The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลวงปู่เทสก์ ปุจฉา-วิสัชนาในต่างประเทศ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2023-10-27 23:08:35

หลวงปู่เทสก์ ปุจฉา-วิสัชนาในต่างประเทศ

หลวงปู่เทสก์ ปุจฉา-วิสัชนาในต่างประเทศ

Keywords: หลวงปู่เทสก์ ปุจฉา-วิสัชนาในต่างประเทศ

ที่มาอบรมเพ ื่ อต  องการอยางน ี้ แหละ คนท ี่อบรมเป นแล  วแตยังจับหลักไมได ก็ยังช ื่ อวาไม มั่นคงพอ ๑.ผูถาม ภาวนาคืออะไร ทานอาจารย  ภาวนาคืออบรมใจใหสงบ คือให อยูอารมณอันเดียวอยาให เท ี่ยวไปในอารมณตางๆ ๒.ผูถาม จะต  องตอสูกับอุปสรรคขนาดไหนถึงจะไดผลในการภาวนา ทานอาจารย  อุปสรรคอะไรก็ตามเถิด ถาหากเราสละลงไปไดเรียกวาเราสามารถเอาชนะอุปสรรคนั้นๆ ได ๒.ผูถาม ภาวนามีที่สิ้นสุดหรือเปลา ทานอาจารย  ก็ขึ้นอยูกับอุบาย ถาหากใจไมสงบสักทีมันก็ไมสิ้นไมสุด ๒.ผูถาม ทุกส ิ่ งทุกอยางเกิดมาก็มีที่สิ้นสุด ความตายก็มีที่สิ้นสุด ทุกส ิ่ งทุกอยางก็มีที่สิ้นสุด การ ภาวนาก ็ เหมือนกัน อยากทราบวามีชั้นใดชั้ นหน ึ่ งท ี่เปนที่สุดหรือไม ทานอาจารย 


มันก็เหมือนกันนั้นแหละ ความวุนวายเกิดข ึ้นได สัญญา อารมณ  เกิดข ึ้นได ความสงสาย เกิดข ึ้นได ความสงบมันก็สงบลงได เหมือนกัน เกิด-ดับเหมือนกัน ที่สุดก็คือความสงบ ชั้นไหน ภูมิไหนก็ ภาวนาอยูเหมือนกัน ตอเม ื่ อนิพพานเสียเม ื่อไหรนั่นแหละส ิ้ นการภาวนา ๒.ผูถาม จะต องยอมเสียสละอะไรบ างจึงจะภาวนาได ทานอาจารย  สละในปจจุบัน อะไรๆ ทิ้งหมด ในปจจุบันนั่นแหละ ในขณะนั้ นแหละ สละแล วมันก็ไม หายไปไหน คือสละภายในใจเฉยๆ อยางเราสละบ านหรือสละตัวของเราเอง ไมเอาเป นอารมณ  เพียงแตสละภายใน กายมันก็ยังเทาเกา บานมันก็ยังเทาเกา สละลงปจจุบันเฉยๆ ๒.ผูถาม เวลาภาวนาจะต  องกําหนดลมหายใจอยางเดียว หรืออยางอื่นก็ได ครับ ทานอาจารย  อยางอื่นก็ได เหมือนกัน กําหนดพุทโธๆ หรือลมหายใจก็ได ขอใหจิตรวมลงไดก็ใชได ทั้งนั้น ๒.ผูถาม เวลากําหนดอานาปานสติ ถาหากวาภาวนาดีขึ้นหรือเลวลงจะทราบได อยางไรครับ ทานอาจารย  เราภาวนาอะไรก็ ตาม รูได ตรงที่วาหากมันดีขึ้นใจก็สงบลง ใจก็ อยู ถาไมดีการภาวนาก็ยิ่ง ฟุงซานเข าไปใหญ ๒.ผูถาม จะกําหนดความตายกอนจะได หรือไม ทานอาจารย 


กําหนดเอาความตายเลยได คือใหพิจารณาอยางน ี้ เม ื่ อตายแล  วก ็ไมมีอะไรเหลือสักอยาง เหลือแตใจอยางเดียว สิ่งท ั้ งหมดของภายนอกก็ทิ้ง ตัวของเราก็ทิ้ง ใหพิจารณาอยางน ี้ มิใชพิจารณา ตายเฉยๆ ใชไมได พิจารณาให เห ็ นสาระของกายคือจิต แล  วกําหนดจิตใหสงบลงไดจึงจะเปน ประโยชน  ๒.ผูถาม การเพงความตายหรือการกําหนดความตายจะเร ิ่ มอยางไรดีครับ ทานอาจารย  ก็ไมมีพิธีอะไร กําหนดเอาความตายเลยทีเดียว คือวากําหนดลมหายใจก็เป นการกําหนความ ตายไปในตัวคือการสูดลมหายใจเขา-ออก ถาสูดมันไมเข  าก ็ ตาย ถามันไมออกก ็ ตายอานาปานสติ กับมรณานุสติอันเดียวกัน ตายแล วสลายเปน ดิน น้ํา ไฟ ลม ถมแผนดินน ี้ ถาใจมันสงบมันก็ชัด เองดอกถาไมสงบพิจารณาเทาไรๆ ก็ไมเห็น ๓. ผูถาม กอนท ี่ จะบวชต  องขออนุญาตกอนหรือไม ทานอาจารย  การบวชต  องพร  อม คือไดรับอนุญาตจากบิดามารดาเสียกอน นี่เปนประการแรกและยังอีก หลายประการดวยกัน จึงจะบวชได ๓.ผูถาม การภาวนาจะเปนผลใหชําระบาปได หรือไมกลาวคือผูที่ทําภาวนาน ั้นหากได กระทําบาปมา กอนแลว การภาวนาจะเปนผลใหบาปนั้นหายไปหรือไม ทานอาจารย  บาปที่ทําด  วยเจตนาอันอันแรงกล าไมสามารถลบลางได   บาปที่ทําด วยไมมีเจตนาพอจะลบ ลางไดบางบางกรณียการทําภาวนาลงในปจจุบันไมคิดถึงอดีต อนาคต จะลบล างบาปเล็ กๆ นอยๆ ลงบางแตมิได หมายความวาบาปนั้นไมให ผลเป นแตทําใจใหสงบไดในขณะที่ลงปจจุบันเทานั้น


(ไมมีการภาวนา หมดเวลา) เวลาค่ํา ทานอาจารย  แสดงธรรมเทศนาที่วัดวัดปาเลไลยวัดไทยที่สิงคโปร ขอขอบใจทานพระครูที่ไดตอนรับในการที่ผมไดมาเกาะสิงคโปรโดยที่ผมไมเคยมาเลยสัก ที เนื่องจากญาติโยมเขานิมนต ให มา พอดีไดโอกาสจึงมาเย ี่ ยมทานพระครู และได เห็นวัดที่มี หลักฐาน ซึ่งเรียกวาวัดฝายหินยาน ตั้งหลักฐานลงเปนปกแผนแนนหนาโดยที่ทานพระครูเปนผู ดําเนินมา เทาท ี่ เลาถึงประวัติความเป นมาของวัดนั้น เรียกวา เปนโชคลาภที่สุด แล  วก ็เป นเกียรติ แกเจ  าภาพผูริเร ิ่ มทีแรกตลอดกาล วัดน ี้ เข าใจวาคงจะสามารถดํารงเป นเกียรติคุณแกเมืองสิงคโปร และแกเจ  าภาพผูที่ริเร ิ่ มแรกตลอดกาลนาน เปนนิมิตอันดีที่ศาสนาพุทธฝายหินยานได มาต ั้งรกรากเป นหลักฐานลงที่สิงคโปรก็พอดีกับ เมืองสิงคโปรซึ่งเป นอาณานิคมของประเทศอังกฤษ ไดเปนเอกราชและกําลังพัฒนาประเทศของ ตนให เจริญก  าวหน  าพร  อมกับพระพุทธศาสนาฝายหินยานมีโอกาสตั้งรกรากลงในสถานที่นี้ เปน เคร ื่ องสนับสนุนเชิดชูวัฒนธรรมหรือความสุขสงบของชาวสิงคโปรให เจริญก  าวหน  าตอไป กาลสมัยเปลยนแปลงไปโดยล ี่ ําดับ สมัยนี้กําลังเดือดร  อนวุนวายกันไปหมดทั้งโลก เร ื่ อง ความเจริญก  าวหน  าทางด  านวัตถุนิยมก ็ เจริญมาจนขีดสุด ไมวาสมัยไหนๆเทาท ี่ไดฟงประวัติศาสตร  มา ความกาวหน   าด  านวัตถุเห ็นจะไมล้ําเกินในสมัยน ี้ แตถึงขนาดนั้นความสุขสงบของชาวโลกก็ ไมสุขสงบเทาท ี่ ควร นอกจากจะหันมาศึกษาทางพุทธศาสนาเพราะศาสนาเปนทางนํามาซ ึ่ งสันติสุข ทุกคนเม ื่ อเห ็นโทษในคววามเจริญก  าวหน าในด านวัตถุไมเปนไปเพื่อความปรารถนาแลว จึงได พา กันหันเข  ามาพ ึ่งศาสนาและสนใจศึกษาในศาสนา โดยสวนมาก จึงเหมาะสมที่สุดท ี่ศาสนาฝาย หินยานท ี่ มาต ั้งรกรากลงในสิงคโปรนี้ เม ื่ อศาสนามาต ั้ งรกรากแลว โดยมีทานพระครูประกาศธรรมคุณเปนประธาน ในสถานที่นี้ ขอชาวพุทธทุกๆ คนจงพากันตั้งใจสนใจศึกษาในทางธรรมปฏิบัติศาสนาพุทธไมเพียงสอนให คน ศึกษาหรือนับถือเพียงเทานั้น แตวาสอนวาให คนต ั้งใจปฏิบัติ ถาไมมีการปฏิบัติเพียงแตถือเฉยๆ ก็จะไมไดรับคุณคาเทาท ี่ ควร ศาสนาพุทธสอนสัจจะคือของจริง ให เข าใจของที่มีอยู ของมีอยูนั้น แหละเป นของจริง คือสอนตัวคนเราทุกคนซ ึ่งเปนผูมีอยูแล  วท ั้ งนั้น คือ กาย กับ ใจ ได แก


นามธรรม และรูปธรรม ไมไดสอนท ี่ สอนที่ตัวคนเรา เพราะฉะน ั้ นการท ี่ จะศึกษาเร ื่ อง พระพุทธศาสนา จงให พากันเข าใจหลักใหญที่สุดท ี่ จะต องศึกษาก็คือวา ใหรูจัก กาย กับใจ ถาไมรู จักกายกับใจของตนแล วก ็ไมทราบวาจะปฏิบัติตรงไหน คือวากายของเราท ี่ เรียกวาของจริงมีอยู แลว กับใจของเราที่ เรียกวาของจริงก็มีอยูแล  วน ี้ จึงพากันศึกษาเร ื่ องกายกับใจของตน การศึกษา เร ื่ องกายกับใจก็คือการศึกษาการกระทําด  วยกายและวาจา ที่เราปรากฏกันอยูวาวันหน ึ่ งๆเราทํา อะไรบ าง กายของเรา วาจาของเรา สวนใจนั้นเปนผูสั่งการ สั่งให กายและวาจาทํางาน จึงใหรูจัก พร  อมท ั้งใจด วยวาใจสั่ งทําดีหรือทําชั่ว ใหรูจักตรงน ี้ เสียกอนท ี่ จะรูจักพุทธศาสนา ศาสนาสอนใหรูจักเช ื่ อกรรม เช ื่ อผลของกรรม คือ สอนการกระทํา พุทธศาสนาสอนการ กระทํา กาย วาจา ของเราไมใชเหมือนกับตนไม หรือก  อนหินอยูเฉยๆ ไมไดวันหน ึ่ งๆ ถึงแมตั้งแต นาทีหน ึ่ งหรือวินาทีหนึ่ง จําเป นจะต  องมีการเคล ื่อนไหว การเคลื่อนไหวนั้นจะต  องมีทั้งดีและชั่ว การกระทําดีและช ั่ วน ี่ แหละท ี่ พระเจ าสอนให เราเข าใจ วาวันหน ึ่ งเราทําดีมีกี่มากนอย เราทําช ั่ วมีกี่ มากนอยความดีเอามาลบดูกับความชั่วถาหากมมีเหลือก ็ แสดงวาเรามีกําไรชีวิตในวันนั้น นับตั้งแต วันหน ึ่งไปเสียกอน เดอนหนื ึ่งปหนึ่ง ลองนับดูมีการบวกลบกันดวยประการอยางน ี้ มีดีเหลือก ็ เรียกวามีกําไรในชีวิตของเรา ดีและช ั่ วท ี่ กลาวถึงน ี้ ทุกคนกระทําลงไปด วยกายและวาจาจึงเข าใจเป นของดีจึงคอยทํา ประการหนึ่ง อีกประการหนึ่ งทําด วยความไมรูเทาวาดีหรือชั่ว หรือทําด  วยเหตุมีสิ่งแวดล  อมบีบ บังคับจึงคอยทํา การท ี่ เราจะเข าใจคําวา ดีหรือช ั่ วท ี่ เรียกวา บุญ หรือ บาป ก็คือ สิ่งท ี่ไมดีมัน สกปรก มันนาเกลียด จึงเรียกวาบาป บุญเปนสิ่งที่ดีทําลงไปแล วมันสะอาด จิตใจผองใสและเบิก บานจึงเรียกวาบุญ ใหสังเกตอยางน ี้ อยาไปเอาใจของตนเป นเคร ื่ องวัด สิ่งใดที่ กระทําด  วยกาย วาจาหรือนึกคิดด วยใจ ถาหากเปนภัยหรืออันตรายเบียดเบียนตนหรือคนอื่น คือทําใหตนไมสบาย และทําให คนอ ื่นไมสบายหรือทําท ั้ งตนและคนอ ื่นไมสบายด วย อันนั้นพึงเข าใจเถิดวาไมใชของดี ถาหากไมเบียนเบียดตนและคนอื่น อันนั้นแหละเรียกวาบุญ คือคุณงามความดี ควรสรางสมให เกิดมีในตนจึงจะเป นคนดีพุทธศาสนาทําใหเป นคนดีได อยางน ี้ ความดีหรืออยางท ี่ เรียกวา บุญ นี่แหละ ความช ั่ วหรือบาปอยางที่วาน ี่แหละคนใดทําลงไป แล  วตนเองจะต องไดรับผลแนนอน คนอื่นรับแทนไมไดคนเราโดยมากมักไมคอยเข าใจ เห็นวาทํา ดีกลับไดชั่ว ทําชั่วกลับไดดีโดยมากเขาใจเชนนั้น เห ็ นแตสังคมเขานิยมกัน คนที่ฉอโกง ลักขโมย บางทีเขาร ่ํ ารวยมีเงินมาก ๆ มีคนนับหน  าถือตา มีบานมีเรือนใหญรโหฐานมี เคร ื่องใชไมสอยหรูหรา เขาเข าใจวาคนนั้นทําช ั่วไดดี คนใดซื่ อสัตยสุจริต ทํามาหากินมันไมทัน เขา คนน ั้ นเขาเห ็ นวาทําดีกลับไดชั่ว คือคนไมนิยมนับหน  าถือตา คนเห ็ นอยางน ี้เปนสวนมาก


แท  จริงดังอธิบายมาแล วในเบื้ องตน พุทธศาสนาสอนถึง กาย กับ ใจ ถาหากไมรูจักใจของตนก็ จะไมรูจักดีและช ั่ วดังที่วามาน ี้ดีและช ั่ วจะรูดวยตนเอง พระพุทธเจ าสอนวา ธรรมรูดวย ตนเอง ถาหากวาทําชั่ว ถึงแม  จะมีคนนิยมนับถือหรือร ่ํ ารวยดวยประการตาง ๆ แตภายในใจ ของตนอาจจะรูสึกนึกไดตลอดเวลาวาความช ั่ วน ั้นตนไดทําไปแลว จะระลึกอยางน ี้ได ตลอดเวลา ถึงใครจะไมชมวาเราดีหากเราเช ื่ อม ั่นในคุณงามความดีของคน เราก ็ จะภูมิใจและอิ่มใจใน ความดีของตนนั้น ทั้งๆ ที่ไมมีใครนิยมเล ื่อมใส หากความช ั่ วน ั้ นเลา เม ื่อตนไดทําลงไป แล  วจะมีความเดือดร  อนกินแหนงหรือกระเทือนใจตลอดเวลาวาตนไดทําความชั่ว บุญ บาป นั้น บุคคลทําลงไปแล วยอมปรากฏเห็นชัดแกใจของตนอยางน ี้ ฉะน ั้ นพระพุทธเจ  าจึงสอนวา บาปนั้ นอยาทําเสียดีกวา เม ื่ อทําเข าไปแลวให เกิดความ เดือดร  อนภายหลัง จงบําเพ ็ ญแตความดีอันจะนําความสุขมาใหทั้งในโลกนี้และโลกหน าความดีคน ดีทํางาย เพราะเขากลัวความช ั่ วอยูแลว แตความช ั่ วทําไดยากเพราะเป นภัยแกเขา ความชั่ว คนช ั่ วทําไดงาย เพราะเขาชอบใจอยู แตความดีทําไดยากเพราะเขาไมชอบ ความ ดีนั้นพระพุทธองค วางมาตรการไว แลว ได แกศีล ๕ อันเปนพื้นฐานของความดีทั้งหมด ผูเช ื่ อคํา สอนพระพุทธเจ  าและหวังประโยชนความส ุขแกตน หรือหวังความเจริญก  าวหน  าแกชีวิตของเขา แลว จงพยายามรักษาทีละข อเสียกอนใหมั่นคง เอากนจรั ิง ๆจัง ๆ เอาเปนปก็ไดเอาเป นเดือนก ็ ได อยางน  อยเดือนน ี้ เราจะรักษาขอ ๑ เดือนหน  าจะรักษาข  อท ี่๒ ตอไปใหครบ ๕ เดือน ๕ ขอ ๘ เดือน ๘ ขอ หรอจะเอาเป ื นปก็ไดรักษาใหไดปละขอ ๕ ปก็ครบ เราก ็ จะดีขึ้นมา เราก ็ จะไดความภูมิใจที่ได งดเว  นความชั่ว นี่ถาหากเข าใจวาความดีเป นของที่นาภูมิใจ นาปฏิบัติ นํามาซ ึ่ งความอ ิ่มใจ อันนี้จึงจะได ผลเห ็ นอานิสงส  ถาเห็นวาเป นการลําบาก รักษาศีลแลว เปนทุกข  แทนท ี่จะเปนสุขกลับเกิดทุกข  การรักษาศีลเพ ื่ อพ  นจากความช ั่ วหรือพ  นจากอารมณชั่ว พอมารักษาศีลโดยไมเข าใจกลับเปนทุกข  ตกนรกท ั้งเปน ถาศึกษาและเข าใจปฏิบัติโดยนัยท ี่ อธิบายมาน ี้ แลว จึงจะสมกับท ี่เราได พุทธศาสนาคือของ ดีมาไวประจําชาติ ในสงคโปร ิ  ของเรา มิใชไดมาเพ  ื่อเอาไวประดับโก ๆ ใหสวย ๆ หรือเอาไวให คนท ั้ งหลายรูจักวามีพุทธศาสนาอยูที่เมืองสิงคโปร เทานั้น หากวาเราไดปฏิบัติใหมีคุณคาหรือ ประโยชน  โดยแท จริง ดูจะคุมคาท ี่เราไดสละลงทุนกอสรางเป นถาวรวัตถุมั่นคงจนปานน ี้ ขอทวนทบหัวข  อตน ๆ วา ที่อาตมาไดมาในวันน ี้ เพื่อมาขอแสดงความขอบอกขอบใจ ในการที่ไดตั้งวัดศาสนาพุทธหินยานลงเป นรากฐานม ั่นคงลงในสิงคโปร โดยมีทานพระครูเปน ผูนํา แล  วก ็อยากจะให พากันศึกษาถึงเร ื่ องพุทธศาสนา อันเป นหนทางนํามาซ ึ่ งสติปญญา การศึกษาพุทธศาสนาจะต องยึดหลักสําคัญ คือกายกับ ใจ ถาไมรูจักเร ื่ องกายกับใจแล วก ็ไมทราบ


วาจะปฏิบัติตรงไหน กายและใจของเรานั้น ใจเป นคนส ั่งการใหทําท ั้ งดีและชั่ว เม ื่อเป นเชนนั้น ถาหากเราไมรูจักใจ ก็คงจะไมเห ็นใจวาดีหรือชั่ว ถาเรารูจักใจ ใจที่เป นกลาง ๆ รูดีและรูชั่ว เรียกวาใจ ถามันสั่งการใหทําทางดีก็เรียกวา บุญ ถาหากมันสั่งการใหทําทางช ั่ วก ็ เรียกวาบาป บาปเปนของไมดี บุญเป นของดี นํามาซ ึ่ งสันติสุข ที่เราเห็นวาทําดีไดดี ทําช ั่วไดชั่ว รูดวย ตนเอง คนอ ื่นจะไมนิยมก็ชางคนอ ื่ นจะติเตียนนินทาก็ชาง เราเข าใจเชนน ี้ แลว เราก ็ จะทําแต ความความดี ความดีโดยยอทีวาน ี้ ก็จะไมหนีจากหลักของศีล ๕ ถาเราทําไมไดทั้งหมด คือ ปฏิบัติไมไดทั้ง ๕ ขอก ็จงพยายามฝกฝนอบรมทําไปทีละขอ ๆ จะคิดเป นรายเดือนรายปก็สุด แล  วแต เม ื่ อทําไดตลอดรอดฝง ศีล ๕ ก็จะสมบูรณ ในเดือนใดหรือในปใดอยางแนแท  จะไดชื่อ วาเราเช ื่ อมั่นคุณงามความดีในพระศาสนา ขอใหทุกคนพากันสังเกตอีกหนอย โดยเฉพาะในเรื่องปฏิบัติเก ี่ ยวกับศาสนาพากันศึกษามา มาก สนใจกันมานาน แตเหตุที่วาไมเข าใจข อเท ็ จจริง คือหลักพระพุทธศาสนาโดยที่ อธิบายมาน ี้ ก็ตามหรือนอกเหนือจากนี้ก็ตามเปนเพราะอะไร เร ื่ องน ี้เปนเพราะใจของเราวุนวายใจไมสงบ เม ื่อใจไมสงบวุนวายอยูแล วจะไมรูเร ื่ องท ั้ งหลายเหลาน ี้ใจก็เปรียบเหมือนน้ํา น้ําเปนของ  ใสสะอาดหากมีการกระเพ ื่ อมอยูก็จะไมปรากฏเงา ถาน ้ํ าสะอาดน ิ่ งเม ื่อไร เงาก ็จะปรากฏขึ้ นมา ทันใด ธรรมดาคําสอนของพระพุทธเจ  าก็ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะฉะน ั้ นจงพากันอบรมใจของ ตนใหไดรับความสงบ แม ไมรูแจ  งแทงตลอด หรือใหถึงมรรคผลนิพพาน ก็จะเห็นคุณคาของ ความสงบวา นํามาซ ึ่ งความสุขอยางแท  จริง กอนท ี่ จะจบเร ื่ องการพูดธรรมในวันนี้ก็ขออนุโมทนาและแสดงความขอบคุณแกเจ  าภาพ ผูใหที่ดินเป นกรรมสิทธิ์ของสงฆ  และขอใหทานพระครูประกาศธรรมคุณ ผูนําญาติโยมปฏิบัติ ในศาสนาธรรมคําสอนของพระพุทธเจา จงมีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ  ประสบสิ่งท ี่ปรารถนา ขอศาสนาพุทธจงเจริญรุงเรืองในสิงคโปร พุทธศาสนิกชนท ั้ งหลายจงร ื่ นเริงแลบันเทิงอิ่มใจในคํา สอนของพระพุทธศาสนา ปรารถนาสิ่งใดจงสัมฤทธ ิ์ผลในสิ่ งอันพึงปรารถนาทุกประการ วันที่๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๙ เวลาบาย สนทนาธรรม


๑.ผูถาม เคยภาวนากําหนดอารมณ  เชน กําหนดกระดูกแล  วทานอาจารย ใหจับผูรู เมื่อ กําหนดกระดูก กระดูกท ี่ เพงอยูก็หายไป วางเฉย ๆ บางทีก็มีแยบคาย ใครไปรูจักความวาง ใครไปรูจักความสงบ ใครเปนผูรู ถาคิดอยางน ี้ใจมันฟุงไปที่อื่น ถาใจมนอยั ูกับกระดูกยัง ไมปลอยวางกระดูกใจมันก็ยังน ิ่ งอยูในกระดูก แตเวลาพิจารณาใครเปนผูรู ใจมักจะสายไปหา อารมณอื่นๆ ดังน ั้ นจะแก ไขอยางไร ทานอาจารย  ใหใจมันอยูที่กระดูกน ั้ นเสียกอน จะนานเทาไรก็ชางมัน นับเปนปๆ อยางน  อย ๕ ปถึงจะ ชํานาญ ตอน ั้นไปถ ามันไมไปไมมาจริงๆ คืออยูเฉยๆ แลวพ  ิจารณา คือพิจารณาอันนั้นแหละ พิจารณาผูรูสึกวาเฉยๆ อยูที่ไหน แล  วจับตัวผูรูนั้นใหได อยาไปพิจารณามันเร ็ วหนกั ไมชํานาญ แล วจะเสียไป การภาวนาต  องทํากันจริงๆ เปนปๆ พอภาวนาเปนอะไรนิดๆหนอย ๆ อยากให เกิด ความนั้น นี้เด ี๋ ยวก ็ เส ื่ อมเสียเกาก ็ไมไดใหมก็ไมดี ๑.ผูถาม ใจมันเดือดร อนเพราะอยากจะใหใจมันเข  าเต ็ มท ี่ และอดท ี่จะกดใจให เข  าถึงจุดน ั้นไมได ทานอาจารย  นั่นแหละความอยากเป นเหตุพอกดใจจะเขาใหถึง มีแตความเดือดร อนไมสงบ การทํา ความเพียรพยายามต  องมีแยบคายคอยพิจารณาความสงบนั้น ทําใจให เย ็ นๆ จึงจะถูก ๑.ผูถาม ยากเหลือเกินในการภาวนา ทานอาจารย  จะวายากก ็ ยาก ถาจับใจคือผูเปนกลางได แลว จะขยันหม ั่ นเพียร พยายามมองดูผูนั้นอยู เสมอ คําวายากแลงายจะหายไป มีแตความพอใจอยากเห็นตัวใจ คือผูรูอยูเสมอตลอดกลางวันและ กลางคืน


๑.ผูถาม ไมไดภาวนาอะไรมากมายหนัก หลังจาน ั่งประมาณ ๑๐-๑๕ นาที ก็รูสึกวาใจสงบ หลังจากน ั้ นรูสึกงวงนอน ดังน ั้ นจะแก ไขอยางไร ทานอาจารย  คือ ตอนนั้นมันปลอยวางเฉยๆ พอมันสงบไมมีเคร ื่ องยึดเคร ื่ องอยูไมมีเคร ื่ องพิจารณาความ สงบก ็เลยมาเป นความงวง ฉะน ั้ นเม ื่ อสงบแล วจึงน  อมเข  ามาพิจารณาตัวของเราน ี้ พิจารณาความไม เท ี่ ยงความทุกข ในรางกายเป นอนัตตา ใหพิจารณาองค ไตรลักษณ เป นเคร ื่ องอยู ถาเราไปเฉยๆ ไมมี เคร ื่ องอยูมันก ็ เลยงวงนอน ๓.ผูถาม ผูเป นฆราวาส มีภาระ มีครอบครัว มีลูกหลายคน ไมมีโอกาสได ออกบวช อยากทราบวาผู เป นฆราวาสน ี้จะภาวนาไดขนาดไหน ทานอาจารย  ตามที่ทานวาไวฆราวาสก็ถึงอรหันตได แตอยูไดไมเกิน ๗ วันตองออกบวชหรือไมเชนนั้น ก็นิพพาน แตวาถึงอยางไรก็ชังเถิดไมตองคํานึงถึงไดชั้นภูมิอะไรดอกเราต องการความสุข เราเกิด ขึ้นมาในโลกนี้ก็ตองการความสุข ถึงมันยุงเราก็ตองการความสุข จึงต  องหัดภาวนาเพ ื่อให เกิด ความสงบ ในชั่ วครูหน ึ่ งท ี่ เราภาวนาอยูนั้นไดรับความสุขก็ดีแลวอยาไปใฝถึงมรรคผลนิพพานเลย ๓.ผูถาม ได แตเพียงนึกอยูอยากจะออกบวช กลัววาเม ื่ อออกมาบวชแล  วก ็ จะติดอยูเพียงเทาน ี้ จึง อยากจะถามวา จะมีเวลาไหนหรือไมที่พอจะรูสึกตัววาถึงเวลาท ี่จะออกมาบวชได ทานอาจารย  เร ื่ องนั้นมันเปนไปเอง คือวาเราไดรับความสุขสงบจากการอบรมภาวนาน ี้ แล  วนั้นมันจะ บวชได แคไหน ขนาดใดนั้นเปนอีกเร ื่ องหน ึ่ งตางหาก ยากที่ใครจะตัดสินใจได บางทีขณะทํา ภาวนาไดรับความสุขสงบ นึกอยากออกบวช เม ื่ อบวชแลวกลับวกคืนมาอีก ยุงกวาเกาก็มีอีก ฉะนั้น อยาเลยให อยูไปเสียกอน ทําไปกอนอยางน ี้ ละ


๓.ผูถาม อยากบวชเหมือนกันแตโยมทางบานไมยอม ทานอาจารย  เอาละไมตองบวชหรอกเอาไวเปนอุปฏฐากดีเรามาทีหลังจะไดนําเท ี่ ยว(หัวเราะ) ๓.ผูถาม อยากจะเกิดอีกสักสองชาติ แตไมอยากเก ิดมาเปนทุกข  อยากจะไดรับแตความสุข จึงขอ เรียนกราบถามวา การทําบุญชาตินี้จะสงผลไปถึงชาติหน าได หรือไมและจะไดรับบุญในชาตินี้หรือ เปลา ทานอาจารย  เกิดมาต องเปนทุกข  แนโยม จะตางกันก็ทุกขมากทุกขนอยเทาน ั้ นแหละ การทําบุญต  อง สงไปใหชาติหน  าแน ของเราทําแล วจะไปไหน การทําบุญไมใชหนทางพนทุกข โดยตรง แตเปน การทําทุกข ใหนอยลง การภาวนาน ั้ นซิเป นการนําทุกข ใหหมดไป ฉะน ั้นใครก็ตามปรารถนาวาขอ เกิด ๒ ชาติ๕ ชาติ ถาเราภาวนาไมดีปรารถนาอยางไรก็ไมได ๓. ผูถาม เป นฆราวาสต องมีภาระพันธะอยูกับครอบครัว เม ื่ อทําความเพียรด  วยการภาวนาจนจิตเปน สมาธิไดรับความสุขแลว มิไดคิดถงเรึ ื่ องอนาคตข  างหนา เพราะทราบวาทุกส ิ่ งทุกอยางๆเกิด-ดับ ตามหลักพุทธศาสนาถูกต  องแลว ก็เพียรอยากจะไดความสุขอยูในปจจุบันเทานั้น อยากจะทําเพียร ภาวนาใหเป นสมาธิอยูตอไปก็ยังต  องติดอยูกับบวง มีเคร ื่ องผูกพันอยูจะทําอยางไรจึงขอกราบเรียน ถามวิธีที่จะไดความสุขน ี้ อยูเร ื่อยๆไป ทานอาจารย  เป นธรรมดาผูที่ตองการอยากจะไดรับความสุข เม ื่ อเห็นผูที่บวชเข  ามาแลว ไมมีภาระพันธะ อะไร เข าใจวาจะไดรับความสุข แท  จริงผูบวชแล วเปนผูไมประมาท จะต  องคิดถึงหน  าท ี่ ของตนวา กิจส ิ่งใดควรวัตรท ี่ ตนควรทํา แล  วยังไมไดทํา กรรมอันใดที่ผิดไมควรทําเราละแลวหรอยื ัง ความดี มีพอแล  วหรือท ี่ จะภาคภูมิใจแกตนเอง และไมให เดือดร  อนภายหลัง เหลาน ี้เป นความเดือดร  อนของ


พระ เป นพระก็ดีเป นฆราวาสก็ดี มีความเดือดร อนไปคนละอยาง ถาเปนผูไมประมาทพิจารณา ตนเองอยูเปนนิจ จะพ  นจากทุกข ไมวาพระแลฆราวาส ดวยการทําความสุขสงบอันปราศจากนิวรณ  ๕ มีความมุงมั่นในอารมณนั้นอยูเสมอถึงอารมณ ใดจะมารบกวนก็ไมไหวไปตาม ๓. ผูถาม ทําไมบางที่ บางคนรูแล  วเลิกไดถอนไดอันนั้นจะเป นเหตุปจจัยหรือไม ทานอาจารย  บางที่ทําไปบางคนรูแล  วเลิกไดนั้น เปนเพราะปจจัย บุญวาสนา ปญญาบารมีของเขาแกกลา อีกนัยหนึ่ง คือ ปญญาบารมีเขาแกกล  าน ั่ นเองจึงมีแยบคาย ให เลิกละได (ชวงน ี้ไมมีการน ั่ งภาวนา หมดเวลา) เวลาค่ํา แสดงธรรมเทศนา ที่อาตมาพูดมาน ี้เป นเร ื่องภาวนาโดยเฉพาะจึงเข  าถึงหลักพระพุทธศาสนา ถายัง ไมได ภาวนายังไมถึงศาสนาท ี่ แท  จริง พุทธศาสนาสอนถึงใจตน คนไมเห ็นใจของตนแลวจะไป ถึงศาสนาได อยางไร การละช ั่ วท ั้งปวงก็ จะต  องเห็นดวยใจตนเองเสียกอนจึงจะลงได ความดีที่ ตนเองจะทํานั้นถาไมเห็นดวยใจของตนเองแลว ก็จะทําไมไดถึงทําไปก็สักแตทําไปแตไมมั่นคง การชําระใจของตนเองใหบริสุทธิ์ผองแผ  วย ิ่ งแล วใหญ ถาไมเห ็นใจของตนแล วตน จะไปละได อยางไร ความเศร าหมองและความผองใสอยูที่ใจเห็นไดดวยตนเอง การภาวนาท ี่ เห ็นใจของตนเอง อยางเดียวเทาน ั้ นแหละ เป นการถึงศาสนาโดยแทนอกไปจากนี้ เชน การบําเพ ็ ญทานและรักษาศีล เป นเคร ื่องประกอบ หาไดชื่อวาถึงศาสนาโดยแทไม 2.ผูถาม วัตร นั้นหมายความถึงอะไร


ทานอาจารย  วัดคําหนึ่งกับ วัตรอีกคําหนึ่ง วัด หมายถึงที่ทําศาสนาพิธีตางๆ คือ พุทธศาสนิกชนไปรวมกันทําพิธีตางๆ แตพระสงฆที่ อยูในที่นั้นก็ตองทํากิจของสงฆ  มิใชทําเปนวัดแล  วอยูเฉยๆ ไมทําอะไร จะกลายเป นท ี่ เก ็ บคนข ี้ เกียจไปเสีย วัตร หมายถึงการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของผูนั้น เชนหญิงปฏิบัติเอาใจสามีไมละเมิดลวงเกิน โอวาทคําสอนที่ดีงามของสามีเรียกวาหญิงมีขอวัตรอันดีงาม พุทธศาสนิกชนไดสดับ คําสอนของ พระพุทธเจ  าแล  วนําเอาไปปฏิบัติตาม ไดชื่อวาพุทธศาสนิกชนผูนั้นมีขอวัตรอันดีงาม การท ี่ อาตมามาสิงคโปร คราวนี้ดวยตามคําอาราธนาของแมชีชวน ดวยเธอคิดวาพี่นองและ ชาวสิงคโปร หลายคน ที่ตองการอยากศึกษาธรรมะ แตไมมีโอกาสไดศึกษา เพราะไมมีครูอาจารย  จึงไดนิมนต  มา พอมาเห ็ นคนสิงคโปร เข  าจริงๆ โอโฮ คนสิงคโปรมิใชคนปาเถ ื่อนไมรูธรรมะธัมโม อะไรแท  จริงแล วคนสิงคโปรเปนปราชญรูจักถามปญหาสาระลึกซ ึ้ งล  วนแล  วแตเปนประโยชน ของ นักปฏิบัติทั้งนั้น ทั้งๆที่ครูบาอาจารน  และพระก ็ไมเคยมาสอนเลย อาตมามาคราวน ี้ เห็นวามีคุณคา มหาศาล และคนสิงคโปรก็ควรจะเป นหนี้บุญคุณของแมชีชวนไวในโอกาสนี้ดวย และเม ื่อไดศึกษา ขอวัตรปฏิบัติอันดีงามน ี้ แลว จงพากันนําไปปฏิบัติอยาไดประมาทใหเปนผูมีวัตรดีอยาไดมีวัตรล  าง ก็เป นเคร ื่ องนําความสุขมาใหได ตลอดกาลนาน (วันนี้ไมมีการน ั่ งสมาธิหมดเวลา) วันที่๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๑๙ เวลาบาย แสดงธรรม ธรรมท ี่ไดแสดงใหฟงน ี้ คงจะไมมีใครเคยไดสดับและเคยไดยินไดฟงมากอน หรอหากื ไดยินไดฟงมาบ  างก ็ คงยังไมไดปฏิบัติทําตาม คร ั้ งนี้เป นครั้งแรกที่ไดฟงและไดลงมือทํากันจริงๆ เปนที่นายินดีอนุโมทนาดวย พอทําไดก็ไดรับผลเป นอานิสงสทันที วันท ี่ ๑๙ พ.ย นี้ก็จะไดไป ออสเตรเลียเสียแลวธรรมอันใดทําไดอบรมเอาไวแลวขอจงต ั้งใจนําไปภาวนาให เห ็ นผลเหมือนกับ ที่อาตมามาอยู การไปออสเตรเลียก็ตองการไปเผยแพรพระพุทธศาสนาอยางเดียวกับสิงคโปรนี้ แหละ คนในโลกนี้ที่ตองการอยากทราบพระพุทธศาสนายังมีมาก แตไมมีคนไปสอนเขาจึงไมรูจัก พระพุทธศาสนาเลย คนออสเตรเลียก ็ เหมือนๆกับคนสิงคโปร เราน ี้ แหละ


สิงคโปรเป นเมืองหน  าดาน มาจากบางกอกก็ตองมาลงที่นี้จะไปออสเตรเลียก็ตองมาขึ้นที่นี้ จะไปออสเตรเลียก็ตองวกกลับมาที่นี้อีก ไปอินโดนีเซียแลวจะกลับไปบางกอก จะต  องมาข ึ้ นที่นี่ สิงคโปร เก ็ บภาษีเสียเร ื่ อย ( คือไดฟงธรรม อันนํามาซ ึ่ งสันติ ) คนสวนมากมองดูความสุขเพียงผิวเผิน ได เงินเทาน ั้นแหละเป นความสุข เพราะเงินมีดี อยางเดียวจะซ ื้ออะไรได หมด คือ ซื้อเรือน ซื้อรถ ซื้อเรือ ซื้ออาหารมาบริโภคไดทั้งนั้น แตหาไดคิด ไมวาเงินไมไดไปหาซื้ อของเหลาน ั้นมาใหเรา แตเราต  องเอาเงินไปซื้ อของเหลาน ั้ นเอง เงินมันนอน เอกเขนกอยูในกระเปา แม  แตเงินเองมันยังไมรูคาของมันเองด  วยซ้ํา หามาไวมากก็กลัวขโมยจะลัก ตองป องกันรักษามีรั้วบ านฝาเรือน ประตูหน  าตางปดใหมิดชิดเวลามืดค ่ํ าคืน แถมยังตองเล  ี้ ยงสุนัข ไวเฝ าด  วย ชาวสิงคโปรไดมาฝกอบรมธรรมเปนสาระในชีวิตของตนน ี้นับวาเป นลาภอันยิ่ง สนทนาธรรมตอจากธรรมเทศนา ๑. ผูถาม ขอกราบเรียนใหมครั้งแรกกําหนดลมหายใจเข าออก เวลาเกิดเวทนาข ึ้นใหทิ้งลมหายใจเขา ออกใหกําหนดเวลา จะได หรือไม ทานอาจารย  ไปกําหนดเวทนาก ็ได แตเอาให แนวแนจริง จนเป นอารมณอันเดียว ไมยอมสงไปโนนนี่ เด ี๋ ยวเวทนาอันนี้ก็หายไป ยังเหลือแตความสุขสงบวางเฉยอยูอยางเดียว ๑.ผูถาม เวลาเวทนาเกิดข ึ้ นมา อยากใหเวทนาหายไป แตมันไมยอมหาย เลยเกิดความรําคาญ ตอมาก ็ เลยคิดวา เจ็บมันก็เป นเร ื่ องของเจ็บ มันก็เป นอยางน ี้ ทานอาจารย  นั่นแหละ ให เห ็ นสภาพอันนี้นั้นแหละ คือให เห ็ นสภาพของจริง คือมันเปนสิ่งหน ึ่ งอยู อยางนั้น ให เห ็นสภาพความเป นจริง เพราะเราไมยอมเห ็ นสภาพตามความจริงตางหาก เราไปยึดวา เป นเรา ความเจ็บก็เป นเร ื่ องของความเจ็บ ใจมันไปยึดวาเป นท ั้งหมดใจมันก็เปนทุกข นี่แหละหัด


ตรงน ี้ หัดไมใหทุกข  ตรงน ี้ ทุกขมีอยูก็ไมทุกข  อยางที่ของอะไรๆ ถามีอยูไมยึดมันก็ไมมีทุกข  เหมือนกับทุกขเวทนามีอยู ถาเราไมยึดมันก็จะไมเปนทุกข  เราหัดตรงน ี้ หาความสุขใสตัวใหจงได ๑.ผูถาม จะต  องตอสูหรือยอมแพตอเวทนาดี ทานอาจารย  ตองตอสูซิ ชีวิตคือการตอสู เราเกิดมาไมวาจะอยูในสภาพเชนใด ลวนแตตอสูกันทั้งนั้น ไมตอสูอยางหน ึ่ งก็ตองตอสูอีกอยางหนึ่ง ตองมีดวยกันทั้งนั้น เชน การเวทนาก็มีเวทนาเปนขาศึก ถาเราไมตอสูยอมแพ  คราวนี้ทีหลังมันก็ตองยอมแพอีก การตอสูทางพระพุทธศาสนาแทนที่จะใช กําลังประหารกันดวยอาวุธ เปลา ตรงกันขาม กลับทิ้งอาวุธและยอมสละท ั้งกายและใจ เลยชนะ เด ็ ดขาด การประหารกันดวยอาวุธก็ตองกลับแพกันดวยอาวุธ นี่ไมมีอาวุธ ชนะแลวไมตองแพกัน อีกตอไป เราเกิดมาในโลกตองใชของในโลกใหเป น เชนรางกายเกิดจากธาตุ๔ มี ดิน น้ํา ลม ไฟ ประสบครบถวนจึงเกิดเปนคนได เม ื่ อเกิดมาแล  วบริหารรักษาดวยประการตางๆ ตามหน  าท ี่ ของมัน เม ื่ อเรารูวาการรักษาเป นทุกข  เราจึงยอมการสละการบริหารหรือการรักษานั้น ก็เปนสุขเทาน ั้ นเอง ใชโลกและธรรมใหเปนจึงจะเปนประโยชนถึงคราวใชโลกก็ตองใช เม ื่อโลกใชไมได แล  วก็ตองใช ธรรม ตองหัดท ั้ งสองอยางไวใหชํานาญ จะใชโลกนี้ไดก็ตอเม ื่ อจําเปน เม ื่อโลกนี้ใชไมได แล  วก ็ ตองใช ธรรม ๑.ผูถาม กําหนดสวนตางๆในกาย เวลากําหนดหนักๆเขา รูสึกแปลกมากคือ มีความรูเห็นตัวท ั้ งหมด นอกจากศีรษะ อารมณ  ภายนอกรูแตไมยึด ดังน ั้ นเม ื่อไปยึดศีรษะเลยมองไมเห ็ นตัว การท ี่เปน เชนนั้นเข าใจวา เข  าถึงอุปจารสมาธิทําอยางไรถึงจะสามารถเข าถึงอัปนาได หรือวาจะต  องต ั้ งหน  าดู แตอาการที่ยังเป นอยูอยางนั้น ทานอาจารย  ที่เราพิจารณาชิ้นสวนของกายของเรานั้น มีความรูเห็นตัวท ั้ งหมดนอกจากศีรษะ อารมณ  ภายนอกน ั้นไมรูแตไมยึด อารมณ ภายนอกไมเข าไปยึด มันก็ดีแล  วนี่ยังอยากเข  าถึงอัปนาอีกด  วย


ขอใหเปนไปเองเถิด อยากไปอยากถึงเลย ของพรรคนี้ไมใฝของที่ทําไดงาย เปนอะไรแลวขอให รักษาอันนั้นไวเสียกอน ความอยากเป นเหตุให คนจมอยูในโลกนี้มากตอมากแลว ๑.ผูถาม เม ื่ ออารมณ  ภาวนามันก็หายไป แตวามันยังมีความรูสึกอยูอยูดวยความสุขสงบ ทานอาจารย  อันนั้นมันดีทีเดียว มันเข  าถึงอัปนาสมาธิแล วนะ๙ คราวนี้มันมีความรูสึกของมันอยูตาง หากแตมันไมเข าไปยึดอะไรทังหมด ๑.ผูถาม ทําอยางไรถึงจะเข  าอัปนาสมาธิได นาน ทานอาจารย  ยังไมชํานาญ หัดเข าจนใหชํานาญจึงจะอยูได นาน อัปนาสมาธิไมใชของแตงเอาไดงาย จะ เป นแตละคร ั้ งก็ทั้งยาก ขอใหตั้งสมาธิเบ ื้ องตน คือ ขณิกะสมาธิ อุปจารสมาธิ ใหชํานาญเสียกอน อัปนาจะเกิดเอง ๑.ผูถาม เวลาน ั่ งภาวนาแล วใจมันสงบ ไมไปยึดอะไร แตยังรูสึกในสิ่ งแวดล  อมอยูเชนกัน เวลาเสียง เกิดข ึ้ นความสงบก ็หายไป เหตุที่มันหายไปนี้เพราะเราไปยึดเอาเสียงใชหรือไม ทานอาจารย  มันก็เป นอยางน ั้ นนะซิถาความสงบหายไปก็ หมายความวาใจสงไปตามเสียง หรือเรียกไดวา มันกระเทือนแตไมหว ั่นไหว อยางท ี่ อธิบายใหฟง ใจมันอยูดวยความกระเทือนนั้น หมายความวา ประสาทรับรูมันยังไดยินอยู มันกระเทือนถึงใจกระเทือนแตไมทราบวาอะไรเปนอะไร นั้นเรียกวา มันกระเทือนแตมันไมวิพากยวิจารณ ไปตามเสียงนั้น จึงเรียกไดวาไมหว ั่นไหว ๑.ผูถาม


เม ื่อใจเข าถึงสภาพของความสงบแลว มันวามีความสบายมาก เวลาถึงข ั้ นน ี้ จะต  องพิจารณา เร ื่องใจเปนอะไรกายเปนอะไรอัตตาเปนอะไรคือเม ื่ อหัดถึงขั้นนี้ควรหัดพิจารณาใชหรือไม ทานอาจารย  เวลาเข  าถึงความสงบมันก ็เป นภาวนาแลว ใหรักษาความสงบน ั้นไวกอนอยาเพ ิ่งไปอะไร กอนเลย มันจะเปนสัญญา สังขาร ไปเสีย ใหมันพิจารณาของมันเองจะดีกวา การเข าใจวาถึงขั้นนี้ แล  วจะพิจารณาอยางน ั้ นอยางนี้ผิด คนอยากไดปญญาพอหัดทําความสงบเป นสมาธินิด ๆ หนอย ๆ ก็พิจารณาน ั้ นเสียแลว มันเลยไมชัดเจน สมาธิก็เส ื่อมปญญาก ็ไมได ผลที่สุดเลยเหลวไมเปนทา ๑.ผูถาม เวลาภาวนาโดยมากกําหนดจุดพุทโธ แตไมสามารถกําหนดเข  าหับลมหายใจได เพราะจะทํา ใหไอ เวลากําหนดใจมันก็ลงมาอยูที่อก และรูสึกสุขสบายตรงนั้น พอสุขสบายเยือกเย็นก็ไมทราบ วาจะทําอยางไร มันเกิดความสงสัยเพราะไมมีเคร ื่ องอยู ปลอยเฉยๆ แล วไมทราบจะทําอะไรตอไป เวลาน ั่ งพิจารณากายเกิดภาพเห็นชัด จะตองเอาใจไปตามภาพนิมิต หรอวื าจะเอาใจไปตามอาการ สามสิบสอง พอสงสัยอยางน ั้ นภาพเหลานั้นก็จะหายไป ไมทราบจะทําอยางไรตอไป ทานอาจารย  กําหนดเอาใจมันก็ดีแล  วน ี่ ถูกทางแลว ถูกกับนิสัยจึงคอยลงไดจิตเห ็ นภาพตางๆ ขึ้นมา ถา หากวาเราสงไปหาจิตมันก็ถอย ถึงวาอยาสงไปหาภาพ ใหยอนมาดูผูไปเห็ นภาพนั้น จิตใจมันมั่นคง กวาเดิม เมื่อใจสบายแลวจงหาตัวผูสบายใหได จับตัวน ั้ นแล วปลอยวางเร ื่ องอ ื่ นหมด ก็มีเคร ื่ องอยู ตอไปเครื่ องอยูในที่นี้คือจับผูไปรูไปเห็นนั่นเองใหได ๑.ผูถาม ความสุขท ี่ เกิดจากภายนอกเวลามาเปรียบเทียบกับความสุขท ี่ เกิดจากภาวนาตางกันอยางไร ทานอาจารย  คือวาความสุขท ี่ เกิดจากภายนอกเรียกวาความสุขท ี่ เกิดจากอามิส ไดสิ่งใดมาเขาเรียกวาสุข แทที่จริงไมใชความสุข กอนที่จําไดมันก็ทุกข  ได มาแล  วก็ตองทุกขคือต  องรักษาต องใช มิใชมัน หามาใหเรา เราไปหามันมาแล วเราเป นคนรักษาแล วเราเปนคนใช เงินมันใหเราไปหามัน มันใชเรา


เราเข าใจผิดนะ หากเราไมใชมันก็อยูเหมือนเกา เหตุนั้นจึงวามันใชเราไปซื้อ ใชให  เรารักษา ใน โลกมันจําเปนตองทําอยางน ี้ ไมทําอยางนี้มันก็ไมได เรียกวาเราเปนคนใชของโลก เราเปนคนใช ของกิเลส เราเปนคนใช ของความอยาก ภาษาธรรมเรียกวาเราเป นทาสของบความอยาก มันใชให เราด ิ้ นรนกระเสือกกระสนดวยประการตางๆ มันให อยูเปนสุขไมได แม  แตนอนก็ยังคิดนึก มัน ไมให เราน ั่ งนอนเฉยๆ ไมใชมันจะสนุกสบาย นอนก็ยังคิดนึกอยู นั่นแหละเรียกวาเราเป นทาสของ มัน เรามาหัดเปนไท เป นนายของมันเสีย เวลานอนก ็ใหมันหลับดีๆ ใหมันสงบเสียอยาไปยุงกับ มัน เงินนี่เราเปนทาสเป นคนรับใชมันตลอดกาล เราวางแล  วมันก็อยูตามเดิมไมไปไหน ขอให วาง ปจจุบันพอไดความสงบสุขแล  วจึงเห็น อานิสงค  ของความสุขท ี่ เก ี่ ยวด  วยอามิสความกังวล ความสุข ที่ไมเจือปนอามิส ไมมีกังวล ตางกันตรงน ี้ ๑.ผูถาม เม ื่ อกอนจะหัดภาวนา เวลาไปเที่ ยวกลางคืนกับมานอน ก็รูสึกนอนสบาย แตเม ื่ อหัดภาวนา แลว ยังไปเที่ ยวอยูเหมือนเดิม เวลากลับมาแล  วรูสึกจิตใจมันขัดแย  งกัน ไมรูสึกสบายใจเลย ทานอาจารย  นี่แหละคนเราหลงลืมตัวเสียไมรูวาอะไรเปนอะไร พอมาหัดภาวนาเข  าพอรูตัวบ  าง แตก็ยัง หลงวอยูร่ําไป มันจึงขัดแย  งกัน ผูหลงก็ดึงไปหลงผูรูจะดึงไปหารูเลยตกลงกันไมได ๑.ผูถาม เคยฝกอบรมภาวนากับพระพมามากอน ทานใหกําหนดลมหายใจเขา-ออก เวลาเกิดเวทนา ขึ้นมาก ็ไปกําหนดเอาเวทนา เม ื่ อหัดทํากําหนดลมหายใจเกิดเวทนาข ึ้ นมา ก็พยายามหายใจถี่ เข  าจน เวทนาหายไป เวลาเกิดภาวนาข ึ้ นมาอีก ก็กําหนดอยางนั้นอีกจน เวทนาหายไป แตในครั้ งสุดท  าย เวทนาเกิดแรงมากจนไมสามารถที่จะเอาชนะได เลยหยุดทําตอไป ขอกราบเรียนถามวา ถาหาก หัดภาวนาอีก เวลาเกิดเวทนาข ึ้ นมาควรพิจารณาเวทนากับจิตผูไปรูหรือไม ทานอาจารย  แยกจิตกับผูรูออกจากกัน เวทนามันก็หายไปเทาน ั้ นเอง เพราะจิตผูไปคิดไปยึดถือเวทนามา เปนตัวตน ออกจากผูรูได แล  วก ็ หมดเร ื่ อง


ออสเตรเลีย วันท ี่๑๙ พ.ย. – ๑๒ ธ.ค. พ.ศ. ๒๕๑๙ เพิรธ วันท ี่๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๑๙ สนทนาธรรม ทานอาจารย  พุทธสมาคมที่นี่ใครเป นคนริเร ิ่ มคร ั้ งแรกการต ั้ งข ึ้ นเบ ื้ องต  นมีความมุงหมายอะไรบ าง ๓. ผูถาม ตั้งพุทธสมาคมข ึ้ นเพ ื่อเป นท ี่พบปะของผูที่นับถือศาสนาพุทธ บางทีมาประชุมกัน และเพื่อ เผยแพรพระศาสนา มีที่อยูของพระผูมาเผยแพรพระศาสนา และหวังวาพระพุทธศาสนาจะต ั้ งรากฐาน มั่นคงในเมืองเพิรธน ี้ ทานอาจารย  ตั้งมากี่ปแลว มีสมาชิกท ี่พอใจสมัครมารวมดวยเทาไร ๓. ผูถาม ตั้งมาได แลว ๔ ป มีสมาชิกไปๆ มาๆ ในครั้งแรกอยากจะให ชาวพุทธบริษัทได เข าใจ ขนบธรรมเนียม และวิธีปฏิบัติของศาสนาพุทธ เพราะฉะน ั้ นพวกเราจึงรูสึกยินดีมากเม ื่ อคร ั้งไดนิมนต ขันติปาโลมาที่นี่ แล  วตอจากนั้นก ็ไดทานดอนมาอบรม และเด ี๋ ยวนี้ก็ไดโอกาสอยางดีที่สุด ได ครูบา อาจารยใหญ คือทานอาจารยมาสอน มาแนะนําใหรูจักขนบธรรมเนียมของศาสนาพุทธ จึงขอแสดง ความขอบพระคุณอยางมาก ทานอาจารย 


การท ี่จะเป นสมาชิกในพุทธศาสนิกชนนั้น ควรจะต ั้ งระเบียบไว คือวาธรรมเนียมประเพณีเชน วาคนใดที่จะเป นสมาชิกรวมกันก ็ ควรจะนิมนตพระมาเปนประธาน และกลาวคําปฏิญาณตนวาเป นพุทธ มามกะเป นชุดๆ เป นคราวๆ ไป อันน ี้เป นการดีมากระเบียบอันนี้มีอยู แตเวลาน ี้เราไมได เอามาด  วย แต จะทําใหโดยยอก ็ได อยางน  อยที่สุดก ็ใหมีการไหวพระในเมื่ อมีการประชุมกันแตละคร ั้ งละทีหรือหากมี ความสามารถ ในวันสําคัญๆ เชน วันมาฆะบูชา วิสาขะบูชา เม ื่ อมาทําพิธีแลว ก็มีการสมาทานศีล ปฏิญาณตนเป นพุทธมามกะพร  อมๆ กัน ๓. ผูถาม สมาชิกท ี่เปนคนไทยไมมี และก ็ประมาณไมไดวามีสมาชิกจํานวนเทาไร ถาหากเวลามครีูบา อาจารยมามีพระมา คนก ็ มามาก คนสนใจ แตบางคนก็อาจจะไมไดเป นสมาชิกก ็ได ทราบขาวแล  วก ็ อยากจะมาฟง เพราะเขาสนใจในศาสนา อยากจะฟงเทศนฟงธรรมก ็ มา ตั้งแตเป นสมาคมมา เวลาประชุม กันก ็โตกันไปโตกันมาตามภาษาของคนไมรู เลยเกิดความเบ ื่อไมอยากมา พูดมากทําน  อย มันเป นอยางน ี้ แหละครับ ทานอาจารย  ในโอกาสที่อาตมาไดมาในครั้ งน ี้ ขอไดบอกกันใหรูทั่ววา อาตมามาเผยแพรพุทธศาสนา โดยเฉพาะ ถาใครสงสัยหรือขัดข องในหลักธรรมคําสอนของพระพุทธศาสนาขอใหถามไดในเวลา ๒๐ นาฬิกา หรือมีความประสงคอยากใหไปปาฐกถาแหงใดแหงหน ึ่ งก ็ได ในเมื่ อพร  อมเพรียงกันแลว อาตมายินดีไปใหทุกเมื่อ คนเราเกิดมามีความปรารถนาอยางหนึ่ง แตสิ่งน ั้ นก็ทําไมถึงสักที สิ่งที่วานี้คือสุขท ี่ แท  จริง การ ประกอบอาชีพทุกประเภทต องทุมเทลงทุนด  วยทรัพยและกําลังกาย ทั้งสติปญญาเพ ื่ อต  องการผลกําไร ตอบแทน แตถึงกระน ั้ นก็ดี ที่ได ผลตอบแทนจะมีสักก ี่เปอรเซ ็ นต บางคนก ็ ขาดทุนจนสิ้นเน ื้อประดาตัว กลุมใจจนผูกคอตายก็มีมิใชนอย ที่รอดตัวมาไดก็พอซังกะตาย หรือท่ว ีาดีก็มีไมพอไมอิ่มกันสักทีคนเรา ความอยากมนทั วมท นหาขอบเขตไมไดทานเปรียบความอยากเหมือนแมน้ํา ไหลไปทางต่ําไมมีหยุดเสีย ที พระพุทธเจ  ารูเร ื่ องนี้ดีกวาคนท ั้งหลายในโลก ทานจึงเปนจอมปราชญของโลก คือทานรูวา ความทยานอยากของคนในโลกนี้ไมพอสักทีจึงเป นเหตุให เกิดทุกข ไมวาอยากในสิ่งใดทั้ งหมด เม ื่อได สิ่งน ั้ นมาแล  วแตความอยากยังไมหยุดจึงต องเป นทุกข เม ื่ อจับต  นเหตุแหงทุกขได แล วไมตองไปมัว แสวงหาส ิ่ งอ ื่ นมาบําบัดทุกขใหเสียเวลา เข าไปหยุดความทยานอยากแล  วก็สิ้นเร ื่ อง


แตเป นการจําเปน มนุษยคนเราเกิดมาในโลกเป นหนี้บุญคุณของโลกอยู จึงจําเป นต องใช หน ี้ บุญคุณของโลก ดวยการทํามาหาเล ี้ ยงชีพโดยสุจริต อยาไปทําความช ั่ วช  าเติมใหเป นหน ี้โลกอีกเลย เด ี๋ ยว จะใชไมหมด ทํางานส ิ่งใดใหเปนไปโดยความระมัดระวังอยาใหพลาดปราศจากสติเราจาเปํ  นต  องกิน ตองใช ความผิดพลาดอาจจะเกิดข ึ้ นก็ดวยเหตุนี้ฉะน ั้ นจึงขอให ระมัดระวังเม ื่ อจะทําอะไรลงไป เม ื่อได อยางน ี้ แล  วจะมีแตความเจริญงอกงามไพบูลยสิ้นกาลนาน ๓. ผูถาม เราจะตอสูกับความโลภทางวัตถุได อยางไร ในการฝกอบรมเก ี่ ยวกับการภาวนาจึงจะเอาชนะได ทานอาจารย  ความโลภมันมิใชอยูที่วัตถุแตอยูที่ใจ คือ ความอยาก วัตถุมันจะมีมากสักเทาไร ก็แตความ อยากมันไมพอ มันก ็ไมพออยูดีนั่นเอง ทานใหพิจารณาเม ื่ อกายกบใจอย ั ูดวยกันคือไมตาย ตองหาไปกิน ไปใชไป เม ื่ อตายแล  วกายมันไมรูอะไรเลย สลายเปน ดิน น้ําลม ไฟ ไปหมด แตใจเป นผูรับภาระกรรม นั้นผูเดียว เม ื่ อดีก็รับภาระเป นสุข ทําช ั่ วก็รับภาระไปเป นทุกข ยังไมสิ้นภพส ิ้ นชาติอยูตราบใด ตอง เสวยอยางนี้ร่ําไป พิจารณาอยางน ี้ แลว ถึงไมพนทุกขก็คอยเบาบางลงบ  าง ๓.ผูถาม การหัดสติก็ยากเพราะเป นฆราวาส แลวว  ิธีที่จะหัดเบ ื้ องต  นคืออะไรครับ ทานอาจารย  ไมวาฆราวาสและนักบวชละ มันยากด  วยกันท ั้ งนั้น แตวานักบวชถ  าผูตั้งใจก็มีเวลาท ี่ จะทําได ดีกวาฆราวาสหนอย เรองสต ื่ ินี้เปนของจําเป นที่ทุกคนจะต  องทํา ไมวาจะยากหรืองายก็จําเป นต  องทํา เหมือนกับเรามีรถ มีเรือ เราใชไมไดขับไมเป นมันก ็ไมเปนประโยชนแกพวกเราซิเหมือนกันน ั่ นแหละ สติเรามีอยูแตเราไมคุมสติให อยูใตอํานาจของเรา สตินั้นก ็เหลวใชไมได แล  วแตสตินั้นพาเราไปทําชั่ว ทํา ผิด ทุจริตตางๆ เราก ็ไมรู เลยกลายเปนผ  ูมีสติฟนเฟอน ตองคมใหุ อยูในอํานาจของเรา เราทําดีทําชั่ว ทําผิด ทําถูก ทําอะไรทั้งหมดใหรูตัวอยูเป นนิจ เม ื่ อทําอยางน ี้ อยูเสมอจนเคยชินแล  วจะรูสึกตัววา เมื่อ ไมไดทําจะไมสบาย แสดงธรรมเทศนา


นาเห็นใจและนาเล ื่อมใสมากกับชาวพุทธเมืองเพิรธ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งได พากันจับเปน กอนเป นกลุมต ั้งเป นพุทธสมาคมขึ้น โดยที่ไมมีใครเป นหัวหน  าเลย นับวามีศรัทธาแรงกล  ามาก เป นของ หาได ยากยิ่ง เพราะแตกอนแตไรมา พุทธศาสนาไมเคยมีมาเลยในประเทศนี้ จึงเปนของแปลกมาก และเป นการพิสูจนขอเท ็ จจริงวา โลกนี้เจริญรุดหน าไปไกลดวยสมัยวิทยาศาสตร ซึ่งไมเคยมีสมัยใดๆ ในประวัติศาสตรจะเทียบเทาสมัยน ี้ แตถึงกระน ั้ นก ็ไมมีที่สิ้นสุด ไมทราบจะรุดหน าไปถึงไหน เม ื่ อพา กันมาพิจารณาถึงข  อน ี้ แล  วก ็ได เห ็ นข  อเท ็ จจริงวา เราจะหมุนตามโลกไปไมมีขอบเขตเชนน ี้ หาหลักในใจ ไมได จึงย  อนมายึดหลักพุทธศาสนาไวเป นที่พึ่งของใจ แทที่จริงความเจริญก  าวหน าของโลกถึงจะเจริญเทาไร ๆ ก็เพียงแตดานวัตถุวัตถุธาตุเป นรูปธรรม มีอันจะต องแปรปรวนไปเป นธรรมดา รูปธรรมถึงแม  จะเจริญสักเทาไรไมเห ็นคงทนถาวรไปไดสักอยาง เดียว แมพื้นแผนดินอันใหญหนาแนนท ี่ เราอาศัยอยูนี้จะต องสลายไปในวันหน ึ่ งข  างหนา “ความเจริญก ็ คือความเส ื่ อมน ั่ นเอง” เอาวัตถุสิ่งของจากท ี่โนนมาบํารุงที่นี่ เอาส ิ่ งท ี่ไมมีในที่นี้ไปบํารุงในที่โนน คน ที่โนนเห ็นของใหมไมเคยมีก็เรียกวาเจริญ ของท ี่โนนหมดส ิ้นไปก็ เรียกวาเส ื่ อม ผูคนเกิดข ึ้ นมามาก คนทํางานใชแรงไมทันกับเวลา จําเปนต  องหาเคร  ื่ องทุนแรงก ็ไมไดผูไมไดทําไมคิดถึงเร ื่ องนี้ก็หาวานํา ความเจริญมาให แกปวงมนุษย แท  จริงผูเขาคิดทํา เขาทําเพ ื่ อชวยทุนแรงเพ ื่อใหได ของมากๆ ตางหาก หาคิดเป นความเจริญก  าวหน าไม ผูมีปญญาท ั้ งหลายเชน พระพุทธเจ  าแลพระอริยสงฆ เป นตน ทานมองเห ็ นความเส ื่ อมวาเปน ความเส ื่อมตามความเป นจริง สิ่งท ั้งปวงหมดในโลกไมมีความเจริญมีแตความเส ื่ อมท ั้ งนั้น คนหลง ตางหากเห ็ นวาเจริญจนต  องพากันหมกมุนอยูในโลกตอไป ถึงแม ความเส ื่อมโดยลําดับก ็ ตาม แตทานผูมี ปญญาก็ยังต องใชความเสอมน ื่ ั้นใหเปนประโยชนในชั่ วระยะท ี่ใชได อยู เชน กายของเรานี้มีความแก โดยลําดับ เม ื่อใชไดยังไมแกชํารุดเกนประมาณจนใช ิ ไมไดตองใชไปใหทําแตความดีโดยปราศจากโทษ เพ ื่อประโยชนแกปวงชน อันเป นเหตุใหตนเองไดรับความเบิกบานสุขกายสุขใจ และคนอ ื่ นก ็ไมไดรับ ความเดือดร  อนอีกด  วย ความเจริญทางด านภายในใจ เป นส ิ่ งท ี่ คนท ั้งหลายปรารถนานัก แตความเห ็ นผิดใจผิดน ั้ นทํา ให คนลืมตัว แม  แตความสุขของใจก็ยังเรียกวาความสุขของกาย คนเราตัวใจไมมีเสียอยางเดียวแลว จะมี สมบัติลนฟ าก ็ไมมีประโยชนหาความสุขไมได ที่วาสุขกายน ั้นคนตายไมมีใจเสียอยางเดียวก ็ หาความสุข ไมได ทุกขก็ตรงกันข  ามเชนกัน ถาใจไมมีเสียแลว เชน คนตายแล วใครทําอะไรก็ไมรู ไฟเผาไหมทั้ง ตัวจนหมดก ็ไมมีเจ็บ นี่แหละความเจริญด  านจิตใจคือนามธรรม อบรมให เกิดปญญา เห ็ นรูปธรรมเปนของไมเท ี่ ยงมี อันจะต  องดับไปเป นธรรมดา เห ็นไมมีสาระ แมของโลกทั้งหมดก ็ เชนน ั้ นเหมือนกัน เพียงแตเกิดขึ้น มาแล  วทนอยูชั่วครูหน ึ่ งขณะหนึ่ง แล  วก็ดับไป เห ็นไมมีสาระอะไรทั้ งสิ้น จึงควรทําใหเจริญมากๆ แล วจะไดรับสุขนิรันดร


๑.ผูถาม การภาวนาใหกําหนดลมหายใจและกําหนดเมตตาไปด วย แรกๆ ก็จับลมหายใจสักครู ตอจากน ั้ นก ็ แผเมตตาให ครอบครัว แล  วแผเมตตาแกเพ ื่ อนมนุษยทั้งหลาย พอแผเมตตาเสร ็ จแล  วก็จับลม หายใจอีก ลมหายใจก็ เร ิ่ มละเอียดเข  าๆ รูสึกสงบมาก บางคราวรูสึกวาลมหายใจหายไป ไมรูสึกกายเลย พอถึงข ั้ นน ั้ นแล วไมทราบจะทําอยางไรตอไป เกิดความกลัว จับอะไรไมไดในขณะนั้น อยากจะเรียน ถามทานอาจารยวา ทําถึงขนาดน ั้ นแล  วจะต  องทําอยางไรตอไปจึงจะก  าวหนา ทานอาจารย  วิธีแผเมตตาเบ ื้ องต  นก็ถูกแลว แตอยาไปเอาลมมาปน เมตตาอยูเฉพาะเมตตา ถาไปนึกเอาลมมา ปนมันจะเขวไปเสีย เม ื่ อนึกเมตตาในครอบครัวจิตจะคอยสงบลงๆ จงนึกเมตตาแตอยางเดียว จนใจสงบ หายวาบเข าไปเป นเอกัคตารมณ ผูไมเคยเป นพอเกิดข ึ้ นจะเกิดความกลัว คือมันวางเลย ไมมีเคร ื่ องยึด เหน ี่ ยว จงอยากลัวยึดเอาความวางน ั้นเป นอารมณ ความวางจากกิเลสท ั้งปวงเป นของดีแลว นั่นเป นของ ดี เม ื่อใจไดที่พึ่งก ็ สงบหนักแนนย ิ่ งขึ้น นี้เป นวิธีพักผอนของใจดังอธิบายใหฟงแล  วเม ื่ อตะกี้นี้ ๑.ผูถาม เวลาภาวนากําหนดพุทโธ บางคราวก็กําหนดอาการ ๓๒ เม ื่ อกําหนดอาการ ๓๒ บางคร ั้ งอาการ หน ึ่งปรากฏขึ้ นมาชัดเลยแล  วก ็หายไป บางทีกําหนดพุทโธ อารมณพุทโธหายไปไมรูตัว ไมรูสึกตัวเลย พอต ื่ นข ึ้นมาใจก็จะไปจับพุทโธอีก อารมรณเป นพุทโธอีก ตอมารูสึกคล  ายนอนหลับไมทราบวาไปไหน เคยไดรับคําแนะนําวาใหรูสภาพของมัน แตไมเข าใจขอความเมตตาทานอาจารยโปรดอธิบายด  วยครับ ทานอาจารย  ภาวนาพุทโธบางคนก็ ชอบ ถูกนิสัยถูกใจ พอบริกรรมพุทโธ ๆใจรวมไดที่วามันหายไปนั้น เรียกวาใจมันรวมได มันจึงคอยวางพุทโธ เข  ากับหลักที่วาถาภาวนา ถึงแม  แตคําบริกรรมพุทโธก็หายไป เวลามาพิจารณาอาการ ๓๒ มันก ็วางได เหมือนกัน เป นการดีมาก ใชไดทั้งสองอยาง เม ื่ อมันหายไปนั้น คล  ายกับมันไมมีสติไมรูตัว เม ื่ อรูตัวข ึ้ นมาก็พิจารณาอยางเกา พิจารณาอยางน ั้ นอยูเร ื่อยไป ใหชํานาญ เสียกอนอยาพ ึ่ งแกมันเลย ตอเม ื่ อชํานาญแล  วจะแกมันเอง ๓. ผูถาม


เวลาน ี้ อายุ๓๒ ป สิ่งแวดล อมเปนแบบฝรั่ งท ั้ งนั้น เวลาเกิดก ็ เกิดในเมืองฝรั่ง ไมมีพุทธศาสนา สังคมของฝรงก ั่ ็มีการบังคับหลายเร ื่ องจึงทําใหพวกเราเปนโรค คือโรคแหงความโลภ ความโกรธ ความ หลง เด ี๋ ยวชอบอยางน ั้ นเด ี๋ ยวชอบอยางน ี้ นานๆเข  าก ็ อาจจะทําให เกิดโรคประสาท เด ี๋ ยวนี้ก็คอยรูสึกตัว วาใจเปนโรคแลว จะแก ไขกันได อยางไร ในเมื่ อส ิ่ งแวดล อมเป นเชนน ี้และเป นเวลานานมาแลว ทานอาจารย  สิ่งแวดล  อมของคนเราน ั้นไมวาสังคมไหน สังคมยุโรปก็ดี สังคมเอเชียก็ดีเหมือนกันทุกชาติทุก ภาษา ประเพณีคนละอยางกันจะหยาบละเอียดมากน  อยผิดกัน เทานั้น เพราะเหตุนี้พระพุทธเจ  าเห ็นโทษ ของส ิ่ งท ั้ งหลายเหลานั้น จึงปรารถนาที่จะให มนุษยชาวโลกพนเสียจากส ิ่ งแวดล  อม คือกองทุกข จึงได บําเพ ็ญพระโพธิญาณ คือ ปรารถนาเป นพระพุทธเจ  าจนกระท ั่ งตรัสรูเป นพระพุทธเจา แล  วจึงอุตสาห เทศนาส ั่งสอนให มนุษยชาวโลกรูจักโทษ เห ็นโทษแล วระงับ คือปลอยวาง ถึงจะเป นระยะช ั่ วครูหน ึ่ งก ็ ตาม คือรูจักวิธีทอดธุระปลอยวางไมตองเอามากมายหรอก เอาขณะเดียวครูเดียว ในขณะที่เห ็นโทษนั้น ทิ้งเสียเลยจะรักษาแตใจไมใหสงสาย ทําความสงบอยูแตเฉพาะตน นี้เป นวิธีแก โรคทางใจ ๓. ผูถาม เกิดตางประเทศและถือศาสนาคริสตมานาน ปจจุบันนี้ถือศาสนาพุทธเพราะเหตุวาศาสนาพุทธมี เหตุผลมากกวาศาสนาคริสตแตถึงอยางไรก็ ตามก็ยังคิดถึงศาสนาคริสตอยูดีเขาสอนวาวามีพระเจา เมื่อ เราไมนับถือพระเจ  าแล วเราจะไดรับผลไมดี เทียบศาสนาพุทธกับศาสนาคริสตแล  วทําใหคิดถึงพระเยซู พระเยซูเป นผูเจริญอาจยังไมเป นพระพุทธเจา เพราะยังมีโกรธอยู แตวาอยากทราบวาเร ื่ องศาสนาคริสต จะต  องมีอะไรไปยึดหรือเปลา หรือเราควรจะเปลี่ยนหมดเลยไมควรไปเกี่ ยวข  อง หรือวาบางส ิ่ งบางอยาง ในศาสนาคริสตเราควรจะถือเหมือนเดิม ทานอาจารย  ศาสนาคริสตที่ถือกันมานั้น โดยถือวาพระเจ าเป นผูอํานวยผลประโยชนทุกๆ อยาง ทุกๆ ประการ แตเราก็ยังไมเคยเห ็ นตัวของพระเจ าสักทีมีแตชื่อพระเจา พระเยซูเป นผูแทนพระเจา พระเจาส ั่ งพระเยซู อยางไรก็ไมทราบ คนอ ื่ นก ็ไมรูดวย รูแตพระเยซูกอนพระเยซูก็มีหลายคน ตนตอเหตุที่จะไดรับคํา สอนบัญญัติ๑๐ ประการก็คือ โมเสส แทที่จริงไมใชพระเจามาสอนโมเสส แตพระธรรมมาสอน ตางหากคือเขาไปทําความสงบอยางพวกเราทํากรรมฐานน ี้ แหละ เม ื่ อจิตมันสงบแล วเกิดความรูขึ้นมาถา หากเราน ั่งกรรมฐานเราอาจจะเปนไปได ไมมีใครมาสอนบัญญัติ๑๐ ประการแกโมเสส มันเกิดเองรูเอง


เพราะเขาถือพระเจาเลยวาพระเจ าสอนมา ในทางพุทธศาสนาพระพุทธเจ  าทานสอนวาธรรมะเป นเคร ื่ อง พร ่ํ าสอนคือสอนคนเราให ละช ั่ วทําดี สิ่งใดผิดส ิ่งใดถูกก ็สอนใหรูจัก ถาไมถือพระเจ าจะเปนบาปไหม ให มาภาวนาลองดูเสียกอน พอทําความสงบแล วอยาวาแตพระ เจ  าเลย แมแต  พระพุทธเจ  าท ี่ เรานับถือในพระพุทธศาสนาก ็ไมมีในที่นั้น ยังเหลือแตความสุขสงบอัน เดียวผูถือธรรมแทตองเป นอยางน ี้ ทานอาจารย  พาน ั่ งภาวนาพรอมท ั้ งอบรมธรรมดวย การภาวนาคือการอบรมใจใหพักไมใหคิดสงออกไปภายนอก คือหัดทําความสงบดังท ี่ได อธิบาย มาแลว มีการพักผอนการงานของใจ คือ การคิดนึกปรุงแตง แตวาการพักของใจที่จะใหพักงายๆ เปน การลําบาก เพราะเป นของเร็ว ใจมีอาการเร ็ วที่สุดยากที่เราจะจับได มันวิ่งไปหนาไปหลังจับไมทัน จะ บังคับเฉยๆ มันเป นการลําบาก เพราะฉะน ั้ นเราจึงหาจุดใดจุดหน ึ่งใหใจไปพัก เชนจะภาวนาพุทโธ ก็ให ใจไปกําหนดอยูที่พุทโธหรือเราจะพิจารณาลมหายใจ เขา-ออก ก็ใหไปรูสึกอยูที่ปลายจมูกลมหายใจ เขา-ออก เอาสติไปคุมจิตให อยูตรงนั้น เวลามันอยหรู ือไมอยูก็ใหรูมันหนีไปก็ดึงมันคืนมา ใหมันอยู ในจุดเดียว เราต  องหัดอยางน ี้ เม ื่ อเราหัดนานๆหนักเขา มันจะคอยๆ ออน คอยซาลง คือไมวิ่งเร็ว ชาเข  า จนกระท ั่ งเห ็ นจิตชัดในที่ เดียวแม  แตจุดท ี่ เราภาวนามีความรูสึกอยู เชน ลมหายใจ มันจะหายวับแล วไป สงบเป นอันหน ึ่ งของมันตางหาก ลักษณะอยางน ี้ เรียกวาถึงธรรม ถึงแมวาใครจะนับถือศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาครสติ ก็ตาม ถาหากถึงจุดนั้น เรียกวาถึงพระเจ  าด  วยกันท ั้ งนั้น เข  าถึงกันหมดทุก ศาสนา ผูที่จะรูหลักของศาสนาให มาหดตรงนั ั้ นกันเสียกอน จึงจะรูสึกด  วยตนเอง (นั่งนานประมาณ ๒๐ นาที) วันท ี่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๑๙ เวลาค่ํา แสดงธรรมเทศนา ศาสนาเป นของดีแตผูสอนเขาใจผิด สอนผิดๆ ถูกๆ เลยทําให คนเข าใจผิดไปตาม และทําให คน ไมอยากปฏิบัติตาม ดังได อธิบายแล วในมรรควิถีซึ่งเป นข อปฏิบัติอันไมเลวเลย ถาปฏิบัติถูกตามนั้น เพราะอ  างหลักคําสอนของพระพุทธเจา ชี้ให เห ็ นอยางงายๆ แล  วก ็ปฏิบัติไดทุกคนด  วย พุทธศาสนาเป นของดีมีเหตุผลเพียงพอควรแกปญญาชนจะพิสูจนได เหตุนั้นพุทธศาสนาจึงตั้ง มานานได๒๕๒๐ กวาปมาแลว แตเป นที่นาเสียดาย ผูสอนเขาใจผ  ิดเลยสอนผิด ๆ ถูก ๆ เชนสอน


กรรมฐานกลัวจะเป นบา คนท ี่ไมเข าใจก็ กลัวไมอยากปฏิบัติ แท  จริงพุทธศาสนาสอนคนบ าอยูแล วให กลับเป นคนดีคนท ี่ เลวๆ อยูนั้นกลับเปนปราชญขึ้นมาได เชนพระองคุลีมาลเท ี่ ยวอาละวาดผูคนตายไป ตั้งพันแลว ไมมีใครกลาไปปราบไดเลยพระพุทธเจ  ากล าปราบโดยปราศจากอาวุธใดๆ ทั้งส ิ้นให กลับเปน คนดีมาบวชในศาสนาของพระองคไดเป นตัวอยางพุทธศาสนาสอนคนบ าอยูแลว คือ บาในกามคุณหา บากิเลส จนลืมตัวหลงทําความช ั่ วตางๆนานา พวกเหลาน ี้ เห ็ นผิดเป นถูกบ  าท ั้ งนั้น พุทธศาสนาสอนให รูตัวมีสติระวังสังวรทําส ิ่ งท ี่เปนประโยชนอยาให เกดโทษ ิ มันจะเป นบ าได อยางไร วันน ี้ จะอธิบายหลักธรรมใหญๆ ของพุทธศาสนาสักสามขอไวเป นเคร ื่ องพิจารณาตอไป ขอ ๑ . ให ละความช ั่ วท ั้ งหมด ขอ ๒. ใหประกอบแตความดีที่เปนประโยชนแกตนและคนอื่น ขอ ๓ . ใหชําระใจของตนให บริสุทธิ์ผองแผว คําสอนของพระพุทธเจ  าท ั้ งหลายแม ในอดีต ในอนาคต ก็รวมลงมา ๓ ขอเทาน ี้ เม ื่อเราปฏิบัติให ถูกต  องตามน ี้ แลว ไดชื่อวาปฏิบัติตามคําสอนของพุทธเจ  าทุกๆ พระองคไมตองไปคอยใหพระศรีอาริยะ เมตไตร หรือองคไหนๆ มาเกิดแล  วจึงจะปฏิบัติตาม ธรรม ๓ ขอกลาวโดยปริยัติคือละช ั่ วด  วยกายวาจาและใจและประกอบความดีดวยกายวาจา ใจ มิใชละช ั่ วแลวอย  ูเฉย ๆ แล  วก ็ อยูอยางน ั้นไมได ไมทําอยางใดก็ อยางหนึ่ง หรืออาจทําช ั่ วอีกก ็ได ฉะนั้น จึงสอนใหทําใจให บริสุทธิ์ผุดผองเพ ื่อใจจะไดไมกลับมาทําช ั่ วอีกตอไป ถาโดยทางปฏิบัติแลว ตองทําใจให บริสุทธิ์ผองแผวปราศจากอกุศลบาปธรรมทั้ งหมดเสียกอนจึง จะละบาปทั้งปวงไดเพราะใจเป นผูสั่งงานให กาย วาจากระทํา ใจเป นผูงดเว นบาปทั้งปวงแลวกาย วาจา ก็งดเว  นด  วยกัน คนเราที่มีการเคล ื่อนไหว กาย วาจา อยูนี้เพราะใจจึงเคล ื่อนไหวไดถาใจไมมีเสียอยาง เดียว (คือคนตายแลว) กายวาจาอันนี้ก็เคล ื่อนไมได สนทนาธรรม ๓. ผูถาม ในสมัยนี้มีการทําร  ายผูคนและส ิ่ งของอยูมาก จะแก ไขได อยางไร หรือวาจะแก ไขโดยการปฏิบัติ ได อยางไร เชนในเมืองเพิรธมีการฆาสตวั ลักขโมย โดยใชปนยิงกัน อะไรตออะไรก็มีอยูมาก ที่อื่นใน ออสเตรเลียก็มีอยูมากเชนเดียวกัน จะแก ไขได อยางไร ทานอาจารย 


ก็เร ื่ องอยางน ี้ เอง เร ื่ องความเส ื่อมโทรมของศีลธรรมมีมากขึ้น ฉะน ั้ นจึงจําเป นต  องเอาพุทธ ศาสนามาใช เพ ื่ อระงับความเลวร ายโหดเหี้ ยมของมนุษย ยิ่งวิชาฝายโลกฝายวัตถุเจริญก  าวหน  าข ึ้ นเทาไร ศีลธรรมก็ยิ่งเสื่อมไป เพระฉะน ั้ นจึงพากันมาหวนระลึกถึงศีลธรรมเอามาปฏิบัติความเจริญก  าวหน  าของ โลกมิใชจะนําความสุขเจริญมาใหถายเดยวกี ็หาไมพร  อมกันน ั้ นก็นําความเดือดรอนมาให  อีก สวนพุทธ ศาสนาคําสอนของพระพุทธเจ  าน้นั ยิ่งเจริญเทาไรยิ่ งนําความสุขมาให โลกมันเจริญข ึ้ นดังที่วามาแลว เคร ื่องประหารกันนับไมถวน พอผิดอกผิดใจเกลียดโกรธกันก็ทําร  ายซ ึ่ งกันและกัน การทําร  ายซ ึ่ งกันและ กันย ิ่ งจะเพ ิ่ มทวีความเดือดร  อนข ึ้ นทุกที สวนหลักพระพุทธศาสนาให งดเว  นเบียดเบียนซ ึ่ งกันและกัน ทั้งหมดไมเลือกหนา ไมวาผูใหญแลเด็ก คนจนคนมี แม  แตถือศาสนาอ ื่นใดก็ ตาม เม ื่ อคนท ั้งโลกทํา ตามโดยนัยน ี้ แลว ลองคิดดูซิวาจะไดความสุขหรือไม ทานอาจารย  พาน ั่ งภาวนาพรอมกันอบรมธรรมนําดวย การภาวนาเปนการปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนาอยางรวบรัดคือไมตองมีการสมาทานศีลและ ไมตองสวดมนตไหว พระกอน เราน ั่ งภาวนาสํารวมใจใหใจสงบเลยทีเดียวการไหว พระก็ดี รักษาศีลก็ดี หมายความถึงการทําใจใหสงบน ั่ นเอง แตวาเม ื่ อเรายังไมทันทําภาวนาตามปรกติเราก ็ ควรจะมีพิธี คือ การไหว พระ การสมาทานศีลใหเป นลําดับไป วิธีภาวนาน ั้ นเรารวบรัดเข าไปเลย เม ื่ อภาวนาถึงแลว ศีล สมาธิ ปญญา มันรวมอยูในที่ เดียวและอยาไปถือวามันมารวมในที่ เดียวแล วจะไมตองทําอะไรทั้ งหมด อยางน ั้ นก ็ไมถูกเพราะศาสนาเหมือนกับต นไมมีทั้งเปลือก มีทั้งกระพ ี้ มีทั้งแกน เราจะไปเอาเลยทีเดียว ก็ไมไดมันจะต องถากเปลือกถากกระพี้มันจึงจะเข  าถึงแกน เหตุนั้นพิธีตางๆ จึงจําเป นต  องกระทํา เราทํา ปญญาให เกิดข ึ้นไมไดเราได แตเพียงแคสมาธิแลศีล แตเม ื่ อสมาธเรากิ ็ทําไมไดก็ขอใหได แตเพียงแคศีล ก็เอา หากปญญา แลสมาธิหรือศีลก ็ไมไดเสียแลว มันหมดหนทาง เป นคนวางจากศีลธรรม จะไดชื่อวา เป นพุทธมามกะไดอยางไร (นั่งภาวนาประมาณ ๒๐ นาที) วันท ี่๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๙เวลาบาย สนทนาธรรม ๑. ผูถาม


เวลาน ั่ งภาวนาแล  วงวงนอนเพราะน ั่ งทํางานตลอดวัน เลยต  องต ั้งใจดีๆ ในการทําภาวนา ถึงแม  ตา จะหลับจนได แตใจก็ จดจอกับพุทโธ จนรูสึกวาจิตวางไมมีอะไร ตอจากน ั้ นมีความรูสึกขนมาอย ึ้ างหนึ่ง คือมีความรูสึกเฉพาะของมันตางหาก ไมรูวาจะเปนอะไร กอนท ี่จะเป นมีความรูสึกคล  ายมอาการเคลี ื่ อน แรกๆ คิดวาเป นความคิด แตมันก ็ไมใชเป นความคิด เพราะคิดอะไรไมออก ตอมาใจประหวัดไปคิดถึง นองสาววากําลังทําอะไรอยู ก็ไดยินเสียงข ึ้ นมาทันที ดังน ั้ นจึงอยากจะกราบเรียนถามวา เวลาที่มี ความรูสึกวาจิตมันเคล ื่ อนแล  วคิดอะไรไมออกนั้น ควรจะพิจารณาอะไร ทานอาจารย  สภาพน ั้นใชไมได สภาพน ั้ นเรียกวาจิตจะเข  าถึงอัปนา จิตอันน ั้ นมีอาการ แตมันไมสามารถท ี่ จะ รับรูสิ่งอ ื่นได แสดงวาจิตน ั้ นมีอาการเฉพาะของมัน แตมันไมสามารถท ี่ จะสัมพันธเก ี่ ยวเน ื่ องกับเร ื่ อง ภายนอกได จิตอันนี้ยังเหลือแตจิตแท  ๆจิตอัปนาใชการไมได เราตอสูความงวงหรือตอสูความวุนวาย อะไรตางๆ ทุกอยาง เราหัดแบบน ี้ เพ ื่ อเอาชนะเร ื่ องท ั้ งหลายอุปสรรคทั้ งหลายเหลาน ั้ นเม ื่ อเราเอาชนะแลว เราก ็ไปพักเพ ื่ อความสุขสบายตอไป ถาไมเชนน ั้ นแลว เราก ็ไมหมดเร ื่ องทุกข นี่เรียกวาตอสูเพ ื่ อเอาชนะ ชนะแบบน ี้ไดขั้นน ั้ นเสียกอน แตวาชนะขั้นน ี้ แล  วยังไมใชชนะข ั้ นเด ็ ดขาด เป นชนะช ั่ วคร ั้ งช ั่ วคราว ที่จะ ให เด ็ ดขาดต  องออกมาตอสูกันในอุปจารสมาธิ พิจารณากันท ั้งภายนอกและภายในเห็ นอยูทุกอยางจึงจะ เด ็ ดขาด ๓. ผูถาม ศาสนาพุทธใหสอนตนเองเสียกอน อยากทราบวาคําสอนของพระพุทธเจ  าจะซึมซาบเข าไปใน ประเทศไทยไดอยางไร ในเมื่ อเราทํากบตั ัวเอง ทานอาจารย  เร ื่ องนี้ถึงศาสนาไหนก็ ตาม มันก็ตองสอนตนเองกอนเหมือนกันไมวาศาสนาใด ตนเองรูตนเอง เข าใจ จึงจะเผยแพรไปในที่อื่น ๆ ได แตวาศาสนาพุทธน ั้ นยังมีพิเศษอยูอยางหน ึ่ งกอนท ี่ จะสอนคนอ ื่ นนั้น ตนเองตองทําได แล  วจึงสอนคนอ ื่นใหทําตามตนเองเห ็ นความดีแล  วจึงสอนคนอ ื่นใหดีตาม ตนเองทํา บริสุทธ ิ์ได แล  วจึงสอนคนอ ื่นใหทําความบริสุทธ ิ์ ตาม หากคนอ ื่ นจะทําตามหรือไมทําตามตนเองก ็ไม เสียหาย หากคนอ ื่ นทําตามเขาก็ดีดวยเราก็ดีดวยเร ื่ องพุทธศาสนามีคติอยางน ี้ สอนอยางน ี้ ๓. ผูถาม


ความบริสุทธิ์นั้นหมายความวาอะไร ที่สอนวาต  องทําจิตใจให บริสุทธิ์นั้น การทําความบริสุทธ ิ์ คืออะไรจะต  องทําอยางไร ทานอาจารย  ความบริสุทธิ์นั้นหมายความวา สะอาด ขาว ดีไมมีราคีสวนวาต  องทําใจให บริสุทธิ์นั้น คือทําใจ ใหสะอาดปราศจากกิเลสท ั้ งหลาย มีโลภ โกรธ หลง เป นตน ๓. ผูถาม พุทธศาสนิกชนในโลกมีประมาณเทาใด ทานอาจารย  ไมทราบเหมือนกัน ๓. ผูถาม ศาสนาพุทธมีอยูในประเทศอะไรบ าง ทานอาจารย  ที่ทราบก็มี ประเทศไทย พมา ลังกา ลาว เวียดนาม เขมร ญี่ปุน จีน แตประเทศทั้ งหลายเหลานั้น ถือพุทธศาสนาก ็ อาจจะมีแตกตางกันไปบ างคือเครงครัดหยอนยานตางกัน ไมสม่ํา เสมอกัน ๓. ผูถาม ผมนับถือศาสนาคริสต มีความเข าใจวาใครกแล ็  วแตเม ื่อปฏิบัติศาสนาและเข าถึงศาสนาไดอยาง ลึกซ ึ้ งก ็ เข  าถึงศาสนาท ั้ งหมดจะเป นความคิดที่ถูกต  องหรือเปลา ทานอาจารย  ศาสนาทุกศาสนามีจุดหมายอันเดียวกัน คือต องการให คนละช ั่ วทําดีเหมือน ๆ กันหมดทุกศาสนา แตวิธีหรือลัทธิที่จะสอนให คนละช ั่ วทําดีนั้นมีวิธีตางๆ กัน แล  วแตหัวหน  าผูจะอบรมและส ั่ งสอน ถาหาก ถึงหลักคือละช ั่ วและทําดีได แลว  ถูกหมดทุกศาสนา ศาสนาคริสตมีคนนับถือมากในโลกมากกวาทุก ศาสนา เพราะศาสนามีอิทธิพลทางด  านเงินทองมากมาย คนเราถ  าหากวามีสิ่งใดสิ่ งหน ึ่ งซ ึ่งเป นเคร ื่ อง


อุดหนุนหรือสนับสนุน เชน ปจจัย ได แกเงินทอง คนก ็ชอบใจ นับถือกันไดงาย นอกจากน ั้ นอีกทาง ศาสนาคริสตใครจะทําดีทําชั่ว พระเจาเป นผูรับท ั้ งหมด เหตุนั้นคนท ั้ งหลายจึงชอบคือทําตามความชอบ ใจแลวให พระเจ  าชวยด  วย สวนทางศาสนาพุทธนั้น ทําดีไดดีดวยตนเอง ทําช ั่วไดชั่วด  วยตนเอง และก ็ให เห ็ นด วยใจของตน และมีอิสระในการกระทํา ไมตองอยูในบังคับบัญชาของใครผูที่ศึกษาไมเข าใจและไม รูถึงหลักของพระพุทธศาสนาแลวจึงถือศาสนาพุทธไมคอยม ั่ นคง ๓. ผูถาม ไมเห ็ นด  วยที่ทานอาจารยพูดถึงเร ื่ องศาสนาคริสต ไมใชวาเขาจะปลอยภาระตางๆ เป นของพระ เจา เราต  องรบภาระเองถั ึงความดีความชั่ว และเราจะต องปฏิบัติพระเจาจึงจะชวยเราไดถาหากเราไม รับผิดชอบในการกระทําของเรา พระเจาก ็ไมสามารถจะชวยได มติของเราเป นอยางนั้น ไมใชทุกส ิ่ งทุก อยางจะท ิ้งใหพระเจา ทานอาจารย  ถาอยางน ั้ นก ็ เข  ากับหลักพุทธศาสนา มันก็พึ่งตนเองดีๆ นั้นแหละ จะถือพุทธหรือถือครสติ ก็ เทากัน ๓. ผูถาม ศาสนาคริสตกับศาสนาพุทธตางกันตรงท ี่ ศาสนาคริสตลางบาปได และตนเองไมสามารถท ี่ จะ พึ่งตนเองได จะต  องพ ึ่ งพระเจ าในการลางบาป ทานอาจารย  ลางบาปแล วมันหมดหรือไมอยางเราไปฆาคนโทษถึงประหารชีวิต ให พระเจ  าชวยล างบาป โทษ มันจะหมดหรือ ๓. ผูถาม ลางบาปนี้โทษอาจจะหมดได เม ื่ อเราตงใจล ั้ างบาปจริงๆ และจะงดเว นไมทําบาปอีกตอไป แต บาปในการกระทํายังต องไดรับอยู ทานอาจารย 


ถาหากวาล างบาปเกาไมไดก็ลางบาปใหมคือไมทํามันก ็ เหมือนกับศาสานาพุทธละซีศาสนาพุทธ งดเว นจะไมทําบาปอีกตอไปมันก็อันเดียวกันน ั่ นเอง ดังน ั้ นจําเปนจะให พระเจ  าล  างทําไม ตัวเองล  างก ็ หมดอยูแลวจิตเราสกปรกเราก็ลางนะซีถาหากจิตเราไมสกปรกจะล างทําไม ๓. ผูถาม บาปที่สกปรกที่สุด คือบาปที่ถือวาตัวเปนใหญ เวลาทําช ั่ วกับคนอ ื่ นรูสึกตัววามันไมดีดวยเหตุที่ ถือตัววาเปนใหญจึงไมสามารถจะไปขออภัยกับเขาไดและไมยอมรับวาตนเป นคนผิด อยากทราบวาการ ถือตัวเปนใหญมันผิดเหมือนหลักของศาสนาพุทธหรือเปลา ทานอาจารย  ผิดเหมือนๆกัน พุทธศาสนายังสอนวา การถือวาตนเปนใหญกวาเขาตนเลวกวาเขา หรือตนเสมอ เขา ไมดีทั้งนั้น ๓. ผูถาม เพราะเหตุการณถือตัวจึงไมยอมรับวาตนเองทําไมดีไมรับผิดชอบและไมยอมขออภัยกับคนอ่นทื ี่ ตนทําผิด มันจึงเกิดเร ื่ องถาหากเราจะระงับเร ื่ องนี้ทางศาสนาพุทธมีวิธีแก ไขอยางไร ทานอาจารย  เร ื่ องทําช ั่ วทําผิดให แกคนอื่น นับต ั้ งแตบุคคลตลอดถึงหมูคณะและประเทศชาติถาหากเรารเรู ื่ อง วาเราทําด  วยกองกิเลสด วยทิฏฐิมานะก ็ ตาม เม ื่ อผิดแลวและเห  ็นโทษในความผิดน ั้ นๆ ในการที่ เราเห็น โทษนี่ แหละ หากวาเรายอมสละเพราะเห ็นโทษอันน ั้ นวาเปนของไมดี มันมีอยูในใจของตนแล วจึงจะ ไปยอมสละ คือไปขอโทษเขาได ถาหากเห ็นโทษแตไมยอมสละในการถือตัววาตัวดีเดน ตัวเกงกวาเขา โทษอันน ั้ นก ็ไมสามารถหายไดจึงไมมีหนทางท ี่ จะระงับได เหตุนั้นพุทธศาสนาจึงสอนให เห ็นโทษของ ตนแลวพยายามละโทษอันนั้น โทษอันน ั้ นจึงจะหาย ทานอุปมาเปรียบเหมือนดังกับพระจันทรเม ื่ อเมฆ หมอกปกคลุม แสงสวางก็มิดหายไป หากวาเรารูโทษแลว ไปขอขมาโทษ ก็เหมือนกับเมฆหมอกนั้น เล ื่อนไหลไปจากพระจันทรแสงสวางกแจ ็ มจ  าข ึ้ นมาตามเดิม ถาไมเชื่อก ็ ลองทาดํูโดยเฉพาะบุคคล เพ ื่ อน มิตรของเรา หากวาเราไดทําผิดแล  วทีหลังรูตัว ไปพูดความจริงขอโทษเขาแลว ก็กลับจะเป นความดียิ่ง กวาเกาเสียด  วยซ้ํา เพราะเห ็นใจซึ่ งกันและกัน บาปในทางพุทธศาสนาต องล  างด  วยวิธีนี้จึงจะเป นอันวา ลางแท  หากวาคนน ั้นเขาไมยอมรับหรือไมยอมให อภัย ก็หมายความวายังล างไมหมด ถาหากเขายอมรับ อภัยกลับดีกันไดนั้นแหละเรียกวาล างบาปอยางแท  จริง


๓. ผูถาม ได เคยผานมาแล วในชีวิตของดิฉันคือ บางทีอาจจะทําผิดกับผูอื่นท ี่ไมใชคนรูจักหรือไมไดเปน เพ ื่ อน พอรูสึกตัวแล วไปขออภัยกับคนนั้น เลยกลับเป นเพ ื่ อนสนิทกันทีหลัง ดังน ั้ นจึงเห ็ นวาทางน ี้ ทาง เดียวท ี่ จะทําใหประเทศชาติเจริญก  าวหน าสามัคคีกัน ทานอาจารย  ก็อยางนั้น นี่แหละวิธีลางบาป ศาสนาพุทธจึงครอบหมดเลย ไมตองให พระเจ  าล  างเราล  างด  วย ตนเองไมตองใชพระเจาอีกตอไป เราใช เราเองก ็ หมดเร ื่ อง ๓. ผูถาม ไปขออภัยเพราะเหตุวานับถือพระเยซูคิดถึงพระเยซูจึงเป นเหตุทําใหมีกําลังใจทําได ถาหากไม ระลึกถึงพระเยซูก็ไมสามารถท ี่ จะทําได เพราะฉะน ั้ นจึงจําเป นท ี่ เขาจะต องไปลางบาป ไปบอกกับพระ เยซูในสิ่ งท ี่ เขาทําผิด ถาหากไมไปลางบาปไมไปขออภัยกับพระเยซู ก็ไมสามารถท ี่จะไปขออภัยกับคน อื่นไดเลยเป นส ิ่ งจําเป นท ี่ จะต  องล างบาปและขออภัยกับพระเยซู ทานอาจารย  มันก ็ จะต  องมีเคร ื่ องยึดเป นธรรมดา เบ ื้ องต  นกอนท ี่ เราจะละช ั่ วทําดีไดทุกประการก็ตองระลึกถึง ผูที่ทําดีมาแล  วกอน เชนเราระลึกถึงพระเยซูไมให เราทําชั่ว เมอเราท ื่ ําช ั่ วก ็ ระลึกถึงพระเยซูผูที่เรานับถือ แตวาเม ื่ อเราละช ั่ วแลว ไมตองให พระเยซูรับรูเราก็รูดวยตนเอง เพราะของพรรคนี้มันอยูที่ใจ เรารูดวยใจ ของตนเอง ไปให พระเยซูรับรูดวยก็ดีเหมือนกันเพราะเรานับถือทาน แตวาตัวของเราเป นผูรูเสียกอน พระเยซูไมรับรูกับเราเลย เราเป นคนรูแลว เราเป นคนละ พระเยซูจะปกปกรักษาคนท ั้งโลกก็ แยอยูไมเปน สุขเลย พระเยซูก็ตองเดือดร อนเป นทุกขเหมือนกัน อยาให พระเยซูเดือดร อนเป นทุกขเลย เราละเอง เสียเลยจะดีกวา ๓. ผูถาม เราไดทําให พระเยซูเดือดรอนมากเป  นบาป ทานอาจารย 


ก็เดือดร  อนละซี บาปด วยซ ้ําไป ศาสนาพุทธพระพุทธเจ าสอนใหรูจักช ั่ วแล  วละเว  นด  วยตนเอง พระพุทธเจ าไมไดมาตามปกปกรักษาอยูตลอดเวลา นิพพานแล  วหมดเร ื่ อง พระพุทธเจ าสอนไมใหเปน ทาสและยอมเปนทาสใครถาหากเรารูสึกผิดถูกดีชั่วแลวงดเวนด  วยตนเอง นั่นแหละพระเจ  ามาตามรักษา ๓. ผูถาม ที่ทานอาจารยพูดวาถ  ารูสึกตัวตลอดเวลา เราพยายามแก ไขด วยตนเอง มันคล  ายๆ พระเยซูมาอยู ในตัวของเรา ตามความเขาใจของเราพระเยซูมาอยูในตัวของเราไมใชมันเป นเร ื่ องภายนอก ทานอาจารย  เออ มันต องเป นอยางน ั้ นคอยถูกหนอย ใหรูจักหลักศาสนา มันไมผิดแผกแตกตางกันเลย ศาสนาทุกศาสนาอันเดียวกัน คือ ละชั่ว ทําดีแตนี่มันยังไมทันถูกจึงงมงายใหพระเจาชวยอยูตลอดเวลา อะไรตางๆ ก็ใหพระเจาชวยท ั้ งนั้น เข าใจผิดกันอยางน ี้ ๓. ผูถาม เห ็ นด  วยทุกส ิ่ งทุกอยางที่ทานอาจารยอธบายมานิ ี้ ทานอาจารย  ที่จริงหลักอันเดียวกัน พูดใหมันเข  าหลักกันไดก็ใชไดถาถือทิฏฐิมานะวามึงวากูมันเลยไมลงกัน วาข  าถือครสติ ละ ขาถืออสลามละิ ขาถอพืุทธละ อะไรตางๆพูดถึงเน ื้ อแทขอเท ็ จจริงมันอันเดียวกัน ละชั่ว ทําดีดวยกันท ั้ งนั้น แตวาจะหยาบหรือละเอียด มันอีกเรื่องหนึ่งตางหากและวิธีสอนมันเป นเทคนิคของแต ละศาสนา ๓. ผูถาม เม ื่ อกอนที่ดิฉันจะนับถือศาสนาพุทธ ดิฉันคิดวาทุกคนไมดีไมยอมเข  ากับคนอื่น แตเพ ื่ อนคนน ี้ (ผูถามปญหาข  างบนน ี้ ) พยายามดึงดิฉันมา สอนดิฉันให ละชั่ว ทําดีเพราะเขาบอกวาเขานบถั ือพระเจา ดิฉันตอบวาดิฉันทําไมได เพราะดิฉันไมเช ื่ อเลย เขาบอกวาไมเปนไร อยาไปคิดวาเป นพระเจ  าคิดวาเปน กระหล ่ําปลีก็ได เขาพยายามช ี้ใหชําระตนเองด  วยวิธีนั่งเงียบๆ แล วฟงพระเจา อะไรที่ เราทําผิดมาแลว มันจะเกิดความรูขึ้นมาเอง แล วให เราละช ั่ วอันนั้น ตอมาเม ื่ อดิฉันสนใจศาสนาและเห็ นวาคนน ี้เป นคนดี เขาไมตองการอะไรจากดิฉัน แตอยากชวยดิฉัน


ทานอาจารย  คือวาเวลาน ั่ งเฉยๆ นั่น อยางเราน ั่ งภาวนาสมาธิบางคนอาจจะเกิดความรูอะไรขึ้นมา อยางท ี่ เลา ใหฟง เชน โมเสสไปนั่ งทําความสงบ ผูจะเป นมันก ็เปน มีสอนดีสอนช ั่ วเกิดข ึ้นมาในที่นั้น อยางเรานั่ง ภาวนาก็มีบางทีปรากฏเสียงครูบาอาจารยหรือคนท ี่ เรานับถือหรือปรากฏเสียงข ึ้ นมาเฉยๆ ก็มี มันหมู เดียวอันเดียวกันน ั่ นแหละ หลักอันเดียวกัน ในเมื่ อเขาเช ื่ อม ั่นในหลักคริสตของเขาแลว เขาเช ื่ อวาพระ เจ าของเขาตามปกปกรักษา พอจิตมันแนวลงไปมันก ็ปรากฏขึ้นมา ที่จริงคือธรรมะในทางพุทธศาสนา ตามพร ่ํ าสอนอันเดียวกันน ั้ นแหละเราถือธรรม นั่นเขาถือพระเจา ๓. ผูถาม ขอกราบเรียนถามทานอาจารยวา ที่ใหจับตัวใจใหไดไดทดสอบแลวโดยกลั้นหายใจลองดู ได ความวาไมมีอะไรอยูเฉยๆ คราวน ี้ เม ื่ ออยูเฉยๆ แล  วจะทําอยางไรตอไปจึงจะรูจักลักษณะใจของตน หรือ วาต องให อยูในสภาพของเฉยๆ ไมใหนึกคิดอะไรตอไป ทานอาจารย  ที่วาใหรูจักวาใจคือของกลาง มันไมไดนึกคิดอะไร มันมีความรูสึกของมันวาไมมีความนึกคิด เพียงแตรูวาไมมีความนึกคิดไมไดสงไปในที่อื่น อันน ี้ เพียงแตใหพิสูจนดู คือวาใหจับหลักที่วา “ใจ” ได เทานั้น แตมิได หมายความวาจะให อยูสภาพน ั้ นตอไป เพราะมันอยูไมได มันอยูไดในลักษณะท ี่ เรา กั้นลมหายใจเทานั้น เราทําอยางไรจึงจะใหมันเข  าถึงตรงน ั้ นมันต  องหัดหลายอยางตามความสามารถของ คน เม ื่ อจิตเปนเอกัคตารมณ และถึงเอกัคตาจิตแล  วก ็ จะเข  าถึงใจเปนกลางได ๒. ผูถาม ถาหากวาเข  าถึงสภาพอันนั้น ถาหากเรารูวาเราเป นผูรู ผูที่จะกําหนดผูรูถาแยกออกจากกันมันจะ ถูกหรือไม ทานอาจารย  แยกออกจากกันก็ถูก มันเปนแยบคายของแต  ละบุคคล บางคนก ็ไมแยก เราเป นผูรูผูกําหนดผูรู แล  วก ็ อยูเฉยๆ ก็ได ๒. ผูถาม ใหกําหนดลมหายใจอยูที่จุดๆ เดียวหรือครับ


ทานอาจารย  สติควบคุมใจให อยูที่จุดเดียวเวลามันจะอยูหรือจะหนีก็รูจักถาเม ื่ อเราจับได ตรงน ี้เวลาใจมันรวม ไดมันอยูในจุดเดียวไดมันมีพลังเต ็ มท ี่ แลว ตอไปมันอาจจะมีความรูอะไรแปลกๆ ขึ้นมา เปนเหต ุให เกิด มหัศจรรยการภาวนาจึงเป นของมีคามากท ี่ ตรงน ี้ ๓. ผูถาม ผูถือศาสนาคริสตเม ื่ อตะกี้นี้ ที่เขาทําสมาธิได เชนน ั้ นถ  าหากเขาทําไปเป นเวลานานๆ แล  วเกิด ความรูขึ้นมาจะถึงข ั้นปลอยวางเลยได หรือไมคะ ทานอาจารย  วางมันก ็ไมยอมวาง เพราะเขาถือพระเจา ๓. ผูถาม ถาหากเขาไดรูเห ็ นแจ  งชัดวาตัวของเขาเป นธาตุ๔ เปนไตรลักษณแลว เขาจะวางหรือไมคะ ทานอาจารย  ธาตุ๔ ก็เป นพระเจ าสร างขึ้น มันจะปลอยได อยางไร ๓. ผูถาม แล วไมมีโอกาสที่จะปลอยวางเป นอิสระได เลยหรือคะ ทานอาจารย  เอาละได แคนั้นก็ยังดีอยู ดีกวาไมไดอะไรเลย ๓. ผูถาม นึกถึงวาถ าหากเขาไมเปลยนความเช ี่ ื่อพระเจาแล วจะเป นอยางไรคะ ทานอาจารย  ถาหากเขาไมเปลี่ ยนทัศนคติหรืออุดมการณแลว มันก ็ไปไมรอดนาเสียดาย


เวลาค่ํา สนทนาธรรม ๒. ผูถาม การภาวนากับสมาธิตางกันอยางไร ทานอาจารย  อันเดียวกัน ภาวนาคือหัดทําความสงบ สมาธิก็หัดใหใจมันแนวแนอยูในอารมณเดียว มันก็อัน เดียวกันน ั่ นแหละ ๒. ผูถาม ผมไมเคยน ั่ งวิปสนามากอน เม ื่ อคืนน ี้ ผมลองน ั่ งดูภาวนาพุทโธ เสร ็ จแล วไมรูหายไปไหนก็ไม ทราบ เลยตกใจ ทานอาจารย  อยาไปตกใจสิอันน ั้ นแหละมันเข  าข ั้ นภาวนาแลว ตกใจมันก ็ หายนะซิ คอยสังเกตใหดีเวลาจิต มันเข าสมาธิ เวลาจิตออกจากสมาธิ ตองหัดใหชํานาญ เม ื่ อชํานาญ แล  วจิตก ็ จะอยูสบาย ๒. ผูถาม ขอกราบเรียนถามทานอาจารยวา เวลากาหนดลมหายใจแล ํ  วกําหนดพุทโธไปดวยจะดีหรือไม ที่ เคยทําน ั้นเวลาหายใจเข าวาพุทธเวลาหายใจออกวาโธอยางน ี้ ควรท ี่ จะต  องแยกกันเป นคนละเรื่องหรือไม ทานอาจารย  ได เหมือนกัน บางคนก ็ ชอบอยางนั้น เอาใหเป นจังหวะ พุทธ-เขาโธ-ออกได เหมือนกัน ๒. ผูถาม เม ื่ อคราวกอนผมน ั่ งภาวนา รูสึกจิตสงบจนหายหมด ตามท ี่เคยได กราบเรียนแลว ตอมาพยายาม ทําอีก แตไมสามารถจะได เหมือนเดิม จะเป นเพราะเหตุใด


ทานอาจารย  ตั้งใจมากไป เหมือนกับเราทําคร ั้ งแรกน ั้ นเราทําไปไมรูไมชี้อะไรทั้งหมด เวลาต ั้งใจจะทํามันเลย ไมเปน นี่ขอสําคัญอยูตรงน ี้ ผูหัดท ี่จะเป นงายเป นเร ็ วตรงน ี้ แล  วแตแยบคายอุบายของเรา อาตมาอธิบาย ถึงเร ื่ องแยบคาย แยบคายน ั้นเป นเร ื่ องสวนตัวท ี่ จะต องเอามาใช อุบายน ั้นไดฟงจากคนอ ื่ นพูด แยบคายเรา ใช เฉพาะของเรา มันพอดีกับเร ื่ องของเราจึงเรียกวาแยบคาย ถาหากเราทําอยางน ี้ แลว ใจมันแนวอยู ตลอดเวลา เรียกวามีแยบคายในตัว เราไดรับความสุขอยางน ี้ แลวเม  ื่ อมันทําอะไรมันคิดถึงความสุขเสมอ นั้นเรียกวาเรามีหลักใจ มีเคร ื่ องยึด นั่นหมายถึงชัดด วยใจตนเองในแยบคายนั้น ๑. ผูถาม ขอกราบเรียนถามวา เวลาภาวนาเกิดอาการแปลกๆ ภายในกาย อยางเชน เวลากําหนดภาวนามี การตึงบนแขน บางทีกายส ั่ นสะเทือนหมดทั้งตัวเลย แตรูสึกวาไมไดสั่นสะเทือนเพราะปติ ซึ่งทําใหไม สบายใจจากประสบการณเหลาน ี้ อาการเหลาน ี้ เกิดเพราะเหตุอันใด ทานอาจารย  มันเปนได บางคน พอหัดทําความเพียรใจสงบ มันคล  ายๆ กันกับวาเป นเร ื่ องบีบบังคับใจและกาย มันมีการหว ั่นไหวและมีการปวดเมื่ อยมึน หรือมีการสะเทือนอะไรหลายเรื่ องหลายอยาง ถาเราไปจดจอ มองอันน ั้ นก ็เป นเหตุให เรากลัวเสีย กลัวจะเปนอะไรตออะไรตางๆ ไป เลยภาวนาไมได ถาหากผูมีใจเด็ด เด ี่ ยวกล  าหาญ ตั้งใจตอสูนั้นเป นเร ื่องของกายเป นเร ื่องไมจีรังถาวร ยอมสละมันจะแตกมันจะดับมันจะ เป นอยางไรก็ชาง สําหรบตั อสูตรงน ั้ นแหละ ใจมันจะได แนวแนตอสูอารมณอันเดียว ถาเรากล  าหาญ สละไดจิตจะรวมลงเร ็ วที่สุดงายที่สุดจงอยาท  อถอยจะเห ็ นผลทันที ๑. ผูถาม ทานอาจารยหมายวาใหตั้งใจสนใจอยูกับส ิ่ งเดียวเร ื่ องเดียวใชหรือไม ทานอาจารย  ใชนั่นแหละเป นหลักสําคัญ เรียกวาเอกคตารมณั  ๓. ผูถาม


กระผมเคยไดยินมาไมทราบข  อเท ็ จจริง เขาบอกวาการน ั่ งวิปสนา หรือการทําสมาธินี่ถาทําไมถูก วิธีซึ่งกระผมก ็ไมทราบวาถูกวิธีนั้นเป นอยางไรเขาบอกวาอาจจะมีอันตรายได จริงหรือครับ ทานอาจารย  เป นจริงถ  าพิจารณาไมถูก เม ื่ อเราพิจารณาน ี้ถามันเกิดภาพเกิดนิมิตส ิ่ งนากลัวตกอกตกใจ จนใจ สั่นขวัญหาย ตั้งสติไมอยูเลยวิกลจริตไป แตถาเห ็ นวาน่มัีนไมมีอะไรเปนภาพของการภาวนา ภาพนิมิตน ี้ เกิดภายนอกจากใจ ใจแทไมมีอะไร แล  วอยาไปยึดเอาเป นอารมณ ใหยึดท ี่ใจผูไปเห็ นภาพนิมิตก ็ไมมี อะไร ๒. ผูถาม ที่ทานอาจารยวาสนใจอยางเดียวที่รางกายของเราน ี้ จะเป นช ิ้ นสวนใดสวนหน ึ่ งก ็ไดใชหรือไม ครับ ทานอาจารย  อยาให หนีจากตัวของเรา เชนเห ็ นอวัยวะช ิ้นใด เชน กระดูกสักทอนหนึ่ง ใหพิจารณาแนวใน กระดูกนั้น มันมีรูปรางอยางไร ลักษณะอยางไร มันต ั้ งอยูอยางไรมันมีประโยชนอยางไรในกระดูกน ั้ นๆ พอพิจารณาไปๆ จิตก ็รวมลงเป นหนึ่ง แล วปลอยวางเร ื่ องท ี่ เราพิจารณาอยูนั้นเสีย จะจับเอาความสงบนั้น เป นอารมณ ๒. ผูถาม ถากระผมคิดมากเกิดคิดหาคําตอบไมได จะให ผมทําอยางไร ทานอาจารย  ตองคิดถึงความตาย หยุดทันทีเพราะคนเรากลัวตายทุกคน ไมเช ื่ อลองดูคิดโนนคิดน ี่ อยูเวลาน ี้ เม ื่ อความตายมาคุกคาม เชน ระเบิดลงในที่นี้ ความคิดน ั้ นลืมหมดจะหายทันทีจะคิดแตเร ื่องปจจุบัน ๓. ผูถาม เพ ื่ อนผมบอกวาถาน ั่งไมเปน ไมมีอาจารยแล วอาจเป นบ าได ทานอาจารย 


พอจะดีนิดหนึ่ง มีคนมาพูดเข  าเลยกลัวคนเราที่มันบ  ากันน ั้นโลกกลัว ไมรูจักบา ความหลงสมมติ บัญญัติจนเกิดบ าโลภ บาโกรธ บาหลง ฆาฟนแทงซ ึ่ งกันและกันอยูนั้น มิใชบาหรือ ทําไมไมกลัว ภาวนา ใหรูจักจิตของตน คุมจิตของตนให อยูจะบ าอะไร คนไมรูจักบา เขาวาบ  าก ็เป นบ าไปตามเขา ๓. ผูถาม ขอกราบเรียนถามวา ถาเราทําความสะอาดท ั้ งสองอยาง คือเร ื่ องกายกับเร ื่องใจด วย ก็คงจะดีกวา ทําแตเร ื่องใจอยางเดียวเพราะถ  าเราทําแตใจสะอาดแตเร ื่ องอ ื่นไมยอมรักษาใหสะอาดก็ไมนาดู ทานอาจารย  มันต  องอยางนั้น จะทําความสะอาดแตใจไมไดในเมื่ อเรายังอาศยกายอยั ู พระพุทธเจ  าทานเป นผู สะอาดท ั้ งกายท ั้งใจ เข าในบริษัทใดเขาไมรังเกียจจึงเปนจอมศาสดาของโลกได ๓. ผูถาม ถาเราลดอาหารแล วสุขภาพของเราจะเส ื่ อม เพราะเทากับเราทําผิดกับตัวเอง คือทําใหไมมีกําลัง ซึ่งทําใหเราไมอาจชวยสังคมไดอีกด  วย ทานอาจารย  ไมเป นการทําผิดตัวของเรา การอดอาหารมิใชจะไมรับประทานเลย รับประทานพอประมาณทํา ใหสุขภาพดีเสียอีก รับประทานเปนเวลาไมรับประทานจุบจิบ การรับประทานมากไปทําใหน้ํายอย ยอย ไมทัน อาหารบูดท องเฟอ ที่วาชวยสังคมไมไดก็ไมจริง ชวยได แตชวยในสิ่งท ี่ พระทําได ไมนอกจากศีลธรรมของพระ เป นต  นวาชวยอบรมศีลธรรมให แกฆราวาส ทําตัวอยางที่ดีงามให แกฆราวาส เม ื่ อเขาเห  ็ นแล  วก ็ อดท ี่ จะ ทําตามไมไดเพราะกระดากใจตนเอง พระบิณฑบาตรก ็ เชนเดียวกัน มิใชเบียดเบียนคนอื่น แตเป นการสงเคราะหผูมีศรัทธาอยากทําบุญ ในเมื่อเขาไปวัดไมได เพราะยุงด  วยการงาน เขาไดทําบุญแล  วก ็สบายใจ ผูทําบุญน ั้ นมิใชเขาไมมีอะไร เขามีของอยูและเขาสามารถแบงของน ั้ นออกทําบุญไดโดยความสมัครใจ ๓. ผูถาม ผมยอมรับวาคิดไมลึกซ ึ้ งเทาที่ทานอาจารยอธิบาย


ทานอาจารย  ถาไมคิดมันก ็ไมลึกซ ึ้ งละซีพุทธศาสนาเป นของเกาแกพระสงฆสอนไวตั้ง ๒๕๐๐ ปแลว คํา สอนของพระองคยังใหมเอยมอย ี่ ูตลอดเวลาไมลาสมัย เป นแตคนทําตามไมได พระองคสอนวาส ิ่ งที่ชั่วก ็ ชั่วอยูตามเดิม สิ่งที่ดีก็อยูตามเดิม เชน สุรา พระองคสอนวาเป นส ิ่ งที่ตั้งแหงความประมาท รับประทาน เขาไปแลวทําความช ั่วไดทุกประการ ความดไมี มีเลยสักนิดเดียว ศีล ๕ ประการงดเว นแล วเป นคนดีได ตลอดกาล คนในโลกหากมีศีลห าประจําตัวทุกๆ คนแลวโลกนี้ก็นาอยูมิใชนอย ๓. ผูถาม เม ื่ อบวชแล  วจะชําระตนเองไดดีกวาตอนเป นฆราวาสหรือไมหรือวาไมตองบวชก ็ได ทานอาจารย  เร ื่ องนี้มันแล  วแตบุคคล ถาอยูในฆราวาสจิตใจกลาหาญยอมสละได จริงๆ การชําระจิตก ็เปนได เหมือนกัน แตโดยมากบวชนั้ นแหละดี ชําระจิตใจไดงายกวาเพราะไมกังวลด วยส ิ่ งตางๆ เหตุนั้น พระพุทธเจ  าก็ดีพระอรหันตทั้งหลายก็ดี ทานจึงบวช ๓. ผูถาม ขอกราบเรียนถามวา ผมควรจะไปเมืองไทยหรืออยูที่นี่ เพราะเม ื่ อกอนผมอยูที่เบอเวอรเดีย รูสึก สงบมาก ดีกวาที่มีคนมากๆ เพราะต  องมีการสังคมกัน ถาหากไปประเทศไทยอาจจะพบคนมาก ดวยเหตุ นี้อาจจะหาที่วิเวกที่นี่ไดดีกวาจึงไมแนใจวาจะตัดสินใจได อยางไร ทานอาจารย  ไปอยูไหนก็มีคนเหมือนกัน เมืองไทย เมืองฝรั่ง ก็มีคน เพราะเกิดในเมืองของคน กินข  าวกับคน คนเราเกิดมาในเมืองมนุษยตองพบมนุษยอยูร่ําไป พระพุทธเจ าสอนให อยูดวยความสงบวิเวกด วยใจ อยา ไปยึดเอาเร ื่ องของคนอ ื่นมาไวเป นอารมณของใจ แล  วก ็ จะวิเวกอยูคนเดียว ถาใจไมสงบแล วจะอยูในปา คนเดียว มันก ็ไมสงบอยูดีๆ นั้นเอง ๓. ผูถาม ผมคิดดูแลว เห ็ นวาควรจะไปชั่ วคราว เพราะเห ็ นด  วยอยางที่ทานอาจารยวา ดิน ฟา อากาศอะไรก็ ไมเหมือนกัน จึงอยากจะยอมตอสูดูชั่วคราว


ทานอาจารย  นั่นแหละมันดี เราไปศึกษาอบรมจากสํานักครูบาอาจารยหรือไปเปลี่ ยนสถานท ี่เป นบางคร ั้ งบาง คราว แล  วเราจับหลักคือวาเรามาพ ึ่ งตนเอง มาอาศัยตนเอง แล วไมประมาท ถาอยูใกลชิดครูบาอาจารย เกินไปประมาทขี้ เกียจเสียก็มี การบวชหรือไมบวชเอาท ิ้งไวเสียกอนอยาเพ ิ่ งพูดมัน มันแกแล  วมันบวช เอง ไมมีใครบอก ใครห ามก ็ไมฟง เหมือนกับต นไมลูกไมมันแกแล วใครจะไปหามไมให ออกลูกห  าม ไมให หลนมันก ็ หลนเอง เวลาค่ํา แสดงธรรมเทศนา ศาสดาของศาสนาน ั้ นๆ ยอมเล ็ งเห ็นประโยชนอันย ิ่งใหญในการตั้ งรากฐานหรือกฏกติกา ขอบังคับนั้น ๆ จึงวางเป นกฎเกณฑลงไว เพ ื่อจะใหประโยชนชาวโลกเพื่อจะไดปฏิบัติตามข  อบังคับนั้น เรียกวาพระวินัย ผูที่มีศรัทธายินยอมตนเข  ามานับถือแล  วต องปฏิบัติตาม ถาไมปฏิบัติตามไมได ตองรับ โทษหนักบ  างเบาบ างตามโทษานุโทษ สวนกฎกติกาเป นแตพูดเปนกลางๆ วาส ิ่ งน ั้นไมควรทําเม ื่ อทําลง แล วจะใหโทษอยางน ั้ นๆ มิไดปรับโทษลงไปอยางเด ็ ดขาดเรียกวาธรรม ทั้งกฏกติกาและข  อบังคับท ั้งสองประการนี้ตั้งไว เพ ื่อประโยชนแกชาวโลก ชาวโลกไมมีขอบังคับ ใดๆ เสียเลยก ็จะเป นสัตวปาไปด วยกันทั้งหมด เรามีศาสนา อันศาสนาน ั้ นๆ ตั้งข  อบังคับไวใหเราปฏิบัติ ตาม เพ ื่อใหเป นคนดีเดนกวาสัตวทั้งหลายจึงเป นพระคุณอันย ิ่งใหญควรท ี่ เราจะระลึกถึงพระคุณของทาน เป นอยางยิ่ง และควรต ั้งใจปฏิบัติตามกฎกติกาน ั้ นของทานใหไดจะไมได เต ็ มท ี่ สักข อสองข อก ็ จงรักษา ไวใหดีอยาใหเส ื่ อมสูญไป นานๆ เข  ามันหากจะได เอง ไดนอยแล  วรักษาไวใหดีดีกวาจะไมไดเสียเลย คนเราอยากได มากจึงจะเอาไดนอยไมพอใจแลว ของมากๆมันต  องมาจากของน  อยๆ อยากไดมากๆ เม ื่อไรมันจะไดสักที ของมากก ็ไมได ของเล ็ กน  อยก ็หายไป ทุกๆ ศาสนาสอนให คนทําดีดวย กาย วาจา แลใจ ถาคนไมมี กาย วาจา แลใจ แล วศาสนาจะไม ตั้งอยูเลย คนมี กาย วาจา แลใจ และทําความช ั่ วศาสนาจึงตามไปสอนให ละช ั่ วทําดี ศาสนามีคุณแก มนุษยผูเคารพนับถืออยางน ี้ ฉะน ั้ นพวกเราทุกๆคนที่นับถือศาสนาจงพากันเคารพแลบูชาเทิดทูนไวเปน แก วสารพัดนึก ประสงคสิ่งใดจงตั้งใจปฏิบัติตาม ก็สําเร ็จตามปรารถนาทุกประการ ทานอาจารย  พาน ั่ งภาวนาพรอมท ั้ งอบรมธรรมนําดวย ภาวนาคือการตอสู คือการผจญหรือฝกฝนตนใหไดมีชัยชนะตออารมณ คือตอสูกับความคิดท ี่ มันฟุงซานวุนวายไมสงบมานานแสนนาน เม ื่อเราไมฝกฝนเราไมตอสูจนเอาชนะใหมันสงบได เราก ็ จะ


เปนปาเถ ื่อนตลอดไป เหตุนั้นขณะท ี่ เราน ั่ งทําภาวนาจึงยอมสละทุก ๆ วิถีทางทุกด านในขณะที่ เรานั่ง แม  ที่สุดท ี่ เราเม ื่ อยเจ ็บปวดดวยประการตาง ๆ ก็ยอมทิ้ง ปลอยวางเสยกี อน มันเคยเจ ็ บมาแลว เคยปวดเคย เม ื่ อยมาแลว มันก ็ แคนั้นไมเห ็ นดิบเห ็ นดีอะไร มาคราวน ี้ เรายินยอมสละลองดู มันจะดีขึ้นกวาเกา หรือ มันจะเสมอเกา หรือมันจะเลวไปกวาเกา เปลี่ ยนความคิดความเห ็ นหรืออดมการณุนั้นลองดู แบบนี้จึงจะ เรียกวาหาวิธีอุบายเอาชนะมัน ถาปลอยตามใจของมันอยูร่ําไปก็ เรียกวาไมยอมผจญตอสูเอาชนะมัน เพราะฉะน ั้ นจึงทอดธุระต ั้ งสติกําหนดใจที่ปลายจมูกกําหนดเฉพาะลม จิตให จดจ  องอยูเฉพาะลม เอาสติ ควบคุมไว อยูตรงนั้น อยาไปรําพึงถึงเร ื่ องอ ื่ นท ั้ งหมด ใหมันอยในจ ู ุดเดียว จิตใจอยูหรือจิตใจไมอยูให เห ็ นชัดลงท ี่ ตรงนั้น นี่วิธีภาวนาต  องทําอยางน้ ีจับหลักอันน ี้ใหไดทําตอไป ไมได คร ั้ งน ี้ คร ั้ งหลังก็ตองทํา อีกหากมีโอกาสวันหลังก ็จะได เห ็ นของจริงขึ้นมา ๓. ผูถาม ขอกราบเรียนถามเร ื่ องศีล คําวาปาณาติปาตาแปลวาอะไร ทานอาจารย  คําวาปาณาติปาตาเวรมณี เป นศีลข อแรกของศีลหา หมายถึง งดเว  นจากทําชีวิตสัตวทุกประเภท ให ตาย ๓.ผูถาม พระจําเป นจะต  องฉันเจหรือไม ทานอาจารย  ไมจําเป นจะต  องกินเจ เพราะถ าเปนพระแลวย ิ่ งลําบากมาก ในเมอคนท ื่ ั้งหลายเขาไมกินเจ ไป ทางไหนจะตองเอาอาหารเจไปด วย เว  นแตพระน ั้นจะไมกินอาหารเลย พระพุทธเจ  าทรงอนุญาตให พระ ฉันอาหารอันบริสุทธ ิ์ ๓ ประการ คือ ไมไดให เขาฆาเพ ื่ อตน ๑ ไมไดยินเขาวาฆาเพ ื่ อตน ๑ ไมได รังเกียจวาเขาจะฆาเพ ื่ อตน ๑ เพราะคนท ั้ งหลายกินเน ื้อเป นอาหารอยูแลว พระพุทธองคจึงสอนใหภิกษุ ฉันเน ื้อโดยความบริสุทธ ิ์ ๓ ประการดังกลาวแลว มีคนถามปญหาอาตมาวา คนกินเน ื้ อท ี่ เขาฆาเหมือนกินกิเลส เพราะสัตวที่ถูกฆาน ั้ นกอนจะตาย จะต  องเกิดความโกรธ มีสารอันหน ึ่ งว ิ่ งซานไปทั่ วเน ื้ อของมัน คนกินเข าไปจะต องเกิดความโกรธ อาตมาตอบวา ขณะที่สัตวโกรธนั้ นเกิดสารอันหน ึ่ งซ ึ่งเป นพิษใหเขาโกรธ ถาสารน ั้ นอยูทั่วไปในเนื้อ ของสัตว เมอมน ืุ่ษยเอามาหุงต  มผานความร  อนแล  วก ็ยังไมสลายตัวไป เม ื่ อมนุษยถายเป นมูลเป นคูถออก


แล  วก็ยังเป นพิษอยู สารนนจะต ั้ องไปเป นผักเปนผลไมใบไม คนกินเจก็ตองโกรธเหมือนกัน ฉะน ั้ นกิน เจหรือไมกินเจความโกรธก็ตองมีเหมือนกัน ๓. ผูถาม ขอกราบเรียนถามวา เวลาของผมมีจํากัดเพราะเป นฆราวาส เม ื่ อมเวลาวี างก็หัดภาวนา ถาหากมี เวลาวางสักสองช ั่วโมงควรที่จะใช เวลาภาวนาท ั้ งหมดหรือวาควรจะศึกษาเก ี่ ยวกับศาสนาด วย ทานอาจารย  มีโอกาสเรียนบ างเป นการดี ที่เราเรียนน ั้ นก ็ หมายความวาเรียนอุบายเอาไปภาวนา ถ าไมมี การศึกษาหรือการฟงเสียเลยไมดี มีโอกาสวาง ๆ ควรแบงการภาวนาและการศึกษา เวลาภาวนามันทิ้ง ของมันเองหรอก ถาหากภาวนาเข  าถึงภาวนาจริง ๆ คือความสงบแลว การศึกษาจะไมกังวลด  วย ๓. ผูถาม ทานอาจารยอธิบายวาเอกัคตารมณเป นหลักฐานของความสงบ และเป นหลักฐานของวิปสนา เม ื่ อเขาถ  ึงเอกคตารมณั  เราเอามาใชในการพิจารณาวิปสนาได ฆราวาสจะสามารถทําได หรือไม ทานอาจารย  ฆราวาสก็ทําได ยิ่งฆราวาสกยิ่ ็ งดีเลย ฆราวาสมีภาระมากจึงควรทําให มาก ๆ เอกัคตารมณ คือ ทําจิตใหมีอารมณอันเดียว แนวแนอยูในนั้น จะพิจารณาส ิ่งใดเป นต  นวา ธาตุ – ขันธ – อายตนะ ก็แนว แนอยูในสิ่ งนั้น เม ื่อไมพิจารณาก ็ อยูในอารมณอยางเดียว เป นการพักผอนใจได อยางหนึ่ง แตถาเข  าถึง เอกัคตาจิต จนดับอารมณหมดยังเหลือแตจิตผูรูอยางเดียว รูเฉพาะตัวมันเองแลว นั้นเป นการพักได อยางดียิ่ง จิตต  องการพักผอนอยางเดียวกับกาย แตเม ื่ อผูใชจิต ( คือ หัวสมอง ) ทําการพักผอนไมเปน จิตจึงยุงจนกระท ั่ งเกิดโรคประสาทไป วันท ี่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๑๙ เวลาเชา สนทนาธรรม ๓. ผูถาม


มีลัทธิอยางหน ึ่ งท ี่ เขาวา จะถืออะไรก็ตามจะตองทําตามแบบตามธรรมเนียมของลัทธินั้น ๆ เขาพยายามฝกภาวนาเพ ื่อจะไดรับประสบการณจากพระเจา เขาหัดเป นหมูเป นคณะและต  องมีคนชวย ผู ที่ตั้งลัทธิขึ้นมาเขาจะเลือกใครก็ไดที่สามารถจะเป นผูชวยฝกไดคือเป นผูที่สามารถจะรับรัศมีหรือบันดาล ของพระเจ าได ทานอาจารย  วิธีหัดเขาทําอยางไร ๓. ผูถาม ไมมีวิธีฝก คือวาผูนั้นสามารถบันดาลให เราเข  าถงพระเจึ าได ถาหากเราขัดข  องข อไหนก็ เรียกร องใหพระเจาชวย พระเจ  าก ็ จะชวยแก ไขข อนั้น เราไมตองฝกหัดอะไร คืออยูรวมกันในที่ ประชุม ทําความสงบสกพั ักหนึ่ง หลังจากน ั้ นก็ยืนข ึ้ นพร  อมกัน บางคนก ็ ขยับกายไมได บางคนก ็ ไดยินเสียงไพเราะ มีหลายอยางเกิดข ึ้นได เน ื่ องจากพระเจ  าชวยแตละบุคคลไมเหมือนกัน เม ื่ อหัดบอย ๆ บางคร ั้ งก ็ สามารถท ี่ จะรับความคิดภายในใจคนอื่นได เขาบอกวาเคยมีคนเป นเชนน ี้ มันคล  าย ๆ กับคน วิกลจริต เขาสามารถรับรูวาจิตคนอ ื่ นอยูในสภาพไหน ทําให เขาติดนิสัยนั้น ทําใหเขาไดยินเสียงแปลก ๆ มันเกิดจากการบันดาลของพระเจา ถานิสัยของเราบกพรองตรงไหนเขาจะขอใหพระเจาชวย เชนเรา เปนคนโกรธก็ขอใหพระเจาชวยใหเราไมเปนคนโกรธ เรามีโรคภายในกาย พระเจาก ็ จะชวยเหลือเราได ทานอาจารย  มันก็ดีละซี พระเจาชวยไดทุกอยางเราก ็ไมตองลําบาก เราร องขอใหพระเจาชวยเลยเราไมตองทํา อะไร เพียงแตลําบากไปใชพระเจา พระเจาจะต  องลําบากละคราวน ี้ คนไปใชแตพระเจา พระเจ  าลําบาก แย พระเจาเลยกลายเปนบาปละคราวนี้ เราดีแล  วพระเจ  ายังไมดี เพราะพระเจ  ามัวแตหวงลูกศิษยอยูนี่ เราจะเอาดีแตเอาเปรียบพระเจา เราก็ตองการความสุข พระเจาก็ตองการความสุข ใคร ๆ ก็ไปยุงกับพระ เจา พระเจาก ็ เดือดร  อน เราจะเอาความสุขฝายเดียวก ็ แยละซี ๓. ผูถาม พระเจาอยูในที่ทุกหนทุกแหงและอยูในคนทุกคน แตเรายังไมรูวาเรามีพระเจ  าอยูในกายในใจ ของเรา ทานอาจารย 


เห ็ นพระเจ าในตัวของคุณน ั้ นเห ็ นอยางไรบ าง พระเจ  ามีลักษณะรูปรางอยางไร ๓. ผูถาม พระเยซูสงมาจากสวรรคคืออยูภายในใจของเรา ไมได อยูภายนอก เวลาท ี่ไดรับประสบการณ พระเจาข ึ้ นสวรรคก็ขึ้นอยูภายในใจของเรา ดิฉันมีความละอายใจเพราะวา เจตนาท ี่ มามิใชจะมาสอน ลัทธิอื่น แตตั้งใจจะมาศึกษากับทานอาจารย ทานอาจารย  ก็ดีแล  วน ี่ ที่คุณมานี่ก็มีโอกาสไดรูเร ื่ องของพระเจ  าด  วยกัน ในพทธศาสนาุ พระเจาก็คือให เห็น ตนเอง มันก ็ เข  ากันได แลว ถูกกันแลว แตในทางพระพุทธศาสนาใหชวยตนเอง ตนเห ็ นดีแล  วก็รักษา ความดีนั้นไว ปฏิบัติดีนั้นไว ถาเห ็ นตนช ั่ วแล  วต  องละช ั่ วด  วยตนเอง นี่แหละพระเจาในทางพุทธศาสนา เป นอยางน ี้ ก็เข  ากันได แล  วน ี่ ไมตองละอาย พูดความจริงเป นของจริงเสียด  วย ๓. ผูถาม ที่ทานอาจารยพูดมาท ั้ งหมดขอยอมรับ ขอกราบเรียนถามวาพุทธศาสนาถือผูชายเปนใหญนั้น เป นเพราะเหตุใด ทานอาจารย  ผูหญิงผูชายน ั้ นทานไมถือใครเปนใหญเป นน  อย ทานถือธรรมเปนใหญ คนใดปฏิบัติธรรม คน นั้นมีคุณธรรมสูง แตสวนเพศน ั้ นทานไวอีกสวนหน ึ่ งตางหาก เพศน ั้ นแบงไว ตามฐานะช ั้ นของเพศ ผูหญิงจะมาเปนผูชายไมได ผูชายจะมาเปนผูหญิงไมได เหตุนั้นฐานะของผูหญิงเป นเชนไรก็เปนไปตาม ผูหญิง ผูชายก ็เปนไปตามภาวะของผูชาย แตเพศหญิงนุมนวลกวาผูชาย จึงต  องมีกิริยาอยางน ั้นเปน สภาพของผูหญิง ๓. ผูถาม ถาเราถึงพระเจา เรารูกับพระเจา ถึงตรงน ั้ นการถือมันหายไปหมด ทานอาจารย  ก็ใชละซี ก็ถูกละซี


๓. ผูถาม ในลัทธิของเราก็มีพระ ในศาสนาพุทธ คริสตอิสลาม หรือศาสนาอะไรก็ตามไมสําคัญ ขอให ถึงพระเจา คือความวางไมมีอะไร ทานอาจารย  ศาสนามันเข  าถึงกันไดหมด มันอันเดียวกันน ั่ นแหละ แตคําพูดเทาน ั้ นที่มันผิดกัน แท  จริงธรรม คือของกลาง ถาหากเราเหนว ็ าพระเจ าเป นของกลาง มันวางอยูไมมีอะไร ยังอีกท ี่ ละเอียดกวานั้น ตองรู ดวยตนเอง ที่เขาถือกันน ั้ นถือของกลางถือของวาง ในพุทธศาสนาใหรูเทาแลวไม  ยึดถือ รูเทาแล วไมไป ถือเอาอันน ั้นมาเปนตนเป นตัว ใหวางได แตของคุณไมวาง มันผิดกันตรงน ี้ คือวาทางพุทธศาสนาของ เราเห ็ นส ิ่ งท ั้งหลายเป นของกลาง และไมไปยึดของกลาง ทั้งที่รูของกลาง และรูผูที่ไปรูของกลางอีก เป นสองสวนแลววางท ั้ งสองอยางด  วย ไมเข าไปยึดส ิ่ งน ั้ นส ิ่ งน้ ีมันจึงจะหมดเร ื่ องกัน ถาไปยึดของกลาง อยู ก็ยังมีผูไปยึด ยังไมรูจักผูที่ไปยึดของกลาง มันก็ยังไปยึดอยูนั่นเอง ตองใหรูจักผูไปยึดของกลางอีก ดวย เวลาบาย สนทนาธรรมกับสวามีฮินดู ( เปนพระแบบธิเบต ) ทานอาจารย  พวกของสวามีที่ตั้งสํานักอยูที่เกาะแหงหน ึ่ งของอินโดนีเซียมีมากหรือ สวามี ยังมีสวามีอีกองคหน ึ่ งอยูที่นั้น ทานอาจารย  อยูที่เกาะอินโดนีเซียนานหรือ สวามี อยูที่นั่นเป นเวลา ๓๗ ปแลว


ทานอาจารย  เป นสวามีมานานแล  วหรือ สวามี บวชมา ๕๒ ปแลว ขณะน ี้ อายุ ๗๖ ป เป นชาวอินเดียและบวชในประเทศอินเดีย ทานอาจารย  ตอนนี้ทานมีสํานักอยูที่นี่หรือวามาเท ี่ ยว สวามี มาเท ี่ ยวเพียง ๑ อาทิตย จะไปอยูเมลเบิรนอีก ๑ อาทิตยและอยูที่ซิดนียอีก ๑ อาทิตย ทานอาจารย  มีคนพอใจศึกษาลัทธิของทานมากไหม สวามี มีบาง ที่สํานักงานของผมเวลามีการประชุม มีการไหวพระสวดมนตแล  วมีการน ั่ งภาวนา สวามี ที่อยูดวยกันทําวัตรไหว พระทุก ๆ วัน ทานอาจารยเคยไปประเทศอินเดียหรือยัง ทานอาจารย  เขานิมนตอยูเหมือนกัน ตั้ง ๒ – ๓ ครั้ง แตไมไดไป ไมรูภาษา ไปไหนมาไหนลําบาก สวามี ผมเคยไปเมองธื ิเบต และเคยไปวัดศาสนาพุทธแบบมหายาน และไดสนทนากับพระมหายาน ทานอาจารย  เคยไปนานแลวหรือ สวามี


เกือบ ๔๐ ปมาแลว เคยไปที่ประสูติของพระพุทธเจา และท ี่ ตรัสรู และเคยไปประเทศศรีลังกา อีกด  วย อีก ๒ วันจะไปจากที่นี่ไปเมลเบิรน ทานอาจารย  อีก ๒ วันเราก ็จะไปในอยูปาท ี่ เวเวอรเดีย สวามี ขอกราบเรียนเร ื่องการปฏิบัติ พวกเราถือวารามกฤษณาเป นผูบัญญัติลัทธิ รามกฤษณาเคยนับถือ พุทธศาสนาเหมือนกัน แตวาลัทธิของเรา เราถอวืาจะน ับถือลัทธิอะไรก็ได ขอสําคัญคือวาเวลาถือ ศาสนาก ็ขอใหถือจริง ๆ จัง ๆ ปฏิบัติจริง ๆ จัง ๆ ศาสนาไหนก็ได ก็ลงที่จุดเดียวน ั้ นเอง คือเอกคตาั รมณ ถาหากเราปฏิบัติเพ ื่ อความบริสุทธ ิ์ เราก ็ จะต  องลงจุด ๆ เดียว ศาสนาคริสต ศาสนาพุทธ หรือ ศาสนาอะไรก็ได ทานอาจารย  มันก ็ใชละซีอยางท ี่ เราพูดกันมาแลว ไมผิดอะไรกันเลย สวามี ศิริรามกฤษณาที่ตั้งลัทธิขึ้นมา เคยน ั่ งภาวนาเห ็ นนิมิตพระพุทธเจ  าเห ็นเป นภาพแล  วลูกศิษยของ ทานก ็ เคยเห ็ นนิมิตด  วย ทานอาจารย  เวลาที่นั่งกอนจะเห ็นเขาใชวิธีนั่งแบบใด สวามี การปฏิบัติของพวกเราแตละบุคคลมันไมเหมือนกัน ฉะน ั้ นครูบาอาจารยของเราสอนวิธีปฏิบัติ ตางกัน เพราะคนมีนิสัยตาง ๆ กัน ดังน ั้ นจึงมีวิธีสอนไมเหมือนกัน เชนบางคนที่สักการะบูชา พระพุทธเจ  าก ็ จะภาวนาเห ็ นพระพุทธเจ  าเลย หรือภาวนาเห ็ นพระเจ  าตาง ๆ อันน ั้ นก็มีบาง ที่ผมปฏิบัติ เข าใจวาพระเจ  ามีสองสวน สวนหน ึ่งปรากฏให เราเห็น อีกสวนหน ึ่งไมปรากฏใหเราเห็น เราจะตอง พยายามละภาพท ี่ปรากฏให เราเห ็ นจนเข  าท ี่ ไมปรากฏภาพให เราเห็น คือความวางเปล  า


ทานอาจารย  ดี ดีมาก เข  าแนวเหมือนกัน สวามี แตละบุคคลมันไมเหมือนกัน พวกครูบาอาจารยจะใหสวดมนตตาง ๆ กันเชน นึกถึงคุณของ พระพุทธเจา หรือนึกถึงคุณของรามกฤษณาผูตั้งลัทธิ หรือคิดถึงคณของพระเจุ าตาง ๆ อยางน ั้ นก็มี ทานอาจารย  กอนท ี่ จะเห ็ นพระเจ  าจะต  องลงอันเดียวกันกอนคือจิตจะต  องลงเอกัคตารมณ ใครก็ จะต  องลงจุด เดียวกันกอน กอนท ี่ จะเห ็ นภาพนิมิตอะไร สวามี การต ั้ งจิตให แนวแนนั้นเป นส ิ่ งสําคัญ อันน ั้นเปนหนทางหรือเปนแนวทางปฏิบัติที่ทุกคนต  องทํา ตามใหได ทานอาจารย  ใช ตองอยางนั้น สวามี ตั้งใจจะตั้ งสมาคมแบบกฤษณาที่นี่ ( เพิรธ ) จะต ั้ งแบบที่นี้ คือ สมาคมแบบศาสนาพุทธแหง เมืองเพิรธ แตยังไมมีสํานักท ี่จะใหพวกสวามีไปอยู แตก็พยายามจะต ั้ งขึ้นมาใหได เม ื่ อต ั้งได แล  วก ็ จะ พยายามนําคนใหปฏิบัติอยางที่พูดมา เม ื่ อมีสมาคมที่นี่จะมีสวามีตาง ๆ มาชวยในการเผยแพรที่นี่ สวนท ี่ พระเจ าไมปรากฏให เห ็ นทุก ๆ คนยอมรับวามี เป นสวนท ี่ไมปรากฏให เห็น มีอีกสวน หน ึ่ งท ี่ปรากฏให เห็น คือปรากฏเป นตัวเป นตนแล วมาสั่งสอนเราเพราะพระเจาเป นส ิ่ งท ี่ ทรงมหาอํานาจ สามารถท ี่ จะทําอะไร ๆ ไดทุกส ิ่ งทุกอยาง อยากจะทําก็ทํา ดวยเหตุที่ไมมีตัวตน เวลาจะสอนเราจึงต  อง มาปรากฏเป นตัวเป นตนมาสอนเรา แทที่จริงพระเจ าเป นส ิ่ งท ี่ไมมีตัวตน โดยที่ คนทั่ว ๆ ไปคิดวาพระ เจ  ามีตัวตน เวลามาปฏิบัติก็จะปรากฏแตสวนท ี่สามารถจะปรากฏได และสวนน ั้ นจะสอนเร ื่ องท ี่ไม สามารถท ี่จะปรากฏให เราเห็น ทานอาจารย 


ก็ทํานองเดียวกันกับนิมิตท ี่ พวกเราถือ บางคนถือเอานิมิตวาเป นพระพุทธเจ  าจริง ๆ พระพุทธเจา ทานดับขันธปรินิพพานไปแลว จะมีอะไรเหลือ เหมือนกันกับประทีปอันส ิ้นไส และน ้ํ ามันยอมดับไป ฉะนั้น นั่นเป นภาพนิมิตภาวนาตางหาก สวามี พระพุทธเจ าเป นสวนหน ึ่ งของพระเจ  าท ี่อวตาลลงมาในโลก สอนพวกเวไนยสัตว พระเจา สามารถจะอวตาลเป นรูปตาง ๆ ก็ได ดังน ั้นอาจจะอวตาลเปนองคอื่นก ็ได เขาบอกวาถ  าเราจะเพง พระพุทธรูป เราก ็ เห ็นเป นภาพข ึ้นมาเป นพระพุทธรูป เม ื่อใจแนวแนมั่นคงเป นสมาธิ ภาพอันน ั้ นมันจะ แปรสภาพไป จะเกิดสวางไสว แล  วจะเกิดเปนภาพใหมขึ้นมาเป นภาพของพระเจา ทานอาจารย  เปนปฏิภาคนิมิต หรือถ  าจิตยังไมถึงเอกัคตารมณก็เปนการปรุงแตงเอา สวามี เวลาเกิดสวางไสว คล  ายพระเจ ามาปรากฏให เราเห ็ นจริง ๆ ในภาพนิมิตนั้น ทานอาจารย  ภาพตาง ๆ ที่ปรากฏนั้ นทานถือเป นพระเจา สวนเราเรียกวาภาพนิมิตในภาวนา ดังน ั้นยกใหเปน พระเจาของทานก ็ แล  วกัน สวามี เม ื่ อเวลาเห ็ นภาพสวางไสว เม ื่ อเราเพงใจเราแนวมาก ภาพอันน ั้ นก ็หายไปหมด แล วสวนท ี่เปน พระเจาปรากฏให เราเห ็ นน ั้ นมันจะเข าสภาพไมปรากฏให เราเห ็นในแนวปฏิบัติเวลาเห ็ นภาพพระเจ  าองค ใดก็ได เม ื่อภาพหายไปเปรียบเทียบเหมือนกับมหาสมุทร เวลาลมพัดจะมีคล ื่นใหญๆ ปรากฏขึ้ นมา เม ื่อลมหายไปคลื่ นก ็เป นมหาสมุทรอีก ที่จริงคล ื่ นกับมหาสมุทรมันก็อันเดียวกัน เวลาเราเห็นภาพ เปรียบเสมือนเราเห ็ นคล ื่ นขึ้นมา เมอภาพไม ื่ ปรากฏก็เปรียบเหมือนมหาสมุทร ทานอาจารย  ขอบใจมากที่เราไดมาศึกษาด  วย แตกอนไมเคยศึกษา อยากจะรูอยากจะศึกษาเหมือนกัน เมอได ื่  รูไดศึกษาแล วขอขอบใจมาก


สวามี ศาสนาพุทธกับลัทธิของเราไมผิดกัน แตพระพุทธเจ าไมพูดถึงพระเจา ทานพูดถึงทําจิตใจให บริสุทธ ิ์ แตลัทธิของเราพูดถึงพระเจา ทานอาจารย  ที่ทานมาวันนี้คุมคาไมเสยผลี เทากับมาเผยแพรลัทธิฮินดู สิ่งท ี่เราไมเคยรูก็ไดรูขอขอบใจมาก ผูอื่นถาม ที่ทานวาคล ื่ นมันหายไปนั้น เป นสวนของพระเจ  าท ี่ไมเห ็นใชไหม  สวามี ใช ถูกแลว ผูอื่นถาม เม ื่ อทําถึงตรงน ี้ แลว แสดงวาหมดส ิ้ นหรือจบแลวใชไหม สวามี เวลาใจของเรามารวมกับมหาสมุทรอันนั้น แสดงวาหมดเร ื่องเป นอันชําระหมดแลว ทานอาจารย  สนทนาธรรมกับศาสตราจารย  ชาวศรีลังกา (ศาสตราจารย  ทางจิตวิทยา) ๓. ศาสตราจารย  ขอกราบเรียนถามวา กอนที่เราจะฝกหัดภาวนานั้น เราควรจะมีความรูความเขาใจเส  ียกอนจึงจะ หัดไดใชหรือไม ทางสหรัฐอเมริกามีลัทธิสอนภาวนามากมาย แตวาบางลัทธิทําเสียหาย เพราะฉะนั้น เขาบอกวากอนท ี่ จะอบรมภาวนา ควรท ี่ จะศึกษาควรท ี่ จะมีความรูกอน มีความรูแล  วจึงหัดภาวนาทีหลัง คือวาความรูเป นส ิ่ งสําคัญ เวลาเราไมมีความรูแล วเราจะไมเข าใจอะไรสักอยาง ทานอาจารย 


Click to View FlipBook Version