The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เรื่องเล่าจากปลายด้ามขวาน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

เรื่องเล่าจากปลายด้ามขวาน

เรื่องเล่าจากปลายด้ามขวาน

Keywords: ปลายด้ามขวาน,เรื่องเล่าจากปลายด้ามขวาน,ภาคใต้

“เรื่องเลา จากปลายดา มขวาน”

Thai Tales from the Deep South

ประธำนโครงกำร/ผแู้ ปล

นางสาวฟาตเี ม๊าะห์ เจ๊ะอาแซ I Miss Fatimah Jehasae

คณะกรรมกำร/ผูแ้ ปล สไุ ลมาน I Asst. Prof. Dr. Suraiya Sulaiman
ผศ. ดร.สุรยั ยา บญุ สขุ I Asst. Prof. Dr. Yusop Boonsuk
ผศ. ดร.ยุโสบ กาเจร์ I Mrs. Wilaiwan Ka-J
นางวไิ ลวรรณ

คณะกรรมกำร
นางสาวอามเี นา๊ ะ ดอเลาะ
นางสาวมนสั ชนก ธรรมรตั น์
นางสาวอัยพิจยา ศวัสรก์ ลุ กร

คณะกรรมกำรคัดสรร
ผศ.อภิชาติ จันทรแ์ ดง
นางสาวแสงทวิ า นราพชิ ญ์
นางสาววนดิ า เต๊ะหลง
นางสาวโรฮานา หะยยี โู ซะ

บรรณำธกิ ำรฉบับแปล ชทั ท์
นางมนธกานต์ Shutt
Mr. Ian Paul Ambele
Dr. Agrie Eric

ออกแบบรูปเลม่ /วำดภำพประกอบ
นางสาวอัสมะห์ โวะ

dmiหOsteำ้rCicbมAhuนaCtำ�enสdiCc่วoaนinplใmดyarสniegyว่thhนftooหd©rนms่ึง2fขoo0อr2rง1bcห.yoนAAmaงัlnnmสryieอืgexมmhrcctำeesiดaaprัดlentpiแssoeu,ปnrriลvnpieงcso dlsguทe.div�ำsNi,eซnowng�ำ้ หpiftpohaรhoอืrrtoจuetotัดdoftuพchtcoมิheapiพsptyiก์porini่อuongนbar,ไlwlircดuera้รiscteบัttoie.oอrndnนicญุnmogำan,ตysoeเปrbn็นoettลohreำfeยptrhลreoeกั ldeษpucณuctrbe์อoldักinshiษcoeรror.r

คำ� นำ� หนงั สือ “เรื่องเล่าจากปลายด้ามขวาน” (Thai Tales from
the Deep South) เปน็ ผลงำนแปลทเี่ กดิ จำกกำรคัดสรรงำนเขยี นท่ี
ไดร้ ับรำงวลั จำกกำรจดั โครงกำรเร่ืองเล่ำชำยแดนใต ้ ของส�ำนักงำน
ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งได้จัดประกวด
ผลงำนเขยี นเชิงสรำ้ งสรรค์ภำยใต้หัวข้อ “เร่ืองดๆี ทบี่ ำ้ นเรำ” และ
“เรอื่ งเลำ่ จำกบำ้ นเรำ” ตอ่ เนอ่ื งกนั มำเปน็ เวลำ ๖ ป ี ทผ่ี ำ่ นมำผลงำน
เหลำ่ นไ้ี ดร้ บั กำรรวบรวมเปน็ หนงั สอื และใชเ้ พอื่ ประกอบกำรเรยี นกำร
สอนภำษำไทย และได้สง่ เสริมใหเ้ กิดกำรใชภ้ ำษำไทยทีถ่ กู ต้องและ
เหมำะสม ซงึ่ จะมสี ว่ นสำ� คญั ในกำรแกไ้ ขปญั หำควำมขดั แยง้ อนั เนอ่ื ง
มำจำกกำรขำดควำมเข้ำใจระหว่ำงกลุ่มคนต่ำงชำติพันธุ์ในจังหวัด
ชำยแดนภำคใต้ไดเ้ ป็นอยำ่ งดี
สืบเน่ืองจำกกำรประกวดงำนเขียนเชิงสร้ำงสรรค์ดังท่ี
กล่ำวมำ ทำงส�ำนักงำนศิลปวัฒนธรรมเล็งเห็นว่ำผลงำนท่ีผ่ำน
กำรคัดเลือกล้วนมีเน้ือหำที่สำมำรถน�ำเสนอเสน่ห์ทำงวัฒนธรรมที่
หลำกหลำยในจังหวัดชำยแดนใต้ไดเ้ ปน็ อย่ำงดี จึงเห็นสมควรใหม้ ี
กำรแปลและเผยแพรผ่ ลงำนดงั กลำ่ วเปน็ ภำษำองั กฤษ เพอ่ื กำรสอ่ื สำร
ถึงสภำพควำมเป็นอยู่ตลอดจนวิถีพหุวัฒนธรรมของคนในจังหวัด
ชำยแดนใต้ และเปิดมุมมองที่หลำกหลำยเกี่ยวกับจังหวัดชำยแดน
ภำคใตข้ องไทยให้กับผูค้ นตำ่ งเช้ือชำติต่ำงวฒั นธรรมดว้ ย
ดังนั้นในปี ๒๕๖๓ ทำงส�ำนักงำนศิลปวัฒนธรรมจึงได้
รว่ มกบั คณำจำรยห์ ลกั สตู รศลิ ปศำสตรบณั ฑติ สำขำวชิ ำภำษำองั กฤษ
คณะมนุษยศำสตร์และสังคมศำสตร์ มหำวิทยำลัยสงขลำนครินทร์
วิทยำเขตปัตตำนี จัดกิจกรรม “กำรแปลเร่ืองเล่ำชำยแดนใต้:
จำกภำษำไทยสู่ภำษำองั กฤษ” ภำยใตโ้ ครงกำรเลำ่ เร่อื งชำยแดนใต้
ปี 2563 โดยได้จัดท�ำผลงำนแปลดงั กลำ่ วในรูปแบบ E-book หรอื
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ชื่อว่ำ “เร่ืองเล่ำจำกปลำยด้ำมขวำน”
(Thai Tales from the Deep South) ทก่ี �ำลงั อยู่ในมือของทำ่ นผู้อ่ำน
ในขณะน้ี ผู้จัดท�ำหวังเป็นอย่ำงยิ่งว่ำหนังสือเล่มน้ีจะได้ท�ำหน้ำท ี่
ตำมวตั ถุประสงคท์ ่ีตัง้ ไวไ้ ดอ้ ยำ่ งเต็มท่ตี ่อไป

คณะผูร้ บั ผิดชอบโครงกำรฯ

สำรบัญ โตนดด้วน 7
25
นพดล พลกลู 31
39
เด็กกำ� พร้ำท่ปี กั ษ์ใต้
47
อาฟฟี ะห์ อาแว
57
ห่อหมก พอเพยี งตำมรอยพอ่ 63
71
วชิ ยตุ ม์ สกุลวศิ ัลย์ 79
95
สำยสัมพันธ์ที่ขำดชว่ ง 101

อนสุ รณ์ ศรคี า� ขวญั
อฎี ล้ิ ฟติ ริ :
วนั ทีค่ วำมรกั ผลิบำน ณ บำ้ นแหง่ เรำ
ฮดี ายะห์ เบ็ญโกบ

ครพู ลดั ถิน่

พาซยี ะ อาแซ

เร่อื งเล่ำจำกพน้ื ทีส่ ีแดง

ศิรปิ ระภา ชา� นาญธุระกิจ

หนูรกั “ตำดีกำ”

นรู อิลฮมั ดามหู ิ

บำ้ นที่ไมเ่ คยสรำ้ งเสร็จ

สรุ ัชดา จฑุ านันท์

บรรทกุ บุญ

สกล ผดงุ วงศ์

ต๊กุ ตำ

จรรยา สวุ รรณ์

TTNrhaoepnsplPaaatdelomdl PbyhyraoAlksPusatl.lPmrosf.wDirt.hSuDraeiyaadSuClariomwann Shafts 117 Table of Contents
143
ATArafnifnasOhlartApewdhaabeny from the Deep South 151
159
Fatimah Jeharsae 171
181
HWTraoitnrcshMlaatoyeukdt:hbSySuafFkfaiuctliwmieisanahcl yJeFhoalrsoaweing the King’s Path 187
ATTrhaneunssolRaretnecSdroikbnhynaFmeacktihtmweadahnTJieehsarsae 195
205
HTErieadendsalaalt-yeaFdihtrbB:yeTnhFkaeotibmDaahyJLeohavresaBelooms in Our Homeland 223
229
PTAraasNnesoelayntae-hdLoAbcsyaaWel iTlaeiwaacnheKar-J

SATriaripTnarsalalpetaefdrCobhmyamAtsnhsate.nPtRuroerafd.kDitLr.aYnudsop Boonsuk

MNTrauyrnilshBlaaetmelodDvbaeymdFuaThatiimdaikhaJeharsae

TTSruhareanstlcUahtneafddinabisyJhuAetasdsnt.aHPnorouf.seDsr. Yusop Boonsuk

TTSrahakenosllVaPteaehdduicbnlygewWooilnfagiMwaenritKa-J

TTJrahanenysalDatoeSlduwbaynWilaiwan Ka-J



โตนดด้วน

นพดล พลกูล



Thai Tales from the Deep South

โตนดด้วน

นพดล พลกลู

อดตี กาล : คนื วนั อันงามงด 9

แว่วเสียงตะโพนดังกึกก้องสะท้อนแผ่นน�้ำอยู่
ตงึ ๆ ราวเปน็ จงั หวะใหห้ นมุ่ แคลว้ จำ้� พายลงในนำ�้ อยา่ ง
รีบเร่ง คลองระโนดท้ังสองฝั่งมีดงจากทึบหนาขึ้นเป็น
แนวตลอดสาย ไม่มีไม้ใหญ่แผ่ก่ิงก้านออกมาพอให้
อาศัยหลบร่มเงา แต่ล�ำพังกระไอแดดก่อนเพลที่สาด
เปรีย้ งลงมาจากเบอ้ื งบนน้นั ไม่อาจระคายผวิ สีน�้ำตาล
เข้มเปน็ มันเมอ่ื มของเขาสกั เท่าไร หากแตค่ วามรอ้ นที่
รุมสุมอยู่ในใจน่ันต่างหากที่เป็นแรงผลักให้มือท้ังสอง
ขา้ งกระชบั ด้ามพายมั่น แลว้ โน้มจ้วงไปข้างหน้าอย่าง
ไมร่ เู้ หน็ดเหนื่อย
นกึ แลว้ กใ็ หฉ้ นุ พอ่ นกั ชา่ งไมเ่ ขา้ ใจอะไรเอาเสยี
เลย วันลากพระแท้ๆ จะหยุดข้ึนโหนดสักวันไม่ได ้
ท�ำเหมือนว่าถ้าไม่ปาดสักวันน�้ำหวานมันจะหยุดไหล
เสยี อยา่ งนน้ั โหนดตงั้ ยส่ี บิ สามสบิ ตน้ กวา่ จะขน้ึ เสรจ็ ก็
สายโดง่ อาบนำ�้ แตง่ ตวั เสรจ็ จำ�้ เรอื ออกมาจากปากระวะ
จนเกือบเที่ยงแล้วก็ยังไม่ถึงระโนด ป่านน้ีไอ้หนุ่มจาก
ตะเครยี ะ บา้ นหวั เคด็ บา้ นลานควาย บา้ นมาบเตย คง
มาถึงกันหมดแล้ว ร�ำพึงถึงตรงน้ีใบหน้าของสาวกลิ่น
คนรกั กพ็ ลนั ลอยมาใหเ้ หน็ อยใู่ นมโนนกึ อตุ สา่ หน์ ดั กนั ไว้
ดิบดตี ั้งแตว่ ันไปขายนำ�้ ผ้งึ โหนดทตี่ ลาดระโนด ป่านนี้
มนั คงคิดวา่ ถกู หลอกใหค้ อยเกอ้ เสยี แลว้ กระมัง

นพดล พลกูล

เร่ืองเลา่ จากปลายดา้ มขวาน

ถงึ ระโนด แคลว้ วาดหวั เรอื ของตวั เองเขา้ ไปแทรกไวข้ า้ งเรอื ลำ� อน่ื
ซ่งึ จอดเรยี งกันอยูเ่ ปน็ แพ ผูกเชือกโยงเสาไว้อยา่ งแขง็ แรง ก่อนจะกระโจน
แผลว็ ขนึ้ ไปบนทา่ ยา่ งเทา้ ไปบน‘สะพานไมเ้ คยี่ ม’สากแขง็ ยงิ่ จำ้� เทา้ เรง่ เรว็
กระดานไมเ้ คย่ี มกย็ ง่ิ กระดอนหยวบหยาบ พาใหข้ าทง้ั สองขา้ งคอย ’หลกั จอ้ ง’
กันแล้วจะพลัดสะพานเอาได้ง่ายๆ แต่ลูกระโนดแท้อย่างแคล้วไม่มีทาง
เสียเหล่ียมด้วยเรอ่ื งพรรค์นี้
งานชกั พระปนี คี้ นนา่ จะมากนั หลายพนั หนั ไปทางไหนกล็ ะลานตา
ไปหมด ตามจรงิ ก็คงเหมือนกับปกี ่อนๆ นัน่ ล่ะ ผิดกันท่ปี นี ้ีแคล้วก�ำลงั มอง
หาใบหน้าของสาวคนรกั ความร้สู ึกจงึ หลอกตวั เองวา่ คนมากกวา่ ปรกติ
เขาแหวกฝงู คนพลางชะเงอ้ หนา้ มองหาจนคอแทบเคลด็ กย็ งั ไมเ่ หน็
แม้เงาของสาวกล่ิน บางคราวเห็นใบหน้าเพียงแวบหนึ่ง คิดว่าน่าจะใช ่
พอส่งยิม้ เขา้ ไปหาใกลๆ้ กลบั กลายเปน็ คนอืน่ ไปเสยี น่ี เห็นคนล้อมวงมุงดู
พวกเลน่ กลปลอ่ ยงู เขา้ ไปชะโงกหนา้ หากไ็ มเ่ หน็ สงสยั กลิ่นคงจะคดิ ว่าเขา
ตระบดั สตั ยเ์ สยี แนแ่ ลว้ ปา่ นน้ีไมไ่ ปเที่ยวกบั ไอ้หนมุ่ บ้านอนื่ เสียแลว้ ละ่ หรือ
แคลว้ เดนิ คดิ คนเดยี วเรอื่ ยไป กระทง่ั ถงึ หนา้ อาคารทวี่ า่ การอำ� เภอ
ซ่ึงเพิ่งสร้างเสร็จใหม่หมาด ดูแล้วช่างใหญ่โตสง่างามเสียจริง นายอ�ำเภอ
’จรูญ โลกะกะลิน’ คนน้ีท่านเก่งจริงไม่ใช่แค่ค�ำที่เขาลือกัน นอกจากจะ
ปราบพวกโจรท่ีดักปล้นแม่ค้าจนราบคาบแล้ว ยังสร้างที่ว่าการอ�ำเภอเสีย
ใหญโ่ ต ไปไหนกค็ ุยอวดกบั เขาไดว้ า่ ระโนดนน้ั มีอำ� เภอสวยงามกว่าใคร
เดนิ เลาะเลยี บไปถงึ ทา่ นำ้� หนา้ อำ� เภอ เรอื พระจากวดั ตา่ งๆ เขา้ มา
จอดเทยี บอยแู่ ลว้ มากมาย ลว้ นแตป่ ระดษิ ฐต์ กแตง่ มาดว้ ยสสี นั สดใสตระการตา
สเี ขียว เหลือง ม่วง น�้ำเงิน แดง สะทอ้ น วิบวบั อยูใ่ นแสงแดดจา้ หูทง้ั สอง
ขา้ งของแคลว้ อึงอลอยดู่ ้วยสรรพเสยี ง ทั้งตะโพนทั้งคนโห่ กระหึม่ อยู่ทวั่ ไป
ทง้ั บนฝ่งั และในคลอง
พระลากประทับยืนปางห้ามญาติจากวัดต่างๆ ถูกอัญเชิญลงมา
ในเรอื พระ ทกุ องคล์ ว้ นเหลอื งอรา่ มแวววาวไปทว่ั ทอ้ งนำ�้ สองแขนขององคพ์ ระ
มีพวง ’ต้ม’ แขวนอยู่จนล้น แคล้วแทรกตัวเข้าไปใกล้ๆ เรือพระของ

10 โตนดดว้ น

Thai Tales from the Deep South 11

วัดราษฎร์บ�ำรงุ ซ่งึ ปนี ้ีดเู หมอื นคนจะแน่นกวา่ ใครเพ่อื น เขาหย่อนเหรียญ
บาทลงไปหนง่ึ เหรียญเพ่ือร่วมทำ� บุญ แลว้ ยกมอื ขึ้นลบู หวั สามครัง้ กอ่ นจะ
ถอยออกมาใหค้ นอื่นไดเ้ บยี ดรา่ งเข้าไปบ้าง
เหมอื นวา่ บญุ ทที่ ำ� สง่ ผลใหเ้ หน็ ทนั ตา เมอื่ เขาพารา่ งพน้ ออกมาจาก
หมคู่ นซงึ่ หอ้ มลอ้ มเรอื พระ สายตาของแคลว้ กป็ ระจนั เขา้ กบั ใบหนา้ ขง้ึ เครยี ด
ของสาวกลนิ่ เธอยนื รวมกลมุ่ อยกู่ บั เพอ่ื นสาวอกี สามคนซง่ึ แคลว้ ไมร่ จู้ กั ยามน้ี
ภาพต่างๆ ท่ีปรากฏอยู่ในสายตาของแคล้วล้วนพร่าเบลอ มีเพียงร่างของ
กล่ินเท่าน้ันท่ีแจ่มชัดอยู่ในหน่วยตาทั้งสองข้าง เขาพาหัวใจท่ีก�ำลังเต้น
ตูมตามเดินเขา้ ไปหาโดยไมร่ รี อ
“นกึ ว่าไมม่ าเสยี แลว้ ” เสยี งนน้ั ซอ่ นแววน้อยใจ
“เราต้องขน้ึ โหนดกอ่ น เสรจ็ แลว้ ก็แขบมา กลวั สูอิไปเทย่ี วกบั เด็ก
บา้ นอน่ื เสยี กอ่ น” แคลว้ อธบิ ายอยา่ งรอ้ นรน แตไ่ มล่ มื หยง่ั เชงิ หวั ใจของสาวเจา้
“อยา่ ดถู กู นำ้� ใจกนั เกนิ ไป เรานดั คนปากระวะไว ้ แลว้ จะไปกบั คน
บ้านอื่นได้พรือ ไม่ใช่ว่าเรานึกอิไปกับใครก็ไป...” น�้ำเสียงแข็งเข้มจนคู่
สนทนารสู้ ึกผิดทีเ่ ผลอให้ความคิดของตวั เองหลุดปากออกไป
“เราไมไ่ ดว้ า่ พรรคน์ น้ั ไหวพ้ ระลากแลว้ ยงั ...ไป” แคลว้ เปลย่ี นเรอ่ื ง
เหมอื นเพงิ่ นึกขึน้ ได ้
“ไหว้แล้ว...” นำ้� เสยี งยังไม่คลายเง้างอน
“เรากไ็ หวแ้ ลว้ ไปแลโนรากนั ดหี วา เหน็ เขาวา่ ปนี เี้ ลน่ กลางวนั เลยนะ”
แคลว้ เดนิ น�ำหน้า มสี ่สี าวเดนิ ตามหลังมาตดิ ๆ ระหวา่ งทางแคลว้
หันมาพูดกับกลิ่นจนแทบไม่ได้มองทางข้างหน้า หลายคร้ังท่ีเกือบย่างเท้า
ลงไปบนถาดขนมจากหรอื ขา้ วเหนยี วหลาม ซง่ึ วางอย่รู ายทาง แคลว้ สะด้งุ
สดุ ตวั เมื่อถกู แม่คา้ ร้องทัก เรียกเสยี งหัวเราะจากสาวๆ จนหน้าแดง
กอ่ นวนั ลากพระหลายเดอื น ชะตาชกั นำ� ใหแ้ คลว้ ไดม้ าเจอกบั กลนิ่
ในเช้าของวนั ทฝ่ี นกระหนำ่� หนกั อย่างไม่ลืมหูลืมตา ตลาดระโนดเช้ามืดนน้ั
พอ่ คา้ แมค่ ้าจากหลายต�ำบลตา่ งเอาสนิ คา้ มาวางขายตามปรกติ แคลว้ หาบ
นำ้� ผ้ึงโหนดจากปากระวะมาน่งั ขายสองป๊บี ไมน่ านนัก ข้างๆ เขาก็มีโคม

นพดล พลกลู

เรื่องเล่าจากปลายด้ามขวาน

ใส่ปลามาวางอยูเ่ คยี งกนั แคลว้ เหลือบไปมอง เห็นแมค่ ้าเป็นสาวผวิ คล�ำ้ ไม่
ต่างจากคนทวั่ ไปแถบถิ่นนี้ จะผดิ ก็แตโ่ ครงหนา้ นน้ั คมหวาน จัดไดว้ ่าเปน็
คนสวยคนหนง่ึ ในโคมอลมู เิ นยี มสขี าวหมน่ มปี ลาหลากสายพนั ธแ์ุ ออดั อยู่
จนเตม็ เขาคาดเดาในใจวา่ แมค่ า้ สาวคนนถี้ า้ ไมม่ าจากตะเครยี ะกค็ งไมพ่ น้
จากบ้านขาว เพราะแถบน้ันอย่ใู กล้ทะเลสาบ คนในถน่ิ สว่ นใหญ่จงึ มีอาชพี
ประมง เมอ่ื หาปลามาไดก้ ม็ กั จะใหเ้ มยี หรอื ลกู สาวมานงั่ ขายในตลาดระโนด
ฝนซาเมด็ ลงเมอื่ ตอนสาย ผคู้ นเรม่ิ ทยอยออกมาจบั จา่ ยซอ้ื ของกนั
บ้างแล้ว ดูท่าว่าวันนี้น้�ำผ้ึงโหนดจะขายดี เพราะเปิดปี๊บได้ไม่นานก็ลงไป
เกือบครึง่ แล้ว ขณะขายของเพลนิ ๆ แม่คา้ สาวที่นงั่ อยขู่ ้างๆ ก็เอะอะข้นึ ลน่ั
ตลาด แคลว้ หนั มอง เหน็ ปลานอ้ ยใหญใ่ นโคมกำ� ลงั ชวนกนั กระโดดออกไป
ดน้ิ พล่านอยู่บนพ้ืนดินข้างนอก
แมค่ า้ สาวกม้ ลงจบั ปลาโสด ปลาโคบพลนั กระโดดออก ตามไปจบั
ปลาคา้ งโคะ ปลากดก็กระโดดออก ขลกุ ขลกั อยอู่ ยา่ งน้ันจนดูทา่ วา่ วนั นี้คง
ไม่เหลือปลาไว้ขายแน่แล้ว แคล้วจึงตัดสินใจผละจากปี๊บน้�ำผึ้งโหนดของ
ตัวเองออกไปช่วยจับ แม้ว่ามือสองข้างของเขาเคยถนัดแต่จับมีดปาดตาล
แต่ส่มี อื กย็ ังดกี ว่าสองมือ
พอไดเ้ หงอ่ื ชมุ่ แผน่ หลงั ปลาทกุ ตวั กก็ ลบั ลงไปแชอ่ ยใู่ นโคมเหมอื น
เดิม แม่ค้าสาวรีบเอาผืนอวนสีด�ำคลุมทับแล้วมัดไว้อย่างแข็งแรง ก่อนจะ
หย่อนก้นลงบนท่อนไม้ที่วางไว้ต่างม้านั่ง พลางหายใจหอบถี่ หันไปมอง
พอ่ ค้าน้�ำผ้งึ โหนด ก็นง่ั หอบตัวโยนอยเู่ หมอื นกนั
“ขอบใจนะ...” แม่ค้าสาวเอย่ พลางยกมือขึ้นปาดเหง่ือทห่ี นา้ ผาก
“ไมพ่ รอื ...ไดป้ ลาครบหมา้ ย” แคลว้ ถามแกเ้ กอ้ รทู้ งั้ รวู้ า่ ตวั เองชว่ ย
ตามจับมาใหจ้ นหมดแลว้ สาวเจ้าเพียงพยกั หนา้ รับเบาๆ
บา่ ยของวนั นน้ั แคลว้ พายเรอื กลบั ปากระวะดว้ ยความรสู้ กึ แปลกแปรง่
ในหัวอกหัวใจให้หวิวไหวอย่างไม่เคยเป็น ก้มมองไปกลางล�ำเรือ ปลากด
ตวั เขอ่ื งนอนสงบอยใู่ นถงุ อวน เปน็ นำ้� ใจทแ่ี มค่ า้ ปลามอบใหม้ า ซง่ึ แคลว้ กไ็ ด้
หยิบยื่นน�้ำผึง้ โหนดให้ไปเปน็ สิ่งตอบแทนเชน่ กัน

12 โตนดด้วน

Thai Tales from the Deep South 13

ยามเม่อื สายลมซง่ึ พัดผ่านสายคลองระโนด โชยเอากลิน่ คาวปลา
ทต่ี ดิ มอื ขนึ้ มาแตะจมูก แคล้วก็ใหร้ ูส้ กึ รญั จวนในหวั ใจพลิ กึ
นนั่ เปน็ วนั แรกทห่ี นมุ่ ขนึ้ โหนดจากปากระวะ ไดร้ จู้ กั กบั แมค่ า้ ปลา
จากบา้ นขาวท่ีช่ือกลิ่น
นบั แตน่ น้ั แคลว้ กบั กลน่ิ กม็ โี อกาสพบกนั ทกุ ครง้ั เมอื่ เอาสนิ คา้ ของ
ตวั เองมาขายยงั ตลาดระโนด วนั เวลาทเ่ี ลยลว่ ง ยง่ิ กระชบั ความสมั พนั ธข์ อง
คนท้ังสองให้แน่นแฟ้นเกลียวกลม ผ่านไปอีกหลายเดือน กล่ินจึงยอมให้
แคล้วได้ขยบั เขา้ ไปอยู่ในฐานะของคนรัก
จนถงึ เดอื นหกของปถี ดั มา หนมุ่ แคลว้ กไ็ ดฤ้ กษย์ กขบวนเรอื ขนั หมาก
จากบา้ นปากระวะ ลอ่ งขน้ึ ไปตามคลองระโนด มงุ่ หนา้ ไปแตง่ งานกบั สาวกลนิ่
ซ่งึ รออย่ทู ี่บา้ นขาว.

มัชฌมิ กาล : การมาถึงของส่ิงแปลกหนา้

หลงั แตง่ งานแคลว้ รบั กลน่ิ มาอยดู่ ว้ ยกนั ทบี่ า้ นปากระวะของตวั เอง
พอ่ แบง่ ทนี่ าสบิ ไรใ่ หค้ รอบครวั ใหมแ่ ยกไปสรา้ งขนำ� เลก็ ๆ อยดู่ ว้ ยกนั แตส่ ว่ น
ทัง้ สองคนช่วยกนั ทำ� นาตามฤดูกาลเพียงปีละครง้ั เวลาท่ีเหลอื นอกจากน้นั
แคลว้ กว็ นเวยี นขนึ้ ๆ ลงๆ อยกู่ บั ทวิ โตนดทย่ี นื ตน้ อยรู่ อบคนั นา เชน่ วถิ ปี รกติ
ของคนปากระวะ
สว่ นกลนิ่ นน่ั เลา่ ถงึ วนั นก้ี ไ็ ดผ้ นั ตวั เองจากแมค่ า้ ปลา มาเปน็ แมค่ า้
น้�ำผ้ึงโหนด น้�ำส้มโหนด และน้�ำผึ้งแว่น แล้วแต่ว่าผัวจะแปรรูปน�้ำหวาน
โตนดใหก้ ลายเปน็ สนิ คา้ ชนดิ ใด กลนิ่ รบั หนา้ ทเี่ พยี งขนไปขายทตี่ ลาดระโนด
นาที่ท�ำน้ันได้ข้าวแบ่งขายโรงสีไปส่วนหน่ึง ท่ีเหลือก็พอกินใน
ครอบครวั ครวั เล็กๆ สองคนผวั เมีย รายได้นอกจากนั้นอยู่บนตน้ โตนดทข่ี ้ึน
อยู่รายรอบ แคล้วหัดปีนโตนดต้นแรกต้ังแต่อายุย่างสิบห้า ถึงวันนี้แม้ให ้
ปิดตาทั้งสองข้างจนมืดสนิท เขาก็เช่ือว่าจะสามารถพาร่างขึ้นไปได้จนถึง
ปลายยอด โตนดท่ยี ืนเรียงรายอยสู่ ิบกว่าตน้ นน้ั แคล้วจะออกแรงปีนขนึ้ ไป
เพยี งครง้ั เดยี ว สว่ นตน้ ตอ่ ๆ ไปเขาเพยี งใชท้ างโตนดผกู เปน็ ราว ไตไ่ ปเรอ่ื ยๆ

นพดล พลกลู

เรื่องเลา่ จากปลายดา้ มขวาน

จนครบทกุ ตน้ หรอื ทเ่ี รยี กกนั ทวั่ ไปวา่ ทำ� ‘ราวโหนด’ วา่ กนั วา่ นน่ั ละ่ คอื ทมี่ า
ของชื่ออำ� เภอ‘ระโนด’ในวันนี้
แคล้วมักจะปนี ขนึ้ ไปถึงปลายโตนดต้นแรกตั้งแต่เช้ามืด หลังจาก
นนั้ จงึ ใชม้ ดี ปาดตาลปาดไปที่ ’งวง’ หรอื ’จนั่ ’ของโตนดเพยี งบางๆ เสรจ็ แลว้
แขวนกระบอกไมไ้ ผ่ทง้ิ เอาไว้ เพื่อรองรับน�้ำหวานท่คี ่อยๆ เย้มิ ไหลออกมา
จนครบทุกต้น ตอนน้ันดวงตะวนั ก็จะคล้อยไปถึงกลางกระหมอ่ ม
ตกบ่ายเขาตอ้ งปีนข้นึ ไปอกี รอบ เพ่อื เกบ็ กระบอกน�ำ้ หวาน เอาลง
มาเทรวมกนั ไวส้ ำ� หรบั ใชเ้ คย่ี วเปน็ นำ�้ ผงึ้ เหลว หรอื ไมก่ เ็ คย่ี วตอ่ ไปใหน้ านขน้ึ
กระท่งั หยอดไดเ้ ปน็ น้�ำผ้งึ แว่น เกบ็ สะสมไวก้ ่อน แล้วคอ่ ยให้กลน่ิ เอาลงเรือ
ไปขายท่ีตลาดระโนดเปน็ ครัง้ คราว
บางวันหากนึกครึ้มอกคร้ึมใจ แคล้วก็จะโรยเปลือกไม้เคี่ยมไว้ใน
กระบอกนำ้� หวานสกั สหี่ า้ เกลด็ แลว้ ปลอ่ ยทงิ้ ไวท้ ปี่ ลายโตนดครงั้ ละกระบอก
สองกระบอก เพอ่ื รอใหเ้ วลาไดท้ ำ� หนา้ ทห่ี มกั นำ้� หวานในกระบอก จนกลายเปน็
‘ลกู ยอด’น�้ำหวากช้ันดี เอาไวก้ นิ แกลม้ ปลาชอ่ นรวิ้ กับเพื่อนๆ ยามเย็นย�่ำ
ชว่ งหลงั ๆ กลนิ่ มกั จะขนเอานำ้� ผงึ้ โหนดหรอื นำ้� ผง้ึ แวน่ ไปขายไกล
ถึงตลาดสงขลา เพราะมลี ูกค้ามากกวา่ สินคา้ จึงมกั จะขายหมดเหลอื กลบั
มาเพยี งป๊ีบเปลา่ เสมอ อีกอย่างหนงึ่ คือไมต่ ้องไปบอ่ ยๆ เพยี งแต่เค่ียวน�ำ้ ผ้งึ
สะสมไวม้ ากๆ แลว้ เอาไปขายเสยี ครงั้ หนง่ึ ไดเ้ งนิ มาเปน็ กอบเปน็ กำ� ไมเ่ ปน็
เบีย้ หัวแตกเหมอื นเอาไปขายทีต่ ลาดระโนด
เมอ่ื ถงึ คราวต้องไปขายสนิ คา้ ทีต่ ลาดสงขลา แคลว้ จะพายเรือมา
ส่งกลิ่นไว้ที่ท่าเรือระโนดต้ังแต่ตอนบา่ ยแก่ๆ เพื่อรอเดินทางไปกับเรือด่วน
ระโนด- สงขลา ในชว่ งหวั คำ่� เรอื ดว่ นนนั้ เปน็ เรอื ยนตส์ องชนั้ สำ� หรบั บรรทกุ
คนและสนิ คา้ หลากหลายจ�ำพวกข้าวสาร หมู ไก่ หากมาถงึ เรว็ กล่ินกจ็ ะได้
เลือกท่ีน่ังในห้องโดยสารช้ันบนของเรือ ถ้ามาช้าท่ีน่ังเต็ม ก็จะต้องนั่งบน
กระสอบขา้ วสารทช่ี นั้ ลา่ ง หรอื ไมก่ ต็ อ้ งขนึ้ ไปทนนงั่ ตากนำ�้ คา้ งอยบู่ นหลงั คา
เรอื อกี อยา่ งคอื ถา้ มาถงึ ตงั้ แตย่ งั วนั จะมเี รอื หลายเทย่ี วใหเ้ ลอื ก ไมว่ า่ จะเปน็

14 โตนดดว้ น

Thai Tales from the Deep South 15

เรือเสาวคนธ์ เรือแสงจันทร์ เรือเจริญผล ฯลฯ ทยอยออกตามกันไป
ทง้ิ ชว่ งล�ำละคร่งึ ชั่วโมง
หลงั จากชว่ ยขนสนิ คา้ ลงเรอื ดว่ นเสรจ็ แลว้ แคลว้ กจ็ ำ้� พายกลบั บา้ น
ส่วนกลนิ่ จะนง่ั รอเวลาให้เรือออกจากทา่ ในตอนหวั ค่ำ�
จากระโนดเรอื จะแลน่ ไปในทะเลสาบสงขลา ผา่ นไปทางเกาะใหญ ่
และแวะพกั ทที่ า่ เรอื ปากพะยนู ของจงั หวดั พทั ลงุ ถงึ ตอนนกี้ ลน่ิ และผโู้ ดยสาร
คนอน่ื ๆ จะถอื โอกาสซ้อื ต้มยา่ ง ไขต่ ้ม หรือโอเลย้ี งกินรองท้อง เพราะกว่า
เรือจะแล่นไปถึงท่าสงขลาก็ชว่ งหัวรุ่ง
ออกจากปากพะยนู แลว้ เรอื กจ็ ะแลน่ ผา่ นปากรอ เกาะยอ เขาเขยี ว
และเขา้ จอดเทยี บทา่ สงขลาในตอนเชา้ มดื ลงจากเรอื แลว้ กลนิ่ กม็ กั จะนง่ั กนิ
น้�ำชาที่ท่าเรือก่อน เช่นเดียวกับผู้โดยสารส่วนใหญ่ เพื่อรอให้สว่างดีแล้ว
จึงคอ่ ยขนสินคา้ ไปน่งั ขายในตลาดสด
ตกบ่ายสินค้าก็ขายหมดทุกคร้ัง กลิ่นจะมีเวลาเลือกซื้อของใช้ที่
จำ� เปน็ กลบั บา้ น เสรจ็ แลว้ จงึ มารอลงเรอื ดว่ นเทย่ี วเยน็ ชว่ งเวลานกี้ ลน่ิ มกั จะ
ใหร้ างวลั ชีวติ แก่ตัวเอง ด้วยการซ้ือ ’ไอศกรีมเด่นไทย’ โรยหน้าดว้ ยลกู บัว
ถั่วแดง ลูกจาก ตักใสม่ าในกระปอ๋ งนมขน้ ร้อยเชอื กกลว้ ยสำ� หรับหว้ิ ลงเรือ
ไปด้วย แล้วน่ังละเลยี ดกินระหว่างลอ่ งสายน้�ำเพื่อกลับบา้ น
โตนดสิบกว่าต้นท่ียืนล้อมคันนาอยู่นั้น เล้ียงครอบครัวของแคล้ว
ใหอ้ ยดู่ มี สี ขุ ตามอตั ภาพตลอดมา แมว้ า่ ครอบครวั เลก็ ๆ จะมชี วี ติ เพมิ่ ขนึ้ มา
อีกสามคนก็ตาม ลูกสาวคนหัวปีตอนน้ีอายุย่างสิบสอง ลูกบ่าวอีกสองคน
อายไุ ลก่ นั มาคนละปี แตต่ ราบทบี่ นเรอื นขา้ วยงั มขี า้ วไวก้ นิ ตลอดปี และโตนด
ทุกตน้ ยังเติมรายได้ใหไ้ ม่ขาดมือ ครอบครัวก็ไม่เดือดรอ้ นอันใด
นบั วนั การเดนิ ทางไปขายของยงิ่ สะดวกขน้ึ กวา่ เดมิ ตอนนกี้ ลน่ิ ไม่
ตอ้ งทนนง่ั เรอื ดว่ นขา้ มคนื เพอื่ นำ� สนิ คา้ ไปขายยงั ตลาดสงขลาอกี แลว้ เพราะ
ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั สงขลานามว่า ‘นายแสวง รุจริ ตั ’ ไดน้ ำ� หินลกู รงั มาถม
ทับทางเดมิ ซึ่งเปน็ ดนิ เหนยี ว กลายเป็นถนนยาวตั้งแต่ระโนดไปจรดหัวเขา
แดง การเดนิ ทางไปสงขลาจงึ นยิ มนงั่ รถจากตลาดระโนด ไปลงทหี่ วั เขาแดง

นพดล พลกูล

เรื่องเล่าจากปลายดา้ มขวาน

แลว้ ค่อยลงเรอื หางยาวขา้ มไปยงั ฝั่งสงขลาอีกทอดหน่ึง แม้ว่าตอนนง่ั รถไป
จะต้องใช้ผ้าปิดหนา้ ปดิ ตามดิ ชิด เพอ่ื ปอ้ งกนั ไม่ใหฝ้ ่นุ ลกู รังสแี ดงเข้าตาเขา้
จมกู แลดเู หมอื นพวกโจรจะไปปลน้ กต็ าม แตก่ ส็ ามารถไปกลบั ไดภ้ ายในวนั เดยี ว
หลายปีต่อมา การเดินทางจากปากระวะไปยังสงขลา ก็ย่งิ ใชเ้ วลา
ส้นั ลงไปอกี ทง้ั ไม่ต้องเอาผ้าคลมุ หวั กันฝ่นุ ดินแดงอีกต่อไป เพราะเส้นทาง
สายนครศรีธรรมราช - สงขลา สร้างเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแล้ว เปน็ ถนนลาดยาง
มะตอยสีด�ำมะเมื่อมตลอดทั้งเส้น ถึงคราวกล่ินเอาสินค้าไปขายที่ตลาด
สงขลา กแ็ คใ่ หล้ กู ๆ ชว่ ยกนั ขนออกมาวางไวใ้ หร้ มิ ถนนปากทางบา้ นปากระวะ
รอรถประจำ� ทางผา่ นมารบั ไปทง้ั คนและของ ทง้ั ไมต่ อ้ งไปขา้ มเรอื หางยาวที่
หวั เขาแดงอกี แลว้ เพราะรถประจำ� ทางสามารถลงแพขนานยนตท์ หี่ วั เขาแดง
ขา้ มไปส่งถึงฝั่งสงขลาเลย ทีเดยี ว แมว้ า่ รถทม่ี าจอดรอลงแพจะต่อแถวกนั
ยาวเหยยี ด แตก่ ย็ ังดีกวา่ เมอ่ื กอ่ นมาก
กระทงั่ ปี พ.ศ.๒๕๓๐ แถวของรถทจ่ี อดรอลงแพกห็ ดส้นั ลง เมือ่
สะพานติณสูลานนท์ก่อสร้างเสร็จและเปิดให้รถว่ิงผ่าน สะพานคอนกรีต
เสรมิ เหลก็ อนั แขง็ แรง เชอื่ มแผน่ ดนิ ฝง่ั เขาเขยี วของอำ� เภอสงิ หนคร พาดผา่ น
เกาะยอ แล้วข้ามไปสู่อ�ำเภอเมืองสงขลาตรงบ้านน�้ำกระจายอีกทอดหน่ึง
รถท่ีมาจากระโนดถ้าไม่มีกิจธุระในตัวเมืองสงขลา ก็ไม่ต้องตรงไปลงแพท่ี
หัวเขาแดงอีกต่อไป แต่สามารถเลี้ยวขวาเพื่อไปข้ามสะพานติณสูลานนท์
แลว้ ว่ิงไปอ�ำเภอหาดใหญ่ จะนะ หรือนาทวีได้เลย จะมีกแ็ ต่พวกแมค่ ้า เชน่
กลน่ิ เทา่ นนั้ ทย่ี งั รอลงแพขนานยนตเ์ พอ่ื นำ� สนิ คา้ ขา้ มไปขายในตลาดสงขลา
แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติได้น�ำพาความเจริญอันน่ายินดีโถม
เขา้ สอู่ ำ� เภอระโนด มนั ซอกซอนไปทวั่ ถงึ ทกุ พนื้ ที่ ไมเ่ วน้ แมแ้ ตห่ มบู่ า้ นเลก็ ๆ
อย่างปากระวะ เม่ือถนนหนทางสะดวกสบาย สายคลองจึงค่อยๆ เสื่อม
ความหมาย บา้ นทกุ หลงั พรอ้ มใจกนั เบอื นหนา้ หนจี าก ลำ� คลอง หนั ไปเปดิ
ยิ้มกว้างใหก้ ับ ถนนลาดยาง คลองระโนดจึงถกู ทอดทงิ้ ใหห้ ดแคบและตื้น
เขินในบางช่วงตอน เรือพายประจ�ำบ้านถูกเจ้าของยกขึ้นคานอย่างถาวร
แลว้ ทดแทนการสญั จรด้วยพาหนะสญั ชาตญิ ป่ี ่นุ

16 โตนดด้วน

Thai Tales from the Deep South 17

นาขา้ วของแคลว้ ถกู ลดจำ� นวนลงเหลอื ไมก่ บี่ งิ้ เขาทำ� เพยี งแคใ่ หม้ ี
กินในครอบครัวเท่าน้นั ซึ่งจะว่าไปแลว้ กย็ ังไมค่ ่อยพอ ถงึ วนั นห้ี ากทำ� มาก
เพ่ือขายโรงสีเหมอื นแต่ก่อน กร็ งั แตจ่ ะขาดทนุ แคลว้ กระซิบบอกตวั เองอยู่
เสมอวา่ วถิ ที ดี่ ำ� รงอยนู่ ี้ เขาแคท่ ำ� ไปโดยสญั ชาตญิ าณของชาวนา ทำ� เพราะ
มีนาให้ท�ำ อย่างไปหวังว่ามันจะได้ดอกรวงมากมาย ส่วนเหตุที่ฝนฟ้าตก
นอ้ ยลงทกุ วนั เชอ้ื โรคแปลกหนา้ มมี ากขนึ้ ทกุ ท ี ดนิ ในนาทเ่ี คม็ เหมอื นเกลอื
เหลา่ นี้เปน็ เรือ่ งเกินปัญญาของเขาที่ จะคิดคน้ หาค�ำตอบ
หนั ไปแลทวิ โตนดทเี่ หน็ อยลู่ บิ ๆ นน้ั เลา่ มนั ยงั คงยนื ตน้ แขง็ แรงอยู่
เหมอื นกอ่ น แตเ่ รยี่ วแรงของแคลว้ ตา่ งหากทโี่ รยลา้ ลงไป วนั นเี้ ขาจงึ ไมอ่ าจ
ป่านปีนข้ึนไปปาดงวงได้ครบทุกต้นอีกแล้ว แค่วันละต้นสองต้นก็ต้องกลับ
ลงมานั่งหอบเหมือนหมายิกแลน อย่างดีก็แค่ได้น้�ำหวานไปแบ่งใส่ขวดให้
กลน่ิ ไปนง่ั ขายอยรู่ มิ ถนน ไมต่ อ้ งไปหวงั ถงึ ขน้ั เคย่ี วนำ�้ ผง้ึ เหลวหรอื หยอดนำ�้
ผ้ึงแว่นอีกต่อไป โชคยังดีที่วันน้ีแคล้วกับกล่ินเหลือกันอยู่เพียงแค่สองปาก
สองทอ้ ง
เมื่อห้าปีท่ีแล้วลูกสาวคนหัวปีออกเรือนไปอยู่บ้านผัวที่ควนเคร็ง
อำ� เภอชะอวด ทโี่ นน่ ผวั มนั พอมสี วนยางอยบู่ า้ ง กรดี นำ�้ ยางขายทกุ วนั กอ็ ยไู่ ด้
สว่ นลูกชายคนรองยา้ ยไปอยบู่ ้านเมียที่เกาะเพชร อำ� เภอหวั ไทร น่นั กอ็ อก
ทะเลทุกวัน ไดป้ ลาได้กุง้ ไปขายพอเลีย้ งครอบครวั เหลอื แต่เจา้ คนสดุ ทอ้ งท่ี
ยงั ไมม่ คี รวั แตม่ นั กไ็ มย่ อมอยบู่ า้ นกบั พอ่ กบั แม่ ตามประสาเดก็ วยั รนุ่ นน่ั แหละ
อยกู่ บั คนแกม่ แี ตจ่ ะขดั ใจกนั มนั เลยออกไปเปน็ ลกู จา้ งของเถา้ แก่ ขายอาหาร
กงุ้ กุลาดำ� อย่ทู ่ีรา้ นในตลาดรบั แพรก
พูดถึงตลาดรับแพรก ใครเคยคิดว่าจะเจริญได้ถึงปานนี้ แต่แรก
เป็นแค่ทางผ่านเมื่อจะไปสงขลาเท่าน้ัน มีบ้านเรือนอยู่เพียงหย่อมเดียวไม่
เกินสิบหลัง ท่ีดินแถวน้ันยกให้เปล่าๆ ก็ไม่มีใครเอา แต่มาดูตอนนี้สิ
ตกึ รามอาคารตดิ กนั เปน็ พรดื ทง้ั สองฝง่ั ถนน ตกกลางคนื แสงไฟหลากสจี าก
สวนอาหารและรา้ นขา้ วตม้ โตร้ งุ่ กส็ วา่ งอยวู่ าบๆ คนรบั แพรกคงไมร่ จู้ กั หลบั
จกั นอนกนั เสยี แลว้

นพดล พลกูล

เรื่องเลา่ จากปลายดา้ มขวาน

จะอะไรที่ไหนเล่า ก็เจ้าสัตว์ประหลาดอย่างกุ้งกุลาด�ำน่ันแหละ
ที่น�ำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ระโนดอย่างชนิดพลิกฝ่ามือ มันมาเร็วและแรง
จนคนรนุ่ แคลว้ ตงั้ รบั ไมท่ นั แมก่ งุ้ นะ่ หรอื , แคลว้ รจู้ กั ดี ตกเอาในคลองระโนด
กพ็ อกนิ หรอื ไมอ่ อกเรอื ไปลากใน’เลนอก’กพ็ อไดข้ าย แตไ่ มเ่ คยเหน็ ใครจนั
หวันไปจบั กุง้ มาเล้ียงกันสกั คน
การมาถงึ ของกลุ าดำ� ฝงู นน้ั ทำ� เอาระโนดสนั่ สะเทอื นและพรงึ เพรดิ
ขา่ ววา่ กงุ้ กลุ าดำ� เพยี งบอ่ เดยี วทจ่ี บั ขาย สามารถเปลย่ี นฐานะเจา้ ของบอ่ จาก
’ไอ้’ เป็น ’คุณ’ ได้ในช่ัวข้ามคืน ข่าวแพร่สะพัดไปรวดเร็วราวลมหอบ
นับแต่น้ัน, ท้องทุ่งท่ัวระโนดก็ไม่มีสภาพเป็นนาข้าวอีกต่อไป แม้แต่บ้าน
ปากระวะของแคล้วกไ็ ม่อยู่ในขา่ ยยกเวน้
รอบที่นาของแคล้วในวันน้ี ล้วนถูกขุดเป็นบ่อขนาดใหญ่แลสุด
สายตา ตลอดวนั คนื ยนิ เพยี งเสยี งเครอื่ งตนี ำ้� ดงั แขง่ กนั ระงม ไมย้ นื ตน้ นอ้ ยใหญ่
ไม่เวน้ แมโ้ ตนด ถกู ล้มลงต้นแลว้ ตน้ เลา่ เหตุเพราะมนั ยนื กดี ขวางการเดิน
ทางของกลุ าด�ำ
เมอ่ื ถงึ ฤดทู ำ� นา หากใครมองเขา้ ไปในทอ้ งทงุ่ โลง่ ลบิ นนั่ ทา่ มกลาง
บอ่ กงุ้ นบั รอ้ ยนบั พนั กจ็ ะเหน็ สเี ขยี วซดี ของตน้ ขา้ วเอนไหวอยอู่ ยา่ งโดดเดยี่ ว
เป็นหย่อมเล็กๆ รอบบ้ิงนาน้อย โตนดหลายต้นยังคงยืนเรียงรายอยู่อย่าง
ทระนง ประหนง่ึ อารกั ษผ์ ทู้ ำ� หนา้ ทป่ี กปอ้ งนาผนื สดุ ทา้ ยแหง่ หมบู่ า้ น ปากระวะ
ทโี่ คนโตนดตน้ หนงึ่ , แคลว้ กบั กลนิ่ นง่ั รบั ลมรอ้ นซง่ึ พดั ผา่ นมาจาก
บ่อกงุ้ อย่างอ่อนล้า

ปัจจบุ ันกาล : ความเปล่ียนแปลงคอื นริ ันดร์

รถประจำ� ทางสายสงขลา - นครศรธี รรมราช คนั สแี ดงเกา่ ครำ�่ ครา่
ชะลอตวั ลงทป่ี ากทางบ้านปากระวะ รอจนรถจอดสนทิ ชายชราจึงคอ่ ย ๆ
ย่องย่างลงมาทางประตดู ้านหลัง เท้าท้งั สองขา้ งของแกยงั ไม่ทนั เหยียบพน้ื
ได้ม่ันคงดีนกั รถประจำ� ทางก็กระชากตวั ออกไปเรว็ แรง ทิ้งฝุน่ ฟุ้งและควนั
สีด�ำเหมน็ เอียนไว้เบ้ืองหลงั

18 โตนดดว้ น

Thai Tales from the Deep South 19

“ไป...ไป.้ .!” เดก็ ทา้ ยรถตะโกนบอกนายหวั ขณะรถออกตวั เดก็ หนมุ่
เหลยี วมองร่างชราทีล่ งไปยืนโงนเงนอยรู่ ิมถนน แลว้ ระเบิดหัวเราะเสยี งดงั
ตาแคล้วในวัยเจด็ สิบห้าปเี ดนิ ทางกลับมาจากโรงพยาบาลสงขลา
โรคประจ�ำตวั มากมายท้งั ความดนั เบาหวาน ขอ้ เสื่อม บุกเขา้ มารุมเร้าอยู่
หลายปีแล้ว น่ันท�ำให้แกต้องไปโรงพยาบาลตามใบนัดของหมอทุกเดือน
ท้งั ทใ่ี จจริงแกเบอ่ื การเดินทางจนไม่ร้จู ะพดู อยา่ งไร หลายคร้ังท่แี สร้งลมื นัด
แตเ่ พราะยายกลนิ่ นนั่ แหละทท่ี ำ� เปน็ ความจำ� ดเี ตอื นอยทู่ กุ ครง้ั หากดอื้ ไมไ่ ป
กจ็ ะบน่ จกุ จกิ ใหร้ �ำคาญหอู ย่ทู ั้งวัน แน่ล่ะ, มนั ไม่ไปเอง คงไมร่ หู้ รอกวา่ กวา่
จะไปถงึ กว่าจะกลบั น่ะ มนั เหน่อื ยจนขาขอ้ สั่นไปหมดท้ังตวั เลยทีเดียว
มอเตอร์ไซค์รับจ้างแล่นเข้ามาจอดใกล้ๆ คนขับเป็นเด็กหนุ่ม
หนา้ ตาคนุ้ เคย คงจะเปน็ ลกู หลานของใครสกั คนในบา้ นปากระวะ ซงึ่ แกครา้ น
จะจดจำ�
“ตามาจากโรงบาลเหอ...” ตาแคลว้ พยกั หนา้ รบั ใครๆ กร็ วู้ า่ นอกจาก
ไปหาหมอแลว้ แกก็ไม่เคยออกไปไหนพน้ ละแวกบา้ น
แกยกขาขนึ้ ครอ่ มเบาะมอเตอรไ์ ซคซ์ ง่ึ ถกู ปาดแตง่ ไวบ้ างเฉยี บอยา่ ง
ทุลักทุเล น่ังได้แล้วจึงค่อยเอ้ือมมือไปเกาะเอวเด็กหนุ่มกระชับ มันค่อยๆ
บดิ คนั เร่งเคล่ือนตัวไปข้างหน้าอย่างระแวดระวัง
มอเตอรไ์ ซคแ์ ลน่ มาบนถนนลาดยางสดี ำ� อยา่ งเนบิ ชา้ กอ่ นจะจอด
สนทิ ลงตรงปากทางเขา้ บอ่ กงุ้ รา้ ง ตาแคลว้ ไมก่ ลา้ ซอ้ นทา้ ยมอเตอรไ์ ซคข์ ณะ
ว่ิงไปบนพน้ื ดินขรขุ ระของขอบบอ่ กุง้ แกจึงขอลงตรงปากทาง เพือ่ เดินเทา้
เขา้ ไปยงั เรอื นหลังเก่าอีกเกือบคร่งึ กโิ ล
แกกม้ หนา้ ควานหาใบยสี่ บิ ยบั ยยู่ ใ่ี นกระเปา๋ กางเกงแลว้ ยน่ื ใหเ้ ดก็ หนมุ่
แต่มันเลี้ยวรถกลับออกไปเสียก่อนแลว้
“ไมพ่ รอื ...ตาเกบ็ ไวต้ ะ่ ” เดก็ หนมุ่ ตะโกนบอกพลางบดิ คนั เรง่ เสยี ง
เครือ่ งยนต์แผดสน่นั พารา่ งของมันหา่ งออกไปอย่างรวดเรว็
ตาแคล้วย่างเท้าลงมาจากถนนด�ำ แล้วย�่ำไปบนพื้นดินสากแข็ง
ของบ่อกุ้ง หยีตามองฝ่าพยับแดดที่เต้นเร่าอยู่เบ้ืองหน้าแล้วให้รู้สึกหวิวๆ

นพดล พลกลู

เรื่องเล่าจากปลายดา้ มขวาน

เหมือนจะเป็นลม เห็นโตนดยอดด้วนท้ังห้าต้นเรียงเป็นเส้นระริกอยู่ลิบๆ
เรอื นของแกยงั อย่อู ีกไกล
น้ิวตีนพยายามออกแรงหนีบหูรองเท้าแตะ ท�ำให้ตาแคล้วเดินไม่
ถนัดนกั ถ้าไม่ไปไกลถึงตัวอำ� เภอระโนด ฝ่าตีนแตกระแหงของแกกไ็ ม่เคย
ได้สมั ผสั กบั พื้นนมุ่ ๆ ของรองเทา้ เดนิ พลางใจกก็ ระหวดั ไปถงึ เจ้าเดก็ หนมุ่
นั่น แมท้ า่ ทางของมนั จะดเู หมือนวัยรนุ่ ไม่ตดิ ไหน แต่มันก็ยงั มีน�้ำใจ น้ำ� ใจ
ทห่ี าไดย้ ากยง่ิ แลว้ ในวนั น้ี คดิ แลว้ รอยยม้ิ บางๆ กผ็ ดุ พรายขนึ้ บนใบหนา้ ของแก
ในวันท่ีความเจริญเดินทางเข้ามาเหยียบถึงปากระวะ ทุกคนต่าง
อา้ แขนโอบรบั เอาไวด้ ว้ ยความยนิ ดี ทงั้ พรอ้ มใจกนั ลบวถิ เี กา่ ๆ ใหเ้ ลอื นหาย
ไปจากการดำ� เนนิ ชวี ติ เพราะนนั่ อาจแสดงถงึ ความเชยชา้ ลา้ หลงั วธิ คี ดิ แบบ
‘โหมเราเพ’ จางหายไปส้ิน เมอื่ ทุกคนต่างยดึ อคตวิ ่า ‘ใครชนะ คนนนั้ รอด’
แล้วคนแพ้ล่ะ จะอยู่อย่างไร..?
ตาแคลว้ ยา่ งเทา้ ฝนื ฝา่ ไปบนผนื ดนิ แลง้ รอ้ น สองขา้ งทางเปน็ หลมุ ลกึ
ของบ่อกุ้งกุลาด�ำ ท่ีถูกท้ิงร้างให้แตกระแหงอย่างหาประโยชน์อันใดมิได้
หลายปกี อ่ นทต่ี รงนเ้ี คยเปน็ นาขา้ วของแก แตเ่ มอื่ อาชพี แปลกใหมท่ เี่ รยี กกนั
วา่ ’การทำ� นาก้งุ ’ รุกคบื เข้ามา มนั โอบล้อมท่นี าของแกไว้โดยรอบ นำ้� เสีย
จากนากุ้งเหล่านั้น บีบบังคับให้แกท�ำนาข้าวไม่ได้อีกต่อไป ครานั้น,
แกจำ� ตอ้ งหลอ่ เล้ยี งชวี ติ อยู่ด้วยรายไดอ้ ันน้อยนดิ ท่ีมาจากต้นโตนด
แลว้ จๆู่ ลกู ชายคนกลางก็หอบห้ิวลกู เมียกลบั มา มนั รบเรา้ ให้แก
แบ่งที่นาให้ เพ่ือจะได้ลงทุนท�ำนากุ้งเหมือนคนอื่นบ้าง และเมื่อเร่ืองนี้ไป
เข้าหูของลูกชายคนสุดท้อง มันก็เรียกร้องส่วนของมันด้วยเหมือนกัน ดีที่
ลกู สาวคนหวั ปไี มต่ ดิ ใจ แกจงึ โอนทน่ี าใหล้ กู ชายไปคนละครง่ึ เหลอื ไวเ้ พยี ง
หย่อมเดยี วตรงสว่ นทเ่ี ป็นเรือนกับโตนดห้าตน้
มีที่ดินเป็นของตัวเองแล้ว เมื่อไปบอกกับธนาคารว่าจะท�ำนากุ้ง
เขากใ็ จดใี หก้ เู้ งนิ มาลงทนุ อยา่ งเหลอื เฟอื ไมก่ ว่ี นั ตอ่ มา ทนี่ าวา่ งเปลา่ ขา้ งบา้ น
ตาแคลว้ ก็แปรสภาพเป็นบ่อกุง้ ขนาดใหญ่ ที่ลูกชายทั้งสองของแกแสนจะ
ภมู ใิ จ

20 โตนดด้วน

Thai Tales from the Deep South 21

ถึงเวลาจับกุ้งคร้ังแรก มันคงท�ำก�ำไรให้มากพอสมควร มากเท่า
ไหร่ไม่รู้ แต่ตาแคล้วเห็นลูกชายท้ังสองคนของแก ถอยกระบะแบบท่ีเรียก
กันวา่ โฟรว์ ลี ป้ายแดงเถอื กมาขบั กนั คนละคัน
หลังจากลงกุ้งรอบท่ีสองได้สามวัน ลูกชายคนเล็กของแกออกไป
เที่ยวร้านคาราโอเกะที่ตลาดรับแพรก แล้วมันก็ถูกแทงตายในคืนน้ัน
เหตุเพราะไปแย่งไมค์ร้องเพลงหรือแย่งเด็กเสิร์ฟกับ เถ้าแก่นากุ้งคนอื่น
ก็ไม่แนช่ ัดนกั ในท่ีสดุ พช่ี ายของมนั กต็ ้องรับบ่อกงุ้ ไปดแู ลแทน
กงุ้ รอบนไ้ี มไ่ ดน้ ำ�้ หนกั ตามตอ้ งการ จบั ครงั้ ทสี่ องจงึ ขาดทนุ ยบั เยนิ
แต่น่ันคือเหตุการณ์ปรกตขิ องการทำ� นากุ้ง ซึ่งคนเลีย้ งต้องลุน้ กันทกุ รอบว่า
โชคจะเข้าข้างหรอื เปล่า ไม่ต่างอนั ใดกบั แทงไฮโลว์ โชคดีก็รวยไป แตห่ าก
โชคร้ายพ่ายแพ้ ก็จะต้องยิ่งแทงเพ่ือหวังถอนทุนคืน ยิ่งแทงก็ยิ่งถล�ำลึก
กวา่ จะรูต้ วั ก็หมดหน้าตกั ไปเสยี แลว้
ลูกชายตาแคล้วกัดฟันขายทรัพย์สินทุกอย่างที่มี รวมท้ังขอกู้เงิน
เพ่ิมจากธนาคาร น�ำมาเปน็ ทุนลงก้งุ รอบท่ีสาม แตโ่ ชคข้างดีไดผ้ ละไปจาก
เขาเสยี แลว้ คราวนก้ี งุ้ ตายหมดบอ่ ตงั้ แตย่ งั ไมไ่ ดจ้ บั ความฉบิ หายโดยแทจ้ รงิ
ตบจึงเท้าเขา้ มาเยือน มนั เช่ือของมันว่ามคี นแอบวางยาลงในบอ่ ก้งุ จงึ ออก
สบื หาอยพู่ ักใหญ่ แตก่ ็ไมม่ ีเค้าลาง มันจึงทำ� ไดแ้ ตเ่ ดนิ บ่นงมึ งำ� อยู่ล�ำพังราว
คนบา้ กระท่งั ดกึ สงัดของคนื หนึง่ มนั กข็ นครอบครัวจากไป ไปไหนกไ็ ม่รู้
จนถงึ วันนี้
หลังลูกชายท้ังสองของแกจากไปไม่นาน เจ้าหน้าที่ของธนาคาร
กถ็ อื หมายบงั คบั คดเี ขา้ มา ตอกปา้ ยยดึ ทดี่ นิ บอ่ กงุ้ ไปทง้ั หมด วนั นน้ั ตาแคลว้
กบั ยายกลนิ่ นงั่ มองกนั อยบู่ นเรอื นอยา่ งเงยี บสงบ เปน็ ความสงบทเ่ี ศรา้ สรอ้ ย
และเจ็บปวด
ธนาคารกลับไปแล้ว น�้ำตาชราของยายกล่ินจึงไหลพรากแก้ม
ตาแคลว้ ลงจากเรอื นเดนิ เขา้ ไปยนื แหงนคอมองปา้ ย อกั ษรสแี ดงบนพนื้ สขี าว
มเี พยี งไมก่ ตี่ วั แตน่ ำ�้ หนกั ของมนั กม็ ากพอทจี่ ะกดทบั รา่ งของแกใหจ้ มหาย
ลงไปในผนื ดนิ ขอ้ ความ ‘ทรพั ยส์ นิ ของธนาคาร’ ทปี่ รากฏอยตู่ รงหนา้ ตอกยำ�้

นพดล พลกูล

เรื่องเลา่ จากปลายด้ามขวาน

ให้แน่ใจว่า แผ่นดินที่เหยียบอยู่นั้นไม่ใช่ของแกอีกต่อไป และมันจะกลาย
เปน็ ทรพั ย์สินของใครไปอีกก่ีทอด แกกไ็ ม่อาจรู้
เรอื นหลังเกา่ โย้เยเ้ ตน้ ระรกิ อยู่ในเปลวแดดเบื้องหน้า ตาแคลว้ เร่ง
จำ�้ เทา้ ใหถ้ งึ ชายคาบา้ นไวๆ วนั นร้ี สู้ กึ หววิ ๆ ในหวั อกพกิ ล นกกระยางสขี าว
สามตวั บนิ พรบึ ขน้ึ จากบอ่ กงุ้ รา้ งอยา่ งตกตน่ื แกกา้ วผา่ นโตนดแถวสดุ ทา้ ย
ที่ยืนต้นตายอยู่หน้าเรือน ปลายยอดทุกต้นล้วนกุดด้วน เป็นเพราะยาพิษ
จากบอ่ กงุ้ ทดี่ ดู ดม่ื ซมึ ซาบผา่ นสายรากเขา้ ไปทกุ วนั นนั่ แหละ ทส่ี ดุ มนั จงึ แหง้
เฉาและส้ินใจลงในเวลาไลเ่ ล่ียกัน ปดิ ตำ� นาน ‘ราวโหนด’ ไปชั่วนริ ันดร์
ก้าวไปถึงร่มเงาชายคา โลกของตาแคล้วก็พลันโคลงวูบ เหมือน
เรือน้อยท่ีถูกคล่ืนหนุนอยู่กลางทะเลเวิ้งว้าง แกท้ิงร่างลงนอนกองอยู่กับ
พน้ื เรือน แล้วสัมปชัญญะกว็ บู ดบั ลง
‘บา้ นฉานหมา้ ยไหรมแี ตไ่ ผก่ บั โหนด อำ� เภอระโนด จงั หวดั สงขลา’
นานเท่าไหรไ่ ม่รู้ สตขิ องแกจงึ เรม่ิ กลบั คืนมา ในโสตแวว่ ยินเสียงแหบพร่า
ของกลอนโนราบทนั้น ท่ีเคยร้องเล่นกันเม่ือครั้งวันวาน แล้วภาพล�ำน�้ำ
อันเงียบสงบของสายคลองระโนด ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นในความรู้สึกอย่าง
เลือนราง แต่ก็มากพอที่จะท�ำให้แกรับรู้ได้ถึงสายลมเย็นรื่นซ่ึงพัดผ่านมา
ในท้องนำ�้ สกั พกั หนงึ่ , แกเหน็ สเี ขียว เหลือง มว่ ง น�้ำเงนิ แดง ระยิบระยบั
คล้ายเรือพระซอ้ นทบั เข้ามา ก่อนทส่ี ีเหลา่ นั้นจะเกล่อื นกลืนกัน กลายเปน็
สเี ขยี วสดของทงุ่ ขา้ ว ซงึ่ กำ� ลงั ไหวระเนนเปน็ คลนื่ ตามแรงลมลอ้ อนั เปน็ ภาพ
ทแี่ กคนุ้ ชนิ ยามเมอื่ มองลงมาจากปลายโตนด เพยี งแตข่ ณะนมี้ นั กระดา่ งกระ
ด�ำเหมอื นภาพยนตรท์ ฉี่ ายด้วยฟิล์มโบราณ
ตาแคล้วจดจ่ออยู่กับภาพก่ึงฝันท่ีปรากฏ แต่ก็ให้รู้สึกแห้งสากใน
ลำ� คอราวเพง่ิ กลนื เมด็ ทรายลงไปสกั กำ� มอื ในใจกระหวดั ไปถงึ นำ�้ หวานโหนด
สดใหมท่ ่กี ำ� ลงั ยอ้ ยออกมาจากงวง อยากจะมกึ ให้ได้แรงอกสักครั้ง แกเหน็
มือตวั เองประคองกระบอกไมไ้ ผ่สนี ้ำ� ตาลเขม้ ยกขึน้ จรดริมปาก ค่อยๆ ริน
น�้ำหวานลงไปในล�ำคอ แต่รสสัมผัสของมันกลับฝาดขมจนแทบส�ำลัก
แกเผยอเปลอื กตาขึ้นมาอย่างชา้ ๆ

22 โตนดด้วน

Thai Tales from the Deep South

ภาพจรงิ ทเี่ หน็ ด้วยตาเนอื้ ยายกลนิ่ กำ� ลงั จอ่ แกว้ นำ�้ อยทู่ เ่ี รยี วปาก
แตกแหง้ ของแก ยาลมรสฝาดเฝอ่ื นไหลผา่ นลว่ งลำ� คอ แกฝนื กนิ จนหมดแกว้
พลางสดู หายใจรับเอากล่นิ หอมเยน็ ของ ยาดมเข้าไปในโพรงจมูก ยายกลน่ิ
หยิบเอาพัดใบกะพอ้ มาวีวดื ๆ ใหต้ รงหน้า สายลมท่พี ัดผ่านแมจ้ ะรอ้ นอา้ ว
แตก่ ็ทำ� ให้ตาแคลว้ รสู้ ึกคอ่ ยยงั ชัว่ ขึ้นมาบ้าง
“บอกแลว้ วา่ อยา่ เทย่ี วเดนิ ผา่ แดด เปน็ ลมจนได”้ ยายกลนิ่ บน่ ดว้ ย
อาทร
ตาแคลว้ ชนั กายลกุ ขนึ้ นงั่ ขยบั ปากแคน่ เสยี งออกมาอยา่ งยากเยน็
“ตายเสยี ก็ดแี หละกลน่ิ เหอ...ไอไ้ หรๆ มนั เปลี่ยนไปเหม็ดแลว้ ...”
ดเู หมอื นยายกลนิ่ จะไมส่ นใจนยั ทคี่ ชู่ วี ติ เปรยออกมา แกผนิ หนา้ มองออกไป
ยังแถวโตนดยอดด้วนเบ้ืองหน้า พลางถอนหายใจทิ้งออกไปแรงๆ ราว
ต้องการปลดปล่อยความรู้สึกหนักหน่วงท่ีค่ังค้างอยู่ภายใน ให้พร่ังพรูออก
ไปกบั สายลมร้อนภายนอก
ในพยับแดด, นกกระยางสีขาวสามตัวน้ัน ร่อนกลับลงมาเดิน
กระย่องกระแย่งอย่ใู นบ่อกุ้งรา้ งอกี ครั้งหนงึ่ แลว้

นพดล พลกูล 23



เด็กก�ำพรำ้ ท่ีปักษ์ใต้

อำฟฟ‚ ะห์ อำแว



Thai Tales from the Deep South

เด็กกำ� พร้าที่ปกั ษ์ใต้

อาฟฟี ะห์ อาแว

มะนังกาแยงเป็นหมู่บ้านแห่งหน่ึงท่ีมีเด็ก
ก�ำพร้าเป็นจ�ำนวนมากและหน่ึงในนั้นมีช่ือว่ายามีละห์
ยามีละห์ก�ำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก ยายท้ังรักและเอ็นดู
ยามีละห์มากเพราะยามลี ะห์เปน็ เด็กท่ีฉลาด ทกุ คำ� สอน
ของยาย ยามีละห์จ�ำไดห้ มดและนำ� มาปฏิบัตไิ มข่ าดตก
บกพรอ่ ง เพียงแค่น้ยี ายกห็ ลงรักหลานทัง้ หัวใจ สง่ิ ที่ยาย
ปล้ืมยามีละห์สุดๆ ก็จะเป็นเร่ืองงานบ้านงานเรือนท่ี
ยามลี ะหท์ ำ� ไดส้ ารพดั อย่าง ยายเคยชมตอ่ หนา้ หลานว่า
สมบัติอันล�้ำคา่ ทย่ี ายรกั ยิง่ กว่าส่งิ ใดนน่ั คือยามลี ะห์
ยามีละห์เป็นเด็กผู้หญิงท่ีชอบท�ำอะไรเกินตัว
เป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย ขยันหมั่นเพียร รู้จักค�ำว่า
ความยากลำ� บากตงั้ แตเ่ ดก็ ดว้ ยความทก่ี ำ� พรา้ พอ่ แมต่ อ้ ง
อยกู่ บั ยายซงึ่ อายกุ ม็ ากแลว้ ทำ� ใหย้ ามลี ะหเ์ ปน็ คนทเี่ ขม้ แขง็
มีความอดทนสงู สามารถฟันฝา่ อุปสรรคต่างๆ ได้อยา่ ง
ง่ายดาย ตอนท่ียามีละห์สูญเสียพ่อกับแม่น้ัน ยามีละห์
ยังเด็กมากไม่สามารถจ�ำอะไรได้แต่บางอย่างที่ยามีละห์
สามารถสมั ผสั ไดจ้ ากออ้ มกอดแมน่ นั่ คอื ความอบอนุ่ ทไี่ ด้
จากไออุ่นของแม่ ยามีละห์ต้องสูญเสียพ่อกับแม่ในวัน
เดียวกันซ่ึงในวันนั้นพ่อกับแม่ไปกรีดยางได้ฝากยามีละห์
ให้ยายเล้ียงที่บ้านแต่หารู้ไม่ว่าครั้งน้ันเป็นครั้งสุดท้าย
ทแี่ มไ่ ดห้ อมแก้มยามีละหก์ ่อนทแ่ี มจ่ ะจากไปและไมม่ ีวัน
กลับมาเย่ียมยามีละห์อีก พ่อกับแม่ถูกยิงเสียชีวิตท้ังคู่

อาฟฟี ะห์ อาแว 27

เร่ืองเล่าจากปลายด้ามขวาน

ชีวิตของยามีละห์ต้องเรียนรู้ความยากล�ำบากตั้งแต่น้ันมา
“ยามีละห์” เสียงยายเรียกหลานให้มารับเงินไปเรียนวันละ
ไมก่ ีบ่ าท ดว้ ยเหตนุ ้ที ำ� ให้ ยามีละห์ รู้จกั ค่าของเงนิ เงินที่
ยายให้แตล่ ะวนั ยังมีเหลือไว้หยอดกระปกุ เพอื่ อนาคต ถงึ แม้
ยามีละห์ไม่มีพ่อแม่คอยเลี้ยงดูเหมือนเด็กคนอ่ืนๆ แต่
ยามีละห์ยังมียายอันเป็นที่รักคอยดูแลอยู่ข้างกายตลอดมา
ครั้งหนึ่งมีหญิงชราอายุมากแล้วแต่งกายด้วยชุดท่ีสกปรก
มากหลงทางมาจากไหนไม่มีใครรู้ต้องการความช่วยเหลือ
ยามลี ะหเ์ ป็นคนแรกท่ียื่นมอื ไปช่วยเหลือหญิงชรา ยามีละห์
คดิ ในใจวา่ ถงึ เขาไมไ่ ดเ้ ปน็ ญาตกิ จ็ รงิ แตเ่ ขากเ็ ปน็ มนษุ ยค์ น
หนง่ึ ทต่ี อ้ งการความชว่ ยเหลอื ยามลี ะหไ์ ดป้ ระคองหญงิ ชรา
กลับไปหายายท่ีบ้าน เมื่อยายเห็นเขา้ กไ็ ด้ชวนกันขนึ้ บา้ นไม้
เกา่ ๆ ซงึ่ เปน็ สมบตั ชิ นิ้ เดยี วทยี่ ายมี “กนิ ขา้ วใหอ้ ม่ิ นะไมต่ อ้ ง
เกรงใจ คงหิวมากสินะ อากาศชว่ งนรี้ อ้ นมาก โชคดมี ากท่ี
เจอกับยามลี ะห์ ยามลี ะห์หลานเราเองแหละ” ยายได้พูดคยุ
กบั หญงิ ชราอยา่ งสนทิ สนมเพราะรจู้ กั กนั มากอ่ นแตห่ ญงิ ชรา
จำ� อะไรไมไ่ ด้ แมก้ ระทง่ั บา้ นเกดิ ของตนเองแตด่ ว้ ยความคนุ้ เคย
ทำ� ใหห้ ญงิ ชราอาจนกึ ถงึ อดตี กเ็ ปน็ ไปได้ อดตี ยายกบั หญงิ ชรา
เป็นเพื่อนสนิทกันแต่หญิงชราได้อพยพไปอยู่ที่อ่ืนนานมาก
แล้ว ด้วยความท่ีชราหลงลืมและสติไม่สมประกอบ เมื่อ
ลูกสาวหญิงชราทราบข่าว ก็รีบมารับแม่กลับบ้านแต่ก่อน
ทจี่ ะกลบั กไ็ ดข้ อบใจยามลี ะหท์ ชี่ ว่ ยเหลอื แมไ่ ว้ หญงิ สาวรสู้ กึ
พอใจกบั ความนา่ รกั ของยามลี ะหม์ ากทไี่ มด่ ถู กู คนแกค่ นเสยี สต ิ
“พ่อกับแม่หนูอยู่ไหนจ๊ะ”หญิงสาวถามยามีละห ์
ยามีละห์ส่ายหน้าพร้อมตอบว่า “หนูไม่มีพ่อแม่ หนูอยู่กับ
ยาย ยายเปน็ ทงั้ พอ่ เปน็ ทง้ั แมค่ อยชแี้ นะนำ� ทางใหห้ นเู ปน็ คนดี
หนรู กั ยายมาก” หญงิ สาวไดถ้ ามอกี วา่ “พอ่ แมห่ นไู ดเ้ สยี ชวี ติ

28 เดก็ ก�ำพรา้ ท่ีปกั ษใ์ ต้

Thai Tales from the Deep South 29

ดว้ ยสาเหตอุ ะไร” ยามลี ะหต์ อบวา่ “พอ่ แมห่ นเู สยี ชวี ติ หลาย
ปีแล้วถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตตอนไปกรีดยาง ตอนน้ันหนูยัง
เด็กมาก หนูสญู เสียคนรักถงึ สองคน คนหนง่ึ คือพอ่ อีกคน
คือแม่หากถามว่าพ่อแม่หนูมีค่ามากน้อยแค่ไหนโลกท้ังโลก
ไมส่ ามารถเทยี บเทา่ ไดเ้ ลย” หญงิ สาวรสู้ กึ เสยี ใจกบั คำ� บอกเลา่
ของยามีละห์มากจึงได้ยื่นมือไปสัมผัสมือยามีละห์เพื่อ
เปน็ การปลอบใจ ยามลี ะหส์ ามารถจดจำ� ภาพในอดตี ไดอ้ ยา่ ง
แม่นยำ� นกึ ถึงทีไรน้ำ� ตาก็ไหล อ้อมกอดแมอ่ บอุ่นทสี่ ดุ ในโลก
ยามลี ะหส์ มั ผสั ไดว้ า่ ออ้ มกอดแมใ่ นวนั นนั้ ชา่ งอบอนุ่ เสยี จรงิ ๆ
อมิ่ อกอมิ่ ใจบอกไมถ่ กู ความรสู้ กึ นไ้ี มม่ ใี ครสามารถมาแทนที่
ไดน้ อกจากยาย เมื่อหญิงสาวกลบั ไปแลว้ ยามลี ะหล์ ุกไปหา
ยายพร้อมหอมแก้มยายและอ้อนยายด้วยค�ำหวานๆ ว่า
“ตกั ยายเนย่ี อบอนุ่ เสียจรงิ ๆ หนรู กั ยายทสี่ ดุ ในโลก” ยายฟงั
แล้วรู้สึกภูมิใจแทนพ่อแม่ยามีละห์ที่มีลูกสาวน่ารักน่าเอ็นดู
อย่างน้ี ยายบอกยามีละห์ว่า “ตอนเด็กๆ ยามีละห์ชอบ
ฝนั ละเมอถึงแม่บางคืนรอ้ งไหเ้ สยี งดงั ลั่นร้องจะขอนอนกอด
แม่ตามประสาเด็ก ยายทั้งปลอบทั้งกอดสงสารยามีละห์
จับใจ บางคืนยายกล้นั เสยี งสะอนื้ ไม่อยู่ร้องออกมา ท้งั ยาย
และหลานซ่ึงเป็นภาพทน่ี ่าหดหูม่ ากแตน่ ัน่ เปน็ อดีตไปแล้ว”
ยามลี ะหก์ บั ยายชอบมานงั่ บนแครห่ นา้ บา้ นใหเ้ หน็
เปน็ ประจำ� วนั นกี้ เ็ ชน่ เดยี วกนั สองยายหลานกอดกนั อยา่ งรกั
ใครซ่ ง่ึ เปน็ ภาพทห่ี าดไู ดย้ ากในสงั คมปจั จบุ นั ใครผา่ นไปผา่ น
มาแถวนนั้ ยงั ชมวา่ สองยายหลานคนู่ น้ี า่ รกั มาก ทกุ ครงั้ ทกี่ ลบั
จากโรงเรียนยามีละห์กับยายชอบมาน่ังบนแคร่หน้าบ้าน
เพราะอากาศดีมากเย็นสบายไม่ต้องติดแอร์เหมือนคนใน
เมืองต้นไม้ท้ังขนาดเล็กและขนาดใหญ่ต่างก็ช่วยพัดเอา
ความเยน็ มาใหส้ องยายหลานนงั่ เลา่ นทิ านบนแครอ่ ยา่ งสบายใจ

อาฟฟี ะห์ อาแว

เร่ืองเลา่ จากปลายด้ามขวาน

ยายเลา่ ประวตั ขิ องศาสดาให ้ ยามลี ะหฟ์ งั ยามลี ะหช์ อบใจมากออ้ นใหย้ าย
เล่าทุกวัน โดยเฉพาะศาสดาท่านสุดท้ายยามีละห์ชอบมาก ศาสดาท่านนี้
มชี อ่ื วา่ มฮู มั หมดั เพราะชวี ติ ของทา่ นกำ� พรา้ พอ่ แมต่ ง้ั แตเ่ ดก็ อยกู่ บั ปไู่ มก่ เ่ี ดอื น
กต็ อ้ งกำ� พรา้ ปู่ ตอ้ งไปอาศยั ลงุ ทำ� ใหช้ วี ติ ทา่ นลำ� บากมากแตด่ ว้ ยความทท่ี า่ น
เปน็ คนดแี ละในตวั ทา่ นมหี ลายสง่ิ หลายอยา่ งทนี่ า่ ยกยอ่ ง สามารถเปน็ ตน้ แบบ
ใหก้ บั คนรนุ่ หลงั นนั่ กค็ อื ความซอื่ สตั ย์ ความอดทนอดกลนั้ ความขยนั หมน่ั เพยี ร
ความเสยี สละ และความกตญั ญตู อ่ ผมู้ พี ระคณุ คนทงั้ โลกยอมรบั ทา่ นเพราะ
ท่านเป็นผู้น�ำที่ยิ่งใหญ่มาก ทุกคนท่ีนับถือศาสนาอิสลามรักท่านมากกว่า
ชีวิต ดังนัน้ ยามีละหต์ ้องตามแบบอยา่ งของท่านใหไ้ ด ้ ยามลี ะห์คิดในใจ
ว่าจากน้ีไปจะไม่ยอมแพ้จะต้องเขม้ แขง็ เหมือนทา่ น
วันนี้อากาศดีเหมือนเช่นเคยยามีละห์เห็นยายมาน่ังรับลมอยู่บน
แคร่หน้าบ้านก็รีบไปกอดยายพร้อมหอมแก้มซึ่งเป็นเรื่องปกติส�ำหรับยาย
หลานคนู่ ้ี จากนน้ั ยามลี ะหเ์ อากระดาษซงึ่ มขี อ้ ความอยใู่ นนน้ั อา่ นใหย้ ายฟงั
วา่ ชวี ติ ของคนเรานน้ั อยใู่ นกำ� มอื ของผสู้ รา้ ง ฉะนนั้ อยา่ นอ้ ยใจในโชคชะตา
ถงึ พอ่ แมไ่ มไ่ ดอ้ ยกู่ บั ลกู บนโลกนี้ ลกู อยากบอกพอ่ กบั แมว่ า่ ลกู รกั ทา่ นทงั้ สอง
มากกว่าชีวิตของลกู ลกู มยี ายคอยดแู ล ยายอายมุ ากแล้ว ลูกสัญญาว่าลกู
จะดแู ลยายใหส้ ขุ สบายเพราะยายสอนลกู ใหเ้ ปน็ คนดี ลกู ไมโ่ กรธคนทฆ่ี า่ พอ่
กบั แม ่ ลูกท�ำใจได้แลว้ แตล่ กู อยากบอกวา่ ความรู้สกึ ของคนขาดพอ่ ขาดแม่
รสู้ กึ ไมต่ า่ งไปจากลกู กวางหลงปา่ ทง้ั เควง้ ควา้ ง ทง้ั อา้ งวา้ ง แตใ่ นความโชครา้ ย
ยังมีความดีซ่อนอยู่เพราะมียายท่ีแสนดีคอยเลี้ยงดูและยังปลูกฝังให้ลูกเป็น
คนดี เม่ือยามีละห์อ่านเสร็จแล้วยายชื่นชมยามีละห์ด้วยน�้ำตาว่าหลานรัก
ของยาย ยายภมู ิใจมากท่หี ลานเปน็ คนดีและรู้จกั ให้อภัย
เรอ่ื งนีส้ อนใหร้ วู้ ่าความดียอ่ มชนะอธรรม

30 เด็กกำ� พรา้ ท่ปี ักษ์ใต้

หอ่ หมก พอเพยี งตำมรอยพอ่

วชิ ยตุ ม์ สกุลวศิ ลั ย์



Thai Tales from the Deep South

หอ่ หมก พอเพียงตามรอยพอ่

วชิ ยตุ ม์ สกุลวิศัลย์

เช้าวันหนึ่ง ผมได้ตื่นข้ึนมาในสภาพงัวเงีย
เพราะแสงแดดท่ีสาดส่องลอดช่องหน้าต่างเข้ามาท�ำให้รู้
วา่ เชา้ นผ้ี มตนื่ สายมากแลว้ จงึ เดนิ ไปเปดิ หนา้ ตา่ ง เหน็ พอ่
กำ� ลงั ตากใบตองอยทู่ ร่ี าวยางขา้ งบา้ น ผมจงึ ตะโกนถาม
พ่อวา่ “พอ่ ครบั ตากใบตองท�ำอะไรหรือครบั พอ่ ” พอ่ จงึ
ตอบมาวา่ ”วันน้แี มจ่ ะท�ำห่อหมกนะ่ ”
ด้วยความง่วงจึงเดินไปที่เตียงเพ่ือจะหลับต่อ
แต่ได้ยินเสียงแม่เรียกให้ไปรับประทานอาหารเช้า
ผมจึงเดินไปล้างหน้า แปรงฟันแล้วเดินไปท่ีโต๊ะอาหาร
เมนวู นั นค้ี อื “ขา้ วตม้ กยุ๊ ”(คอื ขา้ วตม้ ทตี่ ม้ กบั นำ้� เปลา่ จดื ๆ
บางครัง้ แมก่ ็จะหนั่ ฟักทอง หรือเผอื กเป็นสีเ่ หลี่ยมลูกเต๋า
เล็กๆ ลงไปต้มกับข้าวด้วย แล้วรับประทานกับไข่เค็ม
ปลาเคม็ ตวั เลก็ ๆ หรอื ปลาเลก็ ปลานอ้ ย ผดั ผกั และอน่ื ๆ
ตามชอม) ฝีมอื แมอ่ รอ่ ยไม่เคยเปลย่ี นไปเลย แม่ไมเ่ คย
ใช้ผงชูรส แต่รสชาติอาหารทุกเมนูของแม่กลมกล่อม
ถกู ปากผมมาก เชา้ นเี้ ลยเลยเพมิ่ พลงั ดว้ ยขา้ วตม้ กยุ๊ ของ
แมไ่ ปสองถว้ ย อ่มิ ก�ำลงั พอด ี
เม่ืออ่ิมแล้วขณะท่ีก�ำลังเก็บจานไปล้างก็ได้ยิน
เสียงขูดมะพร้าวดังแว่วมาจากในครัว ผมจึงเดินเข้าไป
เห็นพ่อและแม่ก�ำลังช่วยกันเตรียมเคร่ืองปรุงห่อหมก
แม่ก�ำลังล้างใบโหระพาและยอดยอ ส่วนพ่อขูดมะพร้าว
ผมจึงรีบล้างจานและอาสาช่วยงานด้วย แม่จึงให้ผมไป

วชิ ยุตม์ สกุลวศิ ลั ย์ 33

เร่ืองเลา่ จากปลายด้ามขวาน

ตดั ตะไครแ้ ละขดุ ขา่ จากสวนขา้ งบา้ นมาใหแ้ มท่ ำ� พรกิ แกง
ผสมในห่อหมก เมื่อคว้ามดี และเสียมอันเลก็ ๆ ไดผ้ มจงึ
เดนิ ลงไปในสวนซงึ่ หา่ งจากบา้ นไมม่ ากนกั ผา่ นแปลงผกั
ของยายเหน็ ยายกำ� ลงั กม้ ๆ เงยๆ อยตู่ รงแปลงผกั กาดเขยี ว
จงึ เขา้ ไปถามวา่ ยายกำ� ลงั ทำ� อะไร ยายตอบวา่ “กำ� ลงั จบั
ขโมย”(จบั หอยและหนอนทช่ี อบแอบมากนิ ใบผกั กาดนะ่ )
ผมหัวเราะและหยอกยายไปว่า “ผมก็ก�ำลังจะไปขโมย
ขา่ กบั ตะไครข้ องยายนะ ”ยายยมิ้ และเดนิ ตามไปชว่ ยผม
ระหวา่ งทช่ี ว่ ยกนั ขดุ ขา่ และตดั ตะไครย้ ายเลา่ ใหผ้ มฟงั วา่
เม่ือก่อนยายเลี้ยงแม่มาด้วยความยากล�ำบาก ฐานะ
ค่อนข้างยากจน แต่ยายรู้จักอดออมเก็บเล็กผสมน้อย
ยายปลูกผักและเก็บผักไปขายเป็นรายได้เสริมจากการ
ทำ� สวนยางพาราจนสามารถสง่ ใหแ้ มเ่ รยี นจบปรญิ ญาตรี
ได ้ ทุกวันนี้ยายก็ยงั คงปลกู ผกั โดยเฉพาะผักสวนครัว
ที่พอ่ และแมก่ ม็ ีส่วนช่วยยายปลกู และดแู ล ยายไม่ชอบ
ใช้สารเคมี ส่วนปุ๋ยก็คือขี้ไก่ซึ่งได้จากเล้าไก่ของพ่อ
ครอบครวั ผมจงึ มผี ักปลอดสารพิษไว้รบั ประทานไมข่ าด
เมอ่ื ไดข้ า่ กบั ตะไครแ้ ลว้ กร็ บี นำ� กลบั ไปใหแ้ ม่ เหน็ พอ่ เดนิ
ตรงไปยังโอง่ น้ำ� ขา้ งบา้ น แลว้ จบั ปลาชอ่ นตวั ใหญข่ ้ึนมา
ตหี วั ขอดเกลด็ และแลเ่ นอ้ื หนั่ เปน็ ชนิ้ ๆ ผมสงสยั จงึ ถาม
พอ่ วา่ “เอาปลาชอ่ นมาจากไหนหรอื ครบั ” แมไ่ ดต้ อบแทน
พอ่ วา่ “เมอื่ วานพอ่ ไปปกั เบด็ ไดม้ าจากหนองนำ�้ แถวบา้ นนะ
ใกล้ๆนเ่ี อง”
หลงั จากนน้ั ผมจงึ ไปเกบ็ ใบตองและมาชว่ ยแมฉ่ กี
เหลาไม้กลัดและกลัดใบตองเป็นกระทง เมื่อเสร็จแล้ว
แม่น�ำกะทิท่ีพ่อค้ันไว้เทใส่หม้อ ตามด้วยเนื้อปลาช่อน
ไขไ่ กแ่ ละพรกิ แกง ปรงุ รสดว้ ยนำ�้ ปลา นำ�้ ตาล คนจนขน้

34 หอ่ หมก พอเพียงตามรอยพ่อ

Thai Tales from the Deep South 35

ไดท้ จี่ งึ ตกั ใสก่ ระทงใบตอง ซง่ึ รองกน้ ดว้ ยใบโหระพาและ
ยอดใบยอ ราดหวั กะทิ โรยหนา้ ด้วยพริกและใบมะกรดู
หั่นฝอย แล้วนำ� ไปนง่ึ
ในระหว่างท่ีช่วยกันทำ� งาน แมพ่ ูดให้ผมฟังว่า
“เหน็ ไหมลกู วตั ถดุ บิ เกอื บทกุ อยา่ งเราแทบไมไ่ ดซ้ ื้อเลย
ผกั กเ็ กบ็ เอามาจากรมิ รวั้ จากสวน มะพรา้ วเรากป็ ลกู เอง
ปลาก็ได้มาจากหนองน�้ำใกล้บ้าน ไข่ไก่ก็ได้จากไก่ท ี่
พอ่ เลย้ี งไวเ้ มนหู อ่ หมกในวนั นเี้ ราแทบไมต่ อ้ งเสยี เงนิ เลย
นั่นเป็นเพราะพ่อและแม่ยึดปฏิบัติตามหลักปรัชญา
เศรษฐกจิ พอเพยี งของในหลวงรชั การท่ี 9 และส่วนหนง่ึ
ก็เกดิ จากการปลูกฝงั เลย้ี งดขู องยาย ซึง่ ยายเองก็น�ำเอา
หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชการที่ 9
มาใชด้ ว้ ยเชน่ กนั ทำ� ใหพ้ อ่ และแมใ่ ชช้ วี ติ อยา่ งพอเพยี ง
เรยี บงา่ ย ประหยดั และอดออมเพอื่ จะไดม้ ที นุ สง่ ใหล้ กู ชาย
แม่เรียนแพทย์ไงจ๊ะ” แม่ท้ิงท้ายด้วยการพูดหยอกผม
เพราะผมเคยบอกแมต่ ามประสาความคดิ เดก็ ๆ ของผม
ว่า โตขน้ึ ผมอยากเรียนแพทย์ จะไดช้ ่วยเหลือคนท่ีเขา
เจ็บปว่ ย
จากการท่ีพูดคุยกับแม่ ท�ำให้ผมอยากรู้เร่ือง
หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งใหม้ ากกวา่ น้ี เมอ่ื ชว่ ยเกบ็
กวาดเสร็จแล้ว ผมจึงเดินเข้าไปในห้องท�ำงานของพ่อ
เปิดคอมพิวเตอร์แล้วค้นหาข้อมูลเก่ียวกับหลักปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพียงและพระราชกรณียกิจของในหลวง
รัชกาลท่ี 9 ก็พบว่าในหลวงรัชกาลท่ี 9 ทรงห่วงใย
ประชาชนของพระองค์ โดยเฉพาะประชาชนในพนื้ ทหี่ า่ งไกล
ทอ้ งถิ่นทุรกันดาร และจากการท่ีพระองค์เสดจ็ ไปเยยี่ ม
ประชาชนทกุ พน้ื ของประเทศไทยกไ็ ดเ้ หน็ ความทกุ ขย์ าก

วชิ ยุตม์ สกลุ วศิ ลั ย์

เร่ืองเล่าจากปลายดา้ มขวาน

จึงท�ำให้เกิดโครงการในพระราชด�ำหริขึ้นมากมายหลายพัน
โครงการ เพอื่ แกป้ ญั หาความทกุ ขย์ ากของประชาชน สว่ นใหญ่
เป็นโครงการท่ีเข้าไปแก้ปญั หาเรือ่ งดนิ น้ำ� ปา่ ไมแ้ ละอ่นื ๆ ซ่งึ
เป็นปัจจัยหลักในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่เป็นอาชีพ
หลกั ของคนไทย
จงั หวดั นราธวิ าสบา้ นผมกม็ โี ครงการในพระราชดำ� หริ
หลายโครงการ เช่น โครงการแกล้งดนิ ท่ีแก้ปญั หาดนิ เปรี้ยว
ปรบั ปรงุ ดนิ ใหใ้ ช้ในการเพาะปลกู ได้ โครงการสรา้ งฝายชะลอ
น�้ำเพ่ือเก็บกักน้�ำไว้ใช้ โครงการศึกษาการพัฒนาพิกุลทองซ่ึง
เปน็ โครงการทศ่ี กึ ษาและทดลองปรบั ปรงุ ดนิ ในพนื้ ทพี่ รุ รวมทง้ั
ให้ความรทู้ างด้านการเพาะปลกู เล้ียงสัตว์ และเปน็ ศนู ย์การ
เรยี นร้ใู นเรอ่ื งหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ซง่ึ เม่อื ผมคน้ ควา้
กพ็ บวา่ “หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งของในหลวงรชั กาลที่ 9
คือการเดินอยู่ทางสายกลางไม่น้อยเกินไปไม่มากเกินไป
อยอู่ ยา่ งพอด ี ไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งประหยดั มากมายแคอ่ ยอู่ ยา่ งพอดี
ให้มีความสุขก็เพียงพอ”อย่างท่ีครอบครัวของผมยึดถือปฏิบัติ
มาโดยตลอด ผมรู้สึกซาบซ้ึงในพระมหากรุณาธิคุณ จึงต้ัง
ปณิธานไว้ว่าจากน้ีเป็นต้นไปผมจะยึดเอาแบบอย่าง แนวคิด
และหลกั ทรงงานของพระองค์ เชน่ การพง่ึ ตนเอง พออยพู่ อกนิ
ประหยดั เรยี บง่าย ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ จะยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพยี งมาใชใ้ นชวี ติ ประจำ� วนั และครอบครวั ของผมในอนาคต
รวมท้งั จะความรนู้ ้ี ไปบอกเล่าใหค้ นอ่นื รู้ไดอ้ กี ดว้ ย

36 ห่อหมก พอเพยี งตามรอยพอ่

Thai Tales from the Deep South

กลิ่นหอมออ่ นๆของห่อหมกลอยมา พร้อมกบั เสียง
เรยี กของพอ่ “ลูกหอ่ หมกเสร็จแลว้ มากินเร็ว” ผมจึงออกจาก
ห้องตรงไปยังโต๊ะอาหารและรับประทานหอ่ หมกกับครอบครวั
อยา่ งมคี วามสขุ สขุ ใจในความพอเพยี งและสขุ ใจทไ่ี ดเ้ กดิ ใตร้ ม่
พระบารมขี องพระราชาผ้พู อเพยี ง

วชิ ยตุ ม์ สกลุ วิศัลย์ 37



สำยสมั พันธท์ ี่ขำดชว่ ง

อนสุ รณ์ ศรีคำ� ขวญั



Thai Tales from the Deep South

สายสัมพนั ธท์ ่ขี าดชว่ ง

อนสุ รณ์ ศรคี ำ� ขวัญ

ในท่ีสุดสุรเชษฐ์ก็ยอมต่อเจตจ�ำนงของพ่อ
“มึงลืมบ้านลืมเจ๊ะไปแล้ว อย่าให้หลานต้องไม่รู้จักบ้าน
ตามมงึ ดว้ ยเลย”
เปน็ อนั วา่ ขอ้ ถกเถยี งทค่ี ะคานกนั ไปมาถงึ ๓ ครงั้
ดว้ ยเหตผุ ลขลบิ ทโี่ รงพยาบาลเอกชนของกรงุ เทพฯ ดกี วา่
ปลอดภยั กว่า กับกลบั ปัตตานเี ข้าพธิ สี นุ ัตตามแบบบรรพ
ชนดีและสมบูรณ์แบบกว่า เป็นอันยุติลงด้วยไม้เด็ดที่สุร
เชษฐไ์ มร่ วู้ า่ พอ่ ขดุ มาจากไหน และเขาเผลอรบั คำ� ตกปาก
ไปได้อย่างไร มานึกย้อนอีกทีให้ขัดใจตัวเองนัก พ่อไม่
เข้าใจเอาเสียเลยโลกหมนุ และพัฒนาไปถงึ ไหนแลว้ ใคร
เขามามัวขลิบปลายอวัยวะเพศลูกชายตามหลักศาสนา
อิสลามเม่อื ครบอายกุ ัน มนั ท้งั เสย่ี งโรค เสย่ี งหมอมอื สัน่
ตัดขาดไปทั้งดุ้น ข่าวก็มี จะไม่รู้ไม่เห็นก็ไม่ได้ ถึงอายุ
๘๐ แลว้ พอ่ กต็ ามขา่ วสารบา้ นเมอื งอยเู่ สมอ จะหวั โบราณ
นี่ก็เชื่อไม่ได้ ดูอย่างการร�ำมะโย่งอาชีพของพ่อนั่นไง
ใครๆ บอกมนั ผดิ ขดั หลกั ศาสนาอสิ ลาม พอ่ ยงั รน้ั ยงั เถยี ง
“ศาสนากับประเพณีมึงต้องแยกให้ออก” แล้วนี่อะไร
ดันแยกไมอ่ อกเสยี เองระหวา่ งประเพณกี ับสขุ อนามัย
หลุดปากรับค�ำพ่อไปแล้วสุรเชษฐ์จึงจ�ำใจส่ง
ลกู ชายวยั ๘ ขวบไปอยบู่ า้ นพอ่ กอ่ นเขา้ พธิ สี นุ ตั ๒ สปั ดาห์
ดว้ ยเหตผุ ลใหเ้ ดก็ คนุ้ เคยกบั ผคู้ นและวถิ คี วามเปน็ อยู่ จๆู่
โผลพ่ รวดไปขลบิ ทนั ทเี กรงเดก็ จะกลวั เพราะตงั้ แตเ่ กดิ มา

อนสุ รณ์ ศรคี ำ� ขวญั 41

เรื่องเลา่ จากปลายด้ามขวาน

สรุ เชษฐพ์ าเดก็ ชายไปเยยี่ มปเู่ พยี งครงั้ เดยี วเมอ่ื อายุ ๒ ขวบเทา่ นน้ั จรงิ อย่ทู ่ี
การเดนิ ทางสะดวก กรงุ เทพฯ ปตั ตานี มที งั้ รถไฟ บขส. เครอ่ื งบนิ แตอ่ าชพี
อาจารยน์ ติ ศิ าสตรม์ หาวทิ ยาลยั ไมเ่ ออ้ื เวลาใหม้ ากนกั ครงั้ พอวา่ งบา้ งลกู ชาย
ตดิ เรียนพเิ ศษซะอีก เรื่องเรยี นนเ่ี ปน็ อีกเหตผุ ลหนง่ึ ทเี่ ขาไมอ่ ยากใหล้ กู กลบั
ไปขลบิ ทีป่ ัตตานี
ทงั้ กอ่ น และลาลกู ตอนไปสง่ ให้อยู่กับปู่ สุรเชษฐ์เองหวน่ั ๆ กลวั
เด็กชายจะใชช้ ีวิตอยใู่ นชนบทไม่ได้ แตเ่ อาเขา้ จริงเดก็ วยั นีก้ ลับปรับตัวเขา้
กบั สภาพแวดลอ้ มไดอ้ ยา่ งดี โทรศพั ทไ์ ปหาทไี รมเี รอื่ งตนื่ เตน้ เลา่ ใหฟ้ งั เสมอ
เปน็ สุรเชษฐ์เองที่ไม่อยากฟังและเลกิ โทรไปในท่ีสุด

________________________________
สรุ เชษฐไ์ ปถงึ บา้ นพอ่ ในชว่ งเยน็ ของวนั กอ่ นเขา้ พธิ ี เปน็ วนั เลยี้ งแขก
เขาเดินทางโดยเคร่ืองบิน ลงท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ แล้วเช่า
รถยนต์ขับเข้าบ้านเหมือนเคย ก่อนถึงบ้านมีรถยนต์จอดริมทางหลายคัน
ก้อนหงุดหงิดเร่ิมก่อตัว พอจอดรถและเดินไปเจอพ่อเท่าน้ันก้อนหงุดหงิด
ที่สะสมพลนั พงุ่ ออกมา
“เจะ๊ ไหนว่าไม่จัดใหญโ่ ตไง น่ีอะไรเต็นทต์ ้ัง ๓ หลงั ล้มวัวไปกีต่ ัว
แล้ว ผมไม่ไหวนะเรือ่ งค่าใช้จ่ายนะ่ ” ฝ่ายพ่อพยายามจะอธิบายแตป่ ากอา้
ชา้ กวา่ “นน่ั โรงหนงั ตะลงุ เจะ๊ รบั หนงั ตะลงุ มาอกี กหี่ มนื่ ละ่ จะอะไรนกั หนา
กบั การเข้าสนุ ตั ของหลานเนยี่ นีจ่ ะจัดเพอื่ หลานหรือเพื่อตัวเอง บอกแลว้ ว่า
ไม่ต้องใหญ่”
โดนโวยเปน็ ชดุ ฝา่ ยพอ่ ชา้ อยไู่ มไ่ หว หากบา้ นไมม่ ากดว้ ยแขกรว่ มงาน
คงได้มีตะคอกกลับ “กูก็ไม่ได้อยากจัดใหญ่ แต่ญาติพี่น้องเขารู้ เขาก็มา
ชว่ ยแลว้ คนทีเ่ ขารกั ษาหายกบั กอู ีก จะใหก้ ูทำ� อยา่ งไร หนงั ตะลงุ นัน่ ก็ของ
ลุงเด็ง มงึ ลืมเพื่อนสนิทพ่อไปแลว้ เหรอ เต็นท์เอย ววั เอย ญาตๆิ เราทง้ั น้นั
ทชี่ ่วยกัน น่ังเต็มอยู่หลงั บ้านแนะ่ มึงกน็ า่ ไปทักทายเขาบา้ งนะ”

42 สายสัมพันธท์ ่ขี าดชว่ ง

Thai Tales from the Deep South

“ไวก้ อ่ นเจะ๊ ขอพักสักเดย๋ี ว”
พูดจบสุรเชษฐ์ปลีกตัวไปยังแคร่ใต้ต้นมังคุดเพื่อนบ้าน หย่อนก้น
ลงนง่ั ไมถ่ งึ นาที สุรเดชลูกชายก็ว่งิ อมุ้ ไกแ่ จแ้ ตเ้ ขา้ มาหาสรุ เชษฐ์ไมแ่ ปลกใจ
กับทา่ ทขี องลูก แต่ไม่เข้าใจในตวั ไก่แจ้แดงท่ีอุม้ มา
“พอ่ น่ีเจา้ โรเบิรต์ แบแอใหผ้ มมา มนั เกง่ มากนะรู้ไหม ฉลาดดว้ ย
อยู่กับผมขนั เก๊งเกง่ ผมเอาไปแข่งได้ท่ีสองเลยนะ ไดผ้ ้านวมมาห่มอ่นุ มาก
อยู่กบั แบแอ แกบอกไมข่ ันสกั แอะ ถา้ ผมไม่เอาไปเลีย้ งแกจะจับต้มยำ� ทีนี้
มาขอซ้ือคนื ๒,๐๐๐ ไมม่ ที างซะหรอก”
“แขง่ ไก่แจเ้ นย่ี นะ” สรุ เชษฐถ์ าม
“ใช่พอ่ แข่งให้มันขันเหมอื นแข่งนก”
“กว็ า่ สมยั พอ่ เดก็ ๆ ไมม่ ใี ครเขาแขง่ ไกแ่ จก้ นั หรอก เขาแขง่ นกเขา
นกกรงหวั จกุ ”
“โห!้ นกกรงตอ้ งบา้ นลงุ ซอรเี ลยพอ่ มตี งั้ สบิ ตวั เทพๆ ทงั้ นนั้ ไปแขง่
ได้รางวัลกลับมาตลอดแล้วพ่อรู้ไหมลุงซอรีต่ืนเท่ียงคืนทุกคืนไปกรีดยาง
เสรจ็ กเ็ ช้าพอดี แล้วแกกไ็ ปกินนำ้� ชาทร่ี ้าน กลบั มากฝ็ กึ นก ฝึกจรงิ จงั ด้วย
นะพ่อนกถึงเก่ง”
“ทำ� ไมจะไมร่ ลู้ ะ่ กน็ บี่ า้ นเกดิ พอ่ คนทกี่ รดี ยางเขากรดี ดกึ ๆ ทง้ั นนั้
กลางวนั ถงึ นอนพัก ไมใ่ ช่เพราะขเ้ี กียจหรอกนะ เพราะเขาท�ำงานกลางคนื ”
“รู้แล้วท�ำไมพ่อไม่เคยบอกผมเลย” สุรเดชถาม แต่เหมือนไม่ได้
ตอ้ งการคำ� ตอบ เพราะเด็กชายเปลย่ี นเรอ่ื งทันที “พอ่ ๆ แลว้ ครูมะโย่งน่ีมัน
ย่งิ ใหญ่มากเลยเหรอ ใครๆ ก็มาหาปู่ ผมเคยไดย้ นิ บางคนมาว่าปู่จะจดั พธิ ี
สุนตั ใหห้ ลานจะไม่จดั งานได้อย่างไร”
“ไมใ่ ชแ่ คเ่ พราะครมู ะโยง่ หรอกลกู ไปเลน่ กบั แบแอกอ่ นนะ พอ่ ขอตวั
ไปคุยกับลงุ ๆ ป้าๆ ในครวั หนอ่ ย”

________________________________

อนสุ รณ์ ศรคี ำ� ขวญั 43

เรื่องเล่าจากปลายดา้ มขวาน

งานเล้ียงเข้าพิธีสุนัต จะมีอะไรน่าคุยไปกว่า
เหตกุ ารณข์ องผชู้ ายกบั การขลบิ ปลายอวยั วะเพศ สรุ เชษฐ์
ดว้ ยไมโ่ ผลห่ นา้ มาใหเ้ พอ่ื นเหน็ หลายปจี งึ ถกู รมุ ประจานอยู่
ฝ่ายเดียว ไหนจะเรื่องที่หนีไปซ่อนหลังพุ่มไม้ก่อนเข้าพิธี
บา้ ง เรอื่ งอวยั วะเพศทเ่ี คยเทา่ นวิ้ หวั แมม่ อื กลบั หดเหลอื เทา่
ปลายนวิ้ กอ้ ย จนหลายคนลอ้ “ไมต่ อ้ งกลวั วา่ หมอโตะ๊ มเู ดง็
จะตดั ผดิ เพราะของจรงิ หดไมม่ เี หลอื ” แตท่ เ่ี ดด็ สดุ เหน็ จะ
ไม่พ้นเรื่องที่หลังขลิบ สุรเชษฐ์ต้องมีกะลาประจ�ำกายถึง
๒ อัน
“เกยี่ วอะไรกบั กะลาละ่ จะ้ ” มนี า สาวแรกรนุ่ ทเ่ี ดมิ
เดนิ ผา่ นมาหมายตกั นำ�้ แขง็ แตเ่ ผลอยนื ฟงั เรอื่ งขำ� ๆ จนเพลนิ
หลุดปากถาม
ซอรดี ้วยคะนองปากไม่ทันหันมองเจา้ ของเสยี ง
รีบตอบ “กไ็ อเ้ ชษฐม์ ันต่ืนตวั ไว โดแ่ ล้วลงยาก เพ่ิงขลิบมา
ใหม่ๆ น้องชายตื่นตัวเต็มท่ีแบบนั้นเจ็บแผลแย่ ต้องใช้
กะลาเคาะหัวเข่าให้คลายลง แต่ข้างเดียวเอาไม่อยู่ ของ
ไอเ้ ชษฐ์ตอ้ งสอง คนอารา๊ ย แม่แพะเดนิ ผา่ นยังจะโด่”
พดู จบขำ� รา่ อยคู่ นเดยี ว ผิดสังเกตจงึ หนั ไปมอง
เจา้ ของค�ำถาม ถงึ กบั ชะงักไปเส้ยี ววินาที รีบไลม่ นี าออก
ไปไกลๆ แลว้ แกเ้ ขนิ ดว้ ยคำ� พดู มากสาระ “เรอ่ื งขลบิ นด่ี นี ะ
ทบ่ี า้ นเราไมไ่ ดม้ พี ธิ ใี หญโ่ ตเหมอื นบา้ นอน่ื ๆ ดอู ยา่ งเปา๊ ะจิ
ที่นราธิวาสสิ บ้านน้ันก่อนขลิบต้องแห่ช้างน�ำพิธี ท�ำมา
หลายร่นุ มาปีทีแ่ ล้วไม่มชี า้ งเข้าพิธี แผลขลิบไม่ยอมแห้ง
ตอ้ งแก้ใหม่โดยน�ำช้างมาแห่ใหม่”
“บรรพบรุ ษุ เขาเป็นหมอชา้ ง แหช่ ้างตลอดไม่แห่
ได้อย่างไร ปีก่อนหาช้างไม่ได้เลยผิดประเพณีไปหน่อย”
พอ่ ของสรุ เชษฐเ์ ดินมารว่ มวง พูดแทรก

44 สายสมั พนั ธ์ทข่ี าดชว่ ง

Thai Tales from the Deep South

“เจ๊ะมาพอดี พรุ่งน้ีเช้าตอนโต๊ะมูเด็งจะลงมีดขลิบ
หลานผมขอยงิ ปืนเปน็ สญั ญาณนะ” ซอรเี ปล่ียนเร่ือง
“ไมเ่ อาๆ” พ่อของสุรเชษฐค์ า้ น “กูจะใชป้ นั จกั สีลัต
ปนื ไม่ใช่ประเพณี อยา่ เอามาปน”
ตงั้ แตพ่ ่อของสรุ เชษฐเ์ ขา้ มารว่ มกลมุ่ เร่อื งตลกขบขัน
จึงค่อยๆ กลายเป็นวาระงานของวันรุ่งข้ึน เร่ืองราวไหลไว
กระท่ังเสียงกลองเสียงฆ้องโหมโรงดังข้ึน ทุกคนจึงทราบว่า
๒๐.๐๐ น. แล้ว
สุรเชษฐข์ อตวั พาลูกชายไปนงั่ ดูหนงั ตะลุง

________________________________
หนา้ โรงหนงั ตะลงุ สรุ เดชนง่ั อยไู่ ดเ้ พราะสรุ เชษฐค์ อย
เลา่ เรอื่ งวยั เดก็ ใหฟ้ งั เนอ่ื งจากตวั ละครเงาทแ่ี สดงเบอื้ งหนา้ นนั้
พดู ภาษามลายู เขาฟงั ไมร่ เู้ รอื่ ง สรุ เชษฐอ์ ธบิ ายใหล้ กู ฟงั ทเ่ี หน็
ตรงหนา้ คือหนงั ตะลงุ ‘วายังกูเละ’
“เม่ือก่อนพ่อชอบดูหนังตะลุงนะ แล้วคณะหนังเด็ง
มกั ไปแสดงพรอ้ มกบั คณะมะโยง่ ของปเู่ สมอ ทล่ี กู ถามวา่ มะโยง่
ยงิ่ ใหญอ่ ยา่ งไร มนั ไมใ่ ชเ่ พราะตวั มะโยง่ ซะทเี ดยี วหรอก มะโยง่
เปน็ การแสดงคลา้ ยมโนราหท์ เี่ คยเหน็ ตามทวี นี น่ั แหละ แตข่ อง
ทน่ี เี่ ขาใชร้ กั ษาโรคดว้ ย ใครทปี่ ว่ ยไมม่ สี าเหตุ หาหมอกไ็ มห่ าย
จะมาใหป้ รู่ ำ� มะโยง่ รกั ษาให้ กห็ ายกนั หลายคน คนเปน็ หมอบา้ น
รักษาโรคได้ท้ังๆ ที่โรคน้ันหมอสมัยใหม่บอกว่ารักษาไม่หาย
จึงมคี นนบั ถือศรทั ธามาก อกี อย่างปเู่ ปน็ คนพน้ื ที่ อายตุ ้ัง ๘๐
แล้วมีลูกมีหลาน ลองพ่อมาจัดงานสิจะมีใครมาช่วยขนาดนี้
พอ่ จากบ้านไปหลายปีแลว้ ...มาอยู่ท่ีนี่ลกู สนุกไหม”

อนสุ รณ์ ศรีค�ำขวญั 45

เร่ืองเลา่ จากปลายด้ามขวาน

ไรค้ �ำตอบ
สุรเชษฐห์ นั ไปมองลกู ชาย
หลบั คอพับแลว้

________________________________
๙ โมงเช้า ในโถงบ้านหมอท�ำพิธีขลิบที่เรียกว่าโต๊ะมูเด็งกับปู่น่ัง
ประกบสุรเดช แรกจะให้สุรเชษฐ์นั่งเป็นก�ำลังใจลูก แต่เขาปฏิเสธบอก
“เจะ๊ เถอะครบั ” รอบคนทง้ั ๓ ลอ้ มดว้ ยผา้ สงู ระดบั เอว ทำ� ใหแ้ ขกทมี่ ารว่ มงาน
สามารถมองเห็นพิธีได้สะดวก แต่สงวนเฉพาะผู้ชาย สุรเชษฐ์เป็นหนึ่งใน
ผู้ชมรอบนอก
ใบหน้าสุรเดชเต็มไปด้วยความกังวล อวัยวะเพศหดตัวลงมาก
โต๊ะมูเด็งพูดจาหยอกล้อให้คลายวิตก มือจับมีด และดึงปลายอวัยวะเพศ
ออกมาแลว้ บอก “ยังไมต่ ดั ตอนนห้ี รอก รอให้สิละเล่นจบก่อน”
นอกบ้านชายหนุ่ม ๒ คนก�ำลังร่ายร�ำท่วงท่าต่อสู้ท่ีพร้ิวไหวดุจ
สายน้�ำนามว่า ปันจักสีลัตผู้คนส่วนหน่ึงยืนล้อมชมด้วยความสนใจ เสียง
ดนตรคี ลอเบาๆ เร้าบรรยากาศให้น่าชมขึน้
คตู่ อ่ สเู้ ขา้ โรมรนั จงั หวะจากเนบิ ๆ เนน้ ดเู ชงิ คอ่ ยๆ หนกั แนน่ เสยี ง
ดนตรีก็เช่นกัน แต่จู่ๆ ไม่ทันมีใครคาดคิด เพราะเพลินอยู่กับท่วงท่าอัน
สงา่ งาม เสียงฆอ้ งพลนั กังวานกอ้ งดงั ตึง! หลดุ โทน
เสียงฆ้องดังตึง สุรเดชละสายตาจากปลายอวัยวะเพศของตนที่
จ้องมองอยตู่ ้ังแตแ่ รกเงยหาเสียง ได้ทีโต๊ะมูเด็ง กดใบมดี ฉับ!
ไร้เสยี งรอ้ งของเดก็ ชาย สรุ เชษฐ์นกึ ข้นึ ได้ เออ ตอนเขาขลิบกไ็ ม่
เจบ็ น่ี ไปปวดเอาตอนหลงั คงเพราะหมอฝมี อื ดแี ละเสยี งฆอ้ งทด่ี งึ ใจออกไป
แตเ่ มอื่ เหน็ เลอื ดจากปลายอวยั วะเพศลกู สรุ เชษฐห์ นั หนา้ หนี รบี กา้ วออกจาก
วง พ่อของเขาร้องถาม “มงึ จะไปไหน”
“ไปเลือกกะลางามๆ สัก ๒ ใบน่ะสเิ จ๊ะ”

46 สายสัมพนั ธ์ท่ีขาดช่วง

วนั ทค่ี วำมรักอผีฎลิ้ลบิ ฟำนิตรณิ : บำ้ นแห่งเรำ

ฮดี ำยะห์ เบญ็ โกบ



Thai Tales from the Deep South

อฎี ลิ้ ฟิตริ : วนั ที่ความรกั ผลิบาน ณ บา้ นแหง่ เรา
ฮีดายะห์ เบญ็ โกบ

หลังจากเสร็จส้ินการปฏิบัติศาสนกิจและขอพร 49
จากพระผู้เป็นเจ้ายามอรุณรุ่งในช่วงท้ายสุดของเดือน
รอมฎอน ฉนั ตั้งใจวา่ จะอาสาเข้าไปท�ำความสะอาดห้อง
ทำ� งานเลก็ ๆ ของอาเยาะทเ่ี รมิ่ มฝี นุ่ ละอองเขา้ ครอบครอง
พืน้ ที่ เมื่อเข้าไปในน้ัน อาจด้วยความบังเอิญ ฉันได้เปิด
อลั บมั้ ภาพครอบครวั ทถ่ี กู เกบ็ รกั ษาไวใ้ นลน้ิ ชกั โตะ๊ ทำ� งาน
ของอาเยาะ ภาพถา่ ยแรกทส่ี ายตาของฉนั สมั ผสั คอื ภาพ
เกา่ ๆ อนั มคี วามหมายภาพหนง่ึ เมอื่ เกอื บ 10 ปกี อ่ น พลนั
เร่ืองราวแห่งความประทับใจในวัยเยาว์ก็ปรากฏในเวิ้ง
ทรงจำ� ของฉัน
ครอบครัวของฉันซึ่งประกอบไปด้วยอาเยาะ
(คณุ พ่อ) มะ (คณุ แม่) ฉัน และพๆ่ี ทง้ั 10 คนของฉันได้
ถ่ายภาพร่วมกันท่ีหน้ามุขของมัสยิดในวัน “อีฎ้ิลฟิตริ”
(วนั เฉลมิ ฉลองอนั สำ� คญั ยงิ่ ของชาวมสุ ลมิ ทว่ั โลกหลงั จาก
เสร็จสน้ิ การถอื ศีลอดในเดือนรอมฎอน) ฉนั ยงั จำ� ได้ดีวา่
นอกจากวันน้ันจะเป็นวันรื่นเริงของพ่อแม่พ่ีน้องชาวไทย
มสุ ลมิ ทว่ั ประเทศแลว้ ณ วนั นน้ั มาตภุ มู ทิ ฉี่ นั รกั ยงั มพี น่ี อ้ ง
ไทยพทุ ธและชาวไทยเชอ้ื สายจนี ในหมบู่ า้ นรวมทงั้ ละแวก
ใกลเ้ คยี งไดร้ ว่ มแสดงความยนิ ดแี ละมอบสายใยแหง่ ความ
เออ้ื เฟอ้ื เผอ่ื แผต่ อ่ พวกเราทกุ คนโดยไรซ้ ง่ึ ชอ่ งวา่ งความแปลก
ต่างใดๆ ต่อกัน โดยความรู้สกึ ของฉันแล้ว วันนัน้ เสมอื น
วา่ ‘บปุ ผชาตแิ หง่ ความรกั อนั บรสิ ทุ ธไ์ิ ดผ้ ลบิ านครอบคลมุ
พื้นที่ทกุ ส่วนอย่างทวั่ ถึงมากทีส่ ดุ ในรอบป’ี

ฮีดายะห์ เบ็ญโกบ

เรื่องเล่าจากปลายดา้ มขวาน

ภาพถา่ ยใบนน้ั ไดน้ ำ� พาจติ ใจของฉนั โบยบนิ ไปสวู่ นั วานอนั ลว่ งพน้
อกี ครง้ั ขณะนน้ั ฉนั มอี ายเุ พยี ง7 ขวบเทา่ นนั้ หลงั ดวงตะวนั ลบั ขอบฟา้ เสยี ง
อาซานอนั เปน็ ถอ้ ยคำ� ภาษาอาหรบั ทม่ี คี วามหมายถงึ การเรยี กรอ้ งอสิ ลามกิ ชน
ใหไ้ ปร่วมชมุ นมุ กนั ท่ีมสั ยดิ ไดด้ งั ขนึ้ ทกุ คนในหมบู่ า้ นตนื่ ตวั และตระเตรยี ม
ความพร่ังพรอ้ มเพ่ือตอ้ นรบั วันส�ำคัญทอ่ี าจเกิดขน้ึ ในวันพรงุ่
ไมช่ า้ นาน ชาวบา้ นกค็ อ่ ยๆ ทยอยเดนิ ไปมสั ยดิ เปน็ กลมุ่ ๆ ครอบครวั
ใดทบี่ า้ นอยหู่ า่ งจากมสั ยดิ หนอ่ ยกจ็ ะใชว้ ธิ ปี น่ั จกั รยานและขม่ี อเตอรไ์ ซคด์ ว้ ย
สีหนา้ ทีป่ ร่มิ สขุ กวา่ ทุกวนั
เพียงไม่ถึงคร่ึงชั่วโมง มัสยิดท่ีมีผู้คนบางตากลับครึกคร้ืนไปด้วย
ชาวบา้ นนบั รอ้ ยคน ทกุ คนมารวมตวั กนั ดว้ ยหวั ใจทเี่ บกิ บาน ผคู้ นทกุ ชว่ งวยั
ต่างส่งยม้ิ ให้แกก่ นั และกนั ส่งิ ท่นี า่ ประทับใจคือ ทุกๆ ครอบครัวได้เตรียม
ปนิ่ โตและภาชนะบรรจขุ า้ วปลาอาหารหลากหลายสำ� รบั มาท�ำนูหรี (บริจาค
ทานดว้ ยอาหาร) เนอื่ งในพธิ ลี ะศลี อด--ฉนั ยงั จดจำ� ภาพบรรยากาศการแสดง
ฝีมือปรงุ อาหารพื้นเมืองชายแดนใต้ของมะได้ดวี า่ ตกเยน็ ของวันนูหรมี ะได้
ไปจ่ายตลาดกบั ฉนั เพ่อื ซือ้ วตั ถดุ บิ สดๆ มาประกอบอาหาร มะบอกกับฉนั
เสมอวา่ “การปรงุ อาหารของเราชาวมสุ ลมิ นบั เปน็ วฒั นธรรมทสี่ ำ� คญั ยงิ่ อยา่ ง
หนง่ึ ลูกรกั ของมะจงจำ� ไว้ใหด้ ีว่า ข้าวปลาอาหารที่เราจะน�ำไปทำ� นหู รีนน้ั
ต้องเปน็ ของที่ดมี ีคณุ ภาพ อกี ทง้ั สง่ิ ที่เราปรุงน้นั เราตอ้ งทมุ่ เท ใสใ่ จ และ
พิถีพิถันทุกข้ันตอนเพื่อให้อาหารมีรสชาติดีตามต้นต�ำรับการท�ำนูหรีจึงจะ
ไดก้ ศุ ลและเปน็ ทจี่ ดจำ� แตถ่ า้ หากเราทำ� ในสง่ิ ทตี่ รงขา้ ม เรายอ่ มไดร้ บั ทง้ั คำ�
ต�ำหนิและผลบาปตามมา”ค�ำสอนดังกล่าวของมะ เป็นแรงดลใจส�ำคัญให้
ฉันเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ให้เท่าท่ีเร่ียวแรงและสองมือของฉันท�ำได้อย่างน้อยๆ
การได้ช่วยแม่ประกอบอาหารในครั้งนั้นท�ำให้ฉันจดจ�ำวิธีการพ้ืนฐาน
ในการปรงุ อาหารพนื้ เมอื งชายแดนใตท้ สี่ ำ� คญั ๆ เพอื่ ทจ่ี ะสบื ทอดภมู ปิ ญั ญา
ด้านอาหารการกินท่ีสตรีมุสลิมทุกคนต้องท�ำได้ เป็นต้นว่า ‘นาซิ กาบู’
(ขา้ วย�ำปกั ษ์ใต)้ , ‘นาซิดาแกฺ’ (อาหารทท่ี ำ� มาจากข้าวเจ้าผสมข้าวเหนียว),
‘ตูปะซตู ง’ (ปลาหมกึ ยดั ไสข้ า้ วเหนยี ว) และเมนทู ี่ฉันโปรดปรานมากทสี่ ุด

50 อีฎล้ิ ฟิตริ : วนั ท่คี วามรกั ผลบิ าน ณ บา้ นแห่งเรา


Click to View FlipBook Version