The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aoomery, 2022-02-25 08:03:51

M 4 unit 3 lesson plans.

M 4 unit 3 lesson plans.

แผนการจดั การเรียนรู้รายวิชาภาษาอังกฤษ

ด้านคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์  5. อยอู่ ยา่ งพอเพียง
 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์  6. มุ่งมน่ั ในการทำงาน
 2. ซอ่ื สัตย์สุจริต  7. รักความเปน็ ไทย
 3. มวี นิ ยั  8. มจี ติ สาธารณะ
 4. ใฝเ่ รียนรู้
 4. มีวินยั
เบญจวถิ ีกาญจนา  5. ให้เกยี รติ
 1. เทิดทนู สถาบัน
 2. กตญั ญู  4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต
 3. บุคลิกดี  5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

สมรรถนะท่สี ำคญั ของผู้เรยี น
 1. ความสามารถในการสือ่ สาร
 2. ความสามารถในการคิด
 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา

จุดเน้นสู่การพฒั นาผเู้ รยี น
ความสามารถและทกั ษะทจ่ี ำเป็นในการเรยี นร้ใู นศตวรรษท่ี 21 (3Rs x 8Cs x 2Ls)

 R1– Reading (อ่านออก)
 R2– (W)Riting (เขียนได้)
 R3 – (A)Rithmetics (คิดเลขเปน็ )
 C1 - Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะดา้ นการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณและ
ทักษะในการแกป้ ัญหา)
 C2 - Creativity and Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรคแ์ ละนวัตกรรม)
 C3 - Cross-cultural Understanding (ทักษะดา้ นความเขา้ ใจตา่ งวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน)์
 C4 - Collaboration, Teamwork and Leadership (ทกั ษะด้านความร่วมมือ การทำงานเปน็
ทมี และภาวะผู้นำ)
 C5 – Communications, Information and Media Literacy (ทักษะด้านการส่ือสาร
สารสนเทศและรเู้ ทา่ ทนั ส่อื )
 C6 - Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและ
การสือ่ สาร)
 C7 - Career and Learning Skills (ทกั ษะอาชีพและทกั ษะการเรยี นรู้)
 C8 - Compassion (ความมเี มตตากรุณา วินยั คุณธรรม จรยิ ธรรม)
 L1 - Learning (ทักษะการเรียนร)ู้
 L2 – Leadership (ทักษะความเปน็ ผูน้ ำ)

แผนการจัดการเรยี นรู้รายวชิ าภาษาอังกฤษ

การวัดและประเมินผล

ดา้ นความรู้

ภาระงาน/ช้ินงาน วธิ ีการวดั เครื่องมือ เกณฑ์ทใ่ี ช้
รอ้ ยละ 60
แบบฝกึ หัด ตรวจการตอบคำถามจาก หนงั สือเรยี น หนา้ 60
Ex. 2 และ
การฟังและอา่ น หน้า 61 Ex. 4,
แบบทดสอบ

ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ

ภาระงาน/ช้ินงาน วธิ ีการวดั เคร่อื งมอื เกณฑ์ที่ใช้

การเขียน ประเมินการเขยี น แบบประเมนิ การเขียน ระดบั คุณภาพ พอใช้

เปรียบเทยี บขนสง่ เปรียบเทยี บขนส่ง

สาธารณะใน สาธารณะในท้องถิน่ ของ

ทอ้ งถิน่ ของตนเอง ตนเอง

ชิน้ งานสำนวน ประเมินชนิ้ งานสำนวน แบบประเมินชิ้นงาน ระดบั คุณภาพ พอใช้
เกยี่ วกับการ เก่ยี วกบั การเปรยี บเทยี บ
เปรียบเทยี บ
การแสดงบท ประเมินการแสดงบท แบบประเมนิ การพดู ระดับคุณภาพ พอใช้
สนทนา สนทนา

ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

ภาระงาน/ชน้ิ งาน วธิ กี ารวัด เคร่อื งมอื เกณฑ์ที่ใช้
ระดับคุณภาพ ผา่ น
พฤติกรรมระหว่าง สงั เกตพฤติกรรมบ่งช้ดี ้านใฝ่ แบบประเมิน
เรยี น เรียนรแู้ ละมุ่งมั่นในการ คณุ ลกั ษณะ

ทำงาน อันพึงประสงค์

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาอังกฤษ

กิจกรรมการเรียนรู้
ใชก้ ระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เกมส์
ชั่วโมงท่ี 1
ขัน้ นำ

ครเู ขียนคำวา่ means of transport บนกระดาน และอธิบายความหมาย a way of travelling, for
example using a car, bus, bicycle etc.) ครูยกตัวอย่างเชน่ The plane is an efficient means of
transport.

ครชู ้ีใหน้ กั เรยี นเหน็ ว่า ถงึ แมว้ ่า means จะเติม -s แต่คำน้ีเป็นไดท้ ั้งเอกพจนแ์ ละพหูพจน์ จากน้นั ครู
ให้นกั เรียนระดมสมองบอกวิธีการเดนิ ทางทีน่ ักเรยี นรจู้ ัก ครูอธบิ ายเพ่ิมเติมการเดินทางแบบสมัยใหมท่ ม่ี ักพบ
ในเมือง the Underground (n) รถไฟฟ้าใต้ดนิ (ในภาษาพูด คนอังกฤษ นิยมเรยี ก รถไฟฟา้ ใตด้ ิน ว่า the
Tube ดว้ ย สว่ นคนอเมริกันจะ เรยี กวา่ subway)

ขน้ั สอน
1. หนังสอื เรียน หนา้ 60 Ex. 1a นกั เรยี นดคู ำศัพทเ์ กีย่ วกับยานพาหนะชนิดต่าง ๆ ครถู ามคำศัพท์
นักเรียนเพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจ และอธบิ ายคำศัพท์ที่นักเรียนไมร่ ู้
นักเรยี นหลายคนอาจไม่รูจ้ ัก hovercraft ครูอธิบายว่า เป็นยานพาหนะท่สี ามารถเดินทางไดท้ ั้งบน
พ้นื ดินและพน้ื น้ำ
ตอ่ มานักเรยี นดภู าพยานพาหนะ 1-6 เพื่อหาว่า ตรงกบั คำศัพท์คำใด ครรู วบรวมคำตอบจากนกั เรยี น
และเฉลยคำตอบพรอ้ มกัน

1 bus 2 helicopter 3 mobile home
4 snowmobile 5 ferry 6 hovercraft

2. หนังสอื เรยี น หน้า 60 Ex. 1b นักเรียนอ่านคำสง่ั และช่วยกันอธบิ ายภาระงาน เสร็จแลว้ ครูสรปุ
ให้ฟงั วา่ นกั เรียนจะไดย้ ินเสียงยานพาหนะ ให้นักเรียนระบุวา่ คอื เสยี งของยานพาหนะใด

train, helicopter, bike, plane

3. หนงั สอื เรยี น หนา้ 60 Ex. 1c ครูถามนักเรียนวา่ Which means of transport do you
usually/often/ sometimes/never use to get around? และอา่ นตัวอยา่ งคำตอบ จากนน้ั ครใู ห้
นกั เรยี นแต่ละคนบอกคำตอบของตนเอง

แผนการจัดการเรยี นรู้รายวชิ าภาษาองั กฤษ

I usually use the train and bus to get around. I often go to the library
by bus.
I sometimes go to school by bike. I never use a helicopter.

4. หนังสอื เรยี น หน้า 60 Ex. 1d นกั เรยี นอา่ นคำคุณศพั ทท์ ่ีให้มา และชว่ ยกนั บอกความหมายของ
คำคณุ ศัพท์น้ัน และครูอธิบายความหมายของคำทีน่ ักเรียนไมค่ ุน้ เคยเพมิ่ เติม จากนั้นนักเรยี นอ่าน
ตัวอยา่ งประโยคทีใ่ หม้ า ครูอาจช่วยยกตวั อย่างเพ่ิมเติมเพือ่ ช่วยใหน้ กั เรียนเขา้ ใจมากขนึ้ โดยพดู
ประโยคที่เก่ยี วกับตนเองเปน็ ตัวอย่าง เช่น
I enjoy travelling by plane. It’s comfortable.
I don’t enjoy travelling by train. It’s boring.
I’d like to travel by snowmobile. It’s exciting.
จากน้ันครูให้เวลานกั เรยี นแต่งประโยคลงในสมุด แล้วจึงให้นักเรียนอ่านประโยคของตนเอง
ให้เพ่ือนฟงั

2 I don’t enjoy travelling by bus. It’s slow.
3 I’d like to travel by helicopter. It’s exciting.

5. หนังสือเรียน หนา้ 60 Ex. 2 ครสู อนคำศัพท์ทเี่ กี่ยวกับอปุ กรณ์หรอื ความปลอดภัย โดยหาภาพจาก
อนิ เทอร์เนต็ หรือบอกคำจำกัดความ
life jacket (n) เสอ้ื ชูชีพ
lifeboat (n) เรือชชู ีพ
disability (n) ความพิการ
priority seat (n) ท่ีน่ังสำรองไว้สำหรบั กลุ่มคนบางกลุม่
จากน้นั นักเรียนจับคู่ปา้ ยสัญลักษณ์ 1-6 กบั วิธีการเดนิ ทางใน Ex. 1 ทน่ี า่ จะพบป้ายสัญลักษณเ์ หล่าน้ี
เม่อื นักเรียนทำเสร็จ ครูรวบรวมคำตอบและเฉลยพร้อมกนั

1 bus 4 train, bus
2 helicopter, plane 5 train
3 boat, ferry, plane, hovercraft 6 boat, ferry, hovercraft

แผนการจัดการเรียนรู้รายวชิ าภาษาองั กฤษ

ต่อมานักเรียนอา่ นป้ายสัญลักษณ์ 1-6 และจับคู่กบั คำอธิบาย A-F เสร็จแล้วครรู วบรวมคำตอบและ
เฉลยคำตอบพร้อมกัน ครูใหน้ ักเรยี นบอกด้วยว่า มคี ำใดทช่ี ว่ ยนกั เรยี นในการระบุคำตอบที่ถกู ต้อง

A 6 (lifeboats)
B 3 (life jacket, under)
C 1 (talk, driver)
D 5 (lean, door)
E 4 (priority seating, disabilities)
F 2 (seat belt, seated)

6. หนังสอื เรยี น หน้า 60 กรอบ Check these words นกั เรยี นอ่านคำศัพท์ในกรอบ แล้วชว่ ยกันบอก
ความหมายของคำศัพทน์ น้ั ๆ คำใดท่ีไมร่ ู้ ให้นักเรียนชว่ ยกันเปดิ พจนานกุ รม

life jacket (n) a safety jacket that helps the wearer float in water
lean (on) (v) put your body against sth to support your weight
emergency (n) a dangerous situation which need quick action to deal with it
get off (phr v) leave, get out
chat (v) talk in a friendly way
rest (v) lean on
disabled (adj) having difficulty moving about
secure (v) fasten/tie sth to another object
strap (n) narrow piece of material used to fasten/hold sth

7. นกั เรียนช่วยกนั เลือกสถานีขนส่งใกลช้ ุมชนของนักเรยี นมา 1 แหง่ เช่น สถานีรถไฟ สนามบิน ทา่ เรือ

หรอื อืน่ ๆ แล้วนักเรียนแบ่งกลุ่ม ชว่ ยกันออกแบบป้ายลักษณท์ ่นี กั เรียนมกั พบในสถานที่ดงั กล่าว โดย

อาจเป็นป้ายท่นี ักเรยี นเคยพบเหน็ มาก่อน หรอื ปา้ ยทีน่ ักเรียนคดิ วา่ จะเปน็ ประโยชน์สำหรับ

นกั ท่องเทย่ี วก็ได้ ครูมอบหมายใหน้ กั เรยี นไปทำนอกเวลาเรียน

8. หนงั สอื เรียน หนา้ 61 Ex. 3a ครูเขียนประโยคต่อไปน้บี นกระดาน

His car is as fast as yours. My car is not as expensive as yours.

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาองั กฤษ

It’s too expensive to travel by plane. The house is too expensive.

He’s old enough to drive a car.

The sled is big enough for three children to ride on it safely.

นกั เรยี นชว่ ยกันบอกความหมาย ครูสรุปความหมายท่ีถกู ต้อง แล้วจงึ ใหน้ กั เรียนวิเคราะหโ์ ครงสร้าง

ประโยค

as + adjective + as too + adjective (to + base form)

adjective + enough (to + base form)

ครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ วา่ เราใช้ as…as เพื่อพูดเปรียบเทยี บส่งิ ที่เท่ากนั สองสง่ิ too ใชเ้ พื่อบ่งบอกถงึ ส่ิงที่

มากเกนิ กวา่ ที่ต้องการ และ enough ใชเ้ พ่ือบอกว่าสงิ่ น้นั ๆ มจี ำนวนพอกบั ท่ีต้องการ ครอู าจให้

นกั เรยี นช่วยกันยกตัวอยา่ งประโยคเพิ่มเตมิ เชน่

My house is as big as yours. He is driving too fast. It’s dangerous.

He’s not tall enough to change the bulb.

เมอ่ื ครูเหน็ วา่ นักเรียนเขา้ ใจการใช้ as…as/too/enough แล้ว ใหน้ กั เรียนเตมิ ประโยค 1-6 เสร็จแล้ว

ครูเฉลยคำตอบพรอ้ มกัน

2 as cheap as 5 as comfortable as
3 fast enough 6 as convenient as
4 too small

9. ครสู อนการเปรียบเทียบแบบ simile ซ่ึงเปน็ การเปรียบเทียบว่า ส่ิงหน่งึ เหมอื นกบั อีกส่งิ หน่งึ โดยใช้

คำว่า like หรอื as ครูยกตวั อยา่ งประโยคต่อไปน้ี

She eats like a horse but never puts on any weight!

You eat like a bird – I don’t know how you stay healthy.

I’m as blind as a bat without my glasses.

He’s always as busy as a bee. I wonder if he ever takes a break.

She was as quiet as a mouse. I didn’t even know she’d come in.

She looks efficient and as cool as a cucumber.

I managed to sleep on the plane and arrived feeling as fresh as a daisy.

จากน้นั ใหน้ กั เรียนอ่านความหมาย 1-7 แล้วระบวุ ่า ตรงกับสำนวนเปรยี บเทียบใด

as blind as a bat as busy as a bee as cool as a cucumber

as fresh as a daisy eat like a bird as quiet as a mouse

แผนการจดั การเรียนรู้รายวิชาภาษาอังกฤษ

eat like a horse

1 very calm and controlled =______________________________________

2 very busy =______________________________________

3 very quiet =______________________________________

4 eat a lot =______________________________________

5 can’t see very well at all =______________________________________

6 not tired and ready to do things = _________________________________

7 eat very little =______________________________________

1 as cool as cucumber 5 as blind as a bat
2 as busy as bee 6 as fresh as a daisy
3 as quiet as a mouse 7 eat like a bird
4 eat like a horse

ครูถามนักเรียนว่า ในภาษาไทยมีการเปรียบเทียบลักษณะนี้หรือไม่ เมื่อได้คำตอบว่า มี คือ การ

เปรียบเทียบแบบอุปมา เช่น ขาวเหมือนสำลี ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ทำชิ้นงานสำนวนการ

เปรียบเทียบ โดยให้นักเรียนไปค้นหาสำนวนการเปรียบเทียบแบบ simile กับคำอุปมาของไทยที่

ใกลเ้ คยี งกนั มาส่งครู พร้อมท้ังวาดภาพประกอบ อธบิ ายความหมาย และยกตวั อย่างประโยค เชน่

as white as snow ขาวเหมอื นสำลี

10. หนังสือเรยี น หน้า 61 Ex. 3b ครูอธิบายว่า ตารางทใี่ ห้มาเป็นการเปรียบเทยี บวิธกี ารเดินทาง

ดว้ ยพาหนะ 3 ชนดิ ได้แก่ car, plane และ train จากนน้ั นกั เรียนอา่ นตวั อยา่ งคำตอบ แล้วช่วยกัน

พูดเปรียบเทยี บยานพาหนะทั้ง 3 ชนิด ในดา้ นความสะดวก (convenient) เสร็จแล้วจงึ ใหน้ ักเรียน

จบั ค่กู นั ผลัดกันพดู เปรยี บเทียบด้านท่เี หลือ ได้แก่ ความปลอดภัย (safe) และความสบาย

(comfortable) ครเู ดนิ ไปรอบ ๆ หอ้ งเพ่ือช่วยเหลือและจดบนั ทกึ ข้อผดิ พลาดท่ีพบบอ่ ยในการทำงาน

เมอื่ ทำกจิ กรรมเสร็จแลว้ ครูเขยี นตัวอย่างขอ้ ผดิ พลาดที่พบบ่อยบนกระดาน และใหน้ กั เรียนชว่ ยกัน

อธบิ ายให้ถูกต้อง แลว้ ครูสรปุ ใหน้ กั เรยี นฟงั อีกครั้ง

Travelling by car is more convenient than travelling by plane.
Travelling by plane is not as convenient as travelling by train.
Travelling by car is less convenient than travelling by train.
Travelling by train is the most convenient of all.

แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าภาษาอังกฤษ

Travelling by train is safer than travelling by car.
Travelling by car is not as safe as travelling by plane.
Travelling by train is less safe than travelling by plane.
Travelling by plane is the safest of all.
Travelling by car is more comfortable than travelling by plane.
Travelling by plane is not as comfortable as travelling by train.
Travelling by train is the most comfortable of all.

11. นกั เรียนแบ่งกล่มุ แต่ละกลุ่มชว่ ยกนั เขียนเปรยี บเทียบขนสง่ สาธารณะในทอ้ งถน่ิ ของตนเอง ก่อนทำครู

ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั ระดมสมองบอกคำศัพท์เกีย่ วกับขนส่งสาธารณะทีม่ ีในท้องถ่ิน เช่น

Tuk-Tuk รถสามลอ้ หรอื ตุก๊ ตุ๊ก

motorcycle taxi รถมอเตอร์ไซตร์ บั จา้ ง

taxi แท็กซ่ี

bus รถเมล์

train รถไฟ

red truck สองแถวสีแดง

จากนน้ั นกั เรียนทำตารางเหมือนอยา่ งใน Ex. 3b แลว้ ผลดั กันพดู เปรยี บเทยี บ เสรจ็ แล้วเขียนข้อมูล

มาส่งครู

ขน้ั สรปุ
1. นักเรียนช่วยกันทบทวนโครงสร้างประโยคที่ใช้ในการเปรียบเทียบรูปแบบต่าง ๆ จากนั้นนักเรียน
ทำงานคู่ ชว่ ยกนั แตง่ ประโยคโดยใช้โครงสร้างเหล่านี้ เสร็จแลว้ นักเรยี นออกมาพดู เสนอ ครูให้นักเรียน
คนอื่น ๆ ช่วยตรวจว่าถูกต้องหรือไม่ ครูแก้ไขประโยคที่ถูกต้องให้นักเรียนดูบนกระดาน ถ้ามีจุด
ผิดพลาดท่พี บบ่อย ครคู วรอธิบายเพ่ิมเตมิ อีกครง้ั
2. แบบฝกึ หดั (Workbook) นักเรยี นทำ Ex. 5 หน้า 14 และอา่ นทบทวนเร่ือง comparisons แลว้ ทำ
Exs. 2-5 หน้า 42-43 เปน็ การบา้ น

ชั่วโมงที่ 2
ข้ันนำ

ทบทวนการเปรยี บเทียบ โดยนกั เรียนแบ่งเปน็ 2 ทีม เพ่ือเล่นเกม Noughts and Crosses โดยครู
เขียนคำคุณศัพทล์ งในตาราง 9 ชอ่ ง ใหแ้ ต่ละทีมผลัดกันเลือกคำคณุ ศัพท์และนำคำคุณศัพทม์ าแต่ง
ประโยคเปรียบเทยี บในรปู แบบตา่ ง ๆ ทีมท่ีแต่งประโยคได้ถกู ต้อง จะมีสิทธทิ์ ำเครื่องหมายกากบาท
หรอื วงกลมในชอ่ งคำศัพทด์ ังกล่าว ทีมท่ีสามารถทำเครื่องหมายของทมี ตนเองไดต้ ดิ ต่อกนั ก่อน 3 ช่อง
ในแนวใดก็ได้เปน็ ทีมทชี่ นะ

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาองั กฤษ

expensive good comfortable

big convenient safe

fast small cheap

เช่น Travelling by plane is more expensive than by train.
ข้นั สอน

1. หนงั สอื เรยี น หนา้ 61 Ex. 4 นักเรียนอ่านคำสั่ง ครูอธบิ ายว่า นกั เรยี นจะไดฟ้ งั บทสนทนาระหว่างคน
สองคนคยุ กันเกยี่ วกับการเลือกยานพาหนะเพ่ือเดนิ ทางไปงานแต่งงาน ให้นักเรยี นฟังและระบุวา่ พวก
เขาเลอื กยานพาหนะชนิดใด พรอ้ มท้งั ระบุเหตุผลด้วย จากนนั้ นกั เรียนทำกิจกรรมก่อนการฟัง โดยครู
ถามนักเรียนว่า ในการพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ นักเรียนคิดว่า จะได้ยินคำศัพท์และประโยคใด เสร็จ
แล้วครูช่วยนักเรียนด้วยการบอกว่า โครงสร้างภาษาใน Ex. 3b มักจะใช้ในการเปรียบเทียบเกี่ยวกับ
วิธกี ารเดนิ ทาง เช่น
Going by train is cheaper than going by plane.
Going by train is not as comfortable as going by plane.
ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า สำนวน be as fresh as daisy เป็นการเปรียบเทียบแบบ simile ซึ่งเป็นการ
เปรียบเทียบแบบอุปมา เปรียบเทียบว่าสิ่งหนึ่งเหมือนอีกสิ่งหนึ่ง ครูยกตัวอย่างประโยค และให้
นักเรยี นช่วยกันเดาความหมาย
After a good night’s sleep I’ll be as fresh as a daisy.
เสรจ็ แลว้ ครสู รุปความหมายให้นักเรยี นฟังวา่ สดชน่ื เหมอื นดอกเดซี่
1. ก่อนเปิด CD ให้นักเรียนฟัง ครูควรย้ำกับนักเรียนว่า ไม่จำเป็นต้องฟังออกทุกคำ เน้นที่
จุดประสงค์หลกั ของการฟงั คือ การฟังเพื่อข้อมูลเฉพาะ เมื่อเปิด CD แล้ว ครูคอยสังเกตวา่
นักเรียนเข้าใจสิ่งที่ฟังหรือไม่ โดยอาจจะสังเกตจากสีหน้า หรือการจดบันทึกระหว่างฟัง
ครูอาจจะสอบถามนักเรยี นวา่ เข้าใจ และตอบคำถามได้หรอื ไม่ และต้องการให้เปิด CD อีก
หรอื ไม่ โดยครอู าจจะเปิดอีก 1-2 คร้ัง

They decide to go by boat because it is cheaper than going by plane
and more comfortable than going by car.

ต่อมาครูแบง่ นกั เรยี นเป็นกลุ่ม ครูอธิบายวา่ จะใหแ้ ต่ละกลุ่มเดินทางไปยงั จังหวดั เชียงใหม่หรือจังหวัด
อื่น ๆ ที่นักเรียนตัดสินใจว่าอยากจะไปร่วมกัน แล้วช่วยกันอภิปรายว่า จะเดินทางไปด้วยวิธีใด
เมือ่ อภปิ รายเสรจ็ แล้ว ครูให้แต่ละกล่มุ บอกวิธกี ารเดินทางทก่ี ลุ่มตนเองเลอื ก

We decide to go to Chiang Mai by train. We think it is cheaper than going by plane
and car.

แผนการจัดการเรยี นรู้รายวชิ าภาษาองั กฤษ

We think travelling by train is the safest of all.

Weak classes: ครนู ำ Tapescript มาตดิ แสดงบนกระดาน และเปิด CD ใหน้ ักเรยี นฟังอกี 1-2 ครง้ั

2. ครสู อนคำศัพท์ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั การซ้ือตวั๋ รถไฟ เช่น

single ticket (n) ตว๋ั เฉพาะขาไป ไมร่ วมขากลบั (= one-way)

return ticket (n) ตั๋วไป-กลับ (= round-trip)

platform (m) ชานชาลา

depart (v) ออก (= leave)

จากน้นั ครูนำเสนอสำนวนภาษาท่ีใช้ในการสนทนาในสถานการณเ์ ก่ยี วกับการซื้อตวั๋ รถไฟ เช่น

How can I help you?

May I help you?

What can I do for you?

I would like a single ticket, please.

Can I have a return to London, please?

Could I have a ticket for the next train to Manchester, please?

Would you like a round-trip ticket or a one-way ticket?

Single or return?

The next train is at 12:30 pm, leaving from platform 2.

When would you like to travel?

When do you want to leave?

Which platform does the train to Cambridge leave from?

The train departs from platform 5.

The 10:15 train leaves from platform 3.

Thank you very much.

It’s my pleasure.

Have a safe trip.

ครูยำ้ ใหน้ ักเรยี นคำนงึ ถึงมารยาทในการสนทนา เชน่ ควรกล่าวตอบรับคำขอบคุณ กล่าวอวยพร

เมือ่ ผอู้ ่ืนจะเดนิ ทาง

ตอบรบั คำขอบคณุ กล่าวอวยพรเม่อื ผู้อ่นื จะเดนิ ทาง

You’re welcome. Have a safe trip.

It’s my pleasure. Have a good trip.

My pleasure. Have a great time.

Don’t mention it. A pleasant journey to you.

แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าภาษาองั กฤษ

3. หนังสือเรียน หน้า 61 Ex. 5a ครูเปิด CD ให้นักเรียนฟังและอ่านบทสนทนาตามไปด้วย แล้วให้
นกั เรยี นดูตารางท่ีให้มา ครูตรวจสอบวา่ นักเรียนเข้าใจหวั ข้อในตาราง แล้วจงึ ให้เวลานกั เรียนอ่านบท
สนทนาอกี ครั้งอยา่ งรวดเรว็ เพือ่ หาข้อมูลมาเตมิ ลงในตารางใหถ้ กู ต้อง

Destination Barcelona
Type of ticket one-way
Price €32.50
Number of tickets 1
Departure 8:35 am on Tuesday, 12th May

เสรจ็ แล้วครูรวบรวมคำตอบและเฉลยคำตอบพรอ้ มกันบนกระดาน

ต่อมาครูถามคำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจในการอ่าน ดังนี้

Where is the woman? (At the train station.)

What is she doing? (She is buying a ticket.)

Where is she going? (Barcelona.)

4. หนังสือเรียน หน้า 61 กรอบ Study Skills ก่อนทำ Ex. 5b นักเรียนอ่านข้อความในกรอบ แล้ว

ช่วยกันบอกว่า ก่อนที่นักเรียนจะแสดงบทสนทนา นักเรียนต้องคำนึงถึงเรื่องอะไรบ้าง ครูบอก

นักเรียนว่า นักเรียนจะได้แสดงบทสนทนาเกี่ยวกับการซื้อตั๋วรถไฟ ให้นักเรียนช่วยกันตอบคำถาม

Where are you? Who are you?

จากนั้นนักเรียนช่วยกันบอกว่า นักเรียนที่แสดงเป็นพนักงานขายตั๋วรถไฟ ควรจะแสดงท่าทาง

กริ ิยามารยาทอย่างไรในการสนทนากับลกู ค้าท่ีมาซ้ือตัว๋ และนกั เรยี นท่ีแสดงเปน็ ลูกคา้ ที่มาซื้อตั๋วควร

แสดงท่าทางกริ ยิ ามารยาทอย่างไร

ครูชี้ให้นักเรียนเห็นว่า คนที่ทำงานเกี่ยวกับการบริการนั้น ควรยิ้มแย้มแจ่มใส ใช้น้ำเสียงและแสดง

กริ ิยาท่าทางทส่ี ุภาพกบั ลูกค้าเสมอ ส่วนลกู คา้ กค็ วรจะให้เกยี รติและสุภาพต่อพนกั งานเชน่ กัน

5. หนังสือเรียน หน้า 61 Ex. 5b นักเรียนอ่านคำสั่งและช่วยกนั อธิบายงานที่ต้องทำ จากนั้นครูสรุปวา่

ให้นักเรียนสมมติว่า จะเดินไปสถานที่แห่งหนึ่งภายในประเทศโดยทางรถไฟ ให้นักเรียนทำงานคู่ คน

หนงึ่ สวมบทบาทเป็นพนกั งานขายตัว๋ โดยสารรถไฟ สว่ นอีกคนหน่ึงเปน็ ผ้โู ดยสารที่จะซื้อต๋ัว

นักเรียนแต่ละคู่แต่งบทสนทนา โดยใช้บทสนทนาใน Ex. 5a เป็นต้นแบบ และเปลี่ยนข้อมูลที่

ขีดเส้นใต้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางที่นักเรียนคิดไว้ เมื่อแต่งบทสนทนาเสร็จ ครูตรวจและ

ใหเ้ วลานักเรียนฝกึ ซ้อม เมอื่ ซอ้ มไดร้ ะยะหน่งึ แลว้ ครขู ออาสาสมัคร 1-2 คู่ ออกมาแสดงบทสนทนาท่ี

หนา้ ช้นั ส่วนนักเรยี นคู่ทเ่ี หลือ มาแสดงบทสนทนาให้ครดู ูนอกเวลาเรยี น

แผนการจดั การเรยี นรู้รายวชิ าภาษาอังกฤษ

Clerk: How can I help you?
Man: I’d like a single ticket to Rome, please.
Clerk: When do you want to leave?
Man: On Friday afternoon.
Clerk: OK. That’s one single/one-way ticket to Rome

departing at 4:35 pm on Friday, 23 June. That’s
£45.
Man: Here you go.
Clerk: Thank you. Here’s your ticket. Have a safe trip.
Man: Thank you. Bye.

ขนั้ สรุป
1. นกั เรยี นทบทวนสำนวนภาษาทใ่ี ชใ้ นการพูดเก่ียวกับสถานการณ์เก่ยี วกบั การซือ้ ตว๋ั รถไฟ
2. แบบฝกึ หดั (Workbook) นักเรียนทำ Exs. 6-8 หนา้ 15 เปน็ การบา้ น

สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรยี น Upload 4 ม. 4
2. แบบฝกึ หัด Upload 4 ม. 4
3. Class Audio CD ประกอบส่ือฯ ชุด Upload 4 ม. 4

แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าภาษาองั กฤษ

สรปุ ผลการจดั การเรียนรู้ ช่วงคะแนน จำนวน (คน) คดิ เป็นร้อยละ
ด้านความรู้
กลุ่มผ้เู รยี น
ดี
ปานกลาง
ปรบั ปรงุ

ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ ชว่ งคะแนน จำนวน (คน) คดิ เปน็ ร้อยละ
กลมุ่ ผเู้ รยี น
ดี
ปานกลาง
ปรบั ปรุง

ดา้ นคุณลกั ษะอันพึงประสงค์

กลมุ่ ผเู้ รยี น ช่วงระดับคณุ ภาพ จำนวน (คน) คดิ เป็นรอ้ ยละ

ดี 3

ปานกลาง 2

ปรับปรงุ 0-1

แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าภาษาองั กฤษ

บนั ทึกหลังการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
ดา้ นการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

……………………………………………………………………………...………..…………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………….....…………………………

ปัญหาทพี่ บระหวา่ งหรอื หลังจดั กิจกรรม
…………………………………………………………………………………..………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………….....…………………………

ข้อเสนอแนะ
……………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………….....…………………………

ลงช่ือ..........................................................ผสู้ อน
(นางสาวธีรดา ไชยบรรดษิ ฐ)
............/........................../.............

การตรวจสอบและความคดิ เหน็ ของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้
 สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานและตัวช้ีวดั ของหลกั สูตรฯ
 กิจกรรมการเรยี นรเู้ นน้ ผู้เรยี นเป็นสำคัญ
 มีการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง มคี วามหลากหลายเหมาะสมกับผู้เรยี น
 ใชส้ อ่ื หรือแหลง่ เรยี นรทู้ ่ีทนั สมยั และส่งเสริมการเรยี นรูไ้ ด้อย่างมีประสิทธิภาพ
 สอดคล้องตามจุดเนน้ ของกระทรวงศึกษาธิการ สพฐ. และจุดเน้นของโรงเรยี น
 สง่ เสริมทกั ษะ 3Rs x 8Cs x 2Ls
 สง่ เสรมิ เบญจวถิ ีกาญจนา

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่อื ..............................................................
(นายคเชนทร์ สายเสน็ )

หัวหนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ

แผนการจดั การเรยี นรู้รายวิชาภาษาอังกฤษ

การตรวจสอบและความคดิ เหน็ ของหวั หนา้ กลมุ่ บริหารวิชาการ

 ถูกต้องตามรูปแบบของโรงเรียน

 ผ่านการนเิ ทศตรวจสอบจากหัวหนา้ กลุม่ สาระการเรียนรู้/กรรมการนิเทศ

 กอ่ นใชส้ อน  หลงั ใชส้ อน

 มบี นั ทกึ หลังจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื ..............................................................
(นายธนพันธ์ เพง็ สวัสด์ิ)
หวั หนา้ กลุ่มบรหิ ารวิชาการ

ความคดิ เห็นของรองผูอ้ ำนวยการฝา่ ยวิชาการ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ....................................................................
(นางสาวชณิดาภา เวชกลุ )

รองผู้อำนวยการโรงเรยี น กลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการ

แผนการจดั การเรยี นรู้รายวิชาภาษาองั กฤษ

แบบประเมนิ การเขียน

การเ ืลอกใ ้ช
คำศัพท์
การใ ้ชภาษา
เนื้อหา
รวม
ท่ี ชือ่ - นามสกุล หมายเหตุ
8 8 8 24
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10.
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
19.
20.

แผนการจัดการเรียนรู้รายวชิ าภาษาอังกฤษ

เกณฑก์ ารประเมินการเขียน

รายการ ระดบั คะแนน / ระดบั คุณภาพ น้ำหนกั คะแนน
การประเมิน
การเลือกใช้ ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1) ความสำคญั รวม
คำศัพท์
ใช้คำศพั ท์สอื่ ใชค้ ำศพั ทส์ ่ือ ใชค้ ำศัพทส์ ่อื ใช้คำศพั ท์ส่อื 2 8
การใช้ภาษา
ความหมาย ความหมาย ความหมาย ความหมาย
เน้ือหา
ตรงกบั เน้อื หา ตรงกบั เนอ้ื หา ไม่ตรงกบั ไมต่ รงกับ

เปน็ สว่ นใหญ่ เนอ้ื หาบา้ ง เนื้อหาเป็น

จำนวนมาก

ตัวสะกดและ ตัวสะกดและ ตัวสะกดและ ตัวสะกดและ 2 8

ไวยากรณม์ ี ไวยากรณม์ ี ไวยากรณผ์ ิด ไวยากรณผ์ ดิ

ความถกู ตอ้ ง ความถกู ตอ้ ง เลก็ น้อย เป็นจำนวน

สมบูรณ์ อา่ น เป็นสว่ นใหญ่ มาก อา่ น

เขา้ ใจงา่ ย อ่านเขา้ ใจง่าย เข้าใจยาก

เขยี นอธบิ าย เขียนอธบิ าย เขยี นอธบิ าย เขียนอธบิ าย 2 8

เนือ้ หาได้ตรง เนอ้ื หาได้ เน้อื หาได้พอ เนอื้ หาไม่ครบ

ประเดน็ และ คอ่ นข้างตรง เขา้ ใจ และไม่ตรง

ครบถว้ น ประเด็นและ ประเด็น

ครบถ้วน

เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
20-24 ดมี าก
16-19 ดี
12-15 พอใช้
ปรบั ปรุง
ต่ำกวา่ 12

แผนการจัดการเรยี นรู้รายวชิ าภาษาองั กฤษ

แบบประเมนิ ช้ินงาน

รูปแบบ ิ้ชนงาน
การใ ้ชภาษา
เน้ือหา
รวม
ที่ ชื่อ - นามสกุล หมายเหตุ
8 8 8 24
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10.
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
19.
20.

แผนการจดั การเรียนรู้รายวิชาภาษาองั กฤษ

เกณฑ์ประเมนิ ชิ้นงาน

รายการ ระดับคะแนน / ระดับคณุ ภาพ นำ้ หนัก คะแนน
ความสำคัญ รวม
การประเมิน ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) 8
2
รปู แบบ - รปู แบบช้นิ งาน - รูปแบบช้นิ งาน - รูปแบบ - รปู แบบ 8
2 8
ชนิ้ งาน ถกู ต้องตามท่ี ถกู ต้องตามท่ี ชน้ิ งานถูกต้อง ชน้ิ งานไมต่ รง 2

กำหนด กำหนด ตามทก่ี ำหนด ตามทก่ี ำหนด

- รูปแบบแปลก - มขี นาดเหมาะสม - รปู ภาพ - รูปภาพไม่

ใหม่ นา่ สนใจ - รูปภาพมสี สี นั สมั พนั ธก์ บั สมั พนั ธ์กบั

- มีขนาดเหมาะสม สวยงาม เนือ้ หา เนือ้ หา

- รปู ภาพมสี สี นั - รปู ภาพสัมพนั ธ์กบั

สวยงาม เนอ้ื หา

- รูปภาพสัมพนั ธ์

กับเนอื้ หา

การใชภ้ าษา ตวั สะกดและ ตวั สะกดและ ตวั สะกดและ ตวั สะกดและ

ไวยากรณม์ ีความ ไวยากรณ์มีความ ไวยากรณผ์ ดิ ไวยากรณผ์ ิด

ถูกต้องสมบูรณ์ ถกู ต้อง เปน็ สว่ น เล็กน้อย เป็นจำนวนมาก

อา่ นเขา้ ใจงา่ ย ใหญ่ อา่ นเข้าใจงา่ ย อา่ นเขา้ ใจยาก

เน้ือหา เขียนอธิบาย เขยี นอธิบายเนื้อหา เขียนอธิบาย เขยี นอธิบาย

เน้ือหาได้ตรง ไดค้ ่อนข้างตรง เนือ้ หาได้พอ เน้อื หาไมค่ รบ

ประเดน็ และ ประเด็นและ เข้าใจ และไมต่ รง

ครบถ้วน ครบถ้วน ประเด็น

เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
20-24 ดมี าก
16-19 ดี
12-15 พอใช้
ปรบั ปรงุ
ต่ำกวา่ 12

แผนการจดั การเรยี นรู้รายวชิ าภาษาอังกฤษ

แบบประเมนิ การพูด

ความ ูถก ้ตองของ
เน้ือหา
การออกเ ีสยง
ความค ่ลองแค ่ลว
การแสดง ่ทาทาง
น้ำเ ีสยง
รปวระมกอบการพูด
ท่ี ชอื่ - นามสกลุ หมาย
เหตุ
1.
2. 8 8 8 4 28
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10.
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
19.
20.

แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าภาษาอังกฤษ

เกณฑ์การประเมินการพูด

รายการ ระดบั คะแนน / ระดับคณุ ภาพ น้ำหนกั คะแนน
การประเมนิ ดีมาก (4) รวม
ความถกู ตอ้ ง ใชค้ ำศพั ท์ส่อื ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรุง (1) ความสำคญั 8
ของเนื้อหา ความหมายตรง
ใช้คำศพั ท์สือ่ ใชค้ ำศพั ท์สือ่ ใช้คำศพั ทส์ ือ่ 2 8
กบั เนือ้ หาและ
ไวยากรณ์ถกู ต้อง ความหมายตรงกบั ความหมายตรงกบั ความหมายไมต่ รง 8
ทกุ ประโยค 4
เน้อื หาและ เนอ้ื หาและ กับเน้อื หาและ

ไวยากรณ์ถูกต้อง ไวยากรณ์ถูกต้อง ไวยากรณ์ไม่

เป็นสว่ นใหญ่ เปน็ บางสว่ น ถูกต้องเป็นส่วน

ใหญ่

การออก ออกเสียงคำศัพท์ ออกเสียงคำศพั ท์ ออกเสยี งคำศพั ท์ ออกเสยี งคำศัพท์ 2
เสยี ง
ประโยคได้ถูกต้อง ประโยคได้ถกู ต้อง ประโยคได้ถูกต้อง ประโยคไม่ถูกต้อง
ความ
คล่องแคลว่ ตามหลกั การออก ตามหลกั การออก ตามหลกั การออก ทำใหส้ ื่อสารไม่ได้

การแสดง เสียงเน้นหนักคำ/ เสยี งเนน้ หนกั คำ/ เสยี ง แตส่ ่วนใหญ่
ท่าทาง
น้ำเสยี ง ประโยคได้ ประโยคเป็นส่วน ขาดการออกเสียง
ประกอบ
การพูด สมบรู ณ์ ใหญ่ เน้นหนัก

พูดต่อเนื่อง ไม่ พดู ตะกกุ ตะกักบา้ ง พดู เปน็ คำๆ หยดุ พดู ไดบ้ างคำ ทำ 2
ใหส้ ่ือความหมาย 1
ตดิ ขัด พดู ชัดเจน แตย่ ังพอส่ือสารได้ เปน็ ช่วงๆ ทำให้ ไม่ได้
พูดได้น้อยมาก
ทำใหส้ ่ือสารได้ดี สือ่ สารได้ไมช่ ัดเจน

แสดงท่าทางและ พูดดว้ ยนำ้ เสียง พูดเหมือนอ่าน ไม่

พูดดว้ ยนำ้ เสียง เหมาะสมกบั เปน็ ธรรมชาติ ขาด

เหมาะสมกบั สถานการณ์แต่ไม่มี ความนา่ สนใจ

สถานการณ์ ท่าทางประกอบ

เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
24-28 ดีมาก
19-23 ดี
14-18 พอใช้
ปรบั ปรุง
ต่ำกวา่ 14

แผนการจดั การเรยี นรู้รายวิชาภาษาอังกฤษ

แบบสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้

หน่วยการจดั การเรียนรทู้ .่ี ....... จำนวน …. ช่ัวโมง
ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 4 ชั่วโมงท่.ี ......... วนั ............... เดอื น...................... พ.ศ. .........

ประเมนิ จากการสงั เกตพฤติกรรมและชิน้ งาน

ท่ี ชอ่ื -สกุล รวม
คะแนน

123123123123
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18

ข้อสังเกตอนื่ ๆ
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................

เกณฑ์การให้คะแนน ระดบั คุณภาพ
3 คะแนน = ปฏิบตั ิสมำ่ เสมอ 9-12 คะแนน = ดี
2 คะแนน = ปฏบิ ตั บิ างคร้ัง 5-8 คะแนน = พอใช้
1 คะแนน = ปฏิบัตินอ้ ยคร้งั 1-4 คะแนน = ปรบั ปรุง

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาองั กฤษ

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 4

รายวชิ าภาษาอังกฤษ รหสั วิชา 31102 ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4

กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 Places เวลา 40 ชว่ั โมง

เรื่อง Busy bees เวลา 1 ชัว่ โมง

ผสู้ อน นางสาวธีรดา ไชยบรรดษิ ฐ โรงเรียนกาญจนาภเิ ษกวิทยาลยั สรุ าษฎร์ธานี

แนวคดิ สำคัญ
การรแู้ ละเขา้ ใจวลเี ก่ียวกับงานบา้ น การใช้ have to ชว่ ยใหเ้ ขา้ ใจเรอ่ื งท่อี ่านและฟงั พูดและเขียน

ส่ือสารเกย่ี วกบั ส่งิ ที่จำเปน็ ต้องทำในชวี ิตประจำวนั ได้

มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ัด
สาระที่ 1 ภาษาเพื่อการสอ่ื สาร

มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องทฟ่ี งั และอ่านจากสื่อประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความ
คิดเหน็ อยา่ งมเี หตผุ ล

ม.4-6/2 อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง และบทละครสั้น (skit) ถูกต้อง
ตามหลกั การอา่ น

ม.4-6/3 อธิบายและเขยี นประโยคและข้อความให้สัมพนั ธ์กับส่อื ทไ่ี มใ่ ช่ความเรยี งรปู แบบตา่ งๆ ที่อ่าน
รวมทั้งระบุและเขยี นส่ือที่ไมใ่ ชค่ วามเรียงรปู แบบตา่ งๆ ให้สมั พันธ์กับประโยค และข้อความท่ฟี ังหรืออ่าน

ม.4-6/4 จับใจความสำคญั วิเคราะห์ความ สรปุ ความ ตีความ และแสดงความคิดเหน็ จากการฟงั และ
อา่ นเรื่องท่เี ป็นสารคดีและบนั เทิงคดี พร้อมทงั้ ใหเ้ หตผุ ลและยกตัวอย่างประกอบ
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

- นักเรยี นสามารถอา่ นออกเสยี งบทสนทนาได้
- นักเรยี นสามารถตอบคำถามจากการฟังและอ่านได้
- นักเรยี นสามารถพดู หรอื เขียนเก่ยี วกบั สิง่ ท่ีจำเปน็ ต้องทำ/ไม่จำเปน็ ต้องทำทีบ่ ้านได้

แผนการจัดการเรียนรู้รายวชิ าภาษาองั กฤษ

สาระการเรียนรู้

1) Language Features and Functions

Vocabulary: chores (put away the shopping, hoover the carpets, do the

washing, hang the washing out to dry, lay the table, mop the

floor, mow the lawn, dust the furniture, do the washing-up, make

the bed, take out the rubbish, clean the windows, water the

plants, iron the clothes)

Pronunciation: have to; linking sound

Grammar: have to

Functions: talking about chores

2) Language Skills

Listening: ฟงั เพ่ือหาข้อมูลเฉพาะ

Speaking: พดู เกีย่ วกบั ส่งิ ท่จี ำเป็นต้องทำหรือไม่จำเปน็ ต้องทำท่ีบ้าน

Reading: อ่านเพ่ือจบั ใจความสำคัญและหาข้อมูลเฉพาะ

Writing: เขียนเก่ยี วกับงานบา้ นทีจ่ ำเปน็ ตอ้ งทำหรือไมจ่ ำเป็นต้องทำ

3) Culture: -

ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์  5. อยูอ่ ยา่ งพอเพียง
 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  6. มุ่งมนั่ ในการทำงาน
 2. ซอื่ สตั ย์สจุ ริต  7. รักความเปน็ ไทย
 3. มีวินยั  8. มีจติ สาธารณะ
 4. ใฝเ่ รยี นรู้
 4. มวี ินัย
เบญจวถิ ีกาญจนา  5. ให้เกียรติ
 1. เทดิ ทนู สถาบนั
 2. กตญั ญู  4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
 3. บคุ ลกิ ดี  5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

สมรรถนะท่สี ำคญั ของผู้เรยี น
 1. ความสามารถในการส่ือสาร
 2. ความสามารถในการคิด
 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา

แผนการจัดการเรยี นรู้รายวิชาภาษาองั กฤษ

จุดเนน้ สูก่ ารพฒั นาผู้เรยี น
ความสามารถและทักษะที่จำเปน็ ในการเรียนรใู้ นศตวรรษที่ 21 (3Rs x 8Cs x 2Ls)

 R1– Reading (อ่านออก)
 R2– (W)Riting (เขยี นได้)
 R3 – (A)Rithmetics (คิดเลขเปน็ )
 C1 - Critical Thinking and Problem Solving (ทกั ษะด้านการคิดอย่างมวี ิจารณญาณและ
ทกั ษะในการแกป้ ัญหา)
 C2 - Creativity and Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม)
 C3 - Cross-cultural Understanding (ทักษะด้านความเขา้ ใจตา่ งวัฒนธรรมตา่ งกระบวนทัศน์)
 C4 - Collaboration, Teamwork and Leadership (ทกั ษะดา้ นความร่วมมือ การทำงานเป็น
ทมี และภาวะผนู้ ำ)
 C5 – Communications, Information and Media Literacy (ทักษะด้านการสื่อสาร
สารสนเทศและรู้เท่าทนั สื่อ)
 C6 - Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและ
การส่ือสาร)
 C7 - Career and Learning Skills (ทักษะอาชพี และทกั ษะการเรยี นรู้)
 C8 - Compassion (ความมเี มตตากรณุ า วนิ ัย คุณธรรม จรยิ ธรรม)
 L1 - Learning (ทกั ษะการเรยี นร)ู้
 L2 – Leadership (ทักษะความเป็นผ้นู ำ)

แผนการจดั การเรียนรู้รายวิชาภาษาอังกฤษ

การวัดและประเมินผล

ด้านความรู้

ภาระงาน/ช้นิ งาน วิธีการวดั เคร่อื งมอื เกณฑ์ที่ใช้
ร้อยละ 60
แบบฝกึ หัด ตรวจการตอบคำถามจาก หนงั สือเรยี น หน้า 63
Exs. 2a-2b, Ex. 4,
การฟงั และอ่าน แบบทดสอบ

ด้านทกั ษะ/กระบวนการ

ภาระงาน/ชน้ิ งาน วิธกี ารวดั เคร่อื งมือ เกณฑ์ทีใ่ ช้
ระดบั คุณภาพ พอใช้
การอ่านออกเสียง ประเมนิ การอา่ นออกเสยี ง แบบประเมินการอา่ น
ออกเสยี ง ระดับคุณภาพ พอใช้
บทสนทนา บทสนทนา แบบประเมนิ ชนิ้ งาน

ชิ้นงานเขยี น ประเมนิ ช้ินงานเขยี น

ประโยคเก่ยี วกบั สิ่ง ประโยคเกยี่ วกบั ส่งิ ท่ี

ทีจ่ ำเป็นตอ้ งทำ/ไม่ จำเปน็ ต้องทำ/ไม่

จำเป็นต้องทำที่ จำเป็นตอ้ งทำทบ่ี า้ น

บ้าน

ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

ภาระงาน/ช้นิ งาน วธิ ีการวัด เครื่องมอื เกณฑ์ทใี่ ช้
ระดบั คุณภาพ ผา่ น
พฤติกรรมระหว่าง สังเกตพฤตกิ รรมบ่งชด้ี ้านใฝ่ แบบประเมิน
เรียน เรยี นรแู้ ละมุง่ ม่ันในการ คุณลกั ษณะ

ทำงาน อนั พึงประสงค์

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาองั กฤษ

กิจกรรมการเรียนรู้

ใชก้ ระบวนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใชเ้ กมส์

ขนั้ นำ

1. นักเรยี นดูภาพในหนงั สือเรยี น หนา้ 62 แลว้ ตอบคำถามครู ดงั นี้

What appliances can you see in the pictures? (Washing machine, iron, vacuum

cleaner, refrigerator, oven, lawnmower)

Where are people in the pictures? (They are at home.)

Where is Stella? (She is in the bedroom.)

Where is Tony? (He is in the kitchen.)

Where are Sue, Ann and Mark? (They are at the back garden.)

2. ครูเขียนคำวา่ chore บนกระดาน และยกตัวอย่างประโยค เชน่

Washing the kitchen floor was a daily chore, and it was the one I hated most.

Who does most of the routine chores in your house?

เสรจ็ แลว้ ครสู รปุ ความหมายว่า chore คือ งานท่ีทำเป็นประจำ เช่น งานบ้าน นอกจากน้ียงั มี

อีกความหมายวา่ งานทนี่ ่าเบื่อ ไดด้ ว้ ย เช่น

I find writing reports a real chore (= very boring).

3. ครูถามคำถามเก่ยี วกบั นักเรียนเพ่ือนำเขา้ ส่บู ทเรียน ดงั นี้

How often do you do household chores at home?

ข้ันสอน

1. หนังสอื เรียน หน้า 62 Ex. 1 นกั เรยี นดภู าพ 1-14 แลว้ ช่วยกนั บอกว่า แตล่ ะบุคคลในภาพกำลังทำ

อะไร โดยตอบเปน็ ภาษาไทยกอ่ นได้ จากน้นั ครูเปิด CD ให้นกั เรยี นอ่านวลี A-N ที่เก่ียวข้องกบั

งานบ้านตามไปด้วยในใจ แล้วจงึ อา่ นออกเสียงด้วยตนเอง โดยเน้นให้นกั เรียนออกเสยี งเชือ่ มคำ

ในวลีต่อไปนีด้ ว้ ย

Put away the shopping Hang the washing out to dry

Do the washing-up Take out the rubbish

เมอ่ื อา่ นออกเสยี งได้คล่องแล้ว นกั เรียนจับคู่วลี A-N กบั ภาพ 1-14 ท่ีให้มา เสรจ็ แลว้ ครูรวบรวม
คำตอบ และเฉลยคำตอบบนกระดาน พร้อมกบั อธบิ ายคำศัพท/์ วลีให้นักเรยี นฟัง

A 3 D 13 G 14 J 4 M 11
B 7 E 8 H 5 K 12 N 1
C 2 F 6 I 9 L 10

แผนการจัดการเรียนรู้รายวชิ าภาษาองั กฤษ

put away (phr v) เกบ็ เข้าที่

hoover (v) ดดู ฝนุ่ (= vacuum)

do the washing (phr) ซกั ผ้า

hang the washing out to dry (phr) ตากผา้ (= put the washing out)

lay the table (phr) จดั โตะ๊ เพื่อเตรยี มรบั ประทานอาหาร

mop (v) ถพู ื้นด้วยไมถ้ ูพื้น

mow (v) ตัดหญ้า

lawn (n) สนามหญ้า

dust (v) ปัดฝนุ่

do the washing-up (phr) ลา้ งจาน

make the bed จดั เตียงหลังจากตนื่ นอน

take out the rubbish (phr) นำขยะไปท้งิ

iron (v) รีดผา้

นกั เรียนอา่ นประโยคตัวอย่างการบรรยายภาพที่ใหม้ า แลว้ ครูถามนักเรียนเก่ียวกับส่งิ ท่ีบุคคล
ในแต่ละภาพกำลงั ทำ เชน่

T: Look at the picture No. 2. What is Brad doing?”
S1: He is doing the washing.
จากน้ันครทู ำกจิ กรรมเช่นเดยี วกนั นก้ี บั ภาพท่ีเหลือ เสร็จแล้วนกั เรยี นจับคู่ ผลัดกนั พูดถาม-ตอบ
เก่ียวกบั สง่ิ ทบ่ี ุคคลในภาพกำลงั ทำอีกคร้งั

2 …doing the washing
3 Claire’s putting away the shopping.
4 Stella’s making the bed.
5 John’s dusting the furniture.
6 Tony’s mopping the floor.
7 Sandy’s hoovering the carpets.
8 Terry’s laying the table.
9 Jim’s doing the washing-up.
10 Bob’s cleaning the windows.

แผนการจัดการเรียนรู้รายวชิ าภาษาอังกฤษ

11 Billy’s watering the plants.
12 Mark’s taking out the rubbish.
13 Sue’s hanging the washing out to dry.
14 Ann’s mowing the lawn.

ครูเพมิ่ เตมิ วลีเกย่ี วกับงานบา้ นที่ใกล้ตวั เด็ก เช่น
sweep the floor กวาดพ้นื
clear the table เก็บจานชามบนโต๊ะหลงั จากรับประทานอาหาร

Extra activities: นักเรียนทบทวนคำศัพท์เกี่ยวกับงานบ้าน โดยนักเรียนแบ่งเป็น 2 ทีม แต่ละทีม
ผลดั กันสง่ ตวั แทนออกมาแสดงท่าทางวา่ กำลงั ทำงานบ้าน แลว้ ให้เพื่อนอีกทีมทายว่า กำลงั ทำงานบา้ น
ชนดิ ใด ถ้าทายได้ถูกต้องจะได้ 1 คะแนน ทมี ทที่ ายได้มากทส่ี ุด คอื ทีมทช่ี นะ
2. ครทู บทวนประโยคขอร้อง แล้วใหน้ กั เรยี นขอร้องเพอื่ นให้ช่วยทำงานบา้ น ครพู ูดเพื่อเป็นตวั อย่างก่อน
แล้วจงึ ใหน้ ักเรยี นจับคฝู่ ึกพดู ขอร้องกัน เสร็จแล้วครูสุม่ เรยี กนกั เรียนออกมาพดู ทหี่ นา้ ชนั้

A: Could you hang the washing out to dry for me?
B: Sure, no problem.
A: Can you lay the table for me, please?
B: Yes, of course.
3. หนงั สอื เรยี น หนา้ 63 Ex. 2a นกั เรียนเดาเน้อื หาก่อนการอ่าน โดยอา่ นบทสนทนา 2 บรรทัดแรกกับ
2 บรรทัดสุดท้าย แล้วเดาว่า บทสนทนานี้มีเนื้อหาเกีย่ วกบั เรื่องอะไร ครูรวบรวมคำตอบจากนกั เรียน
จากน้นั เปิด CD ใหน้ กั เรยี นฟังและอา่ นบทสนทนาตามไปดว้ ยในใจเพอ่ื ตรวจคำตอบ

The dialogue is about a mum who asks her son to help her with household
chores.

4. หนงั สอื เรยี น หนา้ 63 Ex. 2b ครูเขยี นตารางตอ่ ไปน้ีบนกระดาน

John Mum Dad

จากนั้นนักเรียนอ่านบทสนทนาอย่างรวดเร็ว เพื่อหาว่าบุคคลที่อยู่ในบทสนทนาทำอะไรบ้าง และนำ
ข้อมูลมาใส่ลงในตาราง ครูอาจยกตัวอย่างประโยคแรกในช่อง John คือ has to finish

แผนการจดั การเรียนรู้รายวิชาภาษาองั กฤษ

downloading the music. เมื่อหมดเวลาที่ครูกำหนด ครูรวบรวมคำตอบและเขยี นเฉลยลงในตาราง
บนกระดาน

John Mum Dad
- has to finish downloading - works long hours - works long hours

the music for tomorrow’s
party.
- has to take the rubbish out.
- has to mow the lawn.
- has to pick up the rubbish.
- has to mop the floor.

ตอ่ มาครูอธบิ ายวา่ คำสรรพนาม คอื คำทใ่ี ช้แทนทค่ี ำนามที่กลา่ วถึงมาแล้ว เพ่อื หลีกเลี่ยงการกล่าวซ้ำ
แลว้ ให้นกั เรียนอ่านประโยคที่ 1-6 และระบุว่า คำสรรพนามที่พิมพ์ตวั หนาอา้ งถงึ คำนามใด โดยครูให้
นักเรียนนำประโยคที่ 1-6 ไปเทียบกับข้อมูลในตารางบนกระดาน เพื่อหาคำนามที่สรรพนามที่พิมพ์
ตัวหนาอา้ งอิงถงึ เสรจ็ แลว้ ครรู วบรวมคำตอบและเขยี นเฉลยบนกระดาน

2 John, the rubbish 5 John’s mum and dad
3 John, the lawn 6 John’s mum, John, the floor
4 John’s dad

5. หนงั สือเรยี น หน้า 63 Ex. 2c นกั เรียนอ่านประโยคทย่ี ังไมส่ มบรู ณ์ที่ให้มา ครูอธิบายว่า have to ใช้
กลา่ วถงึ สิง่ ทจี่ ำเป็นต้องทำ (แตอ่ าจไม่ทำก็ได้) จากนนั้ นักเรียนชว่ ยกนั อธิบายวา่ ทำไมเด็ก ๆ
จำเปน็ ต้องชว่ ยทำงานบ้าน ครยู กตวั อย่างกอ่ น เช่น … it helps them have good relationships
with family. จากน้ันนักเรียนช่วยกนั บอกเหตผุ ลอื่น ๆ เพ่ิมเตมิ

…it helps their parents and teaches them to be responsible.

6. หนงั สือเรยี น หน้า 63 Ex. 3a นกั เรยี นอ่านตวั อย่างประโยคท่ีใหม้ าในตาราง และชว่ ยกันวเิ คราะห์
โครงสรา้ งประโยค

แผนการจดั การเรยี นรู้รายวชิ าภาษาองั กฤษ

ครอู ธิบายวา่ have to ใช้กลา่ วถึงสิง่ ที่จำเปน็ ต้องทำ (แต่อาจไม่ทำก็ได้) ครูยกตวั อยา่ งประโยค เช่น
Students have to wear uniforms at school.

(แตอ่ าจไม่ใส่ ในกรณีทีน่ กั เรยี นมีเหตฉุ ุกเฉิน และมีเหตุผลทดี่ มี าบอกกบั คณุ ครู)
ครยู ้ำวา่ have to + คำกรยิ าในรปู base form โดย have to ตอ้ งเปลีย่ นรปู เปน็ has to เม่ือ
ประธานของประโยคเป็นเอกพจน์

He has to wear a uniform at school.
ส่วนในประโยคคำถามและปฏเิ สธนัน้ ไมจ่ ำเป็นต้องเปล่ียนรูป แต่ต้องใช้ verb to do (do/does) เข้า
มาชว่ ยในการทำใหเ้ ปน็ ประโยคคำถาม

Students don’t have to wear a uniform at school.
Do students have to wear uniforms at school?
He doesn’t have to wear a uniform at school.
Does a student have to wear a uniform at school?
Yes, he does./No, he doesn’t.
เสร็จแล้วนักเรยี นหาตัวอย่างประโยคท่มี ี have to ในบทสนทนา และช่วยกันอธบิ ายเป็นภาษาไทย

I have to finish downloading the music for tomorrow’s party.
You have to take the rubbish out!
… you have to mow the lawn before your dad comes home.
Do I have to?
… well now you have to pick up the rubbish and mop the floor too.

Extra activities: ครนู ำเสนอสำนวนภาษาเพิ่มเตมิ ที่ใชใ้ นการขอความช่วยเหลือ เช่น

Can you help me? Can/Will you give me a hand?

Could you please help me? Would you do me a favour?

ในการตอบรบั การขอความชว่ ยเหลอื เช่น

I’d be glad to. Yes, all right.

Certainly, if I can. /Certainly, what is it? It would be my pleasure.

เสรจ็ แลว้ ให้นกั เรียนฝึกพูดถาม-ตอบกัน

7. ครเู ขยี นประโยคตอ่ ไปน้บี นกระดาน

I have to get up in the morning at six a.m.

I have to get up at half past six every morning.

I have to get up in the morning at 6:45.

แผนการจดั การเรยี นรู้รายวชิ าภาษาอังกฤษ

I have to get up at 8 o’clock.
I have to get up at 5 or 6 o’clock.
I have to get up at half six.
ครูอา่ นออกเสยี งประโยคเหลา่ นี้ โดยใหน้ กั เรยี นสังเกตการออกเสยี ง have to ของครู
ครถู ามนักเรยี นวา่ ครูออกเสยี ง have to อยา่ งไร จากนนั้ ครูอธิบายว่า ปกตแิ ลว้ have ออกเสยี งเป็น
/hæv/ ส่วน to ออกเสียงเป็น /tuː/ แต่เมื่ออยู่ในประโยค เจ้าของภาษาจะออกเสียง have to เป็น
/ˈhæf tə/ โดยเสียง /v/ จะเปลี่ยนเป็น /f/ ส่วนคำบุพบท to เป็นคำที่ไม่ได้รับการลงเสียงหนัก จึง
ออกเสยี งในรูป weak form คอื /tə/ เสร็จแล้วนักเรยี นฝึกอา่ นออกเสียงประโยคเหลา่ นี้ด้วยตนเอง
ครอู าจเปิด CD และใหน้ ักเรยี นฝกึ อ่านออกเสียงบทสนทนาใน Ex. 2a อีกครัง้
Extra activities: ครูเปิดคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการออกเสียง have to โดยพิมพ์ชื่อคลิป Tim’s
Pronunciation Workshop: ‘Have to’ จาก www.youtube.com หรอื เขา้ ไปท่ี
http://www.bbc.co.uk/learningenglish/english/features/pronunciation/tims-
pronunciation-workshop-ep-11
8. หนงั สือเรยี น หนา้ 63 Ex. 3b นักเรยี นอ่านขอ้ มูลเกยี่ วกับงานบ้านท่ี Beth และ Charlie จำเป็นต้อง
ทำ จากนั้นนักเรียนนำ has to, have to, don’t have to, doesn’t have to มาเตมิ ลงในประโยค
เม่อื ทำเสร็จ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ นคำตอบของตนเอง แล้วครูเฉลยคำตอบที่ถูกตอ้ งบนกระดาน

1 doesn’t have to 4 don’t have to
2 has to 5 doesn’t have to
3 doesn’t have to 6 have to

9. หนังสือเรียน หน้า 63 Ex. 4 ครูอธิบายว่า นักเรียนจะได้ฟังการสนทนากันระหว่าง Ann กับเพื่อน

โดยเพื่อนของ Ann พยายามจะชวน Ann ไปทำกิจกรรมบางอย่าง แต่ Ann ติดทำงานบ้าน

ให้นักเรียนฟังแล้วระบุว่า งานบ้านใดบ้างที่ Ann จำเป็นต้องทำนักเรียนอ่านรายการงานบ้านที่ให้มา

พร้อมกับชว่ ยกันทบทวนความหมาย ครตู รวจสอบดว้ ยว่า นกั เรยี นอ่านออกเสยี งถกู ต้องหรือไม่ เพราะ

จะส่งผลต่อการฟงั เช่น iron /aɪən/

จากนัน้ นักเรยี นทบทวนโครงสร้างประโยคทใ่ี ชบ้ อกส่ิงทจี่ ำเป็นต้องทำ แลว้ ช่วยกันแต่งประโยคโดยครู

อาจเขียนประโยคและขีด  หรอื  เพ่อื ให้นักเรียนฝึกพูด เช่น

Peter …

iron the clothes 

clean the bathroom 

dust the furniture 

แผนการจดั การเรยี นรู้รายวิชาภาษาองั กฤษ

hoover the carpets 

clean the windows 

mow the lawn 

T: What chores does Peter help with at home?

S1: He doesn’t have to iron the clothes.

S2: He doesn’t have to clean the bathroom.

S3: He doesn’t have to dust the furniture.

S4: He has to hoover the carets.

S5: He doesn’t have to clean the windows.

S6: He has to mow the lawn.

ก่อนเปิด CD ครูย้ำกับนักเรียนว่า ไม่จำเป็นต้องฟังออกทุกคำ เน้นที่จุดประสงค์หลักของการฟัง คือ

การฟงั เพื่อข้อมูลเฉพาะ ซึ่งกค็ ือ งานบ้านท่ี Ann จำเป็นต้องทำ รวมท้ังอธิบายว่า การเข้าใจบริบทจะ

ช่วยใหน้ ักเรียนเขา้ ใจเรื่องราวที่จะฟังได้ แม้ว่าจะฟังไมอ่ อกทกุ คำก็ตาม

เสร็จแล้วครูเปิด CD ให้นักเรียนฟังและทำกิจกรรม แล้วครูรวบรวมคำตอบจากนักเรียน และเฉลย

คำตอบบนกระดาน แต่หากมีนักเรียนจำนวนมากตอบคำถามไม่ถูกต้อง ครูควรทบทวนไวยากรณ์

คำศพั ท์ การออกเสียงคำต่าง ๆ อกี ครัง้ กอ่ นเปิด CD ให้นักเรยี นฟังอกี ครัง้

ต่อมานักเรยี นพูดบอกงานบ้านที่ Ann ต้องทำ/ไมต่ ้องทำ เชน่ Ann has to iron the clothes.

She doesn’t have to dust the furniture.

iron the clothes ✓ hoover the carpets 
clean the bathroom ✓ clean the windows ✓
dust the furniture  mow the lawn ✓

10. หนังสอื เรยี น หน้า 63 Ex. 5 นักเรยี นนกึ ถึงงานบ้านในสัปดาห์น้ที ีน่ ักเรยี นจำเปน็ ต้องทำ และงาน
บา้ นทน่ี ักเรยี นไมจ่ ำเปน็ ต้องทำ อย่างละ 5 ข้อ แล้วเขียนประโยคสนั้ ๆ โดยใช้ have to พร้อมทงั้
วาดภาพประกอบประโยคทต่ี นเองแตง่ ด้วย เมอ่ื ทำชน้ิ งานเสรจ็ แลว้ นักเรยี นนำเสนองานของตนเอง
ให้เพ่อื นดู

I have to make my bed. I have to lay the table.
I have to do the watching-up. I have to sweep the floor.
I have to mop the floor.

แผนการจัดการเรียนรู้รายวชิ าภาษาอังกฤษ

I don’t have to do the washing. I don’t have to cook dinner.
I don’t have to hoover the carpet. I don’t have to clean the windows.
I don’t have to mow the lawn.

Advanced classes: นกั เรยี นเขียนเกยี่ วกบั งานบา้ นท่สี มาชิกในครอบครัวจำเป็นต้องทำ

ข้ันสรุป
1. นักเรียนช่วยกนั ทบทวนวลเี ก่ยี วกับงานบ้าน จากนน้ั ทบทวนการใช้ have to รวมท้งั การออกเสียง
2. นกั เรยี นทำงานคู่ แต่งประโยคเกี่ยวกบั สงิ่ ทจ่ี ำเปน็ ตอ้ งทำ โดยใช้ have to แล้วพูดใหเ้ พื่อนฟัง
ครูสังเกตข้อผิดพลาดที่พบบอ่ ยบนกระดาน และให้นักเรียนพยายามแก้ไขให้ถูกต้อง ครสู รุป
ให้นักเรียนฟังอีกครัง้
3. แบบฝกึ หดั (Workbook) นักเรียนทำ Exs. 9-10 หนา้ 15 เป็นการบ้าน

สอ่ื /แหล่งเรียนรู้
1. หนังสือเรียน Upload 4 ม. 4
2. แบบฝกึ หดั Upload 4 ม. 4
3. Class Audio CD ประกอบสอ่ื ฯ ชุด Upload 4 ม. 4
4. อปุ กรณ์การวาดภาพและทำช้นิ งาน
5. คลิปวิดโี อจากอนิ เทอรเ์ น็ต

แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าภาษาองั กฤษ

สรปุ ผลการจดั การเรียนรู้ ช่วงคะแนน จำนวน (คน) คดิ เป็นร้อยละ
ด้านความรู้
กลุ่มผ้เู รยี น
ดี
ปานกลาง
ปรบั ปรงุ

ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ ชว่ งคะแนน จำนวน (คน) คดิ เปน็ ร้อยละ
กลมุ่ ผเู้ รยี น
ดี
ปานกลาง
ปรบั ปรุง

ดา้ นคุณลกั ษะอันพึงประสงค์

กลมุ่ ผเู้ รยี น ช่วงระดับคณุ ภาพ จำนวน (คน) คดิ เป็นรอ้ ยละ

ดี 3

ปานกลาง 2

ปรับปรงุ 0-1

แผนการจดั การเรยี นรู้รายวิชาภาษาอังกฤษ

บนั ทึกหลังการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
ดา้ นการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

……………………………………………………………………………...………..…………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………….....…………………………

ปัญหาทพี่ บระหวา่ งหรอื หลังจดั กิจกรรม
…………………………………………………………………………………..………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………….....…………………………

ข้อเสนอแนะ
……………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………….....…………………………

ลงชื่อ..........................................................ผู้สอน
(นางสาวธีรดา ไชยบรรดิษฐ)
............/........................../.............

การตรวจสอบและความคดิ เหน็ ของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้
 สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานและตัวช้ีวดั ของหลกั สตู รฯ
 กิจกรรมการเรยี นรเู้ นน้ ผู้เรยี นเป็นสำคัญ
 มีการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง มคี วามหลากหลายเหมาะสมกบั ผเู้ รียน
 ใชส้ อ่ื หรือแหลง่ เรยี นรทู้ ่ีทนั สมยั และส่งเสริมการเรียนรไู้ ด้อย่างมีประสิทธิภาพ
 สอดคล้องตามจุดเนน้ ของกระทรวงศึกษาธิการ สพฐ. และจุดเน้นของโรงเรียน
 สง่ เสริมทกั ษะ 3Rs x 8Cs x 2Ls
 สง่ เสรมิ เบญจวถิ ีกาญจนา

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ..............................................................
(นายคเชนทร์ สายเส็น)

หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ

แผนการจดั การเรยี นรู้รายวิชาภาษาอังกฤษ

การตรวจสอบและความคดิ เหน็ ของหวั หนา้ กลมุ่ บริหารวิชาการ

 ถูกต้องตามรูปแบบของโรงเรียน

 ผ่านการนเิ ทศตรวจสอบจากหัวหนา้ กลุม่ สาระการเรียนรู้/กรรมการนิเทศ

 กอ่ นใชส้ อน  หลงั ใชส้ อน

 มบี นั ทกึ หลังจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื ..............................................................
(นายธนพันธ์ เพง็ สวัสด์ิ)
หวั หนา้ กลุ่มบรหิ ารวิชาการ

ความคดิ เห็นของรองผูอ้ ำนวยการฝา่ ยวิชาการ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ....................................................................
(นางสาวชณิดาภา เวชกลุ )

รองผู้อำนวยการโรงเรยี น กลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการ

แผนการจัดการเรยี นรู้รายวชิ าภาษาองั กฤษ

แบบประเมนิ การอา่ นออกเสียง

การออกเ ีสยง
การใ ้ชน้ำเ ีสยงและ
ทำนองเ ีสยง
ความค ่ลองแค ่ลว
ในการ ่อาน
ภาษากายหรือ
ภาษาท่าทาง
รวม
ที่ ชื่อ - นามสกลุ หมายเหตุ
8 8 8 4 28
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10.
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
19.
20.

แผนการจดั การเรยี นรู้รายวิชาภาษาอังกฤษ

เกณฑป์ ระเมินการอา่ นออกเสียง

รายการ ระดบั คะแนน / ระดบั คณุ ภาพ น้ำหนกั คะแนน
รวม
การประเมนิ ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) ความสำคัญ 8

การออกเสยี ง อ่านเสียงดงั ฟัง อ่านเสียงดงั ฟงั ชัด อ่านเสียงดงั อ่านเสยี งเบา ไม่ 2 8

ชัดสมำ่ เสมอ เกอื บตลอดเวลา ฟงั ชดั เปน็ ชดั เจน ยากแก่ 8

และไม่มีการ มีการออกเสยี ง สว่ นใหญ่ มี การเขา้ ใจ และมี

ออกเสยี งคำผิด คำผดิ เลก็ น้อย การออกเสียง การออกเสียง

เลย หรือ 1-2 คำ คำผดิ 3-5 คำ คำผดิ 5 คำขึน้ ไป

การใชน้ ้ำเสยี ง ใช้นำ้ เสียงและ ใชน้ ำ้ เสยี งและ ใช้น้ำเสยี งและ ใช้นำ้ เสยี งและ 2

และทำนอง ทว่ งทำนองใน ทว่ งทำนองในการ ทว่ งทำนองใน ทว่ งทำนองใน

เสยี ง การอ่าน อา่ นเหมาะสมกับ การอา่ น การอ่านไม่

เหมาะสมกบั ขอ้ ความท่อี ่านเปน็ เหมาะสมกับ เหมาะสม กับ

ขอ้ ความท่ีอ่าน สว่ นใหญ่ ขอ้ ความท่ีอ่าน ขอ้ ความที่อ่าน

พอใช้

ความ อา่ นได้อย่าง อ่านได้อยา่ ง หยดุ ชะงัก อ่านเปน็ คำๆ 2

คล่องแคลว่ ใน ตอ่ เนื่อง มี ตอ่ เน่ือง มจี ังหวะ เป็นบางคร้งั ไม่ต่อเน่ือง และ

การอา่ น จังหวะจะโคน จะโคน เปน็ สว่ น แตย่ งั เวน้ หยดุ ชะงกั หลาย

และเวน้ วรรค ใหญ่ วรรคตอน คร้ัง ทำใหย้ าก

ตอนในการอา่ น มีตดิ ขัดหรือ ในการอ่าน ต่อการติดตาม

ได้อยา่ งถกู ต้อง เวน้ ช่วงเลก็ น้อย ไม่ถูกต้อง

ภาษากายหรอื จบั หนงั สือถูกวิธี จับหนังสือถูกวธิ ี จบั หนงั สือถูก จบั หนงั สอื ไม่ถูก 1 4
ภาษาท่าทาง และไมถ่ ือ แตถ่ ือหนังสอื บงั วิธี วธิ ี และถอื
แต่ถือหนังสอื หนังสอื บังหนา้
หนังสือบงั หน้า หน้าเปน็ บางครง้ั บังหน้า เป็น ตลอดเวลาท่ี
เวลาอา่ น สว่ นใหญ่ อ่าน

เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
24-28 ดมี าก
19-23 ดี
14-18 พอใช้
ปรับปรงุ
ตำ่ กวา่ 14

แผนการจัดการเรยี นรู้รายวชิ าภาษาองั กฤษ

แบบประเมนิ ช้ินงาน

รูปแบบ ิ้ชนงาน
การใ ้ชภาษา
เน้ือหา
รวม
ที่ ชื่อ - นามสกุล หมายเหตุ
8 8 8 24
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10.
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
19.
20.

แผนการจดั การเรียนรู้รายวิชาภาษาองั กฤษ

เกณฑ์ประเมนิ ชิ้นงาน

รายการ ระดับคะแนน / ระดับคณุ ภาพ นำ้ หนัก คะแนน
ความสำคัญ รวม
การประเมิน ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) 8
2
รปู แบบ - รปู แบบช้นิ งาน - รูปแบบช้นิ งาน - รูปแบบ - รปู แบบ 8
2 8
ชนิ้ งาน ถกู ต้องตามท่ี ถกู ต้องตามท่ี ชน้ิ งานถูกต้อง ชน้ิ งานไมต่ รง 2

กำหนด กำหนด ตามทก่ี ำหนด ตามทก่ี ำหนด

- รูปแบบแปลก - มขี นาดเหมาะสม - รปู ภาพ - รูปภาพไม่

ใหม่ นา่ สนใจ - รูปภาพมสี สี นั สมั พนั ธก์ บั สมั พนั ธ์กบั

- มีขนาดเหมาะสม สวยงาม เนือ้ หา เนือ้ หา

- รปู ภาพมสี สี นั - รปู ภาพสัมพนั ธ์กบั

สวยงาม เนอ้ื หา

- รูปภาพสัมพนั ธ์

กับเนอื้ หา

การใชภ้ าษา ตวั สะกดและ ตวั สะกดและ ตวั สะกดและ ตวั สะกดและ

ไวยากรณม์ ีความ ไวยากรณ์มีความ ไวยากรณผ์ ดิ ไวยากรณผ์ ิด

ถูกต้องสมบูรณ์ ถกู ต้อง เปน็ สว่ น เล็กน้อย เป็นจำนวนมาก

อา่ นเขา้ ใจงา่ ย ใหญ่ อา่ นเข้าใจงา่ ย อา่ นเขา้ ใจยาก

เน้ือหา เขียนอธิบาย เขยี นอธิบายเนื้อหา เขียนอธิบาย เขยี นอธิบาย

เน้ือหาได้ตรง ไดค้ ่อนข้างตรง เนือ้ หาได้พอ เน้อื หาไมค่ รบ

ประเดน็ และ ประเด็นและ เข้าใจ และไมต่ รง

ครบถ้วน ครบถ้วน ประเด็น

เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
20-24 ดมี าก
16-19 ดี
12-15 พอใช้
ปรบั ปรงุ
ต่ำกวา่ 12

แผนการจดั การเรยี นรู้รายวชิ าภาษาองั กฤษ

แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้

หน่วยการจดั การเรียนรทู้ .่ี ....... จำนวน …. ช่วั โมง
ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 4 ชั่วโมงท่.ี ......... วัน............... เดอื น...................... พ.ศ. .........

ประเมินจากการสังเกตพฤติกรรมและช้นิ งาน

ท่ี ชอ่ื -สกุล รวม
คะแนน

123123123123
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18

ข้อสังเกตอนื่ ๆ
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................

เกณฑ์การให้คะแนน ระดบั คณุ ภาพ
3 คะแนน = ปฏิบตั ิสมำ่ เสมอ 9-12 คะแนน = ดี
2 คะแนน = ปฏบิ ตั บิ างคร้ัง 5-8 คะแนน = พอใช้
1 คะแนน = ปฏิบัตินอ้ ยคร้งั 1-4 คะแนน = ปรับปรุง

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาอังกฤษ

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 5

รายวิชาภาษาองั กฤษ รหสั วิชา 31102 ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4

กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2564

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 Places เวลา 40 ชั่วโมง

เรอ่ื ง School life เวลา 1 ช่ัวโมง

ผ้สู อน นางสาวธรี ดา ไชยบรรดษิ ฐ โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลยั สรุ าษฎรธ์ านี

แนวคดิ สำคัญ
การรู้และเขา้ ใจคำศัพท์เกีย่ วกับกฎระเบยี บตา่ ง ๆ ในโรงเรียน และการใช้ must/mustn’t ชว่ ยให้

เข้าใจและตีความเรื่อง/ปา้ ยประกาศท่ีอ่าน พดู และเขียนให้ข้อมูลเก่ียวกบั กฎระเบยี บในโรงเรยี นของตนเองได้

มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพื่อการสอื่ สาร

มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรอื่ งทฟี่ ังและอ่านจากสอื่ ประเภทต่าง ๆ และแสดงความ
คดิ เห็นอยา่ งมเี หตผุ ล

ม.4-6/1 ปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือการใช้งานต่างๆ คำชี้แจง คำอธิบาย และคำบรรยายที่ฟังและ
อา่ น

ม.4-6/2 อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง และบทละครสั้น (skit) ถูกต้อง
ตามหลักการอ่าน

ม.4-6/3 อธิบายและเขยี นประโยคและข้อความใหส้ มั พันธ์กับส่ือท่ีไมใ่ ชค่ วามเรยี งรูปแบบต่างๆ ท่ีอ่าน
รวมท้งั ระบแุ ละเขยี นส่ือที่ไมใ่ ช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ให้สมั พนั ธก์ ับประโยค และข้อความทีฟ่ ังหรืออ่าน

ม.4-6/4 จบั ใจความสำคญั วิเคราะห์ความ สรปุ ความ ตคี วาม และแสดงความคดิ เห็นจากการฟงั และ
อ่านเรื่องท่ีเปน็ สารคดีและบนั เทิงคดี พรอ้ มทง้ั ใหเ้ หตผุ ลและยกตวั อย่างประกอบ

จุดประสงค์การเรยี นรู้
- นักเรยี นสามารถอา่ นเพอื่ ระบุหวั ขอ้ ได้
- นักเรยี นสามารถทำแผ่นป้ายประกาศกฎของโรงเรียนได้
- นักเรยี นสามารถอ่านออกเสียงสงู -ต่ำในประโยคได้
- นักเรียนสามารถเขยี นรายการสง่ิ ท่ีต้องทำและห้ามทำในโรงเรียนได้

แผนการจัดการเรยี นรู้รายวิชาภาษาองั กฤษ

สาระการเรียนรู้

1) Language Features and Functions

Vocabulary: school rules (dress well, use computers with care, respect your

teacher, sign in, eat in class, bring pets to school, litter, chew gum

in class, write on desks, use mobile phones in class); verb (enter);

nouns (performing arts, break, ID cards, future, price, fame);

adjectives (past, normal, tough); phrase (show respect)

Pronunciation: must/mustn’t; intonation

Grammar: must/mustn’t

Functions: talking about school rules

2) Language Skills

Listening: -

Speaking: -

Reading: อ่านเพอ่ื จบั ใจความสำคัญ

Writing: เขยี นกฎเกณฑต์ ่าง ๆ ในโรงเรียน

3) Culture: -

ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์

 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์  5. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง

 2. ซ่ือสตั ย์สจุ ริต  6. มุ่งมั่นในการทำงาน

 3. มีวินัย  7. รกั ความเปน็ ไทย

 4. ใฝ่เรยี นรู้  8. มีจติ สาธารณะ

เบญจวถิ กี าญจนา

 1. เทิดทูนสถาบนั  4. มวี ินยั

 2. กตญั ญู  5. ใหเ้ กยี รติ

 3. บุคลกิ ดี

สมรรถนะท่สี ำคญั ของผเู้ รียน

 1. ความสามารถในการสอื่ สาร

 2. ความสามารถในการคิด

 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา

 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ

 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้รายวิชาภาษาองั กฤษ

จุดเนน้ สูก่ ารพฒั นาผู้เรยี น
ความสามารถและทักษะที่จำเปน็ ในการเรียนรใู้ นศตวรรษที่ 21 (3Rs x 8Cs x 2Ls)

 R1– Reading (อ่านออก)
 R2– (W)Riting (เขยี นได้)
 R3 – (A)Rithmetics (คิดเลขเปน็ )
 C1 - Critical Thinking and Problem Solving (ทกั ษะด้านการคิดอย่างมวี ิจารณญาณและ
ทกั ษะในการแกป้ ัญหา)
 C2 - Creativity and Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม)
 C3 - Cross-cultural Understanding (ทักษะด้านความเขา้ ใจตา่ งวัฒนธรรมตา่ งกระบวนทัศน์)
 C4 - Collaboration, Teamwork and Leadership (ทกั ษะดา้ นความร่วมมือ การทำงานเป็น
ทมี และภาวะผนู้ ำ)
 C5 – Communications, Information and Media Literacy (ทักษะด้านการสื่อสาร
สารสนเทศและรู้เท่าทนั สื่อ)
 C6 - Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและ
การส่ือสาร)
 C7 - Career and Learning Skills (ทักษะอาชพี และทกั ษะการเรยี นรู้)
 C8 - Compassion (ความมเี มตตากรณุ า วนิ ัย คุณธรรม จรยิ ธรรม)
 L1 - Learning (ทกั ษะการเรยี นร)ู้
 L2 – Leadership (ทักษะความเป็นผ้นู ำ)

แผนการจดั การเรยี นรู้รายวิชาภาษาอังกฤษ

การวดั และประเมนิ ผล

ด้านความรู้

ภาระงาน/ช้ินงาน วิธกี ารวดั เครื่องมอื เกณฑท์ ใ่ี ช้
รอ้ ยละ 60
แบบฝกึ หัด ตรวจการตอบคำถามจาก หนังสือเรยี น หนา้ 64
Exs. 2b-3a ร้อยละ 60
การฟังและอา่ น สมดุ นักเรยี น

การเขยี นรายการ ตรวจการเขียนรายการสง่ิ ท่ี

สงิ่ ท่ตี ้องทำและ ตอ้ งทำและห้ามทำใน

หา้ มทำในโรงเรียน โรงเรียน

ด้านทักษะ/กระบวนการ

ภาระงาน/ช้ินงาน วิธกี ารวดั เคร่ืองมอื เกณฑท์ ีใ่ ช้
แบบสงั เกตพฤติกรรม
การอา่ นออกเสยี ง ประเมินการอา่ นออกเสียง การเรียนรู้ ประเมินการอ่านออก
เสยี งสูง-ตำ่ ใน
สงู -ต่ำในประโยค สงู -ต่ำในประโยค แบบประเมนิ ชนิ้ งาน ประโยค
ระดบั คุณภาพ พอใช้
ชิ้นงานทำแผน่ ปา้ ย ประเมินช้ินงานทำแผน่ ป้าย
ประกาศกฎของ ประกาศกฎของโรงเรียน
โรงเรยี น

ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

ภาระงาน/ช้ินงาน วิธีการวดั เคร่ืองมือ เกณฑท์ ใ่ี ช้
ระดบั คุณภาพ ผ่าน
พฤติกรรมระหว่าง สังเกตพฤติกรรมบง่ ชด้ี ้านใฝ่ แบบประเมนิ
เรยี น เรียนรูแ้ ละมุ่งมั่นในการ คณุ ลกั ษณะ

ทำงาน อนั พึงประสงค์

แผนการจดั การเรยี นรู้รายวิชาภาษาอังกฤษ

กจิ กรรมการเรียนรู้

ใช้กระบวนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้โดยใช้เกมส์

ข้ันนำ

ครถู ามนกั เรียนวา่ ในฐานะทเี่ ปน็ นกั เรยี น นกั เรยี นจำเปน็ ต้องทำอะไรบา้ ง เชน่

Students have to go to school. Students have to respect teachers.

Students have to wear uniforms. Students have to do homework.

Students have to read books.

ขั้นสอน
1. หนงั สือเรียน หน้า 64 Ex. 1a นักเรียนดภู าพบุคคล 1-10 และอธิบายวา่ บุคคลในภาพกำลงั ทำอะไร
โดยใชภ้ าษาไทย จากนน้ั ครูอ่านหวั ข้อ Dos และ Don’ts และอธบิ ายความหมาย
dos and don’ts (phr) สงิ่ ท่ีควรทำและไม่ควรทำ
ตอ่ มาครูเปดิ CD ให้นักเรียนฟังและอา่ นออกเสียงประโยค A-J ตามไปด้วยในใจในรอบแรก และอ่าน
ออกเสยี งตามในรอบถัดมา โดยครชู ่วยหยดุ CD หลังจบแต่ละประโยค สุดทา้ ยครูชว่ ยอธบิ ายคำศัพท์
ยากบางคำ เชน่
litter (v) ทิง้ ขยะลงบนพ้ืนในที่สาธารณะ
สุดท้ายครสู ุ่มเรยี กนักเรยี นอ่านประโยคเหลา่ นีท้ ลี ะประโยค ครถู ามนักเรยี นวา่ ประโยคในกรอบ
เหลา่ น้ีคืออะไร จนไดค้ ำตอบวา่ กฎระเบยี บในโรงเรยี น
2. หนังสอื เรียน หน้า 64 Ex. 1b นกั เรียนจับคู่ประโยค (A-J) กบั ภาพ (1-10) ครตู รวจคำตอบ
โดยสุ่มเรียกนักเรียนหลาย ๆ คน บอกคำตอบ จากน้ันนักเรียนชว่ ยกันบอกว่า มีกฎระเบยี บใด
ที่นักเรยี นต้องปฏิบัตติ ามท่โี รงเรียน ครพู ยายามเนน้ ให้นักเรียนใช้ have to ในการบอกส่งิ ทน่ี กั เรียน
จำเปน็ ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามท่โี รงเรียน ครเู ขยี นคำตอบของนักเรียนบนกระดาน

1 I 3J 5D 7E 9A
2 H 4 F 6 B 8 C 10 G

At my school we have to respect our teacher and use computers with care.
We have to wear a uniform. We can’t bring pets to school, use mobile phones
in class, litter or write on the desks.

แผนการจดั การเรียนรู้รายวิชาภาษาอังกฤษ

3. หนังสือเรียน หนา้ 64 Ex. 2a นักเรยี นทำกจิ กรรมก่อนการอ่าน โดยพูดบอกวชิ าที่เรียน วชิ าทชี่ อบ
เวลาทีเ่ รม่ิ เรียน และเวลาท่ีเรียนเสร็จ

At school I study English, maths, geography, history, science, art, music and PE.
My favorite subjects are English and art. Lessons start at 8:00 am and finish at
3:30 pm.

4. หนงั สอื เรียน หน้า 64 กรอบ Study Skills นักเรียนอา่ นขอ้ ความทีใ่ หม้ า จากนนั้ ครูถามนกั เรียนวา่
กอ่ นการอ่าน นักเรียนจะต้องทำอะไรบา้ ง ครรู วบรวมคำตอบจากนกั เรยี น แล้วสรุปใหฟ้ งั ว่า ก่อนการ
อา่ น ตอ้ งอา่ นชื่อเร่อื งกอ่ น แล้วนกึ ถงึ ข้อมูลเดิมท่รี เู้ ก่ียวกับเรอ่ื งดังกลา่ ว และตอ้ งการรู้อะไรเพ่ิมเตมิ
เมื่ออา่ นจบ นักเรียนควรตรวจสอบว่า ได้เรียนรู้อะไรเก่ียวกบั เรื่องดังกลา่ วบา้ ง

5. หนงั สอื เรียน หน้า 64 Ex. 2b นกั เรียนทำกิจกรรมกอ่ นการอา่ น โดยอ่านชอ่ื เร่ืองและดูภาพประกอบ
ในหนังสือเรยี น หน้า 65 ครตู รวจสอบว่า นักเรยี นเขา้ ใจความหมายคำว่า fame หรอื ไม่ ครอู ธบิ ายวา่
คำนีเ้ ป็นคำนามมคี วามหมายว่า ชือ่ เสียง แลว้ ให้นกั เรียนชว่ ยกันตอบคำถามตอ่ ไปน้ี
What do you know about this place?
What subjects do you think students study there?
ครรู วบรวมคำตอบจากนกั เรยี นหลาย ๆ คน และเขยี นคำตอบบนกระดาน จากน้นั ครูเปิด CD
ใหน้ ักเรยี นฟังและหาคำตอบ เสรจ็ แลว้ ครรู วบรวมคำตอบจากนกั เรยี นอีกครง้ั แล้วเฉลยคำตอบ

The School of Fame is a school of performing arts. The students study art,
music, dance and theatre at this school. They also study normal subjects.

6. ครนู ำเสนอคำศัพทก์ ่อนการอ่าน ตอ่ ไปน้ี

performing arts (n) ศิลปะการแสดง เชน่ ดนตรี นาฏศลิ ป์ และการแสดงประเภทต่าง ๆ

ID card (n) บตั รประจำตัวประชาชน ย่อมาจาก an identity card

immediately (adv) เด๋ยี วนี้, ทนั ที (= now)

tough (adj) ยาก, ลำบาก

rise to fame (phr) เริ่มมชี อ่ื เสยี ง (= become famous)

7. หนังสือเรยี น หน้า 64 Ex. 3a นกั เรยี นฝกึ อ่านเพ่ือจับใจความสำคญั โดยอ่าน 1-2 ประโยคแรกและ

ประโยคสุดทา้ ยของแตล่ ะย่อหน้า เพอื่ เขา้ ใจความหมายโดยรวมของแต่ละย่อหน้าก่อน และพยายาม

สรปุ ความหมายโดยรวมของแตล่ ะย่อหน้าดว้ ยคำเพียง 1-2 คำ จากนน้ั อ่านหวั ขอ้ ย่อย (headings)

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาองั กฤษ

ทีใ่ หม้ า แลว้ จบั ค่ยู ่อหน้ากับหัวข้อที่มั่นใจวา่ ถูกต้องแน่นอนกอ่ น เพอื่ ตัดตัวเลือกให้เหลือนอ้ ยลง แล้ว
จึงจับค่ยู อ่ หนา้ ทีเ่ หลือ เสร็จแลค้ รรู วบรวมคำตอบจากนักเรียน และเฉลยคำตอบพรอ้ มกัน

1A 2B 3E 4D

ครอู ธบิ ายความหมายของคำศพั ท์เพิม่ เตมิ เพ่ือให้นักเรยี นเขา้ ใจเรือ่ งท่อี ่านมากขึ้น
at times (idm) บางครงั้ (= sometimes)

8. หนังสอื เรยี น หน้า 64 กรอบ Check these words นักเรยี นอ่านคำศัพทท์ ี่ให้มา แล้วชว่ ยกนั บอก
ความหมาย หรือครบู อกความหมายของคำศพั ท์ แล้วให้นักเรยี นทายว่าเป็นคำใด เช่น go in (enter)

performing arts (n pl) singing, dancing, acting or playing music for an audience

past (adj) previous/before the present time

normal (adj) regular, everyday

break (n) recess, gap

ID cards (n pl) cards which identify who you are (usually with a photo)

enter (v) go in

show respect (phr) be polite and avoid displeasing others

tough (adj) hard, difficult

future (n) time that comes after the present

price (n) cost

fame (n) being well-known

9. หนังสือเรียน หน้า 64 Ex. 3b นักเรียนช่วยกันบอกว่า ได้เรียนรู้อะไรจากการอ่านเรื่อง School of
Fame ครูรวบรวมคำตอบจากนักเรียนหลาย ๆ คน จากนั้นครูถามนักเรียนว่า LaGuardia High
School จากในบทอ่านคล้ายกับโรงเรียนของนักเรียนอย่างไร แล้วจึงให้นักเรียนบอกคำตอบของ
ตนเอง

I learned about a school for performing arts in America. I learned that students
have ID cards there and that they have up to ten lessons a day with only four
minutes between lessons. At my school, we don’t study dance and theatre.

แผนการจัดการเรยี นรู้รายวชิ าภาษาองั กฤษ

Lessons start at 8 am and end at 3:30 pm and there are 4-6 lessons a day with
a break of 5 minutes between them. We have 50 minutes for lunch. Most of
the rules are the same at my school, but we don’t have to sign in.
10. หนังสือเรียน หน้า 64 Ex. 3c ครูถามนักเรียนว่า ต้องการเรียนในโรงเรียนแบบที่อ่านในบทอ่าน
หรือไม่ และอธิบายเหตุผลประกอบคำตอบของตนเองด้วย ครูให้เวลานักเรียน 3 นาที ในการเขียน
ตอบ เสร็จแล้วนกั เรียนรายงานคำตอบของตนเองใหเ้ พอ่ื นฟัง

Yes, I think it would be a great experience to go to this school. I would like to
study music and dance. Drama is one of my favorite subjects.

11. หนงั สือเรียน หนา้ 65 Ex. 4a นกั เรียนช่วยกันสรปุ กฎการใช้ must และ mustn’t จากตวั อย่าง
ประโยคในตาราง ครอู ธิบายเพ่มิ เติมวา่ must ใช้พูดถึงสงิ่ ท่ีตอ้ งทำเพราะเปน็ กฎระเบยี บ กฎหมาย
ขอ้ บงั คับ สว่ น mustn’t ใชเ้ พ่ือแสดงการหา้ ม ครยู กตวั อย่างประโยค เชน่
All passengers must wear seat belts. You mustn’t talk to your mother like that.
จากนนั้ นักเรียนกลบั ไปทบี่ ทอ่านเรอ่ื ง School of Fame อีกคร้งั เพ่ือหาตวั อย่างประโยคของ
must/mustn’t เสร็จแลว้ ครรู วบรวมคำตอบจากนักเรียนมาเขยี นบนกระดาน

… but they must also do all the normal school subjects…
Students must show their ID cards to enter the building…
… and must leave immediately after their last lesson of the day…
They must dress well…,
…must show respect to teachers and other students.
Students must not use mobile phones in class or download music from …,
… they must work hard

นกั เรยี นชว่ ยกนั วิเคราะห์โครงสรา้ งประโยค จนได้คำตอบวา่ must/mustn’t + base form
12. หนังสือเรยี น หนา้ 65 Ex. 4b นักเรียนอ่านป้ายสญั ลักษณท์ ใ่ี หม้ า ครอู ธิบายความหมายของคำศัพท์

ยาก เช่น keep off (อย่าเดนิ ไปบน...), silence (เงยี บ)
จากน้นั นักเรียนเตมิ must/mustn’t ลงในชอ่ งวา่ งในแต่ละประโยคใหถ้ ูกตอ้ งตามความหมายของป้าย
สญั ลักษณ์ เมอื่ นักเรียนทำเสร็จ ครตู รวจคำตอบพร้อมกนั กบั นักเรียน ครอู าจฝกึ ฝนเพ่ิมเตมิ


Click to View FlipBook Version