The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.1 เล่ม 1 (ปรับปรุงเดือนธ.ค.64)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-05-22 22:27:06

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.1 เล่ม 1 (ปรับปรุงเดือนธ.ค.64)

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.1 เล่ม 1 (ปรับปรุงเดือนธ.ค.64)

คมู ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยที่ 1 การเรยี นรูส ่งิ ตาง ๆ รอบตัว

กิจกรรมท่ี 1 จมหรือลอย

กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดสังเกตเพ่ือหาคําตอบวา
ส่ิงของใดจมหรือลอยน้ํา โดยอธิบายและใชวิธีการสืบเสาะ
เพอื่ ตอบคาํ ถามท่ีสงสยั

เวลา 2 ช่วั โมง

จดุ ประสงคการเรียนรู

สงั เกตและอธบิ ายวิธกี ารสบื เสาะในการตอบคําถามท่สี งสัย

วัสดุ อุปกรณสําหรบั ทํากจิ กรรม 1 ใบ สือ่ การเรียนรแู ละแหลง เรียนรู
สิง่ ทีค่ รูตองเตรยี ม/กลุม 1 ลกู 1. หนังสือเรียน ป.1 เลม 1 หนา 5-6
1 กอน 2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม ป.1 เลม 1 หนา 6-8
1. ถงั นํา้ กนลกึ 1 คัน
1 คัน
2. ลกู บอลพลาสติก 1 อนั
3. ยางลบ 1 กอ น
1 แผน
4. ชอ นสเตนเลส 1 แผน

5. ชอนพลาสตกิ
6. ไมบ รรทัดเหลก็

7. ดนิ น้าํ มนั

8. แผนโฟม (ตดั เปน แผน ขนาดเล็ก)
9. ฟองน้ํา (ตดั เปนแผนขนาดเล็ก)

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร

S1 การสังเกต

S8 การลงความเหน็ จากขอ มลู

ทกั ษะแหงศตวรรษท่ี 21

C4 การสอื่ สาร

C5 ความรวมมอื

สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 15

คูมอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยที่ 1 การเรยี นรสู ่ิงตา ง ๆ รอบตัว

แนวการจัดการเรียนรู ในการตรวจสอบความรู
เดิม ครูเพียงรับฟงเหตุผลของ
1. ครูและนักเรียนรวมสนทนาเกี่ยวกับการเรียนรูของนักวิทยาศาสตรเพื่อ นักเรียนและยังไมเฉลยคําตอบ
ตรวจสอบความรูเดิมของนกั เรียน โดยใชค าํ ถาม ดังน้ี ใด ๆ แตชักชวนใหนักเรียนไป
1.1 นักเรยี นรจู กั นกั วิทยาศาสตรห รือไม นักวิทยาศาสตรทํางานเกี่ยวกับ หาคําตอบดวยตนเองจากการ
อะไร (นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง เชน รูจัก ทาํ กจิ กรรม
นักวทิ ยาศาสตรเ ปน ผคู นพบสิง่ ใหม ๆ ทํางานเกย่ี วกับการทดลอง)
1.2 นักเรียนคิดวานักวิทยาศาสตรคนพบสิ่งใหม ๆ หรือเรียนรูสิ่งตาง ๆ
ไดโดยวิธีการใดบาง (นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง เชน
โดยการทดลอง การสงั เกต การสืบคน)

2. นักเรียนอานชื่อกิจกรรม และทําเปนคิดเปน จากหนังสือเรียนหนา 5
จากนน้ั ครูตรวจสอบความเขา ใจของนกั เรียนเก่ยี วกับสงิ่ ทจ่ี ะเรียน โดยใช
คําถาม ดังนี้
2.1 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดเรียนเก่ียวกับเรื่องอะไร (วิธีการสืบเสาะ
ในการตอบคาํ ถามทสี่ งสยั )
2.2 นักเรียนจะไดเ รยี นเรอื่ งนี้ดวยวิธีใด (การสังเกต)
2.3 เมื่อเรียนแลวนักเรียนจะทําอะไรได (อธิบายวิธกี ารสบื เสาะในการ
ตอบคําถามทีส่ งสยั )

3. นักเรียนอานสิ่งท่ีตองใช วามีวัสดุอุปกรณอะไรบาง โดยใหนักเรียนบอก
ชื่อวัสดุอุปกรณและวิธีใชอุปกรณ ในกรณีท่ีนักเรียนไมรูจัก ครูควรบอก
ชื่อหรอื ชนิดของวัสดอุ ปุ กรณนน้ั

4. นักเรียนอานทําอยางไร ในหนังสือเรียนหนา 5 โดยครูอาจใชวิธีการอาน
ท่ีเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากน้ันตรวจสอบความเขาใจ
ข้นั ตอนการทาํ กจิ กรรมทลี ะขั้น โดยอาจนําอภปิ รายตามแนวคาํ ถาม ดังนี้
4.1 เม่ือสังเกตสิ่งของตาง ๆ ท่ีใชในการทํากิจกรรมน้ี นักเรียนตองทํา
อะไรตอ (ตั้งคําถามเกี่ยวกับการจมและการลอยนํ้าของสิ่งของ
ตา ง ๆ จากน้นั บันทึกผล)
4.2 หลังจากอภิปรายวาสิ่งของใดบางจะจมน้ําหรือลอยน้ําแลวนักเรียน
ตองทําอะไรตอ (นําส่ิงของแตละชิ้นมาทดสอบการลอยนํ้าและ
จมน้าํ )

5. เม่ือนักเรียนเขาใจวิธีทํากิจกรรมในทําอยางไรแลว นักเรียนจะไดปฏิบัติ
ตามขั้นตอน ดงั น้ี
5.1 สังเกตส่ิงของและตั้งคําถามเกี่ยวกับการจมนํ้าและการลอยนํ้าของ
สง่ิ ของนั้น ๆ บันทึกผลในแบบบนั ทกึ กจิ กรรมหนา 6 (S1)

16 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยท่ี 1 การเรียนรสู ิง่ ตา ง ๆ รอบตัว

5.2 อภิปรายวาส่ิงใดจะจมนํ้า สิ่งใดจะลอยน้ํา แลวบันทึกผลในแบบ
บันทกึ กิจกรรมหนา 6-7

5.3 นําสิ่งของแตล ะชิน้ มาลอยน้าํ สงั เกตและบันทึกผล
5.4 บอกสิง่ ทีค่ นพบและนาํ มาเปรียบเทียบกบั คําตอบของเพ่ือน
5.5 นําเสนอสิ่งที่คนพบวาเหมือนหรือแตกตางจากเพื่อนอยางไร (S8)

(C4, C5)
6. หลงั จากทํากิจกรรมแลว ครนู ําอภิปรายผลการทํากจิ กรรม โดยใชค ําถาม

ดงั นี้
6.1 สิ่งของตาง ๆ ท่ีครูนํามา มีลักษณะเปนอยางไรบาง (นักเรียนตอบ

ตามการสังเกตของตนเอง เชน ฟองนํ้าเบาและน่ิม ไมบรรทัดเหล็ก
หนกั แบน และเปน แผน ยาว ชอ นพลาสติก เบาและมสี ีขาว)
6.2 เม่ือสังเกตสิ่งของตาง ๆ แลว นักเรียนมีคําถามอะไรบาง (นักเรียน
ต้ังคําถามตามความสงสัยของตนเอง เชน สิ่งของใดบางจะจมน้ํา
และสิ่งของใดบางจะลอยนา้ํ สงิ่ ของใดจะลอยน้าํ ไดน านทสี่ ุด)
6.3 เม่อื มคี าํ ถามเกดิ ขน้ึ นักเรยี นทําอยา งไรตอ (นําส่งิ ของมาทดสอบการ
จมน้ําและลอยนาํ้ )
6.4 จากกิจกรรมนี้ นักเรยี นคนพบวา ส่งิ ของใดบางทีจ่ มน้ําและสงิ่ ของใด
ที่ลอยนํ้า (ส่ิงของที่จมน้ํา ไดแก ยางลบ ชอนสเตนเลส ดินน้ํามัน
ไมบรรทัดเหล็ก และสิ่งของท่ีลอยนํ้า ไดแก ลูกบอลพลาสติก
ชอ นพลาสตกิ แผน โฟม ฟองน้าํ )
6.5 นกั เรียนลงความเห็นจากส่ิงที่คนพบเกี่ยวกับการจมนํ้าและการลอย
น้าํ ของสง่ิ ของตาง ๆ วาอยางไร (นักเรยี นตอบตามส่งิ ท่ีตนเองคนพบ
เชน ส่ิงของท่ีเบาจะลอยน้ําและสิ่งของที่หนักจะจมน้ํา สิ่งของที่มี
ลกั ษณะแบนจะลอยน้ํา สง่ิ ของท่มี ีลกั ษณะตันจะจมนํ้า)
6.6 ส่ิงท่ีนักเรียนคนพบเหมือนหรือแตกตา งจากเพ่ือนอยางไร (นักเรียน
ตอบตามผลทไี่ ดจ ากการเปรยี บเทียบสง่ิ ทีค่ นพบกับเพ่ือน)
6.7 หากนักเรียนอยากรูวาผลการสังเกตของตนเองแตกตางจากเพื่อน
หรือไม ตองทําอยางไร (เปรียบเทียบผลการสังเกตของตนเองกับ
เพ่ือน)
6.8 นักเรียนทําอะไรเพ่ือบอกสิ่งท่ีตนเองคนพบใหคนอ่ืนรู (เลาหรือ
นาํ เสนอใหเพ่ือนฟง )

คําตอบของนกั เรยี นอาจแตกตางจากน้ีได เชน นักเรียนบางคน
อาจจะปนดินน้ํามันเปนรูปเรือ ทําใหไดผลวาดินนํ้ามันลอยน้ําได หรือ

สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 17

คมู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยท่ี 1 การเรียนรสู ่ิงตาง ๆ รอบตัว

นักเรียนบางคนอาจวางชอนพลาสติกบนผิวนํ้าโดยวางใหปลายชอนดิ่ง การเตรียมตัวลว งหนาสาํ หรับครู
ลงนํ้า ทําใหไดผลวาชอนพลาสติกจมน้ํา ท้ังน้ีครูไมควรรีบสรุปคําตอบ เพือ่ จัดการเรียนรใู นครง้ั ถดั ไป

แตควรใหเวลานกั เรียนอภปิ รายถึงวธิ ีการในการหาคาํ ตอบของตนเอง ในครั้งถัดไป นักเรียนจะได
7. นักเรียนรวมกันอภิปรายและตอบคําถามในฉันรูอะไร โดยครูอาจเพ่ิม อานเรื่องท่ี 2 การสังเกตและการลง
ความเห็นจากขอมูล โดยครูอาจ
คําถามในการอภิปรายเพื่อใหไดแนวคําตอบท่ีถูกตอง และบันทึก เตรยี มทาํ บัตรคํา “การสังเกต” และ
“การลงความเห็นจากขอมูล” เพื่อ
คําตอบในแบบบันทกึ กจิ กรรมหนา 7-8 สอนวิธกี ารสะกดคํา

8. นักเรียนสรุปส่ิงที่ไดเรียนรูในกิจกรรมนี้ โดยเช่ือมโยงส่ิงที่ไดเรียนรูจาก
กิจกรรมเพ่ือสรุปวาการสืบเสาะเปนวิธีการในการหาคําตอบที่สงสัย

ทําไดโดยการต้ังคําถาม รวบรวมขอมูลจากการทํากิจกรรมหรือ

การสังเกต อธิบายสิ่งท่ีคนพบ เปรียบเทียบเช่ือมโยงสิ่งท่ีตนคนพบกับ
ผูอื่น และสื่อสารสิ่งท่ีคนพบใหผูอ่ืนเขาใจ จากนั้นครูใหนักเรียนอาน
สงิ่ ทไ่ี ดเ รยี นรู และเปรียบเทียบกบั ขอสรปุ ของตนเอง
9. นักเรียนตั้งคําถามในอยากรูอีกวา จากนั้นครูสุมนักเรียน 2-3 คน
นาํ เสนอคาํ ถามของตนเองหนาช้ันเรียนและใหน ักเรยี นชวยกันอภิปราย

แนวคําตอบ

10. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั อภิปรายทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตรและทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 อะไรบางและในข้ันตอน

ใดบา ง
11. นักเรียนรวมกันอานรูอะไรในเรื่องน้ี ในหนังสือเรียน หนา 7 โดยครู

นําอภิปรายเพื่อนําไปสูขอสรุปเกี่ยวกับส่ิงท่ีไดเรียนรูในเร่ืองน้ี จากนั้น

กระตุนใหนักเรียนตอบคําถามในชวงทายของเนื้อเร่ือง ดังนี้ “ยังมี

วิธีการอ่ืนอีกหรือไมท่ีจะส่ือสารส่ิงที่คนพบใหผูอื่นรับรูและเขาใจ” ครู
และนักเรียนรวมกันอภิปรายแนวทางการตอบคําถาม เชน การเขียน

การถายภาพ นักเรียนอาจมีคําตอบที่แตกตางจากน้ี ครูควรเนนให

นกั เรียนตอบคําถามพรอมอธบิ ายเหตุผลประกอบ

18 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยที่ 1 การเรียนรสู งิ่ ตาง ๆ รอบตัว

แนวคําตอบในแบบบันทกึ กิจกรรม

ลอย

นักเรยี นตอบตาม
ผลการอภปิ ราย

สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 19

คมู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยที่ 1 การเรยี นรูส ิง่ ตาง ๆ รอบตัว
นักเรียนตอบตาม
ผลการอภิปราย

ลอยนํา้

20 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูม อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยที่ 1 การเรียนรูสง่ิ ตา ง ๆ รอบตัว

สืบเสาะ
คําถามของนักเรียนท่ตี ั้งตามความอยากรขู องตนเอง

สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 21

คูมอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยท่ี 1 การเรยี นรสู งิ่ ตา ง ๆ รอบตัว

แนวการประเมินการเรียนรู

การประเมินการเรียนรูของนักเรยี นทาํ ได ดงั น้ี
1. ประเมนิ ความรูเ ดิมจากการอภิปรายในชน้ั เรยี น
2. ประเมนิ การเรยี นรจู ากคําตอบของนกั เรียนระหวางการจัดการเรยี นรแู ละจากแบบบนั ทึกกจิ กรรม
3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรและทักษะแหง ศตวรรษที่ 21 จากการทาํ กิจกรรมของนักเรยี น

การประเมนิ จากการทาํ กจิ กรรมที่ 1 จมหรอื ลอย

ระดบั คะแนน 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ
3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช

รหสั ส่งิ ที่ประเมนิ ระดบั
คะแนน
ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร
S1 การสงั เกต
S8 การลงความเหน็ จากขอ มลู
ทักษะแหงศตวรรษที่ 21
C4 การสอ่ื สาร
C5 ความรว มมือ

รวมคะแนน

22 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยที่ 1 การเรียนรสู ่งิ ตา ง ๆ รอบตัว

ตาราง แสดงการวิเคราะหท ักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรต ามระดับความสามารถของนกั เรยี น
โดยอาจใชเกณฑการประเมิน ดังนี้

ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน ระดับความสามารถ
ทางวิทยาศาสตร
ดี (3) พอใช (2) ควรปรับปรุง (1)

S1 การสังเกต ก า ร บ ร ร ย า ย ส า ม า ร ถ บ ร ร ย า ย ส า ม า ร ถ บ ร ร ย า ย ไมสามารถบรรยาย

ลักษณะส่ิงของ ร า ย ล ะ เ อี ย ด ลั ก ษ ณ ะ ร า ย ล ะ เ อี ย ด ลั ก ษ ณ ะ รายละเอียดลักษณะ

ตาง ๆ ท่ีนํามา ส่ิงของตาง ๆ จากการใช สิ่งของตาง ๆ จากการใช ส่ิงของตาง ๆ จาก

ทํากิจกรรมโดย ประสาทสัมผัสไดครบถวน ประสาทสัมผสั ไดครบถวน ก า ร ใ ช ป ร ะ ส า ท

บอกรายละเอียด โดยไมเพิ่มความคิดเห็น โดยไมเพิ่มความคิดเห็น สมั ผสั แมวาจะไดร ับ

ทส่ี ังเกตได ดวยตนเอง จากการชี้แนะของครูหรือ คําแนะนําจากครู

ผอู ่นื หรือผูอนื่

S8 การลงความเหน็ การลงความเห็น ส า ม า ร ถ ล ง ค ว า ม เ ห็ น ส า ม า ร ถ ล ง ค ว า ม เ ห็ น ไ ม ส า ม า ร ถ ล ง

จากขอมลู จ า ก ข อ มู ล ถึ ง จากขอมูลไดวาสิ่งของ จากขอมูลไดวาสิ่งของ ความเห็นจากขอมูล

ลกั ษณะของส่ิงของ ลักษณะใดจะจมน้ําและ ลักษณะใดจะจมนํ้าและ ไดวาสิ่งของลักษณะ

ท่ี จ ะ จ ม นํ้ า แ ล ะ ลอยน้ําอยางมีเหตุผลจาก ลอยน้ําอยางมีเหตุผลจาก ใดจะจมน้ําและลอย

ลอยนา้ํ ประสบการณเดิมไดดวย ประสบการณเดิมไดจาก น้ําอยางมีเหตุผลจาก

ตนเอง การชีแ้ นะของครูหรือผูอน่ื ประสบการณเดิมได

แ ม ว า จ ะ ไ ด รั บ

คําแนะนําจากครูหรือ

ผอู ่ืน

สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 23

คมู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยท่ี 1 การเรียนรสู ิง่ ตาง ๆ รอบตัว

ตาราง แสดงการวเิ คราะหทักษะแหงศตวรรษที่ 21 ตามระดับความสามารถของนกั เรยี น
โดยอาจใชเ กณฑการประเมนิ ดังน้ี

ทกั ษะแหง รายการประเมนิ ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรับปรงุ (1)
ศตวรรษท่ี 21 พอใช (2)

C4 การสอ่ื สาร การนําเสนอขอมูล สามารถนําเสนอขอมูลส่ิง สามารถนําเสนอขอมูลส่ิง ไมสามารถนําเสนอขอมูล

ส่ิงท่ีคนพบและผล ที่คนพบและผลจากการ ท่ีคนพบและผลจากการ สิ่งที่คนพบและผลจากการ

จากการอภิปราย อภิปรายเปรียบ เ ที ย บ อภิปรายเปรียบเทียบ อ ภิ ป ร า ย เ ป รี ย บ เ ที ย บ

เปรียบเทียบคําตอบ คําตอบกับเพ่ือน ไดอยาง คําตอบกับเพ่ือน ไดอยาง คําตอบกับเพ่ือนได แมวา

กบั เพื่อน ถกู ตอง ครบถวน ถูกตอ ง แตไ มค รบถวน จะไดรับการกระตุนจากครู

หรอื ผูอ่ืน

C5 คว ามร ว ม ก า ร มี ส ว น ร ว ม มี ส ว น ร ว ม กั บ ผู อ่ื น ใ น มีสวนรวมกับผูอ่ืนในการ ไมมีสวนรวมในการทํา

มอื ในการทํากิจกรรม การทํากิจกรรม และการ ทํากิจกรรม และการ กิจกรรมและการอภิปราย

แ ล ะ ก า ร ร ว ม กั น อ ภิ ป ร า ย เ ก่ี ย ว กั บ อภิปรายเกี่ยวกับการ เก่ียวกับการจมน้ําการลอย

อภิปรายเกี่ยวกับ ก า ร จ ม น้ํ า ก า ร ล อยน้ํา จมน้ําการลอยนํ้าของ น้ําของส่ิงของตาง ๆ แมวา

การจมนํ้าและการ ของสิ่งของตาง ๆ อยาง สิ่ ง ข อ ง ต า ง ๆ เ ป น จะไดรับการกระตุนจากครู

ลอยน้ําของส่ิงของ ตอเน่ืองต้ังแตเร่ิมตนจน บางขณะ หรือผูอื่น

ตา ง ๆ สําเรจ็ ลลุ ว ง

24 สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมอื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยท่ี 1 การเรยี นรูสิ่งตา ง ๆ รอบตัว

เรอ่ื งที่ 2 การสังเกตและการลงความเหน็ จากขอมลู

ในเรื่องน้ีนักเรียนจะไดเรียนรูเกี่ยวกับการใชประสาท
สัมผัสในการสังเกตสิง่ ตา ง ๆ รอบตัวและการใชป ระสบการณ
ในการลงความเหน็ จากขอมูล

จดุ ประสงคการเรยี นรู

อภิปรายความหมายของการสังเกตและการลง
ความเห็นจากขอ มลู

เวลา 5 ชว่ั โมง

วัสดุ อปุ กรณส ําหรับทํากจิ กรรม สื่อการเรยี นรแู ละแหลงเรียนรู

แผนไม ถุงกระดาษ ไมเสียบ ขาวโพดคั่วหรือของที่ 1. หนังสือเรยี น ป.1 เลม 1 หนา 8-12
สามารถกนิ ไดแ ละมกี ลนิ่ เพ่ือใสในถุงปริศนา 2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม ป.1 เลม 1 หนา 9-16

สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 25

คูม ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยท่ี 1 การเรยี นรูส่ิงตาง ๆ รอบตัว

แนวการจดั การเรียนรู (120 นาที)

ขนั้ ตรวจสอบความรู (20 นาท)ี

1. ครูติดบัตรคาํ ซ่ึงมขี อ ความวา การสังเกต และ การลงความเหน็ จากขอมูล ในการตรวจสอบความรูเดิม
บนกระดาน จากน้นั ใหน ักเรยี นอานตามครูทีละคํา ครูเพียงรับฟง เหตผุ ลของนกั เรียน
และยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ แต
2. ครตู รวจสอบความรูเดมิ ของนกั เรียนโดยนาํ การอภปิ ราย ดงั น้ี ชักชวนใหนักเรียนไปหาคําตอบ
2.1 ถาครูบอกใหนักเรียนสังเกตส่ิงของบางอยางเพ่ือบอกวาสิ่งของน้ันมี ดว ยตนเองจากการอานเน้ือเรอ่ื ง

ลักษณะอยางไร นักเรียนจะมีวิธีสังเกตอยางไรบาง (นักเรียนตอบได
ตามความเขาใจของตนเอง)
2.2 นักเรียนจะลงความเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่สังเกตนั้นไดวาอยางไรบาง
(นกั เรียนตอบไดต ามความเขาใจของตนเอง)
ครูบันทึกคําตอบของนักเรียนบนกระดาน ครูอาจแสดงสิ่งของ
บางอยา งประกอบการอภปิ รายเพื่อชว ยใหนักเรียนเขาใจคําถามไดด ีขึ้น

ขน้ั ฝก ทกั ษะจากการอาน (60 นาที)

3. นักเรียนอานชื่อเร่ือง และคําถามคิดกอนอาน จากหนังสือเรียนหนา 8

แลว ตอบคําถามตามความเขาใจของตนเอง ครบู ันทึกคาํ ตอบบนกระดาน

เพอื่ ใชเปรียบเทยี บกบั คําตอบของนกั เรียนภายหลังจากการทํากจิ กรรม

4. นกั เรียนอา นคําในคาํ สําคัญ ท้ังภาษาไทยและภาษาองั กฤษ หากนกั เรียน

ยังอานคําไมได ครูควรสอนการอานคําใหถูกตองและใหนักเรียนอธิบาย

ความหมายของคําตามความเขาใจของตนเอง ครูชักชวนใหหา

ความหมายของคําตา ง ๆ จากการอา นเน้ือเรื่อง ครอู าจเขยี นคําศัพทและ

คาํ อา นบนกระดานดงั นี้

การสังเกต อานวา กาน-สงั -เกด

การลงความเหน็ จากขอ มูล อา นวา กาน-ลง-ความ-เหน็ -จาก-ขอ -มนู

5. นักเรียนอานเน้ือเรื่องดวยวิธีการอานท่ีเหมาะสมกับความสามารถของ

นักเรียนทีละยอหนา จากนั้นรวมกันอภิปรายใจความสําคัญตามแนว

คําถาม ดงั น้ี

แนวคําถามในยอ หนา ที่ 1 และ 2

5.1 การสงั เกตไอศกรมี มีวิธสี งั เกตอยา งไรบาง (ใชป ระสาทสมั ผัสตา ง ๆ

ทง้ั การดู การดม การชมิ รส การฟง และการสมั ผสั )

26 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูม ือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยที่ 1 การเรียนรูส่งิ ตาง ๆ รอบตัว

5.2 จากการสังเกต ไอศกรีมมีลักษณะอยางไร (เปนกอนกลม ๆ สีเขียว
อยูในถวย มีกลิ่น เม่ือกินรูสึกเย็น มีรสเปรี้ยวปนหวาน และมีเสียง
ดังเมื่อกัดถวยแตก)

แนวคาํ ถามในยอหนา ท่ี 3
5.3 จากขอมูล ไอศกรีมรสน้ีมีกลิ่น เปนการใชประสาทสัมผัสใดในการ

สังเกต (การดม)
5.4 จากขอมูล เม่ือฉันเริ่มกินไอศกรีมก็รูสึกเย็นทั่วปากเปนการใช

ประสาทสัมผสั ใดในการสงั เกต (การสัมผัส)
5.5 จากขอมูล รสชาติของไอศกรีมเปร้ียวปนหวาน เปนการใชประสาท

สมั ผสั ใดบางในการสังเกต (การชิม)
5.6 จากขอมูล เม่ือฉันกัดถวยไอศกรีมก็ไดยินเสียงถวยแตกดังกรอบ

เปน การใชประสาทสัมผสั ใดในการสงั เกต (การฟง)
แนวคําถามในยอ หนา ท่ี 4
5.7 จากเรอ่ื งทีอ่ าน ขอ ความใดเปน การลงความเหน็ จากขอ มูล (ไอศกรีม

มีกลิ่นหอม มีรสชาติอรอ ย)
5.8 นักเรียนคิดวา จะตองใชส่ิงใดในการลงความเห็นจากขอมูลท่ี

ไดจากการสังเกตไอศกรีม วาไอศกรีมมีกลิ่นหอม มีรสชาติอรอย
(ความคิดเห็น ความรูหรือส่ิงท่ีเคยรูมากอน เชน เคยชิมไอศกรีม
มากอน)

ข้ันสรปุ จากการอาน (40 นาที)

6. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายจากเรื่องในบทเรียนจนไดขอสรุป
เกี่ยวกับความหมายของการสังเกตวาการสังเกตเปนการใชประสาท
สัมผัสในการดู การดมกลิ่น การชิมรส การฟงเสียง และการสัมผัส
ทําใหไดขอมูลเกี่ยวกับลักษณะตาง ๆ ของสิ่งที่สังเกต สวนการลง
ความเห็นจากขอมูลเปนการใชความคิดเห็นของเรา หรือสิ่งที่เราเคยรู
มากอนมาอธิบายขอมูลที่สังเกตได

7. นักเรียนตอบคําถามรูหรือยัง ในแบบบันทึกกิจกรรมหนา 9
8. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคําตอบของนักเรียน

ในรูหรือยัง กับคําตอบที่เคยตอบและบันทึกไวในคิดกอนอาน จากนั้น
ฝกเขียนคําวา การสังเกต และการลงความเห็นจากขอมูล ในแบบ
บันทึกกิจกรรมหนา 10

สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 27

คูม อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยท่ี 1 การเรียนรสู ่ิงตา ง ๆ รอบตัว

9. ครูเนนย้ํากับนักเรียนเกี่ยวกับคําถามทายเรื่องที่ถามวาการสังเกตและ การเตรยี มตวั ลวงหนา สาํ หรบั ครู
การลงความเห็นจากขอมูลเปนอยางไร และแตกตางกันอยางไร และ เพอ่ื จัดการเรียนรูใ นครงั้ ถดั ไป
อาจถามนักเรียนเพิ่มเติมวาการสังเกตและการลงความเห็นจากขอมูล
มีประโยชนตอการเรียนรูวิทยาศาสตรอยางไรบาง ครูบันทึกคําตอบ ในครั้งถัดไป นักเรียนจะไดทํา
ของนักเรียนบนกระดานโดยยังไมเฉลยคําตอบแตชักชวนใหนักเรียนไป กิจกรรมท่ี 2 การสังเกตและการลง
หาคําตอบจากการทํากิจกรรมตอไป คว ามเห็นจากขอมูล ทําไดอยางไร
โดยการเลนเกมจับผิดรูปและสังเกตส่ิงท่ี
อยูในถุงปริศนา ดังนั้นครูควรเตรียมถุง
ปริศนาไวลวงหนา โดยอาจเตรียมกลุมละ
1 ถุง และเตรียมขาวโพดคั่วหรือเตรียม
ของท่ีสามารถกินได และมีกลิ่น 1 ชนิด
ใสล งในถงุ ปรศิ นา

28 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยที่ 1 การเรยี นรูส่งิ ตาง ๆ รอบตัว

แนวคําตอบในแบบบนั ทึกกจิ กรรม

ดู ดม ฟง

หอม
อรอย

สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 29

คมู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยท่ี 1 การเรียนรสู ง่ิ ตา ง ๆ รอบตัว

การสังเกต
การสงั เกต
การลงความเหน็ จากขอมูล
การลงความเห็นจากขอมูล

30 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยที่ 1 การเรียนรสู ่ิงตา ง ๆ รอบตัว

กจิ กรรมท่ี 2 การสังเกตและการลงความเหน็ จากขอ มลู ทําไดอยา งไร

กิจกรรมนี้นักเรียนจะไดเลนเกมเพ่ืออธิบายวาการสังเกต
คือการใชประสาทสัมผัสเก็บขอมูลเกี่ยวกับลักษณะของสิ่งตาง ๆ
ส ว น ก า ร ล ง ค ว า ม เ ห็ น จ า ก ข อ มู ล คื อ ก า ร ใ ช ค ว า ม เ ห็ น ห รื อ
ประสบการณมาอธิบายเกย่ี วกับขอ มลู นัน้ ๆ

เวลา 3 ชว่ั โมง

จดุ ประสงคก ารเรยี นรู

เลนเกมเพ่ืออธิบายความแตกตางระหวา งการสงั เกตและการ
ลงความเหน็ จากขอมลู

วัสดุ อุปกรณสําหรบั ทํากจิ กรรม

สง่ิ ทีค่ รตู อ งเตรยี ม/กลมุ

1. ถุงกระดาษ ขนาดประมาณ 12 x 13 นิ้ว 1 ใบ

2. ไมเ สยี บ เทาจํานวนนักเรยี นในกลุม

3. ขาวโพดคัว่ หรอื ของท่ีสามารถกนิ ไดแ ละมีกลิ่น

เพ่ือใสใ นถงุ ปริศนาประมาณ 1/3 ของถุง 1 ถงุ

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร ส่อื การเรียนรูและแหลง เรียนรู

S1 การสงั เกต 1. หนังสือเรยี น ป.1 เลม 1 หนา 10-12
S8 การลงความเหน็ จากขอมูล
2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม ป.1 เลม 1 หนา 12-16
ทักษะแหง ศตวรรษที่ 21

C4 การสื่อสาร
C5 ความรวมมือ

สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 31

คมู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยท่ี 1 การเรียนรูส ง่ิ ตาง ๆ รอบตัว

แนวการจัดการเรียนรู ในการทบทวนความรูพื้นฐาน
ครูควรใหเวลานักเรียนคิดอยาง
1. ครูนําเขา สูบทเรียน ดวยการทบทวนความรูพื้นฐานท่ีไดจากการศกึ ษาและทํา เหมาะสม รอคอยอยางอดทน
กิจกรรมในครั้งท่ีผานมาเรื่องการสังเกตและการลงความเห็นจากขอมูล นักเรียนตองตอบคําถามเหลาน้ีได
รวมถงึ อภิปรายเพ่ิมเตมิ เกี่ยวกับการใชป ระสาทสัมผัส โดยใชคาํ ถาม ดงั นี้ ถูกตอง หากตอบไมไดหรือลืมครู
1.1 การสังเกตคืออะไร (การสังเกตคือการใชประสาทสัมผัสในการบอก ตอ งใหความรทู ถี่ กู ตอ งทนั ที
ลกั ษณะของส่งิ ของ)
1.2 ประสาทสัมผัสที่ใชในการสังเกตมีอะไรบาง (การดมกลิ่น การฟงเสียง
การชมิ รส การมองดู และการสัมผัส)
1.3 ขอ มูลทีเ่ ราไดจ ากการดมกลิน่ คอื อะไร (มกี ลิน่ หรอื ไมมกี ล่ิน)
1.4 ขอมลู ที่เราไดจากการฟงเสยี ง คอื อะไร (มีเสยี ง/ไมมีเสยี ง)
1.5 ขอมูลท่ีเราไดจากการชิมรส คืออะไร (มีรสชาติ เชน เปร้ียว หวาน เค็ม
ขม และไมม ีรสชาต)ิ
1.6 ขอมลู ทีเ่ ราไดจากการมองดู คืออะไร (รปู ราง สี ขนาด จาํ นวน)
1.7 ขอมูลที่เราไดจากการสัมผัส คืออะไร ถานักเรียนไมเขาใจคําถาม
ครอู าจปรบั คําถามใหม เชน ถาเอามือไปจับ ลูบหรือกดสิ่งของ ทําใหเรา
รลู ักษณะของสิง่ ของอยางไรบาง (แขง็ น่มิ ล่ืน หยาบ ละเอยี ด)
1.8 การสังเกตเกี่ยวของกับการเรียนรูวิทยาศาสตรอยางไร (การสังเกตชวย
ใหเรารูลักษณะของสง่ิ ตา ง ๆ ได)

2. นักเรยี นอานชื่อกจิ กรรม และทําเปน คิดเปน ในหนังสือเรยี นหนา 10 จากนนั้

ครูตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องที่จะเรียน โดยอาจใช

คาํ ถาม ดังนี้

2.1 กจิ กรรมนี้นักเรยี นจะไดเรียนรูเกี่ยวกบั เรื่องอะไร (การสงั เกตและการลง
ความเหน็ จากขอ มูล)

2.2 นักเรยี นจะไดเ รยี นเร่ืองนี้ดวยวธิ ใี ด (การเลน เกม)
2.3 เม่ือเรียนแลวนักเรียนจะทําอะไรได (อธิบายความแตกตางระหวางการ

สงั เกตและการลงความเหน็ จากขอมลู )
3. นักเรียนอานส่ิงท่ีตองใช วากิจกรรมน้ีตองใชวัสดุอุปกรณอะไรบาง

ใหนักเรียนบอกชอื่ วัสดุอุปกรณแ ละวธิ ีใชอุปกรณ เน่อื งจากกิจกรรมน้ีมกี ารใช
ไมเสียบเจาะถุงปริศนาเพ่ือสังเกตส่ิงของในถุง ครูควรระวังไมใหนักเรียนนํา
ไมเสียบมาเลนกนั ระหวางการทํากิจกรรมเพราะอาจเกดิ อันตรายได

32 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมือครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยท่ี 1 การเรยี นรสู ่งิ ตาง ๆ รอบตัว

4. นักเรียนอานทําอยางไร ในหนังสือเรียนหนา 10 โดยครูอาจใชวิธีการอานท่ี
เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบความเขาใจ
ขนั้ ตอนการทาํ กจิ กรรมทลี ะขัน้ โดยอาจนาํ อภปิ รายตามแนวคาํ ถาม ดงั นี้
4.1 นักเรียนเคยเลนเกมจับผิดรูปหรือไม (นักเรียนตอบไดตามประสบการณ
ของตนเอง)
4.2 สิ่งทีน่ กั เรียนตองทําในการเลนเกมจับผดิ รูป คอื อะไร (รว มกันสังเกตและ
เปรียบเทียบรูปทั้งสองรูป จากน้ันหาวารูปท้ังสองมีจุดท่ีแตกตางกันท่ี
ใดบา ง)
4.3 เมื่อนักเรียนพบจุดที่แตกตางกันของรูปท้ังสองแลว นักเรียนตองทํา
อยางไร (ใหวงกลมลอมรอบสง่ิ ท่รี ปู ท้ังสองแตกตางกนั ลงบนรปู ท่ี 2)
4.4 นักเรียนเขาใจความหมายของคําวาปริศนาหรือไม เขาใจวาอยางไร
(นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง จากนั้นครูอธิบายความหมาย
คําวา ปรศิ นา หมายถงึ สิ่งทป่ี กปดไวเ พื่อใหทาทาย)
4.5 ขณะนักเรียนสังเกตถุงปริศนา นักเรียนจะไดทํากิจกรรมตามลําดับ
อยางไรบาง (1. เขยาถุงปริศนาและฟงเสียง 2. เจาะรูบนถุงปริศนาแลว
ดมกล่ิน 3. หลับตาแลวสัมผัสสิ่งที่อยูในถุงปริศนา 4. หลับตาแลวชิมรส
สงิ่ ทอี่ ยูใ นถุงปริศนา 5.เปดตาแลวมองดูสง่ิ ทีอ่ ยูใ นถงุ ปริศนา)
ในการอภิปรายเก่ียวกับวิธีการทํากิจกรรมแตละข้ันตอน ครูอาจสาธิต

และใหนักเรียนทําตาม เชน เขยาถุงปริศนา ครูอาจใหนักเรียนทําทาทางเพื่อให

เขาใจความหมายของคําวา เขยา ตรงกัน และครูควรชี้แจงใหนักเรียนเขาใจ

ตรงกันวาเม่ือนักเรียนเจาะรูบนถุงปริศนาแลวใหสังเกตโดยการดมกลิ่นเทาน้ัน

หา มใชตาดสู ่งิ ทอ่ี ยูในถุงเดด็ ขาด

4.6 ระหวางการสังเกตแตละข้ันตอน นักเรียนตองทําอะไรบาง (บันทึกสิ่งที่
สังเกตได และบันทึกการลงความเห็นในทุกข้ันตอนของการสังเกตวา
สงิ่ ที่อยูในถุงมลี ักษณะอยางไรและลงความเห็นวาสงิ่ น้ันคืออะไร)
ครูควรย้ําเตือนใหนักเรียนบันทึกลักษณะของส่ิงที่สังเกตไดตามจริง โดย
ไมเพ่ิมความเห็นสวนตัวลงไป นักเรียนสามารถใชประสบการณของ
ตนเองในการบนั ทึกเพือ่ สรุปวา ส่งิ ทอ่ี ยูใ นถงุ นน้ั คอื อะไร

4.7 หลังจากลงความเห็นจากขอมูลเสร็จแลว นักเรียนตองทําอยางไรตอไป
(นําเสนอผลการลงความเห็นจากขอมูล)

สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 33

คูมอื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยท่ี 1 การเรยี นรูส ง่ิ ตาง ๆ รอบตัว

5. เมื่อนักเรียนเขาใจวิธีทํากิจกรรมในทําอยางไรแลว ใหนักเรียนปฏิบัติตาม ขอ เสนอแนะเพิ่มเตมิ
ข้นั ตอน ดังนี้
5.1 เลนเกมจับผิดรูป โดยรวมกันสังเกตรูปแตละรูปเพื่อเปรียบเทียบส่ิงท่ี ครูอาจใชคําถามในระหวางท่ีให
เหมือนและแตกตางของรูปทั้งสอง บันทึกผลการทํากิจกรรมในแบบ นั ก เ รี ย น ทํ า กิ จ ก ร ร ม ก า ร สั ง เ ก ต ถุ ง
บันทึกกจิ กรรมหนา 12 (S1) (C5) ปริศนาในแตละขั้นตอน เชน เมื่อให
5.2 นกั เรยี นแตละกลุมรบั ถงุ ปริศนาซ่ึงภายในบรรจขุ าวโพดค่ัวไว ใหนกั เรียน นักเรียนเขยาถุงและฟงเสียง ครูอาจ
ใชประสาทสัมผัสสังเกตสิ่งที่อยูในถุงตามลําดับข้ันตอน และนักเรียน ถ า ม ว า ใ ช ป ร ะ ส า ท สั ม ผั ส ใ ด ใ น ก า ร
บนั ทึกผลลงในแบบบนั ทกึ กจิ กรรมหนา 13 (S1) สังเกต และใชสวนใดของรางกายใน
5.3 นักเรียนใชประสบการณของตนเองลงความเห็นวาสิ่งท่ีอยูในถุงคืออะไร การสงั เกต
(S8)
5.4 นําเสนอผลการลงความเห็นจากขอมลู (C4)

6. หลังจากทํากิจกรรมแลว ครูนําอภิปรายผลการทํากิจกรรม โดยใชคําถาม
ดงั นี้
6.1 นักเรียนทําอยางไรจึงสามารถจับผิดรูปได (ใชการสังเกตและ
เปรียบเทียบความแตกตาง)
6.2 ในการเลนเกมจับผิดรูป นักเรียนใชประสาทสัมผัสใดเพื่อการสังเกต
(การด)ู
6.3 การสังเกตชวยใหเราจับผิดรูปไดอยางไร (การสังเกตลักษณะและ
รายละเอียดของรูปแตละรูป แลวนํามาเปรียบเทียบกัน ทําใหสามารถ
เหน็ ขอ แตกตา งได)
6.4 เมื่อนักเรียนเขยาถุงปริศนาและฟงเสียง นักเรียนใชประสาทสมั ผัสใดใน
การสังเกต (การฟง เสยี ง)
6.5 สวนของรา งกายที่ใชฟง เสยี งคืออะไร (ห)ู
6.6 ไดข อ มูลอะไรจากการฟงเสียง (มเี สียงหรือไมมีเสยี ง)
6.7 เม่ือนักเรียนเจาะถุงปริศนาแลวดมกล่ินสิ่งของที่อยูในถุงปริศนา
โดยหา มใชต าดู นักเรียนใชประสาทสัมผัสใดในการสังเกต (การดมกลน่ิ )
6.8 สว นของรางกายที่ใชด มกลนิ่ คืออะไร (จมูก)
6.9 ไดขอ มูลอะไรจากการดมกล่ิน (มกี ลิ่นหรือไมม ีกล่ิน)
6.10 เม่ือนักเรียนหลับตาแลวใชมือสัมผัสสิ่งที่อยูในถุงปริศนา นักเรียนใช
ประสาทสัมผัสใดในการสังเกต (การสัมผสั )
6.11 สวนของรางกายทีใ่ ชสมั ผัสคืออะไร (มอื )
6.12 ไดข อ มลู อะไรจากการสมั ผัส (แข็ง)

34 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูม อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยที่ 1 การเรยี นรสู ิง่ ตาง ๆ รอบตัว

6.13 เม่ือนักเรยี นหลับตาแลว ใชมือหยิบส่งิ ท่ีอยใู นถุงปริศนามาคนละ 1 ชน้ิ
เพ่ือชิมรส นักเรียนใชป ระสาทสมั ผสั ใดในการสังเกต (การชิมรส)

6.14 สว นของรา งกายทใี่ ชชิมรสคอื อะไร (ล้ิน)
6.15 ไดข อ มูลอะไรจากการชมิ รส (มรี สหรือไมม ีรส)
6.16 เม่ือนักเรียนมองดูสง่ิ ท่ีอยใู นถุงปรศิ นา นักเรียนใชป ระสาทสัมผสั ใดใน

การสงั เกต (การมองดู)
6.17 สว นของรา งกายที่ใชม องดคู อื อะไร (ตา)
6.18 ไดขอมลู อะไรจากการสังเกต (มรี ปู รา งกลม สีขาวอมเหลือง)
6.19 กิจกรรมถงุ ปริศนา เราใชประสาทสัมผัสอะไรบางในการสังเกตส่ิงท่ีอยู

ในถงุ ปริศนา (การฟงเสียง การดมกลิ่น การสมั ผัส การชิมรส และการ
มองด)ู
6.20 การสังเกตในกิจกรรมถุงปริศนาเหมือนหรือแตกตางจากกิจกรรม
จับผิดรูปอยางไร (แตกตางกัน กิจกรรมสังเกตรูปใชประสาทสัมผัส
เพียงอยา งเดยี วคือการมองดู สว นกิจกรรมถุงปริศนาใชประสาทสัมผัส
หลายอยาง)
ครูใหความรูเพ่ิมเติมวา บางครั้งเราสังเกตโดยใชประสาทสัมผัสเพียง

อยางเดียวก็สามารถอธิบายสิ่งตาง ๆ ได แตบางครั้งเราจําเปนตองใชประสาท

สมั ผสั มากกวา 1 อยางในการสังเกตเพื่ออธบิ ายสง่ิ ตาง ๆ จากนั้นครถู ามตอ ไปวา

6.21 การสังเกตโดยใชป ระสาทสัมผสั ในกิจกรรมนี้ เราทําอยา งไรจงึ สามารถ
ระบุไดวาสิ่งที่อยูในถุงคืออะไร (ใชขอมูลที่ไดจากการสังเกตมา
เทียบเคียงกับสิ่งที่เคยกระทําหรือมีความรูมากอน เชน เคยเห็น
เคยไดก ล่นิ เคยกนิ ขาวโพดควั่ มากอน)
ครูควรอธิบายเพิม่ เติมวาสง่ิ ทีเ่ คยกระทําหรือมีความรูมากอ น หรอื สิ่งที่
เราไดรับรูมากอน เกิดจากการกระทําหรือท่ีไดพบเห็นมา เรียกวา
ประสบการณ ดังนั้น การใชประสบการณในการอธิบายส่ิงท่ีคนพบ
หรือสงิ่ ทส่ี ังเกตได จึงเปน การลงความเห็นจากขอมูล

6.22 การใชความรูหรือประสบการณที่เคยมีมากอนมาอธิบายสิ่งที่คนพบ
หรอื สิง่ ท่ีสงั เกตได เรยี กวาอะไร (การลงความเห็นจากขอมูล)

6.23 นักเรียนคดิ วาการลงความเห็นมีประโยชนอยางไร (ประสบการณที่เรา
เคยกินขาวโพดคั่วมากอน ทําใหเราสามารถอธิบายหรือบอกไดอยาง
แมน ยําวาสงิ่ ทีอ่ ยใู นถงุ คือขา วโพดคัว่ )

สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 35

คูมอื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยที่ 1 การเรยี นรสู ง่ิ ตาง ๆ รอบตัว

7. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเช่ือมโยงส่ิงท่ีไดเรียนรูจากกิจกรรม

เพ่ือลงความเห็นวาการสังเกตและการลงความเห็นจากขอมูลเปน

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรท่ีเราใชในการเรยี นรเู กีย่ วกับส่ิง

ตาง ๆ รอบตวั โดยการสังเกตนน้ั เราไดใชส วนตางๆ ของรางกายใน

การสงั เกต ไดแ ก

จมูก ใชใ นการดมกล่นิ

ตา ใชใ นการมองดู

หู ใชใ นการฟง เสยี ง

ล้นิ ใชในการชมิ รส

มือ ผิวกาย ผวิ หนงั ใชในการสมั ผัส

ครูใหความรูเพ่ิมเติมกับนักเรียนวากล่ินหอมหรือเหม็นเปน

การลงความเห็นจากขอมูลที่ไดจากการดมกล่ิน เชน ทุเรียนเปน

ผลไมที่มีกลิน่ แตบ างคนจะลงความเหน็ จากขอ มูลวา หอมแตบ างคน

จะบอกวาเหม็น ทั้งน้ีข้ึนอยูกับความชอบของแตละคน การบอก

กล่ินทุเรียนวาหอมหรือเหม็นจึงไมถือเปนการสังเกต แตเปนการลง

ความเห็นจากขอมูล การฟงเสียงและการชิมรสก็เชนเดียวกันบาง

คนตอบวา ไพเราะ (เพราะ) แตบ างคนบอกวาไมไพเราะ (ไมเ พราะ)

บางคนบอกวา อรอย แตบางคนบอกวาไมอรอย ดังนนั้ ความไพเราะ

หรือไมไพเราะ ความอรอยหรือไมอรอย จึงไมใชส่ิงที่ไดจากการ

สังเกต แตเปน การลงความเหน็ จากขอ มูล

8. นกั เรียนรว มกนั อภิปรายคําตอบในฉนั รูอะไร โดยครูอาจเพม่ิ คาํ ถาม

ในการอภปิ รายเพื่อใหไดแนวคําตอบทถี่ ูกตอง

9. นักเรียนสรุปสิ่งที่ไดเรียนรูในกิจกรรมน้ี จากนั้นนักเรียนอาน

ส่งิ ที่ไดเ รยี นรู และเปรยี บเทยี บกบั ขอสรปุ ของตนเอง

10. นักเรียนตั้งคําถามในอยากรูอีกวา จากน้ันครูสุมนักเรียน 2-3 คน

นําเสนอคําถามของตนเองหนาชั้นเรียนและใหนักเรียนชวยกัน

อภิปรายแนวคําตอบ

11. ครูนําอภิปรายใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการทาง

วิทยาศาสตรและทกั ษะแหง ศตวรรษท่ี 21 ในขน้ั ตอนใดบา ง

36 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยท่ี 1 การเรียนรสู ่งิ ตาง ๆ รอบตัว

12. นักเรียนอานรูอะไรในเรื่องน้ี ในหนังสือเรียน หนา 12 โดยครูและ การเตรยี มตัวลว งหนาสาํ หรบั ครู
นักเรียนรว มกันอภิปรายเพ่ือนําไปสูขอสรุปเกี่ยวกบั ส่ิงที่ไดเรยี นรูใน เพอ่ื จัดการเรยี นรูใ นครง้ั ถดั ไป
เรื่องนี้ จากน้ันครูกระตุนใหนักเรียนตอบคําถามในชวงทายของเนือ้
เรื่อง ดังน้ี “นอกจากการสังเกตและการลงความเห็นจากขอ มูลแลว ในครั้งถัดไป นักเรียนจะไดศึกษาเร่ือง
ยังมีทักษะอื่นอีกหรือไมท่ีนักวิทยาศาสตรใชในการหาความรู” ท่ี 3 การจาํ แนกประเภท โดยครอู าจเตรียม
ครูใหนักเรียนลองตอบคําถามตามที่ตนเองคิด เชน การจําแนก ส่ิงของตาง ๆ เชน ของเลนของใช เสื้อผา
ประเภท การสรา งแบบจาํ ลอง ทั้งน้นี ักเรยี นอาจมีคาํ ตอบทแ่ี ตกตาง มาใหนกั เรียนจาํ แนกประเภท ท้ังนเี้ พ่อื ชว ย
จากน้ี ครูยังไมตองเฉลยคําตอบแตบอกนักเรียนวายังมีทักษะ ใหนักเรยี นเขาใจเรือ่ งที่อานไดดยี ง่ิ ขน้ึ
อยางอ่ืนอีกที่นักวิทยาศาสตรใชในการหาความรู เราจะไดเรียนรูใน
เร่อื งตอ ๆ ไป นอกจากนี้ครูอาจเตรียมทําบัตรคํา
“การจําแนกประเภท” เพ่ือสอนวิธีสะกด
คําดว ย

สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 37

คมู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยท่ี 1 การเรยี นรูส่งิ ตา ง ๆ รอบตัว

แนวคําตอบในแบบบันทึกกจิ กรรม

38 สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยที่ 1 การเรยี นรสู ่ิงตาง ๆ รอบตัว

    ขาวอมเหลือง
มีเสียงดัง  มรี สหวาน กลม
มกี ลิน่
เหมือนขนม แขง็ กดแลว แตก

ผวิ ไมเรยี บ

ตอบตาม ตอบตาม ตอบตาม ตอบตาม ตอบตาม
ความคดิ ของ ความคิดของ ความคดิ ของ ความคดิ ของ ความคดิ ของ
นกั เรียน นกั เรียน นกั เรยี น นักเรยี น นักเรยี น

ขา วโพดคว่ั

สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 39

คมู อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยท่ี 1 การเรียนรูส ิง่ ตา ง ๆ รอบตัว

 



40 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยที่ 1 การเรียนรสู ่งิ ตา ง ๆ รอบตัว


ประสบการณต างกัน

การมองดู

ประสบการณ

การสงั เกต

การลงความเห็น

สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 41

คมู ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยที่ 1 การเรียนรสู งิ่ ตาง ๆ รอบตัว
คําถามของนกั เรียนทีต่ ั้งตามความอยากรขู องตนเอง

42 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูม ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยท่ี 1 การเรียนรสู ง่ิ ตาง ๆ รอบตัว

แนวการประเมินการเรียนรู

การประเมินการเรียนรขู องนกั เรยี นทาํ ได ดังนี้
1. ประเมนิ ความรูเดิมจากการอภิปรายในช้นั เรียน
2. ประเมินการเรยี นรูจากคาํ ตอบของนักเรียนระหวางการจัดการเรยี นรูและจากแบบบันทึกกจิ กรรม
3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ ละทักษะแหง ศตวรรษท่ี 21 จากการทํากิจกรรมของนกั เรียน

การประเมินจากการทาํ กจิ กรรมท่ี 2
การสงั เกตและการลงความเหน็ จากขอมูลทาํ ไดอยา งไร

ระดบั คะแนน 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ
3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช

รหสั ส่งิ ทปี่ ระเมิน ระดับคะแนน

ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร
S1 การสังเกต
S8 การลงความเห็นจากขอมลู
ทกั ษะแหงศตวรรษท่ี 21
C4 การสอ่ื สาร
C5 ความรวมมือ

รวมคะแนน

สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 43

คูมือครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยท่ี 1 การเรยี นรูส ิง่ ตา ง ๆ รอบตัว

ตาราง แสดงการวเิ คราะหท ักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรตามระดับความสามารถของนักเรยี น
โดยอาจใชเ กณฑการประเมนิ ดงั น้ี

ทักษะ ระดบั ความสามารถ
กระบวนการทาง รายการประเมนิ
วทิ ยาศาสตร ดี (3) พอใช (2) ควรปรบั ปรงุ (1)

S1 การสงั เกต การบรรยายรายละเอียด สามารถบรรยายรายละเอียด สามารถบรรยาย ไมสามารถบรรยาย

ทสี่ งั เกตได ประกอบดว ย ของส่ิงท่ีสังเกตดวยการใช รายละเอียดของสิ่ง รายละเอียดของสิ่งท่ี

- ตําแหนงของสวนท่ีไม ประสาทสัมผัส โดยไมเพ่ิม ท่ีสังเกตดวยการ สงั เกตได แมว าจะไดรับ

เหมือนกันในรูป ความคิดเห็นไดดว ยตนเอง ใชประสาทสัมผัส คําแนะนําจากครูหรือ

- ลักษณะของสิ่งท่ีอยูใน จากการช้ีแนะของ ผูอ่ืน

ถงุ ปรศิ นา ครูหรือผอู น่ื

S8 การลงความ การลงความเห็นเก่ียวกับ สามารถลงความเห็นจาก ส า ม า ร ถ ล ง ไมสามารถสามารถลง
เห็นจากขอมลู
สิ่งท่ีอยูในถุงปรศิ นา ขอมูลเก่ียวกับส่ิงที่อยูในถุง ค ว า ม เ ห็ น จ า ก ความเห็นจากขอมูล

ปริศนาไดดว ยตนเอง ขอมูลเก่ียวกับสิ่งที่ เก่ียวกับส่ิงท่ีอยูในถุง

อยูในถุงปริศนาได ปริศนาได แมวาจะ

จากการชี้แนะของ ไดรับคําแนะนําจากครู

ครูหรือผอู ่นื หรอื ผูอ่ืน

44 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยที่ 1 การเรยี นรูส่ิงตา ง ๆ รอบตัว

ตาราง แสดงการวิเคราะหท ักษะแหง ศตวรรษที่ 21 ตามระดับความสามารถของนักเรยี น
โดยอาจใชเกณฑก ารประเมิน ดังนี้

ทกั ษะแหง รายการประเมนิ ระดับความสามารถ
ศตวรรษท่ี 21
ดี (3) พอใช (2) ควรปรบั ปรงุ (1)
C4 การสื่อสาร
การนําเสนอผลการ สามารถนําเสนอผลการลง สามารถนําเสนอผลการลง ไมสามารถนําเสนอผล

ลงความเห็นจ าก ค ว า ม เ ห็ น จ า ก ข อ มู ล ความเห็นจากขอมูลเกี่ยวกับ การลงความเห็นจาก

ขอมูลเก่ียวกับสิ่งท่ี เ ก่ี ย ว กั บ สิ่ ง ที่ อ ยู ใ น ถุ ง ส่ิงท่ีอยูในถุงปริศนา ไดอยาง ขอมูลเก่ียวกับส่ิงท่ีอยู

อยใู นถุงปรศิ นา ปริศนา ไดอยางถูกตอง ถกู ตอ ง แตไ มครบถว น ในถงุ ปรศิ นาได

ครบถว น

C5 ค ว า ม รว ม ก า ร มี ส ว น ร ว ม มีสวนรวมในการสังเกตรูป มีสวนรวมในการสังเกตรูป ไมมีสวนรวมในการ

มอื ในการสังเกต รู ป และการสังเกตส่ิงท่ีอยูใน หรือการสังเกตส่ิงท่ีอยูในถุง สั ง เ ก ต รู ป แ ล ะ ก า ร

และการสังเกตสิ่งที่ ถุงปริศนาต้ังแตเริ่มตนจน ปริศนาเปนบางขณะ สังเกตสิ่งที่อยูใ น ถุง

อยใู นถุงปรศิ นา สาํ เร็จลลุ วง ปริศนา

สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 45

คูม อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยท่ี 1 การเรยี นรูส่ิงตาง ๆ รอบตัว

เร่อื งท่ี 3 การจาํ แนกประเภท

ในเร่ืองนี้นักเรียนจะไดเรียนรูเกี่ยวกับการจําแนก
ประเภทสิ่งของ โดยสังเกตและจําแนกส่ิงของตามลักษณะท่ี
เหมอื นกัน อธบิ ายความหมายและประโยชนของการจาํ แนก

จุดประสงคการเรียนรู

1. สงั เกต อภปิ ราย อธิบายความหมายและประโยชน
ของการจาํ แนกประเภท

2. สงั เกตและจาํ แนกส่งิ ของตามลกั ษณะที่เหมือนกนั

เวลา 2 ชว่ั โมง

วัสดุ อปุ กรณสาํ หรบั ทํากจิ กรรม ส่อื การเรยี นรแู ละแหลงเรียนรู

กระดมุ แบบตาง ๆ 1. หนังสอื เรยี น ป.1 เลม 1 หนา 13-16

2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป.1 เลม 1 หนา 16-19

46 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยที่ 1 การเรยี นรูสิ่งตาง ๆ รอบตัว

แนวการจดั การเรียนรู (60 นาที)

ข้ันตรวจสอบความรู (10 นาที)

1. ครูเริ่มตนการสอนโดยเขียนคําวา การจําแนกประเภท บนกระดาน ในการตรวจสอบความรูเดิม
จากนั้นใหนักเรียนอานตามครู จากนั้น ชักชวนนักเรียนอภิปรายเพ่ือ ครูเพียงรับฟงเหตุผลของนักเรียน
ตรวจสอบความรูเดมิ ของนักเรียน โดยใชค ําถามดังน้ี และยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ ใหกับ
1.1 การจําแนกประเภทหมายถึงอะไร (นักเรียนตอบไดตามความคิด นักเรียน แตชักชวนนักเรียนไปหา
ของตนเอง เชน การจัดสิ่งตาง ๆ ออกเปนกลุมตามลักษณะที่ คําตอบดวยตนเองจากการอาน
เหมือนหรือแตกตา งกัน) เน้อื เรอ่ื ง
1.2 การจําแนกประเภทสิ่งของทําไดอยางไรบาง (นักเรียนตอบไดตาม
ความคดิ ของตนเอง เชน สิ่งของประเภทเดียวกนั จดั รวมไวด ว ยกนั ) ความรเู พ่มิ เตมิ สําหรับครู
1.3 การจําแนกประเภทมีประโยชนหรือไม อยางไร (นักเรียนตอบได
ตามความคิดของตนเอง เชน หองเปน ระเบยี บ หาของไดงา ย) ความหมายของคาํ วา
1.4 ถาเราไมมีการจําแนกประเภทของส่ิงของจะเปนอยางไร (นักเรียน จําแนกและประเภท
ตอบไดต ามความคิดของตนเอง เชน หองอาจไมเ ปน ระเบยี บ) จาํ แนก ก. การแจก การแบงหรอื การ
ครูเชื่อมโยงสูการเรียนเรื่องการจําแนกประเภท จากน้ันใหนักเรียน แยกออก
ประเภท น. สว นที่แบงยอ ยออกไปเปน
พิจารณารูปในหนังสือเรียน หนา 13 แลวชวนนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับรูป พวก จําพวก ชนดิ หมู เหลา อยา ง
แผนก เปน ตน
หองนอนวาเปนอยางไร ครูอาจใหนักเรียนมองหาเส้ือหรือกางเกงที่มี

ลักษณะบางอยาง เชน เส้ือสีฟาปกสีนํ้าเงิน จากในภาพ แลวถามวาหาพบ

หรือไม และมองหางา ยหรือยาก

ข้นั ฝกทกั ษะจากการอาน (40 นาที)

2. ครูใหนักเรียนอานช่ือเรื่อง และคําถามในคิดกอนอาน ในหนังสือเรียน
หนา 13 แลวรวมกันอภิปรายในกลุมเพ่ือหาแนวคําตอบ ครูบันทึก
คําตอบของนักเรียนบนกระดานเพื่อใชเปรียบเทียบคําตอบหลังการอาน
เน้ือเรื่อง

3. นักเรียนอานคําในคําสําคญั ท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และอาจให
นักเรียนอธิบายความหมายตามความเขาใจ หากนักเรียนยังอานไมได
ใหครูสอนวิธีสะกดคํา ครูอาจเขียนคําศัพทและคําอานบนกระดาน ดังนี้
การจาํ แนกประเภท อานวา กาน-จํา-แนก-ประ-เพด

สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 47

คมู อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยที่ 1 การเรยี นรูส่งิ ตาง ๆ รอบตัว

4. ครูชวนนักเรียนอานเน้ือเร่ือง ตามวิธีการอานท่ีเหมาะสมกับ
ความสามารถของนักเรียน จากน้ันรวมกันอภิปรายใจความสําคัญตาม
แนวคาํ ถามดังน้ี
4.1 นอกจากเสื้อผาแลว ในแตละวันนักเรียนใชสิ่งของอ่ืนอีกหรือไม
อะไรบา ง (นกั เรยี นตอบไดต ามประสบการณข องตนเอง)
4.2 ถาวางของปะปนกัน จะเลอื กหยิบของท่เี ราตองการไดงา ยหรือยาก
เพราะเหตใุ ด (นักเรียนตอบไดตามความเขา ใจของตนเอง)
4.3 จากเรื่องที่อาน นักเรียนคิดวาการจําแนกประเภทหมายถึงอะไร
(การจัดสิ่งของตาง ๆ ออกเปนกลุม ตามความเหมือนหรือความ
แตกตา งกนั )
4.4 เราจําแนกประเภทของสิ่งของไดอยางไรบาง (ทําไดโดยการแยก
สิ่งของออกเปนพวก ๆ ตามลักษณะการใชงาน หรือนักเรียนอาจ
ตอบวา ตามลกั ษณะทเ่ี หมอื นกันของส่งิ ของ เชน สี ขนาด รปู ราง)
4.5 การจําแนกประเภทมีประโยชนอยางไรบาง (หยิบก็งาย หายก็รู
ดูก็งามตา หรือสามารถหยิบส่ิงของมาใชไดงาย เกิดความเปน
ระเบียบ เรยี บรอ ย สบายตา)

ข้นั สรุปจากการอาน (10 นาที) การเตรยี มตวั ลวงหนา สาํ หรับครู
เพ่อื จดั การเรยี นรใู นครง้ั ถดั ไป
5. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายจนไดขอสรุปจากเรื่องที่อานวา
การจําแนกประเภท คือ การจัดส่ิงของตาง ๆ ออกเปนกลุม ตามความ ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะไดทํา
เหมือนหรือความแตกตางกัน หรือตามลักษณะการใชงาน ซึ่งมี กิจกรรมท่ี 3 เรื่อง การจําแนกส่ิงของ
ประโยชนท ําใหหยิบสิง่ ของมาใชไ ดง า ย เกิดความเปนระเบยี บ เรยี บรอ ย อยางไร โดยการสังเกตและจําแนก
กระดุม ดังนั้น กิจกรรมน้คี รูควรเตรียม
6. นักเรียนตอบคําถามจากเรื่องท่ีอานในรูหรือยัง ในแบบบันทึกกิจกรรม กระดมุ หลากหลายแบบ เพื่อแจกใหแต
หนา 16 ละกลมุ อยางนอยกลุมละ 10 เมด็ หรือ
ใหนักเรียนชวยกันเตรียมกระดุมแบบ
7. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคําตอบของนักเรียนใน ตาง ๆ มาจากท่ีบาน และทุกกลุมควร
รูหรือยังกับคําตอบที่เคยตอบและบันทึกไวในคิดกอนอาน จากนั้น ไดร ับกระดมุ ทม่ี ีลักษณะเหมือนกันและ
ฝกเขียนคําวา การจําแนกประเภท ในเขียนเปน ในแบบบันทึกกิจกรรม มีจํานวนเทากัน เพื่อสะดวกในการ
หนา 16 อภิปรายผลการจําแนกประเภทของ
กระดมุ
8. ครูชักชวนนักเรียนลองตอบคําถามทายเร่ืองท่ีอาน ดังน้ี การจําแนก
ประเภททําไดอยางไร ครูบันทึกคําตอบของนักเรียนบนกระดาน
โดยยังไมเฉลยคําตอบแตชักชวนใหนักเรียนไปหาคําตอบจากการทํา
กจิ กรรมตอ ไป

48 สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยท่ี 1 การเรียนรสู ิง่ ตา ง ๆ รอบตัว

แนวคาํ ตอบในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม

เหมือน แตกตางกัน 49
การจาํ แนกประเภท
การจําแนกประเภท

สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยที่ 1 การเรียนรูส ่ิงตาง ๆ รอบตัว

กิจกรรมที่ 3 จําแนกสง่ิ ของไดอยา งไร

กิจกรรมนี้นักเรียนจะไดจําแนกสิ่งของ โดยการสังเกต
และจําแนกประเภทส่ิงของตามลักษณะท่ีเหมือนหรือแตกตางกัน
ของสงิ่ ของ

เวลา 1 ช่วั โมง

จดุ ประสงคก ารเรยี นรู

สงั เกต และจําแนกประเภทส่ิงของตามลักษณะท่เี หมือนหรือ
แตกตา งกนั

วัสดุ อปุ กรณส ําหรับทํากจิ กรรม
สิ่งที่ครูตอ งเตรียม/กลุม

กระดมุ แบบตาง ๆ ประมาณ 10 เมด็

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร สอื่ การเรยี นรูแ ละแหลงเรียนรู หนา 14-15
หนา 17-19
S1 การสังเกต 1. หนงั สือเรียน ป.1 เลม 1
S4 การจําแนกประเภท 2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม ป.1 เลม 1

ทกั ษะแหงศตวรรษที่ 21

C4 การสอ่ื สาร
C5 ความรว มมือ

50 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยที่ 1 การเรยี นรูส ง่ิ ตา ง ๆ รอบตัว

แนวการจดั การเรียนรู ใ น ก า ร ท บ ท ว น ค ว า มรู
พื้นฐาน ครูควรใหเวลานักเรียน
1. ครูทบทวนความรูพื้นฐานที่ไดจากการเรียนรูในการเรียนครั้งที่ผานมา คิดอยางเหมาะสม รอคอยอยาง
เกี่ยวกับความหมายของการจําแนกประเภท และตรวจสอบความรูเดิม อดทน นักเรียนตองตอบคําถาม
เกย่ี วกับการจําแนกประเภทและประโยชน โดยใชคาํ ถามดงั นี้ เหลาน้ีไดถูกตอง หากตอบไมได
1.1 การจําแนกประเภทคืออะไร (การแยกส่ิงของออกเปนกลุมตาม หรือลืมครูตอ งใ หค ว า ม รู ท่ี
ลักษณะที่เหมือนกัน เชน มีสีเหมือนกัน มีรูปรางเหมือนกัน หรือใช ถูกตอ งทนั ที
งานไดเ หมอื นกัน)
1.2 การจําแนกประเภทนํามาใชในชีวิตประจําวันไดหรือไม อยางไร
(นักเรียนตอบไดตามความเขาใจของตนเอง เชน ได โดยใชการแยก
ประเภทของเลน ของใช)
1.3 การจําแนกประเภททําไดอยางไร (นักเรียนตอบไดตามความเขาใจ
ของตนเอง)

2. นักเรียนเปดหนังสือเรียน หนา 14 อานชื่อกิจกรรม และทําเปนคิดเปน
จากน้ันครูตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียน โดย
อาจใชค ําถาม ดังน้ี
2.1 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดเรียนเกี่ยวกับเร่ืองอะไร (การจําแนก
ประเภท)
2.2 นักเรียนจะไดเรียนเร่ืองนี้ดวยวิธีใด (การสังเกตและการจําแนก
ประเภทของสง่ิ ของ)
2.3 เมื่อเรียนแลวนักเรียนจะทําอะไรได (จําแนกประเภทสิ่งของ
ตามลักษณะท่เี หมอื นหรือแตกตา งกัน)

3. นักเรียนอานทําอยางไร โดยครูอาจใชวิธีการอานท่ีเหมาะสมกับ
ความสามารถของนักเรียน จากน้ันครูตรวจสอบความเขาใจขั้นตอน
การทํากิจกรรมทีละข้นั โดยอาจนําอภปิ รายตามแนวคําถาม ดังนี้
3.1 กจิ กรรมนี้ ส่ิงของทน่ี ักเรียนตอ งจาํ แนกคืออะไร (กระดมุ )
3.2 กอนการจําแนก นักเรียนตองทําอะไรบาง (สังเกตลักษณะของ
กระดุมแตละเมด็ )
3.3 จาํ แนกกระดุมโดยใชส ่งิ ใด (ลกั ษณะของกระดมุ ที่สงั เกต)
3.4 เมื่อจําแนกเสร็จแลว นักเรียนตองทําอะไรบาง (นําเสนอผลการ
จาํ แนกใหเ พ่ือนกลุม อ่ืนฟง)

สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 51

คูมอื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยท่ี 1 การเรียนรสู งิ่ ตา ง ๆ รอบตัว

4. หลังจากนักเรียนเขาใจวิธีการทํากิจกรรมแลว ใหนักเรียนลงมือทํา
กิจกรรม ดังน้ี
4.1 สังเกตลักษณะของกระดุมแตละเม็ดวามีลักษณะเหมือนกัน
และแตกตางกันอยา งไร (S1)
4.2 เลือกลักษณะของกระดุมที่จะนํามาใชในการจัดกลุม เชน สี ขนาด
รูปราง โดยครูใหนักเรียนแตละกลุมเลือกลักษณะของกระดุม
ท่ีจะนํามาใชในการจําแนกท่ีแตกตางกัน และใชลักษณะเดียวกัน
อยา งนอยลักษณะละ 2 กลมุ
4.3 จําแนกหรือแยกกระดุมเปนกลุมตามลักษณะท่ีเลือกไว โดยให
กระดุมที่มีลักษณะเหมือนกันอยูในกลุมเดียวกัน (S4) (C5) โดยครู
อาจใหนักเรียนติดกระดุมท่ีจําแนกแลวลงบนกระดาษ A4 จากน้ัน
บนั ทึกผลการทาํ กจิ กรรมในแบบบนั ทึกกิจกรรม หนา 17
4.4 นาํ เสนอผลการจําแนกกระดุม และเปรียบเทียบกบั กลมุ อืน่ ๆ (C4)

5. หลังจากการนําเสนอของนักเรียน ครูและนักเรียนรวมกันอภิปราย
ผลการทํากจิ กรรม โดยครูอาจใชค าํ ถาม ดังนี้
5.1 จากกิจกรรมน้ี นักเรียนใชลักษณะใดในการจําแนกกระดุมออกเปน
กลุม (นกั เรยี นตอบไดต ามผลการทาํ กจิ กรรม)
5.2 กลมุ ใดใชล กั ษณะที่เหมือนกันในการจําแนกกระดุม (นักเรียนตอบได
ตามผลการทํากิจกรรม เชน กลุมที่ 1 และ 5 ใชสีในการจําแนก
กระดุมเหมือนกนั )
5.3 เม่ือใชลักษณะของกระดุมท่ีแตกตางกันในการจําแนกกระดุม
กลุมของกระดุมเปล่ียนไปหรือไม อยางไร (เปล่ียนไป กลุมของ
กระดุมจะเปลี่ยนไปตามลักษณะที่ใชจําแนก เชน กลุมท่ีใชสีของ
กระดุมในการจําแนก จะมีการแบงกลุมของกระดุมแตกตางกับ
กลุมทใ่ี ชขนาดหรอื รปู รางของกระดมุ ในการแบง กลมุ )
5.4 นักเรียนคิดวา การจําแนกกระดุมออกเปนกลุมมีประโยชนอยางไร
บาง (นักเรียนตอบไดตามความเขาใจของตนเอง เชน ชวยใหหยิบ
กระดุมมาใชไดงายขึ้น คนหากระดุมไดงายข้ึน สามารถเลือกกระดุม
ไปใชใหเหมาะสมไดงา ยข้นึ )

52 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยท่ี 1 การเรยี นรสู ิง่ ตาง ๆ รอบตัว

6. ครูนําคําถามที่ถามนักเรียนในตนชั่วโมงมาอภิปรายอีกคร้ัง เพ่ือ
ตรวจสอบความรขู องนักเรียนหลงั การทาํ กจิ กรรม โดยใชค าํ ถามดังนี้
6.1 การจําแนกประเภทคืออะไร (คือการแยกส่ิงของออกเปนกลุมตาม
ลักษณะที่เหมือนกัน เชน มีสีเหมือนกัน มีรูปรางเหมือนกัน หรือใช
งานเหมือนกนั )
6.2 การจําแนกประเภทนํามาใชในชีวิตประจําวันไดหรือไม อยางไร
(นักเรียนตอบไดตามความเขาใจของตนเอง เชน ได โดยนํามาใชใน
การจดั ตเู ส้อื ผา แบง เส้อื ผาออกเปนกลมุ เส้ือ กางเกง หรอื การจดั ของ
ใชในหองครวั แบง ออกเปน กลมุ จาน ชาม เปนตน )
6.3 นักเรียนสามารถจําแนกประเภทนักเรียนในหองไดกี่กลุม และใช
ลกั ษณะใดในการจาํ แนก (นกั เรียนตอบไดตามความเขา ใจของตนเอง
เชน จําแนกโดยใชเพศไดเปน 2 กลุม หรือจําแนกโดยใชสีเส้ือของ
นักเรียนไดเปน 2 กลุม เปนตน )
6.4 นักเรียนรวมกนั อภปิ รายและตอบคําถามในฉันรูอะไร โดยครูอาจ
เพิ่มคําถามในการอภปิ รายเพื่อใหไดแนวคําตอบที่ถกู ตอง

7. นักเรียนสรุปส่ิงที่ไดเรียนรูในกิจกรรมน้ี โดยครูและนักเรียนรวมกัน
เช่ือมโยงสิ่งท่ีไดเรียนรูจากกิจกรรมเพ่ือสรุปวา การจําแนกประเภท
เปนการจัดกลุมของส่ิงตาง ๆ โดยใชลักษณะที่เหมือนหรือแตกตางกัน
ชวยใหเราสามารถแยกส่ิงของท่ีมีลักษณะแตกตางกันออกจากกัน
และจัดกลมุ สิ่งของนัน้ ใหมต ามลักษณะท่เี หมือนกัน จากน้ันครใู หนักเรียน
อานสง่ิ ท่ไี ดเรยี นรู และเปรยี บเทียบกับขอ สรปุ ของตนเอง

8. ครูกระตุนใหนักเรียนฝกตั้งคําถามเกี่ยวกับเรื่องที่สงสัยหรืออยากรู
เพ่ิมเติมใน อยากรูอีกวา จากนั้นครูอาจสุมนักเรียน 2-3 คน นําเสนอ
คําถามของตนเองหนาช้ันเรียน และใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเก่ียวกับ
คาํ ถามทนี่ าํ เสนอ

9. ครูนําอภิปรายใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตรและทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 อะไรบางและในข้ันตอน
ใดบาง

10.นักเรียนอานรูอะไรในเร่ืองนี้ ในหนังสือเรียน หนา 16 โดยครูและ
นักเรียนรวมกันอภิปรายเพ่ือนําไปสูขอสรุปเกี่ยวกับสิ่งที่ไดเรียนรูใน
เร่ืองนี้ จากน้ันครูกระตุนใหนักเรียนตอบคําถามในชวงทายของเนื้อเรื่อง
ดังน้ี “นอกจากการสังเกต การลงความเห็นจากขอมูล และการจําแนก
ประเภทแลว ยังมที ักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรอะไรอีกบางทเ่ี ราใช

สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 53

คมู อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยท่ี 1 การเรียนรสู ่งิ ตา ง ๆ รอบตัว
ในการสืบเสาะหาความรู” ครใู หน ักเรียนลองตอบคําถามตามท่ีตนเองคิด
เชน การจําแนกประเภท การสรางแบบจําลอง ทั้งนี้นักเรียนอาจมี
คําตอบที่แตกตางจากน้ี ครูยังไมตองเฉลยคําตอบแตบอกนักเรยี นวา ยังมี
ทกั ษะอยางอน่ื อกี ทน่ี ักวทิ ยาศาสตรใชใ นการหาความรู เราจะไดเ รยี นรูใน
เรือ่ งตอ ๆ ไป

54 สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยท่ี 1 การเรยี นรสู ง่ิ ตาง ๆ รอบตัว

แนวคาํ ตอบในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม

นักเรียนตอบไดต ามผลการทํากจิ กรรม เชน
สี

2
กระดุมสเี ขียว 3 เมด็ สีขาว 4 เม็ด

นกั เรยี นตอบตามผลการทาํ กิจกรรม เชน ลกั ษณะอื่น ๆ ที่สามารถ
นาํ มาใชในการจดั กลุม กระดุม คอื ขนาด รปู รา ง จํานวนรตู รงกลางเมด็
กระดุม

สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 55

คูมอื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยท่ี 1 การเรียนรูสิ่งตา ง ๆ รอบตัว

นักเรยี นตอบตามผลการทาํ กิจกรรม เชน


ลกั ษณะผิว หรือจํานวนรู



ลกั ษณะ

สี ขนาด รูปราง

56 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยที่ 1 การเรียนรูสงิ่ ตาง ๆ รอบตัว

จัดกลุม

ความเหมือน

คําถามของนกั เรยี นท่ีต้งั ตามความอยากรู

ของนกั เรยี น

สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 57

คมู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยท่ี 1 การเรียนรูส่งิ ตา ง ๆ รอบตัว

แนวการประเมินการเรียนรู

การประเมนิ การเรยี นรขู องนักเรยี นทําได ดังน้ี
1. ประเมนิ ความรูเดิมจากการอภปิ รายในชน้ั เรยี น
2. ประเมนิ การเรียนรูจากคาํ ตอบของนักเรียนระหวา งการจดั การเรยี นรแู ละจากแบบบนั ทึกกจิ กรรม
3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ ละทกั ษะแหงศตวรรษท่ี 21 จากการทํากิจกรรมของนักเรยี น

การประเมินจากการทาํ กิจกรรมที่ 3 จําแนกสงิ่ ของไดอ ยา งไร

ระดบั คะแนน 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรงุ
3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช

รหัส ส่งิ ที่ประเมนิ ระดบั คะแนน

ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร
S1 การสังเกต
S4 การจาํ แนกประเภท
ทักษะแหงศตวรรษท่ี 21
C4 การส่ือสาร
C5 ความรวมมอื

รวมคะแนน

58 สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูม ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยที่ 1 การเรียนรูส่ิงตาง ๆ รอบตัว

ตาราง แสดงการวเิ คราะหทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรต ามระดับความสามารถของนักเรยี น
โดยอาจใชเกณฑการประเมิน ดังนี้

ทกั ษะ ระดับความสามารถ
กระบวนการทาง รายการประเมิน
วทิ ยาศาสตร ดี (3) พอใช (2) ควรปรบั ปรุง (1)

S1 การสงั เกต ก า ร บ ร ร ย า ย สามารถใชประสาทสัมผัส สามารถใชประสาทสัมผัส ไมสามารถใชประสาท

รายละเอียดเกี่ยวกับ เก็บรายละเอียดของขอมูล เก็บรายละเอยี ดของขอมูล สัมผัสเก็บรายละเอียด

ลักษณะของกระดุมที่ เ ก่ี ย ว กั บ ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง เ ก่ี ย ว กั บ ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ข อ ง ข อ มู ล เ กี่ ย ว กั บ

สั ง เ ก ต ไ ด เ ช น สี กระดุมที่สังเกตได เชน สี กระดุมท่ีสังเกตได เชน สี ลักษณะของกระดุมที่

ขนาด จํานวนรู และ ขนาด จาํ นวนรู และรูปรา ง ข น า ด จํ า น ว น รู แ ล ะ สังเกตได เชน สี ขนาด

รปู รา งของกระดมุ ของกระดุมไดดวยตนเอง รู ป ร า ง ข อ ง ก ร ะ ดุมได จํานวนรู และรูปราง

โ ด ย ไ ม เ พ่ิ ม เ ติ ม ค ว า ม จากการชี้แนะของครูหรือ ของกระดุมได แมวาจะ

คดิ เห็น ผูอ่ืน หรือมีการเพ่ิมเติม ไดรับคําช้ีแนะจากครู

ความคดิ เหน็ หรอื ผูอ่ืน

S4 ก า ร จํ า แ น ก การจําแนกกระดุม สามารถจัดกลุมกระดุม สามารถจัดกลุมกระดุม ไ ม ส า ม า ร ถ จั ด ก ลุ ม

ประเภท โ ด ย ใ ช ลั ก ษ ณ ะ ท่ี แบบตาง ๆ โดยใชลักษณะ แบบตาง ๆ โดยใชลกั ษณะ กระดุมแบบตาง ๆ โดย

เหมือนหรือแตกตาง ท่ีเหมือนหรือแตกตางกัน ท่ีเหมือนหรือแตกตางกัน ใชลักษณะท่ีเหมือน

กันของกระดุมในการ ของกระดุมในการจําแนก ของกระดุมในการจําแนก หรือแตกตางกันของ

จําแนก ไดอ ยางถกู ตองดว ยตนเอง ไดอยางถูกตองจากการ กระดุมในการจาํ แนกได

ชแี้ นะของครูหรอื ผอู ืน่ แ ม ว า จ ะ ไ ด รั บ คํ า

แนะนําจากครูหรือผอู น่ื

สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 59

คมู ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยท่ี 1 การเรียนรูส่ิงตาง ๆ รอบตัว

ตาราง แสดงการวเิ คราะหทักษะแหง ศตวรรษท่ี 21 ตามระดบั ความสามารถของนกั เรยี น
โดยอาจใชเ กณฑก ารประเมิน ดังน้ี

ทกั ษะแหง รายการประเมนิ ระดับความสามารถ
ศตวรรษท่ี 21
ดี (3) พอใช (2) ควรปรับปรงุ (1)
C4 การสือ่ สาร
นําเสนอขอมูลจาก สามารถนําเสนอขอมูล สามารถนําเสนอขอมูล ไมสามารถนําเสนอขอมูล

ก า ร อ ภิ ป ร า ย จ า ก ก า ร อ ภิ ป ร า ย จากการอภิปรายลักษณะ จากการอภิปรายลักษณะ

ลักษณะของกระดุม ลักษณะของกระดุม เพื่อ ของกระดุม เพ่ือจําแนก ของกระดุม เพื่อจําแนก

เพ่ือจําแนกกระดุม จําแนกกระดุมออกเปน กระดุมออกเปนกลุม เชน กระดุมออกเปนกลุม เชน

ออกเปน กลมุ กลุม เชน โดยใชคําพูด โดยใชคําพูด หรือเขียน โ ดยใชคําพูด หรือเขียน

ห รื อ เ ขี ย น บ ร ร ย า ย บรรยาย เพือ่ ใหผ ูอ ่ืนเขา ใจ บรรยาย เพื่อใหผูอ่ืนเขาใจได

เพ่ือใหผูอื่นเขาใจไดดวย ได จากการชี้แนะจากครู แมวาจะไดรับคําช้ีแนะจาก

ตนเอง หรือผูอ่นื ครูหรือผอู น่ื

C5 ความรว ม ทํางานรวมกับผูอ่ืน สามารถทํางานรวมกับ สามารถทํางานรวมกับ ไมสามารถทํางานรวมกับ
มอื
ในการทํากิจกรรม ผูอ่ืนในการทํากิจกรรม ผูอ่ืนในการทํากิจกรรม ผู อื่ น ใ น ก า ร ทํ า กิ จ ก ร ร ม

แ ล ะ ก า ร ร ว ม กั น และการรว มกันอภิปราย และการรวมกันอภิปราย และการรวมกันอภิปราย

อภิปรายเกี่ยวกับ เกี่ยว กับการจําแ น ก เ ก่ี ย ว กั บ ก า ร จํ า แ น ก เกี่ยวกับการจําแนกกระดุม

การจําแนกกระดุม ก ร ะ ดุ ม แ บ บ ต า ง ๆ กระดุมแบบตา ง ๆ รวมทัง้ แบบตาง ๆ ไดตลอดเวลาที่

แบบตาง ๆ รวมท้ัง รวมทั้งยอมรับความ ยอมรับความคิดเห็นของ ทาํ กจิ กรรม

ย อ ม รั บ ค ว า ม คิดเห็นของผูอ่ืนตั้งแต ผูอื่น บางชวงเวลาที่ทํา

คิดเหน็ ของผูอืน่ เริ่มตน จนสาํ เร็จ กิจกรรม

60 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยที่ 1 การเรยี นรสู ่งิ ตา ง ๆ รอบตัว

เรือ่ งที่ 4 การพยากรณ

ใ น เ รื่ อ ง น้ี นั ก เ รี ย น จ ะ ไ ด เ รี ย น รู เ กี่ ย ว กั บ ก า ร พ ย า ก ร ณ โ ด ย
การสังเกตและลงความเห็นจากขอมูล เพ่ือพยากรณส่ิงท่ีจะเกิดข้ึน
และอธิบายความหมายและประโยชนของการพยากรณ

จุดประสงคการเรียนรู

1. สังเกต อภิปราย และอธิบายความหมายและประโยชนของ
การพยากรณ

2. สังเกตและพยากรณส ิง่ ที่จะเกิดข้ึน

เวลา 2 ชวั่ โมง

วัสดุ อปุ กรณส าํ หรับทํากจิ กรรม หนา 17-20
หนา 20-22
-

สอื่ การเรียนรแู ละแหลงเรียนรู

1. หนงั สือเรยี น ป.1 เลม 1
2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม ป.1 เลม 1

สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 61

คูมือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยท่ี 1 การเรียนรสู งิ่ ตา ง ๆ รอบตัว

แนวการจัดการเรียนรู (60 นาที)

ขัน้ ตรวจสอบความรู (10 นาที)

1. ครูเร่ิมตนการสอนโดยเขียนคําวา การพยากรณ บนกระดาน จากนั้น ในการตรวจสอบความรูเดิม
ครูตรวจสอบความรูเดมิ ของนกั เรียนโดยชกั ชวนนกั เรียนอภปิ ราย ดงั นี้ ครูรับฟงเหตุผลของนักเรียนเปน
1.1 นักเรียนเคยไดยินคําวาการพยากรณหรือไม ไดยินจากท่ีใดบาง สําคัญ ครูยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ
(นักเรยี นตอบไดต ามความเขา ใจของตนเอง เชน พยากรณอากาศ) แตชักชวนใหหาคําตอบท่ีถูกตอง
1.2 การพยากรณเกี่ยวของกับนักเรยี นหรือไม อยางไร (นักเรียนตอบได
ตามความเขาใจของตนเอง เชน เกี่ยวของ โดยใชขอมูลจากการ จากจากการอานเนือ้ เร่ือง
พยากรณอ ากาศเพ่ือวางแผนการเดนิ ทาง)
เมื่อนักเรียนตอบคําถามแลว ครูเชื่อมโยงสูการเรียนเร่ือง การพยากรณ
โดยกลาววา นักเรียนอาจหาคาํ ตอบไดเ ม่อื อานเรือ่ ง การพยากรณ

ขน้ั ฝก ทกั ษะจากการอา น (40 นาที)

2. ครูใหนักเรียนอานช่ือเร่ือง และคําถามในคิดกอนอาน ในหนังสือเรียน
หนา 17 แลวรวมกันอภิปรายในกลุมเพ่ือหาแนวคําตอบ ครูบันทึก
คําตอบของนักเรียนบนกระดานเพื่อใชเปรียบเทียบคําตอบหลังการอาน
เนอ้ื เรื่อง

3. นักเรียนอานคําในคําสําคัญ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และอาจให
นักเรียนอธิบายความหมายตามความเขาใจ หากนักเรียนยังอานไมได
ใหครสู อนวธิ ีสะกดคํา ครอู าจเขียนคําอานของคําวาพยากรณบนกระดาน
ดังน้ี

การพยากรณ อา นวา กาน-พะ-ยา-กอน

4. ครูใหนักเรียนอานเน้ือเรื่องตามวิธีการอานท่ีเหมาะสมกับความสามารถ
ของนกั เรยี น จากนน้ั รว มกันอภปิ รายใจความสําคญั ตามแนวคําถาม ดงั น้ี
4.1 จากเนอื้ เร่ืองทอี่ า น ขอมูลท่ีไดจากการสังเกตมีอะไรบาง (ทอ งฟา มืด
และมเี มฆหนาปกคลุม)
4.2 เหตุใดเด็กในเนื้อเร่ืองจึงตดั สินใจเลน อยูในบานแทนที่จะออกไปเลน
นอกบาน (จากขอมูลเม่ือวันกอนท่ีพบวา เมื่อทองฟามืด และมีเมฆ
หนาปกคลุม ฝนจะตก ดังน้นั เด็กจึงตัดสนิ ใจเลน อยใู นบา นแทน)

62 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูม อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนว ยที่ 1 การเรยี นรสู ิ่งตา ง ๆ รอบตัว

4.3 เด็กในเนื้อเร่ืองใชการพยากรณหรือไม เพราะเหตุใด (ใชการ
พยากรณ เพราะมีการใชขอมูลท่ีเคยพบมากอน มาพยากรณหรือ
คาดการณส ่ิงที่จะเกดิ ตอ ไปได)

ขั้นสรปุ จากการอา น (10 นาที)

5. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายจนไดขอสรุปจากเร่ืองท่ีอานวา
การพยากรณเปนการใชขอมูลท่ีเคยพบมากอนมาใชคาดการณสิ่งท่ีจะ
เกดิ ขนึ้

6. นักเรียนตอบคําถามจากเรื่องท่ีอานในรูหรือยัง ในแบบบันทึกกิจกรรม
หนา 20

7. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคําตอบของนักเรียนใน
รหู รอื ยังกับคาํ ตอบที่เคยตอบและบันทึกไวใ นคิดกอนอา น

8. ครูชักชวนนกั เรียนลองตอบคําถามทายเร่อื งที่อาน ดังนี้ การพยากรณทํา
ไดอยางไร ครูบันทึกคําตอบของนักเรียนบนกระดานโดยยังไมเฉลย
คาํ ตอบแตช ักชวนใหน กั เรียนไปหาคําตอบจากการทํากจิ กรรมตอไป

สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 63

คมู อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.1 เลม 1 | หนวยที่ 1 การเรียนรสู ิ่งตา ง ๆ รอบตัว

แนวคําตอบในแบบบันทึกกิจกรรม

ขอมูล คาดการณ
การพยากรณ
การพยากรณ

64 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี


Click to View FlipBook Version