The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by หนังสือ, 2023-09-25 03:27:29

การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร

การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร

43 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 สูตร/ชื่อสมุนไพรรสยาและสรรพคุณงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง บัวบก รสเย็น ลดการอักเสบ ใบมีสาร Asiaticoside Centella asiatica (L.) Urb.มีสารส�ำคัญชนิด asiaticoside, และ madecassoside ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบ โดยกลไกการยับยั้งเอนไซม์ COX - 1 และ COX - 27 ย่านางรสเย็น รากแห้ง แก้ไข้ทุกชนิด Tiliacora triandra (Colebr.) Diels พบว่าใบอุดมไปด้วยสารกลุ่มฟีนอลิค ฟลาโวนอยด์และคลอโรฟิลล์ ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และสามารถ ต้านการอักเสบ8 ข่า รสเผ็ดร้อน เป็นยาขับลม กินแก้โรคปวดข้อ แก้ฟกบวม โดยใช้ข่า แก่ฝานเป็นชิ้นบางๆ ชุบเหล้าโรงทา Alpinia galanga (L.) Willd. พบฤทธิ์ต้านการอักเสบทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง ในสัตว์ทดลองที่ได้รับสารสกัดจากเหง้าด้วยเอทานอล และน�้ำมันหอมระเหยที่ได้จากการกลั่น โดยกลไกที่ต้าน การอักเสบเกิดจากการที่สารส�ำคัญในข่า คาดว่าน่าจะ เกิดจากการยับยั้งกระบวนการสร้างสาร Serotonin และ ้Histamine9


44 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงานสูตร/ชื่อสมุนไพรรสยาและสรรพคุณงานวิจัยที่เกี่ยวข้องพริกรสเผ็ดร้อน เพิ่มความร้อน ลดปวดCapsicum flutescens L.มีการศึกษาพบว่าสารสกัดในพริก (capsaicin)ว่านอกจากจะมีฤทธิ์ลดปวดแล้ว ยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้เทียบเท่ายา Diclofenac10พิมเสนรสเย็นหอม ใช้พิมเสนเป็นยาขับเหงื่อ ขับเสมหะ แก้บาดแผลสด แผลเรื้อรัง แผลกามโรค แผลเนื้อร้ายBorneol จาก Dryobalanops aromatica Gaertn.หรือ Blumea balsamifera (L.) DC.มีการศึกษาพบว่า พิมเสน มีฤทธิ์ลดปวดและการอักเสบในหนูทดลอง (mice)11แป้งข้าวหมากรสร้อน เพิ่มการไหลเวียนเลือด ลมsweet fermented rice (Oryza sativa L.) แป้งข้าวหมากอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ12 พิมเสนต้น รสเย็นหอม แก้ไข้ตัวร้อน ถอนพิษไข้ ลดความร้อนในร่างกาย Pogostemon cablin (Blanco) Benth.มีการศึกษาพบว่าสารสกัดจากรากและเหง้าในเอทานอลมีฤทธิ์ลดอาการอักเสบในสัตว์ทดลอง13 ผักกะโฉม รสเย็น แก้ไข้พิษ (กระทุ้งพิษ) ไข้ตัวร้อน ไข้หวัด Limnophila rugosa (Roth) Merr. มีการศึกษาในหลอดทดลอง พบสารชื่อ Nevadensin (5,7-dihydroxy-6,8,4’-trimethoxyflavone) สามารถ ยับยั้ง cyclooxygenase-1 และ 2 (COX-1 and COX-2)14


45 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 สูตร/ชื่อสมุนไพรรสยาและสรรพคุณงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง หมากผู้ หมากเมียรสจืด มัน เย็น แก้ไข้ตัวร้อน เหือดหัด อีสุกใส อีด�ำอีแดง Cordyline fruticosa (L.) A.Chev. สารสกัด C. fruticosa (L.) A. Chev. ในเมทานอลประกอบ ด้วยสารส�ำคัญชนิด Farrerol, quercetin helichrysoside, apigenin, 8-β-D-glucopyranoside, isoquercitrin และ rutin ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ15 จันทน์เทศ (เนื้อไม้/ แก่น)รสขมหอมร้อน แก้ไข้ดีเดือด ดีพลุ่ง กระสับกระส่าย Myristica fragrans Houtt. สารสกัดของจันทน์เทศในคลอโรฟอร์ม พบว่ามีฤทธิ์ลด ปวด ต้านการอักเสบ และป้องกันการเกิด Thrombosis ในหนู mice ได้ และสารส�ำคัญที่ออกฤทธิ์ต้านการอักเสบ คือ macelignan16-17 จันทน์แดง รสขมเย็น แก้ไข้เพื่อดีพิการ แก้ตัวร้อน ดับพิษไข้ทุกชนิด Dracaena cochinchinensis (Lour.) S. C. Chen มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ และแก้ปวด โดยสารส�ำคัญที่มีอยู่คือ loureirin A, loureirin B, loureirin C, cochinchinenin, socotrin-4’-ol, 4’,7-dihydroxyflavan, 4-methylcho- lest-7-ene-3-ol, ethylparaben, resveratrol, และ hydroxyphenol18


46 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงานสูตร/ชื่อสมุนไพรรสยาและสรรพคุณงานวิจัยที่เกี่ยวข้องคนทารสเฝื่อนขม กระทุ้งพิษไข้ แก้ไข้พิษ ขับพิษ Harrisonia perforata (Blanco) Merr.มีการทดลองเรื่องฤทธิ์ต้านการอักเสบในหนูทดลองด้วยวิธีการ rat paw edema พบว่าสารสกัดรากคนทา50-400 mg/kg สามารถลดการอักเสบเฉียบพลันถึง 28.49- 65.05% ภายใน 2 ชั่วโมง ซึ่งคาดว่าฤทธิ์ต้านการอักเสบมาจากผลการยับยั้งสารกลุ่ม cytokines อาทิ TNF-α, IL-1β และ IL-619ท้าวยายม่อมรสขมเย็น แก้พิษไข้ แก้พิษสัตว์กัดต่อย Tacca leontopetaloides (L.) Kuntzeสารสกัดจ�ำพวกแทนนินในเท้ายายม่อมมีฤทธิ์ในการต้าน การอักเสบและขับปัสสาวะ20 ฟ้าทะลายโจร รสขมเย็น แก้ไข้ แก้เจ็บคอ แก้ปวด ลดอาการอักเสบ Andrographis paniculata (Burm. f.) Nees มีการทดลองพบว่าสารแอนโดรกราฟโฟไลด์ (andrographolide) และ 14-deoxy-11, 12-didehydroandrographolide สามารถลดอาการปวด ไข้และต้านการอักเสบในหนูทดลองได้อย่างมีนัยส�ำคัญ โดย ไม่พบอาการที่ไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรง21


47 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 สูตร/ชื่อสมุนไพรรสยาและสรรพคุณงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง พิมเสนต้น รสหอมเย็น ถอนพิษร้อน แก้ไข้ทุกชนิดท�ำให้ความร้อนในร่างกาย ลดลง Pogostemon cablin (Blanco) Benth. พบว่าสารส�ำคัญชนิด β-Patchoulene (β-PAE) ซึ่งเป็นสารจ�ำพวก tricyclic sesquiterpene ที่ถูกแยกออกมาจาก น�้ำมันของ Pogostemon cablin (patchouli oil) มีฤทธิ์ ต้านการอักเสบ โดยลดการแสดงออกของโปรตีนที่เหนี่ยว น�ำให้เกิดการสร้างสารไนตริก ออกไซด์ (iNOS) และยับยั้ง การท�ำงานของเอนไซม์ cyclooxygenase-2 (COX-2)22 ต้นผักเสี้ยนผีทั้งห้า (ถอนทั้งต้นตลอดถึง ราก)รสขมร้อน เจริญไฟธาตุ คุมแก้ลม แก้ปวดท้อง ลงท้อง ท�ำให้หนอง แห้ง เป็นตัวช่วยในยาถ่ายพยาธิตัวกลม Cleome viscosa L. การทดสอบฤทธิ์ในการต้านการอักเสบของสารสกัดใน เมทานอล พบว่า สารสกัดสามารถต้านการอักเสบได้โดย ยับยั้งการสลายของโปรตีน โดยสารหลักที่พบในสารสกัด ในเมทานอล ได้แก่ สารจ�ำพวก phenols, flavonoids, terpenoids, glycosides, alkaloids, quinones, saponins และ coumarins23 การบูร รสร้อนปร่าเมา ใช้ทาถูนวดแก้ปวด แก้เคล็ดบวม ขัดยอก แพลง แก้กระตุก แก้ปวดข้อ แก้ปวดเส้นประสาท Cinnamomum camphora (L.) J. Presl พบว่าสารสกัดจากการบูรมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่แรง และมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ โดยยับยั้งการสร้าง NO, the pros- taglandin E(2), interleukin (IL)-1 beta, IL-6 และ the tumor necrosis factor (TNF)-alpha24


48 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงานสูตร/ชื่อสมุนไพรรสยาและสรรพคุณงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเถาวัลย์เปรียงรสเผื่อนเอียน ใช้เถาคั่วไฟให้หอมชงน�้ำกินแก้ปวดเมื่อย แก้เส้นเอ็นพิการ แก้เมื่อยขบในร่างกาย แก้กระษัยเหน็บชาต้มรับประทานถ่ายเส้น ถ่ายกระษัย แก้เส้นเอ็นขอด ถ่ายเสมหะ ไม่ถ่ายอุจจาระ แก้ปวด แก้ไข้ ท�ำให้เส้นเอ็นอ่อนลง Derris scandens (Roxb.) Benth.สารสกัดน�้ำของเถาวัลย์เปรียงสามารถต้านการอักเสบโดย ลดการปลดปล่อยสาร myeloperoxide ลดการสร้าง Eicosanoid ยับยั้งการสร้าง leukotriene B นอกจากนี้พบว่าสารสกัดดังกล่าวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ดี25กานพลู (ดอก)รสเผ็ด เป็นยาท�ำให้ร้อนเมื่อถูกผิวหนังท�ำให้ชา กดลมให้ลงสู่เบื้องต�่ำ น�้ำมันกานพลู (Clove oil) เป็นยาชาเฉพาะที่ แก้ปวดฟัน โดยใช้ส�ำสีชุบน�ำมาอุดที่ฟัน Syzygium aromaticum (L.) Merr. & L. M. Perry กานพลูมีสารส�ำคัญคือ eugenol มีฤทธิ์แก้ปวด และมี คุณสมบัติเป็นยาชาเฉพาะที่26 ผงขันทองพยาบาท รสเมาเบื่อร้อน ราก แก้ลม แก้ประดง แก้พิษในกระดูก แก้โรคผิวหนัง รักษาน�้ำเหลืองเสีย แก้ลมเป็นพิษ แก้พิษต่างๆ แก้ ลมพิษ แก้พิษในกระดูก แก้โรคประดง แก้โรคผิวหนัง Suregada multiflora (A. Juss.) Baill.พบว่าสารสกัดจากเปลือกต้นขันทองพยาบาท มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ โดยสารส�ำคัญที่พบว่ามีฤทธิ์ในการต้านหลั่งของ Nitric oxide มากที่สุด ได้แก่ helioscopinolide A, helioscopinolide C และ suremulol D27


49 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 สูตร/ชื่อสมุนไพรรสยาและสรรพคุณงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง แป้งข้าวเจ้ารสหวาน แก้ไข้ร้อน แก้อ่อนเพลีย แช่น�้ำต�ำเป็นแป้งพอก แก้บวม แก้ปวด ต�ำผสมสุราทา แก้ลมพิษผื่น Oryza sativa L. สาร Tricin ซึ่งเป็นสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ในข้าวเจ้า พบว่ามีฤทธิ์ลดการสร้างสารจ�ำพวก TNF-α, IL-6, PGE(2), NO ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบ28 รางจืด รสจืด แก้ร้อนใน กระหายน�้ำ ถอนพิษ บรรเทาอาการอักเสบ จากแมลงสัตว์กัดต่อย Thunbergia laurifolia Lindl. สารสกัดรางจืดมีฤทธิ์ต้านการอักเสบทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง โดยสารที่ออกฤทธิ์หลักในการต้านการอักเสบ คือ rosmarinic acid29 เสลดพังพอนตัวเมีย รสเย็นเบื่อ บรรเทาอาการแมลงสัตว์กัดต่อย แก้ปวดฝี ถอนพิษ ปวดอักเสบ Clinacanthus nutans (Burm. f.) Lindau ใบและทั้งต้นเสลดพังพอนตัวเมียพบว่ามีฤทธิ์ยับยั้งสารที่ท�ำให้เกิดการอักเสบโดยไปขัดขวางกระบวนการหลั่ง cytokines30 หญ้าขัดมอญ รสเย็นฉุน ดับพิษไข้ พิษกาฬ แก้พิษร้อนภายใน แก้พิษงู Sida acuta Burm. f. พบว่าสารสกัดจากหญ้าขัดมอญมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ลด ปวด-ไข้ และต้านการอักเสบ โดยสารที่พบในสารสกัด ได้แก่ สารกลุ่ม alkaloids, saponins, coumarins, steroids, tannins, phenolic compounds, cardiac glycosides, sesquiterpene และ flavonoids31


50 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงานสูตร/ชื่อสมุนไพรรสยาและสรรพคุณงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกระดูกไก่ด�ำรสเผ็ด บ�ำรุงโลหิต แก้ปวดศีรษะ แก้โรคหืด แก้อาการปวดข้อ ปวดเมื่อย ฟกช�้ำ อักเสบเฉียบพลัน Justicia gendarussa Burm. f.สารสกัดจากใบกระดูกไก่ด�ำขนาด 125, 250 และ 500 mg/kg พบว่าสามารถระงับความปวดและมีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้อย่างมีนัยส�ำคัญในหนูทดลองโดยเทียบกับสารมาตรฐาน32ใบสะเดารสขม บ�ำรุงธาตุ เจริญอาหาร ท�ำให้นอนหลับสบาย Azadirachta indica A. Juss. พบว่าสารสกัดจากสะเดามีฤทธิ์ต้านการอักเสบ โดยการยับยั้งการสร้างสารประเภท p53, pTEN, NF-KB, PI3K/ Akt เป็นต้น33


51 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 ซึ่งจากต�ำรับยาดังกล่าวสามารถวิเคราะห์ตามหลักฐานเชิงประจักษ์ ได้ว่า สมุนไพรเกือบทุกชนิด เคยมีการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องกับฤทธิ์ต้าน การอักเสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมุนไพรที่ใช้เป็นหลัก ได้แก่ ไพล ดองดึง และผักเสี้ยนผี ที่พบว่ามีการใช้เป็นส่วนประกอบในต�ำรับยาจ�ำนวน 5, 3, และ 2 ต�ำรับ จากทั้งหมด 7 ต�ำรับ ซึ่งไพล มีส่วนประกอบส�ำคัญ ได้แก่ (1)(E)-4 (3’,4’-dimethylphenyl) but-3-ene และสารกลุ่ม เคอคิวมินที่ออกฤทธิ์ต้านการอักเสบ โดย ยับยั้งการท�ำงานของทั้งเอนไซม์ Cyclooxygenase (COX) และ Lipooxygenase (LOX) ท�ำให้กรด อะแรคชิโดนิค (Arachidonic acid) ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นสารที่ท�ำให้เกิด การอักเสบ เช่น พรอสตาแกลนดิน (prostaglandins: PG) และลิวโคไทรอีน (leukotrienes: LT) ได้ ส�ำหรับดองดึง มีสารส�ำคัญคือ Colchicine ที่ปัจจุบันน�ำมาใช้เป็นยารักษาโรคเกาต์ เนื่องจากสามารถลดอาการอักเสบ ของข้อได้ดี ส่วนผักเสี้ยนผี สารส�ำคัญในกลุ่มโพลิฟีนอล ฟลาโวนอยด์ และ ไกลโคไซด์ ที่พบว่ามีฤทธิ์ลดปวดและยับยั้งการอักเสบในสัตว์ทดลองได้ ส�ำหรับ “ขมิ้นชัน” ปัจจุบันมีการศึกษาทั้งระดับคลินิกและพรีคลินิก ที่พบว่ามีประสิทธิผลและความปลอดภัยในผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม6 ส�ำหรับวิธีการเตรียมยา พบว่า ต�ำรับยาพอกที่ใช้กันในส่วนภูมิภาค สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ ยาพอกสูตรร้อน และยาพอก สูตรเย็น ซึ่งเรียกตามรสยาที่ใช้เป็นส่วนประกอบของต�ำรับนั้น ๆ เช่น ยาพอก สูตรร้อน เมื่อน�ำไปพอกบริเวณเข่าจะรู้สึกว่ามีอาการอุ่นบริเวณที่พอก และ เมื่อพอกยาสูตรเย็นก็จะรู้สึกเย็นบริเวณที่ถูกพอก ซึ่งคล้ายกับความรู้สึกเมื่อ ทาด้วยยาแก้ปวดบวม (analgesic balm) ทั้งสูตรร้อน และเย็น โดยความ เย็นจะสามารถลดอาการอักเสบ (ปวด บวม แดง ร้อน) ของกล้ามเนื้อและ เส้นเอ็น ขณะที่ความร้อนจะสามารถผ่อนคลายความตึงของกล้ามเนื้อและ เส้นเอ็น และการท�ำให้รู้สึกร้อนที่ผิวหนัง (ฤทธิ์ counter irritant) จะมีผล ท�ำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบาย คลายจากอาการปวดได้ นอกจากนี้สารส�ำคัญที่อยู่ใน


52 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน ต�ำรับยาที่ซึมเข้าสู่ผิวหนังบริเวณเข่า ท�ำให้สามารถออกฤทธิ์ลดปวดเฉพาะที่ คล้ายกับการทาถูด้วยยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ชนิดเจลหรือครีม (NSAIDs gel/cream) ซึ่งต�ำรับยาพอกดังกล่าวสามารถน�ำมาพัฒนาเป็น ผลิตภัณฑ์ได้หลายรูปแบบ อาทิ แผ่นแปะ (พลาสเตอร์) ชนิดที่ออกฤทธิ์ เนิ่น (sustain release) เป็นต้น การพิจารณาในด้านประสิทธิผลและความปลอดภัยของต�ำรับยา สูตรต่าง ๆ พบว่า หลายสูตรมีการติดตามเก็บข้อมูลในระหว่างที่มีการสั่งใช้ ยาในโรงพยาบาล ซึ่งพบว่า ส่วนใหญ่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ อาทิ 1. การศึกษาการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุด้วยต�ำรับ ยาพอกเข่าสูตรของโรงพยาบาลขุนหาญ ที่มีการประยุกต์ใช้ต�ำรับยาจาก หมอพื้นบ้านร่วมกับการใช้ศาสตร์การแพทย์แผนไทย เช่น มีการนวด และ ประคบร้อนเพื่อเปิดผิวหนังบริเวณเข่าก่อนการพอกยา และหลังจากพอก ยาเสร็จเรียบร้อยแล้วจะมีการขยับเข่าด้วยท่ากายบริหาร ซึ่งผลการศึกษา พบว่า การรักษาด้วยยาพอกขนาด 70 กรัม ร่วมกับการดูแลด้วยศาสตร์การ แพทย์แผนไทย สามารถท�ำให้อาการปวดเข่าของผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นอย่างมี นัยส�ำคัญทางสถิติ และนอกจากนี้ จากการศึกษาย้อนหลังในผู้ป่วยโรคข้อเข่า เสื่อมที่มารักษาในคลินิกโรคข้อเข่าเสื่อม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 - 2560 พบว่า มีผู้ป่วยมารับการรักษาทั้งหมด 350 ราย ในจ�ำนวนนี้ มีผู้ป่วยอาการดีขึ้น จ�ำนวน 299 ราย (ร้อยละ 85.5) อาการคงที่ 51 ราย (ร้อยละ 14.6) และ ไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการแย่ลง34 2. การศึกษาต�ำรับยาพอกสมุนไพร ของโรงพยาบาลหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่มีการติดตามการรักษาในผู้ป่วยจ�ำนวน 30 ราย ประเมิน โรคข้อเข่าเสื่อมด้วย Oxford Knee Score พบว่า หลังจากการรักษาจ�ำนวน 2 ครั้ง ผู้ป่วยมีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 18.2 เป็น 33.235


53 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 3. การศึกษาต�ำรับยาพอกเข่าสูตรโรงพยาบาลวิเชียรบุรี จังหวัด เพชรบูรณ์ โดยการเปรียบเทียบผลต่างของความเจ็บปวด โดยใช้ Visual ratting scale และใช้แบบประเมิน Oxford Knee Score ในการประเมิน โรคข้อเข่าเสื่อม ติดตามผู้ป่วยเป็นเวลา 5 สัปดาห์ ได้ผลการติดตาม ดังนี้ คือ 1.) ค่าเฉลี่ยคะแนนความเจ็บปวดลดลงจาก 5.22 (N=50) เป็น 2.33 (N=12) (คะแนนความเจ็บปวดเฉลี่ยแรกรับ 5.52 หลังพอกครั้งที่ 1 ลดลงเป็น 3.66 และคะแนนความเจ็บปวดเฉลี่ยสัปดาห์ที่ 5 (ก่อนพอก) ลดลงจาก 4.00 เป็น 2.33) คะแนนความรุนแรงของโรคข้อเข่าเสื่อม (Oxford Knee Score) เพิ่มขึ้นจาก 21.86 (N=50) เป็น 31.58 (N=12)36 4. การศึกษาการใช้นวัตกรรมแผ่นแปะพอกเข่าสูตร Ja-pong patch ในผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมจ�ำนวน 30 ราย ณ โรงพยาบาลอู่ทอง จังหวัด สุพรรณบุรี โดยใช้ Pain score ซึ่งหลังการศึกษา พบว่า คะแนนความปวด เฉลี่ยของผู้ป่วยลดลงจาก 7.0 เป็น 3.0 และในจ�ำนวนนี้ มีผู้ป่วย 28 ราย ความพึงพอใจในผลิตภัณฑ์ สนใจซื้อผลิตภัณฑ์ไปใช้เองที่บ้าน37 5. การติดตามผลการดูแลผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมในคลินิกแพทย์ แผนไทย ในโรงพยาบาลกุดชุม จังหวัดยโสธร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 - 2560 พบว่ามีทั้งหมด 79 ราย ซึ่งในจ�ำนวนนี้มีผู้ป่วยที่มีอาการดีขึ้นจ�ำนวน 60 ราย (ร้อยละ 76) ที่เหลืออาการเท่าเดิม38 6. การศึกษานวัตกรรมผ้าขาวม้ากับยาพอกสมุนไพรบ�ำบัดอาการ ปวดจากโรคข้อเข่าเสื่อม โรงพยาบาลพนา จังหวัดอ�ำนาจเจริญ ในผู้ป่วย 30 ราย โดยการศึกษาเปรียบเทียบความปวดก่อนและหลังการพอกยา ซึ่ง ผลการศึกษา พบว่า ก่อนพอกยา ผู้ป่วยมี ระดับ Pain score 6 - 8 จ�ำนวน 10 คน (ร้อยละ 33.33) ผู้ป่วยมี ระดับ Pain score 3 - 5 จ�ำนวน 12 คน (ร้อยละ 40) ผู้ป่วยมีระดับ Pain score 1 - 2 จ�ำนวน 8 คน (ร้อยละ 22.67) โดยหลังพอกยา พบว่าไม่มีผู้ป่วยที่มีระดับ Pain score 6 - 8 และพบว่า ผู้ป่วยมี ระดับ Pain score 3 - 5 จ�ำนวน 8 คน (ร้อยละ 22.67) ผู้ป่วยมีระดับ


54 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน Pain score 1 - 2 จ�ำนวน 9 คน (ร้อยละ 30) และผู้ป่วยที่ไม่มีอาการปวด (ระดับ Pain score 0) จ�ำนวน 13 คน คิดเป็น (ร้อยละ 43.33) และนอกจาก นี้พบว่า ผู้ป่วยพึงพอใจต่อการรักษา (มาก) (ร้อยละ 85)39 7. การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของยาพอกดูดพิษและ การนวดในการรักษาอาการปวดเข่า โรงพยาบาลหนองบัวล�ำภู ในผู้ป่วย จ�ำนวน 90 ราย ซึ่งผลการศึกษาพบว่า การพอกยาสามารถลดอาการปวด ได้ดีพอ ๆ กับการนวด แต่ระยะเวลาการลดปวดเร็วกว่า40 8. การพัฒนาแผ่นแปะจากสูตรต�ำรับยาของโรงพยาบาลวังน�้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว อยู่ในระหว่างการศึกษา เบื้องต้น พบว่าสามารถลดอาการ ปวดในผู้ป่วยได้จริง41 9. การรักษาด้วยต�ำรับชานุรักษ์ ซึ่งเป็นสูตรต�ำรับของโรงพยาบาล ขอนแก่น อยู่ในระหว่างการศึกษา นอกจากนี้ มีบางหน่วยงาน เช่น วิทยาลัย เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้มีการบูรณาการการรักษา โดยการใช้ศาสตร์ การกักน�้ำมัน จากอายุรเวท ซึ่งอยู่ในระหว่างการติดตามการรักษา42 10.การศึกษาฤทธิ์ต้านการอักเสบจากครีมที่ผลิตจากต�ำรับ ยาพอกดูดพิษ (จับโปงแห้งเข่า) ในสัตว์ทดลอง ซึ่งผลการศึกษาพบว่า สารสกัดต�ำรับยาพอกดูดพิษที่สกัดด้วย 95% เอทานอล มีฤทธิ์ในการ ต้านการอักเสบผ่านกลไกการยับยั้งการหลั่งไนตริกออกไซด์ การยับยั้ง เอนไซม์ COX-2 และ TNF-α โดยมีค่า IC50 เท่ากับ 18.86, 27.26 และ 16.962 µg/ml ตามล�ำดับ ส่วนวิธีการทดสอบฤทธิ์ต้านการ อักเสบโดยใช้ Model Rat Paw Edema ในสัตว์ทดลอง พบว่าหนูแรท ที่ถูกเหนี่ยวน�ำให้เกิดอักเสบเป็นเวลา 1 ชั่วโมงก่อนได้รับการป้อน สารสกัดต�ำรับยาพอกดูดพิษที่สกัดด้วย 95% เอทานอล ในขนาด 30 มก./กก. จะสามารถลดการอักเสบได้ในชั่วโมงที่ 3 และหากเพิ่มการให้ สารสกัดในขนาดที่สูงขึ้น คือ 100 และ 300 มก./กก. จะสามารถลดการ


55 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 อักเสบได้อย่างเด่นชัดตั้งแต่ชั่วโมงที่ 1 - 3 โดยที่ขนาด 300 มก./กก. จะ สามารถยับยั้งการอักเสบที่ชั่วโมงแรกได้สูงสุดเท่ากับร้อยละ 55.31 เมื่อ เทียบเคียงกับกลุ่มควบคุมที่ให้ยาอ้างอิง diclofenac ในขนาด 5 มก./กก. ที่สามารถยับยั้งการอักเสบได้ร้อยละ 72.04 การทดลองฤทธิ์ต้านการอักเสบ โดยใช้ Model Rat ear edema พบว่าการทาสารมาตรฐาน Diclofenac ที่ใบหูของหนูแรทที่ถูกกระตุ้นให้มีการอักเสบ สามารถยับยั้งการอักเสบ ได้ตั้งแต่ชั่วโมงที่ 1 - 3 คิดเป็นร้อยละเท่ากับ 70.15, 39.13 และ 44.00 ตามล�ำดับ ในขณะที่สารสกัดต�ำรับยาพอกดูดพิษชั้น 95% เอทานอล ที่ความเข้มข้น 2% สามารถยับยั้งการอักเสบได้ในชั่วโมงที่ 3 ภายหลัง การทาสารทดสอบคิดเป็นร้อยละได้เท่ากับ 46.31 ซึ่งจากการทดสอบพบว่า สารสกัดของต�ำรับยาฯ ให้ค่าที่ดีกว่า Diclofenac ที่ชั่วโมงที่ 3 แสดงว่า ต�ำรับยาออกฤทธิ์ช้า แต่จะออกฤทธิ์สูงขึ้นในชั่วโมงถัดไป43 ส�ำหรับรูปแบบของการบูรณาการในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม ในสถานพยาบาล ทางคณะแพทย์แผนไทยประยุกต์ ศูนย์การแพทย์ กาญจนาภิเษก คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล44 ได้เสนอแนวทางตาม Flow Chart ดังนี้


56 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน สมัครใจเข้า OA Clinic แพทย์ Ortho./ Rheumato. คัดกรอง PM&R ทำแบบประเมิน WOMAC, X-ray grading Gr.1-3 Gr.4 ปรึกษา Ortho. ร่วมรักษา None-Med method VAS 3-6 VAS = 6 Medication Tropical Med หรือ Acetaminophen กายภาพลดปวด ธาราบำบัด แพทย์ทางเลือก ประเมินผลการรักษาที่ 3 เดือน ปรึกษา Ortho. ร่วมรักษา WOMAC ลดลง ประเมินผลที่ 6 เดือน WOMAC เท่าเดิม/เพิ่มขึ้น WOMAC ลดลง


57 เอกสารอ้างอิง 1. วิโรจน์ กวินวงศ์โกวิท และคณะ. โรคข้อเข่าเสื่อม. คณะแพทยศาสตร์ รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล. [ออนไลน์ 2560]. [14 กุมภาพันธ์ 2561]; ที่มา: https://med.mahidol.ac.th/atrama/issue021/healthstation 2. ปณิตา ถนอมวงษ์, อภิชาติ ลิมติยะโยธิน. การประชุมพัฒนาเครือข่าย การจัดการความรู้เรื่องโรคข้อเข่าเสื่อมครั้งที่ 1. กรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก. 2560. 3. ดองดึง. ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัย อุบลราชธานี. [ออนไลน์]. [14 กุมภาพันธ์ 2561]; ที่มา:http://www. phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=43 4. Jeenapongsa R, Yoovathaworn K, Sriwatanakul KM, Pong- prayoon U, Sriwatanakul K. Anti-inflammatory activity of (E)-1-(3,4- dimethoxyphenyl) butadiene from Zingiber cassumunar Roxb. Journal of Ethnopharmacology. 2003;87 (2–3):143-8. 5. Jurenka JS. Anti-inflammatory Properties of Curcumin, a Major Constituent of Curcuma longa: A Review of Preclinical and Clinical Research. Alternative Medicine Review. 2009; 14(3): 277. 6. ขมิ้นชันกับโรคข้อเข้าเสื่อม. [ออนไลน์]. [14 กุมภาพันธ์ 2561]; ที่มา: http://medherbguru.gpo.or.th/articles/D05_Curcuma.pdf


58 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน 7. Nuriaily A, Noop Baitee AR, Musalmah M. Comparative Antioxidant and Anti-inflammatory Activity of Different Extracts of Centella asiatica (L.) Urban and Its Active Compounds, Asiaticoside and Madecassoside. Med & Health. 2012;7(2): 62-72. 8. Weerawatanakorn M, Rojsuntornkitti K, Pan MH, Wongwaiwech D. Some Phytochemicals and Anti-inflammation Effect of Juice from Tiliacora triandra Leaves. Journal of Food and Nutrition Research. 2018;6(1):32-8. DOI: 10.12691/jfnr-6-1-6. 9. Bhattacharyya N, Ghosh A. Banerjee M. Anti-inflammatory activity of root of Alpinia galanga willd. Chronicles of Young Scientists. 2011;2(3):139. 10. Jolayemi AT, Ojewole JAO. Comparative anti-inflammatory properties of Capsaicin and ethyl acetate extract of Capsicum frutescens linn [Solanaceae] in rats. Afr Health Sci. 2013;13(2):357–61. 11. Almeida J, Souza G, Silva J, Saraiva S, Júnior R, Quintans J, et al. Borneol, a Bicyclic Monoterpene Alcohol, Reduces Nociceptive Behavior and Inflammatory Response in Mice. The Scientific World Journal. 2013. ID 808460. 12. เมทินี มาเวียง และคณะ. [ออนไลน์]. 2556 [14 กุมภาพันธ์ 2561]; ที่มา: http://www.agri.ubu.ac.th/mis/evaluate/assess_seminar/ upload/8092.pdf 13. Li CW, Wu XL, Zhao XN, Su ZQ, Chen HM, Wang XF, Zhang XJ, Zeng HF, Chen JN, Li YC, Su ZR. Anti-Inflammatory Property of the Ethanol Extract of the Root and Rhizome of Pogostemon cablin (Blanco) Benth. The Scientific World Journal. 2013. Doi: 10.1155/2013/434151.


59 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 14. Brahmachari G, Jash SK, Mandal LC, Mondal A, Roy R. Cyclooxygenase (COX) - inhibitory flavonoid from Limnophila heterophylla. Rasayan J. Chem. 2008;1(2):288-91. 15. Tapondjou L, Fouedjou R, Nguelefack E, Ponou B, Nguelefack T, Barboni L. Antioxidant Activities and Chemical Constituents of Extracts from Cordyline fruticosa (L.) A. Chev. (Agavaceae) and Eriobotrya japonica (Thunb) Lindl, (Rosaceae). Pharmacologia. 2016;7(2):103-13. 16. Olajide OA, Ajayi FF, Ekhelar AI, Awe SO, Makinde JM, Alada AR. Biological effects of Myristica fragrans (nutmeg) extract. Phytotherapy Research. 1999;13(4):344-5. 17. Ma J, Hwang Y, Cho W, Han S, Hwang J, Han J. Macelignan Attenuates Activations of Mitogen-Activated Protein Kinases and Nuclear Factor kappa B Induced by Lipopolysaccharide in Microglial Cells.Biological & Pharmaceutical Bulletin. 2009;32(6):1085-90. 18. Fan JY, Yi T, Sze-To CM, Zhu L, Peng W, Zhang YZ, et al. A Systematic Review of the Botanical, Phytochemical and Pharmacological Profile of Dracaena cochinchinensis, a Plant Source of the Ethnomedicine “Dragon’s Blood”. Molecules. 2014;19(12):10650-69. 19. Somsil P, Ruangrungsi N, Limpanasitikul W, Itthipanichpong C. In vivo and in vitro anti-inflammatory activity of Harrisonia perforata root extract. Pharmacognosy Journal. 2012;4(32):38-44. 20. Borokini TI, Ayodele AI. Phytochemical Screening of Tacca Leontopetaloides (L.) Kuntze Collected from Four Geographical Locations in Nigeria. International Journal of Modern Botany, 2012; 2(4): 97-102


60 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน 21. Suebsasana S, Pongnaratorn P, Sattayasai J, Arkaravichien T, Tiamkao S, Aromdee C. Analgesic, antipyretic, anti-inflammatory and toxic effects of andrographolide derivatives in experimental animals. Arch Pharm Res. [Open Access] 2009;32(9):1191-200. doi: 10.1007/s12272-009-1902-x. 22. Zhang Z, Chen X, Chen H, Wang L, Liang J, Luo D, et al. Anti-inflammatory activity of β-patchoulene isolated from patchouli oil in mice. European Journal of Pharmacology. 2016; 781:229-38. 23. Lakshmi S, Pillai LS, Nair BR. In-Vitro Anti-Inflammatory Studies in Cleome Viscosa L. and Cleome Burmanni W. & A. (Cleomaceae). International of Journal Pharmaceutical Science and Research. 2014;5(11):4998-5003. 24. Lee H, Hyun EA, Yoon WJ, Kim BH, Rhee MH, Kang HK, et al. In vitro anti-inflammatory and anti-oxidative effects of Cinnamomum camphora extracts. Journal of Ethnopharmacology. 2006;103(2):208-16. 25. Laupattarakasem P, Houghton P, Hoult J, Itharat, A. An evaluation of the activity related to inflammation of four plants used in Thailand to treat arthritis. Journal of Ethnopharmacology. 2003; 85(2-3):207-15. 26. Alqareer A, Alyahya A, Andersson L. The effect of clove and benzocaine versus placebo as topical anesthetics. Journal of Dentistry. 2006;34(10):747-50. 27. Tewtrakul S, Subhadhirasakul S, Cheenpracha S, Yodsaoue O, Ponglimanont C, Karalai C. Anti-inflammatory principles of Suregada multiflora against nitric oxide and prostaglandin E2 releases. Journal of Ethnopharmacology. 2011;133(1): 63-6.


61 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 28. Shalini V, Bhaskar S, Kumar K, Mohanlal S, Jayalekshmy A, Helen A. Molecular mechanisms of anti-inflammatory action of the flavonoid, tricin from Njavara rice (Oryza sativa L.) in human peripheral blood mononuclear cells: Possible role in the inflammatory signaling. International Immunopharmacology. 2012;14(1):32-8. 29.Suwanchaikasem P, Chaichantipyuth C, Sukrong S. Antioxidant-guided isolation of rosmarinic acid, a major constituent from Thunbergia laurifolia, and its use as a bioactive marker for standardization. Chiang Mai Journal of Science. 2014;41(1):117-27. 30. Mai C, Yap K., Kho M, Ismail N, Yusoff K., Shaari K, et al. Mechanisms Underlying the Anti-Inflammatory Effects of Clinacanthus nutans Lindau Extracts: Inhibition of Cytokine Production and Toll-Like Receptor-4 Activation. Frontiers in Pharmacology. 2016; 7:7. 31. Tcheghebe OT, Seukep AJ, Tatong F. Ethnomedicinal uses, phytochemical and pharmacological profiles, and toxicity of Sida acuta Burm. f.: A review article. The Pharma Innovation Journal. 2017;6(6):1-6. 32. Shikha P, Latha PG, Suja SR, Anuja GI, Shyamal S, Shine VJ, et al. Anti-inflammatory and antinociceptive activity of Justicia gendarussa Burm. f. leaves. Indian Journal of Natural Products and Resources. 2010;1(4):456-61. 33. Alzohairy MA. Therapeutics Role of Azadirachta indica (Neem) and Their Active Constituents in Diseases Prevention and Treatment. Evidence-Based Complementary and Alternative Medicine. 2016:1-11. Article ID 7382506.


62 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน 34. ประพัสสร วรรณทอง และคณะ. การประชุมการพัฒนาเครือข่ายการ จัดการความรู้เรื่องโรคข้อเข่าเสื่อมครั้งที่ 1. กรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก. 2560. 35. อนุสรา ทองวิจิตร, กัญญ์พิชญา ทองวัน. การประชุมการพัฒนาเครือข่าย การจัดการความรู้เรื่องโรคข้อเข่าเสื่อมครั้งที่ 1. กรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก. 2560. 36 จีรศักดิ์ ทองรักคน. การประชุมการพัฒนาเครือข่ายการจัดการความรู้ เรื่องโรคข้อเข่าเสื่อมครั้งที่ 1. กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก. 2560. 37. ดลิชา ชั่งสิริพร. การประชุมการพัฒนาเครือข่ายการจัดการความรู้ เรื่องโรคข้อเข่าเสื่อมครั้งที่ 1. กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก. 2560. 38. เผด็จ จันทน์แดง. การประชุมการพัฒนาเครือข่ายการจัดการความรู้ เรื่องโรคข้อเข่าเสื่อมครั้งที่ 1. กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก. 2560. 39. ศิริวรรณ เที่ยงตรง. การประชุมการพัฒนาเครือข่ายการจัดการความรู้ เรื่องโรคข้อเข่าเสื่อมครั้งที่ 1. กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก. 2560. 40. อนุธิดา สิงห์นาค. การประชุมการพัฒนาเครือข่ายการจัดการความรู้ เรื่องโรคข้อเข่าเสื่อมครั้งที่ 1. กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก. 2560. 41. พินิต ชินสร้อย และคณะ. การประชุมการพัฒนาเครือข่ายการจัดการ ความรู้เรื่องโรคข้อเข่าเสื่อมครั้งที่ 1. กรมการแพทย์แผนไทยและการ แพทย์ทางเลือก. 2560. 42. จักรกฤษณ์ ส�ำราญรมย์. การประชุมการพัฒนาเครือข่ายการจัดการ ความรู้เรื่องโรคข้อเข่าเสื่อมครั้งที่ 1. กรมการแพทย์แผนไทยและการ แพทย์ทางเลือก. 2560.


63 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 43. ดวงแก้ว ปัญญาภู, วิวรรณ วรกุลพาณิชย์, มณฑกา ธีรชัยสกุล, อนุธิดา ทับมี, ปารัณกุล ตั้งสุขฤทัย, อรุณพร อิฐรัตน์. ฤทธิ์ต้านการ อักเสบของต�ำรับยารักษาโรคจับโปงแห้งเข่าและการทดลองทางคลินิก ในอาสาสมัครสุขภาพดี. งานประชุมวิชาการระดับชาติ ฉลองครบรอบ ทศวรรษส�ำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ประจ�ำปี 2559; 25-26 มกราคม 2559; มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง. จังหวัดเชียงราย. 44. อุษาวิตรี วงศ์เจริญวัฒน์. การประชุมจัดการความรู้เรื่องโรค ข้อเข่าเสื่อมครั้งที่ 1. กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก. 2560.


65 โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) จิติศักดิ์ พูนศรีสวัสดิ์, พบ., วว.(เวชศาสตร์ครอบครัว) โรคสะเก็ดเงิน เป็นโรคที่มีการอักเสบเรื้อรังของผิวหนังอีกโรคหนึ่ง ที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย เกิดจากการปรวนแปรของภูมิคุ้มกันของ ร่างกาย และไปกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนัง โดยมีพื้นฐานมาจาก พันธุกรรมและสิ่งกระตุ้นจากภายนอก พบได้บ่อยในช่วง อายุ20 ปี และ 40 ปีขึ้นไป โดยพบได้ประมาณ ร้อยละ 1 - 2 ของประชากรทุกเชื้อชาติ ทั้งเพศหญิงและเพศชายพบได้เท่ากัน โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) นี้ มีข้อมูลจากการศึกษาของมูลนิธิโรค สะเก็ดเงินแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Psoriasis Foundation) คาดการณ์เมื่อปี พ.ศ.2551 มีผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินจ�ำนวนร้อยละ 2 - 3 ของ ประชากรทั่วโลก หรือประมาณ 125 ล้านคน ส�ำหรับโรคสะเก็ดเงินในประเทศไทย คาดว่า มีผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน ในประเทศไทย ประมาณ 2 คน ต่อประชากร 100 คน คิดเป็นร้อยละ 2 หรือ ประมาณ 1.34 ล้านคน ในจ�ำนวนประชากรไทย 67 ล้านคน (สมาคม แพทย์โรคผิวหนัง พ.ศ. 2560) โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง และยังเป็นโรคที่รักษาแล้วไม่ หายขาด แต่หากได้รับการบ�ำบัดที่ถูกต้อง ก็สามารถควบคุม อาการและ สามารถท�ำให้รอยโรคหายไปได้หรือปรากฏได้น้อยที่สุด ในผู้ป่วยรายที่อาการ ไม่รุนแรงนัก รอยโรคอาจหายไปได้นานเป็นเดือนหรือเป็นปี การให้ความรู้ เรื่องโรคแก่ผู้ป่วยและญาติเป็นสิ่งจ�ำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องท�ำไปพร้อม ๆ กับการบ�ำบัดทางยา เนื่องจากโรคสะเก็ดเงินท�ำให้เกิดความอับอายและไม่


66 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน กล้าที่จะใช้ชีวิตได้เป็นปกติ และท�ำให้สูญเสียการยอมรับจากผู้อื่นที่อยู่รอบ ข้าง ท�ำให้เกิดความเครียดทางจิตใจ และการเข้าสังคม อันน�ำมาสู่ปัญหาและ ความสูญเสียทั้งต่อผู้ป่วยและสังคมเป็นอย่างมากอีกด้วย อาการแสดงของโรคสะเก็ดเงิน โรคสะเก็ดเงินสามารถแสดงอาการผิดปกติได้ทั้งทางผิวหนัง เล็บ หนังศีรษะ และส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทั้งยังมีความสัมพันธ์กับความผิดปกติ ซึ่งสัมพันธ์กับโรคอื่นๆ เช่น โรคข้ออักเสบ โรคในกลุ่มเมตาบอลิก เช่น โรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง และโรคเบาหวาน เป็นต้น ลักษณะทางคลินิก แบ่งเป็นชนิดต่าง ๆ ดังนี้ 1. ชนิดผื่นหนา (Plaque psoriasis) เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด รอยโรคเป็นผื่นแดงหนา ขอบเขตชัด ขุยหนาสีขาวหรือสีเงิน ตามชื่อ “โรคสะเก็ดเงิน” พบบ่อยบริเวณหนังศีรษะ ล�ำตัว แขนและขา โดยเฉพาะ บริเวณข้อศอก และแขนด้านนอก ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการเสียดสี ท�ำให้เกิด การกระตุ้นการสร้างผิวหนังที่ผิดปกติ 2. ชนิดผื่นขนาดเล็ก (Guttate psoriasis) รอยโรคเป็นรอยแดง ขนาดเล็กคล้ายหยดน�้ำขนาดเล็ก ขนาดประมาณไม่เกิน 1 เซนติเมตร มีขุย บริเวณผิว ผู้ป่วยที่พบมักมีอายุน้อย 3. ชนิดตุ่มหนอง (Pustular psoriasis) รอยโรคมีลักษณะเป็น ตุ่มหนองกระจายบนผิวหนัง ร่วมกับการมีภาวะอักเสบ แดง ในบางราย อาจพบว่ามีไข้ร่วมด้วย ในปัจจุบัน การแพทย์แผนปัจจุบัน ยังไม่มีการรักษาที่จะท�ำให้ หายขาดจากโรค การรักษาจึงมุ่งไปที่การท�ำให้ผื่นของโรคดีขึ้นหรือสงบลง พร้อมกับป้องกันไม่ให้ก�ำเริบโดยหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น โรคติดเชื้อ การได้รับอันตรายของผิวหนัง ยาบางชนิด และความเครียดต่าง ๆ เป็นต้น


67 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการไม่มากนัก ผื่นน้อยกว่าร้อยละ 10 ของผิวหนัง อาจ เริ่มรักษาด้วยยาทาก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงผลเสียที่อาจเกิดจากยารับประทาน แต่ในกรณีที่เป็นผื่นในบริเวณกว้างมากกว่าร้อยละ 10 ของผิวหนัง หรือผื่น ค่อนข้างกระจัดกระจาย การรักษาด้วยยาทาอาจไม่สะดวกในกรณีนี้ การใช้ยารับประทานหรือการฉายแสงอาจจะได้ผลดีกว่า การรักษาโรคสะเก็ดเงินด้วยยาทา ยาทารักษาโรคสะเก็ดเงิน แต่ละชนิดมีผลดีและเสียต่างกัน ได้แก่   1. ยาทากลุ่มสเตียรอยด์  เป็นยาที่แพทย์ทั่วไปนิยมใช้รักษาโรค สะเก็ดเงินมากที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการรักษา สูง ได้ผลเร็ว สะดวกในการใช้ ราคาไม่แพงนัก และไม่ระคายเคือง ถ้าใช้ใน ระยะสั้นมักจะไม่เกิดผลเสียที่รุนแรง 2. น�้ำมันดิน น�้ำมันดินให้ผลการรักษาใกล้เคียงกับสเตียรอยด์ แต่มีกลิ่นเหม็นและดูสกปรกเวลาใช้ จึงไม่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน และ น�้ำมันดินอาจท�ำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ จึงไม่ควรใช้ทาบริเวณใบหน้า ข้อพับ และอวัยวะเพศ 3. สารพวกแอนทราลิน (Antralin) เป็นยาที่นิยมใช้มากที่สุดชนิด หนึ่งในหลายประเทศทางยุโรป และอเมริกา เนื่องจากยาใช้ได้ผลดีและ โรคกลับเป็นซ�้ำได้น้อยเมื่อหยุดการรักษา 4. วิตามินดี3 (Calcipotriol) เป็นยาใหม่ที่นิยม เนื่องจากให้ ผลการรักษาดีรวดเร็วพอ ๆ กับสเตียรอยด์ระดับกลาง แต่ไม่มีผลเสียเหมือน สเตียรอยด์ และไม่มีสีหรือกลิ่นเหมือนน�้ำมันดิน และแอนทราลิน อีกทั้งยัง ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองน้อยกว่าแอนทราลีน ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการทางผิวหนังของโรคสะเก็ดเงินไม่มาก แพทย์มักจะรักษาจากภายนอกโดยการใช้ยาในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อลอกขุย


68 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน สะเก็ดเงินออกแล้วทายาลงไปเพื่อลดการอักเสบ แสบ คัน และลดการลอก ของสะเก็ดเงินให้น้อยลงและเพื่อให้ได้ผลในการรักษาที่ดียิ่งขึ้นอาจมีการ ฉายแสง UV ร่วมด้วย หากมีอาการมาก (ซึ่งหมายถึงการมีรอยโรคสะเก็ดเงิน บริเวณผิวหนังที่เกิดขึ้นในพื้นที่ผิวหนังเป็นบริเวณกว้าง) การรักษาสะเก็ดเงิน จากภายนอกและการฉายแสง UV อาจไม่เพียงพอ แพทย์อาจตัดสินใจใช้ การรักษาแบบเป็นระบบ กล่าวคือ มีการรักษาด้วยการจ่ายยาให้รับประทาน และอาจมีการฉีดยา ซึ่งเป็น ยากลุ่ม “Biologics” โดย จะออกฤทธิ์ เฉพาะที่ส�ำหรับสะเก็ดเงิน และได้ผลดีมากกับโรคสะเก็ดเงินที่มีภาวะข้อ อักเสบสะเก็ดเงิน (Psoriatic Arthritis) ร่วมด้วย ยารับประทานรักษาโรคสะเก็ดเงิน จะพิจารณาให้เพื่อการรักษาโรคสะเก็ดเงิน ในกรณีมีระดับความ รุนแรงของโรคปานกลาง ถึงมาก ยาที่ใช้ในประเทศไทย เช่น 1. เมทโทเทรกเสท (methotrexate) เป็นยาที่ใช้ได้ผลดีกับสะเก็ด เงินเกือบทุกชนิด การออกฤทธิ์ จะไปยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนัง ที่ผิดปกติ รวมทั้งมีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกันของร่างกาย ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน มีผลข้างเคียงที่ส�ำคัญหากใช้เป็นเวลานาน คือ การ เกิดภาวะตับท�ำงานผิดปกติ ผู้ให้การรักษาจึงต้องเฝ้าระวังด้วยการตรวจ เลือดผู้ป่วยที่ได้รับยา เพื่อตรวจการท�ำงานของตับ และไต และความสมบูรณ์ ของเม็ดเลือด เป็นระยะ 2. อาซิเทรติน (Acitretin) ซึ่งเป็นยารับประทานในกลุ่ม vitamin A สามารถใช้ได้ผลดี ส�ำหรับโรคสะเก็ดเงินชนิด เป็นตุ่มหนอง ผลข้างเคียงที่ พบได้บ่อย ได้แก่ ริมฝีปาก ริมฝีปากแห้งลอก ผิวแห้ง นิ้วมือ ฝ่ามือ และ เท้า และผิวหนังบริเวณรอบเล็บอักเสบ อาจท�ำให้ ระดับไขมันในเลือดสูง และอาจส่งผลให้เกิดภาวะตับอักเสบ


69 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 ข้อควรระวังส�ำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาชนิดนี้คือ ห้าม มีการตั้งครรภ์ในระหว่างและหลังรับประทานยานี้ โดยต้องคุมก�ำเนิด หลังหยุดใช้ยา เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี เนื่องจากพบว่า การใช้ยากลุ่มนี้ มีผลต่อการเกิดภาวะผิดปกติของทารกในหญิงมีครรภ์ 3. ไซโคลสปอริน (Cyclosporin) เป็นยาที่สามารถใช้ในโรคสะเก็ดเงิน มีฤทธิ์ลดการอักเสบและยับยั้งภูมิคุ้มกันของร่างกาย สามารถใช้ในผู้ป่วย โรคสะเก็ดเงินที่มีระดับความรุนแรงปานกลางถึงมาก ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ ขนยาว เหงือกบวม อาจท�ำให้เกิดการท�ำงานของไตผิดปกติ และ ท�ำให้เกิดความดันโลหิตสูง การรักษาโรคสะเก็ดเงินด้วยแสง (Phototherapy) การรักษาโรคสะเก็ดเงินด้วยแสง ในปัจจุบันนิยมใช้ มี 2 ชนิด คือ รังสีอัลตราไวโอเลต A และรังสี อัลตราไวโอเลต B ซึ่งผู้รับการรักษาจ�ำเป็น ต้องมารับการรักษา อย่างต่อเนื่อง ราว 3 เดือนติดต่อกัน โดยการรักษาโรค สะเก็ดเงินด้วยแสงนี้ นิยมใช้ในผู้ป่วยที่มีระดับความรุนแรงของโรคตั้งแต่ ปานกลางถึงมาก ยากลุ่มชีวภาพ (Biological agents) เป็นยาที่ได้รับการพัฒนาใหม่ ออกฤทธิ์โดยมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ของร่างกาย ยาในกลุ่มนี้จะอยู่ในรูปยาฉีดเข้าเส้นเลือดด�ำหรือ ฉีดในชั้น ไขมันใต้ผิวหนัง ข้อเสียที่ส�ำคัญคือ มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง


70 เอกสารอ้างอิง 1. ชนิษฎา วงษ์ประภารัตน์. โรคสะเก็ดเงิน. สมาคมแพทย์ผิวหนัง แห่งประเทศไทย [ออนไลน์]. 2555. [15 กุมภาพันธ์ 2561]; ที่มา: http://www.dst.or.th/html/index.php?op=article-de- tail&id=174&cid=12#.WoFd2a6WbIV 2. ชฎาพร อินแป้นและคณะ. มาตรฐานการพยาบาลผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน. นนทบุรี. บริษัท ควีน กราฟฟิค แอนด์พริ้นติ้ง เซนเตอร์ จ�ำกัด; 2551. 140 หน้า 3. นภดล นพคุณ และคณะ. แนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน (Clinical Practice Guideline Psoriasis). [ออนไลน์]. 2553. [15 กุมภาพันธ์ 2561]; ที่มา: http://mdnote.wikispaces.com/file/view/CPG%20 Psoriasis%202010.pdf 4. Steven R Feldman. Treatment of psoriasis in adults. [online]. 2553. [15 February 2018]: https://www.uptodate.com/ contents/treatment-of-psoriasis-in-adults 5. Habashy J, Robles DT. Psoriasis: Practice Essentials, Background, Pathophysiology. [online]. [15 February 2561]: https://emedicine.medscape.com/article/ 1943419-overview#a2


71 โรคสะเก็ดเงินตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย ทิพย์วรรณ ซิ้มส�ำอาง, พทป. ในศาสตร์การแพทย์แผนไทยได้กล่าวถึงโรคที่มีอาการคล้ายกับโรค สะเก็ดเงินในพระคัมภีร์วิถีกุฏฐโรคว่าเป็นโรคที่เกิดขึ้นและแสดงอาการกับ ผิวหนัง โดยมีตัวกิมิชาติเบียดเบียนในร่างกาย ท�ำให้ปรากฏอาการแสดงออก ต่าง ๆ กัน มีแหล่งเกิดอยู่ 2 แห่ง คือ เกิดในชิ้นเนื้อ เรียก โรคเรื้อน นั้น รักษายากแต่รักษาได้จึงพอมีโอกาสหาย เกิดในกระดูก เรียก กุฏฐัง เป็นอติ สัยโรค กล่าวคือเป็นโรคที่รักษายาก รักษาไม่หาย สาเหตุและอาการของโรคเรื้อนและกุฏฐัง มี 7 ประการ 1. เกิดแต่กองปถวีธาตุ จะมีอาการเมื่อยในข้อกระดูกและเส้น เอ็น ผิวเนื้อสากชา เริ่มขึ้นใบหูก่อน ลักษณะเหมือนมดตะนอยต่อย แล้วจึง ค่อยลามไปที่หน้า อาจท�ำให้บวมทั่วทั้งตัวเหมือนหนังแรด ถ้าไม่รีบรักษา ไม่หาย อาจท�ำให้นิ้วมือและนิ้วเท้าบวม แตกเป็นน�้ำเหลือง เน่าตามมาได้ อาการดังกล่าวนี้ รักษาได้ 1 ส่วน ไม่ได้ 3 ส่วน 2. เกิดแต่กองอาโปธาตุ โลหิตและน�้ำเหลืองที่ก�ำเริบ หย่อน พิการ ระคนกันนั้นจะกระท�ำโทษประการต่าง ๆ บางทีรู้สึกเสียวเข้าไปในเนื้อและ ผิวหนัง บางทีให้เขม่น (อาการกระตุก) ไปในเส้นเอ็นและผิวหนัง แล้วมีเปือน้ หรือผื่นเท่าเมล็ดถั่วเมล็ดงาลักษณะเหมือนเกลื้อน แล้วค่อยขยายใหญ่เท่า ใบมะขาม ใบส้มป่อย ใบพุทรา จะมีอาการชา หยิกไม่เจ็บ ผิวเนื้อจะนวล เหมือนลูกน�้ำเต้า อาจเรียกว่า เรื้อนน�้ำเต้า เป็นนานเข้า นิ้วมือและเท้าบวม และหูทั้งสองหนาขึ้น ผิวหน้าเหมือนมะกรูด ผิวขาว เป็นอสาทิยโรค รักษา ยากนัก


72 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน 3. เกิดแต่กองเตโชธาตุ มีอาการเมื่อยทั่วร่างกาย สะบัดร้อน สะบัด หนาวเหมือนเป็นไข้ มีผื่นแดงผุดขึ้นมาเป็นเม็ด (เหมือนประดงเพลิง) เป็น ๆ หาย ๆ 2 - 3 ครั้ง เริ่มจากที่หูจะนูนหนา ผุดผื่นแดงขึ้นเหมือนมดตะนอยกัด ลามขึ้นแก้ม หน้าผาก ลามไปทั่วตัว หากเป็นนานเข้าท�ำให้ ตัวพองเหมือน เพลิงไหม้ กระดูกคุด รักษายาก 4. เกิดแต่กองวาโยธาตุ วาโยธาตุ ก�ำเริบ หย่อน พิการ พัดซ่านไปตาม เนื้อและผิวหนัง ท�ำให้เนื้อนั้นแข็งเป็นข้อ ขอดเป็นเม็ดเท่าผลพุทรา ผลมะกรูด หรือผลมะนาวก็ได้ อาจเป็นเหน็บชา หยิกหรือมีดบาดไม่เจ็บ ต่อมาแตกออก เป็นหย่อม ๆ เปื่อยเน่าเหม็นเหมือนซากศพ กินเข้าถึงกระดูก สมมุติเรียกว่า “เรื้อนมะกรูด” เป็นอสาทิยโรค รักษาได้ 1 ส่วน ไม่ได้ 10 ส่วน 5. เกิดแต่ชาติสัมพันธ์ตระกูล เป็นไปตามกรรมพันธุ์ เป็นชนิดใด อาการใดก็ได้ 6. เกิดด้วยสามัคคีรส เกิดจากคู่สามีภรรยาที่กินอยู่หลับนอนด้วย กันอาจเป็นชนิดใดหรือโรคใดก็ได้ เมื่ออยู่ด้วยกันก็มีโอกาสติดโรคกันนั่นเอง 7. บังเกิดเป็นอุปปาติกะ เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่มีความผิด ปกติของธาตุต่าง ๆ ทั้ง ดิน น�้ำ ลม ไฟ แต่กลับแสดงอาการของโรคออกมา ตามพระคัมภีร์กล่าวถึงลักษณะโรคเรื้อน 9 ชนิด ได้แก่ เรื้อนกวาง เรื้อนมูลนก เรื้อนวิมาลา เรื้อนหูด เรื้อนเกล็ดปลา เรื้อนบอน เรื้อนหิด เรื้อน ดอกหมาก และเรื้อนมะไฟ ซึ่งมีลักษณะและอาการแตกต่างกัน สะเก็ดเงิน เมื่อวิเคราะห์เทียบเคียงอาการแล้วนั้นพบว่ามีลักษณะ คล้ายกับ เรื้อนมูลนก คือ ผุดเป็นแว่นเป็นวงตามผิวหนัง เล็กก็มี ใหญ่ก็มี สีขาวนุง ๆ ขอบนูน มีสัญฐานดังกลาก พรรนัย ท�ำให้คัน นานเข้าลามทั้งตัวพยาธิ นี้หายบ้าง ไม่หายบ้าง แต่ก็มีสะเก็ดเงินบางอาการที่มีลักษณะเป็นแผลเปิด มีน�้ำเหลืองไหล ขึ้นตามข้อมือ ข้อเท้า ศอก และเข่าเป็นต้น ซึ่งคล้ายกับ เรื้อนกวาง คือ เกิดตามข้อมือข้อเท้า ก�ำด้นต้นคอ เป็นน�้ำเหลืองลามออก


73 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 ไปเมื่อทายาก็แห้ง บางทีก็หายขาด บางทีไม่หายไม่ตาย แต่ล�ำบาก ตาม พระคัมภีร์นั่นเอง นอกจากนี้อาการทางผิวหนังยังมีกล่าวไว้ในต�ำราเวชศึกษาที่กล่าว ถึงลักษณะรอยโรคที่เกิดกับผิวหนังคือ ธาตุน�้ำ เช่น เมโทพิการ ให้ผุดเป็นแผ่น เป็นดวง ปวดแสบร้อน ผิวหนังเป็นน�้ำเหลือง โลหิตังพิการ ให้ตัวร้อน เป็นไข้ คลั่งเพ้อ ปัสสาวะ แดง เป็นเม็ดตามผิวหนัง ธาตุดิน เช่น ตะโจพิการ ให้คันรู้สึกสากชาและแสบร้อนตามผิวหนัง มังสังพิการ ให้เนื้อเป็นผื่นแดง ชาและแสบร้อน เป็นหูด ไฝ พรายย�ำ เป็นต้น ทั้งนี้ในการวินิจฉัยโรคด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย นอกจาก วินิจฉัยตามชื่อโรคในพระคัมภีร์แล้วนั้น ยังมีการวินิจฉัยตามหลักการของ ธาตุ 42 ที่แปรเปลี่ยนหรือผิดปกติไปอีกด้วย ซึ่งแบ่งโรคสะเก็ดเงินออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. เกิดจากกองเลือดและน�้ำเหลือง จะมีผื่นเป็นปื้นแดงหนา ชื้น สะเก็ดจะมีขนาดใหญ่และหนา มีขุยสีเงิน ขอบเขตชัดเจน 2. เกิดจากกองเลือดและลม ผิวจะมีลักษณะแห้ง สะเก็ดจะบาง ขนาดเล็ก มีลักษณะละเอียด ไม่นูน มีสีขาว การรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย การรักษาตามคัมภีร์การแพทย์แผนไทย ได้กล่าวถึงการรักษา โรคเรื้อนมูลนก ดังนี้ ขนานที่ 1 ยาทั้งกินทั้งทา หัวว่านอิน ผลกระเบา ผลกระเบียน ผลล�ำโพงแดง ผลบวบขม ขอบชะนางทั้งสอง ใบรักขาว ใบกรวยป่า


74 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน ก�ำมะถัน เสมอภาค ต�ำเอาน�้ำ สิ่งละทะนาน น�้ำมันงา 1 ทะนานหุงให้เหลือแต่น�้ำมัน ทาหรือปั้นกิน ขนานที่ 2 ยากิน ข้าวเย็นทั้งสอง หัวยั้ง รากมะดูก ขันทองพยาบาท ก�ำมะถันข่าต้น หนอนตายหยาก โรคแดง โรคขาว เปล้าน้อย เปล้าใหญ่ กุ่มน�้ำ กุ่มบก ดีบุกด�ำ ชามเทพนม(เบญจรงค์ มีสารหนู) เสมอภาค ต้มกิน ขนานที่ 3 ยาทา ใบล�ำโพง ใบกรวยป่า ข่าหลวง ใบพลูแก เอื้องเพ็ดม้า ใบกุ่มบก ใบกุ่มน�้ำ ใบขอบชะนางแดง ใบขอบชะนาง ขาว เสมอภาค บดละเอียดละลายน�้ำสุราทา นอกจากนี้ยังมี ยาแก้โรคเรื้อนของหลวงจินดาโอสถ ประกอบด้วย หนอนตายหยาก หางไหลทั้งสอง รากโรกทั้งสอง ตูมกาทั้งสอง มะดูกทั้งสอง ขันทองพยาบาท รากมะขามป้อม เจตมูลเพลิง สิ่งละ 1 ส่วน ก�ำมะถันทั้งสอง พริกไทย สิ่งละ 6 ส่วน ข้าวเย็นทั้งสอง สิ่งละ 1 ส่วน เอาสุราครึ่ง น�้ำครึ่ง เป็นกระสาย ต้มให้กิน จากต�ำรับยาที่กล่าวข้างต้น จะเห็นว่าสมุนไพรบางตัวนั้นเป็น สมุนไพรหายาก ไม่เป็นที่นิยมน�ำมาปรุงยา และบางต�ำรับมีวิธีการปรุงยา ที่ยุ่งยาก ปัจจุบันการตั้งต�ำรับยาต้มเฉพาะรายจึงใช้หลักการพิจารณาตาม ลักษณะอาการและธาตุปัจจุบันของผู้ป่วยในการตั้งต�ำรับยาดังนี้ สะเก็ดเงินที่เกิดจากกองเลือดและน�้ำเหลือง ใช้ยารสเมาเบื่อ เช่น ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ ขันทองพยาบาท เหงือกปลาหมอ ทองพันชั่ง กุ่มน�้ำ กุ่มบก หนอนตายหยาก ขอบชะนางแดง ของชะนางขาว หัวร้อยรู เปล้าน้อย เปล้าใหญ่ เต่ารั้ง เต่าเกียด หัวยั้ง ก�ำแพงเจ็ดชั้น แก่นขี้เหล็ก รากตองแตก ใบมะกา ยาด�ำ รงทอง ดีเกลือฝรั่ง เป็นต้น


75 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 สะเก็ดเงินที่เกิดจากกองเลือดและลม ใช้ยารสสุขุม เช่น ขิง ฝาง โกฐทั้ง 5 โกฐกระดูก เกสรทั้ง 5 เทียนด�ำ เทียนแดง จันทน์แดง จันทน์ขาว ดอกค�ำไทย ดอกค�ำฝอย เป็นต้น ตัวอย่างยาต้มเฉพาะรายที่ใช้ในโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ผสมผสาน กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อรักษาโรคสะเก็ดเงินที่เกิดจากกองเลือดและน�้ำเหลืองดังนี้ “ข้าวเย็นทั้งสอง เหงือกปลาหมอ สิ่งละ 2 บาท ค�ำไทย ค�ำฝอย ก�ำแพงเจ็ดชั้น หมากเมีย โกฐน�้ำเต้า โกฐสอ โคคลาน สมอไทย สมอเทศ แฝกหอม ใบมะกา รากแจง แกแล ฝาง จันทน์แดง ขอนดอก สิ่งละ 1 บาท” ต้ม 3 เอา 1 รับประทานครั้งละ 100 - 150 มิลลิลิตร ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน เย็น ในโรงพยาบาลอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี มีการใช้ รากตาล 1 ก�ำมือ ต้มดื่ม ในช่วงสุดท้ายของการรักษาเพื่อปรับสมดุลโดยการลดธาตุไฟ เป็นต้น นอกจากยาต้มกินแล้ว ยังมีการรักษาด้วยการใช้ยาภายนอก ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ยาทา ยาแช่ ยาพอก ยาอาบ ยาอบ เป็นต้น ตัวอย่าง ต�ำรับยาพอกผิวหนังเพื่อลดปิตตะ (ความร้อน) ของโรงพยาบาลสังคม จังหวัดหนองคาย คือ พญายอ ว่านหางจระเข้ อย่างละ 150 กรัม หญ้าแพรก บัวบก อย่างละ 50 กรัม ใบย่านาง 20 กรัม เหงือกปลาหมอ 15 กรัม ใบพลู 10 กรัม น�ำสมุนไพรทั้งหมดมาต�ำให้ละเอียด ผสม น�้ำซาวข้าว 250 มิลลิลิตร น�้ำเปล่า 500 มิลลิลิตร กรองเอาแต่น�้ำ น�ำยา ที่ได้ผสมกับดินสอพองให้ข้น ไปทาพอกบริเวณที่มีผื่น นอกจากต�ำรับยาข้างต้นแล้ว ยังมีการแนะน�ำให้ผู้ป่วยใช้น�้ำมัน มะพร้าวสกัดเย็น เจลว่านหางจระเข้ ครีมพญายอ ครีมพลู ครีมบัวบก ร่วมด้วย ในการรักษาสะเก็ดเงินเพื่อบรรเทาอาการคัน ลดการตึงของผิวหนังบริเวณ รอยโรค ในโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรมีการใช้สเปรย์รางจืดและครีม ผักเบี้ย พบว่าช่วยบรรเทาอาการคัน ลดความตึงของผิวหนังได้ผลดี


76 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน หากวิเคราะห์ต�ำรับตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยจะพบว่าต�ำรับยา เหล่านี้จะเห็นว่ารสยาหลักนั้นเป็นรสเมาเบื่อที่มีสรรพคุณส�ำหรับแก้พิษดี พิษโลหิต พิษเสมหะ แก้น�้ำเหลืองเสีย และมีรสยารองเป็นรสสุขุมที่มีสรรพคุณ แก้ลมกองละเอียด ลดก�ำลังวาตะท�ำให้อาการคันลดลง ค�ำแนะน�ำการปฏิบัติตัวของผู้ป่วย 1. งดอาหารที่แสลงต่อโรค • อาหารคาวจัด จ�ำพวกเนื้อ เช่น เนื้อโค เนื้อกระบือ เนื้อสัตว์ใหญ่ เป็นต้น • สัตว์ปีกทุกชนิด เช่น เนื้อไก่ เนื้อเป็ด เนื้อห่าน เนื้อนก เป็นต้น • อาหารทะเล ได้แก่ ปลาหมึก หอยแครง ปูม้า และกุ้ง • ปลาไม่มีเกล็ด เช่น ปลาโอ ปลากระเบน ปลาไหล ปลาดุก รวมถึง ปลาที่มีครีบแข็ง เช่น ปลานิล ปลาทับทิม ปลากระบอก ปลากะพง เป็นต้น • อาหารหมักดองทุกชนิด • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2. หลีกเลี่ยงสภาวะความเครียดต่าง ๆ 3. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 4. หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีอากาศร้อนจัดหรือเย็นจัด 5.ดูแลรักษาความสะอาดร่างกาย เสื้อผ้า เครื่องนอน ให้สะอาด 6. หลีกเลี่ยงการแกะ เกา บริเวณที่เป็นรอยโรค


77 เอกสารอ้างอิง 1. ชยันต์ พิเชียรสุนทร, แม้นมาส ชวลิต และวิเชียร จีรวงส์. ต�ำราพระโอสถ พระนารายณ์. กรุงเทพฯ: บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จ�ำกัด (มหาชน); 2544. 2. มูลนิธิฟืนฟูส่งเสริมก้ารแพทย์ไทยเดิม อายุรเวทวิทยาลัย (ชีวกโกมารภัจจ์). ต�ำราการแพทย์ไทยเดิม ฉบับที่1. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย; 2547. 3. พระยาพิศนุประสาทเวช. เวชศึกษา แพทย์ศาสตร์สังเขป เล่ม 1, 2, 3. กรุงเทพฯ: ส�ำนักวัดพระเชตุพนฯ. 4. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. ประมวลผลงานวิจัย ด้านพิษวิทยา ของสถาบันวิจัยสมุนไพร เล่ม 1. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ การศาสนา:2546.


78 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน


79 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 นวัตกรรมโรค “สะเก็ดเงิน” 1. ชื่อนวัตกรรม : “ยาหม้อต้ม ต�ำรับวรรณฉวี” โรงพยาบาล : พระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี ส่วนประกอบ : โกฐหัวบัว โกฐกระดูก เทียนด�ำ เทียนข้าวเปลือก หัวตะเพียด หัวหนอนตายหยาก หัวข้าวเย็นเหนือ หัวข้าวเย็นใต้ และสมุนไพรอื่น ๆ วิธีการเตรียม : ในอนาคต อาจจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีเป็นการต้ม เคี่ยว แล้วสกัด ให้แห้ง โดยวิธีพ่นแห้ง (Spray Dry) จากนั้น จึงน�ำไปบรรจุในแคปซูล ตอกเม็ด เพื่อความสะดวกในการรับประทาน วิธีการใช้ : ใช้รับประทาน (พิจารณาเป็นรายบุคคลก่อนที่จะเริ่มรักษา เนื่องจากผู้ป่วยมีปัจจัยไม่เหมือนกัน) โดยใช้ร่วมกับการให้ผู้ป่วยปรับ พฤติกรรมส่วนตัวด้วย ใช้ระยะเวลาเฉลี่ย 4 - 6 เดือนจะเริ่มเห็นผล


80 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน 2. ชื่อนวัตกรรม : “ยาประคบ” โรงพยาบาล : เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี ส่วนประกอบ: 1) ยาน�้ำประคบแผล 2) ยาน�้ำมันประคบแผล 3) ผิวเปลือกส้ม 4) Normal Saline 5) ผ้าก๊อตใยสังเคราะห์ 6) กะละมังสแตนเลส 7) ถุงมือยาง วิธีการใช้: (1) ขั้นตอนการทําความสะอาดแผล ใช้ผิวมะกรูด/ส้ม/ส้มโอ ทําการถูสะเก็ดให้หลุดลอกออก ใช้เปลือกเป็นตัวถู โดยการ ขยําเปลือกให้มี oil ออกมาที่ผิวแล้วทําการ ถูสะเก็ดให้บางลง จนสามารถใช้ Normal Saline ฉีด ๆ เพื่อให้สามารถ ถูง่ายขึ้น ข้อสังเกต ควรถูจนกว่าคนไข้จะรู้สึกยิบ ๆ ที่ผิวหนังเล็กน้อย ข้อควรระวัง!! ห้ามถูโดนผิวหนังที่ปกติ และบริเวณที่มีแผลเปิด ใช้ผ้าก๊อซชุบ Normal Saline ล้างน�้ำมันหอมระเหยออก ให้หมด (2) ขั้นตอนการประคบแผล ใช้ผ้าก๊อซ (ใยสังเคราะห์) ชุบยาน�้ำที่เตรียมไว้ และนําไป ประคบที่แผลของผู้ป่วยนาน 15 - 30 นาที แล้วเอาผ้าก๊อตออก


81 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 (3) ขั้นตอนการทายาน�้ำมัน น�ำยาน�้ำมันที่เตรียม ๆ ไว้ทาไปที่ผื่นของผู้ป่วยบาง ๆ ค�ำแนะน�ำ: (1) งดอาหารที่แสลงต่อโรค อาหารคาวจัด จ�ำพวกเนื้อโค เนื้อกระบือ เนื้อสัตว์ใหญ่ หัวหมู สัตว์ปีก ทุกชนิด เช่น เนื้อไก่ เนื้อเป็ด และเนื้อห่าน เป็นต้น อาหารทะเลบางชนิด ปลาไม่มีเกล็ด พวกปลาโอ ปลากระเบน ปลากระบาง ปลาไหล ปลาดุก อาหารหมักดองทุกชนิด เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มชูก�ำลัง การสูบบุหรี่ หน่อไม้ (2) หลีกเลี่ยงสภาวะความเครียดต่าง ๆ นอนหลับพักผ่อนให้ เพียงพอ ไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง/วัน (ควรนอนก่อนเที่ยงคืน) (3) หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีอากาศร้อนจัดเย็นจัด ดูแลรักษาความ สะอาดบริเวณร่างกายให้สะอาด (4) หลีกเลี่ยงการแกะเกาบริเวณที่เป็นรอยโรค เพราะจะยิ่ง กระตุ้นให้รอยโรคเพิ่มมากขึ้น (5) ต้องอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงการตอบสนองต่อการรักษา อาจมีการปะทุได้ 3. โรงพยาบาล : สังคม จังหวัดหนองคาย ส่วนประกอบ: (1) สมุนไพรที่ใช้ในการรุ ล้อม รักษา (ระบายปิตตะ วาตะ และ เสมหะ) ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ ขันทองพยาบาท เหงือกปลาหมอ ทองพันชั่ง กุ่มน�้ำ กุ่มบก หนอนตายหยาก ขอบชะนางแดง ขอบชะนางขาว


82 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน เปล้าน้อย เปล้าใหญ่ หัวร้อยรู เต่ารั้ง เต่าเกียด หัวยั้ง ก�ำแพงเจ็ดชั้น แก่นขี้เหล็ก รากตองแตก ใบมะกา ยาด�ำ รงทอง ดีเกลือฝรั่ง (2) สมุนไพรที่ใช้ในการบ�ำรุง (วาตะ ปิตตะ และเสมหะ) โกฐกระดูก โกฐหัวบัว โกฐสอ เทียนด�ำ เทียนแดง จันทน์แดง จันทน์ขาว ขิงแห้ง ฝางเสน ดอกค�ำไทย ดอกค�ำฝอย (3) สมุนไพรที่ใช้ในการรักษาอาการภายนอก (ยาอาบ ยาแช่ ยาหมัก ยาทา ยาชโลม) ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ ขันทองพยาบาท เหงือกปลาหมอ ทองพันชั่ง กุ่มน�้ำ กุ่มบก หนอนตายหยาก ขอบชะนางแดง ขอบชะนางขาว เปล้าน้อย เปล้าใหญ่ ขิง มะค�ำดีควาย เบญกานี เปลือกมังคุด ชุมเห็ดเทศ ข่าแห้ง ก�ำมะถันเหลือง ส้มป่อย ใบมะขาม ใบส้มเสี้ยว (4) ต�ำรับยาสมุนไพรลดปิตตะ (เภสัชต�ำรับของโรงพยาบาล) พญายอ 150 กรัม หญ้าแพรก 50 กรัม บัวบก 50 กรัม วุ้น ว่านหางจระเข้ 150 กรัม ใบย่านาง 20 กรัม เหงือกปลาหมอ 15 กรัม ใบพลู 10 กรัม น�้ำซาวข้าว 250 มิลลิลิตร ดินสอพอง 20 กรัม น�้ำเปล่า 500 มิลลิลิตร วิธีการเตรียม: น�ำสมุนไพรทั้งหมดมาต�ำให้ละเอียด ให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วกรองเอาแต่น�้ำ วิธีการใช้: ทาพอกบริเวณที่มีผื่น


83 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 4. ชื่อนวัตกรรม : “ยาต้มสมุนไพรเฉพาะราย” โรงพยาบาล : อู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนประกอบ: ทองพันชั่ง หัวข้าวเย็นเหนือ หัวข้าวเย็นใต้ ดอกกานพลู ก�ำแพงเจ็ดชั้น ตรีผลา และสมุนไพรอื่น ๆ วิธีการเตรียม: 1. น�ำยาสมุนไพรที่ได้ไปล้างน�้ำสะอาด 1 รอบ 2. แล้วน�ำไปห่อผ้าขาวบาง 1 - 2 ชั้น 3. เติมน�้ำสะอาด 500 มิลลิลิตร 4. เปิดไฟปานกลาง จับเวลาหลังเดือด 5 - 10 นาที 5. น�ำน�้ำที่ได้มาแบ่งกินครั้งละ 150 มิลลิลิตร โดยประมาณ 6. ยา 1 ห่อต้มได้ 1 สัปดาห์ ควรเก็บกากยาไว้ในตู้เย็น วิธีการใช้: มีการวิเคราะห์และประเมินอาการโดยทีมแพทย์แผนไทย ก่อน จะให้ยาสมุนไพรสูตรต�ำรับเฉพาะรายที่แตกต่างกัน 1 ซอง น�ำไปต้ม รับประทานได้ 1 สัปดาห์


84 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน 5. ชื่อนวัตกรรม : “ยาต้มสมุนไพรเฉพาะราย” โรงพยาบาล : การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน


85 การวิเคราะห์ต�ำรับยารักษาโรคสะเก็ดเงินและหลักฐาน เชิงประจักษ์ที่เกี่ยวข้อง ดวงแก้ว ปัญญาภู ภบ., ภม.(เภสัชกรรมคลินิก), วท.ด.(เภสัชศาสตร์) ทิพย์วรรณ ซิ้มส�ำอาง, พทป. โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคที่การแพทย์แผนปัจจุบันเชื่อว่าเกิดจาก การแปรปรวนของภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งส่งผลต่อการเกิดโรคเรื้อรังที่ รักษาได้ยาก รอยโรคที่เกิดขึ้นตามบริเวณผิวหนังที่ปรากฏทั่วร่างกาย มีผลท�ำให้ผู้ป่วยบางรายเกิดการอับอาย ไม่กล้าเปิดเผยผิวหนังที่เป็นรอยโรค ต่อสาธารณะด้วยเกรงว่าจะเป็นที่รังเกียจ ประกอบกับเป็นโรคที่ไม่สามารถ รักษาไม่หายขาดได้ด้วยการแพทย์แผนปัจจุบันเพียงอย่างเดียว ดังนั้น ประชาชนส่วนหนึ่งจึงพยายามแสวงหาการรักษาทางเลือก ซึ่งการรักษาตาม ศาสตร์การแพทย์แผนไทย เป็นศาสตร์หนึ่งที่มีการใช้ต�ำรับยาเพื่อรักษาโรค ที่มีอาการคล้ายกับโรคสะเก็ดเงิน ซึ่งทางแพทย์แผนไทย เรียกโรคดังกล่าว ว่า “โรคเรื้อน” ซึ่งในต�ำราระบุว่ามีหลายชนิด เช่น โรคเรื้อนมูลนก โรคเรื้อนกวาง เป็นต้น และมีต�ำรับยาที่ใช้รักษาโรคดังกล่าวซึ่งปรากฏตาม คัมภีร์การแพทย์แผนไทย มีดังต่อไปนี้ การรักษาโรคเรื้อนมูลนก ขนานที่ 1 ยาทั้งกินทั้งทา หัวว่านอิน ผลกระเบา ผลกระเบียน ผลล�ำโพงแดง ผลบวบขม ขอบชะนางทั้งสอง ใบรักขาว ใบกรวยป่า ก�ำมะถัน เสมอภาค ต�ำเอาน�้ำ สิ่งละทะนาน น�้ำมันงา 1 ทะนานหุงให้เหลือแต่น�้ำมัน ทาหรือปั้นกิน


86 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน ขนานที่ 2 ยากิน ข้าวเย็นทั้งสอง หัวยั้ง รากมะดูก ขันทองพยาบาท ก�ำมะถัน ข่าต้น หนอนตายหยาก โรคแดง โรคข้าว เปล้าน้อย เปล้าใหญ่ กุ่มน�้ำ กุ่มบก ดีบุกด�ำ ชามเทพนม (เบญจรงค์ มีสารหนู) เสมอภาค ต้มกิน ขนานที่ 3 ยาทา ใบล�ำโพง ใบกรวยป่า ข่าหลวง ใบพลูแก เอื้องเพ็ดม้า ใบกุ่มบก ใบกุ่มน�้ำ ใบขอบชะนางแดง ใบขอบชะนาง ขาว เสมอภาค บดละเอียดละลายน�้ำสุราทา หากวิเคราะห์ต�ำรับเหล่านี้ตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยจะพบว่า รสยาหลักของต�ำรับยานั้นเป็นรสเมาเบื่อ ที่มีสรรพคุณส�ำหรับแก้พิษดี พิษโลหิต พิษเสมหะ แก้น�้ำเหลืองเสีย และมีรสยารองเป็นรสสุขุมที่มีสรรพคุณ แก้ลมกองละเอียด ลดก�ำลังวาตะท�ำให้อาการคันลดลง และในการรักษา โรคสะเก็ดเงินด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยนั้น จ�ำเป็นต้องพิจารณาถึง หลาย ๆ องค์ประกอบ เช่น อาการของโรค ธาตุที่ผิดปกติไป ชีพจรของผู้ป่วย เป็นต้น เพื่อพิจารณาการปรุงยาที่เหมาะสม แม้แต่เรื่องของอาหารการกิน และการหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น ก็เป็นสิ่งส�ำคัญของการรักษาโรคสะเก็ดเงิน ด้วยเช่นกัน ดังนั้น จึงมีข้อแนะน�ำการปฏิบัติตัวส�ำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ ได้แก่ ผิวแห้งให้ทาผิวด้วยน�้ำมันมะพร้าวหรือเจลว่านหางจระเข้บาง ๆ ใช้มือ ลูบเบา ๆ เวลาคันแทนการเกา หลีกเลี่ยงโดนแสงแดด และงดของแสลง เช่น อาหารทะเลและของหมักดองทุกชนิด เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสมุนไพรที่ใช้ในต�ำรา บางชนิดหาได้ยาก ในปัจจุบัน ดังนั้นแพทย์แผนไทยในภูมิภาคจึงใช้หลักการดังกล่าวมาตั้งต�ำรับยา ที่เหมาะกับการใช้กับผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินในโรงพยาบาล ซึ่งมีความแตกต่าง หลากหลายกันในแต่ละพื้นที่ แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีการยึดตามหลักการ คือ ใช้สมุนไพรรสเบื่อเมา และรสสุขุมเป็นหลัก และหากวิเคราะห์ต�ำรับยา ตามหลักฐานเชิงประจักษ์ทางวิทยาศาสตร์ จะพบว่ามีการศึกษาวิจัยที่ เกี่ยวข้องกัน ดังนี้


87 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 ตารางการวิเคราะห์ต�ำรับยารักษาโรคสะเก็ดเงินและหลักฐานเชิงประจักษ์ทางวิทยาศาสตร์ สมุนไพรรสยา/สรรพคุณงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ข้าวเย็นเหนือเมาเบื่อ แก้มะเร็ง แก้เส้นพิการ น�้ำเหลืองเสีย ฝีเปื่อย พุพอง แก้ คุดทะราด แก้เส้นเอ็นพิการ แก้กามโรค แก้เม็ดผื่นคัน ดับ พิษในกระดูก แก้ปัสสาวะ Smilax corbularia Kunth. สารสกัดข้าวเย็นเหนือมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ทดสอบโดยวิธี DPPH Assay โดยมีค่า IC50 เท่ากับ 4.2 ± 0.12 µg/mL.1พบฤทธิ์ต้านการอักเสบในสารสกัดในเอทานอล ซึ่งสารหลัก ที่พบในสารสกัด คือ engeletin, astilbin, และ quercetin กลไกการออกฤทธิ์ที่พบคือการยับยั้งการสร้าง Nitric oxide (NO) ที่ IC50 value of 19.67-19.85 µg/ml.2-3 ข้าวเย็นใต้เมาเบื่อ แก้พุพอง แก้น�้ำเหลืองเสีย แก้ปัสสาวะพิการ แก้ พยาธิในท้อง Smilax glabra Roxb. สารสกัดข้าวเย็นใต้มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ทดสอบโดยวิธี DPPH Assay และ ABTSซึ่งสารส�ำคัญที่พบในสารสกัดดัง กล่าว คือ สารในกลุ่มฟลาโวน และโพลีฟีนอล ได้แก่ astilbin, isoastilbin, isoanstilbin และ engelitin4และนอกจากนี้ พบว่าข้าวเย็นใต้มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ โดยกลไกลดการสร้าง และการแสดงออกของสาร cytokine5


88 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงานสมุนไพรรสยา/สรรพคุณงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเหงือกปลาหมอเค็มกร่อย ทั้งต้น ตัดรากฝีภายใน และภายนอกทุกชนิด แก้น�้ำเหลืองเสีย รักษาโรคผิวหนังจ�ำพวกพุพอง น�้ำเหลืองเสีย ต้มน�้ำอาบหรือชะล้างบาดแผลเรื้อรัง และผื่นคันตามร่างกาย ต้มรับประทานแก้พิษฝีดาษ พิษฝีภายใน ตัดรากฝีทั้งปวง แก้โรคผิวหนัง น�้ำเหลืองเสีย เป็นยาอายุวัฒนะ Acanthus ebracteatus Vahl.สารสกัดเหงือกปลาหมอที่สกัดด้วยน�้ำ พบว่ามีฤทธิ์ที่แรงต่อการยับยั้งการเจริญของเชื้อก่อโรคที่ผิวหนัง อาทิ S. aureus, S. epidermidis, L. plantarum, K. pneumoniae และ P. vulgaris6 นอกจากนี้ยังพบว่า เหงือกปลาหมอ สามารถเร่งการสมานแผลได้7 สารส�ำคัญที่พบมากในใบ ได้แก่ Beta- และ alpha-Amyrin8ดอกค�ำไทยหวานสุขุม บ�ำรุงโลหิตและน�้ำเหลืองให้ปกติ แก้แสบร้อนคันตาม ผิวหนัง บ�ำรุงและขับโลหิตระดู แก้โรคโลหิตจาง แก้บิด แก้ไตพิการ แก้พิษบ�ำรุงประสาท บ�ำรุงหัวใจ Bixo Orellana L. พบว่าสารสกัดใบในน�้ำมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียก่อโรคชนิด ดื้อยา จ�ำนวน 25 ชนิด และนอกจากนี้พบว่าสารสกัดเมล็ด ในเอทานอลอุดมไปด้วยสารกลุ่มโพลิฟีนอลิกส์ที่มีฤทธิ์ต้าน อนุมูลอิสระที่แรงด้วย9


89 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 สมุนไพรรสยา/สรรพคุณงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ค�ำฝอยหวานเอียน ขับระดู บ�ำรุงโลหิต แก้ตกเลือด แก้ดีพิการ ขับเหงื่อ ใช้ เป็นยาระบาย ระงับอาการปวดในสตรีที่รอบเดือนมาไม่ เป็นปกติ ต้มอาบเวลาออกหัด รักษาอาการคันตามผิวหนัง แก้แสบร้อนตามผิวหนัง Carthamus tinctorius L. สารสกัดค�ำฝอยในเมทานอล พบสารส�ำคัญกลุ่มโพลิพีนอลิกส์ และฟลาโวนอยด์ เช่น carthamin และgallic acid ที่มี ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และนอกจากนี้ยังพบว่าสารสกัดมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียก่อโรค ชนิด Staphylococcus aureus, Salmonella entericaและ serovar Typhi ได้10-11 ก�ำแพงเจ็ดชั้นเมาเบื่อ ฝาด แก้โรคไต แก้ท้องผูก ยาระบาย แก้ลมตีขึ้น ล�ำต้น แก้ปวดเมื่อย คลายเส้นเอ็น ขับปัสสาวะ Salacia chinensis L.สารสกัดใบด้วยเอทานอล มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียแกรมบวก Staphylococcus epidermidis และเชื้อรา Cryptococcus neoformans โดยมีค่า MIC เท่ากับ 256 µg/mL ยับยั้งเชื้อรา Candida albicans โดยมีค่า MIC เท่ากับ 512 µg/mL สารสกัดใบด้วยน�้ำมีฤทธิ์ต้านเชื้อ S. epidermidis และ C. neoformans โดยมีค่า MIC เท่ากับ 512 และ 1024 µg/mL ตามล�ำดับ12 หมากเมียฝาด แก้พิษกาฬ (พิษที่เกิดจากการติดเชื้อ) ต้มหรือแช่น�้ำอาบ แก้ไข้หัว (ไข้ รวมกับผื่น หรือตุ่ม เช่น เหือด หัด อีสุกอีใส) และแก้อาการคันตามผิวหนัง Cordyline fruticosa Goppertพบสารกลุ่ม steroidal saponins และฟลาโวนอยด์จากสารสกัดจากใบหมากเมีย โดยสารสกัดดังกล่าวมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรียแกรมบวก และมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง13


90 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงานสมุนไพรรสยา/สรรพคุณงานวิจัยที่เกี่ยวข้องโกฐน�้ำเต้าฝาด สุขุม บ�ำรุงธาตุ แก้ธาตุพิการ อาหารไม่ย่อย ระบายท้อง รู้ถ่ายรู้ปิดเอง แก้ท้องเสีย ขับลมในล�ำไส้ ขับปัสสาวะและอุจจาระให้เดินทางสะดวก Rheum palmatum L.เหง้าของโกฐน�้ำเต้าพบสารกลุ่ม anthraquinone glycosides: Aloe - Emodin, Emodin, Chrysophanol, Rehein, Sennoside A, B, และ Tannin ที่มีฤทธิ์ฝาดสมาน ใช้ได้ทั้งการห้ามเลือดทั้งภายนอกและภายใน สามารถน�ำมาใช้เป็นยารักษาป้องกันการตกเลือด หรือการเกิดแผลต่างๆ ได้14โกฐสอขมแก้ไข้ แก้หืด แก้ไอ ท�ำหัวใจให้ชุ่มชื่น แก้หลอดลมอักเสบ แก้ไข้จับสั่น แก้ปวดหัว โพรงจมูกอักเสบ แก้ปวดฟัน แก้ริดสีดวงทวารหนัก แก้อาการทางผิวหนังต่างๆ เช่น แผลไฟไหม้ น�้ำร้อนลวก Angelica dahurica (Hoffm.) Benth. & Hook.f. ex Franch. & Sav.) การศึกษาฤทธิ์ต้านการอักเสบ ว่าสารสกัด dahuribiethrins B, C, D และ E มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างไนตริกออกไซด์ (NO) ที่แรงกว่า Indomethacin (โดยมีค่า IC50 เท่ากับ 8.8±0.4, 9.2±0.2, 9.6±0.3 และ 9.8±0.2 μM ตามล�ำดับ ส่วน Indomethacinมีค่า IC 50 เท่ากับ 23.6±0.4 μM) โดย dahuribiethrins D และ E ที่มีโครงสร้างแบบแบนราบ (planar structure) เป็นคู่ไอโซเมอร์กัน มีฤทธิ์เด่นในการยับยั้งการสร้างไนตริกออกไซด์ จากการศึกษานี้แสดงว่า stereochemical configurations มีผลต่อฤทธิ์ต้านการ อักเสบด้วย15


91 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 สมุนไพรรสยา/สรรพคุณงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง โคคลานขม เมาเบื่อ เย็น แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย ครั่นตัว เส้นตึง แก้ปวดหลังปวด เอว แก้กระษัย ขับปัสสาวะ แก้ไตพิการ บ�ำรุงโลหิต แก้ พิษภายใน เข้ายาแก้โรคมะเร็ง Anamirta cocculus (L.) Wight & Arn. สารสกัดใบจากเมทานอลและน�้ำร้อน พบสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ ซาโปนิน และแทนนินที่มีฤทธิ์ลดปวดและยับยั้งการอักเสบ ในสัตว์ทดลอง16 สมอไทยฝาด เป็นยาระบาย ขับเสมหะ แก้บิด แก้ไข้ Terminalia chebula Retz. var. chebulaสารสกัดน�้ำของผลสมอไทย พบว่าสามารถเพิ่ม PH มีผล ลดปริมาณของแบคทีเรียในปากให้น้อยลงได้และนอกจากนี้ พบว่าผลของสมอไทยมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และเร่งการหายของแผล และยับยั้งการเจริญของแบคทีเรีย ได้17-18 สมอเทศเปรี้ยวฝาด ระบายอ่อน ๆ ระบายเสมหะ ระบายลม รู้ถ่าย รู้ปิดเอง แก้เสมหะ ท�ำให้ลมเดินสะดวก Terminalia arjuna Wight and Arn. พบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และฤทธิ์ต้านเซลล์ มะเร็ง19 แฝกหอมหอม ยาขับลมในล�ำไส้ แก้ปวดท้องจุกเสียด ท้องอืด ลดไข้และ ขับปัสสาวะ Vetiveria zizanioides (L.) Nash ex Smallพบว่าน�้ำมันหอมระเหยจากรากแฝกหอม มีฤทธิ์ต้านอนุมูล อิสระที่แรงหลังทดสอบด้วยวิธี DPPH Assay และ FRAP20


92 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงานสมุนไพรรสยา/สรรพคุณงานวิจัยที่เกี่ยวข้องใบมะกาฝาดขม เป็นยาแก้โรคกระษัย ยาระบายอย่างอ่อน ฟอกโลหิต บ�ำรุงน�้ำเหลือง Bridelia ovata Decne.จากการทดลองฤทธิ์ระบายกับผู้ป่วยท้องผูก ด้วยการใช้ใบแห้งในขนาด 1.5 - 2 กรัม น�ำมาชงกับน�้ำเดือด แล้วแช่ไว้นาน 10 - 20 นาที ใช้ดื่มก่อนนอน พบว่าได้ผลดี แต่มีอาการข้างเคียงคือ ปวดท้อง คลื่นไส้ กระตุ้นกล้ามเนื้อเรียบ21-22แกแลปร่า แก้ไข้รากสาด แก้ท้องร่วง บ�ำรุงน�้ำเหลือง บ�ำรุงก�ำลัง Maclura cochinchinensis (Lour.) Cornerยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียแกรมบวกได้ดี โดยมีค่า MIC ต่อเชื้อ S.epidermids, S.aureus และ B.subtilisเท่ากับ 0.25, 0.25 และ 0.12 มก./มล. ตามล�ำดับ และยังมีฤทธิ์ยับยั้งการเติบโตของเชื้อราก่อโรคกลากที่ค่า MIC เท่ากับ 0.25 มก./มล.23 ฝางขม ฝาดขื่น บ�ำรุงโลหิต แกร้อนใน กระหายน�้ำ แกทองร่วง แก้เสมหะ แก้ไข้ ฟอกโลหิต Caesalpinia sappan L. พบสารส�ำคัญ ชนิด brazilin ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้าน การอักเสบ ยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรีย24


Click to View FlipBook Version