แผนการจัดการเรียนรู้ แบบมุ่งเน้นฐานสมรรถนะและบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง วิชา การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ๓๐๑๐๔-๒๐๐๔ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๖ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) พุทธศักราช ๒๕๖๓ ประเภทวิชา ช่างอุตสาหกรรม สาขาวิชาไฟฟ้า สาขางานไฟฟ้ากำลัง จัดทำโดย นายกฤษฎา อิ่นติ๊บ ตำแหน่ง พนักงานราชการ(ครู) วิทยาลัยการอาชีพปง สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
คำนำ เอกสารประกอบการสอนรายวิชาการเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์นี้ เป็นเอกสาร การเตรียมและวางแผนการสอนในรายวิชาการเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์รหัสวิชา 30104-2004 สำหรับสอนนักเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง(ปวส.) 2562 สาชาวิชาไฟฟ้ากำลัง สาขางานไฟฟ้า กำลัง วิทยาลัยเทคโนโลยีและการจัดการปง ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการศึกษาและเขียนแบบแปลนทางด้านโยธา เขียนแบบงานทางไฟฟ้าและสื่อสาร การอ่านแบบต่างๆ การใช้โปรแกรมสำเร็จรูปในการเขียนแบบไฟฟ้า และสื่อสารที่สอดคล้องกับงานทางด้านโยธา องค์ประกอบของแบบระบบไฟฟ้า การใช้งาน External Reference การ Plot โดยใช้ Layout การใช้ Visual LISP ในงานเขียนแบบ ผู้เขียนได้รวบรวมและจัดทำหลักสูตรรายวิชา ประกอบด้วย ลักษณะรายวิชา การแบ่งหน่วย บทเรียน และหัวข้อ จุดประสงค์การสอน และการประเมินผลรายวิชา พร้อมทั้งได้ทำกำหนดการสอนเพื่อเตรียมการสอน รายสัปดาห์ตลอดทั้ง 17 สัปดาห์(ยังไม่รวมสัปดาห์สอบปลายภาคเรียนอีก 1 สัปดาห์) และได้แบ่งแยกหน่วย ทั้งหมด 11 หน่วยดังนี้ หน่วยที่ 1 ความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในงานเขียนแบบ หน่วยที่ 2 การใช้งาน โปรแกรม AutoCAD เบื้องต้น หน่วยที่ 3 การเริมต้นเขียนแบบด้วยโปรแกรม AutoCAD หน่วยที่ 4 การใช้คำสั่ง พื้นฐานในการเขียนแบบ หน่วยที่ 5 การใช้คำสั่งเพื่อการแก้ไขและตกแต่งแบบแปลน หน่วยที่ 6 เทคนิค การใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน หน่วยที่ 7 การเขียนตัวอักษรและการแก้ไขข้อความ หน่วยที่ 8 การบอกขนาดให้กับแบบหรือชิ้นงาน หน่วยที่ 9 เทคนิคการเขียนแบบขั้นสูงด้วยโปรแกรมAutoCAD หน่วยที่ 10 การใช้เลย์เอาท์และการพิมพ์แบบแปลน หน่วยที่ 11 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและ แบบที่เกี่ยวข้อง แผนการเรียนรู้ฉบับนี้ ผู้จัดทำหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาการเขียน แบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างดี ทั้งต่อครูผู้ดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอน และต่อตัวนักเรียน เพื่อให้สามารถนำความรู้ไปใช้ในการบริการการเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างดี และเป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมสืบไป ทั้งนี้หากมีข้อเสนอแนะประการใด ผู้จัดทำยินดีน้อมรับไว้ เพื่อปรับปรุงแก้ไขในครั้งต่อไป (นายกฤษฎา อิ่นติ๊บ)
สารบัญ เรื่อง คำนำ สารบัญ ลักษณะรายวิชา การแบ่งหน่วย/บทเรียน/หัวข้อ การวัดและประเมินผลรายวิชา ตารางกำหนดน้ำหนักคะแนน สัปดาห์ที่ 1 หน่วยที่ 1 ความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในงานเขียนแบบ สัปดาห์ที่ 2 หน่วยที่ 2 การใช้งานโปรแกรม AutoCAD เบื้องต้น สัปดาห์ที่ 3 หน่วยที่ 3 การเริ่มต้นเขียนแบบด้วยโปรแกรม AutoCAD สัปดาห์ที่ 4 หน่วยที่ 4 การใช้คำสั่งพื้นฐานในงานเขียนแบบ สัปดาห์ที่ 5 หน่วยที่ 4 การใช้คำสั่งพื้นฐานในงานเขียนแบบ สัปดาห์ที่ 6 หน่วยที่ 4 การใช้คำสั่งพื้นฐานในงานเขียนแบบ สัปดาห์ที่ 7 หน่วยที่ 5 การใช้คำสั่งเพื่อแก้ไขและตกแต่งแบบแปลน สัปดาห์ที่ 8 หน่วยที่ 5 การใช้คำสั่งเพื่อแก้ไขและตกแต่งแบบแปลน สัปดาห์ที่ 9 หน่วยที่ 6 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน สัปดาห์ที่ 10 หน่วยที่ 6 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน สัปดาห์ที่ 11 หน่วยที่ 7 การเขียนตัวอักษรและการแก้ไขข้อความ สัปดาห์ที่ 12 หน่วยที่ 8 การบอกขนาดให้กับแบบหรือชิ้นงาน สัปดาห์ที่ 13 หน่วยที่ 9 เทคนิคการเขียนแบบขั้นสูงด้วยโปรแกรม AutoCAD สัปดาห์ที่ 14 หน่วยที่ 10 การใช้เลย์เอาท์และการพิมพ์แบบแปลน สัปดาห์ที่ 15 หน่วยที่ 11 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง สัปดาห์ที่ 16 หน่วยที่ 11 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง สัปดาห์ที่ 17 หน่วยที่ 11 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง
แผนการจัดการเรียนรู้ รหัสวิชา 30104-2004 วิชาเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์ จำนวน 3 หน่วยกิต จำนวน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง พุทธศักราช 2563 จุดประสงค์รายวิชา 1. เข้าใจหลักการและคำสั่งพื้นฐานของโปรแกรมเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์ 2. เขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์ 3. มีกิจนิสัยในการทำงานร่วมกับผู้อื่นด้วยความประณีต รอบคอบ และปลอดภัย สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับแบบต่าง ๆ ที่ใช้ในระบบไฟฟ้า 2. เขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์ 3. พิมพ์แบบตามอัตราส่วนมาตรฐาน คำอธิบายรายวิชา ศึกษาและเขียนแบบแปลนทางด้านโยธา เขียนแบบงานทางไฟฟ้าและสื่อสาร การอ่านแบบต่างๆ การใช้โปรแกรมสำเร็จรูปในการเขียนแบบไฟฟ้าและสื่อสารที่สอดคล้องกับงานทางด้านโยธา องค์ประกอบของ แบบระบบไฟฟ้า การใช้งาน External Reference การ Plot โดยใช้ Layout การใช้ Visual LISP ในงานเขียน แบบ
การแบ่งหน่วย / บทเรียน / หัวข้อ หน่วยที่ รายการ เวลา (คาบ) ทฤษฎี ปฏิบัติ 1 2 3 4 ความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในงานเขียนแบบ 1.1 การเชื่อมต่อฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ 1.2 โปรแกรมระบบปฏิบัติการ 1.3 การใช้งานระบบปฏิบัติการ windows 7 1.4 ส่วนประกอบของ windows 7 1.5 การปรับแต่งคุณสมบัติการแสดงผลทางจอภาพ 1.6 การควบคุมและการจัดการหน้าต่าง windows 7 1.7 การจัดการระบบแฟ้มข้อมูล ใบงานที่ 1 ความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในงานเขียนแบบ การใช้งานโปรแกรม AutoCAD เบื้องต้น 2.1 โปรแกรมเขียนแบบด้วยคอมพิวเตอร์ 2.2 การติดตั้งโปรแกรม AutoCAD 2.3 การเริ่มใช้งานโปรแกรม AutoCAD 2.4 ส่วนประกอบบนหน้าต่างของโปรแกรม AutoCAD 2.5 ฟังก์ชันคีย์ 2.6 การออกจากโปรแกรม AutoCAD 2.7 การจัดการไฟล์ข้อมูลของโปรแกรม AutoCAD 2.8 การตั้งค่าตัวเลือก 2.9 ระบบพิกัดโคออดิเนต ใบงานที่ 2 การใช้งานโปรแกรม AutoCAD เบื้องต้น การเริ่มต้นใช้งานเขียนแบบด้วยโปรแกรม AutoCAD 3.1 การกำหนดขนาดพื้นที่เขียนแบบด้วยคำสั่ง Limits 3.2 การตั้งค่าหน่วยวัดด้วยคำสั่ง Units 3.3 การตั้งค่า Grid, Snap, Ortho Mode 3.4 การกำหนดจำนวนชั้นของแบบแปลนด้วยคำสั่ง Layer 3.5 การใช้งาน Object Snap 3.6 การย่อ/ขยายด้วยคำสั่ง Zoom 3.7 การเลื่อนภาพด้วยคำสั่ง PAN ใบงานที่ 3 การเริ่มต้นใช้งานเขียนแบบด้วยโปรแกรม AutoCAD การใช้คำสั่งพื้นฐานในการเขียนแบบ 2 2 2 6 3 3 3 9
การแบ่งหน่วย / บทเรียน / หัวข้อ หน่วยที่ รายการ เวลา (คาบ) ทฤษฎี ปฏิบัติ 5 4.1 การเขียนเส้นตรงด้วยคำสั่ง Line 4.2 การเขียนเส้นร่างออกจากจุดที่กำหนดด้วยคำสั่ง Ray 4.3 การเขียนเส้นร่างออกจากจุดที่กำหนดด้วยคำสั่ง Construction Line 4.4 การเขียนเส้นคู่ขนานด้วยคำสั่ง Multiline 4.5 การเขียนเส้นตรงและเส้นโค้งด้วยคำสั่ง Polyline 4.6 การเขียนรูปหลายเหลี่ยมด้วยคำสั่ง Polygon 4.7 การเขียนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าด้วยคำสั่ง Rectangle 4.8 การเขียนเส้นโค้งด้วยคำสั่ง Arc 4.9 การเขียนวงกลมด้วยคำสั่ง Circle 4.10 การเขียนรูปขนมโดนัทด้วยคำสั่ง Donut 4.11 การเขียนเส้นโค้งต่อเนื่องด้วยคำสั่ง Spline 4.12 การเขียนวงรีด้วยคำสั่ง Ellipse 4.13 การเขียนจุดด้วยคำสั่ง Point ใบงานที่ 4.1 การเขียนโครงสร้างอาคารมุม 45 องศา ใบงานที่ 4.2 การเขียนเส้นโค้งบานประตูและบานหน้าต่าง ใบงานที่ 4.3 การใช้คำสั่งพื้นฐานในการเขียนแบบ การใช้คำสั่งเพื่อแก้ไขและตกแต่งแบบแปลน 5.1 การลบวัตถุด้วยคำสั่ง ERASE 5.2 การคัดลอกวัตถุด้วยคำสั่ง Copy 5.3 การคัดลอกวัตถุในลักษณะพลิกกลับด้วยคำสั่ง Mirror 5.4 การสร้างเส้นคู่ขนานด้วยคำสั่ง Offset 5.5 การคัดลอกวัตถุหลายชิ้นด้วยคำสั่ง Array 5.6 การเคลื่อนย้ายวัตถุด้วยคำสั่ง Move 5.7 การหมุนวัตถุด้วยคำสั่ง Rotate 5.8 การเปลี่ยนขนาดวัตถุด้วยคำสั่ง Scale 5.9 การดึงวัตถุให้ยืดหรือหดด้วยคำสั่ง Stretch 5.10 การเพิ่มหรือลดความยาวของเส้นด้วยคำสั่ง Lenghten 5.11 การตัดเส้นด้วยคำสั่ง Trim 5.12 การต่อเส้นด้วยคำสั่ง Extend 4 6
การแบ่งหน่วย / บทเรียน / หัวข้อ หน่วยที่ รายการ เวลา (คาบ) ทฤษฎี ปฏิบัติ 6 7 5.13 การตัดเส้นด้วยคำสั่ง Break 5.14 การสร้างมุมตัดด้วยคำสั่ง Chamfer 5.15 การสร้างมุมมนด้วย คำสั่ง Fillet 5.16 การระเบิดวัตถุด้วยคำสั่ง Explode 5.17 การใช้กริ๊บส์(Grips) ใบงานที่ 5.1 การใช้คำสั่งเพื่อแก้ไขและตกแต่งแบบแปลน ใบงานที่ 5.2 การใช้คำสั่งเพื่อแก้ไขและตกแต่งแบบแปลน เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน 6.1 การคัดลอกวัตถุแบบคู่ขนานด้วยคำสั่ง Offset 6.2 การคัดลอกวัตถุแบบกลับข้างด้วยคำสั่ง Mirror 6.3 การคัดลอกวัตถุแบบชุดด้วยคำสั่ง Array 6.4 การปรับแต่งวัตถุด้วยคำสั่ง Stretch 6.5 การแก้ไขเส้น Multiline ด้วยคำสั่ง Mledit 6.6 การแก้ไขเส้น Polyline ด้วยคำสั่ง Pedit 6.7 การใช้งาน Grips 6.8 การแก้ไขคุณสมบัติของวัตถุด้วยคำสั่ง properties 6.9 การแบ่งส่วนของวัตถุด้วยคำสั่ง Divide 6.10 การแบ่งส่วนของวัตถุด้วยคำสั่ง Measure 6.11 การย่อขยายชิ้นงานด้วยคำสั่ง Scale 6.12 การเติมลวดลายด้วยคำสั่ง Hatch ใบงานที่ 6.1 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน ใบงานที่ 6.2 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน การเขียนตัวอักษรและการแก้ไขข้อความ 7.1 การกำหนดรูปแบบตัวอักษร (Text Style) 7.2 การเขียนตัวอักษรแบบหลายบรรทัด (Multiline Text) 7.3 การเขียนตัวอักษรแบบบรรทัดเดียว (Single Line Text) 7.4 การเขียนสัญลักษณ์พิเศษ 7.5 การแก้ไขข้อความ ใบงานที่ 7 การเขียนตัวอักษรและการแก้ไขข้อความ 4 2 6 3
การแบ่งหน่วย / บทเรียน / หัวข้อ หน่วยที่ รายการ เวลา (คาบ) ทฤษฎี ปฏิบัติ 8 9 10 11 การบอกขนาดให้กับแบบหรือชิ้นงาน 8.1 ส่วนประกอบของการบอกขนาด 8.2 การเรียกใช้คำสั่งบอกขนาด 8.3 การกำหนดรูปแบบการบอกขนาดด้วยคำสั่ง DimStyle 8.4 การบอกขนาดแบบเชิงเส้นด้วยคำสั่ง DimLiniar 8.5 การบอก ขนาดแนวลาดเอียงด้วยคำสั่ง DimAligned 8.6 การบอกขนาดรัศมีด้วยคำสั่ง DimRadius 8.7 การบอกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางด้วยคำสั่ง DimDiameter 8.8 การบอกขนาดมุมด้วยคำสั่ง DimAngular 8.9 การบอกขนาดอ้างอิงจากเส้นฐานด้วยคำสั่ง DimBasline 8.10 การบอกขนาดต่อเนื่องแบบลูกโซ่ด้วยคำสั่ง DimContinue 8.11 การบอกขนาดและแก้ไขเส้นบอกขนาดด้วยคำสั่ง Quick Dimension ใบงานที่ 8 การบอกขนาดให้กับแบบหรือชิ้นงาน เทคนิคการเขียนแบบขั้นสูงด้วยโปรแกรม AutoCAD 9.1 การสร้างบล็อกเก็บอุปกรณ์ด้วยคำสั่ง Block 9.2 การสร้างบล็อกเก็บอุปกรณ์ด้วยคำสั่ง WBlock 9.3 การแทรกบล็อกและไฟล์ด้วยคำสั่ง Insert Block 9.4 การแทรกไฟล์แบบเชื่อมโยงด้วยคำสั่ง External Reference 9.5 ไฟล์ต้นแบบ 9.6 การเขียนโปรแกรม AutoLISP ใบงานที่ 9 เทคนิคการเขียนแบบขั้นสูงด้วยโปรแกรม AutoCAD การใช้เลย์เอาท์และการพิมพ์แบบแปลน 10.1 การใช้เลย์เอาท์ (Layout) 10.2 การตั้งค่าหน้ากระดาษ 10.3 การแสดงตัวอย่างพิมพ์ 10.4 การพิมพ์ทางเครื่องพิมพ์ 10.5 การพิมพ์เป็นแบบไฟล์ต่างๆ ใบงานที่ 10 การใช้เลย์เอาท์และการพิมพ์แบบแปลน การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง 2 2 2 6 3 3 3 9
การแบ่งหน่วย / บทเรียน / หัวข้อ หน่วยที่ รายการ เวลา (คาบ) ทฤษฎี ปฏิบัติ 11.1 การเขียนแบบสัญลักษณ์ทางไฟฟ้า 11.2 การเขียนแบบระบบควบคุมเครื่องกลไฟฟ้า 11.3 การเขียนแบบงานติดตั้งไฟฟ้าบ้านพักอาศัย ใบงานที่ 11.1 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่ เกี่ยวข้อง ใบงานที่ 11.2 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่ เกี่ยวข้อง ใบงานที่ 11.3 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่ เกี่ยวข้อง
การวัดและการประเมินผล รายวิชานี้แบ่งเป็น 11 หน่วย แยกได้11 บทเรียน การวัดและประเมินผลรายวิชาจะดำเนินการ ดังนี้ 1. วิธีการ ดำเนินการรวบรวมข้อมูลเพื่อการประเมินผลแยกเป็น 3 ส่วน โดย แบ่งแยกคะแนนแต่ละส่วนจากคะแนนเต็ม ทั้งรายวิชา 100 คะแนน 1. ผลงานที่มอบหมาย 60 คะแนน หรือ 60 % 2. พิจารณาจากจิตพิสัย ความตั้งใจ และการเข้าร่วมกิจกรรม 20 คะแนน หรือ 20 % 3. การทดสอบแต่ละหน่วยเรียน 20 คะแนน หรือ 20 % โดยจัดแบ่งน้ำหนักคะแนนในแต่ละหน่วย / บท 2. เกณฑ์ผ่านรายวิชา ผู้ที่จะผ่านรายวิชานี้จะต้อง 1. ทำผลงานที่มอบหมายได้ 30 คะแนน เป็นอย่างน้อยหรือร้อยละ 75 ของคะแนนผลงาน 2. มีเวลาเข้าห้องเรียนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทั้งหมด 3. ผลรวมของคะแนนทั้งหมดต้องไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 50 3. เกณฑ์ค่าระดับคะแนน 1. พิจารณาเกณฑ์ผ่านรายวิชาตามข้อ 2 ผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ข้อ 2 จะได้รับค่า ระดับคะแนน F หรือ 0 2. ผู้ที่ผ่านเกณฑ์ข้อ 2 จะได้รับค่าระดับคะแนนตามเกณฑ์ ดังนี้ คะแนนร้อยละ 80 ขึ้นไป ได้ A หรือ 4 คะแนนร้อยละ 75-79 ได้ B+ หรือ 3.5 คะแนนร้อยละ 70-74 ได้ B หรือ 3 คะแนนร้อยละ 65-69 ได้ C+ หรือ 2.5 คะแนนร้อยละ 60-64 ได้ C หรือ 2 คะแนนร้อยละ 55-59 ได้ D+ หรือ 1.5 คะแนนร้อยละ 50-54 ได้ D หรือ 1 คะแนนต่ำกว่าร้อยละ 50 ได้ F หรือ 0
ตารางกำหนดน้ำหนักคะแนน เลขที่หน่วย / บทที่ คะแนนรายหน่วย และน้ำหนักคะแนน ชื่อหน่วย / บทที่ คะแนนรายหน่วย / บทที่ น้ำหนักคะแนน พุทธพิสัย ทักษะพิสัย ความรู้-ความจำ ความเข้าใจ การนำไปใช้ สูงกว่า การเลียนแบบ การปฏิบัติถูกต้อง ความชำนาญ จิตพิสัย 1 ความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในงานเขียนแบบ 4 1 1 - - - 2 - - 2 การใช้งานโปรแกรม AutoCAD เบื้องต้น 5 - 1 - - - 2 - - 3 การเริ่มต้นเขียนแบบด้วยโปรแกรม AutoCAD 4 1 1 - - - 2 - - 4 การใช้คำสั่งพื้นฐานในการเขียนแบบ 4 1 1 - - - 4 - - 5 การใช้คำสั่งเพื่อแก้ไขและตกแต่งแบบแปลน 3 - 1 - - - 2 - - 6 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน 3 - 1 - - - 2 - - 7 การเขียนตัวอักษรและการแก้ไขข้อความ 4 1 1 - - - 2 - - 8 การบอกขนาดให้กับแบบหรือชิ้นงาน 5 1 1 - - - 3 - - 9 เทคนิคการเขียนแบบขั้นสูงด้วยโปรแกรม AutoCAD 6 1 1 - - - 4 - - 10 การใช้เลย์เอาท์และการพิมพ์แบบแปลน 4 1 1 - - - 2 - - 11 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง 4 - 1 - - - 3 - - รวม 60 10 14 - - - 36 ก คะแนนภาควิชาการ 20 ข คะแนนผลงาน 60 ค คะแนนจิตพิสัย 20 รวมทั้งสิ้น 100
ใบเตรียมการสอน สัปดาห์ที่ 1 วิชา การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์ ทฤษฏี 2 คาบ หน่วยที่ 1 ความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในงานเขียนแบบ ปฏิบัติ 3 คาบ ชื่อหน่วยเรียน หน่วยที่ 1 ความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในงานเขียนแบบ 1.1 การเชื่อมต่อฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์(แบบฝึกหัดข้อที่ 1, 2, 3) 1.2 โปรแกรมระบบปฏิบัติการ (แบบฝึกหัดข้อที่ 4) 1.3 การใช้งานระบบปฏิบัติการ windows 7 (แบบฝึกหัดข้อที่ 5) 1.4 ส่วนประกอบของ windows 7 (แบบฝึกหัดข้อที่ 7) 1.5 การปรับแต่งคุณสมบัติการแสดงผลทางจอภาพ 1.6 การควบคุมและการจัดการหน้าต่าง windows 7 (แบบฝึกหัดข้อที่ 9, 11, 14) 1.7 การจัดการระบบแฟ้มข้อมูล (แบบฝึกหัดข้อที่ 6, 8, 10, 12, 13) จุดประสงค์การสอน หน่วยที่ 1 แสดงความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในงานเขียนแบบ 1.1 เชื่อมต่อฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ได้ 1.2 ระบุความหมายของโปรแกรมระบบปฏิบัติการได้ 1.3 อธิบายขั้นตอนการใช้งานระบบปฏิบัติการ windows 7 1.3.1 อธิบายการเข้าใช้งาน windows 7 ได้ 1.3.2 อธิบายการออกจากระบบเพื่อเปลี่ยนผู้ใช้งานได้ 1.3.3 อธิบายการปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ 1.4 บอกส่วนประกอบของ windows 7 1.5 สามารถปรับแต่งคุณสมบัติการแสดงผลทางจอภาพได้ 1.6 สามารถควบคุมและการจัดการหน้าต่าง windows 7 ได้ 1.7 สามรถจัดการระบบแฟ้มข้อมูลต่างๆได้ ปฏิบัติใบงานที่ 1 ความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในงานเขียนแบบ แนวคิดสำคัญ การทบทวนความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนใช้โปรแกรมเขียนแบบ เรื่อง ที่จำเป็นอย่างยิ่ง เช่น รู้จักอุปกรณ์พ่วงต่อต่างๆ ที่จำเป็นต้องเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ ใช้คอมพิวเตอร์ได้ อย่างปลอดภัย และความรู้ความสามารถในการใช้ระบบปฏิบัติการ windows XP ตลอดนำความรู้ไป ประยุกต์ใช้ในอนาคต สมรรถนะย่อย แสดงความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในงานเขียนแบบ
ขั้นตอนกระบวนการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ MIAP กระบวนการสอนของครู กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน ขั้นการสอน(จุดประสงค์ที่ 1.1-1.7) 1. ขั้นนำ (Motivation) เวลา 5 นาที - นำเข้าสู่บทเรียน ด้วยปัญหาที่น่าสนใจ เป็น ปัญหาที่ผู้เรียนจะคิดหาคำตอบได้ 2. ขั้นศึกษาข้อมูล(Information)เวลา 115 นาที อธิบายเนื้อหา/สาธิต 1.การเชื่อมต่อฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ 2. โปรแกรมระบบปฏิบัติการ 3. การใช้งานระบบปฏิบัติการ windows 7 4. ส่วนประกอบของ windows 7 5. การปรับแต่งคุณสมบัติการแสดงผลทางจอภาพ 6. การควบคุมและการจัดการหน้าต่าง windows 7 7. การจัดการระบบแฟ้มข้อมูล 3.ขั้นพยายาม (Application) เวลา 160 นาที - ให้นักศึกษาศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากตำรา หน่วยที่ 1 ความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ใน งานเขียนแบบ - ให้นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงาน ที่ 1 ความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในงานเขียน แบบ 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) เวลา 20 นาที - ตรวจสอบการปฏิบัติงานเพื่อให้คะแนน - ตอบคำถามที่ผู้เรียนสงสัย ขั้นตอนการเรียน 1. ขั้นนำ (Motivation) - รับฟังและถามตอบก่อนเข้าสู่บทเรียน 2. ขั้นศึกษาข้อมูล( Information) - รับฟังครูอธิบายแต่ละหัวข้อ และสอบถามหาก สงสัยข้อใดข้อหนึ่ง 3.ขั้นพยายาม (Application) - อ่านทบทวนเนื้อหาอย่างละเอียดจากจากจากตำรา หน่วยที่ 1 ความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในงาน เขียนแบบ - นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงานที่ 1 ความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในงานเขียนแบบ 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) - ส่งงานการปฏิบัติใบงานที่ 1 - ถามคำถามที่ผู้เรียนสงสัย เนื้อหาบทเรียน หน่วยที่ 1 ความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในงานเขียนแบบ 1.1 การเชื่อมต่อสายฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ การเชื่อมต่อสายฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ เป็นการเชื่อมต่อส่วนต่างๆ ที่อยู่ภายนอก เพื่อให้ครบตาม องค์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ และผู้ใช้สามารถใช้งานได้ดีซึ่งประกอบไปด้วย ชุดซีพียู ( CPU Set) จอภาพ (Monitor) คีย์บอร์ด (Keyboard) และเมาส์ (Mouse)
1.2 โปรแกรมระบบปฏิบัติการ โปรแกรมระบบปฏิบัติการ เป็นโปรแกรมหลักที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง ปัจจุบันมี โปรแกรมระบบปฏิบัติการอยู่หลายค่าย เช่น ไมโครซอฟต์ (Microsoft) ยูนิกซ์ (Unix) เป็นต้น แต่ในบทนี้จะ กล่าวเฉพาะระบบปฏิบัติการของค่ายไมโครซอฟต์เท่านั้น ซึ่งมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องโดยเริ่มจาก ระบบปฏิบัติการ MS DOS, MS Windows, Windows 3.0, Windows 95, MS Windows 98, MS Windows ME, MS Windows NT, MS Windows 2000, MS Windows 2003, MS Windows XP, MS Windows Vista, MS Windows 7 และรุ่นอื่นๆในอนาคต สำหรับความรู้ที่จะได้รับจากบทนี้ จะกล่าวเฉพาะ หัวข้อที่สำคัญๆของการใช้โปรแกรมระบบปฏิบัติการ Windows 7 สำหรับผู้เริ่มต้นเท่านั้น เช่น การใช้งาน ระบบปฏิบัติการ Windows 7 ส่วนประกอบของการปรับแต่งคุณสมบัติการแสดงผลทางจอภาพ การควบคุม และการจัดการหน้าต่างการจัดการระบบแฟ้มข้อมูลด้วย Windows 7 เป็นต้น 1.3 การใช้งานระบบปฏิบัติการ windows 7 การใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows 7 สิ่งที่ควรเรียนรู้ขั้นต้น ได้แก่ การเข้าใช้งาน (Log On) การ ออกจากระบบ (Log Off) และการปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ (Turn Off Computer) ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 1.3.1 การเข้าใช้งาน Windows 7 (Log On) การ Log On นั้นอาจจะมีบางเครื่องที่มีการตั้งระบบ Log On และมีผู้ใช้หลายคนหรือเพื่อ เพิ่มความเป็นส่วนตัวและระบบรักษาความปลอดภัยเอาไว้ ส่วนของการ Log On มีสองส่วนที่ต้อรู้ ส่วนแรก คือ User Name หรือ User Account หมายถึงชื่อผู้ใช้ และส่วนที่สองคือ Password หมายถึงรหัสผ่าน นั่น คือถ้าป้อนค่าใดค่าหนึ่งไม่ถูกต้องก็ไม่สามารถเข้าใช้งาน Windows 7 ได้เลย เพื่อความปลอดภัยและความ เป็นส่วนตัวในการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ ดังนั้นหากเครื่องของท่านมีระบบการตั้ง Log On เอาไว้ จำเป็นอย่าง ยิ่งที่จะต้องจำ User Name และ Password เอาไว้ ขั้นตอนการ Log On เมื่อเปิดเครื่องและโปรแกรมวินโดว์เริ่มทำงานซึ่งเรียกว่าการบูท และเมื่อการบูทเครื่องเสร็จ สิ้น ก็จะเข้าสู่หน้าจอแรกของวินโดว์ เรียกว่าหน้า Log On ดังแสดงในรูปที่ 1.2 ในที่นี้ต้องการ Log On ใน ชื่อผู้ใช้ “Nipon” รหัสผ่าน “1234” ซึ่งขณะป้อนจะเป็นเครื่องหมาย “****” เพื่อป้องกันคนอื่นอ่านค่าได้ โดยมีขั้นตอนต่อไปนี้ 1. คลิกที่รูปไอคอน หรือ User Account ดังหมายเลข 1 2. ถ้ามีช่องรหัสผ่านดังหมายเลข2 ปรากฏขึ้นมาให้ป้อนรหัสผ่านให้ถูกต้อง 3. คลิกปุ่มหมายเลข 3 หรือกด Enter เพื่อเข้าใช้งาน Windows XP 1.3.2 การออกจากระบบเพื่อเปลี่ยนชื่อผู้ใช้ (Log Off) การออกจากระบบมักจะใช้ในกรณีมีผู้ใช้ (User) มากกว่าหนึ่ง เพื่อความเข้าใจ ให้ดูขั้นตอน การ Log Off ในรูปที่ 1.3 และขั้นตอนการออกจากระบฐ ขั้นตอนการออกจากระบบ (1) คลิกปุ่ม Start (2) คลิก Log Off
(3) คลิกปุ่ม log Off จากจอ Log Off Windows จากนั้น Windows ก็จะออกจากระบบและกลับไป รอเข้าระบบใหม่อีกครั้ง (4) ให้ Log On โดย User Account ที่ต้องการและให้ปฏิบัติตามขั้นตอนในหัวข้อที่ 1.1 (5) ปุ่ม Switch User ใช้เพื่อสลับ User โดยโปรแกรมจะไม่ออกจากระบบ แต่จะสิ้นเปลือง หน่วยความจำ นั่นคือถ้ามีหลาย User ที่เข้าใช้ Windows ก็จะทำให้เครื่องทำงานได้ช้าลง 1.3.3 การปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ (Turn Off Computer) การปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเลิกใช้งาน ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนการปิดเครื่อง (1) คลิกปุ่ม Start (2) คลิกปุ่ม Turn Off Computer (3) จะปรากฏหน้าจอ Turn Off Computer ซึ่งสามารถเลิกปิดเครื่องได้ 3 วิธีHibrnate คือ การปิด เครื่องคอมพิวเตอร์ โดยระบบจะเก็บสภาพแวดล้อมการทำงานไว้ และเมื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ครั้งต่อไป ระบบจะทำงานตามสภาพแวดล้อมเดิมก่อนปิดเครื่อง Turn Off คือ การปิดโปรแกรมทั้งหมดและปิดเครื่อง คอมพิวเตอร์Restart คือ การปิดโปรแกรมทั้งหมดและเริ่มต้นกระบวนการทำงานของเครื่องใหม่ (4) เมื่อปรากฏคำว่า It’s now safe to turn off your computer. จึงกดปุ่ม Power ปิดเครื่องและ ปิดจอคอมพิวเตอร์ แต่เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆจะทำการปิดตัวเองโดยไม่ต้องกดปุ่ม Power 1.4 ส่วนประกอบของ windows 7 ส่วนประกอบของ Windows 7 ซึ่งประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังแสดงในรูปที่1.5 โดยมีชื่อเรียก ตามลำดับหมายเลขดังต่อไปนี้ 1.4.1 เดกส์ทอป เดกส์ทอป (Desktop) คือ บริเวณพื้นที่หรือฉากของระบบปฏิบัติการ Windows เปรียบเสมือนส่วนบนของโต๊ะทำงาน ซึ่งบริเวณนี้เป็นส่วนแสดงไปคอนหรือ Windows ที่เปิดทำงาน และเป็น ส่วนที่ติดต่อกับผู้ใช้โดยตรง ซึ่งแสดงผลให้สามารถรับรู้ได้ และผู้ใช้สามารถโต้ตอบการทำงานได้ 1.4.2 ไอคอน ไอคอน (Icon) คือ สัญลักษณ์หรือรูปที่ใช้แทนโปรแกรมต่างๆ ที่ให้มากับโปรแกรมหรือ เจ้าของเครื่องแต่ละเครื่องสร้างขึ้นมา หรือกำหนดให้ปรากฏไอคอนบนหน้าจอ ไอคอนจะทำให้เราจำ โปรแกรมได้ง่าย และสามารถเรียกให้โปรแกรมใช้งานได้จากไอคอนได้ทันที Windows 7 จะมีไอคอน มาตรฐานปรากฎบนเดกส์ทอป ดังตารางที่ 1.1 ตารางที่ 1.1 ไอคอนมาตรฐานที่มากับ Windows XP ชื่อไอคอน สัญลักษณ์ คำอธิบาย 1. My Computer เป็นที่เก็บรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2. My Documents เป็นไอคอนที่เก็บไฟล์เอกสารที่สร้างขึ้นมาด้วยโปรแกรมต่างๆ
3. My Network Places จัดการเกี่ยวกับเครือข่าย Network ในกรณีที่เครื่อง คอมพิวเตอร์ได้เชื่อมต่อเป็น Network 4. Internet Explorer เป็นโปรแกรมบราวเซอร์ แถมฟรีมากับ Windows XP ไว้ดู ข้อมูลในอินเทอร์เน็ต 5. Recycle Bin เป็นถังขยะเก็บไฟล์ที่ถูกลบ 1.4.3 แถบงาน แถบงาน (Taskbar) เป็นแถบแสดง Start Menu และหากมีโปรแกรมเปิดใช้งานอยู่ จะแสดง แถบชื่อโปรแกรมให้เห็นที่ Taskbar หากต้องการใช้งานโปรแกรมใดให้คลิกที่แถบชื่อโปรแกรมนั้น และถ้ามี การปิดโปรแกรมที่ใช้งานอยู่ แถบของโปรแกรมนั้นก็จะหายไปจาก Taskbar ซึ่งมีชื่อเรียกส่วนต่างๆ ดังนี้ 1. เมนูสตาร์ท (Start Menu) เป็นปุ่มสำหรับเรียกเมนูหลักของระบบปฏิบัติการ Windows 7 ซึ่งจะ ประกอบด้วยเมนู สำหรับเปิดเมนูย่อยหรือเรียกให้โปรแกรมของระบบ Windows 7 เมนูย่อย สำหรับเปิดเมนู ย่อยหรือเรียกใช้โปรแกรมต่างๆที่ติดตั้งไว้ 2. แถบชื่อโปรแกรม (Program Name) เป็นส่วนของ Taskbar ที่ใช้แสดงชื่อโปรแกรมที่เปิดใช้งานอยู่ 3. ซิสเต็ม เทรย์ (System Tray) เป็นส่วนแสดงเวลาและไอคอนของโปรแกรมหรืออุปกรณ์บางตัวที่ กำลังทำงานอยู่ 1.4.4 ชื่อผู้ใช้ ชื่อผู้ใช้ (User Account) เป็นส่วนแสดงไอคอนและชื่อผู้ใช้ปัจจุบัน 1.4.5 โปรแกรมที่เรียกใช้งานบ่อย โดยทั่วไปจะถูกกำหนดให้แสดงแค่ 6 โปรแกรม แต่เราสามารถกำหนดให้แสดงได้น้อยกว่า หรือมากกว่าก็ได้ โดยการคลิกเมาส์ปุ่มขวาบน Taskbar เลือกคลิก Properties คลิกที่เมนูแท็ป Start Menu คลิกปุ่ม Customize… คลิกเมนูแท็ป General จากนั้นแก้ไขตัวเลขตามความต้องการ 1.4.6 เมนู All Programs เป็นเมนูที่ใช้ในการเรียกโปรแกรมต่างๆขึ้นมาใช้งาน ที่อยู่ในเครื่อง โดยคลิกที่ปุ่ม Start แล้ว เลื่อนเมาส์ไปที่ All Program จะปรากฏโปรแกรมที่มีอยู่ในเครื่อง 1.4.7 ทูลส์ทิป ทูลส์ทิป (Tool tip) เป็นข้อความสั้นๆอยู่ในกรอบสีเหลือง ใช้อธิบายโปรแกรม โดยจะแสดง ข้อความเมื่อเลื่อนเมาส์ไปที่ไอคอนหรือชื่อโปรแกรม 1.4.8 ปุ่ม Log Off และปุ่ม Turn Off Computer 1. ปุ่ม Log Off ใช้เมื่อต้องการเปลี่ยน User Account รายใหม่หรือสลับ User Account 2. ปุ่ม Turn Off Computer ใช้เมื่อต้องการออกจาก Windows XP หรือเลิกใช้งานเครื่อง คอมพิวเตอร์
1.5 การปรับแต่งคุณสมบัติการแสดงผลทางจอภาพ การปรับแต่งการแสดงผลทางจอภาพของ Windows XP เป็นการปรับสภาพแวดล้อมของการแสดงผล ให้เหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งมีส่วนของการปรับแต่งหลายส่วนด้วยกัน เช่น การปรับแต่งเดกส์ทอป, Screen Server, Appearance, การตั้งค่าความละเอียดและสี (Setting) นอกจากนี้ Windows 7 ได้จัดเตรียม Themes เป็นชุดปรับแต่งอัตโนมัติไว้ให้เพื่อความสะดวกในการปรับแต่ง 1.5.1 ขั้นตอนการปรับแต่งคุณสมบัติการแสดงผลทางจอภาพ 1. คลิกขวาบนเดกส์ทอป ให้คลิกตรงพื้นที่เดสก์ทอปที่ว่างเท่านั้น 2. เลือก คลิก Properties จากนั้นจะปรากฏหน้าจอ Display Properties 3. จากนั้นจะปรากฏไดล็อกบอกซ์ Display Properties ให้เลือกเมนูแท็ปต่างๆตามที่ต้องการ ซึ่งในขั้นตอนต่อไปจะกล่าวเฉพาะการตั้งค่าความละเอียดของการแสดงผล การตั้งค่าสีและค่าความถี่เท่านั้น ทั้งนี้เพื่อให้ค่าเหมาะสมกับขนาด ชนิดของจอภาพและโปรแกรมที่ใช้งาน (1) การตั้งค่าความละเอียดของจอภาพมีขั้นตอนดังนี้ (ก) จากหน้าต่าง Display Properties ให้คลิกเมนูแท็ป Setting (หมายเลข 4) (ข) เลือกความละเอียดของหน้าจอ ตามหมายเลข 5 ตามความเหมาะสม เช่น เลือก 1024x768 Pixels เป็นต้น (ค) คลิกปุ่ม OK (หมายเลข 7) เมื่อตั้งค่าเสร็จสิ้น (2) การตั้งค่าคุณสมบัติของสี ให้ดูรูปที่ 1.8 ประกอบ (ก) จากหน้าต่าง Display Properties ให้คลิกเมนูแท็ป Setting (หมายเลข 4) (ข) เลือกสีที่อยู่ภายใต้กรอบ Color quality คลิกปุ่ม Drop down List (หมายเลข 6) จากนั้นเลือกคุณสมบัติสีที่ต้องการ เช่น Highest (32 bit) ซึ่งให้ค่าความละเอียดของสีสูงสุดในขณะนี้ (ค) คลิกปุ่ม OK (หมายเลข 7) เมื่อตั้งค่าเสร็จสิ้น (ง) เมื่อตั้งค่าต่างๆได้ตามต้องการแล้วให้คลิกปุ่ม OK (หมายเลข 7) 1.6 การควบคุมและการจัดการหน้าต่าง windows XP หน้าต่าง คือ ส่วนที่ใช้ควบคุมการแสดงผลของโปรแกรมใดๆที่ถูกเรียกขึ้นมาใช้งาน เช่น หน้าต่างของ My Computer, My Document, โปรแกรม Paint, Calculator, Notepad เป็นต้น ซึ่งมีมาตรฐานเดียวกัน ทั้งหมด ที่เป็นโปรแกรมที่ทำงานภายใต้โปรแกรมระบบปฏิบัติการ Windows 1.6.1 ส่วนประกอบหน้าต่างของโปรแกรม โปรแกรมต่างๆ ที่ทำงานภายใต้ Windows 7 จะมีหน้าต่างมาตรฐานของโปรแกรมที่ เหมือนกันในที่นี้ขอยกตัวอย่างหน้าต่างของ My Computer จากเดกส์ทอป กดดับเบิลคลิกบนไอคอน My Computer ก็จะปรากฏหน้าต่างขึ้นมา ให้ศึกษารายละเอียดส่วนประกอบของหน้าต่างตามลำดับหมายเลขที่ กำหนด ดังนี้ 1. ไตเติลบาร์ (Title bar) แสดงชื่อของโปรแกรมที่ใช้งานอยู่ 2. ปุ่มปิดโปรแกรม (Close) ใช้ในการปิดโปรแกรม
3. ปุ่มแมกซิไมซ์/รีสโตร์ (Maximize/Restore) ปุ่มทั้งสองนี้จะสลับกันแสดง ปุ่ม Maximize ขยาย หน้าต่างให้เต็มจอ ปุ่ม Restore คืนรูปหน้าต่างเดิม 4. ปุ่มมินิไมซ์ (Maximize) ปุ่มลดขนาดหน้าต่างหรือปิดหน้าต่าง 5. เมนูบาร์ (Menu Bar) แสดงเมนูของโปรแกรมที่ใช้ในการเลือกคำสั่ง 6. แถบเครื่องมือ (Toolbar) เป็นไอคอนหรือรูปภาพเล็กๆแทนคำสั่งใช้งานต่างๆ 7. แถบตำแหน่ง (Address bar) แสดงตำแหน่ง ณ ขณะนั้น 8. ไอคอน (Icon) รูปสัญลักษณ์ที่ใช้ในการเรียกโปรแกรม 9. แถบสถานะ (Status Bar) แสดงสถานการณ์ทำงาน 10. แถบเลื่อน (Scroll Bar) ใช้ในการเลื่อนหน้าจอไปทางซ้าย ขวา ขึ้นลงตามทิศทางลูกศร 11. แสดงรายละเอียดของไปคอนหมายเลข 8 12. เมนูลัด (Short Cut Menu) ใช้เรียกโปรแกรมกลุ่ม System Task และกลุ่ม Other Places 1.6.2 การจัดการหน้าต่าง (Windows Management) การจัดการหน้าต่าง เป็นสิ่งที่ต้องใช้บ่อยมากในขณะใช้งานโปรแกรม Windows หรือ โปรแกรมอื่นๆ ที่ทำงานภายใต้Windows ในการจัดการที่ควรทราบประกอบด้วย การเปิด-ปิด การย่อ-ขยาย และการย้าย-การสลับหน้าต่าง ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการทำงานหรือใช้โปรแกรมซึ่งมีวิธีการดังนี้ 1. การปรับขนาดหน้าต่าง เลื่อนเมาส์ไปยังขอบหน้าต่าง ตัวชี้เมาส์จะเปลี่ยนเป็นรูปอื่นๆ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งชี้เมาส์ คลิกเมาส์ค้างไว้แล้วลาก จะเห็นได้ว่าหน้าต่างจะเปลี่ยนขนาด ไปเมื่อได้ขนาดที่ต้องการแล้วให้ปล่อยเมาส์ 2. ย่อหน้าต่างที่เปิดอยู่ให้ใหญ่เล็กคลิกปุ่ม บนด้านขวามือของ Titlebar 3. การขยายหน้าต่างให้ใหญ่ที่สุดคลิกปุ่ม บนด้านขวามือของ Titlebar ถ้าหน้าต่างมีขนาด ใหญ่สุดอยู่แล้วด้านบนขวามือของ Titlebar จะมีปุ่มแทนปุ่ม 4. การคืนรูปหน้าต่าง คลิกที่ปุ่ม บนด้านขวามือของ Titlebar ถ้าขนาดหน้าต่างไม่ได้มีขนาด ใหญ่ที่สุดแล้วด้านบนขวามือของ Titlebar จะมีปุ่มแทนปุ่ม 5. การย้ายหน้าต่าง (Move) ชี้เมาส์ไปที่Titlebar คลิกเมาส์ค้างไว้แล้ว ลากเมาส์ไปยัง ตำแหน่งของหน้าจอที่ต้องการเคลื่อนย้าย หลังจากนั้นปล่อยเมาส์ในตำแหน่งที่ต้องการ 6. การสลับระหว่างหน้าต่างที่กำลังเรียกใช้คลิกปุ่มโปรแกรมบน Taskbar ถ้าไม่สามารถ มองเห็น Taskbar ให้ชี้ไปที่พื้นที่ของหน้าจอบริเวณตำแหน่งของ Taskbar ตัวอย่างเช่น ถ้า Taskbar อยู่ตำแหน่งล่างสุดของหน้าจอ ให้คลิกไปที่โปรแกรมนั้นหรือจะใช้วิธีลัดโดย กดคีย์บอร์ด Alt+Tab ใช้เมาส์หรือกดแป้น Alt ค้างไว้แล้วกดแป้น Tab เลือกโปรแกรมที่ ต้องการ 1.7 การจัดการระบบแฟ้มข้อมูล การจัดการระบบแฟ้มข้อมูลหรือที่เรียกว่า การจัดการไฟล์และโฟลเดอร์ เป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะต้อง เรียนรู้เพื่อให้สามารถจัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้ เช่น การสร้าง การเลือก การสำเนา การเคลื่อนย้ายไฟล์และ โฟลเดอร์ เป็นต้น ซึ่งมีหัวข้อการเรียนรู้ดังนี้
1.7.1 ไฟล์และโฟลเดอร์ ไฟล์และโฟลเดอร์ เหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไร ในหัวข้อนี้ได้กล่าวแยกไว้เป็นหัวข้อดังนี้ 1. ไฟล์ (File) คือ หน่วยที่เล็กที่สุดในการเก็บข้อมูลชองวินโดว์ ที่ใช้สำหรับอ้างอิงข้อมูลหรือ โปรแกรมที่เก็บบันทึกลงดิสก์ ปกติการอ้างอิงไฟล์จะทำโดยผ่านชื่อไฟล์และตามจุดนามสกุลของ โปรแกรมที่ถูกสร้างขึ้น จำนวนของไฟล์จะขึ้นอยู่กับขนาดของไฟล์และดิสก์ ซึ่งปกติดถ้าดิสก์มี ขนาดใหญ่มากจะสามารถเก็บไฟล์ได้จำนวนมาก ตารางที่ 1.2 ตัวอย่างไฟล์ที่ควรรู้จัก ชื่อไฟล์ ชนิดของไฟล์ Readme.TXT ไฟล์ตัวอักษร Calc.EXE ไฟล์โปรแกรมประยุกต์ Doc1.DOC ไฟล์ MS Word Book1.XLS ไฟล์ MS Excel Drawing.DWG ไฟล์ AutoCAD 2. โฟลเดอร์ (Folder) เปรียบเสมือนแฟ้มเอกสารที่ใช้แบ่งไฟล์ออกเป็นหมวดหมู่ เพื่อความสะดวกใน การค้นหาไฟล์ภายในโฟลเดอร์สามารถสร้างโฟลเดอร์ย่อยเพื่อแบ่งกลุ่มไฟล์ย่อยๆลงไปได้อีก 3. การตั้งชื่อไฟล์หรือโฟลเดอร์ ชื่อที่ตั้งสามารถมีอักขระได้มากสุด 255 อักขระรวมถึงช่องว่างด้วย แต่ห้ามใช้อักขระต่อไปนี้ คือ \ / : * ? “ < > | ซึ่ง Windows จะไม่อนุญาตให้ตั้งชื่อ 1.7.2 โปรแกรม Windows Explorer เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับจัดระบบแฟ้มข้อมูล ที่มาพร้อมกับ Windows XP 1. การเรียกใช้โปรแกรม Windows Explorer มี 2 วิธี คือ วิธีที่ 1 คลิกปุ่ม Start > All Program > Accessories > Windows Explorer วิธีที่ 2 นำเมาส์ไปชี้ที่ปุ่ม Start คลิกเมาส์ขวาจะปรากฏเมนูย่อยขึ้นมา แล้วคลิก Explorer 2. ส่วนประกอบของ Windows Explorer ดังแสดงในรูปที่ 1.12 ตามลำดับหมายเลข 1-4 (1) แถบเมนู (Menu Bar) ส่วนในการเลือกคำสั่งของโปรแกรม (2) กล่องเครื่องมือ (Tool Box) ทำหน้าที่เก็บเครื่องมือ โดยเครื่องมือจะมีไอคอนที่เป็น รูปภาพเพื่อให้จำได้ง่าย และทำให้การเรียกใช้งานได้สะดวกขึ้น (3) ส่วนแสดงโครงสร้างสารบบแฟ้มข้อมูล (Directory) เป็นส่วนที่แสดงโครงสร้าง โฟลเดอร์ที่จัดไว้ในระบบ (4) ส่วนแสดงราบชื่อไฟล์ (File List) เป็นส่วนที่แสดงรายชื่อไฟล์และโฟลเดอร์ย่อย (ถ้ามี) ของโฟลเดอร์ที่เลือกไว้ในส่วนแสดงโครงสร้างขณะนั้น
1.7.3 การสร้างโฟลเดอร์ เมื่อต้องการสร้างโฟลเดอร์ภายในดิสก์ สามารถทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้ 1. ให้คลิกที่ตัวอักษรแทน Drive ที่ต้องการสร้างดิสก์ เช่น C:\ (ในกรณีที่ต้องการสร้าง โฟลเดอร์อื่นๆให้คลิกที่ชื่อโฟลเดอร์ที่ต้องการสร้างโฟลเดอร์ย่อยภายใน) 2. คลิกที่เมนู File > New > Folder และเลื่อนเมาส์มาบริเวณคำสั่ง New จะปรากฎเมนู ย่อยขึ้นทางด้านขวาให้คลิกคำสั่ง Folder 3. โฟลเดอร์ชื่อ New Folder ปรากฏขึ้นมาดังรูปที่ ที่หน้าต่าง View ให้พิมพ์ชื่อโฟลเดอร์ที่ ต้องการ และกดปุ่ม Enter ตัวอย่าง การสร้างโฟลเดอร์ ต้องการสร้างโฟลเดอร์ชื่อ My Folder เก็บไว้ที่ Drive C:\ 1. จากโปรแกรม Windows Explorer ให้คลิกที่ Drive C:\ 2. คลิกเมนู File > New > Folder 3. พิมพ์ชื่อโฟลเดอร์ ชื่อ My Folder ในกรอบสี่เหลี่ยม 4. กด Enter ก็จะได้โฟลเดอร์ที่สร้างเสร็จสิ้น 1.7.4 การเลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์ การเลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์ เป็นการเลือกเพื่อการจัดการไฟล์หรือโฟลเดอร์ เช่น ทำสำเนา ลบทิ้ง เป็นต้น รูปแบบของการเลือกไฟล์ใน Windows 7 มีหลายรูปแบบด้วยกัน ทั้งนี้ก็เพื่ออำนวยความ สะดวกในการจัดการ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ 1. การเลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์เดียวทำได้โดยการคลิกเมาส์บนไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการ เลือก 2. การเลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่เรียงอยู่ติดกันเป็นการเลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์พร้อมกัน หลายๆไฟล์ที่วางเรียงติดกันตลอด 3. การเลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ไม่อยู่ติดกันเป็นการเลือกไฟล์หลายๆไฟล์ ที่ไม่ได้วางเรียง ติดกัน การเลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์ทั้งหมด (Select All) เป็นการเลือกไฟล์ทุกไฟล์ที่อยู่ในส่วนแสดงชื่อไฟล์และ โฟลเดอร์ การเลือกทำได้โดยการคลิก Edit > Select All หรือกดแป้นพิมพ์Ctrl ค้างไว้แล้วกด A ดังรูปที่ 1.18 1.7.5 การเปลี่ยนชื่อไฟล์หรือโฟลเดอร์ (Rename) เมื่อต้องการเปลี่ยนชื่อไฟล์ตั้งมั่นใจว่าไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการเปลี่ยนชื่อยังไม่ได้ถูกเรียกใช้ งาน เป็นการแสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงชื่อโฟลเดอร์จาก My Folder เป็นชื่อใหม่คือ My Data ที่อยู่ในไดร์ฟ C:\ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนในการปฏิบัติ (1) เข้าไปยังตำแหน่งที่ไฟล์หรือโฟลเดอร์อยู่ในที่นี้คือไดร์ฟ C:\ (2) คลิกเมาส์ขวาบนโฟลเดอร์ที่ต้องการเปลี่ยนชื่อคือ My Folder (3) เลือกคำสั่ง Rename แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น My Data แล้วกด Enter (4) จะได้ชื่อโฟลเดอร์ชื่อใหม่ คือ My Data
1.7.6 การลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ (Delete) บางครั้งไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่มีอยู่ในเครื่องอาจจะไม่ต้องการใช้อีกต่อไป ก็ควรลบออกไปจาก เครื่อง โดยไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ถูกลบจะถูกจัดเก็บไว้ใน Recycle Bin ซึ่งมีขั้นตอนการลบ 1. เลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการลบ ตามหมายเลข 1 2. กด Delete 3. จะมีหน้าจอคำยืนยันในการลบ ให้คลิกปุ่ม Yes เมื่อต้องการลบ 4. หลังจากโฟลเดอร์ถูกลบออกไปแล้วก็จะเหลือไว้เฉพาะโฟลเดอร์ชื่อ ไฟฟ้า 1.7.7 การสำเนาไฟล์หรือโฟลเดอร์ (Copy) การสำเนาไฟล์หรือโฟลเดอร์คือการคัดลอกหรือย้ายข้อมูลจากต้นทางไปยังปลายทางโดยไม่ ลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ต้นทางออกจากเครื่อง สมมติ ต้องการสำเนาโฟลเดอร์ชื่อ My Picture และ My Videos ซึ่งอยู่ในโฟลเดอร์ My Documents ไปเก็บไว้ใน C:\My Data ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 1. เข้าไปยังโฟลเดอร์ My Documents 2. เลือกโฟลเดอร์ My Picture และ My Videos 3. คลิก Edit > Copy > หรือ กด Ctrl + C 4. ไปยัง C:\My Data 5. คลิกบนพื้นที่สำหรับวางไฟล์หรือโฟลเดอร์ 6. คลิก Edit > Past หรือกด Ctrl + V 7. จะได้โฟลเดอร์ชื่อ My Picture และ My Videos มาเก็บไว้ใน C:\My Data
วิธีสอน และ กิจกรรม - นำเสนอด้วยเพาเวอร์พอยต์ / สาธิต - ถามตอบ - แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 1 - ใบงานที่ 1 สื่อการสอน หนังสือ อ้างอิง นิพนธ์ บุญสกันต์. 2558. การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี, ศูนย์หนังสือ เมืองไทย. เอกสาร ประกอบ - แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 1 - ใบงานที่ 1 วัสดุโสต ทัศน์ - ไวท์บอร์ด - โปรเจคเตอร์ งานที่ มอบหมาย -ศึกษาตำรา - ทำแบบฝึกหัดหน่วยที่ 1 - ปฏิบัติใบงานที่ 1 การวัดผล การวัดผลในหน่วยที่ 1 เครื่องทำความเย็นและปรับอากาศ มีเกณฑ์การให้คะแนนดังนี้ - นักเรียนมีความรู้ความจำ เรื่องความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในงานเขียนแบบ 1 คะแนน - นักเรียนมีความเข้าใจในเรื่องความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในงานเขียนแบบ 1 คะแนน - นักเรียนสามารถปฏิบัติใบงานที่ 1 ความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในงานเขียนแบบ 2 คะแนน หมายเหตุ :
ความสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ 3 ห่วง 1. ความพอประมาณ -เตรียมอุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยอย่างเหมาะสม 2. มีเหตุผล - ความปลอดภัยในการเรียนในรายวิชา 3. มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี - ป้องกันอุบัติเหตุในงานได้ 1. เงื่อนไขความรู้ (รอบรู้, รอบคอบ, ระมัดระวัง) 2 เงื่อนไข - ปฏิบัติตามกฎของโรงงานได้อย่างเคร่งครัด - บอกวิธีการป้องกันอุบัติเหตุในงานได - อธิบายถึงความสำคัญของความปลอดภัย ในการปฏิบัติงานได้ 2. เงื่อนไขคุณธรรม - มีความรับผิดชอบ - มีความคิดสร้างสรรค์ 1. มิติด้านเศรษฐกิจ 4 มิติ - ใช้อุปกรณ์ วัสดุ ในการเรียนการสอนอย่างประหยัด คุ้มค่า 2. มิติด้านสังคม - สามารถนำวิธีการทำงานไปปรับกับการทำงานภายนอกได้ 3. มิติด้านสิ่งแวดล้อม - ไม่ทำลายทำธรรมชาติในการเรียนในรายวิชา 4. มิติด้านวัฒนธรรม - มีคุณธรรม ความซื่อสัตย์ต่อวิชา ครูผู้สอน
ความสอดคล้องกับคุณธรรมพื้นฐาน 8 ประการ ของสถานศึกษา ............................................................................ 1. ขยัน → นักเรียนนักศึกษาสามารถทำงานเสร็จตรงตามเวลา 2. ประหยัด → นักเรียนนักศึกษานำวัสดุที่ใช้มาปฏิบัติอย่างประหยัด 3. ซื่อสัตย์ → นักเรียนนักศึกษามีความซื่อสัตย์ต่อวิชาเรียน ต่อผู้สอน 4. มีวินัย → นักเรียนนักศึกษามาเรียนตรงตามเวลา 5. สุภาพ → นักเรียนนักศึกษามีความสุภาพต่อครูผู้สอน 6. สะอาด → นักเรียนนักศึกษาช่วยกันรักษาความสะอาดในแผนกวิชา 7. สามัคคี → นักเรียนนักศึกษามีความสามัคคีร่วมมือกันทำงานเป็นกลุ่ม 8. มีน้ำใจ → นักเรียนนักศึกษามีความเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนร่วมห้อง
ใบเตรียมการสอน สัปดาห์ที่ 2 วิชา การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์ ทฤษฏี 2 คาบ หน่วยที่ 2 การใช้งานโปรแกรม AutoCAD เบื้องต้น ปฏิบัติ 3 คาบ ชื่อหน่วยเรียน หน่วยที่ 2 การใช้งานโปรแกรม AutoCAD เบื้องต้น 2.1 โปรแกรมเขียนแบบด้วยคอมพิวเตอร์(แบบฝึกหัดข้อที่ 1) 2.2 การติดตั้งโปรแกรม AutoCAD 2014 (แบบฝึกหัดข้อที่ 2) 2.3 การเริ่มใช้งานโปรแกรม AutoCAD 2014 (แบบฝึกหัดข้อที่ 3) 2.4 ส่วนประกอบบนหน้าต่างของโปรแกรม AutoCAD 2014 (แบบฝึกหัดข้อที่ 4, 5) 2.5 ฟังก์ชันคีย์(แบบฝึกหัดข้อที่ 6) 2.6 การออกจากโปรแกรม AutoCAD (แบบฝึกหัดข้อที่ 7) 2.7 การจัดการไฟล์ข้อมูลของโปรแกรม AutoCAD (แบบฝึกหัดข้อที่ 8) 2.8 การตั้งค่าตัวเลือก (แบบฝึกหัดข้อที่ 9) 2.9 ระบบพิกัดโคออดิเนต (แบบฝึกหัดข้อที่ 10, 11, 12, 13, 14, 15) ใบงานที่ 2 การใช้งานโปรแกรม AutoCAD เบื้องต้น จุดประสงค์การสอน หน่วยที่ 2 แสดงความรู้เกี่ยวกับการใช้งานโปรแกรม AutoCAD เบื้องต้น 2.1 บอกชื่อโปรแกรมต่างๆที่ใช้ในการเขียนแบบด้วยคอมพิวเตอร์ 2.2 อธิบายขั้นตอนและติดตั้งโปรแกรม AutoCAD 2.3 อธิบายการเริ่มใช้งานโปรแกรม AutoCAD 2.4 บอกชื่อส่วนประกอบบนหน้าต่างของโปรแกรม AutoCAD 2.4.1 บอกส่วนประกอบของหน้าต่างโปรแกรม AutoCAD 2.4.2 บอกรายละเอียดของหน้าต่างโปรแกรม AutoCAD 2.5 บอกหน้าที่ของฟังก์ชันคีย์ 2.6 อธิบายขั้นตอนการออกจากโปรแกรม AutoCAD 2.7 จัดการไฟล์ข้อมูลของโปรแกรม AutoCAD 2.8 ตั้งค่าตัวเลือกต่างๆของโปรแกรม AutoCAD 2.8.1 อธิบายขั้นตอนการเข้าสู่การตั้งค่าตัวเลือกได้ 2.8.2 สามารถตั้งค่าสีของจอแสดงผลได้ 2.8.3 สามารถตั้งค่ารูปแบบตัวอักษรได้ 2.9 บอกวิธีการกำหนดค่าพิกัดโคออดิเนตแบบต่างๆ ปฏิบัติใบงานที่ 2 การใช้งานโปรแกรม AutoCAD เบื้องต้น
แนวคิดสำคัญ การใช้งานโปรแกรมทุกโปรแกรมจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความรู้จักกับโปรแกรม เช่น รู้จักหน้าที่ของ โปรแกรม ส่วนประกอบ การปรับสภาพแวดล้อมเพื่อให้เหมาะสมต่อการใช้งาน เป็นต้น โปรแกรม AutoCAD ก็ เช่นเดียวกัน ดังนั้นในหน่วยนี้จะกล่าวถึงการใช้งานโปรแกรม AutoCAD เบื้องต้น เช่น รู้จักโปรแกรมที่ใช้เขียน แบบ การติดตั้งโปรแกรม ส่วนประกอบ ระบบพิกัด และอื่นๆ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เรียนเตรียมความพร้อมที่จะนำ ความรู้ไปใช้ในการเขียนแบบในลำดับต่อไป สมรรถนะย่อย แสดงความรู้เกี่ยวกับการใช้งานโปรแกรม AutoCAD เบื้องต้น ขั้นตอนกระบวนการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ MIAP กระบวนการสอนของครู กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน ขั้นการสอน(จุดประสงค์ที่ 2.1-2.9) 1. ขั้นนำ (Motivation) เวลา 5 นาที - นำเข้าสู่บทเรียน ด้วยปัญหาที่น่าสนใจ เป็น ปัญหาที่ผู้เรียนจะคิดหาคำตอบได้ 2. ขั้นศึกษาข้อมูล(Information)เวลา 115 นาที อธิบายเนื้อหา/สาธิต 1 โปรแกรมเขียนแบบด้วยคอมพิวเตอร์ 2 การติดตั้งโปรแกรม AutoCAD 2014 3 การเริ่มใช้งานโปรแกรม AutoCAD 2014 4 ส่วนประกอบบนหน้าต่างของโปรแกรม AutoCAD 2008 5 ฟังก์ชันคีย์ 6 การออกจากโปรแกรม AutoCAD 7 การจัดการไฟล์ข้อมูลของโปรแกรม AutoCAD 8 การตั้งค่าตัวเลือก 9 ระบบพิกัดโคออดิเนต 3.ขั้นพยายาม (Application) เวลา 160 นาที - ให้นักศึกษาศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากตำรา หน่วยที่ 2 การใช้งานโปรแกรม AutoCAD เบื้องต้น ขั้นตอนการเรียน 1. ขั้นนำ (Motivation) - รับฟังและถามตอบก่อนเข้าสู่บทเรียน 2. ขั้นศึกษาข้อมูล( Information) - รับฟังครูอธิบายแต่ละหัวข้อ และสอบถามหาก สงสัยข้อใดข้อหนึ่ง 3.ขั้นพยายาม (Application) - อ่านทบทวนเนื้อหาอย่างละเอียดจากจากจากตำรา หน่วยที่ 2 การใช้งานโปรแกรม AutoCAD เบื้องต้น
ขั้นตอนกระบวนการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ MIAP (ต่อ) กระบวนการสอนของครู กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน - ให้นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงาน ที่ 1 ความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในงานเขียน แบบ 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) เวลา 20 นาที - ตรวจสอบการปฏิบัติงานเพื่อให้คะแนน - ตอบคำถามที่ผู้เรียนสงสัย - นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงานที่ 1 ความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในงานเขียนแบบ 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) - ส่งงานการปฏิบัติใบงานที่ 2 - ถามคำถามที่ผู้เรียนสงสัย เนื้อหาบทเรียน หน่วยที่ 2 การใช้งานโปรแกรม AutoCAD เบื้องต้น 2.1 โปรแกรมเขียนแบบด้วยคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันมีอยู่หลายโปรแกรม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้งาน ความถนัดของผู้ใช้ และความ ต้องการขององค์กร ที่ต้องการใช้เขียนแบบ ตัวอย่างโปรแกรมเขียนแบบพอสรุปชื่อโปรแกรมต่างๆได้ดังนี้ 1. โปรแกรม AutoCAD จะได้ว่าเป็นโปรแกรมต้นแบบที่ใช้งานในงานเขียนแบบทั่วๆไป มีทั้ง 2 มิติ และ 3 มิติ 2. โปรแกรม OrCad ใช้สำหรับเขียนแบบอิเล็กทรอนิกส์และออกแบบลายปริ้น 3. โปรแกรม InterCad มีความคล้ายคลึงกับ AutoCAD 4. โปรแกรม Solid Work เหมาะสำหรับออกแบบและเขียนแบบ Modeling 5. โปรแกรม Incentor คล้ายคลึงกับโปรแกรม Solid Work 6. โปรแกรม Mechanical Desktop เป็นโปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้โปรแกรม AutoCAD เพื่อให้สามารถใช้งานด้านการออกแบบและเขียนแบบ Modeling โปรแกรมที่ใช้ในการเขียนแบบที่กล่าวมาเกือบทั้งหมด ที่อาศัยหลักการพื้นฐานของโปรแกรม AutoCAD ในการพัฒนาทั้งสิ้น ดังนั้นท่านใดมีความรู้พื้นฐานการใช้โปรแกรม AutoCAD อยู่แล้วก็สามารถ เขียนโปรแกรมอื่นๆได้อย่างง่าย ทั้งนี้การเลือกใช้โปรแกรมเขียนแบบอาจขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้ งาน ความถนัดของผู้ใช้ และความต้องการขององค์กร ในที่นี้จะอ้างถึงการใช้โปรแกรม AutoCAD เนื่องจาก เป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักมากที่สุดโปรแกรมหนึ่งในตระกูลโปรแกรมเขียนแบบด้วยกัน และผู้ผลิตมีการพัฒนาโปรแกรมรุ่นใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง และเป็นโปรแกรมที่มีความสามารถในการเขียนแบบที่ หลากหลาย เช่น เขียนแบบเครื่องกล เขียนแบบสถาปัตย์และก่อสร้าง เขียนแบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เบื้องต้น และยังสามารถเขียนได้ทั้งแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ ดังนั้นการเริ่มต้นใช้โปรแกรม AutoCAD รุ่นใดๆ ก็ ตามที่เริ่มเรียนรู้ตั้งแต่การติดตั้งโปรแกรมลงเครื่องคอมพิวเตอร์ การเรียกใช้งานและการออกจากโปรแกรม ส่วนประกอบ การจัดการไฟล์ข้อมูล และการตั้งค่าตัวเลือกหรือการปรับสภาพแวดล้อมของโปรแกรมเป็นต้น
2.2 การติดตั้งโปรแกรม AutoCAD 2014 การเรียนรู้วิธีการติดตั้งโปรแกรม AutoCAD เป็นสิ่งจำเป็นเนื่องจากการติดตั้งโปรแกรมนั้นจะมี ตัวเลือกให้มากมาย ซึ่งคาดว่ามีผู้ใช้หลายท่านยังไม่สามารถอธิบายและติดตั้งโปรแกรมได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อ เพิ่มขีดความสามารถของ AutoCAD ดังนั้นในหัวข้อนี้ได้อ้างถึงการติดตั้ง AutoCAD 2014 ลงเครื่อง คอมพิวเตอร์ไว้อย่างละเอียด ในส่วน AutoCAD 2.2.1 ขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรม AutoCAD 2014 1. ใส่แผ่นโปรแกรม AutoCAD เข้าที่ไดรฟ์ CD ดูตัวอย่างแผ่น CD 2. ถ้าหากโปรแกรมติดตั้งไม่ได้ทำงานอัตโนมัติ ให้เข้าไปยัง My Computer แล้วดับเบิลคลิก ไดรฟ์ CD ROM แล้วหาไฟล์ Setup.exe 3. ดับเบิลคลิกไฟล์ Setup.exe หรือคลิกขวาบนไฟล์แล้วเลือก Open ก็ได้ จะปรากฏจอภาพ ให้คลิกปุ่ม Install Products 4. เมื่อปรากฏหน้าจอ ซึ่งเป็นข้อความต้อนรับ ให้คลิกปุ่ม Next > 5. คลิกเครื่องหมายตรงช่อง I Accept และคลิกปุ่ม Next > 6. เมื่อทำเครื่องหมายที่เงื่อนไขเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ของซอฟต์แวร์ ให้คลิกปุ่ม Next > 7. เมื่อปรากฏหน้าจอ Personalize the Products ให้ป้อนหมายเลขผลิตภัณฑ์ ครบทุกช่อง และคลิกปุ่ม Next > 8. เมื่อปรากฏหน้าจอ Review-Configure-Install ให้ตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ โปรแกรม ถ้าไม่ถูกต้องให้คลิกปุ่ม <Back ถ้าถูกต้องให้คลิกปุ่ม Install> 9. เมื่อปรากฏหน้าจอ Installing Components แสดงว่าโปรแกรมกำลังเข้าสู่กระบวนการ ติดตั้ง ให้รอจนเสร็จสิ้นกระบวนการ 10. ถ้าหากมีข้อความผิดพลาดเกิดขึ้น ให้คลิก OK โปรแกรมก็จะดำเนินการติดตั้งต่อไป 11. การติดตั้ง AutoCAD 2014 เสร็จสิ้น ให้คลิกปุ่ม Finish > 2.3 การเริ่มใช้งานโปรแกรม AutoCAD 2014 ในหัวข้อนี้เป็นหัวข้อที่ช่วยให้ผู้เรียนที่ยังไม่เคยใช้งานโปรแกรม AutoCAD มาก่อนได้เข้าใจถึงการ เรียกใช้งานโปรแกรมและการใช้เมาส์กับคีย์บอร์ด ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 2.3.1 เมาส์และการใช้งาน เมาส์ (Mouse) เป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการใช้โปรแกรมเป็นอย่างยิ่ง เพื่อโต้ตอบ กับรายการต่างๆ บนหน้าจอเหมือนกับการใช้มือถือ เช่น ใช้เลือกเมนู เครื่องมือ เป็นต้น การกระทำต่างๆได้ ด้วยการชี้และคลิกด้วยเมาส์หรือดับเบิลคลิก ซึ่งขึ้นอยู่การกำหนดมาในโปรแกรม 1. ส่วนประกอบพื้นฐานของเมาส์ โดยทั่วไปเมาส์จะประกอบไปด้วยปุ่ม 2 ปุ่ม ได้แก่ปุ่มหลัก (ปกติจะเป็นปุ่มซ้าย) หนึ่งปุ่ม และปุ่มรอง (ปกติจะเป็นปุ่มขวา) หนึ่งปุ่มปุ่มหลักคือปุ่มที่จะใช้งานบ่อยที่สุด เมาส์ส่วนใหญ่จะมีล้อเลื่อนระหว่างปุ่มทั้งสอง เพื่อช่วยให้เลื่อนดูเอกสารให้ง่ายยิ่งขึ้น เมาส์บางตัวสามารถกด ล้อเลื่อนเพื่อให้ทำงานเหมือนเป็นปุ่มที่ 3
ตารางที่ 2.1 ส่วนประกอบการจับเมาส์ รูปประกอบเมาส์ ความหมาย 1. ปุ่มหลักหรือปุ่มซ้าย 2. ล้อสำหรับเลื่อน หรือปุ่มกลาง 3. ปุ่มรองหรือปุ่มขวา การจับเมาส์ที่ถูกวิธีควรให้เมาส์อยู่ในอุ้งฝ่า มือ และอยู่ในท่าที่สบาย ไม่เกร็งมือ 2. การใช้เมาส์กับโปรแกรม AutoCAD ตารางที่ 2 การใช้เมาส์กับโปรแกรม AutoCAD รูปประกอบเมาส์ ความหมาย คลิก (Click) คือ กดปุ่มซ้าย 1 ครั้งแล้วปล่อย เพื่อใช้เลือกเมนู เลือก วัตถุ เช่นเดียวกับโปรแกรมอื่นๆ ดับเบิลคลิก ใช้เรียกคำสั่ง แก้ไขวัตถุ เช่น คำสั่ง pedit, mledit, splinedit, properties เป็นต้น การคลิกปุ่มกลาง กดอปุ่มกลางแล้วลากเมาส์ เพื่อใช้เลื่อนภาพบน หน้าจอไปยังตำแหน่งที่ต้องการ การเลื่อนปุ่มกลาง เลื่อนปุ่มกลางไป-มา เพื่อย่อ/ขยายภาพ บน หน้าจอ การใช้ปุ่มขวา เพื่อใช้เรียกเมนูลัดโดยการกดปุ่มขวา 1 ครั้ง และเพื่อ ใช้ Object Snap กด Shift+คลิกขวา 3. สัญลักษณ์ที่ใช้แทนเครื่องมือและอุปกรณ์เพื่อเป็นการสื่อความหมายที่เข้าใจง่ายขึ้นในการ ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ รูปสัญลักษณ์ ความหมาย ใช้แทนการกด Enter บนคีย์บอร์ด เช่นกด ➢ ใช้สำหรับการใช้เมนู เช่น File Save
2.3.2 การเรียกใช้โปรแกรม AutoCAD 2014 การเรียกใช้โปรแกรม (Start Program) จะทำได้หลังจากติดตั้งโปรแกรม AutoCAD 2014 เสร็จเรียบร้อยแล้วเท่านั้น ซึ่งสามารถกระทำได้ 2 วิธี คล้ายกับโปรแกรมทั่วไป คือเรียกใช้โปรแกรมจาก Start Menu และเรียกใช้งานจาก Desktop 1. เรียกใช้โปรแกรมด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง วิธีที่ 1 การเรียกใช้โปรแกรมจาก Desktop ทำได้โดยการเลื่อนเมาส์ไปดับเบิลคลิกบนไอคน AutoCAD 2014 วิธีที่ 2 การเรียกใช้งานจาก Start Menu ให้คลิก Start > Autodesk > AutoCAD 2014 > AutoCAD 2014 เพื่อเรียกใช้โปรแกรม AutoCAD 2. การเรียกใช้โปรแกรมครั้งแรกหลังจากติดตั้งเสร็จ จะปรากฏหน้าจอ AutoCAD 2014 Product Activation ให้คลิกทำเครื่องหมายตรงหน้าข้อความ Activate the product แล้วคลิกปุ่ม Next 3. ให้ป้อนเลข Serial Number และ Activate Code ให้ถูกต้อง แล้วคลิกปุ่ม Next > สำหรับ หมายเลข เป็นเพียงตัวอย่างเพื่อทดลองเท่านั้น โดยปกติ หมายเลขเหล่านี้ของแต่ละ Package จะถูก กำหนดให้ไม่ซ้ำกัน 4. เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการ Activate ให้คลิกปุ่ม Finish เข้าสู่โปรแกรม 5. ถ้าหากมีปรากฏหน้าต่าง New Features Workshop ปรากฏขึ้นมา ขอแนะนำว่าให้เลือกคลิก No. Don’t show me this again แล้วคลิกปุ่ม OK เพื่อคราวหน้าที่เรียกใช้โปรแกรมจะไม่มีหน้าต่างนี้ ปรากฏอีก ทำให้เข้าโปรแกรมได้ทันที 6. โปรแกรมจะเข้าสู่พื้นที่ทำงานแบบ 2D Drafting & Annotation ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้แสดง แบบเท่านั้น ให้เราเปลี่ยนเป็นพื้นที่ทำงานให้เป็นแบบ AutoCAD Classic เนื่องจากการจัดการหน้าต่าง เครื่องมือคล้ายๆกับรุ่นก่อนหน้านี้ และสามารถจัดเครื่องมือได้ง่าย 7. จากนั้นจะได้รูปแบบพื้นที่ทำงานเป็นแบบ AutoCAD Classic ดังในรูปที่ 2.18 และให้จัดตำแหน่ง เครื่องมือให้เหมาะสม และปิดเครื่องมือส่วนที่ยังไม่ใช้ออกไปก่อน เช่น Toll Palettes ก็จะได้พื้นที่ทำงาน หลังจัดตำแหน่งเครื่องมือ 2.4 ส่วนประกอบบนหน้าต่างของโปรแกรม AutoCAD 2014 2.4.1 ส่วนประกอบของหน้าต่าง เป็นหน้าต่างของโปรแกรมที่ถูกเปลี่ยนให้มีพื้นที่ใช้งานแบบ AutoCAD Classic ซึ่งจะมี หน้าตาและส่วนประกอบที่คล้ายกับ AutoCAD รุ่นก่อนหน้านี้ 2.4.2 รายละเอียดของหน้าต่าง 1. Title bar แสดงชื่อของโปรแกรม ชื่อไฟล์ และเก็บ Control Button 2. Control Button ประกอบด้วย - ปุ่มปิดโปรแกรม (Close) ใช้ในการปิดโปรแกรม - ปุ่มแมกซิไมซ์/รีสโตร์ (Maximize/Restore) ปุ่มทั้งสองนี้จะสลับกันแสดง
- Maximize ขยายหน้าต่างให้เต็มจอ - Restore คืนรูปหน้าต่างเดิม - Minimize ปุ่มลดขนาดหน้าต่างหรือปิดหน้าต่าง 3. File Name แสดงชื่อไฟล์ที่กำลังถูกใช้งาน เช่น Drawing.DWG 4. Program Name แสดงชื่อของโปรแกรม คือ AutoCAD 2014 5. Menu Bar คือแถบเมนู เป็นเมนูคำสั่งต่างๆในตารางที่ 2.4 ตารางที่ 2.4 ชื่อกลุ่มแถบเมนู ชื่อกลุ่ม Menu Bar การจัดกลุ่มคำสั่งและการใช้งาน File กลุ่มคำสั่งเกี่ยวกับแฟ้มข้อมูลและการปิดโปรแกรม Edit กลุ่มคำสั่งการแก้ไข View กลุ่มคำสั่งเกี่ยวกับมุมมอง Insert กลุ่มคำสั่งแทรกสิ่งต่างๆ Format กลุ่มคำสั่งที่ใช้ในการจัดรูปแบบ และการตั้งค่าต่างๆ Tools กลุ่มคำสั่งที่ใช้ปรับแต่งระบบของโปรแกรม Draw กลุ่มคำสั่งเกี่ยวกับการเขียน Dimension กลุ่มคำสั่งให้ขนาดแบบ Modify กลุ่มคำสั่งที่ใช้แก้แบบ Window กลุ่มคำสั่งควบคุมหน้าต่างและรายชื่อไฟล์ที่ถูกเรียกใช้งาน Help กลุ่มคำสั่งให้การช่วยเหลือเกี่ยวกับโปรแกรม Express กลุ่มคำสั่งพิเศษ 6. Toolbar Menu คือ เครื่องมือที่อยู่ในกล่องเครื่องมือเป็นเมนูแบบปุ่ม (Button) ที่มีไอคอน คำสั่ง โดยการจัดเมนูเป็นกลุ่มๆคล้ายๆกับ Menu Bar แต่มีจำนวนกลุ่มที่มากกว่า ซึ่งทำให้สะดวกในการเรียก คำสั่งและเรียกคำสั่งได้รวดเร็ว เพียงคลิกเมาส์บนปุ่มคำสั่งๆนั้นก็จะถูกเรียกออกมาใช้งานทันที 7. Command Line คือ บรรทัดป้อนคำสั่ง โดยการเรียกใช้คำสั่งผ่านทางคีย์บอร์ด 8. Coordinate Display คือ ตัวเลขแสดงตำแหน่งพิกัดของ Cursor บน Drawing Area 9. Mode คือ ส่วนแสดงสถานะ On/Off ของ Mode ควบคุมต่างๆประกอบด้วย Snap Mode, Grid Mode, Ortho Mode และ Osnap Mode การควบคุมสถานะ Mode ทำได้โดยการดับเบิลคลิก บนชื่อ Mode นั้น หรือกด Function Key ดังจะกล่าวได้ในรายละเอียดต่อไป 10. Status Bar บรรทัดแสดงสถานะบอกให้ทราบถึงการทำงานของ Mode ต่างๆ และแสดง Coordinate ดังในข้อ 8 และ 9 11. Scroll Bar แถบเลื่อนหน้าจอไปตามแนวนอน (แกน X) และแนวตั้ง (แกน Y) 12. Graphic Cursor หรือเรียกว่า Crosshairs เป็นชี้บอกตำแหน่งเมาส์บน Drawing Area ประกอบด้วย Mode ต่างๆ 13. Drawing Area เป็นพื้นที่สำหรับเขียนแบบ หรือวาดภาพ
14. Screen Menu เป็นเมนูคำสั่งอีกรูปแบบหนึ่งที่จัดไว้ด้านขวาของจอ 15. User Coordinate System (UCS) แสดงทิศทางและตำแหน่งพิกัดของแกน X, Y และ Z โดยปกติจะมีค่า X=0, Y=0, Z=0 2.5 ฟังก์ชันคีย์ ฟังก์ชันคีย์ คือ คีย์พิเศษในโปรแกรม AutoCAD 2014 เริ่มตั้งแต่ F1 ถึง F12 เพื่ออำนวยความสะดวก ในการใช้งานโปรแกรม ตารางที่ 2.5 ฟังก์ชันคีย์ต่างๆที่ใช้ในโปรแกรม AutoCAD 2014 ชื่อฟังก์ชันคีย์ หน้าที่ใช้งาน Displays Help แสดงข้อความช่อยเหลือที่จะบอกวิธีการใช้โปรแกรมและคำสั่งต่างๆ Toggle Text Windows ควบคุมสถานะ On/Off หน้าต่างเก็บคำสั่งและตัวเลือกต่างๆที่ถูกใช้ งานแล้ว Toggle OSNAP ควบคุมสถานะ On/Off ของ Object Snap Toggle TABMODE ควบคุมสถานะ On/Off ของ Tablet Digitiser Mode Toggle ISOPLANE เลือก Isometric Plane Toggle UCSDETECT ควบคุมสถานะ On/Off ของ Dynamic UCS Toggle GRIDMODE ควบคุมสถานะ On/Off ของ Grid Mode Toggle ORTHOMODE ควบคุมสถานะ On/Off ของ Ortho Mode Toggle SNAPMODE ควบคุมสถานะ On/Off ของ Snap Mode Toggle Polar Tracking ควบคุมสถานะ On/Off ของ Polar Tracking Toggle Object Snap Tracking ควบคุมสถานะ On/Off ของ Osnap Tracking ต้องใช้ร่วมกับ Osnap อื่นๆ Toggle Dynamic Input Mode ควบคุมสถานะ On/Off ของ Dynamic Input 2.6 การออกจากโปรแกรม AutoCAD เมื่อต้องการออกจากโปรแกรมให้ทำได้หลายวิธีดังนี้ 1. ใช้ Menu bar ให้คลิก File > Exit 2. ใช้ Command line ให้พิมพ์ quit แล้วกด Enter 3. ใช้ Control Button ให้คลิกปุ่ม Close 2.7 การจัดการไฟล์ข้อมูลของโปรแกรม AutoCAD การจัดการไฟล์ข้อมูล ประกอบด้วย การเปิดไฟล์ข้อมูลและการจัดเก็บไฟล์ข้อมูลลงเครื่อง ดัง รายละเอียดต่อไปนี้
2.7.1 การเปิดไฟล์ข้อมูล การเปิดไฟล์ สามารถทำได้เช่นเดียวกับโปรแกรมอื่นๆ ทั่วไปแต่ไฟล์ที่สร้างจากโปรแกรม AutoCAD จะมีนามสกุลเป็น .dwg เช่น Drawing.dwg เป็นต้น การเปิดไฟล์ขึ้นมาใช้งานทำได้โดยการใช้คำสั่ง Open โดยการเรียกใช้คำสั่งอาจจะเรียกผ่าน Menu bar, Tool Bar หรือ Command Line วิธีใดวิธีหนึ่งซึ่งมี ขั้นตอนดังนี้ 1. เรียกคำสั่ง Open ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ดังนี้ วิธีที่ 1 ใช้ Tool Bar ให้คลิกเครื่องมือ Open วิธีที่ 2 ใช้บรรทัดคำสั่ง ให้พิมพ์ Open แล้วกด Enter วิธีที่ 3 ใช้แถบเมนูให้คลิก File > Exit วิธีที่ 4 ใช้คีย์ลัด กด Ctrl + O 2. เมื่อมีไดอะล็อกบอกซ์ Select File ให้เลือกไฟล์ที่ต้องการใช้งานแล้วคลิกปุ่ม Open ไฟล์ก็จะถูก เปิดออกมา 2.7.2 การบันทึกไฟล์ การบันทึกไฟล์ คือ การจัดเก็บข้อมูลไว้ในดิสก์หรือหน่วยความจำอื่นๆ เพื่อเรียกใช้งานใน อนาคต 1. การบันทึกแบบ Save คือการบักทึกข้อมูลอย่างรวดเร็ว ซึ่งวิธีการเรียกคำสั่งใช้งานการบันทึกดังนี้ วิธีที่ 1 ใช้ Toolbar Menu ให้คลิกเครื่องมือ Save วิธีที่ 2 ใช้ Menu Bar ให้คลิก File > Save วิธีที่ 3 ใช้Command line ให้พิมพ์ Qsave แล้วกด Enter วิธีที่ 4 ใช้คีย์ลัด กด Ctrl + S 2. การบันทึกไฟล์แบบ Save As… คือ การบันทึกไฟล์ข้อมูลเพื่อสร้างไฟล์สำเนาใหม่ที่สร้างขึ้น วิธีที่ 1 Menu Bar ให้คลิก File > Save As… วิธีที่ 2 ใช้ Command line ให้พิมพ์ Saveas แล้วกด Enter วิธีที่ 3 ใช้คีย์ลัด กด Ctrl + Shift + S 3. คลิกที่ File name Edit Box ถ้าต้องการกำหนดชื่อไฟล์ใหม่ เช่น Job1.dwg 4. คลิกที่ปุ่ม Save 2.8 การตั้งค่าตัวเลือก การตั้งค่าตัวเลือก ถือเป็นการตั้งค่าเริ่มต้นของโปรแกรม เช่น สีของจอสำหรับพื้นที่เขียนแบบ Screen Menu, Command Line และอื่นๆ อีกมาก 2.8.1 ขั้นตอนการเข้าสู่ส่วนการตั้งค่าตัวเลือก 1. เลื่อนเมาส์ไปคลิกที่ Tools > Options… จากแถบเมนู 2. จะปรากฏไดอะล็อกบอกซ์ Options 3. จากนั้นให้พิจารณาว่า ต้องการตั้งค่าอะไรบ้าง โดยเลื่อนเมาส์ไปคลิกที่แท็ปที่ต้องการ
2.8.2 การตั้งค่าสีของจอแสดงผล คือสีพื้นที่เขียนแบบ (Drawing Area) จากรูปที่ 2.28 และรูปที่ 2.29 ให้ปฏิบัติดังนี้ 1. จากรูปที่ 2.27 คลิกปุ่ม Color… จะปรากฏไดอะล็อกบอกซ์ Drafting Window Color 2. เลือก 2D model space 3. เลือก Uniform background 4. เลือกสีที่ต้องการ 5. คลิกปุ่ม Apply & Close 2.8.3 การตั้งค่ารูปแบบตัวอักษร การตั้งค่ารูปแบบตัวอักษรในส่วนของ Command line มีขั้นตอนดังนี้ 1. ให้คลิกปุ่ม Fonts… จะปรากฏไดอะล็อกบอกซ์ Command Line Window Font 2. เลือก Font 3. เลือก Font Style 4. เลือก Size 5. คลิก Apply & Close 2.9 ระบบพิกัดโคออดิเนต ระบบพิกัดโคออติเนต หมายถึง ระบบบอกพิกัดบนระนาบ X และ Y หรือระยะตำแน่งของวัตถุ จากจุด กำเนิด (Origin) ที่จุด 0, 0 โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วน Quadrant 1 กำหนดค่าบนระนาบ X เป็นบวก (+) ค่า Y เป็นบวก (+) Quadrant 2 กำหนดค่าบนระนาบ X เป็นลบ (-) ค่า Y เป็นบวก (+) Quadrant 3 กำหนดค่าบนระนาบ X เป็นลบ (-) ค่า Y เป็นลบ (-) Quadrant 4 กำหนดค่าบนระนาบ X เป็นบวก (+) ค่า Y เป็นลบ (-)
วิธีสอน และ กิจกรรม - นำเสนอด้วยเพาเวอร์พอยต์ / สาธิต - ถามตอบ - แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 2 - ใบงานที่ 2 สื่อการสอน หนังสือ อ้างอิง นิพนธ์ บุญสกันต์. 2558. การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี, ศูนย์หนังสือ เมืองไทย. เอกสาร ประกอบ - แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 2 - ใบงานที่ 2 วัสดุโสต ทัศน์ - ไวท์บอร์ด - โปรเจคเตอร์ งานที่ มอบหมาย -ศึกษาตำรา - ทำแบบฝึกหัดหน่วยที่ 2 - ปฏิบัติใบงานที่ 2 การวัดผล การวัดผลในหน่วยที่ 2 การใช้งานโปรแกรม AutoCAD เบื้องต้น มีเกณฑ์การให้คะแนนดังนี้ - นักเรียนมีความเข้าใจในเรื่องการใช้งานโปรแกรม AutoCAD เบื้องต้น 1 คะแนน - นักเรียนสามารถปฏิบัติใบงานที่ 2 การใช้งานโปรแกรม AutoCAD เบื้องต้น 2 คะแนน หมายเหตุ :
ความสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ 3 ห่วง 1. ความพอประมาณ -เตรียมอุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยอย่างเหมาะสม 2. มีเหตุผล - ความปลอดภัยในการเรียนในรายวิชา 3. มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี - ป้องกันอุบัติเหตุในงานได้ 1. เงื่อนไขความรู้ (รอบรู้, รอบคอบ, ระมัดระวัง) 2 เงื่อนไข - ปฏิบัติตามกฎของโรงงานได้อย่างเคร่งครัด - บอกวิธีการป้องกันอุบัติเหตุในงานได - อธิบายถึงความสำคัญของความปลอดภัย ในการปฏิบัติงานได้ 2. เงื่อนไขคุณธรรม - มีความรับผิดชอบ - มีความคิดสร้างสรรค์ 1. มิติด้านเศรษฐกิจ 4 มิติ - ใช้อุปกรณ์ วัสดุ ในการเรียนการสอนอย่างประหยัด คุ้มค่า 2. มิติด้านสังคม - สามารถนำวิธีการทำงานไปปรับกับการทำงานภายนอกได้ 3. มิติด้านสิ่งแวดล้อม - ไม่ทำลายทำธรรมชาติในการเรียนในรายวิชา 4. มิติด้านวัฒนธรรม - มีคุณธรรม ความซื่อสัตย์ต่อวิชา ครูผู้สอน
ความสอดคล้องกับคุณธรรมพื้นฐาน 8 ประการ ของสถานศึกษา ............................................................................ 1. ขยัน → นักเรียนนักศึกษาสามารถทำงานเสร็จตรงตามเวลา 2. ประหยัด → นักเรียนนักศึกษานำวัสดุที่ใช้มาปฏิบัติอย่างประหยัด 3. ซื่อสัตย์ → นักเรียนนักศึกษามีความซื่อสัตย์ต่อวิชาเรียน ต่อผู้สอน 4. มีวินัย → นักเรียนนักศึกษามาเรียนตรงตามเวลา 5. สุภาพ → นักเรียนนักศึกษามีความสุภาพต่อครูผู้สอน 6. สะอาด → นักเรียนนักศึกษาช่วยกันรักษาความสะอาดในแผนกวิชา 7. สามัคคี → นักเรียนนักศึกษามีความสามัคคีร่วมมือกันทำงานเป็นกลุ่ม 8. มีน้ำใจ → นักเรียนนักศึกษามีความเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนร่วมห้อง
ใบเตรียมการสอน สัปดาห์ที่ 3 วิชา การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์ ทฤษฏี 2 คาบ หน่วยที่ 3 การเริ่มต้นใช้งานเขียนแบบด้วยโปรแกรม AutoCAD ปฏิบัติ 3 คาบ ชื่อหน่วยเรียน หน่วยที่ 3 การเริ่มต้นใช้งานเขียนแบบด้วยโปรแกรม AutoCAD 3.1 การกำหนดขนาดพื้นที่เขียนแบบด้วยคำสั่ง Limits (แบบฝึกหัดข้อที่ 1, 4) 3.2 การตั้งค่าหน่วยวัดด้วยคำสั่ง Units (แบบฝึกหัดข้อที่ 2, 3) 3.3 การตั้งค่า Grid, Snap, Ortho Mode (แบบฝึกหัดข้อที่ 5) 3.4 การกำหนดจำนวนชั้นของแบบแปลนด้วยคำสั่ง Layer (แบบฝึกหัดข้อที่ 6, 7, 8) 3.5 การใช้งาน Object Snap (แบบฝึกหัดข้อที่ 9, 10, 11) 3.6 การย่อ/ขยายด้วยคำสั่ง Zoom (แบบฝึกหัดข้อที่ 12, 13) 3.7 การเลื่อนภาพด้วยคำสั่ง PAN (แบบฝึกหัดข้อที่ 14) ใบงานที่ 3 การเริ่มต้นใช้งานเขียนแบบด้วยโปรแกรม AutoCAD จุดประสงค์การสอน หน่วยที่ 3 แสดงความรู้ในการเริ่มต้นใช้งานเขียนแบบด้วยโปรแกรม AutoCAD 3.1 อธิบายการกำหนดขนาดพื้นที่เขียนแบบด้วยคำสั่ง Limits 3.1.1 อธิบายขอบเขตของพื้นที่เขียนแบบได้ 3.1.2 อธิบายมาตรฐานของกระดาษเขียนแบบได้ 3.1.3 อธิบายขั้นตอนและการใช้คำสั่ง Limits ได้ 3.2 ตั้งค่าหน่วยวัดด้วยคำสั่ง Units 3.3 ตั้งค่า Grid, Snap, Ortho Mode ในแบบ Text Mode ได้ 3.3.1 สามารถตั้งค่า Grid, Snap, Ortho Mode แบบ Text Mode ได้ 3.3.2 สามารถตั้งค่า Grid, Snap, Ortho Mode แบบ Ortho Mode ได้ 3.4 กำหนดจำนวนชั้นของแบบแปลนด้วยคำสั่ง Layer 3.5 บอกหน้าที่ของกลุ่มตัวเลือกที่อยู่ภายใน Object Snap 3.6 สามารถควบคุมการย่อ/ขยายด้วยคำสั่ง Zoom 3.7 สามารถเลื่อนภาพด้วยคำสั่ง PAN ปฏิบัติใบงานที่ 3 การเริ่มต้นใช้งานเขียนแบบด้วยโปรแกรม AutoCAD แนวคิดสำคัญ การเขียนแบบด้วยโปรแกรม AutoCAD สำหรับผู้ที่เริ่มต้นเขียนแบบหรือเริ่มใช้โปรแกรม จำเป้นอย่าง ยิ่งที่จะต้องเรียนรู้ขั้นตอนการเริ่มต้นเขียนแบบ ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น เช่น การกำหนด พื้นที่เขียนแบบไม่ถูกต้อง ระบบหน่วยวัดผิดพลาด เป็นต้น ดังนั้นในหน่วยนี้จะได้กล่าวถึงการเริ่มต้นใช้งานเขียน แบบด้วยโปรแกรม AutoCAD ไว้โดยละเอียดเพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง
สมรรถนะย่อย แสดงการเริ่มต้นเขียนแบบด้วยโปรแกรม AutoCAD ขั้นตอนกระบวนการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ MIAP กระบวนการสอนของครู กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน ขั้นการสอน(จุดประสงค์ที่ 3.1-3.7) 1. ขั้นนำ (Motivation) เวลา 5 นาที - นำเข้าสู่บทเรียน ด้วยปัญหาที่น่าสนใจ เป็น ปัญหาที่ผู้เรียนจะคิดหาคำตอบได้ 2. ขั้นศึกษาข้อมูล(Information)เวลา 115 นาที อธิบายเนื้อหา/สาธิต 1 การกำหนดขนาดพื้นที่เขียนแบบด้วยคำสั่ง Limits 2 การตั้งค่าหน่วยวัดด้วยคำสั่ง Units 3 การตั้งค่า Grid, Snap, Ortho Mode 4 การกำหนดจำนวนชั้นของแบบแปลนด้วยคำสั่ง Layer 5 การใช้งาน Object Snap 6 การย่อ/ขยายด้วยคำสั่ง Zoom 7 การเลื่อนภาพด้วยคำสั่ง PAN 3.ขั้นพยายาม (Application) เวลา 160 นาที - ให้นักศึกษาศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากตำรา หน่วยที่ 3 การเริ่มต้นใช้งานเขียนแบบด้วย โปรแกรม AutoCAD - ให้นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงาน ที่ 1 ความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในงานเขียน แบบ 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) เวลา 20 นาที - ตรวจสอบการปฏิบัติงานเพื่อให้คะแนน - ตอบคำถามที่ผู้เรียนสงสัย ขั้นตอนการเรียน 1. ขั้นนำ (Motivation) - รับฟังและถามตอบก่อนเข้าสู่บทเรียน 2. ขั้นศึกษาข้อมูล( Information) - รับฟังครูอธิบายแต่ละหัวข้อ และสอบถามหาก สงสัยข้อใดข้อหนึ่ง 3.ขั้นพยายาม (Application) - อ่านทบทวนเนื้อหาอย่างละเอียดจากจากจากตำรา หน่วยที่ 3 การเริ่มต้นใช้งานเขียนแบบด้วยโปรแกรม AutoCAD - นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงานที่ 1 ความรู้พื้นฐานเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในงานเขียนแบบ 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) - ส่งงานการปฏิบัติใบงานที่ 2 - ถามคำถามที่ผู้เรียนสงสัย
เนื้อหาบทเรียน หน่วยที่ 3 การเริ่มต้นใช้งานเขียนแบบด้วยโปรแกรม AutoCAD 3.1 การกำหนดขนาดพื้นที่เขียนแบบด้วยคำสั่ง Limits คำสั่ง Limits เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับกำหนดขนาดของพื้นที่เขียนแบบ (Drawing Area) เปรียบเสมือน กับการเลือกและกำหนดขนาดกระดาษเขียนแบบนั่นเอง 3.1.1 ขอบเขตพื้นที่เขียนแบบ ประกอบด้วยขอบเขตล่างและขอบเขตบน โดยปกตอแล้วในการเรียกแกนอ้างอิงสำหรับการ เขียนแบบนั้นมีอยู่ทั้งหมด 3 แกน คือ แกน X แกน Y และแกน Z ซึ่งตั้งฉากซึ่งกันและกัน แต่ในที่นี้จะขอ กล่าว 2 แกนเท่านั้น คือ แกน X และแกน Y ใช้เขียนแบบแปลน 2 มิติ การกำหนด Limits จะต้องอ้าง ขอบเขตล่าง (Lower Left Corner) หรือเรียกว่ามุมซ้ายล่าง และขอบเขตบน (Upper Right Corner) เรียกว่ามุมขวาบน 3.1.2 มาตรฐานกระดาษเขียนแบบ มาตรฐานกระดาษเขียนแบบที่ใช้ในปัจจุบันจะเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ดังตารางที่ 3.1 โดยใช้หน่วยเป็นมิลลิเมตร ตารางที่ 3.1 ขนาดกระดาษเขียนแบบ ชื่อเรียก ขนาดกระดาษจริง (มม.) ขนาดพื้นที่ใช้งาน (มม.) A0 841 x 1,189 821 x 1,169 A1 594 x 841 574 x 821 A2 420 x 594 400 x 574 A3 297 x 420 277 x 400 A4 210 x 297 190 x 277 3.1.3 ขั้นตอนการใช้คำสั่ง Limits เพื่อเป็นการประกอบการอธิบาย สมมติว่าต้องการตั้ง Limits เท่ากับกระดาษ A4 มีขนาด พื้นที่ใช้งานในแนวนอนคือแกน X = 277 มม. และแกน Y = 190 มม. เป็นขอบเขตบน (Upper Right Corner) และขอบเขตล่าง (Lower Left Corner) X = 0.00, Y = 0.00 ดังรายละเอียดการใช้คำสั่งข้างล่าง 3.1.4 อธิบายขั้นตอนการใช้คำสั่ง Limits 1. เรียกคำสั่ง Limits เลือกวิธีใดวิธีหนึ่ง - เรียกผ่านบรรทัดคำสั่งให้พิมพ์ Limits กด Enter - เรียกผ่าน Menu bar เลื่อนเมาส์คลิก Format > Drawing Limits 2. ตั้งค่าขอบเขตล่าง ที่บรรทัดคำสั่งข้างล่าง ให้กด Enter ผ่านได้เลย เนื่องจากต้องการตั้ง ขอบเขตล่างที่จุด 0, 0 3. ตั้งค่าขอบเขตบน สังเกตดูที่บรรทัดคำสั่งข้างล่าง จะปรากฏตัวเลข <420.0000,297.0000> ให้ป้อนค่าใหม่เป็น 277, 190 แล้วกด Enter
4. หลังจากนั้นใช้คำสั่ง Zoom แบบ All โดยพิมพ์ Z แล้วกด Enter จากนั้นพิมพ์ A แล้วกด Enter ที่บรรทัดคำสั่งเพื่อบังคับส่วนของ Limits ทั้งหมดมาอยู่ในหนึ่งหน้าจอ 5. เมื่อตั้ง Limits เสร็จแล้วก็จะได้ผลลัพธ์ 3.2 การตั้งค่าหน่วยวัดด้วยคำสั่ง Units คำสั่ง Units คือ การเลือกระบบหน่วยที่ใช้ในการวัดระยะและวัดมุม (Angle) ที่ใช้ในการเขียนแบบ เช่น หน่วยวัดทั่วไปเป็นทศนิยม (Decimal) ระบบหน่วยวัดมุมเป็นทศนิยม (Decimal Degrees) เป็นต้น สำหรับวิธีการตั้งค่าหน่วยวัดจะเป็นแบบ Graphic Mode คือ การเลือกระบบหน่วยที่ใช้ในการวัดระยะและ มุมด้วยไดอะล็อกบอกซ์ มีขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนการตั้งค่า Units 1. เรียกคำสั่ง Units โดยพิมพ์ units แล้วกด Enter ผ่านทางบรรทัดคำสั่งหรือเรียกคำสั่งผ่าน แถบเมนูโดยคลิก Format > Units… 2. เมื่อไดอะล็อกบอกซ์ Drawing Units ปรากฏขึ้นมา 3.3 การตั้งค่า Grid, Snap, Ortho Mode Grid, Snap, Ortho เป็นการควบคุมด้วยโหมด ON/OFF โดยคำสั่งเหล่านี้ช่วยอำนวยความสะดวกใน การเขียนแบบ ทำให้เขียนแบบได้ง่ายขึ้น ในการตั้งค่าต่างๆให้กับ Grid, Snap ทำได้ 2 แบบ คือ Text Mode และ Graphic Mode 3.3.1 การตั้งค่า Grid, Snap, Ortho แบบ Text Mode 1. การตั้งค่ากริดด้วยคำสั่ง Grid แบบ Text Mode มีลักษณะเป็นตารางจุดๆปรากฏบน หน้าจอ AutoCAD ในส่วนพื้นที่เขียนแบบซึ่งคล้ายๆกับกระดาษกราฟ ที่มีระยะห่างตามแนวนอนตามที่เรา กำหนด ประโยชน์ของ Grid คือ ช่วยในการกะระยะบนพื้นที่เขียนแบบได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น เราสามารถ กำหนดให้ Grid ปรากฏขึ้นหรือหายไปได้โดยใช้ฟังก์ชันคีย์ F7<GridON/OFF> หรือคลิกที่ GRID บน Status bar : Grid โดย Grid ที่ปรากฏบนหน้าจอจะไม่ปรากฏบนกระดาษที่พิมพ์ทางเครื่องพิมพ์ การตั้งค่า Grid มีรูปแบบ2 แบบ คือ การกำหนด Grid ระยะ X เท่ากับ Y และการกำหนด Grid ระยะ X ไม่เท่ากับ Y ดังรายละเอียดต่อไปนี้ (1) ขั้นตอนการตั้งค่า Grid แบบกำหนดกริด ระยะ X เท่ากับระยะ Y (ก) เรียกคำสั่ง Grid โดยพิมพ์คำสั่ง Grid ผ่านทางบรรทัดคำสั่งดังนี้ (ข) กดฟังก์ชันคีย์ F7 ดูจะพบว่า Grid ปรากฏขึ้นมาโดยมีระยะห่างในแนวตั้งและ แนวนอนเท่ากันตามที่เรากำหนดหรือไม่ คือ 5x5 หรือเป็นสี่เหลี่ยมรูปจัตุรัส (2) ขั้นตอนการตั้งค่า Grid แบบกำหนดกริด ระยะ X ไม่เท่ากับระยะ Y (ก) เรียกคำสั่ง Grid โดยพิมพ์คำสั่ง Grid (ข) กดฟังก์ชันคีย์ F7 ดูจะพบว่า Grid ปรากฏขึ้นมาโดยมีระยะห่างในแนวตั้งและ แนวนอนไม่เท่ากันตามที่เรากำหนดหรือไม่ คือ 10x20 หรือเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า 2. การตั้งค่า Snap แบบ Text Mode
Snap คือ คำสั่งที่ใช้ควบคุมการเคลื่อนที่ของเคอร์เซอร์ขณะเลื่อนเมาส์ ซึ่งเคอร์เซอร์ จะเคลื่อนที่ในลักษณะกระโดดเมื่ออยู่ในโหมด On โดยจะกระโดดไปเท่ากับค่าที่ถูกตั้งไว้ในคำสั่ง การใช้ Snap ทำให้เขียนแบบได้ง่ายและแม่นยำขึ้น เราสามารถกำหนด Snap ปรากฏหรือหายไปก็ได้โดยใช้ฟังก์ชัน คีย์ F9<SnopOn/Off> หรือคลิกที่ SNAP บน Statusbar และใช้ F5 เพื่อเปลี่ยน Isometric plane ในการ ตั้งค่า Snap มีขั้นตอนคล้ายกับการตั้งค่า Grid มาก แต่การตั้งค่า Snap มีให้เลือกหลายแบบ (Style) เป็น แบบ Standard/Isometric เพิ่มเข้ามา และมีขั้นตอนการกำหนดค่า Snap ดังนี้ (1) ขั้นตอนการกำหนด Snap โหมด Standard ที่ระยะ X เท่ากับ Y (ก) เรียกคำสั่ง Snap โดยพิมพ์ Snap (ข) กดฟังก์ชันคีย์ F9 เพื่อ On/Off โหมด แล้วเลื่อนเมาส์ไปมาจะเป็นว่าการเคลื่อนที่ ของ Cursor จะเคลื่อนไปในลักษณะกระโดดไปเป็นช่วงๆตามระยะที่ถูกกำหนดไว้ คือ5x5 หรือเป็นสี่เหลี่ยม จัตุรัส ดังรูปที่ 3.10ก (2) ขั้นตอนการกำหนด Snap โหมด Standard ที่ระยะ X ไม่เท่ากับ Y (ก) เรียกคำสั่ง Snap โดยพิมพ์ Snap (ข) กดฟังก์ชันคีย์ F9 เพื่อ On/Off โหมด แล้วเลื่อนเมาส์ไปมาในแนวตั้งและ แนวนอน จะเห็นว่าการเคลื่อนที่ของ Cursor จะเคลื่อนไปในลักษณะกระโดดไปเป็นช่วงๆตามระยะแนวตั้งไม่ เท่ากับแนวนอน (3) ขั้นตอนการกำหนด Snap โหมด Isometric เหมาะสำหรับการเขียนแบบรูปทรง3 มิติ และใช้กับการกำหนดระยะ X เท่ากับ Y เท่านั้น มีขั้นตอนดังนี้ (ก) เรียกคำสั่ง Snap โดยพิมพ์ Snap (ข) กดฟังก์ชันคีย์ F9 เพื่อ On/Off โหมด ให้อยู่ในโหมด On แล้วเลื่อนเมาส์ไปมาใน แนวตั้งและแนวนอน จะเห็นว่าการเคลื่อนที่ของ Cursor จะเคลื่อนไปในลักษณะกระโดดไปเป็นช่วงๆตาม แนว Isometric ดังรูปที่ 3.7ข ที่ระยะในแนวตั้งไม่เท่ากับแนวนอน 3.3.2 การตั้งค่า Grid, Snap แบบ Graphic Mode เป็นการตั้งค่าโดยใช้วินโดว์ไดอะล็อกบอกซ์ มีขั้นตอนดังนี้ 1. พิมพ์ Dsettings หรือที่แถบเมนู คลิกที่แถบเมนู Tools > Drafting Settings… จากนั้นจะปรากฏหน้าต่าง Window ไดอะล็อก บอกซ์ Drafting Settings และจะมีไดอะล็อกบอกซ์ Drafting Settings ปรากฏขึ้นมา และให้ปฏิบัติตาม ขั้นตอนที่ 2-9 ตามลำดับ 2. กำหนดค่า Snap ที่ Edit Box ของ Snap X Spacing เช่น 10 3. กำหนดค่า Snap ที่ Edit Box ของ Snap Y Spacing เช่น 10 4. กำหนดค่า Grid ที่ Edit Box ของ Grid X Spacing เช่น 10 5. กำหนดค่า Grid ที่ Edit Box ของ Grid Y Spacing เช่น 10 6. คลิกที่ Snap Mode ให้มีเครื่องหมายถูก 7. คลิกที่ Grid Mode ให้มีเครื่องหมายถูก
8. กรณีการตั้งค่า Isometric Snap/Grid ให้คลิกที่ Isometric 9. คลิกปุ่ม OK เพื่อบันทึกค่าที่กำหนดไว้ และปิดไดอะล็อกบอกซ์ 3.4 การกำหนดจำนวนชั้นของแบบแปลนด้วยคำสั่ง Layer Layer หมายถึง การกำหนดจำนวนชั้นชองแบบแปลนให้วางซ้อนกัน โดยที่แบบที่เราเขียนลงบนเล เยอร์ของแต่ละเลเยอร์เปรียบเสมือนกับแบบที่เขียนลงบนแผ่นใสหลายๆแผ่น แล้วนำมาวางซ้อนกัน ก็จะได้ เป็นภาพประกอบภาพใหม่ขึ้นมาตามต้องการ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกและง่ายต่อการแสดงภาพบนหน้าจอและ พิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบบแปลนที่มีความสลับซับซ้อนจำเป็นต้องสร้างเลเยอร์ให้ เหมาะสมและสื่อความหมายได้ด้วย เพื่อความเข้าให้ดูประกอบด้วยเลเยอร์ 3 เลเยอร์ คือ Room, Lighting, Power ที่ใช้สำหรับเขียนแบบแปลนที่แตกต่างกัน เมื่อเราแสดง (On) เลเยอร์ทั้ง 3 เลเยอร์พร้อมกันก็จะได้ ภาพแบบแปลนใหม่ขึ้นมา นั่นคือเหมือนกับว่าเขียนภาพเหล่านั้นบนแผ่นใส 3 แผ่นแล้วนำมาวางซ้อนกัน 3.4.1 การใช้คำสั่ง Layer การใช้คำสั่ง Layer ให้คลิกแถบเมนู Format > Layer… หรือพิมพ์ Layer แล้วกด Enter ที่ บรรทัดคำสั่ง จากนั้นจะปรากฏไดอะล็อกบอกซ์ Layer Properties Manager ดังในรูปที่ 3.16 ซึ่งเป็นส่วนสำหรับ กำหนดคุณสมบัติและจัดการกับเลเยอร์ เช่น สร้าง ลบ เปลี่ยนชื่อ กำหนดการกรองเลเยอร์ เป็นต้น 3.4.2 การสร้างเลเยอร์ เพื่อความเข้าใจถึงวิธีการสร้างเลเยอร์จึงขอยกตัวอย่างกับงานเขียนแบบชิ้นหนึ่ง คือ งาน ออกแบบและเขียนแบบไฟฟ้าห้องเรียนคอมพิวเตอร์ นั่นคือ การดำเนินการผู้เขียนแบบต้องวิเคราะห์ จำนวนเลเยอร์ให้เหมาะสมและสื่อความหมายได้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันความสับสนในการเรียกใช้เลเยอร์ สมมติว่า ผลการวิเคราะห์ประกอบด้วย 3 เลเยอร์ ดังรายละเอียดในตารางที่ 3.2 ตารางที่ 3.2 ชื่อเลเยอร์และความหมายจากผลการวิเคราะห์ ชื่อเลเยอร์ (Layer Name) ความหมาย/การใช้งาน สี (Color) เส้น (Linetype) Room ใช้สำหรับเขียนแบบแปลนห้องเรียน ขาว Table ใช้สำหรับแบบการวางโต๊ะครูผู้สอน โต๊ะคอมฯ น้ำเงิน Electric ใช้สำหรับเขียนแบบแปลนวงจรแสงสว่าง แดง จากตารางที่ 3.2 นำข้อมูลรายละเอียดของเลเยอร์ไปใช้ในการสร้างเลเยอร์ตามขั้นตอนข้างล่างนี้ ขั้นตอนการสร้างเลเยอร์
(1) ใช้คำสั่งเลเยอร์ Layer… จะปรากฏหน้าต่างไดอะล็อกบอกซ์ ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง เช่น การ เรียกจากแถบเมนู คลิก Format > Layer… จากนั้นจะปรากฏหน้าต่างไดอะล็อกบอกซ์ Layer Properties Manager ปรากฏขึ้นมา (2) คลิกปุ่มสร้างเลเยอร์ใหม่ดังหมายเลข 1 (3) พิมพ์ชื่อเลเยอร์ลงในช่อง Name ในกรอบดังหมายเลข 2 โดยใช้ชื่อเลเยอร์ตามตารางที่ 3.1 จนครบทุกเลเยอร์ (4) กำหนดรายละเอียดต่างๆของเลเยอร์ เช่น Color, Linetype เป็นต้น ดังจะกล่าวใน รายละเอียดต่อไป 3.4.3 การกำหนดรูปแบบเส้นให้กับเลเยอร์ (Layer Linetype) รูปแบบเส้นที่ถูกกำหนดให้กับเลเยอร์แต่ละเลเยอร์นั้นจะเป็นรูปแบบเส้นต้นแบบที่ใช้ในการ เขียนแบบในแต่ละ Layer โดยจะถูกกำหนดเป็น LinetypeByLayer ขั้นตอนการกำหนดรูปแบบเส้น (1) คลิกที่ Linetype ในกรอบของ layer List โดยคลิกที่ชื่อเส้นปัจจุบันที่ถูกกำหนด ไว้ในแถวของชื่อเลเยอร์ที่ต้องการกำหนดรูปแบบเส้น เช่น จากรูปต้องการเปลี่ยนรูปแบบชองเส้นให้กับเล เยอร์ชื่อ Table คลิกที่เส้นปัจจุบันคือ Continuous (2) จากนั้นจะมีไดอะล็อกบอกซ์ Select Linetype ปรากฏขึ้นมา ให้คลิกปุ่ม Load เพื่อเลือกรูปแบบเส้นที่ต้องการ (3) เมื่อปรากฏหน้าต่างไดอะล็อกบอกซ์ Load or Reload Linetypes ให้เลือก รูปแบบเส้นที่ต้องการ ซึ่งจากตารางที่ 3.2 เลเยอร์ชื่อ Table ซึ่งใช้รูปแบบเส้นประให้คลอกเลือกที่เส้นชื่อ Acad_02w100 (4) คลิกปุ่ม OK เพื่อยอมรับและเลือกเส้นชื่อ Acad_02w100 และปิดหน้าจอ กลับไปที่ไดอะล็อกบอกซ์ Select Linetype (5) คลิกที่เส้นชื่อ Acad_02w100 เพื่อเลือกรูปแบบให้กับเลเยอร์ (6) คลิกปุ่ม OK เพื่อเลือกเส้นและปิดหน้าต่าง 3.4.4 การกำหนดสีให้กับเลเยอร์ (Layer Color) สีที่ถูกกำหนดให้กับเลเยอร์นั้นจะเป็นสีต้นแบบที่ใช้ในการเขียนแบบในแต่ละเลเยอร์โดยจะถูก กำหนดเป็น Color ByLayer ขั้นตอนการกำหนดสี (Color) (1) คลิกที่ Color ในกรอบสี่เหลี่ยมเล็กๆของเลเยอร์ที่ต้องการกำหนดค่าสีเป็นการ กำหนดสีให้กับเลเยอร์ Electric (2) มีไดอะล็อกบอกซ์ Select Color ปรากฏขึ้นมา ให้คลิกเลือกสีที่ต้องการในที่นี้ กำหนดให้ใช้สีในตารางที่ 3.2 เช่น เลเยอร์ Electric สีแดง ก็ให้เลือกสีแดง (3) คลิกปุ่ม OK เพื่อยอมรับสีที่เลือกและได้อะล็อกบอกซ์ก็จะปิด (4) เลเยอร์ที่เหลือก็ให้ทำตามขั้นตอนที่ 1-3 จนครบทุกเลเยอร์ก็จะได้ผลลัพธ์
3.4.5 การกำหนดเลเยอร์เป็เลเยอร์ปัจจุบัน (Current Layer) เลเยอร์ที่ถูกกำหนดเป็น Current Layer นั่นหมายถึงถูกให้กำหนดเป็นเลเยอร์หลักเพื่อใช้ใน การเขียนแบบ คือ ชิ้นงานใดๆที่ถูกเขียนลงไปก็จะไปเก็บไว้ในเลเยอรืนี้ทันที ขั้นตอนการกำหนดเลเยอร์เป็นเลเยอร์ปัจจุบัน (1) ให้คลิกที่ชื่อเลเยอร์ที่ต้องการกำหนดเป็นเลเยอร์ปัจจุบัน เช่น คลิกที่เลเยอร์ Room (2) คลิกปุ่ม Set Current นั่นคือเลเยอร์ Room ก็ถูกกำหนดให้เป็นเลเยอร์ปัจจุบันแทน เลเยอร์เดิมและจะมีเครื่องหมายถูกสีเขียว (3) เมื่อตั้งค่าต่างๆเสร็จสิ้นแล้ว ให้คลิกปุ่ม OK เพื่อยอมรับค่าทั้งหมดที่กำหนดไว้ และเริ่มทำ การเขียนแบบได้เลย นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดเลเยอร์ปัจจุบันได้จากกล่องเครื่องมือเลเยอร์ โดยคลิกที่ Layer drop down list แล้วเลือกเลเยอร์ที่ต้องการกำหนดเป็นเลเยอร์ปัจจุบัน 3.5 การใช้งาน Object Snap Object Snap เป็นคำสั่งที่ใช้เพื่อช่วยตรึงการเขียนวัตถุให้เข้ายึดติดกับวัตถุที่อยู่ชิดกันในตำแหน่ง ต่างๆ เพื่อให้การเขียนแบบมีความเที่ยงตรงมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น เลือกจุดปลาย (End Point) เลือกกึ่งกลาง (Midpoint) เป็นต้น สามารถ ON/OFF ได้ด้วยฟังก์ชันคีย์ F3 หรือ คลิกที่ Status bar บน OSNAP ก็ได้ 3.5.1 การกำหนดรูปแบบ Object Snap มีขั้นตอนดังนี้ 1. การเรียกใช้ไดอะล็อกบอกซ์ Drafting Settings สามารถเรียกใช้ได้หลายวิธีดังนี้ - คลิกที่เครื่องมือ - คลิกที่แถบเมนู Tools > Drafting Settings… - พิมพ์ OSNAP ที่บรรทัดคำสั่ง แล้วกด Enter - กด Ctrl + คลิกขวา หรือกด Shift + คลิกขวา จากนั้นจะมีไดอะล็อกบอกซ์ให้คลิกที่แท็ป 2. จากไดอะล็อกบอกซ์ Drafting Settings… ให้เลือก Object Osnap จากนั้นให้เลือก Object Snap Mode ที่ต้องการโดยให้คลิกเครื่องหมายถูกลงในช่อง ดังรายละเอียดของโหมดต่างๆในตาราง ที่ 3.2 3. คลิกปุ่ม OK เพื่อยอมรับสิ่งที่เลือกและปิดได้อะล็อกบอกซ์ 4. หลังจากที่ปฏิบัติจากขั้นตอนที่ 1-3 แล้วให้ลองใช้คำสั่ง Line เขียนเส้นดูและให้สังเกต ลักษณะของ Osnap ที่เกิดขึ้น 3.5.2 รูปแบบของ Object Snap Mode เนื่องจากรูปแบบของ Object Snap มีหลายรูปแบบ ทำให้จำความหมายได้ยาก และไม่ทราบ ว่าจะใช้งานอย่างไร หลัการง่ายๆนั่นคือให้พิจารณาที่ทำการเขียนแบบว่าควรใช้ Osnap รูปแบบใดในการ แก้ปัญหางานหรือเพิ่มความสะดวกและความแม่นยำในการเขียนแบบ เช่น ถ้าต้องการเขียนเส้นต่อจากจุด
กึ่งกลางเส้นใดๆก็ให้ใช้แบบ Midpoint เป็นต้น ดังนั้นในหัวข้อนี้ได้สรุปความหมายและการใช้คีย์ลัดการ เลือกใช้รูปแบบของ Osnap ไว้ในตารางที่ 3.3 ตารางที่ 3.3 อธิบายความหมายและรูปแบบของ Obgect Snap Mond รูปแบบ Toolbar คีย์ลัด Cursor คำอธิบายความหมาย Tracking TRA ใช้ในการบอกตำแหน่ง นิยมใช้ร่วมกับ Osnap อื่นๆ From FRO ใช้กำหนด Offset ต้องใช้ร่วมกับ Osnap อื่นๆ Endpoint END ใช้เลือกจุดปลายของเส้นหรือ Object โดยไม่ ต้องทราบพิกัด Midpoint MID ใช้เลือกจุดกึ่งกลางของเส้นหรือ Object Center CEN ใช้เลือกจุดศูนย์กลางของวงกลม วงรี และส่วน โค้ง Node NOD เลือกใช้จุดที่กำหนดด้วยคำสั่ง Point Quadrant QUA ใช้เลือกจุดที่มุม 0, 90, 180, 270 องศา ของ วงกลมหรือวงรี Intersection INT ใช้เลือกจุดตัดของ Object Insertion INS ใช้เลือกจุดแทรกของตัวอักษร บล็อกเชพ และแอ ททริบิวตี้ Perpendicular PER ใช้เลือกจุดตั้งฉากกับ Object Tangent TAN ใช้เลือกจุดสัมผัสวงกลม วงรี และส่วนโค้ง Nearest NEA ใช้เลือกจุดที่อยู่ใกล้ที่สุดบน Object นั้นๆ Apparent Int APP ใช้เลือกจุดตัดของ Object 2 ชิ้น ซึ่งจะตัดกันจริง หรือไม่ก็ได้ Extend EXT ใช้เลือกจุดปลายเพื่อเขียนเส้นตรงไปต่อกับอีก เส้นหนึ่ง Parallel PAR ใช้ควบคุมการเขียนเส้นขนานกับเส้นที่อยู่ใกล้กัน None NON ใช้ยกเลิก Snap Mode ปัจจุบัน 3.6 การย่อ/ขยายด้วยคำสั่ง Zoom Zoom เป็นคำสั่งที่ใช้ย่อ/ขยายภาพหรือชิ้นงานที่แสดงทางจอภาพ โดยจะไม่เปลี่ยนแปลงขนาดจริง ของภาพ การเรียกใช้งานสามารถเรียกได้หลายวิธีดังรูปที่ 3.29 ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการใช้งาน 3.6.1 ความหมายของการ Zoom แบบต่างๆ เป็นกล่องเครื่องมือ Zoom ซึ่งประกอบด้วยเครื่องเมื่อ Zoom แบบต่างๆ ดังนี้
1. Zoom Window ใช้สำหรับขยายภาพใต้กรอบสี่เหลี่ยมที่ได้จากการคลิกแล้วลากเมาส์ไป ส่วนที่ต้องการ Zoom จุดสุดท้าย 2. Zoom Dynamic ใช้สำหรับขยายภาพใต้กรอบสี่เหลี่ยมที่สามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งของ กรอบได้ตามต้องการ 3. Zoom Scale ใช้สำหรับย่อ-ขยายภาพโดยให้ค่า Scale factor เป็นอัตราส่วน 4. Zoom Center ใช้สำหรับขยายภาพโดยกำหนดจุดศูนย์กลางก่อน 5. Zoom Object ใช้สำหรับย่อ-ขยายรูปที่เลือกให้อยู่ภายใต้หน้าจอ 6. Zoom In เป็นการขยายขนาดขึ้นจากเดิม 2 เท่า 7. Zoom Out เป็นการย่อขนาดลงจากเดิม 2 เท่า 8. Zoom All ใช้สำหรับย่อ-ขยายภาพทั้งหมดให้อยู่ใน 1 หน้าจอ 9. Zoom Extents เป็นการย่อ-ขยาย ขนาดแบบแปลนทั้งหมดให้อยู่ในหน้าจอที่การแสดงผล ใหญ่ที่สุด 10. Zoom Realtime เป็นการย่อย-ขยาย ขนาดตามต้องการ โดยคลิกลากปล่อยบนแบบ แปลนถ้าคลิกลากขึ้นจะเป็นการขยาย และถ้าคลิกลากลงจะเป็นการย่อ 11. Zoom Previous เป็นการย่อ-ขยาย เพื่อปรับมุมมองไปยังมุมมองที่ผ่านมาล่าสุด 3.6.2 การเรียกใช้คำสั่ง Zoom 1. เรียกผ่านแถบเมนูคลิก View > Zoom > เลือกรูปแบบ 2. เรียกผ่านกล่องเครื่องมือ Zoom 3. เรียกผ่านบรรทัดคำสั่งโดยพิมพ์ Z แล้วกด Enter 3.6.3 ตัวอย่างการใช้คำสั่ง Zoom เพื่อเป็นการทดสอบการใช้คำสั่ง Zoom ดังนั้นให้เปิดไฟล์แบบแปลนที่แถมมากับ AutoCAD ชื่อ db_samp.dwg โดยปกติจะอยู่ใน C:\Program Files\AutoCAD 2008\Sample ตัวอย่างที่ 3.1 การใช้ Zoom Window จากรูปที่ 3.33เมื่อต้องการซูมภาพตำแหน่ง A ถึงตำแหน่ง B ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้ เรียกคำสั่ง Zoom Window โดยคลิกเครื่องหมายซูมหรือพิมพ์ Z หรือ Zoom แล้วกด Enter 3.7 การเลื่อนภาพด้วยคำสั่ง PAN คำสั่ง PAN ใช้สำหรับเลื่อนภาพบนจอภาพไปยังตำแหน่งที่ต้องการซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกใน การเขียนแบบอีกคำสั่งหนึ่งโดยมีรูปแบบการใช้งานหลายรูปแบบคือ Realtime, Point, Left, Right, Up, Down แต่ในที่นี้ขอยกตัวอย่างแบบ Realtime เท่านั้น ซึ่งเป็นรูปแบบที่นิยมใช้งานมากที่สุด ขั้นตอนการใช้คำสั่ง PAN Realtime 1. เรียกคำสั่งผ่านแถบเมนูคลิก View > PAN > Realtime หรือคลิกที่เครื่องมือหรือพิมพ์P ที่บรรทัดคำสั่ง Command:p แล้วกด Enter วิธีใดวิธีหนึ่ง จากนั้นให้สังเกตดูว่าจะเห็นสัญลักษณ์ของเมาส์จะ เปลี่ยนเป็นรูปมือ
2. ขั้นตอนการเลื่อนภาพ ดังนี้ (1) เลื่อนเมาส์ไปยังตำแหน่งหมายเลข 1 คลิกตำแหน่งเริ่มต้นและให้คลิกค้างไว้ (2) ลากเมาส์ไปในทิศทางที่ต้องการเคลื่อนย้าย (3) ที่ตำแหน่งหยุดให้ปล่อยการกดเมาส์ จะเห็นว่าภาพจะเคลื่อนไปยังตำแหน่งที่ ต้องการ
วิธีสอน และ กิจกรรม - นำเสนอด้วยเพาเวอร์พอยต์ / สาธิต - ถามตอบ - แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 3 - ใบงานที่ 3 สื่อการสอน หนังสือ อ้างอิง นิพนธ์ บุญสกันต์. 2558. การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี, ศูนย์หนังสือ เมืองไทย. เอกสาร ประกอบ - แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 3 - ใบงานที่ 3 วัสดุโสต ทัศน์ - ไวท์บอร์ด - โปรเจคเตอร์ งานที่ มอบหมาย -ศึกษาตำรา - ทำแบบฝึกหัดหน่วยที่ 3 - ปฏิบัติใบงานที่ 3 การวัดผล การวัดผลในหน่วยที่ 3 การเริ่มต้นใช้งานเขียนแบบด้วยโปรแกรม AutoCAD มีเกณฑ์การให้ คะแนนดังนี้ - นักเรียนมีความรู้ความจำ เรื่องการเริ่มต้นใช้งานเขียนแบบด้วยโปรแกรม AutoCAD 1 คะแนน - นักเรียนมีความเข้าใจในเรื่องการเริ่มต้นใช้งานเขียนแบบด้วยโปรแกรม AutoCAD 1 คะแนน - นักเรียนสามารถปฏิบัติใบงานที่ 3 การเริ่มต้นใช้งานเขียนแบบด้วยโปรแกรม AutoCAD 2 คะแนน หมายเหตุ :