The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลวงปู่เทสก์ ปุจฉา-วิสัชนาในต่างประเทศ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2023-10-27 23:08:35

หลวงปู่เทสก์ ปุจฉา-วิสัชนาในต่างประเทศ

หลวงปู่เทสก์ ปุจฉา-วิสัชนาในต่างประเทศ

Keywords: หลวงปู่เทสก์ ปุจฉา-วิสัชนาในต่างประเทศ

๓. ผูถาม ในประเทศตะวันตก ทุกขชั่วคราวก็มีอยูทุกอยางแตชาวตะวันตกมองไมเห ็ นทุกขสักคน คือเห ็ นทุกขอยูแตคิดวาเคร ื่องภายนอกอาจจะป องกันทุกขได เขาไมยอมดูทางธรรม พอจะอธิบายให เขา ทราบไดงาย ๆ หรือไมวาทุกขมีอยูจริง และการท ี่ จะแก ไขด วยวัตถุภายนอกน ั้นไมได ผล ทานอาจารย  อธิบายไดวาทุกขมีอยูจริง คนในโลกนี้ เกิดมาตางก ็ พยายามแกทุกขด วยวิธีตาง ๆ ยิ่งคน ในปจจุบันย ิ่ งหาวิธีแกทุกขทันสมัยที่สุด สร างเครองยนต ื่ กลไกตาง ๆ ขึ้นมาไมตองออกแรงกายก็สําเร็จ ได แตถึงขนาดนั้นมนุษยก็ตองแก ตองเจ็บ ตองตาย อยู จึงเรียกวาแกทุกขไมไดสักคนเดียว ถึง พระพุทธเจ  าและพระอริยสงฆสาวกของพระพุทธเจ  าก็ดับสูญส ิ้ นขันธไปเชนน ั้ นเหมือนกัน แตทานทําใจ ไมให เป นทุกข อยูเหนือทกขุ เลยไมเป นทุกข คนชาวตะวันตกและใคร ๆ ก็ตาม ที่เห ็ นวาเป นสุขน ั้ นเพราะทุกขเปลี่ ยนสภาพอยูเสมอ ๆ เชน ทุกขในการนั่ งนาน ๆ แล  วก ็เปลี่ ยนอิริยาบถเดิน ทุกขในการนั่ งก ็หายไป เด ี๋ยวไปเป นทุกขในการเดิน เดินนาน ๆ เข  าก ็เป นทุกข ก็เปลี่ ยนอิริยาบถเป นการนอน นอนนาน ๆ เข าเปนท ุกขก็เปลี่ ยนอิริยาบถใน การนอนมายืน ในการเปลี่ ยนอิริยาบถนี้ทําใหลืมทุกข แทที่จริงการเปลี่ ยนอิริยาบถน ั้ นแลคือ ความทุกข ๓. ผูถาม ผมมีทุกขอยูบางแตไมเป นอุปสรรคให เลิกทํากรรมฐาน เคยบวชอยูที่ประเทศศรีลังกา และเคยน ั่ งกรรมฐานวันละ ๒๐ ชั่วโมง ตลอดเวลา ๑ เดือน ตอนนี้ก็เคยชินกับการน ั่ งแลว แตก็ยังมี ทุกขอยู ทานอาจารย  นั่นแหละเรียกวาทุกข แล  วก ็ให เอาทุกขเป นอารมณ พระพุทธเจ  าก ็สอนให เอาทุกขมา เป นอารมณดังใน ธัมมจักกัปวัตตนสูตร ทุกขเป นของจริงจึงเอาทุกขมาเป นอารมณสําหรับท ี่จะใหโทษ ทุกขที่เกิดมาเปนมนุษย เพราะเหตุที่มาเกิดอยูในโลกอันนี้มีแตทุกขทั้งนั้น อันท ี่ไมทุกขไมมี ที่ไมทุกข นั้นคือคนหลงทุกข คนเมาในทุกขเอาทุกขมาเป นสุขก ็ เลยเข าใจวาสุข แทที่จริงก็คือทุกขนั่นแหละ เหตุ นั้นจึงให เอาทุกขมาพิจารณา ตราบใดถาใจไมสงบจะไมเห ็ นทุกขเลย จะเมาหลงทุกขวาเป นสุขอยู ตลอดเวลา ถาไมมีทุกขแล วคนเราไมพยายามท ี่ จะหนีจากทุกข การศึกษาเลาเรียนเบ ื้ องตน การอาชีพทุก ประเภท ในที่สุดการรักษาศีลและการบวชในพุทธศาสนาก ็ เพราะอยากจะหนีจากทุกข เพราะเห ็ นทุกขที่ เป นอยูเด ี๋ ยวน ี้ ตางคนก ็ จะหาวิธีที่จะหนีจากทุกข แตหาไปบางคร  ั้ งบางทีอาจจะผิดพลาดกลับย ิ่ งทุกขราย กวาเกา


๓. ผูถาม พุทธศาสนาสอนเร ื่ องทุกข ที่ทานอาจารยอธิบายใหฟงมาน ั้ นก ็ พอเข าใจอย ู แตเวลา อธิบายศาสนาพุทธให คนอ ื่ นเข าใจ คนอ ื่ นจะพูดวาเราเห ็นในแงรายอยูตลอดเวลาแล  วทําใหไมสบายใจ เราจะหาวิธีอธิบายได อยางไรครับ ทานอาจารย  ถูกคือวาพุทธศาสนาสอน ทุกขนิยม เขาถือกันวาอยางนั้น ศาสนาอ ื่ นเขาสอนสุขนิยม สอนไปเกิดช ั้นฟาสวรรคสุขสบายอยางน ั้ นอยางน ี้ ความเป นจริงก็คือสอนทุกขนิยม คือสอนให เขาหนี จากทุกขนั่นเอง มันก ็ อยูในนั้ นแหละแตเขาไมเข าใจ คือ ไปเกิด สุขคติ สุขาวดี หมายความวาโลกอันน ี้ มันมีทุกขนั่นแหละ จึงสอนใหทําดีจึงคอย ๒. ผูถาม เม ื่ อมีเวลาก ็ปฏิบัติ เม ื่อไมไดรับความก  าวหน าอะไรก็ หยุดไป ตอมาก ็ กลับมาทําใหม เข าใจวายังไมไดอุบายท ี่ เหมาะสม ตามปรกติใชอานาปานสติ ทานอาจารย  เอออันน้แหละี ก็ทําอยูแล  วแตไมมีใครคอยแนะนํา นาเห ็นใจ ใชอานาปานสตินั้นถูก แลว จงทําไปเถิด ๓. ผูถาม ภรรยาของผมเป นชาวกรีก นับถือศาสนาคาธอลคเขิมแข   งมาก ผมก ็เป นชาวกรีกและนับ ถือศาสนาพุทธ ผมจะวางตัวอยางไร จะอธิบายอยางไร ภรรยาถึงจะเขาใจได ทานอาจารย  ให อธิบายวา ไมวาศาสนาใด ๆ จะเป นพุทธ ฮินดู อิสลาม ครสติ  สอนใหถึงพระเจา ดวยกันท ั้ งนั้น เด ี๋ ยวน ี้คนไมเข  าถึงพระเจ  าจึงพากันลังเลสงสัย หาวาพุทธศาสนาเป นอยางนั้น คริสตเปน อยางน ี้ อิสลาม ฮินดูเป นอยางโนน ถาหากทําใจให เข  าถึงความสงบระลึกถึงพระเจ  าซ ึ่งเปนของไมมี ตน แตเราระลึกเอาพระคุณของทานมาไวที่ใจของเราจนใจแนวแนเป นอารมณอันเดียว เราก ็ จะถึงพระเจา ดวยกันทุก ๆ ศาสนา ๓. ผูถาม เม ื่ อเขาถ  ึงจุดบริสุทธ ิ์ แลว จะต  องออกมาชวยผูอื่น รูสึกวาจะเหมือนกับมหายาน อยาก ทราบวาทานอาจารยมีความคิดเห ็ นอยางไรในเรื่ องน ี้ ทานอาจารย  ความบริสุทธิ์ในทางพุทธศาสนานั้น ถือเอา บริสุทธิ์ศีล ๔ เป นเกณฑคือ ๑ ปาฏิโมกขสังวร สํารวมในพระปาฏิโมกขทุกข อโดยมี หิริโอตัปปะเป นเคร ื่ องอยูประจําใจ


๒ อินทรียสังวร เห ็นโทษในการที่ไมสังวร แล วสังวรในอินทรียทั้ง ๖ โดยสมบูรณ ๓ อาชีวะบริสุทธ ิ์ เล ี้ ยงชพโดยบร ี ิสุทธ ิ์ ไมหลอกลวง เพราะเห ็ นแกปากท อง ๔ ปจจยปจจเวกขณะ พิจารณาเสียกอนแล  วจึงบริโภคซึ่งปจจัย สี่ มีจีวรเป นตน ให เห ็นเปน ธาตุ เป นอสภาะุ หรือเพ ื่ อเก ื้ อกูลพระพุทธศาสนา เพ่อยื ังอัตตภาพให ทรงอยู จะไดบําเพ ็ ญความดีตอไป สวนความบริสุทธิ์ฝายมหายานน ั้นไมทราบวาจะหมายเอาความบริสุทธ ิ์ อยางหินยานหรือเปลาก ็ ไมทราบ พุทธศาสนาสอนให เราทําดีบริสุทธ ิ์ เสียกอนจึงสอนคนอ ื่ นจึงจะไมเปนปูสอนหลาน พระพุทธ องคทรงกระทํามาเป นตัวอยางแกพระสาวกอยางน ี้ ๓. ผูถาม ถาหากเกิดการตอสูกันขึ้น ถาเราไมสูเราก็ตองตาย ดังน ั้ นเราจึงจําเป นต  องฆาเขา บาป หรือไม ทานอาจารย  เราป องกันตัวเรา เราไมไดไปรุกรานเขา ทุกคนก็ตองการป องกันตัวเราป องกันตัวของ เราเอง ใครมาบุกรุกเราเปนตายไมทราบท ั้ งนั้น ๓. ผูถาม การกินเจจะมีอานิสงสอะไรบ างครับ ทานอาจารย  การไมรับประทานเนื้อ ถาขาดอาหารโปรทีน วิตมินบางชนิด แลไขมันตาง ๆ แล  วจะ ทําใหสุขภาพเส ื่ อม เพราะคนเราหลอเลยงด ี้  วยเลือดเน ื้ อมาแล  วต ั้ งแตเกิด (คือนมของมารดา) การฆาสัตว ไมวาตัวเล ็ กหรือตัวใหญเป นการทําลายชีวิตทําลายความสุขเขาใหสิ้นไป บรรดาการทําลายคนอ ื่ นส ิ่ งอื่น มากที่สุด นอกจากการกระทําของมนุษยแล วไมมีพระพุทธเจ  าจึงสอนใหพิจารณาเนื้อท ี่ จะฉัน คือ ดวย ไมได เห ็ นเขาฆาเพ ื่ อตน ๑ ไมไดยินวาเขาฆาเพ ื่ อตน ๑ และไมไดรังเกียจวาเขาฆาเพ ื่ อตน ๑ ถือวาเปน การบริสุทธ ิ์ เพราะมนุษยกินเนื้อเป นอาจิณอยูแลว ๓. ผูถาม มีความรูสึกวาทานอาจารยเปยมไปด วยความเมตตา ทานอาจารย  ดีมาก อยากจะพูดกับคนอยางน ี้ แหละ ขอบใจ พอใจอยากพูดอยูดอกถึงอยางไรก็ ยอม เสียสละเวล ่ําเวลาไมวา ๓. ผูถาม ขอขอบพระคุณทานอาจารยมาก และหวังวาจะได พบทานอาจารยอีกถ าหากไมใชที่นี่ก็ คงจะเป นเมืองไทย


ซิดนีย วันท ี่๗ ธันวาคม ๒๕๑๙เวลาค่ํา แสดงธรรมเทศนา ที่พุทธสมาคมชาวจีน แหงนครซิดนีย ขอแสดงความดีใจมากในการที่ไดมาสถานที่นี้ซึ่งเป นพุทธสมาคมของชาวจีนในเมืองซิดนียที่พา กันมีความยินดีและต  อนรับอาตมาด  วยความเต ็มใจอาตมาออกจากประเทศไทยมาครั้ งน ี้ก็มีความ ประสงคที่จะเห ็นและปรารถนาที่ จะสมาคมกับชาวพุทธในตางประเทศ ซึ่งหาวัดและหาพระในพุทธ ศาสนายากมากแตก็พากันสนใจเป นพิเศษ เหตุนั้นท ี่ได มาเห ็ นเชนน ี้จึงขอแสดงความยินดีเป นอยางยิ่ง พวกเราท ี่ เกิดมาเป นสัญชาติมนุษยดวยกัน ถึงแม  จะอยูตางกันคนละทวีป แตก็มีจิตใจเป นธรรม คือ มุงม ั่นในทางคําสอนของพระพุทธเจา พยายามท ี่ จะละช ั่ วทําดีดวยกันท ั้ งนั้น เหตุนั้นพวกเราจึงไดชื่อวา ญาติธรรมด  วยกันท ั้ งนั้น จึงสมควรแล วท ี่ จะพากันสนใจถึงจุดสําคัญ คือคุณธรรม อันเปนเครื่องนํา สัมพันธไมตรีมาสูมนุษยชาติดวยกัน จุดมุงหมายของชาวพุทธด  วยกัน อยูตรงหลักสําคัญของพุทธศาสนาคือพากันละช ั่ วทําดีนี้เปน จุดสําคัญเบ ื้ องตน คือรูจักช ั่ วแล  วก ็ ละชั่วเห ็ นความช ั่ วน ั้นเป นภัยแล  วละช ั่ วน ั้ นเสียเห็นการกระทําดีเปน สิ่งที่นํามาซ ึ่งประโยชนคือความสุขจงพากันต ั้งใจปฏิบัติตามโอวาทคําสอนของพระพุทธเจา ตอน ั้นไป พากันชําระใจของตนให บริสุทธ ิ์ใสสะอาด นี้เป นจุดสําคัญของหลักพระพุทธศาสนา ทุกคนปรารถนา เหมือนกันอยางน ี้ คําวาละชั่ว ทําดีในที่นี้ขอให พากันรูจักความช ั่ วเสียกอน ชั่วเป นอยางไรดีเป นอยางไรถาไมรูจัก ชั่วก ็ไมทราบจะละชั่วด วยประการใดถาไมรูจักดีก็ไมทราบจะทําดีดวยประการใดขอใหรูจักช ั่ วและดีให เห ็นโทษของความชั่ วและคุณของความดีคนเรามักเขาข   างตวั อะไรชอบใจก็ เห ็ นวาดีทั้งหมดอยางน ั้นไม ถูกความชั่วความดีมีหลักอยูดังน ี้ เม ื่ อทําส ิ่งใดลงไปแลวเป นภัยคือเปนโทษให เกิดความทุกขและความ เดือดร  อนแกตนและคนอื่น อันน ั้ นอยาทํา นั้นเรียกวาความชั่ว หรือเรียกวาบาปก็ไดถาทําส ิ่งใดเปนไป เพ ื่อประโยชนและคุณแกตนเองและผูอื่น นําสุขมาให แกตนเองและคนอื่น นั้นจึงเรียกวาดีคําสอนของ พระพุทธเจ  าที่วาละชั่ว ทําดีตองมีหลักเหลาน ี้เป นเคร ื่ องตัดสิน พอจะสังเกตไดวา พุทธศาสนาสอนโลกและมนุษยทั้งหลายใหไดรับความสันติสุขเทาท ี่ อธิบายมา นี้คําสอนของพระพุทธเจ าจะเปนไปเพื่อประโยชนสุขจริงหรือไมถาหากเราปฏิบัติถูกต  องตามท ี่ อธิบาย มาน ี้ และหากพากันเข าใจเชนน ั้ นจริงจังแลวจงพากันยึดม ั่ นหลักสําคัญของพระพุทธศาสนา เพียงสาม ประการนี้ไวเสยกี อน แล  วจึงคอยดําเนินตอไปโดยลําดับ


ความชวและความด ั่ ีดังอธิบายมาน ี้ที่พระพุทธเจ าสอนใหละเป นของทําไดไมใชเป นของยากอยา ไปทําท ั้ งหมดทีเดียวคือใหทําเป นข ั้ นๆ ความช ั่ วท ี่ อธิบายมาแลวเราละไดเทาไรก็ จงรักษาไว อยาให ความ ชั่วน ั้ นร ั่วไหลเข ามาอีกตอไป ความดีที่วามาแล  วน ั้ นถ  าหากเรารักษาไดปฏิบัติไดก็จงรักษาไว อยาให เส ื่ อมสูญไป เม ื่ อเราพยายามรักษาหรือเก ็ บส ิ่ งท ี่เราไดมาไมเส ื่ อมสญไป ูแลวว  ันหลังก ็ จะมีวันพอในการ สร างคุณงามความดีคือ พยายามสร างทีละนิดทีละหนอยไมใชจะใหได หมดพร  อมกันท ั้ งหมดความดี ทั้งหลายแหลตองพากันพยายามเก ็ บเล ็ กผสมน อยเหมือนกับเราหาทุนทรัพยไมใชจะใหเป นหม ื่ นๆ เปน แสนๆ เป นล  านๆ ถึงจะเอา ตองคอยเก ็ บเล ็ กผสมนอยไป นานๆ หนักเข  าของท ี่ เกบได ็ ไมเส ื่ อมสูญสลายใช จายไมสุรุยสุรายก็มีวันหน ึ่ งท ี่ จะรวยกับเขาบ  าง ความดีที่วาน ี้ แหละ หากตางคนตางพากันรักษาคนละนิดคนละหนอยคนหน ึ่ งรักษาไวสักสองสาม อยางถาสองคนก ็ มากข ึ้นไป มากคนต  องมากข ึ้นไปอีก ตางคนตางพากันรักษาความดีของตนไมใหเส ื่ อม สูญ มากคนกจะพาก ็ ันไดความสุขไปพร อมๆ กัน ถาหากวาเข าใจรักษาความดีปฏิบัติความดีอันนํามาซึ่ง ประโยชนคือความสุขอยางน ี้ แลวกลุมใด ชุมชนใดเร ิ่ มตนต  ั้ งแตครอบครัวไปจนถึงบ  านเมืองของเรา ใน ครอบครัวน ั้ นมีกี่คนพากันรักษาความดีสิ่งท ี่เป นความชั่วงดเวนเสียคนละอันๆ อันไหนเห็ นวาไมดีงด เว นเสีย นั้นแหละจะนําซ ึ่งประโยชนคือความสุขมาให แกชุมชนหรือกลุมชนน ั้ นๆ ตั้งแตครอบครัวของ เราข ึ้นไป จึงไดชื่อวาเราปฏิบัติตามคําสอนของพระพุทธเจา เห ็นประโยชนคุมคา เห ็ นคุณความดีปรากฏ ชัดแกตน ขออยาได เข าใจวา เราเป นฆราวาสมีภาระกจมากิ ไมสามารถจะปฏิบัติหลักธรรมคําสอนของ พระพุทธเจาอยาไปคิดอยางน ี้ไมถูกเร ื่ องของฆราวาสมีภาระมากก ็ จริงถาหากเราเห ็นโทษทุกขในเรื่ อง ภาระมาก หากเราไมมีการพักผอน ทั้งด  านกาย ทั้งด านใจคือทางด  านกายมีงานมากไมมีการพักผอน เราก ็ เหน ็ ดเหน ื่ อย ทํางานอันน ั้นไมตลอดรอดฝง งานของใจคือความคิดความนึกมาก หากเราไมสงบอบรมใจ ของเราใหนิ่งเป นสมาธิภาวนาก็จะเหน ็ ดเหน ื่ อยเหมือนกัน การงานท ี่ เราคิดนึกก ็จะไมลุลวงไปได ฉะนั้น จงพากันรูจักพักผอนท ั้งทางกายและทางใจคือรูจักทําความสงบ ฆราวาสทําไดไมใชไมไดในที่นี้ทานให ทําเร ื่ องความสงบอบรมสมาธิภาวนา ในขณะปจจุบันในขณะที่เราทําสมาธิภาวนา เชนกลางคืนเรา พักผอนในขณะเราพักผอนเราทําสมาธิในขณะที่เราไมมีภาระในกลางคืนหรือวางๆ เราพักผอนใจคือ ทํา ความสงบ เมอใจสงบได ื่ ใจก็มีพลัง สามารถคิดค  นแก ไขอุปสรรคใหลุลวงไปไดอย  างดี ธรรมท ั้ งหลายท ี่ อธิบายมานั้น ที่เราจะรูจักวาเป นธรรม อยางท ี่ พระพุทธเจ าสอนให เราละช ั่ วทําดี เป นส ิ่ งนํามาซ ึ่งประโยชนคือความสุขนั้น เป นของยากท ี่ จะเขาใจไดหากวาใจเราไมสงบ ไมอบรมใหเปน สมาธิภาวนาเสียกอน เพราะธรรมท ั้ งหลายเกิดจากความสงบ ไมใชเกิดจากความฟุงซาน ความฟุงซาน เป นเร ื่องของโลกไมใชเรองของธรรม ื่ ที่เราพากันคิดนึกปรุงแตง ฟุงซาน สงสาย ไปตลอดกาลเวลาจิตใจ ไมสงบ ลวนแลวแตเปนการฟุงเฟอ สงสายไมเห ็ นของจริง ทั้งๆ ที่เราคิดหาของจริงน ั้ นแหละแตไมเห็น ตามเป นจริง มีแตจะปรุงแตงใหยืดยาวตอไป ไมมีที่สุดไมมีที่สงบ ธรรมท ั้ งหลายเกิดจากความสงบ


ความสุขเกิดจากความสงบ สุขอ ื่ นท ี่ประกอบด วยอามิสทุกๆ คนก ็ พากันรูรสชาติของมันแล  ววามันมี รสชาติขนาดไหน แตความสุขท ี่ เกิดจากความสงบบางคนอาจจะไมได พบเลยก็มีเพราะฉะน ั้ นจึงควรท ี่ จะ พากันอบรมความสงบ ใหรูจักรสชาติของความสงบบ าง ที่อธิบายมาในวันน ี้ พอจะสรุปรวบรวมใจความโดยยอไดคือกลาวถึงเร ื่ องชาวพุทธที่นับถือ พระพุทธศาสนา เพราะเล ื่อมใสศรัทธาวาเป นทางนํามาซ ึ่ งสันติสุขโดยแทกอนท ี่ จะศึกษา พระพุทธศาสนาขอให เขาใจหล  ักใหญๆ ๓ ประการคือ พระพุทธเจ าสอนให เราละชั่ว ทําดีแล  วก็ชําระใจ ของตนใหใสสะอาดบริสุทธ ิ์นี้หลักใหญ เม ื่อเรามาปฏิบัติตาม ละช ั่วได แลวอยาใหชั่วน ั้ นกลับเกิดมาได อีก ทําดีได แลวก็ใหรูจักษาความดีเอาไวให อยูมั่นคงตอไป อยาใหเส ื่ อม การละช ั่ วทําดีที่วานี้นั้น ไมตองทํากันมาก พยายามเก ็ บเล ็ กผสมน อยอยางน  อยที่สุดจะเปนปหรือ เดือนก ็ ตาม ปหน ึ่ งหรือเดือนหนึ่งใหได อยางหนึ่งละช ั่วไดอันหน ึ่งใหไดอีกอันหน ึ่ งขึ้นมาแทน สะสมเก็บ เล ็ กผสมนอยได อยางนี้จึงจะมีจึงจะเห ็นไดวา เราปฏิบัติตามหลักคําสอนของพระพุทธเจ าเปนของได ขึ้นมาอยาพากันถือศาสนาไว เฉย ๆ พระพุทธเจ  าทานสอนให พากันปฏิบัติปฏิบัติแล  วก ็ไมใชวาจะไปเปน คุณประโยชนแกใครก็นําความสุขให แกตัวเราน ั้ นเองและอยาได เข าใจวา เราเป นฆราวาสมีภาระกิจมาก ทําไมไดทําไดเราหาโอกาสทําใหไดถาหากเราเห ็นโทษไมวาอะไรทั้งหมดเราจะพยายามละจนได เรา หาโอกาสทําไมใชวาจะทําตลอดวันยังค ่ํ าคืนยังรุงการปฏิบัติตามหลักคําสอนของพระพุทธเจ าสอนให ทําปจจุบัน ครูเดียวขณะเดียวจิตใจเราปลอยความช ั่ วท ั้งหมดใหมาสูในที่ เดยวีอยูในที่ สงบ วางในขณะ เดียวให เข  าถงความสงบึอบรมสมาธิจนกระท ั่ งถึงสมาธิจึงจะเห ็ นชัดแจ งในธรรมคําสอนของ พระพุทธเจา เพราะพระธรรมเกิดจากความสงบ ความสงบคืออบรมจิตใหเป นสมาธิอันเป นพ ื้ นฐานท ี่ จะ ให เกิดความรูความเข าใจชัดเจนในคําสอนของพระพุทธเจา ทานอาจารย  พาน ั่ งภาวนาพรอมท ั้ งอบรมธรรมนํากอน นั่งภาวนาทําสมาธิอยาไดคิดมากขอใหคิดเสียวาอบรมใจให เข  าถึงความสงบ เพราะใจเราทุกคนมี อยูดวยกัน แตเราไมรูจักใจและเราควบคุมใจไมไดใจจึงใช เราบังคับเราใหวิ่งวอนเดือดร อนเป นทุกขเมื่อ เราไมรูจักใจเราก็ฝกหัดใจคุมใจไมอยูฉะน ั้นในการที่หัดสมาธิภาวนาก็ตองการอบรมใจให อยูในความ สงบ และรูจักลักษณะอาการของใจวา ใจแทคืออะไร สิ่งท ี่ไมใชใจเราจะไดปลอยวางท ิ้ งเสีย นี่คือ ความหมายในการภาวนาอบรมสมาธิอยาไปคิดมุงมากมายอยากจะใหไดโนนไดนี่ เห ็นโนนเห ็ นน ี่อะไร ตางๆ อันน ั้นไมถูกยิ่งอยากได เทาไรใจยิ่งไมสงบ ธรรมะคือคําสอนของพระพุทธเจ าให เข  าถึงหลักธรรม คือความสงบ ถาหากเราสละเด ็ ดเด ี่ ยวเทาไรใจยิ่งสงบได เร็ววิธีฝกหัดทําสมาธิมีจุดอยูตรงน ี้ที่จะเกิด ความรูเกิดอะไรตางๆ เยอะแยะน ั้ นมันไมใชเป นนิสัยของทุกคนไป บางคนก ็เป นบางคนก ็ไมเปน บางคน


มีจิตละเอียดสักเทาไรก็อาจจะไมมีความรูอยางน ั้ นก ็ได บางคนจิตรวมนิดๆ หนอยๆ เกิดความรูพิศดาร กว  างขวางและเกิดอะไรตออะไรมากมายก็มีเหมือนกัน เหตุนั้นอยาไปมุงอยาไปปรารถนา ทําอยางไรจะ สงบยอมสละลงปจจุบันได เทาน ี้เป นพอ ( นั่งภาวนาประมาณ ๒๐นาที ) ทานอาจารยตอไปนี้ใครมีปญหาข องใจเปดโอกาสใหถามได ๓. ผูถาม ไดอานประวัติทานอาจารยมั่น ในประวัติบอกวาทานเดินจงกรมมากดังน ั้นอยากจะใหทาน อาจารยอธิบายเก ี่ ยวกับเร ื่ องการเดินจงกรม และเลาประวัติทานอาจารยมั่นใหฟงบ  าง ทานอาจารยพูดถึงเร ื่ องการเดินจงกรมก ็เปนการเปลี่ ยนอิริยาบท แทที่จริงก็คือการภาวนาน ั่ นเอง เรานั่ง ภาวนากําหนดพิจารณากรรมฐานอะไร เวลาเดินเราก็ทําอยางเดียวกัน เป นเพียงการเปลี่ ยนอิริยาบทเทานั้น ไมมีอะไรยืน เดิน นั่ง นอน อิริยาบทท ั้ งส ี่ใช ภาวนาอนเดั ียวกันเพ ื่อใหชํานาญ เพราะกิเลสมันเกิดข ึ้นได ในอิริยาบถนั้น เราจะไดตอสูกับกิเลสนั้น ๆ วันท ี่๘ ธันวาคม ๒๕๑๙เวลาบาย สนทนาธรรม ที่วัดพุทธรังษีซิดนีย ๒.ผูถาม ทานอาจารยกูพูดใหผมฟงตอนผมบวชใหมๆ วา ทานอาจารยมั่นถามลูกศิษยวาอะไรดับตัณหา ถึงดับ ทานอาจารยกูตอบวา ตัณหาในปจจุบันดับ กระผมไมทราบวาจะถูกหรือไม ทานอาจารยลงปจจุบันถึงไมดับหมดมันก ็ สงบ นั่นแหละเบ ื้ องต  นที่เราจะหัดภาวนา เราทําอยางน ี้ใหบอย ใหชํานาญ ก็จะเปนภาวนาไปเองในที่สุด ๓.ผูถาม คราวนี้มันยากท ี่ใหลงปจจุบัน จะดับสัญญาปจจุบันมันยากยากตรงน ี้ เอง


ทานอาจารย นั่นแหละตรงน ั้ นเอง มันยากตรงน ั้ นมันจึงต  องทําตรงนั้น ถามันงายทํางายก ็ไมเรียกวาความ เพียร ๓.ผูถาม การน ั่ งกรรมฐาน ทําไมนั่งในปาช  าจึงดี ทานอาจารยเพราะในปาช าคนโดยมากมักกลัวและคนตายบอยอันเป นเหตุใหไมประมาท เม ื่ อเห ็ นคน ตายจะไดนํามาพิจารณาจึงต องไปภาวนาในปาชาแตถาภาวนาเป นแล  วอยูไหนก็ เหมือนกัน ๓.ผูถาม ดูจากภายนอกก็รูสึกวาผมเป นคนที่มีความสุขสบายแท  จริงแล วหาไดเป นเชนน ั้นไมเพราะ ภายในใจมีแตความทุกขวุนวายเม ื่ อมีโอกาสไดมาปฏิบัติกับทานอาจารยจึงคอยยังช ั่ วขึ้น ทานอาจารย  ความทุกขของคนเรามีสองอยางคือทุกขทางกายและทุกขทางใจความเป นผูสมบูรณดวย ทรัพยสมบัติและรางกายมีพลานามัยดีก็เป นความสุขทางกายแตถาทางใจไมสุขเสียแลวความสุข สมบูรณเหลาน ั้นหาไดเปนประโยชนอะไรความสุขสงบของใจอยางเดียวยอมครอบงําหมดถึงกายด  วย แท  จริงความสุขกายก็คือความสุขใจนั้ นเอง เชน คนพูดวาดีใจ ชอบใจ ชื่นใจ สุขใจ ทุกขกายก็คือทุกขใจ นั่นเอง เชน กลุมใจเสียใจ ทุกขใจไมพอใจไมชอบใจฯลฯเป นตน ๓.ผูถาม คนท ี่ หลับไมคอยจะไดนั้นควรจะมีการฝกอบรมใจใชหรือไม ทานอาจารย  ควรอยางย ิ่ งทีเดียวเมื่อใจสงบแลวกายก ็ พลอยสงบนอนหลับด  วยใจเปนใหญกวากายเปน ของสําคัญกวากายอย างน ี้ เวลาค่ํา ทานอาจารย  อบรมพระภิกษุและคณะท ี่ เดินทางไปดวยกัน การพิจารณาอานาปานสติถาจิตเรายอมสละทอดธุระปลอยวางจิตแนวอยูเป นเอกัคตารมณมันก ็ ลง ไดถาหากมนไม ั เป นเชนนั้น ทําไมรูกี่ปๆ มันก ็ไมลงไมเปนอานาปานสติได เหมือนกัน เมอห ื่ ัดภาวนา โดยวิธีอานาปานสติจนจิตเข  าถึงเอกัคตารมณแลว บางทีมันก ็ เพงพิจารณาอาการสามสิบสองไปเองก็ได บางทีไปหยุดน ิ่ งอยูในเอกัคตารมณเสียกอน นานๆ หนักเข  าก ็รวมเป นภวังคก็มีถาหากยังไมรวมเปน


ภวังคเราก็ตั้งฐานในความสงบเอกัคตารมณได แลวเราจึงคอยมาพิจารณาอาการสามสิบสองถึงขนาดนั้น ก็ตาม เม ื่ อพิจารณาอาการสามสิบสองนานๆ ความสงบน อยลงมันก ็ไมคอยชัดเม ื่อเป นเชนน ั้นใหรูจักและ ปลอยท ิ้ งเสียอยาไปมุงแตจะพิจารณาอยางเดียวใหรักษาความสงบ อบรมความสงบใหมันมีพลังเต ็ มท ี่ เสียกอน จึงคอยมาพิจารณากันใหมมันต  องมีแยบคายหลายเร ื่ องหลายอยางในการที่ จะหัดภาวนา กรรมฐาน การภาวนาจะพิจารณาอานาปานสติหรือจะพิจารณากายคตาสติก็ตาม หรืออาการสามสิบสองอะไร ก็ตามเถิดความประสงคคือต  องการจับใจไดคือใหใจของเราไปจับอยูในจุดเดียวเสียกอน เพราะตอนน ี้ใจ ของเราฟุงซานไมทราบวาอะไรเปนอะไร มันยุงเหยิงกันไปหมดไมทราบวาอะไรเป นตัวใจอะไรเป นตัว จิต อะไรเปนอาการของใจการมาหัดภาวนาเพ ื่ อต องการใหจับใจใหไดใจตัวจริงหรือใจตัวเดิม เหตุนั้นเรา จึงต องเอาใจไปจดจ องเฉพาะเร ื่ องเดียวคือลมหายใจแล วเอาสติควบคุมไวให อยูในจุดเดียวจนกระท ั่ งมัน ถอน วางเร ื่ องอ ื่ นๆ ทั้งหมดแลวใจมันจะน ิ่ งแนวอยูในอารมณอันเดยวี นั่นแหละจึงจะเห ็นใจ นี่เปน จุดหมายเบ ื้ องต นในการหัดภาวนาทําสมาธิเรองอ ื่ ื่ นๆ เอาไวพิเศษตางหากการภาวนาไมใชเรองอยากได ื่  อะไรๆ ทั้งหมดทุกส ิ่ งทุกอยางมันได มามากมายเยอะแยะแลวคราวน ี้ เราลองมาหัดท ิ้ งดูเสียบ  างคิดหัด ปลอยวางลงในปจจุบัน ให เห ็ นจิตแทคือตัวจริงตัวเดิม มันเป นตัวประธาน เหตุนั้นการภาวนาจึงต  องการ ใหรูจักตัวใจเป นของสําคัญ พยายามจับใจใหไดเสียกอน อยากจะให เข าใจวาการภาวนาจะเกิดความรูหรือ นิมิตภาพอะไรตางๆ นั้น มันเป นเองตางหากไมใชเราจะไปทําใหมันเกิดแตมันเป นเอง นิมิตอะไรก็ ตาม ความรูอะไรก็ชางที่มันเกิด มันเป นตามนิสัยวาสนาบารมีของแตละบุคคลท ี่ สรางมาไมเหมือนกัน แตถึง อยางไรจิตมันต องวางเสียกอน จึงคอยเกิดเชนนั้น ผู  จะเกิดมันก ็ เกิดผูจะไมเกิดมันก ็ไมเกิด บางทีจิตมี ความลึกซ ึ้ งละเอียดมากแตก็ไมมีก็มีบางคนรวมลงไปนิดเดียวคือโดยเผลอๆ คล  ายๆ เราเผลอสติไม ตั้งใจจะใหมันเปน แตพอจิตปลอยวางมันก ็ จะเกิดความรูอะไรขึ้นมาไดเหตุนั้นของพรรคนั้นมันเป นของ สําคัญ หลักใหญใจความที่สุดคือเราหัดปลอยทอดธุระลงในปจจุบันในขณะนั้น ใหยังเหลือแตใจจริงๆ จิตเดิมถ าเราจะสังเกตและเห ็ นชัดคือของเดิมแท ของใจถาจะเปรียบก ็เปรียบเหมือนกับน้ํา น้ําเปนของใส สะอาดแตเม ื่ อผสมสเขี  าแล  วมันจะต  องมีสีตางๆ ใจของเราก็ทํานองเดียวกันนั้น ที่ทานวาจิตตํปภสฺสรํ จิตเดิมเปนของผองใส สวนกิเลสคือความยุงมันมาผสมให เกิดราคะโทสะโมหะ มานะทิฏฐิหรืออวิชชา อะไรตางๆ หลายเร ื่ องหลายอยาง มันเป นเร ื่ องกิเลสเขาไปประสมใหเปนไปตางๆ เหตุนั้นให เข าใจอุปมา อุปมัยอันน ี้ เสียกอน ชําระใจเหมือนของมาติดอยูกับใจเชนของสกปรกที่ มาถูกของสะอาด มันไมใชเนื้อ แท  ของมัน เราจึงคอยชําระไดดังน ั้ นพระพุทธเจ  าหรือพระอริยสาวกของทานจึงชําระไดถาเป นเนื้อ เดียวกันแล วไมมีใครสามารถจะชําระไดสักคนเดียวเลยอยางเราอยขณะน ู ี้มีความโกรธไหม มีราคะ เกิดข ึ้นไหมเวลานี้ทําไมไมเห ็ นมีอะไร นั่นหมดไดไมมีอะไรในเวลานี้ เวลามันจะเกิดมันเกิดเพราะอะไร เราก็รูไดมันเกิดเพราะอายตนะผัสสะเพราะความวิตกกังวลมันเกิดขึ้น เร ื่ องสญญาอารมณั มันเกิดขึ้นมา


ดังนั้น เม ื่ อเราจะกําจัดส ิ่ งเหลาน ี้ได เราก ็ จะต องมาฝกหัดอบรมใจให เข  าถึงอารมณอันหนึ่ง ใหมันวางหมด เสียกอน ยังเหลือแตใจกิเลสภายนอกเข ามาก็ชําระใหมันออกไป วันท ี่ ๑๐ธันวาคม ๒๕๑๙เวลาบาย สนทนาธรรม ที่วัดพุทธรังษีนครซิดนีย ๓.ผูถาม ทุกคนสามารถท ี่ จะดําเนิน มรรคแปดไดใชไหมครับ ทานอาจารย ถามีศรัทธาก็สามารถท ี่ จะเดินได แตยากท ี่จะให ครบถ  วนท ั้งแปดไดถาครบถ  วนบริบูรณก็ เป นพระอริยเจ าได ละซี ๓.ผูถาม มรรคแปดเมื่ อดําเนินไดไมครบน ี้ จะมีผลหรือเปลาครับ ทานอาจารย มรรคแปดแตละข  อมีผลด  วยกันท ั้ งน ั้ นแตไมเป นมรรคสมบูรณตามท ี่ พระพุทธเจ าได ตรัสไว ทั้งไมเป นอริยมรรคด  วย ๒.ผูถาม รูสึกเหมือนงูที่เพ ิ่ งออกมาจากรูถาจับเด ี๋ ยวน ั้ นก็จับงาย ทานอาจารยก็ใชละซีพระพุทธเจ  าทานเทศนาไวปญหาเทวดาถามกุมารกัสสป มีจอมปลวกอันหนึ่ง มีรู อยูหกรูเห ี้ ยมันเข าไปอยูในนั้ นเวลาจะจับเห ี้ ยน ั้ นจะทําอยางไร ปดเสียท ั้ งห  ารูเหลืออยูรูเดียว บุคคล ตองการจะจับเห ี้ ยรออยูที่ปากรูนั้น เวลาเห ี้ ยออกมาจับเอาเลย ตา หูจมูกลิ้น กายเรยกวี าห  ารูปดหมดยังเหลือแตใจคอยจ  องจับเอาท ี่ใจมันจะคิดนึกอะไรตางๆ อยางท ี่ อธิบายใหฟง ใจคือตัวกลาง เข  ากับหลักที่วากลาง มันไมมีอะไร พอแวบออกไปที่รูจับคอมันทันที ใจคือตัวกลางไมมีอะไรไมไดสงไปตาม ตา หูจมูกลิ้น กาย มโนทวารคือใจ พอแวบออกไปจับตัวนั้น เลย ๒.ผูถาม ถาหากเราผิดศีลขอท  ี่ สองคือเราลักขโมยจะไดรับผลอะไรบ าง ทานอาจารย ได ผลคือใจของเราเปนบาปผิดปรกติคิดช ั่ วลักของเขาโดยไมสุจริตบาปตามสนองใหได ความทุกขเดือดร  อนวาตนทําผิดอยูเสมอ ตายไปก็ จะเดือดร อนเป นอยูร่ําไปเพราะกรรมไมดีนั้น


๒.ผูถาม ในหนังสือมรรควิธีทานอาจารยยกเอาอสุภะข ึ้ นมาพิจารณากรรมฐานภายในกายเห็ นวาเราต  อง พิจารณาอสุภหรืออานาปานสติหรือพุทโธ มันเป นท ั้งหมดใชหรือไม ทานอาจารย อันน ั้นยกเอามาเป นตัวอยางเฉยๆ จะพิจารณาอานาปานสติหรือพุทโธก็ได แล  วแตใครจะ พอใจอะไรขอสําคัญจิตรวมไดเป นพอกอนจะพิจารณาอะไรก็ ตาม พึงเข าใจวาบริกรรมน ั้นเป นแตเคร ื่ อง ลอธรรมดานายพรานเบ ็ ดเอาเหย ื่ อลอปลาความประสงคของนายพรานมิใชประสงคที่เหยื่อ ประสงคเอา ปลาโนนต างหาก ฉันใดผูบริกรรมภาวนาก ็ประสงคเอาสมาธินั้นตางหากคือบริกรรมไปๆ ใหเอาสตินั้น คอยจับจ  องท ี่ใจมันจะเข ามาเป นสมาธิเม ื่ อจับใจได แล  วบริกรรมน ั้ นท ิ้ งเสียโดยไมรูตัว หรือหากมันไมทิ้ง ก็ใหมันปลอยวางเสีย ๒.ผูถาม เคยพิจารณากาย โดยใช หลักอนิจจัง ทุกขังอนัตตาอยากกราบเรียนถามทานอาจารยวาการ พิจารณาปญหาในชีวิตประจําวันจะใช หลักเดียวกนได ั  หรือไม ทานอาจารยถึงแมวาเราจะพิจารณาปญหาชีวิตประจําวันก็ยังไมหนีจากอนิจจัง ทุกขังอนัตตาคืออยาให หนีจากความเกิด-ดับ จึงจะเข  าหลักธรรม พิจารณาอาการของมันเปนไปตามโลกแลว นั่นจะไมมีที่สิ้นสุด เกิดความเดือดร อนเสียเปลาๆ เราเอาธรรมะมาใชในชีวิตประจําวันควบคูไป ถึงแม  จะทําอะไรก็ ตาม เรา จะต  องทําสักแตวาทําเพ ื่อประกอบอาชีพใหยังชีวิตคงอยูไปวันหน ึ่ งๆ เทานั้น ผลที่สุดส ิ่ งท ั้ งหลายเหลานั้น ไมมีสาระสักอยางเดียวเราทําอยางน ี้ เราจึงจะมีวิชาทางธรรมและจะทําใหไมเดือดร อนเป นทุกขชีวิตเมื่อ เกิดข ึ้ นมาก็จําจะตองหลอเล ี้ ยงมัน ตองรักษาบริหารแตรักษาบริหารผลที่สุดก็ตองทอดทิ้ง เห ็ นอยางนี้จึง คอยสบาย นี่แหละธรรมเปนของมีคุณคา มีประโยชนตอชีวิตประจําวันของชาวโลกอยางน ี้ ๒.ผูถาม สัมมาอาชีพหมายถึงอะไร ทานอาจารย สัมมาอาชีพตามที่ทานอธิบายเรียกวาการเปนอยูโดยสุจริตเรียกวาสัมมาอาชีพ ได แกการท ี่ เราเกิดมาเป นคนแลว ทํามาหาเล ี้ ยงชีพในทางที่สุจริต ไมผิดจากหลักศีลธรรม คือวาไม  ใหเปนไปเพื่อ ความเดือดร  อนตนและคนอื่น เรียกวาสมมาอาชั ีพ ๑.ผูถาม ไปภาวนาที่ปาช  าแล  วเห ็นภาพกระโหลกศีรษะได พยายามเพงตอไปให เห ็นเป นหน  าของตนเอง อยบนกะโหลกศูีรษะเม ื่ อกลับมาไดนั่งภาวนาอีกเห ็นภาพกะโหลกศีรษะอีก ทําใหตกใจจนถึงกับนอน


ไมหลับ ผมพอจะไดอานหนังสือมาบ  างซ ึ่ งแนะนําไมใหไปยึดเร ื่ องภาพนิมิต แตอยางไรก็ ตาม ขณะนี้ก็ยัง กลัวอยูขอทานอาจารยโปรดแนะนําวาทําอยางไรจึงจะหายตกใจกลัว ทานอาจารยจะเรียนรูมาเทาไรก็ ตาม เวลาเกิดนิมิตมามันลืมหมดไปเห็นประจักษเฉพาะใจการจดจําจาก ตํารามันทิ้งถาไมทิ้งมันก ็ไมเกิด มันเกิดขึ้นจนกระทั่งตกใจทําให กลัวขึ้นมาไดโดยเขาใจวานิมิตน ั้นเปน ของจริงจังขึ้นมาจงย  อนถอนจิตออกดูขางนอกอีกทีหน ึ่ งวา นั้นมันเป นจริงหรือไมก็เห ็ นวาไมจริงอยา ไปอยากเห็ นหน าบนกะโหลกศีรษะซีใจถอนออกแลวจะไมรวมอีก มันจะเห ็ นก็ชางมัน ขอให ตามรูอยูวา นั้นเป นภาพนิมิต แล  วต ั้ งสติคุมจิตให อยูที่ใจ ภาพนิมิตและความตกใจนั้นก ็จะหายไป ๑.ผูถาม เวลาน ั่ งธรรมดา ๆ นิมิตก็ยังปรากฎอยู ทานอาจารย เปนไดเพราะใจเป นสมาธิอยูสมาธิหมายความวาใจมันแนวแนอยูในอารมณเดียวถึงจะมี ธุระการงานส ิ่ งอ ื่นใดจิตก ็เปนไปกับงานน ั้ นบางคร ั้ งบางคราวแตแล  วมันก ็ กลับวกคืนเป นสมาธิอีก ภาพ นิมิตก ็มาปรากฎอีกเรียกวาอุคหะนิมิต อุคหะนิมิตนี้มีทั้งโทษทั้ งคุณ คุณน ั้ นทําใหใจนิ่ งแนวอยูได นาน ๆ ในอารมณอันเดียวโทษนั้ นถ  าผูไมรูเทาเข าใจไปถือวาเปนจร  ิงเป นจังก็จะหลงมัวเมาซึมเซอเส ียคน จึงควร ระวังอยาเข าไปติดภาพนิมิตน ั้ นจะเสียคนไป ๑.ผูถาม ใจของคนเราซาบซึ้ งอยูในกายแล  วกายก ็เป นวิบากกรรมของคน เป นที่รับทุกขเราห ามไมไดจึง ตองรับทุกขแตสิ่งท ี่ เราทําไดคือเราเขาใจถ  ึงเร ื่ องความทุกขนั้นและใช ความเข าใจนั้นเป นเคร ื่ องตอสูกับ ความทุกขอยากทราบวาความเห ็ นเชนนี้ถูกตองหรือไมครับ ทานอาจารยแนละซ ีวิบากคือผลของกรรมท ี่ สรางไว แลวจะเอาไปใหใครใครก็ไมเอาถึงแม  เราจะเห็น เป นทุกขก็ตองทนสูอุตสาหเล ี้ ยงมันไปจนกวาจะแตกดับ มีทางเดียวคือพิจารณาเห ็นตามความเป นจริง แล วไมเข าไปยึดถือมัน แตถึงกระน ั้ นเม ื่อเราไมพิจารณาทุกขอันน ั้ นก ็ กลับเข  ารุมล  อมอีก ฉะน ั้ นพระอริย เจ  าท ั้ งหลายทานจึงพิจารณาอยูดวยความไมประมาท จนกวาจะแตกดับไปเป นที่สุด ๑.ผูถาม ใจของผมคล ายจะแบงออกเป นสองสวน สวนหน ึ่ งยังติดข  องอยูในอารมณที่เคยไดยินไดฟง ติด อยูในกิเลสบาปกรรมที่ เคยทํามาแลวอีกสวนหน ึ่งเป นสวนใหมที่มีความเข าใจวาอันน ี้เป นเร ื่องไมถูก ทํา ไมดีแล วใจทั้ งสองสวนนี้มันแยงกัน จะทําอยางไรจึงจะแก ไขได ทานอาจารย มันยึดมานานแสนนานยากท ี่ จะแก ไขได แตก็ยังดีที่เห ็ นวาสวนหน ึ่งเป นจิตท ี่ไปคิดติดอยูกับ กิเลสบาปกรรมที่ทํามาแตกอน จงไปยึดเอาจิตท ี่เป นสวนใหมที่เห ็ นวาไมดีไมถูกน ั้ นเสีย นาน ๆ เข  ามันก ็


ลืมไปเอง พร  อมกันน ั้นขอใหพิจารณาเห ็นโทษจิตท ี่ไมดีไปยึดเอาส ิ่ งตาง ๆ นั้นวาเป นภัยเป นศัตรูทําให เกิดบาปกรรมมาก ๆ มันก ็ จะเบ ื่ อหนายเกลียดกลัวแล ววางไปเอง ๑.ผูถาม ที่วาไมไปยึดหมายความวาอยางไรครับ ทานอาจารย  หมายความวาไมใหเอาใจไปจดจองปกฝงแนนอยูกับอารมณนั้นๆ ทั้งดีและช ั่วไมลืมเลยอัน เป นเหตุดึงดูดใหไดไปเกิดเปนภพชาติต  อไป ๑.ผูถาม ถาภาวนาน ิ่ งอยูกับอารมณอันเดยวีหากวามีอารมณอื่นเข  ามาแทรกแล  วเราจะพิจารณาเป นธรรมท ี่ เกิดขึ้น เพราะมีปจจัยใหมันเกิดขึ้น อันนี้ถูกตองหรือเปลาครับ ทานอาจารย ถาภาวนาน ิ่ งอยูกับอารมณอันเดียวถูกแลวอารมณอันอ ื่นมาแทรกไมถูกแตอารมณอันน ั้ นถา มาพิจารณาเป นธรรมก ็ใชได แตใหวางไดในเมื่ อพิจารณาแล  วถ าวางไมไดก็ไมถูกจะวางก ็ได จะพิจารณาก ็ ไดจึงจะถูกเม ื่ อพิจารณามันจะเป นธรรมคือลงท ี่ไตรลักษณก็ได หรือไมพิจารณามันจะอยูเฉย ๆ ของมัน มีสติคุมจิตให อยูในความสงบสุขตอไป ๑.ผูถาม ถาเราพิจารณาอยางน ี้ แลวแล  ววางจิตเฉย ๆ เชน ถากระเปาถูกขโมยแลวก  ็ทําเฉยๆ เชนน ั้ นหรือ ทานอาจารยนักภาวนาท ั้ งหลายพิจารณาถอนอัตตาแล วเฉยไดไมกังวลกับส ิ่ งของท ั้ งหลายแม  แตชีวิตของ ตนก ็ไมเข าไปยึด นับประสาอะไรแคกระเปา ๑.ผูถาม คําวาอุบายน ี่ หมายถึงวิธีการใชไหมครับ ทานอาจารย  อุบายน ี่ หมายถึงโครงการ หรือวิธีการท ี่ จะทําใหถูกตามเป าหมายน ั้ นๆ ที่ตนกําหนดไว แลว ๑.ผูถาม ที่วาไมไปยึดถือถาเราพิจารณาอยางน ี้ แลวเราจะทําตัวอยางไรในชีวิตประจําวันของเรา ทานอาจารย ยึดน ั้ นต  องยึดแนๆ ถาไมยึดถือจะพิจารณาอยางไรแตเม ื่ อพิจารณาส ิ่ งนั้น ๆ เห ็ นตามสภาพ ความเป นจริงแลวไมทราบจะยึดถืออะไรกัน ยึดหรือไมยึดมันก ็ เพียงแคนั้น การงานประจําวันทําก็สักแต วาทํา เพ ื่อใหลุลวงไปวันหนึ่ง ๆ เทานั้น ชีวิตความเป นอยูถาทําได อยางนี้มันก ็เบาไมเป นทุกข ๑.ผูถาม บางทีรูสึกวาไมมีตัวใจก็ไมมีมันมีแตการเกิด-ดับ เทานั้น ในชีวิตประจําวันเวลาอยูกับ ครอบครัวก ็ เห ็ นวาครอบครัวไมไดเป นของเราอยากทราบวาความคิดเชนน ั้นเป นจริงหรือวาเป นมารมา หลอกลวง


ทานอาจารยไมมีมารมาหลอกลวงความเห ็ นน ั้นเป นธรรมแลวแตมารมาหลอกลวงตางหากวาความเห็น เชนน ั้ นอาจจะผิดไป จงอยาเช ื่ อคําหลอกลวงของมารเลยผูเห ็ นเชนนี้มิใช ของงายต  องพิจารณาถึงพระไตร ลักษณจึงจะเห ็นได ๑.ผูถาม ปฏิบัติธรรมะแล  วก ็เป นสุข ทานอาจารยก็ถูกละซีปฏิบัติธรรมแล วเป นสุขไปหาสุขท ี่ไหนไมไดอีกแลวในชีวิตประจําวันก ็ หา ความสุข ทําบุญทําทานก ็ หาความสุขจะเอาอยางไรอีกใหสังเกตอีกนัยหน ึ่ งวาความสุขท ี่เราไดรับนั้น ทํา ให คนอ ื่นไดรับความทุกขเดือดรอนหรือไมถาทําให คนอ ื่ นเดือดร  อนมันก็ยังไมทันถูก ๒.ผูถาม ขอกราบเรียนถามวาถารางกายประกอบด วยธาตุสี่ เม ื่ อมีรอน มีหนาวเรารูสึกคือรูที่ใจใจผูรู มันรูสึกเดอดรื อนไปตาง ๆ นานา ใจนี้มันเป นธาตุหรือเปลาครับ ธาตุสี่นั้นพอจะเข าใจแตตัวรูนี่สมมุติวา เราจะวางนะครับวาไมใชของเรา ไมเทยง ี่ ตัวรูนี่คืออะไร เป นธาตุหรือเปลาครับ ทานอาจารย เป นธาตุรูเหมือนกัน ถาหากเราไมไปถือวาเป นเราเสียธาตุรูสักแตวารูเย็น รอน ออน แข็งก็ สักแตวา เย็น รอน ออน แข็งธาตุรูสักแตวาธาตุรูมันก ็ หมดเร ื่ องกัน ๒.ผูถาม ธาตุรูนี่ไมใชไหมครับ ทานอาจารยธาตุรูคือผูรูนั่นแหละ ๒.ผูถาม แล  วถ าไมถือวาเป นเราถือเปนใครครับ ทานอาจารยถือเป นสักแตวาปจจัยกระทบกัน สัมพันธเก ี่ ยวเน ื่ องกัน ให เห ็นเป นหน  าท ี่ ของมันของท ี่ ไมใชเราแล ววางไดถาหากวาเราวางไมไดก็ไปยึดเปนของเราเป นอุปาทาน ๒.ผูถาม เม ื่ อวานนี้ทานอาจารยโปรดพระมหาสมัยเก ี่ ยวกับเร ื่ องอนัตตาลักขณสูตร บอกวาคนโดยมาก เข าใจวาไมมีตัวตน หมายความวาอยางไรครับ กระผมขอไดยินสั้น ๆ อีกทีหน ึ่ งครับ วาควรจะเข าใจ อยางไรจึงจะถูก ทานอาจารยคําวาอนัตตาในที่นี้นั้นนะไมได หมายความวาไมมีมีอยูแตไมมีสาระ ตัวคนเรานะมีมีอยู เหมือนกัน แตวาหาสาระไมไดคือวาเกิดข ึ้ นมาแล  วมันแปรสภาพตั้ งแตเกิดมาจนบัดน ี้นั่งอยูนี่ก็แปร สภาพไปเรื่ อยไมมีสาระแกนสารอะไร สักแตวาเปนปจจัยสืบเน ื่ องกันไป อยางเซลลตัวต  นมันดับไปตัว อื่นเกิดมาแทน ตาย-เกิด-ตายผลที่สุดหมดปจจัยแล  วก็ดับหมดเลย นั่นจึงวาไมใชของเราคือไมมีสาระ


๒.ผูถาม ถาดับหมดธรรมชาติของตัวรูจะยังมีอยูหรือจะดับไปด วยครับ ทานอาจารยเร ื่ องนี้ตองแล  วแตเหตุปจจัยถาเหตุปจจัยของผูรูยังมีอยูก็ยังไมดับ ๒.ผูถาม แล  วธาตุรูนี่มันจะติดตอจากชาติหน ึ่งไปอีกชาติหน ึ่ งเร ื่ อยๆ ใชไหมครับ ทานอาจารยถาหากวายังไมทันหมดบริสุทธ ิ์ เด ็ ดขาดคือมันเข าไปยึดอยูมันก็ยังตอไปเรื่ อยๆ ๒.ผูถาม ตอนนี้ถาหมดบริสุทธ ิ์ได แลวธาตุรูนี่จะหายไปหรือครับ ทานอาจารยเม ื่ อเราเข าใจและไมเข าไปยึดแลวไมมีปจจัยมันก ็ไมสรางอะไรทั้ งนั้น อันน ั้นไมตองพูดกัน ละ ๒.ผูถาม ทานอาจารยพูดเร ื่ องน ี้ แล  วนาสนใจขอกราบเรียนใหทานอาจารยอธิบายในเรื่ องน ี้ ทานอาจารยคือวามันเป นภพอันหน ึ่งของใจเม ื่อเวลาใจเขาไปในนั้น ๆ แลว มันวางทอดธุระอายตนะ ภายนอกท ั้ งหมดอันน ั้นเปนภพของใจ ภพของใจจําเป นจะต  องมีขันธธาตุอายตนะมีหมด นี่พูดถึงเร ื่ อง อายตนะภายใน คือมันคุยอยูคนเดียว มันมีกระทบกระท ั่ งอยูคนเดียว มันรูเร ื่ องของมันอยูคนเดียวอะไร ทั้งหมดมีเหมือนอายตนะภายนอกน ี่ แหละ ๑.ผูถาม ที่ทานอาจารยกลาวน ี้ หมายความวาจิตนี่มันมีขันธหาพร  อมอยูในตัวของมันหรือครับ ทานอาจารย ใชแลวไมใชมีแตขันธหาอายตนะท ั้ งหลายก็มีดวยถาไมมีมันจะเอาอะไรมาเกิดจิตนี้มัน สร างของมันไวสองภพ ภพนี้ดับไปแล วมันก ็ไปถือเอาภพอ ื่ นตอไป ผูภาวนาถึงข ั้ นความสงบพิจารณาเห็น วาหมดกิเลสแล วก ็ อยูเฉย ๆ นั้นแหละคือสรางภพใหมไวใหตัวเอง ๑.ผูถาม ตามความเห็นของผมคือเราต องอาศัยปจจัยส ี่ในการที่ จะชวยเหลือคนอื่น ตัวเราเองก ็ตองอาศัย ปจจัยส ี่ จุดหมายของเรามนมั ีอยูเพียงเทาน ี้ใชไหมครับ ทานอาจารย  เม ื่ อเรายังมีชีวิตอยูมันก็ตองอาศัยปจจัยส ี่ถึงแมวาเราจะวาปจจัยส ี่เป นทุกขก็ตาม แตเราเกิด ขึ้นมาทุกขก็ตองอาศัยทุกขไปเสียกอน ถาหากวาเราเขาไปย  ึดน ั้ นจริง ๆ จังๆ มันก ็ เกิดทุกขขึ้นมาถาหาก วาเราไมไปย  ึดเป นเพียงเคร ื่ องอาศัยมันก ็ไมมีกิเลสเกิดขึ้น เหมือนเราจะต  องการข  ามน ้ํ าด  วยเรือเราต  อง อาศัยเรือ พอไปถึงฝ งแล  วเราก็ทิ้งเรือไมเอาเรือไปด วยเหมือนๆ กัน


๒.ผูถาม ตามจิตวิทยาของฝรั่งบอกไววาถามีอารมณภายในใจต องมีการแสดงออกถึงจะระบายอารมณ นั้นไดทานอาจารยมีความเห ็ นอยางไร ทานอาจารย  ถูกแลวถาไมแสดงอาการออกมาคือไมระบายออกมามันก็ยังค  างอยูแตมิได หมายความวา หมดแลวแตถาปฏิบัติเข  าถึงธรรมแลวไมมีการแสดงอาการออกมาก ็หมดได ๒.ผูถาม ความตายคืออะไรครับ ทานอาจารยตาย หมายถึงความแตกดับของรางกาย หรือเรียกวาความสลายไปของสภาพอันหนึ่งจิตก็มี สภาพใหนึกคิดปรุงแตงโนนน ี่ เหมือนกัน เม ื่ อมันดับจากอารมณนี่แล  วก ็ไปปรุงแตงอารมณอื่นตอไป เรียกวาเกิดอารมณใหมตอไป จิตก็มีการ เกิด-ดับ เหมือนกัน เรียกวาภพน อยภพใหญทั้งท ี่ ขณะยังมีชีวิตอยู นี้ ๒.ผูถาม ผมอยากจะเปรียบเทียบศาสนาพุทธกับคริสตศาสนาคริสตสอนเร ื่ องวิญญาณ วิญญาณน ี้เปน อัตตาเป นตัวเป นตน เม ื่ อตายแล  วมีการข ึ้ นสวรรคตกนรกเวลาทําดีหรือทําชั่วถาจะเปรียบกับศาสนาพุทธ จิตก ็ คล  าย ๆ วิญญาณใชหรือไม ทานอาจารย  คล  ายกัน คือจิตกับวิญญาณในพุทธศาสนาก็มีเรียกช ื่ อวาจิตก็มีวิญญาณก็มีคือวาผ ูที่สร าง กรรม รับกรรม คือตัวจิตหรือวิญญาณน ั่ นเองแตทางพุทธศาสนาไมไดถือวาพระเจ าเป นคนสงถือกรรม นิมิตคตินิมิตปนคนส  งใหขึ้นสวรรคตกนรก สวนคริสตศาสนามีพระเจ าเป นคนสงผิดกันเทาน ั้ นแหละ เวลาค่ํา แสดงธรรมเทศนา สอนชาวไทยที่ อยูในซิดนียที่วัดพุทธรังษีนครซิดนีย มนุษยคนเราเกิดมามความปรารถนาอย ี ูอยางหนึ่ง ซึ่งต  องด ิ้ นรนแสวงหาด วยอาการตางๆ กันสุดแท  แตความสามารถของตน ตั้งต  นแตศึกษาหาความรูใสตัวแล วประกอบอาชีพน ั้ นๆ เป นตน แตถึงกระน ั้ นก ็ ยังไมประสบผลสําเร็จ สิ่งที่วานี้คือความสุขความต  องการของตน นี่แหละเป นส ิ่ งท ี่ มนุษยตองการอยาง ยิ่งความสุขน ี้ไมมีขอบเขตวาขนาดไหนที่ มนุษยเราต  องการ พากันงมหาเหมือนกับงมเข ็มในมหาสมุทร งมเทาไรๆ ก็ไมพบสักทีเป นที่นาสลดสังเวชมาก พระพุทธเจ  าเม ื่ อคร ั้ งเสวยพระชาติเปนพระโพธิสัตว เห็นมนุษยเรางมงายอยูอยางไมรูจักความหมายของตน และผลท ี่ ตนจะพ ึ่งไดนั้นก ็ไมทราบวาอะไรเปน อะไร ฉะน ั้นพระโพธิสัตวจึงปรารถนาพระโพธิญาณเม่อสื ําเร ็ จแล วจะโปรดสัตวที่หลงงมงายอยูนั้นให เห ็นทางไป เม ื่ อตรัสรูแล  วก ็ไดอุตสาหสอนมนุษยถึง ๔๕ ปจึงเสด ็ จดับขันธเข าสูปรินิพพาน มนุษย


โดยมากก็ยังหาความสุขท ี่ ตนต องการไมเห ็ นจนกระท ั่ งบัดน ี้ถึงอยางไรธรรมะที่ พระองคสอนน ั้ นยังสอง แนวทางใหเราไดปฏิบัติสองอยางคือ ประโยชนโลกนี้และประโยชนโลกหนาอันจะนําเราใหถึงสันติ คนเราเกิดมาดวยเหตุปจจัยคือความดีและความชั่วดีก็ยึดเอาไวชั่วก็ถือเอาไว แตทําดีแล  วยึดเอาไวให ผล คือเกิดมาไดรับความสุขความช ั่ วน ั้ นทําแล  วยึดเอาไวให ผลคือเกิดมาไดรับความทุกขนานัปการคน จะต  องเวียนวายอยูในโลกนี้ดวยประการฉะนี้ เม ื่ อเกิดมาแล  วจําต  องดําเนินชีวิตตอไป ประกอบอาชีพแต ในทางสุจริต อยาคิดฉ อโกงเขาดวยประการตางๆ ฯลฯจะทําตนเองให เดือดร  อนและคนอ ื่ นเดือดร  อนด  วย พระพุทธองคตรัสวาคนเราเกิดมาไดชื่อวาเป นญาติวงศกันด  วยเกิดรวมชาติรวมโลกกัน ถึงอดีต อนาคต ไมชาติใดก็ ชาติหนึ่ง บางทีบิดามารดามาเกิดเปนล ูกเป นหลานของเราก ็ได แม  แตสุนัข สุกร หรือวัวควาย ที่อยูในทุงไรทุงนาก็อาจจะเป นพอแมหรือลูกหลานของเราก ็ได ฉะน ั้ นจึงอยาทําการเบียดเบียนซ ึ่ งกัน และกัน ใหถือวาเขาเหลาน ั้นเป นญาติของเราอยางน  อยก ็เป นญาติเกิดแกเจ็บ ตายดวยกันท ั้ งนั้น จงรัก แลเคารพปรองดองสามัคคีมีเมตตาปรานีซึ่งกันแลกัน คนเราเกิดมาแม จะไมไดความสุขอันยิ่ง สุขเพียง เทานี้ก็พอแลว นี้เรียกวาความสุขในปจจุบัน ความสขในปรโลกนุั้นเอาฝงไวในใจเพราะกายน ี้ แตกดับแล วใจจะต องเกิดอีก สุขอันใดซึ่ งเกิดจาก คุณงามความดีเป นต  นวา ทําบุญ ทําทาน รักษาศีลเจริญเมตตา ทําสมาธิภาวนาถึงภายนอกไมเห ็ นผลแต ภายในปรากฎชัดด  วยตนเอง ปลาบปลื้ มซาบซ ึ้ งด วยใจของตนเอง นั้นแลจงเก ็ บรักษาไวใหดีเวลาตายที่พึ่ง อื่นนอกจากนี้แล วไมมีที่พึ่งอันน ี้ใครก็รูดวยไมได เว  นแตตัวของเราเองอันน ี้ เรียกวาสุขในปรโลกอัน บุคคลหาได ยาก สุขอยางย ิ่งได แกสุขอันปราศจากสิ่ งเก ี่ ยวข  องท ั้งปวง สุขอันใดถ ายังแสวงหาอยูสุขอันน ั้ นเรียกวา สุขไมพอ สุขเจือทุกขอยูสุขอันใดหมดอยาก หมดทะเยอทะยานอ ิ่ มพอแลว หยุดน ิ่ งอยูกับท ี่ สุขอันนั้น พระพุทธเจ  าทานวา สุขอมแล ิ่ ว พอเต ็ มท ี่ บริบูรณแลววัตถุภายนอกไมวามีมากมีนอยไมเปนปญหา นั่น เป นเพียงเงาแหงความสุขเทานั้น ความสุขอันแท  จริงได แกความสุขท ี่ปราศจากความอยากนี้ เพราะความ อยากนําให เกิดความไมอิ่ม ไมพอในของที่มีอยูและไมมีเม ื่ อกายตายแล  วความอยากน ั้ นก็ยังมีติดตามใจ อยู เหตุนั้นจึงให พากันรักษาใจดวยการทําภาวนาสมาธิใหสงบ หัดสมาธิคือ หัดใหใจอิ่ม คือ หัดใหมัน พอเราเคยสงคิดเคยปรุง เคยแตงอยูตลอดเวล ่ํ าเวลายิ่งคิดยิ่งหิวยิ่งปรุงย ิ่ งแตงยิ่งหิวเรียกวาไมมีความ อิ่มความพอเรามาหัดสมาธิหัดหยุดคือให เห ็นโทษในเรื่ องยุง ในเรื่ องวุนวาย หัดทําความสงบอบรมจิต ตั้งสติควบคุมจิต ผูมันคิดน ั่นแหละใหมันอยูจุดเดียวใหมันนิ่ง พิจารณาอยูในจุดเดียวคอื ลมหายใจเขา ออก สติคุมอยูตรงนั้น วิธีที่ใหจิตอิ่ม จิตพอ มีวิธีเดียวน ี้


ทานอาจารย  พาน ั่ งภาวนาพรอมท ั้ งอบรมธรรมนํากอน การหัดภาวนาอยาไปคิดมากอยาไปคิดคาดสูงเกินขอบเขต การภาวนาจะถึงมรรคผลนิพพานหรือ จะถึงญาณ สมาธิสมาบัติอยาไปคิดเราคิดแตเพียงวาเราจะสํารวมใจใหสงบอยูในที่ เดียวเป นเอกัคตา รมณเอกัคตาจิต เราพยายามทําจิตน ิ่ งอยูในที่ เดียวอารมณเดียวเทานี้ก็เปนใชไดสวนอ ื่ นซ ึ่ งมันจะเปน ตอไปละเอียดลงไปหรือวาจะเปนอะไรตอไปอีกเป นอีกเรื่องหนึ่งตางหาก นี่เป นพ ื้ นฐานของธรรม ทั้งหลายท ี่ จะถึงมรรคผลนิพพาน ฌาน สมาธิสมาบัติอยูที่ตรงจิตเป นหน ึ่ งเสียกอน ถาหากเราต ั้ งตรงน ี้ไว ได แล  วจะเช ื่ อตัวเองวา มรรคผลนิพพาน ฌาน สมาธิมีจริงหรือไมพุทธศาสนาสอนให คนละช ั่ วทําดี ไดรับความสุขจริงหรือไม ( นั่งภาวนาประมาณ ๒๐ นาที ) ตอบปญหาธรรมภายหลังน ั่ งภาวนา ๒.ผูถาม ขอกราบเรียนถามวาจะมีวิธีใดชวยใหจําไดดีครับ ทานอาจารยมีอันเดียวคือ บํารุงสติสัญญาคือความจํา สติหากไมควบคุมสัญญามันก็จําไมอยูสัญญามัน ไปจําจําแล  วก็ทิ้ง สติคุมไวมันจึงคอยอยู ๒.ผูถาม จิตของเราเป นส ิ่ งท ี่ไปเกิดใหมได และจิตดวงน ั้ นสามารถสะสมทุกส ิ่ งทุกอยางท ี่ มาจากอดีต แลว เวลาเราเกิดใหมเราจะจําเร ื่องในอดีตได หรือเปลา ทานอาจารยมันไมทั่วกัน ความจําในอดีต ในเวลาที่ตายไป แล  วเกิดใหมความจําน ั้ นมันหายสูญไปหมด เวลาท ี่ ตายบรรดาความจําก็ดีความปรุงความแตงก็ดีความคิดนึกอะไรทั้งหมดไปรวมอยูในก อนเดียว หากผูมีบุญวาสนาบารมีที่ไดสั่งสมไวเคยอบรมไวในอดีตชาติเวลาท ี่ตายไปมันยังสามารถท ี่ จะจําได อยู ในความรูสึกในขณะที่ไปเกิดใหมกอนท ี่จะปฏิสนธิเวลาปฏิสนธิจริงๆ แล วไมมีเลย หายหมดไมรูสึก อะไร มีแตพระพุทธเจ  าองคเดียวที่รูอยูเม ื่อปฏิสนธิอยูในครรภหากวาบุญวาสนาอยางน ั้นไดสรางไว มาก พอเกิดข ึ้ นมาก ็ ระลึกไดจิตดวงน ั้ นที่มันไปเกิดน ั้ นมันคล  ายกันกับเม ็ ดมะมวง เมดมะม ็ วงแตละลูกน ั้ นมัน รวบรวมเอาไวหมด ตั้งแตรากลําตน และใบ ตลอดถึงผลและดอกอยูในที่ แหงเดียวแตเวลาที่มันไปเกิด ก็หมายความวามันไปตกลงในดิน ถูกน ้ํ าถูกดินชุม มันก ็คอยแตกออกมา ปรากฏเป นรากเป นลําตน ตลอด ถึงเป นลูกเป นผลจิตของเราเวลาที่มันตายมันก ็ รวบรวมเอาบุญ เอาบาป เร ื่ องกิเลส หรือเรองสารพ ื่ ัด ทั้ง


ปวงหมดก็รวมไวในแหงเดียวฉันน ั้ นเหมือนกัน เวลาแตกขยายเป นรากเปนใบ เป นตน ก็เหมือนกับมัน ระลึกไดทุกส ิ่ งทุกอยางไปหมด ๒.ผูถาม เด ็ กอายุประมาณ สอง-สามปบางทีพูดถึงชาติกอน หรือวาเขามีบุญวาสนาท ี่ พอจะระลึกถึงชาติ กอนไดใชหรือไม ทานอาจารย มีบางคนเม ื่ อเกิดมาเป นเด ็ กๆ พอระลึกได แตเม ื่อโตๆ มาก็ชักจะลืมๆ ไปมีมากเหมือนกัน โดยสวนมากพวกน ี้ เม ื่ อเกิดใหมในระหวาง ๓-๔ ขวบ หรือ ๔-๕ ขวบ ระลึกชาติได พวกนี้มักเป นพวกท ี่ ตายแล  วรีบเกิดเร ็ วๆ มันไมไดไปเสวยทนทุกขทรมานหรือไมไดไปเกิดเป นอยางอ ื่ นอีก พวกกลับชาติตาย เร ็ วๆ เกิดเร็ว ๆ โดยมากมักเป นอยางนั้น อน ึ่ งเด ็กไมมีภาระมากจึงจําได พอแกภาระมากก็ลืมหมด ๒.ผูถาม เม ื่ อพระพุทธเจ าสําเร็จเปนพระพุทธเจ  าแลว พระอรหันตสําเร็จเปนพระอรหันตแล  วดวงจิตยังมี อยูหรือเปลาหรือวาจิตมันลอยไปในภพของพระพุทธเจ  าหรือพระอรหันตแลว ทานอาจารย  ความเข าใจของเรานั้ นมิใชเราเป   นเราเห ็ นทานก ็หาไมจิตของพระพุทธเจ  าหรือของพระ อรหันตทั้งหลาย ทานรูสภาพความเป นจริงของส ิ่ งสารพัดทุกอยางแลว ทอดธุระปลอยวางไมเข าไปยึดมั่น ถือม ั่นในสิ่ งท ั้ งหลายเหลานั้น ถึงจะพบทานก ็ปลอยวางได  ดวยอุบายปญญาอันชอบของทานแล  วอยูเปน สุขในโลกนี้ เวลาธาตุแตกขันธดับใชการไมได แลวจิตของทานก ็ไมทราบวาจะไปใชอะไรอีกไมมีเหตุ ปจจัยอะไรที่นํามาใชตอไป จิตของทานจะเรียกวาเกิดก ็ไมใชไมเกอดอีกก ็ไมใช เพราะไมมีปจจัยท ี่ จะนํา ให เกิดและไมเกิดของพรรคนี้รูเฉพาะตนเองจะไปเดาไมไดผิดหมด ๒.ผูถาม พระอรหันตนั้นเมื่อดวงจิตของทานไมมีงานทําแล  วมันหายไปไหนครับ ทานอาจารย  อยาไปพูดถึงเร ื่ องน ั้ นเถิด มันสูงเกินไป เด ี๋ ยวคนจะเบ ื่ อพระนิพพาน ๒.ผูถาม ผมคิดเร ื่ องน ี้ มาต ั้งสองปแลว ทานอาจารย คิดเทาไรก็ไมออกถ าหากเราไมเข  าถึงตรงนั้น ไมเห ็ นตรงน ั้นไมรูเร ื่ องเลย พูดก ็ไมรูเร ื่ องวา ความดับเป นความสุข ตั้งร อยปก็ไมรูเร ื่ องถาหากเราไมไปเห็ นตรงนั้น เร ื่ องอันน ี้เป นของเฉพาะสวนตัว เรามาพูดกันน ี้เป นสมมุติบัญญัติเทานั้น อันน ั้ นมันนอกเหนือไปจากสมมุติบัญญัติแลวเราพูดอันน ั้ นมัน พูดไมถูก มันเป นของเฉพาะสวนตัวเราอยูในโลกิยะเราไปพูดถึงเร ื่องโลกุตระ พูดได แตชื่อไมเห ็ นตัวก ็


ไมรูเร ื่ องก็ดีเหมือนกันคิดค  นมาต ั้งสองปแล  วนับวาสนใจพอใช จงมาเร ิ่ มต นปฏิบัติตามสติปฏฐานนี้ เสียกอนจึงจะเขาใจได ๒.ผูถาม คนท ี่ เข  าถึงโลกุตระแลว สําเร็จเปนพระอรหันตแลวแล  วจะกลับมาเกิดเปนโลกิยะหรือเปลา ทานอาจารย โลกุตระมีหลายอยางเชนพระโสดา พระสกิทาคามีพระอนาคามีและพระอรหันตสองพวก เบ ื้ องต  นตายแล  วมาเกิดอีกบําเพ ็ ญบารมีตอจึงไดสํ  าเร ็ จพระอรหันตสองพวกหลังไมตองเกิดอีกไปบังเกิด ในที่สูงหรือนิพพานเลย ๒.ผูถาม ชาวตางประเทศสวนมากมีความคิดเห ็นในเรื่ องพุทธศาสนาที่วาถึงโลกุตระแล วไปเป นพรหม หรือสวรรคดังน ั้ นจึงอยากใหทานอาจารยอธิบายเรองโลก ืุ่ตระทางพุทธศาสนานี้อีกครับ ทานอาจารย  เร ื่ องมหายาน หรือศาสนาท ี่ เช ื่ อพระเจาโลกุตระของเขาหมายถึงสวรรคหรือพรหมเทานั้น เขาจึงเข าใจอยางนั้น สวนโลกุตระฝายหินยาน กลาวถึงโลกุตระมีสองดวยสามารถละกิเลสได แตไมหมด เปนพระโสดา พระสกิทาคามีตายไปเกิดท ี่ สวรรคแล  วกลับลงมาเกิดอีก ๒-๓ หรือ ๗ ชาติทําใหสิ้นทุกข ได พระอนาคามีตายแล วไปเกิดพรหมโลก ทําที่สุดทุกขในที่นั้นไมกลับลงมาเกิดอีก นี้อยางหนึ่ง สวน พระอรหันตทําที่สุดทุกขในโลกนี้ แล  วนิพพาน ไมตองมาเกิดอีก สวนมหายานหรือศาสนาเช ื่ อพระเจาถือวาทําดีถึงที่สุดแล วไดไปเกิดเพียงสวรรคหรือพรหมโลก เทานั้น ความดีในทางพุทธศาสนาต องละช ั่ วจึงส ิ้ นทุกขไดถายังยึดอันใดอันหน ึ่ งอยูยังไมพนไปจากทุกข ได แตศาสนาคิดไมถึงหรือทําไมไดจึงเห ็ นเพียงแคนั้น ๒.ผูถาม การบรรลุพระโสดาก็ดีพระสกิทาคามีก็ดีสําเร็จเปนพระอรหันตก็ดีถือวาเขาโลกุตรธรรม นอกน ั้นไมใชโลกตรธรรมใชุไหมครับ ทานอาจารย  ถูกแล วโลกุตระมีสองขั้น ขั้นหน ึ่ งยังเทียวเวียนวายตายเกิดอยูแตนอยที่สุดคือ ๒-๓ ชาติ เทานั้น หรือ ๗ ชาติขั้นท ี่ สองถึงพระอรหันตแล  วนิพพานเลย ๒.ผูถาม สมมุติวาเสียชีวิตเม ื่อตอนเป นสกิทาคามีเม ื่ อมาเกิดจะต  องทําเปนโสดากอนแล  วจึงคอยเปน


สกิทาคามีใชไหมครับ ทานอาจารย มันก็ตองเปนไปตามลําดับเหมือนกัน แตวามันไปอยางเร็ว บางทีถึงพระสกิทาคามีเลยก ็ได ถาธรรมเทศนาไปตรงกับภูมิของตนเขา วันท ี่ ๑ธันวาคม ๒๕๑๙ สนทนาธรรม ที่วัดพุทธรังษี ๒.ผูถาม ผมมีโรคประจําตัวปรากฏอาการเป นคร ั้ งคราวเม ื่ อยี่สิบปที่ผานมา ปรากฏอาการในสมองคล าย มีอะไรมาดันเจ ็ บมากที่ศีรษะ ตรวจแล วไมใชเน ื้ องอกไมพบพยาธิสภาพในสมองผมไปรักษาตัวท ี่ ลอนดอนแพทยฉีดยาใหอาการของโรคหายไปถึงห าปหลังจากน ั้นปรากฏอาการเป นคร ั้ งคราวเป นๆ หายๆ อยูเร ื่ อยมาจนถึงปจจุบันน ี้ ตอนน ี้ หายมา ๔ วันแลวอีกหนอยคงเป นอีกไมอยากจะไปผาตัดไม อยากฉีดยาด  วย พยายามท ี่ จะหัดภาวนาอยากทราบวาจะมีวิธีแก  หรือเปลาครับ ทานอาจารย มันอยูที่ใจของเราถาหากใจของเราสงบมีพลังเพียงพอสามารถท ี่จะปลอยวางไมยอมเข าไป ยึดในเรื่ องความเจ ็ บน ั้นไดคือยอมสละคล ายวาท ิ้ งเลยเป นของเนาเบ ื่ อหนายเปนโทษทุกขมานาน ทิ้งเลย ยอมสละในปจจุบัน เม ื่ อจิตมีพลังเต ็ มท ี่หายได เด ็ ดขาด ๒.ผูถาม แนวของการปฏิบัติที่จะปลอยวางมีอะไรบ างครับ ทานอาจารย วิธีที่จะปลอยวางมีสองอยางโดยเฉพาะเรื่ องการตอสูเวทนา มันปวดตรงไหน มันเจ็บ ตรงไหน เวทนาเกิดข ึ้นตรงไหน กําหนดเอาใจไปไว ตรงนั้น จดจ  องเฉพาะตรงนั้น รูอยูสิ่งเดียวไมตองให มันแสสายไปที่อื่น พอจิตแนวแนจองมองเฉพาะความเจ ็ บอยูอยางนั้น เพงพิจารณาถึงเร ื่ องความเจ ็ บอัน นั้น บางคร ั้ งบางคราวเม ื่ อจิตรวมสงบได อาจแตกกระจายหายวับไปไดก็มีบางทีเม ื่ อเราเอาจิตเขาไปถึง ตรงน ั้นไปจ องอยูตรงน ั้ นรวมวูบลงไปหายเลยก็มีหรือมิฉะน ั้ นเราทอดธุระอยางท ี่ อธิบายมาใหฟงแลว อันน ี้เป นก  อนทุกขมันทุกขทรมานมานานแลวคราวน ี้อะไรก็ทิ้ง เลยเราจะกําหนดเอาใจผูเดียวใจผทีู่ไป เห ็ นมันทุกขรูสึกวามันทุกขจับเอาเฉพาะความรูสึกไมตองไปทําความรูสึกกับผูทุกขจับความรูสึกผูที่ไป จองอยูอันเดียว พอจิตอันนี้มีพลังหายได เหมือนกัน ๒.ผูถาม เม ื่ อเรารูสึกเจ็บ ความเจ ็ บมันอยูที่สมองหรืออยูที่ในใจ


ทานอาจารยมันพูดยาก ตอเม ื่อสงบใจจนกระทั่ งมันวางหมดเสียกอน แล  วมีใจเหลืออยูอันหน ึ่ งจึงจะรูสึก วาใจกับสมองน ั้ นคนละเร ื่ องกัน เด ี๋ ยวนี้มันยังเก ี่ ยวเน ื่ องกันอยูมันยังแยกกันไมทันออกจะพูดอันนี้มันก ็ ไปถูกอันนั้น จะพูดอันน ั้ นมันก ็ไปถูกอันน ี้ พูดถึงใจไปถูกเซลลจะพูดถึงเซลลไปถูกใจ พูดเจ ็ บก ็ไปถูกใจ พูดใจก็ไปถูกเจ็บ เมื่อใจมันวางหมดความเจ ็บไมมีมันไปเหลืออันหน ึ่ งของมันตางหาก มันไมปรากฏจึง คอยไปรูสึกวาใจกับสมองมันแยกคนละอันแตวาเม ื่ อยังมีชีวิตอยูมันทํางานรวมกัน ๒.ผูถาม การปฏิบัติของผมยังเข าไมถึงจากที่ทานอาจารยอธิบายผมเข าใจวาท ั่ วๆ ไปแยกกายกับใจไมได ถาหากเอามีดมากรีดก็ตองรูสึกเจ็บ ตอเม ื่อใจสงบแนวอยูที่อารมณหน ึ่ งก ็ไมรูสึกเจ็บ เพราะใจไมไป เก ี่ ยวข  องกับกายในขณะนั้น คิดวาพวกโยคีคงจะใชวิธีอันนี้ตอสูกับความทุกขใชหรือไม ทานอาจารย ก็ใชละซีคือวาเขาแยกใจออกจากกาย เขาแยกออกจากกันได คนเราเวลาจะตายมันไมเอา เซลลอะไรใจมันไปของมันตางหากเซลลตางๆ นั้นมันมีอยูแล วใจจึงมาใช แตเวลาตายเราไมได เอาเซลล ไปด วยไปสรางเอาใหม ๒.ผูถาม ขอกราบเรียนถามวาเม ื่อเราจะฝกหัดใจให แนวแนแล  วทําไมจะต องพิจารณากายใหเป นส ิ่งปฏิกูล เป นอสุภะ มันไมใชสิ่งปฏิกูลไมเป นอสุภะ มันเป นแคเซลลและธาตุผมไมเห ็ นด  วยที่มันเป นอสุภะ ปฏิกูล ทานอาจารยปฏิกูล หมายความวาเปนของสกปรกการล  างหน  าล  างตาน ั้นไมใชของสกปรกหรือ ทําไมไม เห็น พิจารณาเห็นเปนของปฏิกูลเป นธาตุเพ ื่อไมใหติดในกายเห็นเป นสักแตวาของปฎิกูลเป นธาตุใจไป ยึดเอาตางหากแท  จริงแล วไมใชกายของเราก็ปลอยวางยังเหลือแตจิต ๒.ผูถาม ภายนอกสกปรกแตภายในมันไมไดเป นเชนน ั้ นครับ ทานอาจารยน้ําเลือด น้ําหนองสกปรกไหม น้ํามูก น้ําลาย น้ําปสสาวะอุจจาระสกปรกหรือไม ๒.ผูถาม ไมเห ็ นวาสกปรก มันเป นแตธาตุน้ําและธาตุดิน ทานอาจารยถาไมสกปรกต องล  างมือทําไม เวลาผาตัดล  างมือหรือไม ๒.ผูถาม ใชครับ เป นความจริงอยางที่ทานอาจารยพูด ผมไมอยากจะเทียบศาสนาพุทธกับศาสนาคริสตศาสนาคริสตเขาไหว พระเจาและขอใหพระเจา ชวยเหลือประการหนึ่งและอีกประการหนึ่ งเพ ื่อจะให เร ื่ องน ั้ นๆ สําเร ็ จหรือดีขึ้น ในทางพุทธศาสนาเขา


ทํากันอยางน ี้ หรือเปลา เราควรท ี่จะกราบไหว พระพุทธเจ  าแล วใหทานชวยเหลือด วยประการตางๆ หรือไม ทานอาจารย  เบ ื้ องต  นทุกศาสนาต องมีศาสดาเป นสรณะถือเอาศาสดาของตนเป นที่พึ่งหนวงเหน ี่ ยวจิตใจ ไวถือวาศาสดาน ั้ นๆ เป นผูดีแลวจึงเอาศาสดาน ั้ นๆ มาเป นเคร ื่ องระลึกเพ ื่อเราจะไดทําดีกาวหน  าตอไป แตวาตอนที่ทําน ั้ นต  องทําดวยตนเองฝายทางศาสนาคริสตเราทําเองแทบล มแทบตายไดอะไรมาก็บอกวา พระเจาชวยเพราะถือพระเจ  าชวยอยางเดียวศาสนาพุทธถือวาตนเองเป นคนทํา ตนเองเปนคนไดรับท ั้ งดี และชั่วศาสนาคริสตบอกวาดีและช ั่ วพระเจ าใหทั้งๆ ที่ตนทําอยูเองมันผิดกันตรงน ี้ อะไรๆ ก็จะใหพระเจาชวยทั้งหมดไปใช แตพระเจาบาปนะพระเจาเอาไวบูชา เอาไวเปน เคร ื่ องระลึกเราระลึกถึงพระเจ  าแล  วเราจะทําดีอยางพระเจาไมใชเอาพระเจ ามาใช ๒.ผูถาม ถาหากเราเอาพระเจ ามาใชในทางที่ดีจะถูกต องหรือเปลา ทานอาจารย ถึงทางที่ดีก็เหมือนกัน เอาพอแมมาใชในทางที่ดีจะเอามาใช อยางไรเอาพอแมมาใช   เล ี้ ยงลูก จนเติบโตอยางน ั้ นหรือลูกอาศัยพอแมจนวันตายแล  วเม ื่อไรลูกจะเป นผูเป นคนกับเขาสักที ๒.ผูถาม ไมใชเอามาใชเล  ี้ ยงลูกเวลาเราจะปรึกษากับคุณพอคุณแมทานจะได แนะนําเราด วยปญญา ทานอาจารยอยางน ั้ นก ็ใชไดซีพระพุทธเจ าสอนเราก ็ สอนอยางน ั้ นหรือพระเจ าสอนเรากสอนอย ็ างนั้น แตอันน ี้จะใหทานลงมือลงแรงรับบาปรับกรรมไปด วยอยางไรได ๒.ผูถาม บางลัทธิบอกวาพวกเทพตางๆ สามารถบันดาลใหเปนไปตางๆ ไดในศาสนาพุทธมีเชนน ี้ หรือไมเวลาเราต  องการความชวยเหลือพระพุทธเจ  าจะชวยบันดาลให เราหรือเปลา ทานอาจารยเร ื่ องเทพตางๆ พูดยากเป นส ิ่ งท ี่ไมปรากฏด วยกาย พระพุทธเจ าเอาไว เหนือนอกเหตุผล สวน ขอเท ็ จจริงมาเอาตรงที่วา พระพุทธเจ าสอนทุกส ิ่ งทุกประการใหทําด  วยตนเอง เชนสอนใหรับประทาน อาหาร พระองคไมไดปอน สอนใหรับประทานอยางน ั้ นๆ แลว ตางคนตางรับประทานเอง พระองคสอน แล วจะตามไปป อนทุกคนอยางน ั้นไมได ทางพุทธศาสนาเป นอยางน ี้สวนท ี่ จะมีรสเอร ็ ดอรอยน ั้ นแล  วแต บางทีมันอาจจะมีเทพ มีภูตผีปศาจอะไรเอายาพิษหรอรสชาตื ิอรอยมาใส  อันนนไม ั้ ตองพูดถึง เพราะเปน ของไมมีตัว  เป นของนอกเหนือเหตุผลศาสนาพุทธสอนส ิ่ งที่มีเหตุผล นอกเหนือจากเหตุผลแลว สิ่ง มหัศจรรยจะรูเฉพาะพวกที่รูดวยกัน อยางที่พูดมานี่แหละเทพมาบันดลบันดาลอะไรตางๆ ไมมีใครรูเห็น ดวย พระองคไมพูดจะพูดเป นบางคร ั้ งบางคราวโดยเฉพาะพวกที่รูเหมือนกัน


๒.ผูถาม ไมทราบวาเร ื่ องอนนั ี้มันนอกเหนือเหตุผลหรือเปลาแตอยากทราบวาบางคนสามารถจะรับ บันดาลของเทพหรือของพระเจ าได หรือเปลา ทานอาจารยก็นั่นละซีมันเหนือเหตุผล มีเหตุผลอะไรที่วาเทพบันดาลอะไรเป นสักขีพยาน ดังน ั้ นจึงวา เหนือเหตุผล ๒.ผูถาม ผมอยากทราบเร ื่ องอันน ี้ เพราะศาสนาจีนมหายาน สอนถึงเร ื่องพระโพธิสัตวครับ เขาบอกวาถา เขาขอความชวยเหลือจากพระโพธิสัตวๆ บันดาลชวยเราไดเขาเองเคยไดรับผลด  วย พระโพธิสัตวไดชวย บันดาลเร ื่องใดเรื่องหนึ่งตามความประสงคของเขาแตเวลาท ี่ ผมศึกษาทางหินยานกลับไมมีเร ื่ องเหลาน ี้ จึงอยากทราบวาฝายใดถูกฝายใดผิด ทานอาจารยมันถูกทุกอันน ั้ นแหละ มันถูกไปคนละแงละมุมกัน พระโพธิสัตวนั้นเขาถือวาทุกคนสร าง บารมีเปนพระโพธิสัตวดวยกันท ั้ งนั้น ไมเลือกผูหญิงผูชายถึงแมจะไม  เป นพระพุทธเจ  าก ็ ตาม แตเป นการ สร างความดีถูกตรงนั้น ที่จะเป นพระพุทธเจ  าหรือไมนั้นเป นอีกเร ื่ องตางหาก สวนความดีนั้นถูกทุกคน เปรียบอยางนี้วา เราเรียนมหาวิทยาลัยหวังความสําเรจท ็ุกคน แตจะสําเร ็ จหรือไมสําเร ็ จก็ชางมัน เราเรียน ยอมไดความรูบางคนก็สําเร็จ บางคนก ็ไมสําเร็จ สําเร ็ จแล วบางคนอาจจะไมไดทํางานก ็ไดศาสนาก ็ อยาง ที่อธิบายใหฟงในเบื้ องตน คือยึดเอาศาสดาส ิ่ งท ี่ เราถือวาเป นของดีแลวเม ื่ อเรายึดเอาส ิ่ งนั้น แลวเราก  ็มี อุตสาหะวิริยะเป นการชวยตัวไปในตัวถึงกวนอิมโพธิสัตวจะมาชวยหรือไมชวยเราชวยเราเองถาหากเรา ถือวาพระโพธิสัตวมาชวยเราทุกส ิ่ งทุกอยางแลวเม ื่ อบางคนสําเร็จ บางคนไมสําเร ็ จเราก ็จะไปโทษพระ โพธิสัตวไมยุติธรรม คนท ี่ไดผลสําเร ็ จก็นับถือพระโพธิสัตวสวนคนท ี่ไมสําเร ็ จก ็โทษพระโพธิสัตวไมดี เราอยาไปถือยางน ั้ นเลยเรายึดเอาพระโพธิสัตวเป นที่พึ่ง ทําดีอยางพระโพธิสัตวใหสําเร ็จไปเลยดีกวา ๒.ผูถาม เวลาเราหัดภาวนา ใจคอยสงบ อารมณคอยละเอียดลงๆ เม ื่อไรเราจะยกขันธหามาพิจารณา หรือ วาเร ื่ องน ั้ นมันจะเกิดข ึ้นเองโดยอัตโนมัติ ทานอาจารย มันจะเป นอยางไรปลอยใหมันเปนไปเต็ มท ี่ เสียกอน อยาเพ ิ่ งยกมาพิจารณาเลย มันจะ ละเอียดขนาดไหนก็ใหมันละเอียดไปกอน บางทีมันอาจจะยกข ึ้ นมาพิจารณาเองก ็ได บางที่มันไมยกขึ้น มาพิจารณาก ็ไดถามันไมยกข ึ้ นมาพิจารณาก ็ปลอยใหมันลงเต ็ มท ี่ เราคอยตามพิจารณาทีหลังวาจิตท ี่เปน อยางน ั้ นเพราะเรากําหนดพิจารณาอยางน ี้ การกําหนดอยางนี้มันจึงคอยลงแบบน ี้ เราตามกําหนดให เข าใจ เร ื่ องจิตอยูอยางน ั้นไปเรื่ อยๆ เสียกอน ตอไปมันเป นเองของมัน อยาพ ึ่งอยากได ความรูกอนไมดีใหมัน เปนไปกอนแล  วจึงคอยร  ตามหลูังคืออยาใหไปฉลาดกอนโงถาไปฉลาดกอนโงมันก ็เลยไมฉลาดสักที


ความโงมาเสยกี อน ความฉลาดมันจึงมาตามหลัง มันไปรูความโงมันจึงคอยฉลาดถาไปฉลาดกอนเลยไม รูจักโงรูจักโงนั้นแลคือความฉลาด ๒.ผูถาม ผมเคยไปปนังไปที่วัดมหายานและไดเส ี่ ยงเซียมซีเสร ็ จแล วไปที่วัดอีกแหงหน ึ่ งแล วไดเส ี่ ยง เซียมซีอีกใบเซียมซีทั้งสองวัดก็มีขอความเหมือนกัน ไปวัดแหงท ี่ สาม ก็ไดใบเซียมซีที่มีขอความ เหมือนกันอีก นี่เปนปรากฏการณคร ั้ งแรก หลายปตอมาผมไปปนังอีกและทําเชนน ั้ นอีกคราวน ี้ เส ี่ ยง เซียมซีอยูสองวัด ปรากฏวามีขอความอยางเดียวกัน เลยไดรับความประทับใจตั้ งแตนั้นมาความจริงเชนน ี้ มันอาจเปนไปได หรือไม ทานอาจารย มันเป นบางคร ั้ งบางคราวถาหากมันแมนอยางน ั้ นทุกส ิ่ งทุกอยางคนในโลกนี้ก็ไมลําบากไป อาศัยเซียมซีก็หมดเร ื่ องทุกอยาง ตองการโชคลาภอะไรกไปหาเซ ็ ียมซีถาหากเราไปเชื่ ออยางน ั้ นเราก ็ไม ตองเช ื่ อกรรมเช ื่ อผลของกรรม แล  วก ็ไมตองทําอะไรอีกตอไป คือคอยรับแตใบเซียมซีเส ี่ ยงทายนั้น หรือ ทําก็ตองให เซียมซีชี้บอกจึงทํา เซียมซีเลยเปนผูนําเป นตัวกรรม เซยมซี ีก็มาจากคนเป นผูเขียน คนจะดี วิเศษกวาพระพุทธเจ  าอยางไร พระพุทธเจ าสอนวา ตนทําดียอมไดดีทําช ั่ วยอมไดชั่วมิใชเซียมซีจะมาลิขิต ใหเป นไปตาม ๒.ผูถาม ทีแรกผมคิดวาการเช ื่ อถอเรื ื่ องเซียมซีอยางน ี้เป นเร ื่ องงมงายแตพอมาทีหลังมันปรากฏชัดก็ชัก จะเช ื่ อเสียแลว ทานอาจารย มันธรรมดา มันเป นบางคร ั้ งบางคราวก็เหมือนกับพวกอาจารยบอกเบอรนั่นแหละ พอถูกที หน ึ่ งก็ดัง ที่ไมถูกเลยไมเอามาพูดกัน พูดก็ทิ้งให กรรมบอกวาบุญไมมีถึงถูกก ็ไมไดคิดไปโนน ๒.ผูถาม ในมหาสติปฏฐานสูตร พระพุทธเจ  าทานทรงพยากรณวา……..ถาปฏิบัติตามน ี้ แล วจะได มรรค ผลอยางเร ็ วเจดว ็ ัน อยางช  าเจ ็ดปที่วาปฏิบัติตามน ี้ หมายความวาต องปฏิบัติอยูทุกนาทีหรือเปลาครับ หรือ ปฏิบัติอยางไรที่วาอยางเร ็ วเจ ็ ดวันอยางช  าเจ ็ดป ทานอาจารย ใหคิดเบ ื้ องต  นเพียงแคนี้ก็แล  วกัน เห็น รูป เวทนาจิต ธรรม สักแตวาไมใชสัตวบุคคลเราเขา จับหลักอันน ี้ใหไดเสียกอน คําที่วา“ไมใชสัตวบุคคลตัวตนเราเขา สักแตวา”ลองดูซิเราทําอยางน ี้มันไม มีสัตวบุคคลตัวตนเราเขาคือวางเปลาเสียจากสาระแล วต ั้ งจิตไว อยางน ั้นเป นอารมณลองดูสักเจ ็ ดวัน แลว โลกอันนี้มันเป นอยางไรก็รูสึกดวยตนเองไม  ตองไปเชื่ อคนอ ื่ นวาสติปฏฐาน ที่พระองคเทศนไวเป นของ จริงขนาดไหน


๒.ผูถาม ถาฟงเสียงสักแตวาไดยินแลวถาหากวาเราทําได อยางน ั้ นเราก็จําอะไรไมไดละซีครับ ทานอาจารย  แนนอนในขณะนั้ นจําไมไดเพราะสติปฏฐานเปนโลกุตรธรรม ถาไมเป นอยางน ั้ นก ็ไมใชสติ ปฏฐาน เม ื่ อเห็น กาย - เวทนา - จิต - ธรรม สักแตวากาย - เวทนา - จิต - ธรรม ทั้งสมมติบัญญัติยังเหลือ แตสภาพธรรม เมอจ ื่ ิตออกจากน ั้ นมาแลวจึงจะมองเห ็ นสมมติบัญญัติชัดแจ งตามเป นจริงจําไดไมใชไม จําแตจําตามเป นจริงของมัน ไมหลงเหมือนเม ื่ อกอน การหัดภาวนาต  องหัดใหจิตเปนธรรม พนจากสมมติ บัญญัติอยางน ี้ เสียกอน แลวจ  ึงย  อนมาพิจารณาสมมติบัญญัติให อยูกับโลกตอไป วันท ี่ ๑๑ธันวาคม ๒๕๑๙เวลากลางวัน แสดงธรรมเทศนาอบรมนักเรียนไทย ที่วัดพุทธรังษี นักเรียนไทยที่ มาเรียนอยูเมืองนอกจงอยาพากันลืมพระพุทธศาสนา เรียนวิชาอาชีพแตลืมแกนแทคือ พุทธศาสนาเสียใชไมได แท  จริงวิชาทุกชนิดท ี่จะใชไดตองถือหลักพุทธศาสนายืนตัวกอน ถาหาไมแลว ใชไมไดถึงใชไดก็เลอะเหลว ตัวอยางท ี่ เห ็นไดงายต ั้ งต  นแตการศึกษาเลาเรียนตองหมั่นขยันอดทนตอสู อุปสรรคตางๆ จึงจะสําเร ็จได เม ื่ อสําเร ็ จมาแล วจะประกอบอาชีพใดๆ ก็ตาม ตองต ั้งใจทําหน  าท ี่ ของตน อดทนตอการงานน ั้ นๆ และซ ื่ อสัตยสุจริตไมคิดทรยศเห ็ นแกไดฝายเดียวไมเหลียวแลคนอ ื่ นบ  าง ใหมี เมตตาปรานีแกคนอ ื่ นผูอื่น เหลานี้ลวนแตพระพุทธเจ าสอนไวทั้งนั้น ใหคิดเถิดคําสอนของพระองคเจือ ปนอยูในวิชาอาชีพทุกแขนง ซึ่งจะไมมีคําสอนของพุทธศาสนาเจือปนอยูดวยไมมีพุทธศาสนาเขามาสู เมืองไทยสองพันกวาปแลวเหตุนั้นไมวาจะพูดจะทําอะไรทั้ งหมดคําสอนของพุทธศาสนาจะปรากฏในที่ นั้นๆ อยูเสมอ ฉะน ั้ นจึงขอนักเรียนชาวไทยอยาลืมเสียโดยมากเรียนวิชาอาชีพไปเลยลืมหาวาไมมีคํา สอนของพระพุทธเจ าปนอยูดวยใชไมได ตอบปญหาธรรมภายหลังธรรมเทศนา ๒.ผูถาม ขอกราบเรียนใหทานอาจารยอธิบายเร ื่ องจิต กับวิญญาณ ทานอาจารย จิต คือผูคิดผูนึกน ั่ นน ี่อะไรตางๆ วิญญาณ คือผูรูสึกผูรูสึกนี้มีแตความรูสึกเฉยๆ ไมปรุง แตงอะไรเลยวิญญาณทานแสดงถึงวิญญาณในขันธหาคือวิญญาณในขันธหาสําหรับรับรูแล วสงไปให เวทนาเสวย สัญญาการจดจําไวสังขารใหปรุงแตงกับวิญญาณในปฏิสนธิให เกิดมากอนรูอะไรตออะไร ตางๆ เพราะวิญญาณในปฏิสนธิมาเกิดเบองต ื้ นไมรูอะไรเลยแมตัวมาเกิดก ็ไมรูเป นแตตัววิญญาณ ความรูมีอยูแตไมรูวาอะไรเปนอะไร


ถาจะอธิบายความก ็ จะต  องต ั้ งสูตรใหมนี่เปนมติของอาตมานะเพ ื่ ออธิบายให เข าใจงายขึ้น ใจคือ ตัวกลางเหมือนกับภาษาบ  านเราน ี่ แหละ พูดถึงใจต องพูดถึงตัวกลางท ั้งหมดใจจึงเปนกลางไมรูสึกนึกคิด อะไรทั้ งหมดความคิดนึกเป นจิต ความรูสึกเป นวิญญาณ ความปรุงแตงเป นสังขารความเสวยอารมณนั้น เป นเวทนาออกจากใจทั้ งนั้น ถาเราอยากรูใจที่ แท  จริงแลว ตองกล ั้นลมหายใจสักพักหน่งึความรูสึกนึก คิดหายหมดแม  แตความโลภ โกรธหลง หรือสรรพกิเลสท ั้งปวงหายหมดแตมันรูตัววาผูรูนั้นยังมีอยูนั่น คือใจแทนโม ปุพฺพํคมธมฺมาธรรมท ั้ งหลายมีเวทนา สัญญา สังขารและสรรพกิเลส ทั้งปวงมีนิวรณหา เป นตน ลวนเกิดจากใจออกจากความเป นกลางแล  วจึงเปน เวทนา สัญญา สังขารจิตคือผูคิดนึกโดยทั่วไป แตเม ื่อไปคิดนกตามอารมณึ ที่เป นกิเลส เชน นิวรณหาก ็ เรียกวานิวรณ ๒.ผูถาม กอนท ี่ พระพุทธเจ าจะปรินิพพาน ทานยังมีความต  องการท ี่ จะชวยให มนุษยในโลกนี้พนทุกขอยู หรือเปลาครับ ทานอาจารยกอนท ี่จะปรินิพพานสามเดือน พระองคทรงปลงอายุสังขารคือจะไมเท ี่ยวโปรดสัตวละ ( หมายความวาต ั้ งตอความตายอยางเดียว ) ผลที่สุดเม ื่ อทรงบรรทมอยูที่สวนของมัลลกษัตริยแหงฉวีเมือง กุสินารา มีพราหมณแกคนหน ึ่ งเข  ามาหาพระอานนทพระอานนทหามเข าเฝ าพระองคทอดพระเนตรเห็น อุปนิสัยของหราหมณวาจะไดสําเร็จเปนพระอรหันตจึงทรงอนุญาตให เข าเฝาถามป  ญหาพระองค พระองคทรงแกปญหาจบพราหมณไดสําเร็จเปนอรหันองคสุดท  ายเร ื่ องมีอยางน ี้ถาจะวาพระองคคิด ชวยเหลือมนุษยอยูพระองคก็ยังเป นหวงอยูถาจะวาพระองคไมหวง เม ื่ อทรงพิจารณาเห ็ นอุปนิสัยผูที่จะ ไดสําเร็จเปนพระอรหันตถาพระองคไมโปรดแล วก ็หมดโอกาส ดวยพระมหากรุณาพระองคจึงโปรด เป นคร ั้ งสุดท  ายแล  วก ็ พอดีกับพระองคปรินิพพาน ๓.ผูถาม กระผมขอเรียนถามเกี่ยวกับเร ื่ องนิมิต เม ื่อปฏิบัติไปบางทีจะมีนิมิต พระพุทธเจ  ามา พระอรหันต มาแตทานอาจารยบอกวาพอทานนิพพานแล  วก ็ หมดนิวรณแลว นิมิตท ี่ เกิดกับบุคคลซ ึ่ งทํากรรมฐานนั้น คืออะไรครับ ทานอาจารย นิมิตท ี่ เกิดจากบุคคลท ี่ภาวนาไมใชพระพุทธเจ  ามาจริงๆ เป นธรรมนิมิต ธรรมท ี่เป นเคร ื่ อง สอสอนแสดงผูใดปฏิบัติถึงภูมิธรรมตรงน ั้ นแลวธรรมจะต องมาสอน ธรรมมาแนะนําส ั่ งสอนแตไมเปน ทั่วไป เป นบางคนเทานั้น รอยคนพันคนจะเป นสักคนหนึ่งธรรมเปนของไม  มีตนไมมีตัวแตเรามีตนมีตัว มีรูปรางเหตุนั้นจะให เข  ากับตัวเราแสดงเปนภาพเปนตนเป นตัวคือแสดงเป นพระพุทธเจ ามาสอนเรา มัน เข  ากับหลักท ี่ พระพุทธเจ าสอน ผูใดเหนธรรมผ ็ ูนั้นเห ็ นเราคือเห ็ นธรรมเข าใจถึงหลักธรรมแล  วภาพน ั้ นก ็ ปรากฏ ถาจะเปรียบกับโทรทัศนก็วาคล ื่ นมันตรงกันไดสวนสัดกันก ็ปรากฏเห็ นภาพเทาน ั้ นเอง


๓.ผูถาม สวนผูทีนับถือพระเจาธรรมนิมิตก ็จะเป นพระเจ าใชไหมครับ ทานอาจารย ใจเป นสมาธิเหมือนกัน พอสมาธเกิ ิดเขาเช ื่ อพระเจ  าก ็ เห ็ นภาพพระเจ าปรากฏ แทที่จริงไมใช พระเจาเป นภาพนิมิตตางหาก ๓.ผูถาม ถาเจตนาเปนไปตามโมหะเป นมิจฉาทิฏฐิคิดวาทําแล วเป นบุญ เชน ไปฆาสัตวเพ ื่ อถวายพระเจา คิดวาเป นบุญ เขาคิดทําและเสียสละเพ่อพระเจื า เขาทําแล  วมีความปลาบปลื้มใจวาเขาไดทําบุญ แบบน ี้ จะ เป นกุศลหรือเปลาครับ ทานอาจารย  กุศลสวนน ี้ในทางพุทธศาสนาทานวามันเป นมิจฉาทิฏฐิได อานิสงสเหมือนกันแตวากุศล สวนนี้มันยังไมไดเป นกุศลอันบริสุทธ ิ์ กุศลที่ทําใหเขาไดรับความปลื้มปตินิดหน ึ่ งน ั้ นนะแตมันไป เบียดเบียนคนอ ื่ นเขากรรมท ี่ไปเบียดเบียนคนอ ื่ นมันยังติดตามอยูกรรมดีและช ั่ วเราทําแล  วต  องรับผลของ กรรมน ั้ นด  วยตนเองจะสละใหพระเจาไมไดนั้นเป นแตความเช ื่ อเฉยๆ พระเจารับหรือไมรับเราก ็ไมเห็น ๓.ผูถาม วิบากกรรมเป นส ิ่ งท ี่ ตามมาสนองแล  วทําบุญเพ ื่ อลางกรรมไดไหมครับ ทานอาจารย ไมได อยางพระองคุลีมาลกรรมที่ทานทําไมมีเจตนาแตทําเพราะคําแนะนําของอาจารยเมื่อ ไดสําเร็จเปนพระอรหันตแล  วกรรมมันตามทันอยูไปบิณฑบาตรเขายังปาก อนหินอะไรตางๆ ไปถูก ศีรษะทานเลย ๓.ผูถาม ขอเรียนถามถึงเร ื่ องกฎของกรรม กรรมที่ตนกระทําไวสมมุติวาทํากรรมดีเม ื่อไรผลของกรรมดี จะมาสนอง ทานอาจารย  กรรมบันดาลเองโดยที่เราไมตั้งใจ มันเปนไปของมันเองของพวกน ี้ แตงกันไมไดถาเราแตง ไดก็สบายนะซีเชน เราเกิดมาน ี้ จะต ั้งใจเกิดมาเป นผูหญิงก ็ไมได จะต ั้งใจเกิดมาเป นชายก ็ไมไดจะเป นคน ดําคนขาวผิวเหลืองผิวแดงไมไดทั้งนั้น แตกรรมบันดาลมาให เอง พระพุทธเจาเทศนาไวกรรมเป นผู จําแนกแจกให เกิดเรามาเสวยกรรมของเรา ฉะน ั้นเราเป นอันใดเราพอใจยินดีของเราดีกวา เราเป นผูชายก ็ ยินดีความเป นผูชายเป นผูหญิงก็ยินดีความเป นผูหญิงอยาไปเปลี่ ยนเพศมันเลยไปแตงเพศใหมเปลือง เงินเปลา ๓.ผูถาม ผมเคยอานหนังสือเรื่องหนึ่งเก ี่ ยวกับกรรม บอกวากรรมน ี้ เหมือนเมล ็ ดจะต  องข ึ้ นกับ ดิน น้ําลม ไฟ ทํากรรมอะไรไวมันก็ตองข ึ้ นกับส ิ่ งแวดล  อมของมันมาพรอม


ทานอาจารย ก็นั่นแหละมันมาใหผลไมสม ่ํ าเสมอกัน เราแตงเอาไมได  แล  วแตเหตุผลกรรมดีก็ให ผลดี กรรมช ั่ วก ็ให ผลชั่วแล  วก็ขึ้นอยูกับเจตนาอีกด  วยถาเจตนาที่ทํากรรมน ั้ นแรงผลก็ชั่วร  ายกาจถาเจตนาไม แรงทํากรรมน ั้ นผลก ็ไมรายกาจ ๓.ผูถาม อีกเรื่องหนึ่งของพระอาจารยมั่น มีพี่นองอยูสองคนท ี่ สร างเจดียไวยังไมเสร ็ จแล  วก ็ เกิดส ิ้นไป ทานอาจารยเราไมคิดถึงกรรมท ี่ เราทําไว และลวงมาแลวเอาปจจุบัน ทําใหใจบริสุทธิ์ในขณะนี้ไมคิดถึง เร ื่ องอดีตเรื่องอนาคต ถาไปคิดแล  วกลุมใจรอนใจ มันย ิ่ งสรางกรรมไมดีตอไปอีกเม ื่อเราลงปจจุบัน เด ี๋ ยวน ี้ แล วไมมีอะไรเลยอยางพระองคุลีมาลที่วาทานทํากรรมไมดีไว มาก ฟงเทศนของพระพุทธเจ  าลง ปจจุบัน ทานไมไดคิดถึงข  างหน  าถึงข  างหลัง มันจึงลุลวงไปได แตวาเม ื่ อขันธวิบากอันนี้ยังเหลืออยูตราบ ใดมันก็ยังต องเสวยกรรม เพราะขันธวิบากอันน ี้เป นผลยังมีอยูวิบากคือผลของกรรมเกา ๓.ผูถาม สมมุติวาเราตกอยูในสถานการณที่ไมดีหรือวามีเหตุรายเกิดขึ้น เราควรจะนึกวาน ี่เป นกรรมของ เรา เชน สมมุติวาเกิดมาเป นคนจน เราคดวิ าเป นกรรมของเราแล วไมขวนขวายท ี่จะประกอบอาชีพ อยางน ี้ เราไมควรจะคิด หรือวาคิดอยางน ั้ นถูกแล  วครับ ทานอาจารยถูกเราทุกขยากลําบากกาย ไมมีอาชีพ เรามาคิดถึงเร ื่ องผลกรรม เราไดทําความช ั่วไว แตกอน กระมังจึงไดเสวยทุกขอยางน ี้ แล  วเราก ็ เว นเสียจากกรรมชั่วอยาทําตอไป ประกอบอาชีพทําแตทางดีหรือ เม ื่อไดรับความทุกขกลุมใจแลวก็บอกวาน ี่ แหละเราเคยทําไว เชนใดแล วเราก ็ไดรับอยางน ี้ แหละเราก ็ พอใจยินดีกับกรรมของเราแล วเราจะไมทํากรรมช ั่ วน ั้ นข ึ้ นอีกตอไป กรรมที่มันมีอยูแล  วแตกอนก็คอยๆ หมดไป ๆ ไมใหกรรมใหมเกิดข ึ้ นมาอีก นี่จึงจะถูกถูกหนทางท ี่ พระพุทธเจ  าทานสอน อยาไดสร างกรรม เวรตอไปอีกจะเกิดภพเกิดชาติไมมีที่สิ้นสุดลงได ๓.ผูถาม แสดงวาไมควรท ี่จะขวนขวายให เราทําช ั่ วอีกควรจะขวนขวายในการทําความดีนั้นตอไป ทานอาจารย ใชขวนขวายในความดีขวนขวายดีพระพุทธเจ าไมหาม แตพึงเข าใจวาความดีนั้นเป นบอเกิด ของการรวยรวยท ั้ งบุญ ทั้งทรัพย ๓.ผูถาม การขวนขวายในทางโลกเพื่อใหมีสมบัติมากขึ้น เล ี้ ยงชีพในชาตินี้ก็ควรจะทําใชไหมครับ ทานอาจารย  การอาชีพของฆราวาสทานไมหาม ทานห  ามแตอาชีพในทางเบียดเบียนผูอื่น นําทุกขให เกิดข ึ้ นแกตนเองแลผูอื่น ๓.ผูถาม ถาขวนขวายแล วไมไดก็ใหคิดวาผลวิบากมันยังก ั้ นอยูใหปลอยวางเสียใชไหมครับ


ทานอาจารย ใหขวนขวายไปจนหมดกําลังคนขยันยอมไมอดตายอยาปลอยวางให ผลวิบากของเกา เรา ไมทราบไดวามันมีหรือไมเม ื่ อขวนขวายจนสุดความสามารถแล วก็ยังไมมีจึงคิดวาบางทีจะเป นเพราะ กรรมเกากระมัง เพ ื่อปลอบใจเราตางหาก ๓.ผูถาม ที่เราเกิดมาเปนมนุษยนี้มีโอกาสดีกวาพวกสัตวอื่นๆ เพราะสามารถท ี่ จะบําเพ ็ ญบารมีใหได บรรลุถึงนิพพานในที่สุดคนท ี่ เกิดมาแล  วแทนท ี่ จะทําดีแตทําช่วตั อไป นี่อาจจะเป นเพราะกรรมมาตัดเสีย จะเปนไดไหมครับ ทานอาจารย  จะเรียกวาเพราะกรรมมาตัดรอนเสียก ็ไดเพราะเราไมสามารถจะตัดกรรมน ั้นได แตมิใช กรรมเกานะกรรมปจจุบันน ี้ เองคนเราเม ื่ อสูกับกิเลสไมได ( คือใจชั่ว ) แล  วทํากรรมช ั่วลงไป มักจะทิ้ง ให กรรมช ั่ วพาทําอยางนั้น และเพราะมีกรรมช ั่ วน ั้ นแหละเราจึงต  องทํากรรมดีให มากเพ ื่ อเอาชนะกรรมชั่ว ๓.ผูถาม ในชาดกมีอยูตอนหน ึ่ งที่วาพระอินทรแปลงเป นอสูรแกและไปไดนางสุชาดาเปนภรรยาขอ เรียนถามวาเทวดาไมควรจะมีแกเพราะเขาวา เทวดาน ี่ เวลาตายก ็หายไป เวลาเกิดก ็ เกิดวับข ึ้ นมาอยางน ี้ แสดงวาเร ื่ องนี้บันทึกไวไมถูกต องใชหรือไมครับ ทานอาจารย ไมผิดถาผิดตัวพระอินทรเองซ ึ่งเปนใหญกวาเทวดาช ั้ นดาวดึงสก็ผิดคือพระอินทรยังมีตน ปาริชาติมีชางเอราวัณ มีสระโบกขรณีมีสวนดอกไมมีรถพระที่นั่งเม ื่ อคราวรบกับอสูร มาตะลีเทวบตรุ ขับรถหนีขาศึกไปทางทิศปจฉิม เสียงรถบดอากาศดังสน ั่ นหว ั่นไหวทําใหลูกพระยาครุฑตกใจแทบจะ กระโดดหนีจากรัง เหลานี้ลวนแตสัตวเดรัจฉาน เกิดแกเจ็บ ตายดวยกันท ั้ งนั้น ในตํานานบอกวา พระอินทรลักเอานางสชาดาหนุีไป อสูรโกรธเลยเกิดสงครามกัน แทที่จริง ไมไดลักลูกสาวลูกสาวเราไปชอบอสูรแกเขาไดกันแล วเขาจะพาไปเลี้ ยงท ี่ไหนก็ตามใจเขาเพราะเรา ไมไดมีขอแม  แตทีแรกวา ได แล  วจะอยูกับพอตาแมยายอยางน ั้ นอยางน ี้ พระอินทรไดไปแล วก ็ปรากฏวา เล ี้ ยงดูเป นอยางดีไปไหนก็เอาไปด วยเร ื่ องนิยายมันอยางน ี้ แหละศาสนาใด ๆ ก็มีเหมือนกัน มีไวสําหรับ ผูมีปญญาคิดคุณมีปญญาก็คิดไป เกิดความรูในทางไหนก็สุดแตคุณจะพิจารณาเอา ๓.ผูถาม คนท ี่ จะพูดวาพระองคนั้นองคนี้เป นพระอรหันตคนน ั้ นต องเป นพระอรหันตกอนหรือจึงจะพูด ถูก ทานอาจารยคนทุกวันนี้ตื่นพระอรหันตนัก ตนก ็ไมรูธรรมท ี่จะเป นพระอรหันตแตไปตื่ นวาองคนั้นองค นี้เป นพระอรหันตเสียแลวอยาพากันหลงต ื่ นเต  นเลยเด ี๋ ยวพระอรหันตเหลาน ั้ นจะอยูไมติดเราไมรูจัก ขอให พากันเพียงแตวา ทานปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ นาเคารพเล ื่อมใสเทาน ั้ นก ็ พอ


๓.ผูถาม ทุกวันน ี้ในประเทศไทยพากันเช ื่ อวาอาจารยบางองค ถึงข ั้นโน นข ั้ นน ี้ การท ี่เป นเชนน ี้เป นผลดี และผลเสียอยางไรบ   าง ทานอาจารย มีผลดีตอนต  นคนที่ยังไมทันเล ื่อมใสจะดึงดูดให เล ื่อมใสศรัทธาแตไมคอยดีตอนปลายผูมี ปญญาฉลาดเฉียบแหลมจะเหยียดหยามดูถูกเขาหาวาโงงมงายอาตมาจึงอธิบายในหนังสือท ี่ อาตมาเขียน วาถาใครถอวื าตนเป นพระอรหันตคนน ั้ นยังไมทันเป นพระอรหันต ๒.ผูถาม พระอริยบุคคลสองประเภทเบื้ องตน ยังไมถึงที่สุดทุกขตายแล วไปเกิดใหมยังเป นอริยบุคคลอยู หรือ ทานอาจารย  พระอริยบุคคลสองประเภทเบื้ องต  นตายแล วไปเกิดใหมไมไดเป นอริยบุคคลเปนปุถุชน เพราะวาคนในโลกนี้เปนปุถุชน ไมมีพอพระอริยเจาแมพระอริยเจ  าก ็ไมมีแมพระโสดา พระสกิทาคา พระอนาคาก ็ไมมีมีแตแมปุถุชน เหตุนั้นจึงมาเกิดเปนปุถุชน ๒.ผูถาม ถาหากเปนพระโสดาบันยังมีสามีภรรยาแลลูกได อยูหรือขอไดโปรดอธิบาย ทานอาจารย  เร ื่ องน ี้ อธิบายยากเพราะทานพูดไว อยางน ั้ นแล  ววาพระโสดาบันละสังโยชน๓ เบ ื้ องต นได เด ็ ดขาดแลวแตนางวิสาขาไดสําเร ็จโสดาบันแตอายุเจ ็ ดขวบ เม ื่ ออายุได๑๖ ปแตงงานกับลูกชายมิคคาร เศรษฐีมันอยางไรอยู เป นอันวาพระโสดาบัน เป นผูตกถึงกระแสพระนิพพาน ยึดเอาพระนิพพานเป นอารมณก็แลว กัน คือทานยังไมถึงนิพพานแลทานยึดเอาพระไตรลักษณญาณเป นอารมณพระไตรลักษณญาณน ี้เปนเปน สายยึดเหน ี่ ยวของผูจะไปนิพพาน คนใดเห็ นชัดเจนแจมแจ งในพระไตรลักษณแล  วยึดม ั่ นอยูในนั้ นแลว ไมหลงลืม นั่นแลเรียกวาตกกระแสพระนิพพาน ถาพูดถึงเร ื่ องการละสังโยชนสามเบ ื้ องตน พระสกาทามีก็ทําได ราคะโทสะโมหะ บางเบา เทานั้น แตก็ไมทราบวาเบาบางขนาดไหน ราคะโทสะโมหะก็เป นที่ตั้งของสักกายทิฏฐิมติของอาตมา ละสักกายทิฏฐิคือเห็นพระไตรลักษณชัดแจ  งแล  วยึดเอาพระไตรลักษณเป นอารมณแนวแนเม ื่ อเห ็ นพระ ไตรลักษณวิจิกิจฉาความสงสัยในพระพุทธเจา พระธรรม พระสงฆก็ไมมีแตธรรมข ั้ นละเอยดตี  องมีแน แตพระโสดาบันน ั้ นพิจารณาไมถึง สีลพัตปรามาสก็ไมมีคือความเชื่อกรรมเชื่อผลของกรรมแนวแนไม  สงสัยไมยึดถือเคร ื่ องลางของขลัง ตลอดถึงโชคลางแลผีเจ  าเข  าทรงตางๆ เอาเพียงแคนี้ก็เห ็ นจะพอสมควร ๓.ผูถาม ขอโอกาสครับ ที่วาพระอริยบุคคลที่ตัดสังโยชนไดสามประการจะมาเกิดอีกเจ ็ ดชาติเม ื่ อทานมา เกิดอีกตอๆ ไปจนถึงชาติสุดท ายจะหมดได เอง เชนน ี้จะไมเป นพระพุทธเจ  าหรือครับ


ทานอาจารย คือวา ทานอธบายในแง ิ หน ึ่ งตางหากอานิสงสของการเจริญธรรมะอยางเราเจริญกายคตาสติ ในชาตินี้แหละคลองที่สุดเราตายแล วไปเกิดใหมถามใครมาพ ีูดเร ื่ องกายคตาสติจับได เร ็ วพิจารณาไดงาย อยางน ี้เป นตน ถาจะอธิบายใหชัด พระอริยบุคคลตายแล  วเกิดใหมก็่เป นบุคคลธรรมดาแตเม ื่อไดฟงธรรม ที่ตรงกับจริตนิสัยท ี่ ตนอบรมมายอมรูได เร็ว มันตอกันได เพราะมันเป นสายเดยวกี ัน โบราณทานยังสอน อาตมายังจําไมลืมการพิจารณากายคตาอาการสามสบสองตายไปแล ิ วไปเกิดชาติหน าได ตาทิพยหูทิพยฟง แล  วมันชอบอกชอบใจอยากภาวนาเหลือเกิน การท ี่จะไดเป นพระพุทธเจ  าต องสร างบารมีสิบทัศให บริบูรณจึงจะเปนไดมิใชวาตายแล  วเกิด บารมีนั้นก ็ แกกล าเลยเป นพระพุทธเจ าไปเลย ๓.ผูถาม ขอโอกาสครับ ในสมัยพระพุทธเจ าการสําเร ็ จอริยผลข ั้ นสูงสุดเป นพระอรหันตทันทีถ  าหาก ไมได เกิดในสมัยของพระพุทธเจ าจะสําเร ็ จอริยผลข ั้ นสูงสุดหรือไมหรือทานจะต  องมาเกิดในสมัยของ พระพุทธเจ  าอีกเพ ื่อให แนะนําอีกหนอยหน ึ่ งจึงจะสําเร็จ ทานอาจารย มันต  องอยางนั้น พระอริยบุคคลท ั้ งหลายท ี่ไมเกิดในที่ สูญกัปปตองมาเกิดในสมัยพุทธกาล หรือพุทธกัปปพระอริยเจ  าท ั้งหลายไมไปเกิดในที่วางพระพุทธเจา สูญกัปปคือวางไมมีพระพุทธเจา ภัทรกัปปคือกัปปที่กําลังเจริญมีพระพุทธเจาอริยบุคคลท ั้ งหลายต  องมาเกิดในพุทธกัปปพระปจเจก พุทธเจ  าเกิดในระหวาง พุทธันดรคือระหวางพุทธกับพุทธเกิด ๓.ผูถาม ผูที่ไมไดเป นพระอริยบุคคลแตมีบารมีสูงจะเปนพระปจเจกพุทธะหรือไมครับ ทานอาจารย พระปจเจกพุทธะนั่น ทานบําเพ ็ ญบารมีนอยกวาพระพุทธเจา พระปจเจกตามบาลีแปลวารู เฉพาะตน ที่กลาวกันวาพระปจเจกไมสอนกันน ั้นไมจริง พระปจเจกไมสอนกันจะไปรูกันได อยางไรอยู กันเป นต ั้ งหมูตั้งพันองคหรือห  าร  อยหกร  อยองคพระปจเจกไมบัญญัติธรรมวินัยนิพพานแล  วธรรมวินัยก ็ สูญ ตัวหนังสือกับความจริงมันตางกัน แม  แตพระพุทธเจ  าบางองคเวลานิพพานแล  วเลิกหมดไมบัญญัติ สิกขาบทวินัยอยางพระศรีอารยไมมีบัญญัติพระธรรมวินัยดวยพระองคทรงเห ็ นวาวิสัยของสตวั ที่จะ บรรลุมรรคผลไมมีอีกแลว ๓.ผูถาม อริยบุคคลน ี้ไมจําเป นต  องมาเกิดในประเทศที่มีพุทธศาสนาไดใชหรือไมครับ ทานอาจารย มันบันดาลเองใหได มาเกิดในปฏิรูประเทศเพราะวาสนาทานไดสรางไว แตบางองคทานก ็ ไปเกิดในประเทศที่ไมมีพุทธศาสนาเชน พระปุณณะและพระอิสีคิรีเป นตน แตแล  วพระพุทธเจ  าก ็ตามไป โปรดเอาจนไดสวนพระปุณณะเถระนั้นไปคาขายจากปจจันตประเทศไปพบพระพุทธเจ  าเข  าเล ื่อมใสขอ บวช


๓.ผูถาม ในสมัยพระพุทธองคทานทรงเร ิ่มประกาศพระพุทธศาสนา พระปญจวัคคีจะเป นพระอริยบุคคล มากอนบ  างหรือเปลาครับ หรือเป นผูที่สําเร ็จไดงายๆ ทานอาจารย ทานเหลาน ั้ นที่สําเร ็จไดงายๆ ลวนแตไดบําเพ ็ ญมาแล  วท ั้ งนั้น ปญจวัคคีก็ไดบําเพ ็ ญมาแลว เป นฤาษีทั้งน ั้ นแหละเร ื่ องมานพสิบหกคนก ็เป นผูไดบําเพ ็ ญมาแล  วท ั้ งนั้น แตมาเกิดใหมก็หมดสภาพเปน อริยบุคคลไป แตนิสัยเดิมยังมีอยู เวลาค่ํา แสดงธรรมเทศนา ณ พุทธสมาคมชาวจีน ซิดนีย ขอแสดงความดีใจในการที่ได มาเย ี่ ยมชาวออสเตรเลีย มีชาวพุทธมารวมสามัคคีคอยฟงอบรมวันน ี้ เป นคร ั้ งท ี่ สอง เม ื่อไดยินเพียงช ื่ อชาวพุทธออสเตรเลียก็รูสึกเยือกเย ็นภายในใจเพราะคําวาชาวพุทธ หมายถึงความเย ็นใจเหตุนั้นจึงอดปลื้มปติไมไดวันน ี้ จะขอพูดถึงเรื่องความเยือกเย ็นใจความไมเป นเวร เป นภัยความสันติสุขของพระพุทธศาสนาตอไป คําวา พุทธศาสนา หมายถึงความสงบ คือความสันติ ทุกๆ วิถีทางถึงแม ศาสนาพุทธจะมีลัทธินิกายแตกตางไปมากมาย เชนหินยาน มหายาน จุดสําคัญก ็ อยูที่ ความสันติดวยกันท ั้ งนั้น เว นเสียแตวาอุดมการณของศาสดาจารยนั้นๆ จะสอนไปในวิธีใดแนวใดแตก็ ไมหนีจากหลักสันติธรรม คือสันติสุขเหตุนั้นพุทธศาสนาจึงเข  ากับความประสงคของชาวโลกแต ชาวโลกไมเข าใจถึงหลักของพุทธศาสนาจึงมีความคิดแปลกๆ แตกตางกันไปตามวิสัยอุดมคติของตน หรือตามศาสดาจารยนั้นๆ ซึ่งมีอุดมการณไมเหมือนกัน แตถึงอยางไรขอให เข าใจวา พุทธศาสนาคือ ความสันติทางเดียวเทานั้น พระพุทธเจ  าทานทราบดีถึงเร ื่ องมนุษยชาวโลกเกิดขึ้นมาคือตัวพระองคเองก ็เปนมนุษยชาวโลกกับ เขาคนหนึ่งเหมือนกัน พอเกิดข ึ้ นมาแล  วจะต  องมีพร  อมท ั้งกายและใจคือรูปกับนาม กายกับใจนี่ แหละ ที่มาเป นตนของคนเราคนเราจะดีหรือจะช ั่ วก ็ อยูตรงท ี่ กายกับใจของเราจะเจริญก  าวหน  าหรือถอยหลังก ็ อยูที่กายกับใจเหตุนั้นพระพุทธเจ  าจึงสอนให เราเขาใจเฉพาะต  ัวของเราเสียกอน คือเราคนหน ึ่ งมีกายกับ ใจ ทั้งกายและใจที่ อยูรวมกันน ี่ แหละ สําคัญที่สุดก็คือใจใจเป นคนส ั่ งงาน คล  ายๆ กับวาใจเปนนาย รูปรางคือตัวกายของเราเปนคนใช   เหตุนั้นใจจึงสําคัญย ิ่ งกวากายในหลักพุทธศาสนาของเรา วามีการตาย แล  วมีการเกิด ที่มีการเกิดได แกใจที่ยังไมทันตายเหตุนั้นใจยังไมทันตายตราบใดกายยอมไมเป นของ


สําคัญ กายน ั้นหาใหมได เหมือนกันกับเราอาศัยบ  าน ไฟไหม หรือบ  านพังเราไปขออาศัยหรือไปสรางใหม ได เม ื่ อกายกับใจยังประกอบสัมพันธกันอยูก็เหมือนกับคนเราอยูพักอาศัยที่บาน ถาบ  านเราผุพัง เราก ็ อยูไมไดไมสบายถาบ  านเราอยูดีมีความสะอาดเรากอย ็ ูสบาย ฉันใดกายกับใจอยูรวมกันก็ฉันนั้น เหมือนกัน จึงจําเป นจะต  องทนุบํารุงท ั้งกายและใจใหมีสุขภาพดีจึงจะไดรับความสุขในปจจุบัน แตอยา ลืม กายกับใจอยูรวมกันประกอบภาระกิจท ั้ งดีและช ั่ วผิดและถูกรวมกัน ดังอธิบายใหฟงแล  วข  างต  นวาใจ เป นคนส ั่ งกายกายเป นคนกระทําผิดหรือถูกรับภาระรวมกันเม ื่ อยังอยูรวมกัน หากวาเราทําดีนํา ผลประโยชนคือความสุขมาให เชน เราประกอบอาชีพสุจริต ไมอิจฉาและเบียดเบียนซ ึ่ งกันและกันก ็ อยู ดวยกันด วยความผาสุขสบาย หากวาประกอบภาระกิจอาชีพประจําชีวิตของตน เปนไปเพื่ อความ เดือดร  อนท ั้ งแกตนและคนอื่น ก็รอนท ั้งกายและใจเหตุนั้นจึงอยาพากันลืมท ี่ กายกับใจอยูดวยกัน ตองมี ภาระรับชวงด  วยกันอยางน ี้ แตเป นที่นาเสียใจในเมอร ื่ วมกันทําจิตท ั้ งดีและช ั่ วพร  อมกันรับความสุขและ ทุกขในขณะที่ อยูรวมกัน ในตอนสุดท  ายหากวาแตกดับ กายไมยอมรับรูใจเป นคนรับภาระคนเดียว ทั้งหมดดีและชั่วถาดีก็ไดรับประโยชนดีกําไรหนอยแตถาหากช ั่ วก ็ไดรับความเดือดร อนเป นทุกขแย หนอยใจเป นคนรับภาระแยกวากายเมื่อเรามาเขาใจรูเหตุผลความเป นจริงโดยประการอยางน ี้ แลวจงอยา พากันหลงระเริงลืมตัวมัวเมาบํารุงแตสุขภาพทางกายฝายเดียวจงให พากันระลึกถึงเร ื่ องสุขภาพทางใจ บางกายเป นของแตกสลายดับสูญไดสวนใจผูเป นเจ  าของยังจะต องไดรับผลตอไปดังอธิบายแลว กายกับใจในขณะที่รวมสัมพันธ เก ี่ ยวข  องกัน ประกอบภาระกิจน ั้ นๆ ทั้งดีและช ั่วเปรียบเหมือนกัน กับลูกไมผลไมตางๆ เม ื่ อมีลูกติดอยูกับตน จะต  องบํารุงผลอันน ั้นใหเจริญงอกงามข ึ้นโดยลําดับ จนกระท ั่ งแกจนกระท ั่ งหลุดรวงลงมาจากตน เม ื่ อหลุดรวงลงมาจากต  นแลวเน ื้ อก ็ จะต องสลายลงหมดยัง เหลือแตเม็ดกายกับใจเมื่ อรวมกันทําภาระกิจก ็ เหมือนๆ กัน แตในขณะที่กายแตกดับ ความดีและความชั่ว สารพัดอยางท ี่รวมกันทําน ั้นจะไปรวมประมวลอยูในใจแหงเดียวคือเม็ดเม ็ ดน ั้ นแหละถ าเป นพันธุดีก็จะ ไปเกิดในที่ดีถาเป นพันธุไมดีเกิดใหมอีกก ็ไมดีเม ื่ อเม ็ดไปถูกน ้ํ าถูกดินเข  าอีกก็จะงอกงามขึ้นมาเป นของดี ตอไป ถาเป นพันธุไมดีก็จะแยหนอยจิตใจของคนเราก็ เชนเดียวกัน ถาเราทําดีก็จะได เกิดในที่ดีมีความสุข ความดีจะปรากฏขึ้นในภายหลังถาทําช่วความชั ั่วจะปรากฏให เดือดร อนเป นทุกขฉันน ั้ นเหมือนกัน รางกายท ี่ เราทนุถนอมบํารุงบําเรอด วยประการตางๆ เราเข าใจวาเปนไปด วยความเจริญงอกงาม แท  ที่จริงมิใชเปนไปเพื่ อความเจริญ เปนไปเพื่ อความเสอม ื่ ใหสังเกตดูคนเราอยูในครรภของมารดาแกแลว จึงคอยคลอด หมายความวามันเส ื่ อมจากสภาพเดิมมาแกจึงคอยคลอดเม ื่ อคลอดมาแล  วก ็ แกขึ้นโดยลําดับ เราเรียกวาหนุมวาสาววามันเจริญ แทที่จริงมันแกจนเลยปฐมวัย มัชฌิมวัยเราถงจะรึ ูตัววาเข  าถึงข ั้ นหกสิบ เจ ็ ดสิบปแล วเป นคนแกแทที่จริงเราบํารุงทนุถนอมมานั้น แทนที่มันจะเจริญงอกงาม มันไมใชเจริญงอก งาม คือมันแกชํารุดทรุดโทรมโดยลําดับ สวนใจเราบํารุงใหเจริญงอกงามได เราจะเห ็นได เม ื่ อเกิดมาครั้ง แรกแม  แตบิดามารดาก ็ไมรูจัก ภาษาก ็ไมรูจักพูด พอเติบโตขึ้นมาเราฝกฝนอบรมรูจักบิดามารดาและญาติ


ตลอดถึงรูจักดีรูจักชั่วรูจักหยาบ รูจักละเอียด ตลอดถึงมีวิชาความรูความสามารถในแขนงวิชาตางๆ สมัย นี้เขาพัฒนาวิชากันอยางสงสู ุดกวาสมัยใดอยางวิชาท ี่ เขาทําจรวด สร างจรวดข ึ้นไปเหยียบโลกพระจันทร ไมเคยมีในประวัติศาสตรของโลกอันน ี้ เพราะเหตุดานวัตถุเจริญพัฒนา เขาบํารุงด  านวัตถุเจริญไดดวย ประการอยางน ี้ แตอันน ั้ นมันเปนไปเพื่อโลกไมใชเร ื่ องธรรม เร ื่องโลกมันจะกลับมาเป นเร ื่ องเดือดร  อน อีกตอไป เขาสรางจรวดไมใชเพ ื่ อสันติสุขถายเดียวแตมันจะเป นภัยภายหลัง ทําให เกิดสงครามโลกขึ้นได เหตุนั้นจึงเหมาะแล  วทุกประการที่ชาวเรามาเป นสมาชิกรวมกัน เรียกวาเป นพุทธสมาคมต องการจะ พัฒนาจิตใจของตนให เข  าถงสึ ันติสุขเพ ื่อใหถึงหลักธรรมคําสอนของพระพุทธเจา เราไมไดเป นภัยเรา ฝกฝนอบรมจิตใจของเราให เข  าถึงความสงบสุขไมไดเปนภ  ัยแกโลกแกบาน แกเมือง หรือเป นภัยแกใคร ทั้งหมดอันนี้จึงเหมาะสมแล วทุกประการ เหตุนั้นสมาชิกพุทธสมาคมทุกๆ คนจงพากันสนใจฝกฝน อบรมจิตใจของตนให เข  าถงความสงบสึุขดวยธรรมปฏิบัติคือเห ็นโลกเปนของไมเท ี่ ยงโลกนํามาซึ่ง ความเดือดร อนเป นทุกขธรรมเทาน ั้ นท ี่ จะนํามาซ ึ่ งความสันติ ดังท ี่ อธิบายมาแล  วเร ื่ อง สุขภาพทางกายเราบํารุงมามากแลวแตสุขภาพทางใจคือความสงบของใจ ไมมีการพักผอน เม ื่อไมมีการพักผอนสุขภาพทางใจก็ไมดีทําใหจิตใจหงุดหงิดวุนวายเดือดร  อน เพราะฉะน ั้ นเราควรพากันท ี่จะหาโอกาสหาเวลารักษาสุขภาพของใจคือใหทําความสงบใหไดไมมากก ็ เล ็ กๆ นอยๆ ไดชั่วครูหน ึ่ งขณะหน ึ่ งก ็ เอา เราจึงจะรูสึกคุณคาของพุทธศาสนาวาการทําความสงบอบรมใจ ตามคําสอนของพระพุทธเจ  าน ั้นเป นทางนํามาไดโดยสันติอยางแท  จริงอยาไปเขาใจวาเรามีอาชีพ เปน ฆราวาสภาระมากไมสามารถท ี่ จะทําความสงบได ความเข าใจอันนั้นผิดไป พระพุทธศาสนาสอนให คนผู มีความเดือดรอนน  ั่ นแหละเป นทุกขนั่นแหละใหไดรับความสุขถาหากคนสุขสบายหมดแลว พระพุทธเจ  าก ็ไมไดสอน เราร  อนกระวนกระวายเราจึงคอยอาบน้ํา เรากระหายหิวเราจึงคอยรับประทาน อาหารถาหากเราจะไปบนแตวาหิวแตวากระหายแตวาร  อน แตเราไมอาบน้ํา เราไมรับประทานอาหาร เราไมดื่มน้ําก็ไมมีหนทางท ี่ จะระงับความกระวนกระวายน ั้นได เวลาท ี่ เหลืออยูนี้สําหรับผูที่มีความข องใจปญหาตางๆ ซักถามได การบรรยายก ็ ขอจบเพียงแคนี้ ทานอาจารย  พาน ั่ งภาวนาพรอมท ั้ งอบรมธรรมนํากอน เราเป นชาวพุทธคือนับถือพุทธศาสนาศาสนาท ี่ จะเกิดมีขึ้นมาเกิดจากพระทัยของพระพุทธเจ  าท ี่ ทานรวมเป นหน ึ่ งเสียกอน ธรรมท ั้ งหลายมันเกิดจากใจเป นอันหนึ่งคือ มันมารวมลงท ี่ เดียวเสียกอน หาก จะมีปญหาถามวารวมในที่ เดียวจะมีความรูอะไรขอใหคิดอยางนี้ก็แล  วกัน สิ่งตางๆ ทั้งปวงถาหาก กระจายอยูเราจะไมรูถามารวมอยูในที่ เดียวเราจะรูอะไรเปนอะไร เหตุนั้นเม ื่อเราสละปลอยวางทุกส ิ่งให เหลือแตจิตน ิ่ งอยูอันเดียวแลว ทุกส ิ่ งทุกอยางจะปรากฏในที่นั้น เพราะมันเกิดจากใจอันเดียวเม ื่ อเราทําใจ เข  าถึงความสงบเป นเอกัคตารมณอยางน ี้จึงจะไดชื่อวา เราเข  าถึงหลกพัุทธศาสนาโดยแท


ตอบปญหาธรรมภายหลังน ั่ งภาวนา ๓.ผูถาม เราจะทราบได อยางไรวา เม ื่ อตายแล  วจิตมันจะไปเกิดอีก ทานอาจารยทราบไดดวยอนุมานเอาวาจิตใจเรายังฝงพัวพันเก ี่ ยวข  องอยูดวยส ิ่ งตาง ๆ ซึ่งเหมือนกับ ความเป นอยูของเราในเวลานี้สิ่งใดเหมือนกัน เกิด ตายก็ตองเหมือนๆ กัน เพราะคนตายแลวไมได มา บอกวาเกิดในที่ใดและไมเกิดอีกจึงยากท ี่จะบอกไดวาเกิดหรือไมเกิดอีกเป นแตอนุมานเทานั้น ๓.ผูถาม พุทธศาสนาในประเทศจีนมีหลายนิกาย บางนิกายก็มีการทํากรรมฐาน บางนิกายมีการสวดมนต หรือระลึกถึงพระพุทธคุณ ในชีวิตประจําวันของชาวพุทธฝายหินยานมีปฏิปทาอยางไร ทานอาจารย ชีวิตประจําวันและปฏิปทาของเราชาวพุทธบริษัทจงต ั้ งม ั่ นอยูในคุณพระรัตนตรัยคือ พระ พุทธ พระธรรม พระสงฆใหมั่นคงแล  วจงระวังสังวรอยูในศีลห าใหดีจงฝกหัดอบรมสมาธใหิ เปนไป หม ั่ นระลึกถึงคุณงามความดีของตนอยูเสมอเทานี้ก็เป นอันพอแล วสําหรับชาวพุทธท ั้ งหลาย ๓.ผูถาม อยากจะทราบปฏิปทาของทานอาจารยเอง ทานอาจารย อันภาระของพระมันก ็ หลายเร ื่ องเหมือนกัน กิจประจําวันของพระข อใหญใจความสําคัญ ที่สุดคือ สํารวมกายวาจา ใจของตน ตรวจตรากายวาจา ใจของตน แม  จะพูดจะทําจะคิดอะไรก็ให พิจารณาตนเองอยูตลอดเวลา เราเป นพระชีวิตของเราอาศยคนอั ื่นเป นอยูเราควรทําตัวให เขาเล ี้ ยงงาย เวลาน ี้ กายวาจาและใจของเราสะอาดดีแล  วหรือยังถายังไมสะอาดก็ทําใหสะอาดดีขึ้น ถาสะอาดแล วก ็ รักษาไวใหดีเหลาน ี้เป นตน ๓.ผูถาม เด ็ กๆ บางคนไมทันเติบโตอะไรเลยก็ยังไมทันทําความดีและความช ั่ วแตตายไปเสียกอน เมื่อ เป นกรณีอยางน ี้ เด็กคนนี้เม ื่ อตายแล วไปเกิดในคติแหงใด ทานอาจารย  ความดีและความช ั่ วมิได หมายถึงการกระทําแตชาตินี้เทานั้น เขาทําไว ชาติกอนๆ แล  วตามตัว เขามาเกิดเขาตายแตยังเด ็ กกรรมเกาของเขาน ั้ นแหละติดตามเขาไปอีกแตเขาไมได สรางกรรมใหมเพ ิ่ มอีก การจะไปเกิดในคติใดนั้น ก็แล  วแตกรรมนิมิต คตินิมิตของเขาคนเราจะแตงเอาเองไมได ทานอาจารย  กลาวคําอําลาชาวพุทธสมาคมจีน ที่ไดให เกียรตินิมนตอาตมามาอบรมพุทธศาสนา ณ สถานที่นี้ถึงแมวาอาตมามาอบรมเพียงเล ็ กน  อย


ก็หวังวาชาวพุทธสมาคมทุกคนคงจะพอได ความเข  าอกเข าใจบ างแล วจะไดนําไปปฏิบัติตาม ความสามารถของตนๆ และขอแสดงความยินดีอนุโมทนาด วยที่ทุกๆคนพากันมาอบรมแสดงความเคารพ สุภาพเรียบร  อยเป นที่นาปลื้มปติธรรมะท ี่ใหการอบรมไปนี้คงจะไมไรประโยชนหากพากันต ั้งใจเอาไป ปฏิบัติตอถึงอยางไรก็ ตามเถอะ พุทธศาสนาสอนก ็ เพียงแตพระพุทธเจ าเป นผูสอนผูอบรมผูใหคําแนะนํา เทานั้น การปฏิบัติอยูที่พวกเรา ฉะน ั้ นถึงแมวาเราจะไมมีวัดวาศาสนาอยูประจําแตพุทธบริษัทท ั้ งหลายพา กันจดจํานําเอาไปปฏิบัติตามหลักนี้ก็หวังวาคงจะไดผลตามสมควรวันจันทรที่๑๓ นี้คงจะได เดินทาง กลับสิงคโปรแล วจะได เดินทางไปอินโดนิเซียตอไปอีกเทาท ี่ได มาน ี้ มาเห ็นสภาพความเป นอยูของชาว พุทธสมาคมซิดนียจึงขออนุโมทนายินดีและขอร ่ําลาเป นคําสุดท  าย วันท ี่๑๒ ธันวาคม ๒๕๑๙เวลาสาย แสดงธรรมเทศนา สอนนักเรียนไทยในซดนิ ียที่วัดพุทธรังษี เราเป นนักเรียนเพ ื่ อแสวงหาความรูเพ ิ่ มเติม ได ออกมาเรียนนอกประเทศถึงออสเตรเลยนี ี้มิใชทาง ใกลๆ สิ้นเปลืองเงินทองไปอะโข มาเรียนแล  วจงต ั้งใจเรียนให จบอยาประมาท การมาเรียนตางประเทศพา กันต ั้งใจสังเกตดูเหตุการณสิ่งแวดล  อมรอบๆตัวของเราใหดีวา สิ่งน ั้ นๆ ตางจากเมืองไทยของเราอยางไร มิใชเห ็นแปลกแตกตางเพียงรูปรางลักษณะทาทีของสิ่งเหลาน ั้ นๆ เทานั้น แตให เห ็ นลึกเข าไปในๆ กวา นั้นอีกเน ื้ อแท  ของมันคืออะไรเชน คนเอเชียชอบทํางานด  วยแรงของคน ชาวยุโรปชอบทํางานด  วยเคร ื่ อง ทุนแรงอยางน ี้เป นตน เม ื่ อจับต  นตอหัวข  อคิดน ั้นได แลวคิดไปมันก ็ กว างขวางออกไป อยางน ี้ เรียกมาหา เรียนวิชาเพ ิ่ มเติม มิใชมาหาเรียนแตวิชาของเกาเขาที่มีอยูในตําราน ั้ นเทานั้น มันจบเปน จบแล  วกลับไป เมืองไทยทําอะไรก็ แคเพียงตําราเทานั้น ตําราน้นเขาเรัยนกี ันมาแลวและทํากันแลวความเจริญก  าวหนา ของตนและของประเทศชาติก็แคนั้น ไมเจริญย ิ่ งๆ ขึ้นไป การเรียนวิชาต  องกล  าหาญเช ื่อในความสามารถ ของตนเองกล  าคิดกล  าทําในสิ่ งที่ถูกท ี่ ควรเม ื่ อเรียนวชาได ิ  จากตํารามาแลว มาเปนใหญเปนโตนั่ งส ั่ งการ งานอยูบนเก  าอ ี้ทําอะไรไมได เลยผูนอยจะมีความคิดริเร ิ่ มข ึ้ นมาสกเลั ็ กน  อยก ็ หาวาลวงเกินเลยไมกล  าคิด ทําอยางน ี้ การงานก ็ไมกาวหนา สวนตัวก ็ไมเจริญ นักเรียนท ั้ งหลายมีโอกาสได มาเรยนเมี ืองนอกนี้นับวาโชคดีจะไดรูเห ็นของแปลก ๆตางๆ แลว นําไปแกไขของในเมืองเราใหดีขึ้น คนไทยที่ อยูหางทางโน นก็มีความหวังเชนน ั้ นเหมือนกัน ฉะน ั้ นขอจง ตั้งใจเรียนใหสําเร ็ จแล วจะได กลับภูมิลําเนาเดิมโดยดวน ในโอกาสนี้ ขออานวยพรให ํ นักเรียนท ั้ งหลายจงสําเร ็จความปรารถนาของตนจนทุกคนเทอญ


สนทนาธรรมภายหลังธรรมเทศนา นักเรียน ทําบุญแล วสบายใจดีครับ ทานอาจารย นั่นแลบุญ คือไดความสบายใจ ทําแล วสบายใจดีบุญก็มาจากบริบูรณนี่เอง มันเต ็ มมันอิ่ม ในใจเรียกวาบุญ อยาไปพูดวาทําบุญแล วตายจะไดไปเกิดช ั้นฟาสวรรคอยางน ั้ นอยางน ี้เราไมเห็น เรา เห ็ นชัดในปจจุบันน ี้ เห ็ นหน  าพระจิตใจของเราก็ เบิกบาน ทําไมจึงเบิกบาน คือทานดีกวาเรา ทานมี ศีลธรรม สัมมาจาราวัตรดีกวาเราจิตใจก็ผองใส ความช ั่ วเราเคยกระทําก ็ ละอายแล วละได อาตมาพูดมัน เป นเร ื่ องตลก ภรรยาสามีทะเลาะกันพอพระไปก็ หายดี๊ดีพระล างบาปลางโกรธเป นจริงๆ เคยมีมาแลว นี้ เรียกวาพระล างบาปแทหายไปหมด พูดหยาบคายบงเบงๆ เวลาพระข ึ้ นบ านไปแล วพูดดีกันจากน ั้ นเลยดี กัน เคยเห ็ นมาแลว นี่พูดความจริง พระมีประโยชนแกศาสนิกชนอยางน ี้ ๓.ผูถาม ผูหญิงก็มีสิทธิในการงาน บางทีผูหญิงทํางานอยางเดียวกับผูชายแตวาได เงินเดือนน  อยกวาก็มี ทานอาจารย  เด ี๋ ยวน ี้ เสมอภาคกันแลวไมตองวิตกกังวลผูหญิงเป นถึงขนาดราชทูตก็มีแลว ที่ลดหล ั่ นกัน อยูก็แตเพศผูชายเป นแมบานไมไดสุดวิสัย ๓.ผูถาม ความรักความเกลียดความโกรธอะไรตออะไรเกิดท ี่ใจหรือเกิดท ี่ กายครับ ผมเดาวาเกิดท ี่ใจใช ไหมครับ ทานอาจารยใหพิจารณาเอาเองกายน ี้โกรธเปนไหม ใหพิจารณาตัวเอง เชนคนตายไมมีใจแล วโกรธเปน ไหม รักใครไหม เกลียดใครไหม ๓.ผูถาม ถาทานอาจารยถามอยางนั้น ผมวาเร ื่ องน ี้ เกดทิ ี่จิต เพราะฉะน ั้นความไมรูเร ื่ องอนิจจัง เกิดอยูที่ จิต ที่ใจและถ าเราเป นคนดีนิสัยดีหรือช ั่ วก็ขึ้นอยูที่ใจ ทานอาจารย  เพราะวาเกิดจากใจ พระพุทธเจ  าจึงสอนใหอบรมใจใหทรมานใจตนเองอยางเบองต ื้  นหัด อยาใหมันโกรธอยาใหมันสงสายไปหาความโกรธใหจิตใหใจสงบขึ้น เน ื่ องจากมันเกิดท ี่ใจเราจึงต  อง หัดดูที่ใจ พอมาหัดอบรมท ี่ใจแลวใจมันก็ดีนิสัยมันก็ดีขึ้น ถาใจดีแล  วกายมันก็ดีไปเสียทุกอยางความ โกรธมันก ็ไมมีความหงุดหงิดฉุนเฉียวมันก ็ไมมีเพราะเราอบรมใจอยางคนติดคุกติดตารางน ั่ นนะเอาไป ขังไวที่คุมขัง ใจไมใชมันหายจากการเปนขโมยเพราะใจไมได ทรมานคุมขัง ๓.ผูถาม บางคนเกิดมาเป นคนเสียจริต ไมอาจจะน ั่งภาวนาได จะทําอยางไร


ทานอาจารยคนเสียจริตมันก็พูดยากเหมือนกัน ทางแพทยก็คงจะทราบกันดีเพราะเคร ื่ องมือท ี่ใชทํางาน ไมดีที่ทํางานเสียผูทํางานก ็ไมดีก็เลยไมดีตามไป สถานที่ทํางาน คือเซลลประสาทไมดีผูทํางานคือใจ มันไมดีกรรมไมดีมันก ็ เลยหมดหนทาง ๓.ผูถาม การท ี่หมอให ยาระงับประสาท ระงับอารมณแกผูปวยทางพุทธศาสนามีความคิดเห ็ นอยางไร ทานอาจารย มันก ็ใชได เรียกวาพักงานเสียก็อยางคนไปทํางานออฟฟซน ั่ นแหละงานไมตองเดินกันละ ๓.ผูถาม การท ี่ หมอสามารถผาตัดสมองและประสาทของคนวิกลจริต แล  วทําใหดีขึ้น อันนี้ทานอาจารยมี ความเห ็ นอยางไรครับ ทานอาจารย มันก็ดีเหมือนกัน สํานักงานของจิตมันไมดีแตงใหมใหดีเสียมันก ็ใชได ๓.ผูถาม ในกรณีที่ผาตัดแล  วเกิดทําใหนิสัยของผูปวยเปลี่ยนไป ใครเป นผูรับผิดชอบในการตัดสินใจที่ให ผาตัดสมองผูปวยหรือหมอ ทานอาจารย ก็ผูปวยและผูปกครองละซีซึ่งจะต  องรับภาระนี้ตอไป ๓.ผูถาม ไดพิจารณาถึงเร ื่ องสังขารตามที่ทานอาจารยอธิบาย มีความเห ็ นจริงวา สังขารน ั้ นเกดขิ ึ้ นมาแล  วก ็ ดับไป มันไมเท ี่ ยง ทานอาจารย สังขารมีสองคือ สังขารรูป ๑ สังขารนาม ๑ รูปสังขารที่ปจจัยตกแตงได แกรูปคนเราอันมี ดิน น้ําลม ไฟ ประสมกันเข าเป นรูปกายอันนี้ขึ้นมาก็ดีหรือรถราอันประกอบดวยสรรพสัมภาระตางๆ มี เคร ื่ องจักรรถยนตเป นต  นแล  วว ิ่งไดก็ดีทั้งหมดน ี้ประกอบด วยธาตุทั้ง ๔ จึงเป นรูปขึ้นมา เรียกวาสังขาร รูป สังขารนามน ั้นไมประกอบด วยธาตุ๔ ก็ไดคือ ปรุงด วยใจอยางเดียวแตเม ื่อปรุงแตงแล  วทํา เป นรูปจึงปรากฏ ถาไมทําเป นรูปปรุงแล วตายไปปรุงใหมอีกวิสัยของสังขารตองเป   นอยางนี้ทุกคนไป ตราบใดยังไมรูเทาเข าใจตามเป นจริงของมันแลวก็จะต องปรุงแตงอยูอยางนี้ร่ําไปไมมีสิ้นสุด ๓.ผูถาม ผูที่มีสติดีดวยกายดวยวาจาแตวาสติยังผิดเก ี่ ยวกับความคิดภายในใจคือวา เวลาคิดถึงเร ื่ องชั่ว ลืมสติที่จะสํารวมใจในขณะนั้นจะเปนบาปไหม ทําในทางที่ดีทางกาย ทางวาจาแตวาสํารวมใจไมได อันนี้ผิดหรือไมครับ


ทานอาจารยคิดช ั่ วด วยใจเรียกวามโนทุจริต คิดดีดวยใจเรียกวามโนสุจริต ในกรณีที่ลืมสติที่จะสํารวมใจ นั้น เปน โมหะจริต เป นมูลแหงอกุศลท ั้ งหลายผิดโดยแท ๒.ผูถาม การสะกดจิตกับการน ั่ งกรรมฐานเหมือนกันหรือไมครับ ทานอาจารยวิธีอันเดียวกัน แตวามีความหมายมุงผิดกัน วิธีสะกดจิตน ั้ นมุงท ี่ จะสะกดจิตผูอื่น ไมไดคิดท ี่ จะทําใหกิเลสของตนหมดไป คือต ั้งใจใหจิตแนวเป นสมาธิบังคับจิตผูอื่นให อยูในอํานาจของตน ลงอัน เดียวเหมือนกันกับเราน ั่ งกรรมฐาน แตเราน ั่ งกรรมฐานจิตเป นสมาธิแล  วเห ็ นกิเลสของตน เราพยายามจะ ละกิเลสบาปกรรมนั้น ละความวุนวี่วุนวายท ั้ งหลาย ใหจิตมันสงบ ใหพนจากกิเลส วิธีอันเดียวกัน แต ความมุงหมายผิดกัน ๒.ผูถาม พระดอนสนใจในเรื่ องน ี้ทานบอกวาคนสกดจิตบอกใหคิดวากายของเราเปนปฏกูลิเม ื่ อสกด แล  วทําให กายของเราและกายของคนอนเป ื่ นปฏิกูล ทําให อาจคล ั่ งถึงกับฆาตัวตายไดถาไมระวัง หรือสกด ให เห ็นเป นธาตุสี่ก็ได เหมือนกัน ตอนน ี้ พระดอนกําลังสนใจทางดานน ี้ ขอเรียนถามความเห ็ นของทาน อาจารย ทานอาจารยคือวาคนอ ื่ นทําให หรือ ๒.ผูถาม ทําเองก ็ได ครับ ทานอาจารย ไมเป นสัมมาทิฏฐิพระพุทธเจ าไมสอน ๒.ผูถาม เร ื่ องน ี้ จะมีประโยชนหรือเปลาครับ ทานอาจารยมีประโยชนเหมือนกันถ  าหากรูจักใช ๓.ผูถาม ถาเป นอยางน ั้ นพระกรรมฐานท ั้งหลายไปสะกดจิตแล วบอกคนสะกดวาทุกส ิ่ งทุกอยางเป นของ ปฏิกูลก็ดีมาก ทานอาจารยไมดีเลยผิดทางกรรมฐานท ั้งหลายไมทํากันหรอกไมเปนปจจัตตัง ๓.ผูถาม มโนทุจริตเราจะแก ไขอยางไร


ทานอาจารยมโนทุจริต แก ไขด วยอุบายแยบคายสวนตัวเองคนอ ื่ นชวยเหลือไดคืออุบายแยบคายในที่นี้ จะต  องคิดค  นหาเหตุผล สิ่งท ี่ควรไมควรแก  กายแก ได เชน ใครทําไมดีผูกมัดก ็ไดใครพูดไมดีก็ตีได แตใจ มันไมใชอยางนั้น มันพูดอยูคนเดียวคนจะชวยก ็ เพียงแนะแนวทางคิดนึกเทานั้น เวลาค่ํา สนทนาธรรม ที่วัดพุทธรังษี ๒.ผูถาม ถาเราจะกําหนดเกศา เราจะคิดพิจารณาด  วยวิธีไหนครับ ทานอาจารยอาการ ๓๒ ที่เรากําหนดคิดคน เราคิดพิจารณาเฉพาะเป นอยางๆ ไป ในตําราที่ทานสอนบอก วา ใหคิดค  นท ี่ เกิด ที่ตั้งกลิ่น แลสีเป นตน ของมัน พิจารณาสีสันของมันท ี่เปนของไมดีปฎิกูลโสโครก ผม เล็บ ฟน หนังโดยเฉพาะเป นเร ื่ องๆ เป นอยางๆ ไป ถาเราพิจารณาเร ื่องใดใจให จดจอในเรื่ องนั้น อยา ไปพิจารณาเร็วอยาไปพิจารณาชา ตรงนี้มันลําบากเหมือนกัน แล  วแตความพอดีพอเหมาะของเราถาหาก พิจารณาเร ็ วเกินไปไมชัดถาพิจารณาช  าเกินไปใจมันพุงไปเสียกอน ถาหากใจเราจดจองในเรื่ องนั้น คือไป เห ็นในเรื่ องน ั้ นแลว มันเกิดความสนใจพอใจ ชัดแจง มันพอดีของมันละคราวน ี้ เวลาพิจารณาเร ื่ องเดียว ในสิ่ งเดียวใจมันรวมวูบไปมันวางหมดเลยอันอ ื่นไมตองพิจารณาตอไปไดถาหากมันไมเป นเชนนั้น คือ วาบางทีคอยพิจารณาเป นสวนเป นช ิ้นไป ชัดบ างไมชัดบ  างแตอยาไปทอดธุระท ิ้ งเสียใหพิจารณาอยูอยาง นั้นละ มีวันหน ึ่ งซ ึ่ งมันจะชัดลงไป ถามันชัดเกิดอสุภะเปนของปฏิกูลข ึ้ นมาก็ดีหรือบางทีมันอาจจะไป เห ็นเป นของ เกิด-ดับ ขึ้นมาก็ดีบางทีมันเห ็นไตรลักษณอนิจจัง ทุกขังอนัตตาก็ดีมันอาจจะมีในวาระใด วาระหนึ่ง เราพิจารณาอยูอยางนี้ชัดแลว ทีหลังมันสรุปรวมเลย พิจารณาอสุภะรวบหมดเลย บางทีเรา พิจารณาอสุภะเปนไตรลักษณรวมวูบเลยถ  าหากเราชานาญแลํ วจะพิจารณาอะไรก็ ตามเถิดอาการ ๓๒ ก็ ตาม หรือพุทโธๆ หรือลมหายใจก็ตาม เม ื่ อพิจารณาไปๆ มันชัดข ึ้นมาโดยวิธีใดเราจับอุบายวิธีนี้ใหได แล  วก็ทีหลังพิจารณาอยางน ั้ นอีกแตมิได หมายความวามันจะเป นอยางน ั้ นอยูตลอดเวลาแตอุบายท ี่ เรา พิจารณาน ั้ นอยาไปทิ้ งอยาไปทอดธุระขอสําคัญที่สุดก็คือความชํานาญ เปนอะไรๆ ถาไมชํานาญแลว รักษาไมไดขอสําคัญอีกนัยหนึ่ง เราพิจารณาอะไรถ าหากมันไมชัดอยาไปดิ้ นรน คือเราอยากจะให เห็น อยากจะใหเปน อยากจะใหชัดอันน ั้นไมถูก มันเน ื่องจากความสงบของเราไมพอถาหากมันแนวแนอยูใน อาการอันเดียวอยูแลวการพิจารณามันก็ชัดขึ้นมา พิจารณาเร ื่ องเดียวก ็ แล  วกัน อาการอ ื่นไมตองพิจารณา นี่แหละหลักสําคัญที่เราจะตองพยายามจับมันใหได


๒.ผูถาม จะต  องมีขันติความอดทนจึงจะทําได ทานอาจารย ก็นั่นแหละความเพียร หรือเรียกวาความอดทน ของมันไมเป นเอง เราจึงตองอดทน ตองทํา ของเป นเองเราก ็ไมทํากันละ ทีนี้มันไมเป นเองเราจึงคอยพากันทํา บานเรือนมันไมเป นข ึ้ นมาเองไมมีใคร เนรมิตให เขาจึงคอยพากันสร างขึ้น พระพุทธเจ าเทศนาไว แล  ววา พนทุกขได เพราะความเพียรแตให พิจารณาอีกนัยหน ึ่ งวาการอดทนการตอสูนั้นไมใชของสุขคือความทุกขความเพียรความพยายามคือ ความทุกขแตหากพ  นทุกขได เพราะทุกขถาหากไมมีทุกขก็ไมพนทุกขไดทานจึงวา พนทุกขได เพราะ ความเพียรเชน เราประกอบอาชีพ มันไมมีของสําเร ็ จแล วสักอยางเดียวการประกอบอาชีพน ั้ นก็คือความ เพียรขยันหม ั่ นเพียรประกอบการงานอะไรๆ หมดน ั่ นแหละเรียกวาความเพียรความเพียรน ั่ นแหละคือ ความทุกขแตหากวามันไมทุกขมากประกอบแลวเราไดสิ่งวัตถุที่เราต  องการบํารุงความทุกขทุกขมา บําบัดทุกขไปชั่ วครูชั่วขณะถาหากต  องการแตสุขถายเดียวไมตองทําอะไรเลยยิ่งทุกขมากกวาเกาจึงพน ทุกขได เพราะความเพียร วีรชนท ั้งหลายในโลกเขายอมสละชีวิต แม  แตนายทหารเข าสงครามเขาก็ยอมสละชีวิตกวา จะเป นวีรชนได พระพุทธเจ  าของเราก ็ เชนเด ียวกัน ยอมสละชีวิตบําเพ ็ ญทุกรกิริยาอยูถึงหกปจึงไดเปน พระพุทธเจา นี่ละความเพียรคือความทุกขแตชนะทุกขได เพราะความเพียรคนขยันหม ั่ นเพียรทําการ ทํางานหาผลประโยชนรายได เห ็ นท ี่ไดไมรูสึกเหน ็ ดเหน ื่ อยไมรูสึกข ี้ เกียจคนท ี่ หากินไมไดผลประโยชน คุมคาขี้เกียจ ทําอะไรมีแตทุกขหมดผูบําเพ ็ ญเพียรภาวนา ทําคณงามความดุีเห ็ นคุณคาแล วไมขี้เกียจ ทุกข หายไปเอง ๒.ผูถาม เม ื่ ออยูกับพระสงฆทําความเพียรได แตวาถ  าอยูธรรมดามนกั ็ ยากอยูครับ ทานอาจารย ก็นั่นแหละคือวาเรายังไมพบของดีถาหากพบของดีแล  วมันก ็สบายไปอยูไหนมันก ็ เหมือนกัน เหตุนั้นพระพุทธเจ  าก็ดีสาวกก็ดีหรือผูที่เข  าฌาน สมาธิสมาบัติทานน ั่ งอยูไดเป นหลายๆ ช ั่วโมง ทานเข  านิโรธอยูไดตั้งเจ ็ ดวัน เพราะทานพบของดีของน ั้นเป นของมีคุณคาความทุกขไมมีหาย หมดเรามาทําความเพียรคอมาหาพระเจื าพระสงฆเพราะเราดีใจเราปลื้มปติมันก ็เลยไมรูสึกเหน็ด เหน ื่ อยผูที่ขี้เกียจภาวนาคือทําความเพียรไมเปน ก็ไมเห ็นอะไรเลยขี้ เกียจ ๒.ผูถาม อยากกราบเรียนถามทานอาจารยวาอุปจารสมาธิคืออะไร มันแตกตางกับอัปนาสมาธิอยางไร  ทานอาจารย  อุปจารสมาธหมายถิ ึงจิตที่ยังไมแนวเต ็ มท ี่มันหยิบๆ วางๆ มันเอาบ างไมเอาบ  าง มันใกล ๆ จะเอาจริง ๆ จัง ๆ แตมันยังไมเอาเต ็ มท ี่ถาอัปนาสมาธิแล  วยอมรับเอาอารมณนั้นเต ็ มท ี่ เลย


๒.ผูถาม ทานอาจารยอธิบายถึงอัปนาฌาน เม ื่ อเขาถ  ึงอปนาฌานแล ั วลมหายใจไมปรากฏ เม ื่ อเวลาเข  าแลว จิตมันสงบ แตไมสามารถท ี่ จะพิจารณาอะไรไดสภาพอันน ี้เป นสภาพท ี่ไมดีเราไมตองการใชหรือเปลา ทานอาจารยสภาพเชนน ั้ นมันเป นธรรมชาติของมัน คือธรรมชาติของจิตที่ตองเข าไปพักเพ ื่อใหมีพลัง เหมือนกับสภาพของกายธรรมดา ประกอบภารกิจพอสมควรมันเหน ื่ อยมันก ็ เข าไปพักคือนอน สภาพของ ใจที่ เข  าถึงสภาพเชนนั้นนะเพ ื่ อบํารุงพลังของใจใหมันมีพลังตอไป ใชไดไมใชไมใช แตวาเพียงให เรา เข าไปรูเร ื่ อง ใชใหมันถูกฐานะของมันแล  วก ็ใชได ตอนน ั้ นมันเปนเองเราไมไดบังคับใหมันเปน ถาบังคับ แล วไมเปน ๒.ผูถาม เทาท ี่ เคยศึกษามาแลว พุทธศาสนาสอนถึงเร ื่ องอนัตตาแตเทาที่ฟงโอวาทของทานอาจารยถึง เร ื่ องจิต คิดวาจตคิ ืออัตตา เพราะวาไมได ตายมันไปเกิดใหมแล  วมันคล  ายๆ เป นท ี่ เก ็ บทุกส ิ่ งทุกอยางแลว ก็เกิดใหมเพราะฉะน ั้ นคล  ายๆ อัตตาและอยากทราบวามันเป นอยางไรแนครับ ทานอาจารย คือวาสอนอัตตาเสียกอน สอนกายสอนจิตใหพิจารณาเห ็นเปนของไมมีสาระแลวจึงทอดทิ้ง ถาไปสอนอัตตาทีเดียวใครจะเห็ นด  วยอนัตตามันก ็ เกิดจากอัตตา เห ็ นอัตตาไมมีสาระแล วจึงจะทอดทิ้ง อัตตาน ั้ นเสียได ๒.ผูถาม เห ็ นวากายของเรากับใจมันเป นคนละอันกัน กายมันต องแตกสลายไปจิตมันไปเกิดใหม เพราะวาจิตมันไมแตกไมดับไมสูญไป คล  ายๆ มันเป นตัวเป นตน ทานอาจารยใชจึงวาพูดถึงเร ื่ องตนเสียกอนเด ี๋ ยวนี้นะยังไมทันหมดเร ื่ อง มันยืดยาวคือวาพูดถึงเร ื่ องอัตตา แม  แตเราภาวนาพุทโธๆ ก็อัตตา ภาวนาอานาปานสติก็อัตตา เข  าอารมณฌาน สมาธิสมาบัติยึดเอาอารมณ ตางๆ ก็เรียกวาอัตตาอยูในขอบเขตของอัตตาหมดคราวน ี้ จะมาพูดถึงเร ื่องให เห ็ นอนัตตาอยางกายน ี่ เรา ทนุบํารุงมัน มันก็มีสภาพแปรไปโดยลําดับ เส ื่ อมสญไปโดยล ูําดับ ไมอยูในบังคับของใครอาศัยมันมันก ็ เพียงแคนั้น ก็เรียกวากายไมมีสาระเพียงเป นที่พึ่งอาศัยเพียงเล ็ กๆ นอยๆ จิตเราไปยึดส ิ่งใดสิ่ งหน ึ่ งซ ึ่ งเอา มาเป นตัวเป นตัวมาเป นของจริงของจังมันก ็หายไปได เหมือนกัน อยางเราไปยึดความเกลียดความโกรธ ความโลภ ความหลง นี่หรือยึดวัตถุสิ่งของอะไรแล วมันก็หายสูญท ิ้งไป มันมีเวลาปลอยวางได เหมือนกัน เหตุนั้นใจจึงเป นอนัตตาอารมณกรรมฐานที่เราไปยึดเห ็ นอสุภะปฏิกูลภาพนิมิต อะไรตางๆ ก็เส ื่ อมสูญ ไปไดเหมือนกัน ในผลที่สุดเรามาพิจารณาจนเห ็ นวา เพียงเหตุปจจัยอาศัยซ ึ่ งกันและกันช ั่ วระยะหน ึ่ งๆ แทที่จริงไมมีสาระอะไรเลยกายก ็ เหมือนกัน ใจก็ เหมือนกัน อยางเชนไปรักผูหญิงสักคนหนึ่งรักที่สุด เอามาเป นลูกเป นเมีย ตอเม ื่ อมาอยูดวยกันแล  วผูหญิงคนน ั้ นเกิดไมดีแล  วท ิ้ งผูหญิงคนนั้น ทีแรกเป นอัตตา


คือ ชอบรักผหญู ิงคนน ั้นไดมาเป นเมีย ทีหลังผูหญิงคนน ั้ นทําช ั่วไมดีเลยเบื่อเลยทิ้งอันน ั้ นเรียกวา อนัตตาเหมือนกัน ๒.ผูถาม ขอกราบเรียนถามถึงเร ื่ องจิตอีกครับ ผมเข าใจวาจิตมันไมดับไป มันคงท ี่ ทานอาจารย จิตก ็ไมเท ี่ ยงอยูได เพราะเหตุปจจัยคือมันไปยึดเอาส ิ่งใดสิ่ งหน ึ่ งมันจึงคอยอยูไดถาไมมี เร ื่ องยึดมันก ็ไมมีเคร ื่ องอยเหม ู ือนกัน จะวาดับก ็ไมใชไมดับก ็ไมใชถามันยึดม ั่ นก็ยังปรากฏตั้ งอยูถามัน ไมยึดส ิ่ งน ั้ นมันก ็ไมมีที่อยูจะวาดับก ็ไมใชไมทราบวามันอยูไหน มันมีก็ไมใชเพราะมันไมมีที่ตั้ง ๒.ผูถาม เคยศึกษาเก ี่ ยวกับเร ื่ องศาสนาคริสตและเข าใจเรื่ องน ี้ ยากเพราะวาเขาสอนถงเรึ ื่ องแบบวิญญาณ เวลาเราตายอาจเกิดในสวรรคหรือนรกถือวาวิญญาณคืออัตตาเป นตัวเป นตน เลยคิดวาจะเสียเวลาอีกนาน ที่จะเข าใจ ทานอาจารย ใชพุทธศาสนาก็ถือกันโดยสวนมากถือวิญญาณเกิดดับ ไมมีที่สิ้นสุดถืออยางน ี้ เหมือนกัน ถือวาตายแล  วเกิดก็คือถือเร ื่ องอัตตาแตเขาไมไดคิดค  นตายแล  วเกิดเพราะปจจัย ตายแล  วเกิดเหมือนกัน กับคริสตไมผิดเลยจะเข าใจถึงอนัตตาไดก็ตองถึงเหตุปจจัยอยางเราอยูปรกติธรรมดาน ี้ความโกรธไมเกิด เพราะไมมีเหตุปจจัยขึ้นมาแตความโกรธมันฝงอยูในนั้น พอมองเห ็ นส ิ่งใดไมพอใจเขา นั่นแหละปจจัย เป นเหตุให เกิดความโกรธขึ้นมา เหตุนั้นผูที่จะละความโกรธไดตองพิจารณาให เห ็ นอนัตตาวาส ิ่ งน ั้ นมันก ็ ไมเท ี่ ยงไปยึดเอาไวเป นทุกขแกเราเปลา มันต องใช เวลามาก นั่นแหละศาสนาคริสตเรียกวาสุขนิรันดร ไมเคล ื่อนไหวในศาสนาพุทธไมได เรียกวาสุขนิรันดรคืออันน ั้ นยังมีการยึดยังมีตัวตนอยู เม ื่ อเหตุปจจัย ยังมีตอเน ื่ องอยูมันก ็ปรากฏอยูละเหตุดับเหตุดับปจจัยจะวามีก็ไมใชไมมีก็ไมใชจึงไมมีเร ื่ องพูดกัน ตรงน ั้ นจึงเรียกวาเหนือจากคําพูด พูดกันไมถูกผูรูทั้งหลายต  องรดวยตนเองู ๒.ผูถาม ตอนแรกอานเรองอน ื่ ัตตาแล  วกลัวมากเด ี๋ยวหมดไมมีอะไรและไมเพียงแตกลัวอยางเดียวคิดวา เม ื่ อคนอ ื่ นเขาใจผ  ิดเร ื่ องอนัตตา ทีหลังทําอะไรก็ตามจะไมรับผิดชอบ โดยถือวาทําอะไรก็ ตามตายแลว หมดเร ื่ อง ทานอาจารย  อยาไปเขาใจวาอนัตตาเปนของไมมีถาเปนของไมมีก็กลัวกันหมดอนัตตาเป นของมีอยูแต อนัตตาเปนของไมมีสาระคือไมมีแกนสารส ิ่ งน ั้นเป นสักแตวาเคร ื่ องอาศัยเป นช ั่ วคร ั้ งช ั่ วคราวแตไมใช ของจริงของจัง เห ็นเป นสักแตวาเคร ื่องใชชั่วคราวผูเห ็ นอนัตตาด วยใจของตนแลวจะหายจากความกลัว นี่เป นคําพูดเฉยๆ ยังไมทันถึงตรงน ั้ นเลยกลัวกอน ๒.ผูถาม ถาอยางน ั้ นก ็เป นส ิ่ งท ี่เราใช แลวเราก  ็ตองท ิ้งไวใชไหมครับ


ทานอาจารย ก็เหมือนเราหิวน้ํา เราก็ดื่มน ้ํ าเพ ื่ อระงับกระหายแตวาน ้ํ ามันก ็ละลายไปเป นเหง ื่อเปน ปสสาวะ มันมีอยูใช อยูตามสภาพของมัน แตวาไมใชของเราจิตใจถ าเราเห ็นเป นเพียงสักแตวาเทาน ั้ นมัน ก็ไมไปเอามาเป นของเรา เหมือนกับน้ํา มันไมใชเราแตมันไประงับความหิวกระหาย มันแคนั้นเองจึง เรียกวาอนัตตาตรงนั้น ๒.ผูถาม จะต องใช ความพยายามคิดค  นอีกหลายป ทานอาจารย ดีถาคิดค นไมออกแล  วจึงคอยไปหาที่ เมืองไทย ๒.ผูถาม ผมเข าใจเรื่องไมมีพระเจา เคยอานหนังสือพระศรีลังกาเขียนวาไมมีพระเจ  าและเห ็ นด  วยถามี พระเจาแล วใครสร างพระเจาไมมีที่สิ้นสุดแตเข าใจวาในหลักพุทธศาสนาสอนวา เราทําดีเราได ผลดีเรา ทําช ั่วได ผลชั่วเราทําอะไรตองได ผลอันนั้น ผมเห ็ นวาเหมือนมีผูสั่งไมเข าใจและอยากกราบเรียนทาน อาจารยวาท ี่ไมเข าใจเป นเพราะเด ี๋ ยวน ี้ อยูในโลกียะวันหลังเม ื่ อเข าใจสูงข ึ้ นแล  วคงจะรูใชไหมครับ ทานอาจารย ใจเรานั้นแหละเป นผูสั่ง เราจะทําดีและทําชั่วถาใจไมสั่งแล วกายไมทําคิดดูซีการฆาคน ถา ใจไมสั่งแล วกายจะไปฆาได อยางไร ใจไมมีเสียอยางเดียวกายจะทําอะไรก็ไมได เรียกวาคนตาย ๒.ผูถาม ในสังคม บุคคลท ี่ไมเช ื่ อพระเจ าเปนคนไม  ดีเกือบท ั้ งนั้น บางคนบอกวาหมอไมถือศาสนาไม เช ื่ อพระเจ าไมดี ทานอาจารย พระเจาสอนให เช ื่ ออยางเดยวไม ี มีผล หมอเรียนถึงเหตุผลรูแล  วจะเช ื่ อพระเจ  าอยางไรลง มี นายอะไรคนหนึ่ งวาโลกกลม ครูสอนศาสนาคริสตบอกวาความเห ็ นอันน ั้ นผิดจากศาสนา เอาตัวมา ลงโทษถึงสองครั้ง นายคนน ั้ นก็ยังยืนยันอยูอยางนั้น แล วผลเป นอยางไร นายคนน ั้นแกไมไดสรางโลกแต แกรูเร ื่ องน ั้ นดีกวาพระเจาแตก็ไมมีคนนับถือแกเหมือนพระเจา ทานอาจารยนั่งภาวนา พรอมท ั้ งอบรมธรรมนํากอน ที่นั่งภาวนาคือเรารวมใจ สํารวมใจให อยูในอันเดียวใหปลอยวางหมดเราไปยึดมามากแลวคราว นี้เราจะไมยึดอะไรทั้ งหมดใหมันวางอยูในที่ เดียวคนเดียวลองหัดแบบน ี้ ลองดูหากมันจะไปยึดเราบอก วาไมเอา มันจะสงไปยึดอะไรเราไมเอาท ั้ งนั้น จะปลอยใหมันวางทําความรูสึกอยูโดยเฉพาะคือ มี ความรูสึกอยูเราจับต  องอันน ั้นใหไดจับอันน ั้นให อยูตรงน ั้นในจุดอันเดียว ( นั่งภาวนาประมาณ ๒๐ นาที )


สิงคโปร วันที่๑๕ - ๒๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๙ วันที่๑๕ ธันวาคม ๒๕๑๙เวลาบาย สนทนาธรรม ๑.ผูถาม เทาท ี่ไดศึกษามากับสวามีก็ดีจากทานอาจารยฝนก็ดีเวลาน ั่ งภาวนามีปญหาอะไรเกิดขึ้น ไมวาจะเปนปญหาในครอบครัวหรือปญหาในชีวิตประจําวันก็ดีบางทีก็ใชบริกรรมโอมะ บางทีก็ ระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารยทั้งหลาย บางทีจิตก ็สงบไดชั่วครูขณะแล  วก็ฟุงซานอีก ทําอยางน ี้ มันถูกหรือผิดคะ ทานอาจารย  ถูกการหัดภาวนาเบ ื้ องตนก็ตองใชคําบริกรรมเสียกอน จะเอา โอมะหรือระลึกถึงครู บาอาจารย  หรือระลึกถึงพระพุทธเจ  าก ็ได ขอแตใหทําใจให แนวแนลงอันเดียวก ็ แล  วกัน ถาใจยังไม แนวแนมันก็สงสายละซีมันพาวนเสียไมเป นภาวนาแตก็อดทนไปเพราะใจเรายังไมเคยภาวนา มี แตสงสายอยูตลอดเวลา พึ่งมาภาวนาน ี่เองจะใหมันรวมทีเดียวมันก็ยากอยูถาเราไมทําก ็ไมมีเวลาจะ รวมลงไดขอให อดทนทําไปเถิด ๑.ผูถาม เวลากําหนดภาวนาไมคิดพระเจาองค  หน ึ่ งองค ใดเลยเพียงบริกรรมโอมะใจมันก็สงบลงได ถาไมมีปญหาอะไรมันก็จะเป นอยางนั้น จะใหทําเชนนั้นหรือคะ ทานอาจารย ได เหมือนกัน ไมตองระลึกถึงพระเจ  าองค ไหนหรือครูบาอาจารย  องค ไหนหมดถา ภาวนาโอมะใจมันรวมไดก็ใชได เหมือนกัน เม ื่อใจมันรวมไดก็ถึงพระเจ  าทุกองค  เวลาเราสงบลง แล  วแกปญหาไดไหม ปญหาประจําวันที่มันเกิดขึ้น การภาวนาแก ไดไหม ๑.ผูถาม ไมสามารถที่จะแกปญหาชีวิตประจําวันไปไดการแกปญหาชีวิตประจําวันที่เกิดเฉพาะ หนา บางทีก็คิดวาเราจะแก ไขด วยวิธีนี้หรือจะแกดวยวิธีนั้น ในที่สุดก็ตัดสินใจอะไรไมได เลยเกิด อาการกระสับกระสายคิดถึงครูบาอาจารยที่เคยศึกษามาด  วยเพราะคิดวาครูบาอาจารยมี ความสามารถท ี่ จะชวยใหตัดสินไดถูกคิดลังเลวาถ าเป นเชนนี้มันจะมีผลเกิดข ึ้นไหม


ทานอาจารย มันลังเลอยู เอาหลายอยางเกินไป เอาอยางเดียวซิจะเอาอยางไหนก็ เอา ใหถือเสียวา เร ื่ องตางๆ นั้นอยูที่ตัวของเราอยาไปพึ่ งพระเจ  าองคนั้นองคนี้เราสงสัยวาพระเจ  าหรือครูบาอาจารย  จะมาชวย นี่แหละมันเป นเหตุให เราลังเลสงสัยก็เลยทําใหใจไมสงบ เม ื่อไมสงบก็เลยไปพึ่งอยูอยาง นี้เพราะฉะน ั้นให เอาอันเดียวความคิดเห ็นภายในใจที่วา ปญหาน ี้ เกิดข ึ้ นเฉพาะที่ตัวของเราถาหาก เราไมสงบ เร ื่ องมันยุงอยูอยางน ี้ แหละ ฉะน ั้นเราจะปลอยวางทอดธุระหมดเพราะใจเราฟุงใจจึงไม เห ็ นของจริง ปลอยวางเสียใหใจสงบด วยวิธีที่ไมสงสัยลังเลอะไรทั้ งหมดเวลานี้มันไมมีอะไรให วางท ั้งหมดให เหลือแตใจคือผูรูผูเดียวผูรูนั่นรูนี่คือตัวใจศาสนาพระเจาถือพระเจ  าแล  วก ็ เช ื่ อวาพระ เจ  าจะต  องมาชวยอยูร่ําไป ความจริงแล วเป นความเชื่อ พระเจ าไมได มาชวยอะไรหรอกเราน ี่เองเปน คนทําให เกิดเร ื่ องข ึ้ นมา พระเจ าไมได บอกเราหาเร ื่ องมายุง เราไปหาเรื่ องยุงเร ื่ องสงสายเองถาหาก เราถือวาพระเจ  าจะชวยทุกอยาง เม ื่ อเราทุกข  หรือเดือดร อนสงสายดวยประการตางๆ รองขอให พระ เจ  าชวยอยางน ี้ อยูร่ําไป พระเจ  าแยเลยพระเจ  าก็เลยไมมีโอกาสที่จะทําดิบทําดีได เลยอยางเราหิวข  าว หิวอาหารไมใชพระเจ าบอกให เราหิวแตวาธาตุมันตองการไมใชเร ื่ องพระเจ าบอกใหหิวแตถา หากพระเจ  าชวยให พระเจาไปหาใหเรารับประทานลองดูมันจะมีไหม พระเจ  าจะมาชวยไหม หาก พระเจ  ามาชวยให คนรับประทานอาหารแลวคนรับประทานอาหารทั้งโลกเป นภาระของพระเจา ทั้งหมด พระเจ  าก็เลยไมมีเวลาวาง นี่เพราะธาตุเราตองการเราจึงหิวเม ื่ อเราหิวเราก็ตองไปหามาเอง มารับประทานเองจึงจะระงับความหิวไดฉันใดเรื่ องอื่นๆ ก็เชนน ั้ นเหมือนกัน ไปใช พระเจ  านักไม ไหวหรอก พระเจาเอาไวสักการะบูชาอันนี้เอาพระเจ าไปใช หมดคุณวาพระเจ าเปนผูดีผูวิเศษ ครูบา อาจารยทานเปนผูดีผูวิเศษ เราระลึกถงทึ านแลวเราจะไดทําดีอยางทานอยางนั้นตางหากหรอกอยา เอาพระเจ ามาใชสุมสี่สุมห าไมได หรอก ๑.ผูถาม เคยไดรับประสบการณทานอาจารยฝนแนะนําใหกําหนดซากศพตลอดเวลาและกําหนดท ี่ กาย พยายามทําอยูสองวันนั้นแล  วรูสึกวากายอยากจะพักผอน เลยปลอยวางไมกําหนดอะไร หลังจากไดรับประสบการณนั้นแล วไดไปกราบทานอาจารยที่วัดหินหมากเปงอยากทราบวามัน เป นเพราะเหตุใด ทานอาจารย  บอกวา ตองทําอยางนี้กําหนดอยางน ี้ หลังจากนั้นก็พิจารณากายอีก ถาหากรูสึกเม ื่ อยก ็ มากําหนดบริกรรม แตเด ี๋ ยวนี้ถาหากกําหนดบริกรรม ถาใจสงบมักจะข ี้ เกียจ พิจารณากาย ไดรับประสบการณถาหากพิจารณากายมักจะเหน ื่ อยเพลียเลยไมอยากพิจารณากาย ถึงแม จะไดรับความสงบขนาดไหนก็ ตาม ทานอาจารย มันมีสองอยางอยางหนึ่งเราพิจารณากายถาหากมันชัดมันไมขี้เกียจหรอก มันเพลิน มันอิ่มอกอ ิ่มใจ พอใจถาไมชัดมันมักจะข ี้ เกียจมันอยากปลอยวางแล วสงบเลยอยางท ี่ สงบเลยมัน


รวมไดงายแตไมไดปญญาอยางที่พิจารณากายอาการสามสิบสองนั้น ถาหากจิตมันไมสงบมันไม แนวมันก็ขี้เกียจแตพยายามทําความพอใจในการพิจารณาอาการสามสิบสองน ั้ นจนกระท ั่ งมันจับ หลักไดคือใจมันไปชัดในอาการใดอาการหนึ่ งแลวใจมันจึงเบิกบานผองใส อันนั้นมีประโยชน มากคือเรามีความรูความฉลาด ๑.ผูถาม เม ื่อปลอยวางภาระอะไรทั้ งหมดแลว พยายามมากําหนดที่รูปนามใหมใจมันมักจะเหน ื่ อย เพลียจึงปลอยวาง เม ื่อปลอยวางแล วไมบังคับตอไปรูสึกสบายแลวไมอยากพิจารณาอะไรอยากอยู เฉยๆ ทานอาจารย  การพิจารณารูปนามมันถูกแลวแตพิจารณาไมเป นมันเลยเหน ื่ อยเพลีย ตองพิจารณาให เห ็นเป นอสุภะ หรือเห ็นเป นอนิจจังลงทุกขังอนัตตา ซิถาจิตมันแนวแนจริงๆแลว มันไมเหน ื่อยไม เพลียหรอก มีแตจะเพลิดเพลินแลอ ิ่ มเอิบในใจ มันจะอยูเฉยๆไมได เพราะเห ็ นของมีอยูเป นอยูใน กายนี้ทั้งหมด ๑.ผูถาม พิจารณากายสวนใดสวนหน ึ่งใหมันเป นธาตุแตวาไมเปนของสกปรกเห ็ นแตสักแตวาเปน ธาตุเร ื่องของสกปรกไมใชมันมาจากกายแตมันมาจากภายนอก ตัวของเราจะสกปรกหรือไม แล  วแตเราจะชําระหรือไมถาเราชําระก ็ไมสกปรกถาไมชําระมันก็สกปรกยอมรับวากายของเรา เป นธาตุแตไมยอมรับวากายของเราสกปรก ทานอาจารย ก็ใชได เหมือนกัน ให เห ็นเป นธาตุก็ใชได เหมือนกัน ให เห ็นเปนของสกปรกก็ใชได เหมือนกัน คําวาสกปรกในที่นี้คือวามันไมดีมันไมชอบใจเราอยางเราลองพิจารณาเคร ื่องใน ตับ ก็ ดีไสใหญไสนอยก็ดีอาหารอยูในท องอยูในลําไส เราก็ดีหรือเลือดของเราที่มันไหลอยูก็ดีมันเปน แผลมันเป นหนองมันไหลออกมาสกปรกไหม เหงื่อไคลของเราอยูในตัวของเราขี้ตานี้ก็ตัวของเรา มันจะไมสกปรกได อยางไรลางวันหน ึ่ งต ั้ งก ี่ คร ั้ งก ี่ หน นี่ก็แสดงวาสกปรกซิทําไมจะไมสกปรก อยางธรรมดาเราเห ็นเป นธาตุอยางน ี้สกปรกไหม เราล างไหม คือวาถ าหากไมสกปรกเราไมเกลียดก ็ ไมตองล  างอันนี้เราล  างเพราะมันสกปรกจึงคอยล  าง เพราะเราไมชอบใจมันเหม็น ๑.ผูถาม เม ื่ อทานอาจารย  อธิบายเหตุผลใหฟงคล  ายๆ ใจมันไมยอมรับ ทานอาจารย ไมเปนไรหรอกอยากใหคิด พิจารณาแบบน ี้ แหละคือวามันยังไมทันชัดภายในใจมัน ยังไมทันรับ เม ื่ อเห็นดวยตนเองแล  วจึงคอยยอมรับ มันเป นธรรมดาถึงจะอธิบายเหตุผลวามันเปน


อยางนี้ๆ แตใจอันหน ึ่ งซ ึ่ งแตเดิมมันไมยอมรับวาเปนของปฏิกูลอันความรั้นอันนั้นมันยังร ั้ นอยูใคร จะวาอยางไรมันก็ไมยอมรับ ตอเม ื่อไปพิจารณาเห็นชัดด  วยตนเอง มันจึงยอมรับวาออเป นอยางน ี้ นี่เองที่ทานวาอยางนั้น ๆ เวลาค่ํา แสดงธรรมเทศนา ทานเตือนพวกเราใหเปนผูไมประมาท อปฺปมาเทน สมฺปเธถ ติผูมีชิวิตอยูดวยความไม ประมาท คือมีปญญา เปนผูประเสริฐ นี่พระพุทธเจ  าทานเตือนพวกเราอยางน ี้ คนเราถ  าหากวาไมมี ปญญาอยูดวยความโงเขลา ทําชีวิตใหสั้นเปลาไปเฉยๆ ไมมีคุณคาถาหากผูมีปญญามีชีวิตอยูแม ใน วันเดียวก ็ไดชื่อวาเปนของประเสริฐย ิ่ งกวาผูมีชีวิตต ั้ งร อยปคือจะต  องรูจักตน รูเร ื่ องรูความเป นอยู ของตนวาวันหน ึ่ งๆ นั้นภาระส ิ่งใดที่ เราจะพึงทํากอนทําหลัง สิ่งใดที่เปนประโยชนตนประโยชน คนอื่น นี่เรียกวาคนผูมีปญญา ใหสังเกตดูคนเรา เวลาใดถ าอยูดวยความฉลาดด วยปญญายอม พิจารณาถึงเหตุผลกิจการงานนั้นๆ ที่เราจะต องประกอบ ที่เราจะต  องกระทํา มีความรอบคอบรอบรู ในสิ่ งท ี่ ตนจะต  องกระทําวากิจส ิ่ งน ี้ ควรทํากอนควรทําหลังกิจสวนน ี้ คนท ี่จะเปนประโยชน ตน ประโยชน คนอื่น ตรึกตรองหรือพิจารณาอยูอยางนี้ทุกเวลาคนที่มีปญญายอมอ ิ่ มเอิบอยูดวยความรู แบบน ี้ดวยความคิดแบบน ี้ ถาพูดตามสมัยใหมเขาเรียกวาคนมีมันสมองคนมีมันสมองยอมทําประโยชน แกประเทศชาติ แกครอบครัวหรือแกตนเองด  วยเหตุผลดังอธิบายมาน ี้ถาหากพูดในทางหลักธรรม หรือทางปฏิบัติ เปนผูไมประมาท คือคิดนึกเร ื่องความเป นอยูของตนแตละวันๆ วาเราทําอะไรบ างกิจภาระท ี่ เราพึง ทํา พิจารณาถึงตัวของตนอยูตลอดเวลาไมไดไปคิดสงไปหาคนอื่ นหรือเพงโทษคนอื่น เราเพง พิจารณาตนโดยเฉพาะแตภายในวาส ิ่งใดที่ เราทําลงไปแล วหรืยังไมไดทํา สิ่งนั้นๆ ที่เราพิจารณานั้น มันเปนไปเพื่ อความดีหรือเปนไปเพื่ อความชั่วเม ื่ อช ั่ วก ็ ละเสียเม ื่ อดีก็ใหรักษาไวตลอดไป ทาน สอนพระโดยเฉพาะทานสอนผูมีชีวิตประกอบดวยปญญา ทานสอนอยางน ี้คือสอนใหรูจักความ เส ื่ อมความส ิ้นไปของชีวิตคนเราคนเราน ั้ นแทที่จริงน ั้ นความเจริญไมมีมีแตความเส ื่ อม ที่เราวา เจริญนั้นคือเราเข าใจผิดคิดผิดผูมีชีวิตอยูดวยปญญาจะต  องเห ็ นความเส ื่ อมของตนอยูตลอดเวลา ตั้งแตเกิดอยางเราเกิดข ึ้ นมานั้น เส ื่ อมสภาพจากเดิม จนกระท ั่ งคลอดคลอดมาแล  วแกมาโดยลําดับ


เป นเด ็กเป นหนุมเป นสาวเฒา ชราจึงเรียกวาเส ื่ อม เส ื่ อมจนกระท ั่ งชํารุดทรุดโทรมจนเห็นไดชัด ไปมาที่ไหนก็ลําบาก หลงคั อมหลังขดหลังงออันนี้เรียกวาความเส ื่ อม ความเป นจริงมันเส ื่ อมอยาง นี้พระพุทธเจ  าทานสอนวาผูมีชีวิตอยูดวยปญญาเปนของประเสริฐด  วยเหตุนี้คําวาประเสริฐแปลวา ของดีผูมีชีวิตอยูดวยปญญาเป นของดีหมายความวาถ  าหากเห ็ นความเส ื่ อมของตนอยูตลอดการ เวลา เราจะต  องเรงรีบทําภาระกิจของตน สิ่งท ี่ ควรทําสําเร ็จใหรีบรอนทําใหสําเร ็ จเสียเพราะความ เส ื่ อมสูญส ิ้นไมหยุดย ั้ งแตละนาทีวินาทีเหตุนั้นจึงรีบเรงทําเสียในกิจของตนท ี่ จะพึงทําจึงเป นของ ประเสริฐคนบางคนท ี่ เข าใจวา พิจารณาถึงความเส ื่ อมแล วเป นเหตุใหเศราใจเป นเหตุใหไมอยากทํา ภาระกิจใดๆ ทั้งหมดน ั้ นเรียกวาเปนผูประมาทโดยแทไมไดชื่อวาชีวิตเปนของประเสริฐไมไดชื่อ วาชีวิตประกอบดวยปญญา ชีวิตอันนั้นเปนของประเสริฐ ความเส ื่ อมความชํารุดทรุดโทรม แม  แตเราบริโภคอาหารก็ เพ ื่ อชลอความชํารุดทรุดโทรม ไมใชเพ ื่ อความเจริญงอกงาม เม ื่ อเราเข าใจเห็ นเชนนี้แลวจะเปนผูไมประมาท จะรีบเรงสร างคุณ งามความดีใหมันทันกับกาลเวลา ทานอาจารย  พาน ั่ งภาวนาพรอมท ั้ งอบรมธรรมนํากอน ให เพงพิจารณาความเส ื่ อม ความหมดไปสิ้นไปแหงชีวิตของตน นับตั้งแตวินาทีนาทีหรือ ชั่วโมงวันคืน เส ื่ อมสูญส ิ้นไปไมได กลับคืนมาอีก นี่เรียกวาความเส ื่ อมส ิ้นไปของชีวิตรางกาย เพราะฉะน ั้ นเราจะต  องรักษาใจของเราใหสงบ อยาไดปลอยไปตามความสิ้นสูญไปของชีวิต ใจของ เราให หยุดนิ่งอยาให เล ื่อนไหลไปตามกาลเวลา เส ื่ อมครั้งแรกนั้นมันแสงอรุณมันใสมันออนคน ชอบ เข าใจวามันเจริญ เม ื่ อคอยสูงข ึ้ นแดดมันก็เร ิ่ มแกพอแกจัดเต ็ มที่มันก็คอยออนลงๆ หมดไปๆ ลับไป แล  วก็ขึ้นมาใหมมันวนอยูอยางน ี้โลกอันนี้คือรางกายเราก็เชนเดียวกันความเส ื่อมของโลก ภายนอกเส ื่ อมอยูตลอดทุกนาทีวินาทีคนเราเกิดในระยะแรกๆ เส ื่ อมยังคอยยังช ั่ วหนอย พอเส ื่ อม ทามกลางหนักหนอยเส ื่ อมบั้นปลายหมดทาเลย ตอบปญหาธรรมหลังธรรมเทศนา ๑.ผูถาม เวลาน ั่ งภาวนา พิจารณาวาคนอ ื่ นเหมือนแมลงครั้งแรกมันก็เปนไขตอมาก ็เปนตัวหนอน แล  วตอมาเม ื่ อเส ื่ อมจากนั้นก็เปนตัวแมลง เอาเรื่องแมลงข ึ้ นมาเทียบ


Click to View FlipBook Version