The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือนวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น กรณี 20 ตำบลภาคใต้

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Tidarat Sirirat, 2024-01-05 07:52:54

หนังสือนวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น กรณี 20 ตำบลภาคใต้

หนังสือนวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น กรณี 20 ตำบลภาคใต้

การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 47 นำใช้และบูรณาการข้อมูลเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุตำบลดอนตะโก องค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโก อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช 1. ชื่อเรื่อง นำใช้และบูรณาการข้อมูลเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุตำบลดอนตะโก 2. พื้นที่ องค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโก อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช 3. ผู้นำ 1) นายสมเกียรติ สุทธิพันธ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโก 2) ส.ต.ต.ไพโรจน์ องอาจ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล 4. ที่มาและเส้นทางการพัฒนา ในปี พ.ศ. 2540 – 2555 มีการยกฐานะเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลเพื่อกระจายอำนาจในการ ปกครองให้ทั้งถึงทุกเขตพื้นที่ พร้อมประกาศจัดตั้ง องค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโก เกิดข้อบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปี สนับสนุนงานด้านพัฒนาด้านสังคม เช่น การส่งเสริมผู้สูงอายุ คนพิการ การ ส่งเสริมงานประเพณี ฯลฯ จากนั้นในปี พ.ศ. 2554 เกิดสถานการณ์ปัญหาด้านสังคม คือ ปัญหาการเพิ่มขึ้น ของจำนวนประชากรเด็กทำให้ขาดบุคลากรในการดูแลเด็ก องค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโกร่วมกับ 4 องค์กรหลักในพื้นที่ จัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโกขึ้น เพื่อเพิ่มสวัสดิการให้คน ในชุมชน ในปี พ.ศ. 2555 – 2560 สถานการณ์ผู้สูงอายุในตำบลมีจำนนเพิ่มมากขึ้น การดำเนินการจัดสรร สวัสดิการของภาครัฐเองก็ยังขาดความครอบคลุม ประกอบเกิดนโยบายจากกระทรวงสาธารณสุขที่มุ่งเน้นการ เข้าถึงที่ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุรวมกลุ่มทำกิจกรรมผู้สูงอายุ คนพิการเพิ่มมากขึ้น ว่างงาน ต้องการรับสิทธิ ประโยชน์ที่พึงได้ องค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโกจึงดำเนินการสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนให้ เข้มแข็งมากขึ้น มีการจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการในชุมชนตำบลดอนตะโก จัดตั้งชมรมผู้สูงอายุ อบต. ดอนตะโก และจัดตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุ อบต.ดอนตะโกในปี พ.ศ. 2560 เพื่อยกระดับการพัฒนากลุ่มผู้สูงอายุ เป็นการพัฒนาระดับเครือข่าย สร้างนวัตกรรม และสร้างผลกระทบเพิ่มขึ้นก่อเกิด ตำบลดอนตะโก ศพด. อบต.ดอนตะโก ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการในชุมชนตำบลดอนตะโก ชมรมผู้สูงอายุ และโรงเรียนผู้สูงอายุ ปี พ.ศ. 2562 ตำบลดอนตะโก อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าร่วมเป็นเครือข่ายร่วม สร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ ซึ่งมีการพัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะร่วมกัน ได้ไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้การ ดำเนินงานด้านการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ เรื่องการวิเคราะห์เรียนรู้ข้อมูลตำบล เพื่อการดูแลผู้สูงอายุ โดยชุมชนท้องถิ่น และได้เริ่มขับเคลื่อนการดำเนินงาน โดยมีการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครและแกนนำชมรม ผู้สูงอายุจนกระทั่งในปลายปี พ.ศ. 2562 ได้ลงนามความร่วมมือกับสำนักกองทุนสนับสนุนการ สร้างเสริมสุข ภาวะ (สสส.) โดยสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก 3) เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้การพัฒนาระบบการดูแล


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 48 ผู้สูงอายุโดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการจัดงานบริการ และกิจกรรมในการคุ้มครอง ส่งเสริมและพัฒนา คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุครอบคลุมความจำเป็น 4 ด้านคือ สังคม เศรษฐกิจ สภาพแวดล้อมและสุขภาพของ ผู้สูงอายุ สามารถตอบสนองปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุและ ครอบครัวในการช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุ รวมทั้งเป็นกลไกในการส่งเสริมและสนับสนุน ผู้ช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุ และอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุด้วย องค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโก มีครัวเรือนจำนวน 1,299 ครัวเรือน ประชากรในพื้นที่ 5,092 คน จากแบบสรุปรายงานผลการสำรวจผู้สูงอายุรายบุคคลในพื้นที่ พบว่า มีจำนวนผู้สูงอายุ 1,186 คน คิดเป็นร้อย ละ 23,91 จากจำนวนประชากรทั้งหมด แบ่งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 3 กลุ่ม ดังนี้ 1) ผู้สูงอายุติดสังคม จำนวน 1,114 คน (เพศชาย 490 คน เพศหญิง 624 คน) คิดเป็นร้อยละ 93.92 2) ผู้สูงอายุติดบ้าน จำนวน 59 คน (เพศชาย 24 คน เพศหญิง 35 คน) คิดเป็นร้อยละ 4.97 และ 3) ผู้สูงอายุติดเตียง จำนวน 13 คน (เพศชาย 7 คน เพศหญิง 6 คน) คิดเป็นร้อยละ 1.09 และมีผู้สูงอายุที่มีอายุ 100 ปีขึ้นไป จำนวน 1 คน และมีจำนวน ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพจำนวน 943 คน คิดเป็นร้อยละ 79.51 การนำใช้ข้อมูลในการพัฒนา ประกอบด้วย ระบบข้อมูลตำบล (TCNAP) การวิจัยชุมชน (REAP) ข้อมูลแบบประเมินผู้สูงอายุ ข้อมูลจากการสำรวจข้อมูลผู้สูงอายุประจำปี เป็นต้น เพื่อค้นหาปัญหาและความ ต้องการ ข้อมูลทุนและศักยภาพของตำบล เพื่อจัดการออกแบบระบบการดูแลผู้สูงอายุให้สอดคล้องกับปัญหา และความต้องการผ่านการจัดกิจกรรมในชมรมผู้สูงอายุ โรงเรียนผู้สูงอายุตำบลดอนตะโก และกิจกรรมเสริม ต่างๆ ในตำบล โดยคณะทำงานฯ ได้ร่วมกันวิเคราะห์ตรวจสอบข้อมูลที่ได้จากการสำรวจคืนข้อมูลให้กับผู้ที่มี ส่วนเกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุทุกฝ่าย ผ่านการจัดทำเวทีประชาคมผู้สูงอายุ ซึ่งจากการเก็บรวบรวมข้อมูลมี การสรุปสภาพปัญหารวมของผู้สูงอายุในตำบลทั้ง 4 มิติ (ด้านสุขภาพ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้าน สภาพแวดล้อม) ดังนี้ 1) ผู้สูงอายุติดสังคม มีอาการหลงลืม เจ็บป่วยเรื้อรัง 2) ผู้สูงอายุติดบ้าน อาศัยอู่ตาม ลำพัง รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย หลงลืม เจ็บป่วยเรื้อรัง และมีความพิการ 3) ผู้สูงอายุติดเตียง มีอาการ หลงลืม ซึมเศร้า เจ็บป่วยเรื้อรัง อยู่ตามลำพัง และรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย โดยสามารถสรุปจำนวน สถานการณ์ปัญหาของผู้สูงอายุได้ตามตาราง รายละเอียดดังนี้ ลำดับ สถานการณ์ผู้สูงอายุ จำนวน (คน) ร้อยละ 1 ปกติ 1,011 85.25 2 หลงลืม 15 1.27 3 ซึมเศร้า 5 0.42 4 เจ็บป่วยเรื้อรัง 13 1.10 5 พิการ 97 8.18 6 อาศัยอยู่ตามลำพัง 5 0.42 7 รายได้ไม่เพียงพอ 30 2.52 8 รับภาระดูแลลูกหลาน 10 0.84 9 อื่นๆ ระบุ..... - - รวม 1,186 100 ที่มา: ผลการสำรวจข้อมูลผู้สูงอายุ ประจำปี 2563


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 49 ทั้งนี้ การพัฒนาระบบการดูแลสามารถนำใช้ทุนและศักยภาพในการดูแลผู้สูงอายุในพื้นที่ที่มีอยู่ ประกอบด้วย ผู้ช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (Care giver) จำนวน 12 คน อาสาสมัครสาธารณสุข หมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 105 คน นักบริบาลดูแลผู้สูงอายุ จำนวน 2 คน อาสาสมัครประจำครอบครัว (อสค.) จาก รพ.สต.บ้านจันพอ จำนวน 11 คน ปราชญ์ชาวบ้าน แกนนำกลุ่มองค์กรต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมให้การ สนับสนุนส่งเสริมการจัดระบบการดูแลผู้สูงอายุในพื้นที่ 5. เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการทำงานเรื่องเด่น 5.1 กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับโยชน์ 1) กลุ่มวัยเตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุ (50 – 59 ปี) จำนวน 1,112 คน 2) กลุ่มผู้สูงอายุ ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 1,186 คน ผู้สูงอายุตามความสามารถ (ADL) แบ่งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุตามความสามารถ 3 กลุ่ม ดังนี้ 1) ผู้สูงอายุติดสังคม จำนวน 1,114 คน (เพศชาย 490 คน เพศหญิง 624 คน) 2) ผู้สูงอายุติดบ้าน จำนวน 59 คน (เพศชาย 24 คน เพศหญิง 35 คน) และ 3) ผู้สูงอายุติดเตียง จำนวน 13 คน (เพศชาย 7 คน เพศหญิง 6 คน) 5.2 วัตถุประสงค์ 1) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับผู้เข้าสู่ช่วงวัยผู้สูงอายุได้อย่างเหมาะสม 2) ผู้สูงอายุได้รับการพัฒนาด้านสุขภาพ จิตใจ และสังคม มีความตระหนัก เข้าใจชีวิตและปรับตัว อยู่ในสังคมอย่างมีความสุขผ่านการดำเนินกิจกรรมที่ผู้สูงอายุให้ความสนใจในการเรียนรู้จากโรงเรียนแต่ละ สัปดาห์ 3) เพื่อสร้างการเรียนรู้ เพิ่มผู้นำผู้สูงอายุในพื้นที่ โดยการนำใช้ความเชี่ยวชาญแต่ละด้านของ ผู้สูงอายุมาถ่ายทอดประสบการณ์ ภูมิปัญญาให้กับสมาชิกในโรงเรียนเพื่อการพัฒนาต่อยอดได้ 5.3 ผู้เข้าร่วมดำเนินการ แบ่งตามบทบาทหน้าที่ประกอบด้วย 1) การพัฒนากลไกขับเคลื่อนงานการบริหารจัดการด้านระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยความร่วมมือ ของ 4 องค์กรหลักในพื้นที่ มีการมอบหมายงานเพื่อปฏิบัติงานพิจารณาตามความจำเป็นและความรับผิดชอบ อย่างเหมาะสม 2) การเพิ่มขีดความสามารถผู้สูงอายุประกอบด้วย ผู้ดูแลในครัวเรือนที่มีผู้สูงอายุ ผู้ช่วยเหลือ ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (Care giver) จำนวน 12 คน อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 105 คน นักบริบาลดูแลผู้สูงอายุ จำนวน 2 คน อาสาสมัครประจำครอบครัว (อสค.) จาก รพ.สต.บ้านจันพอ จำนวน 11 คน ปราชญ์ชาวบ้านและแกนนำกลุ่มต่างๆ เช่น หมอยาสมุนไพร พรานมโนราห์ กลุ่มข้าวซ้อมมือ วิสาหกิจ ชุมชน เป็นต้น 3) การสนับสนุนงบประมาณดำเนินการ โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพองค์การบริหารส่วน ตำบลดอนตะโก โครงการการพัฒนาและวิจัยเพื่อการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น สำนักงานกองทุน สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ประสานงานโครงการโดย สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัย ลักษณ์


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 50 7. วิธีดำเนินการ (methods) มีขั้นตอนและกระบวนการดำเนินการ ดังนี้ 1) กลไกคณะทำงาน ดำเนินการโดยกำหนดให้มีการเลือกตั้ง แต่งตั้งคณะกรรมการ คณะกรรมการที่ ปรึกษา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ เพื่อปฏิบัติงาน โดยให้พิจารณาตามความจำเป็น และ มอบหมายงานให้รับผิดชอบอย่างเหมาะสม ประกอบด้วย คณะกรรมการที่ปรึกษา ได้แก่ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโก คณะผู้บริหารองค์การ บริหารส่วนตำบลดอนตะโก สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโก หัวหน้าโรงพยาบาลส่งเสริม สุขภาพประจำตำบลบ้านคูใหม่ และบ้านจันพอ เป็นกรรมการที่ปรึกษาโดยตำแหน่ง คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและเป็นกรรมการ โดยตำแหน่ง 2) สร้างการมีส่วนร่วม โดยคณะทำงาน 4 องค์กรหลัก ประกอบด้วย ท้องถิ่น ท้องที่ หน่วยงานรัฐ และภาคประชาชน ประชุมหารือในการจัดทำฐานข้อมูลผู้สูงอายุ เริ่มจากการดำเนินการจัดเก็บข้อมูลแบบ สำรวจ จากระบบข้อมูลตำบล (TCNAP) การวิจัยชุมชน (REAP) ข้อมูลแบบประเมินผู้สูงอายุ ข้อมูลจากการ สำรวจข้อมูลผู้สูงอายุประจำปี โดยอาสาสมัครในพื้นที่ เพื่อนำมาจัดทำฐานข้อมูล วิเคราะห์สถานการณ์ปัญหา ความต้องการของผู้สูงอายุ และออกแบบแผนการดำเนินงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุแต่ละกลุ่ม (ติดสังคม/ติดบ้าน/ติดเตียง) 3) แผนการดำเนินงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุของตำบล ดำเนินการผ่านกิจกรรม โรงเรียนผู้สูงอายุ และโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุ โดยกำหนดกิจกรรมตามความเหมาะสม กับผู้สูงอายุแต่ละกลุ่ม (ติดสังคม/ติดบ้าน/ติดเตียง) โดยจากความร่วมมือขององค์กร และหน่วยงานต่างๆ ทั้ง ภายในและภายนอก ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้าน คูใหม่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านจันพอ โรงพยาบาลท่าศาลา พมจ.นครศรีธรรมราช กองทุน หลักประกันสุขภาพ อบต. ชมรมผู้สูงอายุองค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโก ศพอส.ตำบลดอนตะโก 8. ผลที่เกิดขึ้น (รูปธรรม) 1) กิจกรรมทางสังคมของผู้สูงอายุ ประกอบด้วย เกิดสมาชิกชมรมผู้สูงอายุจำนวน 70 คน คิดเป็น ร้อยละ 5.90 จากจำนวนผู้สูงอายุทั้งหมด และนักเรียนโรงเรียนผู้สูงอายุจำนวน 70 คน คิดเป็นร้อยละ 5.90 จากจำนวนผู้สูงอายุทั้งหมด คลังปัญญาผู้สูงอายุจำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 1.26 2) เกิดกิจกรรมที่ตอบสนองด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุทั้ง 3 กลุ่ม ตามความสามารถซึ่งมี รูปแบบตามแผนการดำเนินงาน ดังนี้ 2.1) ผู้สูงอายุติดสังคม มีกิจกรรมโรงเรียนผู้สูงอายุ โครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ ผู้สูงอายุ ที่ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิต ประกอบด้วย 1) กิจกรรมบริการรถรับ-ส่ง พาผู้สูงอายุจำนวน 30 คน ตรวจวัดสายตา ที่โรงเรียนท่าศาลาประสิทธิ์ศึกษา 2) กิจกรรมการคัดแยกขยะมาฝากที่ อบต. เพื่อออมเงิน สะสม 3) ฝึกอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุ4) การนำใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น 5) กิจกรรมฝึกทักษะ เช่น การใช้


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 51 ภาษาอังกฤษเบื้องต้น ให้ความรู้เรื่องสิทธิสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ การบริหารร่างกายโดยใช้ ไม้พลอง ยางยืด ฝึกอบรมการผลิตน้ำมันหอม สานตะกร้าจากเส้นพลาสติก การทำลูกประคบสมุนไพร ให้ความรู้การทำอาหาร เพื่อสุขภาพและการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งสื่อสารต่างๆ เช่น LINE FACEBOOK เป็นต้น ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น พบว่า ช่วยให้คลายเหงา จิตใจกระชุ่มกระชวย สดชื่น รู้สึกภาคภูมิใจและตระหนักในคุณค่า ความสามารถของตนเอง มีมุมมองเชิงบวกต่อตนเองผู้สูงอายุ 2.2) ผู้สูงอายุติดบ้าน กิจกรรมโรงเรียนผู้สูงอายุ การเยี่ยมบ้านตามกิจกรรมการดูแลผู้สูงอายุที่มี ภาวะพึ่งพิง ที่ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิต ประกอบด้วย 1) กิจกรรมบริการดูแลสุขภาพโดยนัก กายภาพบำบัดทุกวันอังคาร ณ ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้พิการทุกวัย ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น พบว่า เกิดทักษะในการ ดูแลตนเอง 2.3) ผู้สูงอายุติดเตียง มีกิจกรรมที่ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิต ประกอบด้วย 1) กิจกรรม เยี่ยมบ้านโดยอาสาสมัครบริบาล อสม. 2) การอบรมผู้ดูแลในครอบครัว 3) กิจกรรมการเยี่ยมบ้านตามกิจกรรม การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง 4) จัดการบริการการยืมอุปกรณ์จำเป็นในการช่วยเหลือให้ผู้สูงอายุติดเตียง 5) กิจกรรมอบรมความรู้ให้แก่ผู้ป่วยติดเตียง รวมถึงสนับสนุนให้ผู้ดูแลผู้ป่วยติดเตียงมาแลกเปลี่ยนความรู้และ ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น พบว่า เกิดทักษะในการดูแลตนเองได้รับการเข้าสิทธสวัสดิการใน ชุมชน 3) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลผู้สูงอายุสามารถค้นหากลุ่มเป้าหมายการพัฒนาได้อย่างชัดเจน จากการนำใช้ข้อมูล และสามารถบูรณาการร่วมกับการจัดกิจกรรมเพื่อการพัฒนาผู้สูงอายุทุกประเภท ตลอดจนกลุ่มเสี่ยง กลุ่มป่วย ในการวางแผนดูแลช่วยเหลือ เข้าถึงการดูแลได้อย่างครอบคลุม ดังนี้ 3.1) ผู้สูงอายุติดสังคม ซึ่งมีจำนวน 1,114 คน ในพื้นที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมที่หน่วยงานในพื้นที่ ดำเนินการ ดังนี้ 3.1.1) องค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโก มีการจัดกิจกรรมเสริมตามโอกาสโดยผู้สูงอายุติด สังคมทั้ง 1,114 สามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้ เช่น กิจกรรมวันผู้สูงอายุและวันสงกรานต์ประจำปี กิจกรรม ศึกษาดูงานเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุ เป็นต้น 3.1.2) โรงเรียนผู้สูงอายุ มีสมาชิกจำนวน 70 คน คิดเป็นร้อยละ 5.90 จากจำนวนผู้สูงอายุ ทั้งหมด 3.1.3) ชมรมผู้สูงอายุ มีสมาชิก 70 คน คิดเป็นร้อยละ 5.90 จากจำนวนผู้สูงอายุ 3.2) ผู้สูงอายุติดบ้านทั้ง 59 คน ได้รับการดูแลจากองค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโก รพ.สต. และ อสม. 3.3) ผู้สูงอายุติดเตียงทั้ง 13 คน ได้รับการดูแลจากนักบริบาลท้องถิ่น และ เจ้าหน้าที่ศูนย์ฟื้นฟู สมรรถภาพคนพิการในชุมชนตำบลดอนตะโก


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 52 4) มีฐานข้อมูลคลังปัญญาผู้สูงอายุที่เป็นปราชญ์ชาวบ้าน แกนนำด้านต่างๆ ประกอบด้วย กิจกรรมให้ ผู้สูงอายุที่เป็นปราชญ์ด้านศิลปวัฒนธรรมเป็นวิทยากรสอนเด็กและเยาวชนร้อยลูกปัดชุดมโนราห์ 5) อาสาสมัครในชุมชนมีการจัด ปรับ บ้านและสิ่งแวดล้อมภายในบ้านผู้สูงอายุจำนวน 5 ครัวเรือน 9. ผลกระทบที่เกิดขึ้นจาการจัดการเรียนรู้ฯ 9.1 ผลต่อกลุ่มประชากรเป้าหมาย ได้แก่ 1) ผู้สูงอายุสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพ สวัสดิการต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม 100 เปอร์เซ็นต์ 2) ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 1,186 คน ผู้สูงอายุตามความสามารถ (ADL) แบ่งเป็นกลุ่ม ผู้สูงอายุตามความสามารถ 3 กลุ่ม ดังนี้ 1) ผู้สูงอายุติดสังคม จำนวน 1,114 2) ผู้สูงอายุติดบ้าน จำนวน 59 คน และ 3) ผู้สูงอายุติดเตียง จำนวน 13 คน โดยมีกิจกรรมที่ตอบสนองด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุทั้ง 3 รูปแบบตามแผนการดำเนินงาน 9.2 ผลต่อหน่วยงาน องค์กรชุมชน ได้แก่ 1) เกิดการมีส่วนร่วมจากหลายฝ่ายในการพัฒนางาน โดยเกิดความร่วมมือจากหน่วยงานราชการ และเอกชนต่างๆ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เข้ามาให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องและจำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ 10. ปัจจัยความสำเร็จ ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ 10.1 ปัจจัยความสำเร็จ 1) การมีส่วนร่วมของ 4 องค์กรหลัก ในการออกแบบแผนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของ ผู้สูงอายุที่ตอบสนองด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุทั้ง 3 กลุ่ม ตามความสามารถ (ติดสังคม/ติดบ้าน/ติด เตียง) 2) มีกระบวนการค้นหา และนำใช้ทุนทางสังคม และศักยภาพของชุมชนเพื่อการพัฒนาระบบ การดูแลผู้สูงอายุ 10.2 ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ 1) การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมเพื่อสร้างการเรียนรู้อย่าง เต็มประสิทธิภาพสำหรับการพัฒนาผู้สูงอายุ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 53 ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุตำบลบางขัน องค์การบริหารส่วนตำบลบางขัน อำเภอบางขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช 1. ชื่อเรื่อง ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุตำบลบางขัน 2. พื้นที่ องค์การบริหารส่วนตำบลบางขัน อำเภอบางขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช 3. ผู้นำ 1) นายสง่า ปรีชา ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลบางขัน 2) นายวัฒนศักดิ์ ศรีสมบัติ ผู้ช่วยเจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน 4. ที่มาและเส้นทางการพัฒนา ปี พ.ศ. 2562 องค์การบริหารส่วนตำบลบางขัน อำเภอบางขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เข้าร่วม โครงการ “การพัฒนาและวิจัยเพื่อการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น” กับสำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ โดยสร้างการมีส่วนร่วม และสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของ เน้นการเพิ่มขีดความสามารถ คุณภาพของกลไก และทีมงานระบบการดูแลผู้สูงอายุ ประกอบด้วย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ศูนย์พัฒนา คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ และส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ ศูนย์พัฒนาครอบครัว รพ.สต. อาสาสมัคร และทุนทางสังคม อื่นที่ ๆ เน้นการพัฒนาให้เกิด 6 ชุดกิจกรรมหลักเพื่อเป็นแนวปฏิบัติ สำหรับพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ โดย ใช้ระบบข้อมูลตำบล (TCNAP) เพื่อค้นหาปัญหาและความต้องการ แบบประเมิณสุขภาวะผู้สูงอายุ เพื่อนำมา วิเคราะห์ประเมินผู้สูงอายุในพื้นที่ และการวิจัยชุมชน (RECAP) เพื่อค้นหาทุน และศักยภาพชุมชน เพื่อระดม ความร่วมมือ เสริมศักยภาพทุนทางสังคม ให้สามารถการพัฒนางานและกิจกรรม การพัฒนาต่อยอดงานเดิม หรือพัฒนางานใหม่ เพิ่มสมาชิก ขยายความครอบคลุมกลุ่มประชากร และพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวกับการดูแล ผู้สูงอายุ โดยการนำใช้ 10 กลยุทธ์หลัก “5อ. และ 5ก.” สู่สูงวัยสร้างเมือง เพื่อดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ตำบลบางขันมีประชากรจำนวนทั้งสิ้น 13,202 คน จำแนกเป็นชาย 6,727 หญิง 6,475 คน และมี จำนวนครัวเรือนทั้งสิ้น 3,958 ครัวเรือน พบว่า มีผู้เตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุ (50 –59 ปี) จำนวน 502 คน คิดเป็นร้อยละ 13.99 ของประชากรทั้งหมด มีผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จำนวน 1,526 คน คิดเป็นร้อยละ 42.54 ของประชากรทั้งหมด จำแนกกลุ่มตามสถานภาพการทำงานของผู้สูงอายุ ไม่ได้ทำงาน 178 คน มีทำงาน 265 คน จำแนกกลุ่มตามความสามารถในการทำกิจกรรมประจำวัน ช่วยเหลือตัวเองได้ดี 389 คน คิดร้อยละ 91.30 ช่วยเหลือตัวเองได้ปานกลาง 30 คน คิดร้อยละ 7.00 ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย 7 คน คิดร้อยละ 1.60 ผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านสุขภาพ ได้แก่ ผู้สูงอายุที่ป่วยติดบ้าน 7 คน ผู้สูงอายุที่ป่วยติด เตียง 10 คน เป็น โรคซึมเศร้า 8 คน สุขภาวะทางจิต 11 คน ติดบุหรี่ 57 คน มีภาวะเสี่ยงต่อการหกล้ม 65 คน กลุ่มตามการดูแลผู้สูงอายุโดยครอบครัว มีผู้ดูแลหลัก 432 คน ไม่มีผู้ดูแลหลัก 8 คน ผู้สูงอายุที่ต้องการ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 54 ความช่วยเหลือ ได้แก่ ไม่มีสัญชาติหรือต่างด้าว ไม่มีผู้สูงอายุที่ไม่มีสวัสดิการ ไม่มีผู้สูงอายุที่เร่ร่อน อีกทั้งยัง พบว่า ปัญหาที่ส่งผลต่อสุขภาพของผู้สูงอายุที่สำคัญใน 5 เรื่อง ได้แก่ 1) ปัญหาการมองเห็น จำนวน 369 คน คิดเป็นร้อยละ 84.40 2) ปัญหาเสี่ยงต่อการหกล้มในผู้สูงอายุ จำนวน 65 คน คิดเป็นร้อยละ 15.00 3) ปัญหาโรคซึมเศร้าจำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 1.80 4) ปัญหาการได้ยินจำนวน 6 คนคิดเป็นร้อยละ 1.40 5) ปัญหาพฤติกรรมการออกกำลังกายไม่เหมาะสมจำนวน 427 คน คิดเป็นร้อยละ 96.60 จากสถานการณ์ข้างต้นของผู้สูงอายุมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ในจำนวนสัดส่วนที่บ่งชี้ไปสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงมี นโยบายทั้งจากรัฐบาลส่วนกลางและองค์การบริหารส่วนตำบลบางขันเข้ามาดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะรองรับสังคมผู้สูงอายุ เหตุการณ์และสถานการณ์ที่ทำให้เกิดการพัฒนางาน ดูแลช่วยเหลือสนับสนุนที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ และผู้สูงอายุมีปัญหาด้านสุขภาพผู้สูงอายุในพื้นที่ มีปัญหาด้าน สุขภาพ เป็นไปตามวัย เมื่ออายุมากขึ้น สุขภาพก็มีปัญหา เนื่องจากความเสื่อมของร่างกาย และบริบทของ สังคมที่เปลี่ยนไป ทำให้ผู้สูงอายุ กับลูกหลานมีช่องว่างกันมากขึ้น ทำให้ผู้สูงอายุหลายคน ประสบปัญหา ทางด้านสุขภาพสุขภาพกายและสุขภาพใจ และเข้าไม่ถึงการบริการสุขภาพที่ครอบคลุม เนื่องจากผู้สูงอายุ ประสบปัญหาในการดำเนินชีวิตไม่มีผู้ดูแล ไม่มีผู้ช่วยเหลือ ในการ ไปรับบริการ หรือ ไม่มีรายได้ที่เพียงพอ เช่น ไม่มีเงินจ่ายค่าจ้างเหมารถ ไม่มีผู้พาไปโรงพยาบาล ไม่รู้ข่าวสารการฉีดวัคซีน การตรวจวัดสายตา ทำไมไม่ สามารถเข้าถึงการบริการด้านสุขภาพ และเข้าไม่ถึงสวัสดิการที่ครอบคลุม เนื่องจากผู้สูงอายุไม่มีเวลาหรือ ไม่ สะดวกต่อการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม ทำให้เสียโอกาสการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และสิทธิประโยชน์ต่างๆ จาก ราชการ จึงทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสวัสดิการ เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การคัดกรองโรค การตัดแว่นตาให้กับ ผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านสายตา การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุขององค์การบริหารส่วนตำบลบางขัน มีดังนี้ 1) เกี่ยวกับด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ ประกอบด้วย กิจกรรมการเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง โดยคณะผู้บริหารท้องถิ่นเจ้าหน้าที่ พยาบาลวิชาชีพ เพื่อให้ความรู้ในการปฏิบัติตนเกี่ยวกับยาการใช้ยารับฟัง ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินชีวิต รวมทั้งให้กำลังใจโครงการนี้เริ่มต้นในปีงบประมาณ 2549 โดยองค์การ บริหารส่วนตำบลบางขันได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้ดำเนินการเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุ เพื่อรับฟังติดตาม และให้กำลังใจ หลังจากนั้นก็ได้ ดำเนินการโดยใช้งบประมาณของเทศบาลเองเป็นประจำทุกปีจนมาถึงปัจจุบัน 2) จัดประชุมประจำเดือนชมรมผู้สูงอายุองค์การบริหารส่วนตำบลบางขัน โดยจัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2544 ซึ่ง จะมีการตรวจสุขภาพเบื้องต้นและให้ความรู้ด้านสุขภาพจาก อสม. และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล บางขัน กิจกรรม พัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุ โดยการจัดอบรมให้ความรู้และศึกษาดูงาน เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แก่ผู้สูงอายุ ด้านสันทนาโดยจัดให้มีการส่งเสริมการออกกำลังกายในผู้สูงอายุ ได้แก่การออกกำลังกายใน รูปแบบต่างๆ เช่น การรำมโนราห์การเต้นบาสโลป การรำกลองยาว การจัดตั้งคณะกลองยาวชมรมผู้สูงอายุ การ การเข้าร่วมกิจกรรมสำคัญประเพณีศาสนาวัฒนธรรม เช่น ตักบาตรปีใหม่เทียนพรรษา การเลี้ยง


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 55 ภัตตาหารเพลในงานชุมนุมเรือพระ เป็นต้น ซึ่งได้จัดต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะการจัดตั้งคณะกลองยาวของ ชมรมผู้สูงอายุ ตั้งเมื่อปี 2558 โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนในการฝึกอบรมจากสำนักงานพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช และใช้งบประมาณเทศบาลการส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุจึง สามารถจัดตั้งคณะกลองยาวได้สำเร็จ และให้บริการในเขตพื้นที่อำเภอบางขัน 3) ด้านสภาพที่อยู่อาศัย มีการปรับสภาพที่อยู่อาศัยให้กับผู้สูงอายุเป็นประจำทุกปี ปีละ 1 หลัง โดย สำรวจบ้านผู้สูงอายุที่มีสภาพทรุดโทรม มีสภาพแวดล้อมที่ไม่น่าอยู่อาศัย น้ำ คมนาคม เพื่อจัดลำดับ ความสำคัญ ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด นครศรีธรรมราช 1 หลัง ปีละ 1 หลัง 4) ส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ จะได้มีการฝึกอบรมอาชีพตามความต้องการของผู้สูงอายุเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน เช่น การทำเหรียญโปรยทานการแปรรูปอาหาร การสานตะกร้า การจัดตั้งคณะรำ วงผู้สูงอายุ เป็นต้น 5) การช่วยเหลือผู้สูงอายุ ฉุกเฉินมีระบบการแพทย์ฉุกเฉิน มีรถฉุกเฉินให้บริการ 24 ชั่วโมง ในการ ช่วยเหลือให้บริการแก่ผู้สูงอายุ ยังมีกันจัดการวางแผนจัดการการช่วยเหลือผู้สูงอายุ ในภาวะภัยพิบัติด้วย 6) จัดตั้งศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุในปี ได้จัดการประชุมจัดทำแผนดูแล ผู้สูงอายุ เพื่อเป็นแนวทางดำเนินงานด้านผู้สูงอายุมีการทำงานแบบบูรณาการ มีความร่วมมือของทุกภาคส่วน และสามารถนำแผนไปสู่การปฏิบัติในทิศทางเดียวกัน เพื่อดำเนินการกิจกรรมที่เกี่ยวกับผู้สูงอายุทั้งในและนอก ศูนย์ และรอขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จำนวน 1 ล้านบาท การดำเนินงานเพื่อการดุแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องชุมชนในพื้นที่ตำบลบางขันเห็นได้ชัดเจนในการบูร ณาการความร่วมมือ และการมีส่วนร่วมของหน่วยงาน องค์กร เครือข่ายที่เกี่ยวข้องผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม ของตำบลบางขัน สามารถจัดตั้งและดำเนินงาน ศพอส.มีการขับเคลื่อนกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเสริม ศักยภาพ เกิดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องที่เข้มแข็ง มีกลไกการขับเคลื่อนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิด ความเข้มแข็งและยั่งยืน และพัฒนาไปสู่พื้นที่ต้นแบบระดับตำบลในระยะตอ่ไปได้ 5. เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการทำงานเรื่องเด่น 5.1 วัตถุประสงค์ 1) เพื่อสงเสริมใหผูสูงอายุไดมีสถานที่ในการจัดกิจกรรมและบริการ เพื่อการพัฒนาดานสังคม เศรษฐกิจ และสุขภาพผูสูงอายุและ สมาชิกอื่นๆ ในชุมชน 2) เพื่อเปนศูนยสงเสริมอาชีพ และจําหนายผลิตภัณฑ์ การถายทอดภูมิปญญาของผูสูงอายุในชุมชน สงเสริมและสนับสนุนอาสาสมัครดูแลผูสูงอายุ และศูนย์ขอมูลผูสูงอายุในพื้นที่ตำบลบางขัน


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 56 3) เพื่อพัฒนาส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพที่ดีขึ้น ชะลอการเจ็บป่วย และผู้สูงอายุที่มีภาวะเจ็บป่วย หรือติดบ้านติดเตียงมีระบบดูแลที่มีคุณภาพ และสร้างความตระหนักแก่ครอบครัว สังคมให้เห็นความสำคัญ ของผู้สูงอายุ 5.2 เป้าหมายการทำงาน บริการ กิจกรรม 1) มีกติกา ข้อตกลงในการยืมอุปกรณ์ตามความจำเป็นต้องใช้กายอุปกรณ์ฟื้นฟูในช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อ อาการดีขึ้น หรือไม่จำเป็นต้องใช้กายอุปกรณ์นั้น ทำการคืนเพื่อสามารถส่งต่อให้กับผู้ป่วยรายอื่นที่จำเป็นต้อง ใช้ได้ 2) จัดทำฐานข้อมูล สำรวจและบันทึกข้อมูลสถานะผู้สูงอายุ ลงฐานข้อมูลในชุมชน ได้แก่ ฐานข้อมูล ผู้สูงอายุที่ติดเตียง ข้อมูลผู้สูงอายุป่วยโรคเรื้อรัง ข้อมูลผู้สูงอายุประสบปัญหาทางสังคม/ด้อยโอกาส จัดทำ ระบบข้อมูล GIS ระบุหลังคาเรือนที่มีผู้สูงอายุ และจัดให้มีเอกสาร หนังสือ แผ่นพับ ด้านสุขภาพ การออก กำลังกาย อาชีพ การจัดบ้าน/การจัดพื้นที่สาธารณะที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุและครอบครัว 3) สนับสนุนให้มีบริการ ได้แก่ การบริการเยี่ยมบ้าน ตรวจคัดกรอง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ความเครียดและสุขภาพจิต ความสามารถในการช่วยตัวเอง ข้อเสื่อม เป็นต้น พัฒนาแนวทางการดูแลผู้สูงอายุ Day care, Long term care เพื่อปรับใช้และพัฒนาต่อยอดเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้สูงอายุสนับสนุนให้ มีกลุ่มLINE ของอาสาสมัครกลุ่มต่างๆร่วมกับเจ้าหน้าที่ อปท. และหน่วยบริการ เพื่อส่งต่อข้อมูล ให้คำปรึกษา ประสานส่งต่อข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ทันเวลา การจัดบริการผู้สูงอายุตามปัญหา และความต้องการ เช่น การ กำหนดผู้รับผิดชอบประจำบ้าน และเปิดช่องทางประสานขอความช่วยเหลือตามความต้องการแต่ละด้าน และ ความจำเป็น การกำหนดผู้ดูแลสุขภาพประจำครัวเรือน เป็นต้น 4) มีระบบการช่วยเหลือ การให้คำปรึกษาสำหรับ อสม. อผส. กู้ชีพ กู้ภัย หรืออาสาสมัครอื่นๆ เพื่อ ประสานการดูแลรักษาระหว่างเครือข่ายบริการสุขภาพ เช่น ประสานเจ้าหน้าที่อปท.รับผิดชอบหมู่บ้าน ประสาน อสม.เจ้าของไข้/ผู้ดูแลผู้สูงอายุประจำบ้าน เป็นต้น 6. ประชากรที่ได้รับประโยชน์และผลกระทบ ประชากรที่ได้รับประโยชน์และผลกระทบ ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป วัยเตรียมเข้าสู่สูงอายุ ผู้ดูแล ผู้สูงอายุ และหน่วยงานหรือภาคีที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ประกอบด้วย คณะกรรมการชมรมผู้สูงอายุ สถาบันพัฒนา องค์กรชุมชน ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนขององค์กร หน่วยงาน และแกนนำคนสำคัญในพื้นที่ตำบลบางขัน 6.1 กลุ่มเป้าหมายที่ได้ประโยชน์ ดังนี้ 1) ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 1,526 คน 2) ผู้สูงอายุที่ป่วยติดบ้าน 7 คน 3) ผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียง 10 คน 4) ติดสังคม 229 คน 5) ผู้เตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุ (50 – 59 ปี) จำนวน 502 คน


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 57 7. วิธีดำเนินการ (methods) มีขั้นตอนและกระบวนการดำเนินการดังต่อไปนี้ 1) การใช้ข้อมูล ข้อมูลในพื้นที่เป็นส่วนที่ช่วยดำเนินการ เพื่อดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ตอบสนองต่อความต้องการของผู้สูงอายุ และเป็นการใช้ศักยภาพในพื้นที่เพื่อดำเนินงานให้เต็มกำลังในการ ดูแลผู้สูงอายุ ข้อมูลที่ใช้ในการดำเนินงาน ได้แก่ ข้อมูลผู้สูงอายุ ครัวเรือนผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุอายุที่มีความพิการ อายุที่ติดบ้านติดเตียง ผู้สูงอายุที่มีความต้องการประกอบอาชีพ ผู้สูงอายุที่ประสบปัญหาทางสังคม ผู้สูงอายุที่ ต้องการปรับปรุงสภาพที่อยู่อาศัย เป็นต้น ซึ่งมาจาก 1) จัดทำฐานข้อมูล สำรวจและบันทึกข้อมูลสถานะ ผู้สูงอายุ ลงฐานข้อมูลในชุมชน 2) ฐานข้อมูลผู้สูงอายุที่ติดเตียง ข้อมูลผู้สูงอายุป่วยโรคเรื้อรัง ข้อมูลผู้สูงอายุ ประสบปัญหาทางสังคม/ด้อยโอกาส 3) จัดทำระบบข้อมูล GIS ระบุหลังคาเรือนที่มีผู้สูงอายุ และ 4) จัดให้มี เอกสาร หนังสือ แผ่นพับ ด้านสุขภาพ การออกกำลังกาย อาชีพ การจัดบ้าน/การจัดพื้นที่สาธารณะที่เหมาะ สำหรับผู้สูงอายุและครอบครัว 2) การพัฒนาสมรรถนะกำลังคน 2.1 ผู้ที่ต้องพัฒนาสมรรถนะ ได้แก่ อสม., Care Giver (CG), คณะกรรมการชุมชน, อปพร., อาสาสมัคร, กู้ชีพกู้ภัย, ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 2.2 ลักษณะการพัฒนาสมรรถนะ ได้แก่ การฝึกทักษะที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน ให้แก่ อาสาสมัคร เช่น การดูแลการฟื้นฟูการช่วยเหลือในภาวะฉุกเฉิน การประเมินสุขภาพเบื้องต้น ระบบการส่งการ แจ้งเตือนและส่งต่อ หรือ อปพร.ฝึกจำลองสถานการณ์จริงในการช่วยเหลือผู้สูงอายุในภาวะวิกฤต และภัยพิบัติ รวมถึงการศึกษาดูงาน การฝึกพัฒนาทางด้านความรู้ผู้ให้กับอาสาสมัคร และผู้เกี่ยวข้อง โดยเชิญวิทยากรที่มี ความชำนาญมาให้ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ 3) การจัดการความรู้ 3.1 จัดการฝึกอบรมและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่มที่ปฏิบัติงาน และศึกษาดูงานกับกลุ่ม อื่นที่มี ความสำเร็จในการดำเนินงาน 3.2 มีการประชุมเพื่อปรึกษาหารือในการปฏิบัติงานปัญหาอุปสรรคและข้อมูลในการ ปฏิบัติงานมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้มาปรึกษาหารือร่วม ร่วมมือกันในการบริหารจัดการ 3.3 สรุปผลและจัดทำแนวทางในการปฏิบัติงานในการดูแลผู้สูงอายุ 4) การพัฒนากลไกการจัดการแบบมีส่วนร่วม 4.1 การช่วยเหลือสนับสนุนการดูแลผู้สูงอายุ ได้แก่ คณะกรรมการชุมชน อาสาสมัคร เครือข่ายอาสาสมัคร อสม. เครือข่ายมูลนิธิ และจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น 4.2 การใช้กระบวนการมีส่วนร่วมในลักษณะการประชุมจัดเสวนา รับฟังความคิดเห็น ร่วมกันในการจัดทำแผน 4.3 ขั้นตอนการมีส่วนร่วม จะใช้ในกระบวนการรับฟังและหาข้อสรุปร่วมกัน 5) การใช้เงินทุนและงบประมาณ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 58 งบประมาณการดำเนินงานเกี่ยวกับผู้สูงอายุนำมาใช้ประโยชน์ในการจัดกิจกรรมให้กับผู้สูงอายุ ครอบคลุมทุกด้าน เช่น ด้านสุขภาพ ส่งเสริมอาชีพ สันทนาการ การรับส่งผู้สูงอายุในภาวะฉุกเฉิน การ ช่วยเหลือผู้สูงอายุกรณีภัยพิบัติ ฌาปนกิจสงเคราะห์ โดยได้รับงบประมาณจากหน่วยงานต่างๆ ดังนี้ 5.1 องค์การบริหารส่วนตำบลบางขัน งบประมาณจากเทศบัญญัติรายจ่ายองค์การบริหาร ส่วนตำบลบางขัน 5.2 สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช 5.3 กองทุนสุขภาพตำบลบางขัน 5.4 กองทุนหลักประกันสุขภาพองค์การบริหารส่วนตำบลบางขัน งบประมาณจากการเปิด โครงการขอบคุณนะที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้กับผู้สูงอายุ 5.5 สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก 3) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ (สสส.) งบประมาณจากโครงการพัฒนาและวิจัยเพื่อการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น 5.6 สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดนครศรีธรรมราช 5.7 เงินค่าบำรุงจากชมรมผู้สูงอายุองค์การบริหารส่วนตำบลบางขัน 6) การใช้ทุนทางสังคม 6.1 ชมรมผู้สูงอายุ เป็นการรวมกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมร่วมกันและมีส่วนร่วมในการบริหาร จัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ 6.2 อปพร. ช่วยเหลือผู้สูงอายุตามสภาพปัญหาที่ขอรับการช่วยเหลือแต่ละรายดูแลในภาวะ ฉุกเฉินหรือตามที่ร้องขอ 6.3 องค์การบริหารส่วนตำบลบางขัน สนับสนุนงบประมาณ ในการจัดตั้งศูนย์พัฒนาคุณภาพ ชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ จัดตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุ และกิจกรรมเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุ 7) การทำงานร่วมกับหน่วยงาน และองค์กรภายนอก 7.1 หน่วยงานด้านสังคม ได้แก่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัด นครศรีธรรมราช ทำหน้าที่บูรณาการกับหน่วยงานในระดับพื้นที่ สนับสนุนทรัพยกรในการจัดตั้งศูนย์ ขับเคลื่อนการดำเนินงาน 7.2 หน่วยงานด้านสาธารณสุข ได้แก่ โรงพยาบาลบางขัน รพ.สต.ปากแพรก รพ.สต.คลอง เสาเหนือและเครือข่าย อสม. ให้บริการผู้สูงอายุด้านสุขภาพอนามัยซึ่งการบริหารในโรงพยาบาลและในชุมชน เช่น การตรวจโรค การรักษาโรค การป้องกันโรค การส่งเสริมสุขภาพ 7.3 หน่วยงานด้านวัฒนธรรม ได้แก่ วัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช มีภารกิจเกี่ยวกับการจัด กิจกรรมด้านวัฒนธรรม ประเพณีและศาสนา


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 59 7.4 หน่วยงานด้านอาชีพและการมีงานทำ ได้แก่ สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักจัดหางาน สำนักส่งเสริมภูมิปัญญาและวิสาหกิจชุมชน ในการให้บริการ ด้านการฝึกอาชีพ การจัดหางาน ให้ผู้สูงอายุ การรวมกลุ่มประกอบอาชีพ การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุระบงานไปทำที่บ้าน การประกอบอาชีพอิสระ ของผู้สูงอายุ 7.5 หน่วยงานด้านการศึกษา ได้แก่ กศน.อำเภอบางขัน ส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาในระบบ นอก ระบบและตามอัธยาศัย ให้ผู้สูงอายุเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตามความถนัดและความสนใจ 7.6 เครือข่ายที่สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ได้แก่ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์สำนัก สนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก 3) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นองค์กรที่ สามารถในการดำเนินงานด้านวิชาการ บริหาร การขยายเครือข่ายได้ 7.7 องค์กรทางศาสนา องค์กรชุมชน หรืออาสาสมัครทำงานด้านสังคมจะเป็นเครือข่ายในการ ขับเคลื่อนให้เกิดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง 8. ผลที่เกิดขึ้น (รูปธรรม) 1) เกิดนโยบายท้องถิ่น มีความชัดเจนที่จะดูแลผู้สูงอายุ อีกทั้งเป็นการรองรับสังคมผู้สูงอายุตาม แผนพัฒนาท้องถิ่น 2) เกิดการดำเนินงานภายใต้ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุตำบลบางขันสงเสริม อาชีพ และจําหนายผลิตภัณฑ์ การถายทอดภูมิปญญาของผูสูงอายุในชุมชน สงเสริมและสนับสนุนอาสาสมัคร ดูแลผูสูงอายุ และศูนย์ขอมูลผูสูงอายุในพื้นที่ตำบลบางขันได้ 9. ผลกระทบที่เกิดขึ้น 9.1 ผลที่เกิดขึ้นสร้างผลกระทบกับผู้สูงอายุ 1) การมีส่วนร่วมในกิจกรรมและเข้าร่วมทางสังคม ทำให้ผู้สูงอายุคลายเหงาเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เป็นการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ 2) ผู้สูงอายุได้รับการเสริมสร้างภาวะทางร่างกาย จิตใจ สังคมและสติปัญญา 3) ผู้สูงอายุเกิดความตระหนักต่อคุณค่าและศักยภาพตนเอง 4) ผู้สูงอายุได้ถ่ายทอดความรู้ ภูมิปัญญาให้สืบทอดต่อไปในชุมชน 5) ผู้สูงอายุได้ฝึกฝนเรียนรู้ทักษะทางด้านอาชีพ สามารถนำไปประกอบอาชีพสร้างงาน สร้างรายได้ ช่วยเหลือตนเองต่อไป 9.2 ผลที่เกิดขึ้นสร้างผลกระทบกับองค์กรชุมชน 1) เพื่อเป็นศูนย์รวมให้ผู้สูงอายุ สมาชิกชมรม องค์กรเครือข่าย มีสถานที่ในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 60 2) ส่งเสริมการจัดกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุและชุมชนในรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนา ความสามารถและทักษะตามความสนใจ รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเกิดการดูแลตนเอง ผู้อื่น และชุมชน 3) เป็นการยกระดับและพัฒนารูปแบบการจัดบริหารและสวัสดิการสังคมเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต ผู้สูงอายุ 4) ส่งเสริมการเกิดการระดมทรัพยากร และความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกให้มี ส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม และบริการสำหรับผู้สูงอายุและเชื่อมโยงคนทุกวัยให้ได้รับประโยชน์จากการดำเนิน ศูนย์ 10. ปัจจัยความสำเร็จ ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ 10.1 ปัจจัยความสำเร็จ 1) ความมีส่วนร่วมของ 4 องค์กรหลักและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวิเคราะห์ ออกแบบ ส่งเสริมการจัดกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุและชุมชนในรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนาความสามารถและ ทักษะตามความสนใจ รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเกิดการดูแลตนเอง ผู้อื่น และชุมชน อีกทั้งยกระดับและ พัฒนารูปแบบการจัดบริหารและสวัสดิการสังคมเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ 2) การระดมทรัพยากร และความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกให้มีส่วนร่วม ในการจัดกิจกรรม และบริการสำหรับผู้สูงอายุและเชื่อมโยงคนทุกวัยให้ได้รับประโยชน์จากการดำเนินศูนย์ 3) การสื่อสารเนื่องจากมีความเข้มแข็งของตำบลบางขันในการใช้เครืองมือในการสื่อสาร ได้แก่ หอกระจายข่าว การติดต่อสื่อสารทางกลุ่มไลน์ และการสื่อสารแบบสภากาแฟชาวบ้าน เป็นต้น 10.2 ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ 1) การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมเพื่อสร้างการเรียนรู้ของ ผู้สูงอายุในตำบลบางขันได้อย่างเต็มที่ 2) ปัจจัยด้านงบประมาณไม่เพียงพอเพื่อนำไปจัดกิจกรรมให้กับผู้สูงอายุ เนื่องจากการเพิ่มขึ้น ของจำนวนประชากรผู้สูงอายุในเขตพื้นที่ที่เข้ามาใช้บริการ 3) การขาดวิทยากรที่มีความชำนาญที่เป็นแกนนำหลักในการดำเนินกิจกรรม ทำให้ไม่ สามารถเห็นภาพรวมกิจกรรมได้ชัดเจน ขาดบุคลากรประจำที่จะคอยอำนวยความสะดวกประจำศูนย์ หรือไม่ เพียงพอต่อการดูแลกิจกรรมทำให้การดำเนินการไม่มีประสิทธิภาพ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 61 ทำงานบูรณาการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุตำบลปากพูนแบบครบมิติ เทศบาลเมืองปากพูน อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช 1. ชื่อเรื่อง ทำงานบูรณาการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุตำบลปากพูนแบบครบมิติ 2. พื้นที่ เทศบาลตำบลปากพูน อำภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช 3. ผู้นำ 1. ธนาวุฒิ ถาวรพราหมณ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมือวังไผ่ 2. นางสาวสุภาวรรณ พลพิชัย นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ 3. นางสาระภี ศรีพร ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม 4. ที่มาและเส้นทางการพัฒนา ในปี พ.ศ. 2556 มีการ “ประชาคมแผนเทศบาล” โดยนายกเทศมนตรีเมืองปากพูนได้มีแนวคิดในการ รับฟังปัญหาจากประชาชนและต้องการสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาตำบลของทุกภาคส่วน โดยเจ้าหน้าที่ เทศบาลตำบลร่วมกับประชาชนในทุกชุมชน จัดให้มีเวที “ประชาคมหมู่บ้าน” เพื่อระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจัดทำแผนเทศบาลประกอบกับจังหวัดโดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีนโยบายให้ทุกตำบลได้มีการจัดทำแผนแม่บทชุมชน ทางตำบลปากพูนจึงได้มองหาและเลือกชุมชนที่มี ความพร้อมในการเป็นชุมชนนำร่อง และในช่วงปีนี้เองที่ทางเทศบาลตำบลปากพูน ชาวตำบลปากพูนสามารถ พึ่งตนเองได้ในด้านการเกษตรเพราะระบบเศรษฐกิจชุมชน ถือเป็นระบบที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนตำบลปากพูน มี การคัดเลือกผู้ที่มีสิทธิเข้าฝึกอบรมในโครงการ คือ เป็นผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ จปฐ. เป็นต้น เกิดแกนนำที่อยู่ ในชุมชนขับเคลื่อนการทำแผนแม่บทชุมชน เกิดการส่งเสริมการจัดตั้งกลุ่มอาชีพให้แก่คนในชุมชน การค้นหา อาสาสมัคร กลุ่มแกนนำต่างๆ ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในตำบล ทำให้หลายฝ่าย เห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพ จึงได้ออกแบบกิจกรรมต่างๆ อาทิ การวางแผนให้มีการเก็บข้อมูลและขึ้น ทะเบียนผู้พิการ ผู้สูงอายุ เพื่อสอดรับกับการจ่ายเบี้ยยังชีพในพื้นที่ เป็นต้น ตำบลได้มีการพัฒนาศักยภาพของ แกนนำกลุ่มอาชีพต่างๆ เทศบาลเมืองปากพูนได้มี “หน่วยงานภายในและภายนอกเข้ามาพัฒนางานตำบล” อีกทั้ง ประชาชนในตำบลยังได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชุมชน “น้อมนำปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง” จากปัญหาผลผลิตตกต่ำ ประกอบกับกรมพัฒนาชุมชนมีนโยบายให้จัดตั้งกลุ่มสัจจะแก่ ประชาชนทุกกลุ่ม ประชาชนในตำบลปากพูนเริ่มเรียนรู้จากนโยบายของภาครัฐที่เข้ามาสนับสนุนทำให้เกิดการ ขยับตัว และน้อมนำแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาการดำเนินชีวิตและการ ประกอบอาชีพของตนเองโดยเฉพาะปัญหาไม่มีที่ดินทำกิน คนว่างงาน ผลการจัดเวทีทำให้เกิดผู้นำตำบลปาก พูนที่มีการขับเคลื่อนแผน ตามโครงการภายใต้แผนการเรียนรู้ชุมชน เพื่อให้ผู้นำเป็นผู้รับผิดชอบแผนงานทั้ง


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 62 ระดับหมู่บ้านและตำบลจากกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้โครงการทำให้ผู้นำ มีความรู้ มีทักษะให้สามารถนำแผนด้าน อื่น ๆ ลงสู่การปฏิบัติได้ด้วยเป็นจำนวนมาก ปี พ.ศ. 2561 เทศบาลเมืองปากพูนเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในโครงการ “การพัฒนาและวิจัยเพื่อการ ดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น” ซึ่งสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มี สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เป็นผู้ประสานงาน ภายใต้ข้อตกลงโครงการฯ สนับสนุนให้ เกิดคณะทำงานพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นเขตเทศบาลเมืองปากพูน ที่มาจาก 4 องค์กร หลัก (ท้องถิ่น ท้องที่ องค์กรชุมชน ภาคประชาชน) ได้ร่วมกันพัฒนาระบบข้อมูลตำบล (Thailand Community Network Apraisal Program: TCNAP) และแบบประเมินสุขภาวะผู้สูงอายุ เพื่อค้นหาปัญหา และความต้องการการดูแลของผู้สูงอายุทั้งตำบล อีกทั้งยังจัดทำชุดข้อมูลการวิจัยชุมชน (Rapid Ethnographic Community Assessment Process: RECAP) เพื่อค้นหาทุนและศักยภาพของชุมชนทั้งใน ระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชนสำหรับสนับสนุนการออกแบบแนวทางการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งพบว่าเทศบาล เมืองปากพูน มีประชากรในทะเบียนราษฎร์ทั้งหมด 17,470 คน อาศัยอยู่จริง 14,679 คน มีจำนวนครัวเรือน ในทะเบียนราษฎร์ทั้งหมด 6,645 ครัวเรือน อาศัยอยู่จริง 6,424 ครัวเรือน จำแนกเป็นผู้สูงอายุจำนวน 5,305 คน เพศหญิง 3,005 คน ผู้เพศชาย จำนวน 2,300 คน ผู้สูงอายุคิดเป็นร้อยละ 15.35 ของจำนวนประชากร ทั้งหมด มีผู้สูงอายุติดบ้าน 95 คน ผู้สูงอายุติดเตียง จำนวน 9 ครัวเรือน และผู้สูงอายุติดสังคม 1,025 คน ผู้สูงอายุทุกช่วงวัยทั้งวัยต้น วัยกลาง และวัยปลาย ส่วนใหญ่มีน้ำหนักตัวปกติ ร้อยละ 38.3 อ้วนลงพุงร้อยละ 47.5 ผู้สูงอายุเกินครึ่งมีการมองเห็นที่ชัดเจนร้อยละ 64.6 มองเห็นไม่ชัดเจน ร้อยละ 33.9 มองไม่เห็น ร้อยละ 1.5 และส่วนใหญ่ผู้สูงอายุไม่มีปัญหาด้านการได้ยิน ได้ยินชัดเจนร้อยละ 78.7 ได้ยินไม่ชัดเจน 19.3 และไม่ได้ ยิน 2.0 โดยปัญหาด้านการมองเห็นไม่ชัดเจนในผู้สูงอายุวัยต้น กลาง และปลาย พบร้อยละ 25.4, 38.5 และ 44.9 ตามลำดับ มีพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่เหมาะสมหรือควรปรับปรุง ร้อยละ 8.6 พบมากสุดในผู้สูงอายุวัย ปลาย ร้อยละ 12.7 การสูบบุหรี่ และป่วยด้วยโรคเรื้อรังของผู้สูงอายุ ทั้งหมด 839 คน พบว่า ส่วนใหญ่มีการ เจ็บป่วยโรคเรื้อรัง จำนวน 518 คน ร้อยละ 61.74 จำแนกเป็น ส่วนใหญ่เจ็บป่วยกลุ่มโรคความดันโลหิต จำนวน 300 คน ร้อยละ 57.92 จำแนกเป็นเพศชาย จำนวน 79 คน ร้อยละ 15.25 เพศหญิง จำนวน 221 คน ร้อยละ 42.66 รองลงมาโรคไขมันในเลือด จำนวน 143 คน ร้อยละ 27.61 จำแนกเป็นเพศชาย จำนวน 41คน ร้อยละ 7.92 เพศหญิง จำนวน 102 คน ร้อยละ 19.69 และกลุ่มโรคเบาหวาน จำนวน 123 คน ร้อยละ 23.75 จำแนกเป็นเพศชาย 32 คน ร้อยละ 6.18 เพศหญิง จำนวน 91 คน ร้อยละ 17.57 คณะทำงานพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นเขตเทศบาลเมืองปากพูน ได้นำข้อมูลที่ได้ จากการจัดเก็บเข้าสู่เวทีประชาคม เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการจัดการดูแลผู้สูงอายุในพื้นที่ ผู้สูงอายุและ ผู้ที่เกี่ยวข้อง ต้องการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุให้คลอบคลุม โดยเฉพาะการบริการสุขภาพที่บ้าน การ บริการรับและส่งผู้สูงอายุป่วย ให้มาพบแพทย์ตามนัด กรณีฉุกเฉิน และกายอุปกรณ์ เน้นการสร้างเสริมสุขภาพ เช่น การออกกำลังกาย ให้ความรู้เรื่องพฤติกรรมการบริโภค การรับประทานอาหารที่ถูกต้อง ครบถ้วน เพื่อ ตอบสนองปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุในพื้นที่ จึงมีมติร่วมกันให้ดำเนินการ “ทำงานบูรณาการ พัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุตำบลปากพูนทุกด้าน” ให้มีความรู้ ความเข้าใจ โดยใช้ข้อมูลเป็นฐานการ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 63 พัฒนา เรียนรู้ร่วมกัน เพื่อพัฒนาระบบบริการสุขภาพครอบคลุม 5อ. 5ก. มีกระบวนการทำงาน ดังต่อไปนี้ 1) จัดตั้งคณะทำงานเทศบาลเมืองปากพูน โดยมีภาคี 4 องค์กรหลัก คลอบคลุมหน่วยงานในพื้นที่ 2) พัฒนา ศักยภาพทีมทำงานบูรณาการหลักสูตรกับกิจกรรมสำคัญพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุทุกด้าน ให้มีความรู้ ความเข้าใจ โดยใช้ข้อมูลเป็นฐานการพัฒนา เรียนรู้ร่วมกัน เพื่อพัฒนาระบบบริการสุขภาพครอบคลุม 5อ. 5ก. 3) สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน และภาคีเครือข่ายสนับสนุนที่หลากหลาย ภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ และ เอกชน ร่วมสนับสนุนการทำงาน และ 4) คณะทำงานนำใช้ข้อมูลเพื่อติดตามงาน และร่วมประเมินผลได้ ต่อเนื่อง ผ่านช่องทางหลากหลาย และนำข้อมูลจากรายบุคคล มาประมวล ตรวจสอบความครอบคลุม และ วางแผนต่อเนื่อง เกิดผลดีต่อการดูแลผู้สูงอายุทั้งระบบ 5. เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการทำงานเรื่องเด่น ทำงานบูรณาการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุตำบลปากพูนทุกด้าน มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้สูงอายุที่มี ภาวะพึ่งพิงได้รับการดูแลครอบคลุม และเข้าถึงระบบบริการ โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 5.1 วัตถุประสงค์ในการดูแลกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อให้ผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงได้รับการส่งเสริมสุขภาพ เข้าถึงการรักษาพยาบาล และได้รับ การดูแลอย่างครอบคลุม 5.2 วัตถุประสงค์ผู้ร่วมดำเนินการดูแลผู้สูงอายุ 1) เพื่อพัฒนากลไกการจัดการแบบมีส่วนร่วมของทีมดำเนินงานให้จัดระบบการดูแลผู้สูงอายุ ได้ 2) บูรณาการพัฒนาท้องถิ่น เชื่อมโยงงบประมาณที่หลากหลายส่วน เพื่อบริการสาธารณสุข ให้ครอบคลุม 6. ประชากรที่ได้รับประโยชน์และผลกระทบ 1) ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 5,305 คน 2) ผู้สูงอายุตามความสามารถ (ADL) มีผู้สูงอายุติดบ้าน 95 คน ผู้สูงอายุติดเตียง จำนวน 9 ครัวเรือน และผู้สูงอายุติดสังคม 1,025 คน 3) ผู้สูงอายุป่วยด้วยโรคเรื้อรังของผู้สูงอายุ ทั้งหมด 839 คน พบว่า ส่วนใหญ่มีการเจ็บป่วยโรคเรื้อรัง จำนวน 518 คน 7. วิธีดำเนินการ (methods) มีขั้นตอนและกระบวนการดำเนินการดังต่อไปนี้ เทศบาลเมืองปากพูน มีวิธีการ ขั้นตอนและกระบวนการดำเนินการ จำนวน 4 วิธีการ ได้แก่ 1) จัดตั้ง คณะทำงาน 2) พัฒนาศักยภาพทีมทำงาน 3) สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ภาคีเครือข่ายสนับสนุนที่ หลากหลาย และ 5) คณะทำงานนำใช้ข้อมูลเพื่อติดตามงาน และร่วมประเมินผลได้ต่อเนื่อง มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 64 7.1 จัดตั้งคณะทำงานเทศบาลเมืองปากพูน โดยมีภาคี 4 องค์กรหลัก คลอบคลุมหน่วยงานในพื้นที่ ร่วมค้นหาผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุ โดยดูจากผู้ที่มีบทบาทหน้าที่โดยตรง และผู้ที่มีส่วนร่วม ได้แก่ เทศบาลเมืองปากพูน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. โรงพยาบาล สาธารณสุข เป็นต้น 7.2 พัฒนาศักยภาพทีมทำงานบูรณาการหลักสูตรกับกิจกรรมสำคัญพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ทุกด้าน ให้มีความรู้ ความเข้าใจ โดยใช้ข้อมูลเป็นฐานการพัฒนา ดังรายละเอียด ต่อไปนี้ 7.2.1 เรียนรู้ร่วมกัน เพื่อพัฒนาระบบบริการสุขภาพครอบคลุม 5อ. 5ก. ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ ได้จัดขึ้น ภายใต้โรงเรียนผู้สูงอายุ โดยคณะกรรมการได้ดำเนินการดังต่อไปนี้ 1) อ. การส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ โรงเรียนผู้สูงอายุฝึกอาชีพแก่ผู้สูงอายุ ใช้ความรู้ ภูมิปัญญา สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เช่น ฝึกอบรมการทำขนมไทย อาหารไทย ของเล่นไทย สมุนไพรไทย พืช เศรษฐกิจผสมผสาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ และลดต้นทุนให้แก่สมาชิก ตลอดจนอปท. จัดทำแผนพัฒนาตำบล ข้อบัญญัติ/เทศบัญญัติเพื่อส่งเสริมอาชีพแก่ผู้สูงอายุ 2) อ. อาหารสำหรับผู้สูงอายุผู้สูงอายุได้ฝึกทักษะที่เกี่ยวข้องกับอาหาร เช่น สอน ทำอาหารเพื่อสุขภาพ มีแหล่งเรียนรู้ด้านเศรษฐกิจในชุมชน สนับสนุนการฝึกทักษะด้านการผลิต ประกอบ อาหาร จำหน่ายอาหารแก่ผู้สูงอายุ ทำเศรษฐกิจพอเพียง และอาหารปลอดภัยในชุมชน 3) อ. การส่งเสริมการออกกำลังกายผู้สูงอายุ มีกลุ่มผู้สูงอายุ,ชมรมผู้สูงอายุ กลุ่ม แอโรบิค สนับสนุนการออกกำลังการให้แก่ผู้ที่สนใจเข้าร่วม ส่งเสริมด้านสุขภาพแลการบริการเบื้องต้น ลด ปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ มีการให้ความรู้แก่สมาชิก มีการจัดตั้งกลุ่มพัฒนาจิตใจ สร้างขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ทุกข์ ยาก ผู้ป่วยจิตเวชในพื้นที่, โรงเรียนผู้สูงอายุ พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุให้มีสุขภาพแข็งแรงในทุกๆด้าน, กลุ่ม CARE GIVER (CG) ดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพึงต่างๆ ซึ่งกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นได้รับความร่วมมือจาก อาสาสมัครภายในหมู่บ้านและได้มีการหนุนเสริมจากศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน โรงเรียนผู้สูงอายุ พัฒนา ศักยภาพผู้สูงอายุให้ออกกำลังกาย ในค่ายวชิราวธ โรงเรียนปากพูน เทศบาล หนองช้างตาย โรงเรียนวัด ไพศาลสถิต ชมรมรักสุขภาพตำบลปากพูนส่งเสริมการออกกำลังกายด้วยการเต้นแอโรบิค ทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ ของสัปดาห์ เวลา 16.30 – 17.30 น. 4) อ. การออมเพื่อผู้สูงอายุ มีการออมวันละบาท เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือผู้สูงอายุ และมีการบริหารจัดการกองทุนที่เชื่อมโยงการจัดสวัสดิการของคนในชุมชน เช่น ศูนย์จัดการเงินทุนชุมชน ตำบลปากพูน กลุ่มออมทรัพย์ สภาองค์กรชุมชนตำบลปากพูนประสานของบประมาณปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน ผู้ด้อยโอกาส กองทุนหมู่บ้านและกลุ่มออมทรัพย์หมู่บ้าน มีการจัดสรรเงินผลประโยชน์จากผลกำไร มอบ ทุนการศึกษาแก่นักเรียน สนับสนุนงานกีฬาของชุมชน กิจกรรมสาธารณประโยชน์ของชุมชน และกิจกรรม ประเพณีท้องถิ่น 5) อ. อาสาสร้างเมือง ผู้สูงอายุชักชวนครอบครัว เด็ก และเยาวชน ในโอกาสสำคัญ ได้รวมกลุ่มกัน เช่น กิจกรรมวันพ่อ วันแม่ เพื่อพัฒนาหมู่บ้าน เช่น ตัดหญ้า กวาดหญ้า ทางเทศบาลเมืองปาก พูน ช่วยจัดหาอาหารให้กับจิตอาสา ทั้งนี้ช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด – 19 ได้ช่วยกันเย็บหน้ากาก อนามัย และมีกศน. สนับสนุนในการทำเจลล่างมือ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 65 7.2.2 การพัฒนากิจกรรมสำคัญ ดังนี้ 1) ก. การลดอุบัติเหตุ มีกิจกรรมลดความเสี่ยงในการสัญจรบนท้องถนนของ ผู้สูงอายุการปรับปรุงบ้านและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อผู้สูงอายุทั้งในบ้านและภายในชุมชน การมีลานกีฬา ปรับบ้านให้ปลอดภัย มีศูนย์บริการให้ยืมอุปกรณ์ มีศูนย์บริการออกกำลังกายและมีครูฝึก การปรับพื้นที่ สาธารณะที่เอื้อต่อผู้สูงอายุ จัดลานกิจกรรหรือลานกีฬา 2) ก. การพัฒนาโรงเรียนผู้สูงอายุ มีการพัฒนาหลักสูตรของโรงเรียนผู้สูงอายุ จัดทำข้อตกลงของชุมชน จัดทำแผนพัฒนาชุมชน ประสานงานหน่วยงาน องค์กรให้การดูแลช่วยเหลือ ติดตาม โดยกลุ่มจิตอาสาเพื่อดูแลผู้สูงอายุทุกภาวะสุขภาพ (เพื่อนเยี่ยมเพื่อน) และมีอสม. ได้จัดสภาพแวดล้อมในบ้าน นอกบ้าน การปรับสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย การดูแลฟื้นฟูสภาพ การติดตามเยี่ยมบ้านในวันสำคัญต่าง ๆ 3) ก. การพัฒนาชมรมผู้สูงอายุ เทศบาลเมืองปากพูนสนับสนุนงบประมาณในการ ดำเนินการโรงเรียนผู้สูงอายุให้ผู้สูงอายุรวมกลุ่มปลูกผักสวนครัว หน้าบ้าน ถนนในหมู่บ้าน เพื่อให้คนในชุมชน บริโภค ลดรายจ่ายในครัวเรือน จนมีแหล่งเรียนรู้ในชุมชน และร่วมสนับสนุนการจัดการเรียนรู้สำหรับผู้สูงอายุ เช่น กลุ่มปุ๋ยชีวภาพ สนับสนุนปุ๋ยสำหรับให้ผู้สูงอายุปลูกผักสวนครัว และมีการพัฒนาชมรมผู้สูงอายุ กิจกรรม สาธารณะประโยชน์ผู้สูงอายุจิตอาสา การนั่งสมาธิ สวดมนต์ กวาดลานวัด 4) ก. การดูแลต่อเนื่อง การจัดตั้งกลุ่มจิตอาสาเพื่อดูแลผู้สูงอายุทุกภาวะสุขภาพ (เพื่อนเยี่ยมเพื่อน) 5) ก. กายอุปกรณ์ ผลิตอุปกรณ์การฟื้นฟูร่างกายและออกกำลังกายเพื่อผู้สูงอายุ ด้วยวัสดุที่มีในท้องถิ่น และตั้งศูนย์การอุปกรณ์ที่วัดปากพูน 7.3 สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน และภาคีเครือข่ายสนับสนุนที่หลากหลาย ภาคีเครือข่ายทั้ง ภาครัฐ และเอกชน ร่วมสนับสนุนการทำงาน ได้แก่รพ.สต. อสม. ทีมสหวิชาชีพ รพ.มหาราช รพ.ค่ายวชิราวุธ โรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก กลุ่มอาชีพ ศูนย์ส่งเสริมวัฒนธรรม กศน. พมจ. พม. กองทุน สปสช และเทศบาล เมืองปากพูน นำใช้กลไกกาจัดการทีมแบบมีส่วนร่วม และสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุได้ครอบคลุม 7.4 คณะทำงานนำใช้ข้อมูลเพื่อติดตามงาน และร่วมประเมินผลได้ต่อเนื่อง คณะทำงานติดตามงานผ่านช่องทางหลากหลาย เช่น Facebook Line add เสียงตามสาย รถประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่ อสม.ภาคชุมชน แผ่นพับ ป้ายผระชาสัมพันธ์ ไวนิล และวิทยุสถานีเทศบาล FM 104.00 MHz เป็นต้น เดือนละ 1 ครั้งต่อช่องทางการสื่อสาร และนำข้อมูลจากรายบุคคล มาประมวล ตรวจสอบความครอบคลุม และวางแผนต่อเนื่อง จัดทำเป็นข้อมูลรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน และรายปี เพื่อ นำเสนอต่อคณะกรรมการศูนย์ และคณะกรรมการ LTC ได้นำข้อมูลไปให้การสนับสนุนโครงการช่วยเหลือ ผู้สูงอายุได้ต่อเนื่อง เกิดผลดีต่อการดูแลผู้สูงอายุทั้งระบบ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 66 8. ผลที่เกิดขึ้น (รูปธรรม) 8.1 เกิดกลไกการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมของงภาคีเครือข่ายขององค์กรและหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง 8ภาคี ได้แก่ ชมรมผู้สูงอายุ เทศบาลเมืองปากพูน โรงพยาบาลมหาราช รพ.สต.บางปูกองทุน สปสช กศน. สถาบันการศึกษา โรงพยาบาลค่ายวชิราวุธ 8.2 ผู้สูงอายุในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองปากพูน ได้เข้าถึงระบบบริการอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ จำนวน 5,305 คน 8.3 เกิดการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อคนพิการ อาทิ เช่น การปรับทางลาด ห้องน้ำ ราวจับใน สำนักงานเทศบาล/หน่วยงานราชการในพื้นที่ จำนวน 10 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 100 ของหน่วยงานราชการ ทั้งหมด 8.4 ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ที่อยู่ในระยะที่จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพ เข้าถึงอุปกรณ์ทางการ แพทย์มากยิ่งขึ้น ลดภาระญาติและผู้ดูแล จำนวน 6 คน 8.5 เกิดโมเดล “บ้านศาลาบางปู” ต้นแบบ ในการคัดกรองและดูแลผู้ป่วยข้อมเข่าเสื่อมด้วยศาสตร์ การแพทย์แผนไทยของเครือข่ายโรงพยาบาลมหาราช นครศรีธรรมราช และผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคข้อ เข่าเสื่อมจากแพทย์แผนปัจจุบัน จำนวน 45 ราย ได้รับการรักษาด้วยศาสตร์แผนไทย จำนวน 42 ราย ร้อยละ 93.33 9. ผลกระทบที่เกิดขึ้น 9.1 เทศบาลเมืองปากพูน ได้พัฒนาท้องถิ่นแบบบูรณาการโดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน ความสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านสุขภาพของประชาชนฃ 9.2 ประชาชนได้รับบริการรักษาพยาบาลระดับปฐมภูมิ อย่างสะดวกทั่วถึง ครอบคลุมและมี ประสิทธิภาพ 10. ปัจจัยความสำเร็จ ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ 10.1 ปัจจัยความสำเร็จ 1) มีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองปากพูนหนุนเสริม การสนับสนุน ด้านงบประมาณ บุคลากร สถานที่ การประสานเครือข่าย ที่จะผลักดันให้การเคลื่อนงานระบบบริการสุขภาพบูรณาการพัฒนา ท้องถิ่นสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ดำเนินการไปอย่างราบรื่น 2) การมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุ ทำให้เกิดความผูกพันและความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกัน เช่น การประชุมประจำเดือน การสร้างเวทีในการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การร่วมกันดำเนินงาน 10.2 ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมแบบรวมกลุ่มได้ คณะทำงาน จัดการโดยจัดประชุมแบบออนไลน์ผ่านเพจของโรงเรียนผู้สูงอายุ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 67 โรงเรียนอาวุโสโพธิ์สี่ไทรงามวิทยาสำหรับผู้สูงอายุตำบลโคกยาง องค์การบริหารส่วนตำบลโคกยาง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ 1. ชื่อเรื่อง โรงเรียนอาวุโสโพธิ์สี่ไทรงามวิทยาสำหรับผู้สูงอายุตำบลโคกยาง 2. พื้นที่ องค์การบริหารส่วนตำบลโคกยาง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ 3. ผู้นำ 1) นายเลอไทย จุลลางกูร ปลัด อบต.โคกยาง 2) นางอมรรัตน์ ผลส่ง นักพัฒนาชุมชนปฏิบัติการ 4. ที่มาและเส้นทางการพัฒนา องค์การบริหารส่วนตำบลโคกยางได้รับงบประมาณจากมูลนิธิสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ผ่านสภาองค์กรชุมชนตำบลโคกยาง โดยมีนายสมยศ ถิ่นปกาสัย เป็นประธาน ให้ดำเนินกิจกรรม ” โรงเรียน ผู้สูงอายุ ” ตามโครงการ ” ห่วงใยดูแลสุขภาพ ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น โรงเรียนพ่อเฒ่า แม่เฒ่าวิทยา ” มี เป้าหมายให้มีสมาชิก 70 คน เพื่อเป็นศูนย์ส่งเสริมและสนับสนุน ชุมชนภาคีเครือข่ายในการดูแลผู้สูงอายุ ให้ เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลผู้สุงอายุ ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น สมุนไพร อาหารท้องถิ่น ดนตรีและประเพณี วัฒนธรรม สำหรับผุ้สูงอายุนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันของตนเอง ด้านสุขภาพ จิตใจ สังคม และจิตวิญญาน และรวบรวมองค์ความรู้ เพื่อนำไปขยายผลให้ชุมชนอื่นนำไปประยุกต์ใช้ โครงการได้เริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2560 ได้กำหนดชื่อโรงเรียน ” โรงเรียนอาวุโสโพธิ์สี่ไทรงามวิทยา โดยเสนอให้นายเลอพงษ์ เอ่งฉ้วน เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งท่านเคยดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนวัดโคกยาง และโรงเรียนราชประชานุ เคราะห์ 2 ” ซึ่งคำว่า ” โพธิ์สี่ไทรงาม ” มีความหมาย 2 นัยยะ ดังนี้ 1.เป็นชื่อเดิมของวัดโคกยาง ซึ่งเป็นวัด ประจำตำบล 2.เปรียบเสมือน ร่มโพธิ์ ร่มไทร 4 ต้น ประกอบด้วย ปู่ ย่า ตา ยาย คือผุ้สุงอายุที่เป็นร่มโพธิ์ ร่ม ไทร ให้ลูกหลาน ปี พ.ศ. 2561 องค์การบริหารส่วนตำบลโคกยาง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ได้เข้าร่วมโครงการ “การพัฒนาและวิจัยเพื่อการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น” กับสำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัย ลักษณ์ โดยสร้างการมีส่วนร่วม และสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของ เน้นการเพิ่มขีดความสามารถ คุณภาพของ กลไก และทีมงานระบบการดูแลผู้สูงอายุ ประกอบด้วย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิต ผู้สูงอายุ และส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ ศูนย์พัฒนาครอบครัว รพ.สต. อาสาสมัคร และทุนทางสังคมอื่นที่ ๆ เน้น การพัฒนาให้เกิด 6 ชุดกิจกรรมหลักเพื่อเป็นแนวปฏิบัติ สำหรับพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ โดยใช้ระบบ ข้อมูลตำบล (TCNAP) เพื่อค้นหาปัญหาและความต้องการ แบบประเมิณสุขภาวะผู้สูงอายุ เพื่อนำมาวิเคราะห์


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 68 ประเมินผู้สูงอายุในพื้นที่ และการวิจัยชุมชน (RECAP) เพื่อค้นหาทุน และศักยภาพชุมชน เพื่อระดมความ ร่วมมือ เสริมศักยภาพทุนทางสังคม ให้สามารถการพัฒนางานและกิจกรรม การพัฒนาต่อยอดงานเดิม หรือ พัฒนางานใหม่ เพิ่มสมาชิก ขยายความครอบคลุมกลุ่มประชากร และพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวกับการดูแล ผู้สูงอายุ โดยการนำใช้ 10 กลยุทธ์หลัก “5อ. และ 5ก.” สู่สูงวัยสร้างเมือง เพื่อดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม จากสถานการณ์กลุ่มประชากรตำบลโคกยาง มีครัวเรือนทั้งหมด 1,546 ครัวเรือน จำนวนประชากรที่ อาศัยอยู่จริง ทั้งหมด 5,244 คน เพศชาย 2,598 คน ร้อยละ 49.54 เพศหญิง 2,646 คน ร้อยละ 50.45 พบว่ามี ผู้เตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุ (50 ปีขึ้นไป) จำนวน 728 คน ร้อยละ 13.88 ผู้สูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป) จำนวน 820 คน คิดร้อยละ 15.64 มีผู้สูงอายุที่เป็นแกนนำ ผู้นำ จำนวน 11 คน ร้อยละ นักเรียน โรงเรียนผู้สูงอายุ จำนวน 45 คน จำแนกกลุ่มตามสถานภาพการทำงานของผู้สูงอายุพบว่า ไม่ได้ทำงาน จำนวน 247 คน ร้อยละ 30.12 ทำงาน จำนวน 154 คน ร้อยละ 18.78 จำแนกกลุ่มตามความสามารถในการทำ กิจกรรมประจำวัน ช่วยเหลือตัวเองได้ดี จำนวน 352 คน ร้อยละ 42.92 ช่วยเหลือตัวเองได้ปานกลาง จำนวน 36 คน ร้อยละ 4.39 ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย จำนวน 13 คน ร้อยละ 1.59 จำแนกตามพฤติกรรมการ บริโภคอาหารของผู้สูงอายุ พฤติกรรมดีมาก จำนวน 231 คน ร้อยละ 28.17 พฤติกรรมดี จำนวน 86 คน ร้อยละ 10.48 พฤติกรรมปานกลาง จำนวน 51 คน ร้อยละ 6.21 ผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านสุขภาพ ได้แก่ ผู้สูงอายุที่ป่วยติดบ้าน จำนวน 17 คน ร้อยละ 2.07 ผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียง จำนวน 9 คน ร้อยละ 1.09 โรค ซึมเศร้า จำนวน 1 คน ร้อยละ 0.12 โรคอัลไซเมอร์ จำนวน 1 คน ร้อยละ 0.12 ติดบุหรี่ จำนวน 54 คน ร้อย ละ 6.58 ติดสุรา จำนวน 47 คน ร้อยละ 5.73 เสี่ยงต่อการหกล้ม จำนวน 208 คน ร้อยละ 25.36 ไม่เสี่ยง ต่อการหกล้ม จำนวน 193 คน ร้อยละ 23.53 กลุ่มตามการดูแลผู้สูงอายุโดยครอบครัวพบว่า มีผู้ดูแลหลัก จำนวน 401 คน ร้อยละ 48.90 การดำเนินงานโรงเรียนอาวุโสโพธิ์สี่ไทรงามวิทยาสำหรับผู้สูงอายุตำบลโคกยาง ได้ยึดตามคู่มือการ ดำเนินโรงเรียนผู้สูงอายุ กรมกิจการผู้สูงอายุกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตามหลักสูตร ” การเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผุ้สูงอายุ โดยกรอบหลักสูตร ประกอบด้วย 3 กลุ่มวิชา ได้แก่ 1) วิชาชีวิต 50 % หมายถึง ความรู้ ทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อผุ้สูงอายุ ที่จะนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้อยุ่ ในสังคม ได้อย่างมีความสุข 2) วิชาชีพ 30 % หมายถึงแนวทางการส่งเสริมความรู้ ทักษะด้านอาชีพที่เหมาะสมกับผุ้ สูงอายุ 3) วิชาการ 20 % หมายถึงการสร้างความความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อผุ้ สูงอายุ ทั้งสามวิชานี้ จะเน้นความต้องการของผู้สูงอายุว่าจะเรียนรู้เรื่องอะไรเป็นเกณฑ์ โดยจะทำการเรียนรู้ ทุกวันเสาร์แรกของเดือน ณ. องค์การบริหารส่วนตำบลโคกยาง และเสาร์ที่ 2 3 4 ของเดือน ครูและภาคี เครือข่ายจะลงไปเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุ เพื่อสำรวจความพร้อม ความต้องการ ของผุ้สุงอายุ เพื่อส่งเสริมคุณภาพ ชีวิตต่อไป โดยมีวิทยากรจิอาสา ครูอาสามาจากคนในพื้นที่และจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยไม่รับค่าตอบแทน การประเมินใช้แบบทดสอบ ดูผลงาน วัดความพึงพอใจของผุ้เรียน และไม่น้อยกว่า 50 % และจะมอบ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 69 ประกาศนียบัตรเมื่อจบปีการศึกษาแต่ละปีความคาดหวัง ” ผู้สูงอายุจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีมี ศักยภาพ พึ่งตนเองได้นานที่สุด ” ตามวิสัยทัศน์ของโรงเรียน ภายใต้การดำเนินโรงเรียนอาวุโสโพธิ์สี่ไทรงามวิทยาสำหรับผู้สูงอายุตำบลโคกยาง ได้จัดทำแผนการ ดำเนินงานเพื่อให้ทราบถึงรายละเอียดแผนงานโครงการ โครงการพัฒนาและกิจกรรมที่ดำเนินการจริงทั้งหมด ในพื้นที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลโคกยาง และใช้เป็นแนวทางให้ความชัดเจนในการปฏิบัติงานมากขึ้น มี การประสานงานและบูรณาการทำงานด้านการดูแลผู้สูงอายุกับหน่วยงาน การจำแนกรายละเอียดต่างๆ ของ แผนงาน โครงการในแผนงานดำเนินงานจะทำให้มีการติดตามผลได้ 5. เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการทำงานเรื่องเด่น 5.1 วัตถุประสงค์ของการทำงาน 1) เพื่อเป็นศูนย์ส่งเสริมและสนับสนุน ชุมชนภาคีเครือข่ายในการดูแลผู้สูงอายุ ให้เข้ามามีส่วนร่วมใน การดูแลผู้สุงอายุ ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น สมุนไพร อาหารท้องถิ่น ดนตรีและประเพณีวัฒนธรรม 2) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้สูงอายุ 3) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาตนเอง การดูแล คุ้มครอง และพิทักษ์สิทธิ เสริมสร้างสุขภาพที่ดีของ ผู้สูงอายุทั้งด้านร่างกายและจิตใจ 4) เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุสร้างสรรค์ประโยชน์แก่ชุมชนและสังคม เสริมสร้างศักยภาพ คุณค่าภูมิ ปัญญาผู้สูงอายุให้เป็นที่ประจักษ์และยอมรับ 5.2 เป้าหมายการทำงาน บริการ กิจกรรม 1) ผู้สูงอายุพึ่งพิงได้รับการดูแลครอบคลุม เน้นรูปแบบการดูแลผู้สูงอายุที่เข้มแข็งและยั่งยืนเป็น รูปธรรม ยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน เสริมสร้างสังคม ให้เข้มแข็งด้านผู้สูงอายุ 2) พัฒนากลไกให้ขับเคลื่อนงานได้ เน้นการพัฒนาศักยภาพของ 4 องค์กรหลักในพื้นที่สร้างการเรียนรู้ เพิ่มผู้นำการเปลี่ยนแปลงการพัฒนาระบบและขยาย ต่อยอดการดูแลผู้สูงอายุในพื้นที่ได้อย่างมีคุณภาพ 5.3 ผู้ที่ร่วมดำเนินการในการดูแลผู้สูงอายุได้แก่ 1) ชมรมผู้สูงอายุ เป็นการรวมกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมร่วมกันและมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการได้อย่าง มีประสิทธิภาพ 2) อปพร. ช่วยเหลือผู้สูงอายุตามสภาพปัญหาที่ขอรับการช่วยเหลือแต่ละรายดูแลในภาวะฉุกเฉิน หรือตามที่ร้องขอ 3) สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดกระบี่ ทำหน้าที่บูรณาการกับหน่วยงาน ในระดับพื้นที่ สนับสนุนทรัพยกรในการจัดตั้งศูนย์ ขับเคลื่อนการดำเนินงาน


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 70 4) สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดกระบี่ สำนักจัดหางาน สำนักส่งเสริมภูมิปัญญาและวิสาหกิจ ชุมชน ในการให้บริการ ด้านการฝึกอาชีพ การจัดหางานให้ผู้สูงอายุ การรวมกลุ่มประกอบอาชีพ การส่งเสริม ให้ผู้สูงอายุระบงานไปทำที่บ้าน การประกอบอาชีพอิสระของผู้สูงอายุ 5) กศน.อำเภอเหนือคลอง ส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย ให้ ผู้สูงอายุเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตามความถนัดและความสนใจ 6) เครือข่ายที่สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ได้แก่ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ สำนัก สนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก 3) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นองค์กรที่ สามารถในการดำเนินงานด้านวิชาการ บริหาร การขยายเครือข่ายได้ 7) องค์กรทางศาสนา องค์กรชุมชน ได้แก้ วัดโคกยาง หรืออาสาสมัครทำงานด้านสังคมจะเป็นเครือข่ายใน การขับเคลื่อนให้เกิดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง 8) รพ.สต.บ้านโคกยาง รพ.สต.บ้านบางผึ้งและรพ.สต.บ้านควนนกหว้า ให้บริการผู้สูงอายุด้านสุขภาพ อนามัยซึ่งการบริหารในโรงพยาบาลและในชุมชน เช่น การตรวจโรค การรักษาโรค การป้องกันโรค การ ส่งเสริมสุขภาพ 6. ประชากรที่ได้รับประโยชน์และผลกระทบ ประชากรที่ได้รับประโยชน์และผลกระทบ ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป วัยเตรียมเข้าสู่สูงอายุ ผู้ดูแล ผู้สูงอายุ และหน่วยงานหรือภาคีที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ประกอบด้วย คณะกรรมการชมรมผู้สูงอายุ สถาบันพัฒนา องค์กรชุมชน ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนขององค์กร หน่วยงาน และแกนนำคนสำคัญในพื้นที่ตำบลโคกยาง 6.1 กลุ่มเป้าหมายที่ได้ประโยชน์ ดังนี้ 1) ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 720 คน 2) ผู้สูงอายุที่ป่วยติดบ้าน 17 คน 3) ผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียง 9 คน 4) ผู้เตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุ (50 – 59 ปี) จำนวน 728 คน 7. วิธีดำเนินการ (methods) มีขั้นตอนและกระบวนการดำเนินการดังต่อไปนี้ 1) ประชุมประชาคมเพื่อสร้างความเข้าใจและความร่วมมือจากพื้นที่ คัดเลือก และแต่งตั้ง คณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินงานโรงเรียนผู้สูงอายุ 2) ร่วมค้นหาผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุในพื้นที่ โดยคณะทำงานที่มาจาก 4 องค์กรหลัก เริ่มต้น จากผู้ที่มีบทบาทหน้าที่โดยตรง และผู้ที่มีส่วนร่วม ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลโคกยาง ศูนย์พัฒนา คุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) รพ.สต.บ้านโคกยาง รพ.สต.บ้านบางผึ้งและ รพ.สต.บ้านควน นกหว้า ท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แกนนำกลุ่ม และ อสม.ทุกหมู่บ้าน เป็นต้น


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 71 3) จัดตั้งคณะกรรมการโรงเรียนอาวุโสโพธิ์สี่ไทรงามวิทยาสำหรับผู้สูงอายุตำบลโคกยางที่มาจาก 4 องค์กรหลัก ประกอบด้วย ท้องถิ่น ท้องที่ หน่วยงานรัฐ และภาคประชาชน โดยคณะกรรมการได้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้ 4) จัดหลักสูตรการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ไม่น้อยกว่า 84 ชั่วโมง แบ่งเป็นการเรียน ภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติ จำนวน 4 กลุ่มรายวิชา ดังนี้ (1) วิชาชีวิต 50 % หมายถึง ความรู้ ทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อผุ้สูงอายุ ที่จะนำไปปรับใช้ใน ชีวิตประจำวัน เพื่อให้อยุ่ ในสังคมได้อย่างมีความสุข ได้แก่ วิชาก้าวทันในโลกปัจจุบัน การเรียนรู้เกี่ยวกับการ เปลี่ยนแปลงของสังคมปัจจุบันโดยตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของตนเองตามวัยที่เกิดขึ้นและการเรียนรู้ในวัย ผู้สูงอายุเกี่ยวกับกฎหมาย สิทธิ์ให้สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้เท่าทันเทคโนโลยีการใช้คอมพิวเตอร์ที่เหมาะสม กับผู้สูงอายุ จำนวน 7 ชั่วโมง และวิชาสุขภาพในวัยสูงอายุ เน้นการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุโดยทั่วไปผู้สูงอายุเอง ครอบครัวและชุมชนในด้านการใช้ชีวิตประจำวันการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังและปัญหา สุขภาพที่พบบ่อยการเสริมสร้างสุขภาพการป้องกันโรคการฟื้นฟูสภาพความเสี่ยงและการป้องกันความเสี่ยง หลักการใช้ชีวิตร่วมกับคนต่างวัยเลขการดูแลในช่วงวัยสุดท้ายของชีวิต จำนวน 24 ชั่วโมง (2) วิชาชีพ 30 % หมายถึงแนวทางการส่งเสริมความรู้ ทักษะด้านอาชีพที่เหมาะสมกับผุ้ สูงอายุ ได้แก่ วิชาด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเชิญครูจิตอาสาหรือปลาชาวบ้านมาให้ความรู้พร้อมทั้งสาธิตการ เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนในการทำได้รับประสบการณ์ตรงจากการเรียนสามารถนำไปใช้ ในการดำเนินชีวิตของตนเองครอบครัวและชุมชนได้เข้าใจและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และเผยแพร่ภูมิปัญญา จำนวน 13 ชั่วโมง (3) วิชาการ 20 % หมายถึงการสร้างความความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ ต่อผุ้สูงอายุ ได้แก่ วิชาศาสนา ประเพณี และวัฒนธรรม เน้นการนำหลักธรรมทางศาสนามาประพฤติปฏิบัติใน ชีวิตประจำวันให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตตนเองมีความรู้ความเข้าใจในวัฒนธรรมประเพณีของไทยมีความตระหนัก ถึงความสำคัญและการปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมอันดีงามเห็นคุณค่าอนุรักษ์สืบสานอันจะก่อให้เกิดความสุขและ ความเจริญแก่ชีวิต สังคม จำนวน 9 ชั่วโมงและวิชาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การเรียนรู้ความเป็นมาหลักการ และความสำคัญของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเลขประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน จำนวน 9 ชั่วโมง (6) วิชาการศึกษาอิสระ กิจกรรมการเรียนรู้ให้บรรลุผลการเรียนรู้บนพื้นฐานของการกำหนด ประเด็นตามความสนใจของผู้เรียนเพื่อผู้เรียนได้เรียนรู้จากการใช้กระบวนการเรียนรู้แบบตนเองและการ ร่วมมือภายในกลุ่มสามารถใช้วิธีการได้หลากหลายในการสืบเสาะหาความรู้และสร้างองค์ความรู้โดยมีครูพี่ เลี้ยงให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด จำนวน 20 ชั่วโมง 5) ติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน โดยเข้าเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 เรียนครบทุกวิชาและ จัดทำโครงการตามที่กำหนด จนรับเกียรติบัตรสำเร็จการศึกษา หลังสำเร็จการศึกษาหรือตามความพร้อมของ นักเรียน นอกจากนี้สามารถเรียนซ่อมรายวิชาที่เรียนไม่ครบได้ในรุ่นถัดไป


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 72 8. ผลที่เกิดขึ้น (รูปธรรม) 1) กลุ่มผู้สูงอายุ ที่เข้าร่วมโรงเรียนและผู้ที่จะเตรียมตัวเข้าสู่วัยผู้สูงอายุในอนาคต ให้มีความพร้อม ทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อเข้าสู่วัยผู้สูงอายุอย่างมรคุณค่า คุณภาพต่อไป 2) การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว มีรูปแบบการดูแลผู้สูงอายุที่เข้มแข็งและยั่งยืนเป็น รูปธรรม ยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน เสริมสร้างสังคม ให้เข้มแข็งด้านผู้สูงอายุ 3) การส่งเสริมการพึ่งพาตนเองของผู้สูงอายุ การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม อนุรักษ์และ ถ่ายทอดวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น มีคุณค่าและความภาคภูมิใจในตนเอง เกิดการสืบสาน ถ่ายทอด และ เผยแพร่ ความรู้ภูมิปัญญาโดยผู้สูงอายุอย่างเป็นระบบ 4) มีแนวปฏิบัติ กติกา ข้อตกลงร่วมกันการสร้างโรงเรียนผู้สูงอายุในชุมชน การบูรณาการงานด้าน ผู้สูงอายุ ระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน ภาคส่วนอื่นในท้องถิ่น และส่วนกลาง ในการร่วมพัฒนา งานเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุ 9. ผลกระทบที่เกิดขึ้น 9.1 ผลกระทบต่อผู้สูงอายุ ได้แก่ 1) ดานสุขภาพ ชวยใหคลายเหงา จิตใจกระชุมกระชวย สดชื่น ทําใหมีสุขภาพแข็งแรง กระฉับกระเฉง ลดความเสี่ยงจากการเจ็บปวย ลดระยะเวลาการพึ่งพาผูอื่น อายุยืนรูสึกภาคภูมิใจและตระหนัก ในคุณคาความสามารถของตนเอง 2) ดานสังคม มีความสัมพันธที่ดีกับคนวัยเดียวกันและคนตางวัย ไดรับการยอมรับในฐานะ สมาชิกของกลุมรูเทาทันและเขาใจสิ่งตาง ๆ ที่เกิดขึ้น สามารถปรับตัวและดําเนินชีวิตได 3) ด้านเศรษฐกิจ เรียนรู้ทักษะด้านอาชีพ สามารถสร้างงานสร้างรายได้ ช่วยเหลือตนเอง ต่อไป 4) ด้านสภาพแวดล้อม มีสถานที่ในการทำกิจกรรม และมีการปรับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม สำหรับผู้สูงอายุ 9.2 ผลกระทบต่อชุมชนและสังคม 1) โรงเรียนผู้สูงอายุเป็นพื้นที่เรียนรู้และถ่ายทอดประสบการณ์ ภูมิปัญญาและวัฒนธรรม ท้องถิ่น ให้ดำรงสืบทอดเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน 2) โรงเรียนผู้สูงอายุเป็น เวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุมีส่วนรวมในการทำประโยชน์ต่อชุมชน และสังคม รวมทั้งอาจจะเป็นแรงผลักดันให้เข้าร่วมเป็นอาสามสมัครชุมชนได้


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 73 10. ปัจจัยความสำเร็จ ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ 10.1 ปัจจัยความสำเร็จ 1) มีผู้นำการเปลี่ยนแปลง ที่ทุ่มเท เสียสละ และมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์กิจกรรมของ โรงเรียนผู้สูงอายุ เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญของความสำเร็จในการดำเนินงานของโรงเรียนผู้สูงอายุ โดยเฉพาะ ผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่เป็นผู้สูงอายุ หรือผู้นำทางด้านจิตใจ เช่น พระภิกษุ เพราะมีผลโดยตรงต่อการสร้าง ศรัทธาให้เกิดขึ้นทั้งแก่ผู้สูงอายุที่เป็นสมาชิกของโรงเรียน หน่วยงาน และองค์กรต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่มาของความ ร่วมมือและการสนับสนุนการดำเนินงานของโรงเรียน 2) มีเป้าหมายชัดเจนและมีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนถือ เป็นการกำหนดทิศทางการทำงานที่สร้างความเข้าใจร่วมกันในหมู่คณะกรรมการหรือแกนนำ จะเป็นพลังที่ เข้มแข็งในการทำงานร่วมกันและการจัดให้มีกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ถือเป็นกลไกในการเชื่อมร้อย ความเป็นกลุ่ม และความเป็นชุมชนของผู้สูงอายุให้เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดความร่วมมือร่วมใจ ในการขับเคลื่อน งานโรงเรียนผู้สูงอายุให้บรรลุผล 3) มีส่วนร่วม การมีส่วนร่วมจะทำให้เกิดความผูกพันและความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกัน กลไก ที่ทำให้สมาชิกมีส่วนร่วมทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เช่น การประชุมประจำเดือน การสร้างเวทีในการ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การร่วมกันดำเนินงาน 4) มีเครือข่ายทางสังคมที่เข้มแข็ง การสร้างเครือข่ายทางสังคมที่เข้มแข็ง อาจพิจารณาได้ 2 ระดับ คือ การสร้างเครือข่ายทางสังคมภายในกลุ่มหรือในหมู่สมาชิกของโรงเรียนผู้สูงอายุด้วยกัน เช่น ใน รูปแบบคณะกรรมการ หรือการมีตัวแทนในแต่ละหมู่บ้าน และการให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายกับ หน่วยงาน องค์กรภายนอก เพื่อประสานพลังในการทำงานร่วมกัน 5) มีการเรียนรู้และพัฒนาการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยการทบทวนตนเองและสรุป บทเรียนในการทำงานเป็นระยะ 6) องค์การบริหารส่วนตำบลโคกยางหนุนเสริม การสนับสนุน เช่น งบประมาณ บุคลากร สถานที่ การประสานเครือข่าย เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่จะผลักดันให้การเคลื่อนงานของโรงเรียนผู้สูงอายุ เกิดขึ้นได้ และดำเนินการไปอย่างราบรื่น 10.2 ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ 1) การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมเพื่อสร้างการเรียนรู้อย่าง เต็มประสิทธิภาพสำหรับการพัฒนาผู้สูงอายุ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 74 อาสาร่วมทำ จัดการข้อมูล จัดสิ่งแวดล้อม เอื้อต่อสุขภาพผู้สูงวัย เทศบาลตำบลเขาชุมทอง อำเภอควนเตย จังหวัดนครศรีธรรมราช 1. ชื่อเรื่อง อาสาร่วมทำ จัดการข้อมูล จัดสิ่งแวดล้อม เอื้อต่อสุขภาพผู้สูงวัย 2. พื้นที่ เทศบาลตำบลเขาชุม ตำบลควนเตย อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช 3. ผู้นำ 1) นายสนั่น บุญเมือง นายกเทศมนตรี 2) นางสาวรัตภรณ์ สุขสงวน นักพัฒนาชุมชนชำนาญการ 4. ที่มาและเส้นทางการพัฒนา พ.ศ. 2556 นายกเทศมนตรีได้มีแนวคิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม จึงได้มีการ “ประชาคมแผนเทศบาล” ขึ้น ในเวทีนี้ได้ระบฟังปัญหาจากประชาชนและหน่วยงานทุกภาคส่วน ก่อนประชุมแผนเทศบาล เจ้าหน้าที่ เทศบาลร่วมกับประชาชนใน 5 หมู่บ้าน จัดเวที “ประชาคมหมู่บ้าน” ในครั้งนี้เทศบาลได้มองหาและเลือก ชุมชนที่มีความพร้อมในการเป็นชุมชนนำร่อง และในช่วงปีนี้เองที่ทางเทศบาลตำบลเขาชุมทอง ได้มีการค้นหา อาสาสมัคร กลุ่มแกนนำต่างๆ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในตำบล ทำให้หลายฝ่ายเห็น ความสำคัญของการดูแลสุขภาพ ดังนั้นแผนเทศบาลจึงได้ออกแบบกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา สุขภาพของผู้สูงอายุ อาทิ การวางแผนให้มีการเก็บข้อมูลและขึ้นทะเบียนผู้พิการ ผู้สูงอายุ เพื่อสอดรับกับการ จ่ายเบี้ยยังชีพในพื้นที่ เป็นต้น พ.ศ 2561 เทศบาลตำบลเขาชุมทองได้เข้าร่วมโครงการ “การพัฒนาและวิจัยเพื่อการดูแลผู้สูงอายุ โดยชุมชนท้องถิ่น” กับสำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ได้จัดทำข้อมูลสุขภาวะผู้สูงอายุ สรุปข้อมูลจาก TCNAP ดังนี้ เทศบาลตำบลเขาชุมทอง อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นชุมชน กึ่งเมืองกึ่งชนบท มีครัวเรือนทั้งหมด 1,312 ครัวเรือน ประชากรทั้งหมด 4,059 คน ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จำนวน 878 คน ร้อยละ 26.63 เพศชาย 357 คน ร้อยละ 40.66 เพศหญิง 521 คน ร้อยละ 59.34 แบ่ง ผู้สูงอายุตามความสามารถ ติดบ้าน จำนวน 189 คน ร้อยละ 21.52 ติดเตียง จำนวน 21 คน ร้อยละ 2.39 ติด สังคม 668 คน ร้อยละ 76.08 ผู้เตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุ (50 – 59 ปี) จำนวน 559 คน คิดเป็นร้อย ละ 63.67 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ผู้สูงอายุที่ป่วยเรื้อรัง จำนวน 598 คน คิดเป็นร้อยละ 68.11 ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง จำนวน 311 คน คิดเป็นร้อยละ 35.42 โรคเบาหวาน จำนวน 278 คน คิดเป็นร้อยละ 31.66 ผู้สูงอายุที่มีความพิการ 56 คน คิดเป็นร้อยละ 6.61 ผู้สูงอายุที่รับเบี้ยยังชีพ 815 คน คิดเป็นร้อยละ 92.82 ผู้สูงอายุที่เคยเข้าเรียนหรือกำลังเรียนในโรงเรียนผู้สูงอายุ จำนวน 30 คน คิดเป็นร้อยละ 3.42 และไม่มี ผู้สูงอายุที่ติดสุรา ไม่มีผู้สูงอายุที่ไร้ที่อยู่อาศัย และที่ไม่มีผู้สูงอายุที่ไม่มีหลักประกันสุขภาพใด ๆ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 75 จากข้อมูลดังกล่าว เทศบาลตำบลเขาชุมทองจึงทำวิจัยชุมชน (RECAP) ค้นหาทุนและศักยภาพของ พื้นที่ วิเคราะห์ปัญหาและความต้องการของผู้สุงอายุ พบว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ป่วยเป็นเรื้อรัง (โรคความดัน โลหิตสูง โรคเบาหวาน) จำนวน 598 คน สาเหตุมาจากพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่ถูกต้อง ขาดการออกกำลัง กาย และมีความพิการ จำนวน 56 คน และยังมีปัญหาที่เจอในการดูแลอย่างต่อเนื่อง พบว่า ผู้สูงอายุป่วยจิต เวช ไม่ให้ความร่วมมือในการดูแลบางครั้งจะยกมือจะทำร้ายผู้ดูแลที่เป็นอาสาสมัครบริบาล ดังคำบอกเล่า ต่อไปนี้ “อาสาสมัครบริบาลว่าถ้ามาถ่ายรูปไม่ต้องมา” แต่ญาติผู้ป่วยให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี อยากให้ อาสาสมัครบริบาลเข้ามาดูแลผู้สูงอายุ ดังนั้น คณะทำงานจึงคิดวิธีการเพื่อให้ผู้สูงอายุโรคเรื้อรัง กลุ่มติดบ้าน ติดเตียง ได้รับการดูแลได้อย่างครอบคลุม ภายใต้ทุนและศักยภาพที่มีอยู่ในตำบล และยอมรับการดูแลจาก อาสา โดยดำเนินการ ดังนี้ 1) จัดตั้งคณะทำงานจัดระบบดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น จำนวน 21 คน โดย มีภาคี 4 องค์กรหลัก คลอบคลุมหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ เทศบาลตำบลเขาชุมทอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. โรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ สาธารณสุขอำเภอร่อนพิบูลย์ เป็นต้น คณะกรรมการได้ร่วมค้นหาผู้ที่เกี่ยวข้องกับการ ดูแลผู้สูงอายุ โดยดูจากผู้ที่มีบทบาทหน้าที่โดยตรง และผู้ที่มีส่วนร่วม เช่น ผู้ดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง อสม พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาสาสมัครบริบาล อาสาสมัครดูแลผูลผู้สูงอายุ เป็นต้น 2) พัฒนาศักยภาพทีมครบทุก หน้าที่ ให้การดูแลครอบคลุมสอดคล้องกับบริบท 3) ให้การดูแลครอบคลุมจัดสภาพแวดล้อมสอดคล้องกับ บริบทภายใต้การมีส่วนร่วมของชุมชน พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ โดยใช้ข้อมูลเป็นฐานการพัฒนา และ 4) คณะทำงานนำใช้ข้อมูลเพื่อติดตามงาน และร่วมประเมินผลได้ต่อเนื่อง และมีการคืนข้อมูลในวันทำกิจกรรม ประจำเดือนในวันที่ 20 ของทุกเดือน 5. เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการทำงานเรื่องเด่น 5.1) วัตถุประสงค์ในการดูแลกลุ่มผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง 1) เพื่อให้ผู้สูงอายุกลุ่มติดเตียงบ้าน ติดเตียง ได้รับการดูแลเหมาะสมกับสถานะสุขภาพ 2) เพื่อให้ผู้สูงอายุกลุ่มติดเตียงบ้าน ติดเตียงได้รับการดูแลอย่างครอบคลุม 3) เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการส่งเสริมสุขภาพ และฟื้นฟูสุขภาพ ให้ชะลอการเจ็บป่วย และ สามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ พึ่งพิงผู้อื่นน้อยลง 5.2) วัตถุประสงค์ผู้ร่วมดำเนินการดูแลผู้สูงอายุ เพื่อพัฒนากลไกการจัดการแบบมีส่วนร่วมของทีมดำเนินงานให้จัดระบบการดูแลผู้สูงอายุได้ 6. ประชากรที่ได้รับประโยชน์และผลกระทบ 6.1) กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลประโยชน์ 1) ผู้สูงอายุตามความสามารถ (ADL) ติดบ้าน 189 คน ติดเตียง 21 คน ติดสังคม 668 คน 2) ผู้สูงอายุที่ป่วยเรื้อรัง จำนวน 598 คน ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง จำนวน 311 คน โรคเบาหวาน จำนวน 278 คน


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 76 3) ผู้สูงอายุที่มีความพิการ 56 คน 4) ผู้เตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุ (50 – 59 ปี) จำนวน 559 คน 7. วิธีดำเนินการ (methods) มีขั้นตอนและกระบวนการดำเนินการดังต่อไปนี้ เทศบาลตำบลเขาชุมทอง มีวิธีการ ขั้นตอนและกระบวนการดำเนินการ จำนวน 4 วิธีการ ได้แก่ 1) จัดตั้งคณะทำงาน 2) พัฒนาศักยภาพทีมทำงาน 3) ให้การดูแลครอบคลุมสอดคล้องกับบริบทภายใต้การมี ส่วนร่วมของชุมชน และ 4) คณะทำงานนำใช้ข้อมูลเพื่อติดตามงาน และร่วมประเมินผลได้ต่อเนื่อง มี รายละเอียด ดังต่อไปนี้ 7.1 จัดตั้งคณะทำงานจัดระบบดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น จำนวน 21 คน โดยมีภาคี 4 องค์กร หลัก คลอบคลุมหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ เทศบาลตำบลเขาชุมทอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. โรงพยาบาลร่อน พิบูลย์ สาธารณสุขอำเภอร่อนพิบูลย์ เป็นต้น คณะกรรมการได้ร่วมค้นหาผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุ โดย ดูจากผู้ที่มีบทบาทหน้าที่โดยตรง และผู้ที่มีส่วนร่วม เช่น ผู้ดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง อสม พยาบาล เจ้าหน้าที่ สาธารณสุข อาสาสมัครบริบาล อาสาสมัครดูแลผูลผู้สูงอายุ เป็นต้น 7.2 พัฒนาศักยภาพทีมทำงาน Care Giver จำนวน 11 คน ทุกคนผ่านการอบรมจากหลักสูตรของ กรมอนามัย และผ่านการอบรมการฟื้นฟูการดูแลผู้สูงอายุ โดยเทศบาลตำบลเขาชุมทอง และโรงพยาบาลร่อน พิบูลย์ สามารถนำความรู้ทีได้จากการอบรมมาปรับใช้เพื่อดูแลผู้สูงอายุ พบว่า ผู้ดูแลผู้สูงอายุบางรายนำความรู้ ที่ได้จากการแนะนำของ CG ปรับใช้ในการดูแลผู้สูงอายุ ส่งผลให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพดีขึ้น และอาสาสมัครบริบาล จำนวน 2 คน เข้าอบรมหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุ จากโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ และเข้าอบรมตามกระบวนการ ของกระทรวงมหาดไทย สัดส่วนของอาสาสมัครบริบาล 1:5 ดูแล 8 ชั่วโมง หมุนเวียนกันไป เช่น คนที่ 1 ดูแล เวลา 08.30 - 12.30 น. คนที่ 2 ดูแลเวลา 12.30 - 16.30 น. เป็นต้น ดูแลเรื่อง อาบน้ำ แต่งตัว การเปลี่ยน แพมเพิส ผู้สูงอายุจะได้รับการดูแล 20 วัน/เดือน ผลการตอบรับ พบว่า ญาติผู้ป่วยดีใจมากที่อาสาสมัคร บริบาลของเทศบาลตำบลเขาชุมทองเข้าไปดูแล และสามารถช่วยเหลือญาติผู้ป่วยได้เยอะ แบ่งเบาภาระได้ เยอะ 7.3 ให้การดูแลครอบคลุมจัดสภาพแวดล้อมสอดคล้องกับบริบทภายใต้การมีส่วนร่วมของชุมชน พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ โดยใช้ข้อมูลเป็นฐานการพัฒนา ได้แก่ 1) กระบวนการจัดสภาพแวดล้อมบ้านสอดคล้องกับบริบทภายใต้การมีส่วนร่วมของ ชุมชน โดยมีกระบวนการ ดังนี้ (1) จัดการข้อมูลพื้นฐาน ให้อสม. รวบรวมข้อมูลมือสองจากรพ.สต.ควนเกย และ เทศบาล มาร่วมวิเคราะห์ จัดทำข้อมูลในการคัดเลือกครัวเรือนที่เดือดร้อน และต้องการรับการช่วยเหลือ (2) สำรวจพื้นที่จริง CG และอาสาสมัครบริบาล ลงสำรวจพื้นที่ครัวเรือนที่ได้รับการ ช่วยเหลือ และสอบถามถึงความต้องการในการจัดสภาพแวดล้อมบ้าน (3) นำข้อมูลมาเสนอในเวทีประชาคม เพื่อให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นและลงมติ ร่วม


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 77 (4) ขอสนับสนุนงบประมาณในการช่วยเหลือ มาจากสำนักงานพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช และศูนย์บริการคนพิการทั่วไป จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีอาสาดูแลที่บ้านอย่างต่อเนื่อง ผลที่เกิดขึ้น พบว่า ครัวเรือนผู้สูงอายุได้รับการช่วยเหลือ จัดสภาพแวดล้อมบ้าน จำนวน 13 ครัวเรือน โดยมีการของบสนับสนุนจาก สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด นครศรีธรรมราช ปรับปรุงบ้านผู้สูงอายุ จำนวน 8 ราย และของบสนับสนุนจากศูนย์บริการคนพิการทั่วไป จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 5 ราย ซึ่งมีความลำบาก ดังนี้ (1) ที่อยู่อาศัยไม่มั่นคง ไม่เหมาะสม และไม่ ปลอดภัยกับการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุ (2) มีฐานะยากจน หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ และ (3) ไม่ได้ รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐอื่นหรือได้รับแต่ไม่เพียงพอ ซึ่งเกณฑ์การคิดเลือกนี้จะใช้เวทีประชาคม ในที่ประชุมรับรองในการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมในการได้รับการคัดเลือกในการปรับปรุงบ้านผู้สูงอายุ โดยมีการ ปรับปรุงห้องน้ำและห้องอาบน้ำ เช่น ติดตั้งราวจับอุปกรณ์พยุงตัว วัสดุปูพื้น ละปรับระดับพื้นเรียบ ไม่ลื่น ปรับเปลี่ยนสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ที่ถูกสุขอนามัย ปรับแสงสว่างและการระบายอากาศและระบายน้ำที่ดี ห้องนอน พื้นที่พักผ่อน ห้องครัว ห้องอาหาร ทางเดินภายในบ้าน โดยติดราวจับอุปกรณ์พยุงตัวที่แข็งแรงที่ ใช้งานบ่อย วัสดุปูพื้นและปรับระดับพื้นที่เรียบไม่ลื่น แสงสว่างและการระบายที่ดี ย้ายระดับสวิตซ์ ปลั๊ก และ การเดินสายไฟใหม่ และ หลังคา ชานบ้าน สวน ทางเดินรอบบ้าน ภายนอกบ้าน เช่น ปรับปรุงทางเดิน ทาง ลาด ราวจับ และอื่นๆ เพื่อให้ที่อยู่อาศัยมีความมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัย 2) การเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุที่ติดเตียง ติดบ้าน คณะทำงานมีการวางแผนงานร่วมกันในการลง เยี่ยมแต่ละครั้งว่า แต่ละรอบเยี่ยมเพื่อทำอะไร เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ “สามารถดูแลผู้สูงอายุ ได้ครอบคลุม เข้าถึงบริการ” ในการเยี่ยมแต่ละครั้ง จะศึกษาข้อมูลของผู้สูงอายุก่อน มีแผนการเดินทาง และ หมายเลขโทรศัพท์ของญาติ โดยจะโทรติดต่อ จะให้ อสม.เข้าไปแจ้งญาติว่าจะมีเจ้าหน้าที่จากเทศบาลตำบล เขาชุมทองลงเยี่ยมบ้าน ว่าจะสะดวกให้เยี่ยมบ้านหรือไม่ โดยการไปเยี่ยมงานพัฒนาชุมชน ร่วมกับกอง สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม อสม. เจ้าหน้าที่จาก รพสต.บ้านควนเกย ลงร่วมเยี่ยมด้วย มีการวัดความดัน และ น้ำหนัก พูดคุยโดยการสัมภาษณ์ญาติของผู้สูงอายุ และตัวผู้สูงอายุเองว่ามีปัญหาอะไรบ้างในการดำเนินชีวิต มี การบันทึกแบบฟอร์มการเยี่ยมบ้าน ตามแบบฟอร์มที่ได้กำหนดขึ้นเอง การออกเยี่ยมบ้านบางรายถ้านอนติด เตียงเกิน 6 เดือน ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง และถ้าไม่สามารถเดินได้ ประสานไปยังโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ เพื่อออกหนังสือรับรองความพิการ และงานพัฒนาชุมชนจะเป็นธุระในการไปออกบัตรประจำตัวคนพิการใปแก่ รายผู้สูงอายุที่ติดเตียงรายดังกล่าว มีการจัดทำคู่มือการดูแลผู้สูงอายุและนำใช้คู่มือในการดูแลผู้ป่วย ทำ ให้กับผู้สูงอายุที่อยู่ติดบ้านและติดสังคม พบว่า ผู้สูงอายุกลุ่มนี้มีทักษะและแนวทางในการดูแลตนเองมากยิ่งขึ้น จำนวน 568 คน (จากเดิม 857 คน) ร้อยละ 66.27 และได้นำคู่มือบูรณาการดูแลผู้สูงอายุ โดยการทำความ เข้าใจตามคู่มือแล้วนำมาใช้ผสมกับทฤษฎีและปฏิบัติที่ได้มาจากหมอพยาบาล 3) อาสาสูงวัย พัฒนาตำบลเขาชุมทอง ได้จัดให้ผู้สูงอายุได้ทำกิจกรรมในชมรมหลากหลาย ได้แก่ (1) อาสากวาดลานวัด จะมีอาสาสูงวัยเข้าไปช่วยกวาดลานวัดควนเกย วัดศรีอาชา วัดเทพมงคล วัด ห้วยจิกเวลา กวาดช่วงที่วัดจะกิจกรรมทางศาสนา เช่น ทอดผ้าป่า ทอดกฐิน วันมาฆบูชา โดยกวาด 1 ครั้ง/


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 78 เดือน (2) กิจกรรมจัดงานปีใหม่ มีผู้สูงอายุ คนพิการ อสม. ผู้นำชุมชน พนักงานเทศบาล เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 120 คน มีการจับของขวัญ ผู้สูงอายุนำมาเอง และผู้สูงอายุจับหางบัตรได้ของขวัญซึ่งเป็นของรางวัล กลาง อีก 1 ชิ้น ทำต่อเนื่องทุกปี แต่ถ้าจะไม่ได้ทำก็ปีนี้ เนื่องจากการระบาดของ COVID - 19 (3) กิจกรรมอบรมปลูกผัก เพาะเห็ด มีผู้สูงอายุเข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 50 คน โดยมีผู้สูงอายุปลูกสวนครัวไว้กิน เอง และได้นำมาจำหน่ายแลกเปลี่ยนสินค้ากันในวันทำกิจกรรมประจำเดือนในวันที่ 20 ของทุกเดือน (4) การ ออกกำลังกาย ได้แก่ แอร์โรบิค เดินวิ่งเพื่อสุขภาพ รำไม้พลอง ออกกำลังกายด้วยผ้าขาวม้า ออกกำลังกายโดย ใช้ยางยืด เต้นตาราง 9 ช่อง เต้นตามจังหวะเพลงประกอบท่า มีผู้สูงอายุ อสม. เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 50 คน ทำอย่างต่อเนื่อง ใช้แบบประเมินโดยการวัดประเมินความสุขทางใจโดยการสอบถาม แต่ไม่ได้ประเมิน ก่อน-หลัง 4) การออมของผู้สูงอายุเพื่อเป็นกองทุนสำรองในบั้นปลายชีวิต และสนับสนุนให้ผู้สูงอายุ เข้าร่วมกองทุนในชุมชน โดยมีคุณสมบัติของผู้สูงอายุ ต้องมีสัญชาติไทย มีภูมิลำเนาหรือมีสถานที่ตั้งหรือมี สถานที่ทำงาน อยู่ในอำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช มีขั้นตอนการสมัคร ดังนี้ (1) ผู้สมัครต้องชำระ เงินค่าสมัคร เป็นเงิน 20 บาท และเมื่อได้จ่ายค่าสมัครเป็นสมาชิกฯ แล้ว จะเรียกคืนไม่ได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น (2) ให้สมาชิกสะสมเงินออมทรัพย์วันละหนึ่งบาท และให้นำเงินออมทรัพย์ ดังกล่าว มาชำระให้แก่ คณะกรรมการฝ่ายบริหาร ณ สำนักงานเทศบาลตำบลเขาชุมทอง หรือคณะกรรมการกองทุนฯ ประจำหมู่บ้าน ภายใน 30 วัน นับแต่วันสมัคร และให้ชำระเช่นนี้ต่อไป ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ชำระครั้งก่อนจนกว่าการ เป็นสมาชิกสิ้นสุดลง (3) การเป็นสมาชิกสิ้นสุดลงในกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ตาย ลาออก หรือไม่มาชำระ เงินออมโดยพ้นระยะเวลาที่กำหนด ไปแล้ว 90 วัน เว้นแต่มีเหตุสุดวิสัย 5) การบริการรับ-ส่ง 24 ชม. มีรถรับส่ง เฉลี่ย 3 คนต่อเดือน มีผู้ป่วยที่มาใช้บริการ ได้แก่ ผู้ป่วยติดเตียงไม่สามารถเคลื่อนย้ายตัวเองได้ ต้องใช้อุปกรณ์ในการเคลื่อนย้าย เช่น เปลพยาบาลหรือรถเข็น ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ในการรับ – ส่ง ผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ 7.4 คณะทำงานนำใช้ข้อมูลเพื่อติดตามงาน และร่วมประเมินผลได้ต่อเนื่อง ดังนี้ คณะทำงานติดตามงานผ่านช่องทางหลากหลาย เช่น การประชุมหมู่บ้าน เพจ Facebook ของเทศบาล เป็นต้น เดือนละ 1 ครั้งต่อช่องทางการสื่อสาร และมีการคืนข้อมูลในวันทำกิจกรรมประจำเดือน ในวันที่ 20 ของทุกเดือน 8. ผลที่เกิดขึ้น (รูปธรรม) 1) ผู้ป่วยกลุ่มติดบ้าน จำนวน 189 คน ติดเตียง จำนวน 21 คน ได้รับการดูแลครอบคลุมและทั่วถึง 2) ผู้สูงอายุกลุ่มนี้มีทักษะและแนวทางในการดูแลตนเองมากยิ่งขึ้น จำนวน 568 คน (จากเดิม 857 คน) ร้อยละ 66.27 3) ผู้สูงอายุได้รับการปรับปรุงสภาพแวดล้อมบ้าน จำนวน 13 ครัวเรือน พบว่า ผู้สูงอายุได้รับความ สะดวกสบายในการอยู่อาศัย และสามารถช่วยเหลือตนเองได้ และได้รับกำลังใจ (มีกำลังใจในการดำรงชีวิต)


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 79 4) เกิดกลไกการจัดการแบบมีส่วนร่วม จากความร่วมมือของการประสานหน่วยงานองค์กรที่เกี่ยวข้อง ในการให้การช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง 7 องค์กร ได้แก่ ทต.เขาชุมทอง โรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ รพ.สต. ควนเกย มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ กองทุนหลักประกันสุขภาพ ทต.เขาชุมทอง สำนักงานพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช และศูนย์บริการคนพิการทั่วไป จังหวัดนครศรีธรรมราช 5) CARE GIVER จำนวน 11 คน ได้รับการอบรมฟื้นฟูความรู้ในเรื่องการดูแลผู้สูงอายุสม่ำเสมอ และมี ความรู้ มีทักษะในการประเมิน ADL ประเมินสภาพ ประเมินปัญหา และความต้องการของผู้สูงอายุได้ ตลอดจนให้การดูแลที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุแต่ละรายได้ 9. ผลกระทบที่เกิดขึ้น 9.1 ประชาชนทั่วไปที่มีภาวะพึ่งพิง ผู้สูงอายุ คนพิการ ในเขตพื้นที่ได้รับการบริการสุขภาพที่เหมาะสม ครอบคลุม และทั่วถึง 9.2 ทีมสุขภาพมีศักยภาพในการดูแลเพิ่มขึ้น เช่น ผู้ช่วยเหลือผู้มีภาวะพึ่งพิง (Care Giver : CG) ผู้จัดการนักบริบาลท้องถิ่น (Care Community : CC) 10. ปัจจัยความสำเร็จ ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ 10.1 ปัจจัยความสำเร็จ (1) การมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุ ทำให้เกิดความผูกพันและความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกัน เช่น การประชุมประจำเดือน การสร้างเวทีในการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การร่วมกันดำเนินงาน (2) Care giver และอาสาสมัครบริบาล มีความตั้งใจสูง ทำด้วยใจ เสียสละ มีจิตอาสา 10.2 ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ การแพร่ระบาดของโรค COVID - 19 ทำให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมแบบรวมกลุ่มได้ คณะทำงานจัดการโดยจัดประชุมแบบออนไลน์


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 80 อาสาสูงวัยสร้างเศรษฐกิจเสริมสุขภาพ เมืองปากพนัง เทศบาลเมืองปากพนัง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช 1. ชื่อเรื่อง อาสาสูงวัยสร้างเศรษฐกิจเสริมสุขภาพ เมืองปากพนัง" 2. พื้นที่เทศบาลเมืองปากพนัง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช 3. ผู้นำ 1. นายขวัญชัย รอดมณี นายกเทศมนตรีเมืองปากพนัง ปี 2564 ถึงปัจจุบัน 2. นายพิเชษฐ์ กล้าสุคนธ์ นายกเทศมนตรีเมืองปากพนัง ปี 2561-2564 3. นางณัฐนันท์ จันทราทิพย์ รองนายกเทศมนตรีเมืองปากพนัง ปี 2561-2564 4. นางนงเยาว์ แม่นสกุล ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม ปี 2561-2564 5. นางศราทิพย์ หนูคง นักสังคมสงเคราะห์ปฏิบัติการ ปี 2561 ถึงปัจจุบัน 6. นางปรีดา หอมนุ่น หัวหน้าฝ่ายพัฒนาชุมชน ปี 2561-2564 7. นางสาวสายไหม ทองสุก ประธานชุมชน ปี 2561 ถึงปัจจุบัน 9. นางแดนสรวง ยอดแก้ว ผู้สูงอายุ ปี 2561 ถึงปัจจุบัน 8. นางบุญยวง มนต์แก้ว ผู้สูงอายุ ปี 2561 ถึงปัจจุบัน 10. นางสาวสุนิสา อินทมุนี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ปี 2561-2564 11. นางสาวนภัสรัตน์ จันทราทิพย์ อาสาสมัครสาธารณสุข ปี 2561-2564 4. ที่มาและเส้นทางการพัฒนา ปี 2552–2555 เริ่มงานหนุนเสริมสุขภาพผู้สูงอายุโดยกลุ่มคนและหน่วยงาน ร่วมจัดตั้งชมรมผู้สูงอายุ ต่อมาในปี 2556-2560 ภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน ร่วมดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ เน้นโรคเรื้อรังเป็นหลัก จนกระทั่งได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณการส่งเสริมด้านการพัฒนาเด็ก การสร้างครอบครัวอบอุ่น และการดูแล ผู้สูงอายุ จากผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 27พฤศจิกายน 2558 และ ในปี 2561 เทศบาล เมืองปากพนังได้เข้าร่วมโครงการพัฒนาและวิจัยเพื่อการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น กับสำนัก 3 สสส มี สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ เป็นผู้ประสานงาน คณะทำงานโครงการได้จัดทำข้อมูลสุขภาวะผู้สูงอายุ มีครัวเรือน ทั้งหมด 4,730 ครัวเรือน ประชากร 19,437 คน เพศหญิง 9,836 ร้อยละ 50.60 เพศชาย 9,601 ร้อยละ 49.40 คน ผู้เตรียมความพร้อมเข้าสูงอายุ (50 –59 ปี) 1,208 คน ร้อยละ 6.21 ผู้สูงอายุ 3,338 ราย ร้อยละ 17.17 รับเบี้ยยังชีพ 2,880 ราย ผู้พิการ 793 ราย ผู้สูงอายุป่วยติดบ้าน 34 คน ผู้สูงอายุป่วยติดเตียง 10 คน ผู้สูงอายุเป็นโรคเครียด 30 คน โรคซึมเศร้า 30 คน โรคอัลไซเมอร์ 32 คน สุขภาวะทางจิตวิญญาณ 89 คน สุข ภาวะทางจิตผิดปกติ 49 คน ติดบุหรี่ 169 คน ติดสุรา 13 คน เสี่ยงต่อการหกล้ม 245 คน มีผู้ดูแลหลักใน ครอบครัวดูแลผู้สูงอายุ 976 คน ไม่มีผู้ดูแลหลัก 232 คน ผู้สูงอายุไม่ได้ทำงาน 601 คน จากข้อมูลดังกล่าว นำมาทำการวิจัยชุมชน (RECAP) พบปัญหาที่ส่งผลต่อสุขภาพของผู้สูงอายุ 5 เรื่อง ได้แก่ 1) ปัญหาพฤติกรรมบริโภคอาหารไม่ถูกต้อง ร้อยละ 10.18 ของผู้สูงอายุทั้งหมด 2) ปัญหาการเจ็บป่วย ด้วยโรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 4.30 ของผู้สูงอายุทั้งหมด 3) ปัญหาการเจ็บป่วยด้วยโรคทางด้านสมองเสื่อม


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 81 โดย มีการเกิดปัญหาร้อยละ 2.65 ของผู้สูงอายุทั้งหมด 4) ปัญหาการเจ็บป่วยด้วยโรคเบาหวาน มีการเกิด ปัญหาร้อยละ 1.99 ของผู้สูงอายุทั้งหมด และ 5) ปัญหาการมีไขมันในเส้นเลือดสูง มีการเกิดปัญหาร้อยละ 1.57 ของผู้สูงอายุทั้งหมด วิเคราะห์ทุนและศักยภาพ กับประชากรกลุ่มวัยสูงอายุเพิ่มมากขึ้น จึงมีการรวมคนเก่ง คนดี คนสำคัญ อาสาสร้างเมือง ร่วมคิด เกิดกระบวนการนำแผนพัฒนาท้องถิ่นสู่จัดทำยุทธศาสตร์เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติใน แผนปี 2561-2565 ดังนี้ 1) ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม แผนงานการเคหะและ ชุมชน การพานิชย์ นำไปสู่แผนพัฒนาตลาดน้ำ ตลาดร้อยปีและถนนคนเดิน 2) ยุทธศาสตร์การพัฒนาการ เศรษฐกิจ เกษตร ประมง นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจครัวเรือนและพัฒนาอาชีพเสริม 3) ยุทธศาสตร์การ พัฒนาการสังคม วัฒนธรรมและการศึกษา แผนงานการศึกษาการศาสนา วัฒนธรรมและนันทนาการ สร้าง ความเข้มแข็งของชุมชน สังคมสงเคราะห์ นำไปสู่แผนพัฒนาโรงเรียนผู้สูงอายุ 4) ยุทธศาสตร์การอุตสาหกรรมและบริการ แผนงานบริหารงานทั่วไป สาธารณสุข นำไปสู่การพัฒนาพฤติกรรม สุขภาพ 5) ยุทธศาสตร์การพัฒนาการเมือง และธรรมาภิบาล แผนงาน บริหารงานทั่วไป รักษาความสงบฯ การพานิชย์ เคหะและชุมชน สังคมสงเคราะห์ ส่งเสริมและสนับสนุนความเข้มแข็ง นำไปสู่การพัฒนากองทุน แม่แห่งแผ่นดิน จากยุทธศาสตร์เมือง ได้มีประเด็นเด่นพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุ ปี 2561-2564 มี 3 ประเด็น ได้แก่ 1) แผนพัฒนาตลาดน้ำ ตลาดร้อยปีและถนนคนเดิน สร้างส่วนร่วมเครือข่ายผู้สูงอายุ 2) การพัฒนาเศรษฐกิจ ครัวเรือนและพัฒนาอาชีพเสริมสร้างรายได้ผู้สูงอายุ 3) สร้างเครือข่ายผู้สูงอายุเข้มแข็ง พัฒนาชมรมผู้สูงอายุ ต่อยอดโรงเรียนผู้สูงอายุ ดังนั้น คณะกรรมการพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุเทศบาลเมืองปากพนัง จึงนำโอกาสเป็น ปัจจัยเอื้อ และทุนของชุมชน ทำให้เกิดแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนในกลุ่มชนชั้นรากหญ้า โดยเน้นตลาดเก่า ตลาดร้อยปี ภูมิปัญญาหมาจากของผู้สูงอายุและของละเล่นพื้นเมืองมาเป็นจุดขายเกิดตลาด น้ำที่ชุมชนบางฉนาก ทุกวันอาทิตย์ และตลาดร้อยปี ถนนคนเดินที่ชุมชนตลาดบางวำ โดยมีอาสาผู้สูงอายุ ดำเนินงาน โดยมีเส้นทางการพัฒนา “อาสาสูงวัยสร้างเศรษฐกิจเสริมสุขภาพ” ดังนี้ 1. จัดตั้งคณะทำงานครอบคลุมองค์กรหลักร่วมขับเคลื่อนงานกับจิตอาสาผู้สูงวัย ได้แก่ 1.1) คณะกรรมการขับเคลื่อนงานหลักกระจายตัวครอบคลุมพื้นที่ทุกชุมชน ได้แก่ ประธานและเลขานุการ ชมรมผู้สูงอายุเครือข่าย 8 ชมรม ในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองปากพนัง 1.2) คณะกรรมการที่ปรึกษาจากภาคี เครือข่ายครอบคลุมหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้นำชุมชน อาสาสมัครสาธารณศุข ปราชญ์ชุมชน และ ผู้ทรงคุณวุฒิในพื้นที่ 2. สร้างเครือข่ายผู้สูงอายุเข้มแข็ง พัฒนากิจกรรมในโรงเรียนผู้สูงอายุ ต่อยอดชมรมผู้สูงอายุ การ พัฒนานวัตกรรมจากการปฏิบัติการ 5 อ. สนับสนุนการสร้างเมือง 5 ก. มีผู้นำทำอาสาจากชมรมผู้สูงอายุ 8 เครือข่าย ได้แก่ เสาธงทอง เขมาวงศาราม รามประดิษฐ์ ศรีสมบูรณ์ บางฉนาก คงคาสวัสดิ์ ต้นหาด และสนาม กีฬา ร่วมจัดทำโรงเรียนผู้สูงอายุให้มีหลักสูตรครอบคลุมทุกด้าน (สุขภาพกายและจิตใจ อาชีพ สังคม สิ่งแวดล้อม)


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 82 3. ปฏิบัติการ: บูรณาการอาสาควบคู่หนุนเสริมเติมกิจกรรมสอดคล้องตามวิถีปากพนัง โดยนำการ พัฒนาศักยภาพตามภูมิปัญญา บูรณาการกับ อ.ที่ 5 อาสาสร้างเมือง ให้เป็นผู้นำทำการปฏิบัติไปพร้อมกันทั้ง 5 อ. เพิ่มการหนุนเสริม 5 ก. ปฏิบัติการให้ทำได้ดี ด้วยการใช้ภูมิปัญญาวิถีปากพนัง ดังนี้ 3.1) เพิ่มศักยภาพ ทีมอาสาสูงวัยพัฒนาเศรษฐกิจสุขภาพวิถีปากพนัง เริ่มจาก ก.ที่ 1 การพัฒนาศักยภาพทีม อาสาผู้สูงอายุ พัฒนาคณะทำงานการติดต่อประสานงานของเครือข่าย ก.ที่ 2. การพัฒนาโรงเรียนผู้สูงอายุ และ ก.ที่ 3. การ พัฒนาชมรมผู้สูงอายุครอบคลุม 8 เครือข่าย เป็นผู้นำ มีส่วนร่วมดำเนินงานเป็นทีมผู้สูงอายุเครือข่าย ร่วมกับ หน่วยงาน ภาคีสำคัญ และทีมปฏิบัติการ อ.ที่ 5 อาสาสร้างเมือง ให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจสุขภาพ 3.2) เรียนรู้การจัดการร่วมสร้างเศรษฐกิจเมืองสุขภาพเป็นระบบ ได้แก่ 3.2.1) นำใช้ภูมิปัญญาพัฒนาอาชีพและ ถ่ายทอดให้คนรุ่นหลัง 3.2.2) จัดตั้งกองทุนทางสังคมเพื่อผู้สูงอายุ 3.2.3) การส่งเสริมอาชีพให้คุณค่าพัฒนา ด้านจิตใจ 3.2.4) บูรณาการสวัสดิการร่วมกับการดูแลสุขภาพให้สอดคล้องกับสภาพของผู้สูงวัย 3.2.5) พัฒนาการท่องเที่ยวชุมชน พัฒนาเศรษฐกิจครัวเรือน และพัฒนาอาชีพเสริมสร้างรายได้ผู้สูงอายุ สร้างส่วน ร่วมเครือข่ายผู้สูงอายุ ร่วมดำเนินงาน ตลาดน้ำ ตลาดร้อยปี และถนนคนเดิน ทั้งด้านการประกอบอาชีพและ สุขภาพ ประกอบอาชีพ ได้แก่ เรียนรู้การผลิตสินค้าพื้นเมืองมาจำหน่ายในตลาดน้ำด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น ร่วมกับการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ นำเสนอแก่นักท่องเที่ยวในตลาน้ำ ทุกวันอาทิตย์ โดยมีกิจกรรมสำคัญที่ ส่งผลต่อการพัฒนาต่อเนื่อง ดังนี้ จัดอบรมผู้นำชุมชน คณะกรรมการผู้สูงอายุในด้านบริหารงาน สนับสนุน ผู้สูงอายุที่มีความเชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ เป็นวิทยากร 3.3) สร้างแหล่งเรียนรู้ที่ยั่งยืน ได้แก่ (1) เพิ่มงาน กิจกรรมให้หลากหลาย ดึงดูดใจแหล่งท่องเที่ยว (2) ดำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่น (3) ดูแลความ สะอาดของแหล่งท่องเที่ยว (4) การจัดการพื้นที่ขายสินค้า ให้มีสินค้าประเภทอาหารพื้นถิ่น ของกินเล่นสมัย โบราณ ที่ผู้สูงอายุเป็นต้นตำหรับให้นำมาขายเอง หรือลูกหลาน เอามาขายให้แต่มาจากผู้สูงอายุที่ถ่ายทอดมา ให้ (5) จำนวนร้านค้าเหมาสมกับพื้นที่ (6) เพิ่มคุณภาพสินค้า 3.3) พัฒนากลไกหนุนการจัดการตลาดน้ำให้ ต่อเนื่อง ได้แก่ สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนสม่ำเสมอและต่อเนื่อง และส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ให้ผู้มา เยือนบอกต่อไม่รู้จบ และ 4) การติดตามหนุนเสริมพัฒนางานเพื่อการดูแลผู้สูงอายุต่อเนื่องและยั่งยืน โดย อาสาสูงวัย ได้พัฒนาจัดการเรียนรู้การติดตามงานอย่างมีส่วนร่วมของชุมชนร่วมกับหน่วยงาน มาจัดทำ โครงการ เสนอให้หน่วยงานอื่น ๆ เพื่อของบประมาณให้มีการพัฒนาต่อเนื่อง 5. เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการทำงานเรื่องเด่น เป้าหมายของ อาสาสูงวัยสร้างเศรษฐกิจเมืองปากพนัง เพื่อให้ผู้สูงอายุได้มีการรวมกลุ่มมีการทำ กิจกรรมร่วมกันและร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การสร้างสุขภาพที่ดีและการสร้างอาชีพ เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต ในทุกด้าน โดยการนำใช้ทุนและศักยภาพในพื้นที่ นำความรู้ภูมิปัญญาที่มีอยู่ในตัวของผู้สูงอายุ ในปราชญ์ ชาวบ้าน และจากวิทยากร นำไปสู่การลงมือปฏิบัติจริงได้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังได้ช่วยเหลือผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้าน ติดเตียง ผู้สูงอายุที่มีความพิการและผู้สูงอายุที่ด้อยโอกาสได้ โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 5.1 วัตถุประสงค์ของผู้สูงอายุ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 83 1) เพื่อให้ผู้สูงอายุที่ติดสังคมได้มีกิจกรรมร่วมกันและถ่ายทอดความรู้แก่ผู้สูงอายุ ด้วยกันเพื่อเสริมสร้างสุขภาพและเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น 2) เพื่อให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนและดำเนินงานร่วมกับภาคีเครือข่ายใน การส่งเสริมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุให้ดียิ่งขึ้น 3) เพื่อให้ผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้าน ติดเตียง และผู้สูงอายุที่มีความพิการ ได้รับการดูแล ช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีและตอบสนองตรงตามความต้องการ และได้รับการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง 5.2 วัตถุประสงค์ผู้ร่วมดำเนินโครงการอาสาสูงวัยเศรษฐกิจระบบสุขภาพวิถีปากพนัง 1) เพื่อพัฒนากลไกการจัดการระบบการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุและทีมดำเนินงาน 2) เพื่อบริหารจัดการทีมและจัดการงบประมาณจากกองทุน สปสช. จากเทศบาล เมืองปากพนัง มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ 3) เพิ่มศักยภาพทีมอาสาสูงวัยพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างเสริมสุขภาพตามวิถีปาก พนัง 6. ประชากรที่ได้รับประโยชน์และผลกระทบ 6.1 ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 3,338 คน ร้อยละ 17.17 6.2 ผู้สูงอายุติดบ้าน 160 คน ผู้สูงอายุติดเตียง 52 คน และผู้สูงอายุติดสังคม 2,997 คน 6.3 ผู้สูงอายุเข้าเรียนรู้ในหลักสูตร โรงเรียนผู้สูงอายุ เทศบาลเมืองปากพนัง จำนวน 250 คน 6.4 ภาคีเครือข่ายร่วมเรียนรู้ ดังนี้ 1) เทศบาลเมืองปากพนัง 2) มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ 3) โรงพยาบาลปากพนัง 4) สาธารณสุขอำเภอปากพนัง 5) ศูนย์บริการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยอำเภอปากพนัง 6) สสส. 7) สปสช. 8) อพม. 9) วัดรัตนาราม วัดนันทาราม วัดเสาธงทอง วัดเขมวงศา ราม วัดรามประดิษฐ์ วัดศรีสมบูรณ์ วัดหูล่อง วัดคงคาสวัสดิ์ วัดสระแก้ว 7. วิธีดำเนินการ (methods) มีขั้นตอนและกระบวนการดำเนินการดังต่อไปนี้ การพัฒนา “อาสาสูงวัยสร้างเศรษฐกิจเสริมสุขภาพ” เทศบาลเมืองปากพนัง ประกอบด้วย การจัดตั้ง คณะทำงาน การสร้างเครือข่ายผู้สูงอายุเข้มแข็ง ปฏิบัติการ: บูรณาการอาสาควบคู่หนุนเสริมเติมกิจกรรม สอดคล้องตามวิถีปากพนัง และการติดตามหนุนเสริมเพื่อการดูแลผู้สูงอายุต่อเนื่อง ดังนี้ 1. จัดตั้งคณะทำงานครอบคลุมองค์กรหลักร่วมขับเคลื่อนงานกับจิตอาสาผู้สูงวัย ได้แก่ 1.1) คณะกรรมการขับเคลื่อนงานหลักกระจายตัวครอบคลุมพื้นที่ทุกชุมชน ได้แก่ ประธานและเลขานุการชมรม ผู้สูงอายุเครือข่าย 8 ชมรม ในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองปากพนัง 1.2) คณะกรรมการที่ปรึกษาจากภาคีเครือข่าย ครอบคลุมหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้นำชุมชน อาสาสมัครสาธารณศุข ปราชญ์ชุมชน และผู้ทรงคุณวุฒิใน พื้นที่ 2. สร้างเครือข่ายผู้สูงอายุเข้มแข็ง พัฒนากิจกรรมในโรงเรียนผู้สูงอายุ ต่อยอดชมรมผู้สูงอายุ การ พัฒนานวัตกรรมจากการปฏิบัติการ 5 อ. สนับสนุนการสร้างเมือง 5 ก. มีผู้นำทำอาสาจากชมรมผู้สูงอายุ 11


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 84 เครือข่าย ได้แก่ เสาธงทอง เขมาวงศาราม รามประดิษฐ์ ศรีสมบูรณ์ บางฉนาก คงคาสวัสดิ์ ต้นหาด และสนาม กีฬา สระแก้ว วารีสวัสดิ์ สินธุ์สืบสุข ร่วมจัดทำโรงเรียนผู้สูงอายุให้มีหลักสูตรครอบคลุมทุกด้าน (สุขภาพกาย และจิตใจ อาชีพ สังคม สิ่งแวดล้อม) 3. ปฏิบัติการ: บูรณาการอาสาควบคู่หนุนเสริมเติมกิจกรรมสอดคล้องตามวิถีปากพนัง โดยนำการ พัฒนาศักยภาพตามภูมิปัญญา บูรณาการกับ อ.ที่ 5 อาสาสร้างเมือง ให้เป็นผู้นำทำการปฏิบัติไปพร้อมกันทั้ง 5 อ. เพิ่มการหนุนเสริม 5 ก. ปฏิบัติการให้ทำได้ดี ด้วยการใช้ภูมิปัญญาวิถีปากพนัง ดังนี้ 3.1 เพิ่มศักยภาพทีมอาสาสูงวัยพัฒนาเศรษฐกิจสุขภาพวิถีปากพนัง เริ่มจาก ก.ที่ 1 การ พัฒนาศักยภาพทีม อาสาผู้สูงอายุ พัฒนาคณะทำงานการติดต่อประสานงานของเครือข่าย ก.ที่ 2. การพัฒนา โรงเรียนผู้สูงอายุ และ ก.ที่ 3. การพัฒนาชมรมผู้สูงอายุครอบคลุม 8 เครือข่าย ได้แก่ เสาธงทอง เขมาวงศา ราม รามประดิษฐ์ ศรีสมบูรณ์ บางฉนาก คงคาสวัสดิ์ ต้นหาด และสนามกีฬา เป็นผู้นำ มีส่วนร่วมดำเนินงาน เป็นทีมผู้สูงอายุเครือข่าย ร่วมกับหน่วยงาน ภาคีสำคัญ และทีมปฏิบัติการ อ.ที่ 5 อาสาสร้างเมือง ให้เกิดการ พัฒนาเศรษฐกิจสุขภาพ เช่น รองนายกเทศบาลเมืองปากพนัง (รองตุ่น) ประธานชุมชน (สายไหม) อาสาสมัคร สาธารณสุขสุข (แหม่ม) กศน.ปากพนัง (ครูแดง ครูตู่) ประธานชมรมออกกำลังกายไทเก็ก (ป้าอี๊ด) ลีลาศ (ครู โกเมศ) แอโรบิก 4 จุด (ชล เกต แดง สุ) กายบริหารลดปวดเข่า (พี่แดง) ประธานกลุ่มอาชีพ (หมวกเปี้ยว หมา จาก (ป้ายม) ปลาบอกร้า เย็บปักและสิ่งประดิษฐ์ (พี่ปาน) ปลูกผักปลอดสารพิษ (น้องม่อน) โรงพยาบาลปาก พนัง (สีฟ้า) มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ (กำไล) เป็นต้น และอีกหลาย ๆ บุคคล และอีกหลายหน่อยงานที่ยังไม่ได้ กล่าวถึง เพื่อปฏิบัติการ อ.ที่ 1. การส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ อ.ที่ 2. อาหารสำหรับผู้สูงอายุ อ.ที่ 3. การส่งเสริม การออกกำลังกายผู้สูงอายุ รวมไป ก. ที่ 4. การออมเพื่อผู้สูงอายุ เป็นสวัสดิการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ด้อยโอกาส ร้อยละ 30 และสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์เพื่อใช้ในการเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุที่ติดบ้าน ติดเตียง รวมไปถึงการประสาน ความร่วมมือกับการส่งเสริมด้านการพัฒนาเด็ก การสร้างครอบครัวอบอุ่น และการดูแลผู้สูงอายุ (มีแกนนำ คือ หมอนก หมออ้อย หมออ้วน) ร่วมดำเนินงาน 3.2 เรียนรู้การจัดการร่วมสร้างเศรษฐกิจเมืองสุขภาพเป็นระบบ ได้แก่ 3.2.1 นำใช้ภูมิปัญญาพัฒนาอาชีพและถ่ายทอดให้คนรุ่นหลัง อาสาผู้สูงวัยนำใช้ภูมิ ปัญญาการพัฒนาอาชีพ สอนเพื่อนผู้สูงอายุและลูกหลานให้จัดทำสิ่งประดิษฐ์อุปกรณ์การประมง (ข้อง เจ้ย หมาจาก หมวกเปี้ยว) ทำอาหารพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อ (หมี่ผัดเมืองนัง ปลาบอกร้า กุ้งส้ม กุ้งแก้ว) อีกทั้งได้นำ การละเล่นพื้นบ้าน (มอญซ่อนผ้า งูกินหาง ตี่จับ) มาสอนเด็กในศูนย์เด็กเล็ก โดยมีตัวแทนชมรมผู้สูงอายุ ผลัดเปลี่ยนกันมาสอนร่วมกับการเล่านิทานพื้นบ้านให้เด็กฟัง รวมไปถึงการสอนเด็กเรื่องมารยาทไทย รำไทย การดูแลสุขอนามัย เป็นต้น 3.2.2 จัดตั้งกองทุนทางสังคมเพื่อผู้สูงอายุ เพื่อส่งเสริมการทำกิจกรรมดูแลเพื่อผู้สูงอายุ สวัสดิการช่วยเหลือกันของทุนทางสังคมต่าง ๆ ซึ่งเป็นกองทุนที่มีอยู่เดิม เพิ่มเรื่องการจัดสวัสดิการเพื่อหนุน เสริมกิจกรรมของผู้สูงอายุเป็นรายครั้ง สนับสนุนให้ผู้สูงอายุเป็นสมาชิกกองทุนสวัสดิการที่จัดโดยชุมชน จัด สวัสดิการให้กับผู้สูงอายุ ในยามปกติ ยามภัยพิบัติ และยามฉุกเฉิน เช่น กลุ่มสัจจะออมทรัพย์ กองทุน


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 85 สวัสดิการชุมชน ธนาคารชุมชน กองบุญวันละบาท กองทุนฟื้นฟูผู้สูงอายุ กองทุนวัด ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิต ผู้สูงอายุ โรงเรียน กลุ่มออมทรัพย์ กองทุนแม่ของแผ่นดิน กองทุนชมรมผู้สูงอายุ เป็นต้น โดยกำหนดให้ ผู้สูงอายุเป็นสมาชิกกองทุนอย่างน้อยหนึ่งกองทุนในชุมชน ให้กองทุนสนับสนุนทุนเพื่อการประกอบอาชีพ 3.2.3 การส่งเสริมอาชีพให้คุณค่าพัฒนาด้านจิตใจ การสนับสนุนผู้นำเป็นผู้สูงอายุที่สัง คมไปชักชวนผู้สูงอายุติดบ้าน ให้ออกจากบ้านมารวมกลุ่มทำอาชีพ เพื่อให้มีรายได้ ให้การยกย่องเชิดชูภูมิ ปัญญา คุณค่า และนำผลิตภัณฑ์จำหน่ายในตลาดน้ำ 3.2.4 บูรณาการสวัสดิการร่วมกับการดูแลสุขภาพให้สอดคล้องกับสภาพของผู้สูงวัย ได้แก่ จัดตรวจสุขภาพในวันจ่ายเบี้ยยังชีพ จัดกิจกรรมธนาคารความดีของทุกกลุ่มวัยเพื่อดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ 3.3 สร้างแหล่งเรียนรู้ พัฒนาการท่องเที่ยวชุมชน พัฒนาเศรษฐกิจครัวเรือน และพัฒนาอาชีพ เสริมสร้างรายได้ผู้สูงอายุ สร้างส่วนร่วมเครือข่ายผู้สูงอายุ ร่วมดำเนินงาน ตลาดน้ำ ตลาดร้อยปี และถนนคน เดิน ทั้งด้านการประกอบอาชีพและสุขภาพ ประกอบอาชีพ ได้แก่ เรียนรู้การผลิตสินค้าพื้นเมืองมาจำหน่ายใน ตลาดน้ำด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น ร่วมกับการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ นำเสนอแก่นักท่องเที่ยวในตลาดน้ำ ทุก วันอาทิตย์ โดยมีกิจกรรมสำคัญที่ส่งผลต่อการพัฒนาต่อเนื่อง ดังนี้ 3.3.1 จัดอบรมผู้นำชุมชน คณะกรรมการผู้สูงอายุในด้านบริหารงาน การให้บริการ และการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว จัดอบรมผู้ประกอบการในด้านการท่องเที่ยวเชิงชุมชน การให้บริการแก่ ผู้บริโภค และจัดอมรม อาสาสมัครผู้สูงอายุ และผู้สูงอายุในชุมชนในด้านการพัฒนาการท่องเที่ยว มีการพัฒนา 6 ด้าน คือ ด้านสิ่งดึงดูดใจ ด้านการเข้าถึง ด้านการจัดการร้านค้า ด้านบุคลากร และด้านการบริหารจัดการ โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน 3.3.2 สนับสนุนผู้สูงอายุที่มีความเชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ เป็นวิทยากรในการพัฒนา ตลาดน้ำ ตลาดย้อนยุคให้เป็นตลาดท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมปากพนัง รวมไปถึงร่วมคิดเพื่อการจัดการร้านค้า โดยผู้สูงอายุ ควรเพิ่มจำนวนร้านค้า โดยเฉพาะร้านขายสินค้าที่แสดงถึงเอกลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่นให้อยู่ใน โซนเดียวกัน เพื่อสร้างสิ่งดึงดูดใจ 3.3.3 สร้างแหล่งเรียนรู้ที่ยั่งยืน โดยการผลักดันกลุ่มผู้สูงอายุ ร่วมจัดแหล่งเรียนรู้ที่มีรายได้ ร่วมสมทบทุนสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจเสริมสุขภาพกายและใจให้ผู้สูงอายุ ได้แก่ (1) เพิ่มงาน กิจกรรมให้หลากหลาย ดึงดูดใจแหล่งท่องเที่ยว (2) ดำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่น (3) ดูแลความ สะอาดของแหล่งท่องเที่ยว (4) การจัดการพื้นที่ขายสินค้า ริมตลาดน้ำ คลองบางฉนาก และแม่น้ำปากพนัง ให้ มีสินค้าประเภทอาหารพื้นถิ่น ของกินเล่นสมัยโบราณ ที่ผู้สูงอายุเป็นต้นตำหรับให้นำมาขายเอง หรือลูกหลาน เอามาขายให้แต่มาจากผู้สูงอายุที่ถ่ายทอดมาให้ (5) จำนวนร้านค้าเหมาสมกับพื้นที่ (6) เพิ่มคุณภาพสินค้า ได้แก่ (6.1) อาหารพื้นถิ่น ราคาไม่แพง ประมาณ 20 บาท คุณภาพอาหารดี มีหลากหลายชนิด สะอาด เน้น บรรจุภัณฑ์ธรรมชาติ ใช้แล้วทิ้ง เช่น กระบอกไม้แผ่ แทนแก้วน้ำ ใช้ต้นอ้อ แทนหลอดกาแฟ ดินเผาแทนแก้ว น้ำ เป็นต้น รสชาติดั้งเดิมปากพนัง เช่น ขนมจีนน้ำยาป้าถ้อง ป้าแข บจ่างพี่สาวแกงไตปลาแม่มณฑา ปลา บอกร้า ข้าวยำ ส่วนขนมของกินเล่น (ขี้หมาคลองเช หนมขี้มอด) (6.2) สินค้าที่ระลึกโดยผู้สูงอายุ ราคา เหมาะสมกับคุณภาพของราคาสินค้าที่เป็นงานแฮนด์เมดฝีมือผู้สูงอายุ มีชิ้นเดียว ไม่ซ้ำแบบที่อื่นไม่มี


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 86 หลากหลายของสินค้ามีให้เลือกหลายชนิด มีตั้งแต่ ของเล่น ของใช้ เสื้อ ผ้าถุง สิ่งประดิษฐ์อื่น ๆ ที่แสดง เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น เพิ่มคุณค่าเอกลักษณ์ ตลาดน้ำปากพนัง มีการเพนท์สีบนสิ่งประดิษฐ์ เช่น กระเป๋า เสื้อยืดที่ระลึก ตะกร้าจากวัสดุเหลือใช้จากซองกาแฟ จากถุงน้ำยาปรับผ้านุ่ม เป็นต้น 3.3.4 พัฒนากลไกหนุนการจัดการตลาดน้ำให้ต่อเนื่อง โดยสร้างการมีส่วนร่วมของ ชุมชนสม่ำเสมอและต่อเนื่อง และส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ให้ผู้มาเยือนบอกต่อไม่รู้จบ เพิ่มการมีส่วนร่วม การเข้าถึงเรื่องการประชาสัมพันธ์ผ่านเครือข่ายวิทยุชุมชน เสี่ยงตามสายเทศบาลเมืองปากพนัง เพิ่มการเข้าถึง ความสะดวกในการเดินทาง ความหลากหลายของช่องทางในการเดินทาง ความปลอดภัยในการเดินทาง มีป้าย สัญลักษณ์บอกทางชัดเจน พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก การให้บริการห้องน้ำ การบริการที่จอดรถ ที่นั่งพัก จุดเช็คอิน ถ่ายรูป ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เรือข้ามฟากฟรี มีหน่วยรักษาความปลอดภัย ประจำในทุกจุด เป็นต้น 4. การติดตามหนุนเสริมพัฒนางานเพื่อการดูแลผู้สูงอายุต่อเนื่องและยั่งยืน อาสาสูงวัย ได้พัฒนาจัดการเรียนรู้การติดตามงานอย่างมีส่วนร่วมของชุมชนร่วมกับหน่วยงาน มา จัดทำโครงการ เสนอให้หน่วยงานอื่น ๆ เพื่อของบประมาณให้มีการพัฒนาต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการพัฒนา สุขภาพผู้สูงอายุต้นหาดลดอาการปวดเข่า เสนอต่อมหาวิทยาลันวลัยลักษณ์ โครงการประชุมสัญจรผู้สูงวัยใน เครือข่าย โครงการออกกำลังกายประจำเดือน โครงการผู้สูงวัยสอนเยาวชน โครงการแม่อาสา เสนอต่อ เทศบาลเมืองปากพนัง โครงการพัฒนาอาชีพภูมิปัญญาพัฒนาตลาดน้ำ เสนอกองทุนแม่เพื่อแผ่นดิน เป็นต้น 8.ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจาการจัดการเรียนรู้ฯ (รูปธรรม) ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และ ครอบครัวผู้สูงอายุ และดูแลผู้สูงอายุ ในเขตเทศบาลเมืองปากพนังทุก ชุมชนปัจจัยความสำเร็จได้แก่ 8.1 การมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุทั้ง 22 ชุมชนเครือข่ายต่าง ๆ จำนวน 11 เครือข่ายและ 3 ชมรมได้แก่ 1) ชมรมผู้สูงอายุเทศบาลเมืองปากพนังสมาชิกจำนวน 250 คน 2) ชมรมไทเก็กสมาชิกจำนวน 100 คน 3) ชมรมลีลาศสมาชิกจำนวน60คน 4) กลุ่มสร้าง เสริมสุขภาพผู้สูงอายุชุมชนรัตนารามต้นหาด จำนวน 70 คน ชุมชนสนามกีฬา 60 คน ชุมชนบางฉนาก 60 คน ชุมชนตลาด 60 คน ชุมชน เสาธงทอง 80 คน ชุมชน เขมวงศาราม 60 คน ชุมชนรามประดิษฐ์ 60 คน ชุมชนหูล่อง 60 คน ชุมชนนาควารี60 คน ชุมชนคงคาสวัสดิ์ 60 คน ชุมชนวารีสวัสดิ์60 คน ชุมชนสินสืบสุข 60คน 5) กลุ่มส่งเสริมอาชีพตัดเย็บเสื้อผ้าจำนวน20คน 6) กลุ่มทำขันหมากจำนวน13คน 7) กลุ่มดอกไม้จันท์จำนวน10คน 8) กลุ่มปลูกผักสมุนไพรปลอดสารพิษจำนวน 45 คน 8) กลุ่มอาสาเยี่ยมบ้าน (ผู้สูงอายุ) จำนวน 15 คน 8.2 โรงเรียนผู้สูงอายุเกิดการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนงานโดยผู้สูงอายุเองและเกิดวิทยากรจัด กระบวนการได้แก่ 1) นางแดนสรวง ยอดแก้ว วิทยากรเรื่องการทำขันหมากงานใบตองและการจัดดอกไม้สด 2) นางสมพร เรืองโรจน์ วิทยากรเรื่องการทำดอกไม้จันท์3) นางผวน ศรีขวัญช่วยวิทยากรเรื่องการทำหมวก เปี้ยว 4) นายเจริญ รักษา วิทยากรเรื่องการทำหมาจาก 5) นางอุบลรัตน์ เพชราเวช วิทยากรเรื่องการตัดเย็บ เสื้อผ้า 6) นางละออง เจษฎารมย์ วิทยากรเรื่องการถนอมอาหารและแปรรูปอาหารทะเล 7) นางประจวบ อุไร


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 87 รัตน์ ประธานชมรมผู้สูงอายุ โดยบุคคลเหล่านี้ได้นำความรู้ความสามารถมาถ่ายทอดผ่านหลักสูตรในโรงเรียน ผู้สูงอายุเพื่อเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และได้นำความรู้เหล่านี้ไปประกอบอาชีพเสริมเพิ่มรายได้อีก ทางเป็นการสร้างการสร้างการมีส่วนร่วมและถ่ายทอดความรู้แก่สมาชิกผู้สูงอายุด้วยกันเกิอการเอื้ออารีต่อกัน รู้จักการแบ่งปัน รู้จักการเป็นผู้ให้แล้วชีวิตจะมีความสุข ผู้สูงอายุอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีและมีกินในท้องถิ่นเอง แก่ อย่างมีคุณค่า ชราอย่างมีคุณภาพ 9. ผลกระทบที่เกิดขึ้น ดังนี้ 9.1 ผลต่อกลุ่มประชากรเป้าหมาย ได้แก่ 1) ผู้สูงอายุมีสวัสดิการกองทุนเงินออมวันละบาท เมื่อเจ็บป่วยนอนโรงพยาบาล คืนละ 100 บาท และเงินฌาปณกิจ สำหรับผู้สูงอายุเป็นสมาชิก 2) สวัสดิการของชมรมผู้สูงอายุทั้ง 2 แห่ง คือ ชมรมผู้สูงอายุบ้านสระเพลง (ผู้สูงอายุ หมู่ที่ 1, 2, 6) ชมรมผู้สูงอายุบ้านโคกคราม (ผู้สูงอายุ หมู่ที่ 3, 4, 5) ที่มีกิจกรรม “เพื่อนช่วยเพื่อน” โดยการลงเยี่ยม เพื่อนผู้สูงอายุที่เจ็บป่วย ติดบ้าน ติดเตียง กิจกรรมร่วมสวดอภิธรรม มอบเงินฌาปนกิจ เป็นต้น 3) ผู้สูงอายุเข้าถึงบริการสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุพิการ ป่วยติดเตียง ป่วยติดบ้าน ไม่สามารถเดินทางมาเรียนได้ การเข้าถึงการตรวจสุขภาพ และการให้ความรู้เรื่องสุขภาพ 4) ผู้สูงอายุหรือครอบครัวผู้สูงอายุได้รับการส่งเสริมอาชีพ ที่หลากหลาย ตรงตามความ ต้องการ สามารถนำกลับมาสอนลูกหลานและประกอบอาชีพได้ 9.2 ผลต่อหน่วยงาน องค์กรชุมชน ได้แก่ 1) เกิดการมีส่วนร่วมจากหลายฝ่ายในการพัฒนางาน โดยเกิดความร่วมมือจากหน่วยงาน ราชการ และเอกชนต่างๆ และหน่วยงานอื่นๆอีกมากมายที่เข้ามาให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องและจำเป็นสำหรับ ผู้สูงอายุ ดังนี้ 1.1) ทุนทางสังคมที่มีศักยภาพจัดการงานและผลกระทบที่เกิดกับผู้สูงอายุในเขต พื้นที่ตำบลปากพนัง 1.2) หน่วยงาน องค์กรชุมชน องค์กรรัฐ เอกชนนอกพื้นที่ 2) มีมาตรฐาน แนวปฏิบัติที่ชัดเจน มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อจัดทำหลักสูตรจาก หลากหลายวิชาชีพ และทบทวนหลักสูตรในทุกปีการศึกษา เพื่อปรับให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ และ ความต้องการของผู้สูงอายุในชุมชน และมีการจัดทำคู่มือ เพื่อเป็นแนวทางหลักในการดำเนินการ และเป็นการ แนะแนวข้อปฏิบัติให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน 9.3 ผลต่อชุมชน ได้แก่ 1) โรงเรียนผู้สูงอายุเป็นพื้นที่เรียนรูและถายทอดประสบการณ ภูมิปัญญาและวัฒนธรรม ท องถิ่นใหดำรงสืบทอดเป็นเอกลักษณของชุมชน เป็น “กิจกรรม” ที่เปิดโอกาสใหผู้สูงอายุมีสวนร่วมในการทำ ประโยชน ต่อชุมชนและสังคม รวมทั้งอาจเป็นแรงผลักดันใหเขาร่วมเป็นอาสาสมัครในชุมชน 2) มีกลุ่มดูแลช่วยเหลือกัน กฎ กติกา จัดการกันเอง


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 88 10. ปัจจัยความสำเร็จ ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ 10.1 ปัจจัยความสำเร็จ 1) การมีส่วนร่วมของ 4 องค์กรหลักในการออกแบบหลักสูตรของโรงเรียน ร่วมพัฒนา รูปแบบและประสิทธิภาพของหลักสูตรการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุที่เอื้อต่อการดำรงชีวิต โดยการ ออกแบบกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้สูงอายุ 2) มีกระบวนการค้นหา และนำใช้ทุนทางสังคม และศักยภาพของชุมชนเพื่อการพัฒนาระบบ การดูแลผู้สูงอายุ 10.2 ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ 1) การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมเพื่อสร้างการเรียนรู้อย่าง เต็มประสิทธิภาพสำหรับการพัฒนาผู้สูงอายุ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 89 จิตอาสาข้างเริน (บ้าน) เสริมสร้างสุขภาวะผู้สูงวัย ตำบลหัวไทร เทศบาลตำบลหัวไทร อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช 1. ชื่อเรื่อง จิตอาสาข้างเริน (บ้าน) เสริมสร้างสุขภาวะผู้สูงวัย ตำบลหัวไทร 2. พื้นที่ เทศบาลตำบลหัวไทร อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช 3. ผู้นำเสนอ 1. นายเรวัตร ด่านตันติศุภกุล นายกเทศมนตรีตำบลหัวไทร 2. นายณรงค์ ยิ้มสุด ปลัดเทศบาลตำบลหัวไทร 3. นายปรัชญา สุขราช ผู้อำนวยการกองสวัสดิการ 4. ที่มาและเส้นทางการพัฒนา ก่อนปี พ.ศ.2562 เทศบาลตำบลหัวไทร ให้ความสำคัญเรื่องการดูแลผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้านติดเตียง จัด ให้มีกิจกรรมเยี่ยมบ้านโดยเจ้าหน้าที่เทศบาล ร่วมกับอาสาดูแลผู้สูงอายุ จำนวน 20 คน แต่ยังดำเนินการได้ไม่ ครอบคลุมความต้องการการดูแลของผู้สูงอายุทั้งหมด เนื่องจากมีสัดส่วนของอาสาดูแลผู้สูงอายุน้อย ต่อมา ใน ปี 2562 เทศบาลตำบลหัวไทร ได้เข้าร่วมโครงการ “พัฒนาและวิจัยเพื่อการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น” ซึ่งสนับสนุนงบประมาณจาก สสส สำนัก 3 และประสานงานโดยสำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัย ลักษณ์ ภายใต้โครงการนี้ ทต.หัวไทร ได้พัฒนาระบข้อมูลตำบล(Thailand Community Network Appraisal Program: TCNAP) อีกทั้งจัดเก็บข้อมูลสุขภาวะผู้สูงอายุทั้งในระดับครัวเรือนและชุมชน พบว่า มี จำนวนประชากรทั้งสิ้น 4,317 คนและมี 313 ครัวเรือนที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ ในกลุ่มผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จำนวน 889 คน (ร้อยละ 20.59) แบ่งเป็น เพศชาย 360 คน ( 40.49) เพศหญิง 529 (ร้อยละ 59.51) มี รายได้เพียงพอกับรายจ่าย ร้อยละ 79.2 ส่วนใหญ่ยังสามารถทำกิจกรรมประจำวัน โดยช่วยเหลือตัวเองได้ดี 789 คน (ร้อยละ 88.75) ช่วยเหลือตัวเองได้ปานกลาง 84 คน (ร้อยละ 9.45) ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย 16 คน (ร้อยละ 1.80) มีผู้สูงอายุที่ป่วยติดบ้าน 69 คน (ร้อยละ 7.76) และป่วยติดเตียง 11 คน (ร้อยละ 1.24) ส่วน ใหญ่ผู้สูงอายุอาศัยอยู่กับผู้สูงอายุที่พิการ หรือเจ็บป่วยเรื้อรัง ร้อยละ 24.28 ผู้สูงอายุอยู่กับเด็ก ร้อยละ 22.36 และผู้สูงอายุอาศัยอยู่กับผู้สูงอายุ ร้อยละ 9.58 เสี่ยงต่อการหกล้ม 319 (ร้อยละ 35.88) อัตราการพึ่งพิงของ ผู้สูงอายุ คิดเป็นร้อยละ 25.37 ติดบุหรี่ 82 คน (ร้อยละ 9.20) ติดสุรา 44 คน (ร้อยละ 4.95) ด้านพฤติกรรม การบริโภคอาหาร ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ ดีมาก 363 คน (ร้อยละ 40.83) พฤติกรรมดี 178 คน (ร้อยละ 20.02) พฤติกรรมปานกลาง 323 (ร้อยละ 36.33) และมีผู้สูงอายุที่ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบริโภคอาหารให้ ดีขึ้น 25 คน (ร้อยละ 2.81) ด้านสุขภาวะทางจิต มีจำนวน 31 คน ที่มีความวิตกกังวล เป็นโรคอัลไซเมอร์ 4


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 90 คน (ร้อยละ 0.45) ส่วนใหญ่บุตร หลานในครอบครัวเป็นผู้ดูแลหลัก ร้อยละ 77.3 คู่สมรสดูแลกันเอง ร้อยละ 44.6 และไม่มีผู้ดูแล ร้อยละ 8.7 ส่วนใหญ่รับรู้ว่ามีบริการเยี่ยมบ้านดูแลผู้สูงอายุที่ป่วย พิการ ติดบ้าน ติดเตียง และระยะท้าย ร้อยละ 93 แต่ได้รับการดูแลที่บ้านเพียงร้อยละ 46.1 และข้อมูลจากการสำรวจพบผู้สูงอายุมี ความต้องการช่วยเหลือให้เทศบาลเข้าไปดูแลที่บ้าน จำนวน 236 คน (ร้อยละ 26.54 )ของผู้สูงอายุทั้งหมด นอกจากนี้ได้จัดทำวิจัยชุมชน (RECAP) เพื่อค้นหาทุนและศักยภาพพื้นที่ สำหรับใช้เป็นกลไกขับเคลื่อนการ ดูแลผู้สูงอายุในระยะถัดไป ทต.หัวไทร ได้นำข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาวิเคราะห์ ตรวจสอบ และนำเข้าเวทีประชาคมเพื่อร่วมกัน ออกแบบแนวทางการดูแลผู้สูงอายุจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง (เช่น เทศบาลหัวไทร โรงพยาบาลหัวไทร สาธารณสุขอำเภอ ผู้สูงอายุ ชมรมผู้สูงอายุ กลุ่มอาชีพ และกลุ่มสวัสดิการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์ เป็นต้น) ในที่ประชุม เห็นว่าควรดำเนินการดูแลผู้สูงอายุในกลุ่มติดบ้าน ติดเตียงที่บ้านให้ครอบคลุม ตามความต้องการของผู้สูงอายุ เนื่องจากสัดส่วนการให้การดูไม่สมดุล โดยพบว่า ผู้ดูแลผู้สูงอายุ (care giver : CG) ที่มีอยู่จำนวน 20 คนนั้น แต่ละคน ต้องดูแลผู้สูงอายุที่ติดบ้าน ติดเตียง ในสัดส่วน 1:4 อีกทั้งผู้สูงอายุถึง 236 ครัวเรือน ที่ระบุความต้องการการดูแลที่บ้าน อีกทั้งมีครัวเรือนที่มีผู้สูงอายุทั้งหมดในพื้นที่จำนวน 313 ครัวเรือน ทำให้ CG ที่มีอยู่ต้องดูแลผู้สูงอายุต่อครัวเรือน ในสัดส่วน 1:15.65 ส่งผลให้การดูแลเพื่อ ตอบสนองต่อความต้องการของผู้สูงอายุไม่ครอบคลุม ดังนั้น ที่ประชุมลงความเห็นร่วมในหลักการสำคัญว่า “ไม่ทอดทิ้งกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” จึงมีมติจัดตั้ง “จิตอาสาข้างเริน (บ้าน)” ขึ้น เพื่อพัฒนาศักยภาพให้ สามารถทำหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุและครอบครัว โดยเน้นการดูแลแบบบูรณาการเพื่อสร้างสุขภาวะที่มากกว่าการ ดูแลเพียงแค่สุขภาพเพียงอย่างเดียว เน้นให้มีการเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุครอบคลุมทุกครัวเรือน โดยให้บุคลากร ของเทศบาล ได้มีส่วนร่วมกับชุมชน ร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุข 49 คน และร่วมกับอาสาสมัครดูแล ผู้สูงอายุ 20 คน ร่วมดำเนินกิจกรรมสำคัญ คือคัดเลือกประชาชนที่มีจิตอาสา เข้ารับการอบรมการพัฒนา ศักยภาพเป็น “จิตอาสาดูแลผู้สูงอายุ” ให้มีความสามรถดูแลผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง ที่อาศัยอยู่ข้างบ้านของ แต่ละคน จัดตั้ง ทีมดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน เรียกชื่อว่า “จิตอาสาข้างเริน (บ้าน)” ทำหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุและ ครอบครัวที่บ้านแบบบูรณาการทุกด้านเพื่อสร้างสุขภาวะ โดยแต่ละทีมรับผิดชอบดูแลครอบครัวที่มีผู้สูงอายุไม่ เกิน 8 ครัวเรือน เน้นการดูแลผู้ที่อาศัยอยู่ข้างบ้านตนเอง คณะทำงานจัดทำสติ๊กเกอร์แสดงสถานะผู้สูงอายุ ต้องได้รับการดูแล รวมไปถึงการสื่อสารข้อมูลเพื่อขอความช่วยเหลือได้ 24 ชั่วโมง ปิดไว้ที่หน้าบ้านผู้สูงอายุทุก บ้าน และจัดทีมเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง ใช้แบบบันทึกการเยี่ยมบ้านรายครั้ง นำข้อมูลมาวิเคราะห์เป็น รายสัปดาห์ รายเดือน และรายปี เพื่อพัฒนางานต่อเนื่อง ให้มีการปรับวิธีการดูแลผู้สูงอายุให้เหมาะสมกับกับ สภาพการเปลี่ยนแปลง จากการที่ตำบลหัวไทรนำใช้หลักคิด “การพัฒนาโดยไม่ทิ้งโครไว้ข้างหลัง” มาผสมผสานกับหลักการ มีส่วนร่วม และบูรณาการงานกับทุกภาคีเครือข่ายในพื้นที่ โดยใช้บริบทวิถีชีวิตดั้งเดิมและวัฒนธรรมของชุมชน สังคมที่เกื้อกูลกันมาขับเคลื่อนเป็นนวัตกรรม เกิดเป็น จิตอาสาข้างเริน (บ้าน) ลงทุนต่ำที่ได้ผลสูง ใช้ทรัพยากร


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 91 ไม่สิ้นเปลืองแต่ได้ผลดี มีประสิทธิภาพ สามารถช่วยเหลือผู้สูงอายุที่อยู่ตามลำพัง ปราศจากการดูแล ได้คลาย ความเหงา ลดความท้อแท้ใจในช่วงบั้นปลายของชีวิต ซึ่งเห็นผลลัพธ์การดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม คือ จำนวน จิตอาสาข้างเริน (บ้าน) เพิ่มขึ้น จากเดิม 20 คน เพิ่มเป็น 138 คน ประกอบด้วย อาสาสมัครสาธารณสุขที่ พัฒนาศักยภาพขึ้นมาเป็น CG จำนวน 49 คน อาสากู้ภัย 39 คน พนักงานเทศบาลตำบลหัวไทร 50 คน จึงทำ ให้สัดส่วนผู้ดูแลต่อผู้สูงอายุครอบคลุม และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุและครอบครัวได้ จาก เดิมที่สัดส่วนผู้ดูแล 1 คน ต้องดูแลผู้สูงอายุถึง 44.45 คน ปัจจุบัน มีจิตอาสา 1 คนดูแลผู้สูงอายุ 6.44 คน ทำให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลครอบคลุมครบทุกคน และทุกครอบครัว รวม 313 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 100 ของความต้องการการดูแลจากผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุยังได้รับการดูแลโดยระบบการดูแลระยะยาว (Long term care) ส่งผลให้ผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียงได้การเยี่ยมบ้านต่อเนื่อง ครอบคลุม ครบถ้วนทุกบ้าน ให้มีคุณภาพ ชีวิตที่ดี นอกจากนี้ผลการดำเนินงานของจิตอาสาข้างเริน เกิดผลดีต่อครอบครัวของผู้สูงอายุด้วย เช่น เยาวชน ที่มีความเสี่ยงต่อการออกจากโรงเรียน ไม่ต้องออกจากโรงเรียน เนื่องจากได้รับการดูแลที่อบอุ่นจากผู้สูงอายุใน ขณะที่พ่อแม่ไปทำงานไกลบ้าน และครอบครัวมีรายได้เพิ่มจากการส่งเสริมอาชีพ เป็นต้น อีกทั้งโครงการนี้ยัง เป็นแบบอย่างให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ได้เรียนรู้เรื่องการดูแลผู้สูงอายุให้มีสุขภาวะที่ดีต่อไป 5. เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการทำงานเรื่องเด่น 1. เพื่อให้การดูแลช่วยเหลือผู้สูงอายุและครอบครัวโดยการเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุที่ติดบ้าน ป่วยติดเตียง อย่างครอบคลุม (จำนวน 80 คน ) 2. เพื่อจัดตั้ง “ทีมจิตอาสาข้างเริน (บ้าน)” และพัฒนาศักยภาพ ให้ดูแลช่วยเหลือผู้สูงอายุในพื้นที่ เทศบาลตำบลหัวไทรได้อย่างครอบคลุม(มีทีมจิตอาสา ดูแลครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ 313 ครัวเรือน) 6. ประชากรที่ได้รับประโยชน์และผลกระทบ 6.1 ผลต่อกลุ่มประชากรเป้าหมาย ได้แก่ 1) ผู้สูงอายุและครอบครัว ในเขตพื้นที่ทั้งหมด 313 ครัวเรือน 889 คน ได้รับการดูแลที่บ้าน ครอบคลุม (2) ผู้สูงอายุที่ไม่สะดวกเดินทางไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลมีรถรับส่งไปโรงพยาบาลทุกคน (3) มีอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น จากเดิม 20 คน เพิ่มเป็น 108 คน (ประกอบด้วย อาสาสมัครสาธารณสุข 49 คน ผู้ดูแลผู้สูงอายุ 20 คน อาสากู้ภัย 39 คน พนักงานเทศบาลตำบลหัวไทร 50 คน) 6.2 ผลต่อหน่วยงาน องค์กร ได้แก่ (1) มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ได้ร่วมเรียนรู้และสร้างองค์ความรู้ เพื่อขยายผล และนำเสนอนโยบายสาธารณะเพื่อการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นของ ประเทศไทย (2) ศูนย์สุขภาพชุมชนที่ 4 โรงพยาบาลหัวไทร ได้ร่วมเรียนรู้ นำความรู้ไปดูแลผู้สูงอายุในความ รับผิดชอบ และนำความรู้ไปขยายผลในพื้นที่อื่น ๆ ของกระทรวงสาธารณสุขได้(3) ผู้สูงอายุที่เป็นสมาชิกใน ชมรมผู้สูงอายุเทศบาลตำบลหัวไทร ได้ร่วมเรียนรู้ และนำใช้ข้อมูลผู้สูงอายุไปดำเนินสร้างเสริมสุขภาพในกลุ่ม


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 92 หมู่บ้านต่อไปได้(4) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ได้ร่วมเรียนรู้ นำความรู้ไปดูแลผู้สูงอายุในความ รับผิดชอบ และนำความรู้ไปขยายผลในพื้นที่อื่น ๆ ของกระทรวงสาธารณสุขได้(5) สำนักงานพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เรียนรู้การการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ เพื่อนำไปขยาย ผลให้พื้นที่อื่น ๆ และ (6) เทศบาลตำบลหัวไทร ได้เรียนรู้การจัดระบบดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ใช้ กระบวนการ มีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างบูรณาการครอบคลุมทุกมิติของสุขภาวะผู้สูงอายุ 6.3 ผลต่อชุมชน ได้แก่ (1) เกิดกลไกกลุ่มจิตอาสาในชุมชน เพื่อการดูแลช่วยเหลือกัน (2) ชุมชนมี ส่วนร่วมเรียนรู้การพัฒนากลไกในการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายเพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มอาสาข้างบ้าน ชมรม ผู้สูงอายุ คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในตำบลหัวไทร เป็นต้น 4. วิธีดำเนินการ (methods) คณะทำงาน “จิตอาสาข้างเริน (บ้าน) เทศบาลตำบลหัวไทร มีวิธีการทำงานที่สำคัญ ส่งผลให้ผู้สูงอายุ ที่ต้องการความช่วยเหลือให้ได้รับการดูแลครบทุกด้าน ดังนี้ 1) เทศบาลตำบลหัวไทร ร่วมโรงพยาบาลหัวไทร โดยผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพชุมชน คัดเลือก ประชาชนที่มีจิตอาสา เช่น คณะทำงานจากทีมกู้ชีพ กูภัยทั้งของเทศบาล และขอเอกชนในพื้นที่ พนักงานของ เทศบาล เป็นต้น เข้ารับการอบรมการพัฒนาศักยภาพเป็น “จิตอาสาดูแลผู้สูงอายุ” ให้มีความสามรถดูแล ผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง ที่อาศัยอยู่ข้างบ้านของแต่ละคน 2) จัดตั้ง ทีมดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน เรียกชื่อว่า “จิตอาสาข้างเริน (บ้าน)” ทำหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุและ ครอบครัวที่บ้านแบบบูรณาการทุกด้านเพื่อสร้างสุขภาวะ โดยแต่ละทีมรับผิดชอบดูแลครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ ไม่เกิน 8 ครัวเรือน เน้นการดูแลผู้ที่อาศัยอยู่ข้างบ้านตนเอง ซึ่งแต่ละทีมประกอบด้วย 2.1) พนักงานเทศบาล 1-2 คน 2.2) อาสาสมัครสาธารณสุขที่ผ่านการอบรมเพิ่มศักยภาพเป็น ผู้ดูแลผู้สูงอายุ(CG) 1 -2 คน 2.3) จิต อาสา ดูแลผู้สูงอายุ 1 คน 3) คณะทำงานจัดทำสติ๊กเกอร์แสดงสถานะผู้สูงอายุต้องได้รับการดูแล รวมไปถึงการสื่อสารข้อมูล เพื่อขอความช่วยเหลือได้ 24 ชั่วโมง ปิดไว้ที่หน้าบ้านผู้สูงอายุทุกบ้าน 4) จัดทีมเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง ใช้แบบบันทึกการเยี่ยมบ้านรายครั้ง นำข้อมูลมาวิเคราะห์ เป็นรายสัปดาห์ รายเดือน และรายปี เพื่อพัฒนางานต่อเนื่อง ให้มีการปรับวิธีการดูแลผู้สูงอายุให้เหมาะสมกับ กับสภาพการเปลี่ยนแปลง 5. ผลที่เกิดขึ้น (รูปธรรม) 5.1 ด้านปริมาณผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ ดังนี้ 1) ผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลความช่วยเหลือที่บ้าน ได้รับการดูแลครอบคลุมทุกคน คือ 889 คน และ 313 ครัวเรือน


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 93 2) ผู้สูงอายุที่ไม่สะดวกเดินทางไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล มีรถรับส่งไปโรงพยาบาลทุกคน 3) มีอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น จากเดิม 20 คน เพิ่มเป็น 108 คน (ประกอบด้วย อาสาสมัครสาธารณสุข 49 คน ผู้ดูแลผู้สูงอายุ 20 คน อาสากู้ภัย 39 คน พนักงานเทศบาลตำบลหัว ไทร 50 คน) เพิ่มขึ้นร้อยละ ร้อยละ 54 4) ครัวเรือนที่มีผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง จำนวน 80 ครัวเรือน ได้รับการเยี่ยมบ้านทุก ครัวเรือน 5.2 ลดค่าใช้จ่าย ที่เป็นค่าจ้างให้ลูกจ้างมาดูแลผู้สูงอายุของลูกหลาน ในกรณีที่ผู้สูงอายุอยู่ตามลำพัง ต่อหนึ่งคน ต่อเดือน จ่ายเงิน 24,000 บาท (จ้างให้ดูแลกลางวัน 12,000 บาท กลางคืน 12,000 บาท) และใน บางรายได้จ่ายค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาท รวม 9,000 บาท/เดือน ดังนั้นใน 1 ปี จึงลดค่าใช้จ่ายในการดูแล ผู้สูงอายุที่อยู่ตามลำพังในเขตเทศบาลตำบลหัวไทร ได้ 12,312,000 บาท/ปี 5.3 ด้านสังคม เกิดการช่วยเหลือเกื้อกูล ดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน เกิดความรัก ความสามัคคีของ คนในชุมชน และคนในชาติ ซึ่งความสุขเหล่านี้ไม่สามารถคิดเป็นมูลค่าได้ แต่เกิดคุณค่าในชุมชนของเทศบาล ตำบลหัวไทร โครงการจิตอาสาข้างบ้าน ได้ดำเนินการประเมินโดยมีผลลัพธ์ว่าผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่ดีขึ้น โดยวัดจากจิตอาสาข้างบ้านที่เป็นอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ และวัดจากผู้สูงอายุที่ได้รับบริการโดยเทศบาลเป็นผู้ ประเมินร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขและชมรมผู้สูงอายุร่วมกันจัดทำแบบประเมินความพึงพอใจและ ผลกระทบที่เกิดขึ้น ปรากฏว่า จิตอาสาข้างบ้านทุกคนมีความสุขที่ได้ดูแลผู้สูงอายุข้างบ้าน และผู้สูงอายุทุกคน มีความสุข ความอุ่นใจ ที่ได้รับจากการดูแลจากจิตอาสาข้างบ้าน 5.4 ผลการประเมินผลความพึงพอใจจากผู้สูงอายุที่ได้รับการดูแล ภาพรวมความพึงพอใจ มากที่สุด ร้อยละ 72.72 รายละเอียดรายข้อ มีดังนี้ (1) พอใจในความเหมาะสมกับบริบท มากที่สุด ร้อยละ 54.54 (2) พอใจในการช่วยเหลือจากผู้มีจิตอาสาข้างบ้าน มากที่สุด ร้อยละ 81.81 (3) พอใจในประโยชน์จากการเข้าร่วม กิจกรรม มากที่สุด ร้อยละ 63.63 (4) มีคุณภาพชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี มากที่สุด ร้อยละ 45.45 (5) ได้รับการตอบสนองความต้องการในการดำเนินชีวิตประจำวัน มากที่สุด ร้อยละ 45.45 (6) พอใจในระบบ การดูแลผู้สูงอายุโดยรวมมีประสิทธิภาพ มากที่สุด ร้อยละ 63.63 (7) กิจกรรมจิตอาสาข้างบ้านควรดำเนินการ ต่อไป มากที่สุด ร้อยละ 72.72 และ 6. ผลกระทบที่เกิดขึ้น 1) ด้านสังคม เกิดสังคมเกื้อกูลกัน จากการได้ดูแลคนรอบข้าง นอกจากดูแลครอบครัวตนเอง ทำให้ ชุมชนมีความรัก ความสามัคคี เกิดผลดีต่อชุมชน สังคม 2) ด้านเศรษฐกิจ เกิดความยั่งยืนจากการแบ่งปัน โครงการจิตอาสาข้างบ้านนอกจากทำหน้าที่ดูแล ผู้สูงอายุแล้ว เกิดการช่วยเหลือกับเรื่องเศรษฐกิจ เช่น แบ่งปันอาหาร การช่วยเหลือบริจาคทรัพย์ให้กับคนที่ ด้อยกว่าเพื่อการยังชีพ การสร้างที่อยู่อาศัย 3) ด้านสิ่งแวดล้อม โครงการจิตอาสาข้างบ้านจะมีการดูแลความสะอาด ขยะ บ้านที่อยู่อาศัยให้อยู่ใน สภาพแวดล้อมที่ดีและมั่นคง เป็นการสร้างเสริมสิ่งแวดล้อมที่ดีโดยรวมของชุมชนด้วย


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 94 4) การขับเครื่องโครงการนวัตกรรมจิตอาสาข้างเริน (บ้าน) ได้ถูกกำหนดไว้ในระบบการดูแลผู้สูงอายุ โดยชุมชนท้องถิ่นของเทศบาลตำบลหัวไทร และบรรจุไว้ในแผนพัฒนาของเทศบาลที่จะต้องดำเนินการต่อเนื่อง ทุกปีและได้เสนอแนวทางการปรับปรุงและต่อยอดเพื่อความยั่งยืน ดังนี้ (1) พัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุผ่านระบบออนไลน์ (2) พัฒนาระบบการส่งต่อข้อมูลที่สะดวก รวดเร็ว จากผู้สูงอายุ จิตอาสาข้างบ้านไปยังเทศบาล และระบบสาธารณสุข เพื่อที่จะแก้ไขช่วยเหลือกรณีเกิดปัญหาเร่งด่วนของผู้สูงอายุ (3) กำหนดไว้เป็นยุทธศาสตร์หลักในการวางแผนพัฒนาเทศบาลตำบลหัวไทรให้มีความยั่งยืน และพัฒนาต่อยอดไปเรื่อย ๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้สูงอายุ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 95 ระบบบริการสุขภาพ บูรณาการพัฒนาท้องถิ่น สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ตำบลวังไผ่ เทศบาลตำบลวังไผ่ อำภอเมือง จังหวัดชุมพร 1. ชื่อเรื่อง ระบบบริการสุขภาพ บูรณาการพัฒนาท้องถิ่น สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ตำบลวังไผ่ 2. พื้นที่ เทศบาลตำบลวังไผ่ อำภอเมือง จังหวัดชุมพร 3. ผู้นำ 1. นายมาโนช ธัญญาบัตร นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลวังไผ่ 2. นายยุทธนา รัตนมณี หัวหน้าฝ่ายบริหารงานสาธารณสุขเทศบาลตำบลวังไผ่ 4. ที่มาและเส้นทางการพัฒนา ปี พ.ศ. 2553 ประชาชนในเขตเทศบาลตำบลวังไผ่ ได้เรียกร้องให้เทศบาล เปิดหน่วยบริการสุขภาพ ระดับปฐมภูมิ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพได้สะดวก โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส ที่อยู่ในเขต เทศบาลตำบลวังไผ่ ประกอบกับผู้บริหารของเทศบาลตำบลวังไผ่ ให้ความสำคัญกับการพัฒนางานด้าน สาธารณสุขจากการมีส่วนร่วมของประชาชน เทศบาลตำบลวังไผ่จึงได้จัดทำโครงสร้างส่วนราชการกอง สาธารณสุขให้มีงาน “ศูนย์บริการสาธารณสุข” ใช้อาคารสำนักงานเทศบาลตำบลวังไผ่ (หลังเก่า) เป็น “ศูนย์บริการสาธารณสุขเทศบาลตำบลวังไผ่” ดำเนินการร่วมกับคณะกรมการกองทุนแม่ของแผ่นดิน และ คณะกรรมการศูนย์บริการทางสังคมแบบมีส่วนร่วม (Community center หรือศูนย์ CC) ให้ชุมชนเข้ามามี ส่วนร่วม ร่วมมือกันจัดทำโครงการ “ห่วงใยใส่ใจบ้านเกิด” โดยจัดทอดผ้าป่ากองทุนแม่ของแผ่นดินชุมชนปฐม พร (ครั้งที่ 1) เพื่อสนับสนุนให้เทศบาลตำบลวังไผ่ได้จัดบริการทางด้านสุขภาพแก่ประชาชนในพื้นที่ได้ ปี พ.ศ. 2554 ต่อยอดโครงการ “ห่วงใยใส่ใจบ้านเกิด” จัดการทอดผ้าป่าสามัคคีกองทุนแม่ชุมชนปฐมพร ครั้งที่ 2 ปี พ.ศ. 2556 ได้ร่วมกันพัฒนาปรังปรุงลานหน้าศูนย์บริการสาธารณสุขเทศบาลตำบลวังไผ่ เพื่อเป็นศูนย์พัฒนา คุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ ปี พ.ศ. 2557 จัดทำโครงการ “ห่วงใยใส่ใจบ้านเกิด” (ครั้งที่ 3) เพื่อ ต่อยอดการจัดกิจกรรมของศูนย์บริการสาธารณสุข ให้บริการประชาชนครอบคลุมทุกด้าน การส่งเสริมสุขภาพ ป้องกัน ฟื้นฟูสมรรถภาพ และการออกเยี่ยมบ้านของผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง ปี 2558 ร่วมเรียนรู้กับศูนย์ จัดการเครือข่ายขุนทะเล ปี พ.ศ. 2559 ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการ บริการจัดการที่ดี ประเภททั่วไป ประจำปี 2558 ได้รับเงินรางวัล 1,000,000 บาท ทางเทศบาลได้นำเรื่องเงิน รางวัลเข้าที่ประชุมร่วมกับผู้นำชุมชน ปรึกษาหารือ จึงมีมติร่วมกันให้ “ก่อสร้างอาคารปฐมภูมิหลังใหม่” และ เริ่มเปิดโรงเรียนผู้สูงอายุ ปี พ.ศ. 2560 ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการ บริการจัดการที่ดี ประเภทโดดเด่น ประจำปี 2559 และได้รับรางวัล ศูนย์กู้ชีพปฏิบัติการฉุกเฉิน ทต.วังไผ่ซึ่ง เป็นหน่วยบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน และเป็นสถานที่เรียนรู้การดำเนิงานการแพทย์ฉุกเฉินของเทศบาล


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 96 ปี พ.ศ. 2561 เทศบาลตำบลวังไผ่เข้าร่วมเป็นเครือข่ายในโครงการ “การพัฒนาและวิจัยเพื่อการดูแล ผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น” ซึ่งสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มี สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เป็นผู้ประสานงาน ภายใต้ข้อตกลงโครงการฯ สนับสนุนให้ เกิดคณะทำงานพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นเขตเทศบาลวังไผ่ ที่มาจาก 4 องค์กรหลัก (ท้องถิ่น ท้องที่ องค์กรชุมชน ภาคประชาชน) ได้ร่วมกันพัฒนาระบบข้อมูลตำบล (Thailand Community Network Appraisal Program: TCNAP) และแบบประเมินสุขภาวะผู้สูงอายุ เพื่อค้นหาปัญหาและความ ต้องการการดูแลของผู้สูงอายุทั้งตำบล อีกทั้งยังจัดทำชุดข้อมูลการวิจัยชุมชน (Rapid Ethnographic Community Assessment Process: RECAP) เพื่อค้นหาทุนและศักยภาพของชุมชนทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชนสำหรับสนับสนุนการออกแบบแนวทางการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งพบว่าเทศบาลตำบลวังไผ่มี ทั้งหมด 4,605 ครัวเรือน ประชากรทั้งหมด 6,715 คน จำแนกเป็นประชากรกลุ่มเตรียมเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ (50- 59 ปี) จำนวน 958 คน (ร้อยละ 14.26) เพศชาย 439 (ร้อยละ 45.82) เพศหญิง 519 (ร้อยละ 54.17) มีกลุ่ม ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จำนวน 1,334 คน (ร้อยละ 19.86) เพศชาย 555 คน (ร้อยละ 41.61) เพศหญิง 779 คน (ร้อยละ 58.39) แบ่งผู้สูงอายุตามความสามารถ พบว่า มีผู้สูงอายุติดบ้าน 167 คน (ร้อยละ 12.51) ผู้สูงอายุติดเตียง จำนวน 23 คน (ร้อยละ 1.72) และผู้สูงอายุติดสังคม 1,144 คน (ร้อยละ 85.75) (ข้อมูลจาก ศูนย์บริการสาธารณสุขเทศบาลตำบลวังไผ่) ผู้สูงอายุที่ป่วยเรื้อรัง 564 คน (ร้อยละ 42.27) ผู้สูงอายุที่มีความ พิการ 156 คน (ร้อยละ 11.69) ผู้สูงอายุที่รับเบี้ยยังชีพ 1,076 คน (ร้อยละ 80.65) และผู้ที่อยู่ในระยะที่ จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพ จำนวน 10 คน ผู้สูงอายุในเทศบาลวังไผ่มีน้ำหนักเกินร้อยละ 19.3 มองเห็นไม่ชัดเจน ร้อยละ 28.2 และมองไม่เห็น ร้อยละ 3.1 ได้ยินไม่ชัดเจนร้อยละ 16.9 ไม่ได้ยินร้อยละ 1.2 เสี่ยงต่อการหกล้ม ร้อยละ 43.4 ซึ่งพบมากที่สุดในผู้สูงอายุวัยปลายร้อยละ 56.6 ผู้สูงอายุเกือบทั้งหมดมีสภาพ ปกติ (CMT) ร้อยละ 95.5 แต่พบว่าผู้สูงอายุที่มีผลคัดกรองว่ามีความเสี่ยงเป็นภาวะซึมเศร้า จากแบบประเมิน 2Q ร้อยละ 11.8 คณะทำงานพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นเขตเทศบาลวังไผ่ ได้นำข้อมูลที่ได้จากการ จัดเก็บเข้าสู่เวทีประชาคม เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการจัดการดูแลผู้สูงอายุในพื้นที่ ผู้สูงอายุและผู้ที่ เกี่ยวข้อง ต้องการพัฒนาระบบบริการสุขภาพให้คลอบคลุม โดยเฉพาะการบริการสุขภาพที่บ้าน การบริการรับ และส่งผู้สูงอายุป่วย ให้มาพบแพทย์ตามนัด และกรณีฉุกเฉิน และกายอุปกรณ์ เน้นการสร้างเสริมสุขภาพ เช่น การออกกำลังกาย ให้ความรู้เรื่องพฤติกรรมการบริโภค การรับประทานอาหารที่ถูกต้อง ครบถ้วน เพื่อ ตอบสนองปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุในพื้นที่ จึงมีมติร่วมกันให้ดำเนินการ “การพัฒนาระบบ บริการสุขภาพ” ให้คลอบคลุม “พัฒนาศูนย์กู้ชีพปฏิบัติการฉุกเฉิน” ให้มีบริการรับ ส่งผู้สูงอายุ เพื่อรักษา กรณีแพทย์นัดรักษาต่อเนื่อง และกรณีฉุกเฉิน และ “พัฒนาศูนย์บริการอุปกรณ์ทางการแพทย์” เพื่อผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ที่อยู่ในระยะที่จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางให้ หน่วยงานหรือประชาชนในพื้นที่ยืมใช้อุปกรณ์ฯ โดยหมุนเวียนกันในพื้นที่ที่รับผิดชอบนั้น โดยภายในศูนย์มี การรวบรวมสิ่งของวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เตียงผู้ป่วย ไม้เท้าค้ำยัน เครื่องดูดเสมหะ ที่นอนลม ผ้าอ้อมอนามัย ผู้ใหญ่ จากประชาชนที่มาบริจาค โดยจัดทำทะเบียนคุมไว้ เมื่อมีประชาชนที่มีความต้องการใช้วัสดุอุปกรณ์


Click to View FlipBook Version