The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 10พัฒธนพงษ์ ทองรอด, 2023-06-12 05:41:50

RAM1141ฉบับใหม่

RAM1141ฉบับใหม่

การศึกษาความแตกต่ างระหว ่ างบุคคล นักจิตวิทยาชาวสวิสแลนด์ คาร์ล จุง (Carl Jung) ได้ศึกษาและจําแนกบุคลิกภาพบุคคล ออกเป็นลักษณะใหญ่ 2 กลุ่ม คือ • ลักษณะของบุคลิกภาพแบบเก็บตัว (Introvert) บุคคลทีQมีบุคลิกภาพแบบเก็บตัว จะเป็นคนทีQไม่กล้าแสดงออก ขีVอาย ให้ความสนใจกับตนเองมากกว่าสังคม • ลักษณะของบุคลิกภาพแบบเปิดเผยตัวตน (Extrovert) คือ บุคคลทีQชอบแสดง ตนชอบพูดคุย สนุกสนาน กล้าแสดงออก ชอบเข้าสังคม แต่อย่างไรก็ตาม บุคคลบางคนอาจจะมีลักษณะไม่เด่นชัดว่าตนเองเป็นแบบ เปิดเผยตนเอง หรือ แบบเก็บตัว จุงได้กล่าวถึงบุคคลทีQมีลักษณะบุคลิกภาพแบบนีVว่า เป็นบุคลิกภาพแบบกลาง ๆ (Ambivert) คือ ไม่ชอบเก็บตัวมากไปและไม่ชอบ แสดงออกมากไป เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 101 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


สาเหตุทีCทําให้บุคคลมีความแตกต่างกัน ในทางจิตวิทยาส่วนใหญ่เมืQอมีการอธิบายถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล พบว่า มีสาเหตุหลักสําคัญ 2 ประการ คือ พันธุกรรม และ สิAงแวดล้อม 1. พันธุกรรม (Genetic) เป็นการถ่ายทอดคุณลักษณะทางด้านชีวภาพทัVงหมดจากพ่อ และแม่ไปสู่ยังลูก โดยมียีนส์ (Gene) ทีQเป็นหน่วยของพันธุกรรมทีQกําหนดคุณลักษณะ ทางชีวภาพ การถ่ายทอดทางพันธุกรรมทําให้เกิดความแตกต่างทางสายพันธุ์และเชืVอ ชาติ รวมถึงโรค หรือความผิดปกติบางด้านทีQถูกถ่ายทอดทางพันธุกรรม อาทิ ตาบอดสี ความบกพร่องทางสติปัญญา ดาวน์ซินโดรม เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 102 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


สาเหตุทีCทําให้บุคคลมีความแตกต่างกัน ส ิAงแวดล้อมก่ อนคลอด ตัVงแต่การปฏิสนธิของตัวอ่อนในครรภ์มารดา เมืQอมารดารับรู้ว่าตนเองได้ ตัVงครรภ์แล้ว การดูแลบํารุงครรภ์ของมารดาถือว่าเป็นสิQงสําคัญ โดยสิQงแวดล้อมก่อน คลอดทีQสําคัญ ได้แก่ -สุขภาพร่างกายของมารดา -สุขภาพจิตของมารดา - การบริโภคของมารดา - การได้รับสารพิษและการได้รับรังสี -อายุของมารดา -จํานวนทารกในครรภ์ เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 104 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


สาเหตุทีCทําให้บุคคลมีความแตกต่างกัน ส ิAงแวดล้อมขณะคลอด หลังจากทีQทารกมีการเจริญเติบโตอยู่ในครรภ์มารดาครบ 9 เดือน มารดาก็เริQมมี อาการปวดท้องจะคลอดบุตร โดยในช่วงระหว่างการคลอดนีVหากทารกได้รับการ กระทบกระเทือน หรือมีความยากลําบากในการคลอดอาจจะส่งผลต่อพัฒนาการของทารก ต่อไปได้ ดังนัVนสภาพแวดล้อมในขณะคลอดจึงมีความสําคัญ หากมีสภาวะการขาด ออกซิเจน การได้รับบาดเจ็บทางระบบประสาท ก็จะเป็นอันตรายและส่งผลกระทบกับ ทารก เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 105 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


สาเหตุทีCทําให้บุคคลมีความแตกต่างกัน ส ิAงแวดล้อมหลังคลอด หลังจากการคลอดทารกทีQเกิดมาแล้วควรได้รับการอบรมเลีVยงดูด้วยความรักและ เอาใจใส่ เพืQอส่งเสริมให้ทารกมีพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญาทีQ เหมาะสม โดยสิQงแวดล้อมหลังคลอดของเด็กเริQมต้นจากหน่วยสังคมขนาดเล็กทีQสุดนัQน คือ ครอบครัว ซึQงในช่วงวัยแรกเกิดจนถึง 5 ปีแรกในทางจิตวิทยาถือว่าทีQเป็นช่วงวัยทีQ สําคัญต่อการเสริมสร้างบุคลิกภาพของแต่ละบุคคลด้วย และเมืQอเด็กโตขึVนก็เข้ารับ การศึกษาในสถาบันการศึกษา จนสามารถดําเนินชีวิตในสังคมได้ เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 106 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


ส ิCงแวดล้อมหลังคลอดทีCสําคัญ 1. ส ิAงแวดล้อมภายในครอบครัว ครอบครัวมีอิทธิพลต่อความคิด ความเชืQอ ค่านิยม เจตคติและบุคลิกภาพของบุคคลเป็นอย่างมาก สิQงแวดล้อมภายในครอบครัวครอบคลุม ถึงบรรยากาศภายในครอบครัว ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัว การอบรม เลีVยงดูจากพ่อแม่ หรือผู้ดูแล 2. ส ิAงแวดล้อมในสถานศึกษา สถานศึกษาประกอบด้วยสิQงแวดล้อมทางกายภาพ และ บุคคลรอบตัวนักเรียน เพืQอนนักเรียน ครูอาจารย์ ล้วนมีผลต่อการเติบโตของนักเรียนและ นักศึกษาได้ทัVงสิVน 3. ส ิAงแวดล้อมในสังคม ในการดํารงชีวิตของบุคคลย่อมได้รับอิทธิพลจากสิQงแวดล้อม ทางสําคัญ ซึQงอาจจะเกีQยวข้องกับภาษา ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมและค่านิยม อิทธิพลสืQอโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 107 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


ประเภทความแตกต่ างระหว ่ างบุคคล การศึกษาความแตกต่างระหว่างบุคคลสามารถแบ่งประเภทของความแตกต่างได้ดังนีV • ความแตกต่างทางด้านร่างกาย • ความแตกต่างทางด้านเพศ • ความแตกต่างทางด้านอารมณ์ • ความแตกต่างทางด้านสติปัญญา • ความแตกต่างทางด้านบุคลิกภาพ • ความแตกต่างทางด้านเชืVอชาติ • ความแตกต่างทางด้านสังคมและเศรษฐกิจ เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 108 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


การประยุกต์ใช้ความรู้เกี3ยวกับความแตกต่ างระหว ่ างบุคคล การนําแนวคิดเกีQยวกับความแตกต่างระหว่างบุคคลไปปรับใช้กับการดําเนิน ชีวิตประจําวันของตนเอง สามารถเริQมต้นได้จากการสํารวจและวิเคราะห์ตนเอง เพืQอเป็น การรู้จักตนเองว่ามีลักษณะบุคลิกภาพเป็นเช่นไร หากมีบุคลิกภาพส่วนใดทีQบุคคล ต้องการจะพัฒนาหรือเปลีQยนแปลงตนเองให้มีบุคลิกภาพทีQดีก็สามารถลงมือกระทําได้ ทัVง ในด้านบุคลิกภาพภายนอก เช่น การแต่งกาย การพูดและการนําเสนอ การกล้า แสดงออก เป็นต้น ส่วนบุคลิกภาพภายในของบุคคลในทางจิตวิทยาก็ถือว่ามีความสําคัญ เป็นอย่างมาก เพราะเป็นความคิด ความรู้สึก เจตคติของบุคคลทีQสะท้อนถึงความเชืQอ และค่านิยมส่วนบุคคลตามประสบการณ์ ซึQงการเปลีQยนแปลงเจตคติสามารถทําได้ โดย การศึกษาข้อมูลและใช้การพิจารณาด้วยเหตุและผล การขจัดอคติส่วนบุคคล และการ ยอมรับด้วยความเข้าอกเข้าใจ เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 109 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวันกับการเรียนรู้ของบุคคล ลีลาการเรียนรู้ทีAแตกต่ างและหลากหลาย แต ่ละคนสามารถสํารวจตนเองว่ามีลีลาลักษณะใด Fleming and Mills, (1992) ได้แบ่งลีลาการเรียนรู้ตามความชอบหรือความถนัดในการรับข้อมูลของ บุคคลออกเป็น 4 กลุ่ม โดยเรียกว่า VARK Learning Styles 1. ลีลาการเรียนรู้ทีQสืQอด้วยภาพและสัญลักษณ์ V (Visual) บุคคลเรียนรู้ได้ดีเมืQอมองเห็นข้อมูลต่างๆ ในรูปแบบ แผนภาพ กราฟ แผนภูมิ และสัญลักษณ์ต่างๆ 2.ลีลาการเรียนรู้ทีQสืQอด้วยเสียง A (Aural / Auditory) บุคคลเรียนรู้ได้ดีผ่านการได้ยินได้ฟัง ชืQนชอบ การฟังบรรยาย การพูดคุย หรือคิดออกมาดังๆ เป็นการใช้ความคิดผ่านการพูด 3. ลีลาการเรียนรู้ทีQสืQอด้วยอักษร R (Read / write) บุคคลการเรียนรู้ทีQเน้นการรับและส่งข้อมูลผ่าน การอ่านและการเขียน บุคคลกลุ่มนีVมักมีสมุดบันทึกติดตัวเพืQอจดบันทึก 4. ลีลาการเรียนรู้ทีQสืQอด้วยสัมผัสและการกระทํา K (Kinesthetic) บุคคลเรียนรู้ได้ดีเมืQอใช้ ประสบการณ์และการลงมือปฏิบัติ เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 110 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


สรุป ความแตกต่างระหว่างบุคคลเป็นคุณสมบัติเฉพาะบุคคลทีQส่งผลทําให้เกิดความ หลากหลายทางบุคลิกภาพทัVงในลักษณะบุคลิกภาพภายในและภายนอก โดยมีสาเหตุหลัก สําคัญทีQทําให้เกิดความแตกต่างระหว่างบุคคลนัVน คือ พันธุกรรม และสิQงแวดล้อมต่าง ๆ นอกจากนีVประเภทความแตกต่างระหว่างบุคคลนัVนยังมีหลากหลายด้าน อาทิ ความแตกต่าง ทางเพศ อารมณ์ บุคลิกภาพ เชืVอชาติ วัฒนธรรม สังคมเศรษฐกิจ ความสามารถ สติปัญญา และลีลาการเรียนรู้ ฯลฯ การศึกษาและทําความเข้าใจเกีQยวกับความแตกต่างระหว่างบุคคลจึง ช่วยให้บุคคลมีความรู้ความเข้าใจเกีQยวกับบุคลิกภาพของแต่ละคนเป็นพืVนฐาน ซึQงถือว่าเป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติของมนุษย์แต่ละคนทีQจะมีความคิด ความรู้สึก บุคลิกภาพทีQแตกต่างกัน ไปตามประสบการณ์ ดังนัVนในฐานะทีQมนุษย์ทีQต้องพึQงพาอาศัยและมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับบุคคล อืQน ๆ ในสังคม การเรียนรู้ทีQจะยอมรับถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลจึงถือว่าเป็นสิQงสําคัญทีQ ช่วยให้บุคคลสามารถขจัดอคติส่วนตนออกไปได้ และนําไปสู่บรรยากาศทีQดีเกิดความร่วมมือ มากกว่าความขัดแย้ง เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 111 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


วัตถุประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกถึงความหมายและความสําคัญของการสืQอสาร องค์ประกอบการสืQอสาร การวิเคราะห์การสืQอสาร และทักษะในการสืQอสารได้อย่างถูกต้อง 2. อธิบายถึงรูปแบบการสืQอสาร เพศกับการสืQอสาร การสืQอสารต่างวัฒนธรรม และ จริยธรรมการสืQอสารได้อย่างถูกต้อง 3. มีแนวทางในการประยุกต์ความรู้เกีQยวกับการสืQอสารผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การสืQอสารภายในกลุ่มสังคม และการสืQอสารเพืQอพัฒนาบุคคลได้อย่างเหมาะสม เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 114 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


โครงร่างเนืJอหา 1. ความหมายและความสําคัญของการสืQอสารของบุคคล 2. องค์ประกอบการสืQอสาร 3. รูปแบบของการสืQอสาร 4. การวิเคราะห์การสืQอสาร 5. ทักษะการสืQอสาร 6. เพศกับการสืQอสาร 7. การสืQอสารต่างวัฒนธรรม 8. จริยธรรมการสืQอสาร 9. การประยุกต์การสืQอสารในการใช้ชีวิตประจําวัน เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 115 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


ความหมายของการสืCอสาร R“การสืQอสาร” มาจากภาษาลาติน “communis” หมายถึง เหมือนกัน หรือ ร่วมกัน RการสืQอสารเป็นกระบวนการถ่ายทอดข้อมูล ข่าวสาร ความคิด ความรู้สึก ตลอดจนความต้องการผ่านการใช้สัญลักษณ์ การพูด หรือการเขียนของผู้ส่งสาร RการสืQอสารเป็นพฤติกรรมเชิงสัญลักษณ์ ผ่านการตีความ ส่งผลให้ผู้รับสารเกิด พฤติกรรมตอบสนอง RบุคคลสามารถสืQอสารได้จากการเรียนรู้จากสิQงแวดล้อม ซึQงบางคนสืQอสารได้ดี มีความมัQนใจในการสืQอสาร แต่บางคนเกิดความวิตกกังวล และหวาดกลัวทีQจะสืQอสารกับ คนแปลกหน้า RบุคคลสามารถพัฒนาการสืQอสารได้ทุกช่วงวัย หรือตลอดชีวิต Rคุณลักษณะด้านการสืQอสารบ่งบอกถึงบุคลิกภาพของบุคคล เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 116 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


องค์ประกอบของการสืCอสาร การสืQอสารมีองค์ประกอบด้วย ผู้ส่งสาร สาร และช่องทางการสืQอสาร อธิบายได้ ดังนีV 1. ผู้ส่งสาร (Sender) เป็นจุดเริQมต้นของสาร ทัVงทีQเป็นบุคคล หรือองค์การ มีจุดมุ่งหมายในการ ถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก ข้อมูล หรือความต้องการไปยังผู้รับสารผ่านการแสดงท่าทาง การ พูด การเขียน หรือการใช้สืQอประเภทต่าง ๆ ผู้ส่งสารทีQมีประสิทธิภาพจะมีคุณลักษณะ ดังนีV 1 ทักษะการสืQอสาร (communication skills) 2 เจตคติ (attitudes) 3ความรู้ (knowledge) 4ระบบสังคม (social system) 5วัฒนธรรม (culture) เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 117 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


2. สาร (message) เป็นสัญลักษณ์ทีQแสดงถึงความคิด อารมณ์ ความรู้สึก หรือความต้องการ ทีQ อยู่ในรูปของข้อความ ข้อมูล หรือเรืQองราว ทีQถูกส่งผ่านช่องทางการสืQอสาร ด้วยการแสดงท่าทาง การพูด การเขียน หรือการใช้สืQอประเภทต่าง ๆ สารทีQมีคุณภาพจะประกอบด้วย ดังนีV 1 รหัส (code) 2 เนืVอหา (content) 3 การจัดสาร (treatment) 3. ช่องทางการสืQอสาร (channel) หมายถึง ตัวกลางในการนําสารหรือความคิดความต้องการ ของผู้ส่งสารส่งไปยังการผู้รับสารผ่านรับรู้โดยประสาทสัมผัสจากการมองเห็น การได้ยิน การได้ กลิQน การลิVมรส และการสัมผัส โดยช่องทางการสืQอสารสามารถแบ่งออกเป็น D ลักษณะ คือ 1 ช่องทางการสืQอสารระยะใกล้ (short range communication channel) 2 ช่องทางการสืQอสารระยะไกล (long range communication channel) เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 118 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


4. ผู้รับสาร (receiver) หมายถึง บุคคลหรือกลุ่มคนทีQรับและพิจารณาข้อมูล หรือเรืQองราวต่าง ๆ โดยบุคคลจะรับสารได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ขึVนอยู่กับ ~ องค์ประกอบ ดังนีV 1) ทักษะในการสืQอสาร (communication skills) 2) เจตคติ (attitudes) 3) ความรู้ (knowledge) 4) ระบบสังคม (social system) 5) วัฒนธรรม (culture) เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 119 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


รูปแบบการสืCอสาร การสืQอสารระมีหลายรูปแบบตามโอกาสและความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การสืQอสาร ทีQสามารถจําแนกออกได้เป็น 2 รูปแบบ ดังนีV 1. การสืQอสารทางเดียว (one - way communication) เป็นการสืQอสารจากผู้ส่งสารถึงผู้รับ สารฝ่ายเดียว โดยผู้รับสารจะไม่สามารถตอบกลับความคิด ความรู้สึก หรือแสดง พฤติกรรมใด ๆ กลับไปยังผู้ส่งสาร การสืQอสารทางเดียวจะไม่เกิดการปฏิสัมพันธ์ระหว่าง ผู้ส่งสารกับผู้รับสารในทันทีทันใด เช่น วิทยุ หรือโทรทัศน์ เป็นต้น 2. การสืQอสารสองทาง (two-way communication) เป็นการสืQอสารในลักษณะการตอบโต้ กันระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสาร ทัVงกรณีทีQมีการสืQอสารสองทางพร้อมกันเมืQอผู้ส่งสารและ ผู้รับสารอยู่ในสถานทีQเดียวกัน และกรณีสืQอสารสองทางสลับกันในกรณีทีQผู้ส่งสารและผู้รับ สารอยู่คนละสถานทีQ โดยต่างฝ่ายต่างสลับกันทําหน้าทีQเป็นผู้ส่งสารและผู้รับสาร เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 120 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


การว ิเคราะห์การสืCอสาร บุคคลสามารถรับรู้และเข้าใจถึงความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมของผู้คนรอบข้าง ด้วยการวิเคราะห์การสืQอสาร โดยอีริค เบิร์น (Eric Berne) ได้แบ่งบุคลิกภาพทีQเกิดจากแรงขับ (ego state) ทีQส่งผลต่อพฤติกรรมการสืQอสารของบุคคลออกเป็น N ลักษณะ ดังนีV 1. การสืQอสารแบบพ่อแม่ (parent ego state) 1) การสืQอสารแบบพ่อแม่ทีQดุดัน (critical parent) 2) การสืQอสารแบบพ่อแม่ทีQดูแลปกป้อง (nurturing parent) 2. การสืQอสารแบบผู้ใหญ่ (adult ego state) 3. การสืQอสารแบบเด็ก (child ego state) 1) การสืQอสารแบบเด็กตามธรรมชาติ (natural child) 2) การสืQอสารแบบเด็กช่างคิด (little professor) 3) การสืQอสารแบบเด็กปรับตัว (adapted child) เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 121 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


ทักษะการสืCอสาร บุคคลทีQสืQอสารได้อย่างมีประสิทธิภาพจะมีความสามารถและทักษะการสืQอสารทีQดี อันจะ ทําให้กระบวนการสืQอสารมีความสมบูรณ์ ซึQงทักษะการสืQอสารทีQสําคัญ มีดังนีV 1. ทักษะการฟัง (listening skills) 2. ทักษะการพูด (speaking skills) 3. ทักษะการอ่าน (reading skills) 4. ทักษะการเขียน (writing skills) เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 122 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


เพศกับการสืCอสาร บุคคลมีความแตกต่างกันตามอัตลักษณ์ทางเพศทีQส่งผลต่อลักษณะการสืQอสารและ การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลทีQแตกต่างกัน ดังนัVน การแสดงออกในอัตลักษณ์ทางเพศทีQ แตกต่างกัน สามารถแบ่งบุคลิกภาพของบุคคลออกเป็นลักษณะย่อย ๆ ดังนีV 1. เพศชาย (male) การสืQอสารจะเป็นลักษณะทีQมีการพูดโดยใช้เสียงโทนทุ้มตํQา การแสดง ท่าทางของผู้ชายจะมีลักษณะทีQแข็งกร้าว ดุดัน และเปิดเผยความรู้สึกไม่มากนัก ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ จะมีความสนใจในการติดต่อสืQอสารน้อยกว่าผู้หญิง 2. เพศหญิง (female) การสืQอสารจะมีลักษณะการพูดหรือการแสดงออกทีQนุ่มนวลกว่าผู้ชาย การพูดจะมีโทนเสียงทีQกว้าง นํVาเสียงแหลมเล็ก และการแสดงท่าทางจะมีความระมัดระวังในการ เคลืQอนไหว การสืQอสารของผู้หญิงจะเปิดเผยความรู้สึกผ่านการยิVมแย้มได้ง่าย อีกทัVงผู้หญิงส่วน ใหญ่จะมีความต้องการทีQจะสืQอสารพูดคุยกับผู้คนรอบข้างมากกว่าผู้ชาย เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 123 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


3. บุคคลข้ามเพศ (transgender) บุคคลทีQมีความรู้สึกพึงพอใจกับอัตลักษณ์ทางเพศทีQตรงข้าม กับเพศกําเนิดจะแสดงออกในการสืQอสารทีQแตกต่างกันไป ดังสามารถอธิบายได้ ดังนีV 1) ผู้หญิงทีQมีความพึงพอใจในอัตลักษณ์เพศชาย จะแสดงออกให้ผู้คนรอบข้างเห็นถึง ความบึกบึน แข็งแรง เดินด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย แต่งกายด้วยเสืVอผ้าของบุรุษ หรืออาจจะมีการ ผ่าตัดแปลงเพศให้มีความใกล้เคียงกับเพศชายมากยิQงขึVน 2) ผู้ชายทีQมีความพึงพอในอัตลักษณ์เพศหญิง จะดูแลผิวพรรณรักสวยรักงาม มีการแต่งแต้มใบหน้าด้วยเครืQองสําอาง เดินด้วยท่าทางนวยนาด แต่งกายด้วยเสืVอผ้าอาภรณ์ ของผู้หญิง หรืออาจจะมีการผ่าตัดเสริมหน้าอก และหรือแปลงเพศให้มีความใกล้เคียงกับเพศ หญิงมากยิQงขึVน เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 124 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


การสืCอสารต่างวัฒนธรรม • การสืQอสารของประชากรโลกแต่ละประเทศแตกต่างกัน ทัVงภาษาพูดและการแสดงออก ไม่ว่าจะเป็นประเทศอเมริกา ฝรัQงเศส เยอรมนี จีน เกาหลี ญีQปุ่น พม่า ไทย ลาว มีภาษา ของเป็นตนเอง • ประชากรของแต่ละประเทศก็มีความแตกต่างของคนแต่ละภูมิภาค ยกตัวอย่างประชาชน ในประเทศสหรัฐอเมริกาตอนเหนือทีQจะมีความแตกต่างของการใช้คําศัพท์หรือภาษาทีQ แตกต่างจากประชาชนในประเทศสหรัฐอเมริกาตอนใต้ • การสืQอสารของบุคคลทีQมีความแตกต่างทางวัฒนธรรมจะส่งผลให้บุคคลมีลักษณะและ บุคลิกภาพทีQแตกต่างกันด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างกลุ่มคนทีQอาศัยอยู่จังหวัดเชียงใหม่จะพูด ช้ากว่ากลุ่มคนทีQอาศัยอยู่จังหวัดร้อยเอ็ดหรือกลุ่มคนทีQอาศัยอยู่จังหวัดสงขลาจะพูดภาษา ใต้ทีQมีจังหวะรวดเร็ว • ความแตกต่างทางวัฒนธรรมด้านภาษาส่งผลต่อการดําเนินชีวิตของผู้คน เห็นได้จากบุคคล ทีQอาศัยอยู่ภาคเหนือส่วนใหญ่จะมีบุคลิกภาพทีQนิQง ใจเย็น กว่าบุคคลทีQอาศัยอยู่ภาคอีสาน เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 125 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


จร ิยธรรมกับการสืCอสาร จากการเปลีQยนแปลงและเกิดความแตกต่างในบริบททางสังคม ทัVงกลุ่มคน ช่วงวัย ตลอดจนบทบาทหน้าทีQ การกําหนดจริยธรรมการสืQอสารภายในสังคมจึงเป็นสิQงทีQสําคัญ ทีQจะช่วยให้การปฏิสัมพันธ์ของบุคคลมีประสิทธิภาพ Louis Day ได้กล่าวถึงจริยธรรมการ สืQอสาร R ประการ คือ 1. การสร้างสังคมแห่งเหตุผล 2. การมีศรัทธาต่อเสรีภาพและความรับผิดชอบต่อสังคม 3. การเคารพต่อศักดิศรีความเป็นเพืQอนมนุษย์ ¶ 4. การอดทนและยึดมัQนต่อความยุติธรรมตามบรรทัดฐานทางสังคมบนหลักของ ความจริง เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 126 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


การประยุกต์ใช้การสืCอสารในชีวิตประจําวัน การสืQอสารมีความสําคัญต่อการดําเนินชีวิต จึงมีการศึกษาเพืQอให้เกิดความรู้และเข้าใจ เกีQยวกับการสืQอสารประเภทต่าง ๆ ทีQจะสามารถปรับเปลีQยนวิธีการสืQอสารทีQเหมาะสมต่อการ ดําเนินชีวิต และเรียนรู้เพืQอช่วยเหลือ แก้ไข ป้องกัน และพัฒนาบุคคลให้มีศักยภาพในการ ดําเนินชีวิต โดยสามารถประยุกต์การสืQอสารในการดําเนินชีวิตได้ดังนีV 1. การสืQอสารผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นการสืQอสารทีQทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ การดําเนินชีวิตมีความสะดวกสบายจากการส่งและรับข้อมูล ทีQเชืQอมโยงสังคมเข้าด้วยกัน และควรคํานึงถึงความปลอดภัยในการใช้สืQอออนไลน์ทีQเหมาะสม ดังนีV 1) ควรเรียนรู้วิธีการใช้สืQออิเล็กทรอนิกส์ทีQถูกต้อง 2) รักษาข้อมูลสําคัญให้เป็นความลับ 3) ใช้ถ้อยคําทีQเหมาะสม 4) ปฏิบัติตามกฎหมายเกีQยวกับคอมพิวเตอร์ เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 127 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


2. การสืQอสารภายในกลุ่มสังคม การดําเนินชีวิตของผู้คนสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มทางสังคมประเภทต่าง ๆ เช่นครอบครัว ชุมชน โรงเรียน เป็นต้น โดยผู้คนแต่ละกลุ่มสังคมก็จะมีความแตกต่าง กันในด้านต่าง ๆทัVงอายุ วัฒนธรรม บทบาททางสังคม ดังนัVน การสืQอสารภายในกลุ่ม สังคมทีQมีประสิทธิภาพต้องคํานึงถึงประเด็นสําคัญต่อไปนีV 1) เลือกวิธีการสืQอสารทีQเหมาะสม 2) ใช้ภาษาทีQเหมาะสม 3) คํานึงประสิทธิภาพการสืQอสาร เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 128 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


3. การสืQอสารเพืQอพัฒนาบุคคล การพัฒนาบุคคลสามารถดําเนินการด้วยวิธีการทีQหลากหลาย การสืQอสารก็เป็นอีกหนึQงวิธี ทีQสามารถนํามาใช้ในการช่วยเหลือ แก้ไข ป้องกัน และพัฒนาให้บุคคลมีศักยภาพและคุณลักษณะ ทีQเหมาะสมต่อการดําเนินชีวิตมากยิQงขึVน การให้การปรึกษาเป็นการช่วยเหลือให้บุคคลสามารถ รับรู้ เข้าใจ ยอมรับ และปรับตัวต่อสถานการณ์ทีQเกิดขึVนผ่านการสืQอสารระหว่างผู้ให้การปรึกษา กับผู้รับการปรึกษา โดยมีกระบวนการดังนีV 1) สร้างสัมพันธภาพ 2) สํารวจปัญหา 3) ทําความเข้าใจปัญหา 4) วางแผนคลีQคลายปัญหา 5) ยุติการปรึกษา เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 129 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


สรุป • การสื5อสาร เป็นกระบวนการถ่ายทอดข้อมูล ความรู้ ความรู้สึก หรือความต้องการของผู้ส่งสาร ผ่านการพูด การแสดงท่าทาง การเขียน หรือการใช้สัญลักษณ์อื5นใดส่งไปยังผู้รับสาร • องค์ประกอบของการสื5อสาร ประกอบด้วย ผู้ส่งสาร สาร ช่องทางการสื5อสาร และผู้รับสาร • การวิเคราะห์การสื5อสาร สามารถแบ่งบุคลิกภาพออกเป็น X ลักษณะ ประกอบด้วย Y) การ สื5อสารแบบพ่อแม่ Z) การสื5อสารแบบผู้ใหญ่ และ X) การสื5อสารแบบเด็ก • ทักษะการสื5อสาร ประกอบด้วย Y) ทักษะการฟัง (listening skills) 2) ทักษะการพูด (speaking skills) 3) ทักษะการอ่าน (reading skills) และ d) ทักษะการเขียน (writing skills) • จริยธรรมการสื5อสารจําแนกออกเป็น d ประการ ประกอบด้วย Y) การสร้างสังคมแห่งเหตุผล Z) การมีศรัทธาต่อเสรีภาพและความรับผิดชอบต่อสังคม X) การเคารพต่อศักดิศรีความเป็นเพื5อน i มนุษย์ และ d) การอดทนและยึดมั5นต่อความยุติธรรมตามบรรทัดฐานทางสังคมบนหลักของ ความจริง เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 130 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


• การสืQอสารผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ควรคํานึงถึงประเด็นสําคัญต่อไปนีV !) เรียนรู้ วิธีการใช้สืQออิเล็กทรอนิกส์ทีQถูกต้อง D) รักษาข้อมูลสําคัญให้เป็นความลับ N) ใช้ถ้อยคําทีQ เหมาะสม และ R) ปฏิบัติตามกฎหมายเกีQยวกับคอมพิวเตอร์ • การสืQอสารภายในกลุ่มทางสังคมทีQมีประสิทธิภาพต้องคํานึงถึงประเด็นสําคัญต่อไปนีV !) เลือกวิธีการสืQอสารทีQเหมาะสม D) ใช้ภาษาทีQเหมาะสม และ N) คํานึงประสิทธิภาพการ สืQอสาร • การสืQอสารเพืQอพัฒนาบุคคลด้วยการปรึกษามีกระบวนการ ดังนีV !) สร้างสัมพันธภาพ D) สํารวจปัญหา N) ทําความเข้าใจปัญหา R) วางแผนคลีQคลายปัญหา และ ~) ยุติการ ปรึกษา เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 131 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


เอกสารอ้างอิ ง ขนิษฐา จิตแสง. (D~­N). การสืQอสารระหว่างบุคคลจากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ตรัยรัตน์ ปลืVมปิติชัยกุล. (D~­!). จริยธรรมการสืQอสารในยุคสืQอใหม่. วารสารสารสืQอศิลป์ , !(D), N¸-Rã. บญเลิศ วงศ์พรหม. (D~~!). การสืQอสารอย่างมีประสิทธิภาพ. กรุงเทพฯ: ยูเรก้า. ศุภรัศมิ¶ฐิติกุลเจริญ. (D~~R). ทฤษฎีการสืQอสาร. กรุงเทพ: สํานักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคําแหง. Barrett, D. J. (2014). Leadership Communication (4th ed). New York, N. Y.: McGraw-Hill. Castells, M. (2013). Communication Power. Oxford University Press. Day, L.A. (2006). Ethics in Media Communication: Cases and Controversies. United States:Wadsworth Publishing. เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 132 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


วัตถุประสงค์การเรียนรู้ 1. นักศึกษาสามารถอธิบายความหมายของมนุษยสัมพันธ์และให้ความสําคัญกับ มนุษยสัมพันธ์ตลอดจนเข้าใจประโยชน์ของมนุษยสัมพันธ์ทีQดี 2. มีความเข้าใจและอธิบายแนวคิดของมนุษยสัมพันธ์ในแง่มุมต่างๆ ได้ 3. สามารถนําความรู้มาประยุกต์ใช้ทักษะมนุษยสัมพันธ์ในการทํางานและใน ชีวิตประจําวันได้อย่างเหมาะสม เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 134 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


โครงร่างเนืJอหา 1. ความรู้เบืkองต้นเกี5ยวกับมนุษยสัมพันธ์ 1.1 ความหมายและความสําคัญมนุษยสัมพันธ์ 1.2 ประโยชน์ของการมีมนุษยสัมพันธ์ที5ดี 2. แนวคิดการสร้างมนุษยสัมพันธ์ 2.1 แนวคิดมนุษยสัมพันธ์ 2.2 เทคนิคการสร้างมนุษยสัมพันธ์ 2.3 การพัฒนาบุคลิกภาพเพื5อสร้างมนุษยสัมพันธ์ 3. การประยุกต์ใช้ทักษะมนุษยสัมพันธ์ในการทํางานและในชีวิตประจําวัน 3.1 มนุษยความสัมพันธ์กับการจัดการมขัดแย้ง 3.2 กิจกรรมการส่งเสริมมนุษยสัมพันธ์ในองค์การ เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 135 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


มนุษยสัมพันธ์คืออะไร? • มนุษยสัมพันธ์เป็นวิชาทีGว่าด้วยศาสตร์และศิลป์ ในการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีกับบุคคล เพืGอให้ ได้มาซึGงความรักใคร่นับถือ ความจงรักภักดีและความร่วมมือ • มนุษยสัมพันธ์ หมายถึงกระบวนการทางสังคมหรือปฎิกิริยาทางสังคมทีGมนุษย์ต้องใช้ทัYงศาสตร์และ ศิลป์ ในการดําเนินชีวิตและอยู่ร่วมกันในสังคมโดยปราศจากความขัดแย้ง ทุกฝ่ายได้รับความพึงพอใจ นําไปสู่ความร่วมมือร่วมใจในการปฎิบัติงาน เป็นเครืGองมือในการบริหาร เพืGอจูงใจให้ทุกคนทํางาน ด้วยความเต็มใจ ทุ่มเท เสียสละ ทําให้เกิดผลสําเร็จตามเป้าหมาย ตามวัตถุประสงค์ทีGกําหนดไว้เกิด ประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 136 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


ความสําคัญของมนุษยสัมพันธ์ ความสําคัญทีQมีต่อการดําเนินชีวิตในสังคม 1. มนุษยสัมพันธ์จะช่วยให้มนุษย์ไม่ว้าเหว่ 2. มนุษยสัมพันธ์ทําให้มนุษย์ได้รับความช่วยเหลือและได้รับความสําเร็จ 3. มนุษยสัมพันธ์ช่วยให้มนุษย์มีความมัQนคงปลอดภัย 4. มนุษยสัมพันธ์ช่วยให้มนุษย์ได้รับความรักและการยอมรับ เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 137 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


ความสําคัญของมนุษยสัมพันธ์ต่ อการบร ิ หารงาน 1. พนักงานในองค์การล้วนแต่มีความแตกต่างกันผู้บริหารจําเป็นต้องรู้หลักในการ ครองใจพนักงาน และหลักในการสนองความต้องการ นั;นคือการสร้างมนุษยสัมพันธ์ เพื;อให้การทํางานราบรื;น Å. ความซับซ้อนในการบริหารงาน ผู้บริหารจะต้องใช้ความรู้และศิลปะในการสนอง ความต้องการเหล่านั8น 3. พนักงานแต่ละคนมีความต้องการที;แตกต่างกัน ผู้นําจําเป็นต้องมีทักษะในการ สร้างมนุษยสัมพันธ์ที;ดี เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 138 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


ประโยชน์ของการมีมนุษยสัมพันธ์ทีCดี 1. มนุษยสัมพันธ์” เป็นประโยชน์อย่างยิQงในการทํางานและการอยู่ร่วมกันเป็นสังคม 2. ช่วยลดความเกลียดชัง แม้ศัตรูผู้ทีQมีผลประโยชน์ขัดกับเราก็จะกลายไปในทางเห็นอกเห็นใจ เป็นมิตรภาพ 3. ทําให้การดําเนินชีวิตในด้านการใช้ชีวิตส่วนตัวเกิดความเข้าใจด้านการงาน ทุกด้านมีความ ราบรืQนเรียบร้อย 4. สําหรับแง่ประโยชน์ต่อตนเองเกิดความเข้าใจและความเห็นใจซึQงกันและกันช่วยเหลือกัน สามารถสมาคมกับคนในระดับต่างๆได้อย่างดี ประสบความสําเร็จในการศึกษาและการ ประกอบกิจกรรมหรือการอาชีพ 5. ในแง่ส่วนรวมช่วยสร้างความสามัคคีกลมเกลียวขึVนในหมู่คณะร่วมใจกันทํางานให้สําเร็จ ลุล่วงไปด้วยดีโดยปราศจากความขัดแย้ง อยู่อย่างมีความสุขและช่วยพัฒนาให้สังคมและ ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าทางสังคม เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 139 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


แนวค ิดเกีCยวกับมนุษยสัมพันธ์ของมนุษย์ แนวคิดเรืQองธรรมชาติของมนุษย์ 1. ความแตกต่างระหว่างบุคคล (Individual differences) 2. การคํานึงถึงบุคคลในลักษณะผลรวม (A whole person) 3. สาเหตุของการเกิดพฤติกรรม (A caused behavior) 4. มนุษย์มีคุณค่าและศักดิศรี ( ¶ Dignity) 5. มนุษย์มีความซับซ้อน (Complex) เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 140 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


กระบวนการสร้างมนุษยสัมพันธ์มีดังนีJ 1. การศึกษาตนเองและผู้อืQน 2. การแก้ไขปรับปรุงตนเอง 3. ศึกษาสภาพวัฒนธรรม ประเพณี และสังคม 4. ศึกษาหลักและและวิธีสร้างมนุษย์สัมพันธ์ 5. นําหลักและวิธีสร้างมนุษยสัมพันธ์ไปใช้ในชีวิตจริง เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 141 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


เทคน ิคการสร้างมนุษยสัมพันธ์ 1. เทคนิคการสร้างมนุษยสัมพันธ์เพืQอเอาชนะใจผู้อืQน - อย่าตําหนิ ประนาม พรํQาบ่น หรือนินทา - จงยกย่องสรรเสริญผู้อืQนด้วยความสุจริตใจ - จงเอาใจใส่ผู้อืQนอย่างแท้จริง - การยิVม - จดจําชืQอบุคคล - จงเป็นนักฟังทีQดี - จงทําให้ผู้อืQนเกิดความรู้สึกว่าเป็นคนสําคัญ เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 142 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


เทคน ิคการสร้างมนุษยสัมพันธ์ 2. เทคนิคการสร้างความสัมพันธ์ภายในกลุ่ม • การเปิดโอกาสให้มีช่วงเวลาทีQสมาชิกจะทําความรู้จัก และคุ้นเคยกัน • ให้เวลาสมาชิกในการสืQอสารเกีQยวกับความต้องการและจุดมุ่งหมายร่วมกัน • สร้างเสียงหัวเราะและอารมณ์ขัน • ให้เวลาในการกําหนดเป้าหมายร่วมกัน เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 143 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


เทคน ิคการสร้างมนุษยสัมพันธ์ 3. เทคนิคการสร้างมนุษยสัมพันธ์ในที9ทํางาน • เป็นตัวของเราเอง และแสดงออกถึงความจริงใจ • กระตือรือร้นและสร้างความประทับใจ • รับฟังที9ดีและสามารถเข้าถึงจิตใจได้ • ปรับตัวเป็นเลิศ สร้างสายสัมพันธ์ • มีความอดทนและอดกลัMน ให้อภัยและไม่คิดมาก • วาจาไพเราะและรักษามิตรภาพเอาไว้ • แสวงหาเครือข่ายและขยายมิตรสัมพันธ์ เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 144 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


การพัฒนาบุคลิกภาพเพื0อสร้างมนุษยสัมพันธ์ การพัฒนาบุคลิกภาพคือ วิธีการเปลีGยนแปลงให้มีบุคลิกภาพทีดีขึYน และดําเนินชีวิตได้อย่างเป็น สุข มีพลังในการทํางานมากขึYน เกิดกระบวนการทําให้มีการเปลีGยนแปลงไปในทางทีGดี และทัศนคติทีGดีต่อ การเปลีGยนแปลง การพัฒนาบุคลิกภาพแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะสําคัญดังนีY 1. การพัฒนาบุคลิกภาพภายใน 2. การพัฒนาบุคลิกภาพภายนอก เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 145 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


มนุษยสัมพันธ์กับการจัดการความข้ดแย้ง ความขัดแย้ง หมายถึง สภาพการณ์หรือสถานการณ์ทีQเป็นความแตกต่างทีQบุคคล 2 คนหรือมากกว่าแสดงพฤติกรรมเปิดเผยออกมาอย่างแตกต่างกัน ด้วยสาเหตุหลายประการ ได้แก่ 1. มีการรับรู้เป้าหมายทีQแตกต่างกัน 2. มีความเข้าใจผิดหรือไม่เข้าใจในวัตถุประสงค์ 3. มีความต้องการทีQแตกต่างกัน 4. มีการแย่งชิงในสิQงเดียวกัน 5. ต้องการความเท่าเทียมกันทัVงด้านวัตถุประสงค์และคุณค่า เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 146 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


ประเภทของความขัดแย้ง ประเภททีQ1 ความขัดแย้งภายในบุคคล (Intrapersonal Conflict) ประเภททีQ 2 ความขัดแย้งระหว่างบุคคล (Interpersonal Conflict) ประเภททีQ 3 ความขัดแย้งภายในกลุ่ม (Intragroup Conflict) ประเภททีQ 4 ความขัดแย้งในองค์การ (Intra Organizational Conflict) ประเภททีQ 5 ความขัดแย้งระหว่างองค์การ (Inter Organizational Conflict) เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 147 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


ผลดีและผลเสียของความขัดแย้ง 1. ก่อให้เกิดความตระหนักและรับรู้ในปัญหาทีQเกิดขึVน 2. ความขัดแย้งก่อเกิดการเปลีQยนแปลงในด้านต่างๆ 3. ช่วยให้มีการปรับปรุงทางเลือกในการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ 4. สร้างความรู้สึกร่วมในปัญหาทีQเกิดขึVน 5. ก่อให้เกิดการเรียนรู้และปรับปรุงพฤติกรรมซึQงกันและกัน 6. ช่วยเพิQมวุฒิภาวะให้กับบุคคล 7. ช่วยให้เกิดการพิสูจน์หาข้อเท็จจริงทีQสมเหตุสมผล 8. ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์สิQงแปลกใหม่ 9. สัมพันธภาพระหว่างบุคคลเสืQอมลงไป 10. บรรยากาศความจริงใจและความไว้วางใจจะหมดสิVนไป เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 148 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


พฤต ิกรรมในการจัดการความขัดแย้ง จอห์นสันมีแนวคิดว่าบุคคลแตกต่างกัน จึงมีกลยุทธ์ในการจัดการความขัดแย้งแต่ละคนมี รูปแบบการแก้ปัญหาเป็นของตน สามารถจําแนกได้เป็น 5 แบบคือ 1. ลักษณะการหลีกเลีGยงแบบเต่า (ถอนตัวหรือหดหัว) Avoiding 2. ลักษณะการใช้กําลังในการแข่งขันแบบฉลาม (บังคับหรือชอบใช้กําลัง) Competing 3. ลักษณะการยินยอมให้ผู้อืGนแบบตุ๊กตาหมี (สัมพันธภาพแบบราบรืGน) Accommodating 4. ลักษณะการประนีประนอมแบบสุนัขจิYงจอก (แก้ปัญหาเฉพาะหน้า) Compromising 5. ลักษณะการร่วมมือซึGงกันและกันแบบนกฮูก(เผชิญหน้ากันและสุขุม) Collaborating เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 149 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


ก ิ จกรรมการส ่ งเสร ิมมนุษยสัมพันธ์ในองค์การ นายแพทย์ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์ ได้เสนอแนวคิดในการสร้างความสุขใน การทํางาน 8 ประการคือ 1. Happy Body 5. Happy Soul 2. Happy Heart 6. Happy Money 3. Happy Relax 7. Happy Family 4. Happy Brain 8. Happy Society เอกสารประกอบการสอน RAM1141 ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพ 150 หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย หนังสือนี้เป็นเอกสารทางราชการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย ห้ามพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย


Click to View FlipBook Version