The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Banthakham School, 2020-05-30 03:14:06

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านท่าข้าม

๑๕๑

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำกิจกรรมชุมนมุ

กจิ กรรมชมุ นุมศิลปะท้องถิน่ ระดับช้ันประถมศกึ ษำปที ่ี ๑-๖

หลกั กำรและเหตผุ ล

การทากจิ กรรมดา้ นศลิ ปะ ดนตรี นาฏศิลป์ จะช่วยส่งเสรมิ พฒั นาความคิดสร้างสรรคแ์ ละจินตนาการของ

ผู้เรียนให้มีความพรอ้ มในการเรยี นวชิ าตา่ งๆ เป็นการฝึกใหผ้ ู้เรยี นมสี มาธิในการทากจิ กรรมตา่ งๆให้เป็นบุคคลที่มี

ความประณตี อ่อนโยน รูจ้ กั การทางานร่วมกบั ผู้อน่ื มกี ารเอือ้ เฟ้ือเผอื่ แผ่ รู้จกั การแบ่งปัน และกจิ กรรมต่างๆด้าน

ศิลปะยังส่งเสรมิ ให้เดก็ มีพัฒนาการดา้ นกลา้ มเนอ้ื มอื ทแ่ี ข็งแรงประสานสัมพนั ธ์กับสายตา พัฒนาการพูด การฟงั

ส่งเสริมให้ผูเ้ รยี นกลา้ แสดงออกท้งั ภายในและภายนอก สามารถอยรู่ ่วมกับผ้อู ื่นได้อย่างมีความสุข

ผลกำรเรยี นรู้
๑. เพื่อสง่ เสริมความคิดรเิ ริ่มสรา้ งสรรคแ์ ละจินตนาการของผู้เรียน
๒. เพอ่ื ส่งเสรมิ ใหผ้ ูเ้ รยี นได้พัฒนากลา้ มเนือ้ มือและพัฒนาประสาทสมั พนั ธ์ทุกด้าน
๓. เพ่ือพัฒนาความพร้อมในด้านการฟัง การพูด และการกลา้ แสดงออกของผูเ้ รียน
๔. เพอ่ื ให้เกิดความสนุกสนาน เพลดิ เพลนิ มีนา้ ใจ ร้จู ักแบ่งปนั เอือ้ เฟ้ือเผ่อื แผ่ขณะทากิจกรรม
รวมท้ังหมด ๔ ผลกำรเรยี นรู้

๑๕๒

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำกิจกรรมชุมนุม

กิจกรรมชมุ นมุ กีฬำ ระดับชนั้ ประถมศึกษำปที ่ี ๑-๖

หลักกำรและเหตุผล

สขุ ภาพ หรือ สขุ ภาวะ หมายถงึ ภาวะของมนษุ ย์ท่ีสมบูรณท์ ั้งทางกาย ทางจิต ทางสังคม และทาง

ปญั ญาหรอื จติ วญิ ญาณ สุขภาพหรือสขุ ภาวะจงึ เป็นเรื่องสาคญั เพราะเกีย่ วโยงกับทุกมติ ขิ องชีวิต ซง่ึ ทุกคนควรจะ

ได้เรียนร้เู รอื่ งสุขภาพ เพ่ือจะไดม้ ีความรู้ ความเข้าใจท่ีถกู ต้อง มีเจตคติ คุณธรรมและคา่ นิยมทเ่ี หมาะสม รวมท้ังมี

ทักษะปฏิบตั ิดา้ นสขุ ภาพจนเปน็ กิจนสิ ัย อนั จะสง่ ผลใหส้ งั คมโดยรวมมีคุณภาพ

ผลกำรเรียนรู้
๑. เพ่ือเป็นการปูพ้ืนฐานให้นักเรยี นทกุ คนเลน่ กีฬาได้ตามสภาพ
๒. เพ่อื คัดเลือกและฝกึ ซอ้ มกีฬาประเภทต่างๆเข้ารว่ มแขง่ ขันกฬี า
๓. เพอื่ ส่งเสรมิ ใหน้ ักกฬี าของโรงเรยี น ไดม้ ีโอกาสเข้ารว่ มแขง่ ขนั กฬี านักเรยี นของหน่อยงานอื่นที่จัดขึ้น
๔. เพ่อื เผยแพรช่ ือ่ เสยี งของโรงเรยี นในด้านกีฬา
๕. เพื่อเปน็ การส่งเสรมิ สุขภาพอนามยั ของนักเรยี น
๖. เพือ่ ใหน้ กั เรยี นรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และไดร้ ับความสนุกสนาน
รวมท้ังหมด ๖ ผลกำรเรยี นรู้

๑๕๓

เกณฑก์ ำรจบกำรศึกษำ

หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบ้านท่าขา้ ม (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั
พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) กาหนดเกณฑส์ าหรบั การจบการศกึ ษา ดังนี้

เกณฑ์กำรจบระดบั ประถมศึกษำ
๑. ผู้เรียนเรียนรายวชิ าพื้นฐาน จานวน ๘๔๐ ชัว่ โมง และรายวิชาเพม่ิ เติมจานวน ๑๒๐ ชว่ั โมง และมผี ล

การประเมนิ รายวชิ าพ้ืนฐานผา่ นทุกรายวชิ า
๒. ผเู้ รยี นตอ้ งมผี ลการประเมินการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น ระดบั “ผา่ น” ขึน้ ไป
๓. ผู้เรียนมผี ลการประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับ “ผ่าน” ขน้ึ ไป
๔. ผ้เู รยี นตอ้ งเขา้ ร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นและไดร้ บั การตดั สนิ ผลการเรยี น “ผ่าน” ทกุ กิจกรรม

กำรจัดกำรเรียนรู้

การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสาคัญในการนาหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น
พ้ืนฐาน เป็นหลักสูตรท่ีมีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน เป็น
เปา้ หมายสาหรบั พัฒนาเด็กและเยาวชน

ในการพัฒนาผ้เู รียนใหม้ ีคณุ สมบตั ิตามเป้าหมายหลักสตู ร ผู้สอนพยายามคดั สรร กระบวนการเรียนรู้ จดั การ
เรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านสาระที่กาหนดไว้ในหลักสูตร ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ รวมท้ังปลูกฝังเสริมสร้าง
คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ พัฒนาทกั ษะต่างๆ อนั เปน็ สมรรถนะสาคัญใหผ้ ูเ้ รยี นบรรลตุ ามเปา้ หมาย

๑. หลกั กำรจดั กำรเรยี นรู้
การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญ และ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน โดยยึดหลักว่า ผู้เรียนมี
ความสาคัญที่สุด เชื่อว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ท่ีเกิดกับผู้เรียน กระบวนการ
จดั การเรียนรู้ตอ้ งส่งเสริมใหผ้ ู้เรยี น สามารถพัฒนาตามธรรมชาตแิ ละเตม็ ตามศกั ยภาพ คานงึ ถึงความแตกต่างระหว่าง
บคุ คลและพัฒนาการทางสมองเนน้ ให้ความสาคญั ทั้งความรู้ และคณุ ธรรม
๒. กระบวนกำรเรยี นรู้
การจัดการเรียนรู้ทเี่ น้นผู้เรียนเปน็ สาคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย เป็นเคร่ืองมอื
ทจ่ี ะนาพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรยี นรู้ทจ่ี าเปน็ สาหรับผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบ
บูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และ
แก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ ลงมือทาจริง กระบวนการจัดการ
กระบวนการวิจัย กระบวนการเรยี นรูก้ ารเรยี นรู้ของตนเอง กระบวนการพัฒนาลักษณะนิสยั
กระบวนการเหล่าน้ีเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะจะสามารถ
ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังนั้น ผู้สอน จึงจาเป็นต้องศึกษาทาความเข้าใจใน
กระบวนการเรียนรตู้ า่ ง ๆ เพือ่ ให้สามารถเลือกใชใ้ นการจัดกระบวนการเรียนรไู้ ด้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ

๑๕๔

๓. กำรออกแบบกำรจดั กำรเรยี นรู้
ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวัด สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบการจัดการเรียนรู้
โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพ่ือให้ผู้เรียน ได้พัฒนาเต็มตาม
ศกั ยภาพและบรรลตุ ามเปา้ หมายทกี่ าหนด
๔. บทบำทของผสู้ อนและผ้เู รียน
การจดั การเรยี นรู้เพ่อื ให้ผู้เรียนมคี ณุ ภาพตามเปา้ หมายของหลกั สูตร ทั้งผสู้ อนและผู้เรยี นควรมบี ทบาท ดงั น้ี

๔.๑ บทบำทของผู้สอน
๑) ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แล้วนาข้อมูลมาใช้ในการวางแผนการจัดการเรียนรู้ ท่ีท้า

ทายความสามารถของผ้เู รยี น
๒) กาหนดเป้าหมายท่ีต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะกระบวนการ ที่เป็น

ความคิดรวบยอด หลกั การ และความสัมพนั ธ์ รวมทั้งคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ท่ีตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและพัฒนาการ

ทางสมอง เพื่อนาผเู้ รียนไปสูเ่ ป้าหมาย
๔) จัดบรรยากาศท่เี อ้อื ตอ่ การเรียนรู้ และดแู ลช่วยเหลอื ผเู้ รียนให้เกิดการเรียนรู้
๕) จดั เตรียมและเลือกใช้สอ่ื ให้เหมาะสมกับกจิ กรรม นาภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่ิน เทคโนโลยีท่ีเหมาะสมมา

ประยุกตใ์ ช้ในการจดั การเรยี นการสอน
๖) ประเมนิ ความกา้ วหน้าของผู้เรยี นด้วยวธิ กี ารทหี่ ลากหลาย เหมาะสมกบั ธรรมชาติของวิชา

และระดับพฒั นาการของผูเ้ รียน
๗) วเิ คราะหผ์ ลการประเมนิ มาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมทัง้ ปรับปรุงการจัดการเรียน

การสอนของตนเอง
๔.๒ บทบำทของผเู้ รียน
๑) กาหนดเป้าหมาย วางแผน และรบั ผิดชอบการเรียนรู้ของตนเอง
๒) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรยี นรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ต้ังคาถาม คิดหาคาตอบ

หรือหาแนวทางแก้ปัญหาดว้ ยวิธีการต่างๆ
๓) ลงมือปฏบิ ัติจริง สรปุ สง่ิ ทไี่ ดเ้ รียนรู้ด้วยตนเอง และนาความรูไ้ ปประยุกตใ์ ช้ในสถานการณ์ตา่ งๆ
๔) มีปฏสิ ัมพันธ์ ทางาน ทากิจกรรมร่วมกบั กลุม่ และครู
๕) ประเมินและพฒั นากระบวนการเรียนร้ขู องตนเองอยา่ งตอ่ เนือ่ ง

สือ่ กำรเรยี นรู้

ส่ือการเรียนรู้เป็นเคร่ืองมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ ทักษะ
กระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลกั สูตรได้อย่างมีประสิทธภิ าพ สื่อการเรียนรู้มีหลากหลายประเภท
ทั้งสื่อธรรมชาติ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ต่างๆ ท่ีมีในท้องถ่ิน การเลือกใช้ส่ือควรเลือกใหม้ ี
ความเหมาะสมกับระดับพัฒนาการ และลีลาการเรียนร้ทู ีห่ ลากหลายของผเู้ รยี น

๑๕๕

การจัดหาสื่อการเรียนรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทาและพัฒนาขึ้นเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้อย่างมี
คุณภาพจากส่ือต่างๆ ที่มีอยู่รอบตัวเพ่ือนามาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ท่ีสามารถส่งเสริมและส่ือสารให้ผู้เรียน
เกดิ การเรยี นรู้ โดยสถานศกึ ษาควรจัดให้มีอย่างพอเพยี ง เพอ่ื พัฒนาใหผ้ เู้ รียน เกิดการเรยี นรอู้ ย่างแทจ้ รงิ สถานศึกษา
เขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา หน่วยงานท่เี กี่ยวข้องและผู้มหี น้าท่ีจัดการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน ควรดาเนนิ การดงั นี้

๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์ส่ือการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่ายการเรียนรู้ที่มี
ประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปล่ียนประสบการณ์การเรียนรู้
ระหว่างสถานศกึ ษา ทอ้ งถน่ิ ชุมชน สงั คมโลก

๒. จดั ทาและจัดหาสื่อการเรียนรู้สาหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรยี น เสริมความรูใ้ ห้ผ้สู อน รวมทง้ั จดั หาสิ่งที่
มีอยใู่ นทอ้ งถน่ิ มาประยุกต์ใชเ้ ป็นสื่อการเรียนรู้

๓. เลือกและใช้สื่อการเรียนรู้ท่ีมีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง กับวิธีการเรียนรู้
ธรรมชาติของสาระการเรียนรู้ และความแตกตา่ งระหว่างบคุ คลของผูเ้ รียน

๔. ประเมนิ คุณภาพของสื่อการเรียนรู้ทเ่ี ลือกใชอ้ ยา่ งเป็นระบบ
๕. ศกึ ษาคน้ คว้า วจิ ัย เพ่ือพฒั นาสื่อการเรียนร้ใู หส้ อดคล้องกบั กระบวนการเรียนรขู้ องผู้เรยี น
๖. จัดให้มีการกากับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อและการใช้ส่ือการเรียนรู้เป็น
ระยะๆ และสมา่ เสมอ
ในการจัดทา การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้ท่ีใช้ในสถานศึกษา ควรคานึงถึงหลักการ
สาคัญของส่ือการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้
การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เนื้อหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบความม่ันคงของชาติ ไม่ขัดต่อศีลธรรม มี
การใช้ภาษาทถ่ี กู ต้อง รูปแบบการนาเสนอที่เข้าใจง่าย และน่าสนใจ

กำรวัดและประเมินผลกำรเรยี นรู้
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการ คือ การประเมินเพ่ือ

พัฒนาผู้เรียนและเพ่ือตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ประสบผลสาเร็จนั้น ผู้เรียน
จะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพ่ือให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสาคัญ และ
คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ของผเู้ รียนซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ในทุกระดับไม่วา่ จะเป็น
ระดับช้ันเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษา และระดับชาติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็น
กระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า
และความสาเร็จทางการเรยี นของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมใหผ้ ู้เรยี นเกิด การพัฒนาและ
เรียนร้อู ย่างเตม็ ตามศกั ยภาพ

การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับช้ันเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขต
พ้ืนทก่ี ารศกึ ษา และระดบั ชาติ มีรายละเอยี ด ดังน้ี

๑. กำรประเมินระดับช้ันเรียน เป็นการวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอน
ดาเนินการเป็นปกติและสม่าเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น การ

๑๕๖

ซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินช้ินงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสมงาน การใช้
แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเปน็ ผูป้ ระเมนิ เองหรือเปิดโอกาสให้ผ้เู รยี นประเมินตนเอง เพื่อนประเมินเพ่ือน ผปู้ กครอง
รว่ มประเมิน ในกรณที ีไ่ ม่ผ่านตวั ชว้ี ัดใหม้ กี ารสอนซ่อมเสรมิ

การประเมินระดับชั้นเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้ อันเป็น
ผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งท่ีจะต้องได้รับการพัฒนาปรับปรุงและ
ส่งเสริมในด้านใด นอกจากน้ียังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรุงการเรียนการสอนของตนด้วย ทั้งน้ีโดยสอดคล้องกับ
มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ช้วี ัด

๒. กำรประเมินระดับสถำนศึกษำ เป็นการประเมินท่ีสถานศึกษาดาเนินการเพื่อตัดสินผล การเรียนของ
ผเู้ รยี นเป็นรายป/ี รายภาค ผลการประเมนิ การอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขียน คณุ ลกั ษณะ อันพงึ ประสงค์ และกิจกรรม
พัฒนาผเู้ รียน นอกจากน้เี พื่อให้ได้ข้อมูลเกย่ี วกับการจัดการศึกษา ของสถานศกึ ษา ว่าส่งผลต่อการเรยี นรู้ของผู้เรียน
ตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมท้ังสามารถนาผลการเรียนของผู้เรียนในสถานศึกษา
เปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและสารสนเทศเพื่อการปรับปรุง
นโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพ่ือการจัดทาแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา
ของสถานศึกษา ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการรายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการ
สถานศึกษา สานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน ผปู้ กครองและชุมชน

๓. กำรประเมินระดับเขตพ้ืนท่ีกำรศึกษำ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพื้นท่ีการศึกษาตาม
มาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพ้ืนฐานในการพัฒนาคุณภาพ
การศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดาเนินการโดยประเมินคุณภาพผลสัมฤทธิ์ของ
ผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานที่จัดทาและดาเนินการโดยเขตพื้นที่การศึกษา หรือด้วยความร่วมมือกับหน่วยงานต้น
สงั กดั ในการดาเนนิ การจดั สอบ นอกจากนี้ยังได้จากการตรวจสอบทบทวนขอ้ มลู จากการประเมินระดบั สถานศึกษาใน
เขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษา

๔. กำรประเมินระดับชำติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐานการเรียนรู้ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกคนท่ีเรียน ในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ช้ัน
ประถมศึกษาปีที่ ๖ เข้ารับการประเมิน ผลจากการประเมินใช้เป็นข้อมูลในการเทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับ
ต่าง ๆ เพ่ือนาไปใช้ในการวางแผนยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ตลอดจนเป็นข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจใน
ระดับนโยบายของประเทศ

ข้อมูลการประเมินในระดับต่างๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวนพัฒนา
คุณภาพผู้เรียน ถอื เปน็ ภาระความรับผดิ ชอบของสถานศึกษาท่จี ะต้องจดั ระบบดูแลชว่ ยเหลือ ปรบั ปรงุ แกไ้ ข ส่งเสรมิ
สนับสนุนเพ่ือให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความแตกต่างระหว่างบุคคลท่ีจาแนกตามสภาพปัญหา
และความตอ้ งการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรยี นท่วั ไป กล่มุ ผู้เรยี นท่มี คี วามสามารถพเิ ศษ กลมุ่ ผ้เู รียนทีม่ ีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
ต่า กลุ่มผู้เรียนท่ีมีปัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนท่ีปฏิเสธโรงเรียน กลุ่มผู้เรียนท่ีมีปัญหาทางเศรษฐกิจ
และสังคม กลุ่มพิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูลจากการประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการ
ดาเนินการช่วยเหลอื ผเู้ รียนได้ทันทว่ งที ปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรียนไดร้ บั การพัฒนาและประสบความสาเร็จในการเรียน

๑๕๗

สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทาระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรียน
ของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่เป็นข้อกาหนดของหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เพื่อให้บคุ ลากรทเ่ี กีย่ วข้องทุกฝ่ายถอื ปฏิบัติรว่ มกัน

เกณฑก์ ำรวดั และประเมินผลกำรเรียน
๑. กำรตัดสิน กำรใหร้ ะดับและกำรรำยงำนผลกำรเรยี น
๑.๑ กำรตัดสนิ ผลกำรเรยี น
ในการตัดสินผลการเรยี นของกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ การอ่าน คิดวเิ คราะหแ์ ละเขียน คุณลักษณะอัน

พงึ ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียนนั้น ผสู้ อนต้องคานึงถึงการพัฒนาผ้เู รยี นแตล่ ะคนเป็นหลกั และต้องเกบ็ ข้อมูล
ของผ้เู รียนทุกด้านอย่างสมา่ เสมอและต่อเนื่องในแต่ละภาคเรียน รวมทั้งสอนซ่อมเสริมผ้เู รียนให้พฒั นาจนเต็มตาม
ศักยภาพ

ระดับประถมศึกษำ
(๑) ผู้เรียนตอ้ งมเี วลาเรียนไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทงั้ หมด
(๒) ผเู้ รียนต้องได้รบั การประเมนิ ทกุ ตัวชวี้ ดั และผ่านตามเกณฑท์ ส่ี ถานศกึ ษากาหนด
(๓) ผู้เรียนตอ้ งไดร้ ับการตัดสนิ ผลการเรยี นทกุ รายวชิ า
(๔) ผู้เรยี นตอ้ งได้รับการประเมิน และมีผลการประเมนิ ผา่ นตามเกณฑท์ ่สี ถานศึกษากาหนด ในการ
อา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น
การพจิ ารณาเล่อื นชั้น ถ้าผ้เู รียนมขี ้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย และสถานศกึ ษาพิจารณาเห็นว่าสามารถ
พัฒนาและสอนซ่อมเสริมได้ ใหอ้ ยใู่ นดุลพนิ จิ ของสถานศึกษาท่จี ะผ่อนผันให้เลื่อนชั้นได้ แตห่ ากผเู้ รยี นไมผ่ ่านรายวิชา
จานวนมาก และมีแนวโนม้ วา่ จะเป็นปัญหาตอ่ การเรยี นในระดบั ชั้นทส่ี ูงข้ึน สถานศกึ ษาอาจตัง้ คณะกรรมการพิจารณา
ใหเ้ รียนซ้าชั้นได้ ท้ังนใี้ ห้คานึงถึงวฒุ ภิ าวะและความรคู้ วามสามารถของผเู้ รียนเปน็ สาคญั
๑.๒ กำรใหร้ ะดบั ผลกำรเรยี น
ระดบั ประถมศกึ ษำ ในการตัดสินเพอื่ ให้ระดับผลการเรียนรายวชิ า สถานศกึ ษาสามารถให้ระดับผลการ
เรียนหรือระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียน เป็นระบบตัวเลข ระบบตัวอักษร ระบบร้อยละ และระบบท่ีใช้คา
สาคญั สะทอ้ นมาตรฐาน
การประเมนิ การอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขียน และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์น้ัน ใหร้ ะดบั ผล การประเมิน
เปน็ ดเี ยย่ี ม ดี และผา่ น
การประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้ารว่ มกจิ กรรม การปฏิบตั กิ ิจกรรมและ
ผลงานของผ้เู รียน ตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากาหนด และใหผ้ ลการเข้ารว่ มกิจกรรมเปน็ ผ่าน และไมผ่ ่าน
๑.๓ กำรรำยงำนผลกำรเรียน
การรายงานผลการเรียนเป็นการส่ือสารให้ผู้ปกครองและผู้เรียนทราบความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของ
ผู้เรียน ซึง่ สถานศึกษาตอ้ งสรุปผลการประเมินและจัดทาเอกสารรายงานให้ผ้ปู กครองทราบเปน็ ระยะๆ หรืออยา่ งน้อย
ภาคเรยี นละ ๑ ครงั้

๑๕๘

การรายงานผลการเรยี นสามารถรายงานเปน็ ระดับคุณภาพการปฏบิ ตั ิของผู้เรยี นทส่ี ะทอ้ นมาตรฐานการ
เรียนรู้กลมุ่ สาระการเรียนรู้

๒. เกณฑก์ ำรจบกำรศกึ ษำ
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน กาหนดเกณฑก์ ลางสาหรับการจบการศึกษาเปน็ ๑ ระดับ คอื ระดับ
ประถมศกึ ษา
๒.๑ เกณฑก์ ำรจบระดับประถมศกึ ษำ

(๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน และรายวิชา/กิจกรรมเพ่ิมเติมตามโครงสร้างเวลาเรียนท่ีหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐานกาหนด

(๒) ผเู้ รียนตอ้ งมีผลการประเมินรายวชิ าพ้ืนฐาน ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ตามทสี่ ถานศกึ ษากาหนด
(๓) ผู้เรยี นมีผลการประเมนิ การอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียนในระดบั ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ตามที่
สถานศึกษากาหนด
(๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่
สถานศกึ ษากาหนด
(๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี
สถานศึกษากาหนด
สาหรับการจบการศึกษาสาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น การศึกษาเฉพาะทาง การศึกษาสาหรับผู้มี
ความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสาหรับผ้ดู ้อยโอกาส การศกึ ษาตามอธั ยาศัย ใหค้ ณะกรรมการของ
สถานศึกษา เขตพื้นท่ีการศึกษา และผู้ท่ีเก่ียวข้อง ดาเนินการวัดและประเมินผล การเรียนรู้ตามหลักเกณฑ์ในแนว
ปฏบิ ัติการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานสาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ

เอกสำรหลกั ฐำนกำรศกึ ษำ
เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสาคัญท่ีบันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศท่ีเก่ียวข้องกับ

พัฒนาการของผูเ้ รียนในด้านตา่ ง ๆ แบ่งออกเปน็ ๒ ประเภท ดงั น้ี
๑. เอกสำรหลกั ฐำนกำรศึกษำที่กระทรวงศกึ ษำธกิ ำรกำหนด
๑.๑ ระเบียนแสดงผลกำรเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของผู้เรียน

ตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของ
สถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูลและออกเอกสารนี้ให้ผู้เรียน
เปน็ รายบคุ คล เมอ่ื ผู้เรียนจบการศึกษาระดับประถมศกึ ษา (ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖)

๑.๓ แบบรำยงำนผ้สู ำเรจ็ กำรศกึ ษำ เป็นเอกสารอนมุ ตั กิ ารจบหลกั สตู รโดยบนั ทกึ รายช่ือและข้อมูล
ของผู้จบการศกึ ษาระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๖)

๑๕๙

๒. เอกสำรหลักฐำนกำรศึกษำทส่ี ถำนศกึ ษำกำหนด
เปน็ เอกสารทีส่ ถานศึกษาจัดทาข้ึนเพื่อบันทึกพฒั นาการ ผลการเรยี นรู้ และข้อมลู สาคัญ เกย่ี วกับผเู้ รียน เชน่
แบบรายงานประจาตัวนักเรียน แบบบันทึกผลการเรียนประจารายวิชา ระเบียนสะสม ใบรับรองผลการเรียน และ
เอกสารอน่ื ๆ ตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการนาเอกสารไปใช้

กำรเทยี บโอนผลกำรเรยี น
สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีต่างๆได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การเปลี่ยน

รปู แบบการศึกษา การยา้ ยหลกั สูตร การออกกลางคนั และขอกลบั เข้ารบั การศึกษาต่อ การศึกษาจากตา่ งประเทศและ
ขอเขา้ ศึกษาตอ่ ในประเทศ นอกจากน้ี ยงั สามารถเทียบโอนความรู้ ทกั ษะ ประสบการณ์จากแหลง่ การเรียนรูอ้ ื่นๆ เช่น
สถานประกอบการ สถาบนั ศาสนา สถาบนั การฝึกอบรมอาชพี การจดั การศกึ ษาโดยครอบครัว

การเทียบโอนผลการเรียนควรดาเนนิ การในชว่ งก่อนเปดิ ภาคเรยี นแรก หรือต้นภาคเรยี นแรก ทสี่ ถานศึกษา
รบั ผูข้ อเทยี บโอนเป็นผู้เรยี น ทัง้ นี้ ผเู้ รียนทีไ่ ด้รับการเทียบโอนผลการเรยี นต้องศึกษาต่อเนื่องในสถานศกึ ษาท่รี บั เทียบ
โอนอยา่ งน้อย ๑ ภาคเรียน โดยสถานศกึ ษาทร่ี ับผ้เู รียนจาก
การเทียบโอนควรกาหนดรายวิชา/จานวนหน่วยกิตทจี่ ะรับเทียบโอนตามความเหมาะสม

การพิจารณาการเทยี บโอน สามารถดาเนนิ การได้ ดังน้ี
๑. พิจารณาจากหลักฐานการศกึ ษา และเอกสารอนื่ ๆ ทใ่ี หข้ อ้ มูลแสดงความรู้ ความสามารถของผู้เรยี น
๒. พจิ ารณาจากความรู้ ความสามารถของผู้เรียนโดยการทดสอบด้วยวธิ ีการตา่ งๆ ท้ังภาคความรู้และ
ภาคปฏิบตั ิ
๓. พจิ ารณาจากความสามารถและการปฏบิ ัติในสภาพจริง
การเทยี บโอนผลการเรยี นให้เปน็ ไปตาม ประกาศ หรือ แนวปฏิบัติ ของกระทรวงศึกษาธิการ

กำรบริหำรจดั กำรหลักสตู ร
ในระบบการศึกษาท่ีมีการกระจายอานาจให้ท้องถ่ินและสถานศึกษามีบทบาทในการพัฒนาหลักสูตรนั้น

หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละระดับ ต้ังแต่ระดับชาติ ระดับท้องถิ่น จนถึงระดับสถานศึกษา มีบทบาทหน้าท่ี
และความรับผดิ ชอบในการพัฒนา สนบั สนุน ส่งเสรมิ การใช้และพฒั นาหลักสูตรให้เปน็ ไปอย่างมปี ระสิทธิภาพ เพื่อให้
การดาเนินการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษามีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะ
ส่งผลใหก้ ารพฒั นาคณุ ภาพผูเ้ รียนบรรลตุ ามมาตรฐานการเรียนรู้ท่ีกาหนดไว้ในระดบั ชาติ

ระดับท้องถ่ิน ได้แก่ สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา หน่วยงานต้นสังกัดอื่น ๆ เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทในการ
ขับเคลื่อนคุณภาพการจัดการศึกษา เป็นตัวกลางที่จะเชื่อมโยงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐานที่กาหนดใน
ระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถ่ิน เพื่อนาไปสู่การจัดทาหลักสูตรของสถานศึกษา
ส่งเสริมการใช้และพัฒนาหลักสูตรในระดับสถานศึกษา ให้ประสบความสาเร็จ โดยมีภารกิจสาคัญ คือ กาหนด
เป้าหมายและจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ในระดับท้องถ่ินโดยพิจารณาให้สอดคล้องกับสิ่งที่เป็นความต้องการ
ในระดับชาติ พัฒนาสาระ การเรียนรู้ท้องถ่ิน ประเมินคุณภาพการศึกษาในระดับท้องถ่ิน รวมทั้งเพ่ิมพูนคุณภาพการ

๑๖๐

ใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนับสนุน ส่งเสริม ติดตามผล ประเมินผล วิเคราะห์ และ
รายงานผลคณุ ภาพของผู้เรยี น

สถานศึกษามีหน้าที่สาคัญในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การวางแผนและดาเนินการใช้หลักสูตร การ
เพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรจัดทาระเบียบการวัดและ
ประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้อง กับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน
และรายละเอียดท่ีเขตพ้ืนที่การศึกษา หรือหน่วยงาน สังกัดอื่นๆ ในระดับท้องถิ่นได้จัดทาเพ่ิมเติม รวมทั้ง
สถานศึกษาสามารถเพิ่มเติมในส่วนที่เก่ียวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และความต้องการ
ของผู้เรียน โดยทุกภาคสว่ นเขา้ มามสี ว่ นร่วมในการพฒั นาหลักสตู รสถานศึกษา

๑๖๑

ภำคผนวก

๑๖๒

คำส่งั โรงเรียนบำ้ นทำ่ ข้ำม

ที่ / ๒๕๖๓

เรื่อง แตง่ ต้ังคณะกรรมกำรบริหำรหลักสตู รและงำนวชิ ำกำรสถำนศกึ ษำขั้นพน้ื ฐำน

(ฉบบั ปรับปรงุ ๒๕๖๓)

*********************************

เพ่ือให้การบริหารหลกั สตู รและงานวชิ าการสถานศึกษาข้ันพื้นฐานเป็นไปอย่างมปี ระสิทธิภาพสอดคล้องกบั
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ หมวด ๔ มาตรา ๒๗ ที่กาหนดให้สถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานมีหน้าที่
จัดทาสาระของหลักสูตรเพ่ือความเป็นไทย ความเป็นพลเมืองท่ีดีของชาติ การดารงชีวิต และการประกอบอาชีพ
ตลอดจนเพ่ือการศึกษาต่อ ในส่วนที่เก่ียวกับสภาพของปัญหาในชุมชน และสังคม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน คุณลักษณะอัน
พึงประสงค์เพ่ือเป็นสมาชิกท่ีดีของครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติ และสอดคล้องกับระเบียบ
กระทรวงศกึ ษาธิการวา่ ด้วยคณะกรรมการบริหารหลักสตู รและงานวชิ าการสถานศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พ.ศ.๒๕๔๔

อาศัยอานาจตามมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.๒๕๔๖
และที่แก้ไขเพ่ิมเติม และข้อ 5 แห่งระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงาน
วิชาการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พ.ศ.2544 ให้มีคณะกรรมการคณะหน่ึงเรียกว่า “คณะกรรมการบริหาร หลักสูตร
และงานวิชาการสถานศึกษา” อยู่ภายใต้คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานของสถานศึกษา แต่งต้ังโดย
ผู้บังคับบัญชาเหนือสถานศึกษาขึ้นไปหนึ่งระดับ จึงแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการ โรงเรียน
บ้านทา่ ข้าม ปีการศึกษา ๒๕๖3 ดังนี้

๑. นางสาวกิตตมิ า มุ่งวฒั นา ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านทา่ ข้าม ประธานกรรมการ
2. นางสาวอรพรรณ สารบัน
3. นางสจุ ติ รา ไชยฤกษ์ หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย กรรมการ
4. นางวณติ า ขนุ แก้ว
5. นางสาวอรพรรณ สารบนั หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ กรรมการ
6. นางสาวตรสี ธุ า ตญั จะโร
7. นางสาวตรีสุธา ตญั จะโร หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กรรมการ
8. นางสาวตรีสุธา ตัญจะโร
9. นางสจุ ติ รา ไชยฤกษ์ หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ กรรมการ
10. นางสาวตรสี ธุ า ตัญจะโร
หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ังคมศึกษา กรรมการ

หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ กรรมการ

หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชพี กรรมการ

หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ุขศึกษาและพลศึกษา กรรมการ

หัวหน้าฝ่ายวชิ าการ กรรมการและเลขานกุ าร

๑๖๓

คณะกรรมการดาเนินการ มหี น้าที่และดาเนนิ การจัดการตามข้ันตอนทีก่ าหนด ดังน้ี
๑. วางแผนการดาเนนิ งานวชิ าการ กาหนดสาระรายละเอียดของหลักสตู รระดับสถานศึกษาและแนวทางการ

จัดสัดส่วนสาระการเรียนรู้ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของสถานศึกษา ให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น
พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ และสภาพเศรษฐกจิ สงั คม ศลิ ปวฒั นธรรม ภมู ิปญั ญาท้องถิน่

๒. จัดทาคู่มือการบริหารหลักสูตร และงานวิชาการของสถานศึกษา นิเทศ กากับ ติดตาม ให้คาปรึกษา
เกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตร การจัดกระบวนการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลและการแนะแนวให้สอดคล้องและ
เป็นไปตามหลกั สูตรการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน

๓. ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตร การจัดกระบวน การเรียนรู้ การวัดและ
ประเมนิ ผลและการแนะแนวใหเ้ ป็นไปตามจุดหมายและแนวทางการดาเนนิ การของหลักสูตร

4. ส่งเสริมและสนับสนุนให้สถานศึกษาน้อมนาพระบรมราโชบายด้านการศึกษา ของพระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี ๑๐ สู่การปฏิบัติ ต้องมุ่งสร้างพ้ืนฐานให้แก่ผู้เรียน ๔ ด้าน 1. มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง 2. มี
พ้นื ฐานชวี ิตทีม่ น่ั คง - มีคณุ ธรรม 3. มีงานทา – มีอาชพี 4. เป็นพลเมืองดี เป็นแนวทางพัฒนาผเู้ รียนให้เป็นบุคคล คุณภาพ
มรี ะเบียบวนิ ยั ความรู้ความสามารถ ปรับตัวใหท้ ันต่อการเปลีย่ นแปลง รูจ้ ักการนาความรู้ด้านต่าง ๆ มาประยกุ ต์ใช้ไดจ้ ริง

5. ประสานความร่วมมือจากบุคคล หน่วยงาน องค์กรต่าง ๆ และชุมชน เพื่อให้การใช้หลักสตู รเปน็ ไปอย่าง
มีประสทิ ธิภาพและมีคณุ ภาพ

6. ประชาสัมพันธ์หลักสูตรและการใช้หลักสูตรแก่นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชนและผู้เกี่ยวข้องและนาข้อมูล
ปอ้ นกลบั จากฝ่ายต่าง ๆ มาพิจารณาเพอ่ื ปรบั ปรงุ และพัฒนาหลกั สูตรของสถานศึกษา

7. ส่งเสรมิ สนบั สนุนการวิจัยเก่ยี วกบั การพฒั นาหลกั สตู ร และกระบวนการเรยี นรู้
8. ติดตามผลการเรียนของนักเรียนเป็นรายบุคคล ระดับชั้น และช่วงชั้น ระดับวิชา กลุ่มวิชา ในแต่ละปี
การศึกษา เพื่อปรับปรงุ แก้ไข และพัฒนาการดาเนินงานด้านตา่ ง ๆ ของสถานศกึ ษา
9. ตรวจสอบทบทวน ประเมินมาตรฐาน การปฏิบัติงานของครู และการบริหารหลักสูตรระดับสถานศึกษา
ในรอบปีท่ีผ่านมา แล้ว ใช้ผลการประเมิน เพื่อวางแผนพัฒนาการปฏิบัติงานของครูและการบริหารหลักสูตรปี
การศกึ ษาต่อไป
10. รายงานผลการปฏิบัติงานและผลการบริหารหลักสูตรของสถานศึกษา โดยเน้นผลการพัฒนาคุณภาพ
นักเรียนต่อคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน คณะกรรมการบริหารหลักสูตรระดับเหนือสถานศึกษา สาธารณชน
และผู้เก่ยี วขอ้ ง
11. ใหด้ าเนินการประชุมคณะกรรมการอย่างนอ้ ยภาคเรียนละ ๒ ครงั้

ท้ังนใ้ี หผ้ ไู้ ดร้ ับการแต่งตงั้ ปฏบิ ัตหิ นา้ ที่ท่ีได้รับมอบหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุตามวัตถุประสงค์ท่ีต้ัง
ไว้ ตงั้ แต่บดั น้ีเป็นตน้ ไป

สงั่ ณ วันที่ เดือน พ.ศ. ๒๕๖3

๑๖๔


Click to View FlipBook Version