The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือนวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น กรณี 20 ตำบลภาคใต้

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Tidarat Sirirat, 2024-01-05 07:52:54

หนังสือนวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น กรณี 20 ตำบลภาคใต้

หนังสือนวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น กรณี 20 ตำบลภาคใต้

การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 147 2.3) การปรับปรุงดูแลสภาพบ้านด้วยตนเอง โดยได้รับความร่วมมือจากญาติในการ แก้ไข ได้แก่ การแก้ไขพื้นที่ลื่น จำนวน 12 คน การปรับปรุงราวจับในห้องน้ำ จำนวน 9 คน การปรับปรุงราว บันได จำนวน 2 คน 2.4) ให้คำปรึกษาการใช้อุปกรณ์ช่วยเดินที่เหมาะสม และมอบไม้เท้าสำหรับช่วยเดิน จำนวน 2 คน และการให้คำแนะนำให้ญาติสร้างราวจับเพื่อฝึกเดิน จำนวน 2 คน 6.2 ผลต่อหน่วยงาน องค์กรชุมชน เช่น 1) ความพร้อมทางทุนและศักยภาพในชุมชน เนื่องจากตำบลสระแก้วได้สมัครเข้าร่วมใน โครงการ พัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุในชุมชนภาคใต้ จึงทำให้มีคณะทำงานด้านการดูแลผู้สูงอายุอยู่เดิม ที่ สามารถร่วมขับเคลื่อนงานประเด็นการป้องกันการพลัดตกหกล้มในชุมชน และสามารถบูรณาการงานร่วมกัน ได้ต่อเนื่อง 2) มีความร่วมมือของภาคีเครือข่ายในชุมชนทุกภาคส่วน ในการสนับสนุนช่วยเหลือการ ดำเนินงานการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน 3) องค์การบริหารส่วนตำบลมีแผนงานโครงการงบประมาณ ในการดำเนินงานการดูแล ผู้สูงอายุในชุมชน ได้แก่ การคัดกรองผู้สูงอายุประจำปี และโครงการการปรับสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยทั้งที่บ้าน และในชุมชน ในปีต่อไป 4) การสนับสนุนด้านความรู้ทางวิชาการ จากทีมนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ใน การพัฒนารูปแบบระบบการดูแลผู้สูงอายุ รวมถึงการป้องกันการพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุในชุมชน 6.3 ผลต่อชุมชน เช่น 1) ความร่วมมือของแกนนำที่เกี่ยวข้องในการดูแลผู้สูงอายุทุกภาคส่วนในชุมชน ในการ ดำเนินงาน ได้แก่ แกนนำอสม. เจ้าหน้าที่พยาบาลในรพสต. แกนนำชุมชน และตัวแทนจากอปท. โดยทุกภาค ส่วนที่เกี่ยวข้องในชุมชนมีความร่วมมือกัน และมีแกนนำในชุมชนที่มีศักยภาพ เป็นกลไกขับเคลื่อนการ ดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง 2) รูปแบบการจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้สูงอายุ และบริบทของชุมชน รวมทั้งเป็นกิจกรรมที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การเปลี่ยนกิจกรรมเยี่ยม บ้าน และการฝึกออกกำลังกายที่บ้าน ในสถานการณ์โรคระบาดในปัจจุบัน 3) ความตระหนักถึงความสำคัญของปัญหา พบว่า กระบวนการพัฒนารูปแบบฯ ทำให้แกน นำในชุมชน และผู้สูงอายุ รับรู้ถึงประโยชน์ของกิจกรรมในโครงการ ซึ่งทำให้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง 4) งบประมาณและแหล่งประโยชน์ พบว่า ในการปรับสิ่งแวดล้อมในบ้านและชุมชน ต้องการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการช่วยเหลือปรับสภาพแวดล้อม ซึ่งต้องมีการกระตุ้นให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ (อปท.) และแหล่งทุนอื่นๆ ในชุมชนได้เล็งเห็นความสำคัญ พบว่าในการศึกษา มีแหล่งทุนอื่น ได้แก่กองทุนวัน ละบาทของหมู่บ้าน และการค้นหาช่างจิตอาสา เข้าร่วมปรับปรุงบ้านผู้สูงอายุที่มีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 148 5) การวางแผนการดำเนินกิจกรรม ให้สามารถสอดแทรกไปกับกิจกรรมประจำของหน่วยงาน เช่น การประเมินสุขภาพผู้สูงอายุประจำปี กิจกรรมเยี่ยมบ้าน ซึ่งสามารถประเมินความเสี่ยงการหกล้มร่วมกัน ได้ 6) ความต่อเนื่องในการเข้าร่วมกิจกรรมของผู้สูงอายุในชุมชน เนื่องจากการศึกษานี้ มี กิจกรรมการเยี่ยมบ้าน เพื่อจัดการปัจจัยเสี่ยงหลายปัจจัยรายกรณี การส่งเสริมการออกกำลังกายที่บ้าน และ การโทรศัพท์เยี่ยมติดตามการออกกำลังกาย ทำให้ผู้สูงอายุสามารถทำกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่อง 7) การรณรงค์เพิ่มความตระหนักในชุมชน ใช้สื่อป้ายประชาสัมพันธ์เพื่อการปรับสิ่งแวดล้อม ให้ปลอดภัยต่อผู้สูงอายุ และให้ความรู้ผ่านสื่อในชุมชน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือ และเข้า ร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง 7. ปัจจัยความสำเร็จ ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ 7.1 ปัจจัยความสำเร็จ 1) ความร่วมมือของแกนนำที่เกี่ยวข้องในการดูแลผู้สูงอายุทุกภาคส่วนในชุมชน ในการ ดำเนินงาน ได้แก่ แกนนำอสม. เจ้าหน้าที่พยาบาลในรพสต. แกนนำชุมชน และตัวแทนจากอปท. โดยทุกภาค ส่วนที่เกี่ยวข้องในชุมชนมีความร่วมมือกัน และมีแกนนำในชุมชนที่มีศักยภาพ เป็นกลไกขับเคลื่อนการ ดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง 2) รูปแบบการจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้สูงอายุ และบริบทของชุมชน รวมทั้งเป็นกิจกรรมที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การเปลี่ยนกิจกรรมเยี่ยม บ้าน และการฝึกออกกำลังกายที่บ้าน ในสถานการณ์โรคระบาดในปัจจุบัน 3) ความตระหนักถึงความสำคัญของปัญหา พบว่า กระบวนการพัฒนารูปแบบฯ ทำให้แกน นำในชุมชน และผู้สูงอายุ รับรู้ถึงประโยชน์ของกิจกรรมในโครงการ ซึ่งทำให้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง 4) ความต่อเนื่องในการเข้าร่วมกิจกรรมของผู้สูงอายุในชุมชน เนื่องจากการศึกษานี้ มี กิจกรรมการเยี่ยมบ้าน เพื่อจัดการปัจจัยเสี่ยงหลายปัจจัยรายกรณี การส่งเสริมการออกกำลังกายที่บ้าน และ การโทรศัพท์เยี่ยมติดตามการออกกำลังกาย ทำให้ผู้สูงอายุสามารถทำกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่อง 5) การรณรงค์เพิ่มความตระหนักในชุมชน ใช้สื่อป้ายประชาสัมพันธ์เพื่อการปรับสิ่งแวดล้อม ให้ปลอดภัยต่อผู้สูงอายุ และให้ความรู้ผ่านสื่อในชุมชน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือ และเข้า ร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง 7.2 ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ 1) ไม่สามารถขยายผลต่อได้เพราะสถานการณ์ของโรคโควิด 19 ซึ่งอาจจะต้องใช้ระบบการ ติดตามแบบระบบออนไลน์ และสอบถามความก้าวหน้าผ่านผู้ดูแล 2) ในการดําเนินมาตรการป้องกันหกล้มในผู้สูงอายุในชุมชน พบว่าเครื่องมือในการประเมิน คัดกรองมีความซับซ้อน และมาจากหลายหน่วยงาน เช่น สํานักควบคุมโรคไม่ติดต่อ (สคร.) กรมการแพทย์ และ จากกรมอนามัยทำให้เจ้าหน้าที่สับสน การส่งต่อและวิเคราะห์ข้อมูลระหว่างหน่วยงานในการเฝ้าติดตาม


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 149 มีความล่าช้า การประเมินคัดกรองยังไม่ครอบคลุมผู้สูงอายุทุกคนที่มารับบริการ เนื่องจากแบบคัดกรองซ้ำซ้อน ต้องใช้เวลาในการประเมินในแต่ละราย และเจ้าหน้าที่มีจำกัด


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 150 1. ชื่อเรื่อง อาสาสร้างเมือง จัดขันหมากพระปฐม สมทบทุนเพื่อการดูแลผู้สูงอายุ เทศบาลตำบลคลองแงะ 2. พื้นที่ เทศบาลตำบลคลองแงะ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา 3. ผู้นำ 1. นายสุวัฒ เลิศจิตต์ธรรม นายกเทศมนตรีตำบลคลองแงะ 2. นายมนตรี สงรอง ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม 3. นายอิสรา กาเหย็ม เจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน 4. นางวิระวรรณ เชื้อพราหมณ์ ประธานกองทุนผู้สูงอายุ 4. ที่มาและเส้นทางการพัฒนา ปี พ.ศ. 2558 - 2560 ผู้สูงอายุในเขตเทศบาลตำบลบางคลองแงะมี จำนวน 1,518 คิดเป็นร้อยละ 19.22 ของประชากรทั้งหมด (ทะเบียนราษฎร์, 2560) ผู้บริหารของเทศบาลตำบลคลองแงะได้เห็นความสำคัญ ของการดูแลผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ติดบ้าน ติดเตียง เจ็บป่วยเรื้อรัง ผู้สูงอายุที่พิการ ผู้สูงอายุที่ด้อย โอกาส และผู้สูงอายุที่มีปัญหาค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพ เพื่อช่วยเหลือให้ผู้สูงอายุและครอบครัวได้ลดภาระ ค่าใช้จ่ายลง เช่น ค่าเดินทางมาโรงพยาบาล ค่าวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็น เป็นต้น แต่การดำเนินงานเรื่องนี้ยังไม่ ครอบคลุมผู้สูงอายุที่ต้องการช่วยเหลือได้ทุกคน ปี พศ. 2561 เทศบาลตำบลคลองแงะ เข้าร่วมโครงการพัฒนาและวิจัยเพื่อการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชน ท้องถิ่น กับสำนัก 3 สสส มีสำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ เป็นผู้ประสานงาน คณะทำงานโครงการของเทศบาล ตำบลคลองแงะ ได้จัดทำข้อมูลสุขภาวะผู้สูงอายุ พบว่า จำนวนประชากร 8,234 คน ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จำนวน 1,747 คน ร้อยละ 21.21 ของประชากรทั้งหมด เพศชาย 763 คน ร้อยละ 43.67 เพศหญิง 984 คน ร้อยละ 56.33 แบ่งผู้สูงอายุตามความสามารถ (ADL) ติดบ้าน 300 คน ติดเตียง 15 คน ติดสังคม 294 คน ผู้ เตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุ (50 – 59 ปี) จำนวน 1,112 คน ร้อยละ 63.65 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ผู้สูงอายุที่ป่วยเรื้อรัง 278 คน คิดเป็นร้อยละ 15.91 ผู้สูงอายุที่มีความพิการ 88 คน คิดเป็นร้อยละ 5.04 ผู้สูงอายุที่รับเบี้ยยังชีพ 1,440 คน คิดเป็นร้อยละ 82.42 ผู้สูงอายุที่ไร้ที่อยู่อาศัย 10 คน คิดเป็นร้อยละ 0.57 ผู้สูงอายุที่เคยเข้าเรียนหรือกำลังเรียนในโรงเรียนผู้สูงอายุ 90 คน คิดเป็นร้อยละ 5.15 มีอาสาสมัครดูแลดูแล ผู้สูงอายุ (Care giver) 10 คน (ข้อมูลจากทะเบียนราษฎร์ ณ วันที่ 27 ตุลาคม 2564) จากข้อมูลดังกล่าว นำมาทำการวิจัยชุมชน (RECAP) พบว่า ผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นในปีเดียว ถึงร้อยละ 1.99 (2560 ร้อยละ 19.22 ปี 2561 ร้อยละ 21.21) แสดงให้เห็นว่าเทศบาลตำบลคลองแงะ ได้เข้าสู่ภาวะ สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ อันก่อให้เกิดปัญหาเรื่องของสุขภาพการเจ็บป่วยเรื้อรัง เพิ่มมากขึ้น และมีค่าใช้จ่าย อาสาสร้างเมือง จัดขันหมากพระปฐม สมทบทุนเพื่อการดูแลผู้สูงอายุ เทสบาลตำบลคลองแงะ เทศบาลตำบลคลองแงะ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 151 ในการดูแลปัญหาสุขภาพเพิ่มขึ้น เกิดภาระค่าใช้จ่ายของสมาชิกในครอบครัว นายกเทศบาลตำบลคลองแงะจึง คิดวิธีการเพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้งอายุยากไร้ ติดบ้าน ติดเตียง และผู้สูงอายุที่ต้องได้รับการช่วยเหลือ จึงคิด ว่า “ขันหมากพระปฐม” ประเพณีที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ทำมา จะช่วยระดมทุนให้กับเทศบาลตำบลคลอง แงะได้ จึงคิดจัดขึ้นมาในตำบลคลองแงะ โดยผู้สูงอายุที่มีจิตอาสาเป็นแกนนำ เกิด “อาสาสร้างเมือง จัด ขันหมากพระปฐม สมทบทุนเพื่อการดูแลผู้สูงอายุ เทศบาลตำบลคลองแงะ" และได้จัดตั้งกองทุนผู้สูงอายุ เทศบาลตำบลคลองแงะขึ้น ซึ่งเป็นกองทุนอิสระเพื่อสวัสดิการสังคมสงเคราะห์ มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือ กลุ่มผู้สูงอายุ ที่ด้อยโอกาส มีภาวะพึ่งพิง แก้ไขปัญหาการว่างงาน ได้รับรู้ถึงสภาพปัญหา ให้ดูแลผู้สูงอายุ ผู้ พิการ และผู้ด้อยโอกาส ตามความต้องการ รวมไปถึงการได้ร่วมพูดคุย รับฟังและให้กำลังใจ และเป็นองค์กรใน การประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือ ให้การสนับสนุนการทำกิจกรรมพัฒนาผู้สูงอายุให้มี คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตลอดจนให้การสนับสนุนการประกอบอาชีพ ให้ครัวเรือนผู้สูงอายุมีรายได้ และส่งเสริม กิจกรรมของชมรมผู้สูงอายุของเทศบาลตำบลคลองแงะ ให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ปี พ.ศ. 2562 เทศบาลตำบลคลองแงะ ได้จัด “ขันหมากพระปฐม งานบุญวิวาห์จำลอง” ขึ้น (ดั้งเดิม เป็นงานบุญอย่างหนึ่งที่ชาวบ้านและวัดร่วมกันจัดขึ้น เพื่อเรี่ยไรเงินเข้าวัด คล้ายกับงานทอดผ้าป่าหรือ ทอดกฐิน เป็นการสมมุติเหตุการณ์ย้อนหลังไปครั้งพุทธกาล อาศัยเค้าเรื่องจากพุทธประวัติในคัมภีร์พระปฐม สมโพธิ ตอนวิวาห์มงคลระหว่างพระเจ้าสุทโธทนะ กับพระนางสิริมหามายา มีการสมมุติคู่บ่าวสาวขึ้นแทนพระ เจ้าสุทโธทนะและพระนางสิริมหามายา รวมถึงบุคคลอื่น ๆ ซึ่งทางเทศบาลตำบลคลองแงะได้อ้างอิง ดัดแปลง จัดงานขึ้น) เส้นทางการพัฒนา “ขันหมากพระปฐม งานบุญวิวาห์จำลอง” มี 2 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 การมีส่วนร่วมพัฒนานวัตกรรม “อาสาสร้างเมือง จัดขันหมากพระปฐม สมทบทุนเพื่อการ ดูแลผู้สูงอายุ” ดังนี้ 1) ตั้งต้นคิดจากผู้นำ สรรหาคนทำและแนวร่วมจากภาคีเครือข่ายได้ขับเคลื่อนงาน นายกเทศมนตรี ได้มีแนวคิดว่า กิจกรรมขันหมากพระปฐม เป็นกิจกรรมที่สร้างการมีส่วนร่วมได้ดีช่วยให้มี งบประมาณเพื่อเป็นกองทุนช่วยเหลือผู้สูงอายุได้ จึงนำแนวคิดนี้ไปแจ้งให้ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคมและ บุคลากรในเทศบาลได้ทราบ บุคลากรเห็นด้วย จึงร่วมกันสรรหาภาคีร่วมขับเคลื่อนเพื่อมให้ครบทั้ง 4 องค์กร หลัก ได้แก่ ผู้สูงอายุ กองสาธารณสุข รพ.สต. คณะกรรมการชุมชน แลสรรหาเพิ่มเติมในส่วนของผู้มีเศรษ ฐานะดี เพื่อเข้าร่วมเป็นคณะทำงาน 2) จัดตั้งทีมทำงานจากภาคีจิตอาสาสร้างเมือง ประกอบด้วย ผู้บริหาร เทศบาลคลองแงะ ผู้สูงอายุ สมาชิกสภา กรรมการชุมชน สาธารณสุข ตัวแทนประชาชนที่มีเศรษฐานะดี และองค์กรชุมชนร่วมดำเนินงาน 3) ชี้แจงแนวทางการดำเนินงานให้ภาคีเครือข่ายร่วมเป็นกลไกร่วม ขับเคลื่อน โดยจัดประชุมคณะทำงานเพื่อหารือแนวทางการจัดกิจกรรม มีกองสวัสดิการสังคมเป็นผู้ชี้แจง แนวทางและอธิบายขั้นตอนการจัดกิจกรรมขันหมากพระปฐมให้คณะทำงานร่วมเสนอข้อคิดเห็นและร่วมเป็น เจ้าของงาน มอบหมายหน้าที่ตามความศักยภาพโดยนำใช้ทุนในพื้นที่มาร่วมดำเนินการ 4) มอบหมายหน้าที่ อาสาสร้างเมืองตามความถนัดโดยมีพี่เลี้ยงร่วมเสริมแรง และประชุมติดตามงานเป็นระยะ คณะทำงานได้


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 152 มอบหมายหน้าที่ให้ผู้สูงอายุที่อาสา ได้รับผิดชอบในส่วนที่ตนเองถนัด มีความรู้ ความสามารถอยู่เดิม นำภูมิ ปัญญาที่มีอยู่ในชุมชนมานำใช้เพื่อจัดกิจกรรมนี้ ได้แก่ ฝ่ายกลองยาว มีผู้สูงอายุรำกลองยาว ฝ่ายจัดทำ ขันหมาก ฝ่ายจัดขบวนแห่ขันหมาก ฝ่ายการเงิน ฝ่ายอาหารและจัดเลี้ยง ฝ่ายต้อนรับและบริการแขกรับ เชิญ ฝ่ายการแสดงบนเวที เป็นต้น ซึ่งในแต่ละฝ่ายจะมีเจ้าหน้าที่จากเทศบาลเป็นพี่เลี้ยงร่วมดำเนินการ และมีการประชุมติดตามงานเป็นระยะ 5) ดำเนินงานบูรณาการจัดการทุนและศักยภาพในพื้นที่ นำใช้ ประโยชน์เพื่อการดูแลผู้สูงอายุจากการมีส่วนร่วมของภาคีหลากหลาย ภายใต้การนำของ “อาสาสร้างเมือง” ร่วมกับเครือข่ายโครงการ 20 ตำบล ในโครงการนี้ ได้เข้าร่วมเป็นภาคีงานบุญด้วย มีนายกเทศมนตรีเทศบาล คลองแงะเป็นเจ้าบ่าว และมีนางอารมณ์ สุขน้อย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหัวคู ตำบล สระแก้ว นครศรีธรรมราช เป็นเจ้าสาว จัดแห่ขันหมากจากตลาดคลองแงะ ถึงเทศบาลตำบลคลองแงะ โดยมี ประชาชนและผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในกิจกรรมตลอดเส้นทาง ร่วมบริจาคและร่วมรำกลองยาวแห่ขันหมากตลอด เส้นทาง ตอนที่ 2 การจัดระบบการดูแลผู้สูงอายุตอบสนองความต้องการ เริ่มจาก 1) สรุปผลการจัด กิจกรรมพร้อมกับร่วมจัดตั้งกองทุนผู้สูงอายุเทศบาลตำบลคลองแงะ ภายหลังเสร็จกิจกรรมขันหมากปฐม คณะทำงานฝ่ายการเงินตรวจนับเงินในซองบริจาค สรุปผลรายงานต่อผู้บริหารและคณะกรรมการจัดงาน ได้ เงิน 156,000 บาท จึงแต่งตั้งกรรมการดำเนินงาน “กองทุนผู้สูงอายุเทศบาลตำบลคลองแงะ” ได้แก่ (1) ภาคท้องถิ่น เทศบาลตำบลคลองแงะ มีบทบาทหน้าที่ในการบริหารจัดการกองทุน วิเคราะห์ปัญหาของ ผู้สูงอายุที่ต้องการความช่วยเหลือ (2) ภาคท้องที่ โดยประธานชุมชน มีบทบาทหน้าที่ในการร่วมสำรวจปัญหา และความต้องการของผู้สูงอายุในชุมชนของตนเอง สำหรับใช้ออกแบบวางแผนกำหนดรายละเอียดของ กิจกรรมการดูแลผู้สูงอายุ (3) หน่วยงานรัฐ รพ.สต.ตำบลคลองแงะ มีบทบาทหน้าที่ในการร่วมค้นหาผู้สูงอายุ ที่ประสบปัญหาภาวะพึ่งพิง และให้ความรู้ด้านสุขภาพเบื้องต้น (4) ภาคประชาชน โดยตัวแทนผู้สูงอายุ ดำเนินการตามบทบาทหน้าที่ตามความถนัด โดยมีคณะกรรมการเปิดบัญชีจำนวน 3 คน และคณะกรรมการ ฝ่ายต่าง ๆ เป็นผู้สูงอายุ ที่มาจากการคัดเลือกโดยตัวแทนผู้สูงอายุทั้ง 11 ชุมชน โดยมีบุคลากรของเทศบาล ตำบลคลองแงะเป็นที่ปรึกษา จัดทำระเบียบกองทุนเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การใช้งบประมาณ และแนวทาง การดำเนินการอย่างครอบคลุม 2) นำใช้ประโยชน์จากกองทุนเพื่อจัดระบบการดูแลผู้สูงอายุตอบสนองความ ต้องการตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด 3) คณะกรรมการร่วมประชุมสรุปผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ทั้ง ก่อนการจัดกิจกรรมช่วยเหลือผู้สูงอายุรายบุคคล รายกลุ่ม และวาระเร่งด่วน เช่น กรณีผู้สูงอายุที่ต้องการได้รับ ความช่วยเหลือเร่งด่วน เข้าไม่ถึงการรับบริการจากหน่วยงานภาครัฐ เป็นต้น ปัจจุบันมีเงินหมุนเวียนในกองทุน ทั้งสิ้นจำนวน 150,000 บาท และ 4) เกิดผลเกินเป้าหมาย ได้แก่ สนับสนุนเงินช่วยเหลือเงินให้ผู้สูงอายุยากไร้ ได้ จัดชุดกำลังใจ (ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุเมื่อไปเยี่ยมบ้าน) เยี่ยมบ้านโดยนักเรียนในโรงเรียน ผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุที่ติดสังคม เกิดความภาคภูมิใจและเห็นคุณค่าตนเอง ที่สามารถช่วยผู้สูงอายุกันเอง กลุ่ม


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 153 นักเรียนโรงเรียนผู้สูงอายุ จากหลักสูตรสร้างงานสร้างรายได้ มีการสร้างกลุ่มอาชีพ ได้ยืมเงินกองทุนไป ประกอบอาชีพ เป็นต้น 5. เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการทำงานเรื่องเด่น 2.1 กลุ่มเป้าหมายที่ได้ประโยชน์จากงาน และกิจกรรมเด่น ดังนี้ 1) ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 1,747 คน 2) ผู้สูงอายุตามความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน ติดบ้าน 300 คน ติดเตียง 15 คน ติดสังคม 294 คน 3) ผู้เตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุ (50 – 59 ปี) จำนวน 1,112 คน 4) ผู้สูงอายุที่ป่วยเรื้อรัง 278 คน 5) ผู้สูงอายุที่มีความพิการ 88 คน 6) ผู้สูงอายุที่ไร้ที่อยู่อาศัย 10 คน 7) ผู้สูงอายุที่มีหนี้สิน 32 คน 2.2 เป้าหมายการทำงาน บริการ กิจกรรม 1) สร้างกระบวนการมีส่วนร่วมจัดการตนเองระหว่างเทศบาลคลองแงะ ผู้สูงอายุ ชุมชน และ เครือข่าย เพื่อนำสู่การสนับสนุนการจัดระบบการดูแลผู้สูงอายุตามแบบฉบับท้องถิ่น 2) ยกระดับผู้สูงอายุที่ยังมีศักยภาพเป็นพลังพลเมือง ที่จะเข้าเป็นอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่ อ่อนแอกว่า มีศักยภาพด้อยกว่า 3) ผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ลำบาก ได้รับการดูแลช่วยเหลืออย่าทันท่วงที ทั่วถึง 4) ส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมการพัฒนาระบบการดูแลผู้อายุได้หลากหลาย และเป็นไปตาม ข้อเท็จจริงของพื้นที่ 2.3 ผู้ที่ร่วมดำเนินการในการดูแลผู้สูงอายุ 1) ทุนทางสังคมที่มีศักยภาพจัดการงานและผลกระทบที่เกิดกับผู้สูงอายุ ประกอบด้วย เทศบาล ตำบลคลองแงะ ชมรมผู้สูงอายุเทศบาลตำบลคลองแงะ โรงเรียนผู้สูงอายุเทศบาลตำบล ศูนย์พัฒนา คุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุอำเภอสะเดา รพ.สต.ตำบลคลองแงะ กศน.กองทุนใจถึงใจ 2) หน่วยงาน องค์กรชุมชน องค์กรรัฐ เอกชนนอกพื้นที่ ประกอบด้วย เทศบาลตำบลคลองแงะ อำเภอสะเดา รพ.สต.ตำบลคลองแงะ กศน. โรงเรียนบ้านคลองแงะ โรงเรียนกอบกุลวิทยาคม 6. ประชากรที่ได้รับประโยชน์และผลกระทบ 3.1 กลุ่มเตรียมเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ (50-59 ปี) จำนวน 1,112 คน 3.2 กลุ่มผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จำนวน 1,747 คน


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 154 3.2 ประชาชนทั่วไปที่มีภาวะพึ่งพิง ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้สูงอายุที่ไร้ที่อยู่อาศัย ผู้สูงอายุที่มีหนี้สินและ ผู้ที่อยู่ในระยะที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือดูแล 3.3 กลุ่มผู้สูงอายุที่เดินทางลำบาก และมีภาวะเจ็บป่วยฉุกเฉิน ไม่มีรถรับ-ส่ง และค่าเดินทางไป โรงพยาบาล เพื่อสนับสนุนการเดินทางให้แก่ผู้สูงอายุ 7. วิธีดำเนินการ (methods) การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุเทศบาลตำบลคลองแงะ มี 2 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 การมีส่วนร่วม พัฒนานวัตกรรม “อาสาสร้างเมือง จัดขันหมากพระปฐม สมทบทุนเพื่อการดูแลผู้สูงอายุ” และตอนที่ 2 การ จัดระบบการดูแลผู้สูงอายุตอบสนองความต้องการ มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ ตอนที่ 1 การมีส่วนร่วมพัฒนานวัตกรรม “อาสาสร้างเมือง จัดขันหมากพระปฐม สมทบทุนเพื่อ การดูแลผู้สูงอายุ” ดังนี้ 1) ตั้งต้นคิดจากผู้นำ สรรหาคนทำและแนวร่วมจากภาคีเครือข่ายได้ขับเคลื่อนงาน นายกเทศมนตรี ได้มีแนวคิดว่า กิจกรรมขันหมากพระปฐม เป็นกิจกรรมที่สร้างการมีส่วนร่วมได้ดี ช่วยให้มีงบประมาณเพื่อเป็นกองทุนช่วยเหลือผู้สูงอายุได้ จึงนำแนวคิดนี้ไปแจ้งให้ผู้อำนวยการกองสวัสดิการ สังคมและบุคลากรในเทศบาลได้ทราบ บุคลากรเห็นด้วย จึงร่วมกันสรรหาภาคีร่วมขับเคลื่อนเพื่อมให้ครบทั้ง 4 องค์กรหลัก สรรหาภาคีเครือข่ายมาเป็นแนวร่วมขับเคลื่อนงาน นายกเทศมนตรี นำแนวคิดนี้ไปแจ้งให้ ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคมและบุคลากรในเทศบาลได้ทราบ บุคลากรเห็นด้วย จึงร่วมกันสรรหาภาคีร่วม ขับเคลื่อนเพื่อมให้ครบทั้ง 4 องค์กรหลัก ได้แก่ ผู้สูงอายุ กองสาธารณสุข รพ.สต. คณะกรรมการชุมชน แลสรร หาเพิ่มเติมในส่วนของผู้มีเศรษฐานะดี เพื่อเข้าร่วมเป็นคณะทำงาน 2) จัดตั้งทีมทำงานจากภาคีจิตอาสาสร้างเมือง ประกอบด้วย ผู้บริหารเทศบาลคลองแงะ ผู้สูงอายุ สมาชิกสภา กรรมการชุมชน สาธารณสุข ตัวแทนประชาชนที่มีเศรษฐานะดี และองค์กร ชุมชนร่วมดำเนินงาน 3) ชี้แจงแนวทางการดำเนินงานให้ภาคีเครือข่ายร่วมเป็นกลไกร่วมขับเคลื่อน โดยจัดประชุม คณะทำงานเพื่อหารือแนวทางการจัดกิจกรรม มีกองสวัสดิการสังคมเป็นผู้ชี้แจงแนวทางและอธิบายขั้นตอน การจัดกิจกรรมขันหมากพระปฐมให้คณะทำงานร่วมเสนอข้อคิดเห็นและร่วมเป็นเจ้าของงาน มอบหมายหน้าที่ ตามความศักยภาพโดยนำใช้ทุนในพื้นที่มาร่วมดำเนินการ 4) มอบหมายหน้าที่อาสาสร้างเมืองตามความถนัดโดยมีพี่เลี้ยงร่วมเสริมแรง และประชุมติดตาม งานเป็นระยะ คณะทำงานได้มอบหมายหน้าที่ให้ผู้สูงอายุที่อาสา ได้รับผิดชอบในส่วนที่ตนเองถนัด มีความรู้ ความสามารถอยู่เดิม นำภูมิปัญญาที่มีอยู่ในชุมชนมานำใช้เพื่อจัดกิจกรรมนี้ ได้แก่ ฝ่ายกลองยาว มีผู้สูงอายุรำ กลองยาว ฝ่ายจัดทำขันหมาก ฝ่ายจัดขบวนแห่ขันหมาก ฝ่ายการเงิน ฝ่ายอาหารและจัดเลี้ยง ฝ่ายต้อนรับ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 155 และบริการแขกรับเชิญ ฝ่ายการแสดงบนเวที เป็นต้น ซึ่งในแต่ละฝ่ายจะมีเจ้าหน้าที่จากเทศบาลเป็นพี่เลี้ยง ร่วมดำเนินการ และมีการประชุมติดตามงานเป็นระยะ และได้แจกการ์ดเชิญผู้มีจิตอาสาทุกภาคีในอำเภอ มาร่วมทั้งอำเภอสะเดา อำเภอคลองแงะ และเครือข่ายภาคใต้ 20 ตำบล (เครือข่าย คิดว่านายกแต่งงานจริง บัตรเชิญจริง เนื่องจากนายกยังเป็นโสด) 5) ดำเนินงานบูรณาการจัดการทุนและศักยภาพในพื้นที่ นำใช้ประโยชน์เพื่อการดูแลผู้สูงอายุจาก การมีส่วนร่วมของภาคีหลากหลาย ภายใต้การนำของ “อาสาสร้างเมือง” ร่วมกับเครือข่ายโครงการ 20 ตำบล ในโครงการนี้ ได้เข้าร่วมเป็นภาคีงานบุญด้วย มีนายกเทศมนตรีเทศบาลคลองแงะเป็นเจ้าบ่าว และมีนาง อารมณ์ สุขน้อย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหัวคู ตำบลสระแก้ว นครศรีธรรมราช เป็น เจ้าสาว จัดแห่ขันหมากจากตลาดคลองแงะ ถึงเทศบาลตำบลคลองแงะ โดยมีประชาชนและผู้สูงอายุมีส่วนร่วม ในกิจกรรมตลอดเส้นทาง ร่วมบริจาคและร่วมรำกลองยาวแห่ขันหมากตลอดเส้นทาง ตอนที่ 2 การจัดระบบการดูแลผู้สูงอายุตอบสนองความต้องการ 1) สรุปผลการจัดกิจกรรมพร้อมกับร่วมจัดตั้งกองทุนผู้สูงอายุเทศบาลตำบลคลองแงะ ภายหลัง เสร็จกิจกรรมขันหมากปฐม คณะทำงานฝ่ายการเงินตรวจนับเงินในซองบริจาค สรุปผลรายงานต่อผู้บริหาร และคณะกรรมการจัดงาน ได้เงิน 156,000 บาท จึงแต่งตั้งกรรมการดำเนินงาน “กองทุนผู้สูงอายุเทศบาล ตำบลคลองแงะ” ได้แก่ ภาคท้องถิ่น เทศบาลตำบลคลองแงะ มีบทบาทหน้าที่ในการบริหารจัดการกองทุน วิเคราะห์ปัญหาของผู้สูงอายุที่ต้องการความช่วยเหลือ ภาคท้องที่ โดยประธานชุมชน มีบทบาทหน้าที่ในการ ร่วมสำรวจปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุในชุมชนของตนเอง สำหรับใช้ออกแบบวางแผนกำหนด รายละเอียดของกิจกรรมการดูแลผู้สูงอายุ หน่วยงานรัฐ รพ.สต.ตำบลคลองแงะ มีบทบาทหน้าที่ในการร่วม ค้นหาผู้สูงอายุที่ประสบปัญหาภาวะพึ่งพิง และให้ความรู้ด้านสุขภาพเบื้องต้น ภาคประชาชน โดยตัวแทน ผู้สูงอายุดำเนินการตามบทบาทหน้าที่ตามความถนัด โดยมีคณะกรรมการเปิดบัญชีจำนวน 3 คน และ คณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ เป็นผู้สูงอายุ ที่มาจากการคัดเลือกโดยตัวแทนผู้สูงอายุทั้ง 11 ชุมชน โดยมีบุคลากร ของเทศบาลตำบลคลองแงะเป็นที่ปรึกษา จัดทำระเบียบกองทุนเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การใช้งบประมาณ และแนวทางการดำเนินการอย่างครอบคลุม 2) นำใช้ประโยชน์เพื่อพัฒนากลไกการจัดการแบบมีส่วนร่วม การบูรณาการร่วมกับคณะกรรมการ กองทุนผู้สูงอายุเทศบาลตำบลคลองแงะ เทศบาลตำบลคลองแงะ ชมรมผู้สูงอายุเทศบาลตำบลคลองแงะ ตัวแทนผู้สูงอายุ สมาชิกสภา กรรมการชุมชน รพ.สต.ตำบลคลองแงะ อำเภอสะเดา เช่น ได้จัดระดมทุน ภายในชุมชน ภายนอกชุมชน การสมทบงบประมาณของเทศบาลตำบลคลองแงะและสมทบจากรายได้จาก กิจกรรมในชุมชนจากกองทุนเพื่อจัดระบบการดูแลผู้สูงอายุตอบสนองความต้องการตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 156 3) คณะกรรมการร่วมประชุมสรุปผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งก่อนการจัดกิจกรรมช่วยเหลือ ผู้สูงอายุรายบุคคล รายกลุ่ม และวาระเร่งด่วน เช่น กรณีผู้สูงอายุที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือเร่งด่วน เข้าไม่ ถึงการรับบริการจากหน่วยงานภาครัฐ เป็นต้น ปัจจุบันมีเงินหมุนเวียนในกองทุนทั้งสิ้นจำนวน 150,000 บาท 4) เกิดผลเกินเป้าหมาย ได้แก่ 1) สนับสนุนเงินช่วยเหลือเงินให้ผู้สูงอายุยากไร้ 500บาท/ครั้ง จำนวน 16 ราย 2) จัดชุดกำลังใจ (ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุเมื่อไปเยี่ยมบ้าน) โดยพิจารณาตามสภาพ ความเป็นจริง 3) ผู้สูงอายุเกิดความอบอุ่นจากการเยี่ยมบ้านโดยนักเรียนในโรงเรียนผู้สูงอายุ (ใช้กลไกโรงเรียน ผู้สูงอายุเข้ามามีส่วนร่วม กับคณะกรรมการชุมชน) จากเมื่อก่อน นักเรียนผู้สูงอายุใช้เงินลงขันกันเอง เมื่อมี กองทุนสามารถใช้เงินกองทุนผู้สูงอายุเทศบาลคลองแงะส่วนนี้ได้ 3) ผู้สูงอายุที่ติดสังคม เกิดความภาคภูมิใจ และเห็นคุณค่าตนเอง ที่สามารถช่วยผู้สูงอายุกันเอง 4) กลุ่มนักเรียนโรงเรียนผู้สูงอายุ จากหลักสูตรสร้างงาน สร้างรายได้ มีการสร้างกลุ่มอาชีพ ได้ยืมเงินกองทุน จากที่การระดมทุน จากกิจกรรม ขันหมากพระปฐมภาคี ร่วมใจสมทบทุนเพื่อการดูแลผู้สูงอายุ ได้แก่ 4.1) ยืมเงินจำนวนเงิน 3,000 บาท เพื่อนำไปชื้อเครื่องรีดขวด พลาสติก เพื่อนำไปทำไม้กวาดจากขวดรีไชเคิล 4.2 ) ยืมเงินจำนวน 600 บาท เพื่อนำไปชื้ออุปกรณ์ทำพวง หรีด จาการยืมเงินลงทุน มีการสร้างกติการ่วมกันว่า จากรายได้ทั้งหมดเมื่อให้ผู้สูงอายุแล้ว จะมีการหักไว้ร้อย ละ 10 เข้ากองทุนผู้สูงอายุ ถือเป็นดอกเบี้ยให้กับทุนที่ยืมไป ถือเป็นกิจกรรมระดมทุนเข้ากองทุนเช่นกัน 8.ผลที่เกิดขึ้น (รูปธรรม) 5.1 ผู้สูงอายุได้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่ออกมาช่วยเหลือกัน ทำให้เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง เช่น ผู้สูงอายุที่ติดเตียง ติดบ้าน จะได้รับการเยี่ยมบ้านจากกลุ่มชมรมผู้สูงอายุ เทศบาลตำบลคลองแงะ 5.2.ผู้สูงอายุด้อยโอกาส ผู้มีภาวะพึ่งพิง ได้รับการดูแล ช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ทั่วถึง มากขึ้น 5.3 เกิดสัมพันธภาพที่ดี การเกิดมีส่วนร่วมระหว่างเทศบาลตำบลคลองแงะและคนในชุมชน เช่น ผู้สูงอายุเข้ามามีส่วนร่วมกล้าแสดงความคิดเห็นมากขึ้น 5.4 สามารถออกแบบกิจกรรมเพื่อสนับสนุนระบบการดูแลผู้สูงอายุได้อย่างหลากหลายมากขึ้น 5.5 มีการปรับสภาพแวดล้อม บ้านที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุให้เหมาะสม โดยเฉพาะการร่วมกัน ซ่อมแซมบ้านที่อยู่อาศัยที่อาจเป็นอันตรายกับผู้สูงอายุ รายละไม่เกิน 2,000 บาท จำนวน 2 คน 5.6 ผู้สูงอายุด้อยโอกาส ผู้มีภาวะพึ่งพิง ได้รับการดูแล ช่วยเหลือ ด้านอาหาร/เครื่องนุ่งห่ม รายละไม่ เกิน 500 บาท จำนวน 16 คน 5.7 ผู้สูงอายุสามารถกู้ยืมเงินจากกองทุนเพื่อนำไปลงทุนประกอบอาชีพ โดยผ่านคณะกรรมการ กองทุนผู้สูงอายุ 5.8 เกิดกลไก 4 ก ได้แก่ คณะกรรมการ กองทุน กติกา และกิจกรรม ในการขับเคลื่อนงาน


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 157 9. ผลกระทบที่เกิดขึ้น 9.1 ผลต่อกลุ่มประชากรเป้าหมาย 1) ผู้สูงอายุในเขตเทศบาลตำบลคลองแงะสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพมากขึ้น ข้อมูลข่าวสาร สิทธิประโยชน์ได้ง่ายและทั่วถึง 2) เกิดพลังจิตอาสา เกิดอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุกันเอง (เพื่อนช่วยเพื่อน) ช่วยเหลือดูแล ติดตาม ดูแล สนับสนุนการดำเนินชีวิตประจำวันของกันและกัน 3) ผู้สูงอายุด้อยโอกาส ยากจน มีสวัสดิการเมื่อเจ็บป่วย ตาย ยากลำบาก 4) ผู้สูงอายุและครอบครัวได้รับการส่งเสริมอาชีพ การสร้างรายได้ 5) เกิดต้นแบบการจัดการตนเองของชุมชน 6) เกิดกองทุนด้านสวัสดิการและสงเคราะห์ผู้สูงอายุระดับท้องถิ่น เยี่ยมเยียนให้กำลังใจเมื่อ เจ็บป่วยครั้งละ 500 บาท ค่าเดินทางไปโรงพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุที่ยากไร้ ครั้งละไม่เกิน 500 บาท และให้ กู้ยืมลงทุนในการประกอบอาชีพ 7) ผู้สูงอายุสามารถเข้าถึงบริการทางสังคมและสวัสดิการต่างๆ จากการสนับสนุนของเทศบาล ตำบลคลองแงะ 9.2 ผลต่อหน่วยงาน องค์กรชุมชน 1) เกิดการมีส่วนร่วมจากหลายฝ่ายในการพัฒนางาน โดยเกิดความร่วมมือจาก เทศบาลตำบล คลองแงะ อำเภอสะเดา จังหวัด หน่วยงานราชการ และเอกชนต่างๆ และหน่วยงานอื่นๆอีกมากมาย 2) มีมาตรฐาน แนวปฏิบัติที่ชัดเจน มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ กองทุนพัฒนาคุณภาพชีวิตและ ส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ มีเทศบาลตำบลคลองแงะเป็นที่ปรึกษา จัดทำระเบียบกองทุนเพื่อกำหนด หลักเกณฑ์การใช้งบประมาณ และแนวทางการดำเนินการ 9.3 ผลต่อชุมชน 1) มีกลุ่มดูแลช่วยเหลือกัน กฎ กติกา จัดการกันเอง 2) เกิดกองทุนเพื่อสวัสดิการหลายรูปแบบ ระดับหมู่บ้าน 10. ปัจจัยความสำเร็จ ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ 10.1 ปัจจัยความสำเร็จ 1) วิสัยทัศน์ของผู้บริหาร เห็นความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ การดูแล ผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง ผู้สูงอายุที่ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุที่พิการ ผู้สูงอายุที่ไร้ที่อยู่อาศัย 2) ความสามารถในการระดมทุนและทรัพยากรบุคคลต่างๆ ให้เข้าร่วมช่วยเหลือกิจกรรม ตามความถนัด ความสนใจของคนเทศบาลตำบลคลองแงะ 3) เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ด้วยการระดม ทรัพยากรบุคลในชุมชนเข้ามีส่วนร่วมเป็นจิตอาสา


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 158 4) มีการจัดทำแผนชุมชนเพื่อให้เห็นภาพรวมการพัฒนาทุกกลุ่มเป้าหมายและผู้สูงอายุ 10.2 ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ ประกอบด้วย 1) การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมแบบรวมกลุ่มได้ คณะทำงานจัดการโดยจัดประชุมแบบออนไลน์


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 159 การจัดการเรียนรู้ตามอัธยาศัยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุตำบลไชยา เทศบาลตำบลตลอดไชยา อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี Key Actors โรงเรียนผู้สูงอายุเทศบาลตำบลตลาดไชยา งานเด่น การจัดการเรียนรู้ตามอัธยาศัยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ตำบลไชยา(ในห้องเรียน/ออนไลน์สำหรับผู้สูงอายุติดบ้าน/ติดเตียง) พื้นที่ เทศบาลตำบลตลอดไชยา อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี วิทยากร นางสาวอาริยา ก้อนเมฆ ตำแหน่ง นักพัฒนาชุมชนเทศบาลตำบลตลาดไชยา 1. ที่มาและเส้นทางการพัฒนา“การจัดเรียนรู้ตามอัธยาศัยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุตำบลใชยา” ในปี พ.ศ. 2561 งานสวัสดิการ สำนักงานเทศบาลตำบลตลาดไชยา ร่วมกับชมรมผู้สูงอายุเทศบาล ตำบลตลาดไชยา โดย นายวิชิต เสือศักดิ์ เป็นประธาน ต้องการ สนับสนุนให้เกิดการรวมกลุ่มทำกิจกรรมของ ผู้สูงอายุ และรวบรวมผู้สูงอายุที่มีองค์ความรู้ ภูมิปัญญา ปราชญ์ เพื่อถ่ายทอดวัฒนธรรมเมืองไชยาใ นอดีต ผ่านการเล่าเรื่องต่างๆจากพิธภัณฑ์พื้นบ้านเมืองไชยา ซึ่ง เป็นสถานที่รวบรวมของเก่า มีการจำลองข้าวของ เครื่องใช้ของคนไชยาสมัยก่อนไว้ แต่ยังขาดผู้ที่สามารถนำเสนอถ่ายทอดเรื่องราวเมืองไชยาแบบมีชีวิตได้ จึงได้ จัดทำ “โครงการส่งเสริมสุขภาวะด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ในโรงเรียนผู้สูงอายุ” โดยจัดตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุ ขึ้น เปิดรับสมัครผู้ที่สนใจ และเปิดการเรียนการสอน ณ วัดเวียง ใกล้กับพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเมืองไชยา ได้รับความ สนใจจากผู้สูงอายุร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก ในปี พ.ศ. 2562 เทศบาลตำบลตลาดไชยาเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในโครงการ “การพัฒนาและวิจัยเพื่อ การดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นพื้นที่ภาคใต้ตอนบน” ซึ่งสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนสนับสนุนการ สร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีสำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เป็นผู้ประสานงาน ภายใต้ ข้อตกลงโครงการฯ สนับสนุนให้เกิดคณะทำงานพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นเขตเทศบาล ตลาดไชยา ที่มาจาก 4 องค์กรหลัก (ท้องถิ่น ท้องที่ องค์กรชุมชน ภาคประชาชน) ได้ร่วมกันจัดทำข้อมูลตำบล (TCNAP) ข้อมูลการวิจัยชุมชน (RECAP) แบบประเมินสุขภาวะผู้สูงอายุ พบว่าเทศบาลตำบลตลาดไชยามี จำนวนประชากรในพื้นที่ จำนวน 5,276 คน มีกลุ่มเตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุ (50 – 59 ปี) จำนวน 726 คน คิดเป็นร้อยละ 13.76 ของจำนวนประชากรทั้งหมด (ข้อมูลจากงานทะเบียนเขตพื้นที่ท้องถิ่น เทศบาล ตำบลตลาดไชยาของเดือน พ.ค. 2564) ประชากรผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จำนวน 1,201 คน เพศชาย 473 คน เพศหญิง 728 คน คิดเป็นร้อยละ 22.76 ซึ่งเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์แล้วโดย แบ่งตามกลุ่มอายุ (60- 69/70-79/>80 ปี) การแบ่งกลุ่มผู้สูงอายุตามความสามารถ พบว่า มีผู้สูงอายุติดบ้าน จำนวน 22 คน (1.83%) ติดเตียงจำนวน 3 คน (0.24%) และติดสังคมจำนวน 1,176 คน (97.91%) ด้านสุขภาพส่วนใหญ่เจ็บป่วยด้วย โรคเรื้อรัง จำนวน 900 คน (75%)ผู้สูงอายุที่มีความพิการ จำนวน 112 คน (9.32%) ไม่มีกลุ่มผู้สูงอายุที่ติด สุรา ไร้ที่อยู่อาศัย และไม่มีหลักประกันสุขภาพ ผู้สูงอายุที่รับเบี้ยยังชีพ จำนวน 923 คน (76.85%) สำหรับ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 160 ทุนและศักยภาพที่เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการงานและผลกระทบที่เกิดกับผู้สูงอายุในเขตพันที่ตำบลไชยา ประกอบด้วย เทศบาลตำบลตลาดไชยา องค์กรศาสนาวัดเวียง โรงพยาบาลไชยา วัฒนธรรมอำเภอไชยา ศูนย์บริการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอไชยา ธนาคารออมสิน ธนาคาร ธกส. สำนักงานอัยการ สถานีตำรวจ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี โต๊ะอิหม่ามชุมชนบ้านสงขลา คณะทำงานฯ ได้ร่วมกันวิเคราะห์ตรวจสอบข้อมูลที่ได้จากการจัดเก็บ เพื่อคืนข้อมูลให้กับผู้ที่มีส่วน เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุทุกฝ่าย ผ่านเวทีประชาคมผู้สูงอายุของเทศบาลตำบลตลาดไชยา พบว่า สถานการณ์ปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุในพื้นที่และปัญหาของการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดย ชุมชนท้องถิ่นของตำบลตลาดไชยาคือ รูปแบบและประสิทธิภาพของการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุที่เอื้อ ต่อการดำรงชีวิต เช่น การออกแบบกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุที่ยังขาดความสอดคล้องกับความต้องการของ ผู้สูงอายุในบริบทตามพื้นที่ โดยผู้สูงอายุในตำบลตลาดไชยาไม่ต้องการเพียงแต่เป็นฝ่ายได้รับการดูแลจากบุตร หลานหรือจากสังคมเท่านั้นแต่มีความต้องการที่จะช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุดลดการเป็นภาระให้ครอบครัว โดยทุกภาคส่วนของชุมชนท้องถิ่น ประกอบด้วย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มองค์กร ชุมชนต่าง ๆ และหน่วยบริการสุขภาพในพื้นที่จึงจำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการดูแลผู้สูงอายุ ตลอดจนมี กระบวนการค้นหา และนำใช้ทุนทางสังคม และศักยภาพของชุมชนเพื่อการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุใน พื้นที่ เทศบาลตำบลตลาดไชยาสนับสนุนให้ชมรมผู้สูงอายุและผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันจัดให้มีการดูแล ผู้สูงอายุขึ้นในรูปแบบของ “โรงเรียนผู้สูงอายุ” ทั้งในแบบระบบการเรียนการสอนในห้องเรียน และระบบ ออนไลน์สำหรับผู้สูงอายุติดบ้าน ติดเตียง ซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมสำคัญในการพัฒนาคุณภาพผู้สูงอายุได้อย่าง มีประสิทธิภาพ เน้นปรัชญาการเรียนรู้ตลอดชีวิต พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ช่วยให้ผู้สูงอายุได้มีพื้นที่ทำ กิจกรรม เกิดการพึ่งพาตนเอง สามารถพัฒนาศักยภาพและเรียนรู้สิ่งต่างๆ เพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตที่มีคุณภาพ ได้ ที่สำคัญคือช่วยลดภาวะการ กลายเป็นผู้สูงอายุที่ติดบ้าน ติดเตียง รวมถึงลดภาระการดูแลผู้สูงอายุของ ครอบครัวด้วย รูปแบบการจัดกิจกรรมของโรงเรียนผู้สูงอายุเป็นการส่งเสริมสุขภาพทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคมและอยู่ร่วมกับชุมชนให้แก่ผู้สูงอายุ เป็นชุดกิจกรรมการอบรมและทำกิจกรรมในหลากหลายรูปแบ บที่ ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตการพัฒนาทักษะและการศึกษาตามอัธยาศัยกิจกรรมของโรงเรียนผู้สูงอายุจะเป็น เรื่องที่ผู้สูงอายุสนใจและมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิต ช่วยเพิ่มพูนความรู้ ทักษะชีวิตที่จำเป็น โดยวิทยากร จิตอาสาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันก็เป็นพื้นที่ที่ผู้สูงอายุจะได้แสดงศักยภาพ โดยการถ่ายทอดภูมิ ความรู้ ประสบการณ์ที่สั่งสมแก่บุคคลอื่น เพื่อสืบสานภูมิปัญญาให้คงคุณค่ากับชุมชน และที่สำคัญเป็นการ ดำเนินการโดยผู้สูงอายุเพื่อผู้สูงอายุ เพราะการดำเนินการนี้เป็นการจัดกิจกรรมโดยผู้สูงอายุเพื่อผู้สูงอายุที่เน้น การบริหารจัดการด้วยตนเอง โดยมีหน่วยงานภาครัฐเป็นผู้ให้คำปรึกษาดูแลและผลักดันให้เกิดการดูแลอย่าง เป็นระบบ เป็นไปตามมาตรฐาน ตรงตามความต้องการและศักยภาพของผู้สูงอายุในชุมชน


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 161 2. เป้าหมายและวัตถุประสงค์ “การจัดการเรียนรู้ตามอัธยาศัยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุตำบลไชยา” 2.1 กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับโยชน์จากการจัดการเรียนรู้ฯ ประกอบด้วย 1) กลุ่มวัยเตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุ (50 – 59 ปี) จำนวน 726 คน 2) กลุ่มผู้สูงอายุ ได้แก่ 2.1) ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 1,201 คน 2.2) ผู้สูงอายุตาม ความสามารถ (ADL) ติดบ้าน 22 คน ติดเตียง 3 คน ติดสังคม 1176 คน 2.3) ผู้สูงอายุที่ป่วยเรื้อรัง 900 คน และ 2.4) ผู้สูงอายุที่มีความพิการ 112 คน 2.2 วัตถุประสงค์ในการจัดการเรียนรู้ฯ ประกอบด้วย 1) การเตรียมความพร้อมสำหรับผู้เข้าสู่ช่วงวัยผู้สูงอายุได้อย่างเหมาะสม 2) ผู้สูงอายุและสังคมตระหนัก เข้าใจชีวิตและปรับตัวอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข 3) การสนับสนุนให้ผู้สูงอายุและวัยเตรียมเข้าสู่วัยสูงอายุสามารถส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันการ เจ็บป่วย และดูแลตนเองเบื้องต้น ลอดจนเข้าถึงระบบบริการสุขภาพได้อย่างครอบคลุม 4) ผู้สูงอายุติดบ้านไม่สามารถเดินทางได้ ผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียง ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทาง สังคม ร่วมกับเพื่อนวันเดียวกัน 2.3 ผู้เข้าร่วมดำเนินการเพื่อจัดการเรียนรู้ฯ แบ่งตามบทบาทหน้าที่ประกอบด้วย 1) การเพิ่มขีดความสามารถผู้สูงอายุประกอบด้วย ผู้ดูแลในครัวเรือนที่มีผู้สูงอายุ เทศบาลตำบล ตลาดไชยาโรงพยาบาลไชยา ศูนย์พัฒนาครอบครัว อสม. ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ช่วยเหลือ (สายด่วน) จิตอาสา และ ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) 2) การสนับสนุนงบประมาณดำเนินการ โดย กองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลตำบลไชยา โครงการการพัฒนาและวิจัยเพื่อการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ (สสส.) ประสานงานโครงการโดย สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ 3) การสนับสนุนวิทยากรจากหน่วยงานเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น สำนักงานอัยการ สำนักงานคุมประพฤติ สาธารณสุขอำเภอโรงพยาบาลไชยา ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและ สหกรณ์ เป็นต้น 3. วิธีดำเนินการ “การจัดการเรียนรู้ตามอัธยาศัยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุตำบลไชยา” มีขั้นตอนและกระบวนการดำเนินการดังต่อไปนี้ 1) เทศบาลตำบลไชยา โดยคณะทำงานที่มาจาก 4 องค์กรหลัก ร่วมค้นหาผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดูแล ผู้สูงอายุ ในเขตเทศบาลตำบลไชยา โดยดูจากผู้ที่มีบทบาทหน้าที่โดยตรง และผู้ที่มีส่วนร่วม ได้แก่ เทศบาล ตำบลตลาดไชยา โรงพยาบาลไชยา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. เป็นต้น 2) จัดตั้งคณะกรรมการโรงเรียนผู้สูงอายุตำบลตลาดไชยา โดยเน้นให้มาจาก 4 องค์กรหลัก ประกอบด้วย ท้องถิ่น ท้องที่ หน่วยงานรัฐ และภาคประชาชน โดยคณะกรรมการได้ดำเนินการดังต่อไปนี้ 2.1) จัดทำ และเสนอโครงการพัฒนาโรงเรียนผู้สูงอายุตำบลไชยา เพื่อขอรับงบประมาณ สนับสนุนจากกองทุนหลักประกันสุขภาพตำบลไชยา


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 162 2.2) ร่วมสำรวจปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุ สำหรับใช้ออกแบบวางแผนกำหนด รายละเอียดหลักสูตรและแผนการเรียนรู้การจัดกิจกรรมภายในโรงเรียน 2.3) จัดประชุมเพื่อวางแผนการดำเนินงานโรงเรียนผู้สูงอายุ โดยออกแบบวางแผนกำหนด รายละเอียดหลักสูตรและแผนการเรียนรู้การจัดกิจกรรมภายในโรงเรียนตาม 10 กลยุทธ์หลัก 5อ. 5ก.เพื่อ ตอบสนองทั้ง 5 มิติ กาย จิต สังคม อารมณ์สติปัญญา โดยมีรายละเอียดดังนี้ 2.3.1) พัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุแบ่งเป็น 2 เทอม ประกอบด้วย 3 กลุ่มรายวิชา 9 หมวด รวม 108 ชั่วโมงคือ วิชาชีวิต (50%) เป็นการพัฒนาความรู้ ทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อผู้สูงอายุในการนำไปปรับใช้ใน ชีวิตประจำวัน เพื่อให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข จำนวน 92.5 ชั่วโมง ประกอบด้วย หมวดวิชาสังคม หมวด วิชาสุขภาพ หมวดวิชาสภาพแวดล้อม หมวดวิชาวัฒนธรรม และภูมิปัญญาหมวดวิชานันทนาการ วิชาชีพ (30%) เป็นแนวทางการส่งเสริมทักษะด้านอาชีพที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ จำนวน 55.5 ชั่วโมงประกอบด้วย หมวดวิชาเศรษฐกิจ วิชาการ (20%) เป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้สูงอายุ จำนวน 37 ชั่วโมง ประกอบด้วย หมวดวิชาสังคม หมวดวิชาเศรษฐกิจ และหมวดวิชาสุขภาพ 2.3.2) การกำหนดรูปแบบการเรียนการสอน ให้มี 2 รูปแบบ คือ 1) นักเรียนในห้องเรียน (สำหรับผู้สูงอายุภาวะปกติที่สมัครเข้ามาเป็นนักเรียน) มี การวัดผลและประเมินผล โดยการสังเกต ตรวจผลงาน ซักถาม เครื่องมือการวัดผลและประเมินผล ใบงาน แบบสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียน 2) นักเรียนออนไลน์ (สำหรับผู้สูงอายุพิการ ป่วยติดเตียง ป่วยติดบ้าน ไม่สามารถ เดินทางมาเรียนได้) เป็นการเรียนออนไลน์ โดยการถ่ายทอดสดผ่านเพจ โรงเรียนผู้สูงอายุเทศบาลตำบลตลาด ไชยามีการวัดผลและประเมินผล โดยเช็คจำนวนการเข้าระบบการศึกษาออนไลน์ และการติดตามผลที่บ้านซึ่ง ระบบการเรียนออนไลน์ เน้นการที่ผู้เรียนได้มีส่วนร่วม ได้เห็นการทำกิจกรรมของเพื่อน ได้ติดตามการใช้ชีวิต ต่างๆ ของเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน เพื่อคลายความคิดถึง และความเหงา อีกทั้งยังให้เพื่อนๆ ในห้องเรียนได้ ส่งกำลังใจให้กับนักเรียนทางบ้านอยู่เสมอ 3. ดำเนินการจัดการเรียนรู้ตามอัธยาศัยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุดำเนินการและจัดกิจกรรม ดังนี้ 3.1) จัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรที่พัฒนาขึ้น โดย ผู้สูงอายุที่สามารถเดินทางได้ มาเรียนที่โรงเรียน และออนไลน์ผ่านเพจให้กับผู้สูงอายุที่ติดบ้านได้เรียนรู้ไปพร้อมๆกัน 3.2) การสร้างและพัฒนาอาสาสมัครผู้สูงอายุและผู้ดูแลผู้สูงอายุ มีการจัดอบรมอาสาสมัครผู้ดูแล ผู้สูงอายุ โดยโรงพยาบาลไชยาเป็นผู้จัดอบรม และมีตัวแทนจากโรงเรียนผู้สูงอายุ จำนวน 2 คน เข้ารับการ อบรมหลักสูตรอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่น เป็นเวลา 70 ชั่วโมง สามารถนำความรู้มาดูแลผู้สูงอายุในชุมชน และ นำมาถ่ายทอดให้กับนักเรียนในโรงเรียนผู้สูงอายุเทศบาลตำบลตลาดไชยา


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 163 3.3) จัดรูปแบบการเรียนรู้ตามความต้องการของผู้เรียน เช่น มีการปรับรูปแบบการออกกำลังกายหน้า เสาธง จากการออกกำลังกายสี่ภาค เป็นมวยไชยาไลน์แดนซ์ มีการจัดทำเครื่องออกกำลังกายโดยใช้วัสดุใน ชุมชน ไว้บริการนักเรียนในโรงเรียนผู้สูงอายุ จำนวน 3 เครื่อง (จักรยาน, สะพานนวดเท้า, เครื่องบริหารไหล่) 3.4) การเรียนรู้เน้นการสร้างกระบวนการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุให้ครอบคลุมทุกด้านดังนี้ - ด้านสุขภาพ เพื่อให้สามารถดูแล เฝ้าระวัง และป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพด้านต่างๆส่งเสริม พัฒนาและปรับปรุงแก้ไข ทั้งด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิตของผู้สูงอายุ โดยการ อบรมเพิ่มทักษะการออก กำลังกาย และการจัดอาหารที่เหมาะสม การดูแลสุขภาพในช่องปาก และสอดคล้องกับปัญหาและความ ต้องการของผู้สูงอายุ เน้นแนวทางการดูแลตนเองด้านจิตใจ การผ่อนคลายความเครียดจากการเหงาอยู่บ้าน เพียงคนเดียวด้วยการเข้าร่วมกลุ่มทำกิจกรรมกับเพื่อนในโรงเรียน และกลุ่มติดบ้านได้ร่วมพูดคุยและทำกิจจกร รมทางเพจของโรงเรียน เพิ่มความรู้ ทักษะการสันทนาการ เช่น กีฬาพื้นบ้าน (เปตอง) กิจกรรมเข้าจังหวะ เช่น บาสะโลบ มวยไทย ไม้พลอง การออกกำลังกายในน้ำ การนวดที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ (นวดให้ตนเอง ,นวดให้ผู้อื่น) การใช้สมุนไพรเพื่อสุขภาพ กิจกรรมพัฒนาสมองที่เมาะสมกับผู้สูงอายุ รวมทั้ง การจัดสิ่งอำนวย ความสะดวก ได้แก่ ห้องนอน ห้องน้ำ ทางเดิน ฯลฯ การจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และหกล้ม เช่น การทำราวจับพยุงตัว การเลือกใช้ส้วมที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ การปรับพื้นที่ผิวสัมผัส พื้นผิวต่างระดับ การปรับปรุงบันได ประตู การจัดทำสัญญาณเตือนภัยสำหรับผู้สูงอายุ - ด้านเศรษฐกิจ เน้นกิจกรรมเสริมทักษะด้านอาชีพ เพิ่มรายได้ลดรายจ่าย สร้างความเข้าใจแนว ทางการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของผู้สูงอายุ การสร้างอาชีพตามความถนัดของแต่ละบุคคลและมีการ รวมกลุ่มกันทำงานระหว่างคนที่มีความชอบเหมือนๆ กัน รวมทั้งจัดการให้ความสำคัญและเพิ่มการออม โดย การเข้าร่วมกองทุนผู้สูงอายุ และการจัดการประกันชีวิตที่เหมาะสมของผู้สูงอายุ ตลอดจนการค้นหาแหล่งทุน ในการประกอบอาชีพ การพัฒนาทักษะอาชีพตามความถนัดเพื่อเพิ่มความชำนาญ และศิลปะ หัตถกรรม งานฝีมือด้านต่างๆ - ด้านการบริหารจัดการ เน้นการบริหารจัดการโดยผู้สูงอายุเป็นหลัก ให้มีความรู้ความเข้าใจ และการเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการที่ผู้สูงอายุควรได้รับ โดยการให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ กฎหมายเกี่ยวกับผู้สูงอายุ เช่น พ.ร.บ. ผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 กฎหมายผู้สูงอายุ พินัยกรรม มรดก การทำสัญญา หรือนิติกรรมทางกฎหมาย การโอนกรรมสิทธิ์ สิทธิประโยชน์ทางกฎหมายของผู้สูงอายุ แหล่งให้บริการสิทธิ ประโยชน์ต่างๆ สำหรับผู้สูงอายุ คุณค่าของผู้สูงอายุ และการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม - ด้านสังคม เพื่อให้สามารถปรับตนเองให้มีความสุขในสภาพสังคมที่ เปลี่ยนแปลงไป โดยการนำ หลักศาสนามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน การอนุรักษ์เพลงพื้นเมืองท้องถิ่น เพื่อดำรงรักษาไว้และถ่ายทอดให้ คนรุ่นหลัง การอนุรักษ์การละเล่นพื้นบ้าน เพื่อดำรงรักษาไว้และถ่ายทอดให้คนรุ่นหลัง เน้นไปที่กิจกรรมทาง ศาสนาการส่งเสริมสุขภาพกายและใจ และเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้พูดคุยพบปะสังสรรค์ แลกเปลี่ยน เรียนรู้ ซึ่งกันและกัน - ด้านการมีส่วนร่วม จัดรูปแบบกิจกรรมตามความต้องการของผู้สูงอายุ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 164 3.5) กลุ่มผู้สูงอายุที่มาเรียนจัดกิจกรรมเพื่อสังคม ได้แก่ ผู้สูงอายุจัดกลุ่มไปเยี่ยมเพื่อนผู้สูงอายุด้วยกัน ที่ป่วยทั้งที่บ้านและโรงพยาบาล ผู้สูงอายุดำเนินการจัดทำกองทุนสวัสดิการเพื่อเยี่ยมเยียนเพื่อนที่ป่วยและ เสียชีวิต โดยกำหนด เมื่อเจ็บป่วยนอนโรงพยาบาล ครั้งละ 500 บาท เสียชีวิตมอบเงินสวัสดิการ 5,000 บาท 3.6) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดบริการผู้สูงอายุที่โรงเรียนเพิ่ม เช่น โรงพยาบาลไชยา จัดตรวจสุขภาพ ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุที่มาโรงเรียนทุกวันศุกร์แรกของเดือน 3.7) การติดตามประเมินผลการเรียนรู้จากผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโครงการโดยคณะกรรมการโรงเรียน ผู้สูงอายุร่วมมือกับเทศบาลตำบลตลาดไชยา ชมรมผู้สูงอายุ โรงพยาบาลไชยา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. 4. ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจาการจัดการเรียนรู้ฯ (รูปธรรม) 4.1 ผู้สูงอายุในตำบลตลาดไชยาที่สมัครเข้าเรียนโรงเรียนผู้สูงอายุ ประกอบด้วย ผู้สูงอายุจำนวน 84 คน ผู้สูงอายุพิการ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้สูงอายุติดบ้าน มีภาวะเสี่ยงในการเจ็บป่วย ไม่สามารถเดินทางมาเรียน ได้ จำนวน 8 คน 4.2 ผู้สูงอายุมีการพัฒนาคุณภาพชีวิต ทักษะการดำเนินชีวิตที่จำเป็น ทั้งผู้สูงอายุนักเรียนในห้องเรียน (สำหรับผู้สูงอายุภาวะปกติ) จำนวน 84 คน และนักเรียนออนไลน์ (สำหรับผู้สูงอายุพิการ ป่วยติดเตียง ป่วยติด บ้าน ไม่สามารถเดินทางมาเรียนได้) จำนวน 8 คน 4.3 นักเรียนออนไลน์ (สำหรับผู้สูงอายุพิการ ป่วยติดเตียง ป่วยติดบ้าน ไม่สามารถเดินทางมาเรียนได้) จำนวน 8 คน ได้ติดตามร่วมสนุกไปกับบรรยากาศการเรียนในห้องเรียน ตั้งแต่การเข้าแถวทำกิจกรรมหน้าเสา ธงไปจนจบการเรียน 4.4 ผู้ดูแลผู้สูงอายุในครัวเรือนได้รับความรู้ในการรับมือกับช่วงวัย การดูแลตนเอง ที่สามารถปฏิบัติได้ จริง 4.5 เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดเครือข่ายการทำกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น รวมกลุ่มการออกกำลังกายตอนเย็น การสังสรรค์กันตามงานบุญงานสังคมต่างๆ สร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสดใสให้กับผู้ใกล้ชิด 5. ผลกระทบที่เกิดขึ้นจาการจัดการเรียนรู้ฯ 5.1 ผลต่อกลุ่มประชากรเป้าหมาย ได้แก่ 1) ผู้สูงอายุมีสวัสดิการ เยี่ยมเยียนให้กำลังใจเมื่อเจ็บป่วยนอนโรงพยาบาล ครั้งละ 500 บาท เสียชีวิตมอบเงินสวัสดิการ 5,000 บาท 2) ผู้สูงอายุเข้าถึงบริการสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุพิการ ป่วยติดเตียง ป่วยติดบ้าน ไม่ สามารถเดินทางมาเรียนได้ การเข้าถึงการตรวจสุขภาพ และการให้ความรู้เรื่องสุขภาพ ทุกวันศุกร์แรกของ เดือน โดยวิทยากรจากโรงพยาบาลไชยา 3) มีผู้ช่วยเหลือดูแลเพิ่มขึ้น ทั้งในระดับครัวเรือน จำนวน 50 คน และระดับชุมชน จำนวน 6 คน


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 165 4) ผู้สูงอายุหรือครอบครัวผู้สูงอายุได้รับการส่งเสริมอาชีพ ที่หลากหลาย ตรงตามความต้องการ สามารถนำกลับมาสอนลูกหลานและประกอบอาชีพได้ 5.2 ผลต่อหน่วยงาน องค์กรชุมชน ได้แก่ 1) เกิดการมีส่วนร่วมจากหลายฝ่ายในการพัฒนางาน โดยเกิดความร่วมมือจากหน่วยงาน ราชการ และเอกชนต่างๆ และหน่วยงานอื่นๆอีกมากมายที่เข้ามาให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องและจำเป็นสำหรับ ผู้สูงอายุ ดังนี้ 1.1) ทุนทางสังคมที่มีศักยภาพจัดการงานและผลกระทบที่เกิดกับผู้สูงอายุในเขตพันที่ตำบล ไชยา จำนวน 7 ทุน ประกอบด้วย 1) เทศบาลตำบลตลาดไชยา 2) วัดเวียง 3) โรงพยาบาลไชยา 4) วัฒนธรรม อำเภอไชยา 5) ศูนย์บริการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอไชยา 6) ธนาคารออมสิน 7) ธนาคาร ธกส. 8) สำนักงานอัยการ 9) คุมประพฤติ 10) สถานีตำรวจ 1.2) หน่วยงาน องค์กรชุมชน องค์กรรัฐ เอกชนนอกพื้นที่ จำนวน 5 องค์กรประกอบด้วย 1) เจ้าอาวาสวัดเวียง 2) โต๊ะอิหม่ามชุมชนบ้านสงขลา 3) นักจิตวิทยา 4) นักวิชาการสาธารณสุข 5) สำนักงาน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี 2) มีมาตรฐาน แนวปฏิบัติที่ชัดเจน มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อจัดทำหลักสูตรจากหลากหลายวิชาชีพ และทบทวนหลักสูตร ในทุกปีการศึกษา เพื่อปรับให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ และความต้องการของผู้สูงอายุในชุมชน และมีการ จัดทำคู่มือ เพื่อเป็นแนวทางหลักในการดำเนินการ และเป็นการแนะแนวข้อปฏิบัติให้เป็นไป ในแนวทาง เดียวกัน 5.3 ผลต่อชุมชน ได้แก่ 1) โรงเรียนผู้สูงอายุเป็นพื้นที่เรียนรูและถายทอดประสบการณ ภูมิปัญญาและวัฒนธรรม ทองถิ่น ใหดำรงสืบทอดเป็นเอกลักษณของชุมชน เป็น “เวที” ที่เปิดโอกาสใหผู้สูงอายุมีสวนร่วมในการทำประโยชน ต่อชุมชนและสังคม รวมทั้งอาจเป็นแรงผลักดันใหเขาร่วมเป็นอาสาสมัครในชุมชน 2) มีกลุ่มดูแลช่วยเหลือกัน กฎ กติกา จัดการกันเอง 6. ปัจจัยความสำเร็จ ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ 6.1 ปัจจัยความสำเร็จ ที่ช่วยให้การจัดการเรียนรู้ตามอัธยาศัยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ตำบลใชยาสามารถดำเนินการได้ลุล่วง คือ 1) การมีส่วนร่วมจากหลายภาคส่วนที่มีบทบาทในการดูแลผู้สูงอายุ 2) การดำเนินงานเกิด จากความต้องการของผู้สูงอายุ ทำให้เพิ่มความร่วมมือในการดำเนินงาน 3) การนำใช้ข้อมูลประกอบการ ตัดสินใจเลือกสร้างความร่วมมือกับทุนทางสังคมที่มีอยู่ในตำบล


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 166 6.2 ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ ประกอบด้วย 1) การแพร่ระบาดของโรค COVID19 ทำ ให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมแบบรวมกลุ่มได้ คณะทำงานจัดการโดยจัดประชุมแบบออนไลน์ผ่านเพจของโรงเรียน ผู้สูงอายุ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 167 การพัฒนาระบบเศรษฐกิจเพื่อสุขภาวะผู้สูงอายุ เทศบาลตำบลบ้านสวน อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง 1. ชื่อเรื่อง การพัฒนาระบบเศรษฐกิจเพื่อสุขภาวะผู้สูงอายุ 2. พื้นที่ เทศบาลตำบลบ้านสวน อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง 3. ผู้นำเสนอ 1) นายสมเกียรติ ทองพันธ์นายกเทศมตรี เทศบาลตำบลบ้านสวน อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง 4. ที่มาและเส้นทางการพัฒนา “การพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมเพื่อผู้สูงอายุ” ในปี พ.ศ. 2556 มีการ “ประชาคมแผนเทศบาล” โดยนายกเทศมนตรีตำบลพนางตุงได้มีแนวคิดใน การรับฟังปัญหาจากประชาชนและต้องการสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาตำบลของทุกภาคส่วน โดย เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลร่วมกับประชาชนในทุกชุมชนทั้ง 5 ชุมชน จัดให้มีเวที “ประชาคมหมู่บ้าน” เพื่อระดม ความคิดเห็นเกี่ยวกับตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจัดทำแผนเทศบาลประกอบกับจังหวัดโดย ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีนโยบายให้ทุกตำบลได้มีการจัดทำแผนแม่บทชุมชน ทางตำบลพนางตุงจึงได้มอง หาและเลือกชุมชนที่มีความพร้อมในการเป็นชุมชนนำร่อง และในช่วงปีนี้เองที่ทางเทศบาลตำบลพนางตุง ชาว ตำบลพนางตุงสามารถพึ่งตนเองได้ในด้านการเกษตรเพราะระบบเศรษฐกิจชุมชน ถือเป็นระบบที่หล่อเลี้ยงชีวิต คนตำบลพนางตุง มีการคัดเลือกผู้ที่มีสิทธิเข้าฝึกอบรมในโครงการ คือ เป็นผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ จปฐ. เป็น ต้น เกิดแกนนำที่อยู่ในชุมชนขับเคลื่อนการทำแผนแม่บทชุมชน เกิดการส่งเสริมการจัดตั้งกลุ่มอาชีพให้แก่คน ในชุมชน การค้นหาอาสาสมัคร กลุ่มแกนนำต่างๆ ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในตำบล ทำให้หลายฝ่ายเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพ จึงได้ออกแบบกิจกรรมต่างๆ อาทิ การวางแผนให้มีการ เก็บข้อมูลและขึ้นทะเบียนผู้พิการ ผู้สูงอายุ เพื่อสอดรับกับการจ่ายเบี้ยยังชีพในพื้นที่ เป็นต้น ตำบลได้มีการ พัฒนาศักยภาพของแกนนำกลุ่มอาชีพต่างๆ เทศบาลตำบลพนางตุงได้มี “หน่วยงานภายในและภายนอกเข้ามา พัฒนางานตำบล” อีกทั้ง ประชาชนในตำบลยังได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชุมชน “น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” จากปัญหาผลผลิตตกต่ำ ประกอบกับกรมพัฒนาชุมชนมีนโยบายให้จัดตั้ง กลุ่มสัจจะแก่ประชาชนทุกกลุ่ม ประชาชนในตำบลพนางตุงเริ่มเรียนรู้จากนโยบายของภาครัฐที่เข้ามา สนับสนุนทำให้เกิดการขยับตัว และน้อมนำแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาการ ดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพของตนเองโดยเฉพาะปัญหาไม่มีที่ดินทำกิน คนว่างงาน ผลการจัดเวทีทำให้ เกิดผู้นำตำบลพนางตุง ที่มีการขับเคลื่อนแผน ตามโครงการภายใต้แผนการเรียนรู้ชุมชน เพื่อให้ผู้นำเป็น


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 168 ผู้รับผิดชอบแผนงานทั้งระดับหมู่บ้านและตำบลจากกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้โครงการทำให้ผู้นำ มีความรู้ มี ทักษะให้สามารถนำแผนด้านอื่น ๆ ลงสู่การปฏิบัติได้ด้วยเป็นจำนวนมาก ในปี พ.ศ. 2562 เทศบาลตำบลบ้านสวนเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในโครงการ “การพัฒนาและวิจัยเพื่อ การดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นพื้นที่ภาคใต้ตอนบน” ซึ่งสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนสนับสนุนการ สร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีสำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เป็นผู้ประสานงานภายใต้ ข้อตกลงโครงการฯ สนับสนุนให้เกิดคณะทำงานพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นเขตเทศบาล พนางตุงที่มาจาก 4 องค์กรหลัก (ท้องถิ่น ท้องที่ องค์กรชุมชน ภาคประชาชน) ได้ร่วมกันจัดทำข้อมูลตำบล (TCNAP) ข้อมูลการวิจัยชุมชน (RECAP) แบบประเมินสุขภาวะผู้สูงอายุ เทศบาลตำบลบ้านสวนได้ตระหนักถึง ความสำคัญในเรื่องผู้สูงอายุมากจึงมีความพยายาม และรณรงค์อย่างต่อเนื่องให้ทุกคนตระหนัก และพร้อมดูแล ผู้สูงอายุให้ทัดเทียมเช่นเดียวกับการดูแลประชากรในกลุ่มอายุอื่น เทศบาลตำบลบ้านสวนมีจำนวนครัวเรือน ทั้งหมด 3,698 คน ประชากรในพื้นที่ จำนวน 10,051 คน เพศชายจำนวน 4,865 คน เพศหญิงจำนวน 5,176 คน มีกลุ่มเตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุ (50 – 59 ปี) จำนวน 1,571 คน คิดเป็นร้อยละ 15.6ของจำนวน ประชากรทั้งหมด ประชากรผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จำนวน 2,103 คน เพศชาย 889 คน เพศหญิง 1,214 คน คิดเป็นร้อยละ 20.90 การแบ่งกลุ่มผู้สูงอายุตามความสามารถ พบว่า มีผู้สูงอายุติดบ้าน จำนวน 23 คน (1.09%) ติดเตียงจำนวน 17 คน (0.80%) และติดสังคมจำนวน 2,063 คน (98.09%) ผู้สูงอายุที่มีความพิการ จำนวน 350 คน ไร้ที่อยู่อาศัย จำนวน 10 คน และไม่มีหลักประกันสุขภาพ จำนวน 0 คน ผู้สูงอายุที่รับเบี้ยยัง ชีพ จำนวน 2,019 คน ข้อมูลด้านเศรษฐกิจของประชากรในเทศบาลตำบลบ้านสวน พบว่า การประกอบอาชีพ โดยส่วนใหญ่ของประชากร คือ รับจ้าง/บริการ ทำนา และค้าค้าขาย ผู้สูงอายุที่เคยเข้าเรียนหรือกำลังเรียนใน โรงเรียนผู้สูงอายุ 100 คน คิดเป็นร้อยละ 4.75 มีอาสาสมัครดูแลดูแลผู้สูงอายุ (Care giver) 10 คน ผู้ปฏิบัติงานการแพทย์ฉุกเฉิน 9 คน(ข้อมูลจากกองสาธารณสุขและงานสวัสดิการและสังคมเทศบาลตำบล พนางตุง) ซึ่งได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ และมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่สัดส่วนประชากร สูงอายุเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านรายได้ของผู้สูงอายุ ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ พบว่า ค่าเฉลี่ยรายรับของครัวเรือนต่อปีอยู่ที่ 180,001 – 360,000 บาท ค่าเฉลี่ยรายจ่ายของครัวเรือนต่อปีอยู่ที่ 60,001 – 120,000 บาท ปัญหาด้านเศรษฐกิจของครัวเรือนด้านการ ประกอบอาชีพซึ่งยังคงขาดเทคนิค วิธีการในการสร้างงาน รายได้ อาชีพ ร้อยละ 40.32 (ข้อมูลจากระบบ TCNAP ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2564) คณะทำงานฯ ได้ร่วมกันวิเคราะห์ตรวจสอบข้อมูลที่ได้จากการจัดเก็บ เพื่อคืนข้อมูลให้กับผู้ที่มีส่วน เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุทุกฝ่าย ผ่านเวทีประชาคมผู้สูงอายุ พบว่า สถานการณ์ปัญหาและความต้องการ ของผู้สูงอายุในพื้นที่และปัญหาของการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น คือ รูปแบบการจัด กิจกรรมต่างๆ ให้สอดคล้องกับสภาพความต้องการของผู้สูงอายุ โดยมุ่งหวังให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลตามความ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 169 เหมาะสม สามารถดูแลตนเองได้ และสามารถนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งในด้าน สังคมและเศรษฐกิจ 5. เป้าหมายและวัตถุประสงค์ “การพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมเพื่อผู้สูงอายุ” 5.1 กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับโยชน์ ดังนี้ 1) กลุ่มวัยเตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุ (50 – 59 ปี) จำนวน 1,571 คน 2) กลุ่มผู้สูงอายุทุกช่วงวัย ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 2,146 คน ผู้สูงอายุตาม ความสามารถ (ADL) ติดบ้าน 23 คน ติดเตียง 17 คน ติดสังคม 2,063 คน และ ผู้สูงอายุที่มีความพิการ 350 คน 5.2 วัตถุประสงค์ดังนี้ เพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจที่สนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีสุขภาวะ โดย 1) เพื่อส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยค้นหาผู้สูงอายุที่มีความเชี่ยวชาญมาถ่ายทอด ความรู้ ทักษะ ให้กับผู้สูงอายุ และผู้ที่สนใจในตำบลพนางตุง 2) เพื่อส่งเสริมการรวมกลุ่มให้ผู้สูงอายุ ได้รับการพัฒนางาน สร้างอาชีพที่หลากหลาย 5.3 ผู้เข้าร่วมดำเนินการ ดังนี้ ท้องถิ่น โดยเทศบาลตำบลบ้านสวน มีบทบาทการเพิ่มขีดความสามารถภาคเกษตร อุตสาหกรรม และผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น นำมาเชื่อมโยงเข้ากับการพัฒนาด้านการประกอบอาชีพของผู้สูงอายุในพื้นที่ โดยการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีรายได้จากการทำงานในระดับที่เป็นธรรม เพียงพอแก่การยังชีพ และส่งเสริมให้ผู้สูงอายุใช้ความสามารถ และศักยภาพที่มีอยู่ ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม ได้โดยเฉพาะบทบาทของการถ่ายทอดประสบการณ์และความชำนาญ ท้องที่ โดยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แกนนำหมู่บ้าน มีบทบาทในการเข้ามามีส่วนร่วมค้นหาผู้สูงอายุที่ สามารถถ่ายทอดประสบการณ์และความชำนาญ กลุ่มและองค์กร ซึ่งแบ่งตามบทบาทหน้าที่ประกอบด้วยเป็นกลุ่มที่มุ่งเน้นการดำเนินกิจกรรม ทางด้านเศรษฐกิจของชุมชน โดยการสร้างอาชีพเสริม เพื่อสร้างเสริมรายได้ให้แก่สมาชิกในกลุ่ม และคนใน ชุมชน รวมถึงการลดรายจ่าย ซึ่งอาศัยความเข้มแข็งของชุมชนโดยทุนและศักยภาพที่มีของแต่ละหมู่บ้าน ดังนี้ หมู่ที่ 1 จำนวน 10 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มผลิตภัณฑ์กระจูด กลุ่มทำกะปิ กลุ่มประมงกลุ่ม ผลิตปุ๋ยชีวภาพ กลุ่มสวัสดิการชุมชน กลุ่มเครือข่ายการท่องเที่ยวทะเลน้อย กลุ่มเรือบริการนำเที่ยว กลุ่มปลา ดุกร้า กลุ่มเพลงร้องเรือ เพลงกล่อมเด็กภาคใต้ หมู่ที่ 2 จำนวน 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มกระจูด กลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ (ประมง) กองทุนหมู่บ้าน กลุ่มประมง กลุ่มเรือบริการนำเที่ยวทะเลน้อย หมู่ที่ 3 จำนวน 7 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการเกษตร กลุ่มกองทุนหมู่บ้าน กลุ่มปลูกผักกลุ่ม สานเสื่อกระจูด กลุ่มปุ๋ยอินทรีย์ กลุ่มสตรี กลุ่มวิสาหกิจชุมชนพัฒนาเกษตรกรทางเลือกบ้านพนางตุง หมู่ที่ 4 จำนวน 3 กลุ่ม ได้แก่ กองทุนหมู่บ้าน กลุ่มเลี้ยงปลาดุก กลุ่มโฮมสเตย์


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 170 หมู่ที่ 5 จำนวน 12 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต กลุ่มกองทุนหมู่บ้าน กลุ่มสานเสื่อ กระจูด กลุ่มแปลงใหญ่ปาล์มน้ำมัน กลุ่มนาแปลงใหญ่ กลุ่มเลี้ยงไก่พื้นบ้าน กลุ่มปลูกผักปลอดสารพิษ ผลิตปุ๋ย อินทรีย์จากมูลสัตว์ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรท่าช้างรวมจิต วิสาหกิจชุมชนกลุ่มธุรกิจชุมชนท่าช้าง วิสาหกิจชุมชนศูนย์สาธิตวิสาหกิจชุมชนท่าช้างฟื้นฟูเศรษฐกิจ วิสาหกิจชุมชนชมรมสื่อแห่งปัญญาพัฒนา เศรษฐกิจ หมู่ที่ 6 จำนวน 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มกลุ่มออมทรัพย์ กองทุนหมู่บ้าน กลุ่มสานเสื่อกระจูด กลุ่มผู้ใช้น้ำ พลังงานไฟฟ้า หมู่ที่ 7 จำนวน 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มกองทุนหมู่บ้าน กลุ่มกระจูด กลุ่มทำกะปิ กลุ่มประมง กลุ่มผลิต ปุ๋ยชีวภาพ หมู่ที่ 8 จำนวน 14 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มส่งเสริมการปลูกผักสวนครัว รั้วกินได้ กลุ่มเลี้ยงสัตว์ กลุ่มผลิต ปุ๋ยอินทรีย์จากมูลสัตว์ กลุ่มทำสวนสมุนไพร กลุ่มแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร กองทุนหมู่บ้าน กลุ่ม เครื่องแกง กลุ่มสานเสื่อกระจูด กลุ่มปลูกผักปลอดสารพิษ กลุ่มเลี้ยงปลาในบ่อดิน บ่อซีเมนต์ โครงการแก้ไข ปัญหาความยากจน (กข.คจ.) กลุ่มโค กลุ่มเลี้ยงไก่พื้นบ้าน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนนาแปลงใหญ่บ้านธรรมเถียร หมู่ที่ 9 จำนวน 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มทำนา กลุ่มผู้ใช้น้ำพลังงานไฟฟ้า กลุ่มไร่นาสวนผสม กลุ่มกองทุน เงินล้านหมู่บ้าน กลุ่มสานเสื่อกระจูด วิสาหกิจชุมชนนาแปลงใหญ่บ้านธรรมเธียร หมู่ที่ 10 จำนวน 7 กลุ่ม ได้แก่ กองทุนหมู่บ้าน กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต กลุ่มอาชีพเครื่องแกง กลุ่มสานเสื่อกระจูด กลุ่มแปลงใหญ่ปาล์มน้ำมัน กลุ่มนาแปลงใหญ่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนหัตกรรมกระจูดวรรณี หมู่ที่ 11 จำนวน 9 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มกองทุนหมู่บ้าน กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการเกษตร กลุ่มทำนา กลุ่มกระจูด กลุ่มปลูกผัก กลุ่มเลี้ยงสัตว์ (วัว, ไก่) กลุ่มปุ๋ยชีวภาพ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนนาแปลง ใหญ่บ้านไทรงาม หมู่ที่ 12 จำนวน 11 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มกองทุนหมู่บ้าน กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มทำนา กลุ่มกระจูด กลุ่ม ปลูกผัก กลุ่มเลี้ยงสัตว์ (วัว, ไก่) กลุ่มปุ๋ยชีวภาพ-ปุ๋ยหมัก กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร กลุ่มแปรรูปปลาดุกร้า วิสาหกิจชุมชนปลาดุกร้าบ้านปากห้วย วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตภัณฑ์กระจูดบ้านปากห้วย หมู่ที่ 13 จำนวน 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์กระจูด กลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ 6. ประชากรที่ได้รับประโยชน์และผลกระทบ 6.1 ผู้สูงอายุที่ว่างงาน จำนวน 218 คน ร้อยละ 6.2 ผู้สูงอายุที่เป็นสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มส่งเสริมด้านเศรษฐกิจ จำนวน 341 คน 7. วิธีดำเนินการ “การพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมเพื่อผู้สูงอายุ” คณะทำงาน ดำเนินการ การพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมเพื่อผู้สูงอายุ เน้นการพัฒนาศักยภาพ การจัดการตนเองของพื้นที่เทศบาลตำบลพนางตุง ให้มีศักยภาพในการจัดการสุขภาวะชุมชน โดยการค้นหาทุน และศักยภาพที่มีความโดดเด่นผ่านการจัดระเบียบข้อมูล จนวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสรุปเป็นโครงสร้างของทุนทาง


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 171 สังคม สามารถนำมาพัฒนาชุมชนได้ทั้ง 6 ระดับ ประกอบด้วย ระดับทุนบุคคลและครอบครัว ระดับกลุ่มทาง สังคมและองค์กรชุมชน ระดับหน่วยงานระดับชุมชนหรือหมู่บ้าน ระดับตำบล และระดับเครือข่าย นำมาสู่การ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ของคนในชุมชนท้องถิ่น แนวทางการจัดการให้สถานการณ์ดังกล่าวเอื้อประโยชน์ต่อคนใน ชุมชน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนเพื่อสร้างความเข้มแข็งใน การจัดการตนเองของชุมชน ซึ่งระบบที่มีงานและกิจกรรมเด่นของพื้นที่ คือ “ระบบเศรษฐกิจชุมชน” ซึ่งเป็น งานและกิจกรรมที่เน้นการส่งเสริมสนับสนุนการให้ประชาชนในพื้นที่รวมถึงผู้สูงอายุที่ต้องการหารายได้ได้มี การรวมกลุ่มกัน เพื่อจัดตั้งกลุ่มการประกอบอาชีพ และสร้างรายได้แก่คนในชุมชน เพื่อให้เกิดการแปรรูป ผลผลิตทางการเกษตร ก่อให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน และการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและ ครอบครัว โดยมีองค์กรและหน่วยงานภาครัฐทั้งภายในและภายนอกพื้นที่เป็นผู้ให้การสนับสนุนทุนทางสังคม เพื่อให้มีแหล่งเงินทุนสำหรับการประกอบอาชีพ และประกอบกิจการต่างๆ และสามารถกู้ยืมเงินทุนจาก กองทุนได้ ซึ่งสร้างให้เกิดรายได้ เงินปันผล สวัสดิการสาธารณประโยชน์ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อ แก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของประชาชนในชุมชน โดยมีศักยภาพในการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน และแหล่ง ท่องเที่ยวต่างๆ ในชุมชน นำมาซึ่งระบบการจัดการภายในพื้นที่ “สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และ เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์” มีขั้นตอนและกระบวนการดำเนินการดังต่อไปนี้ 1) เทศบาลตำบลพนางตุง โดยคณะทำงานที่มาจาก 4 องค์กรหลัก ร่วมค้นหาทุนและศักยภาพที่ สามารถนำมาพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมเพื่อผู้สูงอายุกับการดูแลผู้สูงอายุ ในเขตเทศบาลตำบลพนางตุง โดยดูจากผู้ที่มีบทบาทหน้าที่โดยตรง และผู้ที่มีส่วนร่วม 2) การพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมเพื่อผู้สูงอายุมีการดำเนินงานครอบคลุมทั้ง 5อ. 5ก. ซึ่งเป็น กิจกรรมที่ได้จัดขึ้น ภายใต้โรงเรียนผู้สูงอายุ ชมรมผู้สูงอายุ โดยคณะกรรมการได้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้ 2.1) อ. การส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ สนับสนุนการใช้ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ผู้สูงอายุเกิดการ รวมกลุ่ม จัดหาอุปกรณ์เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เช่น หัตถกรรม ปลูกสมุนไพร ทำลูกประคบ การทำผ้ามัด ย้อม การทำดอกไม้จันทน์ ผ้ามัดย้อม พวงกุญแจ กระเป๋าผ้า เป็นต้น โดยนำสินค้าวางจัดตลาดนัดชุมชนวัน อังคารและตลาดวันพฤหัสบดี 2.2) อ. อาหารสำหรับผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุมีการปลูกผักบริเวณบ้าน ริมถนนในหมู่บ้าน เลี้ยงสัตว์ และเข้าร่วมโครงการที่สนับสนุนให้มีการปลูกผักปลอดสารพิษ เช่น โครงการตู้เย็นข้างบ้าน ผักสวนครัวรั้วกิน ได้ โครงการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง โครงการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น 2.3) อ. การส่งเสริมการออกกำลังกายผู้สูงอายุ ผู้สูงต้นแบบด้านการออกกำลังกายเป็นแกนนำใน การออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุในทุกกิจกรรมและทุกโอกาส เช่น แอโรบิค บาสโลป เป็นต้น 2.4) อ. การออมเพื่อผู้สูงอายุ สนับสนุนให้ผู้สูงอายุสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกกองทุน องค์การเงิน ที่มีการจัดสวัสดิการ เจ็บ ป่วย ตาย เช่น กองทุนสวัสดิการชุมชน เป็นต้น


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 172 2.5) อ. อาสาสร้างเมือง ผู้สูงอายุชักชวนครอบครัว เด็กและเยาวชน รวมกลุ่มทำกิจกรรมเพื่อ สังคมในวันสำคัญต่างๆ เช่น เก็บขยะที่สาธารณะ เป็นต้น 2.6) ก. การลดอุบัติเหตุ เทศบาลตำบลพนางตุงร่วมกับ 4 องค์กรหลัก สนับสนุนให้มีการจัด สภาพแวดล้อมในชุมชนให้เอื้อต่อผู้สูงอายุ เช่น พื้นที่วัด ศาลากลางบ้านมีทางลาด โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตำบลร่วมกับนักกายภาพบำบัดฝึกทักษะการดูแลสุขภาพเพื่อชะลอความเสื่อม มีบริการคัดกรอง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และยังมีระบบการบริการการแพทย์ฉุกเฉินเป็นหน่วยปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินเทศบาลตำบล พนางตุงอยู่ใจกลางพื้นที่ของตำบล ทำให้การบริการมีความสะดวกและรวดเร็ว 2.7) ก. การพัฒนาโรงเรียนผู้สูงอายุ ดำเนินการจัดการเรียนการสอน ทุกวันพุธ เวลา 8.30- 16.00 น. ผู้เรียนมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 25 คน หลักสูตรของโรงเรียนผู้สูงอายุเทศบาลตำบลพนางตุง รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ประกอบด้วย 3 กลุ่มวิชา ประกอบด้วย 1) วิชาชีวิต (50%) เป็นการพัฒนาความรู้ ทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อผู้สูงอายุในการนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน 2) วิชาชีพ (20%) แนวทางการส่งเสริมความรู้ ทักษะด้านอาชีพที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ 3) วิชาการ (30%) เป็นการสร้าง ความรู้ความเจ้าใจในเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้สูงอายุซึ่งก่อนจบหลักสูตรในแต่ละรุ่นจะมีการศึกษาดู งาน 1 ครั้ง 2.8) ก. การพัฒนาชมรมผู้สูงอายุ โดยจัดทำโครงการ ปีละ 1-2 โครงการ โดยได้รับงบประมาณ สนับสนุนจากสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย สาขาประจำจังหวัดพัทลุง เช่น ในปี พ.ศ. 2559 โครงการ เสริมความรู้ด้านสุขภาพแก่สมาชิกสมาชิก ในปี พ.ศ. 2560 โครงการแก่อย่างมีคุณค่า ชราอย่างมีศักดิ์ศรี และ โครงการส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ และในปี พ.ศ. 2561 โครงการส่งเสริมดูแลสุขภาพผู้สูงอายุให้สุขกายสบายใจ ใต้ร่มไทรสามขา 2.9) ก. การดูแลต่อเนื่อง มีอาสาสมัครดูแลดูแลผู้สูงอายุ (Care giver) 10 คน ผู้ปฏิบัติงาน การแพทย์ฉุกเฉิน 9 คน ร่วมกับเทศบาลตำบลและ รพ.สต. ในการดำเนินงานลงพื้นที่ติดตามผู้สูงอายุ ให้ ความรู้ในการดูแลตนเอง 2.10) ก. กายอุปกรณ์เทศบาลตำบลบ้านสวนมีการจัดตั้ง เพื่อให้บริการผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วย ติดเตียง และผู้ที่จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพ ซึ่งกายอุปกรณ์ที่ได้มาจากการบริจาค และการ สนับสนุนงบประมาณของเทศบาลตำบลบ้านสวน 8. ผลที่เกิดขึ้น (รูปธรรม) 8.1 ผลต่อกลุ่มประชากรเป้าหมาย ได้แก่ 1) ผู้สูงอายุเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มด้านเศรษฐกิจซึ่งเป็นทุนและศักยภาพของเทศบาลตำบล พนางตุง เพื่อสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ จำนวน 250 คน


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 173 2) ผู้สูงอายุนำใช้ความเชี่ยวชาญภูมิปัญญาท้องถิ่นให้เป็นฐานการสร้างรายได้ตามหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการ และสามารถถ่ายทอดภูมิปัญญาให้คน รุ่นหลังในท้องถิ่นได้ 3) ผู้สูงอายุมีสวัสดิการ เยี่ยมเยียนให้กำลังใจเมื่อเจ็บป่วยนอนโรงพยาบาล เก็บสมาชิกครั้ง ละ 50 บาท เสียชีวิตมอบเงินสวัสดิการเก็บสมาชิกครั้งละ 100 บาท 4) ผู้สูงอายุเกิดความมั่นใจในตนเองมากขึ้น การมองเห็นถึงคุณค่าในตนเองซึ่งช่วยให้ การใช้ ชีวิตในช่วงบั้นปลายสุดท้ายเป็นไปด้วยความสุขและเกิดความเข้าใจในการตนเอง ลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ ซึมเศร้าในผู้สูงอายุหรือผลกระทบต่ออารมณ์และจิตใจ 5) เกิดการค้นหาผู้สูงอายุที่มีความเชี่ยวชาญ ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่สามารถนำมา ถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังได้ จำนวน 26 คน เพิ่มขึ้น 13 คน (เดิมมี 13 คน) 6) ผู้สูงอายุเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มด้านเศรษฐกิจซึ่งเป็นทุนและศักยภาพของเทศบาลตำบล พนางตุง เพื่อสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ จำนวน 130 คน เพิ่มขึ้น 70 คน เดิมมี 60 คน 7) ผู้สูงอายุหรือครอบครัวผู้สูงอายุได้รับการส่งเสริมอาชีพ ที่หลากหลาย ตรงตามความ ต้องการ สามารถนำกลับมาสอนลูกหลานและประกอบอาชีพได้ มีการส่งเสริมอาชีพโดยการประสานภาคี เครือข่ายจัดอบรมให้ความรู้ ฝึกทักษะการสร้างานสร้างอาชีพโดยมีเครือข่ายที่เข้าร่วมอบรมให้ความรู้ฝีกทักษะ อาชีพที่ได้รับการส่งเสริม ได้แก่ การทำผ้ามัดย้อม จำนวน 300 คน การสานกระเป๋ากระจูด จำนวน 400 คน การทำปลาดุกร้า จำนวน 50 คน การแปรรูปผลิตภัณฑ์ข้าวสังหยด จำนวน 40 คน และการทำแป้งสาคู จำนวน 20 คน ผู้สูงอายุที่ผ่านการอบรมจะสามารถนำมาถ่ายทอดให้แก่ลูกหลานนำไปใช้ประโยชน์ในการสร้าง อาชีพ เพิ่มรายได้ ตลอดจนเป็นวิทยากรให้กับโรงเรียนผู้สูงอายุในตำบลพื้นที่ใกล้เคียง 8) ผู้สูงอายุได้รับการดูแลตามความเหมาะสมมีความรู้ มีทักษะการดูแลสุขภาพร่างกาย การ มองเห็นถึงคุณค่าในตนเองซึ่งช่วยให้ การใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายสุดท้ายเป็นไปด้วยความสุขและเกิดความเข้าใจ ในการตนเอง ลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุหรือผลกระทบต่ออารมณ์และจิตใจ มีทักษะการ ดูแลสุขภาพร่างกาย เรื่อง การบริโภคอาหารที่ครบ 5 หมู่ การออกกำลังกาย การสร้างอาชีพ เป็นต้น 9.2 ผลต่อหน่วยงาน องค์กรชุมชน ได้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีแนวปฏิบัติการในการใช้ การพัฒนาผู้สูงอายุครอบคลุมทุกด้าน เสริมสร้างประสบการณ์ มีการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการจัดการส่งเสริมการดำเนินงานตาม 5 อ 5 ก 9.3 ผลต่อชุมชน ได้แก่ 1) มีการสร้างความร่วมมือของทุนทางสังคมที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ อปท. รพ.สต. ศพด. ผู้นำท้องที่ ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา หน่วยงานราชการและอาสาสมัครในชุมชนในการร่วมกันจัดกิจกรรมส่งเสริมด้าน เศรษฐกิจของผู้สูงอายุ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 174 2) ประชาชนในชุมชนที่มองเห็นคุณค่าของผู้สูงอายุย่อมมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพจิต การรักษาวัฒนธรรมและค่านิยมของชาติต่อผู้สูงอายุ เช่น ประเพณีรดน้ำผู้ใหญ่ในวันสงกรานต์ จะทำให้เกิด การกระตุ้นเตือนความสนใจในเรื่องของผู้สูงอายุ ทำให้มีกิจกรรมในสังคมร่วมกัน การจัดให้มีบริการทาง สุขภาพของผู้สูงอายุ ส่งเสริมและสนับสนุนการเตรียมแผนการในชีวิตทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม ครอบครัว และการเงิน ส่งเสริมให้มีบริการ หรือให้ผู้สูงอายุได้ช่วยเหลือตนเองให้มีความเป็นอิสระ โดยสังคมช่วยจัดหา ความสะดวกสบายให้ตามสมควร 10. ปัจจัยความสำเร็จ ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ 10.1 ปัจจัยความสำเร็จ ในการพัฒนาศักยภาพการจัดการตนเองของพื้นที่เทศบาลตำบลบ้านสวน มี ศักยภาพในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมที่มีความโดดเด่น สามารถนำใช้ทุนทางสังคม 6 ระดับ ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้ 1) การมีส่วนร่วมจาก 4 องค์กรหลัก และภาคีเครือข่ายทั้งภายในและภายนอก ที่มีบทบาทหน้าที่ใน การดูแลผู้สูงอายุ 2) การนำใช้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจเพื่อสร้างความร่วมมือกับทุนทางสังคมที่มีอยู่ในตำบล เช่น การค้นหาผู้สูงอายุที่มีภูมิปัญญาในด้านต่างๆ เช่น การสานกระจูด การแปรรูปอาหารพื้นบ้าน เป็นต้น 3) การดำเนินงานเกิดจากความต้องการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของผู้สูงอายุในพื้นที่ตำบล พนางตุง โดยการส่งเสริมและสนับสนุนการเข้ารวมกลุ่มกันของผู้สูงอายุโดยอาศัยทุนของชุมชน ภูมิปัญญา ท้องถิ่น ในการพัฒนาสินค้า ผลิตภัณฑ์ และบริการ สร้างงานสร้างรายได้ให้กับผู้สูงอายุในชุมชน 10.2 ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ ประกอบด้วย 1) การแพร่ระบาดของโรค COVID19 ทำให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมแบบรวมกลุ่มได้ คณะทำงานจึงแก้ไขปัญหาโดยจัดประชุมแบบออนไลน์ผ่านเพจ ของโรงเรียนผู้สูงอายุ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 175 โรงเรียนชมรมผู้สูงอายุองค์การบริหารส่วนตำบลบางไทร องค์การบริหารส่วนตำบลบางไทร อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 1. ชื่อเรื่อง โรงเรียนชมรมผู้สูงอายุองค์การบริหารส่วนตำบลบางไทร 2. พื้นที่ องค์การบริหารส่วนตำบลบางไทร อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 3. ผู้นำเสนอ 1) นางสินีนาฎ กษิดิ ประธานกลุ่มผู้สูงอายุ 4. ที่มาและเส้นทางการพัฒนา ชมรมผู้สูงอายุตำบลบางไทรมีปัญหาเรื่องสุขภาพมีการเจ็บป่วยเป็นส่วนใหญ่อีกปัญหาหนึ่งก็คือ มี ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยเรื่องอาหารเนื่องจากที่อยู่อาศัยจะไม่มีความมั่นคงของผู้สูงอายุตำบลบางไทรแล้วก็ อาหารก็ไม่ค่อยระมัดระวังปี 2545 มีการก่อตั้งชมรมผู้สูงอายุปี 2561 เข้าร่วมเครือข่ายกับมหาวิทยาลัยวลัย ลักษณ์ปี 2562 มีการจัดตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุโดยโดยใช้งบจากกองทุน สปสช และสภาองค์กรชุมชนตําบลบาง ไทรผู้สูงอายุตำบลบางไทรจะประสบปัญหาการเดินทางซึ่งทำให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้สูงอายุ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเข้ามามีบทบาทดูแลด้านสุขภาพ มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน พฤติกรรมการออกกำลังกายอาการลดอุบัติเหตุ องค์การบริหารส่วนตำบลมีบทบาทในด้านการส่งเสริมอาชีพ เพื่อที่จะสร้างรายได้แก่ผู้สูงอายุ สนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาคุณภาพชีวิตปรับเปลี่ยนคุณภาพชีวิตของ ผู้สูงอายุ สปสช สนับสนุนงบประมาณเพื่อการพัฒนาด้านคุณภาพชีวิตและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโรงเรียน ผู้สูงอายุตำบลบางไทรมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างเช่นการดูแลสุขภาพของตัวเองการกิน อาหารการใช้อาหารเป็นยา การออกกำลังกาย การลดอุบัติเหตุ การออมผู้ ที่ได้รับประโยชน์ส่วนใหญ่เป็น ผู้สูงอายุ เกิดแกนนำในกลุ่มผู้สูงอายุมีการเปลี่ยนแปลง ทางด้านการบริโภคอาหารการออกกำลังกายเกิดการ ออม และการสร้างอาชีพ ผลผลิตที่ได้มีเกิดงานใหม่ด้านสังคมมีอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุช่วยเหลือผู้สูงอายุใน ทุกกิจกรรมด้านเศรษฐกิจเกิดการลดรายจ่ายในครัวเรือนผู้สูงอายุแม้ว่าจะไม่มีรายได้เข้ามาเกิดการออมภายใน ชมรมผู้สูงอายุและการออมในตำบลตามศักยภาพ ภายใต้การดำเนินงานด้านผู้สูงอายุของประเทศไทย อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายที่สำคัญ คือ พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 และฉบับแก้ไข พ.ศ. 2553 และแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2545 - 2564 ) เริ่มใช้ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2545 และมีการปรับปรุงในปี 2552 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยการดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่า พึ่งพาตนเองได้และมีหลักประกันที่มั่นคง เพื่อการ เป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ ซึ่งจากการศึกษาสรุปการดำเนินการด้านสวัสดิการสังคมสำหรับผู้สูงอายุของ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนการดูแลพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในตำบล นโยบายที่ทำให้เกิดการพัฒนาของ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 176 ผู้สูงอายุในตำบลบางไทร เดิมจะมีชมรมผู้สูงอายุอยู่แล้ว โดยอยู่ร่วมกับอนามัยตำบลบางไทร ซึ่งต่อมาทาง องค์การบริหารส่วนตำบลบางไทรก็ได้ไปจดทะเบียนจัดตั้งชมรมผู้สูงอายุตำบลบางไทร และสนับสนุนในเรื่อง การจัดตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุตำบลบางไทร โดยสอนทักษะชีวิตอาหารปลอดภัย ออกกำลังกาย การออม และ สอนอาชีพเสริมให้กับผู้สูงอายุหาที่เข้ามาเรียน มาจากการเรียนรู้ที่ผ่านมาทำให้ผู้สูงอายุที่เข้ามาอยู่ในโรงเรียน ผู้สูงอายุ มีความสุข สุขภาพที่ดีขึ้นช่วงแรกที่เข้ามาก็มีการตรวจวัดคัดกรอง ตรวจสุขภาพ ความดัน ไขมัน เบาหวาน ของผู้สูงอายุทุกคน รุ่นแรกมีผู้สูงอายุสมัครเข้าเรียน 40 คน ถือว่าเป็นผลสำเร็จในเรื่องของนโยบาย และก็นโยบายอีกอย่างหนึ่งก็คือในเรื่องของการจัดสวัสดิการให้กับผู้สูงอายุในชุมชนซึ่งในกรณีผู้สูงอายุเสียชีวิต ถือว่าเป็นชมรมที่มีความเข้มแข็งความสามารถที่จะพัฒนาต่อยอดต่อไปได้ คือแนวนโยบายทั้งหมด อีกเรื่อง หนึ่งก็คือในเรื่องของการส่งเสริมอาชีพให้กับผู้สูงอายุที่ได้ดำเนินการมาไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเครื่องจักสาน เรื่องของการทำนำขยะรีไซเคิลมาพัฒนาเป็นหมวกสามารถที่จะนำขยะเหล่านี้มามาทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้ ปัญหาความต้องการทำให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ปัญหาและความต้องการของประชาชนคือจากปัญหาสุขภาพ ของผู้สูงอายุตำบลบางไทร และปัญหาการเดินทางของผู้สูงอายุ บางส่วนก็ได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ผู้สูงอายุยัง ต้องการบริการสาธาณณะที่ครอบครุมจากภาครัฐ และผู้สูงอายุตำบลบางไทร ต้องการการดูแลในเวลากลางวัน คือศูนย์ Day care และบุคลากรทางการแพทย์มีน้อยไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้สูงอายุในตำบลบางไทร งานและกิจกรรมที่ตอบสนองต่อสถานการณ์เกิดชมรมผู้สูงอายุโรงเรียนผู้สูงอายุมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การใช้ชีวิตของผู้สูงอายุการกินอาหารการใช้อาหารเป็นยามีกิจกรรมการออกกำลังกายบาสโลบกิจกรรมการวัด สมองทดสอบแม่เกิดสมองเสื่อมลดภาวะความเสี่ยงเกิดสมองเสื่อม กลุ่มประชากรเป้าหมายในการพัฒนา ผู้สูงอายุมีนักเรียนผู้สูงอายุ 2 รุ่นรุ่นละ30-40คนเกิดกลุ่มแกนนำ ผู้สูงอายุโดยมีเป้าหมายการพัฒนาในกลุ่มแกนนำเรื่องการเสียสละดูแลผู้อื่นในกลุ่มผู้สูงอายุด้วยกันผู้สูงอายุ แกนนำได้รับการพัฒนาอาชีพตามความถนัดเช่นการทำอาหารการถนอมอาหารและการจักสานในท้องถิ่นใน ส่วนผู้สูงอายุทั่วไปจะมีการพัฒนาในเรื่องการใช้ชีวิตในวัยผู้สูงอายุอย่างไรให้มีคุณค่า ผลที่เกิดจากการพัฒนาทั้งเชิงผลผลิตและผลลัพธ์เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สร้างผลกระทบต่อการดูแลช่วยเหลือ เกี่ยวกับผู้สูงอายุทางด้านสังคมมีอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุดูแลช่วยเหลือในทุกกิจกรรมเกิดแกนนำในกลุ่ม ผู้สูงอายุด้วยกันเองด้านเศรษฐกิจเกิดกิจกรรมการลดรายจ่ายมีการปลูกผักปลอดสารพิษมีการทำไร่ข้าวไว้กิน เองเกิดการออมภายในชมรมและภายในตำบลด้านสิ่งแวดล้อมมีการจัดการในเรื่องที่ดินลดการใช้สารเคมีใน การปลูกผักใช้ปุ๋ยชีวภาพ ดูแลเรื่องน้ำใช้จุลินทรีย์บอมด้านการจัดการเรื่องขยะมีการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง คือครัวเรือนผู้สูงอายุมีหมู่บ้านต้นแบบในเรื่องการจัดการขยะด้านสุขภาพมีการดูแลโดยกลุ่มอาสาสมัคร อาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุมีการดูแลโดยหน่วยบริการสุขภาพเบื้องต้นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลและกลุ่ม อาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุกลุ่มออกกำลังกายผู้สูงวัยกลุ่มออกกำลังกายสามวัย


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 177 5. เป้าหมายในการพัฒนางาน กลุ่มเป้าหมายในการดำเนินงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ จำนวนผู้สูงอายุระหว่าง 50-59 ปีมี 290 คนจำนวนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปถึง 69 ปีมีจำนวน 190 คนอายุ 70 ถึง 75 ปีมี 108 คนอายุ 80 ปีขึ้นไปมี 72 คนอายุ 90 ถึง 99 ปีมี 11 คน จำนวนผู้สูงอายุแต่ละกลุ่มผู้สูงอายุรับเบี้ยยังชีพ 345 คนผู้สูงอายุไปมาได้ 60 คนผู้สูงอายุติดบ้านไปมาได้บ้าง 25 คนผู้สูงอายุติดเตียงจำนวน 9คน ผู้สูงอายุเข้าโรงเรียนผู้สูงอายุรุ่นละ 30-40 คน มีผู้สูงอายุที่เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังจำนวน 310 คน มีความดัน 140 2 คน เบาหวาน 83 คน ข้อ เสื่อม 5 คน โรคหัวใจ 16 คน มะเร็ง 2 คน ไทยมัน 2 คน ผู้สูงอายุที่มีพฤติกรรมเสี่ยงภายในตำบลจำแนกตาม ความเสี่ยงดื่มสุราเป็นประจำ 77 เปอร์เซ็นต์สูบบุหรี่จัด 17.3 เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้ออกกำลังกาย 13.9 เปอร์เซ็นต์ ผู้สูงอายุมีความพิการด้านการได้รับฟัง 21.8 เปอร์เซ็นต์ ทั้งด้านการเคลื่อนไหว 51.9 เปอร์เซ็นต์ด้านการ มองเห็น 22.8 เปอร์เซ็นต์อารมณ์ปกติ 97 เปอร์เซ็นต์ผิดปกติ 3 เปอร์เซ็นต์ด้านสติปัญญาการเรียนรู้ 72.2 เปอร์เซ็นต์ เป้าหมายที่ต้องการจากการดำเนินงานเพื่อส่งผลต่อสุขภาพที่ดีขึ้นชะลอการเจ็บป่วยสร้างรายได้เพิ่ม คุณภาพชีวิตแก้ไขปัญหาชุมชนแต่ละกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดผลในการดูแลช่วยเหลือช่วยแก้ปัญหา ต่างๆให้ได้รับการแก้ไขตามความจำเป็นโดยชมรมผู้สูงอายุต้องการแก้ปัญหาเรื่องการเดินทางศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ กลางวันช่วยเพิ่มคุณภาพการดำเนินชีวิตประจำวันในด้านการให้บริการสาธารณะจากภาครัฐให้มีคนช่วยเหลือ ดูแลตามความจำเป็นเช่นศูนย์ Day care ให้มีกลุ่มคนช่วยเหลือสนับสนุนการดูแลผู้สูงอายุในทุกมิติมิติใน ทางด้านสังคมอยากให้เกิดสังคมมีการยอมรับในส่วนให้คุณค่าของผู้สูงอายุ 6. ลักษณะการบริหารจัดการทุนทางสังคม และกระบวนการในการแก้ปัญหาและพัฒนา 1) การใช้ข้อมูล ข้อมูลมือสองข้อมูลจปฐ. จากแบบสอบถามของนักเรียนโรงเรียนผู้สูงอายุ จากข้อมูล RECAP และ TCNAP 2) การพัฒนาสมรรถนะกำลังคน การพัฒนาสมรรถนะกำลังคนส่วนใหญ่จะเป็นแกนนำผู้สูงอายุแกน นำท้องที่กรรมการกลุ่มอสมอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุจะมีการอบรมให้ความรู้ในส่วนของนักเรียนโรงเรียน ผู้สูงอายุเป็นต้นลักษณะงานที่ต้องต้องพัฒนาการฝึกทักษะความจำเป็นตั้งแต่การดูแลผู้สูงอายุการดูแลฟื้นฟูที่ บ้านการช่วยเหลือฉุกเฉินการตรวจวิเคราะห์เบื้องต้นในส่วนการใช้ข้อมูลสนับสนุนการแก้ไขปัญหาและการ ออกแบบสำหรับดูแลผู้สูงอายุโดยการเลือกและนำใช้ข้อมูลที่เป็นระบบ 3) การจัดการความรู้การจัดการองค์ความรู้ในกลุ่มผู้สูงอายุมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่มชมรม ผู้สูงอายุนักเรียนโรงเรียนผู้สูงอายุมีการแลกเปลี่ยนมีการดูงานนอกสถานที่ในระดับตำบลอำเภอและเป็น ตัวแทนเข้าร่วมประชุมในระดับจังหวัดการเรียนรู้ภายในตำบลโดยชมรมผู้สูงอายุอาสาสมัครผู้สูงอายุและ ผู้สูงอายุทั่วไปการเรียนรู้ภายนอกตำบลไปเรียนรู้ในพื้นที่อื่นโดยให้ตัวแทนผู้สูงอายุ เป็นตัวแทนเข้าไปเรียนรู้ใน พื้นที่ตำบลใกล้เคียงและพื้นที่ผู้สูงอายุจัดการผู้สูงอายุต้นแบบอย่างที่อำเภอพุนพินมีการวิเคราะห์ประมวลผลที่


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 178 เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุหรือระบบการดูแลภายในตำบลมีระบบการดูแลที่การให้บริการที่ยังขาดคือศูนย์เดย์แคร์ ในส่วนของอาสาสมัครผู้ดูแลผู้สูงอายุมีการพัฒนาใช้องค์ความรู้ที่ไปอบรมร่วมกับรพ. สตและอสมมีการสรุป บทเรียนในระบบการดูแลผู้สูงอายุทั้งในส่วนของภายในกลุ่มภายในชมรมผู้สูงอายุนักเรียนผู้สูงอายุและการ เตรียมตัวเข้าสู่การเป็นผู้สูงอายุจากบุคลากรของคนรุ่นใหม่วิทยาโดยวิทยากรร่วมจากภายนอกอย่างเช่น ฝึกอบรมพัฒนาฝึกกายภาพของผู้สูงอายุ 4) การพัฒนากลไกการจัดการแบบมีส่วนร่วม กลไกการจัดการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลช่วยเหลือ สนับสนุนการดูแลผู้สูงอายุในส่วนของแผนตำบลธรรมนูญตำบลคณะกรรมการหมู่บ้านและคณะกรรมการ ตำบลท้องถิ่นให้การสนับสนุนงบประมาณและบุคลากรและสถานที่เพื่อให้บรรลุตามแผนพัฒนาตำบลในระยะ 3 ปีในส่วนของภาคประชาชนโดยสภาองค์กรชุมชนตําบลบางไทรได้จัดทำข้อมูลตำบลสุขภาวะปี 2562 โดยมี การใช้กระบวนการมีส่วนร่วมมีการประชุมผู้เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของผู้สูงอายุเองและภาคีเกี่ยวข้องอย่างเช่น สภาเกษตรกรโดยการจัดเวทีหาข้อตกลงในการตัดสินใจร่วมกันและมีการวางแผนร่วมกันหลายฝ่ายทั้งในส่วน ของท้องถิ่นท้องที่คณะกรรมการกลุ่มมีการทำประชาคมในระดับหมู่บ้านและหาข้อ ยุติในระดับตำบลโดยมี กระบวนการการมีส่วนร่วมในการดำเนินการทุกขั้นตอน 5) การใช้เงินทุนและงบประมาณ ในส่วนของชมรมผู้สูงอายุในการจัดการเงินทุนและงบประมาณที่ ได้มาจากในส่วนของ กองทุนสปสชตำบลในการพัฒนาคุณภาพชีวิตได้มาในส่วนการจัดเก็บข้อมูลของผู้สูงอายุ เบื้องต้นในส่วนของสภาองค์กรชุมชนที่ได้มาดูแลในเรื่องการพัฒนาโรงเรียนผู้สูงอายุการสร้างอาชีพและการ ดูแลเรื่องการจัดทำอาหารการได้มาของเงินและงบประมาณจากในส่วนของข้อบัญญัติขององค์การบริหารส่วน ตำบลบางไทรและกองทุนส่งเสริมสุขภาพเงินและงบประมาณที่ได้มานำใช้ประโยชน์ในส่วนของการดำเนิน กิจกรรมเช่นพัฒนาในเรื่องของการสร้างอาชีพสร้างรายได้การพัฒนาคุณภาพชีวิตในส่วนของสภาองค์กรชุมชน ในเรื่องการซ่อมแซมบ้านผู้สูงอายุในส่วนของสปสช.นำมาพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งทางด้านร่างกายจิตใจอายุการ ส่งเสริมการออมกิจกรรมในโรงเรียนผู้สูงอายุและการดูแลในเรื่องของอารมณ์ผู้สูงวัยอุปกรณ์การออกกำลังกาย ตามความจำเป็นวิธีการประเมินผลในการใช้เงินมีการประเมินจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามตามเป้าหมายของ งานมีการวิเคราะห์การคุ้มค่าคุ้มทุนผลกระทบจากการใช้งบประมาณโดยมีหน่วยงานภาคีเกี่ยวข้องเข้ามาดูแล ในการประเมินผลการใช้งานของในส่วนของผู้สูงอายุ 6) การใช้ทุนทางสังคม ผู้ดูแลผู้สูงอายุดูแลผู้สูงอายุที่บ้านโดยใช้บุคลากรภายในครอบครัวเป็นส่วน ใหญ่มีอสองดูแลสุขภาพครัวเรือนที่รับผิดชอบตามแผนงานของรพ. สตและชมรมผู้สูงอายุมีสภาองค์กรชุมชน ช่วยปรับปรุงบ้านเพื่อให้สอดคล้องกับผู้สูงอายุที่อาศัยในส่วนของอบตตั้งสนับสนุนสำหรับจัดหารถไว้บริการ ผู้สูงอายุให้สามารถ ไปดำเนินกิจกรรมได้ศูนย์ฝึกอาชีพฝึกอาชีพสำหรับผู้สูงอายุที่สนใจตามความถนัดของ ผู้สูงอายุโดยมีการบูรณาการร่วมกับกศน.ตำบลแรงงานจังหวัด สำหรับงานและกิจกรรมของแต่ละต้นทุนทาง สังคมที่ดำเนินการเพื่อดูแลสนับสนุนงานผู้สูงอายุจะทำในลักษณะงานที่มีการทำร่วมหากเป็นเนื้องานใน


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 179 ลักษณะเดียวกันกลุ่มเป้าหมายเดียวกันก็จะให้เกิดการบูรณาการร่วมกันเพื่อลดความซ้ำซ้อนของการใช้ งบประมาณและกิจกรรมเนื่องจากตำบลบางไทรมีบุคลากรน้อยบุคลากรส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุร้อยละ 80 งานที่ทำไปด้วยกันงานเดียวกันเป้าหมายเดียวกันจึงจะชวนทำไปพร้อมกันแต่อาจจะมีความเชี่ยวชาญใน ลักษณะที่ต่างกันอย่างเช่นกศน ชมรมผู้สูงอายุงานที่แบบแยกกันทำจะเป็นงานที่ทำแบบทำใครทำมันตามความ เชี่ยวชาญแต่มีเป้าหมายเป็นงานที่สร้างผลกระทบต่อผู้สูงอายุเหมือนกันอย่างเช่นในส่วนของชมรมผู้สูงอายุ นักเรียนโรงเรียนผู้สูงอายุ สมัครผู้ดูแลผู้สูงอายุอสม. 7) การทำงานร่วมกับหน่วยงาน และองค์กรภายนอก มีการทำงานร่วมระหว่างผู้สูงอายุภายในพื้นที่ อย่างเช่นสภาเกษตรกรแรงงานจังหวัดอุตสาหกรรมจังหวัดและมูลนิธิการศึกษานอกโรงเรียนตำบลมีองค์กร เอกชนอย่างเช่นสภาองค์กรชุมชนภายใต้การพัฒนาขององค์กร ภายนอกพื้นที่สถานีตำรวจและหน่วยงานระดับ นโยบายงานที่ทำร่วมจะเป็นงานที่ทำในลักษณะหนุนเสริมให้เกิดการขับเคลื่อนในส่วนของผู้สูงอายุในเรื่องการ ดูแลสุขภาวะผู้สูงอายุทั้งระบบ 7. ผลที่เกิดขึ้นจากกระบวน การบริหารจัดการ ผลผลิตผลที่เกิดขึ้นต่อผู้สูงอายุและครอบครัวปัญหาได้รับการแก้ไขโดยมีผู้ในครัวเรือนมีผู้ดูแลผู้สูงอายุ รับผิดชอบโดยบุคลากรสมาชิกในครอบครัวเกิดการเจ็บป่วย ได้รับการตรวจคัดกรองเฝ้าระวัง มีข้อมูลปัญหา ความต้องการของผู้สูงอายุ มีอาสาสมัครพร้อมให้การช่วยเหลือตามความจำเป็นตามจำนวนสัดส่วนของ ผู้สูงอายุที่เข้าโรงเรียนอย่างเช่นมี กิจกรรมของนักเรียนผู้สูงอายุในรุ่นที่ 2 จำนวน 70 คน มีการคัดกรองตาม หมู่บ้านและตามกลุ่มโรคตามเป้าหมายของรพ. สตและตามกิจกรรมที่ดำเนินการในพื้นที่โดยมีการวางแผนการ ดูแลอย่างเป็นระบบผลกระทบที่เกิดจากกระบวนการจัดการจัดการของทุนทางสังคมในการแก้ปัญหาส่งผลให้ หน่วยงานอย่างรพ. สตจัดการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงด้วยการประเมินความต้องการอย่างครบถ้วนเกิด กระบวนการวางแผนตามความต้องการของผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ผลลัพธ์ที่เกิดต่อครอบครัวของผู้สูงอายุได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปประธรรมโดยบุคลากรภายใน ครอบครัวต่อองค์กรเกิดการขับเคลื่อนงานที่ชัดเจนเกิดกลุ่มอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุช่วยเหลือซึ่งกันและกันเกิด กิจกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตในการสร้างอาชีพแม้ว่าจะไม่มีรายรับเพิ่มแต่มีการลดรายจ่ายในกลุ่มผู้สูงอายุที่ เข้าร่วมในกิจกรรมของโรงเรียนผลที่เกิดขึ้นต่อชุมชนชุมชนในสวนผู้สูงอายุมีการเอื้อเฟื้ออาทรช่วยเหลือซึ่งกัน และกันมีการสร้างกติกาข้อตกลงและมีการใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างเช่น แปลงปลูกข้าวปลอดสารการทำงาน ของกลุ่มเย็บจากการเพิ่มรายได้ กลุ่มเลี้ยงปลาและการปลูกพืชสมุนไพรไว้ใช้ในยามจำเป็นและส่งต่อให้กับ การแพทย์แผนไทยเกิดนโยบายสาธารณะในการดูแลช่วยเหลือผู้ที่ลำผู้ที่ลำบากและผู้ที่ขาดบ้านที่มั่นคงแข็งแรง เกิดการช่วยเหลือกันในกลุ่มผู้สูงอายุในระดับหมู่บ้านในระดับตำบล


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 180 8. ปัจจัยสนับสนุน ปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้เกิดการขับเคลื่อนงานของทุนทางสังคมเกิดผลดีต่อผู้สูงอายุโดยตรงปัจจัยทุน ทางสังคมด้านการมีศักยภาพในระดับหนึ่งและเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ทำงานตามความถนัดของทุน ทางสังคมภายในตำบลที่มีเกิดจากความร่วมมือและการอาสาร่วมกันในระหว่างผู้นำท้องถิ่นองค์กรชุมชน เจ้าหน้าที่ภาครัฐและในส่วนผู้สูงอายุอายุเองและที่สำคัญปัจจัยหนึ่งมาจากนโยบายภาครัฐที่มีส่วนส่งเสริมและ เอื้อต่อผู้สูงอายุในปัจจุบันปัจจัยส่วนกลไกการบริหารจัดการให้เกิดการขับเคลื่อนโดยกลไกที่มีประสิทธิภาพให้ ผู้สูงอายุหรือคนที่เกี่ยวข้องภาคีส่วนร่วมเคารพในกติกาและข้อตกลงและการ ผงองค์กรผู้นำปัจจัยในสวน งบประมาณจากภาครัฐการสนับสนุนและการกำหนดงบประมาณแบบการได้มาและการใช้ประโยชน์ของ ผู้สูงอายุด้านปัจจัยการมีส่วนร่วมการมีส่วนร่วมทุกขั้นตอนความเป็นเจ้าของหุ้นส่วนการกำหนดบทบาทหน้าที่ ในส่วนที่การเป็นหุ้นส่วนยังคงขาดการกระตุ้นแรงจูงใจเพื่อให้เป็นปัจจัยสนับสนุนในการขับเคลื่อนของ ผู้สูงอายุ ขององค์กรภาคประชาชน


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 181 นำใช้และบูรณาการข้อมูลเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุตำบลไม้เรียง เทศบาลตำบลไม้เรียง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช 1. ชื่อเรื่อง นำใช้และบูรณาการข้อมูลเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุตำบลไม้เรียง 2. พื้นที่ เทศบาลตำบลไม้เรียง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช 3. ผู้นำ 1) นายณัฏฐพงส์ มีพัฒน์นายกเทศมนตรีตำบลไม้เรียง 4. ที่มาและเส้นทางการพัฒนา ในปี พ.ศ. 2555 – 2560 สถานการณ์ผู้สูงอายุในตำบลมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น การดำเนินการจัดสรร สวัสดิการของภาครัฐเองก็ยังขาดความครอบคลุม ประกอบเกิดนโยบายจากกระทรวงสาธารณสุขที่มุ่งเน้นการ เข้าถึงที่ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุรวมกลุ่มทำกิจกรรมผู้สูงอายุ คนพิการเพิ่มมากขึ้น ว่างงาน ต้องการรับสิทธิ ประโยชน์ที่พึงได้ องค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโกจึงดำเนินการสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนให้ เข้มแข็งมากขึ้น มีการจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการในชุมชนตำบลไม้เรียง จัดตั้งชมรมผู้สูงอายุ เพื่อ ยกระดับการพัฒนากลุ่มผู้สูงอายุเป็นการพัฒนาระดับเครือข่าย สร้างนวัตกรรม และสร้างผลกระทบเพิ่มขึ้นก่อ เกิดตำบลไม้เรียง ปี พ.ศ. 2562 เทศบาลตำบลไม้เรียง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าร่วมเป็นเครือข่ายร่วม สร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ ซึ่งมีการพัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะร่วมกัน ได้ไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้การ ดำเนินงานด้านการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ เรื่องการวิเคราะห์เรียนรู้ข้อมูลตำบล เพื่อการดูแลผู้สูงอายุ โดยชุมชนท้องถิ่น และได้เริ่มขับเคลื่อนการดำเนินงาน โดยมีการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครและแกนนำชมรม ผู้สูงอายุจนกระทั่งในปลายปี พ.ศ. 2562 ได้ลงนามความร่วมมือกับสำนักกองทุนสนับสนุนการ สร้างเสริมสุข ภาวะ (สสส.) โดยสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก 3) เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้การพัฒนาระบบการดูแล ผู้สูงอายุโดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการจัดงานบริการ และกิจกรรมในการคุ้มครอง ส่งเสริมและพัฒนา คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุครอบคลุมความจำเป็น 4 ด้านคือ สังคม เศรษฐกิจ สภาพแวดล้อมและสุขภาพของ ผู้สูงอายุ สามารถตอบสนองปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุและ ครอบครัวในการช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุ รวมทั้งเป็นกลไกในการส่งเสริมและสนับสนุน ผู้ช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุ และอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุด้วย เทศบาลตำบลไม้เรียง มีครัวเรือนจำนวน 1,299 ครัวเรือน ประชากรในพื้นที่ 5,092 คน จากแบบสรุป รายงานผลการสำรวจผู้สูงอายุรายบุคคลในพื้นที่ พบว่า มีจำนวนผู้สูงอายุ 1,186 คน คิดเป็นร้อยละ 23,91 จากจำนวนประชากรทั้งหมด แบ่งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 3 กลุ่ม ดังนี้ 1) ผู้สูงอายุติดสังคม จำนวน 1,114 คน (เพศ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 182 ชาย 490 คน เพศหญิง 624 คน) คิดเป็นร้อยละ 93.92 2) ผู้สูงอายุติดบ้าน จำนวน 59 คน (เพศชาย 24 คน เพศหญิง 35 คน) คิดเป็นร้อยละ 4.97 และ 3) ผู้สูงอายุติดเตียง จำนวน 13 คน (เพศชาย 7 คน เพศหญิง 6 คน) คิดเป็นร้อยละ 1.09 และมีผู้สูงอายุที่มีอายุ 100 ปีขึ้นไป จำนวน 1 คน และมีจำนวนผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ย ยังชีพจำนวน 943 คน คิดเป็นร้อยละ 79.51 การนำใช้ข้อมูลในการพัฒนา ประกอบด้วย ระบบข้อมูลตำบล (TCNAP) การวิจัยชุมชน (REAP) ข้อมูลแบบประเมินผู้สูงอายุ ข้อมูลจากการสำรวจข้อมูลผู้สูงอายุประจำปี เป็นต้น เพื่อค้นหาปัญหาและความ ต้องการ ข้อมูลทุนและศักยภาพของตำบล เพื่อจัดการออกแบบระบบการดูแลผู้สูงอายุให้สอดคล้องกับปัญหา และความต้องการผ่านการจัดกิจกรรมในชมรมผู้สูงอายุ โรงเรียนผู้สูงอายุเทศบาลตำบลไม้เรียง และกิจกรรม เสริมต่างๆ ในตำบล โดยคณะทำงานฯ ได้ร่วมกันวิเคราะห์ตรวจสอบข้อมูลที่ได้จากการสำรวจคืนข้อมูลให้กับผู้ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุทุกฝ่าย ผ่านการจัดทำเวทีประชาคมผู้สูงอายุ ซึ่งจากการเก็บรวบรวม ข้อมูลมีการสรุปสภาพปัญหารวมของผู้สูงอายุในตำบลทั้ง 4 มิติ (ด้านสุขภาพ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และ ด้านสภาพแวดล้อม) ดังนี้ 1) ผู้สูงอายุติดสังคม มีอาการหลงลืม เจ็บป่วยเรื้อรัง 2) ผู้สูงอายุติดบ้าน อาศัยอู่ ตามลำพัง รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย หลงลืม เจ็บป่วยเรื้อรัง และมีความพิการ 3) ผู้สูงอายุติดเตียง มี อาการหลงลืม ซึมเศร้า เจ็บป่วยเรื้อรัง อยู่ตามลำพัง และรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย โดยสามารถสรุปจำนวน สถานการณ์ปัญหาของผู้สูงอายุได้ตามตาราง รายละเอียดดังนี้ ทั้งนี้ การพัฒนาระบบการดูแลสามารถนำใช้ทุนและศักยภาพในการดูแลผู้สูงอายุในพื้นที่ที่มีอยู่ ประกอบด้วย ผู้ช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (Care giver) จำนวน 12 คน อาสาสมัครสาธารณสุข หมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 105 คน นักบริบาลดูแลผู้สูงอายุ จำนวน 2 คน อาสาสมัครประจำครอบครัว (อสค.) ปราชญ์ชาวบ้าน แกนนำกลุ่มองค์กรต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมให้การสนับสนุนส่งเสริมการจัดระบบการดูแล ผู้สูงอายุในพื้นที่ 5. เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการทำงานเรื่องเด่น 5.1 กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับโยชน์ 1) กลุ่มวัยเตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุ (50 – 59 ปี) จำนวน 1,112 คน 2) กลุ่มผู้สูงอายุ ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 1,186 คน ผู้สูงอายุตามความสามารถ (ADL) แบ่งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุตามความสามารถ 3 กลุ่ม ดังนี้ 1) ผู้สูงอายุติดสังคม จำนวน 1,114 คน (เพศชาย 490 คน เพศหญิง 624 คน) 2) ผู้สูงอายุติดบ้าน จำนวน 59 คน (เพศชาย 24 คน เพศหญิง 35 คน) และ 3) ผู้สูงอายุติดเตียง จำนวน 13 คน (เพศชาย 7 คน เพศหญิง 6 คน) 5.2 วัตถุประสงค์ 1) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับผู้เข้าสู่ช่วงวัยผู้สูงอายุได้อย่างเหมาะสม


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 183 2) ผู้สูงอายุได้รับการพัฒนาด้านสุขภาพ จิตใจ และสังคม มีความตระหนัก เข้าใจชีวิตและปรับตัว อยู่ในสังคมอย่างมีความสุขผ่านการดำเนินกิจกรรมที่ผู้สูงอายุให้ความสนใจในการเรียนรู้จากโรงเรียนแต่ละ สัปดาห์ 3) เพื่อสร้างการเรียนรู้ เพิ่มผู้นำผู้สูงอายุในพื้นที่ โดยการนำใช้ความเชี่ยวชาญแต่ละด้านของ ผู้สูงอายุมาถ่ายทอดประสบการณ์ ภูมิปัญญาให้กับสมาชิกในโรงเรียนเพื่อการพัฒนาต่อยอดได้ 5.3 ผู้เข้าร่วมดำเนินการ แบ่งตามบทบาทหน้าที่ประกอบด้วย 1) การพัฒนากลไกขับเคลื่อนงานการบริหารจัดการด้านระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยความร่วมมือ ของ 4 องค์กรหลักในพื้นที่ มีการมอบหมายงานเพื่อปฏิบัติงานพิจารณาตามความจำเป็นและความรับผิดชอบ อย่างเหมาะสม 2) การเพิ่มขีดความสามารถผู้สูงอายุประกอบด้วย ผู้ดูแลในครัวเรือนที่มีผู้สูงอายุ ผู้ช่วยเหลือ ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (Care giver) จำนวน 12 คน อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 105 คน นักบริบาลดูแลผู้สูงอายุ จำนวน 2 คน อาสาสมัครประจำครอบครัว (อสค.) จาก รพ.สต.บ้านจันพอ จำนวน 11 คน ปราชญ์ชาวบ้านและแกนนำกลุ่มต่างๆ เช่น หมอยาสมุนไพร พรานมโนราห์ กลุ่มข้าวซ้อมมือ วิสาหกิจ ชุมชน เป็นต้น 3) การสนับสนุนงบประมาณดำเนินการ โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพเทศบาลตำบลไม้เรียง โครงการการพัฒนาและวิจัยเพื่อการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ (สสส.) ประสานงานโครงการโดย สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ 7. วิธีดำเนินการ (methods) มีขั้นตอนและกระบวนการดำเนินการ ดังนี้ 1) กลไกคณะทำงาน ดำเนินการโดยกำหนดให้มีการเลือกตั้ง แต่งตั้งคณะกรรมการ คณะกรรมการที่ ปรึกษา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ เพื่อปฏิบัติงาน โดยให้พิจารณาตามความจำเป็น และ มอบหมายงานให้รับผิดชอบอย่างเหมาะสม ประกอบด้วย คณะกรรมการที่ปรึกษา ได้แก่ นายกเทศมนตรีและคณะผู้บริหาร หัวหน้าโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ประจำตำบลบ้านทานพอ เป็นกรรมการที่ปรึกษาโดยตำแหน่ง คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและเป็นกรรมการ โดยตำแหน่ง 2) สร้างการมีส่วนร่วม โดยคณะทำงาน 4 องค์กรหลัก ประกอบด้วย ท้องถิ่น ท้องที่ หน่วยงานรัฐ และภาคประชาชน ประชุมหารือในการจัดทำฐานข้อมูลผู้สูงอายุ เริ่มจากการดำเนินการจัดเก็บข้อมูลแบบ สำรวจ จากระบบข้อมูลตำบล (TCNAP) การวิจัยชุมชน (REAP) ข้อมูลแบบประเมินผู้สูงอายุ ข้อมูลจากการ สำรวจข้อมูลผู้สูงอายุประจำปี โดยอาสาสมัครในพื้นที่ เพื่อนำมาจัดทำฐานข้อมูล วิเคราะห์สถานการณ์ปัญหา ความต้องการของผู้สูงอายุ และออกแบบแผนการดำเนินงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุแต่ละกลุ่ม (ติดสังคม/ติดบ้าน/ติดเตียง)


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 184 3) แผนการดำเนินงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุของตำบล ดำเนินการผ่านกิจกรรม โรงเรียนผู้สูงอายุ และโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุ โดยกำหนดกิจกรรมตามความเหมาะสม กับผู้สูงอายุแต่ละกลุ่ม (ติดสังคม/ติดบ้าน/ติดเตียง) โดยจากความร่วมมือขององค์กร และหน่วยงานต่างๆ ทั้ง ภายในและภายนอก 8. ผลที่เกิดขึ้น (รูปธรรม) 1) กิจกรรมทางสังคมของผู้สูงอายุ ประกอบด้วย เกิดสมาชิกชมรมผู้สูงอายุจำนวน 70 คน คิดเป็น ร้อยละ 5.90 จากจำนวนผู้สูงอายุทั้งหมด และนักเรียนโรงเรียนผู้สูงอายุจำนวน 70 คน คิดเป็นร้อยละ 5.90 จากจำนวนผู้สูงอายุทั้งหมด คลังปัญญาผู้สูงอายุจำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 1.26 2) เกิดกิจกรรมที่ตอบสนองด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุทั้ง 3 กลุ่ม ตามความสามารถซึ่งมี รูปแบบตามแผนการดำเนินงาน ดังนี้ 2.1) ผู้สูงอายุติดสังคม มีกิจกรรมโรงเรียนผู้สูงอายุ โครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ ผู้สูงอายุ ที่ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิต ประกอบด้วย 1) กิจกรรมบริการรถรับ-ส่ง พาผู้สูงอายุจำนวน 30 คน ตรวจวัดสายตา ที่โรงเรียนท่าศาลาประสิทธิ์ศึกษา 2) กิจกรรมการคัดแยกขยะมาฝากที่ อบต. เพื่อออมเงิน สะสม 3) ฝึกอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุ4) การนำใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น 5) กิจกรรมฝึกทักษะ เช่น การใช้ ภาษาอังกฤษเบื้องต้น ให้ความรู้เรื่องสิทธิสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ การบริหารร่างกายโดยใช้ ไม้พลอง ยางยืด ฝึกอบรมการผลิตน้ำมันหอม สานตะกร้าจากเส้นพลาสติก การทำลูกประคบสมุนไพร ให้ความรู้การทำอาหาร เพื่อสุขภาพและการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งสื่อสารต่างๆ เช่น LINE FACEBOOK เป็นต้น ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น พบว่า ช่วยให้คลายเหงา จิตใจกระชุ่มกระชวย สดชื่น รู้สึกภาคภูมิใจและตระหนักในคุณค่า ความสามารถของตนเอง มีมุมมองเชิงบวกต่อตนเองผู้สูงอายุ 2.2) ผู้สูงอายุติดบ้าน กิจกรรมโรงเรียนผู้สูงอายุ การเยี่ยมบ้านตามกิจกรรมการดูแลผู้สูงอายุที่มี ภาวะพึ่งพิง ที่ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิต ประกอบด้วย 1) กิจกรรมบริการดูแลสุขภาพโดยนัก กายภาพบำบัดทุกวันอังคาร ณ ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้พิการทุกวัย ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น พบว่า เกิดทักษะในการ ดูแลตนเอง 2.3) ผู้สูงอายุติดเตียง มีกิจกรรมที่ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิต ประกอบด้วย 1) กิจกรรม เยี่ยมบ้านโดยอาสาสมัครบริบาล อสม. 2) การอบรมผู้ดูแลในครอบครัว 3) กิจกรรมการเยี่ยมบ้านตามกิจกรรม การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง 4) จัดการบริการการยืมอุปกรณ์จำเป็นในการช่วยเหลือให้ผู้สูงอายุติดเตียง 5) กิจกรรมอบรมความรู้ให้แก่ผู้ป่วยติดเตียง รวมถึงสนับสนุนให้ผู้ดูแลผู้ป่วยติดเตียงมาแลกเปลี่ยนความรู้และ ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น พบว่า เกิดทักษะในการดูแลตนเองได้รับการเข้าสิทธสวัสดิการใน ชุมชน


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 185 3) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลผู้สูงอายุสามารถค้นหากลุ่มเป้าหมายการพัฒนาได้อย่างชัดเจน จากการนำใช้ข้อมูล และสามารถบูรณาการร่วมกับการจัดกิจกรรมเพื่อการพัฒนาผู้สูงอายุทุกประเภท ตลอดจนกลุ่มเสี่ยง กลุ่มป่วย ในการวางแผนดูแลช่วยเหลือ เข้าถึงการดูแลได้อย่างครอบคลุม ดังนี้ 3.1) ผู้สูงอายุติดสังคม ซึ่งมีจำนวน 1,114 คน ในพื้นที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมที่หน่วยงานในพื้นที่ ดำเนินการ ดังนี้ 3.1.1) เทศบาลตำบลไม้เรียง มีการจัดกิจกรรมเสริมตามโอกาสโดยผู้สูงอายุติดสังคมทั้ง 1,114 สามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้ เช่น กิจกรรมวันผู้สูงอายุและวันสงกรานต์ประจำปี กิจกรรมศึกษาดู งานเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุ เป็นต้น 3.1.2) โรงเรียนผู้สูงอายุ มีสมาชิกจำนวน 70 คน คิดเป็นร้อยละ 5.90 จากจำนวนผู้สูงอายุ ทั้งหมด 3.1.3) ชมรมผู้สูงอายุ มีสมาชิก 70 คน คิดเป็นร้อยละ 5.90 จากจำนวนผู้สูงอายุ 3.2) ผู้สูงอายุติดบ้านทั้ง 59 คน ได้รับการดูแลจากองค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโก รพ.สต. และ อสม. 3.3) ผู้สูงอายุติดเตียงทั้ง 13 คน ได้รับการดูแลจากนักบริบาลท้องถิ่น และ เจ้าหน้าที่ศูนย์ฟื้นฟู สมรรถภาพคนพิการในชุมชนตำบลดอนตะโก 4) มีฐานข้อมูลคลังปัญญาผู้สูงอายุที่เป็นปราชญ์ชาวบ้าน แกนนำด้านต่างๆ ประกอบด้วย กิจกรรมให้ ผู้สูงอายุที่เป็นปราชญ์ด้านศิลปวัฒนธรรมเป็นวิทยากรสอนเด็กและเยาวชนร้อยลูกปัดชุดมโนราห์ 5) อาสาสมัครในชุมชนมีการจัด ปรับ บ้านและสิ่งแวดล้อมภายในบ้านผู้สูงอายุจำนวน 5 ครัวเรือน 9. ผลกระทบที่เกิดขึ้นจาการจัดการเรียนรู้ฯ 9.1 ผลต่อกลุ่มประชากรเป้าหมาย ได้แก่ 1) ผู้สูงอายุสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพ สวัสดิการต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม 100 เปอร์เซ็นต์ 2) ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 1,186 คน ผู้สูงอายุตามความสามารถ (ADL) แบ่งเป็นกลุ่ม ผู้สูงอายุตามความสามารถ 3 กลุ่ม ดังนี้ 1) ผู้สูงอายุติดสังคม จำนวน 1,114 2) ผู้สูงอายุติดบ้าน จำนวน 59 คน และ 3) ผู้สูงอายุติดเตียง จำนวน 13 คน โดยมีกิจกรรมที่ตอบสนองด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุทั้ง 3 รูปแบบตามแผนการดำเนินงาน 9.2 ผลต่อหน่วยงาน องค์กรชุมชน ได้แก่ 1) เกิดการมีส่วนร่วมจากหลายฝ่ายในการพัฒนางาน โดยเกิดความร่วมมือจากหน่วยงานราชการ และเอกชนต่างๆ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เข้ามาให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องและจำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 186 10. ปัจจัยความสำเร็จ ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ 10.1 ปัจจัยความสำเร็จ 1) การมีส่วนร่วมของ 4 องค์กรหลัก ในการออกแบบแผนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของ ผู้สูงอายุที่ตอบสนองด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุทั้ง 3 กลุ่ม ตามความสามารถ (ติดสังคม/ติดบ้าน/ติด เตียง) 2) มีกระบวนการค้นหา และนำใช้ทุนทางสังคม และศักยภาพของชุมชนเพื่อการพัฒนาระบบ การดูแลผู้สูงอายุ 10.2 ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ 1) การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมเพื่อสร้างการเรียนรู้อย่าง เต็มประสิทธิภาพสำหรับการพัฒนาผู้สูงอายุ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 39 บทที่ 3 นวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น กรณี 20 ตำบล พื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย" นวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น กรณี 20 ตำบล พื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย มีกระบวนการ แนวทางและวิธีการทำงานใหม่ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์และผลลัพธ์ที่ดีต่อผู้เกี่ยวข้อง เช่น การเพิ่ม คุณค่า การเพิ่มผลผลิต การเพิ่มผลตอบแทน การเพิ่มคุณภาพ การลดค่าใช้จ่าย การสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ ที่เกี่ยวข้อง การลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพและเพิ่มปัจจัยส่งเสริมสุขภาพ เป็นต้น เพื่อใช้ในการเสริมสร้างความ เข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่นสามารถจัดการเรียนรู้เพื่อการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนในแต่ละตำบล และจัดการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้ามพื้นที่ระหว่างตำบล นำใช้ชุดความรู้ที่ได้มาพัฒนาจนเกิดนวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดย ชุมชนท้องถิ่น 20 ตำบล ที่มีภูมิประเทศตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ภาคใต้สามารถพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ โดย การเพิ่มขีดความสามารถและคุณภาพของกลไกและทีมงานระบบการดูแลผู้สูงอายุให้ทำงานแบบมีส่วนร่วม (อปท.ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ ศูนย์พัฒนาครอบครัว รพ.สต. อาสาสมัคร และ ทุนทางสังคมอื่นๆ) ให้มีศักยภาพในการพัฒนาระบบข้อมูล โดยใช้ข้อมูลจากการวิจัยชุมชน (RECAP) เพื่อ ค้นหาทุนทางสังคมและศักยภาพชุมชน และระบบข้อมูลตำบล (TCNAP) เพื่อค้นหาปัญหาและความต้องการ ของกลุ่มผู้สูงอายุเป้าหมายเพื่อระดมความร่วมมือ และเสริมศักยภาพของทุนทางสังคม ให้สามารถการพัฒนา 6 ชุดกิจกรรมหลัก ด้วย 10 กลยุทธ์ “5 อ. และ 5 ก.” สู่สูงวัยสร้างเมือง เพื่อเป็นแนวทาง กิจกรรมที่จำเป็น จะต้องเกิดขึ้นในสังคม ที่เสนอต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดย ชุมชนท้องถิ่น ด้วยวิธีปฏิบัติงานที่ถูกต้อง เหมาะสม สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง และความต้องการของ ของผู้สูงอายุ เพื่อให้เกิดการสร้างมาตรฐาน และคุณสมบัติของชีวิตที่ดีของผู้สูงอายุที่จะต้องมีคุณภาพเพื่อ พัฒนาศักยภาพ ให้เกิดขึ้นให้สูงสุด และกำหนดทุกอย่างให้เป็นระบบแบบแผนไว้ล่วงหน้าเพื่อพัฒนาต่อเนื่อง มี รายละเอียด ดังนี้


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 40 ธรรมนูญสุขภาพผู้สูงอายุตำบลคีรีวง “ช่วยแลคนเฒ่าด้วยวิถีคีรีวง” องค์การบริหารส่วนตำบลคีรีวง อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ 1. ชื่อเรื่อง ธรรมนูญสุขภาพผู้สูงอายุตำบลคีรีวง “ช่วยแลคนเฒ่าด้วยวิถีคีรีวง” 2. พื้นที่ องค์การบริหารส่วนตำบลคีรีวง อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ 3. ผู้นำ 1) นายสนอง สิงห์บำรุง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคีรีวง 2) นายอาทิตย์ บุญรอดชู นักวิชาการโครงการ 4. ที่มาและเส้นทางการพัฒนา ปี พ.ศ. 2530 มีนโยบายสาธารณสุขเกิดขึ้นในตำบลทำให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขอย่าง ทั่วถึง ตลอดจนมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน โดยมีการทำงานของจิตอาสาสาธารณสุขขึ้น ซึ่งผลที่เกิดขึ้น หลังจากการทำงาน คือมีผู้สื่อข่าวสารสาธารณสุขในพื้นที่ ช่วยสนับสนุนให้มีการดำเนินงานสาธารณสุขมูลฐาน ครอบคลุมพื้นที่ และส่งเสริมให้ชุมชนตระหนักในความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขปัญหาสาธารณสุขของชุมชนเอง ปี พ.ศ. 2561 องค์การบริหารส่วนตำบลคีรีวง อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ ได้เข้าร่วมโครงการ “การพัฒนาและวิจัยเพื่อการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น” กับสำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัย ลักษณ์ โดยสร้างการมีส่วนร่วม และสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของ เน้นการเพิ่มขีดความสามารถ คุณภาพของ กลไก และทีมงานระบบการดูแลผู้สูงอายุ ประกอบด้วย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิต ผู้สูงอายุ และส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ ศูนย์พัฒนาครอบครัว รพ.สต. อาสาสมัคร และทุนทางสังคมอื่นที่ๆ เน้น การพัฒนาให้เกิด 6 ชุดกิจกรรมหลักเพื่อเป็นแนวปฏิบัติ สำหรับพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ โดยใช้ระบบ ข้อมูลตำบล (TCNAP) เพื่อค้นหาปัญหาและความต้องการ แบบประเมิณสุขภาวะผู้สูงอายุ เพื่อนำมาวิเคราะห์ ประเมินผู้สูงอายุในพื้นที่ และการวิจัยชุมชน (RECAP) เพื่อค้นหาทุน และศักยภาพชุมชน เพื่อระดมความ ร่วมมือ เสริมศักยภาพทุนทางสังคม ให้สามารถการพัฒนางานและกิจกรรม การพัฒนาต่อยอดงานเดิม หรือ พัฒนางานใหม่ เพิ่มสมาชิก ขยายความครอบคลุมกลุ่มประชากร และพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวกับการดูแล ผู้สูงอายุ โดยการนำใช้ 10 กลยุทธ์หลัก “5อ. และ 5ก.” สู่สูงวัยสร้างเมือง เพื่อดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม สถานการณ์ผู้สูงอายุในตำบลคีรีวง พบว่า มีประชากรในพื้นที่ 4,645 คน แยกเป็น เพศชาย 2,348 คน เพศหญิง 2,297 คน พบว่า มีผู้เตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุ (50 –59 ปี) จำนวน 768 คน คิดเป็น ร้อยละ 16.53 ของประชากรทั้งหมด มีผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จำนวน 701 คน คิดเป็นร้อยละ 15.09 ของ ประชากรทั้งหมด โดยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 40-49 ปี โดย มีสถานะการศึกษา ไม่ได้เรียน 261 คน จบ การศึกษา 440 คน มีผู้สูงอายุที่เป็นแกนนำ ผู้นำ 80 คน จำแนกกลุ่มตามสถานภาพการทำงานของผู้สูงอายุ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 41 ไม่ได้ทำงาน 430 คน มีทำงาน 271 คน จำแนกกลุ่มตามความสามารถในการทำกิจกรรมประจำวัน ช่วยเหลือ ตัวเองได้ดี 605 คน ช่วยเหลือตัวเองได้ปานกลาง 76 คน ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย 20 คน ผู้สูงอายุที่มีปัญหา ด้านสุขภาพ ได้แก่ ผู้สูงอายุที่ป่วยติดบ้าน 14 คน ผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียง 9 คน เป็น โรคซึมเศร้า 60 คน สุข ภาวะทางจิต 33 คน ติดบุหรี่ 211 คน ติดสุรา 216 คน มีภาวะเสี่ยงต่อการหกล้ม 216 คน กลุ่มตามการดูแล ผู้สูงอายุโดยครอบครัว มีผู้ดูแลหลัก 675 คน อีกทั้งยังพบว่า ปัญหาที่ส่งผลต่อสุขภาพของผู้สูงอายุที่สำคัญใน 5 เรื่อง ได้แก่ 1) ปัญหาการมองเห็น โดยตำบลคีรีวงมีการเกิดปัญหาการมองเห็นซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากตาต้อ กระจกจำนวน 297 คน คิดเป็นร้อยละ 42.40 2) ปัญหาเสี่ยงต่อการหกล้มในผู้สูงอายุ จำนวน 216 คน คิด เป็นร้อยละ 30.81 3) ปัญหาโรคซึมเศร้าจำนวน 60 คน คิดเป็นร้อยละ 8.5 4) ปัญหาการได้ยินจำนวน 166 คนคิดเป็นร้อยละ 23.7 5) ปัญหาพฤติกรรมการออกกำลังกายไม่เหมาะสมจำนวน 124 คน คิดเป็นร้อยละ 17.7 อาสาสมัครต่างๆ ประกอบด้วย ผู้ช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (Care giver) จำนวน 16 คน อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 100 คน (อสม. 1 คนดูแล 10-15 ครัวเรือน) นักบริบาลดูแล ผู้สูงอายุของ อบต. จำนวน 2 คน พึงให้การสนับสนุนส่งเสริมการจัดระบบการดูแลผู้สูงอายุร่วมกับคนคีรีวง และหน่วยงาน รวมถึงการพัฒนาศักยภาพตนเองให้มีความชำนาญในงานที่เกี่ยวข้อง ปี พ.ศ. 2562 มีการจัดเวทีประชาคมชมรมผู้สูงอายุ “ช่วยแลคนเฒ่าด้วยวิถีคีรีวง” โดยผลจากการ วิเคราะห์ข้อมูลปัญหาความต้องการ พบว่า ผู้สูงอายุตำบลคีรีวงมีปัญหาด้านเศรษฐกิจมีความต้องการประกอบ อาชีพเพื่อสร้างรายได้ และด้านสังคมในการเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการต่างๆ คณะกรรมที่มาจาก 4 องค์กรหลัก จึงร่วมกันออกแบบร่างแนวทางการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งผู้สูงอายุในตำบลคีรีวงโดยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเป็น เกษตรกรมีความรู้ความสามารถด้านการปลูกปาล์มน้ำมัน และพืชผลผสมผสานในการปลูกปาล์มน้ำมัน มี ความรู้ความสามารถหลากหลายด้าน วัฒนธรรม ประเพณี และการละเล่นพื้นบ้าน อีกทั้งยังมีการรวมกลุ่มกัน เป็นสหกรณ์ คือ สหกรณ์นิคมอ่าวลึก ซึ่งเป็นจุดร่วมของความสามัคคี ร่วมแก้ปัญหา ในเรื่องของราคาปาล์ม ตกต่ำ การสร้างรายได้จากการแปรรูป รัชกาลที่ 9 โปรดเกล้าให้จัดตั้งโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มขนาดเล็กอัน เนื่องมาจากพระราชดำริ สหกรณ์นิคมอ่าวลึก ตำบลคีรีวง อำเภอปลายพะยา จังหวัดกระบี่โดยทุกครัวเรือนที่ อาศัยอยู่ในตำบลได้สมัครเป็นสมาชิกสหกรณ์นิคม ประชาชนในตำบลได้ร่วมกันเรียนรู้เพื่อสร้างการมีส่วนร่วม ของชุมชนจากพื้นฐานของการจัดการแบบสหกรณ์ การเรียนรู้นี้เป็นที่มาของการจัดการตนเองของชุมชน ท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุอย่างครบวงจร ที่ใช้ทุนและศักยภาพของผู้สูงอายุมาพัฒนา ระบบการดูแลได้อย่างสมดุลและต่อเนื่องได้จากความร่วมมือของภาคีเครือข่ายหลากหลายภาคส่วน ทั้งในและ นอกพื้นที่ ในระดับชุมชน ตำบล อำเภอ จังหวัด และระดับประเทศทุกครัวเรือน ต่อมาจึงเกิดการร่วมพิจารณา ให้ความเห็นชอบของคณะกรรมการธรรมนูญสุขภาพผู้สูงอายุ คณะกรรมการชมรมผู้สูงอายุ สถาบันพัฒนา องค์กรชุมชน ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนขององค์กร หน่วยงาน และแกนนำคนสำคัญในพื้นที่ และสมัชชา


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 42 สุขภาพจังหวัดกระบี่ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เพื่อเป็นกรอบแนวทางในการกำหนดเป้าหมาย เพื่อใช้เป็นกรอบและแนวทางในการกำหนดนโยบายยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพ นโยบายแผนงานโครงการและ ยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน หมู่บ้านตำบลที่ยั่งยืนเป็นกฎกติกา ฉันทามติ ข้อตกลง การอยู่ร่วมกันของ ผู้สูงอายุในชุมชน การนำฉันทามติไปขับเคลื่อนและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุให้ “ช่วยแลคนเฒ่าด้วยวิถีคีรี วง” ของผู้สูงอายุตำบลคีรีวง เพื่อให้เกิดการตื่นตัวของคนในชุมชน ในการจัดการตนเองเพื่อให้เกิดความ เข้มแข็ง สามารถจัดการทุนของชุมชน ทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ดีงามได้ 5. เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการทำงานเรื่องเด่น 1) เพื่อให้ผู้สูงอายุในตำบลคีรีวงได้รับการดูแลให้มีสุขภาพดีและมีความสุขครบทุกมิติ 2) เพื่อการเตรียมความพร้อมสำหรับประชากรวัยสูงอายุและการขับเคลื่อนเครือข่ายผู้สูงอายุแบบ บูรณาการร่วมกันของ 4 องค์กรหลัก 3) เพื่อการนำใชเป็นเครื่องมือในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ สร้างกรอบกติกา กฎ ระเบียบชุมชน เพื่อการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น 6. ประชากรที่ได้รับประโยชน์และผลกระทบ ประชากรที่ได้รับประโยชน์และผลกระทบจากร่างธรรมนูญสุขภาพผู้สูงอายุตำบลคีรีวง อำเภอปลาย พระยา จังหวัดกระบี่ “ช่วยแลคนเฒ่าด้วยวิถีคีรีวง” ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป วัยเตรียมเข้าสู่สูงอายุ ผู้ดูแล ผู้สูงอายุ และหน่วยงานหรือภาคีที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ประกอบด้วย คณะกรรมการชมรมผู้สูงอายุ สถาบันพัฒนา องค์กรชุมชน ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนขององค์กร หน่วยงาน และแกนนำคนสำคัญในพื้นที่ และสมัชชา สุขภาพจังหวัดกระบี่ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ 6.1 กลุ่มเป้าหมายที่ได้ประโยชน์ ดังนี้ 1) ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 701 คน 2) ผู้สูงอายุที่ป่วยติดบ้าน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 1.99 3) ผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียง 9 คน คิดเป็นร้อยละ 1.28 4) ติดสังคม 678 คน คิดเป็นร้อยละ 96.71 5) ผู้เตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุ (50 – 59 ปี) จำนวน 768 คน 6) ผู้สูงอายุที่ด้อยโอกาส หมายถึง ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในตำบลคีรีวง แต่อยู่ในสถานะยากลำบาก ในการดำรงชีวิตทั้งฐานะ ที่อยู่อาศัย ความรู้และสุขภาพ


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 43 7. วิธีดำเนินการ (methods) มีขั้นตอนและกระบวนการดำเนินการดังต่อไปนี้ องค์การบริหารส่วนตำบลคีรีวง มีวิธีการ ขั้นตอนและกระบวนการดำเนินการ ดังนี้ 1) การจัดเวทีประชาคมชมรมผู้สูงอายุในตำบลคีรีวง โดยคณะทำงานที่มาจาก 4 องค์กรหลักนำใช้ ข้อมูลในการวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาความต้องการของผู้สูงอายุซึ่งพบว่าผู้สูงอายุตำบลคีรีวงมีปัญหาด้าน เศรษฐกิจในการประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ และด้านสังคมในการเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการต่างๆ ร่วม กำหนดธรรมนูญสุขภาพผู้สูงอายุตำบลคีรีวง โดยการพิจารณาให้ความเห็นชอบของคณะกรรมการธรรมนูญ สุขภาพผู้สูงอายุ คณะกรรมการชมรมผู้สูงอายุ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนของ องค์กร หน่วยงาน และแกนนำคนสำคัญในพื้นที่ และสมัชชาสุขภาพจังหวัดกระบี่ สำนักงานคณะกรรมการ สุขภาพแห่งชาติ เพื่อเป็นกรอบแนวทางในการกำหนดเป้าหมาย นโยบายแผนงานโครงการและยุทธศาสตร์การ พัฒนาชุมชน หมู่บ้านตำบลที่ยั่งยืนเป็นกฎกติกา ฉันทามติ ข้อตกลง การอยู่ร่วมกันของผู้สูงอายุในชุมชน การ นำฉันทามติไปขับเคลื่อนและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุให้ “ช่วยแลคนเฒ่าด้วยวิถีคีรีวง” ของผู้สูงอายุตำบล คีรีวง เพื่อให้เกิดการตื่นตัวของคนในชุมชน ในการจัดการตนเองเพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง สามารถจัดการทุน ของชุมชน ทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ดีงามได้ 2) กระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน ระหว่างผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบการดูแลผู้สูงอายุ ประกอบด้วย ท้องถิ่น ท้องที่ หน่วยงานรัฐ และองค์กรชุมชน แกนนำกลุ่มต่างๆ เช่น แกนนำผู้สูงอายุ อสม. และกลุ่มอาชีพ ในตำบล เป็นต้น โดยการร่วมประเมินชุมชนถึงสภาพปัญหา การศึกษาข้อมูล วิเคราะห์และสังเคราะห์แนว ทางการแก้ไขตามศักยภาพของชุมชน ร่วมออกแบบ กำหนดกติกาและระบบการดำเนินการร่วมกัน เสริมแรง ด้วยกระบวนการการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน 3) กลไกการดำเนินงานในการขับเคลื่อนระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยการบูรณาการ ประกอบด้วย 3.1) กลไกการบริหารจัดการ โดยมีการแบ่งบทบาทหน้าที่ข้อตกลงร่วมกันของประชาชนตำบลคีรี วง เพื่อให้เกิดการมีสุขภาพดีของผู้สูงอายุ ดังนี้ (1) องค์การบริหารส่วนตำบลคีรีวง สร้างการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการพัฒนาระบบ การดูแลผู้สูงอายุ เชื่อมโยงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ทั้งด้านจิตใจ ด้านปัญญา ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม (2) สหกรณ์นิคมอ่าวลึก มีกระบวนการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ เป็นแหล่งเรียนรู้ครบ วงจรเพิ่มคุณค่าผู้สูงวัยสู่การจัดการอาชีพตามพระราชดำริ ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิต ผู้สูงวัยตำบลคีรีวง เป็นกระบวนการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ ผ่านการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ครบวงจร เป็น การประสานความร่วมมือระหว่างกลุ่มผู้สูงอายุ เกษตรกรสมาชิกสหกรณ์ และชุมชนสหกรณ์อย่างครบวงจร ของแหล่งเรียนรู้ ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ แหล่งเรียนรู้ต้นทาง แหล่งเรียนรู้กลางทาง แหล่งเรียนรู้ปลายทาง (3) สภาองค์กรชุมชน ดำเนินการกำหนดแนวทางพัฒนาชุมชนของคนในชุมชนท้องถิ่น โดย คนในชุมชนท้องถิ่น และเพื่อคนในชุมชนท้องถิ่น จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประกอบด้วย ตัวแทนของสถาบัน ในชุมชนท้องถิ่น เช่น วัด โรงเรียน สถานีอนามัย เป็นต้น ตัวแทนของกลุ่มองค์กรต่างๆ ในชุมชน เช่น กองทุน สวัสดิการชุมชน กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มปลูกผักปลอดสารพิษ กลุ่มปุ๋ย กลุ่มเลี้ยงสัตว์ และกลุ่ม


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 44 กิจกรรมพัฒนาอาชีพอื่นๆ ที่มีอยู่ในแต่ละชุมชน โดยมีผู้นำชุมชน เช่น ผู้รู้ภูมิปัญญา ปราชญ์ชาวบ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้ามาร่วมใช้เวทีพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาของชุมชนท้องถิ่นร่วมกัน เป็นระบบจัดการตนเองของชุมชน (4) ภาคีเครือข่าย ประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กร กลุ่มชุมชนที่ร่วมกัน ดำเนินกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ สุขภาวะชุมชนในพื้นที่ตำบลคีรีวง (5) ชมรมผู้สูงอายุตำบลคีรีวง ดำเนินการสนับสนุนกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและ สาธารณะ 3.2) กลไกการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ ขับเคลื่อนระบบผ่านการรวมกลุ่มกันเป็นสหกรณ์ นิคมอ่าวลึก มีการจัดการอย่างเป็นระบบด้วยการจัดการความรู้ของชุมชน โดยมีผู้สูงอายุและครอบครัวเป็นผู้ ร่วมเรียนรู้ ด้วยการเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ต้นทาง แหล่งเรียนรู้กลางทาง และแหล่งเรียนรู้ปลายทาง เกิดการ จัดการตนเองของชุมชนได้ และได้รับการสนับสนุนการจัดการจากหน่วยงาน กลุ่มคน องค์กร ที่เกี่ยวข้องอย่าง ครอบคลุม เกิดผลให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลทั้งทางด้านสุขภาพ สังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และการเมืองการ ปกครอง 4) รูปแบบการบริหารงานการดูแลผู้สูงอายุตำบลคีรีวง ซึ่งมาจากการดูแลผู้สูงอายุโดยอาศัยการ ดำเนินงานจากหลายภาคส่วน ดังนี้ 4.1) Health Care ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินงานการดูแลผู้สูงอายุติดบ้าน ติดเตียง และติด สังคม โดยใช้งบประมาณจาก สปสช. 4.2) Health Promotion มีการดำเนินงานเรื่องการจัดระบบ การออกแบบการดูแลผู้สูงอายุ ใช้ งบประมาณจาก สสส. 4.3) Health Policy ซึ่งมีความจำเป็นที่การดำเนินงานหรือการดูแลผู้สูงอายุจะต้องมีการผลักดัน ให้เห็นเป็นรูปธรรมเชิงนโยบาย และให้ทุกคนได้รับรู้ เข้าใจแนวทางปฏิบัติร่วมกัน ตำบลคีรีวงจึงจำเป็นที่ต้อง จัดทำธรรมนูญสุขภาพขึ้นโดยใช้งบประมาณของ สช. 5) การนำใช้ทุนทางสังคม 6 ระดับ (ระดับบุคคลและครอบครัว ระดับกลุ่มทางสังคม และองค์กร ชุมชน ระดับหน่วยงานและแหล่งประโยชน์ ระดับชุมชนหรือหมู่บ้าน ระดับตำบล ระดับเครือข่าย) ทั้ง 5 ด้าน (ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านสุขภาพ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการเมืองการปกครอง) 5.1) ด้านการเมืองการปกครอง มีทุนและศักยภาพเด่น ได้แก่ ผู้ใหญ่บ้าน อปพร. อบต.คีรีวง (หมู่ 2) กรรมการหมู่บ้าน (หมู่ 1-8) และ ชรบ.(หมู่ 1-8) 5.2) ด้านสังคม มีทุนและศักยภาพเด่น ได้แก่ ประธานผู้สูงอายุ (หมู่ 1, 2, 3) เจ้าอาวาส (หมู่ 2,3,6) ผอ.รร.(หมู่ 2,3) ครู (หมู่ 2,3) ปราชญ์ชาวบ้านและประธานสภาสตรี (หมู่ 1- 8) รร.วัดบางเหลียว (หมู่ 2) มหาลัยชีวิต (หมู่ 2 ) รร.บกเก้าห้อง และศพด. (หมู่ 1,2,5,6) กลุ่มบทบาทสตรี (หมู่1-8)และกลุ่มแม่บ้าน (หมู่ 1-8) 5.2) ด้านเศรษฐกิจ มีทุนและศักยภาพเด่น ได้แก่ โรงงานสกัดปาล์มน้ำมันตามพระราชดำริ (หมู่ 2)กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผสมปุ๋ยเคมี กลุ่มเครื่องแกง (หมู่ 1-8) กลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์ทาง


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 45 การเกษตร (หมู่ 2,6) กลุ่มผักปลอดสารพิษ (หมู่ 2,6,7) และกลุ่มเลี้ยงไก่พื้นเมือง (หมู่ 1,3,7) นิคมสหกรณ์ (หมู่ 3) สหกรณ์นิคม (หมู่ 3) 5.4) ด้านสภาพแวดล้อม มีทุนและศักยภาพเด่น ได้แก่ กลุ่มปลูกผักปลอดสารพิษ (หมู่ 2,6,7) กลุ่มน้ำหมักชีวภาพ (หมู่ 1,5) กลุ่มสหกรณ์ (หมู่ 1-8) 5.5) ด้านสุขภาพ มีทุนและศักยภาพเด่น ได้แก่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ชมรมออกกำลังกาย (หมู่ 2,3,6) ชมรมผู้สูงอายุ (หมู่1,2,3) และ อสม.(หมู่ 1-8) ลานกีฬา (หมู่ 1,2,3,5,6) รพ.สต.บ้านบางเหลียว (หมู่ 2) วัดบางเหลียว (หมู่ 2) รพ.สต.บ้านโคกแซะ (หมู่ 3) วัดโคกแซะ (หมู่ 3) 8. ผลที่เกิดขึ้น (รูปธรรม) 1) เกิดการจัดการสุขภาพผู้สูงอายุโดยมีการกำหนด กฎ กติการ่วมกันที่ครอบคลุมสุขภาพโดยรวมทั้ง 4 มิติ คือ กาย จิต สังคมสิ่งแวดล้อม และปัญญา ที่สอดคล้องกับการบริการสุขภาพของภาครัฐและวิถี วัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของชุมชนเพื่อการพัฒนาไปสู่ตำบลสุขภาวะ 2) เกิดการพัฒนาทักษะของผู้ดูแล ประกอบด้วย ผู้ช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (Care giver) จำนวน 16 คน อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 100 คน (อสม. 1 คนดูแล 10-15 ครัวเรือน) นักบริบาลดูแลผู้สูงอายุของ อบต. จำนวน 2 คน ให้มีความเชี่ยวชาญในการดูแลผู้สูงอายุครอบคลุมทั้ง 4 มิติ 3) เกิดการบูรณาการร่วมกับสหากรณ์นิคมอ่าวลึกในการแก้ไขปัญหาผู้สูงอายุ โดยตำบลคีรีวงเกิดการ พัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ จากการเชื่อมโยงทุนและศักยภาพทางสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สุขภาพ และการเมืองการปกครอง ส่งผลให้เกิดผลดีต่อผู้สูงอายุได้ มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ 3.1) ผู้สูงอายุได้รับสวัสดิการจากกำไรเรือนหุ้น 3.2) บุตรหลานได้มีงานทำฝ่ายการตลาด ฝ่ายสินเชื่อ ฝ่ายบัญชี ในโครงการอุตสาหกรรมน้ำมัน ปาล์มขนาดเล็กอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 3.3) ได้รับสวัสดิการ (เกิด แก่ เจ็บ ตาย และภัยพิบัติ) 3.4) ได้รับการเยี่ยมบ้านและของฝากจากสหกรณ์ 3.5) ได้รับการสนับสนุนทุนเพื่อพัฒนาครัวเรือนต้นแบบแปลงสาธิต 3.6) ได้รับการจดทะเบียนกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เกิดผลให้ได้รับการสนับสนุนทุนละการสร้างเสริม อาชีพอย่างเป็นทางการจากแหล่งทุนที่เกี่ยวข้อง 3.7) จำหน่ายผลผลิตราคาสูงกว่าที่อื่น ได้รับเงินปันผลเฉลี่ยคืนจากการจำหน่ายวัตถุดิบให้กับ สหกรณ์ 3.8) ได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น สิทธิในการกู้สินเชื่อทุกเรื่อง สิทธิในโครงการปลูกทดแทน ดอกเบี้ยต่ำจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ 3.9) ได้รับทุนเพื่อเป็นสวัสดิการจากโครงการพิเศษ (โครงการสินเชื่อเพื่อการเกษตร โครงการ ช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติ โครงการส่งเสริมอาชีพ) จากกรมส่งเสริมการเกษตรผ่านสหกรณ์จังหวัดและบริหาร จัดการโดยนิคมสหกรณ์


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 46 4) ข้อตกลงร่วม หรือกติกาที่เป็นเจตจำนง และพันธะร่วมกันของผู้สูงอายุ ครอบครัว ชุมชน สังคม และหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อใช้เป็นกรอบและแนวทางในการสนับสนุนส่งเสริมให้ เกิดภาวะสุขภาพที่ดีของผู้สูงอายุ รวมถึงการสนับสนุนส่งเสริมบทบาทของผู้อายุ ในการมีส่วนร่วมพัฒนา สถาบันครอบครัว ชุมชน สังคม ให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน 9. ผลกระทบที่เกิดขึ้น 9.1) ประชาชนทุกกลุ่มวัยมีการนำใช้ร่างธรรมนูญสุขภาพผู้สูงอายุตำบลคีรีวง อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ “ช่วยแลคนเฒ่าด้วยวิถีคีรีวง” ในการอยู่ร่วมกันของผู้สูงอายุในชุมชน 9.2) สร้างความตื่นตัวของคนในชุมชน ในการจัดการตนเองเพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง สามารถจัดการ ทุนของชุมชน ทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ดีงามได้ 9.3 ประชาชนในชุมชน และจิตอาสาดูแลผู้สูงอายุส่วนร่วมดูแลผู้ป่วยในชุมชน เกิดความรัก ความ อบอุ่นของครอบครัวและชุมชน 10. ปัจจัยความสำเร็จ ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ 10.1 ปัจจัยความสำเร็จ 1) ความมีส่วนร่วมของ 4 องค์กรหลักและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวิเคราะห์ ออกแบบร่าง ธรรมนูญสุขภาพผู้สูงอายุตำบลคีรีวง อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ “ช่วยแลคนเฒ่าด้วยวิถีคีรีวง” 2) กลไกการขับเคลื่อนระบบผ่านการรวมกลุ่มกันเป็นสหกรณ์นิคมอ่าวลึก มีการจัดการอย่าง เป็นระบบด้วยการจัดการความรู้ของชุมชน โดยมีผู้สูงอายุและครอบครัวเป็นผู้ร่วมเรียนรู้ 10.2 ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการจัดการ 1) การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมเพื่อสร้างการเรียนรู้อย่าง เต็มประสิทธิภาพสำหรับการพัฒนาผู้สูงอายุ 2) การเผยแพร่ ธรรมนูญสุขภาพผู้สูงอายุตำบลคีรีวง อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ “ช่วย แลคนเฒ่าด้วยวิถีคีรีวง” ยังไม่เป็นที่รับทราบของคนในพื้นที่


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 47 นำใช้และบูรณาการข้อมูลเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุตำบลดอนตะโก องค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโก อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช 1. ชื่อเรื่อง นำใช้และบูรณาการข้อมูลเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุตำบลดอนตะโก 2. พื้นที่ องค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโก อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช 3. ผู้นำ 1) นายสมเกียรติ สุทธิพันธ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโก 2) ส.ต.ต.ไพโรจน์ องอาจ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล 4. ที่มาและเส้นทางการพัฒนา ในปี พ.ศ. 2540 – 2555 มีการยกฐานะเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลเพื่อกระจายอำนาจในการ ปกครองให้ทั้งถึงทุกเขตพื้นที่ พร้อมประกาศจัดตั้ง องค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโก เกิดข้อบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปี สนับสนุนงานด้านพัฒนาด้านสังคม เช่น การส่งเสริมผู้สูงอายุ คนพิการ การ ส่งเสริมงานประเพณี ฯลฯ จากนั้นในปี พ.ศ. 2554 เกิดสถานการณ์ปัญหาด้านสังคม คือ ปัญหาการเพิ่มขึ้น ของจำนวนประชากรเด็กทำให้ขาดบุคลากรในการดูแลเด็ก องค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโกร่วมกับ 4 องค์กรหลักในพื้นที่ จัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโกขึ้น เพื่อเพิ่มสวัสดิการให้คน ในชุมชน ในปี พ.ศ. 2555 – 2560 สถานการณ์ผู้สูงอายุในตำบลมีจำนนเพิ่มมากขึ้น การดำเนินการจัดสรร สวัสดิการของภาครัฐเองก็ยังขาดความครอบคลุม ประกอบเกิดนโยบายจากกระทรวงสาธารณสุขที่มุ่งเน้นการ เข้าถึงที่ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุรวมกลุ่มทำกิจกรรมผู้สูงอายุ คนพิการเพิ่มมากขึ้น ว่างงาน ต้องการรับสิทธิ ประโยชน์ที่พึงได้ องค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโกจึงดำเนินการสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนให้ เข้มแข็งมากขึ้น มีการจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการในชุมชนตำบลดอนตะโก จัดตั้งชมรมผู้สูงอายุ อบต. ดอนตะโก และจัดตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุ อบต.ดอนตะโกในปี พ.ศ. 2560 เพื่อยกระดับการพัฒนากลุ่มผู้สูงอายุ เป็นการพัฒนาระดับเครือข่าย สร้างนวัตกรรม และสร้างผลกระทบเพิ่มขึ้นก่อเกิด ตำบลดอนตะโก ศพด. อบต.ดอนตะโก ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการในชุมชนตำบลดอนตะโก ชมรมผู้สูงอายุ และโรงเรียนผู้สูงอายุ ปี พ.ศ. 2562 ตำบลดอนตะโก อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าร่วมเป็นเครือข่ายร่วม สร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ ซึ่งมีการพัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะร่วมกัน ได้ไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้การ ดำเนินงานด้านการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ เรื่องการวิเคราะห์เรียนรู้ข้อมูลตำบล เพื่อการดูแลผู้สูงอายุ โดยชุมชนท้องถิ่น และได้เริ่มขับเคลื่อนการดำเนินงาน โดยมีการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครและแกนนำชมรม ผู้สูงอายุจนกระทั่งในปลายปี พ.ศ. 2562 ได้ลงนามความร่วมมือกับสำนักกองทุนสนับสนุนการ สร้างเสริมสุข ภาวะ (สสส.) โดยสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก 3) เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้การพัฒนาระบบการดูแล


การพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นกรณี 20 ตำบลในพื้นที่ภาคใต้ ประเทศไทย 48 ผู้สูงอายุโดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการจัดงานบริการ และกิจกรรมในการคุ้มครอง ส่งเสริมและพัฒนา คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุครอบคลุมความจำเป็น 4 ด้านคือ สังคม เศรษฐกิจ สภาพแวดล้อมและสุขภาพของ ผู้สูงอายุ สามารถตอบสนองปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุและ ครอบครัวในการช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุ รวมทั้งเป็นกลไกในการส่งเสริมและสนับสนุน ผู้ช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุ และอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุด้วย องค์การบริหารส่วนตำบลดอนตะโก มีครัวเรือนจำนวน 1,299 ครัวเรือน ประชากรในพื้นที่ 5,092 คน จากแบบสรุปรายงานผลการสำรวจผู้สูงอายุรายบุคคลในพื้นที่ พบว่า มีจำนวนผู้สูงอายุ 1,186 คน คิดเป็นร้อย ละ 23,91 จากจำนวนประชากรทั้งหมด แบ่งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 3 กลุ่ม ดังนี้ 1) ผู้สูงอายุติดสังคม จำนวน 1,114 คน (เพศชาย 490 คน เพศหญิง 624 คน) คิดเป็นร้อยละ 93.92 2) ผู้สูงอายุติดบ้าน จำนวน 59 คน (เพศชาย 24 คน เพศหญิง 35 คน) คิดเป็นร้อยละ 4.97 และ 3) ผู้สูงอายุติดเตียง จำนวน 13 คน (เพศชาย 7 คน เพศหญิง 6 คน) คิดเป็นร้อยละ 1.09 และมีผู้สูงอายุที่มีอายุ 100 ปีขึ้นไป จำนวน 1 คน และมีจำนวน ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพจำนวน 943 คน คิดเป็นร้อยละ 79.51 การนำใช้ข้อมูลในการพัฒนา ประกอบด้วย ระบบข้อมูลตำบล (TCNAP) การวิจัยชุมชน (REAP) ข้อมูลแบบประเมินผู้สูงอายุ ข้อมูลจากการสำรวจข้อมูลผู้สูงอายุประจำปี เป็นต้น เพื่อค้นหาปัญหาและความ ต้องการ ข้อมูลทุนและศักยภาพของตำบล เพื่อจัดการออกแบบระบบการดูแลผู้สูงอายุให้สอดคล้องกับปัญหา และความต้องการผ่านการจัดกิจกรรมในชมรมผู้สูงอายุ โรงเรียนผู้สูงอายุตำบลดอนตะโก และกิจกรรมเสริม ต่างๆ ในตำบล โดยคณะทำงานฯ ได้ร่วมกันวิเคราะห์ตรวจสอบข้อมูลที่ได้จากการสำรวจคืนข้อมูลให้กับผู้ที่มี ส่วนเกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุทุกฝ่าย ผ่านการจัดทำเวทีประชาคมผู้สูงอายุ ซึ่งจากการเก็บรวบรวมข้อมูลมี การสรุปสภาพปัญหารวมของผู้สูงอายุในตำบลทั้ง 4 มิติ (ด้านสุขภาพ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้าน สภาพแวดล้อม) ดังนี้ 1) ผู้สูงอายุติดสังคม มีอาการหลงลืม เจ็บป่วยเรื้อรัง 2) ผู้สูงอายุติดบ้าน อาศัยอู่ตาม ลำพัง รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย หลงลืม เจ็บป่วยเรื้อรัง และมีความพิการ 3) ผู้สูงอายุติดเตียง มีอาการ หลงลืม ซึมเศร้า เจ็บป่วยเรื้อรัง อยู่ตามลำพัง และรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย โดยสามารถสรุปจำนวน สถานการณ์ปัญหาของผู้สูงอายุได้ตามตาราง รายละเอียดดังนี้ ลำดับ สถานการณ์ผู้สูงอายุ จำนวน (คน) ร้อยละ 1 ปกติ 1,011 85.25 2 หลงลืม 15 1.27 3 ซึมเศร้า 5 0.42 4 เจ็บป่วยเรื้อรัง 13 1.10 5 พิการ 97 8.18 6 อาศัยอยู่ตามลำพัง 5 0.42 7 รายได้ไม่เพียงพอ 30 2.52 8 รับภาระดูแลลูกหลาน 10 0.84 9 อื่นๆ ระบุ..... - - รวม 1,186 100 ที่มา: ผลการสำรวจข้อมูลผู้สูงอายุ ประจำปี 2563


Click to View FlipBook Version