์ต่อครอบครวั โรงเรียน ชุมชน และประเทศชาติ
๒. เพื่อให้ผู้เรียนออกแบบกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ตามความถนัดและ

ความสนใจในลกั ษณะอาสาสมคั ร
๓. เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนาศักยภาพในการจัดกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ได้อย่างมี

ประสิทธภิ าพ
๔. เพ่ือให้ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรม จริยธรรมตาม

คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
๕. เพอ่ื ให้ผ้เู รยี นมีจติ สาธารณะและใชเ้ วลาวา่ งให้เกิดประโยชน์

๑๓๖

แนวกำรจดั กจิ กรรม
การจัดกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ทาประโยชน์ตาม

ความสามารถ ความถนัดและความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความ
เสียสละต่อสังคม มีจิตใจมุ่งทาประโยชน์ต่อครอบครัว ชุมชนและสังคมกิจกรรมสาคัญ ได้แก่ กิจกรรมบาเพ็ญ
ประโยชน์ กิจกรรมสร้างสรรค์สังคม กิจกรรมดารงรักษา สืบสาน ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม กิจกรรมพัฒนา
นวัตกรรมและเทคโนโลยี

เวลาเรียนสาหรับกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ในส่วนกิจ กรรมเพ่ือสังคมและ
สาธารณประโยชน์ จัดสรรเวลาให้ผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีท่ี ๑-๖ รวม ๖ ปี จานวน ๖๐ ชั่วโมง (เฉล่ียปีละ ๑๐
ชั่วโมง)

การจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ในระดับประถมศึกษาปีท่ี ๑-๖ เป็นการจัดกิจกรรม
ภายในเวลาเรียน โดยให้ผู้เรียนรายงานแสดงกรเข้าร่วมกิจกรรมลงในสมุดบันทึก และมีผู้รับรองผลการเข้าร่วม
กิจกรรมทุกครัง้

แนวทำงกำรประเมินกิจกรรมพัฒนำผู้เรียน
โรงเรยี นบา้ นท่าข้ามกาหนดแนวทางในการประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนดงั นี้
๑. กำรประเมินกจิ กรรมพัฒนำผเู้ รียนรำยกิจกรรม มแี นวทางปฏบิ ัติดังน้ี
๑.๑ การตรวจสอบเวลาเข้าร่วมกิจกรรมของผู้เรียน ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนตลอดปี

การศกึ ษา
๑.๒ ประเมินกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียนจากการปฏบิ ัติกิจกรรมและผลงาน/ช้ินงานของผู้เรียน ผู้เรียนต้อง

ได้รับการประเมินทุกผลการเรียนรู้ และผ่านทุกผลการเรียนรู้ โดยแต่ละผลการเรียนรู้ผ่านไม่น้อยกล่าร้อยละ ๕๐
หรือมีคุณภาพในระดบั ๑ ขึน้ ไป

๑.๓ ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรมและผลงาน/ชิ้นงานของผู้เรียนตามเกณฑ์ ข้อ
๑.๑ และข้อ ๑.๒ ถือว่าผู้เรียนมีผลการเรียน “ผ” ผ่านการประเมินกิจกรรมและนาผลการประเมินไปบันทึกใน
ระเบียนแสดงผลการเรียน

๑.๔ ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การปฏิบัติกิจกรรมและผลงานไม่เป็นไปตามเกณฑ์
ข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ ถือว่าผู้เรียนมีผลการเรียน “มผ” โรงเรียนต้องจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรียนทากิจกรรมในส่วนท่ี
ผู้เรียนไม่ได้เข้าร่วมหรือไม่ได้ทาจนครบถ้วน แล้วจึงเปลี่ยนผลการเรียนจาก “มผ” เป็น “ผ” และนาผลการ
ประเมินไปบนั ทกึ ในระเบยี นแสดงผลการเรียน

๒. กำรประเมินกจิ กรรมพัฒนำผูเ้ รยี นเพ่อื กำรตัดสิน มแี นวปฏบิ ตั ิดงั น้ี
๒.๑ กาหนดให้ผู้รับผิดชอบในการรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับการร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของผู้เรียนทุก

คนตลอดระดบั การศึกษา
๒.๒ ผู้รับผิดชอบสรุปและตัดสินการร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของผู้เรียนเป็นรายบุคคลตามเกณฑ์ที่

โรงเรียนกาหนด ผเู้ รียนจะต้องผ่านกิจกรรม ๓ กิจกรรมสาคัญดงั น้ี

๑๓๗

๒.๒.๑ กิจกรรมแนะแนว
๒.๒.๒ กจิ กรรมนกั เรียน ไดแ้ ก่

๑. กจิ กรรมลกู เสอื เนตรนารี
๒. กจิ กรรมชุมนุม
๒.๒.๓ กจิ กรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์
๒.๓ การนาเสนอผลการประเมินต่อคณะกรรมการกลุ่มสาระการเรยี นรู้และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน
๒.๔ เสนอผู้บริหารโรงเรียนพิจารณาอนุมัติผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนผ่านเกณฑ์การจบแต่
ละระดับการศกึ ษา

๑๓๘

คำอธบิ ำยรำยวิชำกิจกรรมพัฒนำผเู้ รยี น

กิจกรรมพฒั นำผเู้ รยี น กิจกรรมแนะแนว
ช้นั ประถมศกึ ษำปที ี ๑ - ๖ เวลำ ๔๐ ชวั่ โมง/ปี

รู้จักและเข้าใจตนเอง รักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อ่ืน มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ มีเจตคติที่ดีต่อการมี
ชีวิตท่ีดีมีคุณภาพ มีทักษะในการดาเนินชวี ิต สามารถปรบั ตวั ให้ดารงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข รู้จักตนเอง
ในทุกด้าน รู้ความถนัด ความสนใจ และบุคลิกภาพของตนเอง รู้และเข้าใจโลกของงานอาชีพอย่างหลากหลาย มี
เจตคติที่ดีต่ออาชีพสุจรติ รู้ข้อมูลอาชีพ สามารถเลือกตนแนวทางในการประกอบอาชีพได้อย่างเหมาะสม มีการ
เตรียมตัวสู่อาชีพ สามารถวางแผนเพ่ือประกอบอาชีพตามท่ีตนเองมีความถนัดและสนใจ มีคุณลักษณะพ้ืนฐานท่ี
จาเปน็ ในการประกอบอาชีพและพฒั นางานใหป้ ระสบความสาเร็จเพื่อสร้างฐานะทางเศรษฐกิจให้กับตนเอง ครอบครัว
ชุมชนและประเทศชาติ

พัฒนาตนเองในด้านการเรียนอย่างเต็มศักยภาพ รู้จักแสวงหาความรู้ใฝ่รู้ใฝ่เรียนให้เป็นคนดีมีความรู้และ
ทกั ษะทางวิชาการ รจู้ กั แสวงหาและใช้ข้อมลู ประกอบการวางแผนการเรียนหรือการศึกษาต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มีวิธีการเรียนรู้ มีทักษะการคิด แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ คิดเป็น ทาเป็น มีคุณธรรม จริยธรรม เอ้ืออาทรและ
สมานฉนั ท์ เพื่อดารงชวี ิตอยรู่ วมกันอยา่ งสงบสุขตามวิถีชีวิตเศรษฐกจิ พอเพยี ง

เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ รู้จัก เข้าใจ รักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อ่ืน เกิดการเรียนรู้สามารถวาง
แผนการเรยี นรู้ อาชพี รวมท้ังการดาเนนิ ชวี ติ และมที ักษะทางสังคม เกิดการเรียนร้สู ามารถปรบั ตวั ได้อย่างเหมาะสม
อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข พ่ึงตนเองได้มีทักษะในการเลือกแนวทางการศึกษา การงานและอาชีพ ชีวิตและ
สังคม มีสุขภาพจิตท่ีดีและจิตสานึกในการทาประโยชน์ต่อครอบครัว สังคมและประเทศชาติตามหลักปรัชญาของ
เศรษฐกจิ พอเพียง

ผลกำรเรียนรู้
๑. เพอ่ื ใหผ้ ู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ร้จู กั เขา้ ใจ รกั และเหน็ คุณค่าในตนเองและผอู้ ่ืน
๒. เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ สามารถวางแผนการเรยี น การศึกษาตอ่ อาชีพ รวมท้งั การดาเนินชวี ติ
และมีทักษะทางสังคม
๓. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรยี นรู้ สามารถปรบั ตวั ได้อย่างเหมาะสม และอยรู่ ว่ มกบั ผู้อนื่ ได้อย่างเหมาะสม
๔. สามารถประยุกต์ใชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งได้

รวม ๔ ผลกำรเรียนรู้

กิจกรรมพฒั นำผเู้ รียน ๑๓๙
ช้ันประถมศึกษำปีที ๑
คำอธิบำยรำยวชิ ำกจิ กรรมพัฒนำผู้เรียน
กจิ กรรมนกั เรียน (เตรียมลูกเสือสำรองและลูกเสือสำรองดำวดวงท่ี ๑)

เวลำ ๓๐ ชัว่ โมง/ปี

เปิดประชุมกอง ดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสือและจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน
ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่และปฏิบัติกิจกรรมตามคาปฏิญาณและกฎของลูกเสือสารอง
เรยี นรจู้ ากการคิดและปฏิบตั ิจริงใชส้ ัญลกั ษณ์สมาชิกลูกเสือสารองท่ีมคี วามเป็นเอกลักษณร์ ่วมกัน ศึกษาธรรมชาติใน
ชุมชนด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุมกอง ใน
เร่อื งตอ่ ไปน้ี

๑. เตรียมลูกเสือสารอง นิยายเมาคลี ประวัติการเริ่มกิจการลูกเสือ การทาความเคารพหมู่
(แกรนดฮ์ าวล)์ การทาความเคารพเปน็ รายบุคคล การจับมือซา้ ย ระเบียบแถว เบือ้ งต้น คาปฏิญาณ
กฎและคติพจน์ของลกู เสอื สารอง

๒. ลูกเสือสารองดาวดวงที่ ๑ อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสารวจ การค้นหาธรรมชาติ
ความปลอดภัย บริการ ธงและประเทศต่าง ๆ การฝีมือ กิจกรรมกลางแจ้ง การบันเทิง การผูก
เงื่อน คาปฏิญาณและกฎของลูกเสอื สารอง

เพอ่ื ให้มคี วามรู้ ความเข้าใจในกจิ กรรมลูกเสอื สารองดาวดวงที่ ๑ สามารถปฏบิ ัติตามคาปฏญิ าณ กฎ
และคตพิ จน์ของลูกเสือสารอง มนี สิ ัยในการสังเกต จดจา เช่อื ฟงั และพ่ึงตนเอง มีความซอ่ื สตั ย์ สุจริต มรี ะเบียบ
วนิ ยั และเห็นอกเห็นใจผอู้ ่ืน รูจ้ กั บาเพญ็ ตนเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ รจู้ กั ทาการฝีมือและฝึกฝนทากิจกรรม
ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความม่ันคงของชาติ และสามารถ
ประยุกตใ์ ช้หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

ผลกำรเรยี นรู้
๑. มนี ิสยั ในการสงั เกต จดจา เชอ่ื ฟงั และพง่ึ พาตนเองได้
๒. มีความซื่อสตั ย์ สจุ ริต มีระเบยี บวนิ ัยและเห็นอกเหน็ ใจผู้อน่ื
๓. บาเพ็ญตนเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์
๔. ทาการฝมี ือและฝึกฝนการทากจิ กรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
๕. รักษาและสง่ เสรมิ จารตี ประเพณี วฒั นธรรมประเพณี ภมู ปิ ญั ญาท้องถิ่นและ ความมน่ั คง
๖. อนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและลดภาวะโลกรอ้ น
๗. สามารถประยุกต์ใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งได้

รวม ๗ ผลกำรเรียนรู้

๑๔๐

กิจกรรมพัฒนำผู้เรียน คำอธิบำยรำยวิชำกจิ กรรมพัฒนำผู้เรียน
ชั้นประถมศกึ ษำปที ี ๒ กิจกรรมนกั เรยี น (ลูกเสือสำรองดำวดวงท่ี ๒)
เวลำ ๓๐ ชัว่ โมง/ปี

เปิดประชุมกอง ดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน
ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคาปฏิญาณ คติพจน์และกฎของลูกเสือสารอง
ศึกษาเรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริงใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสารองที่มีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษา
ธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจใฝ่รู้ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลและปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุมกองในเร่ือง
ต่อไปน้ี

ลูกเสือสารองดาวดวงที่ ๒ นิยายเมาคลี ประวัติการเริ่มกิจการลูกเสือ การทาความเคารพหมู่
(แกรนฮาวล์) การทาความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย ระเบียบแถว คาปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของ
ลูกเสือสารอง อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสารวจ การค้นหาธรรมชาติการอนุรักษ์ทรัพยากรในชุมชน
ท้องถน่ิ ความปลอดภัย บรกิ าร การผกู เงอ่ื น ธง และประเทศตา่ ง ๆ การฝีมอื ท่ีใชว้ สั ดเุ หลือใชใ้ นท้องถิน่ กิจกรรม
กลางแจ้ง การบันเทิงที่ส่งเสริมสุขภาพกายสุขภาพจิตและอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถ่ิน อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
สง่ิ แวดลอ้ มลดภาวะโลกร้อน

เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสารองดาวดวงท่ี ๒ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎและ
คติพจน์ของลูกเสือสารอง มีนิสัยในการสังเกต จดจา เชื่อฟังและพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์สุจริต มีระเบียบวินัย
และเห็นอกเห็นใจ รู้จักบาเพ็ญเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ รู้จักทาการฝีมือและฝึกฝนทากิจกรรมต่าง ๆ ตาม
ความเหมาะสม รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อม ความม่ันคงของชาติ และสามารถประยุกต์ใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

ผลกำรเรียนรู้
1. มนี ิสยั ในการสังเกต จดจา เชื่อฟังและพึ่งตนเองได้
2. มีความซื่อสัตย์ สุจรติ มรี ะเบยี บวนิ ยั และเห็นอกเหน็ ใจผู้อืน่
3. บาเพญ็ ตนเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์
4. ทาการฝมี ือและฝึกฝนทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
5. รกั ษาและสง่ เสรมิ จารีตประเพณี วฒั นธรรม ภูมปิ ัญญาท้องถิ่นและความมัน่ คงของชาติ
6. อนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน สามารถประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั ปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงได้

รวม ๖ ผลกำรเรียนรู้

กิจกรรมพัฒนำผเู้ รียน ๑๔๑
ชัน้ ประถมศกึ ษำปที ี ๓
คำอธิบำยรำยวิชำกจิ กรรมพัฒนำผเู้ รียน
กิจกรรมนักเรียน (ลูกเสือสำรองดำวดวงท่ี ๓)
เวลำ ๓๐ ชว่ั โมง/ปี

เปิดประชุมกอง ดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน
ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคาปฏิญาณ คติพจน์และกฎของลูกเสือสารอง
ศึกษาเรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริงใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสารองที่มีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษา
ธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจใฝ่รู้ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลและปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุมกองในเรื่อง
ตอ่ ไปน้ี

ลูกเสือสารองดาวดวงท่ี ๓ นิยายเมาคลี ประวัติการเร่ิมกิจการลูกเสือ การทาความเคารพหมู่
(แกรนฮาวล์) การทาความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย ระเบียบแถว คาปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของ
ลูกเสือสารอง อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสารวจ การค้นหาธรรมชาติการอนุรักษ์ทรัพยากรในชุมชน
ท้องถิน่ ความปลอดภัย บรกิ าร การผูกเง่ือน ธง และประเทศต่าง ๆ การฝีมือทใี่ ช้วัสดเุ หลอื ใช้ในท้องถ่ิน กิจกรรม
กลางแจ้ง การบันเทิงที่ส่งเสริมสุขภาพกายสุขภาพจิตและอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถ่ิน อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ส่งิ แวดลอ้ มลดภาวะโลกร้อน

เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสารองดาวดวงท่ี ๓ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎและคติ
พจน์ของลกู เสอื สารอง มีนสิ ัยในการสงั เกต จดจา เชือ่ ฟังและพึ่งตนเอง มีความซอื่ สัตย์สุจริต มีระเบยี บวนิ ยั และเห็น
อกเห็นใจ รู้จักบาเพ็ญเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ รู้จักทาการฝีมือและฝึกฝนทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความ
เหมาะสม รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติส่ิงแวดล้อม
ความม่นั คงของชาติ และสามารถประยุกตใ์ ชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

ผลกำรเรียนรู้
๑. มีนสิ ัยในการสังเกต จดจา เช่อื ฟงั และพ่งึ ตนเองได้
๒. มคี วามซื่อสตั ย์ สุจรติ มีระเบียบวนิ ยั และเห็นอกเหน็ ใจผอู้ ่ืน
๓. บาเพ็ญตนเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์
๔. ทาการฝมี ือและฝึกฝนทากิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม
๕. รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม ภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ และความมน่ั คงของชาติ
๖. อนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอ้ ม ลดภาวะโลกร้อน สามารถประยุกต์ใชห้ ลกั ปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงได้

รวม ๖ ผลกำรเรียนรู้

กจิ กรรมพัฒนำผู้เรยี น ๑๔๒
ชนั้ ประถมศึกษำปที ี ๔
คำอธบิ ำยรำยวิชำกจิ กรรมพัฒนำผเู้ รียน
กจิ กรรมนกั เรยี น (ลกู เสอื สำมญั (ลกู เสือตรี) )
เวลำ ๓๐ ช่ัวโมง/ปี

เปิดประชุมกอง ดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน
ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติกิจกรรมตามคาปฏิญาณ คติพจน์ และกฎของ
ลูกเสือสามัญ เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง ใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสามัญท่ีมีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน
ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจ ใฝ่รู้และมีจิตสานึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณี
ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิน่ ลดภาวะโลกรอ้ นและประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ความร้เู กย่ี วกับกระบวนการลูกเสือ
ประวัติของ Load Baden Powell พระราชประวัติสังเขปของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
วิวัฒนาการของกระบวนการ ลูกเสือไทยและลูกเสือโลก การทาความเคารพ การแสดงรหัส การจับมือซ้าย
กิจกรรมกลางแจ้ง ระเบียบแถวท่ามือเปล่า ท่ามือไม้พลวง การใช้สัญญามือและนกหวีด การตั้งแถวและการเรียน
แถว

เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของ
ลูกเสือสามัญ มีนสิ ยั ในการสงั เกต จดจา เชอ่ื ฟงั และพงึ่ ตนเอง มีความซอ่ื สัตย์ สุจรติ มีระเบียบวินยั และเห็นอก
เห็นใจผู้อื่น บาเพ็ญตนเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ทาการฝีมือและฝึกฝนการทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความ
เหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความม่ันคง ประโยชน์และ
สามารถประยุกตใ์ ช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ผลกำรเรยี นรู้
1. มีนสิ ัยในการสงั เกต จดจา เช่อื ฟังและพ่ึงตนเองได้
2. มคี วามซื่อสตั ย์สุจรติ มรี ะเบียบ วนิ ัยและเหน็ อกเหน็ ใจผอู้ ่นื
3. บาเพญ็ ตนเพื่อส่งเสริมและสาธารณะประโยชน์
4. ทาการฝีมือและฝึกฝนทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามความถนัดและความสนใจ
5. รกั ษาและสง่ เสริมจารีตประเพณี วฒั นธรรม ภมู ิปญั ญาท้องถิน่ และความมัน่ คงของชาติ
6. อนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน
7. สามารถประยุกตใ์ ช้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

รวม ๗ ผลกำรเรยี นรู้

กิจกรรมพฒั นำผูเ้ รยี น ๑๔๓
ชั้นประถมศึกษำปีที ๕
คำอธบิ ำยรำยวิชำกิจกรรมพัฒนำผูเ้ รียน
กจิ กรรมนกั เรยี น ( กจิ กรรมลูกเสอื สำมญั (ลูกเสือโท) )
เวลำ ๓๐ ชวั่ โมง/ปี

เปิดประชุมกองดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน
ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติกิจกรรมตามคาปฏิญาณ คติพจน์และกฎของ
ลูกเสือสามญั เรียนรจู้ ากคิดและปฏบิ ัติจริง ใชส้ ัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสามัญที่มีความเป็นเอกลักษณ์รว่ มกัน ศกึ ษา
ธรรมชาติในชมุ ชนด้วยความสนใจ ใฝร่ ู้ มีจิตสานกึ ในการอนุรกั ษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ วฒั นธรรม ภูมปิ ญั ญาท้องถ่ิน
ลดภาวะโลกร้อนและการประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้ทักษะในทางวิชาลูกเสือ การรู้จักดูแล
ตนเอง การชว่ ยเหลอื ผอู้ นื่ การเดินทางไปยังสถานทต่ี ่าง ๆ ทางานอดเิ รก และเร่อื งทส่ี นใจ

เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของ
ลูกเสอื สามัญ มนี สิ ัยในการสงั เกต จดจา เชอ่ื ฟงั และพึ่งตนเอง มคี วามซื่อสตั ย์ สุจรติ มรี ะเบียบวนิ ัย และเห็นอก
เห็นใจผู้อื่น บาเพ็ญตนเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ทาการฝีมือและฝึกฝนการทากิจกรรมต่างๆ ตามความ
เหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความมั่นคง ประโยชน์และ
สามารถประยุกตใ์ ชห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

ผลกำรเรียนรู้
1. มนี สิ ัยในการสงั เกต จดจา เชื่อฟังและพ่ึงตนเองได้
2. มีความซ่ือสตั ยส์ จุ รติ มรี ะเบียบ วินยั และเหน็ อกเหน็ ใจผ้อู ่ืน
3. บาเพ็ญตนเพ่อื ส่งเสรมิ และสาธารณะประโยชน์
4. ทาการฝีมือและฝึกฝนทากจิ กรรมต่าง ๆ ตามความถนดั และความสนใจ
5. รกั ษาและสง่ เสรมิ จารีตประเพณี วัฒนธรรม ภมู ปิ ญั ญาท้องถ่นิ และความมัน่ คงของชาติ
6. อนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน
7. สามารถประยุกต์ใช้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

รวม ๗ ผลกำรเรียนรู้

กิจกรรมพฒั นำผเู้ รยี น ๑๔๔
ชั้นประถมศึกษำปที ี ๖
คำอธบิ ำยรำยวิชำกิจกรรมพัฒนำผ้เู รียน
กจิ กรรมนักเรยี น ( กิจกรรมลูกเสือสำมัญ (ลูกเสือเอก) )
เวลำ ๓๐ ชั่วโมง/ปี

เปิดประชมุ กองดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจดั กจิ กรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบตั ิ
กจิ กรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัตติ ามคาปฏญิ าณ คตพิ จน์ และกฎของลกู เสอื สามญั วิชาการ
ของลูกเสือ ระเบียบแถว การพึ่งตนเอง การผจญภัย การใช้สัญลักษณ์ สมาชิกลูกเสือสามัญ ที่มีความเป็น
เอกลกั ษณร์ ว่ มกัน เรยี นรจู้ ากการคิดและปฏิบัติจริง ศึกษาธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณี ภมู ปิ ัญญาท้องถ่ินด้วยความ
สนใจ ใฝ่รู้ และประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในการปฏิบัติกิจกรรมเพ่ือการอนุรักษ์
ทรพั ยากรธรรมชาติและลดภาวะโลกรอ้ น

เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของ
ลูกเสอื สามญั มนี ิสยั ในการสังเกต จดจา เชอื่ ฟัง และพ่งึ ตนเอง มคี วามซ่ือสตั ย์ สุจริต มรี ะเบียบวินัย และเห็นอก
เห็นใจผู้อื่น บาเพ็ญตนเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ทาการฝีมือและฝึกฝนการทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความ
เหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความม่ันคง ประโยชน์และ
สามารถประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ผลกำรเรียนรู้
1. มนี สิ ัยในการสงั เกต จดจา เชื่อฟงั และพึ่งตนเองได้
2. มคี วามซื่อสัตยส์ ุจรติ มรี ะเบียบ วนิ ยั และเหน็ อกเหน็ ใจผู้อื่น
3. บาเพ็ญตนเพ่อื ส่งเสริมและสาธารณะประโยชน์
4. ทาการฝมี ือและฝึกฝนทากิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความถนดั และความสนใจ
5. รกั ษาและส่งเสรมิ จารตี ประเพณี วัฒนธรรม ภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ และความม่ันคงของชาติ
6. อนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม ลดภาวะโลกร้อน
7. สามารถประยุกตใ์ ช้ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

รวม ๗ ผลกำรเรยี นรู้

กิจกรรมพฒั นำผู้เรยี น ๑๔๕
ชั้นประถมศึกษำปีที ๑ - ๖
คำอธิบำยรำยวชิ ำกจิ กรรมพัฒนำผูเ้ รยี น
กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสำธำรณประโยชน์
เวลำ ๑๐ ชั่วโมง/ปี

ฝึกปฏิบัติกิจกรรมด้วยความสมัครใจผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย ฝึกการทางานท่ีสอดคล้องกับชีวิตจริง
ตลอดจนสะท้อนความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ สารวจและใช้ข้อมูลประกอบการวางแผนอย่างเป็นระบบ เน้น
ทักษะการคิดวิเคราะห์ และใช้ความคิดสร้างสรรค์ การบริการด้านต่าง ๆ ท่ีเป็นประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม
เสริมสร้างความมีน้าใจ เอื้ออาทร ความเป็นพลเมืองดีและความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัวและสังคม คิด
ออกแบบกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ในลักษณะอาสาสมคั ร จิตอาสา เพ่อื แสดงความรบั ผิดชอบต่อสังคมตามแนวทาง
วิถชี วี ิตเศรษฐกิจพอเพียง

เพื่อให้ผู้เรียนบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคมและประเทศชาติ สามารถ
ออกแบบการจัดกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ตามความถนัดและความสนใจในลักษณะ
อาสาสมัคร พัฒนาศักยภาพตนเองในการจัดกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อ
สังคมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรม จริยธรรม ตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีจิตสาธารณะและใช้เวลา
วา่ งใหเ้ กดิ ประโยชน์ และสามารถประยุกต์ใช้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงได้

ผลกำรเรยี นรู้
1. บาเพ็ญตนให้เป็นประโยชนต์ ่อครอบครวั โรงเรียน ชมุ ชน สงั คมและประเทศชาติ
2. ออกแบบการจดั กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชนอ์ ยา่ งสร้างสรรค์ ตามความถนัดและความ
สนใจในลักษณะอาสาสมัคร
3. สามารถพฒั นาศักยภาพในการจดั กจิ กรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
4. ปฏิบตั ิกจิ การเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชนจ์ นเกิดคุณธรรม จริยธรรมตามคณุ ลักษณะอนั พึง
ประสงค์
5. สามารถประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงได้

รวม ๕ ผลกำรเรยี นรู้

กิจกรรมพฒั นำผเู้ รยี น ๑๔๖
ช้ันประถมศึกษำปที ี ๑ - ๖
คำอธิบำยรำยวิชำกิจกรรมพัฒนำผู้เรียน
กิจกรรมนักเรียน (กิจกรรมชุมนุม)
เวลำ ๔๐ ชวั่ โมง/ปี

ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตามความสนใจ ความถนดั และความต้องการ เพื่อพฒั นาความรู้ ความสามารถดา้ นการคิด
วิเคราะห์ สังเคราะหใ์ ห้เกิดประสบการณ์ทั้งด้านวชิ าการ และพ้นื ฐานอาชีพ ทักษะชีวิตและสังคมตามศักยภาพอย่าง
รอบด้าน เพ่ือความเป็นมนุษย์ท่สี มบูรณ์ มคี วามสามารถในการสื่อสาร มีทักษะการคิด แกป้ ัญหา ความสามารถใน
การใช้เทคโนโลยี พัฒนาทักษะในการทางานและการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข รักชาติ ศาสน์
กษัตริย์ ซ่อื สตั ย์สจุ ริต มวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพียง มงุ่ ม่ันในการทางานรักความเป็นไทย มจี ิตสาธารณะ

เพื่อให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการของตน ได้พัฒนาความรู้
ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ให้เกิดประสบการณ์ท้ังทักษะทางวชิ าการ ทักษะอาชีพ ทักษะชีวติ
และสังคมตามศักยภาพ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม คิดเป็น ทาได้ ทางานร่วมกับผู้อื่นได้
ตามวิถปี ระชาธิปไตย และประยุกตห์ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งได้อยา่ งเหมาะสม

ผลกำรเรียนรู้
1. ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามความสนใจ ความถนดั และความต้องการของตน
2. มีความรู้ ความสามารถด้านการคิดวเิ คราะห์ สังเคราะหใ์ ห้เกดิ ประสบการณ์ ท้ังทางวชิ าการและ
วชิ าชพี ตามศักยภาพ
3. ใช้เวลาว่างให้เกดประโยชนต์ ่อตนเองและสว่ นรวม
4. ม่งุ ม่ันในการทางานและทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนได้ตามวถิ ปี ระชาธิปไตย
5. ประยกุ ต์ใชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งได้อย่างเหมาะสม

รวม ๕ ผลกำรเรียนรู้

๑๔๗

กจิ กรรมชุมนมุ

กจิ กรรมชุมนุมรกั กำรอ่ำน ๑๔๘

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำกิจกรรมชุมนุม
ระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี ๑-๖

หลักกำรและเหตุผล
อา่ นและเขา้ ใจความหมายของคา ประโยค ข้อความและจัดทาแบบฝึกเป็นรูปเล่ม จดั ทาพจนานุกรมฉบับจ๋ิว

ศึกษา คน้ ควา้ เก่ยี วกับ ขา่ ว บทความจากสิง่ ตพี ิมพป์ ระเภทตา่ งๆ และประดิษฐ์ทคี่ ่ันหนังสือประเภทต่างๆ
เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจและเห็นคุณค่าเก่ียวกับการจัดทาแบบฝึกเป็นรูปเล่ม จัดทาพจนานุกรมฉบับจ๋ิว

และประดษิ ฐท์ ่ีค่ันหนงั สือประเภทต่างๆ สามารถนาไปใช้ในชวี ิตประจาวันได้
เพ่ือให้สมาชิกมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รู้จักค้นคว้า และแก้ปัญหาในการทางานอย่างมีระบบ เพ่ือให้

สมาชิกเป็นผู้มีระเบียบวินัยเพ่ือให้สมาชิกมีความเข้าใจและเลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษตั รยิ ์เปน็ ประมุขเพ่ือให้สมาชิกมีความรับผดิ ชอบต่อการปฏบิ ัติหนา้ ท่แี ละสิทธภิ ายในขอบเขตของกฎหมาย
เพื่อให้สมาชิกมีความสงบซาบซึ้งในคุณค่า ดารงไว้และส่งเสริมเอกลักษณ์วัฒนธรรมอันดีงามของชาติไทยเพ่ือให้
สมาชิกเกิดความรักและสามัคคีในหมู่คณะเพ่ือให้สมาชิกได้รับการส่งเสริมการพัฒนาทางร่างกาย จิตใจ และรู้จักใช้
เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เพื่อให้สมาชิกรู้จักบาเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม และสร้างเสริมความมั่นคงของชาติเพื่อให้
สมาชกิ มีคณุ ธรรมและจรยิ ธรรม เพ่อื ใหส้ มาชิกพัฒนาตนเองตามวัตถุประสงค์ของการจัดการศึกษา สามารถนาความรู้
ไปใช้ใหเ้ กิดประโยชนโ์ ดยใช้หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงและสามารถนาไปประยุกต์ใช้กบั ชวี ิตประจาวันได้อย่าง
ถูกตอ้ งเหมาะสม

ผลกำรเรยี นรู้
๑. ปฏิบัติกจิ กรรมตามความสนใจ ความถนัดและความต้องการของตน
๒. มคี วามรู้ ความสามารถด้านการคดิ วิเคราะห์ สังเคราะห์ใหเ้ กิดประสบการณ์ ท้ังทางวิชาการและ
วชิ าชีพตามศกั ยภาพ
๓. ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์ต่อตนเองและสว่ นรวม
๔. มุง่ มัน่ ในการทางานและทางานรว่ มกบั ผู้อ่นื ได้ตามวิถีประชาธิปไตย
๕. ประยกุ ต์ใช้หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงได้อย่างเหมาะสม

รวม ๕ ผลกำรเรยี นรู้

กิจกรรมชุมนมุ คอมพิวเตอร์ ๑๔๙

คำอธบิ ำยรำยวิชำกิจกรรมชุมนมุ
ระดับชน้ั ประถมศกึ ษำปที ่ี ๑-๖

หลกั กำรและเหตผุ ล
ในปัจจุบัน เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วในหลากหลายสาขาวิชาโดยเฉพาะอย่างย่ิงการ

พัฒนาด้านการส่ือสารและด้านข้อมูล ดังน้ันจึงจาเป็นอย่างย่ิงที่สถานศึกษาให้ความสาคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของ
เทคโนโลยีเพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ เกิดความตระหนักและเท่าทันเทคโนโลยีในปัจจุบันเพ่ือสนับสนุนให้ผู้เรียนมี
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนในยุคศตวรรษที่ ๒๑ ได้แก่ เป็นนักคิดวิเคราะห์ เป็นนักแก้ปัญหา เป็นนัก
สร้างสรรค์ เป็นนักประสานความร่วมมือ รู้จักใช้ข้อมูลและข่าวสาร เป็นผู้เรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นนักส่ือสาร และ
ตระหนกั รับรสู้ ภาวการณข์ องโลกปจั จุบนั และอนาคตกิจกรรมชุมนุมคอมพิวเตอร์ จึงเปน็ กจิ กรรมกลุ่มเสริมทักษะด้าน
วิชาการ ในกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยีเพ่ือพัฒนานักเรียนให้เต็มศักยภาพ เพื่อตอบสนองศักยภาพของ
นักเรียนได้หลากหลายวชิ าสามารถตอบสนองความต้องการของสงั คมสร้างองค์ความรแู้ ละเพิ่มพูนทกั ษะคอมพิวเตอร์
ให้แกน่ ักเรยี นเปน็ ผู้มีความรู้ความสามารถ มปี ระสบการณต์ รงกับสภาพแวดล้อม และเทคโนโลยใี หมๆ่ และนามาปรับ
ใชใ้ นชวี ติ ประจาวันได้อยา่ งเหมาะสม

ผลกำรเรียนรู้
๑. นกั เรยี นเกดิ ทักษะในการใช้เทคโนโลยใี นชีวิตประจาวนั
๒. นักเรยี นมีความรู้ทางดา้ นคอมพิวเตอร์ นามาใชใ้ นงานต่างๆ
๓. นกั เรยี นพัฒนาความรคู้ วามสามารถดา้ นการคดิ วเิ คราะห์ สงั เคราะห์
๔. นกั เรยี นมีคุณธรรม จริยธรรมและค่านยิ มท่ีพงึ ประสงค์
๕. นกั เรยี นมีมนุษยสมั พนั ธ์ในการทากิจกรรมร่วมกันกบั ผู้อืน่

รวมท้ังหมด ๕ ผลกำรเรยี นรู้

๑๕๐

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำกจิ กรรมชุมนุม

กิจกรรมชมุ นุมทักษะอำชพี สคู่ วำมพอเพยี ง ระดับชน้ั ประถมศกึ ษำปที ี่ ๑-๖

หลกั กำรและเหตผุ ล

ฝึกทักษะนักเรยี นเรียนรู้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงใน ๓ หลกั การ คือ ความพอประมาณ ความมี

เหตผุ ล และการสรา้ งภูมคิ ุ้มกันในตัวท่ดี ี และ ๒ เง่ือนไข คือ คณุ ธรรมและความรู้ โดยนกั เรียนฝกึ เรยี นเกษตร

พอเพยี งและทักษะอาชีพ ได้แก่ การเพาะเห็ดนางฟ้า การเพาะถ่ัวงอก การเลย้ี งไก่พน้ื เมือง การเลีย้ งไก่ไข่ การ

ปลูกพชื ผักสวนครัว การทาน้ายาล้างจานสมนุ ไพร และการทาแกงไตปลาแห้ง เพือ่ สามารถนาความร้ไู ปประยุกต์ใชใ้ น

ชีวติ ประจาวันและสง่ เสริมอาชพี ในอนาคต

ผลกำรเรยี นรู้
๑. เพอ่ื ฝึกทกั ษะการเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพียง ไดแ้ ก่ การเพาะเห็ดนางฟ้าการเพาะถัว่ งอก การเล้ียงไก่
พืน้ เมือง การเลยี้ งไก่ไข่ การปลูกพืชผกั สวนครัว การทาน้ายาล้างจานสมุนไพร และการทาแกงไตปลาแหง้
๒. เพอื่ ฝึกนิสยั รกั การทางาน อยูอ่ ยา่ งพอเพียง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
๓. เพือ่ ส่งเสริมและปลกู ฝงั วธิ ีการคดิ ในการปฏบิ ตั ติ นตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
รวมทั้งหมด ๓ ผลกำรเรียนรู้


Click to View FlipBook Version