The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ลมใต้ปีก 2 โดย ดร.สมชาย หาญหิรัญ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by civteam2562, 2020-10-13 10:20:57

ลมใต้ปีก 2

ลมใต้ปีก 2 โดย ดร.สมชาย หาญหิรัญ

ÅÁ㵌»‚¡ 2
“บนิ ใหไ กล ไปใหถ ึงจดุ หมาย”
´Ã.ÊÁªÒ ËÒÞËÃÔ ÞÑ

ÅÁ㵌»¡‚ 2
“บนิ ใหไกล ไปใหถงึ จดุ หมาย”

อ่านตรงนี้ ….. กอ่ นอา่ นตรงอน่ื

หนังสือเล่มน้ีเป็นการรวบรวมบทความท่ีผมเขียนเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์
“ฐานเศรษฐกจิ ” ในคอลัมภ์ SME Talk ประจ�ำของผมเปน็ รายสัปดาห์ และผมน�ำมา
รวบรวมเป็นเล่มนับได้ว่าเล่มนี้เป็นเล่มที่สามที่เล่าเร่ืองราวของพ่ีน้อง SME ที่ผม
ได้มโี อกาสไปเยือน พดู คุย ซงึ่ แตล่ ะคนน้นั ไดบ้ ่มเพาะความรูแ้ ละประสบการณ ์
ผ่านร้อน ผ่านหนาว ปาดเหง่ือ และหยาดน�้ำตา เพื่อน�ำนาวาวิสาหกิจของตัวเอง
สามารถมายืนหยัดได้ในวันน้ี ซึ่งผมเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์ให้กับพี่น้อง SME รายอื่นๆ
ที่ก�ำลังต่อสู้คล่ืนลมการแข่งขันทางธุรกิจ ท่ามกลางกระแสการเปล่ียนแปลงรอบ
ด้านที่รุนแรงและรวดเรว็  พวกเขาเหล่านน้ั ก�ำลงั ทมุ่ แรงกาย แรงใจ แรงสมอง ทก่ี ำ� ลงั
มองหาทิศทางทนี่ �ำนาวา SME ของตนเองไปสฟู่ ากฝง่ั ของความส�ำเร็จนั้น อาจได้
เรียนรู้และใช้ปรโยชน์จากเร่ืองราวและประสบการณ์ของเพ่ือน SME ท่ีถูกน�ำมา
ถ่ายทอดในหนังสือเล่มน้ี
การถ่ายทอดเรื่องราว ประสบการณ์ ผ้คู นเหลา่ นี้ให้สมบรู ณ์และใกลเ้ คยี งกับ
สิ่งทเ่ี ขาพานพบมาน้ันท�ำได้ไม่งา่ ยเลย เพราะกวา่ จะมาถงึ วนั น้ี พวกเขาไม่ได้ใชแ้ ค่
ความรู้และ “สมอง” เท่านน้ั  แต่พวกเขายงั ใช้ความเข้มแขง็ ของ “ใจ” ในการฟันฝา่
อุปสรรคและเรื่องราวต่างๆ ซ่ึงเมื่อผมได้มีโอกาสคุยกับเขา มองแววตา ฟังน�้ำเสียงใน
บางชว่ งโอกาสผมวา่ ยากจะบรรยายออกมาเปน็ คำ� พดู ไดจ้ รงิ  บางครง้ั สะเทอื นใจ 
บางคร้ังท้อใจ บางคร้ังเต็มไปด้วยความหวัง แต่ทุกเรื่องราวของทุกคน พวกเขามอง
ไปขา้ งหน้าและเตม็ ไปดว้ ยความหวังและไม่ยอมแพ้ ผมมองวา่ ประสบการณ์เหล่าน้ี
ของพวกเขาได้ผ่านการบ่ม ผ่านการทดสอบ และตกผลึก จนอยู่ในสภาพท่ีคนรุ่น
หลังหรอื เพอ่ื นรว่ มชะตากรรมสามารถเรียนรแู้ ละมองหาทางลัดไดบ้ า้ ง

ผมยอมรับว่าผมไม่ว่าจะพยายามสุดความสามารถในการถ่ายทอดเร่ือง
ราวเหล่าน้ีออกมาอย่างไรและให้ใกล้เคียงกับส่ิงต่างๆ ท่ีพวกเขาได้พานประสบ
มากเท่าใดก็ตาม ผมก็รู้ซึ้งว่าผมไม่อาจถอดเร่ืองราวเหล่าน้ันออกมาเป็นอักษรได้
เหมือนหรือเทา่ กบั ทผ่ี มได้เหน็ กับ “ตา” และสัมผัสด้วย “ใจ” แตอ่ ยา่ งไรก็ตาม ผม
ก็อดไม่ไดจ้ รงิ ๆ ทจ่ี ะต้องนำ� มาแบ่งปนั กับผคู้ นอื่นๆ ที่อาจไม่มโี อกาสพานพบและ
สัมผัสพวกเขาได้โดยตรง ให้ได้รับรู้เรื่องราวของพวกเขาเหล่านั้น เผื่อจะเป็น
ประโยชน์ในการท�ำธุรกิจ ได้เรียนรู้วิธีคิดท่ีหลากหลาย หรือร่วมชื่นชมในการต่อสู้
ของพวกเขา และร่วมมีความสุขกับผมในความส�ำเร็จของผู้คนเหล่านี้ รวมทั้งเพ่ือ
เปน็ แรงใจใหก้ บั คนอ่ืน ๆ อกี นบั ล้านทีก่ ำ� ลงั เดนิ อยู่เสน้ ทางน้ี
หลายคนเห็นว่าผมเขียนบทความและท�ำงานด้านนโยบายวิสาหกิจและ
SME มากมายเลยคดิ วา่ ผมเป็น expert หลายคนเวลาเจอหน้าผม มกั พยายามหา
คำ� ตอบของปญั หาของพวกเขาจากผม ซ่ึงผมต้องยนื ยนั ครับวา่ ผมไม่เก่ง ผมไมร่ ทู้ ุกเรือ่ ง
แต่พยายามให้ข้อคิดเห็นจากการกล่ันกรองความคิดที่ผมได้ข้อมูล ประสบการณ์
จากพ่ีน้องวิสาหกิจรายอื่นๆ มาประมวลและให้ข้อคิดเห็นตามที่ผมคิดว่าเหมาะ
กับจริตและสถานการณข์ องแตล่ ะคนทถี่ ามผม หลายคนมาพร้อมปัญหาและคาดหวงั
จะให้ผมมีทางออกให้ ผมก็แนะน�ำทางเลือก ทางออกหลายๆทาง ปรากฏว่าทุกทาง
เขามีข้อแย้งและมองเห็นปัญหาของทุกทางออกที่เสนอ และบอกว่าท�ำไม่ได้ จนผม
จนปัญญา และพยายามขอให้ผมเสนอทางออกอยู่น่ันแหละ ผมเลยใช้ไม้ตายในการ
แนะน�ำ คือ แนะนำ� ให้ “เลกิ ” ธรุ กจิ นี้ …… ผมมคี วามเชอื่ เสมอครับว่า ทกุ ปญั หามี
ทางออกเสมอ บางที “ทางออกทด่ี ที ่ีสุด” ก็คือ “ทางเข้า” น่นั เอง
ผมขอขอบคุณ “นอ้ งวิบ” ศษิ ย์เกา่ มหาวทิ ยาลัยเดยี วกนั ที่ตา่ งประเทศ
และไม่ได้พานพบกันเกือบสามสิบปี ที่กรุณาอาสาช่วยออกแบบบทความและ
ตรวจสอบอักษร เน้ือหา ให้ถกู ต้อง หรอื ทคี่ วรจะเปน็ เพื่อใหน้ า่ อ่านมากข้ึน นา่ รัก
ท่ชี ว่ ยเหลือในการจัดทำ� รูปเล่ม

และประสานงานการจัดพิมพ์ให้เป็นเล่มท่ีผมจัดท�ำเพียงไม่กี่เล่มเพื่อมอบเป็นที่ระลึก
และให้กับเจ้าของเร่ืองราวเป็นท่ีระลึกและแสดงความขอบคุณท่ีอนุญาตให้ผมน�ำ
เรื่องราวของพวกเขามาถอดเป็นเรื่องราวเล่าสู้ให้คนอ่ืนๆ ได้รับรู้และเรียนรู้ ซ่ึงผม
ของขอบพระคณุ อย่างสุดซ้ึงมา ณ ทน่ี ้ี
หากหนงั สอื เลม้ นีม้ ีข้อผิดพลาดใดๆ ไม่ถูกใจคนอา่ น ผมไมอ่ าจหลีกเล่ยี งที่
จะขอรบั ผิดชอบเพยี งผู้เดยี วครับ

สมชาย หาญหิรัญ
ตลุ าคม 2563

สารบญั

หวั ข้อ จำ� นวนหนา้

วงั สม้ ซา่ ...บนหลังมังกร เหนือน่านน้�ำ 5
เพาะเห็ด...เพาะความสขุ 6
มองปัญหา...ใหเ้ ปน็ โอกาส 6
จ๊กิ ซอว.์ ..ท่ีเตมิ เต็ม 6
ลมหายใจทพี่ อเพยี งเหนอื ...ทุง่ ประดู่ (1) 6
ลมหายใจทีพ่ อเพียงเหนือ...ทุ่งประดู่ (2) 7
ต่างหู ต่างใจ๋...ภทั ตรา 6
มองแบรนดผ์ ่านวถิ ี...เฉลมิ ชยั 6
เสนห่ บ์ า้ นเกดิ ...ผา่ นรสชาต ิ 6
อร่อย...อย่างมคี ณุ คา่ 6
เปลี่ยนท่ใี จ...SME 6
กรอบความคดิ ...อยูท่ ว่ี ิธีคดิ 6
ครบ...เหมือนไม่ครบ 6
ดาวอินคา...ของชุมชน 5
ไดอารี่...บนผนื ผา้ 6
เรื่อง “นำ้� จ้มิ ”...ท่ีใหญ่กวา่ น�้ำจิ้ม 6
กา้ วอย่างมรี ะบบ...ของสมุนไพรไทย 5
สำ� คญั ...ที่กา้ วแรก 9
กอ่ ไฟ CIV...ต้องการขไ้ี ต้ 5
แกร่งด้วยกัน...แกร่งดว้ ยคลสั เตอร ์ (1) 7
แกร่งด้วยกัน...แกรง่ ดว้ ยคลัสเตอร ์ (2) 7

หัวขอ้ จ�ำนวนหน้า
ขวญั ธารา...ขวัญนา่ น 6
ตลาดแห่งศรัทธา...ต่อชุมชน 8
แจ่มจา้ ...ในม่านหมอก 8
วิสาหกจิ เพ่อื สังคม...เพอ่ื “ช้าง” 7
หมูกระทะ...ทไี่ มใ่ ช่แค่หมู 7
เงียบๆ...แตโ่ ดดเดน่ 9
บทเรยี น CIV ...@ออนใต้ (1) 8
บทเรียน CIV ...@ออนใต้...บา้ นจุ้ม เมอื งเยน็ (2) 9
บทเรียน CIV ...@ออนใต.้ ..ออนใต้ ที่ฝนั (3) 8
กวา่ จะ...เอี่ยม 6
จากความหว่ งไย...สธู่ ุรกจิ 5
ฮโิ นกแิ ลนด.์ ..ใตเ้ งือ้ มดอยสุเทพ 8

One Village One Product
ท่ี “วงั สมซา ” แหง นกี้ าํ ลงั ทาํ ใหเ ห็นเปน ตวั อยาง

วังส้มซ่า

บนหลังมังกร เหนือน้ำน่าน

ความยากของการสร้างอัตลักษณ์ชุมชนในประเทศไทยดูเหมือนจะ
เข้าใจร่วมกันได้ แต่พอเรามาทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นอัตลักษณ์ดูเหมือน
จะไม่ง่ายอย่างที่คิด พอดูจากโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์หรือ
โอทอป (OTOP) ว่ามีชุมชนใดบ้างที่มีเพียงหนึ่งผลิตภัณฑ์ ที่ทุกคน
ยอมรับว่าเป็นผลิตภัณฑ์โอทอปหนึ่งเดียวของพวกเขา จนกลายเป็น
เรื่องพูดกันอยู่เล่นๆให้เจ็บว่า โครงการ “หนึ่งตำบล หลายผลิตภัณฑ์”

ผมว่าเป็นความชาญฉลาด แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธนะครับ
ของชุมชน “วังส้มซ่า” แห่งนี้ ว่าการที่ผลิตภัณฑ์ชุมชนที่
ได้เครื่องหมายโอทอปนั้นมี
ที่ใช้ส้มซ่าเป็นอัตลักษณ์ คุ ณ ป ร ะ โ ย ช น์ ต่ อ วิ ส า ห กิ จ
เพราะง่ายในการโปรโมท ชุ ม ช น อ ย่ า ง ไ ร เ พี ย ง แ ต่
สงสัยว่าเรามีความเข้าใจ
คือ เป็นชื่อหมู่บ้าน เ กี่ ย ว กั บ เ รื่ อ ง อั ต ลั ก ษ ณ์
เป็นผลไม้ท้องถิ่น เป็นสมุนไพร ชุมชนที่ควรเป็นหนึ่งเดียว
นั้นมากน้อยอย่างไร เหมือน
และอยู่กับชุมชนมานาน ต้ น ฉ บั บ ที่ ญี่ ปุ่ น เ ข า ทำ กั น
หลายร้อยปี หรือเราเอามาแต่ตัวแต่ลืม
เอาวิญญาณของมันมาด้วย

วังส้มซ่า หน้า 1

เลยทำให้เรางงๆในบางครั้งว่าสินค้านี้ได้ OTOP ของจังหวัดนี้ได้ไง
เพราะดูจากความเข้าใจของคนข้างนอก ยังไงๆ ก็เป็นอีกภูมิภาคหนึ่ง

วันนี้ผมอยากจะพาท่านมาชมชุมชนหนึ่งคือหมู่บ้าน “วังส้มซ่า”
อยู่ที่จังหวัดพิษณุโลกครับ หมู่บ้านแห่งนี้เข้าร่วมโครงการหมู่บ้าน
อุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์หรือ CIV ของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เริ่ม
โครงการโดยสร้างความเข้าใจให้กับชุมชนในเริ่มแรกว่าจะเดินกันไป
อย่างไรและอัตลักษณ์ (Identity) ของเขาที่เขายอมรับร่วมกันคืออะไร

วังส้มซ่าเป็นชุมชนที่อยู่บนฝั่งแม่น้ำน่าน มีชุมชนชาวจีนไหหลำได้
อพยพมาก่อร่างสร้างตัวที่นี่ 100 กว่าปีมาแล้ว ปัจจุบันยังคงรักษา
ประเพณีวัฒนธรรมของชาวจีนไหหลำไว้อย่างเหนียวแน่น ดังจะเห็นได้
จาก ในหมู่บ้านมีศาลเจ้าแม่ทับทิม และทุกปีจะมีเทศกาลไหลเรือไฟ
ตอนกลางปีและงิ้วไหว้เจ้าแม่ทับทิมในช่วงปลายปี ซึ่งชาวจีนไหหลำ
ส่วนใหญ่ให้การนับถือเจ้าแม่ทับทิมที่พาบรรพบุรุษพวกเขามาพบ
แผ่นดินทองที่อุดมสมบรูณ์แห่งนี้

ชื่อหมู่บ้านแห่งนี้ได้มาเพราะ ที่นี่
เ ดิ ม นั้ น มี ก า ร ป ลู ก ส้ ม ซ่ า จำ น ว น ม า ก
เรียกว่าแทบทุกหลังคาเรือนปลูกส้มซ่า
เ พื่ อ ใ ช้ ใ น ก า ร ป รุ ง อ า ห า ร แ ล ะ เ ป็ น ย า
สมุนไพรรักษาโรค แต่เพราะผลส้มซ่า
คนไม่นิยมกินกัน รสชาติแปลกๆ แบบ
มะนาวผสมมะกรูด ส้มเช้ง ประมาณนั้น
แต่รสชาติซ่านิดๆ ทำให้ภายหลังมีการ
โค่นทิ้งต้นส้มซ่า แล้วหันมาปลูกผลไม้

วังส้มซ่า หน้า 2

เศรษฐกิจอื่นๆเช่น มะม่วง ขนุน ฯลฯ จนแทบ
จะไม่เหลือส้มซ่าให้เห็น

“นางเผอิญ พงษ์ศรีชมพู” อดีตครูที่เกษียณ
ออกมาเห็นว่าส้มซ่าน่าจะมีประโยชน์และสร้าง
มูลค่าได้ จึงเริ่มมองหาต้นส้มซ่า ปรากฎว่าทั้ง
หมู่บ้าน เหลือต้นส้มซ่าเพียงต้นเดียว เลยคิด
รื้ อ ฟื้ น วิ ญ ญ า ณ ข อ ง ชุ ม ช น แ ห่ ง นี้ ขึ้ น ม า เ ป็ น
หมู่บ้านแห่งส้มซ่าอีกครั้ง เธอลองนำผล
เปลือก และใบ มาแปรรูป ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
ผ่านความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ตั้งแต่ปี
2557 จนสร้างความมั่นใจให้ชุมชนเห็นว่า
ส้มซ่าสามารถเป็นอะไรได้มากมาย สามารถ
สร้างรายได้ได้จำนวนมากจากส้มซ่าทั้งผลและ

ใบ เพียงต้นส้มซ่าต้นเดียวสามารถใช้
ประโยชน์ได้เกือบทุกส่วน และในปัจจุบันจัด
ตั้งเป็น วิสาหกิจชุมชนพัฒนาผลิตภัณฑ์
ทรัพยากรชีวภาพเพื่อเศรษฐกิจชุมชน ที่มี
ผลิตภัณฑ์จากส้มซ่าหลากหลาย ไม่ว่าจะ
เป็นแชมพูส้มซ่า เจลอาบน้ำ ครีมนวดผม
ส้มซ่าอะโรมาเจล ลิปส์กรอส ลิปส์บาล์ม
และอื่นๆ ส่งขายทั้งในและต่างประเทศ
ระบบการผลิตที่มีประสิทธิภาพ เครื่องไม้เครื่องมือในระดับที่ได้
มาตรฐาน รวมทั้งมีการทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงาน
รัฐต่าง ๆ โดยเฉพาะสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพิษณุโลก และวันนี้
ในหมู่บ้านส้มซ่าแห่งนี้กลับมามีต้นส้มซ่ากว่าสามสี่ร้อยต้นแล้ว ให้สม
กับชื่อของชุมชนนี้อีกครั้ง

การเข้าร่วมโครงการ CIV นั้น ชุมชนแห่งนี้นอกจากเข้าใจว่า
ชุมชนจะเดินทางของการพัฒนาไปทิศทางใดชัดเจนแล้ว จากนั้นก็เริ่มมี
จุดเช็คอินต่าง ๆ โดยใช้วัฒนธรรมในพื้นที่ เช่น โรงเตี๊ยมน้ำชาของ

วังส้มซ่า หน้า 3

ชุมชนไหหลำ จุดชมวิวของน้ำ

น่าน ร้านอาหารพื้นบ้านที่อิงกับ

น้ำน่าน ศาลเจ้าแม่ทับทิม ศูนย์ เริ่มมองหาต้นส้มซ่า....
เรียนรู้วัฒนธรรมชาวจีนไหหลำ ปรากฎว่าทั้งหมู่บ้าน
และศูนย์บริการสปาจากสมุนไพร เหลือต้นส้มซ่า..
ในท้องถิ่น ฯลฯ ใช้ส้มซ่าเป็น เพียงต้นเดียว
Identity (ตัวไอ) คือ เป็น

ศูนย์กลางของการรับรู้ของผู้คน

ทั้งหมด บ้านส้มซ่าคืออัตลักษณ์

ของชุมชนและเมื่อเราเอาอัตลักษณ์ของศูนย์ชุมชนไปสร้างมูลค่านั้นก็คือ

การแปรรูปต่างๆ

แนวคิดนี้ทำให้ผมนึกถึง Minami Bousou จังหวัด Chiba ของ
ญี่ปุ่นซึ่งใช้ผลไม้ชื่อ “บิวะ Biwa” เป็นอัตลักษณ์ร่วมของชุมชน สร้าง
ชื่อให้กับชุมชน จนวันนี้ใครนึกถึงเมืองนี้ต้องนึกถึงบีวะ หรือนึกถึงบิวะก็
นึกถึงเมืองนี้ บิวะเป็นผลไม้ลูกและสักษณะ สีสันเหมือนมะยงชิดบ้านเรา
แหละครับ รดชาติก็คล้ายกัน คนญี่ปุ่นไม่ค่อยทานแพร่หลายเพราะ
ขนส่งยากและแพง ออกลูกในช่วงฤดูร้อนของเขาประมาณมิถุนายน มี
บางเมืองเท่านั้นที่ปลูกมาก ที่เมืองนี้นำเอาผลบิวะมาแปรรูปเป็น
ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ กว่า 100 ผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่แยม ครีม แชมพู สบู่ เยล
ลี่ ครีมทาผิว วิตามิน สบู่ บิวะแห้ง และแน่นอน ไอศกรีม ส่วนผมจำได้
ว่าเมื่อผมไปเยี่ยม เขาแนะว่าอย่างไรก็ต้องทานข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นที่ใส่
ผลบิวะ

ผมถามคนทำเรื่องนี้ที่ Minami Bousou นั้น เขาบอกว่าแรก ๆ
ก็มีการต่อต้านจากหลายคนพอสมควร เพราะว่าสมาชิกของชุมชนหลาย

วังส้มซ่า หน้า 4

คนนั้นก็มีผลิตภัณฑ์เดิมของตัวเองอยู่แล้ว และไม่ได้ทำมาจากบิวะ แต่
ในที่สุดก็เริ่มสรุปกันได้ว่าจะใช้ผลบิวะเป็นอัตลักษณ์ของชุมชน และนำ
มาสร้างมูลค่า และโปรโมทชุมชนนี้ โดยใช้ผลไม้นี่เป็นหลัก จากนั้นก็
ส่งเสริมผู้ประกอบการที่อยากใช้ลูกบิวะเป็นวัตถุดิบ และวันนี้คนใน
ญี่ปุ่นหลายคนพอถึงฤดูร้อนก็อยากไปเมืองนี้เพื่อลองผลิตภัณฑ์บิวะ ผม
ถามว่าอะไรขายให้นักท่องเที่ยวได้ดีสุด เขาบอกว่าใครมาที่นี้ต้องลอง
ข้าวแกงกระกรี่บิวะ … คณะใหญ่ของเราลองแล้วก็บอกว่าเหมือนแกง
กระหรี่ญี่ปุ่นทั่วไป แต่อุปทานบอกสมองของผมว่ามีรสหวานนิด ๆ
แปลกไปจากปกตินิดนึง ….. ผมนึกถึงบ้านส้มซ่าเลยครับว่าน่าจะมีเมนู
อาหารที่ปรุงรสหรือทำมาจากส้มซ่าหลายๆ เมนู

ผมว่าเป็นความชาญฉลาดของชุมชน “วังส้มซ่า” แห่งนี้ที่ใช้ส้มซ่า
เป็นอัตลักษณ์ เพราะง่ายในการโปรโมท คือเป็นชื่อหมู่บ้าน เป็นผลไม้
ท้องถิ่น เป็นสมุนไพร และอยู่กับชุมชนมานานหลายร้อยปี หากใคร
อยากเลียนแบบต้องคิดหนักและโอกาสจะแข่งกับที่นี้ในการผลิตภัณฑ์
ส้มซ่าได้เลย เราเรียกว่า Comparative Advantage คือความได้
เปรียบในเชิงเปรียบเทียบจากปัจจัยในชุมชนที่คนอื่นเลียนแบบไม่ได้
และนี้คือคำว่า One Village One Product ที่ผมเข้าใจและเรียนรู้มา
โดยตลอด และที่ “วังส้มซ่า” แห่งนี้กำลังทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง

One Village One Product ……

ที่ “วังส้มซ่า” แห่งนี้กำลังทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง

วังส้มซ่า หน้า 5

ปญ หายิง่ เยอะ ยิง่ ทาํ ใหไดเ รยี นรู
และทาํ ให “แขง็ แกรง”

เพาะเห็ด

เพาะความสุข

คงมีหลายคนที่อยากเริ่มทำธุรกิจ แต่ไม่รู้จะทำอะไรดี ซึ่งเมื่อผม

พบกับ “วิมล ฟักทอง” หรือ “โอ๋” ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาชีพ

เพาะเห็ดบ้านท่าช้าง ที่อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ผมรู้คำตอบ

ว่าการเลือกธุรกิจที่จะทำนั้น ต้องตรงจริตและเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์ความ

สุขของเรา “โอ๋” บอกว่าเธอเป็นพนักงานการตลาดให้กับบริษัทขาย

ของเล่นเด็ก ดูแลหลายจังหวัด

เหนื่อยเพราะเดินทางบ่อย ได้

อยู่กับครอบครัวเดือนละไม่กี่วัน

ทำให้เธอตัดสินใจลาออก และ การเลือกธุรกิจที่จะทำนั้น
ห า ท า ง ทำ ธุ ร กิ จ โ ด ย เ ธ อ ต้องตรงจริตและเป็นธุรกิจที่
กำหนดว่า ธุรกิจนั้นต้องทำให้

เธออยู่กับบ้านมากที่สุด เป็น ตอบโจทย์ความสุขของเรา

ธุรกิจเกี่ยวกับเกษตร แต่ต้องไม่

เปื้อนโคลน และอยู่ในร่มเพราะ

ไม่ชอบออกแดด .... และเธอก็พบว่า “เพาะเห็ด” ใช่เลย คือ ตัวเธอ

โอ๋เริ่มเรียนรู้การเพาะเห็ดเล็กๆของเธอ แรกๆปัญหาเยอะ เพราะ

ไม่เคยเตรียมตัวในเรื่องนี้ แต่เธอบอกตัวเองว่า ปัญหายิ่งเยอะ ยิ่ง

ทำให้ได้เรียนรู้ และทำให้เธอแข็งแกร่งมากกว่าคนอื่นๆ ที่ทำคล้ายกับ

เพาะเห็ด เพาะความสุข หน้า 1

เธอแต่ไม่เจอปัญหาอะไร … เธอถือว่าปัญหาคือ
โชคดีทางธุรกิจ เริ่มแรกนั้นเธอเริ่มทำกิจการ
เล็กๆ และทำงานกับผู้ใหญ่บ้านในการช่วยเหลือ
ชุมชน กลุ่มคนที่ต้องการมีอาชีพเสริมและเพิ่ม
รายได้จำนวนสี่ห้าคน ซึ่งกิจการไปได้ค่อนข้างดี
และมีคนสนใจที่จะเข้ามาร่วมงานกับเธอมากขึ้น
จึงมีการจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนขึ้นในปี 2553

ปัญหายิ่งเยอะ
ยิ่งทำให้ได้เรียนรู้ และ

ทำให้เธอแข็งแกร่ง.

เริ่มแรก ที่นี่เน้นการทำธุรกิจต้นน้ำ คือ ทำ
ก้อนเชื้อเห็ดให้กลุ่มนำไปเพาะ เลี้ยงดู โดยเธอจะ
อบรม แนะนำการดูแลให้สมาชิก โดยทาง
วิสาหกิจจะรับซื้อเห็ดจากสมาชิกเพื่อสร้างความ
มั่นใจให้กับสมาชิกว่าจะมีตลาดรองรับแน่นอน
หรือเกษตรกรยังสามารถขายโดยตรงให้กับตลาด
เองก็ได้ นอกจากนี้ เธอยังทำธุรกิจเกี่ยวกับ
อุปกรณ์เสริมและบำรุงการเพาะเห็ด อาทิ ปุ๋ย
อาหารเสริม ฯลฯ ถือว่าเป็นรายได้ให้กับกลุ่มกว่า
ห นึ่ ง ใ น สี่ ข อ ง รายได้ทั้งหมด เธอบอกว่าหากเราเปลี่ยนวิธีคิดใหม่
เราก็จะเห็นโอกาสใหม่ที่เกิดขึ้น โอ๋บอกว่ายิ่งเธอเปิดและสอนให้คนอื่น
เพาะเห็ด เธอยิ่งมีรายได้มากขึ้นโดยเฉพาะจากก้อนเชื้อ ปุ๋ย อุปกรณ์
และผลิตภัณฑ์เสริมต่างๆ บางเดือนให้รายได้มากกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ
ทั้งหมด ใช่ครับ … เปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตก็เปลี่ยนไป

เพาะเห็ด เพาะความสุข หน้า 2

“โอ๋” ขยายกิจการให้เป็น
วิ ส า ห กิ จ ชุ ม ช น ก ลุ่ ม อ า ชี พ เ พ า ะ
เห็ดบ้านท่าช้าง โดยมีสมาชิกเข้า
มาเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทั้งกลุ่มที่
นำก้อนเชื้อไปเพาะที่บ้าน และคน
ที่มาทำงานการผลิตกับวิสาหกิจ
โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มต่างๆ เพื่อ
ใ ห้ โ อ ก า ส ค น ที่ ต้ อ ง ก า ร ห า ง า น
หรือเพิ่มรายได้จากการทำงานอื่น
โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่มีโรค
ประจำตัวแต่ยังสามารถทำงานได้
หรือเด็กที่ว่างจากเวลาเรียน เพื่อ
ให้โอกาสพวกเขามีรายได้ แม้ว่า
แ ร ง ง า น เ ห ล่ า นี้ อ า จ จ ะ ไ ม่ ใ ช่
แรงงานทั่วไป แต่เป็นการทำงานร่วมกับเครื่องจักรทั้งหมด ทำให้ก้อน
เชื้อทุกก้อน ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้น ได้มาตรฐานและมีคุณภาพตามกำหนด

“โอ๋” บอกผมว่าเพื่อให้ทุกอย่างสมบูรณ์ตามฝันของเธอ ศูนย์
เรียนรู้การเพาะเห็ดบ้านท่าช้างจึงเกิดขึ้นมา แนวคิดก็เพื่อช่วยเหลือ
ชุมชนให้มีอาชีพเสริมจากการเพาะเห็ด ขณะเดียวกันก็เป็นการขยาย
ฐานลูกค้าของเธอออกไปให้กว้างมากขึ้น วันนี้ การเพาะเห็ด หลายคน
อยากทำเป็นกิจการเล็กๆ บางคนอยากทำเป็นอาชีพ และอีกจำนวนมาก
อยากทำเป็นงานอดิเรก เธอทำที่นี่เป็นโชว์รูม ศูนย์เรียนรู้แบบที่
เกษตรกร หรือคนที่อยากทดลองทำสนุกๆ ก็ไม่รู้สึกเป็นภาระมากใน

เพาะเห็ด เพาะความสุข หน้า 3

การลงทุนกับอุปกรณ์ ใกล้กับธรรมชาติมาก ราคาไม่แพง ที่นี่ โรงเพาะ

เห็ดถึงทำง่ายๆ แต่มีประสิทธิภาพสุดๆ นอกจากนี้ มีการทำรูปแบบของ

โรงเรือนเพาะเห็ดแบบน็อกดาวน์ในราคาที่ไม่แพง เพื่อที่จะให้คนมาดู

งานสามารถที่จะนำไปใช้ในบ้านของตัวเอง หรือ ซื้อให้กับเด็กนักเรียน

เพื่อบริจาค โดยหลังหนึ่งก็สามารถที่จะเพาะเห็ดได้ประมาณ 400 ถึง

700 ก้อน เราจะเห็นได้ว่า ในทุกจุด ทุกกิจกรรม ทุกเรื่อง สามารถ

เชื่อมเป็นภาพธุรกิจหลักของเธอได้ ที่เป็นอย่างนี้ เพราะเธอรู้เรื่องและ

เข้าใจทุกมุมในสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่เป็นอย่างดี และผมดูจาก

ดวงตาของเธอและน้ำเสียงที่เธอ

เล่า ผมก็รู้ว่าเธอรักในสิ่งที่เธอ

ทำมากขนาดไหน ไม่ได้มองว่า

ตอนนี้ศูนย์แห่งนี้กำลังก้าว ใครคือคู่แข่ง
ไปอีกขั้น โอ๋กำลังร่วมมือกับ แต่มองว่าเขาคือลูกค้าที่มี
สถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งใน
การติดตั้งระบบอัจฉริยะในโรง ศักยภาพ...

เรือนเพื่อใช้จัดการ ดูแล การ ....ยิ่งเธอเปิดและสอน...
เพาะเห็ด เช่น การรดน้ำ การ เธอยิ่งมีรายได้มากขึ้น...
ปรับระดับความชื้น อุณหภูมิ
เพื่อให้สามารถจัดการระบบการ ...เปลี่ยนวิธีคิด
ผลิตได้อย่างมีมาตรฐานมากขึ้น ชีวิตก็เปลี่ยนไป...

ร อ ง รั บ กั บ ต ล า ด ที่ กำ ลั ง ข ย า ย

ตัวอย่างรวดเร็ว วันนี้คนทั่วไป

เริ่มเข้าใจเรื่องเห็ดและกินเห็ดมากขึ้น เพราะเห็ดถูกวางไว้ในกลุ่ม

อาหารสุขภาพ คนรู้ดีว่าเห็ดเป็นพืชที่ไม่ถูกกับยาฆ่าแมลงหรือสารเคมี

ต่างๆ และลูกค้าประจำที่เพิ่มขึ้นทุกวันทำให้วันนี้เห็ดขายแทบไม่ทัน

ส่วนการวางแผนการเพาะนั้น โอ๋จะเลือกเพาะเห็ดตามความ

ต้องการของตลาดและตามฤดูกาล เพราะเห็ดแต่ละชนิดจะให้ผลผลิตดี

ในฤดูที่ต่างกัน เช่น ฤดูฝน เห็ดตระกูลนางฟ้าจะออกมากกว่าอย่างอื่น

ไม่ว่าจะพวกนางฟ้า ฮังการี ภูฐานดำ หรือลูกผสมเรียกว่า “นางลมดำ”

เพาะเห็ด เพาะความสุข หน้า 4

และหูหนู ส่วนฤดูร้อน ก็จะเป็นพวกเห็ดชอบอากาศร้อนชื้น เช่น ขอนดำ
ขอนขาว เห็ดกระด้าง และเห็ดฟาง ถ้าเป็นหน้าหนาวก็เห็ดพวกสีต่าง ๆ
เช่น นางนวล และนางรมสีทอง ฯลฯ ซึ่งการวางแผนการผลิตที่นี่ต้องดู
อากาศและความต้องการของตลาดให้สอดคล้องกัน ประสบการณ์สิบ

กว่าปีทำให้ “โอ๋” จัดการกับเรื่องนี้
ไ ด้ ค่ อ น ข้ า ง ดี เ พ ร า ะ เ ธ อ รู้
พฤติกรรมของเห็ดแต่ละชนิดเป็น
อย่างดี

นอกจากนี้ โอ๋ยังมองการ
พัฒนาให้ครบห่วงโซ่มูลค่าในธุรกิจ
นี้ โดยการหาทางเพิ่มมูลค่าให้กับ
เห็ด โดยนำมาแปรรูปเช่น น้ำเห็ด
สารพัดประเภท มีเนื้อเห็ดบดปนอยู่
รสชาติเหมือนกับรังนกอย่างไงอย่าง
งั้น และผสมวิตามินซี ยังมีเยลลี่เห็ดที่
รสชาติดี อร่อย หนืดๆ นุ่มๆ และยังมี
เห็ดแดดเดียว ซึ่งผมลองแล้วรสชาติ
อ ร่ อ ย ค รั บ น่ า จ ะ เ ห ม า ะ สำ ห รั บ
เ ท ศ ก า ล กิ น เ จ ห รื อ กั บ แ ก ล้ ม น อ ก
พรรษา โดยทุกผลิตภัณฑ์แปรรูปผ่านกระบวนการ
มาตรฐานระดับสากล หลังจากที่ส่งเข้าขายในร้าน
สะดวกซื้อได้ ตอนนี้ เธอกำลังเตรียมการส่งออก
ผลิตภัณฑ์แปรรูปเห็ดไปยังต่างประเทศ

เพาะเห็ด เพาะความสุข หน้า 5

กว่าจะมาเป็นความสำเร็จของ “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเพาะเห็ดบ้าน

ท่าใหม่” ในวันนี้ได้ “โอ๋” เล่าว่าก็ต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงมาตลอด

ทั้งความคิด ความรู้ และมุมมองที่มีต่อธุรกิจ ในเดือนหนึ่ง ๆ ยอดขาย

ก้อนเชื้อเห็ดกว่า 200,000 ก้อน บางคนอาจคิดว่า คือผลิตภัณฑ์หลัก

ของที่นี่ แต่เมื่อเธอเปลี่ยนมุมในการคิดในการทำธุรกิจที่เปิดมากขึ้น ไม่

ได้มองว่าใครคือคู่แข่ง แต่มองว่าเขาคือลูกค้าที่มีศักยภาพ เธอจึงเปิด

ให้ผู้คนที่สนใจในการเพาะเห็ดมาเรียนรู้ และวันนี้ แม้ว่าวิสาหกิจชุมชน

แ ห่ ง นี้ ก้ า ว ม า เ ป็ น “บริษัท” แต่เมื่อดูแววตาของโอ๋และสมาชิกที่

นี่ ทุ ก ค น แ ล้ ว โ ด ย

เฉพาะตอนที่เขาบอก

ว่าขนม ของว่าง ที่มา

ก็เพื่อสิ่งที่ดีขึ้นของชุมชน …. ต้อนรับแขกหรือผู้มาดู
งาน รวมทั้งคณะของ

ชุมชนที่เธอเรียกว่า “บ้าน” ผมในวันนั้น เป็นของ

และ “โอ๋” ก็ยังได้ใช้เวลาอยู่ที่บ้าน ค น ชุ ม ช น ที่ นี่ ทั้ ง ห ม ด
นานตามที่เธอต้องการ ทำให้ผมเชื่อสนิทใจว่า
ก า ร ทำ ง า น ข อ ง

“บริษัท เห็ดดีไลค์ไทย

ออแกนิค จำกัด“ แห่ง

นี้ ก็ยังเป็นจิตวิญญาณ

เดิมที่ “โอ๋” และผองเพื่อนทำมาตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา ก็เพื่อสิ่ง

ที่ดีขึ้นของชุมชน …. ชุมชนที่เธอเรียกว่า “บ้าน” ละ “โอ๋” ก็ยังได้ใช้

เวลาอยู่ที่บ้านนานตามที่เธอต้องการ

เพาะเห็ด เพาะความสุข หน้า 6

ผปู ระกอบการทด่ี ีนน้ั ตอ งสามารถหยบิ ทุกสงิ่ ทกุ อยาง
จากทุกที่ แมแตจ ากความทรงจาํ ประสบการณ
และนํามาเปด ธุรกิจใหไ ด

มองปัญหา

ให้เป็นโอกาส

ผมจั่วหัวข้อบทความแบบนี้ เพราะได้คุยกับ “น้องแป้ง” หรือ ภัทริ
ณี โตทับเที่ยง ในงาน Thailand Industry Expo 2019 ของ
กระทรวงอุตสาหกรรม ทำให้นึกถึงตัวเองตอนเรียนหนังสืออยู่เมืองนอก
น้องแป้งบอกว่าตอนไปเรียนหนังสือที่อังกฤษ ตัวเองก็เหมือนคนไทยใน
ต่างแดนทั่วๆไป อยู่ห่างบ้านเหงาใจแย่อยู่แล้ว แต่ต้องไม่เหงาปากจาก
อาหารไทย และแป้งก็ดิ้นรนหาวัตถุดิบ เครื่องแกง เครื่องปรุงอาหาร
ไทย เมืองใหญ่ๆ ในต่างแดนนั้นหาได้ไม่ยากใน แต่ปัญหาที่สำคัญอยู่ที่
“แป้ง” ค้นพบว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์ในการทำกับข้าวเลย แม้ว่าเครื่อง
ปรุง น้ำพริกจะใส่ทุกอย่างครบถ้วนตามสูตร และกรรมวิธีปรุงเป็นไป
ตามทฤษฎี แต่ขาดฝีมือ …. ปรุงอย่างไรก็ไม่อร่อย … ทำให้ผมนึกถึง
สภาพตัวเอง

แต่ “แป้ง” เก่งกว่าผมเยอะ น้องเขามองปัญหาที่เจอเป็นโอกาส
ทางธุรกิจ เธอเก็บประสบการณ์และความทรงจำนี้ไว้ จนถึงเวลาที่เธอ
คิดว่าพร้อมและครอบครัวก็สนับสนุน คุณแม่สามีก็ทำอาหารเก่ง ใส่นั่น
นิด ผสมนี่หน่อย เหยาะนั่นอีกนิด ก็อร่อย และสามีก็ทำโรงงานผลิต
อาหารสำเร็จรูป ส่วนตัวแป้งเองก็ชอบทำธุรกิจด้วย โดยเฉพาะด้านการ
ตลาด ขายของนี่ ยิ่งชอบ เมื่อทุกอย่างลงตัวเธอจึงนำความทรงจำนั้น

มองปัญหาให้เป็นโอกาส หน้า 1

ออกมาปั้นเป็นธุรกิจ เพราะแป้งเชื่อว่าตรงนั้นคือช่องว่างตลาดที่เป็น
โอกาสทางธุรกิจ และวันนี้ เธอได้ผุดน้ำพริกแกงผงสำเร็จรูป หลาก
หลายประเภท ตั้งแต่แกงแดง มัสมั่น แกงเขียวหวาน และอื่นๆ จิปาถะ
เวลาปรุงก็แสนง่าย ใส่น้ำต้ม ตามสัดส่วน ใส่ผัก ใส่เนื้อตามใจชอบ
เพื่อให้คนที่มีพรสวรรค์เหมือนเธอ คือ “ทำกับข้าวไม่เก่ง แต่เก่งกิน”
ซึ่งเธอเชื่อว่ายังมีอีกมากมาย ได้ทำอาหารไทยอร่อยในราคาประหยัดที่
บ้านได้เอง ไม่ว่าจะอยู่เมืองไทยหรือต่างแดนก็ตาม

ผงแกงของเธอใช้ชื่อ “Curry–O” ความหมายที่เธอต้องการสื่อ
โดยใช้ชื่อนี้ เพื่อให้ตรงกับลักษณะของกลุ่มตลาดเป้าหมายที่ส่วนมาก
จะเป็นกลุ่มคนไทยที่ห่างบ้านที่มีหัวอกเดียวกับเธอ และลักษณะของกลุ่ม
คนวัยหนุ่มสาว วัยทำงาน หรือแม่บ้านสมัยใหม่ที่มีเวลาน้อยในการทำ
กับข้าว และครอบครัวที่มีขนาดเล็กลง ทำให้ไม่มีเวลาในการทาน
อาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันเหมือนในอดีต ซึ่งชื่อ “Curry” ฟังแล้วก็
รู้ว่าหมายถึงอะไร ใช้ทำอะไร ส่วน O คงหมายถึงคำอุทาน ….
โอววววว … อร่อย … ประมาณนี้มั่ง … ผมเดาเอาน่ะครับ

อย่างไรก็ตาม “แป้ง” ไม่ได้สักแต่ว่าออกผลิตภัณฑ์มาโดย
มองเพียงช่องว่างและโอกาสในตลาดเท่านั้น แต่เธอใส่ใจในคุณภาพ
ของผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด โจทย์ที่เธอวางไว้ในใจเกี่ยวกับคู่แข่ง คือ 


มองปัญหาให้เป็นโอกาส หน้า 2

คุณภาพ เช่น กลิ่น
หอมของเครื่องปรุง ความ
ส ด แ บ บ ธ ร ร ม ช า ติ ที่ ต้ อ ง
รักษาไว้ในเครื่องแกงเหล่า
นั้น เรียกว่าสดเหมือนเพิ่ง
“โขลกออกมาจากครก” กัน
เลยทีเดียว แต่ทั้งหมดนี้มี
ก า ร ทำ วิ จั ย เ พื่ อ ค ง ส ภ า พ
ความสดและรสชาติของผง
แ ก ง ใ ห้ มี อ า ยุ อ ยู่ ไ ด้ อ ย่ า ง
น้อยหนึ่งปีหรือปีครึ่ง เพราะ
เมื่อวางในตลาดไกลๆ ใน
ต่ า ง แ ด น ส ภ า พ อ า ก า ศ
ระยะเวลาที่วางในร้าน ต้อง
มีอายุในการใช้งานนานพอ
ประมาณ

แ ม้ ว่ า เ พิ่ ง จ ะ อ อ ก สู่
ต ล า ด ไ ม่ น า น ผ ง แ ก ง
Curry-O ของเธอวันนี้ก็ไป
ให้คนต่างแดนได้มีโอกาส
ลิ้มลองความอร่อยและสด
ของแกงไทยในหลาย
ประเทศ เช่น แคนาดา
เกาหลี ปากีสถาน และ
ใกล้ๆ บ้านเราแถวมาเลเซีย

มองปัญหาให้เป็นโอกาส หน้า 3

ส่วนตลาดในประเทศ แป้งบอกว่ากำลังง่วนกับการเปิดขาย
ออนไลน์ผ่านเฟสบุ๊ค ซึ่งผงแกงเหล่านี้ แม้ว่าจะสำเร็จรูป แต่การไปใช้
ปรุงอาหารก็ไม่ใช่เพียงแต่ฉีกซองต้มน้ำเหมือนบะหมี่สำเร็จรูปเท่านั้น
แต่ต้องมีการเตรียมการพอสมควรในเรื่องวัตถุดิบประกอบอื่นๆ มีการ
ปรุง เหมือนทำกับข้าวทั่วไปนั่นแหละ เพียงแต่ไม่วุ่นวายหรือเติมเครื่อง
ปรุงรสต่างๆ เพราะรสชาติที่มากับผงแกงนั้นอร่อยกลมกล่อมครบเครื่อง
แล้ว

“แป้ง” เข้าใจดีว่า ต้องให้ข้อมูลกับคนซื้อให้เข้าใจในการปรุง

กับข้าวจากเครื่องแกงของเธอ รายละเอียดที่ระบุการใช้บนซองไม่น่า

เพียงพอ เพราะการปรุงอาหารจากผงแกงของเธอต้องมีวัตถุถิบอื่น

ประกอบและมีกรรมวิธีอีกพอควร ดังนั้น ในเฟสบุ๊คของ Curry-O จึงมี

คลิปวิดิโอการปรุงอาหารเมนูต่างๆ จากผงแกงของเธอ การเตรียม

เครื่อง วัตถุดิบที่ใช้ และขั้นตอนการปรุงแกงต่างๆ เลือกตัวอย่างอาหาร

ไทยที่คุ้นหู คุ้นลิ้นคนไทยและเทศ เช่น มัสมั่นไก่ ต้มข่าไก่ ผัดไทย และ

แกงเขียวหวาน ฯลฯ …. ดูแล้วทำให้สามารถมั่นใจในการใช้ผงแกง

ของ Curry-O มองจากมุมของลูกค้าจะเห็นว่า คลิปนั้น เข้าใจชัดเจน

โดยไม่ต้องมีคำพูดบรรยาย แต่มีตัวหนังสือกำกับบอกชื่อวัตถุดิบและ

กรรมวิธีปรุงสั้นๆ ง่ายๆ เป็นภาษาอังกฤษ ทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้า

หมายหลัก ผมถือว่าเยี่ยม

ครับ เพราะว่าลูกค้าบางคน

ที่เกิดมายังไม่เคยทำกับข้าว

ลูกค้าบางคนที่เกิดมา ก็มีความมั่นใจว่าสามารถ
ยังไม่เคยทำกับข้าว ทำอาหารอร่อยๆ เมนูดังๆ
ก็มีความมั่นใจว่า เองได้
สามารถทำอาหารอร่อยๆ
ผมเข้าใจในเบื้องต้นว่า
เมนูดังๆ เองได้ Curry-O วางตลาดไว้ที่
ลูกค้าต่างประเทศ คนไทย

ในต่างแดน หรือคนต่างชาติ

ที่ รู้ เ รื่ อ ง แ ล ะ พิ ส มั ย อ า ห า ร

มองปัญหาให้เป็นโอกาส หน้า 4

ไทยแต่ปรุงไม่เป็น ผมสังเกตจากตัวผลิตภัณฑ์ ตัวหนังสือบนบรรจุภัณฑ์
และขนาดบรรจุ ก็พอรู้ว่าดูกลุ่มคนในสังคมเดี่ยว ขนาดเล็ก หรืออยู่คน
เดียว ผมนึกภาพตัวเองตอนเรียนหนังสืออยู่ต่างประเทศและดันไปอยู่
เมืองเล็กๆ ห่างไกลจากเมืองสำคัญ ชีวิตลำบากลำบนจริงๆ ในการหา
อาหารไทย ทั้งเมืองที่ผมอยู่ไม่มีอาหารไทย ต้องปรุงทานเองจาก
วัตถุดิบที่หาได้ พวกผักไม่ต้องพูดถึง เอาผักแปลกๆ มาใช้แทนทั้งนั้น ที่
หอบมาได้คือเครื่องแกงของไทยต่างๆ ในกระป๋อง เวลาทำทีหนึ่งก็ต้อง
ทำเยอะ เก็บไว้ทานหลายๆ วัน หรือเกณฑ์พวกเพื่อนๆ ต่างชาติมาช่วย
ทาน แต่พอเอาพริกแกงมาทำกับข้าว อย่างไรก็ปรุงรสไม่เหมือนและที่
สำคัญ ... ไม่อร่อย

สำ ห รั บ ต ล า ด ใ น

ประเทศ Curry-O ดูเหมือน

ยังให้ความสำคัญไม่มากนัก ผู้ประกอบการที่ดีนั้น ต้องสามารถ
เ น้ น ไ ป ที่ ก า ร ข า ย อ อ น ไ ล น์ หยิบทุกสิ่งทุกอย่าง จากทุกที่
ลูกค้าเป็นคนรุ่นใหม่ อยู่คน

เดียว สำหรับผมแล้ว คู่แข่ง แม้แต่จากความทรงจำ
ที่น่ากลัวก็คือ พวกอาหารถุง ประสบการณ์ และนำมาเปิดโอกาส
ที่ขายในตลาด หรือพวก
อาหารสำเร็จรูปออนไลน์ที่สั่ง ธุรกิจให้ได้ …

ไ ด้ ต ล อ ด เ ว ล า แ ล ะ ส่ ง ถึ ง ที่

ทำให้คนไทยแม้ว่าจะอยู่คน

เดียวก็ไม่อยากปรุงเอง ปัจจุบันการตลาดที่จี้จนถึงตัวลูกค้าถึงที่นอน

แบบนี้ทำให้อาหารกึ่งปรุงสำเร็จรูปเหนื่อยหน่อย แม้แต่บะหมี่สำเร็จรูป

ยังขี้เกียจต้มน้ำร้อนเองเลยครับ

วันที่ผมมาเจอ Curry-O และ “แป้ง” ผมฟังเรื่องราวและสะดุด
ของความคิดของคนที่จะเป็นผู้ประกอบการที่ดีนั้น ต้องสามารถหยิบทุก
สิ่งทุกอย่าง จากทุกที่ แม้แต่จากความทรงจำ ประสบการณ์ และนำมา
เปิดโอกาสธุรกิจให้ได้ … ปัญหาที่เธอประสบตอนเรียนหนังสือที่เมือง
นอก หาอาหารไทยที่อร่อยและไม่แพงทานได้ยาก แถมเจ้าตัวเองยังทำ

มองปัญหาให้เป็นโอกาส หน้า 5

อาหารไม่เก่ง ไม่อร่อยอีกต่างหาก เป็นสิ่งที่เธอมองว่าเป็นช่องว่าง
ทางการตลาดที่มีอยู่ และวันนี้เธอทำธุรกิจเพื่อเติมเต็มช่องว่างตรงนั้น
ของเธอด้วยธุรกิจของตัวเธอเอง

มองปัญหาให้เป็นโอกาส หน้า 6

ทาํ ให “ผลติ ภณั ฑช ุมชน” เปน ของหายาก

จิ๊กซอว์

ที่เติมเต็ม

เ ร า เ ค ย รั บ ฟั ง ก า ร บ่ น จ า ก เ พื่ อ น ๆ ห ล า ย ค น ว่ า

เศรษฐกิจช่วงนี้ซบเซา พร้อมกับเล่าเรื่องเพื่อยืนยันว่า

พ่อค้าแม่ค้ามักบ่นว่าขายของได้ไม่ค่อยดีนัก บางตลาด

ลูกค้าก็ค่อยๆหายไป วันก่อนผมไปต่างจังหวัด เพื่อน

ให้ผมดูคลิปที่มีคนบ่นถึงภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในตลาด

ดังของจังหวัด วันนี้ลมหายใจโรยรินเต็มที ซึ่งผมก็ทราบข้อ

เท็จจริงเหล่านี้มาก่อน แต่ที่ผมเห็นตอนลงไปเดินเที่ยว คือ

ตลาดเหล่านี้เป็นตลาดที่ขายของเดิมๆ ทำแบบเดิมๆ ซึ่งวันนี้ลูกค้าหา

ซื้อของเหล่านี้ได้ง่าย ราคาต่ำกว่า และไม่ต้องถ่อสังขารออกจากบ้าน

ด้วยซ้ำ โดยผ่านการซื้อขาย

“ออนไลน์” ซึ่งขณะนี้ ยอด

ขายออนไลน์มีมากกว่าสอง

ล้านล้านบาทต่อปี และธุรกิจ

ต่อเนื่องสนับสนุน อย่างเช่น ที่ผ่านมา เรามักเน้นเรื่องการ

ธุรกิจโลจิสติกส์ กล่องพัสดุ พัฒนาผลิตภัณฑ์
และอื่นๆ พุ่งกระฉูด ขยายตัว และจะมาตายตรงที่
กว่าร้อยละ 20 ในปีที่ผ่าน “ขายที่ไหน อย่างไร ใครซื้อ”
มา

จิ๊กซอว์ ที่เติมเต็ม หน้า 1

ผมดูไลฟ์สดของ ผมว่าการตลาดแบบออนไลน์ที่มีคน
“ฮาซัน” ผมพอ ทำจำนวนมาก สร้างอาชีพ รายได้ และ
เห็นภาพจิ๊กซอว์ที่ โอกาสให้กับผู้คนที่กล้าเปลี่ยนแปลง วัน
ก่อนผมไปงานโอท็อปมิดเยียร์ แวะเยี่ยมบูธ
ขาดหายไป น้องๆที่รู้จัก มีบูธหนึ่งจากต่างจังหวัด บอก
ผมว่า เสื้อลายพื้นถิ่นที่เธอเอามาขายที่งาน
ขายวันเดียวหมดราวแขวนเลย เพราะมีเด็ก
จีนคนหนึ่งเข้ามาขอซื้อ และทำขายออนไลน์
สดๆ ที่บูธเลย ให้กับลูกค้าในประเทศจีน ผล
คือ … แป๊ปเดียวหมด น้องเขาต้องยืมของ
คนอื่นมาวางโชว์ก่อน และให้ที่บ้านส่งมาให้
ใหม่ และอีกเรื่องหนึ่ง ผมได้ฟังคุณสุทธิชัย
หยุ่น สัมภาษณ์ “บังฮาซัน” หรือ คุณอนุรักษ์
สรรฤทัย คนทำไลฟ์ขายอาหารทะเลตากแห้ง
ยิ่ ง ทำ ใ ห้ ผ ม ม อ ง เ ห็ น จิ๊ ก ซ อ ว์ ที่ ข า ด ห า ย
สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของเรา
ที่ ผ่ า น ม า เ ร า มั ก เ น้ น เ รื่ อ ง ก า ร พั ฒ น า
ผลิตภัณฑ์ และจะมาตายตรงที่ “ขายที่ไหน

อย่างไร ใครซื้อ” …. ปัญหาการเข้าสู่
ตลาด ยังเป็นเรื่องใหญ่ของผลิตภัณฑ์
ชุมชน ผมดูไลฟ์สดของ“ฮาซัน” ผมพอ
เห็นภาพจิ๊กซอว์ ที่ขาดหายไปของการ

พัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน
แ ม้ ว่ า ห ล า ย ห น่ ว ย ง า น มี ก า ร

อ บ ร ม เ รื่ อ ง ต ล า ด อ อ น ไ ล น์ ข อ ง
ผลิตภัณฑ์ชุมชน หลายคนเข้าไป
อบรมและจบตรงนั้น แต่หลายคนก็
พยายามเริ่ม และก็ไม่ไปไหนมากนัก
มี ส่ ว น น้ อ ย เ ท่ า นั้ น ที่ อ า จ เ ข้ า ไ ป ใ น
ตลาดออนไลน์ขนาดใหญ่ๆ ระดับโลกได้

จิ๊กซอว์ ที่เติมเต็ม หน้า 2

และแน่นอนครับ ต้นทุนสูง และมีกฎกติกาพอสมควร หลายคนถอดใจ
แต่เทคโนโลยีที่เปิดกว้าง ทำให้มีเด็กรุ่นใหม่ๆ หลายคนลงมือใช้
โซเซียลมีเดียเป็นเครื่องมือในการทำตลาด แต่การที่จะสำเร็จนั้นก็
ต้องการองค์ประกอบที่สำคัญบางประการ ผมขอถอดรหัสจาก
ตัวอย่างไลฟ์สดแบบที่พวกเราคนตัวเล็กๆ ระดับชุมชนสามารถ
ทำได้ เป็นข้อๆ นะครับ

1. เข้าใจคำถามที่อยู่ในใจผู้ซื้อ: เนื่องจากเป็น

ผลิตภัณฑ์ชุมชนและไม่มีหน่วยงานเป็นตัวประกันใน

ด้านคุณภาพ ลูกค้าจะสงสัยว่าสินค้าที่จะซื้อดีจริงหรือ

ไม่ สั่งซื้อแล้วได้เหมือนที่เห็นหรือไม่ และ

จ่ายเงินแล้วจะได้ของหรือไม่ ผมเห็น “อา

ซัน” และ รายอื่นๆ มักจะบอกว่าทำเสร็จ

เมื่อไร ถ้าเป็นของกินก็สดเหลือใจ รวมทั้ง คิดง่ายๆว่า
การันตีเลยว่าหากไม่ใช่ ไม่เหมือนตามที่ พอเห็นเรา
พูด ยินดีส่งให้ใหม่ โดยไม่คิดค่าส่ง เขาจะเห็นสินค้า
ประเภทใด
2. สร้างภาพในใจลูกค้าให้ชัดเจน: คิด
ง่ายๆ ว่าพอเห็นเรา เขาจะเห็นสินค้า

ประเภทใด รูปแบบการซื้อขายอย่างไร

เช่น บังอาซัน เรื่องอาหารทะเลแห้ง หรือ

Panicloset เรื่องแฟชั่นเสื้อผ้า ส่วนบางราย ขายทุกอย่างที่ขวาง

หน้า แต่ผมว่าหาจุดเด่นได้ไม่มาก ส่วนใหญ่เน้นของแปลกๆ หรือ

เล่นด้านราคาถูกเป็นหลัก ลูกค้าจำยาก สำหรับสินค้าชุมชน คนใน

ชุมชนเป็นคนทำไลฟ์เอง ก็ต้องกำหนดขอบเขตสินค้าที่มาขาย ให้

เป็นของชุมชนเท่านั้น พยายามเล่าเรื่องชุมชน วิถีชีวิตชุมชน และ

ของทั้งหมดมาจากชุมชน ที่หาซื้อที่อื่นได้ยาก

3. ทำธุรกิจให้เป็นธุรกิจ: สร้างเครือข่ายซัพพลายเออร์ให้มั่นคง ของ
ที่เราจะขายนั้น ต้องดีจริงตามที่พูด คนทำมาให้เราขายต้องเข้าใจ
ในเงื่อนไขการค้า เราต้องมีทีมคัดคุณภาพสินค้า เลือกสินค้าที่มีอัต

จิ๊กซอว์ ที่เติมเต็ม หน้า 3

ลักษณ์จริงๆ และออกแสวงหาวัตถุดิบสินค้าที่ดีตามที่ต้องการได้ต่อ
เนื่อง การจัดการเรื่องส่งของต้องตรงเวลา ตามที่สัญญาลูกค้าไว้

4. สร้างมูลค่าให้กับสินค้าผ่านเรื่องเล่า: ผมเห็น “อาซัน” ขาย
ปลาหมึกกระตอย เล่าเรื่องการตกหมึก ความยากในการได้มา
หรือไม่ก็วิธีการปรุง บางทีก็กินให้ดูเลย วิธีการนี้ผมว่าน่าจะ
ช่วยให้วิสาหกิจชุมชนขายของได้ง่าย เพราะการเล่า
เรื่องราวของชุมชน และที่มาของผลิตภัณฑ์ชุมชน
น่าจะเป็นจุดแข็งและสร้างมูลค่าในใจลุกค้ามากกว่า
ตัวผลิตภัณฑ์เอง ผมว่าอย่าแต่มุ่งมั่นขายของอย่างเดียว
เล่าเรื่องราวหรือความรู้ในเรื่องนั้นๆ เช่น ผักอนามัยที่ขาย

ปลูกอย่างไง ปรุงกินได้อย่างไรบ้าง น่าจะสร้างแรงจูงใจในการซื้อ
มากกว่า

5. พูดให้เป็น: คำว่า“เป็น” ไม่ได้ เล่นสนุกกับกลุ่มลูกค้า
หมายความแค่พูด แต่ต้องพูดให้สนุก เป้าหมายของเรา ทำให้
จูงใจ สร้างความมั่นใจในตัวคนพูดด้วย
(ขายผลไม้ ก็ต้องบอกว่าเป็นชาวสวน เขาอยู่หน้าจอเรา
หรือขายผลิตภัณฑ์ชุมชน ก็ต้องเป็น นานที่สุด
คนในชุมชน) เล่นสนุกกับกลุ่มลูกค้า
เป้าหมายของเรา ทำให้เขาอยู่หน้าจอ
เรานานที่สุด หรือแม้แต่ชักชวนเขากด
แชร์ไลฟ์ออกไปอีก ซึ่งก็แล้วแต่สไตล์

จิ๊กซอว์ ที่เติมเต็ม หน้า 4

ของแต่ละคน บางคนมีรางวัลจูงใจ บางคนยกมือกราบขอ บางคน
แช่งถ้าไม่แชร์ แล้วแต่ แต่ทั้งหมดทำให้ลูกค้ารู้สึกสนุก ไม่ใช่ตั้งหน้า
ตั้งตาขายของ เล่นและตอบเม้นท์ของลูกค้าเป็นระยะ ตามสไตล์
แต่ละคน และผมเห็นหลายคนมีการให้รางวัลด้วย ซึ่งก็ดูได้ผล
พอควร
6. ทำให้ผลิตภัณฑ์ชุมชนเป็นของหายาก: สร้างช่องทางที่มี
ผลิตภัณฑ์ อาหาร หรือช่องทางจำหน่ายบริการแหล่งท่องเที่ยว ที่
ลูกค้าหาซื้อที่อื่นไม่ได้จำหน่ายให้ผู้ชม เพราะจะทำให้เกิดความแตก
ต่างชัดเจน รวมทั้งเป็นช่องทางที่แอบ โปรโมทชุมชนในภาพรวมไป
ด้วย

จิ๊กซอว์ ที่เติมเต็ม หน้า 5

ผมคิดว่าไลฟ์ ออนไลน์มาเก็ตติ้ง สามารถเป็นจิ๊กซอว์ที่
สำคัญยิ่งกับการเติมเต็มของการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนที่มี
ปัญหาเรื่องช่องทางการจำหน่าย วันนี้เราเห็นหลายหน่วย
งานจัดงานต่างๆ เพื่อให้เป็นช่องทางการจำหน่ายให้กับ
ผลิตภัณฑ์ชุมชน แม้ไม่ง่ายที่จะสำเร็จ แต่ถ้าสักแห่งหรือ
สองแห่งทำสำเร็จก็จะช่วยแก้ปัญหาการกระจายสินค้าและ
สร้างกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนได้อย่างทั่วถึง เหมือนที่อาซัน
กำลังทำให้ชุมชนของเขาที่สตูล รอยยิ้มของคนแก่ๆ ที่ได้
ขายปู ปลา ที่หาได้แต่ละวัน การที่ลูกหลานกลับมาอยู่เพื่อ

ช่วยกันทำของให้ฮาซันขาย

รอยยิ้มของคนแก่ๆ อย่างที่ผมว่า การทำไลฟ์ขายของให้คน
ที่ได้ขายปู ปลา ที่หา ติดนั้นไม่ง่าย และยิ่งเป็นผลิตภัณฑ์
ชุมชน ยิ่งยากใหญ่ แต่ผมว่าหากเรา
ได้แต่ละวัน.... เลือกสินค้าดีๆ ที่บ่งบอกความเป็นชุมชน
นั้น (ของกิน หรือเสื้อผ้ามักขายดี) หา
คนที่เก่งๆ เป็นคนขาย และเตรียมการ
เรื่องราวและรูปแบบธุรกิจสนับสนุนที่ดี

ซึ่งกลยุทวิธี การทำไลฟ์ขายของ
ออนไลน์มีหน่วยงาน คลิป สอน
มากมาย ไม่ลองไม่รู้ละครับ ผมยัง
เ ชื่ อ ว่ า ชุ ม ช น ต่ า ง ๆ มี ข อ ง ดี
ม า ก ม า ย ที่ จ ะ แ บ่ ง ปั น ใ ห้ ค น ใ น
ประเทศได้ชื่นชม เพียงแต่ยังหา
ช่ อ ง ท า ง ที่ เ ห ม า ะ ส ม แ ล ะ มี
ประสิทธิภาพไม่เจอเท่านั้นเอง

จิ๊กซอว์ ที่เติมเต็ม หน้า 6

“ความพอเพยี ง” กอ ใหเกิดความยั่งยืนไดทกุ ท่ี
และทกุ กจิ กรรม รวมท้ังใจของเราดวย

ลมหายใจที่พอเพียงเหนือ

ทุ่งประดู่

บ้านทุ่งประดู่ หนึ่งในหมู่บ้านอุตสาหกรรม
เชิงสร้างสรรค์หรือ CIV (Creative Industry
Village) ที่แตกต่างจากหมู่บ้าน CIV อื่นๆ เพราะ
ที่นี่เป็นสนามทดสอบของพวกเราคนทำงานทั้งใจ
และสมอง เพราะเป็นหมู่บ้านที่เพิ่งเริ่มต้นทุกอย่าง
ขาดหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ทรัพยากรธรรมชาติ
พร้อมและใจของกลุ่มชุมชนเกินร้อยที่จะ
เดินตามเส้นทางศาสตร์ของพระราชา ...
แต่สำหรับใครๆ ที่สนใจการท่องเที่ยว
แบบธรรมชาติ สัมผัสกับการใช้ชีวิต
ชุมชนแบบที่ไร้การปรุงแต่ง ต้องล้อมวงมา
ฟังละครับ เผื่อที่นี่อาจเป็นจุดหมายที่ต้อง
ปักหมุดไว้ในแผนการเดินทางครั้งต่อไปก็
เป็นได้

สุวลี เสรีวัฒนาชัย หรือ “ปิ่น”
หัวหน้ากลุ่มท่องเที่ยวชุมชนแห่งนี้บอก
ว่าการท่องเที่ยวที่นี่จะเริ่มต้นที่วัดทุ่งประดู่ ลุงอนันต์ หงส์ทอง ผู้นำชุมชนที่
เล่าให้ผมฟังด้วยสายตาเป็นประกายว่า ชุมชนแห่งนี้เป็นชุมชนที่ย้าย
ถิ่นฐานมาจากแหล่งอื่น เมื่อมารวมกันก็สร้างศูนย์รวมจิตใจ คือวัดขึ้น

ทุ่งประดู่ 1 หน้า 1

วัดแห่งนี้ก็ยังเป็น
ศูนย์กลางของชุมชน
ทุกอย่างเริ่มจากที่นี่
แม้แต่การท่องเที่ยว

ของเรา

มาก่อน และวันนี้ วัดแห่งนี้ก็ยังเป็นศูนย์กลางของชุมชน ทุกอย่างเริ่ม
จากที่นี่แม้แต่การท่องเที่ยวของเรา ที่วัดนี้มีศาลาที่เสาไม้ทำมาจากต้น
ประดู่ และมีสังขารอดีตเจ้าอาวาสที่มรณภาพมาแล้วห้าหกปีที่แต่ไม่เน่า
สลายที่ชาวบ้านกราบไหว้ ว่ากันว่าหากใครได้ลอดโลงที่ยังคงบรรจุ
สังขารท่านจะโชคดี ขอพรได้ดั่งใจ

หลังจากนั้นเราก็เริ่มเดินทางไปในชุมชนโดยแท็กซี่ชุมชน ... รถ
มอเตอร์ไซค์พ่วงนั่นแหละครับ แต่เขาเรียกอย่างนี้ครับ คนขับในกลุ่มนี้
เป็นชาวประมงพื้นบ้านที่ร่วมกันบริการนักท่องเที่ยว “ปิ่น” บอกผมว่า
ชาวประมงพื้นบ้านเหล่านี้หากวันไหนที่อากาศไม่เป็นใจและไม่ได้ออก
ทะเล วันนั้นก็ไม่มีเงิน และวันนี้การบริการนักท่องเที่ยวคืออีกหนทางที่
ทำให้สมาชิกในกลุ่มสิบกว่าคนมีลมหายใจที่สะดวกขึ้น รอยยิ้มสดใส
มากขึ้น และยังพอมีเงินห้าบาทสิบบาทให้ลูกได้ชื้อขนมทานที่โรงเรียน

แท็กซี่ชุมชน ...
รถมอเตอร์ไซค์พ่วงนั่นแหละครับ

แต่เขาเรียกอย่างนี้ครับ
คนขับในกลุ่มนี้

เป็นชาวประมงพื้นบ้าน
ที่ร่วมกันบริการนักท่องเที่ยว

ทุ่งประดู่ 1 หน้า 2

ในวันที่ฝนตกออกทะเลไม่ได้ ดังนั้น เขาถึงพยายามให้นักท่องเที่ยวเดิน
ทางในชุมชนกับแท็กซี่ของพวกเขามากกว่าใช้รถที่เราขับมา และผมก็
ค้นพบว่าการเดินทางแบบนี้ได้สัมผัสชุมชนอย่างแท้จริง รอยยิ้มและ
เรื่องราวของคุณลุงคนขับที่ตั้งใจเล่าเรื่องราวของชุมชนที่พวกเขาภูมิใจ
และสิ่งละอันพันละน้อยที่พวกเขามี ที่แห่งนี้คือจุดเริ่มต้นของความสุขใน
การเดินทางสัมผัสธรรมชาติของชุมชนที่ไม่เจือปนการปรุงแต่งใดๆ จุด
แวะแห่งแรกคือ สถานีรถไฟที่ทำจากไม้ประดู่ทั้งหลังที่หาไม่ได้อีกแล้ว
และพวกเขากำลังห่วงว่าส่วนหนึ่งของอดีตของพวกเขากำลังจะถูกรื้อ
ถอนจากความเจริญของรถไฟรางคู่ที่กำลังมา

เป็นหมู่บ้านที่เพิ่งเริ่มต้นทุกอย่าง
ขาดหลายสิ่งหลายอย่าง

แต่ทรัพยากรธรรมชาติพร้อมและ
ใจของกลุ่มชุมชนเกินร้อย
ที่จะเดินตามเส้นทาง
ศาสตร์ของพระราชา ...
......
“ความพอเพียง” ก่อให้เกิด
ความยั่งยืนได้ทุกที่และทุก

กิจกรรม รวมทั้งใจของเราด้วย

วิถีชีวิตของคนที่นี่มองธรรมชาติอย่างครบวงจร มองเป็นมรดก
จากบรรพบุรุษของพวกเขาที่ชุมชนมีหน้าที่ต้องรักษาไว้ การวางทุ่น
ปะการังเทียมใต้น้ำริมฝั่งเพื่อให้เป็นพื้นที่อนุบาลปลา และเป็นแหล่ง

ทุ่งประดู่ 1 หน้า 3

เขาไม่จับปลาในพื้นที่นี้ อาศัยของสัตว์น้ำ ทุ่นใต้น้ำที่ทำ
แต่จับรอบๆ จากเชือกและแยกเส้นเชือกให้เป็น
เพื่อให้ที่นี่เป็น ฝอย เมื่อนำไปถ่วงน้ำด้วยแท่ง
บ้านของปลา คอนกรีต มีทุ่นด้านบนที่จมผิวน้ำสัก
สองเมตรเพื่อให้เรือวิ่งผ่านไปมาจะ
ได้ไม่มีปัญหา ทำให้ได้ต้นไม้เชือก
ที่เป็นฝอยตั้งตรงใต้ทะเลใกล้ฝั่ง
เป็นที่อยู่อาศัยของแพลงตอน มี
ปลาเล็กๆ มาอาศัยแพลงตอนเป็น

อาหาร ปลามาวางไข่และอนุบาล
ตัวอ่อน และปลาใหญ่มาหาปลา
เล็กเป็นอาหาร ทำให้พื้นที่นี้เป็น
แหล่งทำประมงริมฝั่งที่สมบูรณ์
เ ข า ไ ม่ จั บ ป ล า ใ น พื้ น ที่ นี้ แ ต่ จั บ
รอบๆ เพื่อให้ที่นี่เป็นบ้านของ
ปลา พื้นที่โดยรอบก็สมบูรณ์
ชุมชนนำเอากิจกรรมนี้มาร่วมกับ
การท่องเที่ยวเพื่อให้ผู้มาเยือนได้
ร่วมสัมผัสกับวิถีชีวิตของพวกเขา
ตั้งแต่การขยายเชือก การถ่วงลง
น้ำทะเล และการรับรู้กติกาในการ
จับสัตว์น้ำของคนที่นี่แล้ว ทำให้
ผมทราบว่า “ความพอเพียง” ก่อ
ให้เกิดความยั่งยืนได้ทุกที่และทุก
กิจกรรม รวมทั้งใจของเราด้วย

“ความพอเพียง” ปรัชญาของพ่อ
ชัดเจนเป็นรูปธรรมในศูนย์เรียนรู้เกษตรพอเพียงที่ครอบครัวของ
“วิทยา สันติสุขไพบูลย์” ดูแลเพื่อเป็นตัวอย่างว่าความพอเพียงคือ
ความสุขทั้งใจและกาย เรียกว่าสุขใจและไม่ลำบากกายแต่อย่างใด ถ้า

ทุ่งประดู่ 1 หน้า 4

เข้าใจคำว่า “พอเพียง” ทุกอย่าง

ธรรมชาติสร้างให้ลงตัวอยู่แล้ว

ขอแต่เพียงหาให้เจอ ใช้ให้พอดี

แล้วความสมดุลก็จะเกิดขึ้นเอง ที่

“บ้านสวนวิทยา” แห่งนี้ มีโรงสี

วิสาหกิจชุมชนอยู่ เขารับสีข้าว

ใ ห้ ช า ว บ้ า น แ ล ก กั บ รำ แ ล ะ

เ ป ลื อ ก ข้ า ว รั บ ซื้ อ ข้ า ว เ พื่ อ

จำหน่ายต่อให้ แต่รับซื้อเฉพาะ

ส่วนที่เหลือจากจำนวนที่ทุกบ้าน

ต้องเก็บไว้ทานให้พอกับหนึ่ง

รอบการทำนา เขาบอกว่า เรา เราต้องเริ่มจากการหยุดจ่าย

ต้องเริ่มจากการหยุดจ่าย หรือ หรือจ่ายออกเฉพาะจำเป็นเท่านั้น
จ่ า ย อ อ ก เ ฉ พ า ะ จำ เ ป็ น เ ท่ า นั้ น ปลูกข้าว เลี้ยงปลา
ปลูกข้าว เลี้ยงปลา แต่ซื้อข้าว
ป ล า กิ น ก็ แ ป ล ก ล่ ะ เ ข า เ ชื่ อ แต่ซื้อข้าวปลากินก็แปลกล่ะ
ว่าการพัฒนาประสิทธิภาพการ ……
ผลิตแบบครบวงจรนี้จะช่วยลด
ต้นทุนการผลิต การลดต้นทุน วางแผนตั้งแต่ก่อนจะเริ่มทำ
ไม่ใช่ทำไปแล้วค่อยคิดแก้ไข

คือการเพิ่มกำไรทันที และไม่ แล้วทุกการกระทำ

ต้องวุ่นวายตั้งราคาสูงให้คนซื้อ จะเป็นเหตุเป็นผลกัน
เดือดร้อน ส่วนที่เกินของสวน

เขานั้นก็จำหน่ายแบ่งปัน พืชผล

ไม้ของเขาก็แบ่งปันหรือขายออก

ไปถูกกว่าใครๆ เพราะแถวๆ นั้นก็รักกันเสมือนญาติพี่น้องอยู่แล้ว

ผมว่าถึงตรงนี้ วิสาหกิจใดที่บ่นๆ ว่าต้นทุนการผลิตสูงนั้น อาจ
ต้องย้อนกลับไปมองวิธีการผลิตของเราแล้วว่าจะปรับเปลี่ยนวิธีการ
ปรับเปลี่ยนวัตถุดิบ หรือปรับปรุงกระบวนการทำงานใหม่ บางทีอาจพบ
วิธีการลดต้นทุนลงได้ แทนที่จะบ่นว่าราคาวัตถุดิบแพง ค่าแรงสูง ปุ๋ย

ทุ่งประดู่ 1 หน้า 5

ราคาสูง และจิปาถะเหตุผล ถ้าเรายังทำแบบเดิม วัตถุดิบเดิม ทุกอย่าง
เดิมๆ ต้นทุนการผลิตคงสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ของเหลือจากส่วน
หนึ่งกายเป็นวัตถุดิบอีกส่วนหนึ่งได้อย่างไรไม่ได้มาแบบโชคช่วย แต่
เป็นการวางแผนตั้งแต่ก่อนจะเริ่มทำ ไม่ใช่ทำไปแล้วค่อยคิดแก้ไข แล้ว
ทุกการกระทำจะเป็นเหตุเป็นผลกันโดยอัตโนมัติ

ที่นี่เป็น CIV ที่เป็นระดับอนุบาลจริงๆ แต่มีองค์ประกอบเบื้องต้น
ของความสำเร็จครบถ้วนครับ แม้ว่ากิจกรรม สิ่งสวยงามอาจมีไม่มาก
นัก แต่สิ่งที่ผมจะเล่ายังมีอีกมาก จากที่ผมได้ฟังจากคำบอกเล่าและเห็น
สายตาของความมุ่งมั่นที่พวกขามีต่อบ้านเกิด และคนที่เขารักในชุมชน
ดังนั้น ผมขอต่ออีกตอนนะครับ สำหรับชุมชนเล็กๆ ที่น่ารัก ที่วางชีวิตไว้
กับธรรมชาติ แห่งนี้

การลดต้นทุน คือ การเพิ่มกำไรทันที

ขอบคุณภาพจาก
CIV Thailand
www.youtube.com/watch?v=2075rVaB2Rc
www.youtube.com/watch?v=XqX09-R1MR4
www.youtube.com/watch?v=8cyExybouYg
PAYAI TV
www.youtube.com/watch?v=HJ2u7UIfrSg
เพจเฟสบุ๊ควัดทุ่งประดู่ทับสะแก

www.facebook.com/prarachain/

เพจเฟสบุ๊ค CIV บ้านทุ่งประดู่

เพจเฟสบุ๊คบ้านสวนคุณวิทยา ผักปลอดสารพิษ
ภาพจาก Google Map
โดยคุณ Tangthai Keawpinij
ภาพจาก r-u-go.com/?p=1529

ทุ่งประดู่ 1 หน้า 6


















Click to View FlipBook Version