The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาการเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kritsada.int, 2023-04-20 14:30:28

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาการเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาการเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์

การปรับแต่งวัตถุโดยการใช้Grips นั้นต้องทำการเลือกจุด Grips โดยปกติจุด Grips จะเป็นสีน้ำเงิน เรียกว่า Warm grips ถ้าเราเอา mouse ไป Click บนปุ่ม Grips จะเปลี่ยนสีเป็นสีแดง เรียกว่า Hot Grips ซึ่งใช้ ในการปรับแต่งวัตถุบนบรรทัดป้อนคำสั่งจะปรากฏข้อความ ** STRETCH ** <Stretch to point>/Base point/Copy/Undo/eXit: ทุกครั้งที่เรากดปุ่ม Enter จะเปลี่ยนคำสั่งเป็น Move , Rotate , Scale , Mirror ตามลำดับและ วนกลับมาที่เดิมหากบรรทัดป้อนคำสั่งแสดงคำสั่งใดโปรแกรมก็จะรับคำสั่งนั้นไปแก้ไขวัตถุ อีกวิธีหนึ่งในการเรียกใช้คำสั่งจากจุด Grips คือการเลือกจุด Grips ให้เป็น Hot Grips แล้ว Click mouse ปุ่มขวา จะเกิดเคอร์เซอร์เมนูให้เราเลือกคำสั่งดังรูป รูปที่ 5.19 การเรียกใช้คำสั่งจากจุด Grips โดยจุดที่เลือกนั้นจะเป็นจุดอ้างอิงจุดฐานในการแก้ไขรูป


วิธีสอน และ กิจกรรม - นำเสนอด้วยเพาเวอร์พอยต์ / สาธิต - ถามตอบ - แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 5 - ใบงานที่ 5.2 สื่อการสอน หนังสือ อ้างอิง นิพนธ์ บุญสกันต์. 2558. การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี, ศูนย์หนังสือ เมืองไทย. เอกสาร ประกอบ - แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 5 - ใบงานที่ 5.2 วัสดุโสต ทัศน์ - ไวท์บอร์ด - โปรเจคเตอร์ งานที่ มอบหมาย -ศึกษาตำรา - ทำแบบฝึกหัดหน่วยที่ 5 - ปฏิบัติใบงานที่ 5.2 การวัดผล การวัดผลในหน่วยที่ 5 การใช้คำสั่งเพื่อแก้ไขและตกแต่งแบบแปลน มีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้ - นักเรียนมีความเข้าใจในเรื่องการใช้คำสั่งเพื่อแก้ไขและตกแต่งแบบแปลน 1 คะแนน - นักเรียนสามารถปฏิบัติใบงานที่ 5.2 การใช้คำสั่งเพื่อแก้ไขและตกแต่งแบบแปลน 1 คะแนน หมายเหตุ :


ความสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ 3 ห่วง 1. ความพอประมาณ -เตรียมอุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยอย่างเหมาะสม 2. มีเหตุผล - ความปลอดภัยในการเรียนในรายวิชา 3. มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี - ป้องกันอุบัติเหตุในงานได้ 1. เงื่อนไขความรู้ (รอบรู้, รอบคอบ, ระมัดระวัง) 2 เงื่อนไข - ปฏิบัติตามกฎของโรงงานได้อย่างเคร่งครัด - บอกวิธีการป้องกันอุบัติเหตุในงานได - อธิบายถึงความสำคัญของความปลอดภัย ในการปฏิบัติงานได้ 2. เงื่อนไขคุณธรรม - มีความรับผิดชอบ - มีความคิดสร้างสรรค์ 1. มิติด้านเศรษฐกิจ 4 มิติ - ใช้อุปกรณ์ วัสดุ ในการเรียนการสอนอย่างประหยัด คุ้มค่า 2. มิติด้านสังคม - สามารถนำวิธีการทำงานไปปรับกับการทำงานภายนอกได้ 3. มิติด้านสิ่งแวดล้อม - ไม่ทำลายทำธรรมชาติในการเรียนในรายวิชา 4. มิติด้านวัฒนธรรม - มีคุณธรรม ความซื่อสัตย์ต่อวิชา ครูผู้สอน


ความสอดคล้องกับคุณธรรมพื้นฐาน 8 ประการ ของสถานศึกษา ............................................................................ 1. ขยัน → นักเรียนนักศึกษาสามารถทำงานเสร็จตรงตามเวลา 2. ประหยัด → นักเรียนนักศึกษานำวัสดุที่ใช้มาปฏิบัติอย่างประหยัด 3. ซื่อสัตย์ → นักเรียนนักศึกษามีความซื่อสัตย์ต่อวิชาเรียน ต่อผู้สอน 4. มีวินัย → นักเรียนนักศึกษามาเรียนตรงตามเวลา 5. สุภาพ → นักเรียนนักศึกษามีความสุภาพต่อครูผู้สอน 6. สะอาด → นักเรียนนักศึกษาช่วยกันรักษาความสะอาดในแผนกวิชา 7. สามัคคี → นักเรียนนักศึกษามีความสามัคคีร่วมมือกันทำงานเป็นกลุ่ม 8. มีน้ำใจ → นักเรียนนักศึกษามีความเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนร่วมห้อง


ใบเตรียมการสอน สัปดาห์ที่ 9 วิชา การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์ ทฤษฏี 2 คาบ หน่วยที่ 6 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน ปฏิบัติ 3 คาบ ชื่อหน่วยเรียน หน่วยที่ 6 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน 6.1 การคัดลอกวัตถุแบบคู่ขนานด้วยคำสั่ง Offset (แบบฝึกหัดข้อที่ 5, 7) 6.2 การคัดลอกวัตถุแบบกลับข้างด้วยคำสั่ง Mirror (แบบฝึกหัดข้อที่ 1, 6, 8) 6.3 การคัดลอกวัตถุแบบชุดด้วยคำสั่ง Array (แบบฝึกหัดข้อที่ 9) 6.4 การปรับแต่งวัตถุด้วยคำสั่ง Stretch (แบบฝึกหัดข้อที่ 10) 6.5 การแก้ไขเส้น Multiline ด้วยคำสั่ง Mledit 6.6 การแก้ไขเส้น Polyline ด้วยคำสั่ง Pedit (แบบฝึกหัดข้อที่ 4) 6.7 การใช้งาน Grips (แบบฝึกหัดข้อที่ 11) ใบงานที่ 6.1 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน จุดประสงค์การสอน หน่วยที่ 6 แสดงความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน 6.1 บอกหน้าที่และประยุกต์เทคนิคการใช้งานคำสั่งตกแต่งคัดลอกวัตถุแบบคู่ขนานด้วยคำสั่ง Offset 6.2 บอกหน้าที่และประยุกต์เทคนิคการใช้งานคำสั่งตกแต่งคัดลอกวัตถุแบบกลับข้างด้วยคำสั่ง Mirror 6.3 บอกหน้าที่และประยุกต์เทคนิคการใช้งานคำสั่งตกแต่งคัดลอกวัตถุแบบชุดด้วยคำสั่ง Array 6.4 บอกหน้าที่และประยุกต์เทคนิคการใช้งานคำสั่งตกแต่งปรับแต่งวัตถุด้วยคำสั่ง Stretch 6.5 บอกหน้าที่และประยุกต์เทคนิคการใช้งานคำสั่งตกแต่งแก้ไขเส้น Multiline ด้วยคำสั่ง Mledit 6.6 บอกหน้าที่และประยุกต์เทคนิคการใช้งานคำสั่งตกแต่งแก้ไขเส้น Polyline ด้วยคำสั่ง Pedit 6.7 บอกหน้าที่และประยุกต์เทคนิคการใช้งานคำสั่งตกแต่งใช้งาน Grips ปฏิบัติใบงานที่ 6.1 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน แนวคิดสำคัญ เทคนิคการตกแต่งและแก้ไขแบบแปลนเป้นกลุ่มคำสั่งที่อยู่ในกลุ่ม Modify กับเดียวกับหน่วยที่ 5 แต่ เป็นคำสั่งที่มีการใช้งานที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น สามารถช่วยให้เราเขียนแบบได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น การคัดลอกวัตถุ แบบคู่ขนาน แบบกลับข้าง แบบชุดเป้วงกลมหรือแบบแถว การเปลี่ยนรูปทรงวัตถุ การแก้ไขเส้น Polyline และ Multiline การใช้งาน Grips เพื่อแก้ไขวัตถุ การเปลี่ยนคุณสมบัติขิงวัตถุด้วยตาราง การเขียนจุดตามแนวเส้น การย่อขยายชิ้นงาน และการเติมลวดลายให้กับวัตถุ ดังนั้นเมื่อศึกษาจบบทนี้แล้วสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ ในการเขียนแบบได้เป็นอย่างดี สมรรถนะย่อย ประยุกต์ใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน


ขั้นตอนกระบวนการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ MIAP กระบวนการสอนของครู กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน ขั้นการสอน(จุดประสงค์ที่ 6.1-6.7) 1. ขั้นนำ (Motivation) เวลา 5 นาที - นำเข้าสู่บทเรียน ด้วยปัญหาที่น่าสนใจ เป็น ปัญหาที่ผู้เรียนจะคิดหาคำตอบได้ 2. ขั้นศึกษาข้อมูล(Information)เวลา 115 นาที อธิบายเนื้อหา/สาธิต 1. การคัดลอกวัตถุแบบคู่ขนานด้วยคำสั่ง Offset 2. การคัดลอกวัตถุแบบกลับข้างด้วยคำสั่ง Mirror 3. การคัดลอกวัตถุแบบชุดด้วยคำสั่ง Array 4. การปรับแต่งวัตถุด้วยคำสั่ง Stretch 5. การแก้ไขเส้น Multiline ด้วยคำสั่ง Mledit 6. การแก้ไขเส้น Polyline ด้วยคำสั่ง Pedit 7. การใช้งาน Grips 3.ขั้นพยายาม (Application) เวลา 160 นาที - ให้นักศึกษาศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากตำรา หน่วยที่ 6 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไข แบบแปลน - ให้นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงาน ที่ 6.1 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไข แบบแปลน 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) เวลา 20 นาที - ตรวจสอบการปฏิบัติงานเพื่อให้คะแนน - ตอบคำถามที่ผู้เรียนสงสัย ขั้นตอนการเรียน 1. ขั้นนำ (Motivation) - รับฟังและถามตอบก่อนเข้าสู่บทเรียน 2. ขั้นศึกษาข้อมูล( Information) - รับฟังครูอธิบายแต่ละหัวข้อ และสอบถามหาก สงสัยข้อใดข้อหนึ่ง 3.ขั้นพยายาม (Application) - อ่านทบทวนเนื้อหาอย่างละเอียดจากจากจากตำรา หน่วยที่ 6 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไข แบบแปลน - นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงานที่ 6.1 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบ แปลน 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) - ส่งงานการปฏิบัติใบงานที่ 6.1 - ถามคำถามที่ผู้เรียนสงสัย เนื้อหาบทเรียน หน่วยที่ 6 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน 6.1 การคัดลอกวัตถุแบบคู่ขนานด้วยคำสั่ง Offset คำสั่ง Offset อักษรย่อ O เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับคัดลอกวัตถุแบบคู่ขนานตามระยะห่างและด้านที่ กำหนดให้กับคำสั่ง วัตถุไม่สามารถคัดลอกได้ด้วยคำสั่งนี้คือวัตถุรูปทรงตันที่สร้างจากคำสั่ง Solid


6.1.1 การเรียกใช้คำสั่ง Offset ทำได้โดยคลิกเครื่องมือหรือแถบเมนู Modify > Offset หรือพิมพ์ O แล้วกด Enter ที่บรรทัด คำสั่งวิธีใดวิธีหนึ่ง 6.1.2 รายละเอียดของคำสั่ง Offset ประกอบด้วย Specify offset distance or [Through/Erase/Layer] <5.000>: กำหนดค่าระยะห่างหรือ เลือกตัวเลือกที่ต้องการ - Specify offset distance คือ กำหนดค่าระยะห่าง โดยป้อนค่าตัวเลขหรือคลิกจุดที่ 1 และ จุดที่ 2 เป็นระยะห่างเพื่อวางวัตถุ - Through ป้อน T คือ กำหนดการวางวัตถุที่ระยะตำแหน่งคลิกเมาส์หรือกำหนดตำแหน่งโดย ใช้ระบบพิกัดโคออดิเนต เช่น @5<0 - Erase ป้อน E คือ กำหนดให้ลบวัตถุต้นแบบหลังจากวางวัตถุแล้ว - Layer ป้อน L คือ เพื่อเลือกกำหนดการวางใหม่บนเลเยอร์ ซึ่งมี 2 ตัวเลือก คือ - [Current/Source] ป้อน C เพื่อเลือกกำหนดการวางวัตถุใหม่บนเลเยอร์ปัจจุบัน ป้อน S เพื่อเลือกกำหนดการวางวัตถุใหม่บนเลเยอร์เดิมหรือเลเยอร์ ที่วัตถุต้นแบบถูกสร้าง 6.1.3 ขั้นตอนพื้นฐานของการใช้คำสั่ง Offset 1. เรียกคำสั่ง Offset 2. ป้อนตัวเลข เพื่อกำหนดระยะห่างของการวางวัตถุ แล้วกด Enter หรือเลือกตัวเลือกอื่นๆ 3. คลิกบนวัตถุต้นแบบ เพื่อเลือกวัตถุจะมีคำถามดังข้อที่ 4 4. Specify point on side to offset or [Exit/Multiple/Undo] <Exit>: คลิกทางด้านที่ ต้องการวางวัตถุหรือป้อน M แล้วกด Enter เพื่อเลือกวางวัตถุแบบต่อเนื่องดดยการคลิกเมาส์ไปเรื่อยๆจนกว่าจะ กด Enter เพื่อจบตำสั่ง 6.1.4 ตัวอย่างการใช้คำสั่ง Offset ตัวอย่างที่ 6.1 การคัดลอกวัตถุแบบคู่ขนาน เพื่อคัดลอกวัตถุรูปทรงต่างๆ วิธีปฏิบัติการใช้คำสั่ง Offset เพื่อคัดลอกวัตถุ 6.2 การคัดลอกวัตถุแบบกลับข้างด้วยคำสั่ง Mirror คำสั่ง Mirror เป็นคำสั่งสำหรับคัดลอกวัตถุหรือกลุ่มวัตถุแบบกลับข้าง ซึ่งเหมือนกับภาพสะท้อนกระจก เงา โดยต้องกำหนดแนวเส้นแนวกระจก (Mirror Line) จากจุด 2 จุด แล้วยังสามารถเลือกลบรูปเดิมหรือไม่ก็ได้ ดังรายละเอียดใน 6.2.1 การเรียกใช้คำสั่ง Mirror คลิกที่เครื่องมือหรือที่แถบเมนู Modify > Mirror หรือพิมพ์ MI แล้วกด Enter ที่บรรทัดคำสั่ง วิธีใดวิธีหนึ่ง 6.2.2 รายละเอียดของคำสั่ง Mirror ประกอบด้วย - Select objects: คือ เลือกวัตถุต้นแบบที่ต้องการคัดลอกกลับข้าง - Specify first point of mirror line คือ กำหนดจุดแรกของเส้นแนวกระจก


- Specify second point of mirror line: คือ กำหนดจุดที่สองของเส้นแนวกระจก - Erase source objects? [Yes/No] <N>: คือ ต้องการลบวัตถุต้นแบบหรือไม่ ปกติจะไม่ลบ 6.2.3 ขั้นตอนพื้นฐานของการใช้คำสั่ง Mirror 1. เรียกคำสั่ง Mirror 2. เลือกวัตถุต้นแบบ แล้วกด Enter 3. คลิก เพื่อเลือกจุดแรกของแนวเส้นกระจก 4. คลิก เพื่อเลือกจุกที่สองของแนวเส้นกระจก 5. ต้องการลบวัตถุต้นแบบหรือไม่ ถ้าตอบ Y คือลบ ปกติจะไม่ลบภาพต้นแบบ 6.2.4 การใช้คำสั่ง Mirror กับข้อความ ในกรณีวัตถุมีตัวอักษรรวมอยู่ด้วย Mirror จะทำให้ตัวอักษรกลับข้างทำให้อ่านไม่ออก ดังนั้นถ้า ต้องการให้ตัวอักษรไม่กลับข้าง ก่อนที่จะใช้คำสั่ง Mirror ให้ใช้คำสั่ง Mirrtext ก่อน เพื่อปรับค่า Mirrtext ให้เป็น ศูนย์ จากนั้นให้ใช้คำสั่ง Mirror ตามปกติ นั่นคือ ถ้า Mirrtext = 1 คำสั่ง Mirror จะทำการกลับข้างข้อความแบบกระจก ถ้า Mirrtext = 0 คำสั่ง Mirror จะไม่กลับข้างข้อความ 6.2.5 ตัวอย่างการใช้คำสั่ง Mirror ตัวอย่างที่ 6.2 จากรูปที่ 6.7 การคัดลอกวัตถุแบบกลับข้าง เพื่อคัดลอกวัตถุรูปทรงต่างๆ รูปที่ 6.7 การคัดลอกวัตถุกลับข้างด้วยคำสั่ง mirror 6.3 การคัดลอกวัตถุแบบชุดด้วยคำสั่ง Array คำสั่ง Array เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับคัดลอกวัตถุแบบชุดตามจำนวนที่กำหนด ซึ่งมีการวางวัตถุ 2 ลักษณะ คือ การวางวัตถุแบบแถว และแบบวงกลม 6.3.1 การเรียกใช้คำสั่ง Array คลิกที่เครื่องมือหรือที่แถบเมนู modify > Array หรือ พิมพ์ AR แล้วกด Enter ที่บรรทัดคำสั่ง วิธีใดวิธีหนึ่ง 6.3.2 การคัดลอกวัตถุด้วยคำสั่ง Array แบบแถว (Rectangular Array) การคัดลอกวัตถุแบบแถว ใช้สำหรับคัดลอกวัตถุเป็นชุด ครั้งละหลายๆอัน ที่ต้องการเรียงกันใน ลักษณะแถวแนวตรง โดยจะต้องกำหนดจำนวนแถว จำนวนคอลัมน์ ระยะห่างระหว่างแถว และระยะห่างระหว่า


คอลัมน์ ดังรูปที่ 6.10 เป็นการคัดลอกสัญลักษณ์โคมหลอดฟลูออเรสเซนต์จากภาพต้นฉบับ เป็นการคัดลอก ขนาด 2x4 นั่นคือ จำนวนแถว 2 แถว จำนวนคอลัมน์ 3 คอลัมน์ การคัดลอกแบบแถว เพื่อคัดลอกและวางตำแหน่งสัญลักษณ์โคมหลอดฟลูออเรสเซนต์ ขนาด 2x40 วัตต์ จากภาพต้นแบบให้ได้จำนวน 2 แถว 4 คอลัมน์ โดยมีระยะห่างระหว่างแถว 40 และระยะห่างระหว่า คอลัมน์ 40 ให้กำหนดพื้นที่เขียนแบบขนาก A3 (420, 297) วิธีการปฏิบัติ การเรียกใช้คำสั่ง Array แบบ Rectangular Array จากรูปที่ 6.11 มีขั้นตอนดังนี้ 1. เรียกคำสั่ง Array 2. คลิกเครื่องหมายหน้า Rectangular Array เพื่อเลือก Array เป็นแถว 3. คลิกปุ่ม Select Objects 4. ป้อนค่า Rows คือ ป้อนจำนวนแถว 5. ป้อนค่า Columns คือป้อนจำนวนคอลัมน์ 6. ป้อนค่า Row offset คือ ป้อนค่าระยะห่างระหว่างแถว (ป้อนได้ทั้งค่า + และ – โดยทิศทาง การวางวัตถุในแกน Y ที่ตรงข้ามกัน) 7. ป้อนค่า Colum offset ป้อนค่าระยะห่างระหว่างคอลัมน์ (ป้อนได้ทั้งค่า + และ – โดย ทิศทางการวางวัตถุในแกน X ที่ตรงข้ามกัน) 8. คลิกปุ่ม Preview เพื่อดูตัวอย่างผลที่ได้จากการคัดลอก 9. คลิกปุ่ม Accept เพื่อตกลงและยอมรับ หรือคลิก modify เพื่อแก้ไขค่าต่างๆ หรือคลิก Cancel เพื่อยกเลิกการคัดลอก 6.3.3 การคัดลอกวัตถุด้วยคำสั่ง Array แบบวงกลม (Polar Array) การคัดลอกวัตถุแบบวงกลม ใช้สำหรับคัดลอกวัตถุเป็นชุด ครั้งละหลายๆอัน ที่ต้องการให้เรียง กันในลักษณะวงกลม โดยจะต้องกำหนดจำนวนชิ้นที่ต้องการและจุดศูนย์กลางของ Array ซึ่งเป็นการคัดลอกด้วย มุม 360 องศา และ 180 องศา 6.4 การปรับแต่งวัตถุด้วยคำสั่ง Stretch คำสั่ง Stretch เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับยืดหรือหดวัตถุอย่างอิสระไปในทิศทางที่กำหนด โดยให้เลือกวัตถุ แบบ Crossing Window หรือ Crossing Polygon กำหนดจุดอ้างอิงและระยะยืดหรือหด 6.4.1 การเรียกใช้คำสั่ง Stretch คลิกที่เครื่องมือหรือที่แถบเมนู Modify > Stretch หรือ พิมพ S แล้วกด Enter ที่บรรทัดคำสั่ง วิธีใดวิธีหนึ่ง 6.4.2 รายละเอียดของคำสั่ง Stretch ประกอบด้วย - Select objects: คือ ให้เลือกวัตถุที่ต้องการแบบ Crossing-window หรือ Crossingpolygon - Specify base point or [Displacement] <Displacement>: คือ เลือกจุดอ้างอิง หรือ กำหนดตำแหน่งวางวัตถุ


- Specify second point or <use first point as displacement> คือ กำหนดจุดที่ 2 เพื่อ ยืด หด หรือวางวัตถุ 6.4.3 ขั้นตอนพื้นฐานการใช้คำสั่ง Stretch 1. เรียกใช้คำสั่ง Stretch 2. เลือกวัตถุต้นแบบ โดยเลือก Crossing-window หรือ Crossing-polygon แล้วกด Enter 3. คลิกกำหนดจุดอ้างอิงของการ Stretch 4. คลิกเพื่อกำหนดจุดที่ 2 เพื่อยืดหรือหดวัตถุ 6.5 การแก้ไขเส้น Multiline ด้วยคำสั่ง Mledit คำสั่ง Mledit เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับแก้ไขหรือปรับแต่งเส้นที่เขียนจากคำสั่ง Multiline ตามตัวเลือกที่ เรียกใช้งาน 6.5.1 การเรียกคำสั่ง Mledit ทำได้โดยการคลิกที่แถบเมนู Modift > Object > Multiline หรือพิมพ์ Mledit แล้วกด Enter ที่บรรทัดคำสั่ง วิธีใดวิธีหนึ่ง 6.5.2 รายละเอียดของคำสั่ง Mledit โดยปฏิบัติตามหัวข้อที่ 6.5.1 จะปรากฏไดอะล็อกบอกซ์ Multiline Edit Tools เพื่อให้เลือก รูปแบบเครื่องมือการแก้ไขเส้นที่สร้างจาก Multiline ตามต้องการ 6.5.3 ตัวอย่างการใช้คำสั่ง Mledit เพื่อเสริมความเข้าใจการใช้รูปแบบเครื่องมือของคำสั่ง Mledit ในการแก้ไขเส้นที่เขียนจาก คำสั่ง Multiline การใช้รูปแบบเครื่องมือต่างๆของคำสั่ง mledit ในการแก้ไขเส้นที่เขียนจากคำสั่ง Multiline รูปที่ 6.22 ตัวอย่างการแก้ไขเส้น Multiline ด้วยคำสั่ง mledit


6.6 การแก้ไขเส้น Polyline ด้วยคำสั่ง Pedit คำสั่ง Pedit เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับแก้ไขหรือปรับแต่งเส้นที่เขียนจากคำสั่ง Polyline ตามตัวเลือกที่ เรียกใช้งาน 6.6.1 การเรียกใช้คำสั่ง Pedit ทำได้โดยการคลิกที่แถบเมนู Modify > Object > Polyline หรือพิมพ์ Pedit แล้วกด Enter ที่บรรทัดคำสั่ง วิธีใดวิธีหนึ่ง 6.6.2 รายละเอียดของคำสั่ง Pedit หลังจากรียกใช้คำสั่ง Pedit โดยปฏิบัติตามหัวข้อที่ 6.6.1 ก็จะได้รายละเอียดของคำสั่ง ดังนี้ - Select polyline or [Multiple]: คือ เลือกเส้น polyline หรือ Multiline - Open คือ เปิดหรือลบเส้นปิดรูป (จะปรากฏในกรณีเป็นรูปปิด) - Join คือ เชื่อมต่อ line Arc หรือ polyline เข้ากับจุดปลายของเส้นที่อยุ่บนจุดเดียวกัน - Width คือ ใช้เปลี่ยนความกว้างของเส้น - Edit vertex คือ แก้ไขจุด Vertex ของเส้น polyline - Fit คือ ใช้เปลี่ยนเส้นตรงให้เป็นเส้นโค้ง โดยที่เส้นโค้งจะถูกควบคุมด้วยจุด Vertex - Spline คือ ใช้สำหรับเปลี่ยนเส้นตรงเป็นเส้นโค้งต่อเนื่อง - Decurve คือ ใช้เปลี่ยนเส้นโค้ง Polyline ให้เป็นเส้นตรง - Ltype gan คือ ใช้กำเนิดรูปแบบเส้นตามจุด Vertex - Undo คือ ยกเลิกการกระทำครั้งล่าสุด 6.6.3 ตัวอย่างการใช้คำสั่ง Pedit เพื่อแก้ไขเส้น polyline การแก้ไขข้อความกว้างของเส้น polyline ทั้งเส้นด้วยตัวเลือก Width การแก้ไขข้อความกว้างของเส้น polyline ด้วยคำสั่ง Width การแก้ไขความกว้างของเส้น Polyline ตามจุด Vertex ด้วยตัวเลือก Width ภายใต้ Edit Vertex การแก้ไขความกว้างตามจุด Vertex ของเส้น Polyline ด้วยคำสั่ง Pedit


ตัวอย่างที่ 6.10 การเปลี่ยนเส้นตรง Polyline ให้เป็นเส้นโค้งต่อเนื่อง การเปลี่ยนเส้นตรง Polyline ให้เป็นเส้นโค้งต่อเนื่อง ด้วยคำสั่ง pedit 6.7 การใช้งาน Grips Grips มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็กๆที่เกิดขึ้นบนวัตถุเมื่อนำเมาส์ไปคลิกบนวัตถุนั้นๆ เช่น เส้นตรง วงกลม เส้นโค้ง และอื่นๆ 6.7.1 ประโยชน์ของ Grips เป็นฟังก์ชันพิเศษใน AutoCAD ที่ช่วยให้การแก้วัตถุใดๆได้ง่ายขึ้น เช่น ใช้ Grips เพื่อการ Stretch, Move, Rotate, Scale, Mirror, Copy, Properties เป็นต้น 6.7.2 ลักษณะของจุด Grips จุด Grips ใน AutoCAD 2008 มี 3 แบบด้วยกัน คือ 1. Unselect Grips คือ กรอบสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินบนเส้นประ จะปรากฎเมื่อคลิกเมาส์บนวัตถุใช้ สำหรับเลือกวัตถุ 2. Hover Grips คือ กรอบสี่เหลี่ยมสีเขียวบนเส้นประ จะปรากฏเมื่อคลิกเมาส์ไปหยุดบน Unselect Grips 3. Select Grips คือ กรอบสี่เหลี่ยมสีแดงบนเส้นประ จะปรากฏเมื่อคลิกเมาส์บน Hover Grips ใช้เพื่อแก้ไขวัตถุและใช้เป็นจุดอ้างอิง 6.7.3 การตั้งค่า Grips โดยปกติลักษณะของ Grips จะถูกกำหนดไว้ตามหัวข้อที่ 6.7.2 แต่เราสามารถปรับแต่งลักษณะ ของ Grips ได้ตามความต้องการ โดยคลิกที่แถบเมนู Tools > Options… จากนั้นคลิกที่แท็ป Selection ซึ่ง ประกอบด้วยส่วนต่างๆดังนี้ - Grip Size ใช้สำหรับเปลี่ยนขนาดของ Grips - Unselect Grips Color ใช้กำหนดสีให้กับ Unselect Grips - Select Grips Color ใช้กำหนดสีให้กับ Select Grips - Hover Grips Color ใช้กำหนดสีให้กับ Hover Grips 6.7.4 การใช้งาน grips เพื่อปรับแต่งวัตถุ คลิกขวาบนจุด Select Grips เป็นแถบเมนูลัดที่มีคำสั่งต่างๆ ให้เลือกใช้ เช่น ถ้าคลิก Enter หมายถึง เรียกใช้คำสั่งถัดไป เลือกคลิก Rotate หมายถึง ต้องการหมุนด้วยวัตถุที่ถูกเลือก หรือถ้าเรียก Copy หมายถึง การคัดลอกวัตถุปัจจุบัน เป็นต้น 6.7.5 ตัวอย่างการใช้งาน Grips การใช้ Grips เพื่อยืดและหดวัตถุ ด้วย Stretch


การใช้ Grips เพื่อยืดและหดวัตถุ


วิธีสอน และ กิจกรรม - นำเสนอด้วยเพาเวอร์พอยต์ / สาธิต - ถามตอบ - ใบงานที่ 6.1 สื่อการสอน หนังสือ อ้างอิง นิพนธ์ บุญสกันต์. 2558. การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี, ศูนย์หนังสือ เมืองไทย. เอกสาร ประกอบ - ใบงานที่ 6.1 วัสดุโสต ทัศน์ - ไวท์บอร์ด - โปรเจคเตอร์ งานที่ มอบหมาย -ศึกษาตำรา - ปฏิบัติใบงานที่ 6.1 การวัดผล การวัดผลในหน่วยที่ 6 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน มีเกณฑ์การให้ คะแนนดังนี้ - นักเรียนสามารถปฏิบัติใบงานที่ 6.1 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน 1 คะแนน หมายเหตุ :


ใบเตรียมการสอน สัปดาห์ที่ 10 วิชา การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์ ทฤษฏี 2 คาบ หน่วยที่ 6 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน ปฏิบัติ 3 คาบ ชื่อหน่วยเรียน หน่วยที่ 6 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน 6.8 การแก้ไขคุณสมบัติของวัตถุด้วยคำสั่ง properties 6.9 การแบ่งส่วนของวัตถุด้วยคำสั่ง Divide 6.10 การแบ่งส่วนของวัตถุด้วยคำสั่ง Measure (แบบฝึกหัดข้อที่ 12, 13) 6.11 การย่อขยายชิ้นงานด้วยคำสั่ง Scale (แบบฝึกหัดข้อที่ 3, 14) 6.12 การเติมลวดลายด้วยคำสั่ง Hatch (แบบฝึกหัดข้อที่ 2, 15) ใบงานที่ 6.2 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน จุดประสงค์การสอน หน่วยที่ 6 แสดงความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน 6.8 บอกหน้าที่และประยุกต์เทคนิคการใช้งานคำสั่งตกแต่งแก้ไขคุณสมบัติของวัตถุด้วยคำสั่ง properties 6.9 บอกหน้าที่และประยุกต์เทคนิคการใช้งานคำสั่งตกแต่งแบ่งส่วนของวัตถุด้วยคำสั่ง Divide 6.10 บอกหน้าที่และประยุกต์เทคนิคการใช้งานคำสั่งตกแต่งแบ่งส่วนของวัตถุด้วยคำสั่ง Measure 6.11 บอกหน้าที่และประยุกต์เทคนิคการใช้งานคำสั่งตกแต่งย่อขยายชิ้นงานด้วยคำสั่ง Scale 6.12 บอกหน้าที่และประยุกต์เทคนิคการใช้งานคำสั่งตกแต่งเติมลวดลายด้วยคำสั่ง Hatch ปฏิบัติใบงานที่ 6.2 เทคนิคใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน ขั้นตอนกระบวนการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ MIAP กระบวนการสอนของครู กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน ขั้นการสอน(จุดประสงค์ที่ 6.8-6.12) 1. ขั้นนำ (Motivation) เวลา 5 นาที - นำเข้าสู่บทเรียน ด้วยปัญหาที่น่าสนใจ เป็น ปัญหาที่ผู้เรียนจะคิดหาคำตอบได้ 2. ขั้นศึกษาข้อมูล(Information)เวลา 115 นาที อธิบายเนื้อหา/สาธิต 8. การแก้ไขคุณสมบัติของวัตถุด้วยคำสั่ง properties 9. การแบ่งส่วนของวัตถุด้วยคำสั่ง Divide 10. การแบ่งส่วนของวัตถุด้วยคำสั่ง Measure ขั้นตอนการเรียน 1. ขั้นนำ (Motivation) - รับฟังและถามตอบก่อนเข้าสู่บทเรียน 2. ขั้นศึกษาข้อมูล( Information) - รับฟังครูอธิบายแต่ละหัวข้อ และสอบถามหาก สงสัยข้อใดข้อหนึ่ง


11. การย่อขยายชิ้นงานด้วยคำสั่ง Scale 12. การเติมลวดลายด้วยคำสั่ง Hatch 3.ขั้นพยายาม (Application) เวลา 160 นาที - ให้นักศึกษาศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากตำรา หน่วยที่ 6 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไข แบบแปลน - ให้นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงาน ที่ 6.2 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไข แบบแปลน 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) เวลา 20 นาที - ตรวจสอบการปฏิบัติงานเพื่อให้คะแนน - ตอบคำถามที่ผู้เรียนสงสัย 3.ขั้นพยายาม (Application) - อ่านทบทวนเนื้อหาอย่างละเอียดจากจากจากตำรา หน่วยที่ 6 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไข แบบแปลน - นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงานที่ 6.2 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบ แปลน 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) - ส่งงานการปฏิบัติใบงานที่ 6.2 - ถามคำถามที่ผู้เรียนสงสัย เนื้อหาบทเรียน หน่วยที่ 6 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน 6.8 การแก้ไขคุณสมบัติของวัตถุด้วยคำสั่ง properties คำสั่ง Properties เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับแก้ไขคุณสมบัติโดยรวมของวัตถุหรือกลุ่มของวัตถุ เช่น สี ชนิด ของเส้น เลเยอร์ และอื่นๆ ที่อยู่ในรูปแบบของตารางคุณสมบัติ โดยรายละเอียดของคุณสมบัติจะปรับเปลี่ยนไป ตามชนิดของวัตถุ ปกติแล้วตารางคุณสมบัติจะถูกจัดไว้ที่ด้านซ้ายของพื้นที่เขียนแบบ 6.8.1 การเรียกใช้ Properties ทำได้โดยการคลิกเครื่องมือหรือที่แถบเมนู Modify > Properties หรือพิมพ์ PR แล้วกด Enter ที่บรรทัดคำสั่ง หรือกด Ctrl + 1 วิธีใดวิธีหนึ่ง 6.8.2 รายละเอียดของคำสั่ง Properties เนื่องจากคุณสมบัติของวัตถุแต่ละชนิดนั้นไม่เหมือนกัน ดังนั้นจะขอกล่าวรายละเอียดพอสังเขป เท่านั้น เป็นส่วนประกอบของตารางคุณสมบัติ ซึ่งประกอบด้วยส่วนหลักๆดังนี้ 1. ชื่อวัตถุที่ถูกเลือก และกลุ่มที่ถูกเลือก เป็นช่องที่ใช้แสดงชื่อวัตถุที่ถูกเลือก กรณีเลือกวัตถุเป็นกลุ่มจะ แสดงเป็น All (4) หมายถึงวัตถุที่ถูกเลือกจำนวน 4 ชิ้น 2. รายละเอียดคุณสมบัติ ซึ่งส่วนนี้จะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ เช่น General, 3D Visualization, Geometry และกลุ่มอื่นๆ ขึ้นอยู่กับชนิดของวัตถุที่ถูกเลือก 3. รายการคุณสมบัติ เป็นส่วนที่แสดงชื่อคุณสมบัติของแต่ละกลุ่ม 4. ค่าปัจจุบัน เป็นช่อที่ใช้แสดงค่าปัจจุบันของรายการคุณสมบัติ แล้ใช้แก้ไขค่าใหม่ 6.8.3 ขั้นตอนพื้นฐานการใช้คำสั่ง Properties


1. เรียกคำสั่ง Properties 2. คลิกเลือกวัตถุที่ต้องการปรับเปลี่ยนคุณสมบัติ 3. ปรับเปลี่ยนคุณสมบัติของวัตถุตามต้องการโดยการแก้ไขค่าในช่องค่าปัจจุบัน ของตาราง คุณสมบัติ 6.9 การแบ่งส่วนของวัตถุด้วยคำสั่ง Divide คำสั่ง Divide เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับแบ่งส่วนของวัตถุที่มีขนาดความยาวเท่าๆกัน เช่น แบ่งเส้นตรง วงกลม วงรี เป็นต้น ก่อนใช้คำสั่งจะต้องเตรียมรูปแบบของเส้นแบ่งเสียก่อน เช่น I, + เป็นต้น โดยการกำหนด Point Style คลิกที่แถบเมนู Format > Point > Style… เลือกรูปแบบและขนาดที่เหมาะสม ให้ดูในหน่วยที่ 4 การเขียนจุดด้วยคำสั่ง Point 6.9.1 การใช้คำสั่ง Divide ที่แถบเมนู คลิก Draw > Point > Divide หรือ DIV แล้วกด Enter ที่บรรทัดคำสั่ง 6.9.2 รายละเอียดของคำสั่ง Divide ประกอบด้วย - Select object to divide: คือ คลิกเลือกวัตถุที่ต้องการแบ่งส่วน - Enter the number of segments or [Block]: คือ ป้อนจำนวนชิ้นที่ต้องการแบ่งส่วน 6.9.3 ขั้นตอนพื้นฐานการใช้คำสั่ง Divide 1. เรียกคำสั่ง Divide ตามหัวข้อที่ 6.9.1 2. เลือกวัตถุที่ต้องการแบ่งส่วน 3. ป้อนจำนวนชิ้นที่ต้องการแบ่ง แล้วกด Enter 6.9.4 ตัวอย่างการใช้คำสั่ง Divide ตัวอย่างที่ 6.12 การใช้คำสั่ง Divide เพื่อแบ่งส่วนของวัตถุรูปทรงต่างๆอกเป็น 4 ส่วนเท่าๆกัน ดังรูปที่ 6.35 รูปที่ 6.35 การใช้คำสั่ง Divide แบ่งส่วนของวัตถุ


6.10 การแบ่งส่วนของวัตถุด้วยคำสั่ง Measure คำสั่ง Measure เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับแบ่งส่วนของวัตถุ ตามระยะความยาวที่กำหนด 6.10.1 การเรียกใช้คำสั่ง Measure ที่แถบเมนู คลิก Draw > point > Measure หรือพิมพ์ ME แล้วกด Enter ที่บรรทัดคำสั่ง 6.10.2 รายละเอียดการใช้คำสั่ง Measure - Select object to measure: คือ คลิกเลือกวัตถุที่ต้องการวัดและแบ่งวัตถุ - Specify length of segment or [Block]: คือ การกำหนดหรือป้อนขนาดความยาวที่ ต้องการวัดและแบ่งส่วนของวัตถุ 6.10.3 ขั้นตอนพื้นฐานการใช้คำสั่ง Measure 1. เรียกคำสั่ง Measure ตามหัวข้อที่ 6.10.1 2. เลือกวัตถุที่ต้องการวัดแบ่งส่วน 3. ป้อนขนาดความยาวที่ต้องการวัดแบ่งวัตถุ แล้วกด Enter 6.10.4 ตัวอย่างการใช้คำสั่ง Measure ตัวอย่างที่ 6.13 การใช้คำสั่ง Measure เพื่อวัดและแบ่งส่วนของวัตถุรูปทรงต่างๆ โดยกำหนด ระยะวัดและแบ่ง เท่ากับ 20 ดังรูป 6.11 การย่อขยายชิ้นงานด้วยคำสั่ง Scale คำสั่ง Scale เป็นคำสั่งที่ใช้ย่อหรือขยายขนาดจริงของวัตถุหรือกลุ่มวัตถุ โดยการกำหนดจุดอ้างอิง และ อัตราส่วนของการย่อขยาย 6.11.1 การเรียกใช้คำสั่ง Scale โดยคลิกที่เครื่องมือหรือแถบเมนู Modify > Scale หรือพิมพ์ SC แล้วกด Enter ที่บรรทัด คำสั่ง 6.11.2 รายละเอียดของคำสั่ง Scale เมื่อเรียกใช้คำสั่ง Scale มีรายละเอียดประกอบด้วย


- Select objects: คือ เลือกวัตถุที่ต้องการเปลี่ยน Scale - Specify base point: คือ กำหนดจุดอ้างอิง - Specify scale factor or [Copy/Reference] <1.00>: กำหนดอัตราส่วนการย่อขยาย ป้อน ตัวเลือก Copy/Reference - Copy ป้อน C เพื่อเลือกคัดลอกวัตถุที่เปลี่ยนแปลง Scale - Reference ป้อน R เพื่อกำหนดความยาวอ้างอิงใหม่ ในการย่อขยายวัตถุ ประกอบด้วย - Specify reference length <1.50>: ป้อนความยาวอ้างอิงที่ใช้เปรียบเทียบ - Specify new length or [Points] <2.00>: ป้อนอัตราการขยายเปรียบเทียบกับความยาว อ้างอิง 6.11.3 ขั้นตอนพื้นฐานการใช้คำสั่ง Scale 1. เรียกคำสั่ง Scale ตามหัวข้อที่ 6.11.1 2. เลือกวัตถุที่ต้องการเปลี่ยน Scale 3. กำหนดอัตราส่วนย่อขยาย แล้วกด Enter โดยค่าที่ป้อนมีความหมายดังนี้ - ถ้าป้อนค่าน้อยกว่า 1 หมายถึงต้องการย่อวัตถุ - ถ้าป้อนค่าเท่ากับ 1 หมายถึงขนาดของวัตถุเท่าเดิม - ถ้าป้อนค่ามากกว่า 1 หมายถึงต้องการขยายวัตถุ 6.12 การเติมลวดลายด้วยคำสั่ง Hatch คำสั่ง Hatch เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับเขียนลวดลายแบบต่างๆ ให้กับวัตถุหรือชิ้นงาน โดยมีรูปแบบการใช้ 3 รูปแบบ คือ Normal, Outer, Ignore เพื่อเติมลวดลายอัตโนมัติหรือจะกำหนดเองก็ได้ 6.12.1 การเรียกใช้คำสั่ง Hatch โดยการคลิกที่เครื่องมือหรือคลิกที่แถบเมนู Draw > Hatch… หรือพิมพ์ H หรือ Hatch แล้ว กด Enter ที่บรรทัดคำสั่ง 6.12.2 รายละเอียดคำสั่ง Hatch เมื่อเรียกใช้งานคำสั่ง Hatch จะปรากฏไดอะล็อกบอกซ์ Hatch and Gradient ซึ่ง ประกอบด้วยแท็ป Hatch และแท็ป Gradient 1. แท็ป Hatch เลือกเพื่อกำหนดและเติมลวดลายให้กับวัตถุประกอบด้วยส่วนหลักที่ควรรู้จัก ดังนี้ (1) Type and Pattern เป็นส่วนที่ใช้สำหรับเลือกแบบและรูปแบบของลวดลาย ประกอบด้วย - Type ใช้กำหนดวิธีการเติมลวดลาย ปกติจะถูกกำหนดไว้ที่ Predefined - Pattern ใช้เลือกรูปแบบของลวดลาย - Swatch ใช้แสดงตัวอย่างลวดลาย และคลิกเพื่อเลือกลวดลายถัดไป (2) Angle and Scale เป็นส่วนที่ใช้เพื่อกำหนดค่ามุมและอัตราส่วนของรูปแบบของ ลวดลายที่ถูกเลือกซึ่งประกอบด้วย


- Angle ใช้กำหนดมุมให้กับลวดลาย - Scale ใช้กำหนดอัตราส่วนของลวดลายที่เหมาะสม (3) Boundaries เป็นส่วนที่ใช้เพื่อเลือกวัตถุที่ต้องการเติมลวดลาย ประกอบด้วย - ปุ่ม Add: Pick Points ใช้เลือกวัตถุรูปปิด เช่น วงกลม สี่เหลี่ยม เป็นต้น โดยคลิกในส่วนพื้นที่ ที่ต้องการเติมลวดลาย - ปุ่ม Add: Select Objects ใช้เลือกวัตถุใดๆโดยคลิก หรือทำกรอบครอบ วัตถุที่ต้องการเติมลวดลาย - ปุ่ม Remove Boundaries ใช้ยกเลิกการเลือกวัตถุใดๆ โดยคลิกที่วัตถุที่ ต้องการยกเลิก - ปุ่ม View Selections ใช้แสดงวัตถุที่ถูกเลือก (4) Island เป็นส่วนใช้เลือกรูปแบบการเติมลวดลายประกอบด้วย - Normal เป็นรูปแบบทั่วไป ใช้เลือกเพื่อเติมลวดลายในลักษณะเติมสลับ - Outer ใช้เลือกเพื่อเติมลวดลายเฉพาะส่วนนอกสุด - Ignore ใช้เลือกเพื่อเติมลวดลายบนวัตถุที่ถูกเลือกทั้งหมด 2. แท็ป Gradient เลือกเพื่อกำหนดสี และเติมสีพื้นให้กับวัตถุประกอบด้วยส่วน ซึ่งมี รายละเอียดประกอบเหมือนกับแท็ป Hatch ยกเว้นสำหรับเลือกสีเท่านั้นที่แตกต่าง ซึ่งจะเป็นการเลือกสีแทน การเลือกลาย 6.12.3 ขั้นตอนพื้นฐานการใช้คำสั่ง Hatch 1. เรียกคำสั่ง Hatch โดยปฏิบัติตามหัวข้อที่ 6.12.1 2. เลือกรูปแบบ Hatch Pattern ตามต้องการ 3. เลือกวัตถุที่ต้องการเติมลวดลาย 4. เลือกรูปแบบการเติมลวดลาย โดยเลือก Normal, Outer หรือ Ignore อย่างใดอย่างหนึ่ง 5. คลิกปุ่ม OK เพื่อเติมลวดลาย และจบคำสั่ง 6.12.4 ตัวอย่างการใช้คำสั่ง Hatch ตัวอย่างที่ 6.15 การใช้คำสั่ง Hatch เพื่อเขียนลวดลายให้กับวัตถุ โดยการเลือกรูปแบบการเติม แบบต่างๆ ดังนี้ รูปที่ 6.42 Hatch แบบ Normal รูปที่ 6.43 Hatch แบบ Outer


รูปที่ 6.44 Hatch แบบ Ignore


วิธีสอน และ กิจกรรม - นำเสนอด้วยเพาเวอร์พอยต์ / สาธิต - ถามตอบ - แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 6 - ใบงานที่ 6.2 สื่อการสอน หนังสือ อ้างอิง นิพนธ์ บุญสกันต์. 2558. การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี, ศูนย์หนังสือ เมืองไทย. เอกสาร ประกอบ - แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 6 - ใบงานที่ 6.2 วัสดุโสต ทัศน์ - ไวท์บอร์ด - โปรเจคเตอร์ งานที่ มอบหมาย -ศึกษาตำรา - ทำแบบฝึกหัดหน่วยที่ 6 - ปฏิบัติใบงานที่ 6.2 การวัดผล การวัดผลในหน่วยที่ 6 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน มีเกณฑ์การให้ คะแนนดังนี้ - นักเรียนมีความเข้าใจในเรื่องเทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน 1 คะแนน - นักเรียนสามารถปฏิบัติใบงานที่ 6.2 เทคนิคการใช้คำสั่งเพื่อตกแต่งและแก้ไขแบบแปลน 1 คะแนน หมายเหตุ :


ความสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ 3 ห่วง 1. ความพอประมาณ -เตรียมอุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยอย่างเหมาะสม 2. มีเหตุผล - ความปลอดภัยในการเรียนในรายวิชา 3. มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี - ป้องกันอุบัติเหตุในงานได้ 1. เงื่อนไขความรู้ (รอบรู้, รอบคอบ, ระมัดระวัง) 2 เงื่อนไข - ปฏิบัติตามกฎของโรงงานได้อย่างเคร่งครัด - บอกวิธีการป้องกันอุบัติเหตุในงานได - อธิบายถึงความสำคัญของความปลอดภัย ในการปฏิบัติงานได้ 2. เงื่อนไขคุณธรรม - มีความรับผิดชอบ - มีความคิดสร้างสรรค์ 1. มิติด้านเศรษฐกิจ 4 มิติ - ใช้อุปกรณ์ วัสดุ ในการเรียนการสอนอย่างประหยัด คุ้มค่า 2. มิติด้านสังคม - สามารถนำวิธีการทำงานไปปรับกับการทำงานภายนอกได้ 3. มิติด้านสิ่งแวดล้อม - ไม่ทำลายทำธรรมชาติในการเรียนในรายวิชา 4. มิติด้านวัฒนธรรม - มีคุณธรรม ความซื่อสัตย์ต่อวิชา ครูผู้สอน


ความสอดคล้องกับคุณธรรมพื้นฐาน 8 ประการ ของสถานศึกษา ............................................................................ 1. ขยัน → นักเรียนนักศึกษาสามารถทำงานเสร็จตรงตามเวลา 2. ประหยัด → นักเรียนนักศึกษานำวัสดุที่ใช้มาปฏิบัติอย่างประหยัด 3. ซื่อสัตย์ → นักเรียนนักศึกษามีความซื่อสัตย์ต่อวิชาเรียน ต่อผู้สอน 4. มีวินัย → นักเรียนนักศึกษามาเรียนตรงตามเวลา 5. สุภาพ → นักเรียนนักศึกษามีความสุภาพต่อครูผู้สอน 6. สะอาด → นักเรียนนักศึกษาช่วยกันรักษาความสะอาดในแผนกวิชา 7. สามัคคี → นักเรียนนักศึกษามีความสามัคคีร่วมมือกันทำงานเป็นกลุ่ม 8. มีน้ำใจ → นักเรียนนักศึกษามีความเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนร่วมห้อง


ใบเตรียมการสอน สัปดาห์ที่ 11 วิชา การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์ ทฤษฏี 2 คาบ หน่วยที่ 7 การเขียนตัวอักษรและการแก้ไขข้อความ ปฏิบัติ 3 คาบ ชื่อหน่วยเรียน หน่วยที่ 7 การเขียนตัวอักษรและการแก้ไขข้อความ 7.1 การกำหนดรูปแบบตัวอักษร (Text Style) (แบบฝึกหัดข้อที่ 2, 3, 4) 7.2 การเขียนตัวอักษรแบบหลายบรรทัด (Multiline Text) (แบบฝึกหัดข้อที่ 5) 7.3 การเขียนตัวอักษรแบบบรรทัดเดียว (Single Line Text) (แบบฝึกหัดข้อที่ 1) 7.4 การเขียนสัญลักษณ์พิเศษ (แบบฝึกหัดข้อที่ 5, 6, 7, 8) 7.5 การแก้ไขข้อความ (แบบฝึกหัดข้อที่ 9, 10) ใบงานที่ 7 การเขียนตัวอักษรและการแก้ไขข้อความ จุดประสงค์การสอน หน่วยที่ 7 เขียนตัวอักษรและการแก้ไขข้อความตามที่กำหนดได้ 7.1 ตั้งค่าการกำหนดรูปแบบตัวอักษร (Text Style) ตามที่กำหนดได้ 7.2 ตั้งค่าการเขียนตัวอักษรแบบหลายบรรทัด (Multiline Text) ตามที่กำหนดได้ 7.3 ตั้งค่าการเขียนตัวอักษรแบบบรรทัดเดียว (Single Line Text) ตามที่กำหนดได้ 7.4 สามารถเขียนสัญลักษณ์พิเศษที่ใช้ในงานเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์ได้ 7.5 สามารถแก้ไขข้อความตามที่กำหนดได้ ปฏิบัติใบงานที่ 7 การเขียนตัวอักษรและการแก้ไขข้อความ แนวคิดสำคัญ การเขียนข้อความหรือการเขียนตัวอักษรกำกับแบบที่เขียนขึ้นมาเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความ สมบูรณ์ของแบบนั้นๆ ดังนั้นในหน่วยนี้ได้กล่าวถึงวิธีการเขียนตัวอักษรแบบต่างๆ การแทรกสัญลักษณ์พิเศษ การปรับแต่งหรือแก้ไขข้อความ หลังจากเรียนจบหน่วยนี้แล้วผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปเขียนตัวอักษรได้อย่าง ถูกต้อง สมรรถนะย่อย เขียนตัวอักษรและแก้ไขข้อความตามแบบที่กำหนด


ขั้นตอนกระบวนการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ MIAP กระบวนการสอนของครู กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน ขั้นการสอน(จุดประสงค์ที่ 7.1-7.5) 1. ขั้นนำ (Motivation) เวลา 5 นาที - นำเข้าสู่บทเรียน ด้วยปัญหาที่น่าสนใจ เป็น ปัญหาที่ผู้เรียนจะคิดหาคำตอบได้ 2. ขั้นศึกษาข้อมูล(Information)เวลา 115 นาที อธิบายเนื้อหา/สาธิต 1. การกำหนดรูปแบบตัวอักษร (Text Style) 2. การเขียนตัวอักษรแบบหลายบรรทัด (Multiline Text) 3. การเขียนตัวอักษรแบบบรรทัดเดียว (Single Line Text) 4. การเขียนสัญลักษณ์พิเศษ 5. การแก้ไขข้อความ 3.ขั้นพยายาม (Application) เวลา 160 นาที - ให้นักศึกษาศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากตำรา หน่วยที่ 7 การเขียนตัวอักษรและการแก้ไขข้อความ - ให้นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงาน ที่ 7 การเขียนตัวอักษรและการแก้ไขข้อความ 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) เวลา 20 นาที - ตรวจสอบการปฏิบัติงานเพื่อให้คะแนน - ตอบคำถามที่ผู้เรียนสงสัย ขั้นตอนการเรียน 1. ขั้นนำ (Motivation) - รับฟังและถามตอบก่อนเข้าสู่บทเรียน 2. ขั้นศึกษาข้อมูล( Information) - รับฟังครูอธิบายแต่ละหัวข้อ และสอบถามหาก สงสัยข้อใดข้อหนึ่ง 3.ขั้นพยายาม (Application) - อ่านทบทวนเนื้อหาอย่างละเอียดจากจากจากตำรา หน่วยที่ 7 การเขียนตัวอักษรและการแก้ไขข้อความ -นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงานที่ 7 การเขียนตัวอักษรและการแก้ไขข้อความ 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) - ส่งงานการปฏิบัติใบงานที่ 7 - ถามคำถามที่ผู้เรียนสงสัย เนื้อหาบทเรียน หน่วยที่ 7 การเขียนตัวอักษรและการแก้ไขข้อความ 7.1 การกำหนดรูปแบบตัวอักษร (Text Style) คำสั่ง Style เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับกำหนดรูปแบบของตัวอักษร เพื่อใช้เป็นต้นแบบในการเขียนข้อความ เช่น กำหนดชื่อฟอนต์ ความสูง ความกว้าง การวางอักษร เป็นต้น 7.1.1 การเรียกใช้คำสั่ง Style


ที่แถบเมนู คลิก Format > Text Style… หรือป้อน Style หรือ St ที่บรรทัดคำสั่งแล้วกด Enter 7.1.2 รายละเอียดของคำสั่ง Style เมื่อเรียกคำสั่ง Style จะปรากฏไดอะล็อกบอกซ์ 1. ปุ่ม Set Current เพื่อใช้กำหนด Style เป็น Style หลัก 2. ปุ่ม New… ใช้เพื่อสร้าง Text Style ใหม่ 3. ปุ่ม Delete ใช้ลบ Style ที่ถูกสร้างขึ้น 4. ปุ่ม Apply ใช้เพื่อจัดเก็บค่าต่างๆของ Style 5. ปุ่ม Cancel/Close ใช้เพื่อปิดไดอะล็อกบอกซ์ Text Style 6. ปุ่ม Help ใช้เพื่ออ่านข้อความช่วยเหลือ 7. Style เป็นพื้นที่สำหรับแสดงชื่อ Style ทั้งหมด และสามารถคลิกที่ชื่อ Style ที่ต้องการ เพื่อจัดการกับ Style 8. ช่องแสดงสถานะ ใช้เพื่อควบคุมการแสดง Style 9. AaBbCcDd พื้นที่แสดงตัวอย่างตัวอักษรของ Text Style ปัจจุบัน 10. Font เป็นส่วนที่ใช้สำหรับจัดการฟอนต์ ประกอบด้วย - Font Name ใช้สำหรับเลือกชื่อฟอนต์ที่ต้องการ เช่น กำหนดเป็น Angsana New โดยสามารถใช้ได้กับฟอนต์ที่ใช้ในโปรแกรม Windows ทุกฟอนต์ - Font Style ใช้เลือกรูปแบบฟอนต์ ประกอบด้วย ตัวปกติ (Regular) ตัวหนา (Bold) ตัวเอียง (Italic) ตัวหนาเอียง (Bold Italic) 11. Size ใช้เพื่อปรับความสูงของฟอนต์ Annotative และช่อง Height - Annotative ใช้ควบคุมป้ายเพื่อขยายขนาดการแสดงผลของตัวอักษร เมื่อคลิกถูก เลือก เช่น 1:2 เท่า คือแสดงตัวอักษรที่ถูกเลือกเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า - Height ใช้สำหรับป้อนตัวเลขขนาดความสูงของตัวอักษร 12. Effects เป็นส่วนที่ใช้สำหรับควบคุมลักษณะการเขียน เช่น ตัวอ้วนผอม เขียนกลับด้าน กลับหัว แนวเอียง ดังรายละเอียดข้างล่าง 7.1.2 ตัวอย่างการใช้ Text Style ตัวอย่างที่ 7.1 การใช้คำสั่ง Style เพื่อต้องค่า Text Style ใหม่ ชื่อ ThaiAngHi5 กำหนดให้ เป็นตัวอักษรปกติ ขนาดความสูง 5 มิลิเมตร ใช้ฟอนต์ Angsana New 7.2 การเขียนตัวอักษรแบบหลายบรรทัด (Multiline Text) คำสั่ง Multiline เป็นคำสั่งที่ใช้เขียนตัวอักษรหรือข้อความได้หลายๆบรรทัด ข้อความแต่ละบรรทัดจะ อยู่ในชุดข้อความเดียวกัน โดยต้องเขียนผ่านทางหน้าต่างแก้ไขข้อความ (Window Text Editor) และตกแต่ง ข้อความด้วยเครื่องมือจัดรูปแบบตัวอักษร (Text Formatting) ดังรูปที่ 7.5 7.2.1 การเรียกใช้คำสั่ง Multiline Text


จากแถบเมนู คลิก Draw > Text > Multiline Text… หรือป้อน T, MT หรือ Mtext ที่ บรรทัดคำสั่ง แล้วกด Enter 7.2.2 รายละเอียดของคำสั่ง Multiline Text เมื่อเรียกใช้คำสั่ง Multiline Text จากนั้นบรรทัดคำสั่งจะมีคำถามดังนี้ - MTEXT Current text style: “ThaiAngHi5: Annotative: No คือ ค่าปัจจุบันที่กำหนดไว้ ใน Text Style - Specify first corner: คือ กำหนดให้มุมแรกของพื้นที่ที่ใช้เขียนตัวอักษร - Specify opposite corner or [Height/Justify/Line spacing/Rotation/Style/Width/ Columns]: คือ กำหนดมุมตรงข้ามของพื้นที่เขียนตัวอักษรหรือเลือกตัวเลือกอื่นๆ 7.2.3 ขั้นตอนพื้นฐานการใช้คำสั่ง Multiline Text 1. เรียกคำสั่ง Multiline Text 2. คลิกมุมเริ่มต้น เพื่อกำหนดจุดแรกของพื้นที่เขียนตัวอักษร บนพื้นที่เขียนแบบ 3. ลากเมาส์ กะระยะที่เหมาะสม คลิกมุมตรงข้าม เพื่อกำหนดจุดที่ 2 ของพื้นที่เขียนแบบ 4. เขียนตัวอักษรและจัดการกับตัวอักษร เช่นเดียวกับโปรแกรมทั่วๆไป 5. คลิกปุ่ม OK เพื่อจบการเขียนตัวอักษร 7.3.4 ตัวอย่างการใช้คำสั่ง Multiline Text ตัวอย่างที่ 7.2 จากรูปที่ 7.6 เป็นตัวอย่างข้อความที่เขียนด้วยคำสั่ง Multiline Text เพื่อ เขียนข้อความตัวอย่างข้างล่าง รูปที่ 7.6 ตัวอย่างข้อความที่เขียนด้วยคำสั่ง Multiline Text


7.3 การเขียนตัวอักษรแบบบรรทัดเดียว (Single Line Text) Single Line Text คือ การเขียนตัวอักษรหรือข้อความบรรทัดเดียว หรือลายๆบรรทัด โดยข้อความใน แต่ละบรรทัดจะเป็นอิสระไม่เป็นชุดข้อความเดียวกัน และยังสามารถระบุตำแหน่งที่เขียนข้อความในแต่ละ บรรทัดได้อีกด้วย คำสั่งที่ใช้เขียนข้อความแบบบรรทัดเดียวใน AutoCAD 2008 ได้รวมคำสั่ง Dtext Text มาเป็นคำสั่ง Text เพียงคำสั่งเดียวแต่ยังสามารถเรียกคำสั่งทั้งสอง ในการใช้คำสั่ง Text เขียนตัวอักษรจะไม่มีเครื่องมือช่วย และหน้าต่างแก้ไขข้อความเหมือนกับ Multiline Text 7.3.1 การเรียกใช้คำสั่ง Text จากแถบเมนู คลิก Draw > Text > Single Line Text หรือป้อน DT, Text หรือ Dtext ที่ บรรทัดคำสั่ง แล้วกด Enter 7.3.2 รายละเอียดของคำสั่ง Text ประกอบด้วยรายละเอียดดังนี้ - Current text style: “ThaiAngHi5” Text height: 5.0000 Annotative: No (รายละเอียด ปัจจุบัน) - Specify start point of text or [Justify/Style]: กำหนดจุดเริ่มต้น หรือเลือกตัวเลือก - Justify ป้อน J แล้วกด Enter คือ เข้าสู่การกำหนดรูปแบบการวางอักษร รายละเอียดให้ดู ในรูปที่ 7.5 - Enter an option [Align/Fit/Center/middle/Right/TL/TC/TR/ML/MC/MR/BL/BC/ BR]: ml กด Enter ป้อนตัวเลือกรูปแบบการวางข้อความ เช่น เลือก Middle Left โดยป้อน ML กด Enter - Specify middle-left point of text: กำหนดจุดเขียนข้อความ - Align ป้อน A แล้วกด Enter คือ การเขียนข้อความภายในจุดปลายจุดแรกและไปยังจุด ปลายจุดที่สองของบรรทัดที่กำหนด โดยขนาดของข้อความจะเปลี่ยนไปตามจำนวนตัวอักษร - Specify first endpoint of text baseline: กำหนดจุดปลายจุดที่ 1 - Specify Second endpoint of text baseline: กำหนดจุดปลายจุดที่ 2 - Fit ป้อน F กด Enter คือ การเขียนข้อความภายในจุดปลายจุดที่ 1 และจุดปลายจุดที่ 2 ของบรรทัดที่กำหนด โดยความกว้างของข้อความจะเปลี่ยนไปตามจำนวนตัวอักษร คล้ายกับ Align แต่ความสูง ของตัวอักษรไม่เปลี่ยนแปลง - Style ป้อน S แล้วกด Enter คือ เพื่อขอดูหรือเปลี่ยน Text Style ที่ตั้งไว้ - Enter Style name or [?] <ThaiAngHi5>: ป้อนชื่อ Text Style ที่ต้องการหรือป้อน ? เพื่อแสดง Text Style ที่สร้างไว้ - Enter text style(s) to list <*>: ป้อน S ดูโครงสร้างของ Text Style ปัจจุบันหรือป้อน * เพื่อแสดง Text Style ทั้งหมด - Specify rotation angle of text <0>: กำหนดมุมในการเขียนตัวอักษร ปกติเท่ากับ 0 องศา


- Text Box คือ กล่องข้อความ ใช้สำหรับป้อนตัวอักษรซึ่งความยาวของกล่องจะขยาย อัตโนมัติตามความยาวของตัวอักษรที่ป้อนเข้าไป 7.3.3 ขั้นตอนพื้นฐานการใช้คำสั่ง Text 1. เรียกคำสั่ง Text ตามหัวข้อที่ 7.4.1 2. Specify start point of text or [Justify/Style]: คลิกหรือกำหนดจุดเริ่มต้นของการ เขียนข้อความ 3. Specify rotation angle of text <0>: ป้อนค่ามุมหมุน หรือกด Enter 4. เขียนข้อความบรรทัดแรก 5. กด Enter 1 ครั้ง หรือคลิกตำแหน่งต่อไป และเขียนข้อความบรรทัดที่ 2 6. ถ้าต้องการจบการเขียนข้อความ ให้กด Enter 2 ครั้ง ให้สังเกตที่บรรทัดคำสั่งต้องปรากฎ แสดงว่าจบคำสั่ง Text แล้ว 7.3.4 ตัวอย่างการเขียนข้อความด้วยคำสั่ง Text ตัวอย่างที่ 7.3 จากรูปที่ 7.9 เป็นตัวอย่างข้อความที่เขียนด้วยคำสั่ง Text ซึ่งเป็นข้อความที่มี มุมหมุน 0, 45, -45, 90, -90 และ 180 องศา รูปที่ 7.9 การเขียนตัวอักษรด้วยคำสั่ง Text ที่มุมต่างๆ 7.4 การเขียนสัญลักษณ์พิเศษ เมื่อต้องการแทรกสัญลักษณ์พิเศษเข้ากับตัวอักษรใดๆ สามารถกระทำได้โดยคลิก @ แล้วเลือก สัญลักษณ์พิเศษที่ต้องการ 7.5 การแก้ไขข้อความ คำสั่งที่ใช้ในการแก้ไขข้อความ มีด้วยกัน 3 คำสั่ง คือ 1. คำสั่ง MtEdit ใช้สำหรับแก้ไขข้อความที่ถูกเขียนจากคำสั่ง Multiline Text 2. คำสั่ง DdEdit ใช้สำหรับแก้ไขข้อความที่ถูกเขียนจากคำสั่ง Multiline Text และ Text 3. คำสั่ง Properties


7.5.1 การเรียกใช้คำสั่งแกไขข้อความ 1. การเรียกใช้คำสั่ง MtEdit เรียกใช้ได้ 2 วิธี คือ เรียกด้วยบรรทัดคำสั่ง และเมนูลัด ซึ่งมี ขั้นตอนการเรียกใช้คำสั่งในต่ละวิธีดังนี้ (1) การเรียนผ่านบรรทัดคำสั่ง โดยพิมพ์ Mtedit แล้วกด Enter (2) การเรียกผ่านเมนูลัด มีขั้นตอนดังนี้ (ก) คลิกเมาส์ปุ่มซ้าย เลือกข้อความที่เขียนจาก Mtext (ข) คลิกเมาส์ปุ่มขวา เรียกเมนูลัด (ค) คลิกที่แถบเมนู Mtext Edit… 2. การเรียกใช้คำสั่ง DdEdit เรียกใช้ได้ 3 วิธี คือ เรียกด้วยแถบเมนู บรรทัดคำสั่ง และเมนูลัด มีขั้นตอนดังนี้ (1) การเรียกผ่านแถบเมนู โดยคลิก Modify > Object > Text > Edit… ดังรูปที่ 7.12ก (2) เรียกผ่านบรรทัดคำสั่ง โดยพิมพ์ DdEdit แล้วกด Enter (3) เรียกผ่านเมนูลัด มีขั้นตอนดังนี้ (ก) คลิกเมาส์ปุ่มซ้าย เลือกข้อความที่เขียนจาก Text (ข) คลิกเมาส์ปุ่มขวา เรียกเมนูลัด (ค) คลิกที่แถบเมนู Edit… 7.5.2 ขั้นตอนพื้นฐานการใช้คำสั่งแก้ไขข้อความ 1. ขั้นตอนพื้นฐานการแก้ไขข้อความด้วยคำสั่ง MtEdit และ DdEdit ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ (1) เรียกคำสั่ง MtEdit หรือ DdEdit ดังนั้นในหัวข้อที่ 7.5.1.1 และ 7.5.1.2 (2) คลิกเมาส์เลือกข้อความที่ต้องการแก้ไข (3) เริ่มแก้ไขข้อความที่ต้องการ (4) การจบคำสั่ง (ก) ถ้าเป็นข้อความที่เขียนจากคำสั่ง Multiline ให้คลิกปุ่ม OK หรือคลิกบน พื้นที่เขียนแบบด้านนอกหน้าต่างแก้ไขข้อความ (ข) ถ้าเป็นข้อความที่เขียนจากคำสั่ง Text ให้กดแป้น Enter 2 ครั้ง 2. ขั้นตอนพื้นฐานการแก้ไขข้อความด้วยใช้คำสั่ง Properties (1) เรียกคำสั่ง Properties โดยคลิกให้แสดงตาราง Properties (2) คลิก บนข้อความที่ต้องการแก้ไข (3) เริ่มแก้ไขข้อความดังนี้ (ก) กรณีข้อความถูกเขียนจาก Multiline Text เลื่อนเมาส์ไปคลิกที่ Contents จากนั้นให้คลิกปุ่ม ... ซึ่งอยู่หลังข้อความที่ต้องการแก้ไข (ข) กรณีข้อความถูกเขียนจาก Text เลื่อนเมาส์ไปคลิกที่ Contents จากนั้น ให้แก้ไขข้อความที่กำลังแสดงอยู่ได้ทันที


วิธีสอน และ กิจกรรม - นำเสนอด้วยเพาเวอร์พอยต์ / สาธิต - ถามตอบ - แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 7 - ใบงานที่ 7 สื่อการสอน หนังสือ อ้างอิง นิพนธ์ บุญสกันต์. 2558. การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี, ศูนย์หนังสือ เมืองไทย. เอกสาร ประกอบ - แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 7 - ใบงานที่ 7 วัสดุโสต ทัศน์ - ไวท์บอร์ด - โปรเจคเตอร์ งานที่ มอบหมาย -ศึกษาตำรา - ทำแบบฝึกหัดหน่วยที่ 7 - ปฏิบัติใบงานที่ 7 การวัดผล การวัดผลในหน่วยที่ 7 การเขียนตัวอักษรและการแก้ไขข้อความ มีเกณฑ์การให้คะแนนดังนี้ - นักเรียนมีความรู้ความจำ เรื่องการเขียนตัวอักษรและการแก้ไขข้อความ 1 คะแนน - นักเรียนมีความเข้าใจในเรื่องการเขียนตัวอักษรและการแก้ไขข้อความ 1 คะแนน - นักเรียนสามารถปฏิบัติใบงานที่ 7 การเขียนตัวอักษรและการแก้ไขข้อความ 2 คะแนน หมายเหตุ :


ความสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ 3 ห่วง 1. ความพอประมาณ -เตรียมอุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยอย่างเหมาะสม 2. มีเหตุผล - ความปลอดภัยในการเรียนในรายวิชา 3. มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี - ป้องกันอุบัติเหตุในงานได้ 1. เงื่อนไขความรู้ (รอบรู้, รอบคอบ, ระมัดระวัง) 2 เงื่อนไข - ปฏิบัติตามกฎของโรงงานได้อย่างเคร่งครัด - บอกวิธีการป้องกันอุบัติเหตุในงานได - อธิบายถึงความสำคัญของความปลอดภัย ในการปฏิบัติงานได้ 2. เงื่อนไขคุณธรรม - มีความรับผิดชอบ - มีความคิดสร้างสรรค์ 1. มิติด้านเศรษฐกิจ 4 มิติ - ใช้อุปกรณ์ วัสดุ ในการเรียนการสอนอย่างประหยัด คุ้มค่า 2. มิติด้านสังคม - สามารถนำวิธีการทำงานไปปรับกับการทำงานภายนอกได้ 3. มิติด้านสิ่งแวดล้อม - ไม่ทำลายทำธรรมชาติในการเรียนในรายวิชา 4. มิติด้านวัฒนธรรม - มีคุณธรรม ความซื่อสัตย์ต่อวิชา ครูผู้สอน


ความสอดคล้องกับคุณธรรมพื้นฐาน 8 ประการ ของสถานศึกษา ............................................................................ 1. ขยัน → นักเรียนนักศึกษาสามารถทำงานเสร็จตรงตามเวลา 2. ประหยัด → นักเรียนนักศึกษานำวัสดุที่ใช้มาปฏิบัติอย่างประหยัด 3. ซื่อสัตย์ → นักเรียนนักศึกษามีความซื่อสัตย์ต่อวิชาเรียน ต่อผู้สอน 4. มีวินัย → นักเรียนนักศึกษามาเรียนตรงตามเวลา 5. สุภาพ → นักเรียนนักศึกษามีความสุภาพต่อครูผู้สอน 6. สะอาด → นักเรียนนักศึกษาช่วยกันรักษาความสะอาดในแผนกวิชา 7. สามัคคี → นักเรียนนักศึกษามีความสามัคคีร่วมมือกันทำงานเป็นกลุ่ม 8. มีน้ำใจ → นักเรียนนักศึกษามีความเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนร่วมห้อง


ใบเตรียมการสอน สัปดาห์ที่ 12 วิชา การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์ ทฤษฏี 2 คาบ หน่วยที่ 8 การบอกขนาดให้กับแบบหรือชิ้นงาน ปฏิบัติ 3 คาบ ชื่อหน่วยเรียน หน่วยที่ 8 การบอกขนาดให้กับแบบหรือชิ้นงาน 8.1 ส่วนประกอบของการบอกขนาด (แบบฝึกหัดข้อที่ 5, 8, 9, 10) 8.2 การเรียกใช้คำสั่งบอกขนาด (แบบฝึกหัดข้อที่ 2) 8.3 การกำหนดรูปแบบการบอกขนาดด้วยคำสั่ง DimStyle (แบบฝึกหัดข้อที่ 1) 8.4 การบอกขนาดแบบเชิงเส้นด้วยคำสั่ง DimLiniar 8.5 การบอกขนาดแนวลาดเอียงด้วยคำสั่ง DimAligned (แบบฝึกหัดข้อที่ 6) 8.6 การบอกขนาดรัศมีด้วยคำสั่ง DimRadius (แบบฝึกหัดข้อที่ 7) 8.7 การบอกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางด้วยคำสั่ง DimDiameter 8.8 การบอกขนาดมุมด้วยคำสั่ง DimAngular (แบบฝึกหัดข้อที่ 3) 8.9 การบอกขนาดอ้างอิงจากเส้นฐานด้วยคำสั่ง DimBasline 8.10 การบอกขนาดต่อเนื่องแบบลูกโซ่ด้วยคำสั่ง DimContinue 8.11 การบอกขนาดและแก้ไขเส้นบอกขนาดด้วยคำสั่ง Quick Dimension (แบบฝึกหัดข้อที่ 4) ใบงานที่ 8 การบอกขนาดให้กับแบบหรือชิ้นงาน จุดประสงค์การสอน หน่วยที่ 8 แสดงความรู้เกี่ยวกับการบอกขนาดให้กับแบบหรือชิ้นงาน 8.1 บอกส่วนประกอบของการบอกขนาดได้ 8.2 สามารถเรียกใช้คำสั่งบอกขนาดต่างๆตามที่กำหนดได้ 8.3 กำหนดรูปแบบการบอกขนาดด้วยคำสั่ง DimStyle ตามที่กำหนด 8.4 สามารถแก้ไขการบอกขนาดแบบเชิงเส้นด้วยคำสั่ง DimLiniar ตามที่กำหนดได้ 8.5 สามารถแก้ไขการบอกขนาดแนวลาดเอียงด้วยคำสั่ง DimAligned ตามที่กำหนดได้ 8.6 สามารถแก้ไขการบอกขนาดรัศมีด้วยคำสั่ง DimRadius ตามที่กำหนดได้ 8.7 สามารถแก้ไขการบอกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางด้วยคำสั่ง DimDiameter ตามที่กำหนดได้ 8.8 สามารถแก้ไขการบอกขนาดมุมด้วยคำสั่ง DimAngular ตามที่กำหนดได้ 8.9 สามารถแก้ไขการบอกขนาดอ้างอิงจากเส้นฐานด้วยคำสั่ง DimBasline ตามที่กำหนดได้ 8.10 สามารถแก้ไขการบอกขนาดต่อเนื่องแบบลูกโซ่ด้วยคำสั่ง DimContinue ตามที่กำหนดได้ 8.11 สามารถแก้ไขการบอกขนาดและแก้ไขเส้นบอกขนาดด้วยคำสั่ง Quick ตามที่กำหนดได้ Dimension ปฏิบัติใบงานที่ 8 การบอกขนาดให้กับแบบหรือชิ้นงาน


แนวคิดสำคัญ การบอกขนาดถือว่าจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้ทราบถึงขนาดของชิ้นงานในส่วนต่างๆของแบบ เพื่อใช้กำกับ ขนาดไว้ในส่วนต่างๆของแบบ เช่น ความสูง ความกว้าง ความยาว ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ขนาดรัศมี ขนาด มุม เป็นต้น ดังนั้นในหน่วยนี้ผู้เรียนจะได้เรียนรู้ตั้งแต่การตั้งค่าหรือตั้งรูปแบบของการบอกขนาดในลักษณะ ต่างๆ เพื่อที่จะได้นำความรู้ไปใช้ในการเขียนแบบจริง สมรรถนะย่อย บอกขนาดให้กับแบบหรือชิ้นงานตามแบบที่กำหนด ขั้นตอนกระบวนการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ MIAP กระบวนการสอนของครู กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน ขั้นการสอน(จุดประสงค์ที่ 8.1-8.11) 1. ขั้นนำ (Motivation) เวลา 5 นาที - นำเข้าสู่บทเรียน ด้วยปัญหาที่น่าสนใจ เป็น ปัญหาที่ผู้เรียนจะคิดหาคำตอบได้ 2. ขั้นศึกษาข้อมูล(Information)เวลา 115 นาที อธิบายเนื้อหา/สาธิต 1. ส่วนประกอบของการบอกขนาด 2. การเรียกใช้คำสั่งบอกขนาด 3. การกำหนดรูปแบบการบอกขนาดด้วยคำสั่ง DimStyle 4. การบอกขนาดแบบเชิงเส้นด้วยคำสั่ง DimLiniar 5. การบอกขนาดแนวลาดเอียงด้วยคำสั่ง DimAligned 6. การบอกขนาดรัศมีด้วยคำสั่ง DimRadius 7. การบอกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางด้วยคำสั่ง DimDiameter 8. การบอกขนาดมุมด้วยคำสั่ง DimAngular 9. การบอกขนาดอ้างอิงจากเส้นฐานด้วยคำสั่ง DimBasline 10. การบอกขนาดต่อเนื่องแบบลูกโซ่ด้วยคำสั่ง DimContinue 11. การบอกขนาดและแก้ไขเส้นบอกขนาดด้วย คำสั่ง Quick Dimension ขั้นตอนการเรียน 1. ขั้นนำ (Motivation) - รับฟังและถามตอบก่อนเข้าสู่บทเรียน 2. ขั้นศึกษาข้อมูล( Information) - รับฟังครูอธิบายแต่ละหัวข้อ และสอบถามหาก สงสัยข้อใดข้อหนึ่ง


ขั้นตอนกระบวนการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ MIAP (ต่อ) กระบวนการสอนของครู กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน 3.ขั้นพยายาม (Application) เวลา 160 นาที - ให้นักศึกษาศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากตำรา หน่วยที่ 8 การบอกขนาดให้กับแบบหรือชิ้นงาน - ให้นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงาน ที่ 8 การบอกขนาดให้กับแบบหรือชิ้นงาน 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) เวลา 20 นาที - ตรวจสอบการปฏิบัติงานเพื่อให้คะแนน - ตอบคำถามที่ผู้เรียนสงสัย 3.ขั้นพยายาม (Application) - อ่านทบทวนเนื้อหาอย่างละเอียดจากจากจากตำรา หน่วยที่ 8 การบอกขนาดให้กับแบบหรือชิ้นงาน - นักศึกษา ศึกษารายละเอียดและปฏิบัติใบงานที่ 8 การบอกขนาดให้กับแบบหรือชิ้นงาน 4. ขั้นผลสำเร็จ (Progress) - ส่งงานการปฏิบัติใบงานที่ 8 - ถามคำถามที่ผู้เรียนสงสัย เนื้อหาบทเรียน หน่วยที่ 8 การบอกขนาดให้กับแบบหรือชิ้นงาน 8.1 ส่วนประกอบของการบอกขนาด ส่วนประกอบที่หลักของการบอกขนาดเป็นสิ่งที่ควรทำความรู้จักก่อนที่จะไปบอกขนาด ทั้งนี้เพื่อจะได้ กำหนดค่าต่างๆของส่วนประกอบได้อย่างเหมาะสม 1. Arrowhead คือ หัวลูกศรที่ใช้บอกขนาด ซึ่งมีให้เลือกใช้หลายแบบ 2. Dimension Line คือ เส้นบอกขนาด 3. Dimension Text คือ ตัวเลขหรือข้อความที่ใช้บอกขนาด 4. Extension Line คือ เส้นช่วยบอกขนาด เป็นเส้นที่ยื่นออกไปจากจุดบอกขนาดไปยังเส้นบอกขนาด 8.2 การเรียกใช้คำสั่งบอกขนาด การเรียกใช้คำสั่งเพื่อการบอกขนาด โดยทั่วไปเรียกใช้คำสั่งได้ 4 วิธี ประกอบด้วย 1. แถบเมนูบอกขนาด (Dimension Menu bar) 2. กล่องเครื่องมือบอกขนาด (Dimension Tool Box) 3. สกรีนเมนู (Screen Menu) 4. บรรทัดคำสั่ง (Command Line) 8.3 การกำหนดรูปแบบการบอกขนาดด้วยคำสั่ง DimStyle Dimension Style คือ การตั้งค่าต่างๆของการบอกขนาดในไดอะล็อกบอกซ์เช่น การกำหนดขนาด ของตัวอักษร ตำแหน่งหัวลูกศร สีที่ใช้กับส่วนประกอบของการบอกขนาดต่างๆ ไว้ในรูปแบบของการบอกขนาด ที่สร้างขึ้นใหม่หรือรูปแบบที่มีอยู่แล้ว


คำสั่ง Dimension Style อักษรย่อ DimStyle หรือ DST เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับกำหนดค่าต่างๆ ของ การบอกขนาด โดยการกำหนดค่าผ่านทางไดอะล็อกบอกซ์ Dimension Style Manager 8.3.1 การเรียกใช้คำสั่ง DimensionStyle คลิกที่เครื่องมือหรือที่แถบเมนู Dimension > Dimension Style… หรือ Format > Dimension Style… หรือที่บรรทัดคำสั่งให้พิมพ์ Dimstyle หรือ DST แล้วกด Enter 8.3.2 ขั้นตอนการกำหนดรูปแบบการบอกขนาด มีขั้นตอนการปฏิบัติดังรูปที่ 8.5 ซึ่งเป็นไดอะล็อกบอกซ์ Dimension Style Manager เพื่อใช้ ในการกำหนดค่าต่างๆ ของรูปแบบการบอกขนาด ดังรายละเอียดขั้นตอนดังนี้ 1. เรียกคำสั่ง Dimension Style โดยคลิก Dimension > Dimension Style… 2. คลิกปุ่ม New… เพื่อเริ่มสร้างรูปแบบสไตล์ใหม่ 3. ป้อนชื่อรูปแบบสไตล์ใหม่ลงในช่อง New Style Name เช่น EP-DimStyle1 4. เลือกรูปแบบสไตล์ที่ต้องการใช้เป็นต้นแบบที่ช่อง Start With เช่น เลือกรูปแบบ ISO-25 5. คลิกปุ่ม Continue เพื่อเข้าสู่ไดอะล็อกบอกซ์ New Dimension Style เพื่อให้กำหนดค่า ต่างๆ ของรูปแบบสไตล์ 6. คลิกที่แท็ป Line เพื่อเลือกกำหนดค่าเส้นบอกขนาดและเส้นช่วยบอกขนาด 7. กำหนดรายละเอียดของเส้นบอกขนาด (Dimension Line) ประกอบด้วย (1) กำหนดสีให้กับเส้นบอกขนาด โดยเลือกจากช่อง Color (2) กำหนดรูปแบบของเส้นบอกขนาด โดยเลือกจากช่อง Linetype (3) กำหนดความหนาของเส้นบอกขนาด โดยจากช่อง Lineweight 8. กำหนดรายละเอียดของเส้นช่วยบอกขนาด (Extension Line) ประกอบด้วย (1) กำหนดสีให้กับเส้นบอกขนาด โดยเลือกจากช่อง Color (2) กำหนดรูปแบบของเส้นบอกขนาดด้านที่ 1 โดยเลือกจากช่อง √ ExtLine 1 (3) กำหนดรูปแบบของเส้นบอกขนาดด้านที่ 2 โดยเลือกจากช่อง √ ExtLine 2 (4) กำหนดความหนาของเส้นบอกขนาด โดยจากช่อง Lineweight 9. คลิกที่แท็ป Symbol and Arrows เพื่อกำหนดรายละเอียดของหัวลูกศร 10. กำหนดรูปแบบและขนาดหัวลูกศร ประกอบด้วย (1) กำหนดรูปแบบหัวลูกศรบอกขนาด ด้านที่ 1 โดยคลิกเลือกที่ช่อง First (2) กำหนดรูปแบบหัวลูกศรบอกขนาด ด้านที่ 2 โดยคลิกเลือกที่ช่อง Second (3) กำหนดรูปแบบหัวลูกศรเพื่อเขียนเส้นชี้ตำแหน่ง โดยคลิกเลือกที่ช่อง Leader (4) กำหนดขนาดหัวลูกศร โดยป้อนตัวเลขช่อง Arrow size 11. กำหนดรูปแบบการทำ Center Mark คือ รูปแบบการทำเครื่องหมายที่จุดศูนย์กลางของ วงกลม ประกอบด้วย 3 รูปแบบ คือ (1) None คือ ไม่เลือกกำหนด Center Mark


(2) Mark คือ เลือกทำเครื่องหมาย + ที่จุดศูนย์กลาง (3) Line คือ เลือกทำเครื่องหมายแบบเส้นตัด เมื่อทำขั้นตอนที่ 11 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกปุ่ม OK เพื่อกลับไปยังไดอะล็อกบอกซ์ Dimension Style Manager แล้วให้คลิกเลือก EP-DimStyle1 แล้วคลิกปุ่ม Modify… เพื่อปรับปรุงแก้ไข รูปแบบของการบอกขนาดที่ต้องการ ดังในขั้นตอนที่ 12 ต่อไป 12. คลิกที่แท็ป Text เพื่อกำหนดรูปแบบของตัวอักษร 13. กำหนดรูปแบบตัวอักษรที่ใช้บอกขนาดในส่วนของ Text appearance ดังนี้ (1) เลือกรูปแบบตัวอักษรที่มีอยู่หรือสร้างใหม่ โดยเลือกจากช่อง Text Style หรือ คลิกปุ่ม ... เพื่อแก้ไขรูปแบบตัวอักษรใหม่ (2) กำหนดสีต้นแบบให้กับตัวอักษร โดยเลือกจากช่อง Text color (3) ถ้าต้องการกำหนดสีพื้นหลัง ให้คลิกเลือกจากช่อง Fill color (4) กำหนดความสูงของตัวอักษร โดยป้อนขนาดที่เมาะสม ลงในช่อง Text height 14. กำหนดการวางตัวอักษร ประกอบด้วย (1) กำหนดในแนวตั้ง โดยเลือกจากช่อง Vertical (2) กำหนดในแนวนอน โดยเลือกจากช่อง Horizontal 15. คลิกที่แท็ป Fit เพื่อกำหนดค่า ใช้กรณีที่เส้นบอกขนาดมีพื้นที่ไม่พอสำหรับข้อความหรือ ตัวเลขบอกขนาด โดยทั่วไปจะถูกกำหนดค่าเอาไว้ 16. คลิกที่แท็ป Primary Units เพื่อกำหนดรูปแบบของหน่วยหลักของตัวเลขบอกขนาด โดย ปกติจะถูกกำหนดไว้เป็นแบบ Decimal หรือระบบทศนิยม และให้ตั้งค่า Decimal separator เป็น Period 17. คลิกที่แท็ป Alternate Units ใช้เมื่อต้องการกำหนดการบอกขนาดหน่วยรอง โดยให้คลิก ถูกที่ Display alternate units และกำหนดรายละเอียดอื่นๆตามความเหมาะสม 18. ถ้าต้องการตั้งค่า Tolerance ให้คลิกที่แท็ป Tolerance แล้วให้ลองเลือกค่าในช่อง Toleranceformat และสังเกตการเปลี่ยนแปลงในภาพตัวอย่าง 19. คลิกปุ่ม OK ก็จะกลับมายังไดอะล็อกบอกซ์ Dimension Style Manager 20. คลิกเลือกรูปแบบสไตล์ EP-DimStyle1 21. คลิกปุ่ม Set Current เพื่อกำหนด EP-DimStyle1 ให้เป็นรูปแบบสไตล์ใช้งาน 22. คลิกปุ่ม Close เพื่อจัดเก็บค่าต่างๆและปิดไดอะล็อกบอกซ์ และที่กล่องเครื่องมือบอก ขนาดจะแสดงชื่อรูปแบบที่เราสร้างขึ้นมา EP-DimStyle1 นั่นหมายความว่าเราสามารถบอกขนาดตามสไตล์ที่ สร้างขึ้นมาใหม่ได้เลย 8.4 การบอกขนาดแบบเชิงเส้นด้วยคำสั่ง DimLiniar คำสั่ง DimLiniar เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับเขียนเส้นบอกขนาดได้ทั้งแนวตั้ง แนวนอน หรือลาดเอียงตาม มุมที่กำหนด โดยการเลือกวัตถุโดยตรงหรือโดยการจุด 2 จุด 8.4.1 การเรียกใช้คำสั่ง DimLinear


ทำได้โดยคลิกที่เครื่องมือหรือที่แถบเมนู Dimension > Linear หรือที่บรรทัดคำสั่ง ให้พิมพ์ Dimlinear หรือ DLI แล้วกด Enter 8.4.2 รายละเอียดของคำสั่ง Dimlinear - Specify first extension line origin or <select object>: กำหนดจุดที่ 1 หรือกด Enter เพื่อเลือกวัตถุ - Specify second extension line origin: กำหนดจุดที่ 2 ของการบอกขนาด - Specify dimension line location or [Mtext/Text/Angle/Horizontal/Vertical/ Rotated]: กำหนดตำแหน่งวางเส้นบอกขนาด หรือเลือกตัวเลือก ซึ่งประกอบด้วย - Mtext ป้อน M แล้วกด Enter คือ เลือกป้อนตัวเลขหรือข้อความบอกขนาดด้วยคำสั่ง Mtext - Text ป้อน M แล้วกด Enter คือ เลือกป้อนตัวเลขหรือป้อนข้อความบอกขนาด Text โดยผู้ใช้ - Angle ป้อน A แล้วกด Enter คือ กำหนดมุมเอียงของข้อความ เช่นกำหนดเป็น 0 องศา หรือ 90 องศา เป็นต้น - Horizontal ป้อน H แล้วกด Enter คือ บังคับให้บอกขนาดตามแนวนอนเท่านั้น - Vertical ป้อน V แล้วกด Enter คือ บังคับให้บอกขนาดตามแนวตั้งเท่านั้น - Rotated ป้อน R แล้วกด Enter คือ กำหนดมุมเอียงของเส้นบอกขนาดให้เอียงเป็นมุมใดๆ เช่น กำหนดมุมเอียงเป็น 0, 45, 60, 90 องศา 8.4.3 ขั้นตอนพื้นฐานการใช้คำสั่ง Dimlinear 1. เรียกใช้คำสั่ง Dimlinear 2. คลิกจุดที่ 1 ของการบอกขนาด หรือกด Enter เพื่อเลือกวัตถุที่ต้องการบอกขนาด 3. คลิกจุดที่ 2 ของการบอกขนาด 4. คลิกจุดที่ 3 เพื่อกำหนดตำแหน่งที่ต้องการวางเส้นบอกขนาดหรือตัวเลือก 8.4.4 ตัวอย่างการบอกขนาดด้วยคำสั่ง Dimlinear ตัวอย่างแสดงวิธีการใช้คำสั่ง DimLinear เพื่อบอกขนาด 8.5 การบอกขนาดแนวลาดเอียงด้วยคำสั่ง DimAligned


คำสั่ง DimAligned อักษรย่อ DAL มีการใช้งานคล้ายกับคำสั่ง DimLinear ที่ใช้กับตัวเลือก Rotate แต่คำสั่ง DimAligned ใช้เขียนเส้นบอกขนาดลาดเอียงขนานไปกับวัตถุตามมุมใดๆโดยการเลือกวัตถุโดยตรง หรือโดยกำหนดจุด 2 จุด 8.5.1 การเรียกใช้คำสั่ง DimAligned ทำได้โดยการคลิกที่เครื่องมือหรือที่แถบเมนู Dimension > Aligned หรือที่บรรทัดคำสั่ง ให้ พิมพ์ DimAligned หรือ DAL แล้วกด Enter 8.5.2 รายละเอียดของคำสั่ง DimAligned คล้ายกับรายละเอียดของคำสั่ง DimLinear แต่ในคำสั่งนี้จะไม่มีตัวเลือก Horizontal /Vertical/Rotated 8.5.3 ขั้นตอนพื้นบานการใช้คำสั่ง DimAligned มีขั้นตอนการใช้คำสั่งเหมือนกับคำสั่ง DimLinear เพียงแต่คำสั่งนี้จะเขียนเส้นบอกขนาดตาม แนวเอียงขนาดกับวัตถุเสมอ 8.5.4 ตัวอย่างการใช้คำสั่ง DimAligned ตัวอย่างแสดงวิธีการใช้คำสั่ง DimAligned เพื่อบอกขนาด ตัวอย่างภาพการบอกขนาดด้วยคำสั่ง DimAligned 8.6 การบอกขนาดรัศมีด้วยคำสั่ง DimRadius คำสั่ง DimRadius อักษรย่อ DRA ใช้สำหรับบอกขนาดรัศมีของวงกลม หรือส่วนโค้งของในทิศทางและ ตำแหน่งที่กำหนด 8.6.1 การเรียกใช้คำสั่ง DimRadius ทำได้โดยการคลิกที่เครื่องมือ หรือที่แถบเมนู Dimension > Radius หรือที่บรรทัดคำสั่งให้ พิมพ์ DimRadius หรือ DRA แล้วกด Enter 8.6.2 รายละเอียดของคำสั่ง DimRadius ประกอบด้วย - Select arc or circle: เลือกส่วนโค้งหรือวงกลมที่ต้องการบอกขนาดรัศมี - Specify dimension line location or [Mtext/Text/Angle]: กำหนดตำแหน่งวางเส้น บอกขนาด 8.6.3 ขั้นตอนพื้นฐานการใช้คำสั่ง DimRadius


1. เรียกใช้คำสั่ง DimRadius 2. เลือกส่วนโค้งหรือวงกลมที่ต้องการบอกรัศมี 3. กำหนดตำแหน่งวางเส้นบอกขนาด 8.6.4 ตัวอย่างการใช้คำสั่ง DimRadius ตัวอย่างแสดงวิธีการใช้คำสั่ง DimRadius เพื่อบอกขนาดรัศมีของวงกลม ตัวอย่างรูปการบอกขนาดรัศมีด้วยคำสั่ง DimRadius 8.7 การบอกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางด้วยคำสั่ง DimDiameter คำสั่ง DimDiameter อักษรย่อ DDI ใช้สำหรับบอกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของส่วนโค้งหรือวงกลม ในทิศทางและตำแหน่งที่กำหนด 8.7.1 การเรียกใช้คำสั่ง DimDiameter ทำได้โดยคลิกที่เครื่องมือหรือที่แถบเมนู Dimension > Diameter หรือที่บรรทัดคำสั่งให้ พิมพ์ DimDiameter หรือ DDI แล้วกด Enter 8.7.2 รายละเอียดของคำสั่ง DimDiameter - Select arc or circle: เลือกส่วนโค้งหรือวงกลมที่ต้องการบอกขนาดรัศมี - Specify dimension line location or [Mtext/Text/Angle]: กำหนดตำแหน่งวางเส้น บอกขนาด 8.7.3 ขั้นตอนพื้นฐานการใช้คำสั่ง DimDiameter 1. เรียกใช้คำสั่ง DimDiameter 2. เลือกส่วนโค้งหรือวงกลม ที่ต้องการบอกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3. กำหนดตำแหน่งวางเส้นบอกขนาด 8.7.4 ตัวอย่างการใช้คำสั่ง DimDiameter ตัวอย่างที่แสดงวิธีการใช้คำสั่ง DimDiameter เพื่อบอกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของวงกลม ตัวอย่างรูปการบอกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางด้วยคำสั่ง DimDiameter 8.8 การบอกขนาดมุมด้วยคำสั่ง DimAngular


คำสั่ง DimAngular อักษรย่อ DAN ใช้สำหรับบอกขนาดมุมของวัตถุ โดยจะบอกค่าเป็นองศา 8.8.1 การเรียกใช้คำสั่ง DimAngular ทำได้โดยการคลิกที่เครื่องมือหรือที่แถบเมนู Dimension > Angular หรือที่บรรทัดคำสั่งให้ พิมพ์ DimAngular หรือ DAN แล้วกด Enter 8.8.2 รายละเอียดของคำสั่ง DimAngular ประกอบด้วย - Select arc, circle, line, or <specify vertex>: เลือกวัตถุแรกที่ต้องการบอกขนาดมุม - Select second line: เลือกวัตถุที่สองที่ต้องการบอกขนาดมุม - Specify dimension arc line location or [Mtext/Text/Angle/Quadrant]: กำหนด ตำแหน่งวางเส้นบอกขนาดหรือเลือกโดยตัวเลือก Mtext/Text/Angle ใช้งานเช่นเดียวกับคำสั่งที่กล่าวมาแล้ว และตัวเลือก Quadrant ใช้เพื่อกำหนดการวางตาม Quadrant ที่กำหนด 8.8.3 ขั้นตอนพื้นฐานการใช้คำสั่ง DimAngular 1. เรียกใช้คำสั่ง DimAngular 2. เลือกวัตถุแรกที่ต้องการบอกขนาดมุม 3. เลือกวัตถุที่สองที่ต้องการบอกขนาดมุม 4. กำหนดตำแหน่งวางเส้นบอกขนาดหรือเลือกใช้ตัวเลือก แล้วกำหนดตำแหน่งวางเส้นบอก ขนาดทีหลังก็ได้ 8.8.4 ตัวอย่างการใช้ DimAngular ตัวอย่างแสดงวิธีการใช้คำสั่ง DimAngular เพื่อบอกขนาดมุม ตัวอย่างรูปการบอกขนาดมุมดัวยคำสั่ง DimAngular 8.9 การบอกขนาดอ้างอิงจากเส้นฐานด้วยคำสั่ง DimBasline คำสั่ง DimBasline อักษรย่อ DBA ใช้บอกขนาดด้วยการอ้างอิงจากเส้นฐาน (Baseline) ซึ่งการบอก ขนาดจะเป็นแบบแนวตั้งหรือแนวนอน ดดยต้องบอกขนาดขึ้นมาก่อนจากนั้นจึงบอกขนาดด้วยการกำหนดเส้น ฐานได้ 8.9.1 การเรียกใช้คำสั่ง DimBasline ทำได้โดยการคลิกที่เครื่องมือหรือที่แถบเมนู Dimension > Basline หรือที่บรรทัดคำสั่งให้ พิมพ์ DimBasline หรือ DBA แล้วกด Enter 8.9.2 รายละเอียดของคำสั่ง DimBasline


- Select base dimension: เลือกเส้นบอกขนาดที่ใช้เป็นเส้นฐาน - Specify a second extension line origin or [Undo/Select] <Select>: กำหนดที่ ต้องการบอกขนาดต่อจากเส้นฐาน หรือพิมพ์ S แล้วกด Enter เพื่อเลือกเส้นบอกขนาดที่ใช้เป็นเส้นฐาน 8.9.3 ขั้นตอนพื้นฐานการใช้คำสั่ง DimBasline 1. เรียกใช้คำสั่ง DimBasline 2. เลือกเส้นบอกขนาดที่เป็นเส้นฐาน 3. เลือกวัตถุที่สองที่ต้องการบอกขนาดมุมทำจนครบตามที่ต้องการ 4. กด Enter จบคำสั่ง 8.9.4 ตัวอย่างการใช้คำสั่ง DimBasline ตัวอย่างแสดงวิธีการใช้คำสั่ง DimBasline เพื่อบอกขนาดโดยอ้างอิงจากเส้นบอกขนาดที่ใช้ เป็นฐาน ตัวอย่างรูปการบอกขนาดด้วยคำสั่ง DimBasline 8.10 การบอกขนาดต่อเนื่องแบบลูกโซ่ด้วยคำสั่ง DimContinue คำสั่ง DimContinue อักษรย่อ DCO ใช้บอกขนาดต่อเนื่องแบบลูกโซ่ในระดับเดียวกันกับการบอก ขนาดเดิม โดยต้องบอกขนาดขึ้นมาก่อนจากนั้นจึงบอกขนาดแบบต่อเนื่องได้เช่นเดียวกับคำสั่ง DimBaseline 8.10.1 การเรียกใช้คำสั่ง DimContinue ทำได้โดยการคลิกที่เครื่องมือหรือที่แถบเมนู Dimension > Continue หรือที่บรรทัดคำสั่ง พิมพ์ DimContinue หรือ DCO แล้วกด Enter 8.10.2 รายละเอียดของคำสั่ง DimContinue - Specify a second extension line origin or [Undo/Select] <Select>: กำหนด ตำแหน่งที่ต้องการบอกขนาดต่อจากเส้นต่อเนื่องหรือพิมพ์ S แล้วกด Enter เพื่อเลือกเส้นบอกขนาดที่ใช้เป็น เส้นต่อเนื่อง - Select continued: เลือกเส้นบอกขนาดที่ใช้เป็นเส้นต่อเนื่อง 8.10.3 ขั้นตอนพื้นฐานการใช้คำสั่ง DimContinue 1. เรียกใช้คำสั่ง DimContinue 2. เลือกเส้นบอกขนาดที่ใช้เป็นเส้นต่อเนื่อง


3. เลือกวัตถุที่สองที่ต้องการบอกขนาดมุม ทำจนครบตามที่ต้องการ 4. กด Enter จบคำสั่ง 8.10.4 ตัวอย่างการใช้คำสั่ง DimContinue ตัวอย่างแสดงวิธีการใช้คำสั่ง DimContinue เพื่อบอกขนาดแบบต่อเนื่อง ตัวอย่างรูปการบอกขนาดด้วยคำสั่ง DimContinue 8.11 การบอกขนาดและแก้ไขเส้นบอกขนาดด้วยคำสั่ง Quick Dimension คำสั่ง Quick Dimension อักษรย่อ QDIM ใช้สำหรับเขียนเส้นบอกขนาดแบบต่างๆ หรือแก้ไขเส้น บอกขนาดที่มีอยู่แล้ว โดยคำสั่งนี้จะเรียนรู้รูปทรงของวัตถุในการออกแบบโดยอัตโนมัติ เช่น วงกลม เส้นตรง เป็นต้น และยังมีตัวเลือกให้เลือกอำนวยความสะดวกในการใช้คำสั่ง เช่น Continue, Baseline, Radius, Diameter, Edit เป็นต้น 8.11.1 การเรียกใช้คำสั่ง Quick Dimension ทำได้โดยคลิกที่เครื่องมือหรือที่แถบเมนู Dimension > QuickDimension หรือที่บรรทัด คำสั่งให้พิมพ์ Quick Dimension หรือ QDIM แล้วกด Enter 8.11.2 รายละเอียดของคำสั่ง Quick Dimension - Select geometry to dimension: เลือกวัตถุที่ต้องการบอกขนาดหรือเลือกเส้นบอกขนาด เพื่อแก้ไขแล้วกด Enter - Specifydimensionlinepositionor[Continuous/Staggered/Baseline/Ordinate/ Radius/Diameter/datumPoint/Edit/seTtings] <current>: กด Enter หรือเลือกตัวเลือกเพื่อเขียนเส้น บอกขนาด 8.11.3 ขั้นตอนพื้นฐานการใช้คำสั่ง Quick Dimension 1. เรียกใช้คำสั่ง Quick Dimension 2. เลือกวัตถุที่ต้องการบอกขนาดหรือเลือกเส้นบอกขนาดที่ต้องการแก้ไข 3. กด Enter หรือเลือกตัวเลือก เพื่อเขียนเส้นบอกขนาดจากนั้นกำหนดจุดบอกขนาดต่างๆจน ครบทุกจุด 4. กด Enter จบคำสั่ง 8.11.4 ตัวอย่างการใช้คำสั่ง Quick Dimension ตัวอย่างการใช้คำสั่ง Quick Dimension โดยใช้ตัวเลือกต่างๆ


ตัวอย่างการบอกขนาดด้วยคำสั่ง Quick Dimension


วิธีสอน และ กิจกรรม - นำเสนอด้วยเพาเวอร์พอยต์ / สาธิต - ถามตอบ - แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 8 - ใบงานที่ 8 สื่อการสอน หนังสือ อ้างอิง นิพนธ์ บุญสกันต์. 2558. การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี, ศูนย์หนังสือ เมืองไทย. เอกสาร ประกอบ - แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 8 - ใบงานที่ 8 วัสดุโสต ทัศน์ - ไวท์บอร์ด - โปรเจคเตอร์ งานที่ มอบหมาย -ศึกษาตำรา - ทำแบบฝึกหัดหน่วยที่ 8 - ปฏิบัติใบงานที่ 8 การวัดผล การวัดผลในหน่วยที่ 8 การบอกขนาดให้กับแบบหรือชิ้นงาน มีเกณฑ์การให้คะแนนดังนี้ - นักเรียนมีความรู้ความจำ เรื่องการบอกขนาดให้กับแบบหรือชิ้นงาน 1 คะแนน - นักเรียนมีความเข้าใจในเรื่องการบอกขนาดให้กับแบบหรือชิ้นงาน 1 คะแนน - นักเรียนสามารถปฏิบัติใบงานที่ 8 การบอกขนาดให้กับแบบหรือชิ้นงาน 3 คะแนน หมายเหตุ :


ความสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ 3 ห่วง 1. ความพอประมาณ -เตรียมอุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยอย่างเหมาะสม 2. มีเหตุผล - ความปลอดภัยในการเรียนในรายวิชา 3. มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี - ป้องกันอุบัติเหตุในงานได้ 1. เงื่อนไขความรู้ (รอบรู้, รอบคอบ, ระมัดระวัง) 2 เงื่อนไข - ปฏิบัติตามกฎของโรงงานได้อย่างเคร่งครัด - บอกวิธีการป้องกันอุบัติเหตุในงานได - อธิบายถึงความสำคัญของความปลอดภัย ในการปฏิบัติงานได้ 2. เงื่อนไขคุณธรรม - มีความรับผิดชอบ - มีความคิดสร้างสรรค์ 1. มิติด้านเศรษฐกิจ 4 มิติ - ใช้อุปกรณ์ วัสดุ ในการเรียนการสอนอย่างประหยัด คุ้มค่า 2. มิติด้านสังคม - สามารถนำวิธีการทำงานไปปรับกับการทำงานภายนอกได้ 3. มิติด้านสิ่งแวดล้อม - ไม่ทำลายทำธรรมชาติในการเรียนในรายวิชา 4. มิติด้านวัฒนธรรม - มีคุณธรรม ความซื่อสัตย์ต่อวิชา ครูผู้สอน


ความสอดคล้องกับคุณธรรมพื้นฐาน 8 ประการ ของสถานศึกษา ............................................................................ 1. ขยัน → นักเรียนนักศึกษาสามารถทำงานเสร็จตรงตามเวลา 2. ประหยัด → นักเรียนนักศึกษานำวัสดุที่ใช้มาปฏิบัติอย่างประหยัด 3. ซื่อสัตย์ → นักเรียนนักศึกษามีความซื่อสัตย์ต่อวิชาเรียน ต่อผู้สอน 4. มีวินัย → นักเรียนนักศึกษามาเรียนตรงตามเวลา 5. สุภาพ → นักเรียนนักศึกษามีความสุภาพต่อครูผู้สอน 6. สะอาด → นักเรียนนักศึกษาช่วยกันรักษาความสะอาดในแผนกวิชา 7. สามัคคี → นักเรียนนักศึกษามีความสามัคคีร่วมมือกันทำงานเป็นกลุ่ม 8. มีน้ำใจ → นักเรียนนักศึกษามีความเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนร่วมห้อง


ใบเตรียมการสอน สัปดาห์ที่ 13 วิชา การเขียนแบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์ ทฤษฏี 2 คาบ หน่วยที่ 9 เทคนิคการเขียนแบบขั้นสูงด้วยโปรแกรม AutoCAD ปฏิบัติ 3 คาบ ชื่อหน่วยเรียน หน่วยที่ 9 เทคนิคการเขียนแบบขั้นสูงด้วยโปรแกรม AutoCAD 9.1 การสร้างบล็อกเก็บอุปกรณ์ด้วยคำสั่ง Block (แบบฝึกหัดข้อที่ 1, 2, 4, 5) 9.2 การสร้างบล็อกเก็บอุปกรณ์ด้วยคำสั่ง WBlock (แบบฝึกหัดข้อที่ 3, 6) 9.3 การแทรกบล็อกและไฟล์ด้วยคำสั่ง Insert Block (แบบฝึกหัดข้อที่ 7, 8, 9) 9.4 การแทรกไฟล์แบบเชื่อมโยงด้วยคำสั่ง External Reference 9.5 ไฟล์ต้นแบบ (แบบฝึกหัดข้อที่ 10) 9.6 การเขียนโปรแกรม AutoLISP ใบงานที่ 9 เทคนิคการเขียนแบบขั้นสูงด้วยโปรแกรม AutoCAD จุดประสงค์การสอน หน่วยที่ 9 แสดงความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการเขียนแบบขั้นสูงด้วยโปรแกรม AutoCAD 9.1 สามารถสร้างบล็อกเก็บอุปกรณ์ด้วยคำสั่ง Block 9.2 สามารถสร้างบล็อกเก็บอุปกรณ์ด้วยคำสั่ง WBlock 9.3 สามารถแทรกบล็อกและไฟล์ด้วยคำสั่ง Insert Block 9.4 สามารถแทรกไฟล์แบบเชื่อมโยงด้วยคำสั่ง External Reference 9.5 สามารถประยุกต์ใช้งานไฟล์ต้นแบบได้ 9.5.1 สามารถสร้างไฟล์ต้นแบบตามที่กำหนดได้ 9.5.2 สามารถเรียกใช้งานไฟล์ต้นแบบได้ 9.6 อธิบายการเขียนโปรแกรม AutoLISP ขั้นพื้นฐานได้ 9.6.1 สามารถอธิบายการเขียนโปรแกรม AutoLISPEditor ที่ใช้งานภายใต้โปรแกรม AutoCAD ได้ 9.6.2 อธิบายโครงสร้างและรูปแบบของโปรแกรมด้วยภาษาAutoLISP ได้ ปฏิบัติใบงานที่ 9 เทคนิคการเขียนแบบขั้นสูงด้วยโปรแกรม AutoCAD แนวคิดสำคัญ การเขียนแบบทุกประเภทจะต้องใช้สัญลักษณ์และสัญลักษณ์ที่ซ้ำๆกันตลอด ซึ่งถ้าเป็นการเขียนแบบ ด้วยมือจะต้องเขียนซ้ำๆ ทำให้เสียเวลาในการเขียนแบบเป็นอย่างยิ่ง แต่การเขียนแบบด้วยโปรแกรม AutoCAD นั้น ผู้เขียนสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยตนเองนั่นคือการสร้างคลังสัญลักษณ์และแบบฟอร์มต่างๆจัดเก็บไว้เป็น ไฟล์ต้นแบบ การสร้างคำสั่งเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความสามารถของโปรแกรม AutoCAD ด้วยการเขียนโปรแกรม Visual LISP Editor ซึ่งจะช่วยลดเวลาการเขียนแบบในอนาคต มีความเป็นมาตรฐานและความถูกต้องมาก ยิ่งขึ้น


Click to View FlipBook Version