นวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น กรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ประเทศไทย เขียนโดย รศ.ดร.อุไร จเรประพาฬและคณะ สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เฉพาะลิขสิทธิ์ สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก 3) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ก บทสรุปสำหรับผู้บริหาร นวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย มี แนวคิดหลักการพัฒนาอย่างน้อย 4 หลักการ ได้แก่ 1) การพัฒนาโดยใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง 2) การ คำนึงถึงสุขภาพในทุกนโยบาย 3) การสร้างการมีส่วนร่วม และ 4) การสร้างความเป็นเจ้าของ เป็นต้น การดำเนินงานที่ผ่านมาของพื้นที่ได้ก่อให้เกิดรูปธรรมการดำเนินงาน และแนวทางการดำเนินงานที่ หลากหลาย เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น จาก ประสบการณ์ในการพัฒนางาน ตลอดจนศักยภาพและความพร้อมในการพัฒนาระบบการดูแล ผู้สูงอายุในพื้นที่ สอบทานงานหรือกิจกรรมของทุนทางสังคม การสะท้อนศักยภาพชุมชน 5 ด้าน (สังคม เศรษฐกิจ สภาวะแวดล้อม สุขภาพ และการเมือง การปกครอง) อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้าง ความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น และเพิ่มศักยภาพในการจัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่น ดังนั้นเพื่อ เป็นการสะท้อนถึงสถานการณ์ทางด้านสุขภาวะของชุมชน การดำเนินการพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น มุ่งเน้นการพัฒนางาน และกิจกรรม ใน 6 ชุดกิจกรรมหลัก ได้แก่ 1) การพัฒนาศักยภาพ 2) การพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เอื้อ ต่อผู้สูงอายุ 3) การพัฒนาระบบบริการ 4) การจัดตั้งกองทุนหรือจัดให้มีสวัสดิการช่วยเหลือกัน 5) การพัฒนาและนำใช้ข้อมูลในการส่งเสริมแก้ไข/จัดการปัญหาผู้สูงอายุ และ 6) การพัฒนากฎ กติกา ระเบียบ แนวปฏิบัติ การ และ 10 กลยุทธ์หลัก 5 5ก อยู่บนฐานของการพัฒนาโดยเอาพื้นที่เป็นตัวตั้ง พร้อมทั้งมีกระบวนการค้นหาและเรียนรู้ทุนทางสังคมและศักยภาพของชุมชน เพื่อนำมาใช้พัฒนาและ ต่อยอดการดำเนินงานของแต่ละพื้นที่ อีกทั้งยังมีกระบวนการจัดการความรู้ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จากพื้นที่ต้นแบบ และการใช้กระบวนการวิจัยในการสร้างองค์ความรู้ในประเด็นต่างๆ ที่สนใจ การดำเนินการดังกล่าวจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อการพัฒนาศักยภาพและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับ ชุมชนท้องถิ่น ที่สามารถนำใช้ประสบการณ์ที่ได้รับจากกระบวนการเรียนรู้และพัฒนา มาปรับใช้เพื่อ จัดการกับประเด็นปัญหาและความต้องการของประชากรกลุ่มเป้าหมายต่างๆในการพัฒนาระบบการ ดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น ซึ่งก่อให้เกิดความโดดเด่นของการดำเนินงาน จนสามารถนำไปใช้เป็น กรณีตัวอย่างที่ประสบผลสำเร็จ หรือมีความเป็นเลิศในการทำงาน หรือเป็นนวัตกรรมในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เห็นถึงรายละเอียดในการพัฒนาศักยภาพและความโดดเด่นในด้านต่างๆของพื้นที่ในการพัฒนา ระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นอย่างชัดเจน จึงจำเป็นต้องมีการทบทวนข้อมูลทุนทางสังคม และศักยภาพของชุมชน พร้อมทั้งใช้กระบวนการถอดบทเรียนจากแกนนำ คนสำคัญที่เป็นคนหลัก ตลอดจนผู้ที่เป็นคนร่วมดำเนินงาน และผู้ได้รับประโยชน์หรือผลกระทบ ซึ่งจะทำให้เข้าใจถึง ความสำคัญของการดำเนินงาน กลุ่มประชากรเป้าหมาย ทุนทางสังคมที่เข้ามามีส่วนร่วมกระบวนการ ผลผลิต ผลลัพธ์ และปัจจัยเงื่อนไขที่เกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับพื้นที่ที่ต้องการพัฒนาใน ประเด็นที่มีความคล้ายคลึงกัน และสามารถนำไปปรับใช้และพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่นทั้งในพื้นที่และข้ามพื้นที่
ข สารบัญ หน้า บทสรุปสำหรับผู้บริหาร ก สารบัญ ข บทที่ 1 บทนำ 1 ความเป็นมาและความสำคัญ 1 วัตถุประสงค์ของการศึกษา 7 คำนิยามการศึกษา 7 กรอบวิธีคิดในการศึกษา 10 ผู้ให้ข้อมูล 12 วิธีการเข้าถึงข้อมูล 15 การวิเคราะห์ข้อมูล 20 การตรวจสอบความถูกต้องและความน่าเชื่อถือ 21 จริยธรรมของการศึกษา 21 บทที่ 2 กระบวนการพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น 23 ประชากรเป้าหมาย 24 ประเด็นปญหาสุขภาพในพื้นที่ 25 รูปธรรมการพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น 27 สรุปบทเรียนและข้อเสนอเพื่อการขับเคลื่อนนโยบาย 36 ปัจจัยความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการพัฒนานวัตกรรม 38 บทที่ 3 นวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น กรณี20 ตำบล พื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 39 ธรรมนูญสุขภาพผู้สูงอายุตำบลคีรีวง “ช่วยแลคนเฒ่าด้วยวิถีคีรีวง” 40 นำใช้และบูรณาการข้อมูลเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุตำบลดอนตะโก 47 ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุตำบลบางขัน 53 ทำงานบูรณาการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุตำบลปากพูนทแบบครบมิติ 61 โรงเรียนอาวุโสโพธิ์สี่ไทรงามวิทยาสำหรับผู้สูงอายุตำบลโคกยาง 67 อาสาร่วมทำ จัดการข้อมูล จัดสิ่งแวดล้อม เอื้อต่อสุขภาพผู้สูงวัย 74 อาสาสูงวัยสร้างเศรษฐกิจเสริมสุขภาพ เมืองปากพนัง 80 จิตอาสาข้างเริน (บ้าน) เสริมสร้างสุขภาวะผู้สูงวัย ตำบลหัวไทร 89 ระบบบริการสุขภาพ บูรณาการพัฒนาท้องถิ่น สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ตำบลวังไผ่ 95 เยี่ยมบ้านสูงวัยนำใช้คู่มือการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว เทศบาลเมืองทุ่งสง 104 มหาลัยชีวิต "ท่าศาลาสร้างสุข" 109
ค หน้า สร้างงาน สร้างอาชีพผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น 118 บูรณการนำใช้ข้อมูล “สูงวัย แอปพลิเคชั่น เทศบาลตำบลทางพูน” 124 จิตอาสาดูแลผู้สูงอายุระยะยาว (LTC) 132 ระบบป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุตำบลสระแก้ว 140 อาสาสร้างเมือง จัดขันหมากพระปฐม สมทบทุนเพื่อการดูแลผู้สูงอายุตำบลคลองแงะ 150 การจัดการเรียนรู้ตามอัธยาศัยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุตำบลไชยา 159 การพัฒนาระบบเศรษฐกิจเพื่อสุขภาวะผู้สูงอายุ 167 โรงเรียนชมรมผู้สูงอายุองค์การบริหารส่วนตำบลบางไทร 175 นำใช้และบูรณาการข้อมูลเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุตำบลไม้เรียง 181 เอกสารอ้างอิง 187
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 1 บทที่ 1 บทนำ การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย มี ความเป็นมาและแนวทางการศึกษา ดังรายละเอียดนี้ 1. ความเป็นมาและความสำคัญ ผู้สูงอายุหมายถึงบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก คาดการณ์ว่าจะเพิ่มจากร้อยละ 10 ในปี พ.ศ.2543 เป็นร้อยละ 15 ในปี พ.ศ.25691,2 และประเทศไทยที่มี แนวโน้มจาก ร้อยละ 10.7 ในปี พ.ศ.2550 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 29.6 ในปี พ.ศ.25683 ส่งผลให้ก้าวเข้าสู่สังคม ผู้สูงอายุตั้งแต่ปี พ.ศ.2547-2548 เพราะมีจำนวนประชากรสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 10.2-10.4 ของ ประชากรทั้งประเทศ และคาดว่าจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ประมาณปี พ.ศ. 2567-25684 เช่นเดียวกับ ภาคใต้ตอนบน (จังหวัดชุมพร นครศรีธรรมราช สงขลา สุราษฎร์ธานี ตรัง พัทลุง สตูล และพังงา) ที่มีจำนวน และสัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เช่น จังหวัดนครศรีธรรมราช มีสัดส่วน ผู้สูงอายุร้อยละ 13.69 ในปี 2560 และมีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.33 ต่อปี จังหวัดภูเก็ต ร้อยละ 9.1 ในปี 2556 และเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 9.9 ในปี 25595 จังหวัดสุราษฎร์ธานีอัตราส่วนผู้สูงอายุ 66.58 คน ต่อเด็ก 100 คน6 และจังหวัดสตูลมีผู้สูงอายุ จำนวน 33,755 คน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้วร้อยละ 3.517 เป็นต้น จากการทบทวนวรรณกรรม พบว่า ผู้สูงอายุมีปัญหาและความต้องการ และมีความจำเป็นต้องพัฒนา ระบบการดูแล ดังนี้ 1) ปัญหาและความต้องการด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต พบว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่ เจ็บป่วยด้วยโรค เรื้อรัง และรวมหลายโรค ความเสื่อมตามวัยทำให้กระดูกและข้อเสื่อม มีความผิดปกติของอวัยวะรับสัมผัส เช่น สูญเสียการได้ยิน การมองเห็นและการทรงตัวทำให้หกล้มจนกระดูกหักได้ง่าย การเสื่อมของเหงือก และฟันมี ผลต่อการบดเคี้ยวอาหารส่งผลให้เกิดโรคขาดอาหาร ติดเชื้อได้ง่ายและมักรุนแรงจากภูมิคุ้มกันโรคลดลง ความ ผิดปกติทางระบบประสาททำให้มีภาวะสมองเสื่อม ความจำ สติปัญญาเสื่อมถอย สับสนง่าย ความเสื่อมจาก เซลล์สมอง การขาดคนดูแล เป็นเหตุให้ผู้สูงอายุขาดกำลังใจ มีอาการซึมเศร้า การเจ็บป่วยเหล่านี้นำไปสู่ความ พิการ ต้องพึ่งพาผู้อื่น จึงต้องการจัดระบบการดูแลที่ช่วยให้ผู้สูงอายุมีความเสื่อมช้าลง ป้องกันปัญหาการ เจ็บป่วยเพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถมีชีวิตยืนยาวอย่างมีสุขภาวะ6,8) และพบผู้สูงอายุในจังหวัดนครศรีธรรมราช มี ภาวะซึมเศร้า (ร้อยละ 15) รู้สึก หดหู่ เศร้า ท้อแท้ (ร้อยละ 14.7) รู้สึกไม่สบายใจ ซึมเศร้า ท้อแท้ เป็นบางวัน ใน 1 สัปดาห์ (ร้อยละ 19.3) มีอาการหลับยาก หลับๆตื่นๆ หรือหลับมากไปเป็นบางวัน ใน 1 สัปดาห์ (ร้อยละ 21.8)9 จึงต้องดูแลให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี พึ่งตนเองได้ และผู้ที่ยังแข็งแรงสามารถนำความรู้ ความสามารถมาพัฒนาพื้นที่ ตลอดจนช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุอื่นๆ รวมทั้งลูกหลานได้
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 2 2) ผู้สูงอายุขาดความรู้ ทักษะในการดูแลตนเอง และไม่ได้เตรียมตัวเข้าสู่วัยสูงอายุ จึงต้องการพัฒนา ศักยภาพให้สามารถดูแลตนเองได้อย่างมีศักยภาพ โดยการ ส่งเสริมพัฒนาความรู้ การเตรียมตัวเข้าสู่การเป็น ผู้สูงอายุ การบำรุงรักษาร่างกาย และการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับภาวะสุขภาพของแต่ละคน การอบรมให้ ความรู้ในการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง เป็นต้น10 บางส่วนขาดการวางแผนล่วงหน้าในการเตรียมคนทุกช่วงวัย ให้พร้อมรับสังคมผู้สูงอายุ จึงควรพัฒนาประชากรทุกช่วงวัยอย่างเป็นระบบ และล่วงหน้าเพื่อเข้าสู่วัยสูงอายุที่ มีคุณค่าและมีคุณภาพ ส่วนใหญ่ยังไม่มีข้อมูลความรู้ในการดูแลตนเอง จึงต้องการให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ ความรู้เกี่ยวกับโรค อุบัติการณ์ใหม่ การส่งเสริมสุขภาพในกลุ่มโรคเรื้อรัง เป็นต้น12 และเรียนรู้เรื่องการดูแล สุขภาพตนเองเพื่อสามารถช่วยเหลือตนเองได้ยาวนานที่สุด11 3) ผู้สูงอายุบางส่วนขาดผู้ดูแล และไม่ได้รับการเอาใจใส่จากคนในครอบครัว จึงต้องการผู้ดูแล ช่วยเหลือในการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การรับประทานอาหาร การทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ และผู้ดูแล เมื่อเจ็บป่วย ซึ่งอาจจัดหาเยาวชนจิตอาสาหรือประชาชนทั่วไปในการดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น10 การจัดการทั้ง ระบบเพื่อให้มีผู้ดูแลผู้สูงอายุในชุมชนจึงเป็นสิ่งที่ชุมชนต้องจัดและเตรียมการไว้ 4) ผู้ดูแลขาดความรู้ ทักษะในการดูแลผู้สูงอายุ ผู้ดูแลดูแลไม่ถูกต้องด้านการจัดอาหารให้ผู้สูงอายุที่มี ภาวะโรคเรื้อรัง (ร้อยละ 27.67) กายภาพบำบัดสำหรับผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงหรือ เจ็บป่วย หรือเสี่ยงจาก โรค (ร้อยละ 45.67) การจัดการแผลโรคเบาหวานไม่ถูกต้อง (ร้อยละ 55) ดังนั้นจึงควรพัฒนาทักษะการดูแล ผู้สูงอายุให้กับผู้ดูแลเพื่อให้สามารถจัดการดูแลได้ถูกต้องเหมาะสม13 ควรพัฒนาทักษะของผู้ดูแลผู้ โดยการ อบรมแกนนำจิตอาสาเพิ่มขึ้น พัฒนาศักยภาพอาสาสมัครให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ อบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุที่พิการที่บ้าน อบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน การเพิ่มทักษะการดูแลผู้สูงอายุของครอบครัว เป็นต้น10 5) ปัญหาและความต้องการด้านสังคมและเศรษฐกิจ ประกอบด้วย 5.1) ยากจนไม่มีรายได้เนื่องจาก ไม่ได้สะสมทรัพย์สินเงินทองไว้ ขาดการพัฒนาศักยภาพด้านอาชีพ ต้องพึ่งพา ครอบครัว สังคม ทั้งด้านสุขภาพ การเงิน 5.2) มีแนวโน้มอยู่คนเดียว หรืออยู่กับคู่สมรสโดยไม่มีบุตรหลานดูแล ต้องการกายอุปกรณ์เพื่อ ช่วยเหลือในการดำเนินชีวิตประจำวัน และ สิ่งอำนวยความสะดวกและป้องกันอุบัติเหตุ เช่น รถเข็น วอกเกอร์ ไม้ค้ำยัน ไม้เท้า เตียงบอลลูน เป็นต้น 5.3) ผู้สูงอายุในชุมชนถูกทิ้งให้อยู่บ้านรับภาระเลี้ยงหลานเพิ่มขึ้น เนื่องจากสังคมทุนนิยมที่ลูกหลานต้องออกไปทำงานในเมือง เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว เช่น จังหวัด นครศรีธรรมราช มีผู้สูงอายุต้องรับภาระดูแลบุคคลในครอบครัวที่เป็นเด็ก ผู้ป่วยเรื้อรัง คนพิการ และจิตเวช จำนวน 1,004 คน12 5.4) ผู้สูงอายุได้รับการสนับสนุนทางสังคมจากกลุ่ม องค์กรที่เกี่ยวข้องไม่ครอบคลุม และ ทั่วถึงในด้าน 5.4.1) การส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น ต้องการให้ค้นหาปราชญ์ คนเก่งด้านต่างๆ และส่งเสริมการ ถ่ายทอดต่อคนรุ่นหลังให้ชัดเจน 5.4.2) การสนับสนุนการรวมกลุ่มทางสังคมเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น การ รวมกลุ่มออกกำลังกาย รวมกลุ่มทำอาชีพ เป็นต้น 5.4.3) การช่วยเหลือทางสังคม เช่น การสนับสนุนด้านกาย อุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือในการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น รถเข็น ไม้ค้ำยัน ไม้เท้า ที่นอนป้องกันแผลกดทับ เป็น
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 3 ต้น 5.4.4) การจัดตั้งกองทุนสวัสดิการด้านผู้สูงอายุ หรือขยายการจัดสวัสดิการ เช่น สวัสดิการช่วยเหลือยาม เจ็บป่วย เสียชีวิต การสนับสนุนให้มีสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุที่ครอบคลุม และทั่วถึง การสนับสนุนการเข้า เป็นสมาชิกกองทุนด้านสวัสดิการอย่างครอบคลุม เป็นต้น10 6) ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาวะ มีดังนี้ 6.1) เกิดอุบัติเหตุหกล้มบ่อยเนื่องจาก บ้านพักไม่เหมาะกับการเคลื่อนไหว ตั้งแต่พื้นห้องน้ำลื่น ไม่มีราวจับ แสงสว่างไม่เพียงพอ ทางเดินมีวัตถุขวาง กั้น หน่วยงานสาธารณะไม่เตรียมทางเดินไว้สำหรับผู้สูงอายุที่มักเกิดอุบัติเหตุหกล้มได้ง่าย 6.2) ความปลอดภัย ในชีวิต และทรัพย์สิน เช่นที่อยู่อาศัยชำรุดทรุดโทรมจากรายได้ที่ลดลง หรือไม่มีรายได้เพียงพอในการซ่อมแซม จึงต้องการขยายสวัสดิการของชุมชนให้สำหรับปรับปรุงบ้านเรือนสำหรับผู้สูงอายุกลุ่มนี้ 6.3) การเข้าไม่ถึง บริการที่ชุมชนจัดให้ เนื่องจากไม่รู้ข้อมูลสิทธิการบริการที่ตนควรจะได้รับ ไม่มีศูนย์ประสานสำหรับการดูแล ผู้สูงอายุในชุมชน และข้อจำกัดในการเดินทางไปรับบริการของตัวผู้สูงอายุเอง ไม่มีผู้รับส่ง ทำให้ไม่ได้เข้าร่วม กิจกรรมทางสังคม บางคนไม่กล้าแสดงออกในที่ชุมชน ขาดความมั่นใจในตนเอง เป็นต้น 6.4) สถานที่จัด กิจกรรมทางสังคมไม่ครอบคลุมส่งผลให้ผู้สุอายุเหงา โดดเดี่ยว ความรู้สึกมีคุณค่าในตนลดลง จากการที่ไม่ได้ เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม จึงต้องการสถานที่พบปะสังสรรค์สำหรับผู้สูงอายุ สถานที่ออกกำลังกาย สวนสาธารณะ เป็นต้น10,14 7) ปัญหาด้านระบบบริการ พบว่าบริการที่มีอยู่ ยังมีข้อจำกัด และไม่มีการบริการชุมชนแบบเบ็ดเสร็จ ที่มีความต่อเนื่องในการให้บริการโดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการความดูแลเฉพาะด้านต่าง ๆ12 บริการที่เป็น รูปธรรมทั้งด้านสุขภาพและสังคมสำหรับกลุ่มที่มีภาวะพึ่งพิงยังทำได้ไม่ครอบคลุมทั่วถึง สาเหตุสำคัญมาจาก การที่ผู้สูงอายุเข้าถึงบริการได้ยาก เนื่องจากมีข้อจำกัดทางด้านการเดินทางไปที่หน่วยบริการ ดังนั้นการ ปรับปรุงระบบบริการสุขภาพเชิงรุกจึงเป็นเรื่องท้าทายสำหรับการดูแลผู้สูงอายุในครอบครัวและชุมชน 8) การกำหนดกฎ กติกา ระเบียบ แนวปฏิบัติ เพื่อหนุนเสริมการดำเนินกิจกรรมในการดูแลผู้สูงอายุ พบว่า การกำหนดกฎ กติกา ระเบียบปฏิบัติต่างๆเพื่อการดูแลผู้สูงอายุยังมีน้อย การศึกษาของขนิษฐา นันท บุตร จึงเสนอให้เทศบาลดำเนินการด้านนี้เพิ่มขึ้น เช่น ออกเทศบัญญัติการดูแลผู้บริการประกอบการด้าน อาหารให้มีคุณค่าและความปลอดภัย การจัดการสวัสดิการผู้สูงอายุพิการ เป็นต้น และในระบบการดูแล ผู้สูงอายุยังขาดความเชื่อมโยงบริการระหว่างด้านสุขภาพและสังคมในกลุ่มผู้สูงอายุที่ช่วยตัวเองไม่ได้ ขาด องค์กรในการสนับสนุนและเชื่อมโยงการดำเนินงานของอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุในชุมชน และไม่มีหน่วยงาน ให้คำปรึกษาที่ชัดเจนเมื่อพบปัญหาในการทำงาน13 9) การพัฒนาและนำใช้ข้อมูลผู้สูงอายุ พบว่ายังมีไม่เพียงพอ ไม่เป็นปัจจุบัน และไม่ครอบคลุมตาม จำนวนประชากรผู้สูงอายุทั้งหมดในพื้นที่10 ขาดฐานข้อมูล ที่จำแนกผู้สูงอายุที่ต้องการความช่วยเหลือในมิติ ต่าง ๆ ผู้ดูแลจากทุกภาคส่วนขาดข้อมูลที่เชื่อถือได้ ข้อมูล ที่มีอยู่ไม่ถูกต้องครบถ้วน ไม่ทันสมัยจึงไม่มั่นใจที่จะ ใช้ข้อมูลเหล่านั้นเพื่อประสานการดูแลระหว่างองค์กร ต่าง ๆ ส่งผลให้ไม่มีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างองค์กร
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แต่ละองค์กรต่างทำแผนการดูแลของตน ไม่ประสานเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อการ ทำงาน และขาดข้อมูลสำหรับใช้วางแผนพัฒนาระดับตำบล ส่งผลให้การดูแลไม่สามารถตอบสนองต่อปัญหา และความต้องการ ของผู้สูงอายุได้อย่างครอบคลุม ส่งผลให้เสียโอกาสได้รับการดูแลที่หลากหลาย ตามนโยบาย การดูแลผู้สูงอายุ14 จึงควรจัดทำข้อมูลให้ครอบคลุม เช่น การจัดทำแผนสถิติข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มเตรียมสู่วัย ผู้สูงอายุ จัดทำข้อมูลผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้พิการ อาสาสมัครสาธารณสุขชุมชนสำรวจข้อมูลอย่างชัดเจน จัดทำ ฐานข้อมูลของกลุ่มผู้สูงอายุ เป็นต้น จากการที่ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ของประเทศไทยมีภาวะเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังเนื่องจากความเสื่อมของ ร่างกาย และมีโรคประจำตัวมากกว่า 1 โรค16 ส่งผลให้ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ มีแนวโน้มต้องพึ่งพาผู้อื่นเพิ่มขึ้น ความสามารถในการจ่ายต่ำลง และการเกื้อหนุนด้านต่างๆจากบุตรหลานมีแนวโน้มลดลง17ทำให้รัฐต้องใช้ งบประมาณจัดบริการสุขภาพสูงขึ้นมากกว่าวัยแรงงาน 2.5 เท่า และมีการทำนายว่าเศรษฐกิจการคลังในช่วง ปี พ.ศ.2553 - 2562 จะเกิดภาระทางการคลังเฉพาะที่เกิดจากโครงการประกันสังคมและโครงการหลักประกัน สุขภาพแห่งชาติ มีจำนวนถึงปีละ 142,071 - 251,607 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.4 - 7.8 ของงบประมาณ รายจ่ายประจำปี ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจัดระบบการดูแล ผู้สูงอายุที่มีประสิทธิภาพในชุมชน และ ควรเป็นการ ดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น ที่เป็นการเตรียมผู้สูงอายุให้สามารถดูแลตนเอง และเตรียมผู้ดูแลทุกภาคส่วนที่ เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ ประชาชน ครอบครัว ชุมชน ทองถิ่น องค์กรภาครัฐ และเอกชนให้ตระหนัก และมีส่วนร่วมใน การดูแลผู้สูงอายุอย่างบูรณาการ จัดระบบ การดูแลให้มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึงทุกคน ทุกกลุ่ม เพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิต อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยช่วยเหลือตนเองได้นานที่สุด ลดการพึ่งพาผู้อื่น และ มีชีวิตยืนยาวอย่างมีความสุข10 เพื่อรองรับการเจ็บป่วย พิการ ซึ่งต้องการคนดูแลใกล้ชิดระยะยาว เพื่อให้ สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล3 เนื่องจากชุมชนเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้สูงอายุ เห็นสภาพ ที่ แท้จริง มีสายสัมพันธ์และผูกพันต่อกันทั้งการเป็นเครือญาติ เพื่อนบ้านที่รู้จักสนิทสนม จึงสามารถจัดการดูแล ที่ตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุ1,2,3 คือ การมีสุขภาพดีและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เน้น การดูแลแบบองค์รวม ให้ความสำคัญกับงานส่งเสริมและป้องกันเพื่อไม่ให้ป่วย และ เพิ่มสมรรถนะการชะลอ ความเสื่อมตามวัย และเตรียมการเพื่อรองรับการเจ็บป่วย พิการที่ต้องการคนดูแลใกล้ชิดใน ระยะยาวได้20 สิ่ง เหล่านี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่สูงจากการรักษาพยาบาลได้21,22,23 จากสถานการณ์ปัญหาและความต้องการดังกล่าวข้างต้น นำมาสู่การขับเคลื่อนเชิงระบบ “นวัตกรรม การดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น กรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย” ซึ่งเป็นจุดเน้นสำคัญและเป็น ส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการดำเนินงานโดยสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก 3) สำนักงานกองทุน สนับสนุนการสร้างเสริมภาพ (สสส.) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ชุมชนท้องถิ่นมีการเพิ่มศักยภาพและความ เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน การพัฒนางาน กิจกรรม บริการ ที่เอื้อต่อการดูแลผู้สูงอายุอย่างเป็นระบบให้ครอบคลุม ปัญหาและความจำเป็นเพื่อสุขภาวะของผู้สูงอายุทั้ง 5 ด้าน คือ สังคม เศรษฐกิจ สภาวะแวดล้อม สุขภาพและ
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 5 การเมืองการปกครอง อันจะส่งผลให้ชุมชนท้องถิ่นสามารถจัดการตนเองในการดูแลผู้สูงอายุได้อย่างต่อเนื่อง โดยยึดหลักการสำคัญที่กำหนดไว้ในแผนสุขภาวะชุมชน คือ การใช้พื้นที่เป็นฐานการพัฒนา (Area-Based Development) คำนึงถึงสุขภาพในทุกนโยบายของชุมชนท้องถิ่น (Heath in All Policies) การสร้างการมี ส่วนร่วม และ การสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของ โดยออกแบบการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุที่เน้นการเพิ่มขีด ความสามารถและคุณภาพของกลไกและทีมงานระบบการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งต้องประกอบด้วย องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ ศูนย์พัฒนาครอบครัว รพ.สต. (โรงพยาบส่งเสริมสุขภาพตำบล) อาสาสมัคร และ ทุนทางสังคมอื่นที่ ๆ ร่วมพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุ มุ่งเน้นการพัฒนางานและกิจกรรม ใน 6 ชุดกิจกรรมหลัก ได้แก่ การพัฒนาศักยภาพ การพัฒนาสภาพแวดล้อม ที่เอื้อต่อผู้สูงอายุ การพัฒนาระบบบริการ การจัดตั้งกองทุนหรือจัดให้มีสวัสดิการช่วยเหลือกัน การพัฒนาและ นำใช้ข้อมูลในการส่งเสริมแก้ไข/จัดการปัญหาผู้สูงอายุ และ การพัฒนากฎ กติกา ระเบียบ แนวปฏิบัติเพื่อ หนุนเสริมการดำเนินกิจกรรมเสริมความเข้มแข็งชุมชนท้องถิ่น และที่สำคัญคือการใช้กระบวนการขับเคลื่อน งานในการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ โดยการใช้ข้อมูลจากการวิจัยชุมชน (RECAP) เพื่อค้นหาทุนทางสังคม และศักยภาพชุมชน และระบบข้อมูลตำบล (TCNAP) เพื่อค้นหาปัญหาและความต้องการของกลุ่มผู้สูงอายุ เป้าหมายเพื่อระดมความร่วมมือ และเสริมศักยภาพของทุนทางสังคม ให้สามารถการพัฒนางานและกิจกรรม โดยการพัฒนาต่อยอดงานเดิม หรือพัฒนางานใหม่ เพิ่มสมาชิก ขยายความครอบคลุมกลุ่มประชากร และ พัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุ โดยการนำใช้ 10 กลยุทธ์หลัก “5อ. และ 5ก.” สู่สูงวัยสร้างเมือง เพื่อดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม กลยุทธ์ 5อ. เป็นการเน้นให้ผู้สูงอายุปฏิบัติได้ด้วยตนเอง แล้วสามารถชี้นำให้คนอื่นปฏิบัติตามในด้าน อาหาร ออกกำลังกาย อาชีพ ออมทรัพย์ และอาสาสร้างเมือง ซึ่งจากการสำรวจประชากรสูงอายุในบริบทของ ชุมชนพื้นที่ภาคใต้ตอนบน มีสัดส่วนของผู้สูงอายุที่ประเมินว่าตนเองมีสุขภาพไม่ดีสูงกว่าทุกภาค พบว่า อ.ที่ 1 ด้านอาหาร ผู้สูงอายุมีการกินผัก และผลไม้เป็นประจำสูงกว่าวัยกลางและวัยปลาย (ร้อยละ 68.0 ร้อยละ 63.6 และร้อยละ 54.9 ตามลำดับ) ผู้สูงอายุนอกเขตเทศบาลที่กินผัก และผลไม้เป็นประจำสูงกว่าในเขตเทศบาล (ร้อยละ 65.4 และร้อยละ 64.2 ตามลำดับ) อ.ที่ 2 ด้านออกกำลังกาย ผู้สูงอายุมีการออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างสม่ำเสมอ โดยผู้สูงอายุชายออกกำลังกายเป็นประจำมากกว่าผู้สูงอายุหญิง (ร้อยละ 38.4 และร้อยละ 27.4 ตามลำดับ) ผู้สูงอายุวันต้นออกกำลังกายเป็นประจำสูงกว่าวัยกลางและวัยปลาย (ร้อยละ 37.3 ร้อยละ 29.9 และร้อยละ17.4 ตามลำดับ) อ.ที่ 3 อาชีพ แหล่งรายได้ที่สำคัญหรือแหล่งรายได้หลักในการดำรงชีวิตของ ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ได้รับจากบุตร (ร้อยละ 36.7) อ.ที่ 4 ออมทรัพย์ ร้อยละ 76.1 ของผู้สูงอายุ มีการออม โดย เพศชายมีการออมสูงกว่าเพศหญิง ผู้สูงอายุภาคเหนือมีการออมสูงสุด รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ที่มีการออมน้อยที่สุด และ อ.ที่ 5 อาสาสร้างเมือง ซึ่งที่ผ่านมาอาจยังพบข้อจำกัดในการทำงานใน
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 6 ด้านขีดความสามารถเฉพาะบุคคล ทั้งนี้ กระบวนการเสริมสร้างหลักการ 5อ. ให้เหมาะสมกับบริบทของชุมชน มีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ กลยุทธ์ 5ก. เป็นการเน้นให้ชุมชนท้องถิ่น เช่น อปท. รพ.สต. และผู้เกี่ยวข้องหลักต้องดำเนินการและ สนับสนุนในการตั้งและพัฒนาโรงเรียนผู้สูงอายุ การพัฒนาชมรมผู้สูงอายุ การป้องกันและลดอุบัติเหตุ การ บริการกายอุปกรณ์ และการดูแลต่อเนื่อง) เพื่อให้ตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุในพื้นที่ จนสามารถครอบคลุมความต้องการการดูแล 5 ด้านคือ สังคม เศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม สุขภาพ และการเมือง การปกครอง15 แต่ในบริบทของภาคใต้ตอนบนพบว่า ชุมชนท้องถิ่นได้เริ่มดำเนินการพัฒนาโรงเรียนผู้สูงอายุ และบริการกายอุปกรณ์บ้างในบางตำบลแต่เป็นส่วนน้อย และมีการจัดการต่อเนื่องโดย โรงพยาบาลส่งเสริม สุขภาพตำบล และโรงพยาบาลในเขตพื้นที่บ้างแต่ยังไม่มีการเชื่อมโยงเป็นระบบในด้านข้อมูลและการส่งต่อ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าการพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นยังมีช่องว่างในการเชื่อมโยง เชื่อมต่อข้อมูลและกิจกรรมระหว่างองค์กร ภาคีที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุทั้งระบบจำเป็นต้องมีการ พัฒนาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านตัวผู้สูงอายุ วัยเตรียมเข้าสู่วัยผู้สูงอายุให้มีความรู้ ทักษะในการดูแล ตนเอง สามารถเป็นต้นแบบชักชวนเพื่อนให้ปฏิบัติตามได้ ในขณะเดียวกันผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุทุก ภาคส่วนในระดับตำบล (เช่น ครอบครัว โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มต่าง ๆ เช่น กลุ่มผู้สูงอายุ เป็นต้น) จำเป็นต้องทบทวนบทบาทและศักยภาพของตนในการดูแล ผู้สูงอายุให้มีสุขภาวะทั้งทางด้านร้างกาย จิตใจ สังคม และปัญญา อีกทั้งสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมให้ทุกภาค ส่วนได้ทำงานเพื่อดูแลผู้สูงอายุร่วมกัน ใช้ข้อมูลเชื่อมโยงเข้าหาซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดการส่งต่อการดูแลได้ อย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างกระบวนเหล่านี้จำเป็นต้องใช้การจัดการเชิงระบบ โดยการจัดสร้างคณะทำงาน เพื่อพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุในระดับตำบลขึ้น พัฒนาศักยภาพคณะทำงานเหล่านี้ให้มีความสามารถใน การจัดการระบบของชุมชนท้องถิ่นเพื่อดูแลผู้สูงอายุ จัดตั้งและพัฒนาเครือข่ายการดูแลผู้สูงอายุ เพื่อเพิ่มขีด ความสามารถในการดำเนินกิจกรรมของชุมชนท้องถิ่นที่สนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาแนวคิด ความรู้ ทักษะ วิธีการทำงาน และความสามารถในด้านอื่น ๆ ภายใต้กระบวนการ และกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อ นำมายกระดับการทำงานในพื้นที่และเครือข่ายให้ทำตามบทบาทหน้าที่ของตนได้อย่างเต็มศักยภาพ ตลอดจน พัฒนาคุณภาพชีวิตและยกระดับระบบการดูแลผู้สูงอายุให้มีความพร้อมก่อนก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดย ส่งเสริมให้ภาคีเครือข่ายเข้ามามีบทบาทในเรื่องต่าง ๆ เช่น การสร้างหลักประกันทางการเงิน การดูแลผู้สูงอายุ ที่มีภาวะพึ่งพิงการดูแลสุขภาพด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุใน ระยะต่อไป ในขณะเดียวกันจำเป็นต้องศึกษาวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research: PAR) เพื่อพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นให้เห็นสถานการณ์การจัดการ ที่
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 7 ตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุตามบริบทของพื้นที่แต่ละตำบล และบริบทของเครือข่ายทั้ง 20 ตำบลในเขตพื้นที่ภาคใต้ และศึกษากระบวนการพัฒนาฯ ที่เป็นองค์ความรู้จากการปฏิบัติการจริงในพื้น ตลอดจนพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น ซึ่งการศึกษานี้นักวิจัยเข้าไปร่วมเรียนรู้ สังเกตการณ์ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลที่ได้ สะท้อนคิด ตรวจสอบและยืนยันข้อมูลร่วมกับชุมชน เน้น การศึกษาทั้งระบบ และศึกษาเชิงประเด็นที่มีผลต่อการดูแลผู้สูงอายุ เช่น การจัดการอาหาร การป้องกัน อุบัติเหตุ การเพิ่มสัมมาชีพ การออมทรัพย์เป็นต้น เป้าหมายเพื่อได้องค์ความรู้ และนวัตกรรมจากการพัฒนา และเปิดเผยสู่สังคมวงกว้าง สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในบริบทของชุมชนที่ใกล้เคียงกันต่อไปได้ และช่วยเป็น กลไกขับเคลื่อนให้ชุมชนท้องถิ่นพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพ และต่อเนื่องได้ในระยะ ต่อไป 2. วัตถุประสงค์ของการศึกษา 2.1 เพื่อพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น กรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 2.2 เพื่อพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น กรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 3. คำนิยามการศึกษา การศึกษานี้ได้กำหนดคำนิยามไว้ ดังต่อไปนี้ 3.1 คำนิยามที่กำหนดไว้ในแผนสุขภาวะชุมชน ประจำปี 256122 ประกอบด้วย (1) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเครือข่าย หมายถึง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เข้ามาร่วม แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และจัดการความรู้ กับร่วมกับศูนย์จัดการเครือข่ายมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มีความตั้งใจใน การเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และจัดการความรู้ เพื่อนำความรู้ไปขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ ในพื้นที่ตนเอง ด้วยการกำหนดและออกแบบนวัตกรรมให้สอดคล้องกับบริบทพื้นที่ตนเองได้ (2) นวัตกรรม หมายถึง กระบวนการนำใช้ความคิดใหม่ สิ่งประดิษฐ์ใหม่ แนวทางและวิธีการ ทำงานใหม่ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์และผลลัพธ์ที่ดีต่อผู้เกี่ยวข้อง เช่น การเพิ่มคุณค่า การเพิ่มผลผลิต การเพิ่ม ผลตอบแทน การเพิ่มคุณภาพ การลดค่าใช้จ่าย การสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง การลดปัจจัยเสี่ยง ทางสุขภาพและเพิ่มปัจจัยส่งเสริมสุขภาพ เป็นต้น เพื่อใช้ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น สามารถจัดการเรียนรู้เพื่อการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนในแต่ละตำบล และจัดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้ามพื้นที่ ระหว่างตำบล นำใช้ชุดความรู้ที่ได้มาพัฒนาจนเกิดนวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นได้ (3) นโยบายสาธารณะ หมายถึง องค์ความรู้จากปฏิบัติการของแหล่งเรียนรู้ของศูนย์เรียนรู้ การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ ที่มี การประมวลและวิเคราะห์จากกิจกรรมของชุมชนท้องถิ่นที่ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อการ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประชากรเตรียมเข้าสู่ระยะสูงวัยอายุ ระหว่าง 50 – 59 ปี และอายุ 60 ปีขึ้นไป จนเกิดเป็นปฏิญญาเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ของแต่ละ
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 8 ภูมิภาคและมีข้อตกลงร่วมของเครือข่ายในภาพรวม ซึ่งสมาชิกของเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ได้ใช้ เป็นแนวทางการขับเคลื่อนของแต่ละพื้นที่ทั้งระดับตำบล เครือข่าย และจังหวัด (4) ผู้นำการเปลี่ยนแปลง หมายถึง บุคคลผู้ที่มีความรู้ความสามารถเป็นผู้นำเชิงความคิด ของชุมชนท้องถิ่นที่มีความคิดริเริ่มสามารถสร้างปฏิบัติการให้เกิดผลได้จริงโดยได้รับการยอมรับและศรัทธา จากคนในพื้นที่และจากบุคคลทั่วไป เป็นผู้ผลักดันวิธีการศึกษาหาความรู้ที่จำเป็นจากหลายแหล่งและนำมา พัฒนาต่อยอดหรือประยุกต์ใช้ในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้และแหล่งฝึกอบรมต่างๆ ในพื้นที่ (5) การวิจัยชุมชน หมายถึง การประเมินชุมชนด้วยการวิจัยเชิงชาติพันธุ์วรรณนาแบบ เร่งด่วน (Rapid Ethnographic Community Assessment Process - RECAP) เป็นการพัฒนาทักษะด้าน การถอดบทเรียนและการเขียนสรุปข้อมูลทุนทางสังคมและศักยภาพของกลุ่มหรือแหล่งปฏิบัติการในพื้นที่ ซึ่ง เป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมสร้างชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็ง โดยการนำใช้ศักยภาพในการจัดการปัญหาสู่การ จัดการตนเองในระดับพื้นที่ รวมถึงการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงกับองค์กรและหน่วยงานหนุนเสริมเพื่อเข้ามา เกื้อกูลให้ชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองได้ดีขึ้น (6) การพัฒนาระบบข้อมูลตำบล หมายถึง การจัดทำข้อมูลตำบลโดยใช้โปรแกรม (Thailand Community Network Appraisal Program - TCNAP) ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการมีส่วนร่วมของ ทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ ในการ เก็บรวบรวมข้อมูล ตรวจสอบ นำใช้ข้อมูล และเป็นเจ้าของ โดยการสร้างทีมพัฒนาฐานข้อมูลตำบลในการเก็บ รวบรวมข้อมูลและนำใช้ข้อมูลของชุมชนเพื่อจัดการกับปัญหาที่สอดรับกับความต้องการและวิถีชีวิตของแต่ละ ชุมชนจนเกิดการพึ่งตนเองและนำไปสู่การพัฒนาตำบลสู่การเป็นตำบลสุขภาวะที่ยั่งยืน (7) การเพิ่มขีดความสามารถ หมายถึง การดำเนินกิจกรรมของชุมชนท้องถิ่นที่สนับสนุน และส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาแนวคิด ความรู้ ทักษะ วิธีการทำงาน และความสามารถในด้านอื่น ๆ ภายใต้ กระบวนการและกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การประชุม การอบรม การจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การสรุป บทเรียน การถอดบทเรียน การเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง และการเรียนรู้ข้ามพื้นที่หรือการศึกษาดูงาน เพื่อ นำมายกระดับการทำงานในพื้นที่และเครือข่าย (8) ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น หมายถึง พื้นที่ระดับ ตำบลและพื้นที่ในเขตรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นๆ ที่มีกระบวนการค้นหาทุนและศักยภาพ โดยการใช้ข้อมูลจากการวิจัยชุมชนและระบบข้อมูลตำบล มีการประสานและเสริมความเข้มแข็งให้ทุนที่มี ศักยภาพในการพัฒนางานและนวัตกรรมที่เกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุครอบคลุมทุกมิติของสุขภาวะผู้สูงอายุและ ระบุทุนทางสังคมที่สามารถทำหน้าที่เป็น “แหล่งเรียนรู้”ด้านการพัฒนาระบบการผู้สูงอายุได้มีการพัฒนาผู้รู้ และแกนนำของแหล่งเรียนรู้ให้มีขีดความสามารถในการเป็น “วิทยากรแหล่งเรียนรู้” มีความสามารถในการ สร้างการเรียนรู้ร่วมกันภายในพื้นที่ของตนเอง มีกระบวนการออกแบบการจัดการเรียนรู้ให้กับเครือข่าย และ ทำหน้าที่กลไกบริหารจัดการเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ในพื้นที่ได้ (9) แนวทางการจัดการเรียนรู้ (หลักสูตร) หมายถึง การประมวลข้อมูลทุนและศักยภาพ และองค์ความรู้ที่เกิดจากกระบวนการรวบรวมความรู้ การถอดบทเรียนการทำงานของชุมชนท้องถิ่นที่ได้จาก
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 9 การศึกษาชุมชนด้วยกระบวนการวิจัยชุมชนเชิงชาติพันธุ์วรรณนาแบบเร่งด่วน (RECAP) และการนำใช้ข้อมูล จากการจัดทำระบบข้อมูลตำบล (TCNAP) ในการเพิ่มศักยภาพการจัดการตนเองของชุมชนสู่การพัฒนาระบบ การดูแลผู้สูงอายุ โดยจัดทำเป็นแนวทางการจัดการเรียนรู้ภายในพื้นที่ (หลักสูตรภายใน) และแนวทางการ จัดการเรียนรู้สำหรับเครือข่าย ทั้งนี้เพื่อนำใช้ในการถ่ายทอดให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และขับเคลื่อนการ พัฒนาชุมชนท้องถิ่น 3.2 คำนิยามที่ปรับให้เป็นความเฉพาะสำหรับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้เพื่อกำหนดเป็น แนวทางในการสังเกต สัมภาษณ์ สนทนากลุ่ม การใช้ข้อมูลเอกสาร รวมถึงการบันทึกข้อมูลภาคสนาม และ การสนทนากลุ่ม (Focus group) ดังต่อไปนี้ (1) การจัดการระบบเพื่อการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นภาคใต้เป็นการสนับสนุนให้ ชุมชนท้องถิ่นเป้าหมาย 20 ตำบล ที่มีภูมิประเทศตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ภาคใต้สามารถพัฒนาระบบการดูแล ผู้สูงอายุ โดยการเพิ่มขีดความสามารถและคุณภาพของกลไกและทีมงานระบบการดูแลผู้สูงอายุให้ทำงานแบบ มีส่วนร่วม (อปท.ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ ศูนย์พัฒนาครอบครัว รพ.สต. อาสาสมัคร และ ทุนทางสังคมอื่นๆ) ให้มีศักยภาพในการพัฒนาระบบข้อมูล โดยใช้ข้อมูลจากการวิจัยชุมชน (RECAP) เพื่อค้นหาทุนทางสังคมและศักยภาพชุมชน และระบบข้อมูลตำบล (TCNAP) เพื่อค้นหาปัญหาและ ความต้องการของกลุ่มผู้สูงอายุเป้าหมายเพื่อระดมความร่วมมือ และเสริมศักยภาพของทุนทางสังคม ให้ สามารถการพัฒนา 6 ชุดกิจกรรมหลัก ด้วย10 กลยุทธ์ “5 อ. และ 5 ก.” สู่สูงวัยสร้างเมือง 6 ชุดกิจกรรม ประกอบด้วย1) การพัฒนาศักยภาพ 2) การพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อ ผู้สูงอายุ 3) การพัฒนาระบบบริการ 4) การจัดตั้งกองทุนหรือจัดให้มีสวัสดิการช่วยเหลือกัน 5) การพัฒนาและ นำใช้ข้อมูลในการส่งเสริมแก้ไขหรือจัดการปัญหาผู้สูงอายุ และ 6) การพัฒนากฎ กติการะเบียบ แนวปฏิบัติ เพื่อหนุนเสริมการดำเนินกิจกรรมเสริมความเข้มแข็งชุมชนท้องถิ่น โดยการพัฒนาต่อยอดงานเดิม หรือพัฒนา งานใหม่ เพิ่มสมาชิก ขยายความครอบคลุมกลุ่มประชากร และพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุ 10 กลยุทธ์หลัก “5 อ. และ 5 ก.” สู่สูงวัยสร้างเมือง23 ประกอบด้วย กลยุทธ์ 5อ. เน้นให้ ผู้สูงอายุทำได้เพื่อชี้นำให้ผู้สูงอายุด้วยกันปฏิบัติได้ในด้านอาหาร ออกกำลังกาย อาชีพ ออมทรัพย์ และอาสา สร้างเมือง ส่วนกลยุทธ์ 5ก. เน้นให้ อปท. รพ.สต. และผู้เกี่ยวข้องหลักต้องดำเนินการและสนับสนุนในการตั้ง และพัฒนาโรงเรียนผู้สูงอายุ การพัฒนาชมรมผู้สูงอายุ การป้องกันและลดอุบัติเหตุ การบริการกายอุปกรณ์ และการดูแลต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุในพื้นที่จนครอบคลุมความ ต้องการการดูแล 4 ด้านคือ สังคม เศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และ สุขภาพ (2) การจัดการเครือข่ายเพื่อการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นภาคใต้เป็นการสนับสนุน ให้ชุมชนท้องถิ่นเป้าหมาย 20 ตำบล ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ภาคใต้เกิดการทำงานร่วมในลักษณะ “คณะทำงาน ขับเคลื่อนระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นภาคใต้” ทำหน้าที่จัดกระบวนการเรียนรู้ในการดำเนินงาน ทั้งในระดับตำบลและระดับเครือข่าย เพื่อให้ประชาชนทั้งในและนอกชุมชนได้เรียนรู้แนวทางการดูแลผู้สูงอายุ โดยชุมชนท้องถิ่น และจัดทำข้อเสนอนโยบายสาธารณะเสนอแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนในเขต พื้นที่ภาคใต้
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 10 (3) ข้อเสนอนโยบายสาธารณะเพื่อการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ เป็นแนวทาง กิจกรรมที่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นในสังคม ที่เสนอต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาระบบการ ดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น ด้วยวิธีปฏิบัติงานที่ถูกต้อง เหมาะสม สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง และ ความต้องการของของผู้สูงอายุ เพื่อให้เกิดการสร้างมาตรฐาน และคุณสมบัติของชีวิตที่ดีของผู้สูงอายุที่จะต้องมี คุณภาพเพื่อพัฒนาศักยภาพ ให้เกิดขึ้นให้สูงสุด และกำหนดทุกอย่างให้เป็นระบบแบบแผนไว้ล่วงหน้าเพื่อ พัฒนาต่อเนื่อง 4. กรอบวิธีคิดในการศึกษา การศึกษานี้มีทฤษฎีที่ใช้เป็นฐานคิดในการศึกษาวิจัย และกรอบแนวคิดการศึกษา ดังรายละเอียด 4.1 ทฤษฎีที่ใช้เป็นฐานคิดในการศึกษาวิจัย การศึกษานี้ใช้ทฤษฎีเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น และกำหนดเป็นแนวทางในการสังเกต สัมภาษณ์ การใช้ข้อมูลเอกสาร รวมถึงการบันทึกข้อมูลภาคสนาม และการสนทนากลุ่ม (Focus group) ดังต่อไปนี้ 4.1.1 ทฤษฎีระบบ (System Theory) ซึ่งพัฒนามาจากทฤษฎีระบบทั่วไป (General System Theory) ของ ลุดวิกฟอนเบอร์ตาลนฟฟี(Ludwig Von Bertalanffy, 1964) นำมาใช้ในการ วิเคราะห์และสังเคราะห์ให้เห็นการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น ตั้งแต่ปัจจัยนำเข้า กระบวนการ และผลลัพธ์ที่เกิดจากระบบ เพื่อให้นักวิจัยสามารถมองภาพรวมของระบบที่ต้องการศึกษาได้ อย่างองค์รวม 4.1.2 ทฤษฎีวิพากษ์ (Critical Theory) มีลักษณะสำคัญคือ ปฏิเสธจุดยืนของกระบวน ทัศน์ปฎิฐานนิยมในการวิจัยทางสังคมศาสตร์ ไม่ยอมรับว่าความรู้ความจริงต้องเป็นวัตถุวิสัยปราศจากค่านิยม แต่เห็นว่าค่านิยมเป็นสิ่งที่แยกไม่ออกจากการวิจัย (Guba, 1990 อ้างถึงในชาย โพธิสิตา, 2550) ถือว่าการวิจัย ต้องเป็นไปเพื่อปลดปล่อยมนุษย์ โดยเฉพาะผู้ที่ถูกกดขี่หรืออยู่ในฐานะที่ด้อยกว่าให้หลุดพ้นจากปัญหา เป็น เป้าหมายการค้นคว้าวิจัยโดยตรง เพราะทฤษฎีนี้เชื่อว่าความรู้ที่ปราศจากค่านิยมหรือปราศจากการชี้นำในทาง ที่ไม่ถูกต้องไม่ถือเป็นความรู้ที่มีประโยชน์ (Holloway, 1997 อ้างถึงใน ชาย โพธิสิตา, 2550) นักวิจัยที่ทำงาน ภายใต้ทฤษฎีวิพากษ์จึงมักเป็นทั้งนักวิจัยและนักเคลื่อนไหวทางสังคมไปพร้อมกัน (ชาย โพธิสิตา, 2550) ผู้วิจัย นำใช้ทฤษฎีนี้ในการวิพากษ์เปรียบเทียบสถานการณ์ก่อนการพัฒนากับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในแต่ระยะของการ พัฒนาในระดับตำบลและภาพรวมทั้ง 20 ตำบล เพื่อสะท้อนคิดให้คณะทำงานพัฒนานวัตรรมทั้งหมดได้เห็น ทิศทางการพัฒนาที่ส่งผลกระทบต่อผู้สูงอายุและผู้ที่เกี่ยวข้องได้มากที่สุด รวมทั้งการสะท้อนกับข้อมูลที่ได้จาก การสังเกต สัมภาษณ์ และสนทนากลุ่ม ในกระบวนการพัฒนาเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับรู้ เรียนรู้ และทำให้ได้ ข้อมูลในการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุในชุมชน ได้อย่างแท้จริง
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 11 การศึกษานี้ ใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research: PAR) โดย คณะผู้วิจัยใช้วงจรการวิจัยของเคมมิสและแมคทักการ์ด 4 ขั้นตอน (การวางแผน การปฏิบัติการ การสังเกต และ การสะท้อนคิด) ในการเข้าไปร่วมเรียนรู้ในกระบวน “นวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย” ซึ่งแบ่งการศึกษาเป็น 3 ระยะ ดังรายละเอียดต่อไปนี้ ระยะที่1 เตรียมการวิจัยและศึกษาสถานการณ์ก่อนการพัฒนาฯ ประกอบด้วย 1) การประชุมทีมวิจัย เพื่อทำความเข้าใจแผนการดำเนินกิจกรรมทั้งหมด 2) ออกแบบแนวทางการวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเสนอ แก่ทีมงานเพื่อนำใช้ในการจัดการประชุมเพื่อค้นหา วิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการพัฒนาระบบการดูแล ผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นให้พบ 3) ค้นหา และวิเคราะห์ข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวกับสถานการณ์และการจัดการ ระบบการดูแลผู้สูงอายุจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งต่อให้ทีมวิจัยนำใช้ในการประชุมเพื่อวิเคราะห์ และจัดทำแผนพัฒนาระบบ 4) สังเกตการณ์การทำงานของ “อปท.เครือข่าย” ตั้งแต่การตั้งทีมงาน การ ประสาน การกำหนดแนวทางการทำงาน และการนำแนวทางไปดำเนินการ เป็นต้น ผลลัพธ์ที่ได้จากระยะนี้คือ1) ข้อมูลเรื่องเด่นก่อนสถานการณ์การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดย ชุมชนท้องถิ่น 2) แผนการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น 3) แผนการพัฒนาในแต่ละประเด็น ระยะที่ 2 ดำเนินการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น เป็นการเข้าร่วมกิจกรรมการ ดำเนินงานของศูนย์จัดการเครือข่ายฯ ทุกครั้ง เพื่อดำเนินกิจกรรมดังต่อนี้1) สังเกตและสนทนากลุ่มเพื่อบันทึก พฤติกรรมของ “อปท.เครือข่าย” ในการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ แนวทางการให้ทุนสนับสนุนแก่พื้นที่ ตั้งแต่การประชุมชี้แจงแนวทางการสนับสนุนโครงการย่อยแก่การดำเนินงานของทุกทีมงานในการติดตามหนุน เสริมพื้นที่เพื่อให้การดำเนินงานโครงการลุล่วงตามเป้าหมาย ผลที่ได้จากการศึกษาวิจัยในระยะนี้ คือ 1) ข้อมูลกระบวนดำเนินงานของ “อปท.เครือข่าย” ในการ เป็นกลไกเพื่อพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ 2) ข้อมูลกระบวนการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุแก่ตำบลที่ ได้รับทุนสนับสนุนในแต่ละประเด็น ระยะที่ 3 การประเมินและสิ้นสุดการพัฒนา เป็นการประเมิน สรุปผลการการดำเนินงานของ “อปท. เครือข่าย” ในการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุเป็นการดำเนินงานเพื่อติดตามผลลัพธ์และผลกระทบที่เกิดขึ้น จากการดำเนินงานของ “อปท.เครือข่าย” ที่ช่วยหนุนเสริมให้ตำบลได้สร้างระบบการพัฒนาผู้สูงอายุในด้าน ต่างๆ โดยทีมวิจัยดำเนินการดังนี้1) เก็บข้อมูลจากเอกสารต่างๆ รวมทั้งการสังเกต และสนทนากลุ่มเพื่อนำ ข้อมูลที่ได้มาเปรียบเทียบให้เห็นสถานการณ์ก่อนและหลังการพัฒนา 2) สนทนากลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องใน กระบวนการพัฒนาจากทุกภาคส่วน เพื่อวิเคราะห์หารูปแบบการพัฒนาระบบและนวัตกรรมเพื่อการดูแล ผู้สูงอายุ 3) ศึกษาประเมินประสิทธิผลการดำเนินโครงการของแต่ละพื้นที่ 4) สังเคราะห์ปัจจัยเงื่อนไขส่ง ผลกระทบต่อการดำเนินงาน 5) สังเคราะห์ “นวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น”
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 12 5.ผู้ให้ข้อมูล 5.1 ผู้ให้ข้อมูลวิจัยและพื้นที่วิจัย การศึกษาวิจัย “นวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศ ไทย”มีวิธีการเลือกกลุ่มผู้ให้ข้อมูลวิจัยแบบเฉพาะเจาะ (Purposive) จากผู้ที่มีประสบการณ์ใน กระบวนการพัฒนาระบบและนวัตกรรมเพื่อการดูแลผู้สูงอายุจาก 20 ตำบลเป้าหมาย ประกอบด้วย 1) ผู้ ดำเนินกรพัฒนาระบบ เช่น คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลของแต่ละตำบล 2) ผู้ที่ได้รับผลกระทบ เช่น ผู้สูงอายุทั่วไป ผู้สูงอายุที่ป่วยติดบ้านติดเตียง 3) ผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้ให้การดูแล นักวิชาการมหาวิทยาลัย 3) นักวิชาการโครงการ เป็นต้น การศึกษาวิจัยการพัฒนาระบบและนวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น มีพื้นที่วิจัยและผู้ให้ ข้อมูล ดังตารางที่1 ตารางที่ 2 ตารางที่ 3 และตารางที่ 4 มีรายละเอียด ดังรายละเอียด ตารางที่ 1 พื้นที่วิจัยและผู้ให้ข้อมูลการศึกษาวิจัย “การพัฒนาระบบและนวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุ โดยชุมชนท้องถิ่น” ลำดับ ชื่อโครงการและพื้นที่ดำเนินงานวิจัย ผู้ให้ข้อมูล ผู้ดำเนินการ หมายเหตุ พัฒนาระบบ ผู้ได้รับผลกระทบ ผู้ที่เกี่ยวข้อง 1 การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่นตำบลวังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร 1.คณะทำงาน พัฒนาระบบ ข้อมูลของแต่ละ ตำบล 1.1 นายก องค์การบริหาร ส่วนตำบล/ นายกเทศมนตรี 1.2 ปลัดองค์การ บริหาร 1.3 ผอ.รพ.สต. 1.4 นักวิชาการ ชุมชน 1.5 นักพัฒนา ชุมชน 1.6 ตัวแทนท้องที่ เช่น ผู้ใหญ่บ้าน 1.กลุ่มเป้าหมาย หลัก ผู้สูงอายุทั่วไป ผู้สูงอายุที่ป่วยติด บ้าน ผู้สูงอายุที่ป่วยติด เตียง ผู้สูงอายุต่างด้าว ผู้เตรียมความ พร้อมเข้าสู่วัย สูงอายุ ผู้สูงอายุที่ป่วย เรื้อรัง ผู้สูงอายุที่พิการ ผู้สูงอายุที่ถูก ทอดทิ้ง ผู้สูงอายุที่ไม่มี สวัสดิการ ผู้สูงอายุที่เร่ร่อน 1.ผู้ให้การดูแล สมาชิกใน ครอบครัว เพื่อนบ้าน อสม. อผส. เยาวชนจิตอาสา อาสาสมัครพัฒนา สังคมและความ มั่นคงของมนุษย์ อาสาสมัครดูแล ผู้สูงอายุและผู้ป่วย โรคเรื้อรัง อาสาสมัครกู้ชีพ อปพร. 2.นักวิชาการมหา ลัยวิทยาลัย 3.นักวิชาการ โครงการ 1. ข้อมูล แบบเชิง คุณภาพใช้ วิธีการหา ข้อมูลจน อิ่มตัว (Data saturation) 2.ข้อมูล แบบเชิง ปริมาณจะ ใช้วิธีการสุ่ม ตัวอย่าง แบบง่าย (Simple random sampling) 2 การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น ตำบลทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ. นครศรีธรรมราช 3 การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น ตำบลบางไทร อ.เมือง จ.สุราษฎร์ ธานี 4 การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น ตำบลสระแก้ว อ.ท่าศาลา จ. นครศรีธรรมราช 5 การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น ตำบลบ้านสวน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง 6 การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่นตำบลเมืองปากพนัง ตำบลเมืองปาก พนัง จ.นครศรีธรรมราช 7 การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น ตำบลโคกยาง อ. เหนือคลอง จ. กระบี่
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 13 ลำดับ ชื่อโครงการและพื้นที่ดำเนินงานวิจัย ผู้ให้ข้อมูล ผู้ดำเนินการ หมายเหตุ พัฒนาระบบ ผู้ได้รับผลกระทบ ผู้ที่เกี่ยวข้อง 8 การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น ตำบลหัวไทร อ.หัวไทร จ. นครศรีธรรมราช 1.7ตัวแทนที่ ทำงานด้าน ผู้สูงอายุในชุมชน 1.8 ตัวแทน ผู้สูงอายุในชุมชน 9 การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น ตำบลเขาชุมทอง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช 10 การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น ตำบลบางเป้า อ.กันตัง จ.ตรัง 11 การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่นตำบลไชยา อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี 12 การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น ตำบลพนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง 13 การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น ตำบลท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช 14 การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น ตำบลบางขัน อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช 15 การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น ตำบลคลองแงะ อ.สะเดา จ.สงขลา 16 การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น ตำบลคีรีวง อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ 17 การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น ตำบลปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช 18 การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น ตำบลดอนตะโก อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช 19 การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น ตำบลทางพูน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช 20 การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่นตำบลไม้เรียง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 14 5.2 รายละเอียดผู้ให้ข้อมูล การศึกษาวิจัยนี้ใช้กระบวนการทฤษฎีและแนวคิด มีผู้ให้ข้อมูลเป็นผู้ดำเนินการระบบ ประกอบด้วย นายกองค์การบริหารส่วนตำบล/นายกเทศมนตรีปลัดองค์การบริหาร ผอ.รพ.สต. นักวิชาการชุมชน นักพัฒนา ชุมชน ตัวแทนท้องที่ เช่น ผู้ใหญ่บ้าน ตัวแทนที่ทำงานด้านผู้สูงอายุในชุมชน และตัวแทนผู้สูงอายุในชุมชน รวมทั้งหมด 216 คน ดังรายละเอียดในตารางที่ 2 ตารางที่ 2 ผู้ดำเนินการพัฒนาระบบ ผู้ดำเนินการพัฒนาระบบ จำนวน (คน) เพศ อายุเฉลี่ย (ปี) ชาย หญิง 1. นายกองค์การบริหารส่วนตำบล/ นายกเทศมนตรี 20 20 - 45 - 60 2. ปลัดองค์การบริหาร 19 17 2 35 - 55 3. ผอ.รพ.สต. 17 6 11 40 - 60 4. นักวิชาการชุมชน 20 4 16 35 - 65 5. นักพัฒนาชุมชน 18 6 12 35 - 55 6. ตัวแทนท้องที่ เช่น ผู้ใหญ่บ้าน 24 18 6 45 - 60 7. ตัวแทนที่ทำงานด้านผู้สูงอายุในชุมชน 20 7 13 35 - 48 8. ตัวแทนผู้สูงอายุในชุมชน 78 22 56 60 - 75 รวม 216 100 116 การศึกษาผู้ได้รับผลกระทบที่ได้ให้ข้อมูล ประกอบด้วย ผู้สูงอายุทั่วไป ผู้สูงอายุที่ป่วยติดบ้าน ผู้สูงอายุ ที่ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุต่างด้าว ผู้เตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุผู้สูงอายุที่ป่วยเรื้อรัง ผู้สูงอายุที่พิการ ผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้ง ผู้สูงอายุที่ไม่มีสวัสดิการ และผู้สูงอายุที่เร่ร่อน รวมทั้งหมด 21,423 คน แบ่งตาม สมรรถนะการดูแลตนเอง ส่วนใหญ่ยังเป็นผู้สูงอายุที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ รองลงมา คือ กลุ่มติดบ้าน (2,252 คน) และติดเตียง (124 คน) ดังรายละเอียดในตารางที่ 3 ตารางที่ 3 ผู้ได้รับผลกระทบ ผู้ได้รับผลกระทบ จำนวน (คน) เพศ อายุเฉลี่ย (ปี) ชาย หญิง 1. ผู้สูงอายุทั่วไป 10,675 4,255 6,420 60 - 90 2. ผู้สูงอายุที่ป่วยติดบ้าน 2,252 791 1,461 80 - 90 3. ผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียง 124 48 78 60 - 90
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 15 ผู้ได้รับผลกระทบ จำนวน (คน) เพศ อายุเฉลี่ย (ปี) ชาย หญิง 3. ผู้สูงอายุต่างด้าว - - - - 4. ผู้เตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุ 7,665 2,040 5,625 50 - 59 5. ผู้สูงอายุที่ป่วยเรื้อรัง 420 122 298 55 - 80 6. ผู้สูงอายุที่พิการ 287 187 100 50 - 90 7. ผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้ง - - - - 8. ผู้สูงอายุที่ไม่มีสวัสดิการ - - - - 9. ผู้สูงอายุที่เร่ร่อน - - - - รวม 21,423 7,443 13,982 ผู้ที่เกี่ยวข้องในการศึกษาวิจัย ประกอบด้วย ผู้ให้การดูแลสมาชิกในครอบครัว เพื่อนบ้าน อสม. อผส. เยาวชนจิตอาสา นักวิชาการมหาลัยวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และนักวิชาการโครงการ จำนวน 30,882 คน ดังรายละเอียดในตารางที่ 4 ตารางที่ 4 ผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้ที่เกี่ยวข้อง จำนวน (คน) เพศ อายุเฉลี่ย (ปี) ชาย หญิง 1. ผู้ให้การดูแลสมาชิกในครอบครัว เพื่อนบ้าน อสม. อผส. เยาวชนจิตอาสา อาสาสมัครพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์อาสาสมัครดูแล ผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง อาสาสมัครกู้ชีพ อปพร. 30,842 12,599 18,243 12 - 55 2. นักวิชาการมหาลัยวิทยาลัย (อาจารย์ประจำ สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ สำนักวิชาสถาปัตยกรรม และการออกแบบ สำนักวิชาศิลปกรรมศาสตร์) 20 3 17 35 - 60 3. นักวิชาการโครงการ 20 4 16 35 - 65 รวม 30,882 12,606 18,276 6. วิธีการเข้าถึงข้อมูล วิธีการเข้าถึงข้อมูลในการศึกษา มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ 6.1 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษานี้ ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ 1) ทีมนักวิจัย 2) ข้อมูลมือสอง (Secondary Data) และ 3) เครื่องมือจัดเก็บที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาระบบมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 16 1) ทีมนักวิจัย เป็นทีมวิจัยที่ผ่านการศึกษาและพัฒนาทักษะการวิจัยเชิงคุณภาพก่อนการ ศึกษาวิจัยในครั้งนี้ ซึ่งประกอบด้วย ทีมผู้วิจัยหลัก และนักวิจัยเชิงพื้นที่จากตำบล 2) เครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย 2.1) แบบศึกษาข้อมูลมือสองเพื่อศึกษา สถานการณ์ด้านการดูแลก่อนและหลังพัฒนาฯ ผู้สูงอายุและการจัดการขององค์กรต่างๆที่เกี่ยวข้องก่อนและ หลังการพัฒนา 2.2) แบบสำรวจสถานการณ์การดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นก่อนการพัฒนา TCNAP RECAP และแบบประเมินสุขภาวะผู้สูงอายุ 2.3) แบบสัมภาษณ์และสนทนากลุ่ม ประเด็นการพัฒนาระบบ การดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นก่อนและหลังพัฒนา 2.4) แบบสัมภาษณ์และสนทนาประเด็นการดำเนิน โครงการเพื่อพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น 2.5) แบบบันทึกภาคสนามเพื่อสังเกตการพัฒนา ระบบฯ 3) เครื่องมือการประเมินผลลัพธ์ก่อนการพัฒนาระบบฯ ประกอบด้วย 3.1) แบบบันทึก เปรียบเทียบสถานการณ์ด้านต่างๆ ผู้สูงอายุของตำบลก่อนและหลังการพัฒนา 3.2) แบบบันทึกประสิทธิผล ของโครงการที่ได้รับทุนสนับสนุน 3.3) แบบบันทึกประสิทธิผลของโครงการ “การพัฒนาระบบและนวัตกรรม เพื่อการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น” 6.2 การเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ 1) การเก็บข้อมูลจากเอกสารที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่รายงานการวิจัยของพื้นที่ทั้ง 20 ตำบล และ เอกสารข้อเสนอนโยบายต่างๆ 2) การเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ โดยการเข้าพบ ผู้สูงอายุและกลุ่มเข้าสู่วัยสูงอายุในตำบลที่ รับผิดชอบ และจากผู้ดูแลผู้สูงอายุจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น 4 องค์กรหลักที่ดูแลผู้สูงอายุในพื้นที่เช่น อปท. ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน รพ.สต. ชมรมผู้สูงอายุ เป็นต้น โดยการชี้แจงวัตถุประสงค์วิธีการวิจัย ขอความ ร่วมมือ เมื่อได้รับการยินยอมจึงให้ตอบแบบสอบถามโดยอิสระใช้เวลาประมาณ 45 นาทีเมื่อเสร็จแล้วใส่ซอง ปิดผนึกส่งกลับให้ผู้วิจัยโดยตรง 3) การเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ ประกอบด้วยกิจกรรม ประกอบด้วย 3.1 )การสนทนากลุ่ม เฉพาะ โดยการนัดหมายผู้สูงอายุและกลุ่มเข้าสู่วัยสูงอายุในตำบลและจากผู้ดูแลผู้สูงอายุจากทุกภาคส่วนที่ เกี่ยวข้อง ใช้เวลาประมาณ 60 นาทีต่อกลุ่มและหากผู้ร่วมโครงการวิจัยยินยอมให้ทาการบันทึกเสียง จะทำการ บันทึกเสียงการทาการสนทนากลุ่มเฉพาะด้วยตลอดจนการสรุปผลการสนทนากลุ่มเฉพาะเป็นระยะ ๆ เพื่อ ทวนสอบความถูกต้องของข้อมูล 3.2) การสังเกตและสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้สูงอายุและกลุ่มเข้าสู่วัยสูงอายุใน ตำบลและจากผู้ดูแลผู้สูงอายุจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยใช้เวลาประมาณคนละ 30 – 60 นาทีและหากผู้ ร่วมโครงการวิจัยยินยอมให้ทาการบันทึกเสียง จะทำการบันทึกเสียงการสัมภาษณ์ด้วย 6.3 แนวทางการถอดบทเรียน เรื่องเด่นนวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ดังนี้ 1) ดำเนินการทบทวนและสรุปข้อมูลสถานะสุขภาวะของชุมชนในการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น เน้นการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น มีแนวคิดหลักการพัฒนาอย่าง น้อย 4 หลักการ ได้แก่ 1) การพัฒนาโดยใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง 2) การคำนึงถึงสุขภาพในทุกนโยบาย 3) การสร้าง
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 17 การมีส่วนร่วม และ 4) การสร้างความเป็นเจ้าของ เป็นต้น การดำเนินงานที่ผ่านมาของพื้นที่ได้ก่อให้เกิด รูปธรรมการดำเนินงาน และแนวทางการดำเนินงานที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาระบบการ ดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น จากประสบการณ์ในการพัฒนางานดังกล่าวจึงจำเป็นต้องมีการทบทวนให้เห็น ถึงสถานะการพัฒนาปัจจุบัน ตลอดจนศักยภาพและความพร้อมในการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุในพื้นที่ สอบทานงานหรือกิจกรรมของทุนทางสังคม การสะท้อนศักยภาพชุมชน 5 ด้าน (สังคม เศรษฐกิจ สภาวะ แวดล้อม สุขภาพ และการเมือง การปกครอง) อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น และ เพิ่มศักยภาพในการจัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่น ดังนั้นเพื่อเป็นการสะท้อนถึงสถานการณ์ทางด้านสุขภาวะ ของชุมชน และผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น จึงจำเป็นต้องมีการ ทบทวนและสรุปข้อมูล ที่แสดงหลักฐานยืนยันการดำเนินงานในด้านต่างๆ โดยใช้ข้อมูลจากหลายแหล่ง ทั้ง ข้อมูลจากระบบข้อมูลตำบล (TCNAP) ข้อมูลจากการวิจัยชุมชน (RECAP) ร่วมกับข้อมูลจากแหล่งอื่น ได้แก่ จปฐ. กชช2ค. ข้อมูลจาก รพ.สต. และข้อมูลของหน่วยงานองค์กรอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ชุมชน ท้องถิ่นได้การเรียนรู้สถานการณ์การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นของพื้นที่แล้ว ยังสามารถ นำข้อมูลดังกล่าวไปใช้สำหรับการวางแผนและต่อยอดการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นได้ มี วิธีดำเนินการ ดังนี้ (1) รวบรวม วิเคราะห์ และสรุปข้อมูลบริบทของชุมชน สถานการณ์ทางด้านสุขภาวะชุมชน (กลุ่ม ประชากรเป้าหมาย ทุนทางสังคม 6 ระดับ) และผลลัพธ์ของการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น จากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จากนั้นทำการแจงนับจำนวนข้อมูลในแต่ละส่วนให้สมบูรณ์ พร้อม ทั้งวิเคราะห์และสรุปข้อมูลในแต่ละส่วนให้ถูกต้อง (2) จัดทำตาราง แผนภูมิ และกราฟในการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านสุขภาวะชุมชน และ สถานการณ์สุขภาวะผู้สูงอายุ 2) การดำเนินการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น มุ่งเน้นการพัฒนางานและ กิจกรรม ใน 6 ชุดกิจกรรมหลัก ได้แก่ 1) การพัฒนาศักยภาพ 2) การพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อผู้สูงอายุ 3) การพัฒนาระบบบริการ 4) การจัดตั้งกองทุนหรือจัดให้มีสวัสดิการช่วยเหลือกัน 5) การพัฒนาและนำใช้ ข้อมูลในการส่งเสริมแก้ไข/จัดการปัญหาผู้สูงอายุ และ 6) การพัฒนากฎ กติการะเบียบ แนวปฏิบัติ การ ขับเคลื่อนและระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น อยู่บนฐานของการพัฒนาโดยเอาพื้นที่เป็นตัวตั้ง พร้อม ทั้งมีกระบวนการค้นหาและเรียนรู้ทุนทางสังคมและศักยภาพของชุมชน เพื่อนำมาใช้พัฒนาและต่อยอดการ ดำเนินงานของแต่ละพื้นที่ อีกทั้งยังมีกระบวนการจัดการความรู้ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากพื้นที่ต้นแบบ และ การใช้กระบวนการวิจัยในการสร้างองค์ความรู้ในประเด็นต่างๆ ที่สนใจ การดำเนินการดังกล่าวจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อการพัฒนาศักยภาพและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนท้องถิ่น ที่สามารถนำใช้ประสบการณ์ที่ได้รับ
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 18 จากกระบวนการเรียนรู้และพัฒนา มาปรับใช้เพื่อจัดการกับประเด็นปัญหาและความต้องการของประชากร กลุ่มเป้าหมายต่างๆในการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น ซึ่งก่อให้เกิดความโดดเด่นของการ ดำเนินงาน จนสามารถนำไปใช้เป็นกรณีตัวอย่างที่ประสบผลสำเร็จ หรือมีความเป็นเลิศในการทำงาน หรือเป็น นวัตกรรมในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เห็นถึงรายละเอียดในการพัฒนาศักยภาพและความโดดเด่นในด้านต่างๆของ พื้นที่ในการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นอย่างชัดเจน จึงจำเป็นต้องมีการทบทวนข้อมูลทุน ทางสังคมและศักยภาพของชุมชน พร้อมทั้งใช้กระบวนการถอดบทเรียนจากแกนนำ คนสำคัญที่เป็นคนหลัก ตลอดจนผู้ที่เป็นคนร่วมดำเนินงาน และผู้ได้รับประโยชน์หรือผลกระทบ ซึ่งจะทำให้เข้าใจถึงความสำคัญของ การดำเนินงาน กลุ่มประชากรเป้าหมาย ทุนทางสังคมที่เข้ามามีส่วนร่วมกระบวนการ ผลผลิต ผลลัพธ์ และ ปัจจัยเงื่อนไขที่เกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับพื้นที่ที่ต้องการพัฒนาในประเด็นที่มีความคล้ายคลึงกัน และ สามารถนำไปปรับใช้และพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นทั้งในพื้นที่และข้ามพื้นที่ มี วิธีดำเนินการ ดังนี้ (1) อ่านและทำความเข้าใจทุนทางสังคม งานและกิจกรรม และประชากรกลุ่มเป้าหมายในการพัฒนา ระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น (2) ทบทวนงาน กิจกรรมที่เป็นเรื่องเด่น งานเด่นในการดูแลผู้สูงอายุของพื้นที่ (3) วิเคราะห์บทบาทของผู้มีส่วนร่วมในการดำเนินงานพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น จากการดำเนินงานจริงในพื้นที่ (4) ตรวจสอบเรื่องเด่น งานเด่น โดยวิเคราะห์ความสอดคล้องของงาน และกิจกรรมของทุนทางสังคม กับผลผลิต ผลลัพธ์ ประชากรเป้าหมาย และลักษณะงานเด่น พร้อมทั้งวิเคราะห์จัดระดับเรื่องเด่น (5) สรุปเรื่องเด่น งานเด่นเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น ฃ (6) วิเคราะห์ศักยภาพชุมชนที่เป็นเรื่องเด่นในการดูแลผู้สูงอายุเทียบเคียงกับแผนยุทธศาสตร์ 2๐ ปีและ แผนปฏิรูปประเทศ (7) วิเคราะห์ศักยภาพชุมชนที่เป็นเรื่องเด่น งานเด่นการดูแลผู้สูงอายุเทียบเคียงกับแผนงานผู้สูงอายุ และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) (8) วิเคราะห์ศักยภาพชุมชนที่เป็นเรื่องเด่น งานเด่นการดูแลผู้สูงอายุเทียบเคียงกับกิจกรรม 5อ.5ก. (9) วิเคราะห์ผลกระทบต่อโครงสร้างของชุมชนท้องถิ่น 5 ด้าน และ 7 คุณลักษณะการจัดการตนเอง ของชุมชนท้องถิ่น (10) ถอดบทเรียนเรื่องเด่น งานเด่นของพื้นที่ในการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น ตามตัวอย่างแนว คำถามการถอดบทเรียนเรื่องเด่นในการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น 3) วิเคราะห์ระบบเด่นของพื้นที่ในการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น ได้มีการ สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพและความเชี่ยวชาญการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็น
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 19 การสร้างและขับเคลื่อนงาน ทั้งในส่วนของการสร้างระบบการจัดการ การพัฒนาและขับเคลื่อนชุมชนที่เน้น การมีส่วนร่วม รวมทั้งการจัดการความรู้และขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ และการสนับสนุนการศึกษาวิจัยเพื่อ พัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบข้อมูล การกำหนดโจทย์วิจัยและ พัฒนา และการสรุปและนำใช้ชุดความรู้ในการดำเนินงานการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น จากการพัฒนาศักยภาพ และเตรียมความพร้อมในหลายด้านดังที่กล่าวมาในข้างต้น ปรากฏผลเป็นรูปธรรม ของการเพิ่มทุนทางสังคมในระดับต่างๆ ตลอดจนเกิดการดำเนินงานพัฒนางานตามชุดกิจกรรมหลัก และเกิด การพัฒนานวัตกรรมที่หลากหลาย ซึ่งนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในการจัดการตนเองและการ พัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น โดยแต่ละพื้นที่มีอัตลักษณ์และความโดดเด่นของการพัฒนาที่ แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริบทของพื้นที่ ตลอดจนประสบการณ์ และแนวทางในการจัดการกับปัญหาและ ความต้องการของพื้นที่ ดังนั้น เพื่อให้เกิดการวิเคราะห์และสรุปข้อมูลที่สะท้อนถึงความโดยเด่นของแต่ละพื้นที่ จึงจำเป็นต้องมีการนำใช้ข้อมูลทุนทางสังคมที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ กลุ่มประชากรเป้าหมาย การดำเนินงานและ กิจกรรม และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น มาวิเคราะห์แยกแยะเพื่อให้เห็นลักษณะความเหมือนหรือความแตกต่างกันของ การดำเนินงานและกิจกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น พร้อมทั้งการจัดกลุ่มและการจัดระบบของทุน ทางสังคม รวมไปถึงพิจารณาความสัมพันธ์เชื่อมโยงงานและกิจกรรมกันของของทุนทางสังคมในระดับต่างๆ ซึ่ง จะทำให้เห็นเกิดความชัดเจนของระบบเด่น และระบบสนับสนุนของแต่ละพื้นที่ในการพัฒนาระบบการดูแล ผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น มี วิธีการดำเนิน ดังนี้ (1) อ่านและทำความเข้าใจทุนทางสังคม งานและกิจกรรม และประชากรกลุ่มเป้าหมายในการพัฒนา ระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น จากที่ได้สรุปและทบทวนข้อมูล (2) วิเคราะห์และจัดกลุ่มองค์ประกอบของงานและกิจกรรมของแต่ละทุนทางสังคมที่ตอบสนองปัญหา และความต้องการของประชากรกลุ่มเป้าหมายต่างๆ โดยการนำข้อมูลมาวาดลงในกระดาษร่างแบบ เพื่อให้ เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง สถานการณ์ประชากรกลุ่มเป้าหมาย การดำเนินงานและกิจกรรมเพื่อตอบสนองต่อ ปัญหา และทุนทางสังคมที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน (3) วิเคราะห์ จัดกลุ่ม และสรุปข้อมูลทุนทางสังคมออกเป็นระบบเด่น และระบบสนับสนุน โดย พิจารณาจากเป้าหมายหรือแนวทางในการดำเนินงานและกิจกรรม ที่ตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการ ของประชากรกลุ่มเป้าหมายในลักษณะเดียวกัน (4) สรุปองค์ประกอบของระบบเด่น และระบบสนับสนุนของการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดย ชุมชนท้องถิ่น โดยวาดภาพระบบเด่น และระบบสนับสนุนในกระดาษร่างแบบ ซึ่งในแต่ละระบบเด่น และ ระบบสนับสนุน จะมีองค์ประกอบที่เป็น แกนนำ คนสำคัญ กลุ่ม/องค์กรชุมชน หรือหน่วยงาน/องค์กร ที่อยู่ใน และนอกพื้นที่เข้าไปร่วมดำเนินการในด้านต่างๆ พร้อมทั้งกำหนดชื่อระบบเด่น และระบบสนับสนุนตาม ลักษณะการดำเนินงานและกิจกรรมที่ปรากฏ
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 20 (5) ลากเส้นแสดงความเชื่อมโยงทุนทางสังคมในแต่ละระดับที่เป็นทุนทางสังคมเดียวกันแต่เข้าไปมี ส่วนร่วมในการดำเนินงานและกิจกรรมในระบบเด่น และระบบสนับสนุนต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึง ความสามารถและศักยภาพในการดำเนินงานเฉพาะด้านของทุนทางสังคมนั้นๆ ซึ่งถือว่าเป็นกำลังหลักหรือคน สำคัญในการดำเนินงานการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น 4) สรุปและนำเสนอระบบเด่นของพื้นที่ในการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น การถอดบทเรียนเรื่องเด่นระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น ได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อ ประกอบการถอดบทเรียนการถอดบทเรียนเรื่องเด่นระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น วิธีการเข้าถึง ข้อมูลมีหลายวิธี ได้แก่ การสังเกตทั้งแบบมีส่วนร่วมและไม่มีส่วนร่วม การสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม การ วิเคราะห์สรุปประเด็น การวิเคราะห์เนื้อหา การวิเคราะห์ตามช่วงเวลา การวิเคราะห์แบบแมทริกซ์ และ นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ การเขียนบรรยาย แผนภาพ timeline แผนภาพระบบ แผนภาพการจัดหมวดหมู่ ตารางสรุปและตารางเปรียบเทียบ เป็นต้น การสรุปบทเรียน หรือถอดบทเรียนจาก ผู้ที่มีประสบการณ์ตรง ทั้งที่เป็นคนหลัก คนร่วมดำเนินการ และคนที่ได้รับประโยชน์หรือผลกระทบจากการ ดำเนินงานในด้านต่างๆ ทั้งนี้โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้าใจ และเรียนรู้แนวแนวทางการพัฒนาระบบการ ดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นที่สามารถนำไปปรับใช้ และขยายผลในพื้นที่ตนเอง ตลอดจนเกิดการพัฒนาต่อ ยอดงานเด่น นวัตกรรม ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการจัดการความรู้ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้การ พัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดเตรียมเนื้อหา เอกสาร แผนภาพ การจัดเตรียมสคริป การวางแผนออกแบบนิทรรศการ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมและการจัดการในด้าน ต่างๆ สำหรับบุคคล กลุ่มคน หน่วยงาน องค์กรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยให้สามารถถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ ได้อย่างชัดเจน ครอบคลุมในทุกประเด็นสำคัญ อีกทั้งยังสามารถสะท้อนให้เห็นถึง สถานะทางด้านสุขภาวะ และอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ในการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น มีวิธีการดำเนินการ ดังนี้ (1) อ่านและทำความเข้าใจเรื่องเด่น งานเด่นของพื้นที่ในการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น (2) คัดเลือกและรวบรวมเรื่องเด่น งานเด่นของพื้นที่ที่ต้องการนำเสนอ (3) ศึกษาแนวทางการเขียนสรุป และรูปแบบการนำเสนอข้อมูล วางแผนออกแบบกิจกรรมนำเสนอ ระบบเด่นการพัฒนาระบบดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น มาจัดทำเป็นเอกสาร แผนภาพ แผนภูมิ 7.การวิเคราะห์ข้อมูล 7.1 การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล การศึกษานี้ใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ดังนี้1) ข้อมูลเชิงปริมาน ใช้การแจกแจงความถี่และค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2) ข้อมูลเชิงคุณภาพใช้วิธีการ
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 21 วิเคราะห์เชิงเนื้อหา (Content Analysis) ตามแนวทางขอของไมล์และฮิวเบอร์แมน โดยแบ่งการวิเคราะห์ ข้อมูลเป็น 3 ขั้นตอนคือ การลดทอนข้อมูล การแสดงข้อมูล และ การสรุปข้อมูล ด้วยแผนภาพความคิดต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นกระบวนการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น โดยเริ่มจากผู้วิจัยอ่านข้อมูลที่ได้ จากการจัดเก็บ แยกแยกเพื่อให้เห็นองค์ประกอบของข้อมูลทั้งหมด สร้าง Typology เพื่อจำแนกข้อมูลให้เห็น ฉากทัศน์กระบวนการและผลที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาฯ ใช้Thematic Analysisเพื่อจำแนกประเด็นหลัก ประเด็นย่อยในกระบวนการพัฒนาฯ และสร้างแผนภาพสรุปความคิด(Conceptual MAP) เพื่อแสดงให้เห็น กระบวนการและผลที่เกิดขึ้น 8. การตรวจสอบความน่าเชื่อถือของงานวิจัย การตรวจสอบความน่าเชื่อถือของงานวิจัย โดยการตรวจสอบคุณภาพการวิจัย 3 ลักษณะ ได้แก่ 1) การตรวจสอบคุณภาพภายใน 2) การตรวจสอบคุณภาพภายนอก และ 3) การตรวจสอบคุณภาพของ เครื่องมือ มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ 1) การตรวจสอบคุณภาพภายใน โดยคณะผู้วิจัยเข้ารับการอบรมการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมี ส่วนร่วม (Participatory Action Research: PAR) และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพจากมหาวิทยาลัยวลัย ลักษณ์ 2) การตรวจสอบคุณภาพภายนอกใช้การตรวจสอบสามเส้า (triangulation) ทั้งด้านความ ถูกต้องของข้อมูล (data triangulation) ผู้จัดเก็บข้อมูล (investigators triangulation)และความสอดคล้อง กับทฤษฎี (theoretical triangulation) 3) การตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ ผู้วิจัยให้ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ดูความสอดคล้อง ของแนวคำถามในการสัมภาษณ์และสนทนากลุ่ม ปรับปรุงแนวคำถาม ทดลองใช้แนวคำถามกับผู้ที่มีลักษณะ คล้ายกับกลุ่มเป้าหมาย ปรับแนวคำถามอีกรอบ จึงนำมาใช้ในการสัมภาษณ์จริงกับกลุ่มเป้าหมาย 9.จริยธรรมการของการศึกษา การศึกษานี้คำนึงถึงหลักจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ ประกอบด้วยหลักความเคารพในบุคคล หลัก ผลประโยชน์หรือไม่ก่ออันตราย และหลักความยุติธรรม โดยมีแนวทางการดำเนินงาน ดังนี้ 1) การขอรับรองด้านจริยธรรม หลังจากเขียนข้อเสนอโครงการ ก่อนดำเนินการศึกษา ผู้วิจัย เสนอโครงการวิจัยเพื่อขอรับการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ต่อคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยใน มนุษย์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ (เลขที่เอกสารรับรอง WUEC-19-054-01 และเลขที่เอกสารรับรอง WUEC– 19-054-02) 2) ขออนุญาตทำการศึกษาในพื้นที่ เมื่อได้รับการรับรองจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์จาก คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์แล้ว 3) ดำเนินการเก็บข้อมูลตามหลักจริยธรรมให้ความเคารพต่อสิทธิบุคคล ผู้วิจัยดำเนินการดังนี้
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 22 3.1) กระบวนการให้ข้อมูลแก่อาสาสมัครเพื่อการตัดสินใจเข้าร่วมในโครงการวิจัย โดย ผู้วิจัยแนะนำตัวเอง บอกจุดมุ่งหมายของการศึกษาวิจัย มีผลอย่างไรต่อผู้ให้ข้อมูลขออนุญาตบันทึกข้อมูล และ อธิบายให้ชัดว่าข้อมูลที่เก็บนั้นนำไปใช้นำเสนอในภาพรวมเท่านั้น ถ้าผู้ให้ข้อมูลไม่อนุญาตก็จะหยุดเก็บข้อมูล ในทันที ผู้ให้ข้อมูลมีสิทธิออกจากการเป็นผู้ให้ข้อมูลได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ในขั้นตอนก่อนเก็บข้อมูลต้องทำ ความเข้าใจกับผู้ให้ข้อมูลว่าข้อมูลส่วนใดที่จะใช้ และใช้อย่างไรในขั้นตอนการเผยแพร่ผลการศึกษาวิจัย 3.2) การชักจูงเพื่อให้เข้าร่วมโครงการวิจัย ผู้วิจัยอธิบายผลประโยชน์และผลเสียที่อาจ เกิดขึ้นให้กับผู้เข้าร่วมให้ข้อมูลในโครงการวิจัย เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมวิจัยตัดสินใจเองโดยไม่มีการแทรกแซง ด้านการใช้อำนาจบังคับจากหน่วยงาน หัวหน้างาน เป็นต้น 3.3) ความเป็นส่วนตัวและการเก็บความลับ ผู้วิจัยระบุข้อมูลในขั้นตอนการให้ข้อมูลแก่ อาสาสมัครให้ชัดเจนว่าข้อมูลที่ได้จะเก็บเป็นความลับ มีการอนุญาติยิยยอมก่อนเก็บข้อมูล และเผยแพร่ข้อมูล ในภาพรวมเท่านั้น จะไม่ให้มีการสืบค้นข้อมูลไปถึงตัวบุคคลได้ ไม่ระบุชื่ออาสาสมัครลงในทุกขั้นตอนของการ วิจัยแต่จะใช้รหัสแทนในการบันทึกข้อมูล ยกเว้นกรณีที่เป็นข้อมูลทางบวกที่ผู้ให้ข้อมูลต้องการเปิดเผยตัวตน 3.4) การให้ความยุติธรรม โดยผู้วิจัยปฏิบัติกับผู้ให้ข้อมูลภายใต้มาตรฐานเดียวกันเพื่อ ความเท่าเทียม ไม่ทำให้เกิดการแบ่งแยก ไม่เลือกปฏิบัติกับผู้ที่ต่างชนชั้น กรณีเกิดความขัดแย้งในชุมชน ผู้วิจัย จะวางตัวเป็นกลาง แสดงบทบาทเป็นผู้รับฟังที่ดีกับทั้งสองฝ่าย
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 23 บทที่ 2 กระบวนการพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น กรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย มีบริบทพื้นที่ที่ส่งผลต่อกระบวนการพัฒนาระบบฯ ซึ่งการดำเนินการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น มุ่งเน้นการพัฒนางานและกิจกรรมตาม 6 ชุดกิจกรรมหลัก ประกอบด้วย 1) การพัฒนาศักยภาพ 2) การพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อผู้สูงอายุ3) การพัฒนาระบบบริการ 4) การจัดตั้งกองทุนหรือจัดให้มี สวัสดิการช่วยเหลือกัน 5) การพัฒนาและนำใช้ข้อมูลในการส่งเสริมแก้ไข/จัดการปัญหาผู้สูงอายุ และ 6) การ พัฒนากฎ กติการะเบียบ แนวปฏิบัติ การขับเคลื่อนและพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น กรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ประเทศไทยอยู่บนฐานของการพัฒนาโดยเอาพื้นที่เป็นตัวตั้ง มีกระบวนการค้นหา และเรียนรู้ทุนทางสังคมและศักยภาพของชุมชน เพื่อนำมาใช้พัฒนาและต่อยอดการดำเนินงานของแต่ละพื้นที่ อีกทั้งยังมีกระบวนการจัดการความรู้ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากพื้นที่ต้นแบบ และการใช้กระบวนการวิจัยใน การสร้างองค์ความรู้ในประเด็นต่างๆ ที่สนใจ การดำเนินการดังกล่าวจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อการพัฒนาศักยภาพ และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนท้องถิ่น ที่สามารถนำใช้ประสบการณ์ที่ได้รับจากกระบวนการเรียนรู้ และพัฒนา มาปรับใช้เพื่อจัดการกับประเด็นปัญหาและความต้องการของประชากรกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ใน การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น ซึ่งก่อให้เกิดความโดดเด่นของการดำเนินงาน จนสามารถ นำไปใช้เป็นกรณีตัวอย่างที่ประสบผลสำเร็จ หรือมีความเป็นเลิศในการทำงาน หรือเป็นนวัตกรรมในรูปแบบ ต่างๆ เพื่อให้เห็นถึงรายละเอียดในการพัฒนาศักยภาพ การนำใช้ทุน เสริมสร้างความโดดเด่นในด้านต่าง ๆ ของพื้นที่เพื่อการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นให้เกิดผลลัพธ์ขึ้นอย่างชัดเจน รายละเอียด ดังนี้ กระบวนการพัฒนานวัตกรรม จากการสังเกต สัมภาษณ์ และสนทนากลุ่ม โดย อปท.เครือข่าย ร่วมกับ นักวิชาการโครงการที่รับทุนสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ ได้สะท้อนให้เห็นว่ามีบุคคล กลุ่ม องค์กร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบฯ ค้นหาวิธีการ แนวทาง และขั้นตอน การพัฒนาฯ ตลอดจนปัจจัยความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการพัฒนา ปัญหาและอุปสรรคที่ส่งผลต่อการพัฒนาฯ และแนวทาง วิธีการจัดการแก้ไข ซึ่งกระบวนการพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น กรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย ได้รับการพัฒนาขึ้นจากประสบการณ์การทำงานดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ ที่สะท้อนให้เห็นกระบวนการใช้ข้อมูลวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการทางด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ กระบวนการใช้ทุนทางสังคม จนเกิดการออกแบบกิจกรรม วางแผนการทำงาน และหาแนวทางการในการดูแล ช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผลของการถอดบทเรียน และการสังเคราะห์นวัตกรรมในส่วนของกระบวนการพัฒนา นวัตกรรม ได้ชี้ให้เห็นองค์ความรู้จากการสรุปบทเรียนการทำงาน ปัญหา อุปสรรค เงื่อนไขของความสำเร็จใน
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 24 การดูแลผู้สูงอายุที่ผ่านมา การเห็นและใช้ศักยภาพของผู้สูงอายุที่มีอยู่ในพื้นที่ ให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้มีส่วนร่วมใน การค้นหาปัญหา ออกแบบ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากการทำงานร่วมกัน มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1. ประชากรเป้าหมาย ประชากรเป้าหมายที่อยู่ในการกระบวนพัฒนานวัตกรรม สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ 1) กลุ่ม ประชากรผู้สูงอายุ 2) กลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องในการดูแลผู้สูงอายุระดับครัวเรือน ประกอบด้วย ผู้ดูแลในครอบครัว ระดับหน่วยงาน ประกอบด้วย หน่วยงานองค์กรและภาคีที่มีภารกิจในการดูแลผู้สูงอายุ มีรายละเอียด ดังนี้ 1.1 ประชากรผู้สูงอายุ ในการวิเคราะห์ประชากรกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่มีลักษณะแตกต่างกัน ตามการ รับรู้จากคนในชุมชนและผู้สูงอายุดังนี้ 1) ผู้สูงอายุที่แข็งแรง เป็นผู้ที่มองตนเองอย่างมีคุณค่าเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในสังคมเป็นทุน ทางสังคมที่ยังสามารถถ่ายทอดประสบการณ์ที่มีคุณค่าให้แก่ลูกหลานร่วมกลุ่มเป็นผู้นำทำกิจกรรมในชุมชน และเป็นพึ่งด้านสุขภาพ สามารถดูแลสุขภาพตนเองได้เป็นอย่างดี 2) ผู้สูงอายุที่เจ็บป่วย ไปมาได้ เป็นผู้สูงอายุที่มีการเจ็บป่วยทั้งจากความเสื่อมตามอายุ และมี โรคประจำตัว แต่ยังดูแลตนเอง เดินไปมาหาสู่เพื่อนบ้านและทำกิจกรรมนอกบ้านได้ 3) ผู้สูงอายุที่เจ็บป่วย ไปมาลำบาก เป็นผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว มีความยากลำบากในการ เคลื่อนไหว เช่น ข้อเสื่อม หรือมีภาวะแทรกซ้อนจากการเจ็บป่วยด้วยโรคประจำตัว อีกทั้งมีปัญหาการมองเห็น การทรงตัว จึงทำให้การดูแลตนเองและทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันไม่สะดวก ต้องอาศัยลูกหลานช่วย ดูแล 4) ผู้สูงอายุเจ็บป่วย นอนอยู่บ้าน ที่มีความเสื่อมตามวัย ได้รับอุบัติเหตุ เจ็บป่วยด้วยโรค เรื้อรังมานาน และมีภาวะแทรกซ้อนจากโรคประจำตัว ต้องมีคนดูแลเรื่องกิจวัตรประจำวันให้เกือบทั้งหมด 1.2 บุคคล กลุ่ม องค์กร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาฯ 1) บุคคล กลุ่ม เกี่ยวข้องกับการพัฒนาฯ ประกอบด้วย นายกองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประธานชุมชน แพทย์ พยาบาลวิชาชีพ นักวิชาการสาธารณสุข ชมรมผู้สูงอายุ กลุ่ม อาชีพ ปราชญ์ชาวบ้าน แกนนำผู้สูงอายุ กองทุนสวัสดิการชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ผู้นำ ชุมชนท้องถิ่น การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุในวิถีชีวิตยอมมีความเชื่อมโยงสัมพันธกับบุคคลตางๆ ใน ครอบครัวผู้สูงอายุเอง บุคคลในชุมชน ตลอดจนองคกรและภาคีตางๆ ที่มีความเกี่ยวเนื่องกันในระบบสุขภาพ ชุมชนที่หลากหลาย โดยกลุมผู้สูงอายุที่แข็งแรงเป็นผู้ถายทอดประสบการณไปยังผู้เกี่ยวของ ผู้สูงอายุที่เจ็บป่วย ไปมาลําบาก ตองได้รับการเกื้อกูลจากผู้เกี่ยวของ เกิดผลกระทบในการดูแลสุขภาพชุมชนซึ่งกันและกัน 2) องค์กร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาฯ ประกอบด้วย มหาวิทยาลัย วลัยลักษณ์ สสส. โรงพยาบาลประจำอำเภอ สาธารณสุขอำเภอ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สถานศึกษา วัดมัสยิด กศน. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 25 สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด ห้างสรรพสินค้า ศูนย์ประสานงานภาคีพัฒนาจังหวัดชุมพร (ศปจ.) มูลนิธิ หน่วยกู้ภัย เขามาร่วมเรียนรูความเปลี่ยนแปลง ปญหาและความตองการของผู้สูงอายุ นําไปสู่การหนุนเสริม ด้านสุขภาพร่วมกับเจาหนาที่ดานสุขภาพที่เป็นภาคีในการดูแลสุขภาพ ชมรมผู้สูงอายุ เป็นการรวมกลุมของ ผู้สูงอายุ เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรูร่วมกันสำหรับผู้สูงอายุในหลายดาน 1.3 วิธีการ แนวทาง ขั้นตอนการพัฒนาฯ ทุกตำบลมีกระบวนการดำเนินงานจัดการระบบ และ แนวทางในการดำเนินงานเพื่อให้การดูแลผู้สูงอายุได้รับการดูแลอย่างมีประสิทธิภาพชัดเจน เป็นรูปธรรม ที่ เหมือนและแตกต่างกัน ดังนี้ 1) สร้างทีมงานพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุฯ โดยมีการจัดตั้งคณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูล ขึ้น 2 ทีม ได้แก่ ทีมจัดการ และทีมจัดเก็บข้อมูล ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีการกำหนดบทบาท หน้าที่อย่างชัดเจน จัดตั้งกติกา และวางแผนงานร่วมกัน สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับ แนวคิดหลักการ และวิธีการ ต่างๆ ในกระบวนการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ ตลอดจนพัฒนาศักยภาพ 5 นักสร้างเสริมสุขภาวะชุมชน ได้แก่ นักบริหาร นักจัดการข้อมูล นักวิจัย นักสื่อสาร และนักจัดกระบวนการ 2) จัดทำ นำใช้ข้อมูล ออกแบบ พัฒนาระบบฯ ซึ่งได้จัดเก็บข้อมูลตำบล (TCANP) ข้อมูลวิจัย ชุมชน (RECAP) ข้อมูลสุขภาวะผู้สูงอายุ และข้อมูลจากการจัดเวทีประชาคม ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล นำสู่การพัฒนาข้อเสนอโครงการ วางแผนการดำเนินงานและกิจกรรมตามความต้องการของผู้สูงอายุ การนำใช้ ข้อมูลเพื่อค้นหาปัญหาและความต้องการมาใช้จัดการออกแบบระบบการดูแลผู้สูงอายุให้มีความสอดคล้อง และขอสนับสนุนงบประมาณการดำเนินงานโครงการจาก ศปง. ผู้สูงอายุ (มวล.) 3) พัฒนาระบบดำเนินงานตามแผนงานของแต่ละตำบล โดยการจัดกิจกรรมพัฒนาระบบฯ ได้แก่ 6 ชุดกิจกรรมหลัก กลยุทธ์5ก.5อ. สูงวัยสร้างเมือง เพื่อนำสู่การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุ ตลอดจนพัฒนาระบบนโยบายสาธารณะ อีกทั้งยังเชื่อมโยงงบประมาณจากภาคีเครือข่ายอื่นร่วมหนุนเสริมให้ การดำเนินงานการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นเกิดผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพ 4) นิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผลการพัฒนาฯ ลงพื้นที่ 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ให้ ข้อเสนอแนะ หารือแนวทางการพัฒนา สื่อสารทางไลน์กลุ่ม โทรศัพท์อย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุมให้การ ดำเนินงานเป็นไปตามแผนงาน 5) ดำเนินงานพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบของการจัดเวทีการประชุมเชิงปฏิบัติการ การ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้ามพื้นที่ เพื่อกระตุ้น แลกเปลี่ยนแนวคิดมาปรับใช้ในพื้นที่ 2. ประเด็นปญหาสุขภาพในพื้นที่ จากการสังเคราะหองคความรูจากกลุมผู้สูงอายุและกลุ่มบุคคล กลุ่ม องค์กร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กับการพัฒนา จาก 20 อปท.เครือข่าย เกิดการสะทอนถึงประเด็นปญหาสุขภาพ ดังนี้
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 26 1) การเจ็บปวยและภาวะเสี่ยง ผู้สูงอายุเป็นวัยที่รางกายมีความเสื่อมอันเป็นภาวะเสี่ยงที่ถูกกําหนดตาม สรีระตามอายุขัย เมื่อมีความเสื่อมการทำหนาที่จึงเกิดการบกพรองตามมา เมื่อรางกายยังอยูในภาวะที่สมดุลก็ ยังคงสภาพที่แข็งแรง แตถามีการเสียความสมดุลก็เขาสูภาวะที่มีการเจ็บปวย การคงอยูในภาวะที่สมดุลนั้น ปจจัยแวดลอมมีผลกระทบใหเกิดภาวะเสียสมดุลที่เร็วขึ้น หรือ ชาลงได้แมวารางกายมีความเสื่อมเกิดขึ้นตาม ธรรมชาติของอายุก็ตาม ครอบครัว ชุมชน องคกรภาคีที่เกี่ยวของตองใหการดูแล 2) วิถีชีวิตที่เกี่ยวกับพฤติกรรมสุขภาพ ผู้สูงอายุสวนใหญมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ เหมาะสม เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชนและสามารถเคี้ยวและยอยได้งาย ดูแลใหรางกายได้รับ สารอาหารที่เพียงพอ ผู้สูงอายุที่แข็งแรงอยูกับลูกหลาน เป็นที่พึ่งพา ลูกหลานใหความเคารพ จะเป็นตัวอยาง ของผูที่มีสุขภาพดีมีโอกาสเลือกและกระทำกิจกรรมสงเสริมสุขภาพในชุมชนได้มากกวากลุมอื่นๆ สวนผู้สูงอายุ ที่ตองเลี้ยงหลานเพื่อใหลูกได้ไปทำมาหากินทำใหผู้สูงอายุมีวิถีชีวิตที่จํากัดในการเลือกทำกิจกรรมการสงเสริม สุขภาพ การถูกจํากัดเวลาทำใหไมมีเวลาสําหรับรวมกลุมผู้สูงอายุดวยกัน สวนผู้สูงอายุที่เจ็บปวยไปมาลําบาก และพอชวยเหลือตนเองได้จะมีความตองการการดูแลชวยเหลือในเรื่องการทำกิจวัตรประจําวัน ดูแลสุขอนามัย จัดอาหารจัดยา พาไปตรวจรักษาเมื่อเจ็บปวยหรือไปตรวจตามนัด ดูแลปองกันเรื่องอุบัติเหตุลื่นลม จะเห็นได้ว าการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุจะสอดคลองและสัมพันธกับผูดูแล ถาไม่มีลูกหลานหรือเพื่อนบานมาคอยดูแล ช่วยเหลือ ผู้สูงอายุก็จะมีพฤติกรรมสุขภาพและการทำกิจกรรมตางๆ ได้ลดลง เชน รับประทานอาหารไมตรง ตามเวลา ลืมรับประทานยา หรือรับประทานยาไมถูกตอง ไมมาตรวจตามนัด ไม่ได้ออกกําลังกาย เป็นตนผู้ สูงอายุบางสวนทั้งที่สุขภาพดีและเจ็บปวยยังตองประกอบอาชีพดวยปญหาดานเศรษฐกิจรายได้ภายใน ครอบครัว เชน ทำนา เก็บเห็ด ปลูกผัก รับจาง เป็นตนนอกจากนี้ยังพบวา ผู้สูงอายุมีการรวมกลุมพูดคุยเพื่อ ความผอนคลายตามคุมบานการทำบุญที่วัด การใสบาตร การได้เขาร่วมออกกําลังกายไม้พลองที่วัดร่วมกัน กิจกรรมเหลานี้ทำใหผู้สูงอายุมีจิตใจเบิกบานและมีความสุข แตอยางไรก็ตามผู้สูงอายุที่เจ็บปวยไปมาลําบากจะ ไมสะดวกในการเขาร่วมกิจกรรมเหลานี้ได้เลย ดังนั้นผู้สูงอายุกลุมนี้จึงตองการใหบุตรหลานคอยเอาใจใสและ พาไปรวมกลุมทำกิจกรรมตางๆ ในชุมชนทำใหผู้สูงอายุรูสึกมีคุณคาเป็นการดูแลดานจิตใจ 3) การเขาถึงบริการสุขภาพ บริการสุขภาพที่ผู้สูงอายุในชุมชนสามารถเขาถึงได้มีบริการสุขภาพทั้งหน วยงานภาครัฐ และ เอกชนที่เป็นบริการการแพทยแผนปจจุบันนอกจากนี้ยังมีการแพทยพื้นบาน และการดูแล กันเองในครอบครัวและในชุมชน การบริการสุขภาพของหนวยบริการสุขภาพในพื้นที่ได้มีการจัดบริการ กิจกรรมสุขภาพและจัดบริการใหการรักษาทางคลินิก เชน คลินิกโรคเรื้อรัง โดยการเชื่อมประสานระหวาง หนวยบริการปฐมภูมิ หนวยบริการระดับทุติยภูมิและตติยภูมิ ในการจัดทีมสุขภาพมาบริการและอํานวยความ สะดวกใหผู้สูงอายุที่ศูนยสุขภาพชุมชนทำใหผู้สูงอายุที่เจ็บปวยดวยโรคเรื้อรังไมตองเดินทางไกลเพื่อไปรักษาที่ โรงพยาบาลอำเภอหรือโรงพยาบาลประจำจังหวัด นอกจากนี้ศูนยสุขภาพชุมชนได้จัดบริการในดานการสงเส ริมสุขภาพในการออกกําลังกายกลุมผู้สูงอายุในชุมชน การใหความรูดานการดูแลสุขภาพตนเองที่วัดและศูนย
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 27 สุขภาพชุมชน จัดตั้งชมรมผู้สูงอายุและการสนับสนุนใหผู้สูงอายุมีการทำกิจกรรมร่วมกัน และบริการเยี่ยมบาน ที่ทำใหเห็นปญหาและความตองการดานสุขภาพของผู้สูงอายุ 4) สิ่งแวดลอมและภาวะคุกคามดานสุขภาพ ผู้สูงอายุสวนใหญตองอยูที่บานสภาพแวดลอมสวนใหญ จึงเป็นสภาพแวดลอมภายในบานและบริเวณใกลเคียงลักษณะของที่อยูอาศัยที่มีไมเป็นระเบียบ พื้นหองน้ำลื่น หรือมีน้ำขัง ลักษณะบันได้ที่สูงชน สิ่งเหลานี้กอใหเกิดอุบัติเหตุและการเจ็บปวยในผู้สูงอายุได้งาย ประกอบกับ สภาพรางกายของผู้สูงอายุที่มีความเสื่อมตามวัย มีปญหาดานการมองเห็น การเคลื่อนไหว แขนขาออนแรง หรือลุกนั่งและเดินไมสะดวก หรือการเจ็บปวยและโรคประจําตัวของผู้สูงอายุเองจึงทำใหผู้สูงอายุเกิดภาวะ แทรกซอนได้งายมากขึ้นเมื่อไม่สามารถชวยเหลือตัวเองได้นอกจากนี้ยังพบวา ผู้สูงอายุตองเผชิญกับภาวะ คุกคามที่เกิดจากสมาชิกของครอบครัวหรือลูกหลานที่ทำใหผู้สูงอายุรูสึกไมมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย สิน มีผลกระทบตอรางกายและจิตใจของผู้สูงอายุ 3. รูปธรรมการพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น การทำงานของเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนน่าอยู่ได้พัฒนาระบบการทำงานเกี่ยวกับผู้สูงอายุโดยชุมชนที่ เน้นการทำงานของ 4 องค์กรหลักในชุมชนซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานของรัฐอย่างน้อย 2 หน่วย คือ องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ทั้งในรูปแบบที่แยกกันสังกัด หรือย้ายเข้ามาสังกัด ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยขับเคลื่อนการพัฒนาผ่าน 6 ชุดกิจกรรม และยุทธศาสตร์ 5 อ 5 ก ซึ่งพื้นที่เครือข่ายสามารถดำเนินการได้ และมีการขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่องก่อให้เกิดรูปแบบและระบบการ ดูแล การบริการสาธารณะ การบริหารจัดการ ที่มีประสิทธิภาพเหมาะสมกับแต่ละบริบทพื้นที่ เกิดการพัฒนา กลไกการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ที่เป็นไปตามศักยภาพและทุนทางสังคม 6 ชุดกิจกรรม ประกอบด้วย 1) การพัฒนาศักยภาพ เช่น การสนับสนุนการจัดตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุ ชมรมผู้สูงอายุ การสนับสนุนการพัฒนาทักษะ และการดำเนินกิจกรรมกลุ่มอาสาสมัครต่างๆ ในชุมชน การเพิ่ม จำนวนผู้ดูแลช่วยเหลือทั้งที่เป็นอาสาสมัครและภาควิชาชีพ จัดให้มีการค้นหา และสนับสนุนให้ผู้สูงอายุที่มี ความเชี่ยวชาญ เป็นผู้นำในด้านต่างๆ สนับสนุนให้ผู้สูงอายุเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มอาชีพเพื่อสร้างรายได้ การ เตรียมเข้าสู่วัยสูงอายุ และการสนับสนุนการทำงานของศูนย์ ศพอส.ฯลฯ เป็นต้น 2) การพัฒนา สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อผู้สูงอายุ เช่น กิจกรรมลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ การจัด ปรับ บ้านและสิ่งแวดล้อม ภายในบ้านให้เอื้อต่อการดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุ การสร้างศูนย์หรือลานกีฬา พื้นที่สาธารณะ เป็นต้น 3) การ พัฒนาระบบบริการ เช่น การจัดบริการที่บ้าน รถรับส่ง 24 ชม. การจัดบริการดูแลกลางวันในชุมชน (Day care) ฯลฯ เป็นต้น 4) การจัดตั้งกองทุนหรือจัดให้สวัสดิการช่วยเหลือกัน เช่น สนับสนุนให้กองทุน องค์กร การเงินในชุมชนสนับสนุนการดูแลผู้สูงอายุ สนับสนุนให้ผู้สูงอายุเป็นสมาชิกกองทุนสวัสดิการที่จัดโดยชุมชน แลการระดมทุน หลายช่องทาง การจัดกิจกรรมธนาคารความดี การเก็บออมไว้ใช้ในยามจำเป็นผู้สูงอายุฯลฯ เป็นต้น 5) การพัฒนานำใช้ข้อมูลในการส่งเสริมแก้ปัญหาสำหรับผู้สูงอายุ เช่น จัดทำระบบข้อมูลชุมชน
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 28 ระบบสื่อสารที่สนับสนุนให้ผู้สูงอายุเข้าถึงบริการได้ง่าย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เป็นต้น และ 6) การ พัฒนากฎ ระเบียบ แนวปฏิบัติเพื่อหนุนเสริมการดำเนินกิจกรรมเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ระบบการดูแล ผู้สูงอายุ เช่น สนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น กลุ่ม องค์กรชุมชน หน่วยงาน กำหนด กฎ กติกาที่เอื้อต่อผู้สูงอายุ และจัดทำข้อบัญญัติ/เทศบัญญัติ ที่มีงาน กิจกรรมสอดคล้องกับปัญหาและความ ต้องการของผู้สูงอายุ เป็นต้น ยุทธศาสตร์ 5 อ. 5 ก. ประกอบด้วย 1) การส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (การใช้ความรู้ภูมิปัญญาในการ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ผู้นำ แกนนำ การรวมกลุ่มอาชีพ) 2) อาหารสำหรับผู้สูงอายุ (อาหารอาหารปลอดภัย ในครัวเรือน การผลิตอาหารในชุมชน การแบ่งปัน การกระจายสินค้าในชุมชน การใช้สมุนไพร การเก็บรักษา พันธุ์พืช) 3) การส่งเสริมการออกกำลังกายผู้สูงอายุ (ออกกำลังกายทุกวัน แกนนำ การใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นใน การออกกำลังกาย การผลิตอุปกรณ์สำหรับออกกำลังกาย) 4) การออมเพื่อผู้สูงอายุ (ออมเพื่อตนเอง ออมเพื่อ ครอบครัว ทำบัญชีครัวเรือน การร่วมสมทบทุนเพื่อการช่วยเหลือ) และ 5) อาสาสร้างเมือง ( ผู้นำ แกนนำ จิต อาสา กลุ่มอาสาเยี่ยมบ้าน การดูแลผู้อื่น การถ่ายทอดภูมิปัญญา) ยุทธศาสตร์ 5 ก ประกอบด้วย 1) การลดอุบัติเหตุ (ปรับสภาพแวดล้อมของบ้านให้เอื้อต่อการดำเนิน ชีวิตของผู้สูงอายุ การดูแลส่งเสริมสุขภาพ และฟื้นฟูสภาพ การเฝ้าระวังภาวะฉุกเฉิน และอุบัติเหตุ จากการ เจ็บป่วย การจัดสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกบ้าน การพัฒนาศักยภาพการดูแลผู้สูงอายุ) 2) การ พัฒนาโรงเรียนผู้สูงอายุ (การเข้าร่วมกิจกรรมในโรงเรียนผู้สูงอายุ การเข้าร่วมเป็นวิทยากรให้ความรู้เรื่องที่ ตนเองเชี่ยวชาญ) 3) การพัฒนาชมรมผู้สูงอายุ (การเข้าร่วมเป็นสมาชิกและร่วมกิจกรรมของชมรม การเข้า ร่วมเป็นผู้นำชมรมและจัดกิจกรรม) 4) การดูแลต่อเนื่อง (เตรียมตัวสำหรับการเข้าสู่วัยสูงอายุ จัดหาอาหารที่ ปลอดภัย เหมาะสมกับภาวะสุขภาพและโรค ผู้นำ แกนนำในการส่งเสริมสุขภาพออกกำลังกาย แกนนำ อาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ (อผส.) ผู้นำ แกนนำในการจัดตั้งกลุ่มจิตอาสา ผู้นำ แกนนำ ในระดมทุนในการจัดตั้ง กองทุนดูแลช่วยเหลือเพื่อนผู้สูงอายุ แบ่งปันอุปกรณ์ เครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน อาสมัคร ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุกลางวัน) 5) กายอุปกรณ์ (การบริจาคกายอุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ ผลิตอุปกรณ์ การออกกำลังกาย เพื่อบริหาร ฟื้นฟูข้อและกล้ามเนื้อด้วยวัสดุที่มีในท้องถิ่น ผู้นำ แกนนำกลุ่มจิตอาสา) การขับเคลื่อนและพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุของพื้นที่ 20 อปท.เครือข่ายที่เกิดขึ้น รูปธรรมเรื่องเด่น เรื่องสำคัญของพื้นที่เครือข่ายเกี่ยวกับประเด็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ประกอบด้วย 17 ประเด็น ได้แก่ 1) เบี้ยยังชีพ 2) การสงเคราะห์ศพ 3) การดูแลระยะยาว 4) การบริการกรณีฉุกเฉินและวิกฤติ 5) การ เพิ่มทักษะผู้ดูแลในชุมชนและในครอบครัว (อสม.) อาสาสมัคร (โรงเรียนจิตอาสา วิทยาลัยจิตอาสา) 6) การ ฟื้นฟูสภาพผู้สูงอายุในชุมชน 7) การส่งเสริมกิจกรรมการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ (การออกกำลังกาย การออม อาหาร อาสาสมัคร อาชีพ) 8) การจัดบริการรักษาต่อเนื่องผู้มีโรคเรื้อรัง 9) การจัดสวัสดิการสังคมโดยรัฐ 10) โรงเรียนผู้สูงอายุหรือศูนย์เรียนรู้ของผู้สูงอายุ 11) ชมรมผู้สูงอายุและกิจกรรมการช่วยเหลือกัน 12) ศูนย์กลาง
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 29 อุปกรณ์และการจัดการ 13) การจัดสวัสดิการสังคมโดยชุมชน (กองทุนกลุ่มต่างๆ) 14) การจัดทำแผนผู้สูงอายุ ตำบลแบบบูรณาการ 15) การใช้ข้อมูลประกอบการบริการผู้สูงอายุ 16) การจัดบริการสุขภาพที่บ้านสำหรับ ผู้สูงอายุ และ 17) อื่นๆ ซึ่งรูปธรรมการดำเนินงานที่เกิดขึ้นในพื้นที่สามารถส่งผลกระทบหรือครอบคลุม ประเด็นเด่น เรื่องสำคัญในการดุแลผู้สูงอายุ รูปธรรมการดำเนินงานของพื้นที่เครือข่ายภาคเหนือ สามารถสรุป ได้ ดังนี้ รูปธรรมการดำเนินงาน 1. การจัดทำแผนผู้สูงอายุแบบบูรณาการ โดยมีการดำเนินการ 1) การพัฒนาระบบข้อมูล การรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุ เช่น ข้อมูลสถิติ จำนวนประชากร ปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุ ทุนและศักยภาพในการจัดการปัญหาของพื้นที่ เครือข่ายความร่วมมือและแหล่งประโยชน์ต่างๆ เป็นต้น โดยใช้ฐานระบบข้อมูลตำบล (TCANP) ข้อมูลวิจัย ชุมชน (RECAP) ข้อมูลจากกองสวัสดิการสังคม การรับเบี้ย จปฐ. เป็นต้น 2) สร้างการมีส่วนร่วม โดยการระดมความคิดเห็น และการสร้างการมีส่วนร่วมในการจัดทำแผน ผู้สูงอายุ จากการประชุมทำเวทีประชาคม 3) การจัดตั้งคณะทำงานในการขับเคลื่อนการจัดทำแผนผู้สูงอายุตำบลโดยการมีส่วนร่วมของ 4 องค์กรหลักในพื้นที่ 4) การวิเคราะห์ข้อมูล สถานการณ์ปัญหาและความต้องการ และศักยภาพทุนทางสังคมของพื้นที่ใน การจัดการปัญหา 5) จัดทำแผนการดูแลผู้สูงอายุตำบลแบบบูรณาการ 6) การนำแผนสุขภาพสู่แผนปฏิบัติ ด้านเศรษฐกิจ นำเข้าข้อบัญญัติท้องถิ่น และผลักดันให้เกิดการ พัฒนาอย่างต่อเนื่อง 2. การจัดตั้งศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและการส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) โดยมีการดำเนินการ จัดเวทีประชาคมในระดับแกนนำของชมรมผู้สูงอายุเทศบาลตำบลพนางตุงเพื่อรับฟังความเห็นและมีมติร่วมกัน จัดตั้งศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ เพื่อดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ 3. โรงเรียนผู้สูงอายุโดยดำเนินกิจกรรม ดังนี้ 1) จัดเวทีประชาคมในระดับแกนนำของชมรมผู้สูงอายุเทศบาลตำบลพนางตุงเพื่อรับฟังความเห็น และมีมติร่วมกันจัดตั้งศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ 2) การใช้ข้อมูล การดำเนินการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุเทศบาลตำบลวังไผ่ เริ่มด้วยการ จัดเก็บข้อมูลประชากรจากทะเบียนราษฎร์ ด้านสุขภาพจากกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม และข้อมูลความ จำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) โดยมีข้อมูล TCNAP/RECAP เช่น ผู้สูงอายุทั่วไป ผู้สูงอายุติดบ้าน ผู้สูงอายุติดเตียง ผู้สูงอายุติดสังคม ผู้สูงอายุพิการ เป็นต้น และเอกสารจากแหล่งอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ผลปรากฏว่า มีจำนวน ผู้สูงอายุที่มีความเจ็บป่วยทางด้านสุขภาพ นำมาสู่การก่อตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุเทศบาลตำบลบางเป้า ในรูปแบบ
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 30 การจัดการตนเองให้ภาครัฐเป็นพี่เลี้ยงและให้การสนับสนุน โดยเทศบาลตำบลบางเป้าเป็นแกนหลักของการ ดำเนินการ และจัดทำหลักสูตรตามจุดประสงค์การเรียนรู้และความต้องการของผู้สูงอายุในพื้นที่ โดยค้นหาทุน และศักยภาพบุคคลที่มีอยู่มาถ่ายทอดให้ความรู้ 3) ต่อยอดงานเดิมของผู้สูงอายุ เช่น ศูนย์บริการทางสังคมแบบมีส่วนร่วม (ศาลาสร้างสุข) ศูนย์ สามวัย ธนาคารความดี 4) จัดทำหลักสูตรโรงเรียนผู้สูงอายุ หลักสูตรโรงเรียนผู้สูงอายุจำนวน 50 ชั่วโมง มีเนื้อหา ประกอบด้วย (1) ด้านสุขภาพ เช่น การประเมินสมรรถนะของผู้สูงอายุ การฝึกผู้สูงอายุให้ดูแลตนเอง การยืด เหยียดกล้ามเนื้อ การออกกำลังกาย รำไม้พลอง โยคะ รำวงพื้นบ้าน เป็นต้น (2) ด้านจิตใจ เช่น การฝึกสมาธิ สวดมนต์ สันทนาการ เป็นต้น (3) ด้านอาชีพ ได้แก่ การเสริมทักษะอาชีพเพื่อสร้างรายได้ การทำอาหารและ การทำผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุและ (4) การเรียนรู้อื่นๆ เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ การสื่อสารด้วย เทคโนโลยี ไลน์ เฟสบุ๊ค การฝึกทักษะด้านภาษาอังกฤษ ความรู้เรื่องสิทธิ เป็นต้น (5) เพิ่มเนื้อหา 5อ 5ก มีการ ปรับปรุงหลักสูตรเพื่อให้สอดคล้องกับผู้สูงอายุเพื่อการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุในพื้นที่ตำบลบาโงยให้ สอดคล้องกับกิจกรรมตามหลัก (5อ. 5ก.) อ1 การส่งเสริมอาชีพ อ2 อาหารสำหรับผู้สูงอายุ อ3 การส่งเสริม การออกกำลังกาย อ4 การออมเงินผู้สูงอายุ อ5 อาสาสร้างเมือง (จิตอาสา) 5ก คือ ก1 การลดอุบัติเหตุ ก2 การพัฒนาโรงเรียนผู้สูงอายุ ก3 การพัฒนาชมรมผู้สูงอายุ ก4 การดูแลต่อเนื่อง ก5 การดูแลกายอุปกรณ์ (6) การสร้างการเรียนรู้ของสังคมพหุวัฒนธรรมในการดูแลผู้สูงอายุคือ การดำเนินงานและกิจกรรม เพื่อสร้างการ เรียนรู้ มีทุนทางสังคมที่ดำเนินเกี่ยวข้องทั้งส่วนที่เป็นผู้ดำเนินการหลัก ร่วมและผู้สนับสนุนจากหลายภาคส่วน 5) การจัดการเรียนการสอนแบบมีส่วนร่วมจากเครือข่าย เช่น รพ.สต. อสม. ชมรมสุขภาพ 12 ชมรม ปราชญ์ชาวบ้าน และครูจิตอาสา จะเข้ามามีบทบาทในส่วนของการจัดการเรียนการสอนทั้ง 4 หลักสูตร ประกอบด้วย หลักสูตรหลักศาสนากับการดำเนินชีวิต หลักสูตรเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ หลักสูตรการส่งเสริม อาชีพ และหลักสูตรสันทนาการ 6) การพัฒนาสมรรถนะกำลังคน ได้แก่ ครูที่สอนในโรงเรียนผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุ 7) การใช้เงินทุนและงบประมาณ จากโครงการพัฒนาพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น จาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก 3) และกองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลตำบล 8) การทำงานร่วมกับหน่วยงาน และองค์กรภายนอก มีการทำงานร่วมของ ศูนย์การทหารปืนใหญ่ จังหวัดชุมพร ศูนย์ประสานงานภาคีพัฒนาจังหวัดชุมพร ผู้นำท้องที่ ข้าราชการเกษียณ ปราชญ์ชาวบ้านจาก กลุ่มต่างๆ 4. การจัดการบริการการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาะพึ่งพิงระยะยาวที่มีคุณภาพ (Long Term Care: LTC) 1) แต่งตั้งคณะกรรมการดูแลระยะยาว โดยมีองค์ประกอบของ 4 องค์กรหลัก 2) ประชาสัมพันธ์ ให้ข้อมูลสิทธิพื้นฐานของผู้สูงอายุตามกฎหมาย
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 31 3) สำรวจผู้มีภาวะพึ่งพิง โดยการประเมินคะแนน ADL น้อยกว่า 11 เละมีการประชุมวางแผนการ รักษาดูแลต่อเนื่องระยะยาว ดำเนินการจัดทำระบบข้อมูลผู้สูงอายุตามปัญหาและความต้องการ จัดทำข้อมูล จำแนกความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันของผู้สูงอายุและจัดทำแผนการดูแลรายบุคคล สำหรับผู้ที่ เข้าเกณฑ์ภาวะพึ่งพิง ยืนยันความจำเป็นต้องจัดบริการโดยคณะกรรมการดูแลระยะยาวตำบล 4) การจัดประชุมเพื่อวางแผนการรักษา โดยผู้จัดการระบบการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุข (Care Manager: CM) ดำเนินการโดย อสม. เข้าสำรวจเพื่อรายงานผลการดูแล สภาพความเป็นอยู่ และ สุขภาพของผู้ป่วย สำหรับการพิจารณาถึงความช่วยเหลือที่ต้องได้รับ 5) ผู้จัดการนักบริบาลท้องถิ่น (Care Community: CC) จัดการฝึกอบรมเพื่อสร้างความเข้าใจให้ ผู้จัดการระบบการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุข (Care Manager: CM) ซึ่งเป็นผู้ที่รับผิดชอบดูแล กลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างความเข้าใจให้ผู้ช่วยเหลือผู้มีภาวะพึ่งพิง สามารถดูแลได้อย่างถูกวิธี โดยมีคู่มือ สนับสนุนการบริหารจัดการระบบบริการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงใน ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และคู่มือปฏิบัติงานกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ 6) ดำเนินการดูแลตามแผน โดยมีกิจกรรมการดำเนินการ เช่น กิจกรรมที่ 1 ดูแลอนามัย สิ่งแวดล้อมบ้านผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง กิจกรรมที่ 2 การคัดกรองสุขภาพเบื้องต้น กิจกรรมที่ 3 การนวดเพื่อ ผ่อนคลาย ตามวิธีการนวดแบบแพทย์แผนไทย กิจกรรมที่ 4 การให้คำปรึกษาทางด้านจิตใจเบื้องต้น กิจกรรมที่ 5 การทำกายภาพบำบัดสำหรับผู้สูงอายุติดเตียง ผู้สูงอายุที่มีปัญหาข้อติด ผู้สูงอายุที่ป่วยเป็น อัมพฤษ อัมพาต และอื่นๆ ตามสภาพปัญหาของผู้สูงอายุ เป็นต้น กิจกรรมที่ 6 มอบสิ่งของที่มีความจำเป็น จากเจ้าหน้าที่ตามความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย เช่น เตียงนอน ที่นอนลม ผ้าอ้อมสำเร็จรูป เก้าอี้สุขา และรถเข็น เป็นต้น 7) ติดตามผลการดำเนินงาน โดยผู้จัดการนักบริบาลผู้สูงอายุลงผลในตารางบันทึกผลการ ปฏิบัติงาน บูรณาการการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขและด้านสังคมกับศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ตำบลเขาปู่ เพื่อจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นแก่กลุ่มเป้าหมาย และติดตามประเมินผล แล้วรายงาน ผลต่อคณะอนุกรรมการ 5. การจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิสำหรับผู้สูงอายุ โดย 1) มีการดำเนินการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน ร่วมกับการดูแลต่อเนื่องระยะยาว ผ่านคณะทำงาน จัดระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นภายใต้ 4 องค์กรหลัก ที่ครอบคลุมหน่วยงานในพื้นที่ เช่น เทศบาล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. โรงพยาบาล สาธารณสุขอำเภอ 2) การพัฒนาศักยภาพของผู้ดูแล ผู้ดูแล (care giver) จะได้รับการอบรมตามหลักสูตรของกรม อนามัย และฟื้นฟู จากโรงพยาบาล ภายใต้การดูแลของ care manager 3) การจัดบริการสุขภาพโดยโรงพยาบาล โดยให้บริการดูแลรักษาโรคและการเจ็บป่วยเบื้องต้น การตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน การให้ความรู้การรับประทาอาหาร การดูแลสุขภาพจิตในผู้สูงอายุ การออก กำลังกายที่ถูกหลักวิชา การใช้แพทย์แผนไทย เป็นต้น 4) การคัดกรองสุขภาพ เช่น คัดกรองโรคความดัน เบาหวาน โรคข้อเข่าเสื่อม
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 32 5) การให้ความรู้ในเรื่องการป้องกันโรคและภาวะฉุกเฉิน โดยการส่งเสริมให้ความรู้ ภูมิคุ้มกันโรค และการอบรมให้ครอบครัวสามารถช่วยฟื้นคืนชีพ “อาสาข้างบ้าน” ของเทศบาลตำบลหัวไทร 6) การพัฒนาระบบบริการสุขภาพผู้สูงอายุการดำเนินงานและกิจกรรมในการพัฒนาระบบบริการ สุขภาพผู้สูงอายุ มีทุนทางสังคมที่ดำเนินการ ได้แก่ กลุ่ม อสม. ทีมกู้ชีพ กู้ภัย และ หมอนวดแผนไทยจาก โรงพยาบาล ให้บริการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ บริหารข้อ ด้วยวิธีทางเลือก ให้กับนักเรียนผู้สูงอายุที่โรงเรียนผู้สูงอายุ 7) การส่งเสริมสุขภาพ มีการดำเนินการ คือ โครงการตรวจสุขภาพทั่วไป คัดกรองเบาหวาน *จัด อบรมผู้สูงอายุ "ผู้เข้าอบรมเข้าร่วมแข่งขันเล่นเกมส์ที่ฝึกทักษะทางความจำ ทักษะทางความคิด การเคลื่อนไหว และการทรงตัว -ออกเยี่ยมเยือนและช่วยเหลืดผู้สูงอายุติดเตียงที่ขาดโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ กลุ่มเป้าหมายมีความรู้ ความเข้าใจในการดูแลสุขภาพของตนเอง สามารถดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่าและมี ความสุข 6. ระบบบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ประกอบด้วย ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์มีการให้การ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผ่านเครือข่ายโรงเรียนผู้สูงอายุ และชมรมผู้สูงอายุ เช่น การเยี่ยมไข้ ช่วยเหลือเมื่อมี การเสียชีวิตกับครอบครัว การกู้ชีพ การช่วยเหลือผ่านกองทุนเงินออมของพื้นที่ เป็นต้น 7. ศูนย์กายอุปกรณ์/ธนาคารกายอุปกรณ์ ประกอบด้วย 1) ทบทวนและจัดทำข้อมูล หรือแผนที่ ผู้สูงอายุที่มีความจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูโดยการจัดทำข้อมูลกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง คนพิการ ที่ต้องมี การเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ไว้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขและศูนย์การแพทย์ฉุกเฉิน 2) จัดทำแผนการดูแล ช่วยเหลือ ฟื้นฟูสภาพ ตามปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุ ที่คอยให้คำปรึกษาและช่วยเหลือในกรณีเหตุฉุกเฉิน และภาวะวิกฤติแก่กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง คนพิการ และญาติดูแล ให้ทันท่วงที ตลอดจนการนำส่งข้อมูล ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การช่วยเหลือ 3) ระดมกายอุปกรณ์ สิ่งของจากหลายช่องทาง และจัดทำ ทะเบียน ตั้งเป็นศูนย์กายอุปกรณ์ในพื้นที่ 8. การสร้างจิตอาสา ดำเนินกิจกรรมดังนี้ 1) จัดทำข้อมูล อาสาสมัคร ผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง 2) พัฒนาทักษะผู้ดูแลในชุมชนและในครอบครัว อาสาสมัคร คือ มีแนวทางบริหารจัดการในด้าน การเพิ่มทักษะผู้ดูแลในชุมชนและครอบครัว ดำเนินการร่วมกับทุนทางสังคมผ่านศูนย์ฟื้นฟูการช่วยเหลือ คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ 3) การมีส่วนร่วมของเครือข่ายในการพัฒนาศักยภาพของอาสาสมัคร อบรมตามหลักสูตรของ 20 อปท.เครือข่าย เพื่อการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ 4) ด้านการบริการ ดูแลผู้ป่วย ภาวะพึ่งพิง ผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง ของผู้ดูแลในชุมชนและ ครอบครัว ได้แก่ (1) อาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ (อผส.) สำรวจข้อมูลผู้สูงอายุที่ทุกข์ยากเดือดร้อน (2) การจัดทำ แผนดูแล ฟื้นฟูสมรรถภาพและสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุทั้งกายและใจ โดยมีการเลือกชุดกิจกรรมที่เหมาะสม กับเฉพาะราย โดยมีการนำใช้ 5ก5อ (3) มีการดำเนินการตามชุดกิจกรรม เพื่อให้เข้าถึงบริการของภาครัฐ
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 33 (4) เยี่ยมบ้านจัดกิจกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพ (5) จัดกิจกรรมกระตุ้นผู้สูงอายุทั่วไปในชุมชนให้มาดูแลสุขภาพกาย จิต และ (6) สรุปผลการดำเนินการ 9. การจัดตั้งชมรมผู้สูงอายุ/องค์กรพัฒนาผู้สูงอายุ โดย 1) นำใช้ข้อมูล แลมีการจัดตั้งชมรมผู้สูงอายุ เพื่อการแก้ไขปัญหาจาก 4 องค์กรหลักในพื้นที่ ได้แก่ ท้องที่ ท้องถิ่น ภาคประชาชน และหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ และความร่วมมือของแกนนำชุมชนในการร่วมกัน แก้ไขปัญหาให้ผู้สูงอายุซึ่งเป็นทุนบุคคลได้มีสุขภาพที่ดี มีการตั้งกรรมการ 2) เครือข่ายชมรมทางสุขภาพเข้ามาหนุนเสริมในกิจกรรมของโรงเรียนผู้สูงอายุ เช่น การจัดตั้ง โรงเรียนผู้สูงอายุโดยมีรูปธรรมที่ขับเคลื่อนสุขภาวะครบทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ (1) ด้านสุขภาวะทางกาย รูปแบบกิจกรรมดังนี้ การตรวจสุขภาพเบื้องต้น การออกกำลังกาย การ ตรวจสุขภาพฟัน การให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ การตรวจสุขภาพเบื้องต้น การ ดูแลสุขภาพกายตามโรค (เช่น การทดสอบข้อเข่า เสื่อม การเดิน การทรงตัว) การออกกำลังกาย สุขอนามัย การตรวจฟัน (ทันตกรรม) โภชนาการบำบัด กายภาพบำบัด การปรับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ความรู้เรื่อง โรคต่างๆ (2) ด้านสุขภาวะทางจิต มีรูปแบบกิจกรรมดังนี้ กิจกรรมสันทนาการ การบำบัดความเครียด การ จัดการภาวะโรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุ การหัวเราะบำบัด โดยมีเครือข่ายที่รับผิดชอบดังนี้ 2.1) ชมรมผู้สูงอายุ 2.2) ชมรมผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส 2.3) ชมรมสุขภาพจิต (3) ด้านสุขภาวะทางสังคม กิจกรรมคือ การดูแลและให้ความรู้เบื้องต้นในเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน การร่วมรับผิดชอบต่อสังคม การถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ลูกหลาน และมีจิตสาธารณะ โดยมีเครือข่ายที่ รับผิดชอบดังนี้ 3.1) ชมรมรักษ์สิ่งแวดล้อม 3.2) ชมรมคุ้มครองผู้บริโภค (4) ด้านสุขภาวะทางปัญญา คือ กิจกรรมบำบัดเพื่อป้องกันภาวะสมองเสื่อม กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ โดยมีเครือข่ายที่รับผิดชอบดังนี้ 4.1) ชมรมรักสุขภาพ เป็นต้น 3) กลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน มีบัดดี้/คู่หู คอยดูแลเพื่อนผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียง และมีการลงทีมเยี่ยม บ้านผู้สูงอายุ 4) กลุ่มฝึกอาชีพผู้สูงอายุ (ส่งเสริมอาชีพ) กิจกรรมทำไม้กวาด กระเป๋าเชือกมัดฟาง กระต่ายขูด มะพร้าว เหรียญโปรยทาน 5) ส่งเสริมภูมิปัญญาของผู้สูงอายุในเป็นที่ประจักษ์และยอมรับในสังคม โดยมีกิจกรรมหลัก 4 กิจกรรม ประกอบด้วย (1) การพัฒนาศักยภาพ โดยมีกิจกรรมการพัฒนาสมรรถนะกำลังคน เป็นการเพิ่มศักยภาพของ บุคคลในสร้างการเรียนรู้ โดยเป็นการสนับสนุนฝึกอบรมผู้สูงอายุในกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาอาชีพ การจัด กิจกรรมทัศน์ศึกษาดูงานนอกสถานที่ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการดำเนินงานของชมรมผู้สูงอายุ และการ จัดการความรู้ เป็นการสรุปบทเรียนทุนทางสังคมและแหล่งเรียนรู้ และมีการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาองค์ ความรู้ของผู้สูงอายุร่วมกับเครือข่ายแพทย์แผนไทยระดับอำเภอ
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 34 (2) การส่งเสริมอาชีพ โดยมีการส่งเสริมอาชีพ เพื่อเพิ่มรายได้ในผู้สูงอายุ ประกอบด้วย กิจกรรมการ ผลิตดอกไม้จันทน์เพื่อจำหน่าย จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร การทำขนมจำหน่าย การปลูกผักเพื่อจำหน่าย และบริโภคในครัวเรือน การรับงานรำมโนราห์ และการออกบูธแสดงสินค้าของชมรมฯ รวมทั้งยังมีการจัดการ กองทุนช่วยเหลือเงินเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกันของผู้สูงอายุ (3) การอาสาเพื่อช่วยเหลือ โดยมีกิจกรรม “เพื่อนเยี่ยมเพื่อน” ที่ให้ผู้สูงอายุได้ดูแลช่วยเหลือกัน ซึ่ง จะมีการมอบของใช้ที่จำเป็นให้แก่เพื่อนผู้สูงอายุที่ป่วยติดบ้านติดเตียง และการเยี่ยมให้กำลังใจแก่ผู้สูงอายุ เพื่อไม่ใช้รู้สึกโดดเดี่ยวหรือถูกทอดทิ้ง (4) การออกกำลังกาย โดยมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการออกกำลังกายในผู้สูงอายุ ให้มีการดูแล สุขภาพด้วยกิจกรรมทางกายเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพแกนนำผู้สูงอายุหรือผู้นำการออกกำลัง กายในผู้สูงอายุ การสร้างผู้นำการจัดกิจกรรมทางกายให้มีความเชี่ยวชาญ โดยการฝึกฝนและจัดกิจกรรมอย่าง ต่อเนื่อง ได้แก่ การรำไม้พอง และการรำมโนราห์ เป็นต้น 10. การเข้าถึงกองทุนและการออม ประกอบด้วย 1) กองทุนวันละบาท (กองทุนสวัสดิการชุมชน) มีการดำเนินการ คือ (1) การดำเนินงานโดย การจัดตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุน 26 คน และคณะกรรมการที่ปรึกษา 19 คน ประกอบไปด้วย แกนนำ ชุมชน, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน และคนในชุมชน (2) กำหนดกฎกติกา ข้อตกลง กำหนดรูปแบบการบริหารจัดการ ประเภทของสวัสดิการ และการจัดการข้อมูลสมาชิก นำมาสู่การกำหนดค่าธรรมเนียม 20 บาท, การสมทบเงิน เข้ากองทุน 365 บาทต่อปี (3) มีตัวแทนกรรมการหมู่บ้านละ 1 คนเป็นผู้รวมรวม เพื่อส่งให้กับเหรัญญิกนำเข้า บัญชี และบันทึกในสมุดกับจัดเก็บไฟล์คอมพิวเตอร์(4) การประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ ทุก 3 เดือน และ การประชุมสมาชิก ปีละ 1 ครั้ง โดยจัดทำรายงานการประชุมทุกครั้ง 2) การจัดสวัสดิการเพื่อผู้สูงอายุและครอบครัว มีทุนทางสังคมที่ดำเนินงานได้แก่ กองทุน สวัสดิการผู้สูงอายุ กองทุนเงินออม สามารถต่อยอดการดำเนินงานโดยการของบประมาณจากหน่วยงาน ภายนอกผ่านองค์กรสาธารณประโยชน์ เพื่อนำมาจัดกิจกรรมให้กับสมาชิกกกองทุน 3) จัดตั้งกองทุนเงินออม โดยให้นักเรียนผู้สูงอายุฝากเงินทุกสัปดาห์โดยไม่จำกัดว่าจะฝากกี่บาท เพื่อเป็นสวัสดิการเวลาฉุกเฉิน และฝึกวินัยการออม 4) สวัสดิการ ภาคประชาชน เช่น กองทุนสัจจะวันละบาท กองทุนแม่ของแผ่นดิน กองทุน สวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มขยะเพื่อนช่วยเพื่อน กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และกองทุนสัจจะออมทรัพย์วันละบาท 11. การเข้าถึงสวัสดิการโดยรัฐ 1) เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ (1) การประชาสัมพันธ์การรับขึ้นทะเบียนผู้สูงอายุ ที่จะมีอายุครบ 60 ปี บริบูรณ์ในงบประมาณถัดไป หรือผู้สูงอายุที่อายุครบ 60 ปีบริบูรณ์แล้ว แต่ยังไม่เคยมาลงทะเบียนเพื่อรับเบี้ย ยังชีพผู้สูงอายุ เทศบาลตำบลพนางตุงได้มีการประชาสัมพันธ์การรับขึ้นทะเบียนผู้สูงอายุผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หอกระจายข่าวหมู่บ้าน และทางเฟซบุ๊กเทศบาลตำบลพนางตุง (2) จัดทำประกาศรายชื่อ คือ นักพัฒนาชุมชน
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 35 ดำเนินการบันทึกข้อมูลลงในระบบสารสนเทศเพื่อการจ่ายเบี้ยยังชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อม จัดทำประกาศบัญชีรายชื่อผู้สูงอายุที่ขึ้นทะเบียนรายใหม่ ภายในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป (3) จ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ คือ การจ่ายเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนตามเวลาที่กำหนด ซึ่งผู้สูงอายุจะได้รับเงินถัดจากเดือนเกิด 2) ที่อยู่อาศัย มีการปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้สูงอายุ มีการดำเนินการสำรวจ และกำหนด เป้าหมายในการทำงาน และใช้งบประมาณโครงการบ้านพอเพียงโดยได้รับการร่วมมือจากภาคีเครือข่าย และ บูรณาการกับแผนการพัฒนาครอบคลุมทุกมิติ (1) มีการแต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อดำเนินการเป็นคณะกรรมการ ในการพิจารณาและสำรวจกลุ่มเป้าหมายในการช่วยเหลือ (2) ดำเนินการสำรวจกลุ่มครัวเรือนผู้สูงอายุ ตาม ข้อมูล TCNAP ที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายที่จะต้องได้รับการช่วยเหลือ (3) คณะกรรมการจัดทำข้อมูลสภาพปัญหา ความต้องการ และดำเนินการนำเสนอโครงการ หน่วยงาน อส. หน่วยรักษาหมู่บ้าน ชรบ. และหน่วย อาสาสมัคร อปพร. ร่วมดำเนินการก่อสร้าง ซ่อมแซม จนแล้วเสร็จ (4) การปรับสภาวะแวดล้อมที่เอื้อสำหรับ ผู้สูงอายุ คือ การจัดสภาวะแวดล้อมที่เอื้อสำหรับผู้สูงอายุ จัดทำข้อมูลผู้สูงอายุที่ยากลำบากและสภาพที่อยู่ อาศัยไม่เหมาะสม 3) ประชาสัมพันธ์สวัสดิการจากภาครัฐ เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงข่าวสารและสวัสดิการ โดยการ ประชาสัมพันธ์เป็นประจำ เพื่อสร้างการรับรู้ชุมชน ในเว็บไซต์ / Facebook/ Line group เพื่อประชาสัมพันธ์ ข้อเท็จจริงผ่านช่องทางออนไลน์ และประสานผ่านอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน 12. การจัดสวัสดิการโดยชุมชน มีการดำเนินการเพื่อการจัดสวัสดิการโดยชุมชน เพื่อช่วยเหลือ ผู้สูงอายุ โดย 1) ร่วมทำวิจัย และวิเคราะห์ปัญหาความต้องการ 2) การบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม โดยการจัดประชุมคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส 3) การปฏิบัติตามกติกาข้อตกลง 4) การจัดสวัสดิการ จากการดำเนินงานชมรมผู้สูงอายุตำบลแว้ง ทำให้ผู้สูงอายุได้เห็นสภาพความ เป็นจริงของผู้สูงอายุตำบลแว้งว่ายังขาดสวัสดิการในการดูแลกลุ่มผู้สูงอายุ สามารถต่อยอดการดำเนินงานโดย การของบประมาณจากหน่วยงานภายนอกผ่านองค์กรสาธารณประโยชน์ เพื่อนำมาจัดกิจกรรมให้กับสมาชิก กกองทุน 1.3 มหาลัยชีวิต "ท่าศาลาสร้างสุข" มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้สูงอายุได้มีการรวมกลุ่มกัน ร่วมแลกเปลี่ยน เรียนรู้การสร้างสุขภาพ เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตในทุกด้าน โดยการนำใช้ทุนและศักยภาพในพื้นที่ นำ ความรู้ที่มีอยู่ในตัวของผู้สูงอายุ ปราชญ์ชาวบ้าน และจากวิทยากร นำไปสู่การปฏิบัติได้ด้วยเอง อีกทั้งยังได้ ช่วยเหลือผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้าน ติดเตียง และผู้สูงอายุที่มีความพิการ ได้รับการดูแลตอบสนองความต้องการ และได้รับการช่วยเหลือตามสถานะสุขภาพ
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 36 4. สรุปบทเรียนและข้อเสนอเพื่อการขับเคลื่อนนโยบาย 1) สรุปข้อเสนอเพื่อการขับเคลื่อนนโยบายจากงานเวทีประกอบด้วย 17 ประเด็น ได้แก่ 1) เบี้ยยัง ชีพ 2) การสงเคราะห์ศพ 3) การดูแลระยะยาว 4) การบริการกรณีฉุกเฉินและวิกฤติ 5) การเพิ่มทักษะผู้ดูแลใน ชุมชนและในครอบครัว (อสม. ) อาสาสมัคร (โรงเรียนจิตอาสา วิทยาลัยจิตอาสา) 6) การฟื้นฟูสภาพผู้สูงอายุ ในชุมชน 7) การส่งเสริมกิจกรรมการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ (การออกกำลังกาย การออม อาหาร อาสาสมัคร อาชีพ) 8) การจัดบริการรักษาต่อเนื่องผู้มีโรคเรื้อรัง 9) การจัดสวัสดิการสังคมโดยรัฐ 10) โรงเรียนผู้สูงอายุ หรือศูนย์เรียนรู้ของผู้สูงอายุ 11) ชมรมผู้สูงอายุและกิจกรรมการช่วยเหลือกัน 12) ศูนย์กายอุปกรณ์และการ จัดการ 13) การจัดสวัสดิการสังคมโดยชุมชน (กองทุนกลุ่มต่างๆ) 14) การจัดทำแผนผู้สูงอายุตำบลแบบบูรณา การ 15) การใช้ข้อมูลประกอบการบริการผู้สูงอายุ 16) การจัดบริการสุขภาพที่บ้านสำหรับผู้สูงอายุ และ 17) อื่นๆ 2) สรุปข้อเสนอเพื่อการขับเคลื่อนนโยบายจากงานเวทีเวทีสุดยอดผู้นำชุมชนท้องถิ่น วาระ: ทศวรรษ ร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ พื้นที่ภาคใต้ เมื่อวันที่ 21-22 กันยายน 2563 ณ ณ ห้องแก้วสมุยแกรนด์ฮอลล์ โรงแรมแก้วสมุย รีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีความต้องการผู้นำด้านการพัฒนา เริ่มจากการ พัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุในพื้นที่ ให้เป็นผู้นำการพัฒนา ร่วมกับกลไกขับเคลื่อนงานในพื้นที่ พร้อมกับการ ปรับตัวและตั้งรับต่อสถานการณ์ทั่วไปและสถานการณ์วิกฤติอันนำไปสู่การมีระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น ซึ่งเครือข่ายภาคใต้ต้องการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุให้ครอบคลุมทุกด้าน สังคม เศรษฐกิจ สุขภาพ และสภาวะแวดล้อม โดยการกระจายอำนาจการดูแล รวมถึงการสร้างเครือข่ายการดูแลสุขภาพ ผู้สูงอายุ และการจัดตั้งกลุ่ม ใน 3 รูปแบบ ประกอบด้วย 1) ชมรม 2) โรงเรียนผู้สูงอายุและ 3) สมาคม 3) สรุปข้อเสนอเพื่อการจัดทำนโยบายเสนอต่อภาครัฐ เอกชน ในการขับเคลื่อนงานผู้สูงอายุใน ภาคใต้เวทีจัดการความรู้ “การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นพื้นที่ภาคใต้ตอนบน” (ครั้งที่ 1-2) วันที่ 14 พฤศจิกายน 2564 ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ผลจากการประมวลผลการเรียนรู้การจัดการ ดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น เวทีจัดการความรู้การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นพื้นที่ ภาคใต้ตอนบน เกิดข้อเสนอนโยบายสาธารณะต่อองค์กร หน่วยงาน และภาคีที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาระบบการ ดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นพื้นที่ภาคใต้ ดังนี้ 3.1) จัดทำหลักสูตรร่วมกับชุมชนท้องถิ่นที่มีแหล่งเรียนรู้ที่เป็นต้นแบบในการดูแลผู้สูงอายุ สำหรับ การเป็นหลักสูตรต้นแบบในการดูแลผู้สูงอายุ) เน้นความต้องการของท้องถิ่น ดังนี้ 1) ระดับนโยบาย (1) สถาบันวิชาการในพื้นที่ร่วมจัดทำหลักสูตรกลางโรงเรียนผู้สูงอายุภาคใต้ตอนบน (รูปแบบห้องเรียนและ ออนไลน์) 2) ระดับปฏิบัติการ (1) รพ.สต. ร่วมกับ อบต. จัดทำหลักสูตรเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ บ้าน (2) ท้องถิ่น (อบต.)/เทศบาล และหน่วยงานราชการในพื้นที่ร่วมสนับสนุนแหล่งเรียนรู้และงบประมาณ การจัดการหลักสูตรในการดูแลผู้สูงอายุ และขยายการจัดตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุทุกตำบล 3.2) จัดตั้งตำแหน่งจัดจ้าง หรือนักจัดการดูแลผู้สูงอายุ (นักบริบาล=ปฏิบัติการ นักจัดการ=จัดการ) โดยให้บุคคลที่ว่างงานในพื้นที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพ มีองค์ความรู้ในการดูแลผู้สูงอายุได้มีงานทำ พัฒนา ระบบการดูแลผู้สูงอายุ ดังนี้ 1) ระดับนโยบาย (1) สถาบันวิชาการในพื้นที่อบรมให้ความรู้นักจัดการดูแล
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 37 ผู้สูงอายุและออกใบรับรอง (2) กระทรวงมหาดไทยจัดตั้งหรือจัดจ้าง ตำแหน่งนักจัดการดูแลผู้สูงอายุ และ สนับสนุนค่าตอบแทน 3.3) จัดสรรงบประมาณในระดับตำบลให้สามารถเบิกจ่ายได้ง่าย เพื่อลดช่องว่างในการเบิกจ่าย งบประมาณในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน ดังนี้ 1) ระดับนโยบาย (1) อบต. รับนโยบาย/จัดตั้งคณะกรรมการ จัดทำแผน การพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับตำบลอย่างต่อเนื่อง (2) สปสช. จัดสรรแยกงบประมาณในระดับตำบล กำหนดระเบียบการใช้งบกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น สนับสนุนงบประมาณจัดโครงการ 3.4) จัดตั้งศูนย์กายอุปกรณ์ที่เข้าถึงง่าย (ยืม-คืน) เป็นศูนย์บริการที่สามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา ดังนี้ 1) ระดับนโยบาย (1) อบต./เทศบาล จัดสถานที่และระบบเพื่อจัดการยืม-คืนกายภาพ อุปกรณ์ (2) ชมรม และหน่วยงานในพื้นที่เพิ่มศักยภาพผู้สูงอายุดูแลและซ่อมแซมกายอุปกรณ์ 4. ปัจจัยความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการพัฒนานวัตกรรม กระบวนการพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทยที่ดําเนินการมา สะทอนใหเห็นรูปธรรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่เกิดขึ้น เกิดจากปจจัยที่ สนับสนุนใหการดําเนิน ดังนี้ 1) ความเขมแข็งและศักยภาพของคนในชุมชน ทำใหการดําเนินงานประสบความสําเร็จ สงเสริมให คนในชุมชนมีกําลังมากขึ้น การดําเนินกิจกรรมในระยะแรกสมาชิกเขาร่วมกิจกรรมนอย ตอมามีการประชา สัมพันธ กระตุนการเขาร่วมกิจกรรม ภายหลังจึงมีผูเขาร่วมกิจกรรมมากขึ้น บางครั้งกลุมแกนนํารูสึกทอแท แตได้กําลังใจจากกลุมตางๆ ไมวาในชมรมเองเจาหนาที่ และสมาชิกในชุมชน ทำใหมีกําลังตอสูและดําเนิน กิจกรรมตอเนื่องมา นอกจากนี้ชุมชนยงัมีศักยภาพในศิลปะการจักสาน การทอผา การแสดง เป็นตน 2) การทำงานขององคกรและภาคีจากกระบวนการพัฒนานวัตกรรมสะทอนใหเห็นการใชปญหา และความตองการดานสุขภาพของผู้สูงอายุเป็นตัวตั้ง นําไปสูการพัฒนาระบบบริการที่เอื้ออาทรตอผู้สูงอายุ โดยใชการประชุมระดมสมอง และประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรูเป็นกลไกในการคนหาและเรียนรูปญหาความต องการดานสุขภาพผู้สูงอายุโดยมีผู้สูงอายุอสม. ผูนําชุมชนชมรมผู้สูงอายุ เจาหนาที่ศูนยสุขภาพชุมชนและ องคกรและภาคีอื่นๆ ได้ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณร่วมกัน หาแนวทางการดูแลผู้สูงอายุร่วมกัน จนกอใหเกิดขอตกลงในการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน การพัฒนาระบบบริการสุขภาพที่เอื้ออาทรตอผู้สูงอายุโดย ชุมชนมีสวนร่วม 3) การพัฒนานวัตกรรมจากการปฏิบัติการ กระบวนการเรียนรูการพัฒนานวัตกรรมที่เกิดขึ้น เป็น กระบวนการที่เกิดขึ้นจากการสรุปบทเรียนการทำงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุและการคนควาหาความรูพัฒนา ตนเองอยูตลอดเวลา เป็นการเรียนรูไปปรับปรุงการทำงานไป ทำใหเจาหนาที่เห็นปญหาและความตองการ ดานสุขภาพของผู้สูงอายุจากการปฏิบัติงานในคลินิกโรคเรื้อรัง คลินิกผู้สูงอายุและเล็งเห็นความสําคัญของ การพัฒนาระบบบริการสุขภาพที่เอื้ออาทรตอผู้สูงอายุ
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 38 4) การระบุกลุมเปาหมายที่ตองการดูแลที่ชัดเจน คือ การหาใชศักยภาพทุนทางสังคมที่มีอยูเดิม ได้แก่ อสม.ชมรมผู้สูงอายุ และเปดโอกาสใหชุมชนมีสวนร่วมตั้งแตการคนหาปญหา วิเคราะหปญหา วางแผนการดําเนินงาน โดยใชการประชุมระดมสมองและเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 39 บทที่ 3 นวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น กรณี 20 ตำบล พื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย" นวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น กรณี 20 ตำบล พื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย มีกระบวนการ แนวทางและวิธีการทำงานใหม่ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์และผลลัพธ์ที่ดีต่อผู้เกี่ยวข้อง เช่น การเพิ่ม คุณค่า การเพิ่มผลผลิต การเพิ่มผลตอบแทน การเพิ่มคุณภาพ การลดค่าใช้จ่าย การสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ ที่เกี่ยวข้อง การลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพและเพิ่มปัจจัยส่งเสริมสุขภาพ เป็นต้น เพื่อใช้ในการเสริมสร้างความ เข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่นสามารถจัดการเรียนรู้เพื่อการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนในแต่ละตำบล และจัดการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้ามพื้นที่ระหว่างตำบล นำใช้ชุดความรู้ที่ได้มาพัฒนาจนเกิดนวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดย ชุมชนท้องถิ่น 20 ตำบล ที่มีภูมิประเทศตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ภาคใต้สามารถพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ โดย การเพิ่มขีดความสามารถและคุณภาพของกลไกและทีมงานระบบการดูแลผู้สูงอายุให้ทำงานแบบมีส่วนร่วม (อปท.ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ ศูนย์พัฒนาครอบครัว รพ.สต. อาสาสมัคร และ ทุนทางสังคมอื่นๆ) ให้มีศักยภาพในการพัฒนาระบบข้อมูล โดยใช้ข้อมูลจากการวิจัยชุมชน (RECAP) เพื่อ ค้นหาทุนทางสังคมและศักยภาพชุมชน และระบบข้อมูลตำบล (TCNAP) เพื่อค้นหาปัญหาและความต้องการ ของกลุ่มผู้สูงอายุเป้าหมายเพื่อระดมความร่วมมือ และเสริมศักยภาพของทุนทางสังคม ให้สามารถการพัฒนา 6 ชุดกิจกรรมหลัก ด้วย 10 กลยุทธ์ “5 อ. และ 5 ก.” สู่สูงวัยสร้างเมือง เพื่อเป็นแนวทาง กิจกรรมที่จำเป็น จะต้องเกิดขึ้นในสังคม ที่เสนอต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดย ชุมชนท้องถิ่น ด้วยวิธีปฏิบัติงานที่ถูกต้อง เหมาะสม สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง และความต้องการของ ของผู้สูงอายุ เพื่อให้เกิดการสร้างมาตรฐาน และคุณสมบัติของชีวิตที่ดีของผู้สูงอายุที่จะต้องมีคุณภาพเพื่อ พัฒนาศักยภาพ ให้เกิดขึ้นให้สูงสุด และกำหนดทุกอย่างให้เป็นระบบแบบแผนไว้ล่วงหน้าเพื่อพัฒนาต่อเนื่อง มี รายละเอียด ดังนี้
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 40 ธรรมนูญสุขภาพผู้สูงอายุตำบลคีรีวง “ช่วยแลคนเฒ่าด้วยวิถีคีรีวง” องค์การบริหารส่วนตำบลคีรีวง อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ 1. ชื่อเรื่อง ธรรมนูญสุขภาพผู้สูงอายุตำบลคีรีวง “ช่วยแลคนเฒ่าด้วยวิถีคีรีวง” 2. พื้นที่ องค์การบริหารส่วนตำบลคีรีวง อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ 3. ผู้นำ 1) นายสนอง สิงห์บำรุง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคีรีวง 2) นายอาทิตย์ บุญรอดชู นักวิชาการโครงการ 4. ที่มาและเส้นทางการพัฒนา ปี พ.ศ. 2530 มีนโยบายสาธารณสุขเกิดขึ้นในตำบลทำให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขอย่าง ทั่วถึง ตลอดจนมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน โดยมีการทำงานของจิตอาสาสาธารณสุขขึ้น ซึ่งผลที่เกิดขึ้น หลังจากการทำงาน คือมีผู้สื่อข่าวสารสาธารณสุขในพื้นที่ ช่วยสนับสนุนให้มีการดำเนินงานสาธารณสุขมูลฐาน ครอบคลุมพื้นที่ และส่งเสริมให้ชุมชนตระหนักในความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขปัญหาสาธารณสุขของชุมชนเอง ปี พ.ศ. 2561 องค์การบริหารส่วนตำบลคีรีวง อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ ได้เข้าร่วมโครงการ “การพัฒนาและวิจัยเพื่อการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น” กับสำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัย ลักษณ์ โดยสร้างการมีส่วนร่วม และสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของ เน้นการเพิ่มขีดความสามารถ คุณภาพของ กลไก และทีมงานระบบการดูแลผู้สูงอายุ ประกอบด้วย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิต ผู้สูงอายุ และส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ ศูนย์พัฒนาครอบครัว รพ.สต. อาสาสมัคร และทุนทางสังคมอื่นที่เน้นการ พัฒนาให้เกิด 6 ชุดกิจกรรมหลักเพื่อเป็นแนวปฏิบัติ สำหรับพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ โดยใช้ระบบข้อมูล ตำบล (TCNAP) เพื่อค้นหาปัญหาและความต้องการ แบบประเมิณสุขภาวะผู้สูงอายุ เพื่อนำมาวิเคราะห์ ประเมินผู้สูงอายุในพื้นที่ และการวิจัยชุมชน (RECAP) เพื่อค้นหาทุน และศักยภาพชุมชน เพื่อระดมความ ร่วมมือ เสริมศักยภาพทุนทางสังคม ให้สามารถการพัฒนางานและกิจกรรม การพัฒนาต่อยอดงานเดิม หรือ พัฒนางานใหม่ เพิ่มสมาชิก ขยายความครอบคลุมกลุ่มประชากร และพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวกับการดูแล ผู้สูงอายุ โดยการนำใช้ 10 กลยุทธ์หลัก “5อ. และ 5ก.” สู่สูงวัยสร้างเมือง เพื่อดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม สถานการณ์ผู้สูงอายุในตำบลคีรีวง พบว่า มีประชากรในพื้นที่ 4,645 คน แยกเป็น เพศชาย 2,348 คน เพศหญิง 2,297 คน พบว่า มีผู้เตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุ (50 –59 ปี) จำนวน 768 คน คิดเป็น ร้อยละ 16.53 ของประชากรทั้งหมด มีผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จำนวน 701 คน คิดเป็นร้อยละ 15.09 ของ ประชากรทั้งหมด โดยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 40-49 ปี โดย มีสถานะการศึกษา ไม่ได้เรียน 261 คน จบ การศึกษา 440 คน มีผู้สูงอายุที่เป็นแกนนำ ผู้นำ 80 คน จำแนกกลุ่มตามสถานภาพการทำงานของผู้สูงอายุ
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 41 ไม่ได้ทำงาน 430 คน มีทำงาน 271 คน จำแนกกลุ่มตามความสามารถในการทำกิจกรรมประจำวัน ช่วยเหลือ ตัวเองได้ดี 605 คน ช่วยเหลือตัวเองได้ปานกลาง 76 คน ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย 20 คน ผู้สูงอายุที่มีปัญหา ด้านสุขภาพ ได้แก่ ผู้สูงอายุที่ป่วยติดบ้าน 14 คน ผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียง 9 คน เป็น โรคซึมเศร้า 60 คน สุข ภาวะทางจิต 33 คน ติดบุหรี่ 211 คน ติดสุรา 216 คน มีภาวะเสี่ยงต่อการหกล้ม 216 คน กลุ่มตามการดูแล ผู้สูงอายุโดยครอบครัว มีผู้ดูแลหลัก 675 คน อีกทั้งยังพบว่า ปัญหาที่ส่งผลต่อสุขภาพของผู้สูงอายุที่สำคัญใน 5 เรื่อง ได้แก่ 1) ปัญหาการมองเห็น โดยตำบลคีรีวงมีการเกิดปัญหาการมองเห็นซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากตาต้อ กระจกจำนวน 297 คน คิดเป็นร้อยละ 42.40 2) ปัญหาเสี่ยงต่อการหกล้มในผู้สูงอายุ จำนวน 216 คน คิด เป็นร้อยละ 30.81 3) ปัญหาโรคซึมเศร้าจำนวน 60 คน คิดเป็นร้อยละ 8.5 4) ปัญหาการได้ยินจำนวน 166 คนคิดเป็นร้อยละ 23.7 5) ปัญหาพฤติกรรมการออกกำลังกายไม่เหมาะสมจำนวน 124 คน คิดเป็นร้อยละ 17.7 อาสาสมัครต่างๆ ประกอบด้วย ผู้ช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (Care giver) จำนวน 16 คน อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 100 คน (อสม. 1 คนดูแล 10-15 ครัวเรือน) นักบริบาลดูแล ผู้สูงอายุของ อบต. จำนวน 2 คน พึงให้การสนับสนุนส่งเสริมการจัดระบบการดูแลผู้สูงอายุร่วมกับคนคีรีวง และหน่วยงาน รวมถึงการพัฒนาศักยภาพตนเองให้มีความชำนาญในงานที่เกี่ยวข้อง ปี พ.ศ. 2562 มีการจัดเวทีประชาคมชมรมผู้สูงอายุ “ช่วยแลคนเฒ่าด้วยวิถีคีรีวง” โดยผลจากการ วิเคราะห์ข้อมูลปัญหาความต้องการ พบว่า ผู้สูงอายุตำบลคีรีวงมีปัญหาด้านเศรษฐกิจมีความต้องการประกอบ อาชีพเพื่อสร้างรายได้ และด้านสังคมในการเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการต่างๆ คณะกรรมที่มาจาก 4 องค์กรหลัก จึงร่วมกันออกแบบร่างแนวทางการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งผู้สูงอายุในตำบลคีรีวงโดยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเป็น เกษตรกรมีความรู้ความสามารถด้านการปลูกปาล์มน้ำมัน และพืชผลผสมผสานในการปลูกปาล์มน้ำมัน มี ความรู้ความสามารถหลากหลายด้าน วัฒนธรรม ประเพณี และการละเล่นพื้นบ้าน อีกทั้งยังมีการรวมกลุ่มกัน เป็นสหกรณ์ คือ สหกรณ์นิคมอ่าวลึก ซึ่งเป็นจุดร่วมของความสามัคคี ร่วมแก้ปัญหา ในเรื่องของราคาปาล์ม ตกต่ำ การสร้างรายได้จากการแปรรูป รัชกาลที่ 9 โปรดเกล้าให้จัดตั้งโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มขนาดเล็กอัน เนื่องมาจากพระราชดำริ สหกรณ์นิคมอ่าวลึก ตำบลคีรีวง อำเภอปลายพะยา จังหวัดกระบี่โดยทุกครัวเรือนที่ อาศัยอยู่ในตำบลได้สมัครเป็นสมาชิกสหกรณ์นิคม ประชาชนในตำบลได้ร่วมกันเรียนรู้เพื่อสร้างการมีส่วนร่วม ของชุมชนจากพื้นฐานของการจัดการแบบสหกรณ์ การเรียนรู้นี้เป็นที่มาของการจัดการตนเองของชุมชน ท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุอย่างครบวงจร ที่ใช้ทุนและศักยภาพของผู้สูงอายุมาพัฒนา ระบบการดูแลได้อย่างสมดุลและต่อเนื่องได้จากความร่วมมือของภาคีเครือข่ายหลากหลายภาคส่วน ทั้งในและ นอกพื้นที่ ในระดับชุมชน ตำบล อำเภอ จังหวัด และระดับประเทศทุกครัวเรือน ต่อมาจึงเกิดการร่วมพิจารณา ให้ความเห็นชอบของคณะกรรมการธรรมนูญสุขภาพผู้สูงอายุ คณะกรรมการชมรมผู้สูงอายุ สถาบันพัฒนา องค์กรชุมชน ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนขององค์กร หน่วยงาน และแกนนำคนสำคัญในพื้นที่ และสมัชชา
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 42 สุขภาพจังหวัดกระบี่ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เพื่อเป็นกรอบแนวทางในการกำหนดเป้าหมาย เพื่อใช้เป็นกรอบและแนวทางในการกำหนดนโยบายยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพ นโยบายแผนงานโครงการและ ยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน หมู่บ้านตำบลที่ยั่งยืนเป็นกฎกติกา ฉันทามติ ข้อตกลง การอยู่ร่วมกันของ ผู้สูงอายุในชุมชน การนำฉันทามติไปขับเคลื่อนและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุให้ “ช่วยแลคนเฒ่าด้วยวิถีคีรี วง” ของผู้สูงอายุตำบลคีรีวง เพื่อให้เกิดการตื่นตัวของคนในชุมชน ในการจัดการตนเองเพื่อให้เกิดความ เข้มแข็ง สามารถจัดการทุนของชุมชน ทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ดีงามได้ 5. เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการทำงานเรื่องเด่น 1) เพื่อให้ผู้สูงอายุในตำบลคีรีวงได้รับการดูแลให้มีสุขภาพดีและมีความสุขครบทุกมิติ 2) เพื่อการเตรียมความพร้อมสำหรับประชากรวัยสูงอายุและการขับเคลื่อนเครือข่ายผู้สูงอายุแบบ บูรณาการร่วมกันของ 4 องค์กรหลัก 3) เพื่อการนำใชเป็นเครื่องมือในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ สร้างกรอบกติกา กฎ ระเบียบชุมชน เพื่อการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น 6. ประชากรที่ได้รับประโยชน์และผลกระทบ ประชากรที่ได้รับประโยชน์และผลกระทบจากร่างธรรมนูญสุขภาพผู้สูงอายุตำบลคีรีวง อำเภอปลาย พระยา จังหวัดกระบี่ “ช่วยแลคนเฒ่าด้วยวิถีคีรีวง” ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป วัยเตรียมเข้าสู่สูงอายุ ผู้ดูแล ผู้สูงอายุ และหน่วยงานหรือภาคีที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ประกอบด้วย คณะกรรมการชมรมผู้สูงอายุ สถาบันพัฒนา องค์กรชุมชน ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนขององค์กร หน่วยงาน และแกนนำคนสำคัญในพื้นที่ และสมัชชา สุขภาพจังหวัดกระบี่ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ 6.1 กลุ่มเป้าหมายที่ได้ประโยชน์ ดังนี้ 1) ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 701 คน 2) ผู้สูงอายุที่ป่วยติดบ้าน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 1.99 3) ผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียง 9 คน คิดเป็นร้อยละ 1.28 4) ติดสังคม 678 คน คิดเป็นร้อยละ 96.71 5) ผู้เตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุ (50 – 59 ปี) จำนวน 768 คน 6) ผู้สูงอายุที่ด้อยโอกาส หมายถึง ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในตำบลคีรีวง แต่อยู่ในสถานะยากลำบาก ในการดำรงชีวิตทั้งฐานะ ที่อยู่อาศัย ความรู้และสุขภาพ
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 43 7. วิธีดำเนินการ (methods) มีขั้นตอนและกระบวนการดำเนินการดังต่อไปนี้ องค์การบริหารส่วนตำบลคีรีวง มีวิธีการ ขั้นตอนและกระบวนการดำเนินการ ดังนี้ 1) การจัดเวทีประชาคมชมรมผู้สูงอายุในตำบลคีรีวง โดยคณะทำงานที่มาจาก 4 องค์กรหลักนำใช้ ข้อมูลในการวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาความต้องการของผู้สูงอายุซึ่งพบว่าผู้สูงอายุตำบลคีรีวงมีปัญหาด้าน เศรษฐกิจในการประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ และด้านสังคมในการเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการต่างๆ ร่วม กำหนดธรรมนูญสุขภาพผู้สูงอายุตำบลคีรีวง โดยการพิจารณาให้ความเห็นชอบของคณะกรรมการธรรมนูญ สุขภาพผู้สูงอายุ คณะกรรมการชมรมผู้สูงอายุ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนของ องค์กร หน่วยงาน และแกนนำคนสำคัญในพื้นที่ และสมัชชาสุขภาพจังหวัดกระบี่ สำนักงานคณะกรรมการ สุขภาพแห่งชาติ เพื่อเป็นกรอบแนวทางในการกำหนดเป้าหมาย นโยบายแผนงานโครงการและยุทธศาสตร์การ พัฒนาชุมชน หมู่บ้านตำบลที่ยั่งยืนเป็นกฎกติกา ฉันทามติ ข้อตกลง การอยู่ร่วมกันของผู้สูงอายุในชุมชน การ นำฉันทามติไปขับเคลื่อนและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุให้ “ช่วยแลคนเฒ่าด้วยวิถีคีรีวง” ของผู้สูงอายุตำบล คีรีวง เพื่อให้เกิดการตื่นตัวของคนในชุมชน ในการจัดการตนเองเพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง สามารถจัดการทุน ของชุมชน ทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ดีงามได้ 2) กระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน ระหว่างผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบการดูแลผู้สูงอายุ ประกอบด้วย ท้องถิ่น ท้องที่ หน่วยงานรัฐ และองค์กรชุมชน แกนนำกลุ่มต่างๆ เช่น แกนนำผู้สูงอายุ อสม. และกลุ่มอาชีพ ในตำบล เป็นต้น โดยการร่วมประเมินชุมชนถึงสภาพปัญหา การศึกษาข้อมูล วิเคราะห์และสังเคราะห์แนว ทางการแก้ไขตามศักยภาพของชุมชน ร่วมออกแบบ กำหนดกติกาและระบบการดำเนินการร่วมกัน เสริมแรง ด้วยกระบวนการการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน 3) กลไกการดำเนินงานในการขับเคลื่อนระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยการบูรณาการ ประกอบด้วย 3.1) กลไกการบริหารจัดการ โดยมีการแบ่งบทบาทหน้าที่ข้อตกลงร่วมกันของประชาชนตำบลคีรี วง เพื่อให้เกิดการมีสุขภาพดีของผู้สูงอายุ ดังนี้ (1) องค์การบริหารส่วนตำบลคีรีวง สร้างการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการพัฒนาระบบ การดูแลผู้สูงอายุ เชื่อมโยงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ทั้งด้านจิตใจ ด้านปัญญา ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม (2) สหกรณ์นิคมอ่าวลึก มีกระบวนการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ เป็นแหล่งเรียนรู้ครบ วงจรเพิ่มคุณค่าผู้สูงวัยสู่การจัดการอาชีพตามพระราชดำริ ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิต ผู้สูงวัยตำบลคีรีวง เป็นกระบวนการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ ผ่านการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ครบวงจร เป็น การประสานความร่วมมือระหว่างกลุ่มผู้สูงอายุ เกษตรกรสมาชิกสหกรณ์ และชุมชนสหกรณ์อย่างครบวงจร ของแหล่งเรียนรู้ ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ แหล่งเรียนรู้ต้นทาง แหล่งเรียนรู้กลางทาง แหล่งเรียนรู้ปลายทาง (3) สภาองค์กรชุมชน ดำเนินการกำหนดแนวทางพัฒนาชุมชนของคนในชุมชนท้องถิ่น โดย คนในชุมชนท้องถิ่น และเพื่อคนในชุมชนท้องถิ่น จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประกอบด้วย ตัวแทนของสถาบัน ในชุมชนท้องถิ่น เช่น วัด โรงเรียน สถานีอนามัย เป็นต้น ตัวแทนของกลุ่มองค์กรต่างๆ ในชุมชน เช่น กองทุน สวัสดิการชุมชน กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มปลูกผักปลอดสารพิษ กลุ่มปุ๋ย กลุ่มเลี้ยงสัตว์ และกลุ่ม
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 44 กิจกรรมพัฒนาอาชีพอื่นๆ ที่มีอยู่ในแต่ละชุมชน โดยมีผู้นำชุมชน เช่น ผู้รู้ภูมิปัญญา ปราชญ์ชาวบ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้ามาร่วมใช้เวทีพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาของชุมชนท้องถิ่นร่วมกัน เป็นระบบจัดการตนเองของชุมชน (4) ภาคีเครือข่าย ประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กร กลุ่มชุมชนที่ร่วมกัน ดำเนินกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ สุขภาวะชุมชนในพื้นที่ตำบลคีรีวง (5) ชมรมผู้สูงอายุตำบลคีรีวง ดำเนินการสนับสนุนกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและ สาธารณะ 3.2) กลไกการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ ขับเคลื่อนระบบผ่านการรวมกลุ่มกันเป็นสหกรณ์ นิคมอ่าวลึก มีการจัดการอย่างเป็นระบบด้วยการจัดการความรู้ของชุมชน โดยมีผู้สูงอายุและครอบครัวเป็นผู้ ร่วมเรียนรู้ ด้วยการเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ต้นทาง แหล่งเรียนรู้กลางทาง และแหล่งเรียนรู้ปลายทาง เกิดการ จัดการตนเองของชุมชนได้ และได้รับการสนับสนุนการจัดการจากหน่วยงาน กลุ่มคน องค์กร ที่เกี่ยวข้องอย่าง ครอบคลุม เกิดผลให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลทั้งทางด้านสุขภาพ สังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และการเมืองการ ปกครอง 4) รูปแบบการบริหารงานการดูแลผู้สูงอายุตำบลคีรีวง ซึ่งมาจากการดูแลผู้สูงอายุโดยอาศัยการ ดำเนินงานจากหลายภาคส่วน ดังนี้ 4.1) Health Care ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินงานการดูแลผู้สูงอายุติดบ้าน ติดเตียง และติด สังคม โดยใช้งบประมาณจาก สปสช. 4.2) Health Promotion มีการดำเนินงานเรื่องการจัดระบบ การออกแบบการดูแลผู้สูงอายุ ใช้ งบประมาณจาก สสส. 4.3) Health Policy ซึ่งมีความจำเป็นที่การดำเนินงานหรือการดูแลผู้สูงอายุจะต้องมีการผลักดัน ให้เห็นเป็นรูปธรรมเชิงนโยบาย และให้ทุกคนได้รับรู้ เข้าใจแนวทางปฏิบัติร่วมกัน ตำบลคีรีวงจึงจำเป็นที่ต้อง จัดทำธรรมนูญสุขภาพขึ้นโดยใช้งบประมาณของ สช. 5) การนำใช้ทุนทางสังคม 6 ระดับ (ระดับบุคคลและครอบครัว ระดับกลุ่มทางสังคม และองค์กร ชุมชน ระดับหน่วยงานและแหล่งประโยชน์ ระดับชุมชนหรือหมู่บ้าน ระดับตำบล ระดับเครือข่าย) ทั้ง 5 ด้าน (ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านสุขภาพ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการเมืองการปกครอง) 5.1) ด้านการเมืองการปกครอง มีทุนและศักยภาพเด่น ได้แก่ ผู้ใหญ่บ้าน อปพร. อบต.คีรีวง (หมู่ 2) กรรมการหมู่บ้าน (หมู่ 1-8) และ ชรบ.(หมู่ 1-8) 5.2) ด้านสังคม มีทุนและศักยภาพเด่น ได้แก่ ประธานผู้สูงอายุ (หมู่ 1, 2, 3) เจ้าอาวาส (หมู่ 2,3,6) ผอ.รร.(หมู่ 2,3) ครู (หมู่ 2,3) ปราชญ์ชาวบ้านและประธานสภาสตรี (หมู่ 1- 8) รร.วัดบางเหลียว (หมู่ 2) มหาลัยชีวิต (หมู่ 2 ) รร.บกเก้าห้อง และศพด. (หมู่ 1,2,5,6) กลุ่มบทบาทสตรี (หมู่1-8)และกลุ่มแม่บ้าน (หมู่ 1-8) 5.2) ด้านเศรษฐกิจ มีทุนและศักยภาพเด่น ได้แก่ โรงงานสกัดปาล์มน้ำมันตามพระราชดำริ (หมู่ 2)กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผสมปุ๋ยเคมี กลุ่มเครื่องแกง (หมู่ 1-8) กลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์ทาง
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 45 การเกษตร (หมู่ 2,6) กลุ่มผักปลอดสารพิษ (หมู่ 2,6,7) และกลุ่มเลี้ยงไก่พื้นเมือง (หมู่ 1,3,7) นิคมสหกรณ์ (หมู่ 3) สหกรณ์นิคม (หมู่ 3) 5.4) ด้านสภาพแวดล้อม มีทุนและศักยภาพเด่น ได้แก่ กลุ่มปลูกผักปลอดสารพิษ (หมู่ 2,6,7) กลุ่มน้ำหมักชีวภาพ (หมู่ 1,5) กลุ่มสหกรณ์ (หมู่ 1-8) 5.5) ด้านสุขภาพ มีทุนและศักยภาพเด่น ได้แก่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ชมรมออกกำลังกาย (หมู่ 2,3,6) ชมรมผู้สูงอายุ (หมู่1,2,3) และ อสม.(หมู่ 1-8) ลานกีฬา (หมู่ 1,2,3,5,6) รพ.สต.บ้านบางเหลียว (หมู่ 2) วัดบางเหลียว (หมู่ 2) รพ.สต.บ้านโคกแซะ (หมู่ 3) วัดโคกแซะ (หมู่ 3) 8. ผลที่เกิดขึ้น (รูปธรรม) 1) เกิดการจัดการสุขภาพผู้สูงอายุโดยมีการกำหนด กฎ กติการ่วมกันที่ครอบคลุมสุขภาพโดยรวมทั้ง 4 มิติ คือ กาย จิต สังคมสิ่งแวดล้อม และปัญญา ที่สอดคล้องกับการบริการสุขภาพของภาครัฐและวิถี วัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของชุมชนเพื่อการพัฒนาไปสู่ตำบลสุขภาวะ 2) เกิดการพัฒนาทักษะของผู้ดูแล ประกอบด้วย ผู้ช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (Care giver) จำนวน 16 คน อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 100 คน (อสม. 1 คนดูแล 10-15 ครัวเรือน) นักบริบาลดูแลผู้สูงอายุของ อบต. จำนวน 2 คน ให้มีความเชี่ยวชาญในการดูแลผู้สูงอายุครอบคลุมทั้ง 4 มิติ 3) เกิดการบูรณาการร่วมกับสหากรณ์นิคมอ่าวลึกในการแก้ไขปัญหาผู้สูงอายุ โดยตำบลคีรีวงเกิดการ พัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ จากการเชื่อมโยงทุนและศักยภาพทางสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สุขภาพ และการเมืองการปกครอง ส่งผลให้เกิดผลดีต่อผู้สูงอายุได้ มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ 3.1) ผู้สูงอายุได้รับสวัสดิการจากกำไรเรือนหุ้น 3.2) บุตรหลานได้มีงานทำฝ่ายการตลาด ฝ่ายสินเชื่อ ฝ่ายบัญชี ในโครงการอุตสาหกรรมน้ำมัน ปาล์มขนาดเล็กอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 3.3) ได้รับสวัสดิการ (เกิด แก่ เจ็บ ตาย และภัยพิบัติ) 3.4) ได้รับการเยี่ยมบ้านและของฝากจากสหกรณ์ 3.5) ได้รับการสนับสนุนทุนเพื่อพัฒนาครัวเรือนต้นแบบแปลงสาธิต 3.6) ได้รับการจดทะเบียนกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เกิดผลให้ได้รับการสนับสนุนทุนละการสร้างเสริม อาชีพอย่างเป็นทางการจากแหล่งทุนที่เกี่ยวข้อง 3.7) จำหน่ายผลผลิตราคาสูงกว่าที่อื่น ได้รับเงินปันผลเฉลี่ยคืนจากการจำหน่ายวัตถุดิบให้กับ สหกรณ์ 3.8) ได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น สิทธิในการกู้สินเชื่อทุกเรื่อง สิทธิในโครงการปลูกทดแทน ดอกเบี้ยต่ำจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ 3.9) ได้รับทุนเพื่อเป็นสวัสดิการจากโครงการพิเศษ (โครงการสินเชื่อเพื่อการเกษตร โครงการ ช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติ โครงการส่งเสริมอาชีพ) จากกรมส่งเสริมการเกษตรผ่านสหกรณ์จังหวัดและบริหาร จัดการโดยนิคมสหกรณ์
การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 46 4) ข้อตกลงร่วม หรือกติกาที่เป็นเจตจำนง และพันธะร่วมกันของผู้สูงอายุ ครอบครัว ชุมชน สังคม และหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อใช้เป็นกรอบและแนวทางในการสนับสนุนส่งเสริมให้ เกิดภาวะสุขภาพที่ดีของผู้สูงอายุ รวมถึงการสนับสนุนส่งเสริมบทบาทของผู้อายุ ในการมีส่วนร่วมพัฒนา สถาบันครอบครัว ชุมชน สังคม ให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน 9. ผลกระทบที่เกิดขึ้น 9.1) ประชาชนทุกกลุ่มวัยมีการนำใช้ร่างธรรมนูญสุขภาพผู้สูงอายุตำบลคีรีวง อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ “ช่วยแลคนเฒ่าด้วยวิถีคีรีวง” ในการอยู่ร่วมกันของผู้สูงอายุในชุมชน 9.2) สร้างความตื่นตัวของคนในชุมชน ในการจัดการตนเองเพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง สามารถจัดการ ทุนของชุมชน ทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ดีงามได้ 9.3 ประชาชนในชุมชน และจิตอาสาดูแลผู้สูงอายุส่วนร่วมดูแลผู้ป่วยในชุมชน เกิดความรัก ความ อบอุ่นของครอบครัวและชุมชน 10. ปัจจัยความสำเร็จ ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ 10.1 ปัจจัยความสำเร็จ 1) ความมีส่วนร่วมของ 4 องค์กรหลักและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวิเคราะห์ ออกแบบร่าง ธรรมนูญสุขภาพผู้สูงอายุตำบลคีรีวง อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ “ช่วยแลคนเฒ่าด้วยวิถีคีรีวง” 2) กลไกการขับเคลื่อนระบบผ่านการรวมกลุ่มกันเป็นสหกรณ์นิคมอ่าวลึก มีการจัดการอย่าง เป็นระบบด้วยการจัดการความรู้ของชุมชน โดยมีผู้สูงอายุและครอบครัวเป็นผู้ร่วมเรียนรู้ 10.2 ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ 1) การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมเพื่อสร้างการเรียนรู้อย่าง เต็มประสิทธิภาพสำหรับการพัฒนาผู้สูงอายุ 2) การเผยแพร่ ธรรมนูญสุขภาพผู้สูงอายุตำบลคีรีวง อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ “ช่วย แลคนเฒ่าด้วยวิถีคีรีวง” ยังไม่เป็นที่รับทราบของคนในพื้นที่