The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาการเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kritsada.int, 2023-04-20 14:30:28

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาการเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาการเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์

สมรรถนะย่อย ใช้งานบล็อกและไฟล์ต้นแบบด้วยโปรแกรม AutoCAD ขั้นตอนกระบวนการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ MIAP กระบวนการสอนของครู กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน ขั้นการสอน(จุดประสงค์ที่ 9.1-1.6) 1. ขั้นนำ (Motivation) เวลา 5 นาที - นำเข้าสู่บทเรียน ด้วยปัญหาที่น่าสนใจ เป็น ปัญหาที่ผู้เรียนจะคิดหาคำตอบได้ 2. ขั้นศึกษาข้อมูล(Information)เวลา 115 นาที อธิบายเนื้อหา/สาธิต 1. การสร้างบล็อกเก็บอุปกรณ์ด้วยคำสั่ง Block 2. การสร้างบล็อกเก็บอุปกรณ์ด้วยคำสั่ง WBlock 3. การแทรกบล็อกและไฟล์ด้วยคำสั่ง Insert Block 4. การแทรกไฟล์แบบเชื่อมโยงด้วยคำสั่ง External Reference 5. ไฟล์ต้นแบบ 6. การเขียนโปรแกรม AutoLISP 3.ขั้นพยายาม (Application) เวลา 160 นาที - ให้นักศึกษาศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจาก ตำรา หน่วยที่ 9 เทคนิคการเขียนแบบขั้นสูงด้วย โปรแกรม AutoCAD - ให้นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงาน ที่ 9 เทคนิคการเขียนแบบขั้นสูงด้วยโปรแกรม AutoCAD 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) เวลา 20 นาที - ตรวจสอบการปฏิบัติงานเพื่อให้คะแนน - ตอบคำถามที่ผู้เรียนสงสัย ขั้นตอนการเรียน 1. ขั้นนำ (Motivation) - รับฟังและถามตอบก่อนเข้าสู่บทเรียน 2. ขั้นศึกษาข้อมูล( Information) - รับฟังครูอธิบายแต่ละหัวข้อ และสอบถามหาก สงสัยข้อใดข้อหนึ่ง 3.ขั้นพยายาม (Application) - อ่านทบทวนเนื้อหาอย่างละเอียดจากจากจากตำรา หน่วยที่ 9 เทคนิคการเขียนแบบขั้นสูงด้วยโปรแกรม AutoCAD - นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงานที่ 9 เทคนิคการเขียนแบบขั้นสูงด้วยโปรแกรม AutoCAD 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) - ส่งงานการปฏิบัติใบงานที่ 9 - ถามคำถามที่ผู้เรียนสงสัย


เนื้อหาบทเรียน หน่วยที่ 9 เทคนิคการเขียนแบบขั้นสูงด้วยโปรแกรม AutoCAD 9.1 การสร้างบล็อกเก็บอุปกรณ์ด้วยคำสั่ง Block คำสั่ง Block อักษรย่อ B เป็นคำสั่งที่ใช้จัดเก็บวัตถุหรือกลุ่มวัตถุไว้ในไฟล์ปัจจุบัน โดยต้องตั้งชื่อ Block ที่ใช้อ้างอิงถึงวัตถุในการจัดการเก็บหรือเรียกใช้เป็นต้นแบบในอนาคต 9.1.1 การเรียกใช้คำสั่ง Block คลิกที่เครื่องมือหรือแถบเมนู Draw > Block > Make หรือที่บรรทัดคำสั่งพิมพ์ Block หรือ B แล้วกด Enter 9.1.2 รายละเอียดของคำสั่ง Block เมื่อเรียกใช้คำสั่ง Block จะปรากฏไดอะล็อกบอกซ์ Block Definition ขึ้นมาเพื่อใช้ในการ สร้าง Block มีส่วนประกอบที่สำคัญดังนี้ 1. ช่อง Name ใช้สำหรับป้อนชื่อ Block ที่ต้องการสร้างหรือค้นหา Block ที่มีอยู่แล้ว 2. ปุ่ม Select object ใช้สำหรับคลิกเพื่อเลือกวัตถุหรือกลุ่มวัตถุที่ต้องการจัดเก็บเป็น Block ตามชื่อที่กำหนดไว้ในช่อง Name 3. ปุ่ม Pick point ใช้สำหรับคลิกเพื่อเลือกจุดอ้างอิงของ Block ขอแนะนำว่าควรกำหนดไว้ ใกล้ๆกับวัตถุ 4. แสดงตัวอย่างอุปกรณ์ภายใน Block ตามชื่อบล็อกที่ถูกเลือก 5. Descriptions ใช้สำหรับป้อนหรือแสดงคำอธิบายรายละเอียดของ Block 9.1.3 ขั้นตอนการสร้างบล็อกด้วยคำสั่ง Block 1. เรียกคำสั่ง Block 2. ที่ช่อง Name ให้ป้อนชื่อบล็อกลงในช่องรับข้อมูลดังตัวอย่างเช่น Plug 1 เพื่อจัดเก็บเต้ารับ เดี่ยวเป็นบล็อก เป็นต้น โดยชื่อที่ใช้ควรใช้ชื่อที่สื่อความหมาย ทั้งนี้เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกใช้งานในอนาคต ดังกล่าว 3. เลือกวัตถุ โดยคลิกปุ่ม Select object จากนั้นคลิกจุดที่ 2 คลิกจุดที่ 2 เพื่อเลือกวัตถุ เมื่อ เลือกวัตถุครบแล้วให้กด Enter 4. กำหนดจุดอ้างอิงของบล็อก โดยคลิกปุ่ม 3 ปุ่ม Pick point ในที่นี้ให้คลิกตรงกลางเต้ารับ 5. ป้อนคำอธิบายรายละเอียดของบล็อก ลงในช่อง Description เช่น “เต้ารับเดี่ยว” 6. คลิกปุ่ม OK เพื่อจัดเก็บบล็อกลงในไฟล์ปัจจุบัน และออกจากไดอะล็อกบอกซ์ จากนั้นให้ สร้างบล็อกจัดเก็บสัญลักษณ์อื่นๆ โดยปฏิบัติเช่นเดียวกัน 9.1.4 การแก้ไขและการปรับปรุงบล็อก เราสามารถแก้ไขบล็อกที่สร้างเสร็จแล้วโดยใช้คำสั่ง Bedit มีขั้นตอนดังนี้ 1. เรียกคำสั่งโดยคลิกที่เครื่องมืออยู่ใน Standard 2. เลือกชื่อบล็อกที่ต้องการแก้ไข แล้วคลิกปุ่ม OK จากไดอะล็อกบอกซ์ Edit Block Definition


3. ทำการแก้ไขวัตถุต่างๆได้เข่นเดียวกับการแก้ไขวัตถุทั่วๆไป 4. เมื่อแก้ไขเสร็จสิ้นแล้ว ให้คลิกปุ่ม Close Block Editor และเมื่อปรากฏคำถามยืนยันการ จัดเก็บให้คลิกปุ่ม Yes เพื่อจัดเก็บบล็อก และจบคำสั่ง 9.2 การสร้างบล็อกเก็บอุปกรณ์ด้วยคำสั่ง WBlock คำสั่ง WBlockอักษรย่อ W เป็นคำสั่งที่ใช้จัดเก็บวัตถุ กลุ่มวัตถุ หรือบล็อก ไปเป็นไฟล์ใหม่มีนามสกุล .DWG เพื่อเรียกใช้กับไฟล์เขียนแบบอื่นๆ ในอนาคต 9.2.1 การเรียกใช้คำสั่ง WBlock คำสั่งนี้ไม่มีในเมนู การเรียกใช้งานต้องเรียกผ่านบรรทัดคำสั่งโดยการป้อน W หรือ WBlock แล้วกด Enter 9.2.2 รายละเอียดของคำสั่ง WBlock เมื่อเลือกใช้คำสั่ง WBlock จะปรากไดอะล็อกบอกซ์ Write Block ขึ้นมาเพื่อใช้ในการ กำหนดค่าต่างๆดังรูปที่ 9.6 ซึ่งมีส่วนประกอบหลัก 2 ส่วนดังนี้ 1. Source เป็นแหล่งวัตถุต้นทางที่ต้องการจัดเก็บเป็นไฟล์ใหม่ ซึ่งมี 3 ตัวเลือกที่ใช้ในการ กำหนดแหล่งวัตถุต้นทาง คือ Block, Entire drawing และ Object ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ (1) Block เป็นการเลือกแหล่งวัตถุต้นทางที่เป็นบล็อกและถูกสร้างด้วยคำสั่ง Block เพื่อเขียนเป็นไฟล์ .DWG ตามชื่อไฟล์ที่กำหนด ซึ่งทำได้โดยการคลิกเลือก Block จากนั้นเลือกชื่อบล็อกที่ ต้องการในช่องแสดงรายชื่อบล็อก (2) Entire drawing เป็นการใช้ไฟล์ปัจจุบันเป็นแหล่งวัตถุ นั่นคือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ อยู่ในไฟล์ปัจจุบันจะถูกนำไปเขียนเป็นไฟล์ .DWG ตามชื่อไฟล์ที่กำหนด ซึ่งทำได้โดยการคลิกเลือก Entire drawing (3) Object เป็นการเลือกวัตถุหรือกลุ่มวัตถุที่อยู่ในแบบปัจจุบันเป็นแหล่งวัตถุ เหมือนกับคำสั่ง Block เพื่อนำไปเขียนเป็นไฟล์ .DWG ตามชื่อไฟล์ที่กำหนด 2. Destination เป็นแหล่งที่ใช้เก็บวัตถุปลายทาง นั่นคือเราจะต้องรู้ว่าจะเก็บไฟล์ .DWG ที่ได้ จากคำสั่ง WBlock ไว้ที่ไหน เพื่อจะเรียกใช้งานภายหลังได้ถูกต้อง 9.2.3 ขั้นตอนการใช้คำสั่ง WBlock 1. เรียกคำสั่ง WBlock ผ่านทางบรรทัดคำสั่ง จากนั้นก็จะปรากฏไดอะล็อกบอกซ์ Write WBlock 2. คลิกเลือกแหล่งวัตถุต้นทางที่ต้องการ 3. เลือกชื่อบล็อกที่มีอยู่ในรายการ เช่น เลือก Plug 1 4. กำหนดชื่อไฟล์ใหม่ที่ต้องจัดเก็บบล็อกที่ถูกเลือกจากข้อที่ 3 ซึ่งจากรูป กำหนดชื่อไฟล์ชื่อ E-Plug1.DWG เก็บที่โฟลเดอร์ My Documents (C:\Documents and Settings\Admin\My Documents\E-plug 1)


5. คลิกปุ่ม OK เพื่อเขียนชื่อบล็อกชื่อ Plug 1 ลงไปเก็บไว้ในไฟล์ E-Plug1.DWG และจบ คำสั่ง 6. ให้เปิดโฟลเดอร์ My Documents แล้วตรวจสอบชื่อไฟล์ที่จัดเก็บไว้ 7. ถ้าหากต้องการตกแต่งหรือแก้รายละเอียดของไฟล์ก็สามารถเปิดขึ้นมาแล้วทำการแก้ไขได้ เหมือนกับไฟล์ .DWG ทั่วๆไป 9.3 การแทรกบล็อกและไฟล์ด้วยคำสั่ง Insert Block คำสั่ง Insert Block อักษรย่อ I ใช้สำหรับแทรกบล็อกหรือไฟล์ มาวางในไฟล์ปัจจุบันตามตำแหน่งที่ กำหนด โดยการเลือกตัวเลือกต่างๆผ่านทางไดอะล็อกบอกซ์ Insert 9.3.1 การเรียกใช้คำสั่ง Insert Block โดยการคลิกที่เครื่องมือ หรือแถบเมนู Insert > Block หรือที่บรรทัดคำสั่งให้ป้อน Insert หรือ I แล้วกด Enter 9.3.2 รายละเอียดของคำสั่ง Insert Block ในการกำหนดค่าต่างๆจะกำหนดผ่านไดอะล็อกบอกซ์ Insert ซึ่งมีส่วนประกอบที่สำคัญ 1. ช่อง Name ใช้สำหรับเลือกชื่อบล็อกที่ต้องการแทรก โดยคลิกเลือกจากช่อง 2. ปุ่ม Browse… ใช้สำหรับเลือกไฟล์ .DWG ที่ต้องการนำมาแทรกบนไฟล์ปัจจุบัน 3. Insertion point ใช้เพื่อกำหนดจุดแทรกบล็อกหรือไฟล์ ปกติจะถูกกำหนดเป็นเครื่องหมาย ถูก เพื่อกำหนดลงบนพื้นเขียนแบบ 4. Scale ใช้เพื่อกำหนดอัตราส่วนย่อ ขยาย ของวัตถุที่แทรกเข้ามา ปกติจะถูกกำหนดค่าเป็น 1 คือ ขนาดเท่าเดิม 5. Rotation ใช้เพื่อกำหนดมุมหมุนของวัตถุที่ถูกแทรกเข้ามา ปกติจะถูกกำหนดค่าไว้ที่ 0 องศา 6. Explode ใช้กำหนดการวางระบิดวัตถุ หลังจากแทรกเข้ามา ปกติจะถูกกำหนดเป็นสีขาว ซึ่งไม่ได้ถูกเลือกวัตถุให้ระเบิด 9.3.3 ขั้นตอนการแทรกบล็อก ให้ดูในอะล็อกบอกซ์ 1. เรียกคำสั่ง Insert Block 2. เลือกชื่อบล็อกที่ต้องการแทรก โดยเลือกคลิกในช่อง Name (หมายเลข 1) เช่น FL 1x20W หรือบล็อกอื่นๆที่มีอยู่ในรายการ 3. ส่วนค่าอื่นๆจะกำหนดหรือไม่ก็ได้ หรือเลือกกำหนดเพื่อความเหมาะสม 4. คลิกปุ่ม OK 5. จะสังเกตเห็นว่ามีวัตถุดิบอยู่ในเคอร์เซอร์ นั่นคือเป็นวัตถุที่อยู่ในบล็อกที่เราแทรกขึ้นมา นั่นเอง 6. ให้คลิกยังตำแหน่งที่ต้องการแทรกวัตถุ Angle=0, Angle=90 7. ถ้าต้องการปรับปรุงแก้ไขวัตถุ กรณียังไม่ได้เลือก Explode ก็ให้ใช้คำสั่ง Explode ระเบิด ชิ้นงานก่อน จากนั้นจึงทำการแก้ไขได้


9.3.4 ขั้นตอนการแทรกไฟล์ .DWG ให้ดูในอะล็อกบอกซ์ 1. เรียกใช้คำสั่ง Insert Block 2. คลิกปุ่ม Browse… เพื่อเลือกไฟล์ที่ต้องการแทรก เช่น คลิกเลือกไฟล์ชื่อ E-Plug2-SP แล้ว คลิกปุ่ม Open เพื่อเปิดไฟล์และกลับไปยังไดอะล็อกบอกซ์ Insert 3. ส่วนค่าอื่นๆจะกำหนดหรือไม่ก็ได้ หรือเลือกกำหนดเพื่อความเหมาะสม 4. คลิกปุ่ม OK 5. จะสังเกตเห็นว่ามีวัตถุติดอยู่กับเคอร์เซอร์ นั่นคือเป็นวัตถุที่อยู่ในบล็อกที่เราแทรกขึ้นมา นั่นเอง 6. ให้คลิกยังตำแหน่งที่ต้องการแทรกวัตถุ Angle=0, Angle=90 7. ถ้าต้องการปรับปรุงแก้ไขวัตถุ กรณียังไม่ได้เลือก Explode ก็ให้ใช้คำสั่ง Explode ระเบิด ชิ้นงานก่อน จากนั้นจึงทำการแก้ไขได้ 9.4 การแทรกไฟล์แบบเชื่อมโยงด้วยคำสั่ง External Reference คำสั่ง External Reference อักษรย่อ xref ใช้สำหรับแทรกไฟล์จากภายนอกมายังไฟล์ปัจจุบันใน ลักษณะการเชื่อมโยง โดยใช้แทรกไฟล์ตระกูล dwgdwfdgnpdf และ image ทำให้ลดความซ้ำซ้อนในการเขียน แบบ ข้อจำกัดของคำสั่ง xref คือ ถ้าหากต้องการแก้ไขส่วนใดๆของแบบจะต้องทำการแก้ไขที่ไฟล์ต้นฉบับ เท่านั้น 9.4.1 เรียกใช้คำสั่ง External Reference โดยคลิกที่เครื่องมือจากกล่องเครื่องมือชื่อ Reference หรือที่แถบเมนู Insert > External Reference หรือที่บรรทัดคำสั่งให้พิมพ์ xref แล้วกด Enter 9.4.2 รายละเอียดของคำสั่ง External Reference หลังจากเรียกคำสั่ง xref ก็จะปรากฏไดอะล็อกบอกซ์ เพื่อใช้ดำเนินการต่างๆ ข้อควรทราบ เมื่อต้องการแทรกไฟล์เพื่อเชื่อมโยงจากภายนอกมาแสดงไว้ในไฟล์ปัจจุบัน ต้องมีไฟล์ที่สร้างและบันทึกเก็บไว้ที่ ตำแหน่งใดๆ และต้องจำไว้ให้แม่น เนื่องจากหลังจากเชื่อมโยงเสร็จแล้ว ถ้าหากไฟล์ต้นฉบับจากภายนอกมีการ เปลี่ยนตำแหน่งที่จัดเก็บหรือถูกลบไป การเชื่อมโยงจะไม่สามารถแสดงข้อมูลไฟล์ต้นฉบับในไฟล์ปัจจุบันได้ 9.4.3 ตัวอย่างการใช้คำสั่ง External Reference ตัวอย่างที่ 9.1 การแทรกไฟล์ด้วยใช้คำสั่ง xref ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนตัวอย่างนี้ ในกรณีที่ไม่มี ไฟล์ต้นฉบับ ให้สร้างไฟล์ต้อนฉบับแบบง่ายๆ แล้วจัดเก็บไฟล์ชื่อ My_xref.dwg ไว้ในโฟลเดอร์ My Documents เป็นรายละเอียดของไฟล์ต้นฉบับและการจัดเก็บไฟล์


ไฟล์ต้นฉบับใช้เชื่อมโยงด้วยคำสั่ง External Reference 9.4.4 วิธีปฏิบัติ การใช้คำสั่ง External Reference 1. เรียกคำสั่ง External Reference 2. คลิกปุ่ม แทรกการเชื่อมโยง (Attach DWG..) 3. คลิกเลือกไฟล์ ชื่อ My_xref.dwg 4. คลิกปุ่ม Open 5. คลิกเครื่องหมายถูกจากช่อง Specify On-screen ออก เพื่อกำหนดค่าตำแหน่งการแทรก ที่แกน X=0, Y=0, Z=0 6. คลิกปุ่ม OK เพื่อแทรกไฟล์และจบขั้นตอน 9.5 ไฟล์ต้นแบบ ไฟล์ต้นแบบหรือเทมเพลทไฟล์ คือ ไฟล์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นต้นแบบ ทำให้การเขียนแบบมีความ เป็นมาตรฐาน และช่วยประหยัดเวลาในลักษณะการทำงานแบบซ้ำๆ ที่เป็นส่วนเริ่มต้นของการเขียนแบบ เช่น หน่วยวัด ขอบเขตพื้นที่เขียนแบบ เลเยอร์ แบบฟอร์ม และอื่นๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการเขียนแบบ ในโปรแกรม AutoCAD 2008 ได้กำหนดรูปแบบของไฟล์ต้นแบบเป็น AutoCAD Drawing Template(*.DWT) ดังนั้นใน หัวข้อนี้ได้กล่าวถึงการสร้าง การบันทึก และการใช้ไฟล์ต้นแบบ ไว้พอเป็นตัวอย่างพื้นฐานในการประยุกต์ใช้งาน 9.5.1 การสร้างไฟล์ต้นแบบ เป็นการสร้างไฟล์เขียนแบบที่เหมือนกับการสร้างไฟล์ในรูปแบบ Drawing(*.DWG) ทุก ประการ เพียงแต่ในการจัดเก็บไฟล์ให้เลือกที่ช่อง File of type เป็น AytoCAD Drawing Template(*.DWT) เท่านั้น ในส่วนรายละเอียดของแบบที่จะจัดเก็บไว้ในไฟล์ต้นแบบนั้น จะต้องพิจารณาว่าอะไรควรจะจัดเก็บบ้าง โดยเฉพาะสิ่งที่ต้องใช้งานแบบซ้ำๆ 1. ขั้นตอนการสร้างไฟล์ต้นแบบ โดยสรุปมีดังนี้


(1) สร้างไฟล์ใหม่แบบว่างเปล่า (2) กำหนดขอบเขตพื้นที่เขียนแบบ (Limits) ตามแบบที่ต้องการ เช่น A0, A1, A2, A3, A4 ขนาดใดขนาดหนึ่ง (3) กำหนดหน่วยวัด (Units) (4) ตั้งค่า Grid และ Snap (5) สร้างเลเยอร์ (Layer) ที่จำเป็นต้องใช้ในการเขียนแบบ (6) ตั้งรูปแบบของตัวอักษร (7) ตั้งรูปแบบของการบอกขนาด (8) สร้างแบบฟอร์มมาตรฐานที่ต้องใช้ในการเขียนแบบ (9) สร้างบล็อกจัดเก็บสัญลักษณ์และแบบฟอร์มที่ใช้ในการเขียนแบบ (10) จัดเก็บไฟล์ต้นแบบ โดยเลือก Fileoftype เป็น AutoCAD Drawing Template(*.DWT) 2. ตัวอย่างการสร้างไฟล์ต้นแบบ เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ขอให้ดูขั้นตอนการสร้าง ไฟล์ต้นแบบ 1. กำหนดขอบเขตพื้นที่เขียนแบบเป็นขนาด A3 2. กำหนดหน่วยวัดเป็นจุดทศนิยม 3. ตั้งค่า Grid และ Snap โดยกำหนดระยะพื้นฐานเท่ากับ 5 หน่วย 4. สร้างเลเยอร์ที่จำเป็นต้องใช้ในการเขียนแบบ ซึ่งประกอบด้วย Layer และคุณสมบัติต่างๆของเล เยอร์ ดังตารางที่ 9.1 ตารางที่ 9.1 ตัวอย่างชื่อเลเยอร์ที่ใช้สำหรับงานเขียนแบบไฟฟ้าบ้านพักอาศัย ชื่อเลเยอร์ สี รูปแบบเส้น ความหมาย Forms ขาว เขียนแบบฟอร์ม House_plan ขาว เขียนแปลนบ้าน House_text1 ม่วง ตัวอักษรกำกับแบบแปลนบ้าน Lighting น้ำเงิน เขียนตำแหน่งดวงโคม Power น้ำเงิน เขียนตำแหน่งเต้ารับ Lighting_Circuil แดง เขียนเส้นโยงวงจรดวงโคม Power_Circuil แดง เขียนเส้นโยงวงจรเต้ารับ Symbol_Table น้ำเงิน เขียนตารางสัญลักษณ์ทางไฟฟ้า Oneline แดง เขียนวงจรเส้นเดียว (One line diagram) Load_Table น้ำเงิน เขียนแบบฟอร์มตารางโหลด Text_Table เขียว เขียนรายละเอียดบนตารางโหลด


ขั้นตอนการสร้างไฟล์ต้นแบบ 1. สร้างไฟล์ใหม่แบบว่างเปล่า (ก) คลิกแถบเครื่องมือ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้สร้างไฟล์ใหม่ (ข) คลิกเลือก acad.dwt ซึ่งเป็นไฟล์ต้นแบบที่ใช้สำหรับการสร้างไฟล์แบบว่างเปล่า (ค) คลิก Open เพื่อเปิดไฟล์ Drawing ใหม่ ตามไฟล์ต้นแบบที่เลือก 2. กำหนดขอบเขตพื้นที่เขียนแบบเป็นขนาด A3 แนวนอนซึ่งในตัวอย่างนี้ใช้ขนาดจริงของกระดาษ (420x297) โดยใช้คำสั่ง Limits (ก) ที่บรรทัดคำสั่ง ให้พิมพ์ limits แล้วกด Enter (ข) ตั้งค่าขอบเขตล่าง แล้วกด Enter เพื่อตั้งค่าที่จุด 0, 0 (ค) ตั้งค่าขอบเขตบน แล้วกด Enter เนื่องจากค่าปัจจุบันเป็นขนาด A3 แนวนอนที่ถูกต้อง แล้ว 3. กำหนดหน่วยวัด โดยใช้คำสั่ง Units โดยตั้งค่าเป็นระบบทศนิยม (ก) ที่แถบเมนูคลิก Format > Units… ดังหมายเลข 1 (ข) ตั้งค่าหน่วยวัดความยาว ดังหมายเลข 2 ให้ค่าต่างๆแสดงในรูป (ค) ตั้งค่าหน่วยวัดมุม ดังหมายเลข 3 ให้ตั้งค่าต่างๆแสดงดังในรูป (ง) คลิกปุ่ม OK ดังหมายเลข 4 เพื่อจบคำสั่ง 4. ตั้งค่า Grid และ Snap โดยกำหนดระยะพื้นฐานเท่ากับ 5 หน่วย (ก) ที่แถบเมนูคลิก Tools > Drafting Setting… (ข) ตั้งค่า Snap เท่ากับ 5 หน่วย (ค) ตั้งค่า Grid เท่ากับ 5 หน่วย (ง) ตั้งค่า Grid behavior (จ) คลิกปุ่ม OK เพื่อจบคำสั่ง 5. สร้างเลเยอร์ที่จำเป็นต้องใช้ในการเขียนแบบโดยคลิก Format > Layer… และให้ใช้ข้อกำหนดใน การสร้างดังตารางที่ 9.1 (ก) คลิกสร้างเลเยอร์ใหม่ (ข) ป้อนชื่อเลเยอร์ลงในช่อง Name (ค) คลิกเลือกสีที่ต้องการ โดยต้องคลิกให้ตรงกับบรรทัดที่ตรงกับชื่อเลเยอร์ที่ต้องการ (ง) คลิกเลือกรูปแบบเส้นที่ต้องการ ในที่นี้ไม่ต้องเปลี่ยนเพราะรูปแบบเส้น Continuous เป็น รูปแบบที่ถูกต้องแล้ว (จ) คลิกปุ่ม OK เพื่อจบคำสั่ง 6. ตั้งรูปแบบของตัวอักษร โดยใช้คำสั่ง Text Style การเรียกคำสั่งให้คลิกที่แถบเมนูคลิก Format > Text Style… จากนั้นให้สร้างรูปแบบตัวอักษร


(ก) คลิกปุ่ม New… ดังหมายเลข 1 แล้วป้อนชื่อรูปแบบตัวอักษรที่ต้องการสร้าง โดยให้ป้อน ชื่อ Thai_Ang_3 ก่อน จากนั้นคลิกปุ่ม OK (ข) เลือก Font Name เป็น AngsanaNew ดังหมายเลข 2 (ค) ป้อนขนาดความสูงของตัวอักษร 3 มิลลิเมตร ลงในช่องหมายเลข 3 (ง) คลิกปุ่ม Apply ดังหมายเลข 4 เพื่อปรับปรุงค่า จากนั้นให้ทำซ้ำจากขั้นตอนที่ (ก) ถึง (ง) เพื่อสร้างรูปแบบตัวอักษรชื่อ Thai_Ang_3 โดยกำหนดความสูงของตัวอักษร 5 มิลลิเมตร (จ) คลิกปุ่ม Close เพื่อจบคำสั่งและปิดไดอะล็อกบอกซ์ 7. ตั้งรูปแบบของการบอกขนาด (Dimension Style) ให้ตั้งตามความเหมาะสม ซึ่งไม่ขอยกตัวอย่างใน ที่นี้ 8. สร้างแบบฟอร์มมาตรฐานที่ต้องใช้ในการเขียนแบบ ซึ่งปกติแล้วรายละเอียดที่ใช้ในการสร้าง แบบฟอร์มสามารถออกแบบได้อย่างอิสระ ในตัวอย่างนี้ขอใช้แบบฟอร์มง่ายๆที่ใช้ในการเรียนการสอนเท่านั้น (ก) กำหนดเลเยอร์ Forms เป็นเลเยอร์ที่ใช้งานปัจจุบัน (ข) สร้างกรอบของแบบฟอร์มโดยใช้คำสั่ง Rectengle ตั้งความหนา = 0.5 ,b]]bg,9i (ค) สร้างและเขียนรายละเอียดของแบบฟอร์มทั้งหมด 9. เขียนแบบสัญลักษณ์ไฟฟ้าและสร้างบล็อกจัดเก็บสัญลักษณ์และแบบฟอร์มที่ใช้ในการเขียนแบบโดย เขียนสัญลักษณ์ไฟฟ้าไว้ในเลเยอร์ Symbol_Table (ก) กำหนดเลเยอร์ Symbol_Table เลเยอร์ใช้งานปัจจุบัน (ข) เขียนสัญลักษณ์ไฟฟ้าต่างๆให้ครบ ดังในตารางสัญลักษณ์ (ค) สร้างบล็อกเพื่อจัดเก็บสัญลักษณ์แต่ละอัน เพื่อเรียกใช้งานภายหลัง ทำให้ประหยัดเวลา มี ความถูกต้องเป็นมาตรฐานยิ่งขึ้น การสร้างบล็อกให้ดูขั้นตอนในหัวข้อที่ 9.2 เมื่อสร้างบล็อกเสร็จแล้วจะได้ บล็อกทั้งหมด 10. จัดเก็บไฟล์ต้นแบบ โดยเลือก File of type เป็น AutoCAD Drawing Template(*.DWT) จากนั้นเลือกปลายทาง (Destination) และตั้งชื่อไฟล์ ขอแนะนำว่าไม่ควรเก็บไว้ใน Folder ของโปรแกรม AutoCAD เนื่องจากไม่มีความปลอดภัย ดังนั้นควรแยกเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย เช่น เก็บไว้ที่ D:\My Drawing\Template\ElectricSymbol.DWT (ก) เรียกคำสั่ง Save As โดยคลิกที่แถบเมนู File > Save As… (ข) เลือก Type of file เป็น AutoCAD Drawing Template(*.DWT) (ค) พิมพ์ชื่อไฟล์ลงในช่อง File Name โดยใช้ชื่อ ElectricSymbol (ง) เลือกตำแหน่งปลายทางที่ต้องการจัดเก็บ คือ D:\My Drawing\Template โดยคลิกเลือก จากช่อง Save in: (จ) คลิกปุ่ม Save เพื่อจัดเก็บไฟล์ต้นแบบ (ฉ) ป้อนคำอธิบายถึงรายละเอียดของไฟล์ต้นแบบ (ช) คลิกปุ่ม OK จัดเก็บข้อมูลและจบคำสั่ง


9.5.2 การเรียกไฟล์ต้นแบบใช้งาน โดยปกติแล้วโปรแกรม AutoCAD มีไฟล์ต้นแบบแถมมาให้เลือกใช้จำนวนมากซึ่งอยู่ใน โฟลเดอร์ Template ที่อยู่ภายในโฟลเดอร์หลักของโปรแกรม ดังนั้นเมื่อเราต้องการใช้ไฟล์ต้นแบบโปรแกรมจะ วิ่งมาที่โฟลเดอร์นี้ก่อนเสมอ แต่เมื่อเราต้องการใช้ไฟล์ต้นแบบที่สร้างขึ้นมาเองและถูกเก็บไว้ที่โฟลเดอร์อื่นๆ ให้ ปฏิบัติดังนี้ 1. ขั้นตอนการเรียกไฟล์ต้นแบบใช้งาน ให้ดูรูปที่ 9.30 ประกอบ (1) สร้างไฟล์ Drawing(*.DWG) ใหม่ โดยคลิกที่แถบเมนู File > New… (2) ให้ดูในช่อง File of type จะต้องให้เป็นDrawing Template(*.dwt) เสมอ (3) ในช่อง look in: ให้คลิกเลือก D:\My Drawing\Template (4) ให้คลิกเลือกไฟล์ต้นแบบที่สร้าง คือ Electric Symbol (5) จากนั้นชื่อไฟล์ต้นแบบจะปรากฏในช่อง File Name: ดังหมายเลข4และแสดงตัวอย่างไฟล์ ต้นแบบที่ถูกเลือกในพื้นที่ (6) คลิกปุ่ม Open เพื่อเข้าสู่ไฟล์ Drawing(*DWG) ทันทีนั้น Drawing(*.DWG) จะได้รับการ สืบทอดคุณสมบัติทุกอย่างจากไฟล์ต้นแบบทันที (7) ปฏิบัติเขียนแบบไฟฟ้าได้ทันที โดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ 9.6 การเขียนโปรแกรม AutoLISP AutoLISP คือ การเขียนโปรแกรมด้วยภาษา LISP เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ชั้นสูงนอกจากนำไปใช้ใน การเขียนโปรแกรมทั่วไปแล้วยังสามารถใช้ได้ดีในการประมวลผลสัญลักษณ์ ดังนั้นจึงถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย ทางด้านปัญญาประดิษฐ์ จึงเป็นการเพิ่มสีสันให้กับโปรแกรม AutoCAD ตรงที่สร้างคำสั่งใหม่เพื่อลดขั้นตอน การทำงานสะดวกและประหยัดเวลาได้เป้นอย่างมาก ซึ่งจะเขียนโปรแกรมสั่งให้AutoCAD ทำงานได้ตามความ ต้องการของผู้เขียน ทั้งนี้ในหัวข้อนี้จะกล่าวถึงการเขียนโปรแกรม AutoLISP ขั้นพื้นฐาน เพื่อให้ผู้ที่มีความสนใจ การเขียนโปรแกรม AutoLISP นำไปเป็นแนวทางในการพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมที่สูงขึ้นต่อไป 9.6.1 การใช้งานโปรแกรม Visual LISP Editor เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับเขียนโปรแกรม AutoLISP ใช้งานภายใต้โปรแกรม AutoCAD 1. การเรียกใช้โปรแกรม Visual LISP Editor จากหน้าต่าง จากโปรแกรม AutoCAD คลิกเมนู Tool > AutoLISP > Visual LISP Editor 2. ให้ศึกษาส่วนประกอบที่สำคัญของโปรแกรม Visual LISP Editor ให้เข้าใจ 9.6.2 โครงสร้างและรูปแบบของโปรแกรมด้วยภาษา AutoLISP การเขียนโปรแกรมทุกภาษา เช่น ภาษา C, Basic, Java LISP เป็นต้น จำเป้นอย่างยิ่งที่จะต้อง รู้และเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้าง ส่วนประกอบ และรูปแบบของภาษา โดยขอยกตัวอย่างโปรแกรม Hello โปรแกรม Hello 1. (defun C:Hello ( ) 2. (setq H “Hello World ! This is AutoLISP Language. ”)


3. (princ H) 4. (princ) 5. ) โปรแกรม Hello ข้างต้นมีโครงสร้างดังนี้ 1. เครื่องหมายวงเล็บปิดและวงเล็บเปิด (...) จะมีคู่มันเสมอหากคู่ใดขาดวงเล็บไปตัวใดตัวหนึ่ง จะส่งผลให้โปรแกรมทำงานไม่ได้ เรียกว่า Error ทันที ดังนั้นผู้เขียนหรือพัฒนาโปรแกรมต้องมีความรอบคอบ เป็นพิเศษ (...) วงเล็บ เปิด-ปิด บรรทัดที่ 1 “(“และบรรทัดที่ 5”)” คู่นี้เป็นคู่ที่ครอบคลุมเนื้อหาของคำสั่ง ของโปรแกรมที่เราเขียนทั้งหมดคู่นี้จะช่วยแยกโปรแกรมหรือฟังก์ชันที่เราเขียนรวมไว้หลายๆ ฟังก์ชันในไฟล์ เดียวกันออกจากกัน ทำให้เราสามารถเขียนได้หลายๆโปรแกรมเก็บไว้ในไฟล์เดียวกันได้ ซึ่งจะสะดวกต่อการใช้ งาน แต่ไม่เหมาะกับโปรแกรมที่มีความยาวมากๆ ดังนั้นถ้าโปรแกรมมีความยาวมากๆ ควรแยกจัดเก็บ (... ) วงเล็บ เปิด-ปิด บรรทัดที่ 1 Hello () วงเล็บคู่นี้จะใช้ในการกำหนดรูปแบบของตัวแปร ซึ่งจะกำหนดหรือไม่ก็ได้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งาน ( ... ) วงเล็บเปิด-ปิด บรรทัดที่ 2-4 ทั้งสามคู่เป็นเพียงตัวอย่างของนิพจน์ที่ใช้เป็นตัวอย่าง ซึ่งอาจจะมีมากกว่าหรือน้อยกว่าขึ้นอยู่กับการเขียนโปรแกรม ส่วนรูปแบบของนิพจน์จะขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่ เราเขียนขึ้นมา นิพจน์จะเป็นส่วนในรายละเอียดของโปรแกรมไม่ว่าจะเป็นการประกาศตัวแปร การคำนวณ การ กำหนดค่า การรอรับค่าจากผู้ใช้งาน การแสดงผลทางจอภาพ และอื่นๆ 2. คำสั่ง defun (defind function) เป็นคำสั่งที่ใช้สร้างคำสั่งหรือฟังก์ชันขึ้นมาใหม่ สามารถ สร้างฟังก์ชันได้ 2 รูปแบบ คือ ฟังก์ชันหลัก สามารถใช้งานได้แบบเดียวกับคำสั่งทั่วไปของ AutoCAD โดยการพิมพ์ชื่อ ฟังก์ชันชั้นลงใน Command Line ฟังก์ชันย่อย เรียกใช้ภายในโปรแกรม ซึ่งคล้ายๆกับโมดูลในโปรแกรมภาษาอื่นๆ เหมาะ สำหรับเขียนฟังก์ชันที่ต้องเรียกใช้งานบ่อยๆภายใต้โปรแกรมนั้นๆ รูปแบบของฟังก์ชันทั้ง 2 ประเภท ดังตารางที่ 9.2 มีข้อแตกต่างกันเพียงอย่างเดียว คือ มีและ ไม่มีเครื่องหมาย C: เท่านั้นแต่การใช้งานไม่เหมือนกัน ตารางที่ 9.2 รูปแบบของฟังก์ชัน รูปแบบของฟังก์ชันหลัก รูปแบบของฟังก์ชันย่อย 1. (defun C: ชื่อฟังก์ชันหลัก () 2. (นิพจน์_1) 3. (นิพจน์_2) 4. (นิพจน์_n) 5. ) 1. (defun C: ชื่อฟังก์ชันย่อย () 2. (นิพจน์_1) 3. (นิพจน์_2) 4. (นิพจน์_n) 5. )


3. นิพจน์ (Expression) เป็นส่วนขยายหรือรายละเอียดของโปรแกรม โดยผู้เขียนสามารถ เขียนได้ตามรูปแบบของโปรแกรมแต่ละภาษา เช่น (setq H “Hello World ! This is AutoLISP Language. ”) นิพจน์นี้ใช้กำหนดค่าให้กับตัวแปร H ให้มีค่าเท่ากับ Hello World ! This is AutoLISP Language. เป็นต้น 9.6.3 ตัวอย่างการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา AutoLISP ตัวอย่างที่ 9.3 จงสร้างคำสั่งด้วยภาษา LISP เพื่อใช้เป็นคำสั่งเขียนวงกลมแบบต่างๆโดยให้มี ชื่อคำสั่งดังต่อไปนี้ คำสั่ง CCD ใช้เขียนวงกลมแบบ Circle> Center Diameter คำสั่ง CCR ใช้เขียนวงกลมแบบ Circle> Center Radius คำสั่ง C2P ใช้เขียนวงกลมแบบ Circle> 2 Points คำสั่ง C3P ใช้เขียนวงกลมแบบ Circle> 3 Points คำสั่ง CTR ใช้เขียนวงกลมแบบ Circle> Tangent Tangent Readius คำสั่ง CTT ใช้เขียนวงกลมแบบ Circle> Tangent Tangent Tangent ทั้งนี้ให้คำสั่ง CCD และ CCR สามารถรอรับค่าได้ตามต้องการผ่าน Command line ก่อนลง มือสร้างคำสั่งต่างๆให้ลองทดสอบการใช้คำสั่งผ่านทาง Command line ดูก่อนว่าสามารถเรียกใช้ได้หรือไม่ โดยพิมพ์ ccd ที่ command line แล้วกด Enter โดยหลังจากกด Enter จะมีข้อความแจ้งว่า Unknown command “CCD”. Press F1 for help. แสดงว่ายังไม่มีคำสั่ง CCD อยู่ในโปรแกรม จากนั้นก็ให้ทดสอบคำสั่ง อื่นๆทุกคำสั่งจะมีข้อความแบบเดียวกัน จากนั้นก็จะให้เริ่มสร้างแต่ละคำสั่งให้ครบตามกำหนด 1. การสร้างคำสั่ง CCD เพื่อใช้เขียนวงกลมแบบ Circle > Center Diameter มีขั้นตอนดังนี้ 1) เปิดโปรแกรม Visual LISP Editor โดยพิมพ์ Command: vlide หรือเลือกเมนู Tool > AutoLISP > Visual LISP Editor 2) สร้างไฟล์ใหม่โดยเลือกเมนู File > New 3) เขียนโปรแกรมเพื่อสร้างคำสั่ง CCD โดยสร้างฟังก์ชันชื่อ ccd เพื่อใช้เป็นชื่อคำสั่ง CCD 4) บันทึกหรือจัดเก็บไฟล์โปรแกรมที่เขียน โดยใช้ชื่อ Cricle_Command 5) การโหลดคำสั่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้สามารถเรียกใช้งานในโปรแกรม AutoCAD ได้ เช่นเดียวกับคำสั่งอื่นๆ ผ่านทาง Command line โดยให้คลิกปุ่มมีชื่อว่า Load active edit window ถ้าไม่มี อะไรผิดพลาดจะมีข้อความแจ้งว่า ; 1 form loaded from #<editor “E:/Visual LISP/Circle_Command .LSP”> และในกรณีทีข้อผิดพลาด จะมีข้อความแจ้งว่า Error: แจ้งลักษณะข้อผิดพลาด ;error: malformed string on input 6) กลับไฟยังหน้าจอโปรแกรม AutoCAD แล้วทดสอบการเรียกใช้คำสั่ง CCD ผ่าน ทาง Command line ตามขั้นตอนดังนี้ (ก) พิมพ์ CCD แล้วกด Enter (ข) กำหนดตำแหน่งที่ต้องการเขียนวงกลม เช่น ตำแหน่ง 50, 50 แล้วกด Enter


(ค) ป้อนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของวงกลม เช่น 10 แล้วกด Enter (ง) จะได้วงกลมที่เขียนด้วยคำสั่ง CCD 2. การสร้างคำสั่ง CCR, C2P, C3P, CTR, CTT ตามลำดับ จากนั้นบันทึกโปรแกรม และ เรียกใช้งานโดยคลิกปุ่ม Load active edit window แล้วกลับไปยังโปรแกรม AutoCAD เพื่อทดสอบการใช้ คำสั่งแต่ละคำสั่งผ่านทาง Command line


วิธีสอน และ กิจกรรม - นำเสนอด้วยเพาเวอร์พอยต์ / สาธิต - ถามตอบ - แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 9 - ใบงานที่ 9 สื่อการสอน หนังสือ อ้างอิง นิพนธ์ บุญสกันต์. 2558. การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี, ศูนย์หนังสือ เมืองไทย. เอกสาร ประกอบ - แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 9 - ใบงานที่ 9 วัสดุโสต ทัศน์ - ไวท์บอร์ด - โปรเจคเตอร์ งานที่ มอบหมาย -ศึกษาตำรา - ทำแบบฝึกหัดหน่วยที่ 9 - ปฏิบัติใบงานที่ 9 การวัดผล การวัดผลในหน่วยที่ 9 เทคนิคการเขียนแบบขั้นสูงด้วยโปรแกรม AutoCAD มีเกณฑ์การให้ คะแนนดังนี้ - นักเรียนมีความรู้ความจำ เรื่องเทคนิคการเขียนแบบขั้นสูงด้วยโปรแกรม AutoCAD 1 คะแนน - นักเรียนมีความเข้าใจในเรื่องเทคนิคการเขียนแบบขั้นสูงด้วยโปรแกรม AutoCAD 1 คะแนน - นักเรียนสามารถปฏิบัติใบงานที่ 9 เทคนิคการเขียนแบบขั้นสูงด้วยโปรแกรม AutoCAD 4 คะแนน หมายเหตุ :


ความสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ 3 ห่วง 1. ความพอประมาณ -เตรียมอุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยอย่างเหมาะสม 2. มีเหตุผล - ความปลอดภัยในการเรียนในรายวิชา 3. มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี - ป้องกันอุบัติเหตุในงานได้ 1. เงื่อนไขความรู้ (รอบรู้, รอบคอบ, ระมัดระวัง) 2 เงื่อนไข - ปฏิบัติตามกฎของโรงงานได้อย่างเคร่งครัด - บอกวิธีการป้องกันอุบัติเหตุในงานได - อธิบายถึงความสำคัญของความปลอดภัย ในการปฏิบัติงานได้ 2. เงื่อนไขคุณธรรม - มีความรับผิดชอบ - มีความคิดสร้างสรรค์ 1. มิติด้านเศรษฐกิจ 4 มิติ - ใช้อุปกรณ์ วัสดุ ในการเรียนการสอนอย่างประหยัด คุ้มค่า 2. มิติด้านสังคม - สามารถนำวิธีการทำงานไปปรับกับการทำงานภายนอกได้ 3. มิติด้านสิ่งแวดล้อม - ไม่ทำลายทำธรรมชาติในการเรียนในรายวิชา 4. มิติด้านวัฒนธรรม - มีคุณธรรม ความซื่อสัตย์ต่อวิชา ครูผู้สอน


ความสอดคล้องกับคุณธรรมพื้นฐาน 8 ประการ ของสถานศึกษา ............................................................................ 1. ขยัน → นักเรียนนักศึกษาสามารถทำงานเสร็จตรงตามเวลา 2. ประหยัด → นักเรียนนักศึกษานำวัสดุที่ใช้มาปฏิบัติอย่างประหยัด 3. ซื่อสัตย์ → นักเรียนนักศึกษามีความซื่อสัตย์ต่อวิชาเรียน ต่อผู้สอน 4. มีวินัย → นักเรียนนักศึกษามาเรียนตรงตามเวลา 5. สุภาพ → นักเรียนนักศึกษามีความสุภาพต่อครูผู้สอน 6. สะอาด → นักเรียนนักศึกษาช่วยกันรักษาความสะอาดในแผนกวิชา 7. สามัคคี → นักเรียนนักศึกษามีความสามัคคีร่วมมือกันทำงานเป็นกลุ่ม 8. มีน้ำใจ → นักเรียนนักศึกษามีความเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนร่วมห้อง


ใบเตรียมการสอน สัปดาห์ที่ 14 วิชา การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์ ทฤษฏี 2 คาบ หน่วยที่ 10 การใช้เลย์เอาท์และการพิมพ์แบบแปลน ปฏิบัติ 3 คาบ ชื่อหน่วยเรียน หน่วยที่ 10 การใช้เลย์เอาท์และการพิมพ์แบบแปลน 10.1 การใช้เลย์เอาท์ (Layout) (แบบฝึกหัดข้อที่ 1, 2) 10.2 การตั้งค่าหน้ากระดาษ (แบบฝึกหัดข้อที่ 3) 10.3 การแสดงตัวอย่างพิมพ์(แบบฝึกหัดข้อที่ 9) 10.4 การพิมพ์ทางเครื่องพิมพ์(แบบฝึกหัดข้อที่ 4, 5, 6, 7, 8) 10.5 การพิมพ์เป็นแบบไฟล์ต่างๆ (แบบฝึกหัดข้อที่10) ใบงานที่ 10 การใช้เลย์เอาท์และการพิมพ์แบบแปลน จุดประสงค์การสอน หน่วยที่ 10 แสดงความรู้เกี่ยวกับการใช้เลย์เอาท์และการพิมพ์แบบแปลน 10.1 สามารถใช้เลย์เอาท์ (Layout) จัดวางแบบตามที่กำหนดให้ 10.1.1 สามารถอธิบายการใช้เลย์เอาท์โหมดได้ 10.1.2 สามารถอธิบายกขั้นตอนการสร้างเลย์เอาท์ได้ 10.1.3 สามารถสร้างไฟล์ต้นแบบเพื่อสร้างเลย์เอาท์ได้ 10.1.4 สร้างเลย์เอาท์ได้ 10.1.5 สามารถแก้ไขและปรับแต่งเลย์เอาท์ได้ 10.1.6 สร้างวิวพอร์ตด้วยวัตถุรูปทรงปิดได้ 10.2 ตั้งค่าหน้ากระดาษในการเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์ได้ 10.3 สามารถแสดงตัวอย่างพิมพ์แบบแปลนได้ 10.4 พิมพ์ไฟล์แบบแปลนทางเครื่องพิมพ์ได้ 10.5 พิมพ์ไฟล์แบบแปลนเป็นแบบไฟล์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ ปฏิบัติใบงานที่ 10 การใช้เลย์เอาท์และการพิมพ์แบบแปลน แนวคิดสำคัญ ขั้นตอนสุดท้ายของการเขียนแบบ คือ การพิมพ์แบบแปลนโปรแกรม AutoCAD มีเครื่องมือสำหรับการ เตรียมการพิมพ์แบบแปลนเรียกว่า เลย์เอาท์ (Layout) โดยเราสามารถกำหนดรูปแบบหรือรายละเอียดของแบบ การกำหนดสเกลไว้ในเลย์เอาท์ ซึ่งจะทำให้แบบแปลนที่ได้มีความถูกต้องสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น สมรรถนะย่อย ใช้เลย์เอาท์และการพิมพ์แบบแปลนจากโปรแกรม AutoCAD


ขั้นตอนกระบวนการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ MIAP กระบวนการสอนของครู กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน ขั้นการสอน(จุดประสงค์ที่ 10.1-10.5) 1. ขั้นนำ (Motivation) เวลา 5 นาที - นำเข้าสู่บทเรียน ด้วยปัญหาที่น่าสนใจ เป็น ปัญหาที่ผู้เรียนจะคิดหาคำตอบได้ 2. ขั้นศึกษาข้อมูล(Information)เวลา 115 นาที อธิบายเนื้อหา/สาธิต 1 สามารถใช้เลย์เอาท์ (Layout) จัดวางแบบตามที่ กำหนดให้ 2 ตั้งค่าหน้ากระดาษในการเขียนแบบไฟฟ้าด้วย คอมพิวเตอร์ได้ 3 สามารถแสดงตัวอย่างพิมพ์แบบแปลนได้ 4 พิมพ์ไฟล์แบบแปลนทางเครื่องพิมพ์ได้ 5 พิมพ์ไฟล์แบบแปลนเป็นแบบไฟล์ต่างๆ ที่เกี่ยว ข้องได้ 3.ขั้นพยายาม (Application) เวลา 160 นาที - ให้นักศึกษาศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากตำรา หน่วยที่ 10 การใช้เลย์เอาท์และการพิมพ์แบบ แปลน - ให้นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงาน ที่ 10 การใช้เลย์เอาท์และการพิมพ์แบบแปลน 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) เวลา 20 นาที - ตรวจสอบการปฏิบัติงานเพื่อให้คะแนน - ตอบคำถามที่ผู้เรียนสงสัย ขั้นตอนการเรียน 1. ขั้นนำ (Motivation) - รับฟังและถามตอบก่อนเข้าสู่บทเรียน 2. ขั้นศึกษาข้อมูล( Information) - รับฟังครูอธิบายแต่ละหัวข้อ และสอบถามหาก สงสัยข้อใดข้อหนึ่ง 3.ขั้นพยายาม (Application) - อ่านทบทวนเนื้อหาอย่างละเอียดจากจากจากตำรา หน่วยที่ 10 การใช้เลย์เอาท์และการพิมพ์แบบแปลน - นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงานที่ 10 การใช้เลย์เอาท์และการพิมพ์แบบแปลน 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) - ส่งงานการปฏิบัติใบงานที่ 10 - ถามคำถามที่ผู้เรียนสงสัย เนื้อหาบทเรียน หน่วยที่ 10 การใช้เลย์เอาท์และการพิมพ์แบบแปลน 10.1 การใช้เลย์เอาท์ (Layout) เลย์เอาท์คือ การจัดวางแบบให้ได้รายละเอียดตามต้องการก่อนสั่งพิมพ์ทางเครื่องพิมพ์ ซึ่งเปรียบ เสมือนหน้ากากแบบแปลนดังนั้นก่อนที่จะเรียนรู้วิธีการสร้างเลย์เอาท์ จำเป็นต้องรู้จักกับเลย์เอาท์และวิธีการใช้ โหมดเสียก่อน


10.1.1 เลย์เอาท์โหมด (layout Mode) แบ่งออกเป็น 2 โหมด คือ 1. Paper Space mode เปรียบเสมือนเป็นกระดาษ (Paper) แผ่นบน ซึ่งโหมดนี้เหมาะ สำหรับเขียนหน้ากาก เช่น ทำแบบฟอร์ม ตาราง เป็นต้น ในโหมดนี้ไม่สามารถแก้ไขแบบได้ 2. Model Space Mode เป็นพื้นที่สำหรับสร้างแบบหรือเขียนแบบ ทั้งแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ ซึ่งเปรียบเสมือนกับกระดาษเขียนแบบแผ่นล่างซึ่งเราสามารถแก้ไขแบบได้ 1. การเปิดเลย์เอาท์โหมด โดยปกติแล้วเลย์เอาท์โหมดจะอยู่แถบด้านล่างของโปรแกรมโดยจะมีข้อความ Model หรือ Paper โหมดใดโหมดหนึ่งแสดงอยู่ แต่ถ้าหากไม่แสดง ให้ปฏิบัติดังรูปที่ 10.2 (1) คลิก Status Bar Menu (2) เลื่อนเมาส์ไปที่ Paper/Model ให้คลิกเลือกที่มีเครื่องหมาย √ Paper/Model เพื่อเปิด โหมด 2. สลับโหมดไปมาระหว่าง Paper และ Model Space ถ้าหากต้องการเปลี่ยนโหมดใดๆจากโหมดหนึ่ง ไปยังอีกโหมดหนึ่ง ให้คลิกบนโหมดปัจจุบันเพื่อเปลี่ยนเข้าสู่อีกโหมดหนึ่ง ในโหมด Model Space นี้เราสามารถแก้ไขและปรับปรุงแบบได้เช่นเดียวกับการกระทำในแท็ป Model ทุกอย่าง แต่เป็นการแก้ไขภายใต้กรอบเลย์เอาท์เท่านั้น ดังนั้นถ้าหากให้แสดงแบบเต็มจอก็ให้คลิกที่แท็ป Model 10.1.2 การสร้างเลย์เอาท์ 1. การสร้างจากแถบเมนู Insert > Layout > … ซึ่งมีให้เลือก 3 แบบ คือ (1) New Layout คือ การสร้างเลย์เอาท์ใหม่แบบทั่วๆไป ด้วยคำสั่ง Layout (2) Layout from template คือ การสร้างเลย์เอาท์โดยใช้เลย์เอาท์จากไฟล์ต้นแบบ (3) Create Layout Wizardคือ การสร้างเลย์เอาท์โดยใช้เครื่องมือวิสซาร์ดเป็น ตัวนำทาง 2. คลิกเมาส์ปุ่มขวาที่แท็ป Model หรือ Layout แล้วเลือกแบบ New Layout หรือ From template… 3. ป้อน Layout ที่บรรทัดคำสั่ง แล้วกด Enter แล้วเลือกตัวเลือกหรือกด Enter แล้วป้อนชื่อ เลย์เอาท์แล้วกด Enter 10.1.3 การเตรียมไฟล์ตัวอย่างเพื่อสร้างเลย์เอาท์ เพื่อให้ง่ายต่อการเรียนรู้ถึงวิธีการสร้างเลย์เอาท์ เราจะสร้างเลย์เอาท์เก็บไว้ในไฟล์ต้นแบบที่ถูก สร้างไว้ในหน่วยที่ 9 เพื่อใช้เป็นเลย์เอาท์ต้นแบบซึ่งได้จัดเก็บไว้ใน D:\My Drawing\Template\ElectricSy mbol.dwt ดังรูปที่ 10.4 1. คลิกที่แถบเมนู File > Open 2. ที่ช่อง File of type ให้คลิกเลือก Drawing\Template (*.dwt) 3. ไปที่ D:\My Drawing\Template 4. คลิกเลือกไฟล์ชื่อ ElectricSymbol.dwt 5. คลิกปุ่ม Open เพื่อเปิดไฟล์ 10.1.4 ขั้นตอนการสร้างเลย์เอาท์ 1. สร้างเลเยอร์ชื่อ Viewports เพื่อไว้เก็บวิวพอร์ตต่างๆที่สร้างในเลย์เอาท์


2. เลือกเลย์เยอร์ที่ต้องการเก็บกรอบของเลย์เอาท์ซึ่งเรียกว่าวิวพอร์ต ให้เลือกเลย์เยอร์ชื่อ Viewports เป็นเลย์เยอร์ใช้งานปัจจุบัน 3. เรียกคำสั่ง Layout คลิกที่แถบเมนู Insert > Layout > New Layout 4. ป้อนชื่อเลย์เอาท์ สำหรับทำเลย์เอาท์สัญลักษณ์ไฟฟ้าขนาด A3 โดยตั้งชื่อเป็น Symbol-A3 แล้วกด Enter 5. คลิกที่เลย์เอาท์ Symbol-A3 6. คลิกเลือก Symbol-A3 7. คลิกปุ่ม Modify เพื่อเข้าสู่การตั้งค่าการพิมพ์ 8. เลือกเครื่องพิมพ์ โปรดจำไว้ว่าขนาดกระดาษกับเครื่องพิมพ์มีความสัมพันธ์กันตาม ความสามารถของเครื่องที่จะรองรับกับขนาดกระดาษที่ต้องการหรือไม่ ในที่นี้เลือกเครื่องพิมพ์ Adobe PDF เพื่อ ต้องการพิมพ์เป็นไฟล์ Format(*.PDF) เนื่องจากรองรับขนาดได้หลายขนาด 9. คลิกเลือก A3 10. เลือกพื้นที่พิมพ์ (Plot area) คลิกเลือก Layout เพื่อพิมพ์ทั้งเลย์เอาท์ 11. คลิกเลือก Landscape เพื่อเลือกพิมพ์เป็นแนวนอน 12. คลิกปุ่ม OK เพื่อตกลง และปิดไดอะล็อกบอกซ์ Page Setup 13. คลิกปุ่ม Close เพื่อตกลง และปิดไดอะล็อกบอกซ์ Page Setup Manager ก็จะได้เลย์ เอาท์ Symbol-A3 10.1.5 การแก้ไขและปรับแต่งเลย์เอาท์ การแก้ไขและปรับแต่งเลย์เอาท์ ก็เหมือนกับการแก้ไขแบบในแท็ป Model ทุกประการ เช่น ใช้ Grips, Stretch, Scale, Zoom, Pan, Copy, Move เป็นต้น แต่ต้องเปลี่ยนเลย์เอาท์โหมดเป็น Paper ก่อนจึง จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ เป็นการปรับเปลี่ยนขนาดวิวพอร์ต เพิ่มวิวพอร์ต ปรับแต่งรูปที่แสดงในวิวพอร์ตต่างๆ แทรกแบบฟอร์ม และเขียนข้อความลงบนเลย์เอาท์ Symbol-A3 มีรายละเอียดดังนี้ 1. การปรับแต่งวิวพอร์ต ในหัวข้อนี้จะขอยกตัวอย่างการปรับแต่งกรอบ การเคลื่อนย้าย และ การแก้ไขแบบภายในกรอบวิวพอร์ต เท่านั้น มีขั้นตอนดังนี้ 1. คลิกเลย์เอาท์โหมดให้เป็น Paper 2. คลิกเลือกวิวพอร์ต จะปรากฏจุด Grips ขั้นรอบกรอบวิวพอร์ต 3. คลิกเลือก Grip ให้เป็นสีแดง 4. ลากเมาส์ไปตามทิศทางลูกศรหรือทิศทางที่ต้องการ แล้วคลิกจุดที่ 4 เพื่อกำหนด ตำแหน่งและขนาดกรอบของวิวพอร์ต 5. เคลื่อนย้ายกรอบวิวพอร์ตด้วยคำสั่ง Move ไปยังตำแหน่งข้างต้น 6. คลิกเลย์เอาท์โหมดเป็น Model เพื่อแก้ไขแบบภายในกรอบวิวพอร์ต 7. ภายใต้กรอบวิวพอร์ตปัจจุบัน ให้ใช้คำสั่ง Zoom แบบ Extents โดยคลิกแถบเมนู View > Zoom > Extents เพื่อปรับขนาดแบบแปลนให้เต็มกรอบวิวพอร์ต และใช้คำสั่ง Pan แบบ Realtime จัดตำแหน่งให้เหมาะสม (อย่าใช้คำสั่ง Move เนื่องจากจะทำให้ตำแหน่งจริงของวัตถุจะถูกเปลี่ยนแปลง)


2. การเพิ่มวิวพอร์ต ในบางเลย์เอาท์การแสดงแบบแปลนแค่วิวพอร์ตเดียวอาจทำให้ รายละเอียดของแบบแปลนไม่เพียงพอ ดังนั้นในหัวข้อนี้จะขอยกตัวอย่างการเพิ่มวิวพอร์ตบนเลย์เอาท์อีก 1 วิว พอร์ต เพื่อใช้แสดงรูปขยายของสัญลักษณ์ไฟฟ้า 10 1. คลิกเลย์เอาท์โหมดให้เป็น Paper 2. ใช้คำสั่ง Mview หรือ คำสั่ง Vports ซึ่งเป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับสร้างวิวพอร์ต ในที่นี้ จะใช้คำสั่ง Mview เท่านั้น โดยป้อน Mview หรือ MV ที่บรรทัดคำสั่งแล้วกด Enter 3. คลิกจุด A 4. คลิกจุด B เพื่อกำหนดขนาดและตำแหน่งวางกรอบวิวพอร์ต 5. ปรับแต่งขนาดวิวพอร์ตให้ได้ขนาดที่เหมาะสม ดังรูปที่ 10.8 คือวิวพอร์ตด้านซ้าย 6. คลิกเลย์เอาท์โหมดให้เป็น Model เข้าสู่โหมด Model Space เพื่อปรับแต่งแบบ 7. คลิกเลือกวิวพอร์ต 8. ปรับแต่งขนาดของแบบแปลนภายใต้วิวพอร์ต ให้แสดงเฉพาะสัญลักษณ์ไฟฟ้า จนกระทั่งเต็มวิวพอร์ต โดยใช้คำสั่ง Zoom แบบ Window โดยคลิกทำกรอบคลุ่มเฉพาะส่วนของตาราง สัญลักษณ์ จากนั้นใช้คำสั่ง Pan แบบ Realtime จัดตำแหน่งอีกครั้ง 9. แบบแปลนที่ได้หลังจากการปรับแต่งเสร็จสิ้น 3. การแทรกบล็อกแบบฟอร์มลงบนเลย์เอาท์ ในไฟล์ตัวอย่างนี้ได้สร้างบล็อกเก็บแบบฟอร์ม เอาไว้เรียบร้อยแล้ว ชื่อว่า “แบบฟอร์ม” 1. คลิกเลย์เอาท์โหมดให้เป็น Paper 2. เรียกคำสั่ง Insert Block 3. คลิกเลือกบล็อกชื่อ “แบบฟอร์ม” 4. คลิกเครื่องหมายถูกในช่อง Specify On-screen เลือกกำหนด Insert Point บน พื้นที่เขียนแบบ 5. กำหนด Scale X=Y=Z=1 โดยคลิกเครื่องหมายถูกในช่อง Uniform Scale 6. กำหนดมุมหมุนบล็อก Angle = 0 7. คลิกปุ่ม OK เพื่อจบการตั้งค่า และปิดไดอะล็อกบอกซ์ 8. คลิกจุดแทรก (Insertion point) 4.การเขียนข้อความลงบนเลย์เอาท์ วิธีเขียนข้อความลงบนเลย์เอาท์กระทำได้เช่นเดียวกับการ เขียนลงบนแบบในแท็ป Model ทุกประการ 1. คลิกเลย์เอาท์โหมดให้เป็น Paper 2. ใช้คำสั่งเขียนข้อความ เช่น Mtext หรือ Dtext เป็นต้น ตามที่ระบุในแบบ ประกอบด้วยข้อความ 3 ชุด ในที่นี้ใช้คำสั่ง Dtext โดยป้อน DT แล้วกด Enter ที่บรรทัดคำสั่ง 4 ให้เลือก Style:Thai_Ang_5 ซึ่งมีความสูงของตัวอักษร = 5 มิลลิเมตร 3. เขียนข้อความชุดที่ 1 คือ ภาพขยายสัญลักษณ์ไฟฟ้า 4. เขียนข้อความชุดที่ 2 คือ สัญลักษณ์ไฟฟ้าและความหมาย 5. เขียนข้อความชุดที่ 3 คือ 1


10.1.6 การสร้างวิวพอร์ตด้วยวัตถุรูปทรงปิด วัตถุรูปทรงปิด เช่น วัตถุที่สร้างจากคำสั่ง Circle, Ellipse, Rectangle, Polygon, Polyline (ต้องปิดรูปด้วย Close เท่านั้น) ซึ่งวัตถุเหล่านี้สามารถสร้างเป็นวิวพอร์ตได้ โดยใช้คำสั่ง Mview หรือ Vports โดยการเลือกตัวเลือก Object ของคำสั่ง 1. คลิกเลย์เอาท์โหมดให้เป็น Paper 2. เขียนวัตถุลงบนเลย์เอาท์ 3. เรียกคำสั่ง Mview ผ่านทางบรรทัดคำสั่ง 4. ป้อน O แล้วกด Enter 5. คลิกเลือกวัตถุที่ต้องการแปลงวิวพอร์ต 6. คลิกเลย์เอาท์โหมดให้เป็น Model เพื่อปรับแต่งแบบแปลนโดยใช้คำสั่ง Zoom > Window และคำสั่ง Pan แบบ Realtime 7. สำหรับวัตถุที่เหลือก็ให้ปฏิบัติในลักษณะเดียวกันตามความต้องการ 10.2 การตั้งค่าหน้ากระดาษ การตั้งค่าหน้ากระดาษ เป็นการกำหนดค่าก่อนพิมพ์เพื่อให้ได้แบบแปลนที่มีขนาดถูกต้องตามค่าที่ กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นแท็ป Model หรือเลย์เอาท์ที่สร้างขึ้นมา ดังกล่าวไว้บ้างแล้วในหัวข้อย่อยที่ 10.2.4 ซึ่ง เป็นการตั้งค่าให้กับเลย์เอาท์ในส่วนของแท็ป Model ก็จะมีขั้นตอนเดียวกัน แต่จะแตกต่างในส่วนของ Plotter area บ้างเล็กน้อยดังจะได้กล่าวต่อไป 1. คลิกเลือกแท็ป Model หรือ Layout ที่ต้องการตั้งค่าหน้ากระดาษ จากนั้นคลิกเมาส์ปุ่มขวา 2. คลิกที่เมนู Page Setup Manager… ก็จะเข้าสู่ไดอะล็อกบอกซ์Page Setup Manager 3. คลิกเลือกชื่อเลย์เอาท์ที่ต้องการตั้งค่า Symbol-A3 4. คลิกปุ่ม Modify… จะปรากฏไดอะล็อกบอกซ์ Page Setup 5. เลือกเครื่องพิมพ์ (Printer/Plotter) กรณีที่ติดตั้งเครื่องพิมพ์ไว้หลายชนิดหรือหลายรุ่น ให้เลื่อนเมาส์ ไปคลิกที่ช่องเลือกเครื่องพิมพ์ จากนั้นให้คลิกรุ่นเครื่องพิมพ์ที่ต้องการ 6. เลือกขนาดกระดาษ (Paper size) ให้คลิกช่องเลือกขนาดกระดาษ จากนั้นคลิกเลือกขนาดกระดาษที่ ต้องการ 7. เลือกรูปแบบพื้นที่พิมพ์ (Plot area) ในส่วนนี้มีให้เลือกรูปแบบการพิมพ์หลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละ รูปแบบจะให้ผลการพิมพ์แบบแปลนออกมาไม่เหมือนกัน ประกอบด้วย - Display พิมพ์ทั้งหมดที่แสดงบนจอภาพ - Extents พิมพ์ทั้งหมดที่แสดงบนจอภาพให้ใหญ่ที่สุด - Layout พิมพ์ทั้งหมดเต็มขอบเขตของเลย์เอาท์ (จะแสดงเมื่อเลือกแท็ปเลย์เอาท์ใดๆ) - Limits พิมพ์ทั้งหมดเต็มขอบเขตที่กำหนดไว้ (จะแสดงเมื่อเลือกแท็ป Model) - window พิมพ์ตามกรอบครอบที่กำหนดพื้นที่พิมพ์ 8. กำหนดสเกล (Scale) ปกติจะถูกกำหนดไว้ที่ 1:1 คือพิมพ์แบบเต็มหน้ากระดาษ ทั้งนี้เราสามารถ เลือกเปลี่ยนค่าได้ตามต้องการ เช่น 1:2 คือพิมพ์แบบครึ่งหน้า


9. เลือกทิศทางของการพิมพ์แบบบนกระดาษ ซึ่งเลือกได้ 2 ลักษณะ คือ วางแบบแนวตั้ง และแนวนอน 10. แสดงตัวอย่างพิมพ์ เมื่อต้องการแสดงตัวอย่างให้คลิกปุ่ม Preview 11. คลิกปุ่ม OK เพื่อตกลงจัดเก็บค่า และปิดไดอะล็อกบอกซ์ Page Setup 12. คลิกปุ่ม Close เพื่อปิดไดอะล็อกบอกซ์ Page Setup Manager และจบการตั้งค่าหน้ากระดาษ 10.3 การแสดงตัวอย่างพิมพ์ การแสดงตัวอย่างพิมพ์ (Plot Preview) เป็นการพิมพ์ตัวอย่างบนจอภาพ เสมือนกับการพิมพ์จริงทาง เครื่องพิมพ์เพื่อให้ผู้สั่งพิมพ์ได้ตรวจดูลักษณะการพิมพ์ว่าถูกต้องตามที่ตั้งค่าไว้หรือไม่ก่อนจะสั่งพิมพ์ทาง เครื่องพิมพ์ 1. คลิกเลือกแท็ป Model หรือเลย์เอาท์ ที่ต้องการแสดงตัวอย่างพิมพ์ 2. คลิกแถบเมนู File > Plot Preview 3. เมื่อต้องการปิดการแสดงตัวอย่างพิมพ์ให้คลิกปุ่ม X 10.4 การพิมพ์ทางเครื่องพิมพ์ การสั่งพิมพ์แบบแปลนออกทางเครื่องพิมพ์ ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเขียนแบบโดย AutoCAD เรียกการพิมพ์แบบทางเครื่องพิมพ์ว่า การพล็อต โดยการพล็อตจะพล็อตตามค่าหน้ากระดาษที่ตั้งไว้ในหัวข้อที่ 10.2 แต่ถ้าหากต้องการปรับแต่งค่าการพิมพ์ใหม่ก็สามารถกระทำได้เป็นบางค่าเท่านั้น โดยปรับแต่งในไดอะล็อก บอกซ์ Plot 1. คลิกเลือกแท็ป Model หรือเลย์เอาท์ที่ต้องการแสดงตัวอย่าง 2. คลิกแถบเมนู File > Plot… ก็จะปรากฏไดอะล็อกบอกซ์ 3. ตั้งค่าหรือปรับแต่งค่าการพิมพ์ 4. ทดลองแสดงตัวอย่างพิมพ์ โดยคลิกปุ่ม Preview… ถ้าหากสเกลของภาพไม่ถูกต้องก็ให้หรับค่าใหม่ โดยตั้งค่าแบบ Custom ด้วยการระบุค่าเอง 5. คลิกปุ่ม OK เพื่อเริ่มพล็อตแบบแปลนและปิดไดอะล็อกบอกซ์ Plot 10.5 การพิมพ์เป็นแบบไฟล์ต่างๆ การพิมพ์แบบแปลนนอกจากพิมพ์ทางเครื่องพิมพ์หรือเครื่องพล็อตแล้ว AutoCAD 2008 ยังมี ความสามารถพิมพ์แบบแปลนไปเป็นไฟล์แบบต่างๆได้อีกด้วย โดยให้เลือกรูปแบบของไฟล์ในช่องเลือกชนิด เครื่องพิมพ์ จะเห็นว่ามีรูปแบบของไฟล์ให้เลือกหลายรูปแบบ ทั้งนี้เพื่อความเหมาะสมกับการนำไปใช้ เช่น ใช้บน ระบบอินเทอร์เน็ต ใช้เป็นไฟล์เอกสาร ใช้เป็นไฟล์รูปภาพทั่วไป เป็นต้น


ตารางที่ 10.1 ตัวอย่างรูปแบบไฟล์ที่สามารถเลือกพิมพ์ได้ ชื่อรูปแบบไฟล์ รูปแบบมาตรฐาน ตัวอย่างไฟล์ DWF6 ePlot.pc3 Format(*.DWF) ElectricSymbol-Symbol-A3.dwf DWG To PDF.pc3 Format(*.PDF) ElectricSymbol-Symbol-A3.pdf Publish To Web JPG.pc3 Format(*.JPG) ElectricSymbol-Symbol-A3.jpg Publish To Web PNG.pc3 Format(*.PNG) ElectricSymbol-Symbol-A3.png 1. คลิกเลือกแท็ป Model หรือเลย์เอาท์ที่ต้องการแสดงตัวอย่างพิมพ์ 2. คลิกแถบเมนู File > Plot… 3. ตั้งค่าหรือปรับแต่งค่าการพิมพ์ โดยให้เลือกรูปแบบไฟล์ดังในตารางที่ 10.1 4. ทดลองแสดงตัวอย่างพิมพ์ โดยคลิกปุ่ม Preview… ถ้าหากสเกลของภาพไม่ถูกต้องก็ให้หรับค่าใหม่ โดยตั้งค่าแบบ Custom ด้วยการระบุค่าเอง 5. คลิกปุ่ม OK เพื่อเริ่มพล็อตแบบแปลนและปิดไดอะล็อกบอกซ์ Plot 6. เลือกแหล่งจัดเก็บไฟล์ปลายทางจากช่อง Save in 7. ป้อนชื่อไฟล์ลงในช่อง Fine name 8. คลิกปุ่ม Save เพื่อจัดเก็บไฟล์ตามรูปแบบที่เลือก


วิธีสอน และ กิจกรรม - นำเสนอด้วยเพาเวอร์พอยต์ / สาธิต - ถามตอบ - แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 10 - ใบงานที่ 10 สื่อการสอน หนังสือ อ้างอิง นิพนธ์ บุญสกันต์. 2558. การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี, ศูนย์หนังสือ เมืองไทย. เอกสาร ประกอบ - แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 10 - ใบงานที่ 10 วัสดุโสต ทัศน์ - ไวท์บอร์ด - โปรเจคเตอร์ งานที่ มอบหมาย -ศึกษาตำรา - ทำแบบฝึกหัดหน่วยที่ 10 - ปฏิบัติใบงานที่ 10 การวัดผล การวัดผลในหน่วยที่ 10 การใช้เลย์เอาท์และการพิมพ์แบบแปลน มีเกณฑ์การให้คะแนนดังนี้ - นักเรียนมีความรู้ความจำ เรื่องการใช้เลย์เอาท์และการพิมพ์แบบแปลน 1 คะแนน - นักเรียนมีความเข้าใจในเรื่องการใช้เลย์เอาท์และการพิมพ์แบบแปลน 1 คะแนน - นักเรียนสามารถปฏิบัติใบงานที่ 10 การใช้เลย์เอาท์และการพิมพ์แบบแปลน 2 คะแนน หมายเหตุ :


ความสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ 3 ห่วง 1. ความพอประมาณ -เตรียมอุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยอย่างเหมาะสม 2. มีเหตุผล - ความปลอดภัยในการเรียนในรายวิชา 3. มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี - ป้องกันอุบัติเหตุในงานได้ 1. เงื่อนไขความรู้ (รอบรู้, รอบคอบ, ระมัดระวัง) 2 เงื่อนไข - ปฏิบัติตามกฎของโรงงานได้อย่างเคร่งครัด - บอกวิธีการป้องกันอุบัติเหตุในงานได - อธิบายถึงความสำคัญของความปลอดภัย ในการปฏิบัติงานได้ 2. เงื่อนไขคุณธรรม - มีความรับผิดชอบ - มีความคิดสร้างสรรค์ 1. มิติด้านเศรษฐกิจ 4 มิติ - ใช้อุปกรณ์ วัสดุ ในการเรียนการสอนอย่างประหยัด คุ้มค่า 2. มิติด้านสังคม - สามารถนำวิธีการทำงานไปปรับกับการทำงานภายนอกได้ 3. มิติด้านสิ่งแวดล้อม - ไม่ทำลายทำธรรมชาติในการเรียนในรายวิชา 4. มิติด้านวัฒนธรรม - มีคุณธรรม ความซื่อสัตย์ต่อวิชา ครูผู้สอน


ความสอดคล้องกับคุณธรรมพื้นฐาน 8 ประการ ของสถานศึกษา ............................................................................ 1. ขยัน → นักเรียนนักศึกษาสามารถทำงานเสร็จตรงตามเวลา 2. ประหยัด → นักเรียนนักศึกษานำวัสดุที่ใช้มาปฏิบัติอย่างประหยัด 3. ซื่อสัตย์ → นักเรียนนักศึกษามีความซื่อสัตย์ต่อวิชาเรียน ต่อผู้สอน 4. มีวินัย → นักเรียนนักศึกษามาเรียนตรงตามเวลา 5. สุภาพ → นักเรียนนักศึกษามีความสุภาพต่อครูผู้สอน 6. สะอาด → นักเรียนนักศึกษาช่วยกันรักษาความสะอาดในแผนกวิชา 7. สามัคคี → นักเรียนนักศึกษามีความสามัคคีร่วมมือกันทำงานเป็นกลุ่ม 8. มีน้ำใจ → นักเรียนนักศึกษามีความเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนร่วมห้อง


ใบเตรียมการสอน สัปดาห์ที่ 15 วิชา การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์ ทฤษฏี 2 คาบ หน่วยที่ 1 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติ 3 คาบ ชื่อหน่วยเรียน หน่วยที่ 11 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง 11.1 การเขียนแบบสัญลักษณ์ทางไฟฟ้า ใบงานที่ 11.1 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง จุดประสงค์การสอน หน่วยที่ 11 แสดงความรู้เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง 11.1 สามารถประยุกต์ใช้คำสั่งต่างๆเขียนแบบสัญลักษณ์ทางไฟฟ้า ปฏิบัติใบงานที่ 11.1 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง แนวคิดสำคัญ ในหน่วยนี้เป็นการนำความรู้และทักษะในการเขียนแบบจากหน่วยต่างๆ ที่ผ่านมาเพื่อมาประยุกต์ใช้ใน การเขียนแบบไฟฟ้าและแบบงานที่เกี่ยวข้องได้ด้วยตนเองโดยใช้โปรแกรม AutoCAD ได้เป้นอย่างดี สามารถนำ ความรู้ทั้งหมดไปใช้ในการเขียนแบบหรือประกอบอาชีพได้ สมรรถนะย่อย ประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนกระบวนการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ MIAP กระบวนการสอนของครู กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน ขั้นการสอน(จุดประสงค์ที่ 11.1) 1. ขั้นนำ (Motivation) เวลา 5 นาที - นำเข้าสู่บทเรียน ด้วยปัญหาที่น่าสนใจ เป็น ปัญหาที่ผู้เรียนจะคิดหาคำตอบได้ 2. ขั้นศึกษาข้อมูล(Information)เวลา 115 นาที อธิบายเนื้อหา/สาธิต 11.1 การเขียนแบบสัญลักษณ์ทางไฟฟ้า ขั้นตอนการเรียน 1. ขั้นนำ (Motivation) - รับฟังและถามตอบก่อนเข้าสู่บทเรียน 2. ขั้นศึกษาข้อมูล( Information) - รับฟังครูอธิบายแต่ละหัวข้อ และสอบถามหาก สงสัยข้อใดข้อหนึ่ง


3.ขั้นพยายาม (Application) เวลา 160 นาที - ให้นักศึกษาศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากตำรา หน่วยที่ 11 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบ ไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง - ให้นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงาน ที่ 11.1 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้า และแบบที่เกี่ยวข้อง 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) เวลา 20 นาที - ตรวจสอบการปฏิบัติงานเพื่อให้คะแนน - ตอบคำถามที่ผู้เรียนสงสัย 3.ขั้นพยายาม (Application) - อ่านทบทวนเนื้อหาอย่างละเอียดจากจากจากตำรา หน่วยที่ 11 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบ ไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง - นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงานที่ 11.1 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและ แบบที่เกี่ยวข้อง 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) - ส่งงานการปฏิบัติใบงานที่ 11.1 - ถามคำถามที่ผู้เรียนสงสัย เนื้อหาบทเรียน หน่วยที่ 11.1 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง 11.1 การเขียนแบบสัญลักษณ์ทางไฟฟ้า 11.1.1 ทฤษฎี สัญลักษณ์ทางไฟฟ้า เป็นสัญลักษณ์ที่เป็นมาตรฐานสากล มีลักษณะเป็นลายเส้น ตัวอักษร และเครื่องหมายกำกับต่างๆ เพื่อชี้หรือแสดงข้อกำหนดให้ถูกต้องแน่นอนตามต้องการ และใช้เป็นสื่อกลางใน การเขียนแบบและอ่านแบบไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นวงจรไฟฟ้า แบบงานควบคุมเครื่องกลไฟฟ้า แบบงานติดตั้งไฟฟ้า ก็ตาม ผู้เขียนแบบและการอ่านแบบจำเป็นจะต้องมีความรู้เรื่องสัญลักษณ์ทั้งสิ้น มาตรฐานสากลของสัญลักษณ์ ไฟฟ้ามีหลายมาตรฐาน แต่ในหน่วยนี้จะกล่าวเพียง 4 มาตรฐาน ดังนี้ 1. มาตรฐาน DIN (Duetsche Industrie Normen) 2. มาตรฐาน ANSI (American National Standard Institute) 3. มาตรฐาน IEC (International Electrotechnical Commission) 4. มาตรฐาน JIS (Japanese Industrial Standard) 11.1.2 ใบงานที่ 11.1 สัญลักษณ์มาตรฐานต่างๆ 1. จุดประสงค์การปฏิบัติ (1) เขียนสัญลักษณ์ในงานควบคุมเครื่องกลไฟฟ้ามาตรฐาน ANSI, DIN, IEC และ JIS ด้วยโปรแกรม AutoCAD (2) พิมพ์แบบแปลนออกทางเครื่องพิมพ์ 2. แบบแปลนสำเร็จ ประกอบด้วยแบบสัญลักษณ์ทางไฟฟ้ามาตรฐาน ANSI, DIN, IEC และ JIS จำนวน 3 แผ่น


ตารางที่ 11.1 รายชื่อเลเยอร์ทั้งหมดที่ใช้ในการเขียนแบบสัญลักษณ์ไฟฟ้า ชื่อเลเยอร์ ความหมาย/การใช้งาน สี เส้น Form เขียนแบบฟอร์ม White Continuous Name เขียนรายละเอียดของแบบฟอร์ม Blue Continuous Symbol1 เขียนแบบสัญลักษณ์ไฟฟ้าแผ่นที่ 1 Red Continuous Symbol2 เขียนแบบสัญลักษณ์ไฟฟ้าแผ่นที่ 2 Red Continuous Symbol3 เขียนแบบสัญลักษณ์ไฟฟ้าแผ่นที่ 3 Red Continuous Table1 เขียนแบบตารางของสัญลักษณ์ไฟฟ้าแผ่นที่ 1 Blue Continuous Table2 เขียนแบบตารางของสัญลักษณ์ไฟฟ้าแผ่นที่ 2 Blue Continuous Table3 เขียนแบบตารางของสัญลักษณ์ไฟฟ้าแผ่นที่ 3 Blue Continuous TextSymbol1 เขียนความหมายของสัญลักษณ์ไฟฟ้าแผ่นที่ 1 White Continuous TextSymbol2 เขียนความหมายของสัญลักษณ์ไฟฟ้าแผ่นที่ 2 White Continuous TextSymbol3 เขียนความหมายของสัญลักษณ์ไฟฟ้าแผ่นที่ 3 White Continuous Viewports เขียนรายละเอียดบนเลย์เอาท์ต่างๆ White Continuous ตารางที่ 11.2 รูปแบบตัวอักษรทั้งหมดที่ใช้ในการเขียนแบบสัญลักษณ์ไฟฟ้า ชื่อรูปแบบอักษร คุณสมบัติที่กำหนด Font Name Font Style High Thai2.5mm Angsana New Regular 2.5 Thai3mm Angsana New Regular 3 Thai4mm Angsana New Bold 4 แนวทางการปฏิบัติให้ศึกษาดังในรูปที่ 11.1-11.3 จำนวน 3 แผ่น รายชื่อเลเยอร์ดังในตารางที่ 11.1 และการกำหนดรูปแบบตัวอักษรในตารางที่ 11.2 ให้เข้าใจแล้วให้ปฏิบัติเขียนแบบตามลำดับแนวทางการปฏิบัติ ต่อไปนี้ 1. กำหนดค่าเริ่มต้นต่างๆให้ครบถ้วน ประกอบด้วย Limits, Units, Grid, Snap, Text Style และ Layer ให้ถูกต้อง 2. เขียนแบบส่วนต่างๆในแต่ละแผ่นตั้งแต่แผ่นที่ 1-3 โดยเลือกใช้เลเยอร์ให้ถูกต้อง 3. พิมพ์งานทางเครื่องพิมพ์ ซึ่งมีทั้งหมด 3 แผ่น ดังรูปที่ 11.1-11.3 และนำส่งครูผู้สอน 4. การจัดเก็บไฟล์ (Save) ให้จัดเก็บไฟล์โดยใช้ชื่อ Project11-1.DWG และนำส่งครูผู้สอน 11.1.3 ใบงานที่ 11.2 สัญลักษณ์ทางไฟฟ้าระบบแสงสว่างและกำลัง มาตรฐาน ANSI 1. จุดประสงค์การปฏิบัติ (1) ใช้คำสั่ง Insert แทรกไฟล์จากภายนอกมาใช้กับไฟล์ปัจจุบัน


(2) ปรับแต่ง แก้ไข เพิ่ม ลบ เลเยอร์ (3) เขียนสัญลักษณ์ทางไฟฟ้าระบบแสงสว่างและระบบกำลัง มาตรฐาน ANSI ด้วย โปรแกรม AutoCAD (4) พิมพ์แบบแปลนออกทางเครื่องพิมพ์ 2. แบบแปลนที่สำเร็จ ประกอบด้วยแบบสัญลักษณ์ทางไฟฟ้าระบบแสงสว่างและกำลัง มาตรฐาน ANSI จำนวน 3 แผ่น ดังรูปที่ 11.4-11.6 ดังนี้ แนวทางปฏิบัติ ให้ศึกษาแบบดังในรูปที่ 11.4-11.6 จำนวน 2 แผ่น รายชื่อเลเยอร์ดังในตารางที่ 11.3 และ การกำหนดรูปแบบตัวอักษรในตารางที่ 11.4 แล้วให้ปฏิบัติเขียนแบบตามลำดับแนวทางการปฏิบัติต่อไปนี้ 1. กำหนดค่าเริ่มต้นต่างๆให้ครบถ้วน ประกอบด้วย Limits, Units, Grid, Snap, Text Style และ Layer ให้ถูกต้อง 2. เขียนแบบส่วนต่างๆในแต่ละแผ่นตั้งแต่แผ่นที่ 1-3 โดยเลือกใช้เลเยอร์ให้ถูกต้อง 3. พิมพ์งานทางเครื่องพิมพ์ ซึ่งมีทั้งหมด 3 แผ่น ดังรูปที่ 11.4-11.6 และนำส่งครูผู้สอน 4. การจัดเก็บไฟล์ (Save) ให้จัดเก็บไฟล์โดยใช้ชื่อ Project11-2.DWG และนำส่งครูผู้สอน ตารางที่ 11.3 รายชื่อเลเยอร์ทั้งหมดที่ใช้ในการเขียนแบบสัญลักษณ์ไฟฟ้า ชื่อเลเยอร์ ความหมาย/การใช้งาน สี เส้น Form เขียนแบบฟอร์ม White Continuous Name เขียนรายละเอียดของแบบฟอร์ม Blue Continuous Symbol1 เขียนแบบสัญลักษณ์ไฟฟ้าแผ่นที่ 1 Red Continuous Symbol2 เขียนแบบสัญลักษณ์ไฟฟ้าแผ่นที่ 2 Red Continuous Symbol3 เขียนแบบสัญลักษณ์ไฟฟ้าแผ่นที่ 3 Red Continuous Table1 เขียนแบบตารางของสัญลักษณ์ไฟฟ้าแผ่นที่ 1 Blue Continuous Table2 เขียนแบบตารางของสัญลักษณ์ไฟฟ้าแผ่นที่ 2 Blue Continuous Table3 เขียนแบบตารางของสัญลักษณ์ไฟฟ้าแผ่นที่ 3 Blue Continuous TextSymbol1 เขียนความหมายของสัญลักษณ์ไฟฟ้าแผ่นที่ 1 White Continuous TextSymbol2 เขียนความหมายของสัญลักษณ์ไฟฟ้าแผ่นที่ 2 White Continuous TextSymbol3 เขียนความหมายของสัญลักษณ์ไฟฟ้าแผ่นที่ 3 White Continuous Viewports เขียนรายละเอียดบนเลย์เอาท์ต่างๆ White Continuous


ตารางที่ 11.4 รูปแบบตัวอักษรทั้งหมดที่ใช้ในการเขียนแบบสัญลักษณ์ไฟฟ้า ชื่อรูปแบบอักษร คุณสมบัติที่กำหนด Font Name Font Style High Thai2.5mm Angsana New Regular 2.5 Thai3mm Angsana New Regular 3 Thai4mm Angsana New Bold 4


วิธีสอน และ กิจกรรม - นำเสนอด้วยเพาเวอร์พอยต์ / สาธิต - ถามตอบ - ใบงานที่ 11.1 สื่อการสอน หนังสือ อ้างอิง นิพนธ์ บุญสกันต์. 2558. การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี, ศูนย์หนังสือ เมืองไทย. เอกสาร ประกอบ - ใบงานที่ 11.1 วัสดุโสต ทัศน์ - ไวท์บอร์ด - โปรเจคเตอร์ งานที่ มอบหมาย -ศึกษาตำรา - ปฏิบัติใบงานที่ 11.1 การวัดผล การวัดผลในหน่วยที่ 11 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง มี เกณฑ์การให้คะแนนดังนี้ - นักเรียนสามารถปฏิบัติใบงานที่ 11.1 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่ เกี่ยวข้อง 1 คะแนน หมายเหตุ :


ใบเตรียมการสอน สัปดาห์ที่ 16 วิชา การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์ ทฤษฏี 2 คาบ หน่วยที่ 11 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติ 3 คาบ ชื่อหน่วยเรียน หน่วยที่ 11 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง 11.2 การเขียนแบบระบบควบคุมเครื่องกลไฟฟ้า ใบงานที่ 11.2 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง จุดประสงค์การสอน หน่วยที่ 11 แสดงความรู้เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง 11.2 เขียนแบบระบบควบคุมเครื่องกลไฟฟ้าได้ ปฏิบัติใบงานที่ 11.2 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนกระบวนการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ MIAP กระบวนการสอนของครู กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน ขั้นการสอน(จุดประสงค์ที่ 11.2) 1. ขั้นนำ (Motivation) เวลา 5 นาที - นำเข้าสู่บทเรียน ด้วยปัญหาที่น่าสนใจ เป็น ปัญหาที่ผู้เรียนจะคิดหาคำตอบได้ 2. ขั้นศึกษาข้อมูล(Information)เวลา 115 นาที อธิบายเนื้อหา/สาธิต 11.2 การเขียนแบบระบบควบคุมเครื่องกลไฟฟ้า 3.ขั้นพยายาม (Application) เวลา 160 นาที - ให้นักศึกษาศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากตำรา หน่วยที่ 11 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบ ไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง - ให้นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงาน ที่ 11.2 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้า และแบบที่เกี่ยวข้อง 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) เวลา 20 นาที - ตรวจสอบการปฏิบัติงานเพื่อให้คะแนน - ตอบคำถามที่ผู้เรียนสงสัย ขั้นตอนการเรียน 1. ขั้นนำ (Motivation) - รับฟังและถามตอบก่อนเข้าสู่บทเรียน 2. ขั้นศึกษาข้อมูล( Information) - รับฟังครูอธิบายแต่ละหัวข้อ และสอบถามหาก สงสัยข้อใดข้อหนึ่ง 3.ขั้นพยายาม (Application) - อ่านทบทวนเนื้อหาอย่างละเอียดจากจากจากตำรา หน่วยที่ 11 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบ ไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง - นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงานที่ 11.2 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและ แบบที่เกี่ยวข้อง 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) - ส่งงานการปฏิบัติใบงานที่ 11 - ถามคำถามที่ผู้เรียนสงสัย


เนื้อหาบทเรียน หน่วยที่ 11.1 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง 11.2 การเขียนแบบระบบควบคุมเครื่องกลไฟฟ้า 11.2.1 ทฤษฎี การเขียนแบบควบคุมเครื่องกลไฟฟ้า ในหัวข้อนี้ได้อ้างอิงสัญลักษณ์ไฟฟ้ามาตรฐาน IEC ใน การเขียนแบบสำหรับควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้า 3 เฟส โดยทั่วไปแบบที่ใช้ในการเขียนแบบวงจรควบคุมมอเตอร์ แบ่งออกเป็น 4 ชนิด คือ 1. แบบวงจรงานจริง แบบชนิดนี้จะเขียนคล้ายกับลักษณะงานจริง คือส่วนประกอบของ อุปกรณ์ใดๆจะเขียนเป็นชิ้นเดียว ไม่แยกออกจากกัน และสายไฟฟ้าเชื่อมต่อวงจรจะต่อกันที่จุดเข้าสายของ อุปกรณ์เท่านั้นซึ่งเหมือนกับลักษณะของชิ้นงานจริง 2. แบบแสดงการทำงาน แบ่งตามลักษณะของวงจรได้ 2 แบบ คือ (1) แบบแสดงการทำงานของวงจรกำลัง แบบชนิดนี้เป็นการนำเอาเฉพาะส่วนของ วงจรกำลังมาเขียนมาเขียนเท่านั้น ดังนั้นอุปกรณ์บางชิ้นไม่เกี่ยวข้องก็จะถูกตัดไป เช่น โอเวอร์โหลดรีเลย์จะไม่ เขียนส่วนที่เป็นคอนแทค ซึ่งใช้สำหรับงานควบคุมส่วนสายต่างๆที่ต่อถึงกันจะแสดงด้วยจุดต่อทึบ และจากจุด ต่อแต่ละจุดจะลากเพียงสายเดียวไปเข้าจุดต่อสายของอุปกรณ์ (2) แบบแสดงการทำงานของวงจรควบคุม แบบชนิดนี้ได้จากการจับต้นและปลาย ของวงจรควบคุมในงานแบบจริงยืดออกเป็นเส้นตรง สายต่อแยกต่างๆจะเขียนในแนวตั้งและแนวนอนเท่านั้น ส่วนประกอบของอุปกรณ์จะนำมาเขียนเฉพาะส่วนที่ใช้ในวงจรควบคุมเท่านั้น คอนแทคของรีเลย์หรือคอนแทค เตอร์สามารถแยกกันอยู่ตามส่วนต่างๆของวงจรได้ โดยจะเขียนอักษรหรือตัวเลขกำหับไว้ให้รู้ว่าเป็นของรีเลย์ หรือคอนแทคเตอร์ตัวใด และที่ด้านล่างของรีเลยืหรือคอนแทคเตอร์จะมีตารางรีเลย์เพื่อใช้งานคอนแทคว่าถูกใช้ ในแถวใด 3. แบบวงจรเส้นเดียว แบบชนิดนี้เป็นแบบที่แสดงการทำงานของวงจรกำลังอีกแบบหนึ่ง แต่ เขียนด้วยสายเส้นเดียวและมีตัวเลขแสดงจำนวนสายกำกับไว้ (สำหรับวงจรของมอเตอร์ 3 เฟส ที่มีจำนวนสาย แต่ละจุดของวงจรเท่าๆกัน คือ 3 เส้น อาจจะไม่เขียนตัวเลขกำกับไว้ก็ได้) 4. แบบวงจรประกอบการติดตั้ง แบบชนิดนี้เป็นแบบแสดงวงจรประกอบการติดตั้งส่วนต่างๆ ซึ่งในระบบควบคุมจะประกอบด้วยแผงควบคุม ตู้สวิตช์บอร์ด และโหลดที่ต้องการควบคุม มักจะแยกกันอยู่ที่ ต่างกัน ในส่วนต่างๆเหล่านี้จะเขียนแสดงรายละเอียดด้วยวงจรงานจริงและจะประกอบเข้าด้วยกันที่แผงต่อสาย ด้วยวงจรเส้นเดียว สายที่ต่อออกจากจุดต่อสายแต่ละจุดจะมีโค้ดกำกับไว้ให้รู้ว่าสายนั้นจะไปต่อเข้ากับจุดใด 11.2.2 ใบงานที่ 11.3 การเขียนแบบควบคุมการสตาร์ทมอเตอร์ 3 เฟส 1. จุดประสงค์การปฏิบัติ (1) เขียนแบบชนิดต่างๆ เพื่อควบคุมการสตาร์ทมอเตอร์ 3 เฟส ด้วยโปรแกรม AutoCAD (2) ใช้เลย์เอาท์เพื่อใช้ในการเขียนแบบแปลน (3) พิมพ์แบบแปลนออกมาท่งเครื่องพิมพ์


2. แบบแปลนสำเร็จ ประกอบด้วยแบบวงจรชนิดต่างๆ สำหรับควบคุมมอเตอร์ การสตาร์ท มอเตอร์ 3 เฟส จำนวน 5 แผ่น (1) แบบวงจรงานจริงดัง (2) แบบแสดงการทำงาน (3) แบบวงจรเส้นเดียวดัง (4) แบบวงจรประกอบการติดตั้ง (5)การใช้เลย์เอาท์จัดแบบพิมพ์ (แบบวงจรประกอบการติดตั้ง) แนวทางปฏิบัติ ให้ศึกษาแบบจำนวน 5 แผ่น รายชื่อเลเยอร์ดังในตารางที่ 11.5 และการกำหนดรูปแบบ ตัวอักษรในตารางที่ 11.6 ให้เข้าใจ แล้วให้ปฏิบัติเขียนแบบตามลำดับแนวทางการปฏฺบัติต่อไปนี้ 1. กำหนดค่าเริ่มต้นต่างๆให้ครบถ้วน ประกอบด้วย Limits, Units, Grid, Snap, Text Style และ Layer ให้ถูกต้อง 2. เขียนแบบส่วนต่างๆในแต่ละแผ่นตั้งแต่แผ่นที่ 1-4 โดยเลือกใช้เลเยอร์ให้ถูกต้อง 3. สร้างเลย์เอาท์ให้ถูกต้อง โดยกำหนดเลย์เอาท์ชื่อ Construction_A4 3. พิมพ์งานทางเครื่องพิมพ์ ซึ่งมีทั้งหมด 5 แผ่น และนำส่งครูผู้สอน 4. การจัดเก็บไฟล์ (Save) ให้จัดเก็บไฟล์โดยใช้ชื่อ Project11-3.DWG และนำส่งครูผู้สอน ตารางที่ 11.5 รายชื่อเลเยอร์ทั้งหมดที่ใช้ในการเขียนแบบระบบควบคุมเครื่องกลไฟฟ้า ชื่อเลเยอร์ ความหมาย/การใช้งาน สี เส้น Form เขียนแบบฟอร์ม White Continuous Name เขียนรายละเอียดของแบบฟอร์ม Blue Continuous Working diagram เขียนแบบวงจรจริงแผ่นที่ 1 White Continuous Power Circuit เขียนแบบวงจรกำลังแผ่นที่ 2 White Continuous Control Circuit เขียนแบบวงจรควบคุมแผ่นที่ 2 Red Continuous One line Circuit เขียนแบบวงจรเส้นเดียว3 Blue Continuous Construction เขียนแบบวงจรการติดตั้ง 4 White Continuous Viewports เขียนรายละเอียดบนเลย์เอาท์ต่างๆ White Continuous ตารางที่ 11.4 รูปแบบตัวอักษรทั้งหมดที่ใช้ในการเขียนแบบระบบควบคุมเครื่องกลไฟฟ้า ชื่อรูปแบบอักษร คุณสมบัติที่กำหนด Font Name Font Style High Thai2.5mm Angsana New Regular 2.5 Thai3mm Angsana New Regular 3 Thai4mm Angsana New Bold 4


วิธีสอน และ กิจกรรม - นำเสนอด้วยเพาเวอร์พอยต์ / สาธิต - ถามตอบ - ใบงานที่ 11.2 สื่อการสอน หนังสือ อ้างอิง นิพนธ์ บุญสกันต์. 2558. การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี, ศูนย์หนังสือ เมืองไทย. เอกสาร ประกอบ - ใบงานที่ 11.2 วัสดุโสต ทัศน์ - ไวท์บอร์ด - โปรเจคเตอร์ งานที่ มอบหมาย -ศึกษาตำรา - ปฏิบัติใบงานที่ 11.2 การวัดผล การวัดผลในหน่วยที่ 11 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง มี เกณฑ์การให้คะแนนดังนี้ - นักเรียนสามารถปฏิบัติใบงานที่ 11.2 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่ เกี่ยวข้อง 1 คะแนน หมายเหตุ :


ใบเตรียมการสอน สัปดาห์ที่ 17 วิชา การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์ ทฤษฏี 2 คาบ หน่วยที่ 11 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติ 3 คาบ ชื่อหน่วยเรียน หน่วยที่ 11 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง 11.3 การเขียนแบบงานติดตั้งไฟฟ้าบ้านพักอาศัย ใบงานที่ 11.3 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง จุดประสงค์การสอน หน่วยที่ 11 แสดงความรู้เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง 11.3 เขียนแบบงานติดตั้งไฟฟ้าบ้านพักอาศัยได้ ปฏิบัติใบงานที่ 11.3 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนกระบวนการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ MIAP กระบวนการสอนของครู กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน ขั้นการสอน(จุดประสงค์ที่ 11.3) 1. ขั้นนำ (Motivation) เวลา 5 นาที - นำเข้าสู่บทเรียน ด้วยปัญหาที่น่าสนใจ เป็น ปัญหาที่ผู้เรียนจะคิดหาคำตอบได้ 2. ขั้นศึกษาข้อมูล(Information)เวลา 115 นาที อธิบายเนื้อหา/สาธิต 11.3 การเขียนแบบงานติดตั้งไฟฟ้าบ้านพักอาศัย 3.ขั้นพยายาม (Application) เวลา 160 นาที - ให้นักศึกษาศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากตำรา หน่วยที่ 11 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบ ไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง - ให้นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงาน ที่ 11.3 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้า และแบบที่เกี่ยวข้อง 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) เวลา 20 นาที - ตรวจสอบการปฏิบัติงานเพื่อให้คะแนน - ตอบคำถามที่ผู้เรียนสงสัย ขั้นตอนการเรียน 1. ขั้นนำ (Motivation) - รับฟังและถามตอบก่อนเข้าสู่บทเรียน 2. ขั้นศึกษาข้อมูล( Information) - รับฟังครูอธิบายแต่ละหัวข้อ และสอบถามหาก สงสัยข้อใดข้อหนึ่ง 3.ขั้นพยายาม (Application) - อ่านทบทวนเนื้อหาอย่างละเอียดจากจากจากตำรา หน่วยที่ 11 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบ ไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง - นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงานที่ 11.3 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและ แบบที่เกี่ยวข้อง 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) - ส่งงานการปฏิบัติใบงานที่ 11.3 - ถามคำถามที่ผู้เรียนสงสัย


เนื้อหาบทเรียน หน่วยที่ 11 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง 11.3 การเขียนแบบงานติดตั้งไฟฟ้าบ้านพักอาศัย 11.3.1 ทฤษฎี การเขียนแบบงานติดตั้งไฟฟ้าบ้านพักอาศัย ในหัวข้อนี้ได้อ้างอิงสัญลักษณ์ไฟฟ้ามาตรฐาน ANSI เป็นหลัก (ดังในใบงานที่ 11.2) ในการเขียนแบบงานติดตั้งไฟฟ้าบ้านพักอาศัยโดยทั่วไปอาจจะแยกหรือไม่ แยกวงจรกำลังกับวงจรแสงสว่างก็ได้ ซึ่งในหัวข้อนี้เป็นการรวมแบบวงจรแสงสว่างและวงจรกำลังเข้าด้วยกัน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการเขียนแบบติดตั้งเท่านั้น การเขียนแบบงานติดตั้งไฟฟ้าบ้านพักอาศัยควรประกอบด้วย 4 ส่วนดังนี้ 1. ตารางสัญลักษณ์ที่ใช้ในการเขียนแบบ (Working Diagram) เป็นตารางที่ใช้สำหรับแสดง สัญลักษณ์และความหมายของสัญลักษณ์ทั้งหมดที่ใช้ในการเขียนแบบ 2. แบบแปลนไฟฟ้า เป็นแบบที่ใช้สำหรับเขียนแบบแปลนไฟฟ้าลงบนแปลน เช่น เขียน ตำแหน่งดวงโคม เต้ารับ สวิตซ์ วงจรไฟฟ้า และสัญลักษณ์ไฟฟ้าอื่นๆของแต่ละชั้น 3. แบบวงจรเส้นเดียว เป็นแบบที่เขียนเพื่อแสดงรายละเอียดในลักษณะของรูปรวมในการ จัดแบ่งวงจรย่อยต่างๆที่ระบบไฟฟ้าในแผงควบคุมไฟฟ้า ชนิดแบบแปลนทางสถาปัตยกรรมของแต่ละชั้น ใช้ สำหรับเขียนแบบแปลนไฟฟ้าลงบนแปลนบ้าน 4. ตารางรายการโหลด เป็นตารางที่ใช้สำหรับแสดงรายละเอียดของวงจรย่อยของแต่ละวงจร เช่น รายการโหลด ขนาดโหลด ขนาดสายไฟ ชนิดสายไฟ ขนาดอุปกรณ์ป้องกัน โดยทั่วไปแล้วตารางรายการ โหลดสามารถเขียนได้หลายแบบ 11.3.2 ใบงานที่ 11.4 การเขียนแบบงานติดตั้งไฟฟ้าบ้านพักอาศัยขนาด 2 ชั้น 1. จุดประสงค์การปฏิบัติ (1) เขียนแบบแปลนบ้านชนิดแบบสถาปัตยกรรม (2) เขียนแบบติดตั้งไฟฟ้าบ้านพักอาศัย ด้วยโปรแกรม AutoCAD (3) พิมพ์แบบแปลนออกทางเครื่องพิมพ์ 2. แบบแปลนสำเร็จ จำนวน 5 แผ่น ดังนี้ (1) แบบตารางสัญลักษณ์ไฟฟ้า (2) แบบแปลนบ้านและแบบแปลนไฟฟ้า ชั้นที่ 1 (3) แบบแปลนบ้านและแบบแปลนไฟฟ้า ชั้นที่ 2 (4) แบบวงจรเส้นเดียว (5) แบบตารางโหลด แนวการปฏิบัติ ให้ศึกษาแบบ จำนวน 5 แผ่น รายชื่อเลเยอร์ดังในตารางที่ 11.7 และการกำหนดรูปแบบ ตัวอักษรในตารางที่ 11.8 ให้เข้าใจ แล้วให้ปฏิบัติเขียนแบบตามลำดับแนวทางการปฏิบัติต่อไปนี้


1. กำหนดค่าเริ่มต้นต่างๆให้ครบถ้วน ประกอบด้วย Limits, Units, Grid, Snap, Text Style และ Layer ให้ถูกต้อง 2. เขียนแบบส่วนต่างๆในแต่ละแผ่นตั้งแต่แผ่นที่ 1-5 โดยเลือกใช้เลเยอร์ให้ถูกต้อง 3. พิมพ์งานทางเครื่องพิมพ์ ซึ่งมีทั้งหมด 5 แผ่น และนำส่งครูผู้สอน 4. การจัดเก็บไฟล์ (Save) ให้จัดเก็บไฟล์โดยใช้ชื่อ Project11-4.DWG และนำส่งครูผู้สอน ตารางที่ 11.7 รายชื่อเลเยอร์ทั้งหมดที่ใช้ในการเขียนแบบงานติดตั้งไฟฟ้า ชื่อเลเยอร์ ความหมาย/การใช้งาน สี เส้น Form เขียนแบบฟอร์ม White Continuous House Plan 1 เขียนแบบแปลนบ้าน ชั้นที่ 1 White Continuous House Plan 2 เขียนแบบแปลนบ้าน ชั้นที่ 2 White Continuous House Text 1 เขียนตัวอักษรสำหรับแปลนบ้าน ชั้นที่ 1 White Continuous House Text 2 เขียนตัวอักษรสำหรับแปลนบ้าน ชั้นที่ 2 White Continuous Layout Symbol 1 เขียนสัญลักษณ์ไฟฟ้าสำหรับแปลนบ้าน ชั้นที่ 1 Blue Continuous Layout Symbol 2 เขียนสัญลักษณ์ไฟฟ้าสำหรับแปลนบ้าน ชั้นที่ 2 Blue Continuous Load Table เขียนแบบตารางโหลด White Continuous Name เขียนรายละเอียดของแบบฟอร์ม Blue Continuous One Line เขียนแบบวงจรเส้นเดียว Red Continuous Symbol เขียนแบบตารางสัญลักษณ์และสัญลักษณ์ Blue Continuous Text Load Table Detail เขียนรายละเอียดของตารางโหลด Blue Continuous Text Symbol เขียนความหมายของตารางโหลด White Continuous Wiring 1 เขียนแบบเส้นโยงวงจรไฟฟ้า ชั้น 1 Red Continuous Wiring 2 เขียนแบบเส้นโยงวงจรไฟฟ้า ชั้น 2 Red Continuous ตารางที่ 11.4 รูปแบบตัวอักษรทั้งหมดที่ใช้ในการเขียนแบบสัญลักษณ์ไฟฟ้างานติดตั้งไฟฟ้า ชื่อรูปแบบอักษร คุณสมบัติที่กำหนด Font Name Font Style High Thai2.5mm Angsana New Regular 2.5 Thai3mm Angsana New Regular 3 Thai4mm Angsana New Bold 4 11.3.3 การจัดเก็บไฟล์ (Save) ให้จัดเก็บไฟล์โดยใช้ชื่อ Project11-4.DWG และนำส่งครูผู้สอน


วิธีสอน และ กิจกรรม - นำเสนอด้วยเพาเวอร์พอยต์ / สาธิต - ถามตอบ - ใบงานที่ 11.3 สื่อการสอน หนังสือ อ้างอิง นิพนธ์ บุญสกันต์. 2558. การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี, ศูนย์หนังสือ เมืองไทย. เอกสาร ประกอบ - ใบงานที่ 11.3 วัสดุโสต ทัศน์ - ไวท์บอร์ด - โปรเจคเตอร์ งานที่ มอบหมาย -ศึกษาตำรา - ปฏิบัติใบงานที่ 11.3 การวัดผล การวัดผลในหน่วยที่ 11 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง มี เกณฑ์การให้คะแนนดังนี้ - นักเรียนมีความเข้าใจในเรื่องการประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่เกี่ยวข้อง 1 คะแนน - นักเรียนสามารถปฏิบัติใบงานที่ 11.3 การประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อเขียนแบบไฟฟ้าและแบบที่ เกี่ยวข้อง 1 คะแนน หมายเหตุ :


ความสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ 3 ห่วง 1. ความพอประมาณ -เตรียมอุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยอย่างเหมาะสม 2. มีเหตุผล - ความปลอดภัยในการเรียนในรายวิชา 3. มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี - ป้องกันอุบัติเหตุในงานได้ 1. เงื่อนไขความรู้ (รอบรู้, รอบคอบ, ระมัดระวัง) 2 เงื่อนไข - ปฏิบัติตามกฎของโรงงานได้อย่างเคร่งครัด - บอกวิธีการป้องกันอุบัติเหตุในงานได - อธิบายถึงความสำคัญของความปลอดภัย ในการปฏิบัติงานได้ 2. เงื่อนไขคุณธรรม - มีความรับผิดชอบ - มีความคิดสร้างสรรค์ 1. มิติด้านเศรษฐกิจ 4 มิติ - ใช้อุปกรณ์ วัสดุ ในการเรียนการสอนอย่างประหยัด คุ้มค่า 2. มิติด้านสังคม - สามารถนำวิธีการทำงานไปปรับกับการทำงานภายนอกได้ 3. มิติด้านสิ่งแวดล้อม - ไม่ทำลายทำธรรมชาติในการเรียนในรายวิชา 4. มิติด้านวัฒนธรรม - มีคุณธรรม ความซื่อสัตย์ต่อวิชา ครูผู้สอน


ความสอดคล้องกับคุณธรรมพื้นฐาน 8 ประการ ของสถานศึกษา ............................................................................ 1. ขยัน → นักเรียนนักศึกษาสามารถทำงานเสร็จตรงตามเวลา 2. ประหยัด → นักเรียนนักศึกษานำวัสดุที่ใช้มาปฏิบัติอย่างประหยัด 3. ซื่อสัตย์ → นักเรียนนักศึกษามีความซื่อสัตย์ต่อวิชาเรียน ต่อผู้สอน 4. มีวินัย → นักเรียนนักศึกษามาเรียนตรงตามเวลา 5. สุภาพ → นักเรียนนักศึกษามีความสุภาพต่อครูผู้สอน 6. สะอาด → นักเรียนนักศึกษาช่วยกันรักษาความสะอาดในแผนกวิชา 7. สามัคคี → นักเรียนนักศึกษามีความสามัคคีร่วมมือกันทำงานเป็นกลุ่ม 8. มีน้ำใจ → นักเรียนนักศึกษามีความเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนร่วมห้อง


Click to View FlipBook Version