The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

5 มาตรฐานความรู้ทั่วไปในการจัดการเรียนการสอน (2)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by apinya302, 2022-02-27 01:47:23

5 มาตรฐานความรู้ทั่วไปในการจัดการเรียนการสอน (2)

5 มาตรฐานความรู้ทั่วไปในการจัดการเรียนการสอน (2)

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é èÑÇä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ 146

5. ความเป็นปรนยั (Objectivity)

ชดั แจ้งในความหมายของคำถาม ตรวจใหค้ ะแนนได้ตรงกัน แปลความหมายของคะแนนได้
ตรงกนั ความเป็นปรนัย มีองคป์ ระกอบ 3 ประการ

1. ความแจ่มชดั ในความหมายของแบบทดสอบ
2. ความแจม่ ชัดในวธิ ีการตรวจใหค้ ะแนน
3. ความแจม่ ชดั ในการแปลความหมายของคะแนน

*** การหาความเป็นปรนัยทีน่ ิยมปฏบิ ตั ิกันคือผู้เชย่ี วชาญพจิ ารณาและตรวจสอบ (IOC)

การหาประสิทธิภาพของนวัตกรรมการเรียนการสอน

เป็นการดำเนินการเพื่อตรวจสอบใหเ้ กดิ ความม่นั ใจในประเด็นตอ่ ไปน้ี
1. นวตั กรรมท่ีสรา้ งข้ึนมีความเหมาะสมกบั เนอ้ื หาหรือหลกั สูตรหรอื วุฒิภาวะของนกั เรยี น

เพยี งใด
2. นวัตกรรมทสี่ รา้ งขึ้นนัน้ ทำใหผ้ เู้ รยี นบรรลุจุดประสงค์การเรียนจริงหรือไม่
3. นวตั กรรมที่สร้างขนึ้ นนั้ มปี ระสิทธิภาพมากกวา่ ของเดิมหรอื ไม่
4. นวตั กรรมท่สี ร้างข้นึ นนั้ ทำใหน้ กั เรยี นมีคุณลกั ษณะใดเพม่ิ ข้นึ มาบ้างที่แตกตา่ งจากเดิม
5. ผเู้ รียนมีความพงึ พอใจหรอื มเี จตคติทด่ี ตี ่อนวัตกรรมทส่ี รา้ งขึ้นหรอื ไม่
6. งบประมาณทรพั ยากรแรงงานและเวลาเปน็ ต้นทนุ ในการผลิตนั้นเหมาะสมหรอื คุ้มค่ากบั การ

ลงทุนหรอื ไม่

วิธีการหาประสทิ ธภิ าพของนวตั กรรมการเรยี นการสอนทำไดห้ ลายวิธอี าจจะเลือกวิธีใดวธิ ี
หน่ึงดังต่อไปน้ี

1. ผู้เช่ียวชาญพจิ ารณาความเหมาะสมอาจจะใช้แบบประเมินประกอบ

2. ทดลองให้ครหู นง่ึ คนตอ่ นกั เรียนหนึ่งคน (1:1) หรือทดลองใชห้ ้องเรียนขนาดเล็ก (1:10) และ

ทดลองใชใ้ นหอ้ งเรยี นจริงหรอื ภาคสนาม (1:100) แลว้ หาค่าประสทิ ธภิ าพของกระบวนการ (E1) และ
ประสิทธิภาพแห่งผล (E2) ซ่ึงการหาค่า E1/E2 ทำได้ดงั น้ี

E1 = คะแนนเฉลี่ยรอ้ ยละของการตอบคำถามท้ายบทเรยี นย่อย
E2 = คะแนนเฉลย่ี รอ้ ยละของการทำแบบทดสอบหลงั เรียน

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªÇè  by ¤ÃÙ¹Ô¡ FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÇÔ à¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é ÑèÇä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 147

3. ใหผ้ ู้เรียนแสดงความคดิ เห็นอาจใช้แบบประเมนิ แบบสอบถามหรอื แบบวดั เจตคติ ทีม่ ตี อ่ การ
เรียนด้วยนวตั กรรม

4. ดำเนินการวิจยั แบบทดลองเพอ่ื ทำการเปรยี บเทยี บคะแนนก่อนเรียนกบั หลงั เรียน หรือ
เปรียบเทียบคะแนนของนักเรยี นทเ่ี รียนโดยใชน้ วัตกรรมกลับเรยี นโดยวิธอี นื่ ๆ เป็นต้น

ประเดน็ สำคัญ //

การหาประสทิ ธภิ าพของนวตั กรรมการเรยี นการสอนหาไดจ้ ากสตู ร E1/E2
E1 = คะแนนเฉลี่ยร้อยละของการตอบคำถามท้ายบทเรยี นย่อย
E2 = คะแนนเฉล่ยี รอ้ ยละของการทำแบบทดสอบหลังเรียน
E1/E2 = ต้องสูงกว่าเกณฑ์ มาตรฐานท่กี ำหนด คือ 80/80

ประเดน็ สำคัญ //
E1/E2 = ตอ้ งสูงกวา่ เกณฑ์ มาตรฐานทก่ี ำหนด คอื 80/80
ค่าความยากง่าย (P) ท่ีใชไ้ ด้คอื 0.2-0.8
ค่าอำนาจจำแนก (r) ทใี่ ช้ได้ 0.2 ขน้ึ ไป
คา่ ดชั นคี วามสอดคล้อง (IOC) โดยผเู้ ชี่ยวชาญที่ใช้ได้ 0.5 ขึน้ ไป
คา่ ความเชอ่ื มนั่ ท้ังฉบบั 0.7 ขึน้ ไป

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªÇè  by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÔÇà¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é ÑÇè ä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ 148

ความรเู้ พมิ่ เติม

การออกแบบการวจิ ยั เชิงทดลอง
การออกแบบการวิจัยเชิงทดลอง เป็นการวางแผนการทดลองเพอ่ื ศกึ ษาความสมั พันธเ์ ชงิ สาเหตุ

ระหว่างตัวแปรอิสระและตวั แปรตาม

กลุ่มในการทดลองมี 2 กลมุ่ คอื กลมุ่ ทดลอง และกลุม่ ควบคมุ โดยทัง้ สองกลมุ่ เปน็ ตวั อย่างท่ี
สมุ่ มาจากประชากรเดียวกัน

การสุ่มกลุม่ ตัวอยา่ งมี 2 ข้ันตอน คือ

1. การสมุ่ ตวั อยา่ งจากประชากร : เปน็ การสมุ่ ตวั อย่างท่จี ะทดลองจากประชากรเปา้ หมายท่ี
ตอ้ งการศกึ ษา ทำใหก้ ารวิจัยเกิดความตรงภายนอก

2. การสมุ่ ตัวอย่างเข้ากลมุ่ ทดลอง : เป็นการสมุ่ กลุ่มตัวอยา่ งท่ีไดจ้ าก
ขั้นท่ี 1 มาเพ่ือจัดเขา้ กล่มุ ทดลอง (กลุ่มทดลองและกลุม่ ควบคุมจะได้มคี วามใกลเ้ คยี งกนั มากที่สดุ ) ทำ
ให้การวิจัยเกิดความตรงภายใน

ในการเขยี นผังการทดลอง ใช้สญั ลกั ษณต์ า่ ง ๆ เพ่อื สื่อความหมายดงั ตอ่ ไปนี้

X= ตวั แปรอสิ ระ/ตวั แปรทดลอง/ตัวแปรจัดกระทำ
E= กลุ่มทดลอง (Experimental Group)
C= กลุม่ ควบคุม (Control Group)
R= การจดั กลุ่มตวั อย่างเข้ากล่มุ ทดลองและ
กลุ่มควบคมุ แบบส่มุ (Randomization)
Oi = การวดั ค่าตวั แปรตามครง้ั ท่ี 1, 2, ..., i

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªèÇ by ¤ÃÙ¹Ô¡ FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÇÔ à¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·ÇÑè ä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ 149

การวจิ ัยเชงิ ทดลองเบ้อื งตน้ มรี ปู แบบต่าง ๆ ดงั น้ี

รูปแบบ 1 ศึกษากลมุ่ ทดลองกลุม่ เดยี ว วัดผลเฉพาะหลังการทดลองครัง้ เดยี ว (The one-
group, posttest-only design)

- มกี ลมุ่ ทดลองเพียงกลมุ่ เดยี ว
- วดั ผลตวั แปรตามเฉพาะหลังการทดลอง (posttest)
- การวเิ คราะห์ขอ้ มูล : ใช้สถติ ิเชงิ บรรยาย เช่น ร้อยละ ค่าเฉลี่ย สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน หรอื
ใช้สถิติทดสอบท่ีแบบกลุม่ เดยี ว (One sample t-test)

รปู แบบ 2 ศกึ ษากลมุ่ ทดลองกล่มุ เดียว วดั ผลกอ่ นและหลังการทดลอง (The one-group,
pretest-posttest design)

- มกี ล่มุ ทดลองเพียงกล่มุ เดียว
- วดั ผลตัวแปรตามท้ังก่อนและหลังการทดลอง
- การวเิ คราะห์ข้อมูล : เปรียบเทยี บผล Pretest กับ Posttest (O1 กับ O2 ) โดยใช้ t-test
for dependent samples (paired t-test) กรณตี วั แปรตามอย่ใู นมาตราอันตรภาคหรืออตั ราส่วน
หรือใช้ Wilcoxon test ในกรณีตวั แปรตามอย่ใู นมาตราเรยี งอนั ดับลงมา

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é Çè  by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÔÇà¢éÁ

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·èÇÑ ä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 150

รูปแบบ 3 ศกึ ษากล่มุ ทดลองกล่มุ เดียว วดั ผลหลายคร้งั
กอ่ นและหลงั การทดลอง แบบอนุกรมเวลา (The one-group, pretest-posttest time-series
design)

- มีกลมุ่ ทดลองเพียงกลุ่มเดยี ว แตว่ ัดผลหลายครั้งทั้งกอ่ นและหลังการทดลอง ตามชว่ งเวลาท่ี

กำหนด การใชเ้ ทคนคิ แบบอนกุ รมเวลาน้ีจะแสดงให้เห็นถงึ แนวโนม้ การเปลี่ยนแปลงและความคงทน

ของผลการทดลองว่าจะยงั คงมีค่าเทา่ คร้งั แรกทวี่ ดั หลังการทดลองหรอื ไม่ (O5)
- การวเิ คราะห์ข้อมลู : ใช้ ANOVA หรือ t-test for dependent samples (paired t-test)

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªèÇ by ¤ÃÙ¹Ô¡ FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÔÇà¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é ÑÇè ä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 151

05 การออกแบบและการดาํ เนนิ การเกย่ี วกบั งานประกนั
คณุ ภาพการศกึ ษา

- งานประกันคุณภาพการศึกษา
- ระบบการประกันคณุ ภาพภายใน
- มาตรฐานการศึกษาข้ันพื้นฐาน
- มาตรฐานการศกึ ษาปฐมวัย
- มาตรฐานการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน ศูนยก์ ารศึกษาพิเศษ
- ระบบการประกนั คณุ ภาพภายนอก

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é Çè  by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÇÔ à¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·ÇÑè ä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 152

งานประกนั คุณภาพการศกึ ษา

เกดิ จาก...พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หมวด 6
มาตรฐานและการประกันคณุ ภาพการศกึ ษา

มาตรา 47

ใหม้ ีระบบการประกนั คณุ ภาพการศึกษาเพอื่ พัฒนาคณุ ภาพและมาตรฐานการศึกษา

ของการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน และการศึกษาระดับอดุ มศกึ ษา ประกอบดว้ ย
ระบบการประกนั คุณภาพภายใน

ระบบการประกนั คุณภาพภายนอก

มาตรา 48

ให้หนว่ ยงานต้นสงั กดั และสถานศึกษาจัดใหม้ รี ะบบการประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษา
และให้ถอื วา่ การประกนั คุณภาพภายในเปน็ ส่วนหนึ่งของกระบวนการบรหิ ารการศกึ ษา

จัดทำรายงานประจำปี (SAR) เสนอต่อหนว่ ยงานตน้ สังกดั และหน่วยงานทีเ่ กย่ี วขอ้ ง
สถานศกึ ษาประเมินตนเองทุกปี

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªèÇ by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÇÔ à¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·ÇÑè ä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 153

มาตรา 49

ใหม้ สี ำนกั งานรบั รองมาตรฐานและประเมนิ คณุ ภาพการศึกษา มฐี านะเปน็
องค์การมหาชนทำหนา้ ท่ีพฒั นาเกณฑ์ วธิ ีการประเมนิ คณุ ภาพภายนอก และทำการ
ประเมินผลการจัดการศกึ ษา ทมี่ ใิ ช่การจัดการอดุ มศกึ ษาซึ่งอย่ใู นอำนาจหน้าทีข่ อง
กระทรวงการอุดมศกึ ษา วทิ ยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม หรือกระทรวงอื่น เพือ่ ให้มี
การตรวจสอบคณุ ภาพของสถานศกึ ษา โดยคำนงึ ถึงความมงุ่ หมาย หลกั การ และ
แนวการจดั การศึกษาในแตล่ ะระดบั ตามท่กี ำหนดไวใ้ นพระราชบญั ญตั นิ ้ี

สำนักงานรบั รองมาตรฐานและประเมินคณุ ภาพการศึกษา(สมศ.)
อย่างนอ้ ย 1 ครง้ั ในทุก 5 ปี

คร้ังแรก 6 ปี รอบ 1 เพ่อื ยนื ยัน
รอบ 2 เพ่อื รับรอง
รอบ 3 เพ่อื ตดั สินผล
รอบ 4 ปจั จุบนั (59-63)

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é èÇ by ¤ÃÙ¹Ô¡ FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÔÇà¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é ÇèÑ ä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 154

ระบบการประกันคณุ ภาพภายใน

มาตรฐานการศกึ ษา

(ฉบบั ลงวนั ที่ 6 สงิ หาคม 2561)

มาตรฐานการศกึ ษาระดับปฐมวัย

มาตรฐานการศึกษาระดบั การศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน

มาตรฐานการศึกษาระดบั การศึกษาข้นั พื้นฐาน
ศูนย์การศึกษาพเิ ศษ

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªÇè  by ¤ÃÙ¹Ô¡ FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÔÇà¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é ÑèÇä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 155

มาตรฐานการศึกษาระดบั การศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน

มาตรฐานการศกึ ษาระดบั การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน

มาตรฐานท่ี 1 คณุ ภาพผู้เรยี น

1.1 ผลสัมฤทธ์ิทางวิชาการของผเู้ รียน
1.2 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผเู้ รยี น

มาตรฐานท่ี 2 กระบวนการบริหารและการจดั การ

มาตรฐานท่ี 3 กระบวนการจดั การเรียนการสอนท่ีเน้นผ้เู รยี นเปน็
สําคัญ

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªèÇ by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÔÇà¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é ÑÇè ä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 156

มาตรฐานที่ 1 คณุ ภาพผเู้ รียน

1.1 ผลสัมฤทธท์ิ างวิชาการของผู้เรยี น

1. มคี วามสามารถในการอา่ น การเขียน การสื่อสาร และการคดิ คำนวณ
2. มคี วามสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ คิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ อภปิ รายแลกเปลย่ี น

ความคิดเห็น และแกไ้ ขปญั หา

3. มคี วามสามารถในการสร้างนวัตกรรม
4. มคี วามสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

5. มผี ลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นตามหลักสตู รสถานศึกษา

6. มคี วามรู้ ทักษะพ้ืนฐาน และเจตคตทิ ดี่ ตี อ่ งานอาชีพ

1.2 คุณลกั ษณะที่พึงประสงคข์ องผู้เรียน

1. การมีคณุ ลกั ษณะและคา่ นยิ มท่ีดตี ามที่สถานศึกษากำหนด
2. ความภมู ิใจในท้องถ่นิ และความเป็นไทย
3. การยอมรบั ที่จะอยูร่ ่วมกนั บนความแตกตา่ งและหลากหลาย
4. สขุ ภาวะทางรา่ งกาย และจติ สงั คม

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªèÇ by ¤ÃÙ¹Ô¡ FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÇÔ à¢éÁ

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·èÇÑ ä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ 157

มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบรหิ ารและการจัดการ

1. มีเปา้ หมายวสิ ยั ทัศนแ์ ละพนั ธกจิ ทสี่ ถานศกึ ษากำหนดชดั เจน
2. มีระบบบริหารจัดการคุณภาพของสถานศกึ ษา
3. ดำเนนิ งานพัฒนาวิชาการทเี่ นน้ คณุ ภาพผเู้ รียนรอบดา้ นตามหลกั สตู ร
สถานศึกษาและทกุ กลุม่ เป้าหมาย
4. พฒั นาครแู ละบคุ ลากรให้มคี วามเชยี่ วชาญทางวชิ าชพี
5. จดั สภาพแวดล้อมทางกายภาพและสงั คมที่เอ้อื ต่อการจัดการเรียนร้อู ยา่ งมี
คุณภาพ
6. จัดระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอื่ สนบั สนุนการบริหารจัดการและการจดั การ
เรยี นรู้

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªÇè  by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÇÔ à¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·ÇÑè ä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ 158

มาตรฐานที่ 3 กระบวนการจัดการเรียนการสอนทเ่ี นน้ ผเู้ รียนเปน็ สำคัญ

1. จดั การเรยี นรผู้ ่านกระบวนการคดิ และปฏิบัตจิ ริง และสามารถนำไปประยกุ ต์ใช้

ในชวี ิตได้

2. ใชส้ ือ่ เทคโนโลยสี ารสนเทศ และแหล่งเรียนรทู้ ่เี ออื้ ตอ่ การเรียนรู้
3. มีการบริหารจดั การชัน้ เรียนเชงิ บวก

4. ตรวจสอบและประเมนิ ผู้เรียนอย่างเป็นระบบ และนำผลมาพฒั นาผู้เรยี น

5. มีการแลกเปล่ยี นเรียนรู้และให้ข้อมูลสะทอ้ นกลับเพื่อพฒั นาและปรับปรงุ การ
จัดการเรยี นรู้

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é Çè  by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÇÔ à¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é ÑÇè ä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 159

มาตรฐานการศกึ ษาระดับปฐมวัย

มาตรฐานการศกึ ษาระดบั ปฐมวยั

มาตรฐานท่ี 1 คุณภาพของเดก็

มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบรหิ ารและการจดั การ
มาตรฐานท่ี 3 การจดั ประสบการณ์ทีเ่ น้นเดก็ เป็นสาํ คัญ

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªÇè  by ¤ÃÙ¹Ô¡ FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÔÇà¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é ÇèÑ ä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ 160

มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของเด็ก

1. มพี ัฒนาการดา้ นร่างกายแข็งแรง มีสขุ นิสัยที่ดี และดูแลความปลอดภยั ของ
ตนเองได้
2. มีพัฒนาการดา้ นอารมณ์ จติ ใจ ควบคมุ และแสดงออกทางอารมณไ์ ด้
3. มีพฒั นาการด้านสงั คม ชว่ ยเหลือตนเอง และเป็นสมาชกิ ทีด่ ขี องสังคม
4. มพี ัฒนาการดา้ นสติปัญญา สอ่ื สารได้ มที ักษะการคิดพน้ื ฐาน และแสวงหา
ความรู้ได้

มาตรฐานท่ี 2 กระบวนการบรหิ ารและการจัดการ

1. มีหลักสตู รครอบคลมุ พัฒนาการท้งั 4 ด้าน สอดคลอ้ งกบั บริบทของท้องถน่ิ
2. จดั ครใู ห้เพยี งพอกบั ชั้นเรียน
3. สง่ เสรมิ ให้ครูมีความเช่ียวชาญด้านการจัดประสบการณ์
4. จดั สภาพแวดลอ้ มและสื่อเพื่อการเรียนรู้อยา่ งปลอดภัย และเพยี งพอ
5. ใหบ้ ริการสือ่ เทคโนโลยีสารสนเทศและสอื่ สารการเรียนรู้เพ่ือสนบั สนุนการจดั
ประสบการณ์
6. มรี ะบบบริหารคณุ ภาพที่เปดิ โอกาสให้ผู้เกีย่ วข้องทกุ ฝ่ายมสี ว่ นรว่ ม

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é èÇ by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÇÔ à¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é èÇÑ ä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 161

มาตรฐานที่ 3 การจัดประสบการณท์ เ่ี นน้ เด็กเป็นสำคญั

1. จดั ประสบการณท์ ีส่ ง่ เสริมให้เดก็ มพี ัฒนาการทุกด้านอย่างสมดลุ เต็มศักยภาพ
2. สรา้ งโอกาสให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรง เลน่ และปฏบิ ตั อิ ย่างมีความสขุ
3. จดั บรรยากาศทเ่ี ออ้ื ตอ่ การเรยี นร้ใู ช้สือ่ และเทคโนโลยที เ่ี หมาะสมกับวยั
4. ประเมนิ พฒั นาการเด็กตามสภาพจรงิ และนำผลการประเมนิ พัฒนาการเด็กไป
ปรบั ปรุงการจดั ประสบการณ์และพฒั นาเด็ก

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªèÇ by ¤ÃÙ¹Ô¡ FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÔÇà¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é ÇÑè ä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ 162

มาตรฐานการศกึ ษาระดบั การศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน ศนู ย์การศกึ ษาพิเศษ

มาตรฐานการศกึ ษาระดบั การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน ศนู ยก์ ารศกึ ษาพเิ ศษ

มาตรฐานท่ี 1 คณุ ภาพของผเู้ รียน

1.1 ผลการพัฒนาผูเ้ รียน
1.2 คณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เรียน

มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและการจดั การ

มาตรฐานท่ี 3 กระบวนการจัดการเรียนการสอนทเ่ี น้นผเู้ รียนเปน็
สาํ คัญ

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªÇè  by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÔÇà¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·èÑÇä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ 163

มาตรฐานที่ 1 คุณภาพผู้เรยี น

1.1 ผลการพัฒนาผเู้ รยี น

1. มีพัฒนาการตามศักยภาพของแตล่ ะบคุ คล ทแ่ี สดงออกถงึ ความรู้ ความสามารถ
ทกั ษะตามท่ีระบไุ วใ้ นแผนการจัดการศกึ ษาเฉพาะบคุ คล หรือแผนการใหบ้ ริการ
ช่วยเหลอื เฉพาะครอบครัว

2. มคี วามพร้อมสามารถเข้าสู่บรกิ ารชว่ งเชื่อมต่อหรอื การสง่ ตอ่ เข้าสูก่ ารศกึ ษาใน
ระดับทส่ี ูงขนึ้ หรอื การอาชีพหรอื การด าเนินชีวิตในสงั คมไดต้ ามศกั ยภาพของแต่
ละบุคคล

1.2 คุณลกั ษณะทพี่ งึ ประสงคข์ องผเู้ รยี น

1. มคี ณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่สถานศกึ ษากำหนด
2. มีความภมู ิใจในท้องถิ่น และความเปน็ ไทย ตามศกั ยภาพของผ้เู รยี นแตล่ ะบคุ คล

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªÇè  by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÔÇà¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·èÇÑ ä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 164

มาตรฐานท่ี 2 กระบวนการบริหารและการจัดการ

1. มเี ปา้ หมายวสิ ยั ทศั นแ์ ละพันธกจิ ที่สถานศึกษากำหนดชัดเจน
2. มีระบบบรหิ ารจัดการคณุ ภาพของสถานศกึ ษา
3. ดำเนินงานพัฒนาวชิ าการทเ่ี นน้ คณุ ภาพผ้เู รียนรอบด้านตามหลักสูตร
สถานศกึ ษาและ ทกุ กลุม่ เป้าหมาย
4. พัฒนาครแู ละบคุ ลากรใหม้ ีความเชย่ี วชาญทางวิชาชพี
5. จัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพและสงั คมที่เอือ้ ตอ่ การจดั การเรียนรอู้ ยา่ งมี
คณุ ภาพ
6. จดั ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพอื่ สนบั สนุนการบรหิ ารจัดการและการจัดการ
เรยี นรู้

มาตรฐานที่ 3 กระบวนการจัดการเรียนการสอนทเ่ี นน้ ผ้เู รียนเป็นสำคญั

1. จัดการเรียนรูผ้ า่ นกระบวนการคิดและปฏบิ ตั ิจรงิ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้
ในชีวิตได้

2. ใชส้ อื่ เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหลง่ เรยี นรู้ทเ่ี อ้ือต่อการเรียนรู้

3. มีการบริหารจดั การช้นั เรยี นเชิงบวก

4. ตรวจสอบและประเมินผเู้ รยี นอย่างเปน็ ระบบ และน าผลมาพฒั นาผเู้ รียน
5. มกี ารแลกเปลี่ยนเรียนรู้และให้ข้อมลู สะท้อนกลบั เพื่อพัฒนาและปรบั ปรงุ การ

จดั การเรยี นรู้

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é èÇ by ¤ÃÙ¹Ô¡ FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÇÔ à¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·ÇÑè ä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ 165

ระบบการประกนั คุณภาพภายนอก

การประเมินคณุ ภาพภายนอกรอบ 4

หลักการ
1. การประเมินคุณภาพภายนอกต้องมีความเชอื่ มโยงกับระบบประกันคุณภาพภายในของ

สถานศึกษาและหนว่ ยงานต้นสงั กัด ทีจ่ ะตอ้ งรับผิดชอบให้บรรลถุ ึงเปา้ หมายในการจดั การศกึ ษาและ
รว่ มรับผิดชอบ (Accountability) ต่อผลการจดั การศกึ ษาที่เกดิ ข้นึ

2. การประเมนิ คณุ ภาพภายนอกต้องมคี วามท้าทายและชว่ ยสง่ เสรมิ ใหเ้ กิดการพฒั นาและ
ยกระดบั คุณภาพของสถานศึกษาสสู่ ากล ให้เป็นไปตามนโยบายปฏิรูปการศกึ ษาของประเทศบรรลุ
เปา้ หมายท้ังในระดับชาติและระดบั นานาชาติ

แนวคิดสำคญั
1. ใช้กลไกการประเมินคณุ ภาพภายนอกเพ่อื กระตุน้ และจงู ใจให้เกิดการพฒั นาและยกระดบั

คุณภาพการศึกษา ทส่ี อดของกับความต้องการจำเปน็ และยุทธศาสตรข์ องประเทศ
2. เน้นการประเมนิ เพ่อื ยืนยนั คณุ ภาพของระบบประกนั คณุ ภาพภายในของสถานศกึ ษา เพอ่ื

ส่งเสริมใหส้ ถานศึกษาและหน่วยงานต้นสงั กดั รับผิดชอบในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เปน็ ไปตาม
มาตรฐานการศกึ ษาชาติ ตามจดุ มุง่ หมายของหลักสูตร และมคี วามพร้อมในการแข่งขนั ในระดบั สากล

3. ใหค้ วามสำคัญกบั การประเมินที่มุ่งสูก่ ารพฒั นาแบบยั่งยืน เพื่อสง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นมี
สมรรถนะที่จำเปน็ สำหรบั การดำเนินชีวิตในอนาคตและสถานศกึ ษามขี ดี สมรรถนะสงู สามารถพฒั นา
ตนเองไดอ้ ย่างต่อเนื่องในอนาคต

4. เปดิ โอกาสใหส้ ถานศกึ ษาสรา้ งความโดดเด่น หรือเปน็ ตน้ แบบในการพัฒนาในระดบั
ภูมภิ าคระดบั ชาติ และระดบั นานาชาติ

กรอบแนวทางการประเมนิ คุณภาพภายนอกรอบท่ีส่ี (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓)
สว่ นท่ี 1 การประเมินคุณภาพมาตรฐานขั้นพนื้ ฐาน
ส่วนที่ 2 การประเมนิ ความโดดเด่น

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é èÇ by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÇÔ à¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é èÑÇä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 166

แนวขอ้ สอบ

1. ไวรัสโคโรนาถูกพบครง้ั แรกทเี่ มอื งใด

ก. ปกั กง่ิ ข. อูฮ่ ัน่ ค. เซ่ยี งไฮ้ ง. หนานจงิ

2. ผูท้ ีเ่ ปลยี่ นชือ่ เรียกไวรัสโคโรนาเปน็ COVID – 19 คอื ขอ้ ใด

ก. องค์การการอาหารและยา ข. องค์การอนามัยโลก

ค. กระทรวงต่างประเทศของจนี ง. กระทรวงสาธารณสุข

3. ขอ้ ใดไม่ถกู ตอ้ งเกยี่ วกบั การประเมินความพรอ้ มของสถานศึกษาในการเปิดภาคเรียนชว่ ง
COVID – 19

ก. สีเขยี ว หมายถึง โรงเรยี นสามารถเปดิ เรยี นได้
ข. สเี หลือง หมายถงึ โรงเรยี นสามารถเปดิ เรยี นได้ แตต่ อ้ งดำเนินการปรบั ปรงุ ให้เปน็ ไปตาม
มาตรฐานทก่ี ำหนด
ค. สีแดง หมายถงึ โรงเรยี นไม่สามารถเปดิ เรยี นได้ ตอ้ งดำเนนิ การปรบั ปรงุ ให้เป็นไปตาม
มาตรฐานที่กำหนด และ/หรอื ประเมนิ ซ้ำ
ง. สีส้ม หมายถงึ โรงเรยี นสามารถเปดิ เรียนได้ แต่ตอ้ งดำเนินการปรับปรงุ ให้เปน็ ไปตาม
มาตรฐานทกี่ ำหนด และระมดั ระวังเป็นพิเศษ

4. ข้อใดไมใ่ ชร่ ูปแบบการจัดการเรียนการสอนในชว่ งสถานการณ์ COVID – 19
ก. On-Site ข. On-Air ค. On-Live ง. Online

5. นกั เรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 6 กำลังเรียนจากช่อง DLTV จัดเป็นการเรยี นการสอนรปู แบบใด
ก. On-Site ข. On-Air ค. On-Live ง. Online

6. ครูนกิ สอนวิชาฟสิ กิ ส์ให้กับนักเรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 6 ดว้ ยรูปแบบ Facebook Live จัดเป็นการ
เรียนการสอนรปู แบบใด

ก. On-Site ข. On-Air ค. On-Live ง. Online

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªÇè  by ¤ÃÙ¹Ô¡ FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÇÔ à¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é èÑÇä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 167

7. ข้อใดเรียงลำดับแนวการปฏิบตั ิเมอ่ื เปดิ สถานศกึ ษาในสถานการณ์ COVID – 19 ได้ถกู ต้อง
ก. วดั ไข้ ใสห่ น้ากาก ลา้ งมือ ทำความสะอาด เวน้ ระยะห่าง ลดแออดั
ข. วดั ไข้ ใส่เดยี่ ว ล้างมอื เวน้ ระยะห่าง ทำความสะอาด ลดแออัด
ค. วดั ไข้ ใสห่ นา้ กาก ลา้ งมือ เว้นระยะห่าง ทำความสะอาด ลดแออดั
ง. วดั ไข้ หนา้ กาก วดั อณุ หภูมิ เวน้ ระยะหา่ ง ทำความสะอาด ลดแออัด

8. กรณีเกดิ การระบาดของ COVID – 19 ผูอ้ ำนวยการสถานศกึ ษามีอำนาจสง่ั ปดิ สถานศกึ ษาไดต้ ามขอ้

ใด

ก. ไม่เกนิ 7 วัน ข. ไมเ่ กิน 15 วนั

ค. ไม่เกนิ 30 วัน ง. ส่งั ปดิ ไดต้ ามความเหมาะสม

9. กรณีเกดิ การระบาดของ COVID – 19 เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานมีอำนาจสั่งปิด

สถานศกึ ษาไดต้ ามขอ้ ใด

ก. ไม่เกนิ 7 วนั ข. ไมเ่ กิน 15 วัน

ค. ไมเ่ กิน 30 วัน ง. สัง่ ปดิ ได้ตามความเหมาะสม

10. กรณเี กดิ การระบาดของ COVID – 19 ปลัดกระทรวงมีอำนาจสัง่ ปิดสถานศึกษาได้ตามขอ้ ใด

ก. ไมเ่ กิน 7 วัน ข. ไม่เกิน 15 วัน

ค. ไมเ่ กิน 30 วัน ง. สั่งปดิ ได้ตามความเหมาะสม

11. กรณเี กดิ การระบาดของ COVID – 19 ผู้อำนวยการเขตพื้นทก่ี ารศึกษามีอำนาจสงั่ ปิดสถานศึกษาได้

ตามข้อใด

ก. ไมเ่ กนิ 7 วนั ข. ไม่เกิน 15 วัน

ค. ไม่เกนิ 30 วัน ง. ส่ังปิดได้ตามความเหมาะสม

12. กรณีเกิดการระบาดของ COVID – 19 รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธิการมอี ำนาจส่ังปดิ

สถานศึกษาได้ตามขอ้ ใด

ก. ไม่เกิน 7 วัน ข. ไม่เกนิ 15 วัน

ค. ไมเ่ กิน 30 วัน ง. สงั่ ปิดไดต้ ามความเหมาะสม

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é èÇ by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÇÔ à¢éÁ

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é èÑÇä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 168

13. กรอบสมรรถนะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอ้ งให้สอดคล้องกับสิง่ ใด

ก. บรบิ ท ข. ผู้เรยี น

ค. ผู้สอน ง. สถานศึกษา

14. ขอ้ ใดไมใ่ ช่การสอนให้ผเู้ รียนมีคุณลักษณะตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

ก. สอนใหอ้ ดออม ข. สอนให้ผ้เู รยี นกล้าแสดงออก

ค. สอนให้รูจ้ กั คิด มเี หตผุ ล ง. สอนให้เตรยี มพรอ้ มรบั มอื ปญั หา

15. ครมู คี วามซอื่ สตั ย์ สุจรติ ทนั ต่อการเปลยี่ นแปลง ตรงกับเศรษฐกิจพอเพียงใด

ก. พอประมาณ ข. เง่ือนไขคุณธรรม

ค. มภี มู คิ ้มุ กัน ง. ก้าวทันโลก

16. ขอ้ ใดคือความพอประมาณ ข. คิด พจิ ารณาถถี่ ว้ น
ง. การบรหิ ารจดั การท่ดี ี
ก. ใช้จ่ายไมเ่ กินตวั ไม่สรุ ่ยุ สรุ ่าย
ค. เรียนร้เู พือ่ การปอ้ งกัน

17. ขอ้ ใดคอื บทบาทของครใู นการสอนตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
ก. ใชช้ ีวติ อยา่ งพอเพียง
ข. จดั บรรยากาศในการเรยี นรู้โดยใช้เศรษฐกิจพอเพยี ง
ค. ทนั ตอ่ การเปล่ยี นแปลงอยเู่ สมอ
ง. มเี หตผุ ล ร้จู ักป้องกันตนเอง ปกปอ้ งนักเรยี น

18. ความหมายใหม่ของ จิตวิทยา คอื ข้อใด ข. พฤตกิ รรม
ก. อารมณ์ ง. วิญญาณ
ค. จติ ใจ

19. Odecpus Complex ตรงกบั ข้อใด ข. เดก็ หญงิ หวงพอ่
ก. เดก็ ชายหวงแม่ ง. เด็กชายหวงพ่อ
ค. เด็กหญงิ หวงแม่

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é èÇ by ¤ÃÙ¹Ô¡ FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÇÔ à¢éÁ

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·ÑÇè ä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 169

20. Electra Complex ตรงกบั ขอ้ ใด ข. เด็กหญงิ หวงพ่อ FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÇÔ à¢éÁ
ก. เดก็ ชายหวงแม่ ง. เดก็ ชายหวงพ่อ
ค. เดก็ หญงิ หวงแม่

21. การลองผิดลองถูก เปน็ ทฤษฎีของใคร ข. บรนู เนอร์
ก. ธอร์นไดค์ ง. ซิกมนั ฟอรยด์
ค. สกินเนอร์

22. พฤตกิ รรมแบบโมลาร์ ข. การไหลเวียนของโลหติ
ง. ความรสู้ กึ
ก. การนั่ง
ค. จินตนาการ

23. พฤติกรรมแบบโมเลควิ ลาร์ ข. การไหลเวยี นของโลหติ
ง. การเดิน
ก. การนอน
ค. จนิ ตนาการ

24. บิดาแห่งจิตวทิ ยาทดลอง ข. บรูเนอร์
ง. วุ้นด์
ก. ธอร์นไดค์
ค. สกนิ เนอร์

25. เงอ่ื นไขแบบการกระทํา เป็นทฤษฎขี องใคร ข. บรูนเนอร์
ก. มาสโลว์ ง. จอห์น ดวิ อี้

ค. สกินเนอร์

26. (K P A) เปน็ ทฤษฎีของใคร ข. พาฟพลอฟ
ก. บลมู ง. รสุ โซ

ค. อรคิ สนั

27. การแนะแนวมกี ่ีประเภท ข. 3 ประเภท
ก. 4 ประเภท ง. 1 ประเภท

ค. 2 ประเภท

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é Çè  by ¤ÃÙ¹Ô¡

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·ÇÑè ä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 170

28. พัฒนาการเป็นผลการเปลีย่ นแปลงเนือ่ งมาจากสง่ิ ใด

ก. วฒุ ภิ าวะและประสบการณ์ ข. วุฒภิ าวะและการเรียนรู้

ค. พนั ธุกรรมและส่งิ แวดล้อม ง. สง่ิ แวดลอ้ มและประสบการณ์

29. องคป์ ระกอบทีท่ ำใหบ้ คุ คลแตกต่างกันคอื ข้อใด

ก. วุฒิภาวะและประสบการณ์ ข. วฒุ ิภาวะและการเรยี นรู้

ค. พนั ธุกรรมและสิ่งแวดลอ้ ม ง. สง่ิ แวดล้อมและประสบการณ์

30. ความพึงพอใจทางทวาร อย่ใู นขน้ั ใดในทฤษฎขี องฟอรยด์

ก. ขัน้ ท่ี 1 ข. ข้ันท่ี 2

ค. ข้นั ท่ี 3 ง. ขั้นท่ี 4

31. ขั้นตอนแรกของระบบดแู ลช่วยเหลือนักเรียน

ก. การรจู้ กั นกั เรียนรายบคุ คล ข. การคัดกรองนักเรียน

ค. การส่งต่อ ง. การส่งเสรมิ นักเรียน

32. ข้นั ตอนสดุ ท้ายของระบบดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรียน

ก. การรู้จักนกั เรยี นรายบคุ คล ข. การคดั กรองนกั เรยี น

ค. การสง่ ตอ่ ง. การส่งเสรมิ นักเรียน

33. คณะทมี นํา ในระบบดแู ลช่วยเหลอื นกั เรยี น หมายถงึ ใคร

ก. ครแู นะแนว ข. ครูประจาํ ช้ัน

ค. ครทู ่ีปรกึ ษา ง. ผ้อู าํ นวยการโรงเรียน

34. การสง่ ตอ่ ภายใน หมายถึงขอ้ ใด ข. สง่ ต่อผเู้ ชยี่ วชาญ
ก. ส่งตอ่ ครูแนะแนว ง. ส่งต่อแพทย์

ค. ส่งตอ่ นกั จิตวทิ ยา

35. ระดับ IQ เกณฑ์ปกติ หมายถงึ ข้อใด ข. 70 - 120
ก. 80 - 110 ง. 90 – 110

ค. 90 – 100

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é Çè  by ¤ÃÙ¹Ô¡ FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÇÔ à¢éÁ

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·èÑÇä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 171

36. พฤตกิ รรมทกุ อย่างต้องมีสาเหตุมาจากสิง่ เรา้ ตรงกับกลมุ่ นักจิตวิทยาในขอ้ ใด

ก. พฤตกิ รรมนยิ ม ข. จติ วเิ คราะห์

ค. เกสตัล ง. มนษุ ยนยิ ม

37. บิดาแห่งการแนะแนวคือใคร ข. พาฟลอฟ
ก. ธอร์นไดค์ ง. ซกิ มนั ด์ ฟรอยด์
ค. แฟรงค์ พารส์ นั

38. ขอ้ ใดเป็นเป้าหมายหลักของการแนะแนวในสถานศึกษา
ก. ส่งเสริมใหผ้ ู้เรยี นรูจ้ ักรกั และเห็นคณุ ค่าในตนเอง
ข. แนะนําวธิ กี ารเรยี นในโรงเรียนให้ไดเ้ กรดสูงๆ
ค. สร้างค่านิยมความสําเร็จทางสงั คมใหก้ บั ผูเ้ รยี น
ง. เพิม่ โอกาสให้ผูเ้ รียนในการสอบคัดเลอื กเขา้ มหาวิทยาลัย

39. ทฤษฎบี ุคลกิ ภาพ เป็นของนกั จติ วิทยาผู้ใด ข. พาฟลอฟ
ก. ธอร์นไดค์ ง. ซกิ มนั ด์ ฟรอยด์
ค. สกินเนอร์

40. นักจติ วิทยาตามขอ้ ใดต่อไปนี้ เปน็ ผู้ก่อตงั้ กลมุ่ "โครงสร้างจิต”

ก. วนุ้ ด์ ข. วลิ เลียม เจมส์

ค. ธอร์นไดร์ ง. จอรน์ ดิวอี้

41. สภาพของจติ ในขอ้ ใดต่อไปนี้ คอื สภาพจติ ทไี่ มร่ ู้ตัวในบางขณะ เชน่ ยิม้ คนเดียวโดยไม่รตู้ วั การ

กระดกิ เทา้ การผวิ ปาก เปน็ ตน้

ก. จติ สาํ นกึ ข. จติ ใต้สาํ นึก

ค. จิตไรส้ าํ นกึ ง. ถูกทุกข้อ

42. การเสรมิ แรง สอดคล้องกับนกั จิตวทิ ยาในขอ้ ใด

ก. ซิกมนั ฟรอยด์ ข. วิลเลียม เจมส์

ค. สกินเนอร์ ง. จอหน์ ดิวอี้

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªèÇ by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÔÇà¢éÁ

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·ÑÇè ä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 172

43. ครใู ห้นกั เรยี นคัดไทยมาส่ง 10 หน้า เพราะไม่ทําความสะอาดห้อง สอดคลอ้ งกบั ขอ้ ใด

ก. การลงโทษทางลบ ข. การเสริมแรงทางลบ

ค. การลงโทษทางบวก ง. การเสรมิ แรงทางบวก

44. ครูกล่าวชื่นชมนกั เรียนหน้าเสาธงตอนเชา้ สอดคลอ้ งกบั ข้อใด

ก. การลงโทษทางลบ ข. การเสริมแรงทางลบ

ค. การลงโทษทางบวก ง. การเสริมแรงทางบวก

45. นักเรยี นสามารถแยกแยะสงิ่ ทซ่ี บั ซอ้ นออกมาเปน็ ส่วนยอ่ ย ๆ ได้อย่างชดั เจน

ตรงกบั ข้อใดของทฤษฎขี อง บลูม

ก. ประเมินคา่ ข. การวิเคราะห์

ค. การสงั เคราะห์ ง. การนําไปใช้

46. ข้อใดต่อไปน้ีไมใ่ ช่ "กฎแห่งการเรยี นรู้" ข. กฎแหง่ ความพรอ้ ม
ก. กฎแหง่ ผล ง. กฎแห่งการฝกึ หดั

ค. กฎแห่งการรับรู้

47. นักจติ วิทยาคนใดไม่ได้ใช้สตั วใ์ นการทดลอง ข. สกนิ เนอร์
ก. ธอร์นไดค์ ง. จอหน์ บี วตั สนั

ค. มาสโลว์

48. การท่ีบคุ คลมองเห็นปัญหาที่เกิดข้ึน แลว้ สามารถใช้ประสบการณ์เดมิ ทีผ่ า่ นมา

มาประยกุ ตใ์ ช้ในการแกไ้ ขปัญหาใหมไ่ ด้อยา่ งฉับพลนั หมายถงึ ข้อใดตอ่ ไปน้ี

ก. การรบั รู้ ข. การหยั่งเห็น

ค. การแกป้ ัญหา ง. วุฒิภาวะ

49. สิ่งเรา้ ภายใน หมายถงึ ข้อใดต่อไปน้ี ข. แสง
ก. ความหวิ ง. น้าํ
ค. อาหาร

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªÇè  by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÔÇà¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·èÑÇä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ 173

50. หลกั สูตรแกนกลาง 2551 เน้นปรชั ญาใดเป็นหลัก

ก. พุทธปรัชญา ข. อตั ถภิ าวะนยิ ม

ค. พิพัฒนาการนยิ ม ง. ปฏริ ปู นิยม

51. แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธคิ์ ืออะไร
ก. ความต้องการมีผลการเรยี นท่ดี ี
ข. ความต้องการให้ส่ิงใดสิง่ หนึง่ สาํ เรจ็ ไปไดด้ ้วยดี
ค. ความตอ้ งการส่ิงที่ตนนน้ั ปรารถนา
ง. ความต้องที่ทาํ ให้ตัวเองโดดเด่นกวา่ คนอ่ืน

52. แรงจงู ใจภายใน คอื ข. ว่ากล่าวตักเตอื น
ก. การลงโทษ ง. คําตําหนิ
ค. คาํ ชมเชย

53. ทฤษฎกี ารวางเงื่อนไขแบบ Classical Conditioning เปน็ แนวคดิ ของใคร

ก. สกนิ เนอร์ (Skinner) ข. ธอร์นไดด์ (Thorndike)

ค. พาฟลอฟ (Pavlov) ง. โคหเ์ ลอร์ (Kohler)

54. การเรยี นรู้ด้วยตนเอง โดยจะเกิดแนวความคิดในการเรยี นรู้อย่างฉบั พลันทันที หมายถงึ ข้อใด

ก. การรับรู้ ข. การหยังเหน็

ค. การเขา้ ใจ ง. การนาํ ไปใช้

55. วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์เป็นแนวคดิ ของกลุ่มจติ วิทยากลุม่ ใด

ก. กลมุ่ โครงสร้างจติ ข. กลุ่มจิตวิเคราะห์

ค. กลมุ่ หน้าทท่ี างจติ ง. กลุ่มพฤตกิ รรมนิยม

56. ขอ้ ใดกล่าวผิด
ก. บดิ าแหง่ จิตวิทยาโลก : ซิกมันฟรอยด์
ข. บิดาจิตวทิ ยาการศึกษา : ธอรน์ ไดค์
ค. บิดาจิตวทิ ยาแผนใหม่ : จอหน์ ดวิ อ้ี
ง. บดิ าแห่งปรัชญา : โสเครติส

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªÇè  by ¤ÃÙ¹Ô¡ FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÔÇà¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é ÑÇè ä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 174

57. บดิ าแห่งจติ วิเคราะห์ ข. แฟรงค์ พาสัน
ก. ซิกมนั ฟรอยด์ ง. วตั สนั
ค. บลูม

58. สภาวะที่จะเรียนรูอ้ ยา่ งบังเกิดผล หมายถงึ ข. ความพรอ้ ม
ก. วฒุ ภิ าวะ ง. การเสรมิ แรง
ค. แรงจูงใจ

59. ปอ้ งกนั ปญั หา แกป้ ัญหา สง่ เสรมิ และพฒั นา เปน็ สง่ิ ใดของการแนะแนว

ก. ปรัชญาของการแนะแนว ข. หลกั ของการแนะแนว

ค. เป้าหมายของการแนะแนว ง. ขอบขา่ ยของการแนะแนว

60. การเย่ยี มบา้ นนักเรียน ถือว่าเปน็ ขัน้ ตอนใด ในระบบดแู ลช่วยเหลอื นกั เรยี น

ก. การรู้จักนักเรยี นเป็นรายบคุ คล ข. การคดั กรองนักเรยี น

ค. การส่งเสริมนักเรยี น ง. การปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หา

61. ข้อใดคือหัวใจหลัก ของการบริการแนะแนว ข. การบริการวางตวั บคุ คล
ง. การบรกิ ารรวมรวมขอ้ มลู
ก. การบรกิ ารใหค้ ําปรกึ ษา
ค. การบรกิ ารติดตามประเมินผล

62. กิจกรรม ชมรม ชมนมุ เปน็ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นในขอ้ ใด

ก. กจิ กรรมแนะแนว ข. กิจกรรมนักเรียน

ค. กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ง. กจิ กรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์

63. ข้อใดไม่ใชข่ อบขา่ ยของการแนะแนว ข. การแนะแนวการศึกษา
ก. การแนะแนวการใชช้ ีวติ ง. การแนะแนวส่วนตัวและสงั คม

ค. การแนะแนวอาชพี

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªÇè  by ¤ÃÙ¹Ô¡ FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÔÇà¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é èÇÑ ä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ 175

64. ข้อใดคอื ความหมายของหลกั สูตร
ก. มวลประสบการณท์ ่ีกำหนดให้ผเู้ รยี น
ข. มาตรฐานทั้งหมดทจ่ี ะตอ้ งจัดให้ผ้เู รียน
ค. มวลประสบการณต์ ามตวั ชี้วดั ทต่ี ้องจัดใหผ้ เู้ รยี น
ง. แหล่งเรียนรทู้ ้งั มวลทจ่ี ัดใหผ้ เู้ รียน

65. ใครมหี นา้ ที่จัดทาํ สาระของหลกั สตู ร ข. สาํ นกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษา
ก. สถานศึกษาข้นั พื้นฐาน ง. รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงศึกษาธกิ าร
ค. โรงเรยี น

66. ขอ้ ใดกลา่ วผิด
ก. กาํ หนดมาตรฐานการเรยี นรู้เพ่ือเป็นเปา้ หมายในการพฒั นาการศกึ ษา
ข. หน่วยการเรียนรคู้ อื หวั ใจของหลกั สูตร
ค. มาตรฐานการประเมินผลตอ้ งสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรู้
ง. กระบวนการและขัน้ ตอนการจดั ทําหลกั สตู รมคี วามยืดหยนุ่ สามารถทําได้รูปแบบเดียว

67. ข้ันตอนใดถือวา่ มคี วามสําคัญในการนาํ หลกั สตู รไปส่กู ารปฏบิ ตั ิ

ก. การนําหลักสตู รไปใช้ ข. การวเิ คราะหห์ ลักสูตร

ค. การประเมินผลการใชห้ ลักสูตร ง. การกําหนดจดุ มงุ่ หมายหลกั สูตร

68. ขอ้ ใดไม่ใช่องคป์ ระกอบของหลักสตู รสถานศกึ ษา ข. คําอธบิ ายรายวิชา
ก. เกณฑ์การวดั ประเมินผลและจบหลักสตู ร ง. สาระสําคัญ
ค. โครงสร้างหลกั สูตรสถานศึกษา

69. ขน้ั ตอนแรกของการพฒั นาหลักสตู รสถานศึกษาคอื ขอ้ ใด

ก. กำหนดวิสยั ทัศน์ ข. กำหนดโครงสรา้ งหลกั สตู ร

ค. กำหนดกรอบท้องถน่ิ ง. ศกึ ษาขอ้ มลู ทเี่ ก่ยี วข้อง

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªèÇ by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÇÔ à¢éÁ

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é èÇÑ ä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ 176

70. ใครเป็นผู้ลงนามประกาศใช้หลักสตู รสถานศกึ ษา
ก. ผอู้ าํ นวยการสถานศึกษา
ข. ผู้อํานวยการเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษา
ค. ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษา
ง. ผอู้ าํ นวยการโรงเรียน หรือ ผู้อาํ นวยการโรงเรียนและประธานกรรมการสถานศกึ ษา

71. ใครมหี นา้ ที่กาํ หนดหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน

ก. กพฐ. ข. สพฐ.

ค. สพท. ง. สถานศกึ ษาข้นั พื้นฐาน

72. ใครมีหนา้ ทจ่ี ดั ทํากรอบหลักสตู รท้องถ่ิน ข. สพฐ.
ก. กพฐ. ง. สถานศึกษาข้นั พืน้ ฐาน
ค. สพท.

73. ใครมหี น้าทปี่ ระกาศใชห้ ลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน

ก. เลขา กพฐ. ข. พลเอก ประยุทธ์ จันทรโ์ อชา

ค. รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ง. สถานศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน

74. นโยบายและแผนพฒั นามาตรฐานการศึกษา รวมทั้งหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน

ของ สพฐ. เก่ยี วขอ้ งกบั ขอ้ ใดมากทส่ี ุด

ก. แผนพฒั นาเศรษฐกจิ แหง่ ชาติ ข. แผนพัฒนาการศึกษาแหง่ ชาติ

ค. แผนการศกึ ษาแห่งชาติ ง. แผนระยะยาวของรัฐบาล

75. จํานวนสาระและมาตรฐาน ทแ่ี กไ้ ขล่าสดุ ข้อใดถูกต้อง

ก. 40 สาระ 67 มาตรฐาน ข. 31 สาระ 55 มาตรฐาน

ค. 22 สาระ 55 มาตรฐาน ง. 40 สาระ 55 มาตรฐาน

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªèÇ by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÇÔ à¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é ÑÇè ä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ 177

76. ข้อใดกล่าวถูกต้องเก่ยี วกับ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน
ก. วสิ ยั ทศั น์ หลักการ จดุ หมาย สมรรถนะสําคญั ของผเู้ รยี น
ข. หลักการ วสิ ยั ทศั น์ จดุ หมาย สมรรถนะสําคญั ของผูเ้ รยี น
ค. จดุ หมาย หลักการ วสิ ยั ทัศน์ สมรรถนะสาํ คญั ของผเู้ รียน
ง. วสิ ยั ทัศน์ จดุ หมาย หลกั การ สมรรถนะสําคญั ของผู้เรยี น

77. ข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. มุ่งเน้นผเู้ รยี นเปน็ สาํ คญั

ข. มจี ิตสาํ นึกในความเปน็ พลเมอื งไทยและประชากรโลก

ค. มงุ่ พัฒนาผู้เรียนทกุ คนซึ่งเป็นกาํ ลังของชาติ ให้เป็นมนุษย์ท่สี มดลุ
ง. เชอื่ ว่ามนุษยท์ กุ คนสามารถเรียนรแู้ ละพฒั นาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ

78. หลักการของหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ.2551 มกี ่ปี ระการ

ก. 2 ประการ ข. 4 ประการ

ค. 6 ประการ ง. 8 ประการ

79. จุดหมายของหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐานมกี ่ีข้อ

ก. 1 ขอ้ ข. 3 ขอ้

ค. 5 ขอ้ ง. 6 ขอ้

80. เป้าหมายที่สําคญั ท่ีสุดในการพัฒนาผูเ้ รียนเกีย่ วข้องกับสงิ่ ใดต่อไปน้ี

ก. หลักการ ข. มาตรฐานการเรียนรู้

ค. จุดหมาย ง. ตัวชีว้ ัด และ ผลการเรียนรู้ท่คี าดหวงั

81. สังคมมสี ่วนร่วมในการจดั การศกึ ษาใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพและความตอ้ งการของทอ้ งถนิ่ ตรงกบั ข้อ

ใด

ก. เพ่ือความเปน็ เอกภาพของชาติ ข. เพื่อสนองการกระจายอาํ นาจ

ค. การจัดการเรียนรู้ท่ียืดหยนุ่ ง. เพอ่ื ความเป็นระเบียบคลอ่ งตัว

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªèÇ by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÇÔ à¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·ÑèÇä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 178

82. สิ่งใดท่ีต้องกําหนดเปน็ ลําดบั แรกในการจัดทําหลักสตู ร

ก. สมรรถนะ ข. วิสยั ทศั น์

ค. คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ ง. มาตรฐานชว่ งชั้น

83. หลกั สูตรแกนกลาง 2551 มุง่ พฒั นาผู้เรียนในด้านต่าง ๆ ดงั ต่อไปนี้ ยกเวน้ ขอ้ ใด

ก. จิตสํานกึ ข. ร่างกาย

ค. อารมณ์ ง. ความรู้

84. มจี ิตสาํ นึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและภูมปิ ัญญาไทย สอดคลอ้ งกบั ข้อใด

ก. จดุ ประสงค์ ข. หลกั การ

ค. วิสยั ทศั น์ ง. จุดหมาย

85. สมรรถนะผูเ้ รียนมีท้ังหมดทข่ี ้อ ข. 5 ข้อ
ง. 7ข้อ
ก. 4 ข้อ
ค. 6 ขอ้

86. ข้อใดสอดคลอ้ งกบั หลกั สูตรแกนกลาง 2551

ก. เกง่ ดี มีสุข ข. ดี เกง่ มีสขุ

ค. มสี ุข เก่ง ดี ง. เก่ง มสี ุข ดี

87. ขอ้ ใดสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรียนรูท้ ีส่ ดุ ข. สงิ่ ทผี่ ูเ้ รยี นพงึ ร้แู ละคิดได้
ก. สงิ่ ทผ่ี เู้ รียนพงึ ร้แู ละปฏิบัตไิ ด้ ง. ส่ิงทีผ่ เู้ รียนพึงรแู้ ละอธิบายได้

ค. สิง่ ทีผ่ ู้เรียนปฏิบัตแิ ละกระทําได้

88. การพัฒนาผเู้ รยี นใหเ้ กดิ ความสมดลุ ตอ้ งคาํ นงึ ถึงหลักพฒั นาการทางสมองและพหุปัญญา

คือความหมายของส่ิงใด

ก. ตวั ชี้วดั ข. มาตรฐานการเรยี นรู้

ค. วิสยั ทัศน์ ง. จุดหมาย

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é Çè  by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÇÔ à¢éÁ

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é ÑÇè ä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ 179

89. ต้องการอะไร จะสอนอยา่ งไร และประเมนิ อย่างไร หมายถงึ ส่งิ ใด

ก. ตวั ช้วี ัด ข. มาตรฐานการเรยี นรู้

ค. หลักการ ง. วสิ ยั ทัศน์

90. ข้อใดกลา่ วถึงความหมายของหลักสตู รได้ถกู ต้อง
ก. ความรู้ ทักษะ กระบวนการทจ่ี ัดให้ผู้เรยี น
ข. ความรูท้ ้งั มวลทีจ่ ดั ให้ผู้เรียน
ค. ประสบการณ์ทง้ั มวลท่ีจัดใหผ้ เู้ รยี น
ง. ประสบการณ์จากครูผูส้ อนทีถ่ ่ายทอดให้ผู้เรียน

91. ขน้ั ตอนแรกของการพัฒนาหลกั สตู รคือ
ก. การนําหลักสตู รไปใช้
ข. การวเิ คราะหข์ อ้ มูลพ้นื ฐาน
ค. กาํ หนดจดุ มุ่งหมายของหลกั สูตร
ง. การกาํ หนดเนือ้ หาและประสบการณ์เรียนรู้

92. บุคคลในขอ้ ใดมีบทบาทสําคญั ในการพฒั นาหลกั สตู รมากท่สี ุด

ก. ผูบ้ ริหาร ข. ครู

ค. ชมุ ชน ง. สาํ นกั งานเขตพื้นทกี่ ารศึกษา

93. ขอ้ ใดอธิบายคําวา่ “หลกั สตู รเปรยี บเสมือนเขม็ ทศิ ท่ใี ชใ้ นการจัดการศึกษา” ไดถ้ กู ต้องทส่ี ุด
ก. เพือ่ ใหจ้ ัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้ครบกระบวนการและมปี ระสทิ ธภิ าพ

ข. เพื่อพัฒนาไปสู่ความมงุ่ หมายของหลกั สูตร

ค. เพ่อื ให้ผเู้ รยี นได้พัฒนาทั้งในด้านความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมตา่ ง ๆ อันพงึ ประสงค์

ง. เพอื่ ให้ผเู้ รยี นบรรลุผลตามจดุ มุง่ หมายของแผนการศกึ ษาแห่งชาตทิ ต่ี อ้ งการให้หลักสูตรช่วย
พฒั นาบคุ คล ตา่ ง ๆ ให้เป็นคนทมี่ คี วามรูค้ วามสามารถและพฒั นาการในทกุ ๆ ดา้ น

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªèÇ by ¤ÃÙ¹Ô¡ FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÔÇà¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·ÑèÇä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 180

94. การพฒั นาหลักสูตร แบง่ ได้เป็น 4 ระดับ ยกเว้นข้อใด
ก. การพัฒนาหลักสูตรระดับชาติ
ข. การพฒั นาหลักสูตรระดบั ทอ้ งถ่นิ
ค. การพฒั นาหลักสูตรระดับเขตพน้ื ท่ี
ง. การพัฒนาหลักสตู รระดับช้นั เรยี น

95. ข้อใดไมใ่ ช่จุดหมายของหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน 2551
ก. มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมทพี่ ึงประสงค์

ข. มคี วามรักชาติ มีจติ สำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก

ค. ความสามารถในการสอ่ื สาร การแกป้ ญั หา การใชท้ กั ษะชีวิตและอนรุ กั ษ์วัฒนธรรม
ง. ความสามารถในการสื่อสาร การคิด แกป้ ญั หา การใช้ทักษะสือ่ สาร การใชเ้ ทคโนโลยี

96. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ข้อแรกทกี่ าํ หนดไวใ้ นหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน คือขอ้ ใด

ก. มวี นิ ยั ข. ใฝร่ ูใ้ ฝ่เรียน

ค. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ง. อยอู่ ย่างพอเพียง

97. กิจกรรมทส่ี ่งเสริมและพัฒนาผ้เู รียนให้รู้จักตนเอง รู้รกั ษ์ส่งิ แวดล้อม สามารถตัดสินใจ คิดแก้ปญั หา

คือกิจกรรมในข้อใด

ก. กจิ กรรมแนะแนว ข. กจิ กรรมนักเรยี น

ค. กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ง. กิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์

98. กิจกรรมทม่ี งุ่ พฒั นาความมีระเบยี บวนิ ัยความเป็นผูน้ ําและผูต้ ามทด่ี ี คือกิจกรรมในข้อใด

ก. กจิ กรรมแนะแนว ข. กิจกรรมนักเรยี น

ค. กิจกรรมบําเพ็ญตน ง. กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์

99. เน้นการเพ่ิมพูนความรู้ และทักษะเฉพาะด้าน เป็นหลักการจัดการศกึ ษาตามหลกั สูตรแกนกลางฯ

ระดบั ใด

ก. ระดบั ก่อนประถมศึกษา ข. ระดบั ประถมศกึ ษา

ค. ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น ง. ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªÇè  by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÔÇà¢éÁ

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é ÇèÑ ä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 181

100. เน้นทักษะ ดา้ นการอา่ น เขยี น คดิ คำนวน เปน็ หลักการจัดการศกึ ษาตามหลกั สูตรแกนแกนกลางฯ

ระดบั ใด

ก. ระดับกอ่ นประถมศึกษา ข. ระดบั ประถมศึกษา

ค. ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น ง. ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

101. การจัดเวลาเรยี นหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน 51 ในระดับประถมศึกษากาํ หนดจัด

อยา่ งไร

ก. กําหนดเปน็ รายเดือน ข. กําหนดเป็นรายภาค

ค. กาํ หนดเปน็ รายปี ง. กาํ หนดตามครผู ู้สอน

102. เด็กในข้อใดตอ้ งเข้ารบั การศึกษาภาคบังคับ
ก. เดก็ ท่ีมอี ายยุ ่างเขา้ ปีท่ี 6 - เดก็ ที่มีอายยุ า่ งเขา้ 16
ข. เด็กทม่ี ีอายุย่างเข้าปีที่ 7 - เดก็ ท่มี อี ายยุ า่ งเข้า 16
ค. เดก็ ที่มอี ายุย่างเขา้ ปีที่ 8 - เดก็ ท่มี ีอายยุ า่ งเขา้ 16
ง. เดก็ ท่ีมอี ายยุ า่ งเขา้ ปีท่ี 9 - เดก็ ท่ีมอี ายุย่างเข้า 16

103. การศึกษาภาคบังคับมจี าํ นวนกปี่ ี ข. จาํ นวนไมน่ อ้ ยกว่า 9 ปี
ง. จํานวนไม่น้อยกว่า 12 ปี
ก. จํานวน 9 ปี
ค. จาํ นวน 12 ปี

104. สิ่งใดตอ่ ไปนค้ี อื หัวใจของหลักสตู รแกนกลาง

ก. มาตรฐานการเรียนรู้ ข. หน่วยการเรยี นรู้

ค. ตัวช้ีวดั ง. คุณลักษณะที่พึงประสงค์

105. สิ่งใดตอ่ ไปนี้คือ หวั ใจของหลกั สตู รสถานศึกษา

ก. มาตรฐานการเรียนรู้ ข. หนว่ ยการเรยี นรู้

ค. ตวั ชี้วัด ง. คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์

106. ใครเปน็ ผู้กาํ หนดและเหน็ ชอบหลกั สูตรแกนกลาง 2551

ก. ศธ. ข. รมต.ศธ

ค. กพฐ. ง. สพฐ

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é Çè  by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÇÔ à¢éÁ

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é ÑèÇä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 182

107. ใครเป็นผลู้ งนามในหลกั สูตรสถานศกึ ษา
ก. ผอู้ าํ นวยการหรือประธานคณะกรรมการสถานศึกษา
ข. รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศกึ ษาธิการ
ค. กพฐ.
ง. สถานศึกษา

108. ข้อใดถกู ตอ้ งเก่ียวกบั การรายงานผลการเรยี นให้กับผูป้ กครองทราบ
ก. รายงานทุก 3 เดือนครั้ง

ข. รายงานเมอื่ จบการศึกษาในแตล่ ะช่วงช้นั

ค. รายงานใหท้ ราบเปน็ ระยะ ๆ อย่างนอ้ ยภาคเรียนละ 1 คร้ัง
ง. รายงานให้ทราบทุก ๆ ปี เปน็ ระยะ ๆ

109. ขั้นใดในการพฒั นาหลักสูตรท่สี ามารถบ่งช้ีถึงความสําเรจ็ หรอื ลม้ เหลวของหลักสูตร

ก. กาํ หนดจุดมุง่ หมาย ข. การจัดเนื้อหาและประสบการณ์

ค. การนําหลกั สตู รไปใช้ ง. การประเมนิ ผลหลกั สตู ร

110. เดก็ ชายนิกต้องการไปเรียนต่อที่ตา่ งประเทศตอ้ งขอ "Transcript" ตรงกบั ข้อใด

ก. ปพ.1 ข. ปพ.2

ค. ปพ.3 ง. ปพ.4

111. ผอู้ าํ นวยการสถานศึกษามีอาํ นาจสัง่ ซ้อื ป.พ. ใดได้โดยตรง

ก. ป.พ.1 ข. ป.พ.2

ค. ป.พ.3 ง. ถูกทุกขอ้ ทก่ี ล่าวมา

112. ขอ้ ใด ไม่ถกู ตอ้ ง เกี่ยวกบั การศึกษาระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย
ก. สํารวจความถนัดและความสนใจของตนเอง
ข. เน้นการเพิ่มพนู ความรู้และทักษะเฉพาะด้าน
ค. มีทักษะในการใช้วทิ ยาการและเทคโนโลยี
ง. สามารถนาํ ความร้ไู ปประยกุ ต์ใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ในการศึกษาต่อและการประกอบอาชพี

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªèÇ by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÔÇà¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·èÇÑ ä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 183

113. สาระการเรียนรู้ใดท่มี ีการเปลีย่ นชือ่ กล่มุ สาระในหลักสตู รแกนกลาง พ.ศ.2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ

2560)

ก. คณิตศาสตร์ ข. วทิ ยาศาสตร์

ค. สงั คมศกึ ษา ง. ภาษาตา่ งประเทศ

114. เป็นหลกั สตู รทเ่ี นน้ การถ่ายทอดเนือ้ หาเป็นหลกั แบบปรชั ญาสารัตถนิยมตรงกบั หลักสูตรในขอ้ ใด

ก. หลักสูตรสัมพันธ์วชิ า ข. หลักสตู รแบบเนอื้ หาวิชา

ค. หลักสูตรหมวดวิชา ง. หลักสูตรเอกตั ภาพ

115. จดั เนื้อหาวชิ าตามความสนใจและความเหมาะสมของผเู้ รียนแต่ละบคุ คลสอดคลอ้ งกับหลักสูตรใน

ขอ้ ใด

ก. หลกั สตู รสัมพันธว์ ิชา ข. หลกั สตู รแกน

ค. หลกั สตู รหมวดวชิ า ง. หลักสูตรเอกัตภาพ

116. ตอบสนองความตอ้ งการและความสนใจของผู้เรียน สอดคล้องกับหลกั สตู รในขอ้ ใด

ก. หลักสูตรสัมพันธว์ ิชา ข. หลกั สูตรแกนกลาง

ค. หลกั สูตรชวี ิตและสังคม ง. หลกั สูตรเอกตั ภาพ

117. ขอ้ ใดไม่ใช่ การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรตู้ ามหลักสูตรแกนกลาง 51

ก. การประเมนิ ระดบั ชนั้ เรยี น ข. การประเมินระดบั สถานศึกษา

ค. การประเมินระดับจงั หวัด ง. การประเมินระดับชาติ

118. การตดั สนิ ผลการเรยี นของผเู้ รียนเป็นรายปี/รายภาค คอื การประเมินระดับใด

ก. การประเมินระดับชัน้ เรียน ข. การประเมนิ ระดบั สถานศกึ ษา

ค. การประเมินระดบั เขตพน้ื ที่การศกึ ษา ง. การประเมินระดับชาติ

119. ขอ้ ใด ไม่ใชร่ ูปแบบ ปพ.1 ข. ปพ.1 : ป
ก. ปพ.1 : ต ง. ปพ.1 : พ
ค. ปพ.1 : บ

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é Çè  by ¤ÃÙ¹Ô¡ FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÔÇà¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·ÑèÇä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ 184

120. ปพ.2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน 2551 หมายถงึ ขอ้ ใด

ก. ระเบียนแสดงผลการเรียน ข. ประกาศนียบตั ร

ค. แบบรายงานผสู้ ําเร็จการศึกษา ง. แบบบันทึกผลการเรียนรู้

121. ปพ.3 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน 2551 หมายถงึ ขอ้ ใด

ก. ระเบียนแสดงผลการเรียน ข. ประกาศนยี บัตร

ค. แบบรายงานผู้สําเร็จการศกึ ษา ง. แบบบันทึกผลการเรียน

122. ขอ้ ใด ไมใ่ ชแ่ บบ ปพ.3 ข. ปพ.3 : บ
ง. เปน็ แบบ ปพ.3 ทุกข้อทีก่ ล่าวมา
ก. ปพ.3 : ป
ค. ปพ.3 : พ

123. ปพ 3 : พ ตอ้ งจดั ทาํ ทงั้ หมดกช่ี ดุ ข. 2 ชุด
ก. 1 ชุด ง. 4 ชดุ
ค. 3 ชดุ
ข. 2 ชดุ
124. ปพ 3 : ป ต้องจัดทําทัง้ หมดก่ีชดุ ง. 4 ชุด
ก. 1 ชดุ
ค. 3 ชุด

125. ข้อใดไม่ใชอ่ งค์ประกอบของสาระการเรยี นรู้

ก. องคค์ วามรู้ ข. ทกั ษะ

ค. กระบวนการ ง. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

126. โครงสร้างเวลาเรียนของกิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน ระดบั ชัน้ ใดแตกต่างจากระดับชั้นอน่ื

ก. ระดับชั้นกอ่ นประถม ข. ระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษา

ค. ระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย ง. ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาตอนตน้

127. เปา้ หมายในการพฒั นาผ้เู รียนแต่ละชน้ั ปีในระดับการศกึ ษาภาคบงั คบั (ประถมศกึ ษาปีท่ี 1

มธั ยมศึกษาปที ี่ 3) คือส่งิ ใด

ก. ตัวช้วี ดั ชั้นปี ข. ตัวช้วี ัดช่วงช้นั

ค. จุดประสงค์ ง. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é èÇ by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÔÇà¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·ÑèÇä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ 185

128. “มงุ่ พฒั นาผู้เรียนให้เป็นคนดี มปี ัญญา มีความสุข” บทความข้างตน้ สอดคล้องกับขอ้ ใดมากท่สี ดุ

ก. ความสําคญั ของหลักสตู ร ข. หลกั การสําคัญของหลักสูตร

ค. จดุ หมายของหลักสตู ร ง. สมรรถนะ

129. เปน็ หลกั สูตรการศกึ ษาเพอื่ ความเปน็ เอกภาพของชาติ มจี ุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้ เปน็

เป้าหมายสาํ หรบั พัฒนาเดก็ และเยาวชน สอดคลอ้ งกบั ส่วนใดของหลักสตู รแกนกลางการศึกษา ขัน้

พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551

ก. วิสยั ทศั น์ ข. จุดหมาย

ค. หลักการ ง. พันธกจิ

130. งานแนะแนวอย่ใู นกิจกรรมใดเปน็ หลกั
ก. กิจกรรมนกั เรยี น
ข. กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น
ค. กิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์
ง. กิจกรรมลูกเสอื เนตรนารี

131. มุ่งพฒั นาผู้เรยี นทกุ คน ซึ่งเปน็ กําลังหลกั ของชาตใิ ห้เปน็ มนุษยท์ ีม่ คี วามสมดุลท้ังรา่ งกาย

ความรู้ คณุ ธรรม มจี ติ สํานกึ ในความเป็นพลเมอื งไทยและพลโลกสอดคลอ้ งกับข้อใด

ก. หลกั การ ข. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

ค. จดุ หมาย ง. วิสยั ทัศน์

132. เปน็ เป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนในระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย

ก. ตวั ช้วี ัดชัน้ ปี ข. ตัวชวี้ ัดช่วงชั้น

ค. ตวั ชีว้ ัดกลาง ง. ตัวชีว้ ดั มาตรฐาน

133. ขอ้ ใดไมใ่ ชเ่ อกสารหลักฐานการศกึ ษาทกี่ ระทรวงศกึ ษาธิการกำหนด

ก. ประกาศนยี บัตร ข. แบบรายงานผู้สำเรจ็ ทางการศึกษา

ค. ระเบยี นแสดงผลการเรยี น ง. ใบรบั รองผลการศกึ ษา

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é èÇ by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÇÔ à¢éÁ

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·ÇÑè ä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ 186

134. การเทียบโอนภาคเรียน ควรที่จะดาํ เนินการในช่วงใด

ก. ภาคเรยี นท่ี 1 ข. ภาคเรยี นท่ี 2

ค. ตลอดภาคเรียน ง. ก่อนเปิดภาคเรียนหรอื ต้นภาคเรียนแรก

135. ขอ้ ใดเปน็ รหสั รายวชิ าเพิ่มเตมิ ข. ท 12102
ก. ว 12101 ง. ว 32201
ค. ค 31101

136. ขอ้ ใดเปน็ รหัสรายวชิ าพนื้ ฐาน ข. ท 12202
ง. ว 32201
ก. ว 12101
ค. ค 31201

137. การอ่านคิดวิเคราะห์ และเขยี น ควรมีระดบั ผลการประเมนิ อย่างไร

ก. ผา่ น ไม่ผา่ น ข. ดี ดเี ยี่ยม ดที ่ีสดุ

ค. ดี ผ่าน ไมด่ ี ไมผ่ า่ น ง. ดเี ยีย่ ม ดี ผ่าน ไม่ผา่ น

138. น้ำหนักเวลาเรียนเป็นหน่วยกติ ขอ้ ใดกลา่ วถกู ตอ้ ง
ก. 40 ชั่วโมง/ปีการศกึ ษา = 1 หน่วยกิต
ข. 40 ช่ัวโมง/ปกี ารศึกษา = 2 หน่วยกติ
ค. 40 ช่ัวโมง/ภาคเรยี น = 1 หนว่ ยกิต
ง. 40 ชวั่ โมง/ภาคเรยี น = 2 หน่วยกิต

139. จาก ว1.1 ม.4-6/2 ข้อใดผดิ
ก. ม.4-6/2 หมายถึง ตวั ชีว้ ัดมัธยมศกึ ษาตอนปลายข้อท่ี 2
ข. ม.4-6/2 หมายถงึ ตัวช้วี ัดชน้ั ปีมัธยมศกึ ษาตอนปลายข้อท่ี 2
ค. ว หมายถงึ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
ง. 1.1 หมายถงึ สาระท่ี 1 มาตรฐานขอ้ ที่ 1

140. ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐานพ.ศ. 2551 แบง่ การศึกษาออกเป็นกร่ี ะดับ

ก. 1 ระดบั ข. 2 ระดบั

ค. 3 ระดับ ง. 4 ระดบั

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é èÇ by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÔÇà¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·èÇÑ ä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ 187

141. หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551 แบง่ เกณฑก์ ารจบเป็นกีร่ ะดับ

ก. 1 ระดบั ข. 2 ระดบั

ค. 3 ระดับ ง. 4 ระดบั

142. เดก็ ชายยทุ ธไม่มสี ทิ ธเิ ข้ารบั การวดั ผลปลายภาคเรียนเน่อื งจากเวลาเรียน ไม่ถงึ รอ้ ยละ 80 ของ

เวลาเรียนทัง้ หมด หมายถึงผลการเรียนข้อใด

ก. มส ข. มผ

ค. 0 ง. ร

143. เด็กชายยุทธยงั ไมไ่ ด้รับการประเมนิ ผลการเรียนเน่ืองจากยังไมส่ ง่ งานครูควรให้ผลการเรียนเป็น

อะไร
ก. มส ข. มผ

ค. 0 ง. ร

144. ระดับผลการประเมินกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ข้อใดถกู ต้อง

ก. ผา่ น ไมผ่ า่ น ข. ดี ดีเยี่ยม ดที ่สี ุด

ค. ดี ผา่ น ไมด่ ี ไม่ผา่ น ง. ดีเยยี่ ม ดี ผ่าน ไม่ผ่าน

145. Input ในระบบการเรียนการสอน หมายถงึ สิง่ ใด

ก. สื่อการสอน ข. ผลงานผู้เรยี น

ค. ผู้สอน ง. วธิ ีการสอน

146. ผูน้ าํ ควรสวมหมวกสีอะไร ข. สีเขียว
ก. สแี ดง ง. สขี าว
ค. สีฟา้

147. ครใู ห้นกั เรยี นอธิบายข้อมูลและเนอ้ื หาต่าง ๆ หนา้ ช้ันเรยี น สอดคล้องกบั หมวกสใี ด

ก. สเี หลอื ง ข. สีดํา

ค. สฟี ้า ง. สขี าว

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªÇè  by ¤ÃÙ¹Ô¡ FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÔÇà¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é ÇèÑ ä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ 188

148. ครูให้นักเรียนพดู ถึงความรูส้ กึ ทีม่ ีต่อครใู นโรงเรยี น สอดคลอ้ งกบั หมวกสใี ด

ก. สฟี า้ ข. สเี ขียว

ค. สแี ดง ง. สีเหลอื ง

149. ครใู ห้นักเรยี นพูดถึงขอ้ ดแี ละขอ้ เสียของสมาชกิ ในกลมุ่ ทที่ ํางานรว่ มกนั ในห้อง สอดคลอ้ งกับหมวก

สใี ด

ก. สฟี ้า สีดํา ข. สเี หลอื ง สีดาํ

ค. สีขาว สีเหลอื ง ง. สีเขยี ว สดี ํา

150. ขอ้ ใดคือความหมายของ Mind Mapping ข. แผนภูมคิ วามคิด
ก. การวเิ คราะห์ ง. แผนผังความคดิ

ค. แผนผงั ใยแมงมมุ

151. ผคู้ ิดคน้ ทฤษฎหี มวก 6 ใบ คือผ้ใู ด ข. Freud
ก. Skinner ง. Edwerd de bono

ค. Thorndrike

152. กระบวนการสาํ คญั ในการนําหลักสูตรไปสกู่ ารปฏบิ ัตจิ ริง คือกระบวนการใด

ก. การจัดการเรยี นรู้ ข. หลักการจดั การเรยี นรู้

ค. การออกแบบการเรียนรู้ ง. กระบวนการเรยี นรู้

153. คาํ นึงถงึ ความแตกต่างระหว่างบคุ คลและพฒั นาการสมอง เน้นใหค้ วามรูแ้ ละคุณธรรม หมายถึงขอ้

ใด

ก. การจดั การเรยี นรู้ ข. หลักการจัดการเรียนรู้

ค. การออกแบบการเรยี นรู้ ง. กระบวนการเรยี นรู้

154. เชื่อว่าทุกคนมคี วามสามารถเรียนรแู้ ละพัฒนาตนเองได้ หมายถงึ ข้อใด

ก. การจัดการเรยี นรู้ ข. หลักการจดั การเรียนรู้

ค. การออกแบบการเรยี นรู้ ง. กระบวนการเรยี นรู้

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªÇè  by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÔÇà¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é ÇÑè ä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 189

155. ผูส้ อนตอ้ งศึกษาหลกั สูตรสถานศกึ ษาใหเ้ ข้าใจถงึ มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวช้ีวัด สมรรถนะ

คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ และสาระการเรียนรูท้ ่ีเหมาะสมกับผูเ้ รยี น สอดคล้องกับข้อใด

ก. การจดั การเรียนรู้ ข. หลกั การจดั การเรยี นรู้

ค. การออกแบบการเรยี นรู้ ง. กระบวนการเรียนรู้

156. ขอ้ ใดสอดคล้องกบั การทาํ งานของสมองซกี ซ้าย

ก. การวิเคราะห์ ข. อารมณ์

ค. ความรสู้ กึ ง. ศลิ ปะความงาม

157. ข้อใดสอดคลอ้ งกบั การทํางานของสมองซกี ขวา

ก. การฟงั ข. การจาํ

ค. การคาํ นวณ ง. ความคดิ สร้างสรรค์

158. การเรยี นรแู้ บบใดทคี่ าํ นึงถึงความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล

ก. BBL ข. PBL

ค. 4MAT ง. IEP

159. ผคู้ ดิ คน้ การสอนแบบ 4MAT ข. แมค คารธ์ ี
ก. จอห์น ดวิ อ้ี ง. ทิศนา แขมมณี

ค. สตีฟเบลล์

160. ขัน้ ตอนแรกของการเรียนร้แู บบ CIPPA คือ ข. การนาํ ไปใช้
ก. การสรา้ งประสบการณ์ ง. การแลกเปลี่ยนเรยี นรู้
ค. การสร้างความรู้

161. การเรียนรูแ้ บบ CIPPA MODEL (P ตัวแรก) คอื อะไร
ก. การสร้างการการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง
ข. การมีสว่ นรว่ ม
ค. การประยกุ ตใ์ ช้ความรู้
ง. การใหผ้ ู้เรียนเรียนรผู้ า่ นกระบวนการรู้

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é Çè  by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÇÔ à¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·ÇèÑ ä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 190

162. การเรยี นรแู้ บบ CIPPA MODEL (ตวั C) คอื อะไร ข. การมสี ่วนรว่ ม
ก. การสรา้ งการการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง ง. การใหผ้ ูเ้ รยี นเรยี นรผู้ า่ นกระบวนการ
ค. การมปี ฏสิ ัมพนั ธ์

163. การสอนจากรายละเอียดสว่ นย่อยไปหาสว่ นใหญ่ หมายถงึ ข้อใด

ก. Productive Method ข. Deductive Method

ค. Inductive Method ง. Reductive Method

164. ผเู้ รียนทถ่ี นัดทางการวิเคราะห์ (Analysis Learners) ควรใชค้ ําถามอย่างไร

ก. ทาํ ไม (Why) ข. อะไร (What)

ค. อยา่ งไร (How) ง. ถา้ (If)

165. อะไร (What) หรอื วันนจ้ี ะเรยี นอะไร เปน็ คําถามสําหรับผู้เรียนประเภทใด

ก. Dynamic Learners ข. Common sense Learners

ค. Analysis Learners ง. Imaginative Learners

166. ขอ้ ใดไม่ถกู ต้อง เกี่ยววธิ สี อนตามหลกั อรยิ สัจ 4 โดยสาโรช บัวศรี

ก. ขั้นกาํ หนดปัญหา (ขน้ั ทกุ ข์)
ข. ขัน้ ต้งั สมมติฐาน (ขนั้ สมทุ ยั )

ค. ขั้นทดลองและเกบ็ ขอ้ มลู (ข้ันนโิ รธ)

ง. ขน้ั สงั เคราะห์ขอ้ มลู และสรปุ ผล (ขัน้ มรรค)

167. การสอนแบบ Active Learning ผูส้ อนมีบทบาทอย่างไร

ก. เปน็ ผชู้ ้ีนํา ข. เป็นผู้ออกคําส่ัง

ค. เป็นผู้อํานวยความสะดวก ง. เปน็ ผคู้ วบคุม

168. ขน้ั ใดเปน็ ขน้ั ตอนสุดท้ายของการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5E)

ก. ขั้นการปรับปรงุ ข. ขน้ั สรา้ งความสนใจ

ค. ขนั้ การสํารวจ ง. ข้ันการประเมิน

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªèÇ by ¤ÃÙ¹Ô¡ FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÇÔ à¢éÁ

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é ÑèÇä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 191

169. ใครเป็นผคู้ ิดคน้ การเรยี นรแู้ บบ CIPPA MODEL

ก. รศ.ดร ทิศนา แขมมณี ข. เดอโบโน

ค. สตมี เบลล์ ง. แมค คาร์ธี

170. ครผู ู้ชว่ ยบรรจใุ หม่ต้องดาํ เนนิ การขั้นใดเป็นข้ันตอนแรก

ก. ออกแบบการจัดการเรยี นรู้ ข. ศึกษาหลกั สูตรสถานศกึ ษา

ค. เลือกใชเ้ ทคนคิ วิธกี ารส่ือ/สอื การสอน ง. การวัดและการประเมนิ ผล

171. ประเมนิ ความกา้ วหน้าของผู้เรยี นด้วยวธิ ที ีห่ ลากหลาย เหมาะสมธรรมชาติของวิชาและระดับ

พฒั นาการของผ้เู รียน ตรงกับขอ้ ใด

ก. การจัดการเรยี นรู้ ข. บทบาทของผู้เรยี นและผู้สอน

ค. การออกแบบการจดั การเรยี นรู้ ง. บทบาทของผู้สอนและผู้เรยี น

172. การกําหนดเปา้ หมาย วางแผนและรบั ผดิ ชอบการเรยี นรู้ของตนเอง ตรงกบั ขอ้ ใด

ก. บทบาทของผูส้ อน ข. บทบาทของผู้เรียน

ค. การจดั การเรยี นรู้ของผ้สู อน ง. การประเมนิ ผลของผูส้ อน

173. ข้อใดเป็นการเลือกวธิ กี ารสอนได้ดีที่สุด
ก. สอดคลอ้ งกับจดุ ประสงค์ของบทเรียน
ข. สอดคลอ้ งกับเนือ้ หาทจี่ ะสอน
ค. เหมาะสมกับสถานท่ี และจำนวนผเู้ รยี น
ง. ถูกทุกขอ้

174. รปู แบบการสอนแบบใดท่ใี ห้ผเู้ รยี นได้มีการวางแผนในการทํางานหรอื การคดิ แกป้ ัญหาอย่างมี
ระบบ และยงั ได้ฝกึ ประสบการณ์ในการปฏบิ ตั ิจริงได้ดีที่สุด

ก. การจัดการเรียนรูแ้ บบปญั หาเปน็ ฐาน
ข. วธิ กี ารสอนแบบโครงงาน
ค. การจัดการเรยี นรแู้ บบค้นพบ
ง. การจดั การเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้

ྨ Êͺ¤ÃÙ¼ÙéªèÇ by ¤ÃÙ¹Ô¡ FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÔÇà¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é èÑÇä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ 192

175. การสอนแบบใดท่ีเนน้ ใหผ้ ้เู รียนได้สงั เกต ข. การสอนแบบอภปิ ราย
ก. การสอนแบบสาธติ ง. การสอนแบบโครงงาน
ค. การสอนแบบแก้ปัญหา

176. ขน้ั ตอนแรกของการสอนแบบ BackWard Design คือ

ก. การออกแบบการเรียนรู้ ข. การกาํ หนดมาตรฐานการเรยี นรู้

ค. การกาํ หนดวธิ กี ารประเมนิ ง. การกําหนดวธิ กี ารสอน

177. Brain-Based Learning : BBL หมายถึงขอ้ ใด

ก. การเรยี นรู้ท่ใี ชส้ มองเป็นเกณฑ์ ข. การเรยี นรู้ทใี่ ช้สมองเปน็ ฐาน

ค. การเรียนรูข้ องผูม้ ปี ญั หาทางสมอง ง. การเรยี นรแู้ บบบรู ณาการ

178. การสอนแบบ Brain-Based Learning : BBL มีลักษณะสอดคลอ้ งกับข้อใดมากทีส่ ดุ

ก. การสอนแบบ STAD ข. การสอนแบบ Discovery Method

ค. การสอนแบบ 4MAT ง. การสอนแบบ Inquiry Process

179. กิจกรรมลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้ ต้องครอบคลุมองค์ 4 แหง่ การศกึ ษา ยกเว้นข้อใด

ก. ด้านพลศึกษา ข. ดา้ นจรยิ ศึกษา

ค. ดา้ นหตั ถศิลปศ์ กึ ษา ง. ด้านหัตถศึกษา

180. วิธีการสอนของ จอห์น ดิวอ้ี เป็นการสอนแบบใด

ก. แบบการรว่ มมอื ข. แบบการแกป้ ัญหา

ค. แบบบรู ณาการ ง. แบบมสี ว่ นร่วม

181. Learning by Doing เปน็ การสอนรูปแบบใด

ก. แบบประสบการณ์ ข. แบบการกระทำ

ค. แบบเลียนแบบ ง. แบบฝกึ หดั

182. การจัดการเรยี นการสอนแบบ BBL เป็นการพฒั นาสิ่งใด

ก. ความรู้ ข. สมอง

ค. ร่างกาย ง. สตปิ ัญญา

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é Çè  by ¤ÃÙ¹Ô¡ FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÇÔ à¢éÁ

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·ÑÇè ä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ 193

183. ข้อใดเป็นการจัดการเรยี นรูแ้ บบบูรณาการภายในวชิ า
ก. ครูนิก สอดแทรกคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ในวชิ าภาษาไทย
ข. ครูหมวิ กับครอู ิง สอนวชิ าเดยี วกบั จงึ มอบหมายงานให้นักเรยี นทำงามรว่ มกัน
ค. ครูสม้ สอนภาษาไทยโดยใชท้ กั ษะการพูด ฟงั อ่าน เขียน เข้าด้วยกัน
ง. ครูนัด สอนวิชาดนตรกี บั วิชานาฏศิลป์เข้าดว้ ยกัน

184. ข้อใดคือคณุ ลักษณะทางดา้ นสตปิ ญั ญา ข. พุทธพิ สิ ัย
ก. จิตพสิ ัย ง. สมาธพิ สิ ัย

ค. ทกั ษะพิสยั

185. ครูผูส้ อนควรยึดส่ิงใดเปน็ สำคัญในการกจิ กรรมการเรียนรู้

ก. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ข. หลกั สูตร

ค. แผนการสอน ง. ส่ือการสอน

186. คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน หมายถงึ ข. IT
ก. CIA ง. DMC
ค. CAI

187. วิธกี ารสอนแบบใดทชี่ ่วยใหผ้ ้เู รียนคดิ เปน็ และคิดอย่างมรี ะบบมากที่สดุ

ก. การสอนแบบโครงงาน ข. การสอนแบบ 4 MAT

ค. การสอนแบบทบาทสมมุติ ง. การสอนแบบอปุ นัย

188. การเรียนรู้ท่ีเนน้ การเรยี นรูโ้ ดยมีผเู้ รียนเป็นศูนย์กลาง มีแนวคิดมาจากผ้ใู ด

ก. ฟรอยด์ ข. พาฟลอฟ

ค. สกนิ นเนอร์ ง. จอหน์ ดิวอี้

189. การจดั การศึกษาตาม พ.ร.บ. การศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ตอ้ งยึดหลกั ตามข้อใด

ก. ครูสําคญั ทส่ี ดุ ข. หลักสูตรมคี วามสาํ คัญที่สดุ

ค. แผนการสอนมีความสาํ คญั ที่สุด ง. นกั เรียนมีความสาํ คัญทีส่ ุด

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é èÇ by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÔÇà¢éÁ

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙé·èÑÇä»ã¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 194

190. ผู้เรียนทีส่ นใจคน้ พบความรดู้ ว้ ยตนเองตรงกบั การสอนแบบ 4 MAT ข้อใด

ก. Why ข. What

ค. HOW ง. If

191. การนาํ ความรู้ที่ไดไ้ ปประยกุ ต์ใช้ได้ ตรงกบั การสอนแบบ CIPPA MODEL ขอ้ ใด

ก. Construct ข. Interaction

ค. Physical Participation ง. Application

192. การจดั การเรียนรู้แบบใดคาํ นึงถึงพฒั นาการของสมอง

ก. การสอนแบบนริ นยั ข. การสอนแบบอุปนยั

ค. Brain Based Learning ง. 4MAT

193. การสอนแบบอรยิ สัจ 4 มีแนวคิดมาจากนกั การศึกษาคนใด

ก. ทิศนา แขมนี ข. จอห์น ดวิ อ้ี

ค. สาโรช บัวศรี ง. เฟรอเบล

194. การจดั การเรยี นร้โู ดยใชค้ อมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน สอดคลอ้ งกบั ขอ้ ใด

ก. การสอบแบบระดมความคิด ข. การสอนแบบสตอรไี ลน์

ค. การสอนบทเรยี นปรแกรม CAI ง. การสอนโดยการสาธติ

195.บทบาทหนา้ ท่ขี องครูทีต่ ้องดําเนนิ การเปน็ อนั ดับแรก
ก. ประเมินผเู้ รยี นโดยใชช้ ดุ ขอ้ สอบ
ข. กําหนดเปา้ หมายว่าผู้เรียนตอ้ งทําได้ตามจุดประสงค์
ค. วเิ คราะหผ์ ้เู รียนรายบุคคล
ง. ทําแผนการจดั การเรียนรู้

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é èÇ by ¤ÃÙ¹Ô¡ FB ¤ÃÙ¹¡Ô µÇÔ à¢Áé

Áҵðҹ¤ÇÒÁÃÙ·é ÑÇè ä»ã¹¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ 195

196. ขอ้ ใดคอื ความหมายของคาํ วา่ การจดั การในช้ันเรยี น
ก. บรรยากาศในการเรยี นรแู้ ละมมุ ประสบการณ์ทั้งภายในและนอกห้องเรยี น
ข. การจัดบรรยากาศทีส่ ง่ เสริมการเรียน ความสขุ และความปลอดภัยของผ้เู รยี น
ค. การจัดบรรยากาศการเรียนรูแ้ ละเอกสารประจาํ ชัน้ เรียน
ง. การจดั สภาพแวดล้อมในช้ันเรียนใหเ้ ออ้ื ตอ่ การเรยี นการสอนและการจัดสภาพแวดลอ้ มทง้ั

ภายในและนอกหอ้ งเรียน

197. บคุ คลใดมีสว่ นสําคญั ที่สดุ ในการสรา้ งบรรยากาศทางด้านจิตวทิ ยาในหอ้ งเรียนมากทส่ี ุด

ก. ครู ข. นกั เรยี น

ค. ผู้อาํ นวยการสถานศกึ ษา ง. นกั การภารโรง

198. ขอ้ ใดไม่ใชอ่ งคป์ ระกอบทส่ี าํ คญั ในการสรา้ งบรรยากาศแบบจติ วิทยา

ก. บุคลกิ ของครูผสู้ อน ข. พฤตกิ รรมการสอน

ค. เทคนคิ การปกครองช้ันเรียน ง. ความเขม้ งวดของผสู้ อน

199. ขอ้ ใดเปน็ องค์ประกอบทีส่ ําคัญในการสร้างบรรยากาศแบบจิตวทิ ยา
ก. บคุ ลกิ และพฤติกรรมของครูผูส้ อน ข. การจดั สภาพแวดล้อมตา่ งๆ
ค. การจัดโตะ๊ และเกา้ อข้ี องนกั เรียน ง. การจดั โตะ๊ ครผู ูส้ อน

200. ข้อใดไม่ใช่องคป์ ระกอบทสี่ ำคัญในการสรา้ งบรรยากาศทางกายภาพ
ก. การจดั สภาพหอ้ งเรียน
ข. พฤตกิ รรมการสอนของครผู ้สู อน
ค. ความเป็นระเบียบเรียบรอ้ ยภายในห้องเรยี น
ง. การจัดป้ายนิเทศ

201. ขอ้ ใดเปน็ องค์ประกอบทส่ี ำคัญในการสรา้ งบรรยากาศทางกายภาพ
ก. เทคนคิ การปกครองชน้ั เรยี น
ข. พฤติกรรมการสอนของครผู สู้ อน
ค. ความเป็นระเบยี บเรยี บร้อยภายในห้องเรียน
ง. ปฏสิ มั พันธค์ รูกับนักเรียนในห้องเรยี น

ྨ Êͺ¤Ãټ٪é Çè  by ¤ÃÙ¹¡Ô FB ¤ÃÙ¹Ô¡ µÇÔ à¢éÁ


Click to View FlipBook Version