สรุป !. สุขภาพจิตทีQดีเป็นพืVนฐานสําคัญของกระบวนการคิด การเรียนรู้ การสืQอสาร ความเข้มแข็งทางจิตใจ D. ปัญหาด้านสุขภาพจิต เป็นสาเหตุหนึQงทีQทําให้เกิดโรคทางจิตเวช เช่น โรค ซึมเศร้า โรควิตกกังวล บุคลิกภาพผิดปกติ ทีQอาจนําไปสู่การเกิดพฤติกรรมการ ฆ่าตัวตายได้ N. บุคคลสามารถประเมินและดูแลสุขภาพจิตได้ด้วยตนเอง อาทิเช่น การเขียน บันทึก การฝึกสติ การตัVงเป้าหมายชีวิต การปรับเปลีQยนรูปแบบการดําเนิน ชีวิต และการหาตัวช่วย เป็นต้น เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 51 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
วัตถุประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายของเจตคติต่อตนเอง บอกประเภทและความสําคัญของเจตคติต่อตนเอง ตลอดจนเข้าใจองค์ประกอบทีQมีอิทธิพลต่อเจตคติทีQดีต่อตนเอง 2. เข้าใจการเกิดและการเปลีQยนแปลงเจตคติทีQมีต่อตนเอง 3. เห็นความสําคัญเกีQยวกับการพัฒนาเจตคติต่อตนเอง 4. มีแนวทางในการประยุกต์ความรู้เกีQยวกับเจตคติทีQดีต่อตนเองในการดํานเนินชีวิตประจําวัน เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 54 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
แนวค ิดเกีCยวกับเจตคติ ต ่ อตนเอง 56 คําว่า “เจตคติ” ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ ศ. D~~R อ่านว่า “เจตะคติ” หมายถึง ท่าที หรือความรู้สึกของบุคคลต่อสิQงหนึQงสิQงใด เจตคติ ตรงกับคําในภาษาอังกฤษว่า “Attitude” ซึQงมาจากภาษาละตินว่า aptitudin หรือ aptitudo หมายถึงความพร้อมหรือแนวโน้มทีQจะทําสิQงใดสิQงหนึQง อันเนืQองมาจากการเรียนรู้มี N องค์ประกอบ คือ การรู้คิด อารมณ์ และพฤติกรรม แบบแผนพฤติกรรมการตอบสนองต่อบุคคล และสิQงของในแนวทางทีQแน่นอน ซึQงเป็นผลมาจากการรู้คิด อารมณ์และพฤติกรรม เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
แนวค ิดเกีCยวกับเจตคติ ต ่ อตนเอง 57 เจตคติ = ความรู้สึกภายในจิตใจของบุคคล/ ค่านิยม/ ความเชืQอทีQมีต่อสิQงใดสิQงหนึQงทัVง ทางบวกและทางลบ สามารถเปลีQยนแปลงได้อันเนืQองมาจากการเรียนรู้และประสบการณ์ เจตคติ = เป็นตัวกระตุ้นให้บุคคลมีแนวโน้มทีQจะแสดงพฤติกรรมต่อสิQงต่าง ๆ ไปใน ทิศทางใดทิศทางหนึQง ซึQงอาจเป็นไปในทางสนับสนุนหรือทางต่อต้านก็ได้ เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
หน้าทีCของเจตคติตามทฤษฎีเครืCองล่อใจ (Incentive theories) 1. เจตคติเป็นเครืQองมือทําให้บุคคลไปถึงจุดมุ่งหมาย และช่วยในการปรับตัว (Instrumental and adjustive function) 2. เจตคติช่วยป้องกันตัวเราเองได้ (Self-defensive Function) 3. เจตคติช่วยให้แสดงออกทางด้านพฤติกรรมต่าง ๆ (Self-expressive Function) 4. เจตคติช่วยทําให้เกิดความรู้ (Knowledge Function) เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 58 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
การเก ิดและการเปลีCยนเจตคติทีCมีต่ อตนเอง การเก ิ ดเจตคต ิ ต ่ อตนเอง เจตคติไม่ใช่สิQงทีQมีมาแต่กําเนิดแต่เกิดจากการเรียนรู้ ประสบการณ์ การอบรมเลีVยงดู บุคคล จะมีเจตคติทีQดีต่อสิQงใดจะต้องเชืQอแล้วว่า สิQงนัVนจะช่วยสร้างประโยชน์หรือสร้างความพอใจแก่ ตนเอง ทฤษฎีการเกิดเจตคติสามารถแบ่งออกเป็น N ทฤษฎีใหญ่ ๆ ดังนีV • เจตคติทีQเกิดจากการเรียนรู้โดยการวางเงืQอนไขคลาสสิค (Classic conditioning) • เจตคติทีQเกิดจากการเรียนรู้โดยการวางเงืQอนไขจาการกระทํา (Operant conditioning) • ทฤษฎีการรับรู้ตนเอง (Self-perception Theory) เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 59 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
การเก ิดและการเปลีCยนเจตคติทีCมีต่ อตนเอง การเปลีAยนเจตคติทีAมีต่ อตนเอง (Attitude change) หมายถึง การเปลีQยนความรู้สึกนึกคิดทีQมีต่อเรืQองหนึQงเรืQองใดไปในทิศทางทีQชอบ หรือไม่ชอบมากขึVนหรือน้อยลง • ทฤษฎีการเปลีQยนแปลงเจตคติของเคลแมน • การเปลีQยนเจตคติโดยการโน้มน้าวใจตนเอง (Self-persuasion) เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 60 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
การเก ิดและการเปลีCยนเจตคติทีCมีต่ อตนเอง การเปลีAยนเจตคติโดยการโน้มน้าวใจตนเอง (Self-persuasion) การเปิดโอกาสให้พูดหรือแสดงออกไปในทิศทางทีQพึงประสงค์ด้วยการคิดหาเหตุผล ประกอบด้วยตนเอง (แม้ว่าอาจจะไม่เห็นด้วยกับสิQงนัVน) สามารถเปลีQยนแปลงเจตคติไปใน ทิศทางทีQพึงประสงค์ได้ โดยบุคคลสามารถเปลีQยนเจตคติตนเองด้วยการพูดกับตนเองเสมอ ๆ กระบวนการรําพึงรําพัน ใคร่ครวญบ่อย ๆ เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 62 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวัน • เจตคติทีQดีกับการเสริมสร้างพลังอํานาจแห่งตน (Self-Empowerment) เจตคติมีอิทธิพลกับการเสริมสร้างพลังอํานาจ เจตคติทีQดีจะช่วยผลักดันและส่งเสริมระดับการ คิด การกระทําและการดํารงชีวิตของมนุษย์ เจตคติก่อให้เกิดการเสริมสร้างพลังอํานาจ การเสริมสร้างพลังอํานาจว่าเป็นกระบวนการของการเพิQมความรู้สึกถึงความสามารถของ ตนเองด้วยการพิจารณาถึงสภาวการณ์ทีQทําให้เกิดการสูญเสียพลังอํานาจและจํากัดความรู้สึกสูญเสีย พลังอํานาจด้วยการสนับสนุนข้อมูลทีQมีประสิทธิภาพ ช่วยบุคคลมีความรู้สึกเชืQอมัQน และรับรู้ ความสามารถของตนเองเป็นตัวของตัวเองเกิดการรับรู้คุณค่าของชีวิตสามารถตัดสินใจและจัดการกับ งานของตนเองได้จนประสบความสําเร็จตามเป้าหมาย (Zimmerman. 2000) เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 65 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวัน เจตคต ิทีAดีกับความกรุณาต่ อตนเอง (Self- Compassion) ความกรุณาต่อตนเอง หรือ Self-Compassion มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน สามารถแยก เป็น D คํา คือ Com หมายถึงร่วมด้วย (Together) ส่วน Pati หมายถึงมีความเจ็บปวดกับ (to suffer with) ดังนัVนความกรุณาต่อตนเอง จึงหมายถึง ความสามารถของบุคคลในการให้ความรักและมี ความเห็นใจต่อตนเองเมืQอมีความทุกข์ เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 67 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
สรุป 1. เจตคติต่อตนเอง หมายถึง แบบแผนทีQบุคคลได้พิจารณาจัดระบบความรู้สึกนึกคิด D. ความคิดเห็นและความพึงพอใจทีQมีต่อตนเอง เพืQอนําไปตัดสินใจเลือกทําสิQงใดสิQงหนึQงให้ เหมาะสมต่อตนเอง N. เจตคติทีQดีมีหน้าทีQช่วยเป็นเครืQองมือทําให้บุคคลไปถึงจุดมุ่งหมาย และช่วยในการปรับตัว เจต คติบางอย่างสามารถช่วยป้องกันตัวเองได้ เจตคติช่วยให้แสดงออกทางด้านพฤติกรรม ต่าง ๆ และช่วยให้เกิดความรู้ R. ทฤษฎีการเกิดเจตคติสามารถแบ่งออกเป็น N ทฤษฎีใหญ่ ๆ ได้แก่ เจตคติทีQเกิดจากการ เรียนรู้โดยการวางเงืQอนไขคลาสสิค (Classic conditioning) เจตคติทีQเกิดจากการเรียนรู้โดย การวางเงืQอนไขจากการกระทํา (Operant conditioning) และทฤษฎีการรับรู้ตนเอง (Selfperception Theory) เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 70 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
สรุป ~. องค์ประกอบของเจตคติ จะมีอยู่ N องค์ประกอบ ได้แก่ องค์ประกอบด้านความรู้ ความ เข้าใจ . อิทธิพลของกระบวนการเปลีQยนแปลงเจตคติ ออกเป็น N ประการคือ การยินยอม การ เลียนแบบ และความต้องการทีQอยากจะเปลีQยน ส่วนการเปลีQยนเจตคติโดยการโน้มน้าวใจ ตนเอง (Self-persuasion) เชืQอว่าบุคคลสามารถเปลีQยนเจตคติตนเองด้วยการพูดกับ ตนเองเสมอ ๆ กระบวนการรําพึงรําพัน ใคร่ครวญบ่อย ๆ ยิQงทําให้ความรู้สึกในเรืQองนัVน เข้มข้นขึVน ทําให้เกิดการรับรู้ตนเองเป็นคน เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 71 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
เอกสารอ้างอิ ง Daryl Bem, 1972. Self-Perception Theory. Advances in Experimental Social Psychology, 1972; (6): 1-62. Gibson, C.H. (1995). The process of empowerment in mothers of chronically ill children. Journal of advance nursing, 21, 1201-1210. Neff, Kristin. D. (2003a, April). Self-compassion: An alternative conceptualization of a healthy attitude toward oneself. Self and Identity. 2(2): 85–101. Zimmerman, M.A. (1995). Psychological Empowerment: Issue and Illustration. Amerrican Journal of Community Psychology. 23(5): 581-5 นพคุณ แดงบุญ. (effe). การศึกษาผลสัมฤทธิทางการเรียนวิทยาศาสตร์และเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั}น î มัธยมศึกษาปีที~ e ที~ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์. สารนิพนธ์กศ.ม. (การมัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. เนตรนภา ขุมทอง. (effü). Empowerment. เอกสารประกอบการประชุมสํานักงานศูนย์ฯ รายวิชาเวชศาสตร์ครอบครัวและ ชุมชน หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี. เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 72 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
วัตถุประสงค์การเรียนรู้ !. บอกถึงความหมายและความสําคัญของเจตคติต่อผู้อืQน องค์ประกอบ ของเจตคติต่อผู้อืQน และประเภทของเจตคติต่อผู้อืQน D. อธิบายถึงการเกิดเจตคติต่อผู้อืQนและการเปลีQยนเจตคติต่อผู้อืQนได้ อย่างถูกต้อง N. มีแนวทางในการประยุกต์ความรู้เกีQยวกับการพัฒนาเจตคติทีQดีต่อ ผู้อืQนได้อย่างเหมาะสม เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 74 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
โครงร่างเนืJอหา 75 1. ความหมายและความสําคัญของเจตคติ ต ่อผู้อืAน 1. ความหมายของเจตคติต่อผู้อืQน 2.องค์ประกอบของเจตคติต่อผู้อืQน 3. ประเภทของเจตคติทีQมีต่อผู้อืQน 4. ความสําคัญของเจตคติทีQดีต่อผู้อืQน 2. การเก ิดและการเปลีAยนแปลงเจตคติทีAมีต่อผู้อืAน 2.1 ปัจจัยทีQมีอิทธิพลต่อการเกิดและการเปลีQยนแปลงเจตคติต่อผู้อืQน 2.2 การเกิดเจตคติต่อผู้อืQน 2.3 การเปลีQยนแปลงเจตคติทีQมีต่อผู้อืQน 3. การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวัน 3.1 การอยู่ร่วมกับผู้อืQน 3.2 การทํางานร่วมกับผู้อืQน เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
1.ความหมายและความสําคัญของเจตคติ ต ่อผู้อืCน สรุป เจตคติ ต ่อผู้อืAน คือ ความคิดความเข้าใจ อารมณ์ความรู้สึก และแนวโน้ม ของพฤติกรรมของบุคคลทีQมีต่อบุคคลอืQน แบ่งออกเป็นในลักษณะทีQเป็นทางบวก คือเห็นด้วย พึงพอใจหรือชอบ กับลักษณะทีQเป็นลบ คือ ความไม่เห็นด้วย ไม่ชอบ ไม่พึงพอใจ 76 อัลพอร์ท (Allprot) ได้ให้ความหมายว่า เจตคติต่อผู้อืQน เป็นสภาวะความ พร้อมทางจิตใจอันมาจากกระบวนการทางความคิดความเข้าใจ อารมณ์ ความรู้สึก ของบุคคลทีQมีต่อผู้อืQน โดยอาศัยประสบการณ์และความพร้อมเป็นตัวกําหนดทิศทาง ของพฤติกรรมบุคคลทีQมีต่อ บุคคลอืQน วัตถุ สิQงของ หรือสถานการณ์ต่าง ๆ 1.1 ความหมายของเจตคต ิ ต ่อผู้อื6น เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
1.ความหมายและความสําคัญของเจตคติ ต ่อผู้อืCน 78 1.3 ประเภทของเจตคติทีAมีต่อผู้อืAน 1. เจตคต ิในทางบวก (Positive Attitude) คือ ความรู้สึกต่อผู้อืQน หรือสิQงแวดล้อมในทาง ทีQดีหรือยอมรับ พึงพอใจ 2. เจตคต ิในทางลบ (Negative Attitude) คือ ความรู้สึกหรือการแสดงออกต่อผู้อืQน หรือสิQงแวดล้อมทีQไม่พึงพอใจ ไม่ชอบ ไม่ยอมรับ ไม่เห็นด้วย 3. การไม่ แสดงออกทางเจตคต ิ (Passive Attitude) คือ การไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อ บุคคลหรือสิQงต่าง ๆ เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
1.ความหมายและความสําคัญของเจตคติ ต ่อผู้อืCน 79 1. ทําให้เกิดการปรับตัว (Adjustment) 1.4 ความสําคัญของเจตคติทีAดีต่อผู้อืAน 2. เป็นกลไกสําคัญในการป้องกันตัว (Ego Defense) 3. เป็นการแสดงความหมายของค่านิยม (Value Expression) 4. เป็นตัวจัดระเบียบความรู้ (Knowledge) เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
2. การเก ิดและการเปลีCยนแปลงเจตคติทีCมีต่อผู้อืCน 80 การเกิดและการเปลีQยนแปลงเจตคติทีQมีต่อบุคคลอืQน มีอิทธิพลมาจาก สิQงแวดล้อมรอบตัวบุคคล ได้แก่ ครอบครัว บุคคลรอบตัว สืQอมวลชน และ ประสบการณ์ทางตรงทีQสอดคล้องกับเจตคติเดิม โดยมีรายละเอียดดังนีV 1. ครอบครัว 2. บุคคลรอบข้าง 3. สืQอ 4. ประสบการณ์ 2.1 ปัจจัยทีAมีอิ ทธ ิ พลต ่ อการเก ิดและการเปลีAยนแปลงเจตคติ ต ่อผู้อืAน เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
2. การเก ิดและการเปลีCยนแปลงเจตคติทีCมีต่อผู้อืCน 81 2.2 การเก ิ ดเจตคต ิ ต ่อผู้อืAน สาเหตุสําคัญทีQทําให้บุคคลเกิดเจตคติต่อสิQงใดสิQงหนึQงมี R ประการ คือ !. ประสบการณ์เฉพาะอย่าง (specific experiences) D. การติดต่อสืQอสารกับบุคคลอืQน (communication from others) N. ต้นแบบ (models) R. องค์ประกอบของสถาบัน (Institutional factors) เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
2. การเก ิดและการเปลีCยนแปลงเจตคติทีCมีต่อผู้อืCน 82 2.3 การเปลี6ยนแปลงเจตคติที6มีต่อผู้อื6น การเปลีQยนแปลงเจตคติมี D ทาง คือ B.การเปลีAยนแปลงเจตคติในทางเดียวกัน (Congruent Change) หมายถึง เจตคติเดิมของบุคคลทีQเป็นไปในทางบวกจะเพิQมมากขึVนในทางบวก แต่ถ้าเจต คติเป็นไปทางลบก็เพิQมมากขึVนในทางลบด้วย V.การเปลีAยนแปลงเจตคติไปคนละทาง (Incongruent Change) หมายถึง การเปลีQยนแปลงเจตคติเดิมของบุคคลทีQเป็นไปในทางบวกจะลดลงและ ไปเพิQมทางลบ เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
2. การเก ิดและการเปลีCยนแปลงเจตคติทีCมีต่อผู้อืCน 83 การเปลี6ยนแปลงเจตคติ คาร์ล ฮอฟแลสด์(Carl Hovland) นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเยล ผู้สร้างทฤษฎี การเปลีQยนเจตคติ(The Yale Attitude Approach) เชืQอว่าองค์ประกอบของเจตคติด้าน อารมณ์ความรู้สึก(Affective Component) สามารถเปลีQยนได้ โดยความคิดหรือความเชืQอ (Cognitive Component) ของบุคคลทีQเกีQยวข้องกับเรืQองนัVน ๆ การเรียนรู้ข้อมูลใหม่โดย ผ่านการสืQอสารทีQจูงใจหรือการโน้มน้าวใจ (Persuasive Communication) การสืQอสารทีQมี ประสิทธิภาพจะทําให้ได้ข้อมูลทีQสนับสนุนให้เกิดความเชืQอทีQเหมาะสมและมากพอต่อการ เปลีQยนเจตคติ ซึQงประกอบด้วยกระบวนการ 4 ขัVนตอน ดังนีV เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
3. การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวัน 85 3.1 การพัฒนาเจตคติ เช ิงบวกในการอยู่ ร ่วมกับผู้อืAน ซัยยิด มูฮัมหมัด (Syed M, 2013) ได้นําเสนอในเรืQองการสร้างเจตคติเชิงบวกใน การดําเนินชีวิตเพืQอการอยู่ร่วมกับผู้อืQน เจตคติเชิงบวกจึงเป็นความโน้มเอียงทีQจะ มองโลกในแง่ดีและมีความหวัง มีความรับผิดชอบต่อสิQงทีQกระทําอย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเจตคติเชิงลบเป็นสิQงทีQเปลีQยนแปลงได้ยากและต้องใช้เวลาในการ เปลีQยนแปลง แต่หากบุคคลเห็นความสําคัญก็สามารถเปลีQยนจากเจตคติเชิงลบ เป็นเจตคติเชิงบวกได้ ดังนีV เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
3. การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวัน 86 3.1 การพัฒนาเจตคติ เช ิงบวกในการอยู่ ร ่วมกับผู้อืAน 1. ทําความเข้าใจความคิ ดของตนเอง เจตคติเป็นสิQงทีQเกิดจากความคิดของ ตนเอง สามารถควบคุมได้ แท้จริงแล้วเจตคติเป็นสิQงทีQเกิดขึVนจากการตีความต่อ บุคคล สถานการณ์ หรือสิQงของ หากบุคคลตีความทางบวกจะรู้สึกทางบวกตามไป ด้วย เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
3. การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวัน 87 3.1 การพัฒนาเจตคติ เช ิงบวกในการอยู่ ร ่วมกับผู้อืAน V. นําความเชืAอทางบวกมาใช้ในการตีความ โดยธรรมชาติของมนุษย์บุคคลทุก คนมีความเชืQอทัVงทางบวกและทางลบในตนเอง ความเชืQอและกฎเกณฑ์เกีQยวกับ ชีวิตและการทํางานของบุคคลกําหนดวิธีตีความเหตุการณ์และเจตคติ บุคคลจึง ควรตัดสินใจนําความเชืQอทีQ “เข้มแข็ง” มาใช้ซึQงสร้างเจตคติทีQดีมากกว่าความเชืQอทีQ สร้างเจตคติทีQไม่ดี เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
3. การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวัน 88 3.1 การพัฒนาเจตคติ เช ิงบวกในการอยู่ ร ่วมกับผู้อืAน Ç. ฝึ กคิ ดเช ิ งบวก การคิดเชิงบวกเป็นทักษะทีQต้องใช้การฝึกฝน ดังนัVนจึงควรฝึก ทักษะการคิดเชิงบวกอยู่เสมอ โดยเริQมจากการทําความเข้าใจสถานการณ์ ตีความ และหาหนทางในการแก้ไขปัญหาใหม่ ๆ ในทิศทางทีQสร้างสรรค์ เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
3. การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวัน 89 Ç.V การพัฒนาเจตคติการทํางานร่วมกับผู้อืAน B. การสร้างแรงจูงใจในการทํางานร่วมกัน การปฏิบัติงานให้บรรลุถึง เป้าหมายหรือผลสําเร็จทีQตัVงไว้นัVน ย่อมขาดไม่ได้ทีQจะกล่าวถึงแรงจูงใจในการ ปฏิบัติงาน แรงจูงใจในการทํางานเป็นทีมนัVน เป็นพลังทีQมีอยู่ในตัวของบุคคลใน ทีม เป็นสิQงเร้า แรงขับ แรงกระตุ้น ผ่านการตัVงเป้าหมายความสําเร็จร่วมกันซึQง ต้องอาศัยสัมพันธภาพทีQดี ความรู้สึกเป็นหนึQงเดียวระหว่างกัน เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
3. การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวัน 90 Ç.V การพัฒนาเจตคติการทํางานร่วมกับผู้อืAน V. การสืAอสาร การสืQอสารทีQชัดเจนจะถือเป็นการนําส่งข้อมูลทีQเป็นจริงและเกิด ประโยชน์ แสดงถึงความจริงใจต่อกัน ซึQงมีความสําคัญต่อการสร้างเจตคติทีQดีใน การทํางานร่วมกันให้เป็นไปในเชิงบวก หากการสืQอสารทีQคลุมเครือไม่ชัดเจน ไม่ จริงใจ จะก่อให้เกิดความขัดแย้งในการทํางาน เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
สรุป 1. เจตคติต่อผู้อืQน คือ ความคิดความเข้าใจ อารมณ์ความรู้สึก และแนวโน้มของพฤติกรรม ของบุคคลทีQมีต่อบุคคลอืQน 2. การเกิดและการเปลีQยนแปลงเจตคติทีQมีต่อบุคคลอืQน มีอิทธิพลมาจากสิQงแวดล้อมรอบตัว บุคคล ได้แก่ ครอบครัว บุคคลรอบตัว สืQอ และประสบการณ์ 3. สาเหตุสําคัญทีQทําให้บุคคลเกิดเจตคติต่อ สิQงใดสิQงหนึQงมี R ประการ คือ ประสบการณ์ เฉพาะอย่าง การติดต่อสืQอสารกับบุคคลอืQน ต้นแบบ และองค์ประกอบของสถาบัน 4. การเปลีQยนเจตคติ ประกอบด้วยกระบวนการ 4 ขัVนตอน ได้แก่ การใส่ใจ (Attention) ความเข้าใจ (Comprehension) การยอมรับ (Acceptance) และความคงอยู่ (Retention) 5. สามารถนําการพัฒนาเจตคติทีQดีต่อผู้อืQนมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวันได้ เช่น การอยู่ ร่วมกับผู้อืQน และการทํางานร่วมกับผู้อืQน เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 91 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
วัตถุประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายและความสําคัญของความแตกต่างระหว่างบุคคล 2. อธิบายการศึกษาเกีQยวกับความแตกต่างระหว่างบุคคล 3. สํารวจปัจจัยต่าง ๆ ทีQเป็นสาเหตุหลักทําให้บุคคลมีความแตกต่างกัน 4. นําความรู้เกีQยวกับความแตกต่างระหว่างบุคคลมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวัน การเรียน และการประกอบอาชีพได้ เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 94 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
โครงร่างเนืJอหา 1. ความหมายและความสําคัญของความแตกต่างระหว่างบุคคล 2. ประเภทความแตกต่างระหว่างบุคคล 3. การประยุกต์ความรู้เกีQยวกับความแตกต่างระหว่างบุคคลไปมาปรับใช้ ในชีวิตประจําวัน การเรียน และการประกอบอาชีพ เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 95 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
ความหมายของความแตกต ่ างระหว ่ างบุคคล • คารเวอร์และ ไชเออร์(Carver, Scheier, 2000) ให้คําจํากัดความของความ แตกต่างระหว่างบุคคล (Individual differences) หมายถึง คุณลักษณะทาง จิตวิทยา หรือแนวโน้มทีQติดตัวบุคคลมายาวนานทีQสะท้อนให้เห็นถึงความ สมํQาเสมอ ความเป็นเหตุเป็นผลภายใน และความโดดเด่นส่วนบุคคล • ศรีสมร สุริยาศสิน (2560) ให้ความหมายของความแตกต่างระหว่างบุคคล หมายถึง ความแตกต่างระหว่างบุคคลในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา และสังคม ไม่มีบุคคลใดทีQเหมือนกันทุกอย่าง แม้กระทัQงฝาแฝด ทีQเกิดจากไข่ใบเดียวกันก็ตาม เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 96 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
ความหมายของความแตกต ่ างระหว ่ างบุคคล • จําเนียร ช่วงโชติ(2536) กล่าวถึง เอกลักษณ์ของแต่ละบุคคล คือ แบบลักษณะ ทีQเฉพาะของตัวเอง ไม่ซํVาแบบใคร และไม่มีใครเหมือน ดังนัVนเอกลักษณ์ของแต่ ละบุคคล จึงเป็นลักษณะเฉพาะตัวทีQไม่เหมือนใคร สรุปได้ว่า ความแตกต่างระหว่างบุคคล หมายถึง ความไม่เหมือนกันของ คุณลักษณะของแต่ละบุคคลในด้านต่าง ๆ ทัVงทางด้านร่างกาย รูปร่างหน้าตา ความคิด เจตคติ สติปัญญา จิตใจ และสังคม ทีQส่งผลทําให้บุคคลมีความแตกต่าง จากผู้อืQน เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 97 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
ความสําคัญของความแตกต่ างระหว ่ างบุคคล เมืQอบุคคลมีการร่วมกลุ่มกันก็ย่อมทําให้บุคคลมีการเปรียบเทียบสิQงต่าง ๆ โดย อาจจะการรับรู้ถึงความคล้ายคลึง หรือแตกต่างระหว่างตนเองกับผู้อืQน ซึQงเมืQอพิจารณาถึง ลักษณะของความแตกต่างระหว่างบุคคล อาจแบ่งได้ 2 ลักษณะสําคัญ คือ 1) ความแตกต ่างภายในของบุคคล (Intra-individual differences) คือ ความ แตกต่างของตนเองทีQมีอยู่ภายในตน เป็นความผันแปรภายในของบุคคลเดียวกันในเวลาทีQ ต่างกัน ตัVงแต่ทีQบุคคลเกิดและเจริญเติบโตเข้าสู่ในแต่ละช่วงวัย 2) ความแตกต ่ างระหว ่ างของบุคคล (Inter-individual differences) คือ ความ แตกต่างของบุคคลในด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา แม้แต่พีQน้องทีQอยู่ในครอบครัว เดียวกันมีสภาพแวดล้อมทีQคล้ายคลึงกันก็ยังพบว่ามีพฤติกรรมทีQแตกต่างกัน เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 98 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
ความสําคัญของความแตกต่ างระหว ่ างบุคคล การเข้าใจความแตกต่างระหว่างบุคคลย่อมเป็นประโยชน์ต่อการดํารงชีวิตและ การอยู่ร่วมกับบุคคลอืQนในสังคม ในบริบทต่าง ๆ อาทิ - หัวหน้าทีQมีทักษะการสืQอสารและมอบหมายงานให้ลูกน้องแต่ละบุคคล โดยคํานึงถึง ความแตกต่างในความสามารถ ความถนัด บุคลิกภาพของลูกน้อง - คุณครูทีQเข้าใจธรรมชาติและลักษณะของผู้เรียนแต่ละคนทีQมีความพร้อมในการเรียนรู้ทีQ แตกต่างกัน - ผู้ให้บริการทีQยอมรับและตัVงใจให้บริการแก่ลูกค้าหรือผู้รับบริการด้วยความเข้าอกเข้าใจ - พ่อแม่ทีQเข้าใจและยอมรับว่าบุตรหลานของตนแต่ละคนนัVนก็มีลักษณะบุคลิกภาพทีQไม่ เหมือนกัน การเข้าใจความแตกต่างระหว่างบุคคลในบริบทดังกล่าว ย่อมช่วยให้เกิดการ ยอมรับในธรรมชาติของมนุษย์ว่า “มนุษย์แต่ละคนนัRนต่างมีลักษณะเฉพาะแตกต่างกันไป" เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 99 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
การศึกษาความแตกต่ างระหว ่ างบุคคล การศึกษาความแตกต่างระหว่างบุคคลในอดีตแล้ว จะพบว่ามีการศึกษาทีQเด่นชัด เกีQยวข้องกับทางด้านสติปัญญา และบุคลิกภาพของบุคคล อาทิ • เมืQอ 427 – 347 สมัยกรีกโบราณ นําโดย เพลโต (Plato) เขียนหนังสือชืQอ The Republic ได้แสดงทัศนะความเชืQอว่า ไม่มีบุคคลใดทีQเกิดมาเหมือนกันทุกประการ • ในศตวรรษทีQ 19 เซอร์ฟรานซีส กัลตัน (Sir Francis Galton) ได้ศึกษาเรืQอง กรรมพันธุ์กับความสามารถของบุคคล โดยเชืQอว่าสติปัญญาและความสามารถของ แต่ละคนขึVนอยู่กับกรรมพันธุ์ • ในศตวรรษทีQ Dµ นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ชืQอ เจมส์ เมคคีน แคทเทล (James Mckeen Cattell) ได้ให้ความสนใจการแตกต่างระหว่างบุคคล และได้ริเริQมออกแบบ ทดสอบความสามารถทางสมอง และแบบทดสอบการปฏิบัติงาน (Performance Test) เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 100 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย