วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… tense เปrนไปตามแนวทางในการพัฒนาหน\วยการเรียนรู= ของกระทรวงศึกษาธิการ (กรมวิชาการ, 2546) 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก\อนเรียนมีค\าเฉลี่ยเท\ากับ 10.25 คิดเปrนร=อยละ 51.25 และนักเรียนมีคะแนน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนโดยการใช=แบบฝAกเสริม ทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ เรื่อง Present Simple tense สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปWที่ 1 โดยผ\านเว็บไซด7 Pakkred Learning Cyber มีค\าเฉลี่ยเท\ากับ 17.19 คิดเปrน ร=อยละ 85.94 แสดงว\านักเรียนได=พัฒนาทักษะการเขียน ภาษาอังกฤษ เรื่อง Present Simple tense เพิ่มขึ้น หลังจากใช=แบบฝAกเสริมทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ 3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต\อการใช=แบบ ฝAกเสริมทักษะกาการเขียนภาษาอังกฤษ เรื่อง Present Simple tense สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปWที่ 1 โดย ผ\านเว็บไซด7 Pakkred Learning Cyber มีความพึงพอใจ ด=านเนื้อหา, ด=านสื่อและอุปกรณ7, ด=านการวัดและ ประเมินผลโดยภาพรวมอยู\ในระดับมากและความพึงพอใจ ด=านการจัดกิจกรรมการเรียนรู=อยู\ในระดับมากที่สุด อภิปรายผลการวิจัย ผลการวิเคราะห7เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาภาษาอังกฤษ (อ21102) หลังใช=แบบฝAกเสริมทักษะ การเขียนภาษาอังกฤษ เรื่อง Present Simple tense สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปWที่ 1 โดยผ\านเว็บไซด7 Pakkred Learning Cyber สูงกว\าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาภาษาอังกฤษ (อ21102) ก\อนใช=แบบฝAก ซึ่ง สอดคล=องกับการศึกษา ของนิตยา วังกังวาน (2537) ได= ศึกษาเรื่องการสร=างบทอ\านซ\อมเสริมวิชาภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนชิโนรสวิทยาลัย ที่สอบไม\ ผ\านวิชาการอ\านภาษาอังกฤษ จำนวน 30 คนผลการวิจัย พบว\าความสามารถในการอ\านหลังการใช=บทเรียนการอ\าน ซ\อมเสริมสูงกว\าก\อนการใช=บทเรียนอย\างมีนัยสำคัญทาง สถิติที่ระดับ .05 และประสิทธิภาพของบทเรียนคือ 74.25/71.92 อีกทั้งยังสอดคล=องกับการศึกษาของ ลอเรย7 (Lawrey 2001,p. 817-A, อ=างถึงในพัชรา พราหมณี, 2549 70) ได=ศึกษาผลการใช=แบบฝAกทักษะกับนักเรียนระดับ 1 ถึง ระดับ 3 จำนวน 87 คน ผลการวิจัยพบว\านักเรียนที่ได=รับ การฝAกโดยใช=แบบฝAกทักษะ มีคะแนนการทดสอบหลังการ ทำแบบฝAกหัดมากกว\าคะแนนก\อนทำและนักเรียนทำ แบบทดสอบหลังการฝAกทักษะได=ถูกต=องเฉลี่ยร=อยละ 89.8 นั่นคือแบบฝAกทักษะเปrนเครื่องช\วยให=เกิดการเรียนรู=เพิ่มขึ้น ขAอเสนอแนะ ขAอเสนอแนะเพื่อการนำไปใชA การฝAกทักษะบางอย\างอาจใช=เวลานานกว\าที่กำหนดไว= ครูผู=สอนจึงควรเน=นย้ำ และสร=างความตระหนักให=นักเรียน ศึกษาแบบฝAกเสริมทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ เรื่อง Present Simple tense ได=เมื่อมีเวลาว\าง ไม\จำเปrนต=องรอ ศึกษาในห=องเรียนหรือในชั่วโมงเรียน และสามารถหยิบแบบ ฝAกไปศึกษาที่บ=านได= เพื่อให=การฝAก ของนักเรียนเปrนไปอย\าง ต\อเนื่อง ขAอเสนอแนะในการศึกษาครั้งต3อไป 1.ควรมีการศึกษาการจัดกิจกรรมการเรียนรู=โดยใช=แบบ ฝAก ในเนื้อหาวิชาอื่น ๆ และระดับชั้นอื่น ๆ 2. ควรศึกษาตัวแปรด=านความสามารถในการคิด วิเคราะห7 และเจตคติต\อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของ นักเรียน โดยใช=แบบฝAกทักษะการอ\าน บรรณานุกรม กรมวิชาการ. คู3มือการจัดการเรียนรูA กลุ3มสาระการเรียนรูA ภาษาต3างประเทศ. กรุงเทพฯ : องค7การรับส\ง. สินค=าและพัสดุภัณฑ7, 2546. นิตยา วังกังวาน. การสรAางบทเรียนอ3านซ3อมเสริมวิชา ภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปY ที่ 6. นครปฐม: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย ศิลปากร, 2537. Lawrey, Elean or Blodwyn Lane. “The Effects of Four Drills and Practice Time. Unit on The Recording Performances of Student with Specific Learning Disabilities, Dissertation Abstracts International.39(7) 817-A ; August, 1987 248
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากกร็ด ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………… * ครูผู%ช'วย กลุ'มสาระการเรียนรู%ภาษาต'างประเทศ โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี การพัฒนาการเขียนลำดับขีดพื้นฐานของตัวอักษรจีนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาป?ที่ 1/3 ประจำภาคเรียนที่ 2 ป?การศึกษา 2564 เกศณี ท(าหิน* บทคัดย'อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค5เพื่อปรับปรุง และพัฒนาทักษะการพัฒนาการเขียนลำดับขีดพื้นฐาน ของตัวอักษรจีนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปJที่ 1/3 ประจำภาคเรียนที่ 2 ปJการศึกษา 2564 โรงเรียนปากเกร็ด ผูWวิจัยไดWจัดทำแบบทดสอบเพื่อปรับปรุง และพัฒนาทักษะการพัฒนาการเขียนลำดับขีดพื้นฐาน ของตัวอักษรจีนของนักเรียน หลังจากนั้นไดWทำการนำผล คะแนนของแตZละบุคคลมาหาคZารWอยละ แลWวนำขWอมูลมา วิเคราะห5และหาขWอสรุปพรWอมทั้งนำเสนอในรูปของตาราง ประกอบคำบรรยาย เพื่อปรับปรุงและพัฒนาทักษะการ พัฒนาการเขียนลำดับขีดพื้นฐานของตัวอักษรจีน ของนักเรียน คำสำคัญ : แบบฝ]กทักษะตัวอักษรจีน บทนำ การเขียนเป^นเรื่องสำคัญของผูWที่กําลังศึกษา เพราะการเขียนเป^นการถZายทอดความรูWสึกนึกคิดจากผูWเขียน สูZผูWอZานโดยใชWภาษาเป^นเครื่องมือในการชักนําความคิด ความรูWประสบการณ5ความรูWสึก อารมณ5และทัศนคติ ถWาผูWเขียนมีความสามารถในการเขียนผูWอZานยZอมเขWาใจ ความหมายไดWดีตรงกันขWามหากผูWเขียนไมZมีความสามารถ ในการเขียนยZอมไมZสามารถถZายทอดความรูWความคิด ความรูWสึก อารมณ5ฯลฯ สูZผูWอZานไดWตามตWองการ ตัวอักษรภาษาจีนคือระบบเครื่องหมายบันทึก ภาษาจีน มีประวัติยาวนานมีเคWาโครงที่มีเอกลักษณ5พิเศษ มีอิทธิพลกวWางขวาง ไดWรับความสนใจทั่วโลกกลายเป^น ตัวอักษรภาษาที่มีความสำคัญยิ่งภาษาหนึ่งของโลก ฉะนั้น การเรียนรูWตัวอักษรภาษาจีนจำเป^นตWองเพิ่มความเขWมขWนมาก ยิ่งขึ้นในสังคมขWอมูลขZาวสาร การไมZรูWจักตัวอักษรภาษาจีน จำไมZไดWอZานไมZออก เขียนไมZเป^นหรือไมZสามารถปdอนขWอมูล ภาษาจีนเขWาระบบคอมพิวเตอร5แมWจะสามารถพูดภาษาจีน ไดWคลZองออกเสียงถูกตWองในสังคมปeจจุบันยังมักจะตามคนไมZ ทันไมZวZาผูWเรียนภาษาจีนเป^นภาษาแมZหรือจะเป^นภาษาที่สอง วัตถุประสงค7การวิจัย เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนลำดับขีดพื้นฐาน ของตัวอักษรจีนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปJที่ 1/3 วิธีดำเนินการวิจัย การกำหนดประชากรและกลุ/มตัวอย/าง 1. ประชากร (Population) เป^นนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาปJที่ 1 โรงเรียนปากเกร็ด ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปJการศึกษา 2564 2. กลุZมตัวอยZาง (Samples) เป^นนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาปJที่ 1 โรงเรียนปากเกร็ด ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปJการศึกษา 2564 ที่ไดWเลือกเฉพาะเจาะจงแบบกลุZม จำนวน 1 หWองเรียน คือ ชั้นมัธยมศึกษาปJที่ 1/3 จำนวน 33 คน เครื่องมือที่ใชWในการวิจัย ประกอบดWวย 2.1 หนังสือ !"#$ 2.2 แบบฝ]กการคัดลำดับขีดพื้นฐานของตัวอักษรจีน การสร8างและการหาคุณภาพเครื่องมือ ดำเนินการดังนี้ 1. ศึกษาเทคนิคการเขียนจากเอกสารตZาง ๆ 2. เลือกลำดับขีดพื้นฐานของตัวอักษรจีน เพื่อปรับปรุงและพัฒนาการพัฒนาการเขียนลำดับขีด พื้นฐานของตัวอักษรจีนของนักเรียน 3. นำลำดับขีดที่ไดWเลือกมานั้นเสนอตZอที่ปรึกษา งานวิจัย เพื่อตรวจสอบแกWไข 4. นำลำดับขีดที่ไดWเลือกมาปรับปรุงแกWไข กZอนนำไปใชWจริง 249
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากกร็ด ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………… วิธีการเก็บรวบรวมข8อมูล การดำเนินการทดลองและรวบรวมขWอมูล มีการดำเนินการดังนี้ 1. ใหWนักเรียนดูวิดีโอเกี่ยวกับเสWนขีดพื้นฐานของ ตัวอักษรจีนตZาง ๆ ที่จำเป^นตZอการเขียน 2. ใหWนักเรียนศึกษาและฝ]กเขียนลำดับขีดพื้นฐาน ของตัวอักษรจีนที่ตWองรูW 3. ใหWนักเรียนคัดลำดับขีดของตัวอัการจีนที่ไดW เลือกมาแลWว 4. นำคะแนนที่ไดWฝ]กคัดลำดับขีดมาวิเคราะห5 ขWอมูล สถิติที่ใช8ในการวิเคราะหJข8อมูล วิเคราะห5ขWอมูล การวิเคราะห5ผลจากคะแนนที่ไดW จากแบบทดสอบเพื่อปรับปรุงและพัฒนาทักษะการเขียน ลำดับขีดพื้นฐานของตัวอักษรจีนของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปJที่ 1/3 การวิเคราะหJข8อมูล การหาคZารWอยละ คZารWอยละ = X x 100 N เมื่อ X = คะแนนที่ไดW N = จำนวนนักเรียนทั้งหมด ผลการวิจัย สรุปผลการวิจัย จากการศึกษาและวิเคราะห5ผลแบบทดสอบ เพื่อปรับปรุงและพัฒนาทักษะการเขียนลำดับขีดพื้นฐานของ ตัวอักษรจีนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปJที่ 1/3 แสดงใหW เห็นวZา นักเรียนมีทักษะการเขียนลำดับขีดพื้นฐานของ ตัวอักษรจีน รWอยละ 80 ขึ้นไป จำนวน 15 คน จากนักเรียน 33 คน อภิปรายผลการวิจัย พบวZาแบบทดสอบเพื่อปรับปรุงและพัฒนาทักษะ การเขียนลำดับขีดพื้นฐานของตัวอักษรจีนของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปJที่ 1/3 ไดWทำใหWทราบถึงจำนวนนักเรียน ที่ผZานเกณฑ5 คือ 1. รWอยละ 80 - 100 มีจำนวน 15 คน 2. รWอยละ 70 - 79 มีจำนวน 10 คน 3. รWอยละ 60 - 69 มีจำนวน 5 คน 4. รWอยละ 50 - 59 มีจำนวน 3 คน ขCอเสนอแนะ 1. ในการเลือกตัวอักษรจีนนั้น อาจจะมีความยาก และเสWนขีดมากเกินไปสำหรับนักเรียน เพื่อปรับปรุง และพัฒนาทักษะการฝ]กคัดลำดับขีดพื้นฐานของตัวอักษรจีน ของนักเรียน ผูWวิจัยจะตWองเลือกตัวอักษรจีนที่งZาย ลำดับขีด ไมZมากจนเกินไปและเหมาะสมกับนักเรียนใหWมากยิ่งขึ้น 2. ในการวิจัยครั้งตZอไปอาจเจาะจงทำการวิจัยกลุZม นักเรียนในระดับชั้นอื่น ๆ ตZอไปและอาจแยกหัวขWอเป^น รายวิชาตZาง ๆ เพื่อใหWไดWขWอมูลที่ละเอียดขึ้น ซึ่งจะไดWนำผล การทดลองที่ไดWไปพัฒนาทักษะการฝ]กคัดลำดับขีดพื้นฐาน ของตัวอักษรจีนตZอไป บรรณานุกรม กรมวิชาการ, กระทรวงศึกษาธิการ. (2546). การจัด สาระการเรียนรู8กลุ/มสาระการเรียนรู8 ภาษาไทย. กรุงเทพฯ : คุรุสภาลาดพรWาว. ผลการวิเคราะห5ขWอมูล รWอยละ จำนวน (คน) 80 – 100 15 70 – 79 10 60 – 69 5 50 – 59 3 40 – 49 0 30 – 39 0 20 – 29 0 10 – 19 0 0 – 9 0 250
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… การสร้างชุดการสอน เพื่อพัฒนาการเขียนตัวอักษรจีนพื้นฐาน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4,2/5 โรงเรียนปากเกร็ด กานดา ฉัตรแก้üไพýาล* บทคัดย่อ การüิจัยครั้งนี้มีüัตถุประÿงค์ เพื่อใĀ้ผู้เรียนüิชา ภาþาจีน (เพิ่มเติม) ในระดับชั้นมัธยมýึกþาตอนต้น มี คüามรู้คüามเข้าใจในĀลักการเขียนภาþาจีน เพื่อเป็นการต่อ ยอดในการýึกþาในระดับต่อไปและเกิดเจตคติที่ดีต่อ รายüิชา ในการจัดการเรียนการÿอนüิชาภาþาจีน ในชั้น มัธยมýึกþาปีที่ 2 นั้นผู้ÿอนได้üิเคราะĀ์ÿภาพปัญĀาแล้ü พบü่า นักเรียนที่ÿามารถเขียนอักþรจีนได้นั้นเป็นนักเรียนที่ เคยเรียนภาþาจีนมาก่อนในชั้นประถมýึกþาจากโรงเรียน เก่า ซึ่งมีจำนüนเพียงร้อยละ 20 ÿ่üนนักเรียนอีกร้อยละ 80 ยังขาดทักþะการเขียนอักþรจีนพื้นฐาน นักเรียนไม่รู้üิธีเขียน ภาþาจีนที่ถูกต้อง และไม่ÿามารถจำตัüอักþรจีนได้รู้ÿึกü่า ภาþาจีนเขียนยาก เป็นÿาเĀตุĀนึ่งที่ทำใĀ้ไม่ÿนใจเรียน ภาþาจีน มีเจตคติไม่ดีต่อรายüิชา คำสำคัญ :อักþรจีน, ชุดฝึกทักþะการเขียนอักþรจีน บทนำ โดยทั่üไปการเรียนการÿอนภาþานั้น ประกอบด้üย ทักþะ 4 ทักþะ ได้แก่ ทักþะการฟัง พูด อ่าน และทักþะการ เขียน แต่ทักþะที่ประÿบปัญĀามากที่ÿุดคือทักþะการเขียน โดยเฉพาะการเขียนอักþรจีน ในการเรียนการÿอนระดับชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 2 นักเรียนÿ่üนมากเขียนอักþรจีนผิดüิธีไม่เข้าใจĀลักการเขียน ดังนั้นจึงใช้เüลานานมากÿำĀรับการเขียนแต่ละตัüเขียน Āนังÿือไม่ÿüย เป็นเĀตุใĀ้นักเรียนไม่ชอบเขียนภาþาจีน จากงานüิจัยในการแก้ปัญĀาและพัฒนาคüามÿามารถ ด้านการเขียน ของ Li Yang (2554) พัฒนาแบบฝึกเขียน ตัüอักþรจีนÿำĀรับนักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 พบü่าผู้เรียน มีคüามÿนใจ กระตือรือร้นในการทำแบบฝึก และมีผลÿัมฤทธิ์ ทางการเรียนÿูงกü่าก่อนเรียน ด้üยเĀตุนี้ ผู้üิจัยจึงได้ýึกþาโดย ÿร้างชุดฝึกเขียนอักþรจีนเพื่อพัฒนาการเขียนอักþรจีนครั้งนี้ วัตถุประสงค์การวิจัย 1) เพื่อใĀ้ผู้เรียนได้เรียนรู้และเข้าใจüิธีเขียนอักþรจีนที่ถูกต้อง 2) เพื่อพัฒนาทักþะการเขียนอักþรจีนใĀ้ÿüยงามยิ่งขึ้น 3) เพื่อใĀ้นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อüิชาภาþาจีน วิธีดำเนินการวิจัย ผู้üิจัยได้ใช้üิธีการüิจัยเชิงประจักþ์ตามขั้นตอนดังนี้ : ประชากรและกลุ่มตัüอย่าง เครื่องมือที่ใช้ ขั้นตอนการÿร้าง เครื่องมือ การเก็บรüบรüมข้อมูล การüิเคราะĀ์ข้อมูล ÿถิติ ในการüิจัย 1) เชิงปฏิบัติการในชั้นเรียน รูปแบบ PAOR การüางแผน นำไปใช้ÿำรüจและÿะท้อนผล 2) เครื่องมือที่ใช้ในการüิจัย ใบคüามรู้ลักþณะของ อักþรจีน เÿ้นขีดพื้นฐานอักþรจีน ชุดฝึกการเขียนเÿ้นขีด อักþรจีน ชุดแบบฝึกทักþะการเขียนอักþรจีนพื้นฐาน 4 ชุด แบบทดÿอบüัดผลÿัมฤทธิ์ทั้งปรนัยและอัตนัยทั้งก่อนเรียน และĀลังเรียน 3) การเก็บรüบรüมข้อมูลคะแนนจากแบบทดÿอบ (pre-test) และ (post-test) 4) การüิเคราะĀ์ข้อมูล - üิเคราะĀ์ผลคะแนนการทำ แบบทดÿอบก่อนเรียน (pre-test) และผลคะแนนการทำ แบบทดÿอบĀลังการเรียน (post-test) แล้üนำ ผลคะแนน มาเปรียบเทียบกับผลÿัมฤทธิ์– üิเคราะĀ์จากผลคะแนน แบบฝึกĀัดและชุดฝึกการเขียนอักþรจีนพื้นฐาน 5) ÿถิติที่ใช้ในการüิเคราะĀ์ข้อมูล ค่าเฉลี่ยแบบ ร้อยละ ผลการวิจัย ตารางที่ 1ค่าเฉลี่ยแบบทดÿอบก่อนเรียนของนักเรียนชั้น ม.2/4 และ ม.2/5 * ครูüิทยฐานะ ครูชำนาญการ กลุ่มÿาระการเรียนรู้ภาþาต่างประเทý โรงเรียนปากเกร็ด จังĀüัดนนทบุรี 251
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… คะแนน Pretest จำนüน นักเรียน ร้อยละ % 18 - 20 12 13.33 15 - 17 20 22.22 14 - 16 22 24.44 12 - 13 16 17.77 0 - 11 20 22.22 รüม 90 100 ตารางที่ 2 ค่าเฉลี่ยแบบทดÿอบĀลังเรียนของนักเรียน ชั้น ม.2/4 และ ม.2/5 คะแนน Postest จำนüน นักเรียน ร้อยละ % 18 - 20 40 44.44 15 - 17 32 35.55 14 - 16 12 13.33 12 - 13 6 0.66 0 - 11 0 0 รüม 90 100 จากตารางที่ 2 จะเĀ็นได้ü่าคะแนนทดÿอบĀลังการเรียน ÿ่üนใĀญ่อยู่ในระดับดีมาก (18-20 คะแนน) ร้อยละ 44.44 และระดับดี (15-17 คะแนน) 35.55 ตามลำดับ เมื่อ เปรียบเทียบผลคะแนนแบบทดÿอบก่อนการเรียน (Pre-test) (ตารางที่ 1) และคะแนนทดÿอบĀลังการเรียน (post-test) (ตารางที่ 2) แÿดงใĀ้เĀ็นü่าĀลังจากทำชุดฝึก ทักþะการเขียนอักþรจีน จะÿ่งผลใĀ้ผลÿัมฤทธิ์ทางการ เรียนของนักเรียนÿูงขึ้น สรุปผลการวิจัย 1) คüามÿามารถในการเขียนภาþาจีนพื้นฐานของนักเรียนผ่าน เกณฑ์ผลÿัมฤทธิ์ร้อยละ 100 2) นักเรียนÿามารถจำตัüอักþรได้มากขึ้น 3) นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อรายüิชาภาþาจีน อภิปรายผลการวิจัย ผลการüิจัยเป็นไปตามÿมมติฐานที่ตั้งไü้คือ นักเรียน มัธยมýึกþาปีที่ 2/4 และ 2/5 โรงเรียนปากเกร็ดĀลังจาก ที่นักเรียนได้ทำแบบฝึกĀัด โดยใช้ชุดฝึกการเขียนแล้üÿามารถ ÿอบผ่านเกณฑ์ที่กำĀนด ซึ่งÿอดคล้องกับüีรยา ýรีชุมพล (2548) ได้ทําการüิจัยเกี่ยüกับการแก้ปัญĀาการเขียนลําดับขีด ของภาþาจีนใĀ้ถูกต้อง และมีลายมือÿüยงาม กลุ่มตัüอย่างที่ ใช้ทดลองÿําĀรับงานüิจัยชิ้นนี้คือ นักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 1/2 โรงเรียนอัÿÿัมชัญระยอง มีพัฒนาการที่ดีขึ้น (100%) ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะที่ได้จากการทำวิจัย การเรียนการÿอนภาþาจีนคüรมีการÿอนที่เน้นด้าน การเขียนใĀ้แก่ผู้เรียนด้üย ซึ่งเป็นพื้นฐานเบื้องต้นในการ เขียนอักþรจีนที่ผู้เเรียนจะต้องเขียนได้เพื่อพัฒนาการเขียน ไปÿู่ขั้นต่อไป 2. ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป เพื่อเป็นการพัฒนาทักþะใĀ้ครบทั้ง 4 ทักþะครั้งต่อไป คüรทำการüิจัยเรื่อง การฟัง การพูดและการอ่านด้üย บรรณานุกรม Āลี่Āยาง. (2554). การพัฒนาแบบฝึกทักþะการเขียน ตัüอักþรจีนÿำĀรับนักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 โรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์. [üิทยานิพนธ์ปริญญาโท]. มĀาüิทยาลัยýิลปากร. โจüเจี้ยน 周建. (2550). 汉字教学理论与方法. 北京 (พิมพ์ครั้งที่2). ÿำนักพิมพ์มĀาüิทยาลัยปักกิ่ง เĀยิน จิ่งเĀüิน. (2547). รู้เรียนเขียนจีน. (พิมพ์ครั้งแรก). ÿำนักพิมพ์ÿุดÿัปดาĀ์. ÿุกัญญา ทองแĀ้ü. (2564) การพัฒนาการจำอักþรจีน โดยใช้ชุดฝึกทักþะการเขียนอักþรจีนโครงÿร้าง อักþรเดี่ยü. üารÿารลüะýรี มĀาüิทยาลัยราชภัฎ เทพÿตรี, ปีที่ 5 ฉบับที่ 1, มกราคม – มิถุนายน 2564. 122-126. 252
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกรด็ ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..………………………………………………………………………………..……………………………………………………… การพัฒนาความสามารถการเขียนสะกดคำศัพท6ภาษาอังกฤษโดยใช?เกม ของนักเรียนชันมัธยมศึกษาปDที่ 2 กัญจน&ธนธัญ วงศ&สีชิน1 * บทคัดย(อ การวิจัยเชิงทดลองครั้งนี้มีวัตถุประสงค<เพื่อ เปรียบเทียบความสามารถการเขียนคำศัพท<ภาษาอังกฤษ ระหวHางกHอนและหลังการใชKเกมโดยใชKแบบทดสอบวัดผล สัมฤทธิ์กHอนเรียนและหลังเรียน ซึ่งกลุHมตัวอยHางในการวิจัย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปRที่ 2/5 จำนวน 25 คน โดยการเลือก แบบเจาะจง การใชKเกมประกอบการสอนชHวยใหKนักเรียน เขียนสะกดคําศัพท<ภาษาอังกฤษไดKถูกตKองและแมHนยํา มากขึ้น (สำเนา ศรีประมงค<, 2547) จากการทดลองใชK แผนการสอนโดยใชKเกมเพื่อพัฒนาทักษะการเขียนคําศัพท< ภาษาอังกฤษของนักเรียน พบวHานักเรียนมีคะแนนหลังเรียน สูงกวHาคะแนนกHอนเรียน นักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์กHอน เรียนเฉลี่ยเทHากับ 10.04 จากคะแนนเต็ม 30 คะแนนสHวน เบี่ยงเบนมาตรฐานเทHากับ 3.69 คะแนนผลสัมฤทธิ์หลังเรียน เทHากับ 30.53 จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน แสดงใหKเห็นวHา นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนที่ดีขึ้นเมื่อไดKรับการสอน โดยการใชKเกม และการใชKเกมสามารถพัฒนาทักษะการเขียน คําศัพท<ของนักเรียน (ประเมิน มหาขันธ<, 2519) ชั้นมัธยมศึกษาปRที่ 2/5 ไดK คำสำคัญ: การเขียนสะกดคำศัพท<, เกม บทนำ ในปhจจุบัน พบวHาปhญหาพื้นฐานของการเรียน ภาษาอังกฤษ คือ ปhญหาดKานคำศัพท< เนื่องจากความรูKดKาน คำศัพท<ไมHเพียงพอ ไมHสามารถสะกดคำศัพท<ทำใหKนักเรียนไมH ประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษ และปhญหานี้เองก็ ยังไมHไดKรับการแกKไขเทHาที่ควร พรKอมทั้งยังไมHสามารถฝkกฝนใหK นักเรียนไดKเต็มที่ ดังนั้นผูKวิจัยเห็นวHาเกมยังเปlนสHวนหนึ่งที่ นักเรียนเองมีความสนใจ จึงหยิบยกเกมนั้นมาชHวยใน การพัฒนาทักษะการเขียนคำศัพท<ใหKกับนักเรียน (ประเมิน มหาขันธ<, 2519) * ครู วิทยฐานะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี วัตถุประสงค5การวิจัย 1. เพื่อเปรียบเทียบความสามารถการเขียนคำศัพท< ภาษาอังกฤษระหวHางกHอนและหลังการใชKเกมโดยใชKแบบ ทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์กHอนเรียนและหลังเรียน 2. นักเรียนสามารถเขียนสะกดคําศัพท<ภาษา อังกฤษไดKและนําไปใชKเพื่อสื่อสารไดKอยHางถูกตKอง 3. เกิดแนวการสอนที่พัฒนาทั้งความรูKการเขียน สะกดคําศัพท<และสรKางบรรยากาศในชั้นเรียนใหKไมHนHาเบื่อ วิธีดำเนินการวิจัย การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค< เพื่อเปรียบเทียบการ เขียนคําศัพท<ภาษาอังกฤษระหวHางกHอนและหลังการใชKเกม โดยใชKแบบทดสอบ Pre-test /Post-test โดยมีขั้นตอนใน การดําเนินการวิจัยดังนี้ 1. กลุHมเปtาหมายการวิจัย 2. เครื่องมือที่ใชKในการวิจัย 3. วิธีดําเนินการทดลอง 4. การเก็บรวบรวมขKอมูล 5. ขั้นการวิเคราะห<ขKอมูล ประชากรและกลุ1มตัวอย1าง ประชากร (Population) เปlนนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา ปRที่ 2 โรงเรียนปากเกร็ด ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปRการศึกษา 2564 จำนวนนักเรียน 25 คน กลุ1มตัวอย1าง (Samples) เปlนนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา ปRที่ 2 โรงเรียนปากเกร็ด ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปRการศึกษา 2564 ที่ไดKจากการสุHมแบบเจาะจง จำนวนนักเรียน 25 คน 253
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกรด็ ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..………………………………………………………………………………..……………………………………………………… ตัวแปรที่ศึกษา ตัวแปรต>น/ตัวแปรอิสระ (Independent Variable) เกมที่ใชKในการพัฒนาการเขียนคำศัพท<ภาษาอังกฤษของ นักเรียน ตัวแปรตาม (dependent Variable) ได>แก1 ความสามารถในการเขียนสะกดคําศัพท<ภาษาอังกฤษของ นักเรียน เครื่องมือที่ใช>ในการวิจัย เครื่องมือที่ใชKในการศึกษาคKนควKาครั้งนี้ คือ 1. แผนการสอนโดยใชKเกมคําศัพท<ประกอบในการสอน 2. แบบฝkกทักษะการเขียนสะกดคําศัพท< 3. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์การเรียนรูKคําศัพท< การเก็บรวบรวมข>อมูล ผูKวิจัยไดKทําการเก็บรวบรวมคะแนนจากการทดสอบ กHอนเรียน-หลังเรียน โดยใชKรูปแบบ One-Group Pretest - Posttest Design มีรูปแบบดังนี้ เมื่อกําหนด O1 หมายถึง การทดสอบกHอนเรียน X หมายถึง แบบเรียน O2 หมายถึง การทดสอบหลังเรียน ผลการวิจัย สถิติที่ใชKในการวิเคราะห<ขKอมูล 1. สถิติพื้นฐาน 1.1 คHาเฉลี่ย (Mean) 1.2 คHาความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ตารางแสดงคะแนนผลสัมฤทธิ์กHอนเรียนและหลังเรียน ทักษะการเขียนคําศัพท<ภาษาอังกฤษที่ไดKรับการสอน โดยใชKเกม สรุปผลการวิจัย นักเรียนทุกคนมีคะแนนผHานเกณฑ<และคะแนนเฉลี่ย หลังเรียนสูงกวHาคะแนนเฉลี่ย กHอนเรียนจํานวน 19.20 คะแนน หรือ รKอยละ 30.53 สHวนเบี่ยงเบนมาตรฐานเทHากับ 3.69 อภิปรายผลการวิจัย การใชKเกมเพื่อพัฒนาทักษะการเขียนคําศัพท<ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปRที่ 2/5 ชHวยใหKนักเรียนมีการพัฒนา ทักษะการเขียนคําศัพท<ภาษาอังกฤษที่ดีและแมHนยํามากขึ้น สามารถการเขียนสะกดคําศัพท<ภาษาอังกฤษไดKอยHางถูกตKอง โดยสามารถอภิปรายผลไดKดังนี้ จากการวิเคราะห<คะแนนเฉลี่ยกHอนเรียนและหลัง เรียนของนักเรียน นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน สูงกวHากHอน เรียน แสดงวHานักเรียนมีการพัฒนาทักษะการเขียนคําศัพท<ที่ดี ขึ้น เพราะวHาการสอนโดยใชKเกมเปlน กิจกรรมที่มุHงเนKนใหK นักเรียนไดKลงมือปฏิบัติและเรียนรูKดKวยตนเอง พรKอมทั้งสามารถ สรKางบรรยากาศภายใน หKองเรียนไดKเปlนอยHางดีซึ่งทําใหK นักเรียนไมHเบื่อหนHายตHอการเรียนและไดKพัฒนาทักษะดKานการ เขียน ดังทฤษฎีCommunicative Approach ที่วHานักเรียนจะ เรียนรูKไดKอยHางมีประสิทธิภาพก็ตHอเมื่อนักเรียนไดKทํากิจกรรมใน รูปแบบตHาง ๆ ใหKมากที่สุด ขAอเสนอแนะ 1. ในการใชKเกมประกอบการสอน ครูควรชี้แจง กับนักเรียนถึงจุดมุHงหมายของการเลHนเกมวHาเปlนการฝkก การเขียนคําศัพท<โดยใชKกิจกรรมเกมเขKามาประกอบการสอน เพื่อทําใหKนักเรียนจําคําศัพท<ไดK 2. ครูควรใหKนักเรียนไดKมีสHวนรHวมในการเลือก เกมจะทําใหKนักเรียนรูKสึกวHามีสHวนรHวมในการเรียน การสอนมากขึ้น และทำการทดลองกับกลุHมตัวอยHางอื่นๆ โดยใชKเกมเปlนสื่อประกอบการสอน บรรณานุกรม ประเมิน มหาขันธ<. (2519: 61). หลักการสอนภาษาไทยชั้น ประถมศึกษา (พิมพ_ครั้งที่ 2) . กรุงเทพ. โรงพิมพฺ คุรุสภาลาดพรKาว. 254
วารสารวิจัยการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที่ 1 ป*การศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………….. การแก%ป'ญหาทักษะทางไวยากรณ3ภาษาอังกฤษ โดยชุดแบบฝ>กออนไลน3 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปIที่ 3 ปาริฉัตร นครเอี่ยม* บทคัดย(อ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค5 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ ทักษะทางไวยากรณ5ภาษาอังกฤษของนักเรียนกHอนและหลัง เรียน โดยใชOชุดแบบฝQกออนไลน5กลุHมตัวอยHาง คือ นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปTที่ 3 จำนวน 44 คน โดยใชOชุดแบบฝQก ออนไลน5เปXนเครื่องมือในการวิจัย ระยะเวลาในการวิจัยใน ครั้งนี้ คือ ภาคเรียนที่ 2 ปTการศึกษา 2564 ทั้งนี้การวิจัย เปXนการวิจัยเชิงทดลอง โดยใชOแบบแผนการทดลองแบบ One-group pretest – posttest design ซึ่งการวิเคราะห5 ขOอมูลสถิติที่ใชO คือ คHารOอยละและคHาเฉลี่ยเพื่อตอบวัตถุประสงค5 ของการวิจัย ผลการวิจัย พบวHา การใชOชุดแบบฝQกออนไลน5มีผล ตHอการแกOปmญหาทักษะทางไวยากรณ5ภาษาอังกฤษโดยพบวHา หลังการใชOแบบฝQกมีคHาเฉลี่ยสูงกวHากHอนใชOแบบฝQก โดยมี คHาเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5.96 คิดเปXนรOอยละ 29.66 ทั้งนี้กHอนการใชO แบบฝQกมีคHาเฉลี่ย 11.61 คิดเปXนรOอยละ 58.07 หลังใชOแบบ ฝQกมีคHาเฉลี่ย 17.55 เปXนรOอยละ 87.73 คำสำคัญ : ไวยากรณ5ภาษาอังกฤษ, แบบฝQกออนไลน5 บทนำ ในปmจจุบัน การเรียนรูOเรื่อง ทักษะทางไวยากรณ5 ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปTที่ 3 โรงเรียน ปากเกร็ด ยังไมHบรรลุผลการเรียนรูOที่คาดหวัง นักเรียนมี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดOานทักษะทางไวยากรณ5ภาษาอังกฤษ อยูHในระดับพอใชOดOวยเหตุนี้ ผูOทำวิจัยจึงมีความสนใจในการ แกOไขปmญหาการจัดการเรียนรูO เรื่อง ทักษะทางไวยากรณ5 ภาษาอังกฤษ โดยชุดแบบฝQกออนไลน5 ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปTที่ 3 เพื่อเปXนแนวทางในการแกOปmญหาการเรียน การสอนตHอไป * ครู วิทยฐานะ ครูชํานาญการ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี วัตถุประสงค6การวิจัย เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทักษะทางไวยากรณ5 ภาษาอังกฤษของนักเรียนกHอนและหลังเรียน โดยใชOชุดแบบ ฝQกออนไลน5 วิธีดำเนินการวิจัย ขอบเขตของการวิจัย ประชากร (Population) เปXนนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาปTที่ 3โรงเรียนปากเกร็ด ภาคเรียนที่ 2 ปTการศึกษา 2564 กลุ9มตัวอย9าง (Samples) เปXนนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาปTที่ 3โรงเรียนปากเกร็ด ภาคเรียนที่2 ปTการศึกษา 2564 ที่ไดOจากการสุHมแบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 1 หOองเรียน จำนวนนักเรียน 44 คน เนื้อหาที่ใชCในการวิจัย เนื้อหารายวิชา ภาษาอังกฤษ 6 รหัสวิชา 23102 ตัวแปรในการวิจัย ตัวแปรตOน คือ ชุดแบบฝQกออนไลน5 ตัวแปรตาม คือ ทักษะทางไวยากรณ5ภาษาอังกฤษ เครื่องมือที่ใชCในการวิจัย เครื่องมือที่ใชOในการเก็บขOอมูลสำหรับการวิจัยในครั้งนี้ คือ ชุดแบบฝQกทักษะทางไวยากรณ5ภาษาอังกฤษออนไลน5โดยมี ขั้นตอนในการดำเนินการดังนี้ 1. ศึกษาทฤษฎีแนวคิด และงานวิจัยที่เกี่ยวขOองและ สรOางแบบฝQก โดยกำหนดขอบเขต และเนื้อหาใหOครอบคลุม จุดมุHงหมาย แลOวนำแบบฝQกที่ไดOตรวจสอบ นำไปปรับปรุง แกOไข 2. ทำการทดสอบกHอนการใชOแบบฝQก แลOวนำชุดแบบฝQก ที่สมบูรณ5แลOวไปเก็บขOอมูลจากกลุHมตัวอยHางตHอไป roe 255
วารสารวิจัยการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที่ 1 ป*การศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………….. 3. หลังจากการเก็บขOอมูลแลOวทำการทดสอบหลัง การใชOชุดแบบฝQก และนำผลคะแนนที่ไดOจากการทดสอบไป ตรวจใหOคะแนน และนำไปวิเคราะห5ผล การวิเคราะหEขCอมูลและการแปลผล การศึกษาครั้งนี้เปXนการวิจัยเชิงทดลอง โดยใชOแบบ แผนการทดลองแบบ One-group pretest – posttest design (เปรียบเทียบกHอน-หลัง) โดยใชOสถิติที่ใชOในการทดสอบ สมมติฐาน ไดOแกH คHารOอยละ และคHาเฉลี่ย ผลการวิจัย ตารางผลการเปรียบเทียบคะแนนการทดสอบทักษะทาง ไวยากรณEภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปQที่ 3 ก9อนและหลังการใชCชุดแบบฝTกออนไลนE กลุ7มตัวอย7าง จำนวน นักเรียน คะแนน เฉลี่ย รEอยละ ก7อนทดลอง 44 11.61 58.07 หลังทดลอง 44 17.55 87.73 ผลต7างของ ค7าเฉลี่ย 44 5.94 29.66 * คะแนนเต็ม 20 คะแนน สรุปผลการวิจัย ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทักษะทางไวยากรณ5 ภาษาอังกฤษของนักเรียนกHอนและหลังเรียน โดยใชOชุดแบบ ฝQกออนไลน5 มีความแตกตHางกัน โดยหลังการใชOแบบฝQก มีคHาเฉลี่ยสูงกวHากHอนการใชOแบบฝQกรOอยละ 29.66 โดยการใชOชุดแบบฝQกออนไลน5ผลปรากฏวHาหลังใชO แบบฝQก นักเรียนมีคะแนน สูงกวHากHอนใชOแบบฝQก โดยกHอน ใชOแบบฝQกมีคHาเฉลี่ย 11.61 คิดเปXนรOอยละ 58.07 และหลัง ใชOแบบฝQกมีคHาเฉลี่ย 17.55 คิดเปXนรOอยละ 87.73 อภิปรายผลการวิจัย การใชOชุดแบบฝQกออนไลน5 มีผลตHอการแกOปmญหา ทักษะทางไวยากรณ5ภาษาอังกฤษอยHางมาก ซึ่งเห็นไดOจาก คHาเฉลี่ยคะแนนการทดสอบกHอนและหลังการใชOชุดแบบฝQก ทั้งนี้สอดคลOองกับ วาสนา สุพัฒน5 (2530: 11) ที่ระบุวHา แบบฝQกเปXนการทบทวนความรูOตHาง ๆ ที่ไดOเรียนไปแลOวทำใหO ผูOเรียนเกิดทักษะและพัฒนาทักษะ ซึ่งสามารถนำไป แกOปmญหาไดO ทั้งนี้การพัฒนาทักษะทางไวยากรณ5ยังคงตOอง เนOนไปในสHวนของการออกแบบสื่อการเรียนรูO และใบงาน สอดคลOองกับ เฉลิมลาภ ทองอาจ(2553) ที่ระบุวHาการออกแบบ สื่อการเรียนรูO เปXนองค5ประกอบที่จำเปXนซึ่งสื่อการเรียนรูO ตHาง ๆ ผูOเรียนจะตOองใชOกระบวนการทางปmญญาตHางๆ อยHาง ครบถOวนเพื่อสรOางความเขOาใจในการอHาน ซึ่งโดยสHวนใหญHจะ ทำในลักษณะของใบงาน (worksheet) นอกจากนั้นยัง พบวHา สื่อการสอนออนไลน5 ทำใหOนักเรียนเกิดความสนใจ มากยิ่งขึ้น เพราะเปXนสื่อลักษณะInteractive ดังนั้นจึงทำใหO เปXนสิ่งกระตุOนใหOนักเรียนพัฒนาทักษะทางดOานไวยากณ5ไดOดี ยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคลOองกับรัชนี ศรีไพพรรณ (2517:56) ที่กลHาว ไวOวHา แบบฝQกที่ดีมีประโยชน5จะชHวยเสริมสรOางและเพิ่มพูน ความรูOความเขOาใจ ความจำ ทั้งยังชHวยกระตุOนใหOนักเรียน อยากทำแบบฝQกหัด และไดOฝQกฝนทักษะไดOเต็มที่ ไดOตรงจุดที่ ตOองการฝQก ขBอเสนอแนะ 1) ควรมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบ การเรียนออนไลน5 หรือการพัฒนาชHองทางการเรียนทางไกล ในภาวะสถานการณ5การแพรHระบาดของโรคติดตHอ 2) ควรมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการสรOางแบบเรียน ในรูปแบบ Interactive อื่น ๆ บรรณานุกรม เฉลิมลาภ ทองอาจ (2553). การอ9านเพื่อความเขCาใจ. https://www.gotoknow.org/posts/435030. รัชนี ศรีไพพรรณ. (2517). คู9มือแนวความคิดและทรรศนะ บางประการเกี่ยวกับกุศโลบายกับการสอนเด็กเริ่ม เรียนที่พูดภาษาที่สอง. พิมพ5ครั้งที่ 2:กรุงเทพฯ. วาสนา สุพัฒน5. (2530). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความคงทนในการเรียนรูCของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปQที่ 3 ที่สอนตามคู9มือครูโดยการทำ แบบฝTกหัดปรนัยชนิดเลือกตอบ แบบฝTกหัดอัตนัย กับการทำแบบฝTกหัดในหนังสือเรียน. (กศ.ม.), มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. nzeeen 256
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกรด็ ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… พฤติกรรมความรับผิดชอบต่อการส่งงานวิชาเสริมทักษะภาษาจีน 6 ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่3/8 โรงเรียนปากเกร็ด กันตรัตน์ พงþ์พานิช* บทคัดย่อ การüิจัยในครั้งนี้มีüัตถุประÿงค์เพื่อพัฒนาคüาม รับผิดชอบของนักเรียนในการÿ่งงานในüิชาภาþาจีน 6 ซึ่งข้าพเจ้าได้จัดทำแบบบันทึกพฤติกรรมการÿ่งงานของ นักเรียนในการÿ่งงาน และการทำใบงานปฏิบัติซึ่งได้ข้อ ÿรุปü่าในตอนแรกของงานüิจัยพบü่านักเรียนบางคนยังไม่ ÿามารถปรับตัüเองใĀ้มีคüามรับผิดชอบในการÿ่งงานที่ได้รับ มอบĀมาย แต่เมื่อได้รับการกüดขันจากครูผู้ÿอนนักเรียน ÿามารถปรับปรุงคüามรับผิดชอบของตนเองในการÿ่งงาน ได้มากยิ่งขึ้น กลุ่มเป้าĀมายÿำĀรับการüิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้น มัธยมýึกþาปีที่ 3/8 โรงเรียนปากเกร็ด ปีการýึกþา 2564 จำนüน 10 คน ผลจากการüิจัยพบü่า เมื่อนักเรียนได้รับการฝึกลักþณะ นิÿัยในการÿ่งงานใĀ้ตรงเüลาและฝึกคüามรับผิดชอบต่องาน ที่ได้รับมอบĀมายโดยได้รับการกüดขันจากครูผู้ÿอนในการ ÿำรüจการÿ่งงานแล้ü นักเรียนมีการพัฒนาระดับการÿ่งงาน ดีขึ้นตามลำดับ ÿ่üนนักเรียนที่ทำงานÿ่งตรงเüลาอยู่แล้üมี การพัฒนาในด้านคüามเรียบร้อยของงานเพิ่มมากขึ้นจาก เดิมอีกด้üย คำสำคัญ : พฤติกรรม, คüามรับผิดชอบ, ÿ่งงาน บทนำ คüามüิตกอย่างĀนึ่งของคนที่เป็นครู คืออยากใĀ้ลูก ýิþย์ที่เรากำลังÿอนนั้นเกิดการเรียนรู้ การเรียนรู้ไม่ได้ Āมายถึงการที่เขาตอบคำถามที่เราถามได้เท่านั้น แต่Āมายถึง การที่เขารู้ü่าÿิ่งที่เขากำลังเรียนคืออะไรÿามารถใช้คüามรู้ที่ มีอยู่แล้üมาเชื่อมโยงกับคüามรู้ใĀม่ที่เรากำลังÿอนĀรือไม่ และÿามารถนำÿิ่งที่เราÿอนไปประยุกต์ใช้กับÿถานการณ์ อื่น ๆ ได้ ครูคüรจะคำนึงถึงคüามแตกต่างระĀü่างผู้เรียนü่า เด็กในชั้นเรียนมีคüามÿามารถ คüามชอบและมีแรงจูงใจ ในการเรียนแตกต่างกันถ้าĀากกำĀนดใĀ้เด็กทำงานแบบ เดียüกัน คนทุกคนจะเกิดการเรียนรู้ไม่เท่ากัน นอกจากนี้ ครูคüรจะใĀ้คüามÿำคัญกับการÿอน ใĀ้เด็กตระĀนักü่าเขา กำลังเรียนอะไรและเรียนอย่างไร รüมถึงÿามารถนำไป ประยุกต์ใช้ในชีüิตประจำüันได้มากน้อยเพียงใด ÿ่üนนักเรียนในระดับชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 3/8 ปัญĀา ในการเรียนรู้ที่พบมากคือการไม่ÿ่งงานตามระยะเüลาที่ครู กำĀนดทำใĀ้เกิดปัญĀาด้านการเรียนการÿอน ครูจึงฝึก ผู้เรียนใĀ้ตระĀนักถึงคüามÿำคัญกระบüนการเรียนรู้ซึ่งจะ ช่üยใĀ้ใĀ้เขามีคüามมั่นใจที่จะเรียนรู้ได้ตลอดชีüิต (lifelong learning) วัตถุประสงค์การวิจัย ใĀ้ผู้เรียนตระĀนักถึงคüามÿำคัญและเล็งเĀ็นถึง ประโยชน์ของการตรงต่อเüลา มีเจตคติที่ดีต่อการÿ่งงานüิชา ภาþาจีนและยังÿามารถพัฒนาไปถึงüิชาอื่น ๆ ด้üย และเกิด การปลูกฝังคüามรับผิดชอบต่อการÿ่งงานตรงเüลา วิธีดำเนินการวิจัย คัดเลือกเด็กที่ขาดการรับผิดชอบเรื่องการÿ่งงาน ครูเรียกนักเรียนเข้าพบพูดคุยเพื่อแก้ปัญĀาเป็นรายบุคคล และติดตามผลการÿ่งงานในüิชาเÿริมทักþะภาþาจีน 6 ตรüจÿอบคüามรับผิดชอบเรื่องการÿ่งงาน รüบรüม และ ÿรุปผลการüิจัยเพื่อนำเÿนอ กลุ่มตัüอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 3/8 แผนการเรียนภาþาจีน โรงเรียนปากเกร็ด จำนüน 10 คน ดำเนินการüิจัยครั้งนี้ ใช้ปฏิบัติในชั่üโมงเรียนüิชา เÿริมทักþะภาþาจีน 6 จ23204 üันที่ 1 พฤýจิกายน 2564 ถึง 31 มกราคม 2565 * ครูอัตราจ้าง กลุ่มÿาระการเรียนรู้ภาþาต่างประเทý โรงเรียนปากเกร็ด จังĀüัดนนทบุรี 257
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกรด็ ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… เครื่องมือที่ใช้ในการüิจัย การบ้านในแต่ละบทเรียน ใบงานปฏิบัติตามเนื้อĀาในบทเรียน แบบบันทึกพฤติกรรม ของนักเรียนในการÿ่งงาน ผลการวิจัย ผู้üิจัยได้ดำเนินการทำüิจัยตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่เตรียมไü้ และนำไปใช้กับนักเรียนในระดับชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 3/8 จำนüน 43 คน แล้üพบü่า ในระยะแรกของการüิจัย นักเรียน บางคนขาดคüามรับผิดชอบในการÿ่งงานแต่เมื่อได้รับการ กüดขันจากครูในรายüิชาเÿริมทักþะภาþาจีน 6 มีการÿ่ง งานและปฏิบัติงานได้ดีขึ้นในระดับĀนึ่งแต่ยังคงต้องมีการ ทüงถาม ในบางครั้งนักเรียนยังมีคüามรับผิดชอบต่องานของ ตนเองไม่มากพอในระดับที่คาดĀüังไü้ข้าพเจ้าจึงได้ แก้ปัญĀาที่เกิดขึ้นโดยการจัดทำบันทึกการÿ่งงานของ นักเรียนที่มีปัญĀาและใช้คะแนนเข้ามาเป็นเครื่องจูงใจใน การÿ่งงานของนักเรียนซึ่งภายĀลังจากการทำการแก้ไข นักเรียนมีคüามรับผิดชอบในการÿ่งงานที่ดีขึ้น ผลการÿำรüจพฤติกรรมการÿ่งงานüิชาภาþาจีน นักเรียนระดับชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 3/8 จำนüน 43 คน พบü่า นักเรียน 10 คน ที่มีผลการÿ่งงานน้อยมากจึงนำนักเรียน กลุ่มนี้มาแก้ไขปัญĀาการÿ่งงาน สรุปผลการวิจัย นักเรียนกลุ่มตัüอย่างจำนüน 10 คน มีคüามรับผิดชอบ ในการÿ่งงานที่ดีขึ้นตามลำดับนักเรียนมีคüามรับผิดชอบต่อชิ้นงาน และÿ่งงานตรงต่อเüลา เกิดüินัยในตนเอง ปรับเปลี่ยนลักþณะ นิÿัยของตนเอง มีคüามรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบĀมาย อภิปรายผลการวิจัย การüิจัยการปลูกฝังคüามรับผิดชอบเรื่องพฤติกรรม คüามรับผิดชอบต่อการÿ่งงานของนักเรียนในชั้น ม.3/8 üิชา เÿริมทักþะภาþาจีน 6 จากใบงานจำนüน 6 ใบและนำผลการ บันทึกการÿ่งงานของนักเรียนในระดับชั้น ม.3/8 ทั้งĀมด จำนüน 10 คนผลปรากฏü่า นักเรียนกลุ่มตัüอย่างจำนüน 10 คน มีคüามรับผิดชอบในการÿ่งงานที่ดีขึ้นตามลำดับนักเรียน มีคüามรับผิดชอบต่อชิ้นงานและÿ่งงานตรงต่อเüลา ข้อเสนอแนะ ในการüิจัยครั้งนี้ผู้üิจัยก็ได้ÿร้างลักþณะนิÿัยในการ รับผิดชอบงานและใĀ้ÿ่งตรงตามเüลาใĀ้กับตนเองและ นักเรียนคนอื่นๆด้üยเช่นเดียüกัน บรรณานุกรม ยุüลี ÿายÿังข์. 2556. üิจัยในชั้นเรียน เรื่องการýึกþา พฤติกรรมเรื่องการไม่ÿ่งงาน/การบ้าน ของนักเรียนชั้นประกาýนียบัตรüิชาชีพปีที่ 3/8 ÿาขาüิชาคอมพิüเตอร์. üิทยาลัยเทคโนโลยีไทย บริĀารธุรกิจ. ปรารถนา เชาüน์เÿฏฐกุล. 2556. üิจัยในชั้นเรียน เรื่องการ แก้ปัญĀาการไม่ÿ่งงานของนักýึกþา ระดับ ประกาýนียบัตรüิชาชีพชั้นÿูงปีที่ 2 ÿาขาüิชา การเลขานุการ. üิทยาลัยเทคนิคตรัง รายüิชาการ ประเมินผลการปฏิบัติงาน รĀัÿüิชา 3207-2009. 258
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… การพัฒนาบทเรียนออนไลน0เรื่อง Present Perfect Tense บน www.Pakkred Learning Cyber วิชาภาษาอังกฤษ 2 หนQวยที่ 8 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปZที่ 4/5 สุนีย& คะงุ+ย1* บทคัดย(อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค5เพื่อการพัฒนาบทเรียน ออนไลน5เรื่อง Present Perfect Tense บน www.Pakkred Learning Cyber วิชาภาษาอังกฤษ 2 หน[วยที่ 8 ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาชั้นปaที่ 4/5และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก[อนและหลังเรียนโดยใชkบทเรียนออนไลน5เรื่อง Present Perfect Tense สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปaที่ 4/5กลุ[มตัวอย[าง ไดkแก[ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปaที่ 4/5 จำนวน 28 คน โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ปaการศึกษา 2564 โดย วิธีการสุ[มตัวอย[างแบบง[าย เครื่องมือที่ใชkในการวิจัย ไดkแก[ 1. บทเรียนออนไลน5เรื่อง Present Perfect Tense บน www.Pakkred Learning Cyber วิชาภาษาอังกฤษ 2 หน[วยที่ 8 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปaที่ 4/5 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัด นนทบุรี2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน บทเรียนออนไลน5รายวิชาภาษาอังกฤษ สถิติที่ใชkในการ วิเคราะห5ขkอมูล ไดkแก[ ค[าเฉลี่ย ส[วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test ผลการวิจัยพบว[า 1. บทเรียนออนไลน5เรื่อง Present Perfect Tense บน www.Pakkred Learning Cyber วิชาภาษา อังกฤษ 2 หน[วยที่ 8 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปaที่ 4/5 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัด นนทบุรีมีประสิทธิภาพ 12.54/27.54 สูงกว[าเกณฑ5ที่กําหนดและดkานผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดkวย บทเรียนออนไลน5 ค[าเฉลี่ยของคะแนนทดสอบหลังเรียนมีค[า มากกว[าคะแนนทดสอบก[อนเรียน 2) ผลการเรียนรูkหลัง เรียนสูงกว[าก[อนเรียน อย[างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 คำสำคัญ : บทเรียนออนไลน5, Present Perfect Tense บทนำ ในการจัดการเรียนการสอนแต[ละครั้ง ผูkสอนทุกคน ควรตระหนักดีว[านักเรียนแต[ละคนความสามารถในการ เรียนรูkแตกต[างกัน (ศิริวรรณ วณิชวัฒนวรชัย, 2555 : 65-75) * ครู วิทยฐานะ ชํานาญการ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นักเรียนบางคนอาจจะเขkาใจบทเรียนไดkทันที บางคนอาจตkอง อธิบายซ้ำ และในขณะเดียวกันบางคนไม[กลkาถามและขอใหk ครูอธิบาย ทำใหkไม[เขkาใจในบทเรียนและจะมีผลในบทเรียน ต[อ ๆ ไป จากปÄญหาดังกล[าวจึงไดkมีการจัดการเรียนการสอน บทเรียนออนไลน5รายวิชาภาษาอังกฤษเรื่อง Present Perfect Tense บน www.Pakkred Learning Cyber วัตถุประสงค5 ของงานวิจัยจึงมุ[งเนkนเพื่อพัฒนารูปแบบบทเรียนออนไลน5 ภาษาอังกฤษ เพื่อเปÅนสื่อการเรียนการสอนอีกวิธีหนึ่งที่จะทำ ใหkผูkเรียนเกิดการเรียนรูkดkวยตัวเอง เริ่มตั้งแต[การประเมินผล ก[อนเรียน การทำแบบฝÉกหัดระหว[างเรียน และการประเมินผล หลังเรียน หลังจากที่นักเรียนบทเรียนออนไลน5รายวิชาภาษาอังกฤษ เรื่องPresent Perfect Tense บนแพลตฟอร5ม Pakkred Learning Cyber นักเรียนสามารถประเมินตนเองไดkว[ามีความเขkาใจ ในเรื่องที่เรียนมากนkอยเพียงใด วัตถุประสงค7การวิจัย 1. เพื่อสรkางและหาประสิทธิภาพบทเรียนออนไลน5เรื่อง Present Perfect Tense สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปaที่ 4/5 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก[อนและหลัง เรียนโดยใชkบทเรียนออนไลน5เรื่อง Present Perfect Tense สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปaที่ 4/5 วิธีดำเนินการวิจัย สมมุติฐานของการวิจัย ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ที่เรียนดkวยบทเรียนออนไลน5เรื่อง Present Perfect Tense สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปaที่ 4/5 หลังเรียนสูงกว[า ก[อนเรียน 259
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… กลุ4มตัวอย4างที่ใช:ในการวิจัย กลุ[มตัวอย[างที่ใชkในการวิจัยเปÅนนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาปaที่ 4/5 โรงเรียนปากเกร็ดที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปaการศึกษา 2564 จำนวน 1 หkองเรียน จำนวนนักเรียน 28 คน โดยการเลือกแบบสุ[มอย[างง[าย เครื่องมือที่ใช:ในการวิจัย 1. บทเรียนออนไลน5เรื่อง Present Perfect Tense บน www.Pakkred Learning Cyber วิชาภาษาอังกฤษ 2 หน[วย ที่ 8 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปaที่ 4/5 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัด นนทบุรี 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนบทเรียน ออนไลน5รายวิชาภาษาอังกฤษ การเก็บรวบรวมข:อมูล 1. ก[อนการทดลองทําการทดสอบก[อนเรียนดkวยขkอสอบซึ่ง เปÅนชุดเดียวกันกับแบบวัดผลสัมฤทธิ์ แต[มีการสลับขkอคําถามใหม[ ใชkเวลาทั้งสิ้น 30 นาที 2. อธิบายขั้นตอนและวิธีการใชkบทเรียนออนไลน5ใหkแก[ นักเรียน 3. อธิบายเนื้อหาแต[ละบทเรียนและใหkนักเรียนทํา แบบฝÉกหัดทkายหน[วยการเรียนรูkไปพรkอม ๆ กัน เพื่อใหkการ ทดลองมีคุณภาพจึงมีผูkช[วยคอยดูแลนักเรียนที่มีปÄญหาในการ เรียนดkวยบทเรียนออนไลน5 และดูแลนักเรียนเรียนใหkครบตาม เนื้อหา 4. หลังจากจบการเรียนจากบทเรียนออนไลน5นักเรียน ทําแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ในการเรียน แลkวเก็บขkอมูลผล คะแนนมาวิเคราะห5ทางสถิติและสรุปผล ผลการวิจัย จากการวิจัยเรื่องการพัฒนาบทเรียนออนไลน5เรื่อง PresentPerfectTense บน www.Pakkred Learning Cyberวิชา ภาษาอังกฤษ 2 หน[วยที่ 8 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปaที่ 4/5 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีมีจุดมุ[งหมายเพื่อพัฒนา บทเรียนออนไลน5เรื่อง Present Perfect Tense และเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษปรากฏว[านักเรียนใหkความ ร[วมมือ ใหkความสนใจในการเรียนบทเรียนออนไลน5ภาษาอังกฤษ และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นกว[าก[อนเรียน สรุปผลการวิจัย การใชkสื่อบทเรียนออนไลน5ประสมในการจัดการเรียน การสอนจะช[วยใหkผูkเรียนเกิดการเรียนรูkไดkมากขึ้นและมีประสิทธิภาพ มากกว[าการใชkสื่อที่มีรูปแบบการนําเสนออย[างใดอย[างหนึ่งและ การสรkางบทเรียนออนไลน5รายวิชาภาษาดkวยวิธีการที่เปÅนระบบ ทําใหkไดkบทเรียนออนไลน5มีเนื้อหาเหมาะสมส[งผลสัมฤทธิ์ต[อ การเรียนรูkของนักเรียน รวมทั้งบทอังกฤษเรียนออนไลน5นี้มี ประโยชน5สําหรับนักเรียนเปÅนอย[างมาก สามารถนําไปใชkไดkจริง อีกทั้งยังสามารถเรียนรูkไดkทุกที่ทุกเวลาอย[างไม[จํากัด อภิปรายผลการวิจัย จากผลการทดสอบการใชkงานบทเรียนออนไลน5เรื่อง เรื่อง Present Perfect Tense บน www.Pakkred Learning Cyber วิชาภาษาอังกฤษ 2 หน[วยที่ 8 ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาชั้นปaที่ 4/5 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัด นนทบุรี พบว[า 1. ดkานประสิทธิภาพของบทเรียนออนไลน5 มีประสิทธิภาพ 12.54/27.54 สูงกว[าเกณฑ5ที่กําหนดไวk 2. ดkานผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดkวยบทเรียนออนไลน5 ค[าเฉลี่ยคะแนนทดสอบหลังเรียนมีค[ามากกว[าคะแนนทดสอบ ก[อนเรียนอย[างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ขCอเสนอแนะ ขkอเสนอแนะเพื่อนําผลการวิจัยไปใชk จากการวิจัยครั้งนี้พบว[า 1. ควรนําบทเรียนออนไลน5ที่สรkางขึ้นนี้เปÅนแนวทางใน การผลิตเรื่องอื่น ๆ อีกต[อไป และควรนําไปประยุกต5ใชkกับ รายวิชาหรือระดับชั้นอื่น ๆ 2. ในการเรียนดkวยบทเรียนออนไลน5นั้นควรเปáดโอกาส ใหkนักเรียนเรียนรูkดkวยตนเองหรือเรียนเปÅนกลุ[มเพราะนักเรียน บางคนตkองการสมาธิในการเรียน แต[บางคนตkองการเพื่อน เรียนร[วมกันเพื่อปรึกษาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น บรรณานุกรม ศิริวรรณ วณิชวัฒนวรชัย. (2555). การพัฒนาความสามารถ ของนักศึกษาครูในการจัดการเรียนรู:: วารสาร ศิลปากรศึกษาศาสตร5 ปaที่ 4 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคมธันวาคม 2555 : 65-75). 260
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… การพัฒนาบทเรียนออนไลน์เรื่อง If Clause 2 บน www.Pakkred Learning Cyber.com üิชาภาþาอังกฤþ 2 ÿำĀรับนักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 ÿุนันทา จิตต์มั่น* บทคัดย่อ การýึกþาüิจัยครั้งนี้ มีจุดประÿงค์เพื่อÿร้างและ Āาประÿิทธิภาพบทเรียนออนไลน์ เปรียบเทียบผลÿัมฤทธิ์ ทางการเรียนและýึกþาคüามพึงพอใจของนักเรียนที่มี ต่อการเรียนบทเรียนออนไลน์ üิชาภาþาอังกฤþ 2 เรื่อง If Clause 2 บน www.Pakkred Learning Cyber.com ÿําĀรับนักเรียน ชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 Āลักÿูตรการýึกþา ขั้นพื้นฐาน พุทธýักราช 2551 ประชากรที่ใช้ในการýึกþา ครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการýึกþา 2564 โรงเรียนปากเกร็ด ตําบลปากเกร็ด อําเภอปากเกร็ด จังĀüัดนนทบุรี จํานüน 3 Ā้องเรียน รüม จํานüนนักเรียน ทั้งĀมด 117 คน กลุ่มตัüอย่างที่ใช้ ในการýึกþาครั้งนี้ เป็นนักเรียนที่กําลังýึกþาชั้นมัธยมýึกþา ปีที่ 4/4 ซึ่งได้มาจากการÿุ่มแบบกลุ่ม (Cluster sampling random) โดยใช้Ā้องเรียนเป็นĀน่üยÿุ่ม จํานüน 28 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรüบรüมข้อมูล ได้แก่ บทเรียน ออนไลน์ üิชาภาþาอังกฤþ 2 เรื่อง If clause 2 บน www. Pakkred Learning Cyber.com คำÿำคัญ : บทเรียนออนไลน์, If Clause 2, Pakkred Learning Cyber บทนำ ปัจจุบันการจัดการเรียนการÿอนในýตüรรþที่ 21 มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านเครือข่ายมากขึ้น ซึ่งมี คüามแตกต่างไปจากการจัดการýึกþาในýตüรรþที่ 20 ที่จัดการเรียนรู้ตามĀนังÿือ ÿ่งผลใĀ้การเรียนรู้ของผู้เรียน ÿามารถเข้าไปÿืบค้นคüามรู้จากตําราต่าง ๆ ĀรือแĀล่งการ เรียนรู้อื่น ๆ Āรือจากเü็บไซต์ต่าง ๆ ได้อย่างกü้างขüาง (ปรัชญนันท์ นิลÿุข, 2558) ซึ่งผู้ÿอนต้องจัดกิจกรรม __________________________________ ใĀ้ผู้เรียนได้ÿืบค้นอย่างÿม่ำเÿมอ โดยที่ผู้เรียน จะต้องมีทักþะด้านเทคโนโลยี ÿารÿนเทýและการÿื่อÿาร แต่ ในการใช้เทคโนโลยีÿารÿนเทýและการÿื่อÿารต้องได้รับ คําแนะนํา จากครูและพ่อแม่ในการใช้เครื่องมือนี้ใĀ้เกิด ประโยชน์ต่อการเรียนรู้อย่างÿร้างÿรรค์ (üิจารณ์ พานิช, 2555) üัตถุประÿงค์การüิจัย 1. เพื่อÿร้างและĀาประÿิทธิภาพบทเรียนออนไลน์ üิชาภาþาอังกฤþ 2 เรื่อง If Clause 2 บน www.Pakkred Learning Cyber.com 2. เพื่อเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนกับĀลังเรียน ด้üยบทเรียนออนไลน์ üิชาภาþาอังกฤþ 2 เรื่อง If Clause 2 บน www.Pakkred Learning Cyber.com 3. เพื่อýึกþาคüามพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการ เรียนจากบทเรียนออนไลน์ üิชาภาþาอังกฤþ 2 เรื่อง I f Clause 2 บน www.Pakkred Learning Cyber.com üิธีดำเนินการüิจัย 1. ประชากรและกลุ่มตัüอย่าง ประชากรที่ใช้ในการýึกþาในครั้งนี้ เป็นนักเรียน ชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 โรงเรียนปากเกร็ด ตําบลปากเกร็ด อําเภอปากเกร็ด จังĀüัดนนทบุรี ภาคเรียนที่ 2 ปีการýึกþา 2564 จํานüน 3 Ā้องเรียน รüมทั้งĀมด 117 คน กลุ่มตัüอย่างที่ใช้ในการýึกþาในครั้งนี้ เป็นนักเรียนที่กําลังýึกþาชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 โรงเรียนปาก เกร็ด ตําบลปากเกร็ด อําเภอปากเกร็ด จังĀüัดนนทบุรี ภาค เรียนที่ 2 ปีการýึกþา 2564 1 Ā้องเรียน จํานüน 28 คน * ครู üิทยฐานะชำนาญการ กลุ่มÿาระการเรียนรู้ภาþาต่างประเทý โรงเรียนปากเกร็ด จังĀüัดนนทบุรี 261
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… ซึ่งได้มาจากการÿุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) โดยใช้Ā้องเรียนเป็นĀน่üยÿุ่ม (เชิดýักดิ์ โฆüาÿินธุ์, 2545) 2. เครื่องมือที่ใช้ในการüิจัย 1) บทเรียนออนไลน์ üิชาภาþาอังกฤþ 2 เรื่อง If Clause 2 2) แบบÿอบถาม คüามพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนออนไลน์ใน เรื่อง If Clause 2 ผลการüิจัย จากการýึกþาและüิเคราะĀ์คะแนนที่ได้จาก การÿร้างและพัฒนาบทเรียนออนไลน์ üิชาภาþาอังกฤþ 2 เรื่อง If Clause 2 บน www.Pakkred Learning Cyber.com ÿําĀรับนักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 โรงเรียน ปากเกร็ด ตําบลปากเกร็ด อําเภอปากเกร็ด จังĀüัดนนทบุรี ทําใĀ้มีบทเรียนออนไลน์ที่มีประÿิทธิภาพ เĀมาะÿมกับ การนํามาใช้ในกิจกรรมการเรียนการÿอน ทําใĀ้นักเรียน มีคüามกระตือรือร้นในการร่üมกิจกรรมการเรียนรู้ เนื่องจาก ในบทเรียนออนไลน์มีกระบüนการเรียนรู้ที่น่าÿนใจ และนักเรียนอยากรู้อยากคิด จึงเกิดประÿิทธิภาพในการทํา กิจกรรม จึงทําใĀ้บทเรียนออนไลน์เกิดประÿิทธิภาพ ÿรุปผลการüิจัย จากการÿร้างบทเรียนออนไลน์ ÿามารถช่üยใĀ้ ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ อย่างมีคüามĀมายและÿ่งผลใĀ้ ผลÿัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนÿูงขึ้น และบทเรียน ออนไลน์ÿามารถนํามาประยุกต์ใช้ได้เกือบทุกüิชาและทุก ระดับชั้น นับเป็นนüัตกรรมเทคโนโลยีทางการýึกþา ที่ÿมคüรนํามาเป็นÿื่อเพื่อประกอบการเรียนการÿอน ของครูได้อย่างมีประÿิทธิภาพ อภิปรายผลการüิจัย 1. ÿังเกตได้ü่านักเรียนÿามารถพัฒนาคüามรู้ คüามจำมากขึ้น โดยดูผลการเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียน และĀลังเรียน 2. จากการüิจัยครั้งนี้ทำใĀ้นักเรียนได้เรียนรู้ýัพท์ ภาþาอังกฤþเพิ่มขึ้น 3. จะเĀ็นได้ü่าเมื่อนักเรียนได้รับการÿอนที่เน้นย้ำ ในจุดที่นักเรียนมักจะÿับÿนĀรือผิดพลาดบ่อย ๆ ทำใĀ้ นักเรียนผิดพลาดน้อยลง ข้อเÿนอแนะ 1. ในการพัฒนาบทเรียนออนไลน์ üิชา ภาþาอังกฤþ 2 เรื่อง If Clause 2 บน www.Pakkred Learning Cyber.com มีข้อจํากัดในเรื่องของอุปกรณ์ เทคโนโลยีและระบบการทํางานของอินเทอร์เน็ต 2. คüรทําการüิจัยเพื่อแก้ปัญĀาการจัดการเรียน การÿอนบน www Pakkred Learning Cyber.com ต่อไป เนื่องจากพบü่านักเรียนมีคüามพึงพอใจในการเรียนด้üย บทเรียนออนไลน์ เรื่อง If Clause 2 บน www.Pakkred Learning Cyber.com บรรณานุกรม เชิดýักดิ์ โฆüาÿินธุ์. (2545) ประÿิทธิภาพÿื่อĀรือ ชุดการÿอน, üารÿารýิลปากรýึกþาýาÿตร์üิจัย, 5(1), 7-19. การüิจัยทางการýึกþา กรุงเทพฯ : โอ.เอÿ.พริ้นติ้ง เฮาÿ์ ปรัชญนันท์ นิลÿุข. (2558) ครูอาชีüะแĀ่งýตüรรþที่ 21. กรุงเทพฯ: แมคเอ็ดดูเคชั่น üิจารณ์ พานิช. (2555) üิถีÿร้างการเรียนรู้เพื่อýิþย์ ในýตüรรþที่ 21. กรุงเทพฯ : มูลนิธิÿดýรี- ÿฤþดิ์üงý์ 123 262
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกรด็ ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… การพัฒนาทักษะการเขียนประโยคความเดียวตามโครงสร8างไวยากรณ;ตัวชี้(조사) ด8วยเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอว; (Jigsaw) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปQที่ 4 โรงเรียนปากเกร็ด ภาคเรียนที่ 2 ปQการศึกษา 2564 ฐิติรัตน' เกียรติสกุลขจร1* บทคัดย*อ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค5เพื่อพัฒนาทักษะ การเขียนประโยคความเดียวตามโครงสรBางไวยากรณ5ตัวชี้ ดBวยเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอว5และเพื่อเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกOอนเรียนและหลังเรียน เรื่อง การเขียนประโยคความเดียวตามโครงสรBางไวยากรณ5 ตัวชี้ดBวยเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอว5 ซึ่งกลุOมตัวอยOางที่ใชB ในการวิจัยครั้งนี้คือกลุOมประชากรเปSนนักเรียนระดับ ชั้นมัธยมศึกษาปUที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปUการศึกษา 2564 กลุOมตัวอยOางเปSนนักเรียนของโรงเรียนปากเกร็ด จำนวน 27 คน โดยการสุOมตัวอยOางแบบกลุOม เครื่องมือที่ใชBใน การวิจัย ไดBแกO แผนการจัดการเรียนรูB, E-book, แบบฝfกหัด ออนไลน5 และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ออนไลน5 เรื่อง ตัวชี้ ที่ผูBวิจัยสรBางเองจำนวน 5 บทเรียน โดยใชBรูปแบบเทคนิค การสอนแบบจิ๊กซอว5 การวิเคราะห5ขBอมูล ไดBแกO คOารBอยละ คOาเฉลี่ย คOาเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยปรากฏวOา คะแนนแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์กOอนเรียน และหลังเรียน เรื่อง ตัวชี้ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปUที่ 4 มีคะแนนเฉลี่ย เทOากับ 7.70 คะแนนและ 18.22 คะแนนตามลำดับและ เมื่อเปรียบเทียบระหวOางคะแนนกOอนเรียนและหลังเรียน พบวOา คะแนนสอบหลังเรียนสูงกวOากOอนเรียนอยOางมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แสดงการพัฒนาทักษะ การเขียนประโยคความเดียวตามโครงสรBางไวยากรณ5ตัวชี้ ดBวยเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอว5ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปUที่ 4 โรงเรียนปากเกร็ด ภาคเรียนที่ 2 ปUการศึกษา 2564 ไดBดีขึ้น คำสำคัญ : บทเรียนออนไลน5, เทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอว5 บทนำ ในการสื่อสารภาษาเกาหลี ใหBเกิดประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จนั้นตBองอาศัยความเขBาใจทางดBาน ไวยากรณ5เปSนหลัก เพราะไวยากรณ5คือกฎเกณฑ5ของภาษารวม ไปถึงการจัดวางคำใหBเปSนรูปประโยคที่สามารถสื่อสารกันไดB อยOางเขBาใจ นักเรียนจะมีทักษะทางภาษาเกาหลีที่ดีขึ้น ถBามีทักษะดBานการใชBไวยากรณ5เพื่อการสื่อสาร โดยการจัด กิจกรรมการเรียนรูBวิชาภาษาเกาหลี 2 ชั้นมัธยมศึกษาปUที่ 4 1 * ครู วิทยฐานะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พบวOาทักษะที่นักเรียนมีปqญหาในการนำความรูBความเขBาใจ ดBานไวยากรณ5ไปประยุกต5ใชBมากที่สุดคือทักษะดBานการเขียน เนื่องจากมีความซับซBอนในเรื่องโครงสรBางและการนำตัวชี้ ดังนั้นผูBวิจัย จึงเล็งเห็นถึงปqญหาจึงจัดทำงานวิจัย เรื่องการพัฒนาทักษะการเขียนประโยคความเดียว ตามโครงสรBางไวยากรณ5ตัวชี้ดBวยเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอว5 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปUที่ 4 โรงเรียนปากเกร็ด วัตถุประสงค9การวิจัย 1. พัฒนาทักษะการเขียนประโยคความเดียวตาม โครงสรBางไวยากรณ5ตัวชี้ดBวยเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอว5 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปUที่ 4 โรงเรียนปากเกร็ด 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กOอนเรียนและหลังเรียน เรื่องการเขียนประโยคความเดียวตาม โครงสรBางไวยากรณ5ตัวชี้ดBวยเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอว5 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปUที่ 4 โรงเรียนปากเกร็ด วิธีดำเนินการวิจัย สมมุติฐานของการวิจัย ผูBเรียนไดBพัฒนาทักษะการเขียนประโยคความเดียว ตามโครงสรBางไวยากรณ5ตัวชี้ดBวยเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอว5 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปUที่ 4 โรงเรียนปากเกร็ด สูงขึ้น ประชากรและกลุ8มตัวอย8าง ประชากร เปSนนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปUที่ 4 หBอง 11 โรงเรียนปากเกร็ดที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปUการศึกษา 2564 จำนวน 1 หBองเรียน จำนวนนักเรียน 27 คน กลุOมตัวอยOาง เปSนนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา ปUที่ 4 หBอง 11 โรงเรียนปากเกร็ดที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปUการศึกษา2564 ที่ไดBจากการสุOมแบบเจาะจง จำนวน 1 หBองเรียน จำนวนนักเรียน 27 คน เครื่องมือที่ใช@ในการวิจัย ประกอบด@วย 1. เครื่องมือที่ใชBในการทดลอง 1.1 แผนการจัดการเรียนรูB จำนวน 5 แผนการเรียนรูB ที่นำมาปรับใชBกับเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอว5เรื่องโครงสรBาง ไวยากรณ5ตัวชี้ที่ผูBวิจัยสรBางเอง 263
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกรด็ ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………….. 1.2 E-book บทเรียนออนไลน5เรื่องโครงสรBางไวยากรณ5 ตัวชี้ที่ผูBวิจัยสรBางเองจำนวน 5 บทเรียนดBวยเทคนิคการสอน แบบจิ๊กซอว5 1.3 ชุดบทเรียน เรื่องโครงสรBางไวยากรณ5ตัวชี้ที่ผูBวิจัยสรBาง เอง ดBวยเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอว5 2. เครื่องมือเก็บรวบรวมขBอมูล 2.1 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ออนไลน5 เรื่อง โครงสรBาง ไวยากรณ5ตัวชี้ ที่ผูBวิจัยสรBางเอง ดBวยเทคนิคการสอน แบบจิ๊กซอว5 3. การหาคุณภาพของเครื่องมือ 3.1. การสรBางแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นำแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สรBางขึ้นใหB ผูBเชี่ยวชาญดBานการสอนวิชา ภาษาเกาหลี จำนวน 3 ทOาน เพื่อตรวจสอบความถูกตBองของภาษาและประเมินความ สอดคลBอง (IOC) สถิติที่ใช@ในการวิจัย 1. คOาเฉลี่ยเลขคณิต ใชBหาคOาเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์กOอนเรียน และหลังเรียนเรื่องไวยากรณ5ตัวชี้วิชาภาษาเกาหลี 2. คOาความเบี่ยงเบนมาตรฐานไมOแจกแจงความถี่ ใชBหา คOาความเบี่ยงเบนมาตรฐานผลสัมฤทธิ์กOอนเรียน-หลังเรียน 3. ความแตกตOางระหวOางผลการทดสอบกOอนเรียน และหลังเรียน ผลการวิจัย จากตารางแสดงใหBเห็นวOา คะแนนแบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์กOอนเรียนและหลังเรียน เรื่อง ตัวชี้ในระดับชั้น มัธยมศึกษาปUที่ 4 มีคะแนนเฉลี่ยเทOากับ 7.70 คะแนน และ 18.22 คะแนนตามลำดับและเมื่อเปรียบเทียบระหวOาง คะแนนกOอนเรียนและหลังเรียน พบวOา คะแนนสอบหลังเรียน สูงกวOากOอนเรียนอยOางมีนัยยะสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สรุปผลการวิจัย 1. นักเรียนที่เขBารOวมในกิจกรรม พบวOามีภาพรวมผล การพัฒนาภาษาเกาหลีกOอนการทดลอง ที่ คOาเฉลี่ย 7.70 และหลังการทดลองปรากฏวOามีความสามารถในการพัฒนา ภาษาเกาหลีสูงขึ้นอยูOในคOาเฉลี่ย 18.22 โดย นักเรียนทุกคน มีการพัฒนาทักษะการเขียนประโยคความเดียวตามโครงสรBาง ไวยากรณ5ตัวชี้หลังการทดลองสูงขึ้น คิดเปSน รBอยละ 100 2. ผลการทดสอบสมมุติฐาน ปรากฏวOาความสามารถ ในการพัฒนาภาษาเกาหลีของนักเรียนหลังการทดลองสูงกวOา ความสามารถดังกลOาวกOอนการทดลอง อยOางมีนัยสำคัญทาง สถิติที่ระดับ.05 ดังนั้นจึงสรุปไดBวOา นักเรียนมีพัฒนาการ ความสามารถภาษาเกาหลีสูงกวOากOอนการทดลองอยOาง มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 สอดคลBองกับผล การวิเคราะห5ผลคะแนน อภิปรายผลการวิจัย ในการวิจัยครั้งนี้ ผูBวิจัยไดBประโยชน5ที่สำคัญที่สุด คือ ผูBเรียนไดBพัฒนาทักษะการเขียนประโยคความเดียว ตามโครงสรBางไวยากรณ5ตัวชี้ดBวยเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอว5 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปUที่ 4 โรงเรียนปากเกร็ดสูงขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถมีปฏิสัมพันธ5กันระหวOางผูBเรียนกับผูBสอน และกับเพื่อนรOวมชั้นเรียนไดB จากการวิเคราะห5ผลสัมฤทธิ์ ของนักเรียน พบวOา กOอนการทดลองนักเรียน สามารถเขียน ประโยคความเดียวตามโครงสรBางไวยากรณ5ตัวชี้ภาษาเกาหลี ไดBอยูOในระดับดี ที่ระดับคOาเฉลี่ย 7.70 ทำใหBผูBเรียนสามารถ เรียนรูB ไดBอยOางเขBาใจ หลังการทดลองพบวOานักเรียนสามารถ พัฒนาในกิจกรรมการเรียนภาษาเกาหลีไดBอยOางคลOองแคลOวขึ้น ผลการศึกษาพบวOานักเรียนมีพัฒนาการสูงขึ้นที่คOาเฉลี่ย 18.22 ขEอเสนอแนะ 1. ควรอธิบายขั้นตอนการทำกิจกรรมอยOาง ละเอียดและสอบถามความเขBาใจ ของนักเรียนกOอนดำเนิน กิจกรรมเพื่อใหBการปฏิบัติกิจกรรมเปSนไปดBวยความราบรื่น 2. ควรเตรียมการและตBองดูแล ชOวยเหลือ เอาใจ ใสOในกระบวนการเรียนรูBของผูBเรียนอยOางใกลBชิดเพื่อใหB ผูBเรียนไดBเปSนผูBเชี่ยวชาญในหัวขBอนั้นอยOางมั่นใจ ซึ่งตBองใชB เวลาในการเตรียมตัว และควบคุมชั้นเรียนใหBไดB เพื่อใหB กิจกรรมดำเนินตOอไปไดBตรงตามที่ตั้งเปxาหมายไวB 3. ควรจัดหาหBองที่เหมาะสม มีขนาดกวBาง เพราะนักเรียนตBองมีการเคลื่อนยBายตนเองไปตามกลุOมตOาง ๆ จึงทำใหBอาจเสียเวลา หากหBองมีขนาดเล็ก เคลื่อนยBาย ลำบาก บรรณานุกรม ศุภรัตน5 ทรายทอง. (2551, 15 มีนาคม). ผลของการจัด การเรียนรู@แบบร8วมมือโดยใช@เทคนิค Jigsaw ที่มีต8อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ8มสาระการ เรียนรู@คณิตศาสตรR เรื่อง เงินและบันทึกรายรับ รายจ8าย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปVที่3 คะแนน ทดสอบ n Mean S.D. t df sig ก"อนเรียน 27.00 7.70 6.68 26.02 26.00 0.00 หลังเรียน 27.00 18.22 4.56 264
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… การพัฒนาบทเรียนออนไลน์รายüิชาภาþาจีน Āน่üยที่ 3 เรื่อง 自我介绍 ÿำĀรับนักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 ชาลินีมุÿตัง ติงกี* บทคัดย่อ การüิจัยครั้งนี้มีüัตถุประÿงค์เพื่อพัฒนาบทเรียน ออนไลน์รายüิชาภาþาจีน Āน่üยที่ 3 เรื่อง 自我介绍 และ เปรียบเทียบผลÿัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและĀลังการเรียนรู้ กลุ่มตัüอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4/3 จำนüน 18 คน โรงเรียนปากเกร็ด จังĀüัดนนทบุรี ภาคเรียนที่ 2 ปี การýึกþา 2564 โดยüิธีการÿุ่มตัüอย่างแบบง่าย เครื่องมือที่ ใช้ในการüิจัย ได้แก่ 1) บทเรียนออนไลน์รายüิชาภาþาจีน Āน่üยที่ 3 เรื่อง 自我介绍 และ 2) แบบทดÿอบก่อนเรียน และĀลังเรียน ÿถิติที่ใช้ในการüิเคราะĀ์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ÿ่üนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และt-test ผลการüิจัยพบü่า 1) บทเรียนออนไลน์เพื่อเÿริมทักþะการÿอบภาþาจีน ประกอบด้üย 5 องค์ประกอบ ได้แก่ แบบทดÿอบก่อนเรียน เนื้อĀาการÿอบภาþาจีน แบบฝึกĀัด แบบทดÿอบĀลังเรียน ด้านประÿิทธิภาพของบทเรียนออนไลน์ มีประÿิทธิภาพ 83.56/89.17 ÿูงกü่าเกณฑ์ที่กำĀนดไü้และด้านผลÿัมฤทธิ์ ทางการเรียนด้üยบทเรียนออนไลน์ ค่าเฉลี่ยของคะแนน ทดÿอบĀลังเรียนมีค่ามากกü่าคะแนนทดÿอบก่อนเรียน 2) ผลการเรียนรู้Āลังเรียนÿูงกü่าก่อนเรียน อย่างมีนัยÿำคัญ ทางÿถิติที่ระดับ .05 คำÿำคัญ : บทเรียนออนไลน์, ผลÿัมฤทธิ์ทางการเรียน, การเรียนรู้ด้üยตนเอง บทนำ การจัดการเรียนการÿอนบทเรียนออนไลน์รายüิชา ภาþาจีนในปัจจุบัน คือ ขาดการพัฒนาบทเรียนออนไลน์ ภาþาจีน üัตถุประÿงค์ของงานüิจัยจึงมุ่งเน้นเพื่อพัฒนา รูปแบบบทเรียนออนไลน์ภาþาจีน เพื่อการจัดกระบüนการ เรียนรู้ภาþาจีนที่มุ่งเน้นใĀ้ผู้เรียนพัฒนาทักþะคüามÿามารถ ด้านการฟัง พูด อ่านและเขียน ผู้üิจัยจึงมีแนüคิดในการ พัฒนาบทเรียนออนไลน์เพื่อเÿริมทักþะการÿอบภาþาจีน เพื่อใĀ้นักเรียนได้ýึกþาบทเรียน เนื้อĀา แบบฝึกĀัดรู้แนüทาง และมีทักþะในการÿอบüัดระดับคüามรู้ภาþาจีนและได้รับ ผลการÿอบที่ÿูงขึ้น อีกทั้งยังมีเจตคติที่ดีในการÿอบและ ÿามารถนำไปพัฒนาตนเองต่อไป üัตถุประÿงค์การüิจัย 1. เพื่อพัฒนาบทเรียนออนไลน์รายüิชาภาþาจีน Āน่üยที่ 3เรื่อง 自我介绍 ÿำĀรับนักเรียนชั้นมัธยมýึกþา ปีที่ 4 โรงเรียนปากเกร็ด จังĀüัดนนทบุรี 2. เพื่อเปรียบเทียบผลÿัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและ Āลังการเรียนรู้ของนักเรียน ชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 โรงเรียน ปากเกร็ด จังĀüัดนนทบุรี üิธีดำเนินการüิจัย 1. ประชากร นักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 2. กลุ่มตัüอย่าง นักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4/3 3. เครื่องมือที่ใช้ในการüิจัย - บทเรียนออนไลน์Āน่üยที่ 3 เรื่อง 自我介绍 - แบบทดÿอบüัดผลÿัมฤทธิ์ทางการเรียน 4. การÿร้างเครื่องมือ 5. การเก็บรüบรüมข้อมูล ผลการüิจัย ผลคüามเข้าใจการอ่านภาþาจีนที่เรียนรู้จากบทเรียน ออนไลน์ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 15.45 ÿ่üนเบี่ยงเบน มาตรฐานเท่ากับ 4.97 และĀลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 36.09 ÿ่üนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 8.91 เมื่อทดÿอบ คüามแตกต่างของผลคüามเข้าใจของนักเรียนก่อนเรียนและ Āลังเรียน พบü่า มีคüามแตกต่างกันอย่างมีนัยÿำคัญทาง ÿถิติที่ระดับ .05 แÿดงü่าผลการเรียนรู้ของนักเรียนที่เรียน * ครูüิทยฐานะ ครูชำนาญการ กลุ่มÿาระการเรียนรู้ภาþาต่างประเทý โรงเรียนปากเกร็ด จังĀüัดนนทบุรี 265
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… ด้üยบทเรียนออนไลน์รายüิชาภาþาจีน Āน่üยที่ 3 เรื่อง 自我介绍 Āลังเรียนÿูงกü่าก่อนเรียน ÿรุปผลการüิจัย การใช้ÿื่อบทเรียนออนไลน์ประÿมในการจัดการเรียน การÿอนจะช่üยใĀ้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้มากขึ้นและ มีประÿิทธิภาพมากกü่าการใช้ÿื่อที่มีรูปแบบการนำเÿนอ อย่างใดอย่างĀนึ่งและการÿร้างบทเรียนออนไลน์รายüิชา ภาþาจีนด้üยüิธีการที่เป็นระบบ ทำใĀ้ได้บทเรียนออนไลน์ มีเนื้อĀาเĀมาะÿม ÿ่งผลÿัมฤทธิ์ต่อการเรียนรู้ของนักเรียน รüมทั้งบทเรียนออนไลน์นี้มีประโยชน์ÿำĀรับนักเรียน เป็นอย่างมาก ÿามารถนำไปใช้ได้จริง อีกทั้งยังÿามารถ เรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเüลาอย่างไม่จำกัด อภิปรายผลการüิจัย จากผลการทดÿอบการใช้งานบทเรียนออนไลน์รายüิชา ภาþาจีน Āน่üยที่ 3 เรื่อง 自我介绍 ÿำĀรับนักเรียน ชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 พบü่า 1. ด้านประÿิทธิภาพของบทเรียนออนไลน์มีประÿิทธิภาพ 83.56/89.17 ÿูงกü่าเกณฑ์ที่กำĀนดไü้ 2. ด้านผลÿัมฤทธิ์ทางการเรียนด้üยบทเรียนออนไลน์ ค่าเฉลี่ยคะแนนทดÿอบĀลังเรียนมีค่ามากกü่าคะแนนทดÿอบ ก่อนเรียนอย่างมีนัยÿำคัญทางÿถิติที่ระดับ .05 ข้อเÿนอแนะ 1. คüรนำบทเรียนออนไลน์ที่ÿร้างขึ้นนี้เป็นแนüทาง ในการผลิตเรื่องอื่น ๆ อีกต่อไป และคüรนำไปประยุกต์ใช้กับ รายüิชาĀรือระดับชั้นอื่น ๆ 2. ในการเรียนด้üยบทเรียนออนไลน์นั้นคüรเปิด โอกาÿใĀ้นักเรียนเรียนรู้ด้üยตนเองĀรือเรียนเป็นกลุ่ม 4 คน เพราะนักเรียนบางคนต้องการÿมาธิในการเรียน แต่บางคน ต้องการเพื่อนเรียนร่üมกันเพื่อปรึกþาแลกเปลี่ยนคüาม คิดเĀ็น บรรณานุกรม พรชัย กำĀอม. (2543). การýึกþาผลÿัมฤทธิ์ทางการเรียน และทักþะกระบüนการทางüิทยาýาÿตร์ ในüิชาฟิÿิกÿ์ของนักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 5 ที่ เรียนโดยใช้คอมพิüเตอร์ประกอบการÿอนตาม แนüคิดของออซูเบล.üิทยานิพนธ์ýึกþาýาÿตร มĀาบัณฑิต,ÿาขาüิชาĀลักÿูตรและการÿอน,บัณฑิต üิทยาลัย,มĀาüิทยาลัยขอนแก่น. üิจารณ์ พานิช. (2555). üิถีÿร้างการเรียนรู้เพื่อýิþย์ใน ýตüรรþที่ 21. กรุงเทพฯ: มูลนิธิÿดýรี-ÿฤþดิ์üงý์. ÿำนักüิชาการและมาตรฐานการýึกþา. (2556). ตัüชี้üัดและÿาระการเรียนรู้ภาþาจีน กลุ่มÿาระ การเรียนรู้ภาþาต่างประเทý.โรงพิมพ์ ÿกÿค. ลาดพร้าü: กรุงเทพมĀานคร. Lou, H.(2560).การพัฒนาบทเรียนออนไลน์ เรื่อง การออก เÿียงพินอิน ภาþาจีนÿำĀรับนักเรียนชั้นมัธยมýึกþา ปีที่ 1 โรงเรียนอัÿÿัมชัญýรีราชา. üิทยานิพนธ์ การýึกþามĀาบัณฑิต, ÿาขาüิชา เทคโนโลยี การýึกþา, คณะýึกþาýาÿตร์, มĀาüิทยาลัยบูรพา. Li,Y.(2560).การพัฒนาบทเรียนการ์ตูนมัลติมีเดีย เรื่อง การออกเÿียงพินอิน üิชาภาþาจีน ÿำĀรับนักเรียน ชั้นประถมýึกþาปีที่ 3 โรงเรียนอัÿÿัมชัญýรีราชา. üิทยานิพนธ์การýึกþามĀาบัณฑิต,ÿาขาüิชา เทคโนโลยีการýึกþา,คณะýึกþาýาÿตร์ มĀาüิทยาลัยบูรพา. 266
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกรด็ ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… การพัฒนาการออกเÿียงภาþาอังกฤþเพื่อการÿื่อÿารด้üยÿัทýาÿตร์ของนักเรียน ชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 ด้üยการใช้toPhonetics ณพüุฒิ เชาüน์เชฎฐ์* บทคัดย่อ การýึกþาüิจัยครั้งนี้ มีüัตถุประÿงค์เพื่อการ พัฒนาการออกเÿียงภาþาอังกฤþเพื่อการÿื่อÿารด้üย ÿัทýาÿตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 ด้üยการใช้ toPhonetics ผู้üิจัยได้จัดทำแบบÿอบถามเพื่อýึกþาÿาเĀตุ ของปัญĀาและแนüทางการพัฒนาการออกเÿียง ภาþาอังกฤþเพื่อการÿื่อÿารด้üยÿัทýาÿตร์ของนักเรียน จำนüน 5 ข้อ โดยใĀ้นักเรียนเรียงลำดับแนüทางการ พัฒนาการออกเÿียงภาþาอังกฤþเพื่อการÿื่อÿารด้üย ÿัทýาÿตร์ผ่าน toPhonetics ผลการýึกþาจากการýึกþาและüิเคราะĀ์ แบบทดÿอบแÿดงใĀ้เĀ็นü่าผลการพัฒนาการออกเÿียง ภาþาอังกฤþเพื่อการÿื่อÿารด้üยÿัทýาÿตร์ ลำดับที่ 1 คือ การýึกþาจากการฟังตัüอย่างการออกเÿียง โดยคิดจาก นักเรียน 162 คน ที่เลือกเป็นÿาเĀตุอันดับที่ 1 จำนüน 126 คน คิดเป็น ร้อยละ 77.50 คำÿำคัญ : การพัฒนา, การออกเÿียง, toPhonetics บทนำ สัทศาสตร์เป็นÿาขาของภาþาýาÿตร์ที่เกี่ยüข้อง กับเÿียงของคำพูดและการผลิตของพüกเขารüมคำอธิบาย และการแÿดงโดยเขียนÿัญลักþณ์(ณรงค์ คงชาตรี, 2525) ÿัทอักþรÿากล Āรือ International Phonetic Alphabet: IPA คือÿัทอักþรชุดĀนึ่งที่พัฒนาโดยÿมาคม ÿัทýาÿตร์ÿากล โดยมุ่งĀมายใĀ้เป็นÿัญกรณ์มาตรฐาน ÿำĀรับการแทนเÿียงพูดในทุกภาþา นักภาþาýาÿตร์ใช้ÿัท อักþรÿากลเพื่อแทนĀน่üยเÿียงต่าง ๆ ที่อüัยüะออกเÿียง ของมนุþย์ÿามารถเปล่งเÿียงได้ โดยแทนĀน่üยเÿียงแต่ละ Āน่üยเÿียงด้üยÿัญลักþณ์เฉพาะที่ไม่ซ้ำกัน ÿัญลักþณ์ในÿัท อักþรÿากลนั้นÿ่üนใĀญ่นำมาจากĀรือดัดแปลงจากอักþร โรมัน ÿัญลักþณ์บางตัüนำมาจากอักþรกรีก และบางตัü ประดิþฐ์ขึ้นใĀม่โดยไม่ÿัมพันธ์กับอักþรภาþาใดเลย (กาญจนา คูüัฒนะýิริ, 2533) ปัญĀาการออกเÿียงภาþาอังกฤþของคนไทยมีมาอย่าง ยาüนาน อันเนื่องมากจากธรรมชาติของระบบเÿียงใน ภาþาไทยและภาþาอังกฤþมีคüามแตกต่างกัน การมีเÿียง บางเÿียงที่ไม่ปรากฏในระบบเÿียงภาþาไทย (ไพลิน ยันตรี ÿิงĀ์) รüมถึงคüามเคยชินในการอ่านคำยืมภาþาอังกฤþใน ภาþาไทยที่ถ่ายเÿียงผ่านตัüอักþรที่ไม่ตรงกับเÿียงจริงใน ภาþาอังกฤþ การทราบปัญĀาคüามยากง่ายในการฝึกฝน เพื่อนำไปÿู่การพัฒนาและÿร้างคüามคุ้นชินอย่างถูกต้องตาม Āลักภาþาอังกฤþจึงเป็นÿิ่งÿำคัญและทำใĀ้เกิดการÿื่อÿาร อย่างมีประÿิทธิภาพ üัตถุประÿงค์การüิจัย 1. เพื่อการพัฒนาการออกเÿียงภาþาอังกฤþเพื่อการ ÿื่อÿารด้üยÿัทýาÿตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 ด้üย การใช้toPhonetics 2. เพื่อรüบรüมข้อมูลÿำĀรับการแก้ปัญĀาและแนü ทางการพัฒนาการออกเÿียงภาþาอังกฤþเพื่อการÿื่อÿารด้üย ÿัทýาÿตร์ของนักเรียน üิธีดำเนินการüิจัย 1.ประชากร ประชากรที่ใช้ในการýึกþา คือนักเรียน โรงเรียนปากเกร็ด กำลังýึกþาอยู่ในระดับชั้นมัธยมปีที่ 4 ใน ภาคเรียนที่ 2 ประจำปีการýึกþา 2564 จำนüนĀ้องเรียน จำนüน 162 คน 2. แบบÿอบถามที่ใช้ในการýึกþา เป็นเป็นแบบÿอบถาม เพื่อýึกþาพฤติกรรมของนักเรียนในระดับชั้นมัธยมปีที่ 4 ในเรื่องปัญĀาและแนüทางการพัฒนาการออกเÿียง * ครู üิทยฐานะ- กลุ่มÿาระการเรียนรู้ภาþาต่างประเทý โรงเรียนปากเกร็ด จังĀüัดนนทบุรี 267
วารสารปากเกร็ด โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… ภาþาอังกฤþเพื่อการÿื่อÿารด้üยÿัทýาÿตร์ 1.ขั้นüิเคราะĀ์ (Analysis) 1.1 üิเคราะĀ์ข้อมูลพื้นฐานของผู้เรียน การüิเคราะĀ์ผู้เรียน ได้กำĀนดไü้ดังนี้ ประชากร คือนักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการýึกþา 2564 โรงเรียนปากเกร็ด จำนüน 162 คน 1.2 üิเคราะĀ์แนüทางการพัฒนาการออกเÿียงภาþา อังกฤþเพื่อการÿื่อÿารด้üยÿัทýาÿตร์toPhonetics ของ นักเรียน โดยการĀาค่าร้อยละ 2. ขั้นออกแบบ (Design) ผู้üิจัยดำเนินการÿร้างแบบÿอบถามเพื่อüัด พฤติกรรมของนักเรียนในการออกเÿียง 3. ขั้นดำเนินการ 3.1 นำแบบÿอบถามเพื่อýึกþาพฤติกรรม ในเรื่องปัญĀา และแนüทางการพัฒนาการออกเÿียงภาþาอังกฤþเพื่อการ ÿื่อÿารด้üยÿัทýาÿตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการýึกþา 2564 โรงเรียนปากเกร็ด จำนüน 162 คน เพื่อĀาÿาเĀตุของการไม่ÿ่งงาน และทำการบันทึก คะแนน 3.2 ดำเนินการĀาค่าร้อยละของแต่ละข้อÿาเĀตุ ผลการüิจัย ÿรุปผลการüิจัย จากการýึกþาและüิเคราะĀ์แบบÿอบถามเพื่อýึกþา พฤติกรรมของนักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 ในเรื่องปัญĀา และแนüทางการพัฒนาการออกเÿียงภาþาอังกฤþเพื่อการ ÿื่อÿารด้üยÿัทýาÿตร์ แÿดงใĀ้เĀ็นü่า แนüทางการ พัฒนาการออกเÿียงภาþาอังกฤþเพื่อการÿื่อÿารด้üย ÿัทýาÿตร์ผ่าน toPhonetics ลำดับที่ 1 คือ ýึกþาจากการ ฟังตัüอย่างการออกเÿียง โดยคิดจากนักเรียน 162 คน ที่ได้ ผลลัพธ์เป็นแนüทางอันดับที่ 1 คิดเป็น ร้อยละ 77.50 อภิปรายผลการüิจัย พบü่าแบบÿอบถามเพื่อýึกþาพฤติกรรมของนักเรียนชั้น มัธยมýึกþาปีที่ 4 ในเรื่องแนüทางการพัฒนาการออกเÿียง ภาþาอังกฤþเพื่อการÿื่อÿารด้üยÿัทýาÿตร์ผ่าน toPhonetics ได้ทำใĀ้ทราบถึงแนüทางที่ÿำคัญมากที่ÿุด จนถึงแนüทางที่ได้ผลน้อยที่ÿุด ในแนüทางการพัฒนาการ ออกเÿียงภาþาอังกฤþเพื่อการÿื่อÿารด้üยÿัทýาÿตร์ผ่าน toPhonetics คือ ýึกþาจากการฟังตัüอย่างการออกเÿียง ýึกþาจากการเทียบเÿียงกับคำที่คุ้นเคยในĀน่üยเÿียง เดียüกัน ýึกþาจากการอ่านออกเÿียงตามĀลัก IPA ýึกþา จากการเรียนรู้ร่üมกับเพื่อน (peer to peer) และ ýึกþา จากการอ่านเอกÿารประกอบด้üยตนเอง ข้อเÿนอแนะ ในการüิจัยครั้งต่อไปอาจทำการüิจัยกลุ่มนักเรียนในระดับชั้น อื่นๆ ต่อไป และอาจแยกĀัüข้อเป็นรายüิชาต่างๆ เพื่อใĀ้ได้ ข้อมูลที่ละเอียดขึ้น ซึ่งจะได้นำผลการทดลองที่ได้ไปĀาแนü ทางการพัฒนาการออกเÿียงภาþาอังกฤþเพื่อการÿื่อÿาร ด้üยÿัทýาÿตร์ของนักเรียนต่อไป บรรณานุกรม ณรงค์ คงชาตรี. (2525) สัทศาสตร์ภาษาอังกฤษเบื้องต้น, กรุงเทพฯ โอเดียนÿโตร์ ไพลิน ยันตรีÿิงĀ์. สัทศาสตร์เพื่อพัฒนาทักษะการฟังและ การพูดภาษาอังกฤษ, นครปฐม. โรงพิมพ์ÿถาบัน ราชภัฏนครปฐม กาญจนา คูüัฒนะýิริ. (2533) สัทศาสตร์เพื่อการใช้ Practical English Phonetics ภาคüิชา ภาþาต่างประเทý üิทยาลัยครูจันทรเกþม แนüทางการพัฒนาการออกเÿียง ภาþาอังกฤþเพื่อการÿื่อÿารด้üย ÿัทýาÿตร์ผ่าน toPhonetics ลำดับที่ ร้อย ละ 1. ýึกþาจากการฟังตัüอย่างการออก เÿียง 1 77.5 2. ýึกþาจากการเทียบเÿียงกับคำที่ คุ้นเคยในĀน่üยเÿียงเดียüกัน 2 72.5 3. ýึกþาจากการอ่านออกเÿียงตามĀลัก IPA 3 42.5 4. ýึกþาจากการเรียนรู้ร่üมกับเพื่อน (peer to peer) 4 35 5. ýึกþาจากการอ่านเอกÿารประกอบ ด้üยตนเอง 5 20 268
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… การพัฒนาทักþะการเขียนไüยากรณ์ภาþาญี่ปุ่นโดยการใช้แบบฝึกทักþะการเขียนภาþาญี่ปุ่น ของนักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4/11 โรงเรียนปากเกร็ด ประจำภาคเรียนที่ 2 ปีการýึกþา 2564 นพüรรณ บัüจูม* บทคัดย่อ ในโลกแĀ่งการเรียนรู้ในýตüรรþที่ 21 นั้น ทักþะใน การÿื่อÿาร (Communication Skills) คือĀนึ่งในทักþะ ÿำคัญที่จำเป็นต้องมี และภายใต้ทักþะการÿื่อÿารนั้นทักþะ การเขียนคือĀนึ่งในทักþะÿำคัญเมื่อมีทักþะการเขียนที่ดี ก็ จะช่üยใĀ้ประÿบผลÿำเร็จในการเรียนและการÿอบเข้าเรียน ต่อได้มากยิ่งขึ้น การจัดการเรียนการÿอนรายüิชาภาþาญี่ปุ่นในช่üง ÿถานการณ์โคüิด-19 ของนักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 พบü่า นักเรียนมีปัญĀาด้านทักþะการเขียนไüยากรณ์ภาþาญี่ปุ่น ดังนั้นครูผู้ÿอนจึงจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน ประเด็นท้าทาย การพัฒนาทักþะการเขียนไüยากรณ์ ภาþาญี่ปุ่นโดยการใช้แบบฝึกทักþะการเขียนภาþาญี่ปุ่น ของนักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 โรงเรียนปากเกร็ด คำÿำคัญ : ทักþะการเขียน, แบบฝึกทักþะการเขียน, ไüยากรณ์ภาþาญี่ปุ่น บทนำ ในโลกแĀ่งการเรียนรู้ในýตüรรþที่ 21 นั้น ทักþะใน การÿื่อÿาร (Communication Skills) คือĀนึ่งในทักþะ ÿำคัญที่จำเป็นต้องมี และภายใต้ทักþะการÿื่อÿารนั้นทักþะ การเขียนคือĀนึ่งในทักþะÿำคัญเมื่อมีทักþะการเขียนที่ดี ก็จะช่üยใĀ้ประÿบผลÿำเร็จในการเรียนและการÿอบเข้า เรียนต่อได้มากยิ่งขึ้น การจัดการเรียนการÿอนรายüิชาภาþาญี่ปุ่น ในช่üง ÿถานการณ์โคüิด-19 ของนักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 พบü่านักเรียนมีปัญĀาด้านทักþะการเขียนไüยากรณ์ ภาþาญี่ปุ่น ดังนั้นครูผู้ÿอนจึงจัดทำข้อตกลงในการพัฒนา งานประเด็นท้าทาย การพัฒนาทักþะการเขียนไüยากรณ์ ภาþาญี่ปุ่นโดยการใช้แบบฝึกทักþะการเขียนภาþาญี่ปุ่น ของนักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4 โรงเรียนปากเกร็ด üัตถุประÿงค์การüิจัย 1. เพื่อพัฒนาทักþะการเขียนไüยากรณ์ภาþาญี่ปุ่น โดยใช้แบบฝึกทักþะการเขียนภาþาญี่ปุ่น ของนักเรียนชั้น มัธยมýึกþาปีที่ 4/11 โรงเรียนปากเกร็ด 2. เพื่อýึกþาผลÿัมฤทธิ์ในการเรียน ก่อนและĀลังใช้ แบบฝึกทักþะการเขียนภาþาญี่ปุ่น üิธีดำเนินการüิจัย 1. ประชากรและกลุ่มตัüอย่าง ประชากร (Population) เป็นนักเรียนระดับชั้น มัธยมýึกþาปีที่ 4/11 (ýิลป์ภาþาญี่ปุ่น) โรงเรียนปากเกร็ด ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการýึกþา 2564 จำนüน 1 Ā้องเรียน จำนüนนักเรียน 23 คน กลุ่มตัüอย่าง (Samples) เป็นนักเรียนระดับชั้น มัธยมýึกþาปีที่ 4/11 (ýิลป์ภาþาญี่ปุ่น) โรงเรียนปากเกร็ด ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการýึกþา 2565 ที่ได้จากการÿุ่ม แบบเจาะจงจำนüน 1 Ā้องเรียน จำนüนนักเรียน 23 คน 2. ระยะเüลาที่ใช้ในการüิจัย ดำเนินการüิจัยในภาคเรียนที่ 2 ปีการýึกþา 2564 ระĀü่างüันที่ 4 มกราคม 2565 ถึงüันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 จำนüน 15 ชั่üโมง 3. เนื้อĀาที่ใช้ในการüิจัย เป็นเนื้อĀารายüิชา ภาþาญี่ปุ่น 2 รĀัÿüิชา ญ 31203 เรื่อง การเขียนไüยากรณ์ ÿำĀรับนักเรียน ระดับชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4/11 * ครูกลุ่มÿาระการเรียนรู้ภาþาต่างประเทý โรงเรียนปากเกร็ด จังĀüัดนนทบุรี 269
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการüิจัย จากตาราง ปรากฏü่า ผลการทดÿอบĀลังเรียนÿูงกü่าผลการ ทดÿอบก่อนเรียนคิดเป็นร้อยละ 21.09 ÿรุปผลการüิจัย 1. การใช้แบบฝึกทักþะการเขียนภาþาญี่ปุ่นที่ÿร้างขึ้น ประกอบกับการเรียนการÿอนที่ĀลากĀลายรูปแบบ ทั้งเกม และÿื่อรูปภาพต่าง ๆ ทำใĀ้นักเรียนมีคüามÿามารถในการ เขียนÿูงขึ้นüัดได้จากผลÿัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและĀลัง เรียน ที่ผลปรากฏü่านักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยÿูงขึ้น จากร้อย ละ 61.74 เป็นร้อยละ 82.83 และยังใĀ้คüามร่üมมือในการ จัดกิจกรรมการเรียนการÿอนเป็นอย่างดี 2. เมื่อนักเรียนเรียนจากแบบฝึกทักþะการเขียนแล้ü นักเรียนมีพัฒนาการในทักþะทางการเขียนที่ดีขึ้น มีคüามรู้ คüามÿามารถÿูงขึ้นเป็นที่น่าพอใจ 3. พฤติกรรมของนักเรียนที่แÿดงออกต่อการเรียน ด้üยชุดฝึกทักþะการเขียนภาþาญี่ปุ่นพบü่านักเรียนจะแÿดง คüามÿนใจต่อแบบฝึกทักþะภาþาญี่ปุ่น กระตือรือร้นÿนใจ จะเรียนซึ่งÿังเกตได้จากการพูด ซักถามถึงเนื้อĀาที่ครูจะÿอน ต่อไป ใĀ้คüามÿนใจต่อÿื่อการเรียนการÿอนที่ครูจัดเตรียมและ เมื่อนำคะแนนที่ได้จากการทำแบบทดÿอบก่อนเรียนและ Āลังเรียนของกลุ่มประชากร พบü่า นักเรียนมีคüามÿามารถ ทางการเรียนดีขึ้น อภิปรายผลการüิจัย ผู้üิจัยได้ÿร้างแบบฝึกทักþะการเขียนไüยากรณ์ ภาþาญี่ปุ่น เพื่อนำไปใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 4/11 โรงเรียนปากเกร็ด พบü่า นักเรียนมีคüามÿามารถในการ เรียนรู้เรื่องคำýัพท์ ไüยากรณ์ และการเขียนมากขึ้นมี พัฒนาการในเรียนรู้ที่ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้น่าจะเป็นผลÿืบเนื่องจาก องค์ประกอบดังต่อไปนี้ 1. แบบฝึกที่ÿร้างขึ้นมีคüามเĀมาะÿม มีประÿิทธิภาพ เพราะการÿร้างได้ยึดĀลักการในการÿร้างแบบฝึกทักþะที่ดี มี การเรียงเนื้อĀาในแบบฝึกทักþะจากง่ายไปยาก มีเนื้อน่าที่ ดึงดูดคüามÿนใจของผู้เรียนและÿอดคล้องกับเนื้อĀาที่เรียนมา จึงทำใĀ้คะแนนคüามก้าüĀน้าทางทักþะการเรียนภาþาญี่ปุ่น ก่อนและĀลังเรียนมีคะแนนคüามก้าüĀน้าเฉลี่ยÿูงขึ้น 21.09 2. การจัดกิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็นýูนย์ใĀ้นักเรียนได้มี ÿ่üนร่üมในกิจกรรมการเรียนการÿอนอย่างทั่üถึง ÿามารถดึงดูด คüามÿนใจของผู้เรียนต่อเนื้อĀาที่เรียนได้ดี นอกจากนั้นÿื่อการ ÿอนและกิจกรรมที่ใช้ต้องดึงดูดคüามÿนใจของผู้เรียน 3. การÿร้างแรงจูงใจในชั้นเรียน และการÿร้างบรรยากาýใĀ้ เĀมาะÿมกับการเรียนจะเป็นตัüกระตุ้น และเร้าคüามÿนใจของ ผู้เรียนใĀ้ÿนใจในเนื้อĀาที่จะเรียนต่อไป และนอกกจากนั้น การกระตุ้นนักเรียนตัüรางüัลก็เป็นÿ่üนĀนึ่งในการดึงดูดคüาม ÿนใจของนักเรียนได้มากยิ่งขึ้น จากการที่นักเรียนแÿดงคüามคิดü่า ชอบชุดฝึกทักþะ การเขียนนี้ เพราะมีแบบฝึกĀลายรูปแบบ ไม่ง่ายและไม่ยาก เกินไป แÿดงใĀ้เĀ็นü่าชุดฝึกทักþะการเขียนมีคüามÿำคัญ ที่ช่üยใĀ้นักเรียนฝึกฝนและพัฒนาตนเอง เป็นผลใĀ้ผลÿัมฤทธิ์ ทางการเรียนÿูงขึ้น เพราะจากการทดลองก่อนเรียนและĀลัง เรียนของนักเรียน 23 คน มีการเรียนรู้ที่ดียิ่งขึ้น ข้อเÿนอแนะ 1. ข้อเÿนอแนะÿำĀรับการใช้ชุดฝึกÿำĀรับชุดฝึกที่ ÿร้างขึ้นนั้น ครูผู้ÿอนĀรือผู้ทำüิจัยคüรýึกþาขั้นตอนการทำ แบบฝึกใĀ้ครบถ้üน เตรียมตัüใĀ้พร้อมและแบ่งเüลาในการจัด กิจกรรมการเรียนการÿอนและการทำแบบฝึกĀัดใĀ้เĀมาะÿม เพื่อใĀ้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้เĀมาะÿมกับเüลาและแผนการ เรียนการÿอนที่üางไü้ 2. คüรýึกþาเทคนิคüิธีการในการÿอนที่แปลกใĀม่ รüมไปถึงกิจกรรมที่ĀลากĀลายมาÿอนใĀ้ÿอดคล้องกับชุดฝึก เพื่อดึงดูดคüามÿนใจของผู้เรียนและกิจกรรมเĀล่านี้ยังช่üยใĀ้ ผู้เรียนเข้าใจบทเรียนมากยิ่งขึ้น บรรณานุกรม üิพารุณี ซ่อนเจริญ. (2555). การพัฒนาทักþะทางไüยากรณ์ ภาþาอังกฤþโดยใช้แบบฝึกทักþะการเขียน. üิทยาลัยการอาชีพฝาง 270
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไวยากรณ8 หน;วยการเรียนรู=ที่ 10 How is it cooked? ในรายวิชาภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปUที่ 5 โรงเรียนปากเกร็ด โดยรูปแบบการเรียน การสอนออนไลน8บนเว็บไซต8 Pakkred Learning Cyber กับการเรียนออนไลน8ผ;านแอปพลิเคชัน Google Meet สุจินันท( มณีวงษ(* บทคัดย(อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค5เพื่อ 1) เพื่อ เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไวยากรณ5 หนHวยการ เรียนรูJที่ 10 How is it cooked ? ในรายวิชาภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ป^ที่ 5 โรงเรียนปากเกร็ด โดย รูปแบบการเรียนการสอนออนไลน5บนเว็บไซต5 Pakkred Learning Cyber กับการเรียนออนไลน5ผHานแอปพลิเคชัน Google Meet จำนวน 41 คน ซึ่งไดJมาโดยการเลือกแบบ เจาะจง เครื่องมือที่ใชJในการเก็บรวบรวมขJอมูลคือ บทเรียน ออนไลน5 หนังสือเรียน และแบบทดสอบ สถิติที่ใชJในการ วิเคราะห5ขJอมูลไดJแกH คะแนนจากการทำแบบทดสอบ กลุHม ตัวอยHางเปsนนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาป^ที่ 5 โรงเรียน ปากเกร็ด อําเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ผลการวิจัยพบวHา 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไวยากรณ5 หนHวยการเรียนรูJที่ 10 How is it cooked? ในรายวิชาภาษาอังกฤษ ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาป^ที่ 5 โรงเรียนปากเกร็ด โดยรูปแบบการ เรียนการสอนออนไลน5บนเว็บไซต5 Pakkred Learning Cyber ต่ำกวHาการเรียนออนไลน5ผHานแอปพลิเคชัน Google Meet คำสำคัญ : รูปแบบการเรียนการสอนออนไลน5 บทนำ ปvจจุบันสังคมใหJความสำคัญตHอการบริหารจัดการความรูJ ภายในองค5กรกันมากขึ้น ยิ่งในชHวงสถานการณ5การแพรH ระบาดของไวรัสโควิด 19 การใหJความสำคัญตHอองค5ความรูJ ที่เปsน “สินทรัพย5” มีความจำเปsนมาก ในสถาบันการศึกษา หรือโรงเรียนตHาง ๆ มีแหลHงความรูJที่สามารถหาไดJจากที่อื่น _____________________________ และสามารถสHงตHอความรูJนั้นใหJกับนักเรียนไดJในชHวง สถานการณ5ดังกลHาว ดังนั้น ครูผูJสอนตJองคิดวHาจะทำอยHางไร ที่จะนำความรูJนั้นมาสอนใหJกับนักเรียนไดJอยHางตHอเนื่องและ ทั่วถึง โรงเรียนปากเกร็ดเปsนองค5กรแหHงการเรียนรูJยุคใหมHมี ความมุHงมั่นที่จะพัฒนานักเรียนใหJเปsนคนเกHงมีความรูJ สรJาง คนดีมีคุณธรรมและสามารถอยูHในสังคมอยHางมีความสุขเปsน บุคคลที่มุHงมั่นจะเรียนรูJและพัฒนาตัวเองอยูHตลอดเวลาเพื่อ นำความรูJความสามารถเปsนกำลังสำคัญในการพัฒนา ประเทศ ฉะนั้นการที่นักเรียนสามารถเขJาถึงความรูJและมี การพัฒนาตนเองใหJเกิดการเรียนรูJและสามารถศึกษาเรียนรูJ ไดJดJวยตนเอง (Self-Learning) โดยไมHจำกัดเวลาและ สถานที่จึงเปsนทางเลือกหนึ่งในการพัฒนานักเรียนที่มี ประโยชน5อยHางยิ่งเพื่อใหJไดJรับการพัฒนาศักยภาพโดยการ เรียนรูJดJวยตนเองผHานชHองทางการสื่อสารและเทคโนโลยี สารสนเทศที่ทันสมัย รวมทั้งเพื่อเปsนการสHงเสริมและ สนับสนุนใหJผูJเรียนไดJรับการพัฒนาศักยภาพไดJอยHางทั่วถึง สามารถพัฒนาตนเองไดJดJวยการเรียนรูJผHานบทเรียน ออนไลน5 (E-learning) บนเว็บไซต5 Pakkred Learning Cyber ของโรงเรียนปากเกร็ด ไดJอยHางเทHาเทียมกัน จากความสำคัญดังกลHาว ทำใหJผูJวิจัยมีความสนใจที่จะ เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไวยากรณ5 ในรายวิชา ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาป^ที่ 5 โรงเรียน ปากเกร็ด โดยรูปแบบการเรียนการสอนออนไลน5บนเว็บไซต5 Pakkred Learning Cyber กับการเรียนออนไลน5ผHานแอป พลิเคชัน Google Meet ดังนั้น การวิจัยครั้งนี้ ผูJวิจัยจึง ตJองการศึกษาวHา การจัดการเรียนการสอนทั้ง 2 รูปแบบนั้น จะทำใหJนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์เชHนไร * ครู วิทยฐานะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 271
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… โดยมีผลงานวิจัยที่เกี่ยวขJองคือ จรรยา ฉิมงามขา (2545) ผลของการสอนแบบออนไลน5ที่มีตHอผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นสูงป^ที่ 1 การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค5เปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง รายไดJประชาชาติรายวิชา หลักเศรษฐศาสตร5ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตร วิชาชีพชั้นสูงป^ที่ 1 ที่ไดJรับการสอนโดยการเรียนออนไลน5กับ การเรียนการสอนแบบปกติ วัตถุประสงค5การวิจัย เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไวยากรณ5 หนHวย การเรียนรูJที่ 10 How is it cooked? ในรายวิชาภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาป^ที่ 5 โรงเรียนปากเกร็ด โดย รูปแบบการเรียนการสอนออนไลน5บนเว็บไซต5 Pakkred Learning Cyber กับการเรียนออนไลน5ผHานแอปพลิเคชัน Google Meet วิธีดำเนินการวิจัย วิธีการดำเนินการวิจัย มีการตั้งสมมติฐานวHา ทราบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไวยากรณ5 หนHวยการเรียนรูJที่ 10 How is it cooked? ในรายวิชาภาษาอังกฤษ ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาป^ที่ 5 โรงเรียนปากเกร็ด โดยรูปแบบการ เรียนการสอนออนไลน5บนเว็บไซต5 Pakkred Learning Cyber กับการเรียนออนไลน5ผHานแอปพลิเคชัน Google Meet โดยมีประชากรและกลุHมตัวอยHางคือนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาป^ที่ 5 เครื่องมือที่ใชJในการวิจัยคือ บทเรียน ออนไลน5 แบบทดสอบ และหนังสือแบบเรียน และมีการเก็บ รวบรวมขJอมูลผลการทดสอบไปวิเคราะห5ขJอมูล ผลการวิจัย ผลการวิจัยพบวHานักเรียนที่เรียนในชั้นเรียนออนไลน5ผHาน แอปพลิเคชัน Google Meet มีคะแนนเฉลี่ยรJอยละ 11 ซึ่ง มากกวHานักเรียนที่เรียนผHานบทเรียนออนไลน5 Pakkred Learning Cyber ที่มีคะแนนเฉลี่ยรJอยละ 6.56 จะเห็นไดJวHา การเรียนในชั้นเรียนออนไลน5ผHานแอพลิเคชัน Google Meet โดยมีครูผูJสอนและนักเรียนมีปฏิสัมพันธ5กันในหJองเรียน ออนไลน5นั้นจะชHวยสHงเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนละสHงเสริม ใหJนักเรียนเขJาใจเนื้อหาการเรียนมากกวHาการเรียนจาก บทเรียนออนไลน5ที่นักเรียนตJองศึกษาดJวยตนเอง สรุปผลการวิจัย ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไวยากรณ5 หนHวยการเรียนรูJที่ 10 How is it cooked? ในรายวิชาภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาป^ที่ 5 โรงเรียนปากเกร็ด โดยรูปแบบการเรียนการ สอนออนไลน5บนเว็บไซต5 Pakkred Learning Cyber ต่ำกวHา การเรียนออนไลน5ผHานแอปพลิเคชัน Google Meet อภิปรายผลการวิจัย การวิจัยเปsนไปตามสมมติฐานการวิจัยที่ตั้งไวJ การเรียน ออนไลน5ผHานแอปพลิเคชัน Google Meet โดยมีครูผูJสอนและ นักเรียนมีปฏิสัมพันธ5กันในหJองเรียนออนไลน5นั้นจะชHวย สHงเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนละสHงเสริมใหJนักเรียนเขJาใจ เนื้อหาการเรียนมากกวHาการเรียนจากบทเรียนออนไลน5ที่ นักเรียนตJองทำความเขJาใจดJวยตนเอง ขAอเสนอแนะ ควรจะมีการสรJางหรือออกแบบบทเรียนออนไลน5ใหJมี ความนHาสนใจและเขJาใจงHายขึ้นกวHาเดิม เพื่อใหJนักเรียน สามารถเรียนรูJไดJอยHางเขJาใจไดJดJวยตนแอง บรรณานุกรม จรรยา ฉิมงามขา. (2545). E - Learning การผสมผสาน ความรู9กับเทคโนโลยี. พิมพ5ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ5คุรุสภาลาดพรJาว. 272
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกรด็ ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… การพัฒนาบทเรียนออนไลน0장소와 방 บนแพลทฟอร0ม Pakkred learning cyber เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนบทที่ 2 วิชาภาษาเกาหลี 3 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปWที่ 5/11 โรงเรียนปากเกร็ด อรรจฐานิศร) ถือธรรม1* บทคัดย'อ การเรียนรู*ในยุคป/จจุบัน คือการเรียนอย5างที่ไม5มี ขีดจำกัดในด*านต5าง ๆ ไม5ว5าจะเปBนเวลา สถานที่ หรือสถานการณHใด ๆ ก็ตาม การเข*าถึงแหล5งเรียนรู*ด*วย ระบบต5าง ๆ เปBนไปอย5างง5ายดาย โดยเฉพาะด*วยระบบ อินเตอรHเน็ตผ5านเว็บไซตHต5าง ๆ ซึ่งทำให*สามารถเข*าถึงการ เรียนรู*แหล5งเรียนรู*ได*อย5างหลากหลายและตามความสนใจ ของผู*เรียน ผู*วิจัยจึงได*พัฒนาบทเรียนออนไลนHเรื่อง 장소와 방 ผ5านระบบ www.pakkredlearningcyber.com ซึ่งเปBนเว็บไซตHแหล5งการเรียนรู*ของโรงเรียนปากเกร็ด เพื่อนำบทเรียนมาพัฒนาผลสัมฤทธิ์ผลการเรียน เรื่อง 장소와 방 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปkที่ 5/11 โรงเรียนปากเกร็ด จ.นนทบุรี จากผลการทดลองให*นักเรียน เ ร ี ย น ด * ว ย บ ท เ ร ี ย น อ อ น ไ ล นHเรื่อง 장소와 방 ผ5าน www.pakkredlearningcyber.com พบว5านักเรียน มีผลทดสอบหลังเรียนเรื่อง 장소와 방 ด*วยบทเรียน ออนไลนHเรื่อง 장소와 방 มีผลคะแนนสูงขึ้นเมื่อเทียบ กับคะแนนผลทดสอบก5อนเรียนด*วยบทเรียนออนไลนHเรื่อง 장소와 방 ผ5าน www.pakkredlearningcyber.com คำสำคัญ : บทเรียนออนไลนHผ5านเว็บไซตH บทนำ การเรียนรู*แบบออนไลนH หรือ E-learning เปBน การศึกษาเรียนรู*ผ5านเครือข5ายคอมพิวเตอรHอินเทอรHเน็ต (Internet) เปBนการเรียนรู*ด*วยตนเอง ผู*เรียนจะได*เรียนตาม ความสามารถและความสนใจของตน โดยเนื้อหาของ บทเรียนซึ่งประกอบด*วย ข*อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอ และมัลติมีเดียอื่น ๆ จะถูกส5งไปยังผู*เรียนผ5าน Web Browser โดยผู*เรียน ผู*สอนและเพื่อนร5วมชั้นเรียนทุกคน สามารถติดต5อ ปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว5างกัน * ครู วิทยฐานะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ได*เช5นเดียวกับการเรียนในชั้นเรียนปกติ โดยอาศัยเครื่องมือ การติดต5อสื่อสารที่ทันสมัย (e-mail, web-board, chat) จึงเปBน การเรียนสำหรับทุกคน, เรียนได*ทุกเวลา และทุก สถานที่ anytime) และในสถานการณHหากเกิดสถานการณH ที่ไม5สามารถทำการเรียนการสอนภายในโรงเรียนได*ตามปกติ เพื่อให*การเรียนรู*ไม5หยุดชะงักการพัฒนาสื่อการเรียนรู*เรื่อง 장소와 방 รายวิชาภาษาเกาหลี 3 ระดับชั้น มัธยมศึกษาปkที่ 5 โดยใช*การจัดการเรียนรู*ผ5านเว็บไซตH www.pakkredlearningcyber.com เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ ก5อนเรียนและหลังเรียนบทเรียนเรื่อง จึงเปBนการเป|ดโอกาส ให*นักเรียนได*เข*าถึงการเรียนรู*บทเรียนด*วยตนเองผ5าน อินเตอรHเน็ตได*ทุกที่ทุกเวลา วัตถุประสงค5การวิจัย 1. พัฒนาสื่อการเรียนรู*บทเรียนออนไลนHภาษาเกาหลี 3 บนเว็บไซตHwww.pakkredlearningcyber.com เพื่อให* นักเรียนเข*าถึงการเรียนรู*ได*อย5างสะดวกรวดเร็ว 2. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก5อนเรียนและ หลังเรียนของนักเรียนที่ได*รับการจัดการเรียนรู*ผ5านบทเรียน ออนไลนHเรื่อง 장소와 방 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปkที่ 5/11 โรงเรียนปากเกร็ด วิธีดำเนินการวิจัย 1.สุ5มเลือกกลุ5มทดลองจากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปkที่ 5 แผนการเรียนอังกฤษ-เกาหลี 2. การจัดการเรียนการสอนในกลุ5มทดลอง 3. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 273
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกรด็ ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… สมมติฐานการวิจัย นักเรียนที่เรียนรู*ผ5านบทเรียนออนไลนHเรื่อง 장소와 방 ผ5านเว็บไซตHwww.pakkredlearningcyber.com จะมีผลสัมฤทธHทางการเรียนหลังเรียนสูงขึ้นเมื่อเทียบกับ ผลทดสอบก5อนเรียน กลุ5มตัวอย5างที่ใช=ในการวิจัย - กลุ5มตัวอย5างที่ศึกษาเปBนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปkที่ 5/11 จำนวน 1 ห*อง ที่เรียนในภาคเรียนที่ 1 ปkการศึกษา 2564 แผนการเรียนอังกฤษ - เกาหลีโรงเรียนปากเกร็ด จำนวน 38 คน โดยแบ5งเปBนกลุ5มทดลอง จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช*ในการวิจัย 1. แผนการจัดการเรียนรู*วิชาภาษาเกาหลี 3 เรื่อง 장소와 방 2. แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาเกาหลี 3 เรื่อง 장소와 방 การเก็บรวบรวมข=อมูล ผู*วิจัยดำเนินการเก็บข*อมูลตามลำดับ ดังนี้ 1. ทดสอบก5อนเรียน (Pre-test) โดยใช*แบบทดสอบ ใน www.pakkredlearningcyber.com 2. ดำเนินการทดลองโดยใช*บทเรียนออนไลนH เรื่อง 장소와 방 ผ5านเว็บไซตHpakkredlearningcyber 3. ทดสอบหลังเรียน (Post-test) โดยใช*แบบทดสอบใน www.pakkredlearningcyber.com การวิเคราะหEข=อมูล คำนวณหาค5าเฉลี่ยและส5วนเบี่ยงเบนของคะแนน การ เขียนก5อนเรียนและหลังเรียน ผลการวิจัย คะแนนเฉลี่ยของผลสัมฤทธHทางการเรียนหลังเรียนสูง กว5าก5อนเรียนอย5างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 แสดงว5า การจัดการเรียนรู*ของกลุ5มทดลองที่ได*รับการเรียนการสอน ผ5านบทเรียนออนไลนHเรื่อง 장소와 방 ทำให*กลุ5มทดลอง เกิดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว5าก5อนเรียนได* สรุปผลการวิจัย การจัดการเรียนการสอนผ5านบทเรียนออนไลนH www.pakkredlearningcyber.com หน5วยเรื่อง 장소와 방 สามารถทำให*กลุ5มทดลองเกิดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกว5าก5อนเรียนได*อย5างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .01 เนื่องจากการจัดการเรียนรู*ผ5านบทเรียนออนไลนH บทเรียนออนไลนH ทำให*นักเรียนสนใจเรียนมากขึ้น สามารถ ศึกษาเนื้อหาและทบทวนความรู*ได*ด*วยตนเองตลอดเวลา ส5งผลให*นักเรียนเกิดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว5าก5อนเรียน อภิปรายผลการวิจัย การจัดการเรียนการสอนผ5านบทเรียนออนไลนH www.pakkredlearningcyber.com หน5วยเรื่อง 장소와 방 สามารถทำให*กลุ5มทดลองเกิดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกว5าก5อนเรียนได*การจัดการเรียนรู*ผ5านบทเรียน ออนไลนH บทเรียนออนไลนH ทำให*นักเรียนสนใจเรียนมากขึ้น สามารถศึกษาเนื้อหาและทบทวนความรู*ได*ด*วยตนเอง ตลอดเวลา ส5งผลให*นักเรียนเกิดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลัง เรียนสูงกว5าก5อนเรียน วิธีการจัดการเรียนรู*ดังกล5าว ประกอบด*วยสื่อการสอนทั้งภาพและเสียงและใบงานที่ เกี่ยวข*อง ซึ่งนักเรียนสามารถนำไปฝÖกฝนได*ด*วยตนเอง ภายนอกห*องเรียนได*ทำให*การเรียนรู*ไม5ถูกจำกัดแต5ใน ห*องเรียนเหมาะกับการเรียนรู*ด*วยตนเอง ทำให*การเรียนรู*ไม5 หยุดชะงักแม*ในสถานการณHที่ไม5ปกติ ขAอเสนอแนะ การนำการจัดการเรียนการสอนผ5านบทเรียน ออนไลนHwww.pakkredlearningcyber.com หน5วยเรื่อง 장소와 방 ผู*สอนควรทำความเข*าใจกับเนื้อหา และขั้นตอนการจัดการรายวิชาและการสร*างเนื้อหา ในบทเรียนบนเว็บไซตH www.pakkredlearningcyber.com เปBนอย5างดี เพื่อให*สามารถสร*างกิจกรรมต5าง ๆ ในบทเรียน ได*อย5างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ผู*สอนควรพัฒนาบทเรียนให*มี ความเหมาะสมต5อผู*เรียนมากขึ้นและมีความหลากหลาย หน5วยการเรียนรู*เพื่อส5งเสริมให*ผู*เรียนเกิดกระบวนการ เรียนรู*ได*มากขึ้น บรรณานุกรม ปรียา นามพล. (2547). ศึกษาความสามารถด=านการ สืบค=น ภูมิปNญญาหรือวรรณกรรมในท=องถิ่นของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปRที่ 4 ที่ใช=การเรียนรู= แบบออนไลนEหรือ E-learning กับการเรียนรู= แบบปกติวิจัยในชั้นเรียน. ฉะเชิงเทรา. โรงเรียน พุทธิรังสีพิบูล. 274
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… การพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษให5ถูกต5องตามไวยากรณ=ภาษาอังกฤษ เรื่อง Present Progressive โดยใช5สื่อออนไลน= Pakkred Learning Cyber ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาป\ที่ 5 โรงเรียนปากเกร็ด มัญจา สุวรรณฉิม1* บทคัดย(อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค5เพื่อ เพื่อพัฒนาทักษะ การเขียนภาษาอังกฤษใหDถูกตDองตามไวยากรณ5ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปLที่ 5 โรงเรียนปากเกร็ด และ เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางดDานการเขียนภาษาอังกฤษกVอน และหลังเรียนโดยใชDสื่อการสอนออนไลน5 Pakkred Learning Cyber ชั้นมัธยมศึกษาปLที่ 5 โรงเรียนปากเกร็ด ในการวิจัยครั้งนี้ผูDวิจัยไดDจัดทำสื่อการสอน ออนไลน5 Pakkred Learning Cyber เพื่อกระตุDนใหDผูDเรียน สนใจและใหDนักเรียนไดDศึกษาเนื้อหาในบทเรียนไดDจากสื่อ การสอนออนไลน5 Pakkred Learning Cyber นอกจากนั้น ผูDเรียนยังไดDฝfกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษใหDถูกตDอง คำสำคัญ : ทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ บทนำ ไวยากรณ5 คือ กฎและระเบียบทางภาษาที่ ผูDเชี่ยวชาญทางภาษาไดDคิดคDนและกำหนดขึ้นมา เพื่อใชDเปiน บรรทัดฐานหรือมาตรฐานในการใชDภาษาสำหรับ ภาษาอังกฤษผูDเชี่ยวชาญทางภาษาไดDกำหนดโครงสรDาง ไวยากรณ5ภาษาอังกฤษวVาเปiนการนำคำที่ถูกจำแนกออกเปiน ประเภทตVางๆ (Part of speech) มาเรียงกันเปiนประโยค (Sentence) ที่นำมาใชDในการสื่อสารเพื่อสื่อความหมาย ออกไปในลักษณะของภาษาพูดและภาษาเขียน (กรองแกDว ฉายสภาวะธรรม, 2537) สภาวการณ5ในป{จจุบันทั่วโลกกำลังเผชิญกับการ เปลี่ยนแปลงทางสังคม วัฒนธรรม การเมือง เศรษฐกิจและ เทคโนโลยีที่กDาวไปอยVางรวดเร็ว สVงผลใหDวิถีชีวิตของคนมี ความแตกตVางกันมากขึ้น ในดDานทางการศึกษาจึงจำเปiนตDอง ปรับตัวใหDทันตVอการเปลี่ยนแปลง โดยตDองจัดการศึกษาใหD ทันกับสถานการณ5โลกที่เต็มไปดDวยความรูDและขDอมูลที่ เพิ่มขึ้น ตDองพัฒนาการศึกษาที่เนDนผูDเรียนเปiนศูนย5กลาง เป|ด * ครู วิทยฐานะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โอกาสใหDผูDเรียนทุกคนไดDมีโอกาสเรียนรูD เพิ่มพูนความรูDและ ประสบการณ5 กDาวทัน ตVอการเรียนรูDในศตวรรษที่ 21 ดDวยเหตุผลดังกลVาวนี้ผูDวิจัยในฐานะครูผูDสอนวิชา ภาษาอังกฤษจึงสนใจที่จะการพัฒนาทักษะการเขียน ภาษาอังกฤษใหDถูกตDองตามหลักไวยากรณ5ภาษาอังกฤษโดยใชD สื่อออนไลน5 Pakkred Learning Cyber ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปLที่ 5 โรงเรียนปากเกร็ด โดยใชDสื่อการสอน ออนไลน5 Pakkred Learning Cyber กระตุDนใหDผูDเรียนสนใจ และใหDนักเรียนไดDศึกษาเนื้อหาในบทเรียนไดDจากสื่อการสอน ออนไลน5 Pakkred Learning Cyber นอกจากนั้นผูDเรียนยังไดD ฝfกทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษและสามารถนำไปใชDใน ชีวิตประจำวันไดD วัตถุประสงค5การวิจัย การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค5เพื่อ 1. เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษใหDถูกตDอง ตามไวยากรณ5ภาษาอังกฤษ 2. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางดDานการเขียน ภาษาอังกฤษกVอนและหลังเรียนโดยใชDสื่อการสอนออนไลน5 Pakkred Learning Cyber วิธีดำเนินการวิจัย การวิจัยครั้งนี้มีสมมติฐานดังนี้ 1.นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปLที่ 5/5 ที่ไดDรับการฝfกทักษะ การเขียนภาษาอังกฤษใหDถูกตDองตามหลักไวยากรณ5 ภาษาอังกฤษโดยใชDสื่อการสอนออนไลน5 Pakkred Learning Cyber มีทักษะการเขียนภาษาอังกฤษดีกวVากVอน ฝfกทักษะ 2. ผลสัมฤทธิ์ในดDานภาษาอังกฤษหลังเรียนโดยใชDสื่อ การสอนออนไลน5 Pakkred Learning Cyber มากกวVากVอน เรียน 275
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… ประชากรและกลุ1มตัวอย1าง ประชากร (Population) เปiนนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาปLที่ 5 โรงเรียนปากเกร็ด ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปLการศึกษา 2564 กลุVมตัวอยVาง (Samples) เปiนนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาปLที่ 5/5 โรงเรียนปากเกร็ด ที่เรียนในภาคเรียน ที่ 2 ปLการศึกษา 2564 ที่ไดDจากการสุVมแบบงVาย จำนวน 1 หDองเรียน จำนวนนักเรียน 25 คน เครื่องมือที่ใช>ในการวิจัย 1. แบบทดสอบวัดทักษะการเขียนภาษาอังกฤษใหD ถูกตDองตามหลักไวยากรณ5กVอนเรียน 2. สื่อการสอนออนไลน5 Pakkred Learning Cyber 3. เอกสารประกอบการเรียน 4. ใบงานรายวิชาภาษาอังกฤษ 4 5. แบบทดสอบวัดทักษะการเขียนภาษาอังกฤษใหD ถูกตDองตามหลักไวยากรณ5หลังเรียน ผลการวิจัย การวิจัยครั้งนี้ เปiนการพัฒนาทักษะการเขียน ภาษาอังกฤษใหDถูกตDองตามไวยากรณ5ภาษาอังกฤษ เรื่อง Present Progressive โดยใชDสื่อออนไลน5 Pakkred Learning Cyber ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปLที่ 5 โรงเรียนปากเกร็ด มีผลการพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปLที่ 5/5 โรงเรียนปากเกร็ด โดยใชDสื่อ ออนไลน5 Pakkred Learning Cyber ตามเกณฑ5 80/80 มี ผลสัมฤทธิ์ทักษะการเขียนภาษาอังกฤษใหDถูกตDองตามหลัก ไวยากรณ5ภาษาอังกฤษ กVอนเรียนสูงกวVาหลังเรียน ความพึง พอใจของนักเรียนที่มีตVอการใชDสื่อประกอบการสอนออนไลน5 Pakkred Learning Cyber อยูVในระดับมากที่สุด สรุปผลการวิจัย จากการศึกษาคDนควDาสรุปผลการวิจัยไดDดังนี้ 1. ผลสัมฤทธิ์ทักษะการเขียนภาษาอังกฤษใหDถูกตDอง ตามหลักไวยากรณ5ภาษาอังกฤษ เรื่อง Present Progressive หลังเรียนโดยใชDสื่อออนไลน5 Pakkred Learning Cyber นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปLที่ 5/5 โรงเรียนปากเกร็ดสูง กวVากVอนเรียนอยVางมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2. ความพึงพอใจของนักเรียนนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาปLที่ 5/5 โรงเรียนปากเกร็ดมีตVอการสื่อออนไลน5 Pakkred Learning Cyber ในภาพรวมอยูVในระดับมากที่สุด อภิปรายผลการวิจัย ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผูDเรียนสูงขึ้น โดยมี คะแนนเฉลี่ยกVอนเรียนเทVากับ 13.75 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เทVากับ 21.83 ซึ่งคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนและคะแนนเฉลี่ยกVอน เรียนมีความแตกตVางกัน ดังนั้น คะแนนทดสอบหลังเรียนสูง กวVาคะแนนทดสอบกVอนเรียนอยVางมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .01 ความพึงพอใจของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปLที่ 5/5 โรงเรียนปากเกร็ดที่มีตVอการเรียนรูDดDวยสื่อออนไลน5 Pakkred Learning Cyber โดยภาพรวมอยูVในระดับมากที่สุด ทั้งนี้เปiนเพราะนักเรียนมีความรูDสึกพอใจ และมีความสุขเมื่อไดD เรียนดDวยบทเรียนออนไลน5 Pakkred Learning cyber ขAอเสนอแนะ ขDอเสนอแนะที่ไดDจากการทำวิจัย ควรมีการจัดเตรียมความพรDอม ดDานอุปกรณ5 และ ระบบเครือขVายอินเทอร5เน็ต หากอุปกรณ5และระบบเครือขVาย ไมVมีประสิทธิภาพ หรือมีการจัดการไมVดี อาจสVงผลลVาชDาในการ เขDาสูVบทเรียน สVงผลใหDความสนใจและตั้งใจเรียนลดลง ขDอเสนอแนะในการวิจัยครั้งตVอไป ครูเพิ่มเติมการทำใบความรูDหรือใบงานเพื่อรองรับ หากเกิดป{ญหานักเรียนไมVสามารถเขDาสูVระบบในการเรียนผVาน Pakkred Learning Cyber บรรณานุกรม กรองแกDว ฉายสภาวะธรรม. (2537). คู1มือหลักไวยากรณF ภาษาอังกฤษ. กรุงเทพฯ: ตDนธรรม. 276
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..…………………………………………………......................................................…………………………………………… การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษโดยใช4สื่อออนไลน: Pakkred Learning Cyber ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปRที่5 โรงเรียนปากเกร็ด นเรศ ศิริเหม1* บทคัดย(อ เนื่องจากป+จจุบันภาษาต2างประเทศมีความสำคัญ และจำเป@นอย2างยิ่งในชีวิตประจำวัน สภาวการณGในป+จจุบัน ทั่วโลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม วัฒนธรรม การเมือง เศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่กMาวไปอย2างรวดเร็ว ร2วมกับสภาวะการแพร2ระบาดของเชื้อโรค COVID-19 ส2งผล ใหMวิถีชีวิตของคนมีความแตกต2างกันมากขึ้น โดยตMองจัด การศึกษาใหMทันกับสถานการณGโลกที่เต็มไปดMวยความรูMและ ขMอมูลที่เพิ่มขึ้น ตMองพัฒนาการศึกษาที่เนMนผูMเรียนเป@น ศูนยGกลาง การวิจัยในครั้งนี้ผูMวิจัยจึงไดMสรMางสื่อบทเรียนใน รูปแบบออนไลนGเพื่อใหMนักเรียนสามารถเขMาไปศึกษา บทเรียนไดMตามความสนใจ และในการวิจัยในครั้งนี้เพื่อ ตMองการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษและเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ โดยใชMสื่อออนไลนGPakkred Learning Cyber ของนักเรียน ซึ่งผลของการวิจัยเป@นไปตามสมมติฐานของ การวิจัย พบว2า ผลสัมฤทธิ์ทักษะภาษาอังกฤษ หลังเรียนโดย ใชMสื่อออนไลนGPakkred Learning Cyber นักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาปoที่ 5/3 โรงเรียนปากเกร็ดสูงกว2าก2อนเรียน คำสำคัญ : สื่อการสอนออนไลนG บทนำ เนื่องจากป+จจุบัน ภาษาต2างประเทศมีความสำคัญ และจำเป@นอย2างยิ่งในชีวิตประจำวัน สภาวการณGในป+จจุบัน ทั่วโลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม วัฒนธรรม การเมือง เศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่กMาวไปอย2างรวดเร็วไม2 ว2าจะเป@นประเทศที่พัฒนาแลMวหรือ กำลังพัฒนา ส2งผลใหMวิถี ชีวิตของคนมีความแตกต2างกันมากขึ้น โดยตMองจัดการศึกษา ใหMทันกับสถานการณGโลกที่เต็มไปดMวยความรูMและขMอมูลที่ เพิ่มขึ้น ตMองพัฒนาการศึกษาที่เนMนผูMเรียนเป@นศูนยGกลาง เปtด โอกาสใหMผูMเรียนทุกคนไดMมีโอกาสเรียนรูM เพิ่มพูนความรูMและ * ครูผู้ช่วย วิทยฐานะ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ประสบการณG เหตุผลดังกล2าวนี้ผูMวิจัยในฐานะครูผูMสอนวิชา ภาษาอังกฤษจึงสนใจที่จะดMวยการพัฒนาทักษะ ภาษาอังกฤษโดยใชMสื่อออนไลนGPakkred Learning Cyber ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปoที่ 5 โรงเรียนปากเกร็ด วัตถุประสงค5การวิจัย 1. พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษโดยใชMสื่อออนไลนG Pakkred Learning Cyber ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปoที่ 5/3 2. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทักษะภาษาอังกฤษ ก2อนและหลังการใชMสื่อออนไลนGPakkred Learning Cyber ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปoที่ 5/3 วิธีดำเนินการวิจัย ผูMวิจัยศึกษาป+ญหาและศึกษาเอกสารงานวิจัยที่ เกี่ยวขMอง กลุ2มเปwาหมายการวิจัย คือ นักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาปoที่ 5/3 โรงเรียนปากเกร็ดวิชาภาษาอังกฤษ 4 ในภาคเรียนที่ 2 ปoการศึกษา 2564 จำนวน 27 คน ผูMวิจัย สรMางบทเรียนออนไลนGPakkred Learning Cyber เครื่องมือ ที่ใชMวิจัย คือ แบบประเมินความพึงพอใจในการเรียน ภาษาอังกฤษแบบออนไลนGโดยใชMสื่อออนไลนGPakkred Learning Cyber ผูMวิจัยขอความร2วมมือจากนักเรียนกลุ2ม ตัวอย2างในการเก็บรวบรวมขMอมูลจากการตอบแบบสอบถาม ผลการวิจัย ผลการวิจัยค2าเฉลี่ยและส2วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ของคะแนนก2อนเรียนและหลังเรียนโดยการใชMสื่อออนไลนG Pakkred Learning Cyberชั้นมัธยมศึกษาปoที่5/3 โรงเรียน ปากเกร็ด ดังนี้ 277
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..…………………………………………………......................................................…………………………………………… สรุปผลการวิจัย จากการศึกษาคMนควMาสรุปผลการวิจัยไดMดังนี้ 1. ผลสัมฤทธิ์ทักษะภาษาอังกฤษ หลังเรียนโดยใชM สื่อออนไลนGPakkred Learning Cyber นักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาปoที่ 5/3 โรงเรียนปากเกร็ดสูงกว2าก2อนเรียน อย2างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2. ความพึงพอใจของนักเรียนนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาปoที่ 5/3 โรงเรียนปากเกร็ดมีต2อการสื่อออนไลนG Pakkred Learning Cyber ในภาพรวมอยู2ในระดับมากที่สุด อภิปรายผลการวิจัย เปรียบเทียบค2าเฉลี่ยของคะแนนก2อนเรียนและหลัง เรียนดMวยเกมประกอบการสอนนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปo ที่ 5/3 โรงเรียนปากเกร็ดพบว2า หลังการใชMสื่อออนไลนG Pakkred Learning Cyber ชั้นมัธยมศึกษาปoที่ 5 จะเห็นไดMว2า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผูMเรียนสูงขึ้น โดยมีคะแนนเฉลี่ย ก2อนเรียนเท2ากับ 15.75 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท2ากับ 23.83 ซึ่งคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนและคะแนนเฉลี่ยก2อนเรียนมีความ แตกต2างกัน ดังนั้น คะแนนทดสอบหลังเรียนสูงกว2าคะแนน ทดสอบก2อนเรียนอย2างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ขAอเสนอแนะ ข(อเสนอแนะในการนำไปใช( ควรมีการจัดเตรียมความพรMอม ดMานอุปกรณGและ ระบบเครือข2ายอินเทอรGเน็ต หากอุปกรณGและระบบ เครือข2ายไม2มีประสิทธิภาพ หรือมีการจัดการไม2ดีอาจส2งผล ล2าชMาในการเขMาสู2บทเรียน ส2งผลใหMความสนใจและตั้งใจ เรียนลดลง ข(อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต<อไป ครูใหMนักเรียนทำใบความรูMหรือใบงานเพิ่มเติม เพื่อ รองรับหากเกิดป+ญหานักเรียนไม2สามารถเขMาสู2ระบบในการ เรียนผ2าน Pakkred Learning Cyber บรรณานุกรม กิดานัน มลิทอง. (2543). เทคโนโลยีการศึกษาและ นวัตกรรม. กรุงเทพมหานคร. ภาควิชาโสต ทัศนศึกษา คณะครุศาสตรG จุฬาลงกรณ มหาวิทยาลัย. การทดสอบ จำนวน นร. คะแนน คะแนน เต็ม !̅ SD ก2อนเรียน 27 20 14.57 0.96 หลังเรียน 27 20 23.38 1.98 278
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… การพัฒนาทักþะการอ่านเÿียงüรรณยุกต์ภาþาจีนที่มีการเปลี่ยนเÿียงโดยใช้แบบฝึกทักþะการอ่าน นักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 5/10 แผนการเรียนภาþาจีน ณัฐพล เพ็งโÿภา* บทคัดย่อ การüิจัยในครั้งนี้มีจุดมุ่งĀมายเพื่อýึกþาการพัฒนา ทักþะการอ่านüรรณยุกต์ในภาþาจีนที่มีเปลี่ยนเÿียงโดยใช้ แบบฝึกทักþะการอ่านและเปรียบเทียบคะแนนพัฒนาการ ทักþะการอ่านüรรณยุกต์ที่มีการเปลี่ยนเÿียงโดยใช้แบบฝึก ทักþะการอ่าน กลุ่มเป้าĀมายÿำĀรับการüิจัยครั้งนี้คือนักเรียนชั้น มัธยมýึกþาปีที่ 5/10 โรงเรียนปากเกร็ด ภาคเรียนที่ 2 ปีการýึกþา 2564 จำนüน 8 คน เครื่องมือที่ใช้ในการüิจัยครั้งนี้คือ แบบฝึกทักþะ การอ่าน การüิเคราะĀ์ข้อมูลโดยใช้ค่าÿถิติ คüามถี่ ค่าเฉลี่ย ผลการüิจัย พบü่านักเรียนมีพัฒนาการด้านการอ่านÿูงขึ้น ในเรื่องของการอ่านüรรณยุกต์ในภาþาจีนที่มีการเปลี่ยน เÿียงโดยÿามารถอ่านได้ถูกต้องชัดเจนขึ้น คำÿำคัญ:แบบฝึกทักþะการอ่าน, เÿียงüรรณยุกต์ภาþาจีน บทนำ ปัจจุบันประเทýจีนได้เข้ามีบทบาทที่ÿำคัญอย่างมาก ในÿังคมไทยด้านต่าง ๆ ไม่ü่าจะเป็นการเมือง เýรþฐกิจ การท่องเที่ยü รüมถึงเรื่องของการýึกþา ในĀลักÿูตร การýึกþาปัจจุบันได้ใĀ้คüามÿำคัญต่อภาþาจีนเป็นอย่าง มากโดยบรรจุüิชาภาþาจีนเป็นรายüิชาĀนึ่งในÿาระการเรียนรู้ ภาþาต่างประเทýที่นักเรียน จะต้องเรียน ซึ่งในรายüิชา ภาþาจีนนั้น การอ่านเป็นทักþะที่ÿำคัญอย่างยิ่งที่จะช่üย พัฒนาบุคคลใĀ้เกิดคüามรู้คüามคิดเช่นเดียüกับทักþะ ของการฟัง นักเรียนจึงจำเป็นต้องอ่านออก อ่านได้และ อ่านเป็น การอ่านเป็นเครื่องมือÿำคัญที่จะช่üยพัฒนา คüามคิด อันจะนำไปใช้ในการฟังพูด อ่าน เขียน และĀลัก ภาþาได้ดี การอ่านจึงเป็นĀัüใจของการพัฒนาทักþะทางภาþา และในการอ่านภาþาจีนนั้นก็มีĀลักของการอ่านอยู่ üัตถุประÿงค์การüิจัย เพื่อพัฒนาทักþะการอ่านüรรณยุกต์ในภาþาจีนที่มี การกลายเÿียงโดยใช้แบบฝึกทักþะการอ่านของนักเรียน ชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 5/10 โรงเรียนปากเกร็ด เพื่อเปรียบเทียบคะแนนÿอบของนักเรียนด้üยแบบ ทดÿอบเรื่องการอ่านüรรณยุกต์ในภาþาจีนที่มีการกลายเÿียงทั้ง ก่อนเรียน-Āลังเรียน üิธีดำเนินการüิจัย เขียนโครงร่างüิจัยและทำการคัดเลือกกลุ่มเป้าĀมายโดย การทดÿอบก่อนเรียน 1ครั้ง ทดลองÿอนด้üยแบบฝึกĀัด และทดÿอบĀลังเรียนอีก 1 ครั้ง เปรียบเทียบคะแนนก่อน กับĀลังเรียนและÿรุปผลการüิจัย กลุ่มเป้าĀมาย นักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 5/10 จำนüน 8 คน นักเรียนชาย 3 คน นักเรียนĀญิง 5 คน เครื่องมือการüิจัย ใบคüามรู้เกี่ยüกับเรื่องกฎการ ออกเÿียง แบบฝึกทักþะการอ่านüรรณยุกต์ในภาþาจีนที่มี การกลายเÿียง 3 ชุด แบบทดÿอบüัดคüามรู้การอ่าน üรรณยุกต์ในภาþาจีนที่มีการกลายเÿียงก่อน-Āลังใช้ แบบฝึกจำนüนอย่างละ 20 ข้อ แบบประเมินพัฒนาทักþะ ด้านการอ่าน ระยะเüลาดำเนินการ การฝึกกิจกรรมครั้งนี้ใช้เüลา ปฏิบัติ15-20 นาที ในตอนพักกลางüันตั้งแต่üันที่ 1 พฤýจิกายน 2564 ถึงüันที่ 31 มกราคม 2565 ผลการüิจัย ตารางคะแนนคüามÿามารถการอ่านüรรณยุกต์ ในภาþาจีนที่มีการเปลี่ยนเÿียงĀรือกลายเÿียงของนักเรียน ชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 5/10 จำนüน 8 คน * ครูüิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเýþ กลุ่มÿาระการเรียนรู้ภาþาต่างประเทý โรงเรียนปากเกร็ด จังĀüัดนนทบุรี 279
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… ที่ ก่อน Āลัง คüามก้าüĀน้า 1 5 13 +8 2 8 16 +8 3 10 18 +8 4 6 15 +9 5 11 17 +6 6 5 13 +8 7 7 14 +7 8 6 14 +8 ÿรุปผลการüิจัย ผลการýึกþาพบü่า Āลังจากที่นักเรียนได้ใช้แบบฝึก ทักþะการอ่านüรรณยุกต์ในภาþาจีนที่มีการเปลี่ยนเÿียงĀรือ กลายเÿียงในช่üงระยะเüลาĀนึ่งแล้ü พบü่าทุกคนมีพัฒนาการ ด้านการอ่านüรรณยุกต์ที่มีการกลายเÿียงที่มีประÿิทธิภาพมากขึ้น โดยÿังเกตดูได้จากผลการทดÿอบก่อนและĀลังเรียนซึ่งมี คüามก้าüĀน้าขึ้น ในระยะเüลา 2 ÿัปดาĀ์ อภิปรายผลการüิจัย Āลังจากได้ทำข้อตกลงขอคüามร่üมมือกับนักเรียน ทั้ง 8 คน ของนักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 5/10 ใĀ้มาเรียน ในตอนพักกลางüัน 15-20 นาที มีนักเรียนบางคนที่ยังไม่มี พัฒนาการด้านการอ่านในช่üงแรก เนื่องจากไม่ใÿ่ใจ ไม่ทบทüน ดังนั้นครูจึงใĀ้นักเรียนเมื่อกลับไปบ้านใĀ้ไปฝึกทบทüนซ้ำ ใĀม่อีกĀลังจากเรียนครบ 2 ÿัปดาĀ์ พบü่า นักเรียนอ่านได้ ถูกต้องเกิน 70% ซึ่งอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ข้อเÿนอแนะ การüิจัยครั้งนี้พบü่าการพัฒนาทักþะการอ่านüรรณยุกต์ ในภาþาจีนที่มีที่มีการเปลี่ยนเÿียงĀรือกลายเÿียง โดยใช้ แบบฝึกทักþะการอ่านนั้น เüลาที่ใĀ้นักเรียนใช้แบบฝึก ทักþะคüรĀาเüลาและÿถานที่ที่เĀมาะÿม เพื่อที่นักเรียนจะ ได้มีÿมาธิในการอ่านและเพื่อไม่ใĀ้นักเรียนเบื่อกับการฝึก อ่านอย่างเดียüคüรĀากิจกรรมĀรือ ทำแบบฝึกใĀ้น่าอ่าน มากขึ้นเพื่อดึงดูดคüามÿนใจของนักเรียน บรรณานุกรม พูลýรีทิพม่อม. (2550). การจัดการเรียนการÿอน โดยใช้แบบฝึกทักþะการอ่านและเขียน ÿะกดคำประÿมÿระ: กลุ่มÿาระการเรียนรู้ ภาþาไทย ชั้นประถมýึกþาปีที่ 2. นิภาüรรณ ÿีขาü. (2546). การใช้แบบฝึกอ่าน และแบบÿะกดคำของนักเรียนชั้นประถมýึกþา ปีที่ 1/5: โรงเรียนอัÿÿัมชัญระยองภาคเรียนที่ 1 ปีการýึกþา 2546. üรรณüิไล พันธุ์ÿีดา. (2544, ÿิงĀาคม). 12 ก้าüปฏิบัติการ üิจัยในชั้นเรียนขั้นพื้นฐาน ÿำĀรับครูยุคใĀม่: โรงพิมพ์เจริญกิจ. 280
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..………………………………………………………………………….…………………………………………………………... การพัฒนาบทเรียนออนไลน0เรื่องการใช6สำนวน N がわかる บนแพลตฟอร0ม www.Pakkred Learning Cyber วิชาภาษาญี่ปุTน4 หนWวยที่ 3 พิมชนก วิริยจารี1 * บทคัดย(อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค5เพื่อการพัฒนาบทเรียน ออนไลน5เรื่องการใชBสำนวน N がわかる บนแพลตฟอร5ม www.Pakkred Learning Cyber วิชาภาษาญี่ปุZน4 หน]วยที่ 3 และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก]อนและหลังการ เรียนรูBกลุ]มตัวอย]าง ไดBแก] นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปgที่ 5/11 จำนวน 28 คน โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ปgการศึกษา 2564 โดยวิธีการสุ]มตัวอย]างแบบง]าย เครื่องมือที่ใชBในการ วิจัย ไดBแก] 1) บทเรียนออนไลน5เรื่องการใชBสำนวนN がわかる บนแพลตฟอร5ม www.Pakkred Learning Cyber วิชา ภาษาญี่ปุZน 4 หน]วยที่ 3 และ 2) แบบทดสอบก]อนเรียนและ หลังเรียน สถิติที่ใชBในการวิเคราะห5ขBอมูล ไดBแก] ค]าเฉลี่ย ส]วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน และt-test ผลการวิจัยพบว]า 1) บทเรียน ออนไลน5เรื่องการใชBสำนวนN がわかる บน www.Pakkred Learning Cyber วิชาภาษาญี่ปุZน 4 หน]วยที่ 3 ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาชั้นปgที่ 5 มีประสิทธิภาพ 83.56/89.17 สูงกว]า เกณฑ5ที่กำหนดไวBและดBานผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดBวย บทเรียนออนไลน5 ค]าเฉลี่ยของคะแนนทดสอบหลังเรียนมีค]า มากกว]าคะแนนทดสอบก]อนเรียน 2) ผลการเรียนรูBหลังเรียน สูงกว]าก]อนเรียน อย]างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 คำสำคัญ : บทเรียนออนไลน5 บทนำ ป|ญหาของการจัดการเรียนการสอนบทเรียนออนไลน5 รายวิชาภาษาญี่ปุZนในป|จจุบัน คือ ขาดการพัฒนาบทเรียน ออนไลน5ภาษาญี่ปุZน วัตถุประสงค5ของงานวิจัยจึงมุ]งเนBนเพื่อ พัฒนารูปแบบบทเรียนออนไลน5ภาษาญี่ปุZน เพื่อการจัด กระบวนการเรียนรูBภาษาญี่ปุZนที่มุ]งเนBนใหBผูBเรียนพัฒนาทักษะ ความสามารถดBานการฟ|ง พูด อ]านและเขียน ผูBวิจัยจึงมี แนวคิดในการพัฒนาบทเรียนออนไลน5เพื่อเสริมทักษะการ สอบภาษาญี่ปุZน เพื่อใหBนักเรียนไดBศึกษาบทเรียน เนื้อหา *ครู วิทยฐานะ ชํานาญการ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี แบบฝ~กหัด รูBแนวทางและมีทักษะในการสอบวัดระดับความรูB ภาษาญี่ปุZนและไดBรับผลการสอบที่สูงขึ้น วัตถุประสงค6การวิจัย 1. เพื่อการพัฒนาบทเรียนออนไลน5เรื่องการใชBสำนวน N がわかる บนแพลตฟอร5ม www.Pakkred Learning Cyber วิชาภาษาญี่ปุZน 4 หน]วยที่ 3ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปgที่ 5 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก]อนและ หลังการเรียนรูBของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปgที่ 5 โรงเรียน ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี วิธีดำเนินการวิจัย สมมติฐานของการวิจัย 1.การพัฒนาบทเรียนออนไลน5ภาษาญี่ปุZนทำใหBนักเรียน สามารถพัฒนาการเรียนรูBภาษาญี่ปุZนและมีผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนสูงขึ้น 2. ประชากรและกลุ]มตัวอย]าง ประชากรที่ใชBในการวิจัย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปgที่ 5 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีที่เรียนแผนการ เรียนรูBภาษาญี่ปุZน ภาคเรียนที่ 2 ปgการศึกษา 2564 จำนวน 1 หBองเรียน รวมทั้งหมด 43 คน กลุ]มตัวอย]างที่ใชBในการวิจัย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปgที่ 5 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีที่เรียนแผนการ เรียนรูBภาษาญี่ปุZน ภาคเรียนที่ 2 ปgการศึกษา 2564จำนวน 28 คน ไดBมาจากการสุ]มอย]างง]าย 3. เครื่องมือที่ใชBในการวิจัย 3.1 บทเรียนออนไลน5เรื่องบทเรียนออนไลน5เรื่องการ ใชBสำนวนNがわかる บนแพลตฟอร5ม www.Pakkred Learning Cyber วิชาภาษาญี่ปุZน4 หน]วยที่ 3 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัด นนทบุรี 281
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..………………………………………………………………………….…………………………………………………………... 3.2 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนบทเรียน ออนไลน5รายวิชาภาษาญี่ปุZน 3.3 การสรBางเครื่องมือที่ใชBในการวิจัย 3.3.1ขั้นเตรียมการศึกษาวิเคราะห5หลักสูตร คำอธิบาย รายวิชา 3.3.2 ขั้นออกแบบบทเรียน เนื้อหามาสรBางบทเรียน และใหBผูBเชี่ยวชาญเจBาของภาษาตรวจสอบ 3.3.3 ขั้นการพัฒนา นำบทเรียนออนไลน5ที่แกBไขเสร็จ แลBวไปทดสอบกับนักเรียน จำนวน 15 คนที่ไม]ใช]กลุ]มตัวอย]าง ที่ใชBในการทดลอง เพื่อวิเคราะห5หาความยาก (P) และหาค]า จำแนก (R) ตามรายขBอและหาค]าความเที่ยงของแบบขBอสอบ 3.3.4 ขั้นการนำไปใชBนำบทเรียนออนไลน5ไปทดลอง ใชBกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปgที่ 5 จำนวน 15 คน ซึ่งไม]ใช] นักเรียนที่เปÇนกลุ]มตัวอย]าง 4. การเก็บรวบรวมขBอมูล 4.1 ก]อนการทดลองทำการทดสอบก]อนเรียนดBวย ขBอสอบซึ่งเปÇนชุดเดียวกันกับแบบวัดผลสัมฤทธิ์ แต]มีการสลับ ขBอคำถามใหม] ใชBเวลาทั้งสิ้น 30 นาที 4.2 อธิบายขั้นตอนและวิธีการใชBบทเรียนออนไลน5 ใหBแก]นักเรียน 4.3 อธิบายเนื้อหาแต]ละบทเรียนและใหBนักเรียนทำ แบบฝ~กหัดทBายหน]วยการเรียนรูBไปพรBอมๆ กัน เพื่อใหBการ ทดลองมีคุณภาพจึงมีผูBช]วยคอยดูแลนักเรียนที่มีป|ญหาในการ เรียนดBวยบทเรียนออนไลน5 และดูแลนักเรียนเรียนใหBครบตาม เนื้อหา 4.4 หลังจากจบการเรียนจากบทเรียนออนไลน5 นักเรียนทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ในการเรียน แลBวเก็บ ขBอมูลผลคะแนนมาวิเคราะห5ทางสถิติและสรุปผล ผลการวิจัย ข"อที่ เรื่อง ค-าเฉลี่ย S.D. แปลผล 1 ด$านเนื้อหา 4.27 1.12 ดี 2 ด$านการออกแบบ บทเรียนออนไลน9 4.33 0.58 ดี 3 ด$านการออกแบบ หน$าเพจ 4.13 0.80 ดี 4 ด$านเทคนิค 4.25 0.68 ดี รวม 4.21 0.84 ดี สรุปผลการวิจัย การใชBสื่อบทเรียนออนไลน5ประสมในการจัดการเรียน การสอนจะช]วยใหBผูBเรียนเกิดการเรียนรูBไดBมากขึ้นและมี ประสิทธิภาพมากกว]าการใชBสื่อที่มีรูปแบบการนำเสนออย]าง ใดอย]างหนึ่งและการสรBางบทเรียนออนไลน5รายวิชาภาษาญี่ปุZน ดBวยวิธีการที่เปÇนระบบ ทำใหBไดBบทเรียนออนไลน5มีเนื้อหา เหมาะสม ส]งผลสัมฤทธิ์ต]อการเรียนรูBของนักเรียน รวมทั้ง บทเรียนออนไลน5นี้มีประโยชน5สำหรับนักเรียนเปÇนอย]างมาก สามารถนำไปใชBไดBจริงอีกทั้งยังสามารถเรียนรูBไดBทุกที่ทุกเวลา อย]างไม]จำกัด อภิปรายผลการวิจัย จากผลการทดสอบการใชBงานบทเรียนออนไลน5เรื่อง ใชBสำนวน N がわかる บนแพลตฟอร5ม www.Pakkred Learning Cyber วิชาภาษาญี่ปุZน4 หน]วยที่ 3 พบว]า 1. ดBานประสิทธิภาพของบทเรียนออนไลน5 มีประสิทธิภาพ 83.56/89.17 สูงกว]าเกณฑ5ที่กำหนดไวB 2. ดBานผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดBวยบทเรียนออนไลน5 ค]าเฉลี่ยคะแนนทดสอบหลังเรียนมีค]ามากกว]าคะแนนทดสอบ ก]อนเรียนอย]างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ขBอเสนอแนะ 1. ควรนำบทเรียนออนไลน5ที่สรBางขึ้นนี้เปÇนแนวทาง ในการผลิตเรื่องอื่น ๆ อีกต]อไป และควรนำไปประยุกต5ใชBกับ รายวิชาหรือระดับชั้นอื่น ๆ 2. ในการเรียนดBวยบทเรียนออนไลน5นั้นควรเปÑด โอกาสใหBนักเรียนเรียนรูBดBวยตนเองหรือเรียนเปÇนกลุ]ม 4 คน เพราะนักเรียนบางคนตBองการสมาธิในการเรียน แต]บางคน ตBองการเพื่อนเรียนร]วมกันเพื่อปรึกษาแลกเปลี่ยนความ คิดเห็น บรรณานุกรม ภคพงษ5ทุ]งสี่. (2556). ศึกษาและพัฒนาสื่อปฏิสัมพันธ; ประกอบการเรียนรูB เรื่องการสรBางภาพเคลื่อนไหว ของมนุษย;ตามหลักการเคลื่อนไหว สำหรับเยาวชน ผูBศึกษาดBานแอนิเมชันระหวNางอายุ 15-18 ปS. (ปริญญานิพนธ5นวัตกรรมการออกแบบ ปริญญา 282
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..………………………………………………………………………….…………………………………………………………... ศิลปกรรมศาสตรมหาบัณฑิต). กรุงเทพมหานคร: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา, สำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. (2559). ตัวชี้วัดและสาระ การเรียนรูBภาษาญี่ปุZนและเยอรมัน, 2559. 283
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากกร็ด ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องโครงสร้างประโยคโดยใช้บทเรียนออนไลน์ บน www.pakkredlearningcyber.com ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จุāาลักþณ์ Ăุปนันชัย* บทคัดย่อ การýึกþานี้มีüัตถุประÿงค์เพื่Ăพัฒนาผลÿัมฤทธิ์ ทางการเรียนเรื่Ăงโครงÿร้างประโยค โดยใช้บทเรียน ĂĂนไลน์บน www.pakkredlearningcyber.com กลุ่ม ตัüĂย่างเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 6 โรงเรียน ปากเกร็ด ĂำเภĂปากเกร็ด จังĀüัดนนทบุรี ที่กำลังเรียนĂยู่ ในภาคเรียนที่ 1 ปีการýึกþา 2564 จำนüนนักเรียน 44 คน โดยการเลืĂกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) แบบ üิจัยที่ใช้คืĂแบบüิจัยที่มีกลุ่มเดียü üัดก่ĂนและĀลัง (OneGroup Pretest-Posttest Design) โดยใช้บทเรียนĂĂนไลน์ แบบทดÿĂบüัดผลระĀü่างเรียน üิเคราะĀ์ข้Ăมูลด้üยค่าÿถิติ ค่าร้Ăยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดÿĂบ ทีแบบไม่Ăิÿระ ผลการüิจัยพบü่า 1) ประÿิทธิภาพขĂงกิจกรรมพัฒนา ผลÿัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่Ăงโครงÿร้างประโยคโดยใช้ บทเรียนĂĂนไลน์ (E1 / E2) เท่ากับ 86.21/83.18 ซึ่งÿูงกü่า เกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) คะแนนทดÿĂบĀลังเรียนโดยใช้ กิจกรรมพัฒนาผลÿัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่Ăงโครงÿร้าง ประโยคโดยใช้บทเรียนĂĂนไลน์ÿูงกü่าก่ĂนเรียนĂย่างมี นัยÿำคัญทางÿถิติที่ระดับ .05 คำสำคัญ: โครงÿร้างประโยค,บทเรียนĂĂนไลน์, pakkredlearningcyber บทนำ บทเรียนĂĂนไลน์ĀรืĂ E-Learning คืĂ การนำ เทคโนโลยีÿารÿนเทýและการÿื่Ăÿาร ĀรืĂ ICT ใĀ้มีÿ่üน ร่üมกับการจัดการเรียนการÿĂนĀรืĂเป็นบทเรียนĂĂนไลน์ ใĀ้ผู้เรียนÿามารถเข้าถึงและเรียนรู้ได้ด้üยตนเĂงผ่าน ĂินเทĂร์เน็ตได้ทุกเüลาทุกÿถานที่ที่ÿามารถเชื่Ăมต่Ăเข้าÿู่ เครืĂข่ายได้ (ÿิรินธร üัชรพืชผล และจงกล จันทร์เรืĂง, 2558) ทั้งนี้ด้üยÿถานการณ์การแพร่ระบาดขĂงโรคติดเชื้Ă ไüรัÿโคโรนา 2019 (COVID-19) ผู้üิจัยจึงเลืĂกใช้บทเรียน ______________________________ ĂĂนไลน์เป็นแนüทางแก้ปัญĀาการจัดการเรียนการÿĂน วัตถุประสงค์การวิจัย 1) เพื่Ăพัฒนาผลÿัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่Ăงโครงÿร้างประโยค ขĂงนักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 6 2) เพื่ĂพัฒนาบทเรียนĂĂนไลน์เรื่Ăงโครงÿร้างประโยค 3) เพื่ĂนำบทเรียนĂĂนไลน์ใช้ในการจัดการเรียนการÿĂนใน รายüิชาภาþาĂังกฤþรĂบรู้1 (Ă 33203) บน www.pakkredlearningcyber.com วิธีดำเนินการวิจัย สมมุติฐานของการวิจัย 1) นักเรียนที่ได้ทำกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้บทเรียน ĂĂนไลน์บน www. pakkredlearningcyber ได้พัฒนา คüามÿามารถด้านไüยากรณ์โครงÿร้างประโยคภาþาĂังกฤþ 2) นักเรียนที่ได้ทำกิจกรรมการเรียนรู้โดยการใช้บทเรียน ĂĂนไลน์บน www.pakkredlearning cyber มีผลÿัมฤทธิ์ ผ่านเกณฑ์ร้Ăยละ 100 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรได้แก่นักเรียนระดับชั้น มัธยมýึกþาปีที่ 6 โรงเรียนปากเกร็ดที่เรียนในรายüิชา ภาþาĂังกฤþรĂบรู้ 1 (Ă 33203 ) กลุ่มตัüĂย่างเป็นผู้เรียน ระดับชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการýึกþา 2564 โรงเรียนปากเกร็ดจำนüน 1 Ā้Ăงเรียน จำนüนผู้เรียน 44 คน ซึ่งได้มาโดยการเลืĂกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1) บทเรียนĂĂนไลน์2) ใบคüามรู้ 3) แบบฝึกระĀü่างเรียน 4) แบบทดÿĂบก่ĂนเรียนĀลังเรียน ขั้นตอนการสร้าง ขั้นตĂนที่ 1 การüิเคราะĀ์ (Analysis): üิเคราะĀ์ข้Ăมูลเนื้ĂĀาบทเรียน ข้Ăมูลผู้เรียน ขั้นตĂนที่ 2 การĂĂกแบบ (Design): กำĀนดจุดประÿงค์ ĂĂกแบบ กิจกรรมแบบฝึก Ăงค์ประกĂบบทเรียน ขั้นตĂนที่ 3 การ พัฒนา (Development): ÿร้างบทเรียน โดยใช้โปรแกรม Edpuzzle, LiveWorksheet และขั้นตĂนที่ 4 การนำไปใช้ (Implementation): ทดลĂงใช้บทเรียนĂĂนไลน์กับกลุ่ม * ครู วิทยฐานะช านาญการพิเศษ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 284
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากกร็ด ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… ตัüอย่างบนช่องทาง www.pakkredlearningcyber.com การเก็บรวบรวมข้อมูล1) กลุ่มตัüอย่างเข้าýึกþาด้üยตนเอง และทำแบบฝึกระĀü่างเรียน แบบทดÿอบก่อนĀลังเรียนบน www.pakkredlearningcyber.com ในüิชาภาþาอังกฤþ รอบรู้ 1 (อ33203) จำนüน 15 ชั่üโมง 2) ผู้üิจัยเก็บรüบรüม ข้อมูลเพื่อดำเนินการüิเคราะĀ์และปรับปรุงพัฒนา ÿถิติในการวิเคราะĀ์ข้อมูล 1) การĀาประÿิทธิภาพของบทเรียนออนไลน์ที่ÿร้างขึ้นโดย ใช้ E1/E2 (ชัยยงค์ พรĀมüงý์, 2556) 2) การüิเคราะĀ์ เปรียบเทียบผลÿัมฤทธิ์ก่อนและĀลังเรียน โดยใช้ t–test (Kohout, 1974: 351 อ้างถึงในชูýรีüงý์รัตนะ, 2541: 193) ผลการวิจัย ตารางที่ 1 ประÿิทธิภาพของบทเรียนออนไลน์ คะแนน คะแนน เต็ม X S.D. ร้อยละ คะแนนเฉลี่ยจาก การเรียนด้üย บทเรียนออนไลน์ 30 25.86 1.21 86.20 คะแนนĀลัง จัดการเรียนด้üย บทเรียนออนไลน์ 40 33.42 1.44 83.55 ตารางที่ 2 ผลการüิเคราะĀ์เปรียบเทียบผลÿัมฤทธิ์ทางการ เรียนก่อนและĀลังเรียนด้üยบทเรียนออนไลน์ การทดÿอบ N X S.D. t ก่อนเรียน 44 21.57 1.96 33.06** Āลังเรียน 44 33.27 1.42 ** มีนัยÿำคัญทางÿถิติที่ระดับ .05 ÿรุปผลการวิจัย 1) ประÿิทธิภาพของกิจกรรมพัฒนาผลÿัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องโครงÿร้างประโยคโดยใช้บทเรียนออนไลน์ (E1 / E2) เท่ากับ 86.21/83.18 ซึ่งÿูงกü่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่ตั้ง ไü้ 2) คะแนนทดÿอบĀลังเรียนโดยใช้กิจกรรมพัฒนา ผลÿัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้บทเรียนออนไลน์ÿูงกü่าก่อน เรียนอย่างมีนัยÿำคัญทางÿถิติที่ระดับ .05 อภิปรายผลการวิจัย ผลของการจัดกิจกรรมพัฒนาผลÿัมฤทธิ์ทางการ เรียนเรื่องโครงÿร้างประโยคโดยใช้บทเรียนออนไลน์ที่ผู้üิจัย ได้พัฒนาขึ้นÿามารถอภิปรายผลได้ดังนี้1) ผลการพัฒนาและ Āาประÿิทธิภาพของบทเรียนออนไลน์ซึ่งจัดทำขึ้นÿำĀรับชั้น มัธยมýึกþาปีที่ 6 โดยใช้เกณฑ์ 80/80 พบü่ากิจกรรมพัฒนา ผลÿัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องโครงÿร้างประโยคโดยใช้บทเรียน ออนไลน์มีประÿิทธิภาพเท่ากับ 86.21/83.18 ÿูงกü่าเกณฑ์ มาตรฐานที่กำĀนด 2) คะแนนทดÿอบĀลังเรียนเรื่อง โครงÿร้างประโยคโดยใช้บทเรียนออนไลน์ÿูงกü่าคะแนนก่อน เรียนอย่างมีนัยÿำคัญทางÿถิติที่ระดับ .05 ÿอดคล้องกับ เพ็ญนภาในรายงานการพัฒนาบทเรียนออนไลน์เรื่องการอ่าน จับใจคüามภาþาอังกฤþÿำĀรับนักเรียนชั้นมัธยมýึกþาปีที่ 3 พบü่าบทเรียนออนไลน์มีประÿิทธิภาพเท่ากับ 80.58/81.58 และผลÿัมฤทธิ์ทางการเรียนĀลังเรียนÿูงกü่าก่อนเรียนอย่างมี นัยÿำคัญทางÿถิติที่ระดับ .05 (เพ็ญนภา ýรีþะเÿือ, 2559) ข้อเÿนอแนะ ข้อเÿนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ 1) คüรมีการ ออกแบบกิจกรรมในบทเรียนใĀ้เĀมาะÿมและÿอดคล้องกับ üัตถุประÿงค์และตอบÿนองคüามต้องการของผู้เรียน ข้อเÿนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป คüรมีการüิจัยการ ใช้บทเรียนออนไลน์บูรณาการรูปแบบการÿอนรูปแบบอื่นๆ เช่นการเรียนรู้แบบเชิงรุก การเรียนรู้แบบĀ้องเรียนกลับด้าน บรรณานุกรม ชัยยงค์ พรĀมüงý์. (2556). การทดÿอบประÿิทธิภาพÿื่อ Āรือชุดการÿอน. üารÿารýิลปากรýึกþาýาÿตร์,5,(3), 7–20. ชูýรี üงý์รัตนะ. (2544). การüิจัยเพื่อการเรียนรู้. กรุงเทพฯ ทิปพับลิเคชั่น. เพ็ญนภา ýรีþะเÿือ. (2559). การพัฒนาบทเรียนออนไลน์ เรื่องการอ่านจับใจคüามภาþาอังกฤþÿำĀรับนักเรียนชั้น มัธยมýึกþาปีที่ 3. มĀาüิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี. ÿิรินธร üัชรพืชผล, จงกล จันทร์เรือง (2558). การพัฒนา บทเรียนออนไลน์เรื่องการใช้งานอินเทอร์เน็ตโดยเทคนิค การเรียนรู้แบบปรับเĀมาะกับคüามÿามารถของนักเรียน. การประชุมทางüิชาการระดับชาติ NCCIT ครั้งที่ 13:4 285
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… การพัฒนาสื่อการเรียนรู0ผ2านวิดีโอแบบมีปฏิสัมพันธ=บน Edpuzzle เรื่อง Wishes and Regrets เพื่อพัฒนาทักษะการใช0ภาษาเพื่อการสื่อสารของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาป[ที่ 6 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นวลอนงค' ยศสาย* บทคัดย(อ การวิจัยในชั้นเรียนนี้มีวัตถุประสงค9 1.) เพื่อหา ประสิทธิภาพของสื่อการเรียนรูGวิดีโอแบบมีปฏิสัมพันธ9บน Edpuzzle เรื่อง Wishes and Regrets โดยกำหนดเกณฑ9 มาตรฐานที่ 80:80 2.) เปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ของ นักเรียนระหวjางกjอนและหลังเรียนดGวยวิดีโอแบบมี ปฏิสัมพันธ9บน Edpuzzle 3.) สำรวจความพึงพอใจของ ผูGเรียนตjอการเรียนโดยใชGสื่อการเรียนรูGผjานวิดีโอแบบมี ปฏิสัมพันธ9บน Edpuzzle กลุjมตัวอยjาง คือ นักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปoที่ 6 จำนวน 35 คน ผลการวิจัย พบวjา 1.) ประสิทธิภาพสื่อการเรียนรูGโดยภาพรวมมีคjา E1:E2 อยูjที่ 77.79:77.86 ซึ่งต่ำกวjาเกณฑ9มาตรฐานในการวัดคjาวิทย พิสัยที่กำหนด 80:80 2.) ผลของการศึกษาคะแนน ผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนพบวjาคะแนนหลังเรียนมีคะแนน เฉลี่ย 15.75 (S.D.=2.93) คิดเปzนรGอยละ 78.75 ซึ่งสูงกวjา กjอนเรียนที่มีคะแนนเฉลี่ย 11.50 คิดเปzนรGอยละ 57.50 (S.D.=4.23) แสดงวjานักเรียนมีพัฒนาการและผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนเรื่อง Wishes and Regrets สูงขึ้นจริง 3.) นักเรียนมีความพึงพอใจโดยภาพรวมอยูjในระดับมากที่สุด โดยมีคjาเฉลี่ย 4.23 คำสำคัญ : วิดีโอแบบมีปฏิสัมพันธ9บน Edpuzzle, ทักษะ การใชGภาษาเพื่อการสื่อสาร บทนำ ดGวยสถานการณ9การแพรjระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ยังคงมีอยูjอยjางตjอเนื่อง สjงผลใหGการเรียนการสอนในภาค เรียนที่ 2 ปoการศึกษา 2564 ของโรงเรียนปากเกร็ด จังหวัด นนทบุรี ตGองจัดในรูปแบบผสมผสาน ทั้งการเรียนรูGแบบ ออนไลน9และออนไซต9 โดยครูเปzนผูGพัฒนาบทเรียนสำหรับ นักเรียน ที่จะเปzนเครื่องมือชjวยใหGการเรียนรูGของนักเรียนมี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และสามารถเรียนไดGตลอดเวลา อยjาง ตjอเนื่อง และครูผูGสอนสามารถติดตาม ตรวจสอบ * ครู ค.ศ.' กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ความกGาวหนGาทางการเรียนของผูGเรียนไดGไวยากรณ9 ภาษาอังกฤษ ถือวjาเปzนพื้นฐานภาษาอังกฤษ ที่จำเปzน สำหรับนักเรียน เพราะถGาไมjเขGาใจแลGว การจะเขียนอjาน ภาษาอังกฤษหรือสนทนาอาจจะเกิดปÄญหา และไมjสามารถ สื่อสารไดGตรงตามประเด็นที่ตGองการ เรื่อง Wishes and Regrets เปzนไวยากรณ9หนึ่งที่นักเรียนหรือผูGใชGภาษาอังกฤษ มักสับสนและใชGแบบผิดๆ เพื่อใหGผูGเรียนมีความเขGาใจใน หลักการใชGที่ถูกตGอง ผูGสอนจึงไดGจัดรูปแบบการเรียนการ สอน รวมทั้งการวัดและประเมินผล ที่สอดรับกับสถานการณ9 การแพรjระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ในรูปแบบวิดีโอแบบ มีปฏิสัมพันธ9 (Interactive Video) เพื่อสรGางทักษะการ เรียนรูGและทัศนคติที่ดีในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษใหGแกj ผูGเรียนตjอไป วัตถุประสงค5การวิจัย 1.) เพื่อหาประสิทธิภาพของสื่อการเรียนรูGวิดีโอแบบมี ปฏิสัมพันธ9บน Edpuzzle เรื่อง Wishes and Regrets โดย กำหนดเกณฑ9มาตรฐานที่ 80:80 2.) เปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนระหวjาง กjอนและหลังเรียนดGวยวิดีโอแบบมีปฏิสัมพันธ9บน Edpuzzle 3.) สำรวจความพึงพอใจของผูGเรียนตjอการเรียนโดยใชGสื่อ การเรียนรูGผjานวิดีโอแบบมีปฏิสัมพันธ9บน Edpuzzle วิธีดำเนินการวิจัย ประชากร ไดGแกj นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปoที่ 6 โรงเรียนปาก เกร็ด ที่เรียนรายวิชาภาษาอังกฤษ 6 รหัสวิชา อ33102 กับ ครูนวลอนงค9 ยศสาย จำนวน 162 คน กลุ0มตัวอย0าง ไดGแกj นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปoที่ 6 หGอง 9 จำนวน 35 คน โดยการ สุjมแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช=ในการ วิจัย 1.) วิดีโอแบบมีปฏิสัมพันธ9บน Edpuzzle 2.) 286
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… แบบทดสอบ 3.) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียน ขั้นตอนการสร=างและหาคุณภาพของเครื่องมือ ขั้นที่ 1 วิเคราะห9เนื้อหา ขั้นที่ 2 ออกแบบการเรียนการสอน ขั้นที่ 3 สรGางวิดีโอแบบมีปฏิสัมพันธ9ขั้นที่ 4 ใชGวิดีโอแบบมีปฏิสัมพันธ9 ขั้นที่ 5 ประเมินผลการใชGสื่อ ดำเนินการเก็บรวบรวมข=อมูล ตามขั้นตอนตjอไปนี้1.) กลุjมตัวอยjางทำแบบทดสอบกjอนเรียน (pretest) ดGวยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง Wishes and Regrets จากนั้นตรวจบันทึกคะแนนของ นักเรียนแตjละคน 2. อธิบายและแนะนำวิธีใชGวิดีโอแบบมี ปฏิสัมพันธ9บน Edpuzzle 3. กลุjมตัวอยjางทำการศึกษาเรียนรูG วิดีโอแบบมีปฏิสัมพันธ9บน Edpuzzle ดGวยตัวเอง 4. กลุjม ตัวอยjางทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียน (posttest) นำ คะแนนที่ไดGไปเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์กjอนและหลังเรียน 5. กลุjมตัวอยjางทำแบบวัดความพึงพอใจ สถิติที่ใช=ในการ วิเคราะหMข=อมูล 1.) วิเคราะห9ประสิทธิภาพของสื่อตามเกณฑ9 80:80 จากสูตร E1:E2 2.) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนกjอนเรียนและหลังเรียน โดยใชGt – test 3.) วิเคราะห9 ความพึงพอใจของนักเรียนที่โดยใชGคjาเฉลี่ย ผลการวิจัย ตารางที่ 1 ผลการหาประสิทธิภาพ การทดสอบ N คjารGอยละ ระหวjางเรียน 35 7.78 77.79 หลังเรียน 35 15.57 77.86 ตารางที่ 2 คะแนนก0อนเรียนและหลังเรียน การทดสอบ N S.D. t กjอนเรียน 35 11.29 3.99 16.21 หลังเรียน 35 15.57 2.74 ตารางที่ 3 ผลการวิเคราะหMความพึงพอใจของนักเรียน รายการ ประเมิน S.D. ระดับความ พึงพอใจ เฉลี่ยรวม 4.57 0.26 มากที่สุด สรุปผลการวิจัย ประสิทธิภาพของสื่อโดยภาพรวมมีคjา E1:E2 77.79:77.86 ซึ่งมีประสิทธิภาพต่ำกวjาเกณฑ9ที่กำหนด 80:80 2.) คะแนนหลังเรียนเฉลี่ย 15.57 เมื่อเปรียบเทียบคะแนน กjอนเรียนและหลังเรียนแตกตjางกันอยjางมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .01 โดยคjาเฉลี่ยคะแนนกjอนเรียนเทjากับ 11.29 3.) นักเรียนมีความพึงพอใจ โดยภาพรวมอยูjในระดับ พอใจมาก ที่สุด อภิปรายผลการวิจัย ประสิทธิภาพของวิดีโอแบบมีปฏิสัมพันธ9บน Edpuzzle เรื่อง Wishes and Regrets โดยภาพรวมมีคjา E1:E2 77.79:77.86 ซึ่งมีประสิทธิภาพต่ำกวjาเกณฑ9ที่กำหนด 80:80 แมGคjาประสิทธิภาพต่ำกวjาเกณฑ9ที่กำหนด แตjยังสอดคลGองกับ ทฤษฎีการทดสอบประสิทธิภาพสื่อของ ชัยยงค9 พรหมวงศ9 (2556: 1-20) ความคลาดเคลื่อนของผลลัพธ9ไมjเกิน 2.5 ก็ ยอมรับไดGวjา สื่อมีประสิทธิภาพตามเกณฑ9ที่ตั้งไวGทั้งนี้อาจเปzน เพราะวjาสื่อที่ใชGในงานวิจัยของผูGวิจัย ยังขาดตัวอยjางที่มากพอ และการเลือกบรรยายเนื้อหาไวยากรณ9ภาษาอังกฤษดGวย ภาษาอังกฤษ อาจทำใหGนักเรียนสับสน หรือจับใจความไมjไดG ผลของการศึกษาคะแนนผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนพบวjา มี คะแนนเฉลี่ยหลังเรียน 15.57 เมื่อเปรียบเทียบคะแนนกjอน เรียนและหลังเรียนแตกตjางกันอยjางมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .01 โดยคjาเฉลี่ยกjอนเรียนเทjากับ 11.29 แสดงใหGเห็น วjาวิดีโอแบบมีปฏิสัมพันธ9บน Edpuzzle เรื่อง Wishes and Regrets ทำใหGนักเรียนมีความรูGเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้อาจเปzน เพราะวjาการเรียนดGวยวิดีโอแบบมีปฏิสัมพันธ9บน Edpuzzle นักเรียนไมjมีความกดดันใด ๆ สามารถจดจjอและมีสมาธิกับ การทำกิจกรรมไดGอยjางเต็มที่ สอดคลGองกับงานวิจัย ปéยะณัฐ อักษรดีและธีราภรณ9 พลายเล็ก. (2564). นักเรียนมีความพึง พอใจโดยภาพรวม อยูjในระดับ พอใจมากที่สุด ขAอเสนอแนะ 1. Edpuzzle เปzนแอปพลิเคชันสรGางวิดีโอแบบมี ปฏิสัมพันธ9แบบไมjมีคjาใชGจjาย แตjมีการจำกัดจำนวนการสรGาง คลิปวิดีโอตjอหนึ่งบัญชีจึงตGองศึกษาเงื่อนไข กjอนใชGบริการ X X X 287
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. กjอนนำวิดีโอแบบมีปฏิสัมพันธ9บน Edpuzzle ไปใชGควร ตรวจสอบผูGเรียนกjอนวjามีอุปกรณ9เพียงพอ และอุปกรณ9รองรับ การใชGงานแอปพลิเคชันดังกลjาวหรือไมj บรรณานุกรม สุภาวดี แซjอุGย, ศิริรัตน9 ดีสอน. (2559). การพัฒนาสื่อมัลติ มีเดียเพื่อการเรียนรู=ด=วยตนเอง เรื่องระบบคอมพิว เตอรM สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปWที่ 1 โรงเรียน แสนสุข จังหวัดชลบุรี ชัยยงค9 พรหมวงศ9. (2556). การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือ ชุดการสอน. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร9วิจัย. 5(1), 1-20. ปéยะณัฐอักษรดี, ธีราภรณ9 พลายเล็ก. (2564). การสร=างสื่อ การเรียนรู=ผ0านวิดีโอแบบมีปฏิสัมพันธMเพื่อช0วยให= นักเรียนสามารถจําการใช=คําประกอบการสนทนา ภาษาอังกฤษ สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปWที่6 โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร. 288
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกรด็ ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..………………………………………………………………………………………………………………… การพัฒนาทักษะการเขียนแนะนำตนเองด5วยรูปแบบจดหมายโดยใช5เทคนิคการสอนแบบ B-SLIM ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปNที่ 6 สุกัญญา จงจิตต,สุข1* บทคัดย'อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค6พื่อพัฒนาทักษะการ เขียนแนะนำตนเองของนักเรียนดCวยรูปแบบจดหมายแนะนำ ตนเอง (Statement of Purpose) โดยใชCเทคนิคการสอน แบบ B-SLIM ชั้นมัธยมศึกษาปaที่ 6 ในรายวิชาภาษาอังกฤษ เพื่อการสื่อสารกลุfมตัวอยfางที่ใชCในการวิจัยเปgนนักเรียนที่ไดC จากการสุfมแบบเจาะจง ชั้นมัธยมศึกษาปaที่ 6/9 – 6/11 ภาคเรียนที่ 2 ปaการศึกษา 2564 ของโรงเรียนปากเกร็ด จำนวน 126 คน เครื่องมือที่ใชCในการวิจัย ประกอบดCวย 1) แบบทดสอบการเขียนจดหมายแนะนำตนเองกfอนหลังเรียน 2) สื่อตัวอยfางรูปแบบฟอร6มการเขียนจดหมาย 3) สื่อตัวอยfางรูปแบบการเขียนจดหมายแนะนำตนเอง (Statement Of Purpose) จากการวิจัยพบวfาทักษะการเขียนแนะนำตนเอง ของนักเรียนดCวยรูปแบบจดหมาย (Statement Of Purpose) โดยใชCเทคนิคการสอนแบบ B-SLIM ทำใหC นักเรียนรCอยละ 60 มีพัฒนาการดCานทักษะการเขียนแนะนำ ตนเองดีขึ้นโดยวัดและประเมินผลจากการเปรียบเทียบ เนื้อหาการเขียนจดหมายแนะนำตนเองกfอน-หลังเรียน คำสำคัญ : จดหมายแนะนำตนเอง, เทคนิคการสอนแบบ BSLIM บทนำ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปaที่ 6 เปgนระดับชั้นที่ นักเรียน ตCองเลือกระหวfางการศึกษาตfอในระดับอุดมศึกษาหรือการ ทำงาน ดังนั้นทักษะการเขียนจดหมายแนะนำตนองเปgนอีก หนึ่งทักษะที่สำคัญที่นักเรียนจะตCองใชCในอนาคตจากการจัด กิจกรรมการเรียนรูCวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 6 ใน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปaที่ 6 พบวfานักเรียนขาดทักษะการ เขียนจดหมายแนะนำตนเองไดCอยfางถูกตCอง ดังนั้นผูCวิจัยจึงไดCศึกษาเทคนิคการสอนเขียนของ BSLIMเพื่อที่จะนำมาประยุกต6ใชCในการพัฒนาทักษะการเขียน แนะนำตนเองในรูปแบบจดหมาย วัตถุประสงค5การวิจัย 1. เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนแนะนำตนเองดCวยรูปแบบ จดหมาย 2.เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทักษะการเขียนแนะนำตนเอง ทั้งกfอนเรียน-หลังเรียน วิธีดำเนินการวิจัย สมมติฐานการวิจัย การเรียนการสอนทักษะการเขียนแนะนำตนเองใน รูปแบบจดหมาย (Statement Of Purpose) โดยใชCเทคนิค B-SLIM สามารถพัฒนาทักษะการเขียนของนักเรียนไดC กลุ4มตัวอย4างที่ใช<ในการวิจัย กลุfมตัวอยfางที่ใชCในการวิจัยครั้งนี้เปgนนักเรียนที่ กำลังศึกษาวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 6 ระดับชั้น มัธยมศึกษาปaที่ 6 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ภาคเรียนที่ 2 ปaการศึกษา 2564 จำนวน 3 หCองเรียน (6/9 – 6/11) จำนวน 126 คน ที่ไดCจากการสุfมแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช<ในการวิจัย 1. แบบฟอร6มการเขียนจดหมาย 2. ตัวอยfางการเขียนแนะนำตนเองในรูปแบบจดหมาย 3. การทดสอบการเขียนแนะนำตนเองกfอน-หลังเรียน การเก็บรวบรวมข<อมูล ผูCวิจัยดำเนินการเก็บขCอมูลตามลำดับ ดังนี้ 1.ทดสอบกfอนเรียน (Pre-test) โดยใหCนักเรียนเขียน การแนะนำตนเองเพื่อใชCสมัครเขCาศึกษาตfอ * ครู วิทยฐานะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 289
วารสารวิจยัการศึกษาโรงเรียนปากเกรด็ ฉบับที&1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..………………………………………………………………………………………………………………… 2. ดำเนินการทดลองโดยใชCเทคนิคการสอนแบบสfวนบี (Quadrant B) 3. ทดสอบหลังเรียน (Post-test) โดยใหCนักเรียนเขียน การแนะนำตนเองเพื่อใชCสมัครเขCาศึกษาตfอ การวิเคราะหEข<อมูล 1. ตรวจงานเขียนแนะนำตนเอง (Statement Of Purpose) ในรูปแบบจดหมายของนักเรียนกfอนเรียน-หลังเรียน 2.คำนวณหาคfาเฉลี่ยและสfวนเบี่ยงเบนของคะแนนการเขียน กfอนเรียน-หลังเรียน ผลการวิจัย การเรียนการสอนทักษะการเขียนแนะนำตนเองในรู ปแบบจดหมาย (Statement Of Purpose) โดยใชCเทคนิค BSLIM สามารถพัฒนาทักษะการเขียนของนักเรียน สรุปผลการวิจัย ผลการศึกษาพบวfาหลังจากผูCวิจัยไดCทำการเรียน การสอนโดย B-SLIM Model ทำใหCนักเรียนมีความรูC ความเขCาใจ และพัฒนาทักษะการเขียนแนะนำตนเอง (Statement Of Purpose) ในรูปแบบจดหมายที่ดีขึ้น โดยสังเกตุจากผลสัมฤทธิ์การเขียนแนะนำตนเองในรูปแบบ จดหมายกfอนเรียนและหลังเรียน อภิปรายผลการวิจัย การวิจัยครั้งนี้เปgนพัฒนาทักษะและผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนเรื่อง The Letter ในวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 6 โดยใชC B-SLIM Model ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปaที่ 6/9 – 6/11 โรงเรียนปากเกร็ด พบวfาผลการพัฒนาทักษะการ เขียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยใชC B-SLIMของนักเรียน กลุfมตัวอยfางอยูfในระดับสูงขึ้นซึ่งเปgนไปตามสมมติฐานที่ตั้งไวC และแสดงใหCเห็นวfาการใชCรูปแบบการสอนโดยใชC B-SLIM Model เปgนรูปแบบการสอนหนึ่งที่สามารถพัฒนา ความสามารถในการใชCทักษะภาษาอังกฤษ ซึ่งเปgนประโยชน6 ในการจัดหลักสูตรการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการ สื่อสาร อีกทั้งยังสามารถพัฒนาการสอนใหCมีประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาจุดดCอยของนักเรียนในการเติมเต็มศักยภาพและ สามารถนำภาษาไปใชCในชีวิตประจำวันไดCอยfางดีขึ้น ขAอเสนอแนะ การวิจัยครั้งนี้พบปÑญหาเรื่องระยะเวลาในการทำ วิจัยที่สั้นเกินไปควรขยายหรือเพิ่มระยะเวลาใหCมากขึ้นเพื่อที่ ใหCนักเรียนไดCมีเวลาการฝÜกฝนทักษะการเขียนมากขึ้น บรรณานุกรม กฤตพร ชfวยบุญชู. (2558). การพัฒนาทักษะและ ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาในวิชาภาษาอังกฤษใน ชีวิตจริง 2 โดยใช< B-SLIM Model ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นป`ที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ป`การศึกษา 2558 วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคนิค บริหารธุรกิจกรุงเทพ 290
วารสารวิจัยการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….............. ผลงานวิจัยทางการศึกษา กลุ่มงานแนะแนว หน้า ผลการใช้แบบสำรวจเพื่อการค้นพบตัวเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้าน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนปากเกร็ด อัมพร พละโพธิ์ 292 ผลการใช้แบบสำรวจเพื่อการค้นพบตัวเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้านของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนปากเกร็ด ชนกมณฐ์ แสงสี 295 ผลการใช้แบบสำรวจเพื่อการค้นพบตัวเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้าน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนปากเกร็ด สุพิศ รนขาว 297 การสำรวจอาชีพที่ใฝ่ฝันในอนาคต ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/12 โรงเรียนปากเกร็ด กนกวดี นิพันธ์ประศาสน์ 299
วารสารวิจัยการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………......................................................... ผลการใช้แบบสำรวจเพื่อการค้นพบตัวเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้าน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนปากเกร็ด อัมพร พละโพธิ์* บทคัดย่อ การวิจัยผลการใช้แบบสำรวจเพื่อการค้นพบตัวเอง ตามแนวพหุปัญญา 8 ด้านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนปากเกร็ด ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์1. เพื่อศึกษาจาก แบบสำรวจเพื่อการค้นพบตนเอง เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจ ตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี2. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มี ต่อการจัดการเรียนรู้จากแบบสำรวจเพื่อการค้นพบตนเอง ตามแนวพหุปัญญา 8 ด้าน สำหรับนักนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ผลการวิจัยพบว่า 1. นักเรียนได้ประเมินตนเอง ค้นพบ ตนเอง เข้าใจตนเองมากขึ้นเกี่ยวกับลักษณะและความถนัด ของตนเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้าน ที่ตนเองเป็น ตามลำดับของการประเมิน 2. นักเรียนมีความความพึงพอใจ ของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้จากแบบสำรวจเพื่อการ ค้นพบตนเอง ตามแนวพหุปัญญา 8 ด้าน อยู่ในระดับ พึง พอใจมากที่สุด คำสำคัญ : แบบสำรวจการค้นพบตัวเอง, พหุปัญญา 8 ด้าน บทนำ หัวใจของการปฏิรูปการศึกษาตามแนวพระราช บัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 คือ กระบวนการ ปฏิรูปการเรียนรู้ เพื่อให้นักเรียนมีพัฒนาการทุกด้าน ดังนั้น แนวทางการจัดการศึกษาได้วางไว้ เพื่อสนองความแตกต่าง ระหว่างบุคคล โดยในมาตรา 22 ระบุว่า การจัดการศึกษา ต้องยึดหลักผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนา ตนเองได้และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการ จัดการเรียนการสอนต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนา ตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ มาตรา 24 (1) นอกจาก การเข้าใจในความแตกต่างระหว่างบุคคลแล้วครูต้องเข้าใจ ในเรื่องความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กด้วยเช่นกัน เพราะ คุณค่าของคนไม่ได้อยู่แค่สติปัญญาเท่านั้น แต่จิตใจ อารมณ์ ก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้เด็กฉลาดและเรียนเก่ง ดังนั้นพ่อแม่ ต้องไม่เน้นให้ลูกเรียนเก่งเพียงอย่างเดียวต้องให้เน้นการปรับ อารมณ์ของลูก การจะได้มาซึ่งความฉลาดทางอารมณ์เป็น เรื่องที่สามารถฝึกฝนและพัฒนาได้ เพียงแต่อาศัยความ ร่วมมือจากบุคคลหลาย ๆ ฝ่ายที่เป็นสิ่งแวดล้อมของเด็ก เด็กที่ได้รับการฝึกหรือพัฒนาด้านความฉลาดทางอารมณ์จะ มีรากฐานที่ดีพร้อมในการเรียนรู้ นำไปสู่ความสำเร็จใน การศึกษาและการดำรงชีวิตอย่างมีความสุขในสังคม รวมทั้ง *ครู วิทยฐานะ - กลุ่มงานแนะแนว โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี สามารถปรับตัวในสถานการณ์ต่างๆ ได้เพราะนั่นคือทั้งพ่อ แม่ครูหรือผู้ปกครองต้องร่วมมือกัน จากแนวคิดดังกล่าวหาก ครูผู้สอนได้ศึกษาให้เข้าใจถึงรูปแบบการเรียนรู้ของผู้เรียน แต่ละคนรวมทั้งศึกษาทฤษฏีพหุปัญญา (Theory of Multiple Intelligences) ข อ ง Howard Gardner ซึ่ ง กล่าวถึงความสามารถของมนุษย์ที่จำแนกเป็นเชาวน์ปัญญา ได้ 8 วัตถุประสงค์การวิจัย 1. เพื่อศึกษาจากแบบสำรวจเพื่อการค้นพบตนเอง เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่1 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 2. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการ จัดการเรียนรู้จากแบบสำรวจเพื่อการค้นพบตนเอง ตามแนว พหุปัญญา 8 ด้าน สำหรับนักนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี วิธีดำเนินการวิจัย วิธีดำเนินการวิจัย ดังนี้ประชากร ที่ใช้ในการวิจัย ครั้งนี้ ได้แก่ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนปาก เกร็ด จังหวัดนนทบุรี ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 15 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 625 คน กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ในภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2564 จำนวน 15 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 625 คนเนื้อหาที่ใช้ในศึกษา ได้แก่ เนื้อหากิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน (แนะแนว) ด้านตนเอง เรื่อง การค้นพบตนเอง ตาม แนวพหุปัญญา 8 ด้าน ระยะเวลาในการศึกษา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ระหว่างเดือนธันวาคม 2564 เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล 1. แบบสำรวจเพื่อการ ค้นพบตนเอง ตามแนวพหุปัญญา 8 ด้าน 2. แบบสำรวจ ความพึงพอใจ การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิจัยครั้งนี้มีขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูลดังนี้ 1. นำแบบสำรวจการค้นพบตนเอง ตามแนวพหุ ปัญญา 8 ด้าน ให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1-1/15 ทำ ระหว่างทำกิจกรรมการเรียนการสอนในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 ซึ่งมีวิธีการให้คะแนนการแปลความหมาย ดังนี้ใช่ ที่สุด ให้คะแนน 3 คะแนน ใช่ ให้คะแนน 2 คะแนน น้อย ให้คะแนน 1 คะแนน ไม่เลย ให้คะแนน 0 คะแนน 292
วารสารวิจัยการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………......................................................... 2. นักเรียนประเมินสรุปผลคะแนน ค่าค้นพบ ความสามารถของตนเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้าน ครูผู้สอนร่วมอภิปรายถึงผลที่ได้กับความสอดคล้องจริงที่ เป็นตัวตนของนักเรียนซึ่งมีวิธีการให้คะแนนการแปล ความหมาย ดังนี้พึงพอใจมากที่สุดให้คะแนน 5 คะแนน พึงพอใจมากให้คะแนน 4 คะแนนพึงพอใจปานกลาง ให้ คะแนน 3 คะแนนพึงพอใจน้อยให้คะแนน 2 คะแนนพึง พอใจน้อยที่สุดให้คะแนน 1 คะแนน3.จากผลการสรุปผล จากการทำกิจกรรมการเรียนการสอน สิ้นสุดให้นักเรียนทำ แบบประเมินความพึงพอใจ ภายหลังการทำแบบสำรวจการ ค้นพบตนเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้าน แล้วนำผลการ ประเมินมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐาน คือ ค่าเฉลี่ย เลขคณิต ( x ) และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การวิเคราะห์ข้อมูล 1. การวิเคราะห์ข้อมูลผลการสำรวจการ ค้นพบตนเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้าน ใช้สถิติพื้นฐาน คือ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ( x ) ใช่ที่สุดให้คะแนน 3 คะแนน ใช่ให้ คะแนน 2 คะแนนน้อย ให้คะแนน 1 คะแนน ไม่เลยให้ คะแนน 0 คะแนน 2. การวิเคราะห์แบบแบบประเมินความ พึงพอใจ ภายหลังการทำแบบสำรวจการค้นพบตนเองตาม แนวพหุปัญญา 8 ด้านแล้วนำผลการประเมินมาวิเคราะห์ ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐาน คือ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ( x ) และค่า ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) โดยใช้โปรแกรม Excel for Windows สรุปผลการวิจัย การวิจัยการวิจัยเพื่อสำรวจผลการใช้แบบสำรวจ เพื่อการค้นพบตัวเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้านของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนปากเกร็ด แบ่งเป็น 2 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 ผลการใช้แบบสำรวจเพื่อการค้นพบ ตัวเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 โรงเรียนปากเกร็ด สรุปภาพรวมผลการค้นพบตนเอง จากค่าเฉลี่ยสูงสุดไปยังต่ำสุด ดังนี้ลำดับที่ 1 พหุปัญญาด้าน F – ปัญญาด้านสังคมและปฏิสัมพันธ์ลำดับที่ 2 พหุปัญญา ด้าน G – ปัญญาด้านการรับรู้และเข้าใจตนเอง ลำดับที่ 3 พหุปัญญาด้าน H – ปัญญาด้านธรรมชาติวิทยา ลำดับที่ 4 พหุปัญญาด้าน E – ปัญญาด้านดนตรีลำดับที่ 5 พหุปัญญา ด้าน C – ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ลำดับที่ 6 พหุปัญญาด้าน A – ปัญญาด้านภาษา ลำดับที่ 7 พหุปัญญาด้าน B – ปัญญา ด้านตรรกกะและคณิตศาสตร์ลำดับที่ 8 พหุปัญญาด้าน D – ปัญญาด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว ตอนที่ 2 นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดย ใช้แบบสำรวจเพื่อการค้นพบตัวเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 - 1/15 โรงเรียน ปากเกร็ด ทุกรายการอยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด สูง กว่าระดับมาก อภิปรายผลการวิจัย ผลจากตารางข้างต้นทำให้ทราบว่านักเรียนระดับ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 - 1/15 โรงเรียนปากเกร็ด ทั้ง รายบุคคลและรายห้อง มีการค้นพบตัวเองโดยมีลำดับค้นพบ ความพิเศษในตนเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้าน จากค่า สูงสุดไปยังค่าต่ำสุดตามลำดับพหุปัญญา ดังนี้ 1. ในด้าน ส่วนตัวนักเรียนทำให้นักเรียนค้นพบความสามารถหรือความ ถนัดเบื้องต้นเด่นในด้านใด หรือไม่ถนัดในด้านใด ทำให้ นักเรียนสามารถเรียนรู้ ปฏิบัติงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ตาม ความถนัดได้ดี ในส่วนที่เป็นค่าต่ำนักเรียนสามารถรู้จุดอ่อน ของตนเองเพื่อให้สามารถนำไปปรับปรุงตนเองให้ดียิ่งขึ้น 2. ในด้านครูผู้สอนหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง สามารถนำผลที่ได้ทั้ง รายบุคคลและรายห้องไปใช้ในการให้ข้อเสนอแนะ การ ปรับปรุงตนของนักเรียนตลอดจนนำข้อมูลไปใช้ในกิจกรรม การเรียนการสอนให้เหมาะสมกับตัวนักเรียนเพื่อเสริมส่ง การการค้นพบความสามารถหรือความถนัดของตนเอง เพื่อให้สามารถนำไปปรับปรุงตนเองในด้านต่าง ๆ ให้ดียิ่งขึ้น บรรณานุกรม กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2544). คู่มือความ ฉลาดทางอารมณ์. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมนุม สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศ ไทย จำกัด. เกียรติวรรณ อมาตยกุล. (2543). ฉลาด เก่ง ดี. กรุงเทพมหานคร: ที. พี. พริ้นท์. ขจรศักดิ์ สีเสน. (2545). การจัดการศึกษาต้องตอบสนอง ความแตกต่างระหว่างบุคคล. วารสารวิชาการ. ปี ที่ 5. ฉบับที่ 3 (มีนาคม): 12-17. ทศพร ประเสริฐสุข. (2542). ความเฉลียวฉลาดทาง อารมณ์. วารสารพฤติกรรมศาสตร์. 5 (1), สิงหาคม: 19-35. ผดุง อารยะวิญญู. (2552). แบบคัดกรองเด็กที่มีความ บกพร่องทางการเรียนรู้ ฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพมหานคร: I.Q. Book Center. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, สำนัก นายกรัฐมนตรี. (2542). พระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. 2542.กรุงเทพมหานคร: บริษัท พริกหวานกราฟฟิค จำกัด วีรวัฒน์ ปันนิตามัย. (2542). เชาวน์อารมณ์ (EQ): ดัชนีวัด ความสุขและความสำเร็จของชีวิต. กรุงเทพมหานคร: บริษัท เอ็กซเปอร์เน็ท จำกัด. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, สำนัก นายกรัฐมนตรี. (2542). พระราชบัญญัติ 293
วารสารวิจัยการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………......................................................... การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542. กรุงเทพมหานคร: บริษัท พริกหวานกราฟฟิค จำกัด. อุมาพร ตรังคสมบัติ. (2544). สร้าง E.Q. ให้ลูกคุณ. กรุงเทพมหานคร: ซินตังการพิมพ์. อัจฉรา สุขารมณ์. (2543). รวมบทความทางวิชาการเรื่องอี คิว. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร : __________. (2543). จัดการเรียนรู้ให้สนองความแตกต่าง ของผู้เรียน. สานปฏิรูป. 33 (กันยายน) : 24-24. Cooper, Robert and Sawaf Ayman. (1998). Executive EQ. London: Orion Business Book. 294
วารสารวิจัยการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………......................................................... ผลการใช้แบบสำรวจเพื่อการค้นพบตัวเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้านของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนปากเกร็ด ชนกมณฐ์ แสงสี* บทคัดย่อ ผลการใช้แบบสำรวจเพื่อการค้นพบตัวเองตาม แนวพหุปัญญา 8 ด้านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนปากเกร็ดการวิจัย ผลการใช้แบบสำรวจเพื่อการ ค้นพบตัวเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้าน ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนปากเกร็ด ในครั้งนี้มี วัตถุประสงค์1) เพื่อศึกษาจากแบบสำรวจเพื่อการค้นพบ ตนเอง เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจตนเองของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการ เรียนรู้จากแบบสำรวจเพื่อการค้นพบตนเอง ตามแนวพหุ ปัญญา 8 ด้าน ผลการวิจัยพบว่า 1) นักเรียนได้ประเมิน ตนเอง ค้นพบตนเอง เข้าใจตนเองมากขึ้นเกี่ยวกับลักษณะ และความถนัดของตนเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้าน ที่ ตนเองเป็นตามลำดับของการประเมิน 2) นักเรียนมีความ ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้จาก แบบสำรวจเพื่อการค้นพบตนเอง ตามแนวพหุปัญญา 8 ด้าน อยู่ในระดับ พึงพอใจมากที่สุด คำสำคัญ : แบบสำรวจการค้นพบตัวเอง, พหุปัญญา 8 ด้าน บทนำ การปฏิรูปการศึกษาตามแนวพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 คือ กระบวนการปฏิรูปการ เรียนรู้ เพื่อให้นักเรียนมีพัฒนาการทุกด้าน ดังนั้น แนวทางการจัดการศึกษาได้วางไว้เพื่อสนองความแตกต่าง ระหว่างบุคคล Rousseau และ Bloom (อ้างถึงในขจรศักดิ์ สี เสน, 2545: 12) มีแนวคิดที่สอดคล้องว่า การให้การศึกษา ควรคำนึงถึงธรรมชาติของเด็ก ซึ่งเด็กแต่ละคนมีลักษณะ แตกต่างกัน ดังนั้น การจัดการศึกษาที่เหมาะสมต้องสนอง ความแตกต่างระหว่างบุคคล ทั้งนี้ หลักสูตรกระบวนการ เรียน การวัดและประเมินผลต้องมีความยืดหยุ่นและ หลากหลาย ครูต้องเปลี่ยนบทบาทจากผู้สอนมาเป็นผู้จัด ประสบการณ์การเรียนรู้ให้แก่นักเรียน ครูต้องเข้าใจว่า มนุษย์ทุกคนมีความแตกต่างกัน ต้องปรับเปลี่ยนการเรียน การสอนโดยนำหลักการและทฤษฎีเกี่ยวกับจิตวิทยาทาง การศึกษา ทฤษฏีการเรียนรู้ความแตกต่างระหว่างบุคคล (Individual Difference) มาใช้ในการสอน จากแนวคิดดังกล่าว หากครูผู้สอนเข้าใจถึง รูปแบบการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคน รวมทั้งศึกษาทฤษฏี *ครู วิทยฐานะ - กลุ่มงานแนะแนว โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พหุปัญญา 8 ด้าน ของ Howard (ผดุง อารยะวิญญู, 2552 : 28) และเข้าใจเรื่องความฉลาดทางอารมณ์ของ นักเรียนแต่ละคน จะมีแนวทางในการจัดการศึกษาที่สนอง ความแตกต่างระหว่างบุคคลสามารถจัดกิจกรรมการเรียน การสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ผู้วิจัยในฐานะ ครูผู้สอนกิจกรรมแนะแนวจึงสนใจที่จะสำรวจรูปแบบการ เรียนรู้พหุปัญญา 8 ด้าน และความฉลาดทางอารมณ์ของ นักเรียน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการจัดเนื้อหาสาระและ กิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความสนใจและ ความถนัดของผู้เรียน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่าง บุคคล ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เรียนเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดีและมี ความสุขในการเรียนต่อไป วัตถุประสงค์การวิจัย 1. เพื่อศึกษาจากแบบสำรวจเพื่อการค้นพบตนเอง เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3/2 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 2. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการ จัดการเรียนรู้จากแบบสำรวจเพื่อการค้นพบตนเอง ตามแนว พหุปัญญา 8 ด้าน สำหรับนักนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี วิธีดำเนินการวิจัย การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ เพื่อสำรวจ ผลการใช้แบบสำรวจเพื่อการค้นพบตัวเองตามแนวพหุ ปัญญา 8 ด้าน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3/2 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ในปีการศึกษา 2564 จำนวน 34 คน เนื้อหาที่ใช้ในศึกษา ได้แก่ เนื้อหา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (แนะแนว) ด้านตนเอง เรื่อง การ ค้นพบตนเอง ตามแนวพหุปัญญา 8 ด้าน ระยะเวลาใน การศึกษา ดำเนินการวิจัย ระหว่าง 3 ธันวาคม พ.ศ. 2564 - 31 มกราคม พ.ศ. 2565 เครื่องมือที่ใช้ในการ รวบรวมข้อมูล 1. แบบสำรวจเพื่อการค้นพบตนเอง ตาม แนวพหุปัญญา 8 ด้าน 2. แบบสำรวจความพึงพอใจ การเก็บรวบรวมข้อมูล 1. นำแบบสำรวจการค้นพบตนเอง ตามแนวพหุปัญญา 8 ด้าน ให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 ทำระหว่างทำกิจกรรมการเรียนการสอนในเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2564 2. นักเรียนประเมินสรุปผลคะแนน ค่าค้นพบความสามารถของตนเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้านครูผู้สอนร่วมอภิปรายถึงผลที่ได้ กับความสอดคล้อง 295
วารสารวิจัยการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………......................................................... จริงที่เป็นตัวตนของนักเรียน 3.จากผลการสรุปผลจากการ ทำกิจกรรมการเรียนการสอน สิ้นสุดให้นักเรียนทำแบบ ประเมินความพึงพอใจ ภายหลังการทำแบบสำรวจการ ค้นพบตนเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้าน แล้วนำผลการ ประเมินมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐาน คือ ค่าเฉลี่ย เลขคณิต ( x ) และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) โปรแกรม Excel for Windows ผลการวิจัย 1. นักเรียนได้ประเมินตนเอง ค้นพบตนเอง เข้าใจ ตนเองมากขึ้นเกี่ยวกับลักษณะและความถนัดของตนเองตาม แนวพหุปัญญา 8 ด้าน ที่ตนเองเป็นตามลำดับของการ ประเมิน 2. นักเรียนมีความความพึงพอใจของนักเรียนที่มี ต่อการจัดการเรียนรู้จากแบบสำรวจเพื่อการค้นพบตนเอง ตามแนวพหุปัญญา 8 ด้าน อยู่ในระดับ พึงพอใจมากที่สุด สรุปผลการวิจัย ผลการวิจัยเพื่อสำรวจผลการใช้แบบสำรวจเพื่อ การค้นพบตัวเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้านของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนปากเกร็ด แบ่งเป็น 2 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 ผลการใช้แบบสำรวจเพื่อการค้นพบตัวเองตาม แนวพหุปัญญา 8 ด้านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 สรุปภาพรวมผลการค้นพบตนเอง จากค่าเฉลี่ยสูงสุดไปยัง ต่ำสุด ดังนี้ ด้าน H – ปัญญาด้านธรรมชาติวิทยา มีค่าเฉลี่ย สูงสุด รองลงมาคือ ด้าน F – ปัญญาด้านสังคมและ ปฏิสัมพันธ์ ด้าน G - ปัญญาด้านการรับรู้และเข้าใจตนเอง ด้าน E - ปัญญาด้านดนตรี ด้าน C – ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ ด้าน A – ปัญญาด้านภาษา และด้าน B – ปัญญาด้านตรรก กะและคณิตศาสตร์ตามลำดับ ส่วนด้าน D – ปัญญาด้าน ร่างกายและการเคลื่อนไหว มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ตอนที่ 2 นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดย ใช้แบบสำรวจเพื่อการค้นพบตัวเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนปากเกร็ด ทุกรายการอยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด สูงกว่าระดับ มาก อภิปรายผลการวิจัย นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 มีการค้นพบ ตัวเองโดยมีลำดับค้นพบความพิเศษในตนเองตามแนวพหุ ปัญญา 8 ด้าน จากค่าสูงสุดไปยังค่าต่ำสุดตามลำดับพหุ ปัญญา ดังนี้ 1) ในด้านส่วนตัวนักเรียนทำให้นักเรียนค้นพบ ความสามารถหรือความถนัดเบื้องต้นเด่นในด้านใด หรือไม่ ถนัดในด้านใด ทำให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ ปฏิบัติงานหรือ กิจกรรมต่าง ๆ ตามความถนัดได้ดี ในส่วนที่เป็นค่าต่ำ นักเรียนสามารถรู้จุดอ่อน ของตนเองเพื่อให้สามารถนำไป ปรับปรุงตนเองให้ดียิ่งขึ้น 2) ในด้านครูผู้สอนหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง สามารถนำผล ที่ได้ ทั้งรายบุคคลและรายห้องไปใช้ในการให้ข้อเสนอแนะ การปรับปรุงตนของนักเรียน ตลอดจนนำข้อมูลไปใช้ใน กิจกรรมการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับตัวนักเรียนเพื่อ เสริมส่งการการค้นพบความสามารถหรือความถนัดของ ตนเองเพื่อให้สามารถนำไปปรับปรุงตนเองในด้านต่าง ๆ ให้ดี ยิ่งขึ้น ข้อเสนอแนะ 1. ควรศึกษาสำรวจการค้นพบตัวเอง ด้าน ความสามารถ ความถนัดของนักเรียนทุกคน เพื่อจะได้เป็น แนวทางในการค้นพบตนเอง และสนองความต้องการของ นักเรียนอย่างแท้จริง 2. ครูผู้สอนสามารถนำผลการวิจัยไปใช้ในการ จัดการเรียนการสอนในรายวิชาอื่น ๆ โดยเน้นการจัด กิจกรรมตามแนวพหุปัญญา บรรณานุกรม กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2544). คู่มือ ความฉลาดทางอารมณ์. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ ชุมนุม สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด. ขจรศักดิ์ สีเสน. (2545). การจัดการศึกษาต้องตอบสนอง ความแตกต่างระหว่างบุคคล.วารสารวิชาการ. ปีที่ 5. ฉบับที่ 3 (มีนาคม): 12-17. ผดุง อารยะวิญญู. (2552). แบบคัดกรองเด็กที่มีความ บกพร่องทางการเรียนรู้ ฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพมหานคร: I.Q. Book Center. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, สำนัก นายกรัฐมนตรี. (2542). พระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. 2542. กรุงเทพมหานคร: บริษัท พริก หวานกราฟฟิค จำกัด อุมาพร ตรังคสมบัติ. (2544). สร้าง E.Q. ให้ลูกคุณ. กรุงเทพมหานคร: ซินตังการพิมพ์. อัจฉรา สุขารมณ์. (2543). รวมบทความทางวิชาการเรื่อง อีคิว. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร : __________. (2543). จัดการเรียนรู้ให้สนองความ แตกต่างของผู้เรียน. สานปฏิรูป. 33 (กันยายน) : 24- 24. Cooper, Robert and Sawaf Ayman. (1998). Executive EQ. London: Orion Business Book. 296
วารสารวิจัยการศึกษาโรงเรียนปากเกร็ด ฉบับที่1 ปีการศึกษา 2564 ……………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………......................................................... ผลการใช้แบบสำรวจเพื่อการค้นพบตัวเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้าน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนปากเกร็ด สุพิศ รนขาว* บทคัดย่อ ผลการใช้แบบสำรวจเพื่อการค้นพบตัวเองตาม แนวพหุปัญญา 8 ด้านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนปากเกร็ด การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์1. เพื่อ ศึกษาจากแบบสำรวจเพื่อการค้นพบตนเอง เพื่อช่วยให้ นักเรียนเข้าใจตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 2. เพื่อศึกษาความพึง พอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้จากแบบสำรวจ เพื่อการค้นพบตนเอง ตามแนวพหุปัญญา 8 ด้าน สำหรับนัก นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัด นนทบุรี ตัวอย่างที่ใช้ศึกษา คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ในปีการศึกษา 2564 จำนวน 13 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 469 คน เครื่องมือที่ ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วย 1) แบบสำรวจเพื่อการค้นพบ ตนเอง ตามแนวพหุปัญญา 8 ด้าน 2) แบบสำรวจความพึง พอใจ การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้สถิติพื้นฐาน คือ ค่าเฉลี่ยเลข คณิต ( x )และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) โดยใช้ โปรแกรม Excel for Windows ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้นักเรียนมีผลการค้นพบ ตนเอง ลำดับที่ 1.พหุปัญญาด้าน F – ปัญญาด้านสังคมและ ปฏิสัมพันธ์ ลำดับที่ 2 พหุปัญญาด้าน A ปัญญาด้านภาษา และอันดับสุดท้าย คือ พหุปัญญาด้าน D ปัญญาด้าน ร่างกายและการเคลื่อนไหว และในภาพรวมนักเรียนมีความ พึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้แบบสำรวจเพื่อ การค้นพบ ตัวเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4 โรงเรียนปากเกร็ด ทุกรายการอยู่ในระดับความพึง พอใจมากที่สุด สูงกว่าระดับมาก ตามที่กำหนดไว้ คำสำคัญ : การค้นพบตนเอง, พหุปัญญา 8 ด้าน บทนำ จากครูผู้สอนได้ศึกษาให้เข้าใจถึงรูปแบบการ เรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคนรวมทั้งศึกษาทฤษฏีพหุปัญญา (Theory of Multiple Intelligences) ขอ ง Howard Gardner ซึ่งกล่าวถึงความสามารถของมนุษย์ที่จำแนกเป็น เชาวน์ปัญญาได้ 8 ด้าน (ผดุง อารยะวิญญู, 2552 : 28) ครูจะมีแนวทางในการจัดการศึกษาที่สนองความแตกต่าง ระหว่างบุคคล สามารถจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นครูผู้สอนจึงสนใจที่จะสำรวจ รูปแบบการเรียนรู้พหุปัญญา เพื่อนำผลที่ได้ไปใช้ประโยชน์ *ครู วิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานแนะแนว โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ในการจัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความ สนใจและความถนัดของผู้เรียนโดยคำนึงถึงความแตกต่าง ระหว่างบุคคล ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เรียนเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดีและมี ความสุขในการเรียนต่อไป วัตถุประสงค์การวิจัย 1. เพื่อศึกษาจากแบบสำรวจเพื่อการค้นพบตนเอง เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 2. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการ จัดการเรียนรู้จากแบบสำรวจเพื่อการค้นพบตนเอง ตามแนว พหุปัญญา 8 ด้าน สำหรับนักนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี วิธีดำเนินการวิจัย กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัด นนทบุรี ในปีการศึกษา 2564 จำนวน 13 ห้องเรียน จำนวน นักเรียน 469 คน ระยะเวลาในการศึกษา ปีการศึกษา 2564 ระหว่างเดือนธันวาคม 2564 – กุมภาพันธ์ 2565 เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล 1. แบบสำรวจเพื่อการค้นพบตนเอง ตามแนว พหุปัญญา 8 ด้าน 2. แบบสำรวจความพึงพอใจ การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิจัยครั้งนี้มีขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูลดังนี้ 1. นำแบบสำรวจการค้นพบตนเองตามแนวพหุ ปัญญา 8 ด้าน ให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 -4/13 ทำระหว่างทำกิจกรรมการเรียนการสอนในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 2. นักเรียนประเมินสรุปผลคะแนนค่าค้นพบ ความสามารถของตนเองตามแนวพหุปัญญา 8 ด้านครูผู้สอน ร่วมอภิปรายถึงผลที่ได้ กับความสอดคล้องจริงที่เป็นตัวตน ของนักเรียน 3. จากผลการสรุปผลจากการทำกิจกรรมการเรียน การสอน สิ้นสุดให้นักเรียนทำแบบประเมินความพึงพอใจ ภายหลังการทำแบบสำรวจการค้นพบตนเองตามแนวพหุ ปัญญา 8 ด้าน แล้วนำผลการประเมินมาวิเคราะห์ข้อมูลโดย 297