พิมพ์ครั้งที่ 1 (พ.ศ. 2562) จำ�นวน 100 เล่ม พิมพ์เผยแพร่โดย ศูนย์ความเป็นเลิศด้านนิเวศวิทยาพยากรณ์และการจัดการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ สำ�นักวิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ สำ�นักวิชาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ สำ�นักวิชาการจัดการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ สงวนลิขสิทธิ์ สำ�นักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) ที่ปรึกษา นายแพทย์จรัสพงษ์ สุขกรี นางสาวประทักษ์วัล สุขสำ�ราญ นางนันทนัช ขุนทวี นางสาวอาภรณ์ ลักษณะวิมล เภสัชกรหญิง ณัฏฐิกา วิรัตินันท์ นางสาวปรียาพร หมวดช่วย รศ.ดร.มารวย เมฆานวกุล ผู้จัดทำ� รศ.ดร.มัลลิกา เจริญสุธาสินี รศ.ดร.กฤษณะเดช เจริญสุธาสินี รศ.ดร.มารวย เมฆานวกุล รศ.ดร.ฉัตรชัย กัลยาณปพน ดร.ภก.บุญส่ง หวังสินทวีกุล ดร.จินตนีย์ รู้ซื่อ นางสาวอรวรรณ ใจแผ้ว นางสาวณัฐธิดา จรรยา นายณัฐวุฒิ จิตตระกูลวรภู นางสาวศิริรัตน์ สมเชื้อ นางสาวกมลชนก อบอุ่น นางสาวรจนา จรูญเพชร ออกแบบ นางสาวสินี เรืองรุ่ง ISBN 978-974-7557-73-2 จัดทำ�โดย ศูนย์ความเป็นเลิศด้านนิเวศวิทยาพยากรณ์และการจัดการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
คำ�นำ� ประเทศไทยมีทรัพยากรชีวภาพและความหลากหลายทางพันธุกรรมของพืชมากกว่าหนึ่งหมื่นชนิด ซึ่งในจำนวนนี้เป็น สมุนไพรที่ใช้ในการผลิตยาแผนโบราณหลายพันชนิดสมุนไพรไทยจึงเป็นเอกลักษณ์ซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมความเป็นชาติไทยที่ ได้สั่งสมมาแต่โบราณกาล รวมไปถึงการที่ประเทศไทยมีองค์ความรู้เกี่ยวกับการนำพืชที่มีอยู่ในท้องถิ่นของตนเองมาใช้เป็น สมุนไพรเพื่อวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย ทั้งเพื่อเป็นเครื่องประกอบในอาหารคาวหวาน เป็นยารักษาโรคและการดูแลสุขภาพของ ประชาชนในชุมชน โดยอาศัยศาสตร์การแพทย์พื้นบ้าน เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลด้านความสวยงาม รักษาบาดแผล หรือแม้แต่ใช้เป็น ยาอายุวัฒนะ ภูมิปัญญาเหล่านี้ได้รับการสืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนานจากรุ่นสู่รุ่น โดยอยู่ในวิถีการดำเนินชีวิตของประชาชน ชาวไทย ทำให้มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นและน่าสนใจ หนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำรวจความหลากหลายและภูมิปัญญาสมุนไพรสำหรับสุขภาพระดับชุมชน จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (สพภ.) คณะผู้ วิจัยขอกราบขอบพระคุณ นายแพทย์จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช หมอยาสมุนไพรจังหวัด นครศรีธรรมราช คณะผู้ทรงคุณวุฒิงานวิจัยมา ณ โอกาสนี้ คณะผู้วิจัย
สารบัญ บทนำ� วัตถุประสงค์ คำ�แนะนำ�การใช้หนังสือ พืชสมุนไพร ACANTHACEAE ACORACEAE ANNONACEAE APIACEAE APOCYNACEAE ARALIACEAE ARECACEAE ASPARAGACEAE ASTERACEAE BIXACEAE BORAGINACEAE BROMELIACEAE CANNABACEAE CANNACEAE CAPPARIDACEAE CLEOMACEAE CLUSIACEAE CONVOLVULACEAE CUCURBITACEAE COMBRETACEAE DIOSCOREACEAE DILLENIACEAE EUPHORBIACEAE FABACEAE HAEMODORACEAE HYPOXIDACEAE LAMIACEAE LAURACEAE LECYTHIDACEAE LYGODIACEAE LYTHRACEAE MALVACEAE MARANTACEAE 1237 15 16 18 19 22 24 26 28 35 36 37 38 39 40 43 44 47 48 51 52 53 54 61 73 74 75 81 82 83 84 85 88
MARATTIACEAE MENISPERMACEAE MORACEAE MORINGACEAE MUSACEAE MYRISTICACEAE MYRTACEAE NELUMBONACEAE OLEACEAE ORCHIDACEAE PANDANACEAE PEDALIACEAE PHYLLANTHACEAE PIPERACEAE PLUMBAGINACEAE POACEAE PRIMULACEAE ROSACEAE RUBIACEAE RUTACEAE SAPINDACEAE SAPOTACEAE SIMAROUBACEAE SOLANACEAE THYMELAEACEAE URTICACEAE VITACEAE XANTHORRHOEACEAE ZINGIBERACEAE ตำ�รับยาสมุนไพรหมอยาพื้นบ้านจังหวัดนครศรีธรรมราช หมอยาพื้นบ้านจังหวัดนครศรีธรรมราช 89 90 92 95 96 97 98 100 101 102 103 105 106 108 113 115 120 121 122 127 132 134 136 137 140 141 142 143 144 159 165
นายแพทย์ จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช
คำ�นิยม สุขภาพที่ดีของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เพียงเฉพาะการรักษาพยาบาลเท่านั้น ยังรวมถึงการดูแลสุขภาพ ส่งเสริมสุขภาพ และการฟื้นฟูสุขภาพของผู้ป่วยให้สามารถดำรงชีวิต ได้อย่างปกติสุข เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่ทางกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญ และดำเนินการ ร่วมกับองค์กร และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นที่ทราบกันดีที่จังหวัดนครศรีธรรมราชของเรา เป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยพืชสมุนไพรหลากหลายชนิด ซึ่งได้ถูกนำมาใช้ในเชิง สุขภาพมาทั้งในอดีตและปัจจุบัน ด้วยภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนไทย ซึ่งสามารถเห็นได้จาก บันทึกการรักษา สมุดข่อย หนังสือบุดดำ หนังสือบุดขาว เหล่านี้เป็นต้น เพื่อให้สมบัติของชาติ เหล่านี้ยังคงอยู่ และมีการนำมาใช้ประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ โดยเฉพาะประชาชนชาวไทยใน พื้นที่ การอนุรักษ์อย่างเป็นระบบจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง การสำรวจ และเก็บข้อมูลสมุนไพร และภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนไทยในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชจึงมีความสำคัญมาก ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่ทางสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ดำเนินการโครงการดังกล่าว ซึ่งผลผลิตจากกิจกรรมดังกล่าวคือ บัญชีรายการทรัพยากรชีวภาพสมุนไพรจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นหนังสือที่รวบรวมข้อมูล พืชสมุนไพรในเขตจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มีการใช้ในการแพทย์แผนไทย โดยหมอพื้นบ้านใน เขตจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งข้อมูลการใช้ประโยชน์ทางแพทย์แผนไทยจากหมอพื้นบ้าน รวมทั้งข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนการใช้ประโยชน์สมุนไพรดังกล่าวได้ถูกรวบรวมใน หนังสือฉบับนี้ด้วย ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการเข้าใจ และนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป นอกจากนี้ยังมีทำเนียบหมอพื้นบ้านในเขตจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบุคลากรที่สำคัญของจังหวัด และของประเทศไทยด้วย ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพของประชาชน นายแพทย์ จรัสพงษ์ สุขกรีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช
บทนำ� ประเทศไทยมีทรัพยากรชีวภาพและความหลากหลายทางพันธุกรรมของพืชมากกว่าหนึ่งหมื่นชนิด ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นสมุนไพรที่ใช้ในการผลิตยาแผนโบราณประมาณ 800 – 1,800 ชนิด แต่มีการนำมาใช้ผลิตเป็นยาประมาณ 300 – 500 ชนิด มีรายงานว่า สมุนไพรที่มีการใช้มากกว่า 3,000 กิโลกรัมต่อปีขึ้นไป มีประมาณ 20 ชนิด ได้แก่ ขิง กระชาย ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ เจตมูลเพลิง กานพลู ชะเอมเทศ ชะเอมไทย ดีปลี เถาวัลย์เปรียง บอระเพ็ด เปราะหอม ลูกผักชีลาว พริกไทย ไพล ผิวมะกรูด ดอกมะลิ ว่านน้ำ สะค้าน และรากหญ้าคา สมุนไพรไทยจึงเป็นเอกลักษณ์ซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมความเป็นชาติไทย ที่ได้สั่งสมมาแต่โบราณกาล รวมไปถึงการที่ประเทศไทยมีองค์ความรู้เกี่ยวกับการนำพืชที่มีอยู่ในท้องถิ่นของตนเองมาใช้ เป็นสมุนไพรเพื่อวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย ทั้งเพื่อเป็นเครื่องประกอบในอาหารคาวหวาน เป็นยารักษาโรคและการดูแลสุขภาพ ของประชาชนในชุมชน โดยอาศัยศาสตร์การแพทย์พื้นบ้าน เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลด้านความสวยงาม รักษาบาดแผล หรือแม้แต่ ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ภูมิปัญญาเหล่านี้ได้รับการสืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนานจากรุ่นสู่รุ่น โดยอยู่ในวิถีการดำเนินชีวิต ของประชาชนชาวไทย ทำให้มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นและน่าสนใจ ในช่วง 25-30 ปี ที่ผ่านมามีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่น มันสำปะหลัง อ้อย ยางพารา และปาล์ม น้ำมัน ก่อให้เกิดการบุกรุกทำลายป่าและมีการใช้สารเคมีซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม แต่เนื่องจากเกษตรเชิงเดี่ยว ไม่มีการเชื่อมต่อกับรากฐานในการดำรงชีวิตของชุมชนที่เป็นการสร้างความเข็มแข็งให้แก่ชุมชน จึงทำให้ชุมชนไม่สามารถพึ่งพา ตนเองในด้านต่าง ๆ ได้ ป่าครอบครัวหรือป่าเศรษฐกิจครอบครัว จึงเป็นแนวคิดที่เป็นนวัตกรรมทางสังคมเพื่อชีวิตและ ความหลากหลายทางชีวภาพ โดยใช้พื้นที่ส่วนบุคคลที่มีเอกสารสิทธิ์ ซึ่งมีการดูแลระบบนิเวศเพื่อการสร้างอาหารตามธรรมชาติ และเพื่อการบริโภคในครัวเรือน ชุมชน และเป็นการสร้างรายได้เสริมจากอาชีพหลักซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาชีพที่เกี่ยวกับ เกษตรกรรม ดังนั้นการดูแลรักษาต้นไม้ที่เกิดขึ้นเองในพื้นที่หรือปลูกเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการเพิ่มพื้นที่ป่า ปลูกป่านอกป่าหรือ สร้างป่าไว้ในบ้าน ตามนโยบายของภาครัฐบาล และแนวคิดขององค์กรระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN; International Union for Conservation of Nature) เรื่องการอนุรักษ์ที่นำ ไปสู่ความยั่งยืน ที่ถูกแปรออกมาเป็นรูปธรรม ผ่านโครงการต่าง ๆ ที่เน้นการเข้าถึงและเข้าใจชุมชนเป็นสำคัญ ให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลพื้นที่ป่า ปัจจุบันพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมายคนไม่สามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ได้ ไม่สามารถมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ ดังนั้นการสร้างป่าครอบครัว จึงเป็นแนวความคิดในการผลักดันในชุมชนสร้างป่า ใช้ประโยชน์จากป่า ดูแลและอนุรักษ์ป่าได้ ทางหนึ่ง ซึ่งสอดคล้องกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบนฐานการมีส่วนร่วมของชุมชน (Community-based management) ซึ่งเป็นระบบการจัดการที่มีส่วนสำคัญในการรักษาฐานทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน มีนวัตกรรมทางสังคม (Social innovation) ในภาคประชาชน “การจัดการป่า” เป็นรูปแบบหนึ่งของการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างป่า สร้างแหล่งอาหาร และสร้างเศรษฐกิจชุมชนด้วย ปัจจุบันแนวโน้มการดูแลรักษาสุขภาพของโลกเน้นการพึ่งพาตนเองและพึ่งพาธรรมชาติเป็นหลัก ทำให้การแพทย์ พื้นบ้านและการดูแลสุขภาพตามแบบภูมิปัญญาท้องถิ่นได้รับความสนใจและเริ่มเป็นที่ยอมรับว่าการแพทย์แผนปัจจุบันด้านเดียว ไม่สามารถทำให้คนมีสุขภาพและสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืน ตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ตั้งเป้าหมายใช้ประชากรโลก มีสุขภาพดีถ้วนหน้า (Health for all) ได้ จากสภาวะดังกล่าวหน่วยงานภาครัฐบาลและหน่วยงานทางการศึกษาและวิจัย จึงมีนโยบายฟื้นฟูภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อการพึ่งพาตนเองในการดูแลรักษาสุขภาพ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนหันมาดูแล สุขภาพแบบองค์รวมบนฐานการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งพืชสมุนไพรถือเป็นฐานทรัพยากรชีวภาพที่มีความสำคัญอย่างยิ่งใน เรื่องดังกล่าว หากมีการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพมากเกินความจำเป็นโดยไม่คำนึงถึงการจัดการที่ถูกต้องและเหมาะสมแล้ว ในอนาคตทรัพยากรเหล่านั้นจะเสียสมดุลจึงส่งผลให้ทรัพยากรธรรมชาติลดลงเป็นอย่างมาก ทำให้พืชสมุนไพรบางชนิดอาจหา ยากและสูญพันธุ์ได้ ดังนั้นป่าครอบครัวนอกจากเป็นแหล่งอาหาร เพิ่มพื้นที่สีเขียว กักเก็บก๊าซเรือนกระจก เป็นแหล่งความหลาก หลายทางชีวภาพด้านพันธุ์พืชแล้ว ยังเป็นแหล่งสมุนไพร เพื่อการพึ่งพาตนเอง และการอนุรักษ์เชื้อพันธุ์ จากการศึกษาที่ผ่านมา พบว่าทุกภาคของประเทศไทยมีรายงานการใช้ประโยชน์จากพืชสมุนไพรในแต่ละพื้นที่ประมาณ 100-300 ชนิด และในปัจจุบัน การผลิตยาและอาหารจากพืชสมุนไพรกำลังเป็นที่นิยม จึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ต้องศึกษาทรัพยากรพืชและองค์ความรู้ การใช้ประโยชน์พืชในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านพืชสมุนไพรเพื่อการประยุกต์ใช้ในอนาคตต่อไป ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย หมายถึง องค์ความรู้ความสามารถในการประกอบโรคศิลปะ โดยอาศัยหลักการ และเหตุผลแบบดั้งเดิมในการรักษาและดูแลสุขภาพที่สอดคล้องกับขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมไทย โดยวิธีการใช้ บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 1
ยาแผนไทยทั้งในรูปแบบสมุนไพร และตำรับยาไทย ซึ่งรวมถึงการเตรียม การผลิต การปรุง และการจำหน่ายยาแผนไทย ตลอดจนการอบ การนวด การรักษาโดยธรรมชาติ การผดุงครรภ์ และวิธีการอื่นตามหลักแพทย์แผนไทย และรวมถึงหลักการ แพทย์ดั้งเดิมของประเทศอื่นที่การแพทย์ไทยนำมาประยุกต์ปรับใช้ด้วย ในปีงบประมาณ 2562 สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) ได้ให้มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ สำรวจและรวบรวมข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพพืชสมุนไพรและภูมิปัญญาการใช้พืชสมุนไพรสำหรับสุขภาพระดับชุมชน ในจังหวัดนครศรีธรรมราช สร้างการรับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับความหลากหลายและภูมิปัญญาการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพร เพื่อประโยชน์แก่ชุมชนท้องถิ่นและเป็นการเผยแพร่ข้อมูลสู่ชุมชน ประชาชน นักวิชาการ นักวิจัย นักเรียน นักศึกษา ผู้สนใจ ทั่วไป ฯลฯ เพื่อกระตุ้นความสนใจ ความเข้าใจ และความภูมิใจในทรัพยากรชีวภาพพืชสมุนไพรท้องถิ่นและภูมิปัญญาการ ใช้ประโยชน์จากพืชสมุนไพร กระตุ้นให้เกิดจิตสำนึกในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพอย่างยั่งยืนต่อไป วัตถุประสงค์ เพื่อสำรวจและรวบรวมข้อมูลพืชสมุนไพรและภูมิปัญญาการสมุนไพรและสมุนไพรพื้นบ้านจากข้อมูลปฐมภูมิและ ข้อมูลทุติภูมิ ที่พบในจังหวัดนครศรีธรรมราช เช่น ข้อมูลจากการสัมภาษณ์หมอยาพื้นบ้าน/ปราชญ์พื้นบ้าน ข้อมูลจากศิลาจารึก คัมภีร์ใบลาน สมุดข่อย สมุดดำ สมุดขาว หนังสือ ตำรายาพื้นบ้าน คัมภีร์และเอกสารโบราณต่าง ๆ บันทึกต่าง ๆ ของปราชญ์/ หมอยาพื้นบ้านด้านสมุนไพร ฯลฯ 2 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี
คำ�แนะนำ�การใชหน ้ ังสือ บัญชรีายการทรัพยากรชวภีาพสมุนไพรจังหวัดนครศรธรรมรีาช หนังสือฉบับนี้ เป็นข้อมูลจากการลงพื้นที่ในเขตจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเน้นทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นสมุนไพรที่มีใช้ ในการรักษา และดูแลสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ โดยให้รับความอนุเคราะห์ข้อมูล องค์ความรู้ต่างๆ จากหมอยาพื้นบ้าน ดำเนินการโดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านนิเวศวิทยาทรัพยากรและการจัดการ สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ ร่วมกับสำนักวิชาเภสัชศาสตร์ และสำนักวิชาการจัดการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) โดยข้อมูลในหนังสือฉบับนี้ประกอบไปด้วยบทนำ, วัตถุประสงค์ของการจัดทำ, ข้อมูลพืชสมุนไพรที่มีใช้จริง ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และข้อมูลหมอพื้นบ้านจังหวัดนครศรีธรรมราช ในส่วนของผลการดำเนินการในส่วนของข้อมูลพืชสมุนไพรที่มีการใช้ในการแพทย์แผนไทย จะประกอบไปด้วย 1) แผนผังของหมอยาพื้นบ้านนครศรีธรรมราช ที่ให้ข้อมูลพืชสมุนไพรและการใช้ประโยชน์ทางยา 2) ข้อมูลของพืชสมุนไพรในแต่ละชนิด ซึ่งประกอบไปด้วยข้อมูลดังต่อไปนี้ -หมอยาพื้นบ้านนครศรีธรรมราชที่ใช้สมุนไพรชนิดนี้ และเป็นผู้ให้ข้อมูล -ชื่อสามัญ และชื่อท้องถิ่น -ชื่อวิทยาศาสตร์ และชื่อของวงศ์ -ข้อมูลลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของพืชชนิดนี้ -ข้อมูลการกระจายพันธุ์ และข้อมูลสถานที่ที่มีการดำเนินการสำรวจ 3) ข้อมูลหมอยาพื้นบ้านนครศรีธรรมราช จากแผนผังของหมอยาพื้นบ้านนครศรีธรรมราช ทำ ให้ทราบที่อยู่ในระดับอำเภอของหมอยาพื้นบ้านนครศรีธรรมราช แต่ละท่าน ซึ่งภาพและข้อมูลเฉพาะของหมอยาพื้นบ้านนครศรีธรรมราชแต่ละท่านจะถูกรวบรวมไว้ท้ายเล่ม ซึ่งหมอยาพื้นบ้าน นครศรีธรรมราช มีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับพืชสมุนไพรที่สำคัญของจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยคณะผู้จัดทำฯ ได้รวบรวมไว้ในส่วน ของพืชสมุนไพร โดยจัดเรียงตามอักษรของวงศ์ (Family) ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะมีภาพของพืชสมุนไพรประกอบด้วย ข้อมูลทั้งหมด จะสอดคล้องกับชื่อของหมอยาพื้นบ้านนครศรีธรรมราชที่เป็นผู้ให้ข้อมูลด้วยเช่นกัน คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า “บัญชีรายการทรัพยากรชีวภาพสมุนไพรจังหวัดนครศรีธรรมราช” ฉบับนี้จะเป็น ประโยชน์ในการอนุรักษ์ และใช้ทรัพยากรพืชสมุนไพรอย่างมีคุณค่า บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 3
สมุนไพรพื ้ นบ้าน นครศร ี ธรรมราช
อ�ำเภอท่าศาลา 1. นายชะเอม กาญจนโสภณ 2. นายโอวาท ร่วมสนิท 3. นายรัตน์ แก้วสังข์ 4. นายบุญส่ง ทิศคงทอง 5. นายทรงศักดิ์ ปาลิโพธิ์ 6. นางกะเปี้ย หลังเก 7. นายขจร นาภรณ์ อ�ำเภอพรหมคีรี 8. พระอาจารย์บุญช่วย เตชธฺมโม อ�ำเภอลานสกา 9. นายณรงค์ สามพิมพ์ 10. นางศรวนีย์ กำลังเกื้อ 11. นายสมบูรณ์ จันทร์จรุง อ�ำเภอเมือง 12. นายสมบูรณ์ จันทมาศ 13. นางสาวสุภาภรณ์ นนทเภท 14. นายณรงค์ ไทยทองนุ่ม อ�ำเภอพระพรหม 15. นายพณรัญชน์ พลภักดี 16. นางจิดาภา ปรีชานุภักดิ์ อ�ำเภอพิปูน 17. นายพยอม ศักดิ์จิรพาพงษ์ อ�ำเภอนาบอน 18. นายสมบัติ ไชยคชบาล อ�ำเภอขนอม 19. นางสุวณีย์ ก๋งอุบล อ�ำเภอสิชล 20. นางชนัณฑ์ยาน์ จิตอารีย์ อ�ำเภอร่อนพิบูล 21. นางอัมพรรณ ก่อสินประสิทธิ์ 22. นางกัลยา แสงประจงค์ อ�ำเภอจุฬาภรณ์ 23 นายสุชาติ รัตนามาศ อ�ำเภอนบพิต�ำ 24. นายชัยยันต์ ชาติแดง ตำ�แหน่งหมอยาพื ้ นบ ้ านนครศร ี ธรรมราช 1,2,3,4,5,6,7 20 23 24 25 17 18 19 8 9,10,11 26,27,28 12,13,14 15,16 29,30 21,22 อ�ำเภอชะอวด 25. รพ.สต. บ้านควนหรั่ง อ�ำเภอบางขัน 26. นายชีพ รัตนคช 27. นายสม ฤทธิ์รงค์ 28. รพ.สต. บ้านสีแยกสวนป่า อ�ำเภอปากพนัง 29. นายถัด ทองอุ่น 30. พระอนันต์ กิติโก 6 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี
ACANTHACEAE เหงือกปลาหมอ หมอยาพื้นบ้าน 1 , 5 , 19 , 23 , 28 ชื่อสามัญ Sea holly, Thistleplike plant ชื่อท้องถิ่น แก้มหมอ (สตูล), แก้มหมอเล (กระบี่), อีเกร็ง (ภาคกลาง), นางเกร็ง จะเกร็ง เหงือกปลาหมอ ชื่อวิทยาศาสตร์ เหงือกปลาหมอดอกสีม่วง Acanthus ilicifolius L. เหงือกปลาหมอดอกสีขาว Acanthus ebracteatus Vahl. ชื่อวงศ์ ACANTHACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พุ่มขนาดกลาง ล�ำต้น สูง 1-2 ม. ลำต้นกลม แข็ง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 ซม. กลวง ตั้งตรง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 อัน ใบ ใบเดี่ยว ออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ลักษณะของใบมีหนามคมอยู่ริมขอบใบและปลายใบ ขอบใบเว้าเป็นระยะ ๆ ผิวใบเรียบเป็นมันลื่น แผ่น ใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีเหลือบสีขาวเป็นแนวก้างปลา เนื้อใบแข็งและเหนียว กว้าง 4-7 ซม. ยาว 10-20 ซม. ก้านใบสั้น ดอกช่อตั้งตาม ปลายยอด ยาว 10-15 ซม. ดอก ดอกมีทั้งพันธุ์ดอกสีม่วง และพันธุ์ดอกสีขาว กลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบดอก 5 กลีบแยกจากกัน บริเวณกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้ 4 อัน และเกสรตัวเมีย 1 อัน ผล ผลเป็นฝักสีน้ำตาล ลักษณะของฝักเป็นทรงกระบอก รูปไข่ หรือกลมรี ยาว 2-3 ซม. เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ข้างในฝักมี เมล็ด 4 เมล็ด สรรพคณุ ใบ ต้มกับน้ำดื่ม แก้นิ่วในไต ทั้งต้น 10 ส่วน เข้ากับพริกไทย 5 ส่วน ทำเป็นยาลูกกลอน แก้โรคกระเพาะ ขับเลือด เป็นยาอายุวัฒนะ ทั้ง ต้น ใช้รักษาแผลฝีหนอง รสเค็มกร่อยร้อน ตัดรากฝีภายใน และภายนอกทุกชนิด แก้น้ำเหลืองเสีย ปรุงกับฟ้าทะลายโจร รมหัวริดสีดวง ทวาร คั้นน้ำจากใบทาศีรษะ ช่วยบำรุงรักษารากผม แก้ประดง ใบเป็นยาอายุวัฒนะโดยปรุงรวมกับพริกไทย ในอัตราส่วน 2:1 บดทำเป็น ยาลูกกลอน กินครั้งละ 1-2 เม็ด ใบสด นำมาต้มกินเป็นยาแก้ไข้ ลมพิษฝี แก้ฝีทราง ใบและต้น แก้ตกขาว โดยตำเป็นผงละลายน้ำผึ้ง หรือน้ำมันงา ปั้นเป็นลูกกลอนรับประทาน การกระจายพันธุ์ พบได้มากทางภาคกลางและภาคตะวันออก และเป็นพรรณไม้ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดสมุทรปราการ 1,5 23 19 28 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 7
ฟ้าทะลายโจร หมอยาพื้นบ้าน 2 , 5 , 8 , 12 , 13 , 26 , 27 ชื่อสามัญ Kariyat ชื่อท้องถิ่น ฟ้าทะลายโจร ฟ้าทะลาย น้ำลายพังพอน (กรุงเทพมหานคร), สามสิบดี เขตตายยายคลุม (ร้อยเอ็ด), หญ้ากันงู (สงขลา), ฟ้าสะท้าน (พัทลุง), เมฆทะลาย (ยะลา), ฟ้าสาง (พนัสนิคม), ขุนโจรห้าร้อย (ภาคกลาง), ซวนซิน เหลียง เจ็กเกี่ยงสี่ คีปังฮี โซ่วเซ่า (จีน) ชื่อวิทยาศาสตร์ Andrographis paniculata (Burm.f.) Nees ชื่อวงศ์ ACANTHACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ พืชล้มลุก ล�ำต้น สูง 30-70 ซม. ลำต้นเป็นเหลี่ยมสี่เหลี่ยม แตกกิ่งมาก ทุกส่วนของต้นมีรสขม ใบ ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามแบบกากบาท แผ่นใบสีเขียวเข้มเป็นมัน รูปหอก ปลายแหลม ขอบเรียบ ดอก ดอกช่อแบบแตกแขนง ออกที่ปลายกิ่งและตามซอกใบ ดอกย่อยมีขนาดเล็ก กลีบเลี้ยง 5 กลีบ เชื่อมติดกัน กลีบดอก 5 กลีบ สี ขาวแต้มด้วยสีแดง เชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายหลอดแยกออกเป็น 2 ปาก ปากบนมี 3 แฉก ส่วนปากล่างมี 2 กแฉกย่อย 3 แฉก เกสร ตัวผู้ 4 อัน ติดกับกลีบดอก เกสรตัวเมีย 1 อัน ผล ผลแบบกล่องคล้ายฝัก มีสีเขียว เมื่อแก่ฝักจะเป็นสีน้ำตาลและแตกได้ ภายในฝักมีเมล็ดสีน้ำตาลอ่อนจำนวนมาก สรรพคณุ มีการใช้ส่วนเหนือดินเก็บก่อนที่จะมีดอก เพื่อรักษาไข้ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ดับพิษร้อน ระงับอักเสบในอาการไอ เจ็บคอ คออักเสบ ต่อม ทอนซิล หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ ขับเสมหะ ลดบวม แก้บิด แก้กระเพาะอาหารอักเสบ ลำไส้อักเสบ รักษาโรคผิวหนัง ฝี การติดเชื้อ ที่ทำให้มีอาการปวดท้อง ท้องเสีย บิด ทำให้เจริญอาหาร การกระจายพันธุ์ พบได้ทั่วไปในประเทศไทย ลาว กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม จีน และหมู่เกาะในทะเลแคริบเบียน ACANTHACEAE 2,5 8 26,27 12,13 8 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี
เสลดพังพอน หมอยาพื้นบ้าน 1 , 2 , 20 , 21 , 22 , 23 , 24 , 26 , 27 , 28 ชื่อสามัญ Hop headed barleria ชื่อท้องถิ่น เสลดพังพอนตัวผู้ พิมเสนต้น (ภาคกลาง), ก้านชั่ง (ภาคตะวันตก เฉียงเหนือ), คันชั่ง (ตาก), ชองระอา ช้องละอา ทองระอา ลิ้นงูเห่า (กรุงเทพฯ), อังกาบ อังกาบเมือง (ไทย), ด่อมะอ้าย (ปะหล่อง), ฉิกแชเกี่ยม ฮวยเฮียะแก โต่วเกียง (จีน), ฮวาเย่เจี่ยตู้เจียน ชีซิงเจี้ยน ชื่อเสี่ยฮวา (จีนกลาง) ชื่อวิทยาศาสตร์ Barleria lupulina Lindl. ชื่อวงศ์ ACANTHACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พุ่ม ล�ำต้น สูง 1-2 ม. แตกกิ่งก้านสาขามาก ต้นสีน้ำตาลอมเขียว ตามข้อของลำต้นและโคนก้านใบมีหนามแหลมคมสีน้ำตาลข้อละ 2 คู่ กิ่งและก้านมีสีน้ำตาลแดง ใบ ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ใบรูปรียาว กว้าง 2.5 ซม. ยาว 5-7 ซม. โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ ปลายใบแหลม ผิวใบเกลี้ยง พื้นใบ มีสีเขียวเข้มและมัน เส้นใบและก้านมีสีแดง ก้านใบสั้น ยาว 5 มม. และโคนก้านมีหนามแหลมหนึ่งคู่ สีม่วงชี้ลง ดอก ดอกออกเป็นช่อตั้ง สรรพคณุ ราก แก้ตาเหลือง หน้าเหลือง เมื่อยตัว กินข้าวไม่ได้ แก้เจ็บท้อง แก้ผิดอาหาร ถอนพิษงู พิษแมลงสัตว์กัดต่อย แก้ปวดฟัน ใบ ถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย แก้ลมพิษ รักษาเม็ดผื่นคันตามผิวหนัง แก้โรคเบาหวาน แก้ปวดแผล แผลจากของมีคมบาด แก้โรคฝีต่างๆ รักษาโรคคางทูม แก้โรคไฟลามทุ่ง แก้ขยุ้มตีนหมา แก้โรคงูสวัด รักษาโรคเริม ถอนพิษจากเม็ดตุ่มฝีดาษ รักษาโรคฝีดาษ แก้ฟกช้ำ แก้ช้ำ บวมเนื่องจากถูกของแข็ง ถอนพิษไข้ พิษไข้ทรพิษ แก้ปวดฟัน เหงือกบวม แก้ริดสีดวงทวาร แก้ยุงกัด แก้พิษไฟลวกน้ำร้อนลวก แก้ปวด จากปลาดุกแทง ส่วนทั้ง 5 ใช้เหมือนเสลดพังพอนตัวเมีย และใช้แทนเสลดพังพอนตัวเมียได้ แต่ใบเสลดพังพอนตัวเมียมีรสจืด ใบเสลดพังพอนตัวผู้มีรส ขมมาก และเสลดพังพอนตัวผู้มีฤทธิ์อ่อนกว่าเสลดพังพอนตัวเมีย การกระจายพันธุ์ ในประเทศไทยสามารถพบได้ทั่วไป 1,2 20 23 24 26,27,28 21,22 ACANTHACEAE บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 9
อังกาบหนู หมอยาพื้นบ้าน 13 , 24 ชื่อสามัญ Porcupine flower ชื่อท้องถิ่น เขี้ยวแก้ง, เขี้ยวเนื้อ, อังกาบ, มันไก่ ชื่อวิทยาศาสตร์Barleria prionitis L. ชื่อวงศ์ ACANTHACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พุ่มเตี้ย ล�ำต้น มีความสูง 1-1.5 ม. แตกกิ่งก้านจำนวนมาก ลำต้นเกลี้ยง มีหนามอยู่รอบข้อ หนามยาว 1-2 ซม. ใบ ใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามกัน รูปรี รูปไข่ หรือรูปขอบขนาน ยาว 4-12 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบเรียวสอบจรดกับก้านใบ ที่ปลายมี ติ่งแหลม ขอบใบมีขนแข็ง แผ่นใบมีขนสั้นนุ่มกระจายอยู่ด้านล่าง ก้านใบยาว 2.5 ซม. ดอก ดอกช่อกระจุกออกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง มีใบประดับดอกลักษณะเป็นรูปแถบยาว 1 ซม. ใบประดับย่อยเป็นหนาม ติดทน ยาว 1-1.5 ซม. มีกลีบเลี้ยง 4 กลีบเรียงซ้อนเหลื่อมกันอยู่ ขนาดไม่เท่ากัน คู่นอกจะมีขนาดใหญ่กว่า ยาว 1.5 ซม. ที่ปลายเป็นติ่งหนาม กลีบ คู่ในรูปไข่ ปลายแหลมยาว กลีบดอกรูปปากเปิด หลอดกลีบ สรรพคณุ ดอก ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ช่วยเจริญธาตุไฟได้ดีมาก รากหรือใบ ใช้เป็นยาลดไข้ รากหรือใบใช้ผสมกับน้ำมะนาวช่วยรักษากลากเกลื้อน ใบ ช่วยแก้หวัดด้วยการนำใบมาคั้นกิน ใช้เคี้ยวแก้อาการปวดฟันได้ ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน แก้หูอักเสบได้ ช่วยป้องกันและแก้ อาการท้องผูก ใช้แก้พิษงู ช่วยรักษาโรคคัน ช่วยแก้อัมพาต รักษาโรคปวดตามข้อ โรครูมาติซั่ม หรือใช้ทาแก้อาการปวดหลัง แก้ปวดบวม ราก ช่วยขับเสมหะ ช่วยแก้อาการอาหารไม่ย่อย การกระจายพันธุ์ มักพบขึ้นหนาแน่นเป็นวัชพืชอยู่ตามเขาหินปูนในที่แห้งแล้งทางภาคใต้และภาคตะวันตกเฉียงใต้ของไทย ACANTHACEAE 24 13 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 10
ACANTHACEAE พญายอ หมอยาพื้นบ้าน 13 , 28 ชื่อสามัญ Snake plant ชื่อท้องถิ่น ลิ้นมังกร ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่), พญาปล้องคำ (ลำปาง), เสลดพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก), พญาปล้องดำ พญาปล้องทอง (ภาคกลาง), ลิ้นงูเห่า พญายอ (ทั่วไป), โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ชิงเจี้ยน หนิ่วซิ้วฮวา (จีนกลาง) ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau ชื่อวงศ์ ACANTHACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พุ่มแกมเถา ล�ำต้น มักเลื้อยพาดไปตามต้นไม้อื่น ๆ มีความสูง 1-3 ม. ลำต้นกลม เกลี้ยง เป็นปล้อง ต้นอ่อนสีเขียว ผิวเรียบ ใบ ใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ รูปหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายและโคนแหลม ขอบเรียบ กว้าง 2-3 ซม. ยาว 7-9 ซม. แผ่น ใบสีเขียวเข้ม ผิวเรียบ ดอก ดอกช่อกระจุก ออกที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอก 3-6 ดอก กลีบเลี้ยง 5 กลีบ สีเขียว ยาวเท่าๆ กัน มีขนเป็นต่อมเหนียว ๆ อยู่โดย รอบ กลีบดอก 5 กลีบ รูปทรงกระบอก สีแดงส้ม โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาว 3-4 ซม. ปลายแยกออกเป็น 2 ปาก คือ ปากล่าง และปากบน เกสรเพศผู้ 2 อัน เกสรเพศเมีย 1 อัน เกลี้ยงไม่มีขน ผล ผลเดี่ยว รูปกลมยาวรี ยาวได้ประมาณ 0.5 ซม. ก้านสั้น แห้งและแตกได้ ภายในผลมีเมล็ด 4 เมล็ด สรรพคณุ ใบ สามารถลดอาการรักเสบของหูได้ดี รักษาอาการอักเสบเฉพาะที่ (ปวด, บวม, แดง ร้อนแต่ไม่มีไข้) จากแมลงที่มีพิษกัดต่อย เช่น ตะขาบ แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน สารสกัดจากใบ สามารถฆ่าเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคอีสุกอีใส งูสวัด (varicella zoster virus) ทั้งภายในและภายนอกเซลล์ การกระจายพันธุ์ จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ในประเทศไทยมักพบขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วทุกภาคของประเทศ 28 13 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 11
ACANTHACEAE กระดูกไก่ดำ� หมอยาพื้นบ้าน 2 , 5 , 24 ชื่อสามัญ Kradookkaidum ชื่อท้องถิ่น เฉียงพร้าบ้าน, เฉียงพร้ามอญ, ผีมอญ, สันพร้ามอญ, เฉียงพร้าม่าน, เกียงพา, สำมะงาจีน, เฉียงพร้า, กระดูกดำ, ปองดำ, กุลาดำ, บัวลาดำ ชื่อวิทยาศาสตร์ Justicia valida Ridl. ชื่อวงศ์ ACANTHACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พุ่มเล็ก ล�ำต้น มีลำต้นสูงประมาณ 90-100 ซม.ลักษณะของลำต้น และกิ่งเป็นปล้องข้อ คล้ายกระดูกไก่ ขนาดข้อลำต้นยาวประมาณ 7-8 ซม. ข้อของกิ่งยาวประมาณ 2-4 ซม. ลำต้น ใบ กิ่งก้าน มีสีแดงเรื่อ ใบ ใบเดี่ยว เรียงตรงกันข้าม รูปหอก โคนและปลายแหลม เส้นกลางใบสีแดง ขนาดกว้าง 1-3 ซม. ยาวประมาณ 6-10 ซม. ก้านใบสั้น ดอก ดอกช่อ ออกบริเวณปลายดอก ช่อยาวประมาณ 5-7 ซม. ลักษณะของดอก กลีบดอกมีสีขาวอมเขียว แกมชมพู โคนกลีบดอกติดกัน ส่วนปลายกลีบแยกเป็นกลีบล่างบน ลักษณะกลีบล่างโค้งงอนเหมือนช้อน ข้างในหลอดดอกมีเกสรตัวผู้ 2 อัน ซึ่งจะโผล่พ้นหลอดออกมา ผล ผลเป็นฝัก ยาวประมาณ 1.3-1.5 ซม. สรรพคณุ ใบ มาต้มกับน้ำกินเป็นยาบำรุงโลหิต แก้ไข้ ลดความร้อน ช่วยขับเลือดข้นในร่างกายให้กระจาย ช่วยกระจายเลือด ใบสดนำมาตำคั้น เอาแต่น้ำมาดื่มเป็นยาแก้อาการปวดศีรษะ แก้โรคหืด แก้ปวดท้อง ใบสดมาตำผสมกับหัวหอมและเมล็ดเทียนแดง แล้วนำมาพอกแก้ อาการปวดศีรษะได้ น้ำคั้นจากใบใช้ผสมกับเหล้ารับประทานเป็นยาขับปัสสาวะ น้ำคั้นจากใบใช้ผสมกับเหล้ากินช่วยแก้อาการช้ำใน แก้ปวดบวมตามข้อ หรือจะใช้น้ำคั้นจากใบทาแก้อาการปวดตามข้อก็ได้เช่นกัน ช่วยแก้เคล็ดขัดยอก รากและใบ นำมาตำผสมกัน ใช้เป็นยาพอกถอนพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย รากและใบนำมาต้มกับน้ำใช้อาบแก้โรคผิวหนังและผื่นคัน ตามตัว การกระจายพันธุ์ กระดูกไก่ดำเป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นเองตามลำธารในป่าดงดิบหรือมักปลูกตามบ้าน ใช้ทำรั้ว 2,5 24 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 12
ทองพันชั ่ ง หมอยาพื้นบ้าน 1 , 2 , 5 , 13 , 16 , 20 , 24 ชื่อสามัญ Snake jasmine ชื่อท้องถิ่น ทองคันชั่ง หญ้ามันไก่ (ภาคกลาง) ทองพันคูลาย์ ต้นดอกข้าวเม่า ชื่อวิทยาศาสตร์Rhinacanthus nasutus (L.) Kurz ชื่อวงศ์ ACANTHACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ล้มลุกขนาดเล็ก ล�ำต้น ทรงพุ่มสูง 1-2 ม. ส่วนโคนมีเนื้อไม้แข็ง กิ่งอ่อนและลำต้นเป็นสี่เหลี่ยม ใบ ใบเดี่ยว รูปไข่ ยาว 4-6 ซม. กว้าง 2-3 ซม. โคนและปลายใบแหลม ขอบเรียบ ออกเรียงตรงข้ามกัน ดอก ดอกช่อ ออกตามซอกใบ กลีบเลี้ยง 5 กลีบ มีขน กลีบดอก 5 กลีบ สีขาว เชื่อมติดกันเป็นหลอดยาวประมาณ 1.5-2 ซม. ปลายกลีบ แยกออกเป็น 2 แฉก ภายในหลอดกลีบดอกมีเกสรตัวผู้ 4 อัน ติดอยู่ใกล้ปากหลอด ผล ผลเดี่ยว เป็นแบบกระเปาะ คล้ายฝัก ยาวและมีขน เมล็ด ภายในมีเมล็ด 4 เมล็ด สรรพคณุ ราก แก้กลากเกลื้อน รักษาโรคมะเร็ง รักษาโรคผิวหนัง ดับพิษไข้ แก้พิษงู แก้พยาธิวงแหวนตามผิวหนัง ทั้งต้น รักษาโรคผิวหนัง แก้น้ำเหลืองเสีย แก้กลากเกลื้อน ผื่นคัน รักษามะเร็ง คุดทะราด ขับพยาธิตามผิวหนัง ตามบาดแผล แก้ไส้เลื่อน ไส้ลาม แก้ปัสสาวะผิดปกติ ใบ ดับพิษไข้ แก้กลากเกลื้อน ผื่นคัน แก้โรคไขข้ออักเสบ รักษาโรคผิวหนัง รักษาโรคมะเร็ง รักษาโรคความดันโลหิตสูง แก้ผมร่วง บำรุงร่างกาย แก้โรค 108 ประการ แก้ปวดฝี แก้พิษงู ถอนพิษ แก้อักเสบ แก้โรคมุตกิต รักษาโรคพยาธิวงแหวนตามผิวหนัง การกระจายพันธุ์ เป็นพืชเขตร้อนเก่า พบที่อินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบได้ทุกภาคของประเทศไทย 1,2,5 20 24 13 16 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 13 ACANTHACEAE
รางจืด หมอยาพื้นบ้าน 2 , 8 , 13 , 23 ชื่อสามัญ Laurel clockvine, Blue trumphet vine ชื่อท้องถิ่น ว่านรางจืด รางเย็น คาย (ยะลา), ดุเหว่า (ปัตตานี), ทิดพุด (นครศรีธรรมราช), ย่ำแย้ แอดแอ (เพชรบูรณ์), น้ำนอง (สระบุรี), จอลอดิเออ ซั้งกะ ปั้งกะล่ะ พอหน่อเตอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), กำลังช้างเผือก ยาเขียว เครือเขาเขียว ขอบชะนาง (ภาคกลาง) ชื่อวิทยาศาสตร์ Thunbergia laurifolia Lindl. ชื่อวงศ์ ACANTHACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้เลื้อยที่มีเนื้อแข็ง ล�ำต้น ลำต้นกลมเป็นปล้อง มีสีเขียวสดหรือสีเขียวเข้ม ไม่มีขนและไม่มีมือจับ แต่อาศัยลำต้นในการพันรัดขึ้นไป ใบ ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน รูปหัวใจหรือเป็นรูปไข่ โคนมนเว้า ปลายเรียวแหลม กว้าง 4-7 ซม. ยาว 8-14 ซม. มีเส้นใบใหญ่อยู่ 3 เส้น ออกจากโคนใบ ดอก ดอกช่อห้อยลงมาตามซอกใบ ช่อละ 3-4 ดอก ดอกมีสีม่วงอมฟ้า มีใบประดับสีเขียวประแดง มีกลีบเลี้ยงรูปจาน 2 กลีบ กลีบดอก 5 กลีบ เชื่อมติดกันรูปแตรสั้น ปลายแยกเป็น 5 แฉก โคนกลีบดอกมีสีเหลืองอ่อน โคนดอกเป็นหลอดกรวยยาวประมาณ 1 ซม. เชื่อมติด กันเป็นหลอด และมักมีน้ำหวานบรรจุอยู่ภายในหลอด เกสรตัวผู้ 4 อัน เกสรตัวเมีย 1 อัน ผล ผลเดี่ยว เป็นฝักกลม ปลายเป็นจะงอย เมื่อแก่จะแตกออกเป็น 2 ซีก มีเมล็ดจำนวนมากก สรรพคณุ ใบ ราก และเถา รสจืดเย็น ตำคั้นหรือเอารากฝนกับน้ำหรือต้มเอาน้ำยาดื่มถอนพิษ แก้ไข้ ถอนพิษยาเบื่อเมา แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้ประจำเดือนไม่ปกติ แก้ปวดหู ตำพอก แก้ปวดบวม เถาและใบ รับประทานแก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้พิษร้อนต่างๆ ราก รสจืดเย็น แก้อักเสบ แก้ปวดบวม แก้เมาคา้ง แก้อาการปวดหัวมึนหัวอันเนื่องมาจากพิษสุราถอนพิษสุรา พิษตกค้างในร่างกาย รักษา โรคอักเสบและปอดบวม รากและเถา ใช้กินเป็นยารักษาอาการร้อนในกระหายน้ำ รักษาพิษร้อน ทั้งต้น รสจืดเย็น ถอนพิษยาเบื่อเมา หรือใช้ปรุงเป็นยาเขียว ถอนพิษไข้ และพิษทั้งปวง ปรุงยาแก้มะเร็ง การกระจายพันธุ์ รางจืดเป็นพืชในเขตร้อนและเขตอบอุ่นของทวีปเอเชีย จึงสามารถขึ้นได้ทั่วไปตามป่าดิบชื้นของประเทศไทยทั่วทุกภาค เจริญเติบโตได้ เร็วมาก 2 23 8 13 ACANTHACEAE บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 14
ว่านน ้ ำ หมอยาพื้นบ้าน 2 , 10 , 16 , 21 , 22 , 24 ชื่อสามัญ Calamus ชื่อท้องถิ่น ว่านน้ำเล็ก ฮางคาวผา (เชียงใหม่), ตะไคร้น้ำ (เพชรบุรี), กะส้มชื่น คาเจี้ยงจี้ ผมผา ส้มชื่น ฮางคาวบ้าน ฮางคาวน้ำ (ภาคเหนือ), ทิสีปุตอ เหล่อโบ่สะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), แป๊ะอะ (ม้ง),ช่านโฟ้ว (เมี่ยน), สำบู่ (ปะหล่อง), จะเคออ้ม ตะไคร้น้ำ (ขมุ), แปะเชียง (จีนแต้จิ๋ว), สุ่ยชังฝู ไป๋ชัง (จีนกลาง) ชื่อวิทยาศาสตร์ Acorus calamus L. ชื่อวงศ์ ACORACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ล้มลุก ล�ำต้น สูง 50-80 ซม. มีเหง้าเจริญไปตามยาวขนานกับพื้นดิน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5-10 มม. รูปทรงกระบอกค่อนข้างแบนเป็นข้อๆ มองเห็นชัด ผิวนอกเป็นสีน้ำตาลอ่อน มีรากเป็นเส้นเล็กยาวติดอยู่ทั่วไป เนื้อภายในเหง้าเป็นสีเนื้อแก่ มีกลิ่นหอม รสเผ็ดร้อนฉุนและขม ใบ ใบเดี่ยว เรียงสลับกันซ้ายขวาแบบทแยงกัน รูปเรียวแหลม ปลายใบแหลม กว้าง 1-2 ซม. ยาว 80-110 ซม. แผ่นใบเรียบ มองเห็น เส้นกลางใบได้ชัดเจน ดอก ดอกช่อ แทงออกมาจากเหง้า ก้านช่อดอกยาวประมาณ 50 ซม. มีกาบใบห่อหุ้ม 1 อันดอกย่อยเรียงตัวติดกันแน่น กลีบเลี้ยง 3 กลีบ กลีบดอก 3 กลีบ รูปกลม ปลายกลีบโค้งงอ ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียอยู่ในช่อเดียวกัน เกสรเพศผู้ 6 อัน เกสรเพศเมียมี 1 อัน รังไข่กลมยาวหรือรูปกรวย ผล ผลเดี่ยว ขนาดเล็ก ลักษณะคล้ายลูกข่างหรือปริซึม ปลายบนคล้ายพีรามิด ผลเมื่อสุกจะเป็นสีแดง ภายในมีเมล็ดจำนวนน้อย ลักษณะ ของเมล็ดเป็นรูปรี สรรพคณุ เหง้า เป็นยาขับลม ยาหอม แก้ธาตุพิการ ช่วยเจริญอาหาร แก้อาการท้องเสีย อาหารไม่ย่อย และอ่อนเพลีย เหง้าต้มรวมกับขิงและไพล กินแก้ไข้ ผสมชุมเห็ดเทศ ทาแก้โรคผิวหนัง ราก แก้ไข้มาลาเรีย แก้หวัด หลอดลมอักเสบ แก้เจ็บคอ แก้ปวดฟัน เป็นยาระบาย แก้เส้นกระตุก บำรุงหัวใจ แก้หืด แก้เสมหะ เผาให้เป็นถ่านรับประทานถอนพิษสลอด แก้ปวดศีรษะ แก้ลงท้อง พอกแก้ปวดตามข้อและกล้ามเนื้อ แก้บิด แก้ไอ แก้ปวดท้อง แก้จุกเสียด หัว ใช้ขับลมในท้อง แก้ท้องขึ้นอืดเฟ้อ แน่นจุกเสียด ช่วยย่อยอาหาร แก้โรคกระเพาะอาหาร แก้ธาตุพิการ แก้ลมจุกแน่น ในทรวงอก แก้ลมที่อยู่ในท้องแต่นอกกระเพาะและลำไส้ บำรุงธาตุนำ้แก้ข้อกระดูกหักแพลง ขับเสมหะ แก้ปวดท้อง แก้ท้องเสีย ขับพยาธิ บำรุงกำลัง แก้โรคลม แก้ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ แก้ไข้จับสั่น บำรุงประสาท หลอดลม ขับระดู ขับปัสสาวะ รากฝนกับสุราทาหน้าอกเด็ก เพื่อเป็นยาดูดพิษแก้หลอดลมและปอดอักเสบ การกระจายพันธุ์ พบทั่วไป ทุกภาคของประเทศไทย ACORACEAE 2 24 10 16 21,22 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 15
ทุเร ี ยนเทศ หมอยาพื้นบ้าน 9 ชื่อสามัญ Soursop, Prickly custard apple ชื่อท้องถิ่น ทุเรียนน้ำ, ทุเรียนเทศ, ทุเรียนแขก, หมากเขียบหลด, มะทุเรียน ชื่อวิทยาศาสตร์ Annona muricata L. ชื่อวงศ์ ANNONACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ยืนต้น ล�ำต้น สูงได้ถึง 10 ม. ลำต้นสีน้ำตาล ตามกิ่งอ่อนจะมีขนสีน้ำตาลแดง ใบ ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกัน รูปไข่กลับ ปลายเป็นติ่งแหลม โคนมน ขอบเรียบ ด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านล่างสีอ่อนกว่า กว้าง 4.3-7 ซม. ยาว 5-15 ซม. ดอก ออกเดี่ยว ออกจากลำต้นหรือกลางกิ่ง สีเหลืองอ่อน กลิ่นหอมแรง กลีบเลี้ยง 3 กลีบ รูปสามเหลี่ยมเล็กๆ กลีบดอกอวบหนา 6 กลีบ เรียงเป็น 2 ชั้น กว้าง 2 ซม. ยาว 2-3 ซม. เกสรผู้จำนวนมาก เรียงเป็นวงรอบแกนเกสรตัวเมีย และรังไข่มีจำนวนมาก แยกกัน ผล ผลกลุ่ม มีเนื้อหลอมรวมกัน รูปกลมป้อมแกมรูปไข่ โคนกว้างกว่าส่วนปลาย เปลือกหนาเหนียว มีหนามโค้งสั้นๆ โดยรอบ ผลยาว 12-20 ซม. สีเขียวเข้ม เมื่อสุกสีเหลือง เนื้อในผลจะฉ่ำน้ำ สรรพคณุ ผล การรับประทานผลไม้ชนิดนี้จะช่วยเพิ่มน้ำนมกับหญิงให้นมบุตร ในผลสุกช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน ผลดิบใช้รับประทานเพื่อ รักษาโรคบิดและนำมาตำแล้วพอกเป็นยาฝาดสมาน ใบ นำมาใช้ชงดื่มช่วยทำให้นอนหลับสบาย และเมื่อนำใบมาใส่ไว้ในหมอนหนุน จะช่วยทำให้หลับสบายยิ่งขึ้น (เนเธอร์แลนด์) มีการนำ มาใช้เป็นยาระงับประสาท ช่วยแก้อาการเมา ด้วยการใช้ใบขยี้ลงในน้ำผสมกับน้ำมะนาว 2 ลูก แล้วนำมาจิบเล็กน้อยและ เอาน้ำที่เหลือลูบหัว (ตำรา Materia medica) เป็นยาแก้อาการท้องอืด ด้วยการนำมาขยี้ผสมกับปูนแล้วนำมาทาบริเวณท้อง รากและเปลือก นำมาทำเป็นชาชงดื่มแก้อาการเครียด ช่วยลดอาการเจ็บปวดและลดการเกร็ง นำมาใช้เกี่ยวกับข้ออักเสบและผู้ที่มีปัญหา เกี่ยวกับตับ เมล็ด นำมาใช้ในการช่วยสมานแผลและห้ามเลือด เมล็ดของทุเรียนเทศนี้จะมีพิษจึงนำมาใช้ทำยาเบื่อและทำเป็นยาฆ่าแมลงศัตรูพืช การกระจายพันธุ์ ประเทศไทย พบมากในภาคใต้ 9 ANNONACEAE บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 16
ANNONACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ยืนต้น ล�ำต้น ไม่ผลัดใบ ขนาดใหญ่ ลำต้นตั้งตรง สูงได้ 15-20 ม. เรือนยอดเป็นทรงพุ่มแน่น แตกกิ่งก้านสาขามาก แผ่ออกจากต้นมักลู่ลง เปลือกต้นสีเทาเกลี้ยงหรือสีเงิน พบรอยแผลใบขนาดใหญ่อยู่ทั่วไป ส่วนที่ยังอ่อนมีขนขึ้นปกคลุม ใบ ใบเดี่ยว สีเขียวอ่อน ออกแบบเรียงสลับ รูปขอบขนาน ปลายใบแหลมหรือมีติ่งแหลม โคนใบมนกลมหรือเบี้ยว ขอบใบเป็นคลื่น ยาว 7-12 ซม. กว้าง 4-9 ซม. มีเส้นแขนงใบ 5-9 คู่ ดอก ช่อขนาดใหญ่บนกิ่งเหนือรอยแผลใบ ช่อดอกแยกแขนง ในช่อหนึ่งมีดอก 3-6 ดอก ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4-6 ซม. ก้านช่อดอก มีขน ก้านดอกยาว 2-4 ซม. ดอกย่อยสีเหลืองอมเขียวหรือสีเขียว มีกลิ่นหอมมาก กลีบเลี้ยง 3 กลีบ กลีบดอก 6 กลีบ ห้อยลง กลีบดอก ชั้นนอกมีลักษณะแคบ ยาว ปลายเรียวแหลม ขอบกลีบเรียบหรือเป็นคลื่นเล็กน้อย กลีบดอกชั้นในสั้นและแคบกว่าเล็กน้อย โคนกลีบดอก จะซ้อนทแยงอยู่ใต้รังไข่ ผล ผลกลุ่มมี 4-12 ผล รูปไข่ ยาว 1.5-2.5 ซม.กว้าง 1-1.5 ซม. สีเขียวเข้ม เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีดำ ภายในผลมีเมล็ดลักษณะ รูปไข่แบน สีน้ำตาล 2-12 เมล็ด สรรพคณุ เปลือก มีรสฝาดเฝื่อน เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ แก้อาการท้องเสีย ใช้เป็นยารักษาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน เนื้อไม้ มีรสขมเฝื่อน เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ ราก เป็นยาคุมกำเนิด ใบ เป็นยารักษาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน แก้อาการคัน และใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ดอก มีรสหอมสุขุม แก้ลมวิงเวียน ใช้ปรุงเป็นยาหอม ใช้เป็นยาชูกำลัง ทำให้หัวใจชุ่มชื่น บำรุงธาตุ บำรุงโลหิต บำรุงหัวใจ แก้ไข้ แก้อาการ อ่อนเพลีย กระหายน้ำ จัดอยู่ในเครื่องยาไทยที่เรียกว่า “พิกัดเกสรทั้ง 7” (สัตตะเกสร) และ “พิกัดเกสรทั้ง 9” (เนาวเกสร) ช่วยแก้อาการ ไข้เนื่องจากโลหิตเป็นพิษ และมีปรากฏในตำรายาแผนโบราณชื่อคัมภีร์มหาโชติรัตน์ ยาชื่อมาลาสันนิบาต ซึ่งเป็นยาแก้ลมจุกคอ แก้อาการ แน่นหน้าอก แก้จุกเสียดและแก้สะอึก เกสร มีสรรพคุณเป็นยาแก้ร้อนใน กระหายน้ำ ช่วยเจริญอาหาร และใช้แก้โรคตา น�้ำมันหอมระเหย เป็นยาขับลม ฆ่าเชื้อโรค ช่วยบำรุงประสาท สงบประสาท แก้อาการซึมเศร้า กระวนกระวายใจ แก้หอบหืด ช่วยลด ความดันโลหิต การกระจายพันธุ์ เอเซียเขตร้อนในแถบของประเทศฟิลิปปินส์และประเทศอินโดนีเซีย พบได้ทุกภาคในประเทศไทย 5 กระดังงา หมอยาพื้นบ้าน 5 ชื่อสามัญ Cananga, Ylang-Ylang, Ilang-Ilang ชื่อท้องถิ่น กระดังงา (ยะลา, ตรัง), กระดังงาใบใหญ่ กระดังงาใหญ่ (ภาคกลาง), สะบันงา สะบันงาต้น (ภาคเหนือ) ชื่อวิทยาศาสตร์ Cananga odorata (Lam.) Hook.f. & Thomson ชื่อวงศ์ ANNONACEAE บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 17
บัวบก หมอยาพื้นบ้าน 2 , 8 ชื่อสามัญ Gotu kola ชื่อท้องถิ่น บัวบก, ใบบัวบก, ผักหนอก, จำปาเครือ, กะบังนอก, เอขาเด๊าะ, ปะหนะเอขาเด๊าะ, ผักแว่น, แว่นโคก ชื่อวิทยาศาสตร์ Centella asiatica (L.) Urb. ชื่อวงศ์ APIACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ พืชล้มลุก ล�ำต้น มีลำต้นเป็นไหล เลื้อยไปตามพื้นดินหรืออยู่ด้านล่างหน้าผิวดิน ไหลมีลักษณะทรงกลม สีขาวหรือน้ำตาล ขนาด 0.2-0.4 มม. ยาวได้มากกว่า 1 ม. ไหลมีลักษณะเป็นข้อปล้อง บริเวณข้อเป็นจุดแทงออกของก้านใบ ส่วนด้านล่างของข้อมีรากแขนงแทงลึกลงดิน และแต่ละข้อแตกแขนงแยกไหลไปเรื่อยๆ ทำให้ต้นบัวบกขึ้นปกคลุมพื้นที่โดยรอบได้อย่างหนาทึบ ใบ ใบเดี่ยว ออกเป็นกระจุกจำนวนหลายใบบริเวณข้อ แต่ละข้อมีใบ 2-10 ใบ ใบประกอบด้วยก้านใบที่แทงตั้งตรงจากข้อ ก้านใบสูง 10-15 ซม. มีลักษณะทรงกลม สีเขียวอ่อน ถัดมาเป็นแผ่นใบที่เชื่อมติดกับก้านใบบริเวณตรงกลางของใบ ฐานใบโค้งเว้าเข้าหากัน แผ่นใบมีรูปทรงกลมหรือมีรูปร่างคล้ายไต ขอบใบหยัก เส้นผ่านศูนย์กลาง 2-4 ซม. ดอกช่อ ออกตามซอกใบ รูปทรงช่อคล้ายร่ม อาจมี ช่อเดี่ยวหรือมีประมาณ 2-5 ช่อ แต่ละช่อมีประมาณ 3-4 ดอก ดอก มีก้านช่อดอกยาวทรงกลม ขนาดเล็ก 0.5-5 ซม. ส่วนกลีบดอกมีสีขาว ตรงกลางมีเกสรตัวผู้ขนาดสั้น ผล มีขนาดเล็ก มีลักษณะกลมแบน ยาวประมาณ 3 มม. เปลือกเมล็ดแข็ง มีสีเขียวหรือม่วงน้ำตาล สรรพคณุ ใบ ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ย้อนอายุและวัย ช่วยบำรุงและรักษาสายตา ฟื้นฟูรอบดวงตา เพราะบัวบกมีวิตามินเอสูง มีส่วนช่วยเพิ่มไอคิว ความฉลาด และความสามารถในการเรียนรู้ ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ปวดศีรษะข้างเดียว ช่วยทำให้หน้าตาสดใส เหมือนเป็นวัยรุ่น ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ดี ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง ช่วยแก้ อาการช้ำใน บาดเจ็บจากการกระทบกระแทก ช่วยขับความร้อนชื้นทางเดินปัสสาวะ ป้องกันการเกิดนิ่ว ช่วยรักษาแผลให้ หายเร็วยิ่งขึ้น ช่วยเร่งการสร้างเนื้อเยื่อ ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆ เช่น โรคเรื้อน โรคสะเก็ดเงิน หิด หัด เป็นต้น น้ำคั้นจากใบ นำมาทำเป็นน้ำมันบัวบกใช้ชะโลมศีรษะมีสรรพคุณช่วยบำรุงหนังศีรษะและเส้นผม ช่วยทำให้เส้นผมดกดำ แก้ปัญหาผม ร่วง ผมหงอกก่อนวัย การกระจายพันธุ์ ประเทศไทยพบได้ทั่วทุกภาค 2 8 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 18 APIACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ไม่ผลัดใบ ล�ำต้น สูงได้ประมาณ 15-25 ม. เรือนยอดรูปไข่แกมรูปกรวยแหลม ค่อนข้างโปร่ง ลำต้นมีลักษณะตรง กิ่งใหญ่ตั้งฉากกับลำต้นเป็นวง รอบ โคนต้นเป็นพูพอน เปลือกต้นเรียบเป็นสีขาวอมเทาหรือสีเทาอ่อน มีน้ำยางสีขาว ใบ ใบเดี่ยว ออกเรียงรอบๆ ข้อ ข้อละ 3-4 ใบ รูปใบหอกกลับหรือรูปไข่แกมรูปหอกกลับ ปลายเป็นติ่งแหลม ขอบเรียบ กว้าง 3-7.5 ซม. ยาว 10-30 ซม. หลังใบเป็นสีเขียว ท้องใบเป็นคราบสีขาว เส้นแขนงใบถี่และเป็นเส้นตรง ดอก ดอกช่อแขนงตามซอกใบที่ปลายกิ่งจำนวนมาก ยาว 3.5-11.5 ซม. ดอกย่อยสีขาว มีขนาด 2-3 ซม. กลีบดอกสีขาวหรือสีขาว อมเหลือง โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกออกเป็น 5 กลีบ เกสรเพศผู้ 5 อัน ผล ผลกลุ่มคู่ ฝักเรียว ยาว 30-45 ซม. แก่จะแตกออกเป็น 2 ซีก และบิดเป็นเกลียว ปล่อยให้เมล็ดที่มีพู่สีขาวปลิวไปตามลม สรรพคณุ เปลือกต้น ในตำรายาไทยจะใช้เปลือกต้นเป็นยาบำรุงกำลัง แก้ไข้ รักษาไข้ป่าหรือโรคมาลาเรีย ใช้เป็นยาแก้บิด ช่วยขับระดูของสตรี ยาบำรุงกำหนัด ใช้เป็นยารักษาบาดแผล ราก เมื่อผสมยา รับประทานบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง ใบ นำมาตำผสมกับน้ำมันมะพร้าวทำให้ร้อน ใช้เป็นยาพอกแก้ข้อต่อเคลื่อน การกระจายพันธุ์ ภาคใต้ของประเทศไทย 2 13 ทุ้งฟ้า หมอยาพื้นบ้าน 2 , 13 ชื่อสามัญ Toong fah ชื่อท้องถิ่น กระทุ้งฟ้าไห้ ทุ้งฟ้าไก้ (ชุมพร), ตีนเทียน (สงขลา), พวมพร้าว (ปัตตานี) ชื่อวิทยาศาสตร์ Alstonia macrophylla Wall. ex G.Don ชื่อวงศ์ APOCYNACEAE APOCYNACEAE บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 19
มะนาวไม่รู้โห่ หมอยาพื้นบ้าน 23 ชื่อสามัญ Bengal-Currants, Carandas-plum, Karanda ชื่อท้องถิ่น หนามขี้แฮด (เชียงใหม่), หนามแดง (กรุงเทพฯ), มะนาวไม่รู้โห่ (ภาคกลาง), มะนาวโห่ (ภาคใต้) ชื่อวิทยาศาสตร์ Carissa carandas L. ชื่อวงศ์ APOCYNACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พุ่มขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ล�ำต้น สูง 2-5 ม. เปลือกลำต้นสีน้ำตาลเข้ม เมื่อใช้มีดสับจะมียางสีขาวไหลออกมา ลำต้นแตกกิ่งจำนวนมาก และมีหนามแหลมคม ยาว 5 ซม.กระจายทั่ว ใบ ใบเดี่ยว แทงออกตรงข้ามกันบนกิ่ง ใบมีรูปทรงไข่ และป้อม สีเขียวเข้ม โคนใบมน ปลายใบโค้งหยักเข้าตรงกลาง ใบกว้าง 2-4 ซม. ยาว 4-8 ซม. แผ่นใบ และขอบใบเรียบ แผ่นใบเกลี้ยง และเป็นมัน ท้องใบมีสีจางกว่าด้านบน และมีเส้นใบมองเห็นได้ชัดเจน ดอก ดอกเป็นช่อบริเวณซอกใบตามปลายกิ่ง มีก้านชูดอกสีแดงเข้มมีกลีบรองดอก กลีบดอกมี 5 กลีบ สีขาวอมชมพู ยาว 1 ซม. โคนกลีบ เชื่อมติดกัน ปลายกลีบแยกออก และมีรูปทรงกรวย ภายในดอกประกอบด้วยเกสรตัวผู้ 5 อัน และเกสรตัวเมีย 1 อัน ผล ผลเดี่ยว รูปร่างกลม และรี ขนาดผล 1-1.5 ซม. ยาว 2-4 ซม. ผลอ่อนมีเปลือกสีขาว แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นสีแดงอมชมพู และเมื่อสุก เต็มที่จะมีสีดำ ส่วนเนื้อเมื่อยังดิบจะมีสีขาว และเมื่อสุกเต็มที่จะมีสีแดงอมชมพู เนื้อผลมีลักษณะกรอบแม้เมื่อสุกแล้ว และภายในผล บริเวณตรงกลางจะมีเมล็ดแทรกรวมกันอยู่ 4-6 เมล็ด เมล็ดมีรูปร่างแบน มีเปลือกหุ้มเมล็ดสีน้ำตาล สรรพคณุ ผล มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยในการชะลอวัยและริ้วรอย เพิ่มความกระชุ่มกระชวยให้กับร่างกาย มีส่วนช่วยลดความอ้วน ช่วยขยายหลอดเลือดป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง ช่วยรักษา โรคปอด ช่วยรักษาโรคถุงลมโป่งพองจากการสูบบุหรี่ ช่วยรักษาโรคไต ช่วยรักษาโรคเกาต์ ช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคไทรอยด์ มีส่วนช่วยบรรเทาอาการของโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต มือเท้าชา ช่วยบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ ช่วยแก้และบรรเทาอาการไอ ช่วยขับเสมหะ แก่น ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยบำรุงไขมันในร่างกาย เนื้อไม้ แก้อาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า ช่วยบำรุงกำลัง ราก ช่วยให้เจริญอาหาร ช่วยบำรุงธาตุ ช่วยแก้ไข้ ช่วยดับพิษร้อน ช่วยขับพยาธิ ช่วยแก้อาการคัน ใบ ในบังคลาเทศใช้ใบรักษาโรคลมชัก แก้อาการเจ็บคอ เจ็บในปาก แก้อาการปวดหู แก้อาการท้องเสีย ช่วยรักษาโรคบิด น�้ำยาง ช่วยรักษาแผลเนื้องอก ช่วยรักษาหูด ช่วยทำลายตาปลาและช่วยกัดทำลายเนื้อที่ด้านเป็นปุ่มโต การกระจายพันธุ์ พบได้ทุกภูมิภาคของประเทศไทย 23 20 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี APOCYNACEAE
แพงพวย หมอยาพื้นบ้าน 5 , 19 , 24 ชื่อสามัญ West Indian periwinkle, Madagascar periwinkle, Bringht eye, Indian periwinkle, Cape periwinkle, Pinkle-pinkle, Pink periwinkle, Vinca, Cayenne jasmine, Rose periwinkle, Old maid ชื่อท้องถิ่น แพงพวย, แพงพวยบก, แพงพวยฝรั่ง, นมอิน, ผักปอดบก, พังพวยบก, พังพวยฝรั่ง, ฉางชุนฮวา ชื่อวิทยาศาสตร์ Catharanthus roseus (L.) G.Don ชื่อวงศ์ APOCYNACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ล้มลุก เนื้ออ่อนพุ่มเตี้ย ล�ำต้น สูง 25-120 ซม. ลำต้นช่วงบนแตกกิ่งก้านสาขามาก เปลือกลำต้นเรียบสีน้ำตาลปนเขียว มียางสีขาว ใบ ใบเดี่ยวออกเป็นคู่เรียงตรงข้ามกัน รูปไข่หรือรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ปลายมนเป็นติ่งหนาม โคนมนหรือแหลม ขอบเรียบและ เป็นคลื่นเล็กน้อย กว้างประมาณ 1.5-3 ซม.ยาว 3-7 ซม. แผ่นใบหนา หลังใบเรียบเป็นสีเขียวเข้มเป็นมัน ส่วนท้องใบเรียบ เส้นกลางใบ เป็นสีเขียวอ่อนหรือเป็นสีเหลืองลากเป็นเส้นเห็นได้ชัดเจน ดอก ดอกช่อกระจุก 1-3 ดอก ออกตามซอกใบ ดอกย่อยสีชมพูหรือสีม่วงและสีขาว ถ้าเป็นดอกสีชมพูตรงกลางดอกจะเป็นสีแดง ส่วน ดอกสีขาวตรงกลางดอกจะเป็นสีเหลือง กลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบดอกมีชั้นเดียว 5 กลีบ รูปไข่กลับ ปลายกลีบมนและมีติ่งแหลม โคนกลีบ ดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ดอกมีเกสรเพศผู้ 5 อัน ดอกเมื่อบานเต็มที่จะมีขนาดกว้าง 4 ซม. ผล เป็นรูปทรงกระบอก มักออกเป็นคู่ ยาว 2-3.75 ซม. เมื่อผลแห้งจะแตกออกด้านเดียว ภายในมีเมล็ดสีดำอยู่จำนวนมาก สรรพคณุ รากและก้าน สดนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาบำรุงกำลัง รากและก้านสดนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ปวด ต้น ทั้งต้นมีรสขมเล็กน้อย เป็นยาเย็น มีพิษ ใช้เป็นยารักษามะเร็ง ต่อต้านมะเร็ง รักษาเนื้องอกในต่อมนำ้เหลือง มะเร็งของเซลล์เม็ดเลือด ขาว หรือเม็ดเลือดขาวในต่อมน้ำเหลืองมากเกินควร ด้วยการใช้ครั้งละ 6-15 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน (บางแห่งใช้บำบัดรักษา มะเร็งเต้านม ส่วนของรากช่วยรักษามะเร็งในเลือด ต้นมีรสเอียน ใช้ต้มดื่มเป็นยาแก้เบาหวาน บำบัดเบาหวาน ทั้งต้นใช้ต้มดื่มช่วยลด ความดันโลหิต ใช้ต้นสด 60 กรัมนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้อาการปวดฟัน ช่วยแก้โรคหนองใน ปัสสาวะเป็นหนอง ช่วยแก้งูกัด สุนัขกัด ช่วยแก้เด็กเป็นฝี ใบ มีรสเอียน เป็นยาแก้มะเร็งต่าง ๆ แก้มะเร็งในเม็ดเลือดของเด็ก ช่วยบำรุงหัวใจ เป็นยาแก้โรคเบาหวาน โดยชาวจาเมกาเชื่อว่า ยาดองเหล้าจากใบแพงพวยตากแห้งสามารถช่วยรักษาโรคเบาหวานได้ รักษาโรคแมลงกัดต่อย ต้น ใบ ช่วยลดไขมันในเลือดสูงได้ ด้วยการใช้ใบและต้น 1 กำมือ นำมาต้มกับน้ำดื่มเช้าและเย็น ราก เป็นยาขับระดูของสตรีและทำให้แท้ง ช่วยห้ามเลือด การกระจายพันธุ์ ในประเทศไทยจะนิยมปลูกแพงพวยไว้เป็นไม้ประดับสวนทั่วไป ปลูกตามริมถนน ริมทางเดิน สวนสาธารณะ ริมทะเลได้ดี หรือในที่น้ำ ไม่ท่วมขัง APOCYNACEAE 5 24 19 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 21
เล็บครุฑ หมอยาพื้นบ้าน 2 , 12 , 15 , 23 ชื่อสามัญ Polyscias ชื่อท้องถิ่น เล็บครุฑ, ครุฑเท้าเต่า, ครุฑใบเทศ, ครุฑผักชี, เล็บครุฑใบฝอย, ครุฑทอดมัน ชื่อวิทยาศาสตร์ Polyscias fruticosa (L.) Harms ชื่อวงศ์ ARALIACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พุ่มขนาดเล็ก ล�ำต้น สูง 1-2 ม. ต้นอ่อนมีสีเขียว ลำต้นแก่มีสีเทา ผิวลำต้นสากมือ แตกกิ่งตั้งตรงรวมกันเป็นทรงพุ่ม มีปุ่มนูนบริเวณกาบใบที่ร่วงไป ใบ ใบประกอบ แตกออกจากลำต้น และกิ่ง เรียงสลับกันเป็นชั้นๆ ก้านใบหลักยาว โคนก้านใบหลักมีตุ่มหนามเล็กๆ สีขาว และถัดขึ้นมา เป็นจุดประสีขาวสลับกับสีเขียวเข้ม ใบย่อยเรียงกันเป็นคู่ตรงข้ามกัน 5-9 ใบ โดยใบสุดท้ายเป็นใบเดี่ยว ใบย่อยแต่ละใบมีลักษณะเรียว ยาว ขอบหยักลึกหลายหยัก คล้ายกรงเล็บ ส่วนปลายแหลม ดอก ดอกช่อแบบซี่ร่ม แทงออกปลายยอดของลำต้น ช่อดอกมีขนาดใหญ่ และแตกแขนงช่อย่อยจำนวนมาก แต่ละช่อมี ดอกย่อยขนาด เล็ก รวมกันเป็นกระจุก 20-40 ดอก กลีบเลี้ยง 5 อัน กลีบดอก 5 อัน เกสรตัวผู้ 5 อัน เกสรตัวเมีย 1 อัน ผล ผลเดี่ยว ค่อนข้างกลม รวมกับหลายผลเป็นกระจุก ภายในมี 1 เมล็ด สรรพคณุ ใบ นำมาต้มดื่มแก้อาการปวดหัว แก้ไมเกรน แก้ปวดหัวข้างเดียว น้ำต้มจากใบมีกลิ่นหอม ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย น้ำต้มจากใบใช้ดื่ม แก้อาการปวดตามข้อต่างๆ นำใบมาตำบด พอกรักษาแผล แก้แผลอักเสบ นำมาพอกทารักษาผื่นคัน นำมาพอกทารักษาโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน ใบนำมาขยำแล้วอุดรูจมูก สำหรับแก้เลือดกำเดาออก ล�ำต้น นำมาต้มดื่มช่วยดับพิษร้อน น้ำต้มช่วยรักษาท้องร่วง น้ำต้มดื่ม แก้อาการปวดหัว ช่วยลดไข้ แก่นลำต้นนำมาฝนใช้ทาสมานแผล ราก ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยให้ผ่อนคลาย แก้ปวดตามข้อ การกระจายพันธุ์ พบได้ทุกภาคของประเทศไทย 2 23 12 15 ARALIACEAE 22 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี
ARALIACEAE หนุมานประสานกาย หมอยาพื้นบ้าน 1 , 9 , 10 , 13 , 20 , 23 , 24 ชื่อสามัญ Edible-stemed vine ชื่อท้องถิ่น ว่านอ้อยช้าง (เลย), ชิดฮะลั้ง กุชิดฮะลั้ง (จีน) ชื่อวิทยาศาสตร์ Schefflera leucantha R.Vig. ชื่อวงศ์ ARALIACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พุ่ม ล�ำต้น สูง 1-4 ม. ผิวของลำต้นค่อนข้างเรียบเกลี้ยง ใบ ใบประกอบแบบนิ้วมือ ออกเรียงสลับ มีใบย่อย 7-8 ใบ รูปยาวรี รูปวงรี หรือรูปใบหอก ปลายเรียวแหลม โคนมีหูใบซึ่งจะติดอยู่กับ ก้านใบพอดี ขอบใบเป็นคลื่นเล็กน้อย กว้าง 1.5-3 ซม. ยาว 5-8 ซม. พื้นผิวใบเรียบเป็นมัน ส่วนก้านใบย่อยยาวได้ 8-25 มม. ดอก ดอกช่อ ช่อหนึ่งยาวได้ 8-12 ซม. ดอกย่อยสีเขียวหรือสีนวลและมีขนาดเล็ก ก้านช่อดอกยาว 3-7 มม. กลีบเลี้ยง 5 กลีบ เชื่อมติดกัน กลีบดอก 5 กลีบ แยกกัน เกสรตัวผู้ 5 อัน เกสรตัวเมีย 1 อัน ภายในมี 1 ห้อง สรรพคณุ ทั้งต้น มีรสหอมเผ็ดปร่า ขมฝาดเล็กน้อย มีสรรพคุณช่วยทำให้เลือดลมเดินสะดวก รักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ ใบ มีรสหอมเผ็ดปร่า ขมฝาดเล็กน้อย มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคหอบหืด แพ้อากาศ เป็นภูมิแพ้ ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ และปอดอักเสบ ช่วยรักษาวัณโรคปอด ช่วยรักษาวัณโรค ยาแก้ไอ ช่วยบรรเทาหวัด ลดอาการไอ แก้ร้อนใน ช่วยแก้อาการตกเลือด เนื่องจากการคลอดบุตรของสตรีในระหว่างการคลอดหรือภายหลังการคลอดบุตรหรือเนื่องจากตกเลือดเพราะใกล้หมดประจำเดือน ยาง ใช้ใส่แผลสด จะช่วยทำให้แผลแห้งเร็ว การกระจายพันธุ์ พบได้ทุกภาคของประเทศไทย 1 20 23 24 9,10 13 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 23
หมาก หมอยาพื้นบ้าน 9 ชื่อสามัญ Areca nut, Areca nut palm, Areca palm, Betel nut palm, Betel nuts ชื่อท้องถิ่น หมากเมีย (ทั่วไป), หมากสง (ภาคใต้), แซ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), สีซะ (กะเหรี่ยง-ภาคเหนือ), มะ (ชอง-ตราด), เซียด (ชาวบน-นครราชสีมา), ปีแน (มลายู-ภาคใต้), ปิงน๊อ (จีนแต้จิ๋ว), ปิงหลาง (จีนกลาง) ชื่อวิทยาศาสตร์ Areca catechu L. ชื่อวงศ์ ARECACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ยืนต้นจำพวกปาล์ม ล�ำต้น สูง 10-15 ม. ลำต้นรูปทรงกระบอก ตั้งตรง ต้นเดี่ยวไม่แตกกิ่งก้าน มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8-12 ซม. เปลือกลำต้นเป็นรอยวง แหวนรอบๆ ตลอดลำต้น ใบ ใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงเวียนหนาแน่นที่ปลายยอด ก้านใบรวมยาวได้ 130-200 ซม. ใบย่อยรูปใบหอก เรียวยาว ปลายใบ แหลม โคนใบเรียวแคบ ใบอ่อนมีรอยแยก กว้าง 2.5-6 ซม. ยาว 50-70 ซม. แผ่นใบเรียบหนา กาบใบหุ้มลำต้น ดอกหมาก (จั่นหมาก) จะออกตามซอกโคนก้านใบหรือกาบนอก ดอก ออกเป็นช่อขนาดใหญ่ มีใบประดับหุ้มช่อขนาดใหญ่ยาว 40 ซม. ดอกแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกัน กลีบดอกเป็นสีขาวแกมสีเหลืองมี 6 กลีบ เรียงเป็นชั้น 2 ชั้นสีเขียว ยาว 5-6 มม. ดอกเพศผู้จะมีขนาดเล็กและอยู่ตรงส่วนปลายของก้านช่อ มีเกสรเพศผู้ 6 อัน ส่วนดอก เพศเมียจะค่อนข้างใหญ่และอยู่ที่โคนก้านช่อ มีเกสรเพศเมีย 3 อัน ผล ออกเป็นทะลาย ประมาณ 10-150 ผล รูปทรงกลม รูปกลมรี รูปไข่ รูปไข่ปลายแหลม กว้าง 5 ซม. ยาว 7 ซม. ภายในมี 1 เมล็ด สรรพคณุ ผลอ่อน มีรสฝาดหวาน เป็นยาช่วยทำให้เจริญอาหาร ช่วยแก้เมา แก้อาเจียน ผลหมากสุกเมื่อนำมาต้มกับนำ้กินแล้วจะช่วยป้องกันอาการ ของโรคต้อหินหรือความดันภายในลูกตา เพื่อไม่ให้สูงจนผิดปกติได้ ใช้เป็นยาแก้โรคเบาหวาน ช่วยสมานแผลของผู้เป็นโรคเบาหวาน ให้หายเร็วขึ้นได้อีกด้วย ใช้รักษาโรคมาลาเรีย ช่วยแก้อาการไอ ช่วยขับเสมหะ ขับเหงื่อ ราก นำมาต้มกับนำ้เดือดใช้อมในขณะยังอุ่นแก้ปากเปื่อย มีรสฝาดเย็นเป็นยาแก้โรคกษัย ใช้ผสมกับรากมะพร้าว รากมะกอก รากมะปราง เปรี้ยว รากมะปรางหวาน ลูกกระจับน้ำ ลูกบัวหลวง เกสรบัวหลวง และหัวแห้ว ใช้กินเป็นยาแก้พิษผิดสำแดงไข้ แก้พิษร้อนภายใน แก้พิษไข้ร้อน ช่วยถอนพิษถูกสารปรอทตามฟันได้ดีมาก ใบ แก้ไข้ แก้หวัด ดอกเพศผู้ เป็นยาหอม ช่วยแก้กระหายน้ำ เมล็ด ตำรายาไทยจะใช้เมล็ดเป็นยารักษาโรคในปาก ช่วยแก้ปากเปื่อย การกระจายพันธุ์ ประเทศเอลซัลวาดอร์ รัฐฟลอริดา มิสซิสซิปปี เม็กซิโก เท็กซัส ARECACEAE9 24 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี
ARECACEAE มะพร้าว หมอยาพื้นบ้าน 9 , 13 ชื่อสามัญ Coconut ชื่อท้องถิ่น ดุง (จันทบุรี), โพล (กาญจนบุรี), คอส่า (แม่ฮ่องสอน), เอี่ยจี้ (จีน), หมากอุ๋น หมากอูน (ทั่วไป) ชื่อวิทยาศาสตร์ Cocos nucifera L. ชื่อวงศ์ ARECACEAE (Palmae) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ยืนต้น ล�ำต้น สูง 20-30 ม. ลำต้นกลม ตั้งตรง ไม่แตกกิ่งก้าน เปลือกต้นแข็ง สีเทา ขรุขระ มีรอยแผลใบ ใบ ใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงเวียนสลับ รูปพัดจีบ กว้าง 3.5 ซม. ยาว 80-120 ซม. โคนใบและปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบสีเขียวแก่เป็นมัน โคนก้านใบใหญ่แผ่เป็นกาบหุ้มลำต้น ดอก ดอกออกเป็นช่อแขนงตามซอกใบ ดอกเล็ก กลีบเลี้ยง 3 กลีบ กลีบดอกที่ลดรูปมี 4-6 กลีบ ในช่อหนึ่งมีทั้งดอกเพศผู้และเพศเมีย ดอกเพศผู้อยู่ปลายช่อ เกสรตัวผู้ 6 อัน ดอกเพศเมียอยู่บริเวณโคนช่อดอก เกสรตัวเมีย 1 อัน ไม่มีก้านดอก ผล รูปทรงกลมหรือรี ผิวเรียบ ผล ผลอ่อนสีเขียวพอแก่เป็นสีน้ำตาล เปลือกชั้นกลางเป็นเส้นใยนุ่ม ชั้นในแข็งเป็นกะลา ห่อหุ้มส่วนที่เป็นเมล็ดไว้ภายใน เนื้อเมล็ดสีขาว นิ่มและน้ำใส สรรพคณุ ดอก ช่วยแก้อาการท้องเดิน หรืออาการไข้ รวมทั้งช่วยขับเสมหะ แก้อาการร้อนในกระหายน้ำ และแก้อาการปากเปื่อย ตลอดจน บำรุงโลหิต ให้รสฝาดหวานหอม น�้ำมะพร้าว ช่วยบำรุงครรภ์ แก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยบำรุงหัวใจ แต่จะแสลงกับอาการไข้ทับระดู หรือโรคปวดหลัง และผู้หญิงที่กำลัง มีระดู ให้รสหวานเค็ม น�้ำมะพร้าวอ่อน ใช้ดื่มและล้างหน้า แก้อาการพิษสลอด หรือพิษยาเมายารมที่ทำให้เกิดอาการง่วงนอนหรือสลบ และแก้พิษยาถ่ายสามารถ นำมาทาเพื่อสมานบาดแผล และใช้ทาผมเพื่อรักษาเส้นผม นำมาผสมกับน้ำปูนใส ใช้ทาแก้อาการน้ำร้อนลวกหรือไฟไหม้ ให้รสมันหวาน ราก ช่วยแก้อาการไข้รากสาด แก้ไข้พิษ แก้ไข้สันนิบาต หรืออุจจาระพิการ และแก้อาการท้องเสีย ให้รสหวานฝาดเย็น รากอากาศ ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ และขับพิษไข้ ตลอดจนแก้ไข้ท้องเสีย ให้รสฝาด การกระจายพันธุ์ อยู่ในเขตร้อนของทวีปเอเชีย หรือหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ต่อมา จึงแพร่กระจายออกไปทั่วทุกภูมิภาคในเขตร้อน และกึ่งร้อน 9 13 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 25
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้เถาเนื้อแข็ง ล�ำต้น เลื้อยพันต้นไม้อื่นด้วยหนาม สามารถเลื้อยได้สูง 1.5-4 ม. แตกแขนงเป็นเถาห่าง ๆ ลำต้นสีเขียวหรือสีขาวแกมเหลือง เถามีขนาด เล็กเรียว กลม เรียบ ลื่น และเป็นมัน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2-5 มม. เถาอ่อนเป็นเหลี่ยม ตามข้อเถามีหนามแหลม หนามมีลักษณะ โค้งกลับ ยาว 1-4 มม. บริเวณข้อมีกิ่งแตกแขนงแบบรอบข้อ และกิ่งนี้จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวลักษณะแบนเป็นรูปขอบขนาน ปลายแหลม กว้าง 0.5-1 มม. และยาว 0.5-2.5 มม. ทำหน้าที่แทนใบ มีเหง้าและรากอยู่ใต้ดิน ออกเป็นกระจุกคล้ายกระสวย ใบ ใบเดี่ยว แข็ง ออกรอบข้อเป็นฝอยๆ เล็กคล้ายหางกระรอก หรือออกเรียงสลับเป็นกระจุก 3-4 ใบ ใบเป็นสีเขียวดก ลักษณะของใบ เป็นรูปเข็มขนาดเล็ก ปลายใบแหลม เป็นรูปเคียว โคนใบแหลม มีขนาดกว้าง 0.5-1 มม.และยาว 10-36 มม. ดอก ดอกช่อกระจะ มีดอกย่อย 12-17 ดอก ดอกยาว 2-4 ซม. ออกที่ปลายกิ่งหรือตามซอกใบและข้อเถา สีขาวและมีกลิ่นหอม กลีบรวม 6 กลีบ แยกเป็น 2 วง วงนอก 3 กลีบ และวงในอีก 3 กลีบ กลีบมีลักษณะเป็นรูปขอบขนาน ปลายกลีบมน ขอบเรียบ โคนกลีบเชื่อมติด กันเป็นหลอดรูปดอกเข็มยาว 2-3 มม. ส่วนปลายแยกเป็นแฉก เกสรผู้เชื่อม 6 อัน รังไข่เป็นรูปไข่กลับ อยู่เหนือวงกลีบ ยอดเกสรเพศเมีย แยกเป็น 2 แฉกขนาดเล็ก ผล ผลรูปทรงค่อนข้างกลม หรือเป็นพู 3 พู ผิวผลเรียบเป็นมัน มีขนาดเส้นผ่านศูนย์ 4-6 มม. ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะ เปลี่ยนเป็นสีแดงหรือสีม่วงแดง ภายในผลมีเมล็ด 2-6 เมล็ด เมล็ดเป็นสีดำ สรรพคณุ ราก มีรสเฝื่อนเย็น มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง ใช้เป็นยาชูกำลัง เป็นยาแก้กษัย ยากระตุ้นประสาท ยาแก้วิงเวียน ยาลดความดันโลหิต และลดไขมันในเลือด ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ใช้กินเป็นยาแก้พิษ ยาแก้ไอ ช่วยขับเสมหะ แก้การติดเชื้อที่หลอดลม ช่วยขับลม และช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับลำไส้ แก้อาการอาหารไม่ย่อย รักษาแผลในกระเพาะอาหาร โรคกระเพาะ ยาแก้อาการท้องเสีย แก้บิด เป็นยาแก้ขัดเบา ขับปัสสาวะ ช่วยหล่อลื่นและกระตุ้น ช่วยรักษาอาการประจำเดือน ผิดปกติของสตรี เป็นยาบำรุงตับและปอดให้เกิดกำลังเป็นปกติ แก้ตับและปอดพิการ แก้พิษจากแมลงป่องกัดต่อย ช่วยถอนพิษฝี พิษปวดแสบปวดร้อน ทั้งต้นหรือราก นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยารักษาโรคคอพอก เป็นยาแก้ตกเลือด ผล มีรสเย็น ใช้ปรุงเป็นยาแก้พิษไข้เซื่องซึม แก้พิษไข้กลับไข้ซ้ำ ใบ มีสรรพคุณเป็นยาระบาย ช่วยขับน้ำนม ช่วยทำให้เจริญอาหาร การกระจายพันธุ์ การกระจายพันธุ์ในประเทศไทย อินเดีย ศรีลังกา ชวา จีน มาเลเซีย และออสเตรเลีย 13 ผักชี ช ้ าง หมอยาพื้นบ้าน 13 ชื่อสามัญ Shatavari ชื่อท้องถิ่น สามร้อยราก (กาญจนบุรี), ผักหนาม (นครราชสีมา), ผักชีช้าง (หนองคาย), จ๋วงเครือ (ภาคเหนือ), เตอสีเบาะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), พอควายเมะ (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่), ชีช้าง, ผักชีช้าง, จั่นดิน, ม้าสามต๋อน, สามสิบ, ว่านรากสามสิบ, ว่านสามสิบ, ว่านสามร้อยราก, สามร้อยผัว, สาวร้อยผัว, ศตาวรี ชื่อวิทยาศาสตร์ Asparagus racemosus Willd. ชื่อวงศ์ ASPARAGACEAE ASPARAGACEAE 26 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี
ASPARAGACEAE กำ�ลังหนุมาน หมอยาพื้นบ้าน 2 , 26 , 27 ชื่อสามัญ Kamlang hanuman ชื่อท้องถิ่น กำลังราชสีห์, กำลังขุนหมาน (ใต้), สะลีกิโบโต๊ะ (นราธิวาส) กำลังควายถึก ชื่อวิทยาศาสตร์ Dracaena conferta Ridl. ชื่อวงศ์ ASPARAGACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พุ่ม สูง 2.5-3 ม. ใบ ใบเดี่ยวค่อนข้างแข็ง เรียงเวียนรูปใบหอกแคบ ปลายแหลม โคนสอบ เส้นแขนงใบมีจำนวนมาก ขนานตามยาวใบ ดอก ช่อแบบช่อแยกแขนง ตั้งตรง ออกตามปลายยอด ดอกหนาแน่นเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 ดอก สีชมพู ไม่มีก้านดอกหรือก้านดอกสั้น กลีบรวม 6 กลีบ โคนติดกัน พองออก เกสรเพศผู้ 6 อัน ติดอยู่ที่โคนหลอดดอก ผล ผลเดี่ยว กลม เมล็ดกลม สรรพคณุ เนื้อไม้,ราก รสขมชุ่ม แก้น้ำดีพิการ นอนสะดุ้งผวาหลับๆ ตื่นๆ ร้อนหน้า น้ำตาไหล บำรุงกำลังให้ทำกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นให้ เจริญแข็งแรง ทำหลอดเลือด และ เส้นเอ็น ให้เจริญแข็งแรง ทำให้กักเก็บปริมาณเลือดที่ไหลเข้าในองคชาติในขณะที่แข็งตัวได้นานขึ้น ส่งผลให้ช่วยชะลอในการหลั่งใช้ในการลดอุบัติการล่มปากอ่าว แก้น้ำดีพิการ นอนสะดุ้งผวา หลับๆ ตื่นๆ ร้อนหน้าน้ำตาไหล บำรุงกำลัง บำรุงกล้ามเนื้อ เป็นยาอายุวัฒนะ การกระจายพันธุ์ พบได้ทุกภาคในประเทศไทย 2 26,27 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 27
ผักคราดหัวแหวน หมอยาพื้นบ้าน 8 ชื่อสามัญ Para cress, Toothache plant, Brazil cress toothache plant, Pellitary, Spot flower ชื่อท้องถิ่น ผักคราด หญ้าตุ้มหู, ผักเผ็ด (ภาคเหนือ), ผักตุ้มหู (ภาคใต้), อึ้งฮวยเกี้ย ชื่อวิทยาศาสตร์ Acmella oeracea (L.) R.K. Jansen ชื่อวงศ์ ASTERACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ล้มลุก ล�ำต้น แผ่เลื้อยใบเดี่ยวออกตรงข้ามและตั้งฉากกับใบคู่ถัดไป ใบ รูปไข่ โคนใบป้าน ปลายใบเรียวมน ขอบใบจักฟันเลื่อย ใบหยาบมีขนแข็ง ดอก ออกเป็นช่อ กระจุกแน่นใบประดับรูปไข่ซ้อนกันเป็นวงรองรับช่อดอกย่อย ขอบใบมีขนแน่น ฐานช่อดอกโค้งนูน กลีบเลี้ยงสีเขียว โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอด ดอกย่อยมี 2 แบบ ดอกย่อยวงนอกมักเป็นดอกเพศเมียกลีบดอกสีเหลือง โคนกลีบเชื่อมติดกัน ปลายแผ่ ออกเป็น 2 หยัก ดอกย่อยวงในเป็นดอกสมบูรณ์เพศโคนกลีบ เชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 หยัก เกสรเพศผู้ 5 อัน ก้านชูเกสร เชื่อมติดกันเป็นหลอด เกสรเพศเมีย รังไข่อยู่ใต้วงกลีบ รังไข่รูปแบน ขอบข้างมีขนแน่น ยอดเกสรแยกเป็น 2 แฉก ผล มีขนาดเล็ก แบบแห้งไม่แตก ด้านข้างแบนเป็นสัน มีขนตามแนวสัน ภายในมี 1 เมล็ดสีดำ สรรพคณุ ดอก มีรสเผ็ด ชาลิ้น เป็นยาขับน้ำลาย แก้โรคในคอ แก้ปวดฟัน รำมะนาด แก้โรคลิ้นเป็นอัมพาต แก้ปวดศีรษะ แก้พิษตามทวาร แก้ริดสีดวง แก้ผอมเหลือง แก้เด็กตัวร้อน แก้ปวดหัว แก้โลหิตเป็นพิษ รักษาแผล แก้อัมพาต แก้พุพอง แก้ตกเลือด แก้มึน แก้ตาฟาง แก้ฝีดาษ ต่อมน้ำลายอักเสบ แก้ไข้แก้ปวดฟัน รสเผ็ดร้อน ช่วยเจริญอาหาร ช่วยขับลม ช่วยย่อยอาหารได้ ทั้งต้น มีรสเอียนเบื่อเล็กน้อย แก้พิษตานซาง แก้ริดสีดวง แก้ผอมเหลือง แก้เด็กตัวร้อน แก้บิด แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้หอบไอ แก้หลอดลมอักเสบเรื้อรัง แก้ปอดบวม แก้ไอกรน ไขข้ออักเสบ ตำพอกแก้พิษปวดบวม แก้งูและสุนัขกัด ทั้งต้น ต้มดื่ม แก้ปวดท้องหลังคลอด แก้ชอกช้ำภายในทรวงอก เจ็บปวดสีข้าง เป็นยาชาเฉพาะที่ น�้ำต้มราก รสเอียน เบื่อเล็กน้อย เป็นยาถ่าย ใช้เป็นยาอมบ้วนปาก แก้อาการอักเสบในช่องปาก แก้อาการอักเสบ และเจ็บคอ เป็นยาระบาย แก้คัน ราก ใช้เคี้ยวแก้ปวดฟัน ผล ปรุงเป็นยาแก้ร้อนใน เมล็ด เคี้ยวแก้ปากแห้ง เป็นยาขับน้ำลาย การกระจายพันธุ์ เขตร้อนและอเมริกา พบเป็นวัชพืชในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และปาปัวนิวกินี 8 ASTERACEAE 28 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี
ASTERACEAE สาบเสือ หมอยาพื้นบ้าน 23 ชื่อสามัญ Siam weed, Bitter bush, Christmas bush, Devil weed, Camfour grass, Common floss flower, Triffid ชื่อท้องถิ่น หญ้าเสือหมอบ หญ้าดงร้าง หญ้าดอกขาว บ้านร้าง หมาหลง (สุพรรณบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี), ฝรั่งเหาะ ฝรั่งรุกที่ (สุพรรณบุรี), ผัดคราด บ้านร้าง (ราชบุรี), หญ้าดงรั้ง หญ้าพระสิริไอสวรรค์ (สระบุรี), หญ้าดอกขาว (สุโขทัย ระนอง), หญ้าเลาฮ้าง (ขอนแก่น), สะพัง (เลย), มุ้งกระต่าย (อุดรธานี), หญ้าลืมเมือง (หนองคาย), มนทน (เพชรบูรณ์) ชื่อวิทยาศาสตร์ Chromolaena odorata (L.) R.M.King & H.Rob. ชื่อวงศ์ ASTERACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ล้มลุก ล�ำต้น สูง 1-2 ม. ใบ ใบเดี่ยวออกจากลำต้นที่ข้อแบบตรงกันข้าม ใบมีสีเขียวอ่อน ลักษณะของใบคล้ายรูปรีทรงรูปสามเหลี่ยม ปลายใบแหลม ฐานใบกว้าง ใบเรียวสอบเข้าหากัน มีขอบใบหยัก ที่ใบเห็นเส้นชัดเจน 3 เส้น ผิวใบทั้งสองด้านมีขนอ่อนปกคลุม ใบและก้านเมื่อนำมาขยี้จะมีกลิ่นแรง คล้ายกลิ่นสาบเสือ ดอก ดอกออกเป็นช่อ มีสีขาวหรือสีฟ้าอมม่วง มีดอกย่อยประมาณ 10-35 ดอก โดยดอกวงนอกจะบานก่อนดอกวงใน ที่กลีบดอกหลอม รวมกันเป็นหลอด ผลขนาดเล็ก สรรพคณุ ใบ ใช้ในการห้ามเลือด ด้วยการใช้ใบนำมาโขลกและขยี้ แล้วนำมาพอกบริเวณบาดแผล ก็จะช่วยห้ามเลือดได้เป็นอย่างดี ช่วยแก้ พิษน้ำเหลือง ช่วยถอนพิษแก้อักเสบ ช่วยรักษาแผลเปื่อย ช่วยป้องกันการเกิดรอยแผลเป็น ทั้งต้น ใช้เป็นยาแก้บาดทะยัก การกระจายพันธุ์ พบได้ทุกภาคในประเทศไทย 23 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 29
หญ้าดอกขาว หมอยาพื้นบ้าน 26 ชื่อสามัญ Little ironweed, Ash-coloured fleabane, Ash-coloured ironweed ชื่อท้องถิ่น หญ้าสามวัน (เชียงใหม่), เสือสามขา (ตราด), ถั่วแฮะดิน ฝรั่งโคก (เลย), ก้านธูป ต้นก้านธูป (จันทบุรี), หนาดหนา (ชัยภูมิ), หญ้าละออง หญ้าดอกขาว หญ้าหมอน้อย หมอน้อย (กรุงเทพฯ), เซียวซัวโห้ว เซียหั่งเช่า (จีนแต้จิ๋ว), เย่เซียงหนิว เซียวซานหู่ เซียวซัวเฮา ซางหางฉ่าว (จีนกลาง), ผ้ำสามวัน, ม่านพระอินทร์, ยาไม่ต้องย่าง ชื่อวิทยาศาสตร์ Cyanthillium cinereum (L.) H.Rob. ชื่อวงศ์ ASTERACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ล้มลุกขนาดเล็ก มีอายุ 1-5 ปี ล�ำต้น สูง 20-80 ซม. ตั้งตรง แตกกิ่งก้านน้อย กิ่งและก้านเรียว เป็นร่องและมีขนสีเทาขึ้นปกคลุม มีลายเส้นนูนขึ้นตามข้อ ใบ ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปไข่ รูปไข่กลับ หรือรูปใบหอก ปลายใบมนหรือแหลม โคนใบมนหรือแหลม ขอบใบหยักหรือจักเป็นฟันเลื่อย กว้าง 1.5-3 ซม. ยาว 3.5-6.5 ซม. หลังใบมีเส้นใบชัดเจน สีเขียวเข้ม มีขนทั้งสองด้าน ใบที่บริเวณโคนต้นมีขนาดใหญ่กว่าใบที่อยู่ ปลายยอด ดอก ดอกช่อกระจุกแน่น ออกบริเวณปลายยอด ช่อหนึ่งมีดอกย่อย 20 ดอก ดอกออกรวมกันเป็นช่อแยกแขนง รูปคล้ายช่อเชิงหลั่น กว้าง 5-15 ซม. ยาว 5-35 ซม. มีใบประดับลักษณะเป็นรูปคล้ายระฆัง 4 ชั้น ดอกย่อยมีขนาดเล็ก เป็นหลอดยาว 7 มม. กว้าง 3 มม. ดอกเป็น สีม่วงอ่อนอมสีแดงหรือสีชมพู เมื่อดอกบานเต็มที่สีดอกจะจางลง สรรพคณุ ต้น มีรสขมชุ่ม เป็นยาเย็น ออกฤทธิ์ต่อปอดและตับ มีสรรพคุณทำให้เลือดเย็น เป็นยาแก้พิษ ลดความดันโลหิตสูง ใช้เป็นยาลดไข้ แก้ตัว ร้อน แก้ไข้หวัดแดดตัวร้อน แก้ไอ แก้ไอหวัด แก้ไข้ทับระดู ไข้มาลาเรีย ใช้เป็นยาล้างปอดได้ดี นำมาตากแห้งบดเป็นผง ใช้เป็นยารักษา แผลสด แผลเรื้อรัง ผิวหนังพุพอง และใช้ห้ามเลือด เมล็ด แก้พิษ เป็นยาแก้ไอ ไอเรื้อรัง ช่วยขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะขัด เมล็ดมีรสเฝื่อน ใช้ตำพอกช่วยกำจัดเหา ใบ มีรสเย็น สรรพคุณเป็นยาแก้หืด แก้หลอดลมอักเสบ ใช้เป็นยาหยอดตาแก้ตาแดง ตาเปียก ตาแฉะ เป็นยาสมานแผล ใบ ต้น ช่วยแก้ อาการปวดศีรษะ ช่วยรักษาโรคเท้าช้าง การกระจายพันธุ์ ประเทศไทยพบได้ทุกภาค 26 ASTERACEAE 30 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี
กะเม็ง หมอยาพื้นบ้าน 1 , 8 , 15 ชื่อสามัญ False daisy, White head, Yerbadetajo herb ชื่อท้องถิ่น กะเม็ง, กะเม็งตัวผู้, กะเม็งตัวเมีย, ฮ่อมเกี่ยว, กะเม็งดอกเหลือง, อึ้งปั้วกีเชา ชื่อวิทยาศาสตร์ Eclipta prostrata (L.) L. ชื่อวงศ์ ASTERACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ล้มลุก ล�ำต้น ลำต้นเลื้อยและชูขึ้น สูงประมาณ 4-20 นิ้ว ใบ ใบเดี่ยวรูปหอกแกมขอบขนาน โคนสอบแคบ ปลายเรียวแหลม หลังใบและท้องใบมีขนขึ้นประปราย ขอบใบเป็นหยักตื้น ๆ ยาว ประมาณ 0.5-3 นิ้วและกว้าง 0.5-1 นิ้ว มีก้านใบสั้น ดอก ดอกช่อกระจุกกลม ออกที่ยอด เมื่อบานเต็มที่จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. ดอกย่อยมีขนาดเล็ก กลีบดอกวงนอก มีลักษณะเป็นรูปร่างน้า ปลายกลีบดอกเป็นหยัก 3 หยัก ยาวประมาณ 8-11 มม. กลีบดอกวงในลักษณะเป็นรูปท่อ ที่ปลายของกลีบดอก หยักเป็นแฉก 5 แฉก ยาวประมาณ 4 มม. ที่กลางดอกมีเกสรตัวผู้โผล่พ้นมาจากกลีบดอก และมีเกสรตัวเมียที่แยกออกเป็นแฉกโค้ง ผล รูปสอบแคบ ผิวขรุขระ มีรยางค์เป็นรูปถ้วย มีขนาดเล็กประมาณ 4-5 มม. สรรพคณุ ยานี้มีรสเปรี้ยว ชุ่ม เย็น ใช้ทำให้เลือดเย็น ห้ามเลือด บำรุงไต แก้อาเจียนเป็นเลือด กระอักเลือด เป็นหนองใน ปัสสาวะเป็นเลือด เป็นบิด ถ่ายเป็นเลือด ลำไส้อักเสบ ตับอักเสบเรื้อรัง โรคผิวหนังผื่นคันจากการทำนา โรคผิวหนังเรื้อรัง บาดแผลจากของมีคม และทำให้ คิ้วหนวดดกดำ การกระจายพันธุ์ พบทั่วไปในเขตร้อนและเขตศูนย์สูตร กระจายอย่างกว้างขวางทั่วประเทศอินเดีย จีน ไทยและบราซิล 1 8 15 ASTERACEAE บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 31
ASTERACEAE พิมพ์ไพลิน หมอยาพื้นบ้าน 1 ชื่อสามัญ Beitterleaf tree ชื่อท้องถิ่น ป่าช้าเหงา, ป่าช้าหมอง, พิมพ์ไพลิน (ภาคกลาง) ชื่อวิทยาศาสตร์ Gymnanthemum extensum (Wall. ex DC.) Steetz ชื่อวงศ์ ASTERACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น ไม้ยืนต้นสูง 6-8 ม. ใบออกสลับ มีรูปรี ปลายแหลม โคนป้านเกือบมน ใบ ใบอ่อนและใบแก่ มีรสขมจัด เมื่อเคี้ยวตอนแรก จะขมในปากมาก แต่พอสักพักจะรู้สึกหวานในปากและในลำคอ ดอก มีสีขาว ออกตามซอกใบ และปลายยอด มีตาสีขาวตรงข้อของลำต้น ผล มีรูปทรงกลม มีเมล็ด สรรพคณุ ราก ใช้แก้ลม แก้อาการคันตามผิวหนัง แก้พิษในกระดูก แก้โรคผิวหนัง รักษาน้ำเหลืองเสีย เปลือกไม้ แก้โรคตับพิการ แก้ปอดพิการ รักษาอาการลมเป็นพิษ รักษาโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน มีฤทธิ์เป็นยาถ่าย ยาระบาย ใช้รักษาเหงือกอักเสบ บำรุงสุขภาพฟันและเหงือกให้แข็งแรง แก้อาการคันตามผิวหนัง ถ่ายน้ำเหลือง แก้พิษในกระดูก ฆ่าพยาธิ แก้โรคเรื้อน คุดทะราด รวมทั้งรักษากามโรคได้ ใบ มีรสขม ช่วยบำรุงร่างกาย เพราะมีสรรพคุณปกป้องตับ (แต่ไม่แนะนำให้ผู้ป่วยโรคตับทาน) มีฤทธิ์ทำให้ตัวอ่อนไม่เกาะติดมดลูก การกระจายพันธุ์ พบได้ทุกภาคประเทศไทย 1 32 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี
จักรนารายณ์ หมอยาพื้นบ้าน 4 ชื่อสามัญ Purple passion vine, Purple velvel plant ชื่อท้องถิ่น แปะตำปึง, แป๊ะตำปึง (ไทลื้อ), แปะตังปึง, แป๊ะตังปึง, แปะตังปุง, ผักพันปี, กิมกอยมอเช่า, จินฉี่เหมาเยี่ย, ว่านกอบ ใบเบก (คนเมือง), ชั่วจ่อ (ม้ง), เชียตอเอี๊ยะ งู่ปุ่ยไฉ่ (จีน), ไป๋ตงเฟิง ไป๋เป้ยซันชิ (จีนกลาง) ชื่อวิทยาศาสตร์ Gynura divaricata (L.) DC. ชื่อวงศ์ ASTERACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ล้มลุก มีอายุได้หลายปี ต้น มีความสูงของต้น 30-50 ซม. ลำต้นและกิ่งก้านเป็นทรงกลม สีม่วงแดง ทั้งต้นมีขนขึ้นปกคลุม ใบเดี่ยวออกเรียงสลับ รูปไข่มน ปลายใบแหลม ส่วนขอบใบหยัก ยาว 9-15 ซม. กว้าง 8 ซม. แผ่นใบหนาและนุ่มคล้ายกำมะหยี่ หลังใบเป็นสีเขียว ส่วนท้องใบเป็นสีเขียว อ่อนหรือสีม่วงแดง มีก้านใบสั้น ดอก ช่อกระจุกกลมแบบดอกดาวเรือง ออกบริเวณปลายยอด ในช่อหนึ่งจะมีดอกย่อยหลายดอก กลีบดอกมีลักษณะเป็นเส้นฝอยกลม จำนวนมาก มีสีเหลืองสด ยาว 1-1.5 ซม. ดอกมีกลีบเลี้ยง 5 อัน กลีบดอก 5 อัน เชื่อมติดกัน เป็นหลอด ปลายแยกเป็น 2 ลิ้น เกสรเพศ ผู้จำนวน 5 อัน อยู่ในหลอดกลีบดอก ส่วนเกสรเพศเมียเป็นเส้นยืดออกมาภายนอกและมีผลติดอยู่ในดอก ผล ผลเดี่ยว แบบแห้ง ผลสุกเป็นสีน้ำตาล สรรพคณุ ราก ก้าน และใบ มีรสหวานชุ่ม เค็มและเผ็ดเล็กน้อย ใช้เป็นยาเย็นมีพิษเล็กน้อย ออกฤทธิ์ต่อปอด ตับ และม้าม มีสรรพคุณช่วยทำให้ เลือดเย็น ช่วยกระจายโลหิต แก้เส้นเลือดอุดตันและแก้อาการตกเลือด ใบ ช่วยฟอกโลหิต ทำให้ระบบโลหิตและน้ำเหลืองดีขึ้น ช่วยล้างพิษภายในออกทางอุจจาระ ปัสสาวะ และทางตา ใช้รักษาโรคเบาหวาน ช่วยแก้โรคความดันโลหิตสูง ช่วยทำให้ระบบหายใจดีขึ้น ไม่เหนื่อยไม่หอบ ช่วยแก้อาการร้อนในใบอ่อนและยอดอ่อน ในส่วนของใบ มีข้อมูลระบุว่าสมุนไพรจักรนารายณ์เป็นสมุนไพรครอบจักรวาล เพราะรักษาได้หลายโรคหลายอาการ โดยมีผู้รับรองว่าโรคที่ใช้สมุนไพร ชนิดนี้รักษาหายมาแล้ว ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง การกระจายพันธุ์ พบได้ทุกภาคในประเทศไทย 4 ASTERACEAE บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 33
สรรพคณุ ใบ ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยบำรุงประสาท สรรพคุณช่วยลดความดันโลหิต เป็นยาแก้กษัย ช่วยแก้ตานซางในเด็ก ช่วยรักษาเลือดลม ต้น มีรสหอมฝาดเมาเค็ม ช่วยแก้นิ่วในไต เป็นยารักษาโรคเบาหวาน รักษาโรค ช่วยรักษาริดสีดวงจมูกตานขโมย รักษาโรควัณโรคที่ ต่อมน้ำเหลือง ช่วยรักษาริดสีดวงจมูก แก้ปัสสาวะพิการได้ รักษาอาการขัดเบา รักษาโรคผิวหนัง ช่วยลดอาการบวมน้ำ ใบสดแก่ใช้เป็น สมานทั้งภายนอกและภายใน ช่วยรักษาประดง ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อ อาการปวดในโรคไขข้ออักเสบ ใบ ราก ช่วยรักษาไข้ ช่วยขับเหงื่อ ใช้เป็นยาฝาดสมาน ทำเป็นขี้ผึ้งสำหรับทารักษาแผลเรื้อรัง ผสมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ นำมาต้มกับ น้ำอาบจะช่วยรักษาอาการเส้นตึง ดอก มีรสหอมฝาดเมาเค็ม ช่วยแก้นิ่ว ในปัจจุบันการแพทย์แผนไทยได้มีการทดลองใบขลู่ (จำนวนตามต้องการหรือพอประมาณ) นำมาต้มให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเอดส์ในระยะเริ่ม แรกหรือเพิ่งตรวจพบกิน จะช่วยดูแลสุขภาพได้ในระดับหนึ่ง ขลู่ หมอยาพื้นบ้าน 1 , 8 , 15 ชื่อสามัญ Indian marsh fleabane ชื่อท้องถิ่น ขี้ป้าน (แม่ฮ่องสอน), หนาดวัว หนาดงัวหนวดงั่ว หนวดงิ้ว (อุดรธานี), ขลู่ (ภาคกลาง), เพี้ยฟาน (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), ขลู คลู (ภาคใต้), หลวนซี (จีนกลาง), หล่วงไซ (แต้จิ๋ว) ชื่อวิทยาศาสตร์ Pluchea indica (L.) Less. ชื่อวงศ์ ASTERACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พุ่มขนาดเล็ก ต้น ขึ้นเป็นกอๆ แตกกิ่งก้านสาขามาก ลำต้นความสูง 0.5-2 ม. ลำต้นกลม เปลือกต้นเรียบเป็นสีน้ำตาลแดงหรือเขียว ที่ลำต้นและกิ่งก้าน มีขนละเอียดขึ้นปกคลุม ใบ ใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน มีขนาดเล็กและมีกลิ่นฉุน ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลับหรือรูปรี ปลายใบแหลมหรือมีติ่งสั้นๆ มีขนาด ใหญ่กว่าโคนใบ โคนใบสอบ ส่วนขอบใบจักเป็นซี่ฟันและแหลม โดยรอบมีขนขาว ๆ ขึ้นปกคลุม ใบมีความกว้าง 1.5-5 ซม. และยาว 2.5-9 ซม. เนื้อใบมีลักษณะบางคล้ายกระดาษ ใบค่อนข้างแข็งและเปราะ หลังใบและท้องใบเรียบเป็นมัน ค่อนข้างเกลี้ยง และ ไม่มีก้านใบหรือมีก้านใบสั้นมาก ดอก เป็นช่อฝอยสีขาวนวลหรือสีม่วง ออกตามปลายยอดหรือตามง่ามใบ มีหลายช่อมารวมกัน กลีบดอกมี 2 วง กลีบดอกวงนอกจะสั้น กว่ากลีบดอกวงใน ปลายกลีบดอกหยักเป็นซี่ฟัน 5-6 หยัก เกสรตัวผู้มีอับเรณูเป็นรูปหัวลูกศรสั้น ๆ เกสรเพศเมียมีปลายแยกเป็นแฉก 2 แฉกสั้น ๆ ผลเป็นผลแห้งไม่แตก มีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอกขนาดเล็ก ยาวประมาณ 0.7 มม. ผล มีสันหรือเหลี่ยม 10 สัน มีรยางค์ไม่มาก สีขาว ยาวประมาณ 4 มม. แผ่กว้าง ส่วนเมล็ดขลู่จะมีลักษณะเป็นฝอยเล็กๆ เมื่อแก่จะปลิว ไปตามลม การกระจายพันธุ์ พบได้ทุกภาคในประเทศไทย 1 8 15 ASTERACEAE 34 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี
คำ�ไทย หมอยาพื้นบ้าน 13 ชื่อสามัญ Annatto tree ชื่อท้องถิ่น คำแสด คำแฝด คำไทย แสด คำเงาะ คำแงะ คำใต้ คำยง ซาตี จำปู้ ส้มปู้ ชาด ชิติหมัก มะกายหยุม หมากมอง ชื่อวิทยาศาสตร์ Bixa orellana L. ชื่อวงศ์ BIXACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ล�ำต้น สูง 3-5 ม. มีเรือนยอดเป็นพุ่มทรงกลม ลำต้นแตกกิ่งค่อนข้างโปร่ง ใบ ใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนสลับตามกิ่ง รูปไข่ ยาว 8-20 ซม. โคนใบกว้าง และมน ฐานรูปหัวใจ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่น เล็กน้อย ก้านใบยาว 4-10 ซม. ดอก ดอกช่อ ออกบริเวณปลายกิ่ง มีก้านช่อดอกยาว 8-10 ซม. แต่ละช่อมีดอก 5-10 ดอก สมบูรณ์เพศ กลีบเลี้ยง 5 กลีบ สีเขียว ขนาดเล็ก กลีบดอก 5 กลีบ แยกกัน สีขาวอมชมพู ตรงกลางมีเกสรตัวผู้จำนวนมาก มีก้านเกสรสีชมพู เกสรตัวเมีย 1 อัน มีสีเหลือง ยาว 1.5 ซม. ผล ผลเดี่ยว เป็นรูปหัวใจหรือกระเปาะสามเหลี่ยม ปลายผลแหลม เปลือกผลเป็นร่องตามแนวยาว เปลือกผลมีสีแดง และมีขนยาวสีแดง คล้ายผลเงาะปกคลุมแน่น เมื่อผลแก่ ผลจะปริแตกออกเป็น 2 ซีก ภายในผลมีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก มีเยื่อหุ้มเมล็ดสีแดง สรรพคณุ ดอก ใช้ปรุงเป็นยาหรือใช้ต้มกินเป็นยาบำรุงโลหิตให้สมบูรณ์ เป็นยารักษาโรคโลหิตจาง ช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยบำรุงประสาท บำรุงสมอง ช่วยระงับความร้อนภายในร่างกาย ราก เป็นยาบำรุงเลือดลม เป็นยาบำรุง เปลือกต้น หากความดันโลหิตสูง ให้ใช้เปลือกต้นประมาณ 1 ฝ่ามือต่อน้ำ 1 ลิตร นำมาต้มเป็นยาดื่มวันละ 3 เวลา จะช่วยลด ความดันโลหิตได้ ช่วยแก้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ใบ นำมาชงกับนำ้กินเป็นยาแก้กษัย ใช้เป็นยาลดไข้ ช่วยรักษาริดสีดวงที่จมูก ช่วยรักษาอาการเจ็บคอ รักษาโรคดีซ่าน เป็นยาขับปัสสาวะ รักษาการถูกงูกัด ช่วยบำรุงสมรรถภาพทางเพศได้ เมล็ด มีรสร้อน หมอพื้นบ้านจะใช้เมล็ดทำเป็นยารักษาอาการไข้ แก้ไข้ ช่วยรักษาไข้มาลาเรีย ช่วยแก้ไข้ทับระดู ช่วยขับเสมหะ มีสรรพคุณ เป็นยาแก้ลม ช่วยรักษาโรคหนองใน ใช้เป็นยาหอมและเป็นยาฝาด ใช้เป็นยารักษาโรคพิษจากสบู่แดงและมันสำปะหลัง เปลือกราก ช่วยป้องกันไข้มาลาเรีย ต้น ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร การกระจายพันธุ์ พบได้ทุกภาคในประเทศไทย BIXACEAE 13 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 35
ไก่ก้อม หมอยาพื้นบ้าน 1 , 5 , 24 ชื่อสามัญ Koidum ชื่อท้องถิ่น ก่ายคอม ไก้ก้อม (ลำปาง), ค่อม ค้อม (ปราจีนบุรี), ตังมี้ สะดาโคก (นครราชสีมา), ต่ายควาย น้ำลายควาย (สงขลา ปัตตานี), หมัน (ประจวบคีรีขันธ์) ชื่อวิทยาศาสตร์Ehretia laevis Roxb. ชื่อวงศ์ BORAGINACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก ล�ำต้น สูงถึง 1-5 ม. เปลือกสีเทาอมเขียว ใบ ใบเดี่ยว เรียงสลับ แผ่นใบรูปรีหรือรูปไข่กลับ ปลายแหลมและมีติ่งแหลมสั้น โคนสอบแคบ ขอบใบหยักแบบซี่เลื่อย และพริ้วเป็นลูก คลื่น กว้าง 8-10 ซม. ยาว 15-20 ซม. ผิวใบทั้งด้านบนและด้านล่างหนามากและสากเหมือนกระดาษทราย ดอก ดอกเป็นช่อสีขาวเหลืองอ่อน ออกตามปลายกิ่ง ดอกเดี่ยวแต่รวมกันเป็นกระจุก ผล ผลสดกลม เมล็ด เมล็ดมีขนาดโตเท่าเมล็ดพริกไทย มีเนื้อเยื่อหุ้ม ผลแก่จัดจะมีสีเหลือง สรรพคณุ ต้น ไก่ก้อม เป็นสมุนไพรที่มีการใช้สำหรับผู้ป่วยโรคไตเพื่อใช้รักษาอาการไตวาย ช่วยบำรุงไต ล้างไต แก้ปวดหลังปวดเอว ช่วยขับปัสสาวะ ล้างพิษและรักษามะเร็ง การกระจายพันธุ์ พืชเขตร้อนถึงอบอุ่นโลกเก่า พบได้ทั่วทุกภาคในประเทศไทย 1,5 24 36 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี BORAGINACEAE
สับปะรด หมอยาพื้นบ้าน 1 , 13 , 23 ชื่อสามัญ Pineapple ชื่อท้องถิ่น สับปะรด มะนัด มะขะนัด บ่อนัด (ภาคเหนือ), บักนัด (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), ย่านัด ขนุนทอง (ภาคใต้) ชื่อวิทยาศาสตร์ Ananas comosus (L.) Merr. ชื่อวงศ์ BROMELIACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ล้มลุก ล�ำต้น อยู่ใต้ดิน เป็นเหง้ายาวสีนํ้าตาลแข็ง ใบ ใบเดี่ยว ยาว แข็ง กรอบ รูปร่างเรียวแหลมเป็นรูปหอก เรียงสลับซ้อนกันถี่มากรอบต้น ใบกว้าง 5-6 ซม. ยาว 80-100 ซม. ธรรมดา ใบสีเขียวมีนวลสีขาวเคลือบ แต่ถ้าเป็นสับปะรดพันธุ์ที่ปลูกเป็นไม้ประดับใบจะมีสีสันสวยงามมาก เช่น ชมพู ชมพูมีทางขาว หรือปลายใบแดง ขอบใบสับปะรดพันธุ์ที่ให้ผลจะเป็นฟันเลื่อย แต่บางพันธุ์ขอบใบเรียบ ใบเรียงซ้อนกันหนา ตรงกลางจะเป็นช่อง ดอก ดอกช่อ มี ดอกย่อยขนาดเล็กรวมกัน กลีบดอกเป็นสีม่วง ผล ผลรวมอัดกันแน่นอยู่บนแกนกลาง และต่อเลยเป็นก้านของผลซึ่งกลมและใหญ่ เนื้อของผลรวมเมื่อสุกมีรสหวาน หรือหวานอมเปรี้ยว มีนํ้ามาก ผลส่วนมากมักมีสีเขียวเมื่อยังไม่สุก หรือสีนํ้าตาลแดง เมื่อสุกสีจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมเขียว บางพันธุ์เหลืองอมส้ม ใช้เป็นอาหารหวานคาว สรรพคณุ ผล มีสรรพคุณในการขับเหงื่อ ห้ามเลือด แก้ทางปัสสาวะ ขับพยาธิ ฆ่าพยาธิ แก้โลหิตระดู บำรุงโลหิต แก้นิ่ว แก้ระดูขาว เป็นยาระบาย แก้หนองใน ช่วยย่อยอาหาร แก้ปัสสาวะพิการ (ปัสสาวะขัด) ขับปัสสาวะ กัดเสมหะในลำคอ แก้เสมหะเหนียว ขับเสมหะ แก้ไอ ระงับการอักเสบและบวม ทำให้แผลหายเร็ว การกระจายพันธุ์ สับปะรด มีต้นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกาใต้ แหล่งปลูกที่สำคัญ ๆ มักจะอยู่ใกล้ ๆ ทะเล เช่น ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ชลบุรี หรืออุตรดิตถ์ ลำปาง พิษณุโลก เป็นต้น สำหรับพันธุ์ที่นิยมปลูกในบ้านเราก็มีหลายสายพันธุ์ เช่น พันธุ์ปัตตาเวีย (สับปะรดศรีราชา), พันธุ์อินทรชิต (หรือพันธุ์พื้นเมือง), พันธุ์ภูเก็ต, พันธุ์นางแล เป็นต้น BROMELIACEAE 1 23 13 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 37
กัญชา หมอยาพื้นบ้าน 1 , 15 ชื่อสามัญ Marijuana ชื่อท้องถิ่น กัญชา กัญชาจีน (ทั่วไป), ปาง (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน), ยานอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), คุนเช้า คุณเช้า (จีน), ต้าหมา (จีนกลาง) ชื่อวิทยาศาสตร์ Cannabis sativa L. ชื่อวงศ์ CANNABACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ล้มลุก ฤดูเดียว มีความสูง 1-3 ม. ล�ำต้น ลำต้นมีขนาดเล็ก ตั้งตรง เป็นเหลี่ยม ไม่ค่อยแตกสาขา มีขนสีเขียวอมเทา ใบ ใบเดี่ยว แยกเป็นแฉกรูปฝ่ามือ 5-8 แฉก แต่ละแฉกเป็นรูปยาวรี ปลายและโคนสอบ ส่วนขอบใบทุกแฉกเป็นหยักแบบฟันเลื่อย มีขนาดกว้างประมาณ 0.3-1.5 ซม. และยาวประมาณ 6-10 ซม. ออกเรียงตรงข้าม ผิวใบด้านบนเป็นสีเขียวเข้ม ส่วนด้านล่างท้องใบ มีสีเทาอ่อนเล็กน้อย มีขนต่อมกระจายทั่วผิวใบด้านบน ส่วนด้านล่างมีขนอ่อนนาบไปกับแผ่นใบ ก้านใบยาวประมาณ 4-15 ซม. ในก้าน หนึ่งจะมีใบเดี่ยว 3-11 ใบ มีกลิ่นเหม็นเขียว ดอก ดอกช่อออกที่ง่ามใบหรือปลายกิ่ง สีเหลืองหรือสีเขียว เป็นแบบแยกเพศ มีทั้งดอกช่อเพศผู้และดอกช่อเพศเมีย ดอกเพศผู้และ ดอกเพศเมียจะแยกกันอยู่คนละต้น โดยช่อดอกและใบของต้นเพศผู้จะจัดเรียงตัวกันแบบห่าง ๆ ซึ่งต่างจากต้นเพศเมียที่จะเรียงชิดกัน ดอกเล็ก และดอกเพศเมียจะมีกลีบเลี้ยงหุ้มอยู่ ผล ผลแห้งขนาดเล็ก เมล็ดล่อน ไม่แตก ลักษณะเป็นรูปไข่กว้าง ผิวผลเรียบเป็นมัน สีน้ำตาลแกมเทาหรือสีเทาเข้ม มีใบประดับหุ้ม เมล็ด ในผลจะมีเมล็ดขนาดเล็ก เมล็ดมีลักษณะกลม สรรพคณุ เมล็ด กินเป็นยาชูกำลัง ช่วยเจริญอาหาร ยอดอ่อน เมื่อนำมาสกัดด้วยแอลกอฮอล์ มีสรรพคุณเป็นยาช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท เป็นยาสงบเส้นประสาท ทำให้ นอนหลับ เคลิ้มฝัน แก้โรคสมองพิการ เป็นยาระงับปวด และเป็นยาแก้อักเสบ แก้โรคบิด แก้ปวดท้อง และโรคท้องร่วง ดอก ใช้เป็นยาแก้โรคเส้นประสาท เช่น นอนไม่หลับ คิดมาก หรือใช้กับผู้ป่วยที่เบื่ออาหาร โดยนำมาปรุงเป็นอาหารให้กิน ใบ ใช้เป็นยาแก้ไข้ผอมเหลือง ไม่มีกำลัง ตัวสั่น เสียงสั่น ใช้เป็นยารักษาโรคหอบหืด ช่วยขยายหลอดลมและลดการหดตัวของหลอดลม ด้วยการนำใบสดมาหั่นให้เป็นฝอย แล้วเอาไปตากแห้ง จากนั้นจึงนำมาสูบเป็นยารักษาโรค ต้น ช่วยแก้ประจำเดือนไม่ปกติของสตรี ยาแก้โรคผิวหนังกลากเกลื้อน ใช้เป็นยาแก้กล้ามเนื้อกระตุก ช่วยลดอาการเจ็บปวดจากโรคไข ข้ออักเสบ การกระจายพันธุ์ พืชชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชีย มีเขตการกระจายพันธุ์ในอัฟกานิสถาน ทวีปแอฟริกาเขตร้อน ทวีปยุโรป ทวีปอเมริกาเหนือและใต้ และฮาวาย พบปลูกมากในยุโรป ประเทศบราซิล อเมริกันแถบตะวันออก และปลูกมากตามแนวเขาทางภาคเหนือของประเทศไทยปลูก ได้ในดินทั่วไป เหมาะจะปลูกเป็นทั้งไม้ประดับและสมุนไพร 1 15 38 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี CANNABACEAE
พุทธรักษา หมอยาพื้นบ้าน 15 ชื่อสามัญ Indian shot, India short plant, India shoot, Butsarana, Cannas, Canna lily ชื่อท้องถิ่น บัวละวงศ์ (ลำปาง), บัวละวง (ลพบุรี), พุทธศร (พายัพ), พุทธสร (ภาคเหนือ), สาคูหัวข่า สาคูมอญ (ภาคกลาง), ปล้ะย่ะ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน), กวงอิมเกีย เซียวปาเจีย มุยหยิ่งเจีย (จีน), เหม่ยเหยินเจียว เสี่ยวปาเจียว (จีนกลาง) ชื่อวิทยาศาสตร์ Canna indica L. ชื่อวงศ์ CANNACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ล้มลุกเนื้ออ่อน มีอายุหลายปี ล�ำต้น มีเหง้าใต้ดิน ลำต้นเหนือดินขึ้นรวมกันเป็นกอ ไม่แตกกิ่งก้านสาขา มีข้อแต่ค่อนข้างห่างกัน สูง 1-1.5 ม. ลำต้นมีความเหนียว และอุ้มน้ำ ใบ ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปรี ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ สีเขียว ใบมีขนาดกว้าง 15-25 ซม. และยาว 35-60 ซม. แผ่น ใบสีเขียวเข้ม เส้นใบคล้ายขนนก กลางใบเป็นเส้นนูนเห็นได้ชัด มีก้านใบยาวเป็นกาบใบหุ้มลำต้นซ้อนสลับกัน ดอก ดอกมีหลายสีด้วยกัน เช่น สีแดง สีแดงอมเหลือง สีส้ม สีเหลือง สีชมพู สีขาว สามารถออกดอกได้ตลอดปี โดยจะออกดอกเป็นช่อ บริเวณปลายยอดของลำต้น ก้านช่อดอกยาว ช่อหนึ่งมีความยาว 20-25 ซม. ช่อดอกมีดอกย่อย 8-10 ดอก เมื่อดอกบานจะแตกออก เป็นกลีบ 3 กลีบ ปลายกลีบแหลม ดอกบานเต็มที่จะมีขนาดกว้าง 8-9 ซม. มีกลีบเลี้ยง 3 กลีบ สีเขียวอ่อนและมีขนาดเล็ก ยาว 1.2 ซม. หุ้มอยู่บริเวณโคนดอก รูปไข่กลมรี ดอกมีผงเทียนไขปกคลุม มีเกสรเพศผู้เป็นหมันมีลักษณะคล้ายกลีบดอกเป็นสีเหลือง หรือส้ม ผล ผลแห้ง ลักษณะเป็นรูปทรงกลม 3 พู ผิวขรุขระ เปลือกนอกเป็นสีเขียวและมีขนหรือหนามอ่อนๆ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 2.5 ซม. ภายในผลมีเมล็ดสีขาวหลายเมล็ด พอแก่เป็นสีน้ำตาล สรรพคณุ เหง้า ตำรายาพื้นบ้านล้านนาจะใช้เหง้าสดซึ่งมีรสขมมาก ขนาดยาวประมาณ 0.5 ซม. กินเป็นยาแก้อาการปวดมวนท้อง ส่วนที่ไม่ระบุ ใช้เป็นยาแก้เสมหะ การกระจายพันธุ์ พบได้ทั่วทุกภาคในประเทศไทย 15 CANNACEAE บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี 39
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พุ่มกึ่งเลื้อย ล�ำต้น กิ่งก้านอ่อนเป็นสีเขียว กิ่งคดไปมา ผิวเรียบเกลี้ยง มีหนามยาว 2-4 มม. ตรงหรือโค้งเล็กน้อย ใบ ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปไข่ หรือรูปรี ปลายมน ขอบเรียบและเป็นคลื่นเล็กน้อย กว้าง 3-15 ซม. ยาว 9.5-24 ซม. แผ่นใบค่อนข้าง หนา มัน และเกลี้ยง ดอก ดอกเดี่ยว ออกเรียงเป็นแถว 1-7 ดอก ออกเรียงอยู่เหนือง่ามใบ กลีบเลี้ยง 4 กลีบ ลักษณะเว้าเป็นรูปเรือแกมรูปไข่ ขอบมักมีขน กลีบดอก 4 กลีบรูปขอบขนาน หรือรูปหอก สีขาวหลุดร่วงง่าย มีต่อมน้ำหวานสีเหลือง แดงเข้ม น้ำตาล หรือม่วงเข้ม ที่โคนก้านดอก เกสรผู้มี 20-35 อัน ก้านยาว รังไข่รูปไข่ เกลี้ยง ผล ผลสดกลม หรือรี มี 4 ร่องตามยาว กว้าง 3-6.5 ซม. สีเหลืองหรือแดง หรือดำ ภายในมีเมล็ดลักษณะเป็นรูปไต สีแดงหรือดำเป็นมัน อัดแก่นอยู่เป็นจำนวนมาก สรรพคณุ ล�ำต้น มีรสขื่นปร่า ใช้เป็นยาแก้ไข้ ใบ นำมาต้มดื่มเป็นยาแก้ไข้สันนิบาต (คือไข้ที่มีอาการวิงเวียน ตาลาย เลือดกำเดาไหล แน่นหน้าอก เกิดขึ้นร่วมกัน) ไข้พิษฝีกาฬ (ฝีกาฬคือฝีที่เกิดบริเวณนิ้วมือ สีดำ ทำให้มีอาการปวดศีรษะและแสบร้อนมาก อาจทำให้แน่นิ่งไปได้) ใช้เข้ายาอาบ รักษาโรคประดง (อาการของโรคผิวหนังที่มีผื่นคัน เป็นเม็ดขึ้นคล้ายผด มีอาการคันมาก และมักมีไข้ร่วมด้วย) รากและใบ ช่วยกระทุ้งพิษไข้หัว (อาการไข้ร่วมกับผื่นหรือตุ่ม เช่น เหือด หัด อีสุกอีใส) ใช้เป็นยาแก้หืด ราก ช่วยแก้ไข้ร้อนภายในทุกชนิด แก้ไข้เพื่อดีและโลหิต และใช้เป็นยาระงับความร้อน เป็นยาแก้ไออันเนื่องมาจากหลอดลมอักเสบ ช่วยรักษาโรคกระเพาะ รากใช้เป็นยาขับปัสสาวะ และช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่ ใช้เป็นยาหยอดตา แก้โรคและรักษาดวงตา เนื้อไม้ ใช้เป็นยารักษาโรคหลอดลมอักเสบและอาการอักเสบที่เยื่อจมูก ผล ใช้รักษาโรคที่เกิดในลำคอ แก้อาการเจ็บคอ คออักเสบ การกระจายพันธุ์ พบได้ทุกภาคในประเทศไทย 2 30 ชิงช ี ่ หมอยาพื้นบ้าน 2 , 30 ชื่อสามัญ Chingchi ชื่อท้องถิ่น หนวดแมวแดง (เชียงใหม่), แส้ม้าทลาย (เชียงราย), ซิซอ (ปราจีนบุรี), คายซู (อุบลราชธานี), น้ำนอง (สุโขทัย), ชายชู้ หมากหมก (ชัยภูมิ), พุงแก (ชัยนาท), ค้อนกลอง (เพชรบูรณ์), ค้อนฆ้อง (สระบุรี), กระดาดป่ากระดาษป่า (ชลบุรี), ราม (สงขลา), พวงมาระดอ เม็งซอ (ปัตตานี), กระดาดขาว กระดาษขาว กระโรกใหญ่ จิงโจ้ พญาจอมปลวก แสมซอ (ภาคกลาง), กิรขี้ กินขี้ ชิงชี ชิงวี่ ชินซี่ ซาสู่ต้น แซ่สู่ต้น แซ่ม้าลาย แส้ม้าทะลาย น้ำนองหวะ ปู่เจ้าสมิงกุย ชื่อวิทยาศาสตร์ Capparis micracantha DC. ชื่อวงศ์ CAPPARIDACEAE CAPPARIDACEAE 40 บัญชรายการทรัพยากรช ี วภาพสมุนไพรจังหวัดนครศร ีธรรมราชี