193 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 สูตร/ชื่อสมุนไพรรส/สรรพคุณงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ไพลสรรพคุณทางต�ำรายาไทย : เหง้า ขับโลหิต ร้ายทั้งหลายให้ตกเสีย แก้ฟกช�้ำ เคล็ดบวม ขับลมในล�ำไส้ แก้จุกเสียด แก้ปวดท้อง บิด เป็นมูกเลือด ช่วยสมานแผล สมานล�ำไส้ แก้ล�ำไส้อักเสบ แก้ปวดฟัน เป็นยารักษาหืด เป็นยาชาเฉพาะที่ Zingiber montanum (J. Koenig) Link ex A. Dietr. องค์ประกอบทางเคมี : น�้ำมันหอมระเหย มีสารส�ำคัญที่เป็น องค์ประกอบ เช่น sabinene, caryophyllene, cineol, alpha-pinene, beta-pinene, myrcene, terpinene, limonene, p-cymene, terpinolene, eugenol, farneraol, alflabene, 3,4 dimethoxy benzaldehyde, 4-(4-hydroxyl-1-butenyl)-veratrole, naphthoqui- none derivative, vanillin, vanillic acid, veratric acid, β-sitosterol, สารสีเหลือง curcumin, cassumunarins A, B, C สารที่ลดการอักเสบคือ (1)(E)-4(3’,4’-dimethylphenyl) but-3-ene24
194 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงานสูตร/ชื่อสมุนไพรรส/สรรพคุณงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมะนาว สรรพคุณทางต�ำรายาไทย :น�้ำมะนาว มีรสเปรี้ยว ช่วยลดอาการไอ ขับเสมหะ มีรสเปรี้ยวกระตุ้นให้มีการขับน�้ำลาย ท�ำให้ชุ่มคอ จึงช่วยลดอาการไอได้ ช่วยกัดเสมหะให้หลุดออกมาด้วย กินเป็นยาฟอกเลือดแก้เลือดออกตามไรฟัน กัดเถาดานในท้อง ล้างเสมหะในคอ Citrus aurantifolia (Christm.) Swingle. องค์ประกอบทางเคมี : น�้ำจากผลมีกรด citric acid, malic acid, ascorbic acid และ สารจ�ำพวก limonoids สารกลุ่มโพลิพีนอลิกส์ และ ฟลาโวนอยด์ ผิวเปลือกพบสารกลุ่มคูมาริน และสารสกัดจากเมล็ด ผิวเปลือก และน�้ำมะนาว พบว่ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งหลายชนิด25หอมแดง สรรพคุณทางต�ำรายาแผนโบราณ: ใช้หัวแก่จัดๆ กินเป็นยาขับลมในล�ำไส้ บ�ำรุงธาตุ แก้หวัดคัดจมูก ใช้หัวต�ำสุมหัวเด็ก แก้หวัด ต�ำผสมพิมเสนและเปราะหอม พอกกระหม่อมเด็ก แก้หวัดคัดจมูกขยี้ดม แก้ซางชักแก้ไข้เพื่อเสมหะ อันครืดคราด อยู่ในทรวงอก Allium ascalonicum L. หัวหอมมีน�้ำมันหอมระเหยรสเผ็ดร้อน ที่มีก�ำมะถัน diallyl disulphide และสารกลุ่มซาโปนิน ไกลโคไซด์ เช่น ascalonicoside A และ Bซึ่งเป็นสารในกลุ่ม furostanol saponins นอกจากนี้ยังพบสารจ�ำพวกฟลาโวนอยด์ ที่พบ มากที่สุดคือ quercetin และ isorhamnetin ที่มีฤทธิ์ยับยั้ง การเจริญของเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะแบคทีเรียแกรมลบ เช่น Lactobacillus sp, E.coliและSalmonellasp26-27
195 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 สูตร/ชื่อสมุนไพรรส/สรรพคุณงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง หนุมานประสานกายสรรพคุณทางต�ำรายาแผนโบราณ : ใบ ใช้ใบสดประมาณ 9 ใบ น�ำมาต้มเอาน�้ำ หรือใช้ใบสดน�ำมาต�ำให้ละเอียดคั้นเอาน�้ำ ผสมกับสุราเป็นยาแก้ไอ แก้หอบหืด แก้อาเจียนเป็นเลือด และแก้พิษต่าง ๆ หรือ ใช้ใบสดน�ำมาต�ำให้ละเอียดเอากาก ใช้ทา หรือพอก สมานแผล ห้ามเลือด เป็นต้น Schefflera leucantha R.Vig. สารสกัดในเอทานอลของใบ พบว่าประกอบด้วยสารกลุ่มste- roids-terpenes และ flavonoids ซึ่งสารสกัดดังกล่าวมีสาร ต้านอนุมูลอิสระค่อนข้างสูง (EC50เท่ากับ 71.90 มคก./มล.) และนอกจากนี้ ยังพบว่าสารสกัดมีฤทธิ์ต้านเชื้อจุลชีพหลาย ชนิด เช่น Clostridium spp.; (MIC = 10 mg / ml), Bacteroides spp., Enterococcus faecalis, Lactobacillus spp., Peptococcus spp., Streptococcus mutans (MIC = 10 mg/ml), Klebsiella pneumonia,Propionibacterium acnes (MIC = 20mg / ml), Staphylococcus aureus, Streptococcus spp.และ Candida albican ด้วย28
196 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงานสูตร/ชื่อสมุนไพรรส/สรรพคุณงานวิจัยที่เกี่ยวข้องคนทีสอต�ำรายาไทย ใบรสร้อนสุขุมหอม บ�ำรุงน�้ำดี ขับเสมหะ บ�ำรุงธาตุ รักษาโรคตับ ขับลม แก้ไอ แก้หืด ฆ่าพยาธิ แก้ริดสีดวงจมูก แก้ล�ำไส้พิการ ขับเหงื่อ แช่น�้ำอาบแก้โรคผิวหนัง ผื่นคัน รักษาอาการสาบคายในกาย แก้พิษฝีใหญ่ แก้พิษส�ำแลง และพิษต่างๆ ผสมกับเทียน ขมิ้น พริกไทย รับประทานแก้วัณโรค แช่น�้ำอาบแก้ผื่นคันโรคผิวหนัง โรคปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ Vitex trifolia L. สารสกัดในเอทานอลของใบแล้วน�ำไปสกัดแยกส่วน ในเอทิลอะซิเตท พบสารส�ำคัญหลายชนิด อาทิ stigmasterol, P-methoxy benzoic acid, E/Z-caffeic acid, 3, 4’-dimethoxy quercetin 7- O-glucopyranoside, 3, 6, 4’-trimethoxy quercetin 7-O-glucopyuranoside, และ quercetin 7-O-neohespridoside เป็นต้น ซึ่งสาร สกัดดังกล่าวแสดงฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่แรง29 โกฐจุฬาลัมพาต�ำรายายาไทย:ใช้แก้ไข้เจลียง (คือไข้ที่มี อาการจับวันเว้นวันเป็นไข้จับสั่นประเภทหนึ่ง) แก้ไข้เพื่อเสมหะ แก้หืด แก้หอบ แก้ไอ ใช้เป็นยาขับเหงื่อ แพทย์แผนจีนใช้แก้ไข้ อันเกิดจากความร้อนในฤดูร้อน แก้ไข้ต�่ำๆ ที่ไม่มีเหงื่อ แก้ไข้อันเนื่องจากวัณโรค Artemisia annua L. องค์ประกอบทางเคมีที่ส�ำคัญคือ สารกลุ่มเซสควิเทอร์พีน แล็กโทน (sesquiterpene lactone) ชื่อ สารชิงเฮาซู (qinghaosu) หรือ สารอาร์เทแอนนิวอิน (arteannuin) หรือ สารอาร์เทมิซินิน (artemisinin) ที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อมาลาเรีย นอกจากนี้พบฤทธิ์ปกป้อง DNA, ต้านเชื้อแบคทีเรีย น�้ำมันหอมระเหยมีฤทธิ์ต้านเชื้อจุลชีพหลายชนิด, ต้านมะเร็ง, ต้านการอักเสบ, และฤทธิ์กดภูมิต้านทาน เป็นต้น 30
197 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 สูตร/ชื่อสมุนไพรรส/สรรพคุณงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เตยหอมแก้ไข้ แก้ร้อนใน แก้กระหายน�้ำ แก้อ่อนเพลีย ขับปัสสาวะ บ�ำรุงหัวใจ ชูก�ำลัง ดับพิษไข้ รักษาโรคหัด รักษาโรคสุกใส แก้โรคผิวหนัง Pandanus amaryllifolius Roxb. สารสกัดในเมทานอล พบ flavonoids 5 ชนิด และ phenolics 3 ชนิด ซึ่งสารสกัดดังกล่าวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และยับยั้งเซลล์ มะเร็งชนิด MCF-731
198 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน จากสมุนไพรที่ใช้ในต�ำรับยาอบ/ยาสุม/ยาสูดดมของแพทย์แผนไทย ที่ปฏิบัติงานในระดับภูมิภาคจะพบว่า ส่วนใหญ่เป็นการประยุกต์ใช้สมุนไพร ที่มีน�้ำมันหอมระเหยมาช่วยลดอาการคัดจมูก น�้ำมูกไหล ซึ่งน�้ำมันหอม ระเหยเป็นที่ทราบกันดีว่าสามารถน�ำมาใช้ในด้านการบ�ำบัดรักษาด้วยกลิ่น32 (Aromatherapy) มานาน โดยน�้ำมันหอมระเหยจะมีกลไกการออกฤทธิ์ ต่อร่างกายคล้ายกับการรับกลิ่นต่างๆ คือกลิ่นหอมจากน�้ำมันหอมระเหย จะถูกหายใจเข้า แล้วจะถูกส่งผ่านไปยังประสาทสัมผัสรับกลิ่น (Olfactory nerve) ที่บริเวณเหนือโพรงจมูก ซึ่งจะท�ำหน้าที่ส่งสัญญาณประสาทไป ยังสมองส่วนหน้า (Cerebrum) เพื่อสั่งการไปยังอวัยวะที่เกี่ยวข้อง เช่น สั่งการให้ท�ำงานเพิ่มขึ้นหรือน้อยลง ตามคุณสมบัติของน�้ำมันหอมระเหย ชนิดนั้นๆ นอกจากนี้ น�้ำมันหอมระเหยยังมีคุณสมบัติปรับสมดุลฮอร์โมน และอารมณ์ โดยออกฤทธิ์ผ่านระบบประสาทลิมบิค (Limbic system) ซึ่งเป็นสมองส่วนการรับรู้กลิ่น และส่งต่อไปยังต่อมไร้ท่ออีกด้วย ดังนั้น ด้วย คุณสมบัตินี้ จึงมีการนิยมน�ำน�้ำมันหอมระเหยมาใช้ในสปาทั้งในรูปแบบ น�้ำมันนวด อาบ และอบ เพื่อให้เกิดความสุขสบาย และผ่อนคลายไปใน คราวเดียวกัน ส�ำหรับในระบบการแพทย์แผนไทยและพื้นบ้านไทย มีการน�ำ น�้ำมันหอมระเหยมาใช้ในการบ�ำบัดโรคเช่นกัน ซึ่งจะพบได้จากต�ำรายา แผนโบราณต่าง ๆ เช่น มีการใช้ “หัวหอมแดงต�ำสุมหัวเด็กแก้หวัด ต�ำผสมพิมเสนและเปราะหอมพอกกระหม่อมเด็ก แก้หวัดคัดจมูก ขยี้ดม แก้ซางชัก แก้ไข้เพื่อเสมหะอันครืดคราดอยู่ในทรวงอก” ซึ่งการสุมยาเป็น วิธีหนึ่งที่มีการใช้น�้ำร้อนมาช่วยสกัดน�้ำมันหอมระเหยออกมาจากสมุนไพร และการเอาบริเวณหน้าอังใกล้ ๆ เพื่อให้ได้รับกลิ่นจากน�้ำมันหอมระเหย ก็เป็นวิธีการที่จะท�ำให้สามารถสูดน�้ำมันหอมระเหยเข้าสู่ระบบทางเดิน หายใจได้ดียิ่งขึ้น
199 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 ดังนั้น จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น พอจะอนุมานได้ว่าผู้ป่วย โรคภูมิแพ้น่าจะได้รับประโยชน์จากสมุนไพร ซึ่งมีทั้งฤทธิ์ทางชีวภาพ อาทิ ฤทธิ์ลดไข้ ลดปวด ต้านการอักเสบของหลอดลม และฤทธิ์ที่ช่วยในเรื่อง ภูมิแพ้จากสารต้านอนุมูลอิสระจากสมุนไพรอีกด้วย ซึ่งการรักษาด้วยวิธี รับประทานยารสร้อน และการสุมยาถือว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัย และเสียค่าใช้จ่าย น้อย เนื่องจากใช้สมุนไพรที่หาได้ในพื้นที่ ดังนั้น จึงควรเป็นวิธีที่ควรให้ การสนับสนุนต่อไป อย่างไรก็ตาม ในผู้ที่มีข้อจ�ำกัด เช่น ผู้ป่วยโรคแผล ในกระเพาะอาหาร หรือแพ้สมุนไพรที่เป็นส่วนประกอบของต�ำรับ ควรปรึกษา แพทย์/แพทย์แผนไทย และเภสัชกร ก่อนการใช้ยา
200 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน งานวิจัยที่เกี่ยวข้องของต�ำรับยาไทย ในการรักษาโรคภูมิแพ้ ในปัจจุบันมีการวิจัยเพื่อคิดค้นยาที่ได้จากธรรมชาติ ส�ำหรับ ต้านการเกิดภูมิแพ้ หนึ่งในนั้น ที่ส�ำคัญมีงานวิจัยที่พบว่าสารในกลุ่ม curcuminoids ที่สกัดได้จากเหง้าขมิ้นชัน และขมิ้นอ้อยมีฤทธิ์ต้านภูมิแพ้ 331-s’-acetoxychavicol acetate ที่สารสกัดจากเหง้าข่ามีฤทธิ์ ต้านการหลั่ง histamine34 และนอกจากนี้ ในปี 2545 นักวิจัยชาวญี่ปุ่น ได้ค้นพบว่า luteolin ซึ่งเป็นสารในกลุ่ม flavonoids มีฤทธิ์ต้านภูมิแพ้ (anti-allergy) และต้านการอักเสบ (anti-inflammatory) จากพืชชื่อ Perilla frutescens ซึ่งอยู่ในวงศ์ Labiatae35 Flavonoid glycoside (luteolin 7-O-rutinoside) ที่สกัดได้จากส่วนเหนือดินของ Mentha piperita ซึ่งอยู่ในวงศ์ Labiatae ซึ่งสารกลุ่มดังกล่าวมีฤทธิ์ต้านการหลั่ง สาร histamine จาก peritoneal mast cells ของหนูทดลองด้วย36 ส�ำหรับการวิจัยสมุนไพรหรือต�ำรับยาที่รักษาโรคภูมิแพ้ทางเดิน หายใจส่วนต้นในประเทศไทย พบได้ดังนี้ 1. การศึกษาทางคลินิกของยาปราบชมพูทวีปในการรักษา ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ในโรงพยาบาลสูงเนิน โดยศึกษาผู้ป่วยที่เคยมีประวัติ เป็นโรคภูมิแพ้ ซึ่งผ่านการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์แผนปัจจุบันมากกว่า 6 เดือน เคยรับการรักษาโดยวิธีแผนปัจจุบัน และปัจจุบันมารับบริการโดย การซื้อยาโดยตรงที่ฝ่ายสาธารณสุขมูลฐาน โรงพยาบาลสูงเนิน จ�ำนวน 27 ราย ประเมินจากอาการผู้ป่วย ก่อนและหลัง จากได้รับการกินยา ประมาณ 1 สัปดาห์ และ 4 สัปดาห์ ผลการศึกษาพบว่า หลังการใช้ยาครบ 4 สัปดาห์ ผู้ป่วยมีอาการภูมิแพ้ลดลงอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ และนอกจากนี้ พบว่า ผู้ป่วยบางรายเจริญอาหาร เป็นผลท�ำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น และไม่พบ อาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรงจากผู้ป่วยทั้ง 27 ราย
201 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 2. การศึกษาประสิทธิผลและความปลอดภัยทางคลินิกของ ตํารับยาอภัยสาลีในผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังคงที่ ระดับที่ 1 - 2 เปนการศึกษาเชิงทดลอง (Experimental study) แบบสุม ปกปดผูเขารวมโครงการและผู้ประเมินผลลัพธ (Double - blind Randomized Controlled Trial) แบบมีกลุมควบคุม เกณฑคัด เขาอาสาสมัครคือ ผูปวยทั้งชายและหญิง มีอายุระหวาง 40 - 80 ป ที่ไดรับ การวินิจฉัยโดยแพทยแผนปจจุบัน วาเปนโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบคงที่ ระยะที่ 1 - 2 มารับการตรวจรักษา ณ แผนกผูปวยนอกคลินิกโรคถุงลม ปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรงพยาบาลเทิง โดยแบง อาสาสมัครออกเปน 2 กลุ มดวย การจับฉลาก คือกลุมที่ 1 กลุมทดลองจะไดรับยาอภัยสาลี จํานวน 33 ราย และกลุมที่ 2 กลุมควบคุมจะไดรับยาหลอก จํานวน 33 ราย ทั้ง 2 กลุม ไดรับยาติดตอกันเปนเวลา 3 เดือนจากนั้นหยุดใชยาเปนเวลา 1 เดือน ติดตามผลการรักษาทั้งสิ้น 5 ครั้ง คือ วันที่ 0, 30, 60, 90 และ 120 โดยบันทึกประวัติการใชยาพนบรรเทาอาการเหนื่อยหอบ ความเขมขน ของออกซิเจนในเลือด (O2saturation) สมรรถภาพปอด (Lung function) ระดับภาวะหายใจลําบาก (Modified Medical Research Council Dyspnea Score; mMRC), สมรรถภาพรางกายดวยการเดิน 6 นาที (Six minute walk test) และคุณภาพชีวิต CAT (COPD Assessment Test) รวมกับผลการตรวจเลือดทางหองปฏิบัติการ 2 ครั้ง คือ วันที่ 0 และ 90 กลุมทดลอง มีคาความเขมขนของออกซิเจนในเลือด (O2 saturation) และมีคาเฉลี่ยระยะทางการเดินในการทดสอบสมรรถภาพรางกาย ดวยการเดิน 6 นาที เพิ่มขึ้นมากกวากลุมควบคุมอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ (p<0.05)38 ส�ำหรับการวิจัยจากนวัตกรรมในพื้นที่ ส่วนใหญ่ยังอยู่ในช่วง ระหว่างการเก็บข้อมูล ดังนี้
202 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน 1. การศึกษาผลของยาพ่นดอกปีบในผู้ป่วยโรคหืด และโรคปอดอุดกั้น โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณแบบกึ่งทดลอง (Quasi - Experimental Research) วัดก่อนและหลังด�ำเนินงาน (Experimental pretest - posttest Design) ประชากรกลุ่มตัวอย่าง จ�ำนวน 60 คน ที่ได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคหืด จ�ำนวน 30 คน และ โรคปอดอุดกั้น จ�ำนวน 30 คน จากแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ที่อันตราย และได้รับยาแผนปัจจุบันร่วมด้วย ผลการศึกษาหลังได้รับสาร สกัดจากเอทานอลจ�ำนวน 30 คน พ่นเข้าจมูกพบว่า กลุ่มที่ได้รับยาพ่น ดอกปีบมีค่า PEFR หลังพ่นมากกว่าก่อนพ่นยาดอกปีบอย่างมีนัยส�ำคัญ ทางสถิติ (p = 0.00) ในจ�ำนวนนี้มีผู้ป่วยกลับมา readmit 7 คน (ร้อยละ 11.67) มี acute Exacerbation 18 คน (ร้อยละ30)39 2. กระโจมสุมยาสมุนไพรรักษาโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ส่วนต้น โดยการประเมินความรุนแรงของอาการหวัดภูมิแพ้ (Total symptom score) จากอาการจาม คันจมูก น�้ำมูกไหล คัดจมูก สถานะ ก�ำลังด�ำเนินการเก็บข้อมูล40 3. การศึกษาประสิทธิผลของการสุมยาสมุนไพรต่อการ บรรเทาอาการหวัด สถานะก�ำลังด�ำเนินการเก็บข้อมูล41 4. การสุมยาสมุนไพรรักษาโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจส่วน ต้นในโรงพยาบาลบ้านลาด ประเมินจากอาการคัดจมูก น�้ำมูกไหล จาม และคันจมูก ก่อนและหลังการรักษา สถานะก�ำลังด�ำเนินการเก็บข้อมูล42 5. กระติกสุมยาเคลื่อนที่เพื่อผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองใน ผู้ป่วย COPD โดยคัดเลือกจากผู้ป่วยที่มานอนโรคพยาบาลสูงเนิน ประเมินผลจากอาการหอบเหนื่อย ไอ ก่อนและหลังการสุมยา สถานะก�ำลัง ด�ำเนินการเก็บข้อมูล43 6. หน้ากากรมยาสมุนไพรรักษาโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ส่วนต้นในโรงพยาบาลแม่สรวย สถานะก�ำลังด�ำเนินการเก็บข้อมูล44
203 เอกสารอ้างอิง 1. Olajide OA, Ajayi FF, Ekhelar AI, Awe SO, Makinde, JM, Alada AR. Biological effects of Myristica fragrans (nutmeg) extract. Phytother Res. 1999;13(4):344-5. 2. Ma J, Hwang Y, Cho W, Han S, Hwang J, Han J. Macelignan Attenuates Activations of Mitogen-Activated Protein Kinases and Nuclear Factor kappa B Induced by Lipopolysaccharide in Microglial Cells. Biol & Pharm Bull. 2009;32(6):1085-90. 3. Tasleem F, Azhar I, Ali SN, Perveen S, Mahmood ZA. Analgesic and anti-inflammatory activities of Piper nigrum L. Asian Pac J Trop Med. 2014;7(1):S461-8.doi: 10.1016/S1995-7645(14) 60275-3. 4. Ojewole JA. Analgesic antiinflammatory and hypoglycaemic effects of ethanol extract of Zingiber officinale (Roscoe) rhizomes (Zingiberaceae) in mice and rats. Phytother Res. 2006;20(9):764-72. 5. Kantha D, Arunachalam P, Velmurugan, R Balaji Raja. Anti-inflammatory and cytotoxic effects of extract from Plumbago zeylanica. African Journal of Microbiology Research. 2010;4(12):1239-45. 6. Alqareer A, Alyahya A, Andersson L. The effect of clove and benzocaine versus placebo as topical anesthetics. Journal of Dentistry. 2006;34(10);747-50.
204 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน 7. Bag A, Kumar Bhattacharyya S, Kumar Pal N, Ranjan Chattopadhyay R. Anti-inflammatory anti-lipid peroxidative antioxidant and membrane stabilizing activities of hydroal- coholic extract of Terminalia chebula fruits. Pharmaceutical Biology. 2013;51(12):1515-20. 8. Amalraj A, Gopi S. Medicinal properties of Terminalia arjuna (Roxb.) Wight & Arn. A review. Journal of Traditional and Complementary Medicine. 2017;7(1):65-78. 9. Upadhyay A, Agrahari P, Singh DK. A review on the Pharmacological Aspects of Terminalia Chebula. International Journal of Pharmacology. 2014;10:289-98. 10. Jai-aue A, Makchuchit S, Juckmeta T, Itharat A. Anti-Allergic, Anti-Inflammatory and Antioxidant Activities of the Different Extracts of Thai Traditional Remedy Called Prabchom- poothaweep for Allergic Rhinitis Treatment. Journal of the Medical Association of Thailand. 2014;97 suppl 8:S140-8. 11.Rahman S, Islam R, kamruzzaman M, Alam K, Mastofa Jamal AH. Ocimum sanctum L. A Review of Phytochemical and Pharmacological Profile. American Jounal of Drug Discovery and Development. 2011: doi:10.3923/ajdd. 12. Covington TR, et al. Handbook of Nonprescription Drugs. 11th ed. Washington DC: American Pharmaceutical Association: 1996. 13. Lee HJ, Hyun EA, Yoon WJ, Kim BH, Rhee MH, Kang HK, et al. In vitro anti-inflammatory and anti-oxidative effects of Cinnamomum camphora extracts. Journal of Ethnopharmacology. 2006;103(2):208-16. 14. Bhattacharyya N, Ghosh A, Banerjee M. Anti-inflammatory activity of root of Alpinia galanga willd. Chronicles of Young Scientists. 2011;2(3):139-43.
205 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 15. Tejasari D. Evaluation of Ginger (Zingiber officinale Roscoe) Bioactive Compounds in Increasing the Ratio of T-cell Surface Molecules of CD3+CD4+:CD3+CD8+ In-Vitro. Malays J Nutr. 2007;13(2):161-70. 16. Ekpenyong CE, Akpan EE, Daniel NE. Phytochemical Constituents, Therapeutic Applications and Toxicological Profile of Cymbopogon citratus Stapf (DC) Leaf Extract. Journal of Pharmacognosy and Phytochemistry. 2014;3(1): 133-41. 17. Mathieu K, Kamagate M, Camille K, Kakou A, Die-Kakou HM, Yao AN. Cymbopogon citratus (DC.) Stapf: ethnopharmacology, phytochemical, pharmacological activities and toxicology. Phytothérapie. 2015: doi: 10.1007/s10298-015-1014-3. 18 Nagaraja MS, Paarakh PM. Millingtonia hortensis Linn. a review. Pharmacologyonline. 2011;2:597-602. 19. Hardel D K, Sahoo L. A review on phytochemical and pharmacological of Eucalyptus globulus A multipurpose tree. IJRAP. 2011;2(5):1527-30. 20. Villasenor IM, Angelada, Canlas A, Echegoyen D. Biologically Active Constituents from Mentha Cordifolia Opiz Leaves. Trans. Natl. Acad. Sci. Tech. Philippine. 1991;21: 197-200. 21. Agouillal F, Taher ZM, Moghran H. A Review of Genetic Taxonomy, Biomolecules Chemistry and Bioactivities of Citrus hystrix DC. Biosciences Bitechnology Research Asia. 2017;14(1):285-305. 22. Tewtrakul S, Yuenyongsawad S, et al. Chemical components and biological activities of volatile oil of Kaempferia galanga Linn. Songklanakarin J. Sci. Technol. 2005;27(2):503-7. 23. Almeida J, Souza G, Silva J, Saraiva S, Júnior R, Quintans J, et al. Borneol, a Bicyclic Monoterpene Alcohol, Reduces Nociceptive
206 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน Behavior and Inflammatory Response in Mice. The Scientific World Journal. 2013:1-5. 24. Jeenapongsa R, Yoovathaworn K, Sriwatanakul KM,Pongprayoon U, Sriwatanakul K. Anti-inflammatory activity of (E)-1-(3,4-dimethoxyphenyl) butadiene from Zingiber cassumunar Roxb. Journal of Ethnopharmacology. 2003;87(2-3):143-8. 25. Jaiprakash RP. Studies on Isolation and Characterization of Bioactive Compounds in Lime (Citrus aurantifolia (Christm) Swingle), Their Antioxidant and anticancer Properties. Thesis of Doctor of Philosophy in Crop Physiology. Department of Crop Physiology College of Agriculture. Dharwad University of Agricultural Sciences Dharwad; 2009. 26. Mozin S, Rosyid D, Sjofjan O, Widodo E. The effect of shallot (Allium ascalonicum L.) by-product as an antibacterial and alternative phytobiotic on characteristics of small intestine of broiler. Livestock Research for Rural Development. 2015;27(4). 27 Ernesto F, Maria I, Virginia L, Orazio TS. Chemical Composition of Shallot (Allium ascalonicum Hort.). J. Agric. Food Chem. 2002;50(20):686–90. doi: 10.1021/jf020396t. 28 Potduang B, Chongsiriroeg C, Benmart Y, et al. Biological Activities of Schefflera Leucantha. Afr J Tradit Complement Altern Med. 2006;13(4):157–64. 29 Mona A, Moha M, Allia MA, Manal MH, Amal MS. Characterization of Bioactive Phytochemical from the Leaves of Vitex trifolia. International Journal of Pharmaceutical Applications. 2012;3(4):419-28. 30. ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. โกฐจุฬาลัมพา. [ออนไลน์]. [2 กุมภาพันธ์ 2018]; ที่มา: http://www. thaicrudedrug.com/main.php?action=viewpage&pid=28.
207 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 31. Ghasemzadeh A, Hawa ZEJ. Profiling of phenolic compounds and their antioxidant and anticancer activities in pandan (Pandanus amaryllifolius Roxb.) extracts from different locations of Malaysia. BMC Complementary and Alternative Medicine. 2013;13:341. 32. จงกชพร พินิจอักษร. คู่มือประกอบการเรียนน�้ำมันหอมระเหย เพื่อสุขภาพชั้นสูง โรงเรียนน�้ำมันหอมระเหยเพื่อสุขภาพ. กรุงเทพฯ: 2541. 33. Yano S, Terai M, Shimizu KL, Futagami Y, Horie S, Tsuchiya S, et al. Anti-allergic activity of Curcuma longa. Natural Medicines 2000;54:325-9 34. Matsuda H, Morikawa T, Managi H, Yoshikawa M. Antiallergic principles from Alpinia galanga: structural requirements of phenylpropanoids for inhibition of degranulation and release of TNF-a and IL-4 in RBL-2H3 cells. Bioorganic & Med. Chem. Letts. 2003;13 (19):3197-202. 35 Ueda H, Yamazaki C, Yamazaki M. Luteolin as an anti-inflammatory and anti-allergic constituent of Perilla frutescens. Biol. Pharm. Bull. 2002;25(9) :1197-202. 36. Inoue T, Sugimoto K, Matsuda H, Kamei C. Anti-allergic effect of flavonoid glycosides obtained from Mentha piperita. Biol. Pharm. Bull. 2002;25(2): 256-9. 37. พรรณวิไล ไชยวาน. การประชุมการพัฒนาเครือข่ายการจัดการความรู้ โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจส่วนต้น ครั้งที่ 1 กรมการแพทย์แผนไทยและ การแพทย์ทางเลือก. 2560. 38. วิวรรณ วรกุลพาณิชย์, มณฑกา ธีรชัยสกุล, อนุธิดา ทับมี, มนัชยา มรรคอนันตโชติ. การศึกษาประสิทธิผลและความปลอดภัยทางคลินิก ของตํารับยาอภัยสาลีในผูปวยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังคงที่ ระดับที่ 1-2. วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก. 2561;16(1)
208 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน 39. เหมราช ราชป้องขันธ์ และคณะ. การประชุมการพัฒนาเครือข่าย การจัดการความรู้โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจส่วนต้น ครั้งที่ 1 กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก. 2560. 40. วรรณิกา พรเวธน์จินดา. การประชุมการพัฒนาเครือข่ายการจัดการ ความรู้โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจส่วนต้น ครั้งที่ 1 กรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก. 2560. 41. ไพโรจน์ ประเสริฐศรี. การประชุมการพัฒนาเครือข่ายการจัดการ ความรู้โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจส่วนต้น ครั้งที่ 1 กรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก. 2560. 42. วราภรณ์ เผ่ากันทะ. การประชุมการพัฒนาเครือข่ายการจัดการความรู้ โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจส่วนต้น ครั้งที่ 1 กรมการแพทย์แผนไทยและ การแพทย์ทางเลือก. 2560. 43. วิไล ประกอบกิจ และคณะ. การประชุมการพัฒนาเครือข่ายการจัดการ ความรู้โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจส่วนต้น ครั้งที่ 1 กรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก. 2560. 44. กันต์กวี ค�ำเขื่อน และ พลสินธุ์ เขจร. การประชุมการพัฒนาเครือข่ายการ จัดการความรู้โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจส่วนต้น ครั้งที่ 1 กรมการแพทย์ แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก. 2560.
209 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 ภาคผนวก ภาคผนวก
ภาคผนวก
ภาพกิจกรรม ภาคผนวก
ภาคผนวก
ภาคผนวก ภาพกิจกรรม
ภาคผนวก
215 สรุปผลการจัดงาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสมุนไพร การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 1 ที่ปรึกษา นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นายแพทย์ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นายแพทย์สรรพงศ์ ฤทธิรักษา รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ ผู้อ�ำนวยการสถาบันการแพทย์แผนไทย นายแพทย์เทวัญ ธานีรัตน์ ผู้อ�ำนวยการกองการแพทย์ทางเลือก บรรณาธิการที่ปรึกษา ดร.เภสัชกรหญิงอัญชลี จูฑะพุทธิ ผู้อ�ำนวยการกองวิชาการและแผนงาน ดร.รัชนี จันทร์เกษ กองวิชาการและแผนงาน บรรณาธิการ ดร.เภสัชกรหญิงดวงแก้ว ปัญญาภู กองวิชาการและแผนงาน กองบรรณาธิการ นายแพทย์องอาจ ศิริกุลพิสุทธิ์ นายแพทย์จิติศักดิ์ พูนศรีสวัสดิ์ นายแพทย์ณัฐพล สุวัชรังกูร พท.วัชราภรณ์ นิลเพ็ชร์ พทป.รสรินทร์ ไพฑูรย์ พทป.ประดิษฐา ดวงเดช ภญ.ศตพร สมเลศ พทป.ทิพย์วรรณ ซิ้มส�ำอาง พทป.อังสนาภรณ์ พาณิชอนุเคราะห์กุล พทป.บุศราภรณ์ ธนสีลังกูร
216 กลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กองวิชาการและแผนงาน พท.นิเวศน์ บวรกุลวัฒน์ พท.อุบลรัตน์ มโนศิลป์ นางอัจฉรา เชียงทอง นางสาวปราณี ลิมป์วรวรรณ นายวินัย แก้วมุณีวงศ์ นางพันทิพา พงศ์กาสอ นางศิริชดา เปล่งพานิช พท.ศรัณยา จันษร นายนพรัตน์ ทูลมาลย์ นางสาวลัดดาวัลย์ จาดพันธุ์อินทร์ พทป.กัลยาณี กฤษณกาฬ รูปเล่ม: นายธเนศ อิ่มนุกูลกิจ นายชิน ปุ้งเผ่าพันธ์ พิสูจน์อักษร: พท.สุนิสา หลีหมุด ภาพและวีดีโอ: นางอลิศรา พลับสกุล และ นางสาวขวัญจุฑา ค�ำบรรลือ