ลำ�พูน
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านชาวยอง วัดต้นแก้ว บา้ นนำ�้ บอ่ นอ้ ย อยบู่ า้ นศรเี วยี งชยั อ�ำเภอล้ี
ในปี พ.ศ. ๒๓๔๘ เมอ่ื เจา้ กาวลิ ะ แหง่ เมอื งเชยี งใหม่ เป็นหมู่บ้านของชาวปกากะญอ (กะเหร่ียงสะกอ)
ได้ปลดแอกล้านนาจากพม่า แล้วได้สถาปนาเมือง เป็นชุมชนที่ผู้คนยังด�ำรงชีวิตแบบดั้งเดิม สมถะ
เชยี งใหม่ ล�ำปาง และล�ำพูน ข้นึ ใหม่ โดยใหอ้ พยพ มคี วามเปน็ อยู่อนั เรียบงา่ ยตามความเช่ือดั้งเดิมของ
ชาวไตจากเมืองยองมาพ้ืนที่เมืองล�ำพูน วัดต้นแก้ว ชาวปกากะญอ เช่น การเลือกอาศัยในบ้านท่ีสร้าง
แห่งน้ี ถือเป็นศูนย์กลางของยองนับตั้งแต่น้ัน ด้วยไม้ไผ่ ไม่ใชไ้ ม้เน้ือแขง็ เพราะไมไ้ ผ่ ใชเ้ วลาปลูก
ภายในวดั ต้นแกว้ มี กล่มุ ทอผา้ พ้นื เมืองของผู้สูงอายุ ไมน่ าน ไมเ้ นอ้ื แขง็ ใชเ้ วลานานกวา่ จะเตบิ โต เปน็ การ
ท่ีก่อตงั้ เมอื่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ซง่ึ เป็นแหลง่ รวมตวั ของ ท�ำลายธรรมชาติทางหน่ึง หรือ ไม่ใช้ไฟฟ้า ระบบ
ช่างทอผา้ ชาวยอง ฝีมอื ระดับครู มกี ารทอผ้ายกเชิง น�้ำประปา แต่เลือกท่ีจะอาศัยแสงไฟจากตะเกียง
ผา้ ไหมแกมฝา้ ยลายดอกพกิ ลุ หรอื ดอกแกว้ ซงึ่ ถอื เปน็ และเทียนไข ส่วนน้�ำก็ช่วยกันขุดบ่อขึ้นมาเพ่ือใช้
ลายผา้ เกา่ แกแ่ ละเปน็ เอกลกั ษณข์ องเมอื งล�ำพนู และ ดม่ื กนิ ในชมุ ชน และในหมบู่ า้ นมี สถปู บอ่ นำ�้ ศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ
ยงั มี พิพิธภัณฑพ์ นื้ บา้ นชาวยอง กอ่ ต้ังโดย พระครู เป็นทเ่ี คารพนบั ถือของชาวบ้าน นอกจากน้ี ยังเป็น
ไพศาลธีรคณุ เจา้ อาวาสวดั ต้นแกว้ เปน็ สถานทีเ่ ก็บ ชุมชนท่ีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ไม่กินเนื้อสัตว์
รกั ษา และรวบรวมเครอ่ื งใชใ้ นชวี ติ ประจ�ำวนั โบราณ ไม่น�ำเน้ือสตั ว์เข้าหมบู่ ้าน เป็นชุมชนหนึง่ ทมี่ วี ิถชี ีวิต
ของชาวยอง ของโบราณหายาก เอกสารหนงั สอื เก่า และความเชื่อทนี่ ่าเรยี นรู้
ภาพถ่ายเมืองล�ำพูน รวมไปถึงผ้าทอโบราณ เช่น
ผา้ ซนิ่ อายกุ วา่ รอ้ ยปขี องเจา้ แมฟ่ องค�ำ ณ ล�ำพนู และ
ผา้ ซิ่นของแม่บัวเขียว เป็นแหลง่ เรยี นรคู้ วามเปน็ มา
ของชาติพันธุช์ าวยองท่ที รงคณุ ค่ายิง่
100 แหลง่ เรียนรู้ทางประวตั ศิ าสตร์ในท้องถ่นิ ๗๗ จังหวดั ทว่ั ไทย
(ภาคเหนือเเละภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื )
สุโขทัย
สโุ ขทัย
101แหลง่ เรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ในท้องถน่ิ ๗๗ จงั หวัดทั่วไทย
(ภาคเหนอื เเละภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ)
สโุ ขทยั
สโุ ขทยั
มรดกโลกล้�ำเลิศ ก�ำเนิดลายสือไทย ตัวเมืองในปัจจุบันนี้ ไม่ใช่ที่ตั้งของเมือง
สุโขทัย ท่ีเปน็ ราชธานีของอาณาจกั รสโุ ขทัยในอดตี
เล่นไฟลอยกระทง ดำ� รงพุทธศาสนา เพราะในสมยั รตั นโกสนิ ทร์ ราว พ.ศ. ๒๓๓๖ พระบาท
งามตาผ้าตนี จก สงั คโลกทองโบราณ สมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช (รชั กาลที่ ๑)
สักการแมย่ า่ พอ่ ขนุ รุ่งอรุณแหง่ ความสขุ โปรดใหย้ า้ ยผคู้ นจากเมอื งสโุ ขทยั เดมิ มาตงั้ เมอื งใหม่
ทางฝง่ั ตะวนั ออกของล�ำนำ้� ยม หา่ งจากตวั เมอื งสโุ ขทยั
ทเ่ี คยเป็นราชธานี ๑๒ กิโลเมตร จนกระทง่ั ปี พ.ศ.
สุโขทัย ตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ๒๔๘๒ เมืองสุโขทัยได้ยกฐานะให้ข้ึนเป็นจังหวัด
มีเขาหลวง เป็นภูเขาสูงพาดตัวอยู่ทางทิศตะวันตก ดงั ปรากฏอยู่จนกระทงั่ ปจั จุบนั น้ี
และคอ่ ย ๆ เปน็ ทรี่ าบลงสแู่ มน่ ำ้� ยม ทางทศิ ตะวนั ออก จากการเป็นที่ตง้ั ของชมุ ชนโบราณ ท่ตี ัง้ อยู่
เปน็ ทต่ี ง้ั อาณาจกั รสโุ ขทยั ทเ่ี รอื งอ�ำนาจกวา่ ๗๐๐ ปี บนเส้นทางการค้าทางบกอันส�ำคัญในอดีต พัฒนา
ก่อนที่จะเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรน้ัน จนเป็นราชธานีอันยิง่ ใหญ่ สง่ ผลให้ สุโขทยั มีแหลง่
ปรากฏร่องรอยหลักฐานวา่ พืน้ ท่ีนี้ มีการต้ังถน่ิ ฐาน เรียนรทู้ างประวัติศาสตรใ์ นทอ้ งถน่ิ ทีน่ า่ สนใจ เช่น
ของผคู้ น เปน็ ชมุ ชนขนาดเลก็ อยบู่ นเสน้ ทางการคา้
และการคมนาคมตดิ ตอ่ กนั ระหวา่ งรฐั หรอื อาณาจกั ร อทุ ยานประวตั ศิ าสตรศ์ รสี ชั นาลยั ตง้ั อยทู่ ี่
โบราณ เชน่ อาณาจักรละโว้ อาณาจักรขอม คอ่ ย ๆ อ�ำเภอศรสี ชั นาลยั บนฝง่ั ขวาของแมน่ ำ้� ยม เดมิ ชอ่ื วา่
เกิดเปน็ ความเปน็ ปกึ แผ่นทางด้านการเมอื ง มีความ “เมอื งเชลยี ง” ตอ่ มาไดเ้ ปลย่ี นชอ่ื เปน็ “ศรสี ชั นาลยั ”
ก้าวหนา้ ทางวทิ ยาการ อารยธรรม มกี ารรบั นับถอื สมัยสโุ ขทัย ศรีสัชนาลยั มฐี านะเป็นเมอื งลกู หลวง
พุทธศาสนา และเป็นที่ตั้งของราชธานีส�ำคัญ สมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ ถือเป็นแหล่งผลิต
เมอ่ื ประมาณ พ.ศ. ๑๗๙๒ โดยมพี อ่ ขนุ ศรอี นิ ทราทติ ย์ เครอ่ื งสงั คโลกเพื่อการคา้ ท่สี �ำคญั ของอาณาจักร
เป็นปฐมกษัตริย์ แห่งราชวงศ์พระร่วง มีกษัตริย์ ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย
ปกครองสบื ตอ่ กนั หลายพระองค์ เชน่ พอ่ ขนุ รามค�ำแหง มีโบราณสถาน โบราณวตั ถทุ ส่ี �ำคญั ๆ เชน่
มหาราช ผู้ทรงวางรากฐานการเมือง การปกครอง - วดั พระศรรี ตั นมหาธาตุ หรอื วดั พระบรม
ศาสนา และขยายอาณาเขตออกไปอยา่ งกวา้ งขวาง ธาตเุ มอื งเชลยี ง ตงั้ อยนู่ อกก�ำแพงเมอื ง มพี ระปรางค์
สุโขทัยเป็นราชอาณาจักร อยู่ประมาณ ๒๐๐ ปี องค์ใหญ่ก่อด้วยศิลาแลง ในวิหาร ประดิษฐาน
จงึ ถกู รวมเขา้ เปน็ ส่วนหน่งึ ของอาณาจักรอยุธยา พระประธานปางมารวิชยั ท�ำจากศิลาแลง
103แหล่งเรียนร้ทู างประวตั ิศาสตรใ์ นท้องถ่ิน ๗๗ จงั หวัดท่วั ไทย
(ภาคเหนอื เเละภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื )
สโุ ขทยั
- วัดเขาพนมเพลิง ตั้งอยู่บนยอดเขา โบราณสถาน โดยมคี เู มือง ก�ำแพงเมือง และประตู
ลูกเตยี้ ๆ ของเมอื งเก่าศรสี ชั นาลัย มวี ิหาร ทเี่ หลอื เมอื งโบราณล้อมรอบผงั เมอื งรูปสเี่ หล่ยี ม
เพียงเสาศิลาแลงและพระพุทธรูปต้ังเป็นประธาน ภายในก�ำแพงเมอื ง มีสถานทีน่ า่ สนใจ เชน่
พระเจดียศ์ ลิ าแลงและวหิ ารใหญ่ - วดั มหาธาตุ เปน็ วดั ใหญก่ ลางเมอื ง สรา้ ง
- วัดเขาสุวรรณคีรี มีเจดีย์รูประฆังคว่�ำ ในสมยั พอ่ ขนุ ศรอี นิ ทราทติ ย์ ถอื เปน็ วดั ประจ�ำเมอื ง
ท่ีใหญ่มาก มีรูปปั้นยักษ์ขนาดใหญ่ ท่ีก�ำแพงแก้ว สโุ ขทยั มกี ลมุ่ เจดยี ท์ ปี่ ระกอบดว้ ย เจดยี ป์ ระธาน คอื
ชั้นใน สันนิษฐานว่าพ่อขุนรามค�ำแหงมหาราชทรง พระเจดียม์ หาธาตุ ทรงพ่มุ ข้าวบิณฑ์ ศิลปะสโุ ขทัย
ให้สร้างวดั น้ี ลอ้ มรอบดว้ ยเจดยี ์ ขนาดเลก็ จ�ำนวน ๘ องค์ อยบู่ น
- วัดช้างล้อม มีเจดีย์ทรงลังกาขนาดใหญ่ ฐานปรางคศ์ ลิ าแลงเดียวกนั
เปน็ ประธานของวดั ทฐี่ านเจดยี ม์ ชี า้ งปนู ปน้ั จ�ำนวน - ศาลาผาแดง เป็นศาสนสถานตามคติ
๓๙ เชอื กและทมี่ มุ ทง้ั ๔ ทศิ ตกแตง่ เปน็ ชา้ งทรงเครอื่ ง ความเชื่อศาสนาฮินดู รูปแบบประติมากรรมแบบ
สวยงามกว่าช้างเชอื กอืน่ ๆ ศลิ าทเี่ ป็นรูปเคารพ ตามแบบศลิ ปะเขมร
- วดั เจดยี เ์ จด็ แถว ถอื เปน็ วดั ทค่ี วามสวยงาม - เนนิ ปราสาทพระรว่ ง หรอื เขตพระราชวงั
ท่ีสุดแห่งหนึ่งของสุโขทัย มีเจดีย์ท่ีเป็นแบบศิลปะ ตั้งอยู่ทางทศิ ตะวนั ออกของวัดมหาธาตุ สนั นิษฐาน
สุโขทัยด้ังเดิม และศิลปะศรีวิชัยผสมศิลปะสุโขทัย ว่าเป็นที่ตั้งของพระที่นั่ง หรือ ปราสาทที่ประทับ
ในเจดยี บ์ างองค์ มภี าพจติ รกรรมฝาผนังประดับ ของพระมหากษัตริย์ราชวงศ์พระร่วง ท่ีครองเมือง
- วดั สวนแกว้ อทุ ยานใหญ่ มเี จดยี ท์ รงลงั กา สโุ ขทัย พระภกิ ษุ เจ้าฟา้ มงกฎุ (ต่อมาคอื พระบาท
ตั้งอย่บู นฐานสีเ่ หลยี่ มจตั ุรสั สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๔)
- วดั สวนแกว้ อทุ ยานนอ้ ย หรอื วดั สระแกว้ พบพระแท่นมนงั คศิลาบาตร ท่ีเนนิ ปราสาทแห่งนี้
มเี จดยี ์ทรงพ่มุ ข้าวบิณฑเ์ ปน็ ประธานวัด สนั นษิ ฐาน - วดั ตระพังเงิน ตั้งอยู่บรเิ วณขอบตระพงั
วา่ วดั น้ี อาจเปน็ วดั แกว้ ราชประดษิ ฐาน ทมี่ กี ล่าวถึง ดา้ นตะวันตก มเี จดีย์ทรงพมุ่ ข้าวบณิ ฑ์เป็นประธาน
ในพงศาวดารเหนอื ค�ำว่า ตระพงั หมายถงึ สระน�ำ้ หรือ หนองน้�ำ
- วดั นางพญา วหิ ารมเี สาทกุ ตน้ ประดบั ดว้ ย - พระบรมราชานสุ าวรยี พ์ อ่ ขนุ รามค�ำแหง
เทพพนม ท่ีผนังของวิหารมีลวดลายปนู ปน้ั สวยงาม มหาราช ตงั้ อยทู่ างทศิ เหนอื ของวดั มหาธาตุ สรา้ งขนึ้
เพ่ือถวายเป็นราชสักการะแด่พ่อขุนรามค�ำแหง
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย (เมืองเก่า มหาราช พระมหากษัตริย์ผู้มีพระมหากรุณาธิคุณ
สโุ ขทยั ) อยตู่ �ำบลเมอื งเกา่ ตรงขา้ มพพิ ธิ ภณั ฑสถาน อนั ย่ิงใหญ่ ดา้ นข้างมภี าพแผ่นหลักจารึกเหตุการณ์
แหง่ ชาติ รามค�ำแหง ครอบคลมุ พน้ื ทท่ี เ่ี ปน็ ศนู ยก์ ลาง พระราชกรณียกิจของพระองค์ที่อ้างถึงในจารึก
การปกครองของอาณาจักรสุโขทัยในอดีต ภายใน สุโขทัย
มีสถานท่ีส�ำคัญ ที่เคยเป็นพระราชวัง ศาสนสถาน
104 แหลง่ เรียนร้ทู างประวตั ิศาสตรใ์ นท้องถนิ่ ๗๗ จงั หวัดทว่ั ไทย
(ภาคเหนอื เเละภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื )
สุโขทัย
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามค�ำแหง มาเข้าก�ำแพงเมอื ง เข้าสระตระพงั เงนิ ตระพงั ทอง
เป็นสถานที่เก็บรักษา จัดแสดงโบราณวัตถุท่ีพบ ส�ำหรับเปน็ นำ้� กินน�้ำใชใ้ นเมืองและในพระราชวงั
ภายในเมืองสุโขทัย มีอาคารลายสือไท จัดแสดง - วดั เจดยี ์ส่หี อ้ ง มเี จดียท์ รงลังกา ประดับ
เรื่องราวเกี่ยวกับเมืองสุโขทัยด้านต่าง ๆ ต้ังแต่ ดว้ ยปนู ปน้ั เปน็ รปู สงิ หข์ ชี่ า้ ง เทวดา นางฟา้ ถอื แจกนั
ยุคก่อนการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยเร่ือยมา ดอกไม้ ลวดลายสวยงามมาก
จนถึงการพัฒนาเมืองสุโขทัย อาคารพิพิธภัณฑ์ - วดั เชตพุ น มมี ณฑปทสี่ รา้ งดว้ ยหนิ ชนวน
แสดงโบราณวัตถุที่พบในแหล่งโบราณคดีสุโขทัย ประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ๔ อริ ิยาบถ คือ นงั่ ยืน เดนิ
ศรสี ชั นาลัย และจงั หวดั ใกล้เคียง อาทิ พระพทุ ธรูป และนอน ภายในมณฑป ใชว้ สั ดอุ ฐิ หนิ ขนวน ศลิ าแลง
ส�ำรดิ โอง่ สงั คโลก เครอื่ งศาสตราวธุ ถว้ ยชามสงั คโลก ในการก่อสรา้ ง ประสานกันได้อยา่ งกลมกลืน
เงนิ ตรา ทอ่ น�ำ้ ระบบชลประทานสุโขทัย - วดั ชา้ งลอ้ ม มเี จดยี ท์ รงลงั กาเปน็ ประธาน
ภายนอกก�ำแพงเมอื ง มสี ถานทีส่ �ำคญั อาทิ ของวัด รอบฐานเจดีย์ ประดับด้วยช้างปูนปั้นโผล่
- แหล่งโบราณคดีเคร่ืองปั้นดินเผาสุโขทัย ครง่ึ ตัว
เป็นท่ีต้ังของเตาเผาถ้วยชามสมัยสุโขทัย เรียกว่า - วดั ตระพงั ทอง มมี ณฑปซงึ่ ใชป้ ระดษิ ฐาน
เตาทเุ รยี ง มอี ายรุ าวพทุ ธศตวรรษที่ ๑๘ เตาทเุ รยี งน้ี พระพุทธรูปปูนปั้น เรื่องราวครั้งพระพุทธเจ้า
มีลักษณะคล้ายประทุนเกวียน เครื่องปั้นดินเผา เสดจ็ ลงจากสวรรคช์ นั้ ดาวดงึ ส์ ตอนประทานเทศนา
ที่ค้นพบส่วนใหญ่เป็นประเภทถ้วยชามขนาดใหญ่ โปรดพระพุทธบิดากับกษัตริย์ศากยวงศ์ และตอน
น�้ำยาเคลือบขุ่นสีเทาแกมเหลือง เขียนลายสีด�ำ เทศนาโปรดพระนางพิมพา เป็นศิลปะช้ันเอกของ
เป็นรปู ดอกไม้ ปลาและจกั ร สโุ ขทัย
- วัดพระพายหลวง อยู่ด้านทิศเหนือ
นอกก�ำแพงเมือง เป็นวัดท่ีมีความส�ำคัญรองจาก ปรางคเ์ ขาปู่จ่า ตง้ั อยบู่ น เขาปู่จา่ ซ่ึงเป็น
วดั มหาธาตุ มปี รางค์ ๓ องค์ ลกั ษณะศลิ ปะลพบรุ ี เขาลูกโดด ท่ีไม่สูงนัก เป็นพ้ืนท่ีส่วนหน่ึงของ
- วัดศรีชุม เป็นที่ประดิษฐานพระอจนะ ยอดเขาเขาหลวง พนื้ ที่อ�ำเภอครี มี าศ ลักษณะเป็น
พระพทุ ธรปู ขนาดใหญ่ ปางมารวชิ ยั ขดั สมาธิ หนา้ ตกั อาคารทรงปราสาท ต้ังบนฐานเตี้ย ๆ ก่ออิฐ
กว้างประมาณ ๑๑ เมตร สงู ๑๕ เมตร มีประตูเข้าหน่ึงทาง และประตูหลอกสามทาง
- วดั ตะพานหนิ เปน็ วดั ทตี่ ง้ั อยเู่ นนิ ลกู หนงึ่ ตามแบบสถาปัตยกรรมเขมร โบราณวัตถุที่พบ
เป็นท่ีประดิษฐานองค์พระอัฏฐารศ พระพุทธรูป เช่น ช้ินส่วนรูปปั้นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร
ปางห้ามญาติศิลปะสุโขทัย หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ศลิ ปะบาปวน ช้ินสว่ นรูปปนั้ ของสตรี ศลิ ปะนครวดั
ทั้งองค์โดยไม่มีการเช่ือมตอ่ สนั นษิ ฐานวา่ ใชเ้ ปน็ ศาสนสถานในศาสนาพราหมณ์
- เข่ือนสรดี ภงค์ หรือ ท�ำนบพระรว่ ง เปน็ ลัทธิไศวนิกาย ก�ำหนดอายุราวพุทธศตวรรษ
เขอื่ นดนิ ทกี่ นั้ นำ�้ ระหวา่ ง ซอกเขาพระบาทใหญ่ และ ท่ี ๑๖ - ๑๗
เขาก่ิวอ้ายมา เพ่ือกักน้�ำชักน้�ำไปตามคลองส่งน้�ำ
105แหล่งเรียนรู้ทางประวัตศิ าสตร์ในทอ้ งถิ่น ๗๗ จังหวัดทวั่ ไทย
(ภาคเหนอื เเละภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื )
สโุ ขทยั
การพบปรางคเ์ ขาปู่จา ซง่ึ เป็นศิลปะเขมร สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รชั กาลที่ ๓)
เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่ามีการแผ่อิทธิพลของ ได้น�ำชื่อหมู่บ้านเดิมที่เมืองพวนมาต้ังชื่อหมู่บ้าน
อาณาจักรเขมรมาถึงพ้ืนที่ดินแดนลุ่มแม่น้�ำยม ซึ่ง บ้านหาดเสี้ยว เดิมเป็นชื่อหมู่บ้านขนาดใหญ่
ผ่านมาทางที่ราบสงู โคราช เมอื งลพบุรี หรอื ละโว้ ทีเ่ มืองเชียงขวาง ถูกน�ำมาตั้งชือ่ เป็น บา้ นหาดเสย้ี ว
และพาดผ่านไปถึงอ่าวมะตะบัน ในพื้นท่ีสหภาพ ต�ำบลหาดเส้ยี ว อ�ำเภอศรสี ัชนาลยั
เมียนมาร์ ในปัจจุบัน และสันนิษฐานว่า เส้นทาง ท้ังน้ี ชาวไทยพวนกลมุ่ น้ีได้สืบทอดวิถชี วี ิต
การขยายอิทธิพลของอาณาจักรเขมร สร้าง วฒั นธรรม ภูมิปญั ญาของบรรพบรุ ษุ อยา่ งตอ่ เน่ือง
ความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ชุมชนเมืองบนพื้นท่ีน้ี โดยสว่ นใหญป่ ระกอบอาชพี เกษตรกรรม แตเ่ มอ่ื วา่ ง
ในด้านการคา้ ทางบก ดา้ นการคมนาคม จนกระท่ัง จากงาน “หญงิ ทอผา้ ชายตเี หลก็ ” ถอื ปฏบิ ตั สิ บื ตอ่ กนั
เกิดเป็นชุมชนเมือง ที่กลายเป็นอาณาจักรสุโขทัย ประเพณที เี่ ปน็ อตั ลกั ษณ์ เชน่ ประเพณแี หช่ า้ งบวชนาค
ในชว่ งพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๘ เปน็ ประเพณกี ารบวชหมขู่ องชาวไทยพวน บา้ นหาดเสยี้ ว
จดั ขนึ้ ในวนั ที่ ๗ เมษายนของทกุ ปี ประเพณกี �ำฟ้า
ชุมชนไทยพวนบ้านหาดเส้ียว อยู่ที่บ้าน และเลน่ “นางกวกั ” เปน็ การละเลน่ หลงั ฤดเู กบ็ เกย่ี ว
หาดเสยี้ ว อ�ำเภอศรสี ชั นาลยั บรรพบรุ ษุ ของชาวบา้ น เพอ่ื ใหช้ าวหาดเสยี้ วไดม้ าพบปะเจอกนั มกี ารละเลน่
ชมุ ชนบา้ นหาดเสยี้ ว เปน็ ชาวไทยพวน ทอ่ี พยพมา ทรงเจ้าเข้าผี ถือเป็นกิจกรรมที่แฝงกุศโลบาย
จาก เมืองพวน แขวงเมืองเชียงขวาง (สาธารณรัฐ ในการสร้างความสามคั คีใหเ้ กิดในชุมชน
ประชาธิปไตยประชาชนลาว) เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๘๗
106 แหล่งเรียนรทู้ างประวัตศิ าสตรใ์ นทอ้ งถ่นิ ๗๗ จังหวดั ทัว่ ไทย
(ภาคเหนอื เเละภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื )
อุตรดติ ถ์
อตุ รดติ ถ์
107แหลง่ เรยี นรู้ทางประวตั ิศาสตร์ในท้องถ่นิ ๗๗ จงั หวดั ท่วั ไทย
(ภาคเหนือเเละภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)
อตุ รดิตถ์
อตุ รดติ ถ์
พระแทน่ ศลิ าอาสนศ์ ักดิส์ ิทธ์ิ ในสมยั รตั นโกสนิ ทร์ เมอื งพชิ ยั เปน็ หวั เมอื ง
ส�ำคัญในสมัยพระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ ัว
เขอ่ื นสิรกิ ติ ิน์ ่านนที เหล็กนำ้� พ้ลี ือเลือ่ ง (รัชกาลที่ ๓) นอกจากนี้ พื้นท่ีต�ำบลบางโพท่าอิฐ
ลบั แลหลงหลินลางสาดหวาน ซ่ึงอยู่ติดริมแม่น้�ำน่าน มีการขยายชุมชน เป็นย่าน
บา้ นพอ่ พระยาพชิ ัยดาบหกั การคา้ เชอื่ มตอ่ เมอื งตา่ ง ๆ ในภาคเหนอื กบั พระนคร
ถิ่นสักใหญข่ องโลก ในปี พ.ศ. ๒๔๓๐ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้
บ้านโคกภดู ู่ ประตูสลู่ าวลานช้าง เจา้ อยูห่ วั (รัชกาลที่ ๕) โปรดเกล้าฯ ยกฐานะต�ำบล
บางโพทา่ อิฐขนึ้ เปน็ เมอื ง อุตรดติ ถ์ มคี วามหมายว่า
ท่าน�้ำแห่งทิศเหนือ ต่อมาอุตรดิตถ์กลับเจริญขึ้น
อุตรดิตถ์ ต้ังอยู่ทางใต้สุดของภาคเหนือ กว่าเมืองพิชัย จึงได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัด
ได้ชื่อว่า เมืองท่าแห่งทิศเหนือ เป็นประตูสู่ล้านนา และเมืองพิชัยถูกเล่ือนฐานะไปเป็นอ�ำเภอหนึ่ง
ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง มีแม่น้�ำน่านและ ขึ้นกบั จังหวัดอุตรดิตถ์จนทุกวันน้ี
แมน่ ำ�้ ปาด ไหลผา่ นพน้ื ที่ ท�ำใหม้ ที รพั ยากรธรรมชาติ จากเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ทไ่ี ดเ้ กิดขึ้น
ทอี่ ดุ มสมบรู ณ์ ปรากฏการอยอู่ าศยั ของคนในพน้ื ทน่ี ี้ อย่างยาวนาน ส่งผลให้ อุตรดิตถ์ มีแหล่งเรียนรู้
นับตั้งแต่สมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์ ประมาณปี ทางประวัติศาสตรใ์ นท้องถ่ินทน่ี ่าสนใจ เชน่
พ.ศ. ๑๐๐๐ ดว้ ยพบภาพเขียนสโี บราณบนหน้าผา
และกลองมโหระทึกท�ำจากส�ำรดิ จารึกสมยั สุโขทยั บ่อเหล็กน้�ำพ้ี ตั้งอยู่ที่ต�ำบลน�้ำพ้ี อ�ำเภอ
กล่าวถึงชื่อเมืองท่ีต้ังอยู่ในพื้นท่ีของอุตรดิตถ์ เช่น ทองแสนขัน เป็นแหล่งสินแร่เหล็กตามธรรมชาติ
เมอื งฝาง หรอื เมอื งสวางคบุรี (ปัจจุบนั อยใู่ นพื้นที่ ท่ีเม่ือถลุงแล้วจะได้เหล็กกล้า ปรากฏหลักฐาน
อ�ำเภอเมอื ง) เมอื งตาชชู ก (ปจั จบุ นั อยใู่ นพนื้ ทอ่ี �ำเภอ ทางประวตั ศิ าตรก์ ลา่ วถงึ ความส�ำคญั ของเหลก็ นำ�้ พ้ี
ตรอน) ในสมยั อยธุ ยา สมยั สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี ๑ ในการท�ำศาสตรา อาวธุ และมีความเชอ่ื สบื ทอดมา
(พระเจา้ อทู่ อง) พบชอ่ื เมอื งพชิ ยั เปน็ หนง่ึ ในเมอื งขนึ้ แตโ่ บราณวา่ เหลก็ จากแหลง่ แรเ่ หลก็ นำ�้ พน้ี ี้ มคี วาม
ของกรงุ ศรอี ยธุ ยา สมยั ธนบรุ ี ในปี พ.ศ. ๒๓๑๕ กองทพั แขง็ แกรง่ ความศักดสิ์ ทิ ธ์ิและอาถรรพ์ในตัว
พม่าเข้าตีเอาเมืองลับแลพร้อมกับตีเมืองพิชัย ในพนื้ ทอี่ �ำเภอทองแสนขนั มอี ยดู่ ว้ ยกนั หลายบอ่
ในเวลาเดยี วกนั เกดิ วรี กรรมการรบอนั กลา้ หาญของ บ่อท่ีส�ำคัญและสงวนใช้ส�ำหรับพระมหากษัตริย์
พระยาพชิ ัยดาบหัก มอี ยู่ ๒ บอ่ คอื บอ่ พระแสงและบอ่ พระขรรค์ ซง่ึ เปน็
109แหลง่ เรยี นรทู้ างประวตั ิศาสตร์ในท้องถ่ิน ๗๗ จังหวัดทวั่ ไทย
(ภาคเหนือเเละภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื )
อุตรดิตถ์
บ่อเหลก็ ทม่ี ีขนาดใหญท่ ี่สุดในบรเิ วณแหล่งแรเ่ หล็ก ข้างขวาพยุงตัวไว้ จนดาบข้างขวาหักเป็นสองท่อน
นำ�้ พนี้ ี้ เชอื่ กนั วา่ มคี วามศกั ดส์ิ ทิ ธทิ์ สี่ ดุ และมคี ณุ ภาพดี เเต่สามารถชนะทัพพมา่ ได้ในทสี่ ดุ
ทสี่ ดุ ในประเทศไทย บอ่ พระแสง เปน็ บอ่ ดนิ ขนาดใหญ่
มีคุณภาพของสินแร่ดีกว่าบ่ออ่ืนๆ ในบริเวณแหล่ง วัดพระบรมธาตุทุ่งย้ัง หรือ วัดมหาธาตุ
แรน่ ำ้� พี้ สงวนไวส้ �ำหรบั ท�ำพระแสงดาบถวายส�ำหรบั ต้ังอยู่กลางเมืองโบราณทุ่งย้ัง ต�ำบลทุ่งย้ัง อ�ำเภอ
พระมหากษัตริย์เท่านั้น บ่อพระขรรค์ เป็นบ่อดิน ลับแล ซึ่งบริเวณต�ำบลทุ่งย้ังนี้ มีร่องรอยของ
ขนาดยอ่ มกว่าบอ่ พระแสง บรรพบุรุษได้สงวนบอ่ นี้ การตงั้ ชมุ ชนโบราณ คอื ปรากฏคนู ำ�้ คนั ดนิ หลายชนั้
เพ่ือท�ำพระขรรค์ถวายพระมหากษตั ริยเ์ ทา่ น้ัน ทับซ้อนกันอยู่ จนยากท่ีจะบอกลักษณะของเมือง
ในบริเวณพืน้ ทบ่ี ่อเหลก็ น�ำ้ พี้ มพี พิ ธิ ภัณฑ์ ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างวัดที่ชัดเจน มีต�ำนาน
พื้นบ้านบ่อเหล็กน�้ำพี้ สร้างข้ึนเม่ือ พ.ศ. ๒๕๔๑ เลา่ ถงึ การสรา้ งพระบรมธาตวุ า่ พระมหาธรรมราชาที่ ๑
เพอื่ เผยแพร่ภูมปิ ัญญาการถลงุ เหล็กแบบโบราณ (พญาลไิ ท) ผคู้ รองอาณาจกั รสโุ ขทยั ไดเ้ ชญิ พระบรม
สารีริกธาตุสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาบรรจุ
อนสุ รณส์ ถานบา้ นเกดิ พระยาพชิ ยั ดาบหกั ในถ�้ำใต้ดินโดยขุดลงไปเป็นถ้�ำแล้วก่อพระธาตุ
ตงั้ อยทู่ บี่ า้ นหว้ ยคา อ�ำเภอพชิ ยั เปน็ สถานทที่ เี่ ชอื่ วา่ ซ่ึงแต่เดิมพระบรมธาตุเมืองทุ่งย้ังมีลักษณะเป็น
เป็นบ้านเกิดของพระยาพิชัยดาบหัก ผู้มีชีวิตอยู่ เจดยี ท์ รงพมุ่ ขา้ วบณิ ฑ์ ตามแบบศลิ ปะสโุ ขทยั ตอ่ มา
ในสมยั อยธุ ยาตอนปลายและสมัยธนบรุ ี ปรากฏช่อื ในสมัยรัตนโกสินทร์ ช่วงก่อนปี พ.ศ. ๒๔๔๔
ในพระราชพงศาวดารว่าเป็นทหารเอกคู่พระทัย มกี ารบรู ณะเพิ่มเติมโดยพญาตะกา่ พ่อค้าไม้ คหบดี
สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราช และเปน็ ผมู้ สี ว่ นกอบกู้ ชาวพม่า จึงปรับลักษณะเป็นเจดีย์แบบพม่า
เอกราชของชาติหลังการเสยี กรุงศรีอยุธยา ครั้งท่ี ๒ และในปี พ.ศ. ๒๔๕๑ เกิดแผ่นดินไหวคร้ังใหญ่
พระยาพชิ ยั ดาบหกั เดมิ ชอื่ จอ้ ย เกดิ ทบ่ี า้ น ยอดพระบรมธาตุเจดีย์หักพังลงมา หลวงพ่อแก้ว
หว้ ยคา เมอื งพชิ ยั มฝี มี อื ดา้ นศลิ ปะการตอ่ สู้ รบั ราชการกบั เจ้าอาวาส ในขณะน้ัน ได้น�ำชาวบ้านปฏิสังขรณ์
สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราช ไดร้ บั บรรดาศกั ด์ิ เปน็ ซอ่ มเพิ่มเตมิ จงึ ปรากฏเจดียเ์ ป็นรูปทรงในปจั จุบนั
หลวงพชิ ยั อาสา เปน็ เจา้ หมน่ื ไวยวรนาถ ราชองครกั ษ์ มหี ลกั ฐานบนั ทกึ วา่ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้
ในพระองค์ และเปน็ พระยาสหี ราชเดโช เจา้ เมอื งพชิ ยั เจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) เสด็จประพาสเมืองพิชัย
ตามล�ำดบั ในปี พ.ศ. ๒๓๑๖ ทพั พมา่ ได้มาตเี มือง ท่าอิด เมืองทุ่งยั้ง และเมืองลับแล และได้เสด็จ
พิชยั ศกึ ครัง้ นี้พระยาพชิ ยั จบั ดาบ สองมอื คาดด้าย นมัสการพระบรมธาตุทุ่งยั้ง เมื่อวันท่ี ๒๔ ตุลาคม
ออกไล่ฟันแทงพม่าอย่างชุลมุน ณ สมรภูมิบริเวณ พ.ศ. ๒๔๔๔
วดั เอกา จนเมอื่ พระยาพชิ ยั เสยี การทรงตวั กไ็ ดใ้ ชด้ าบ
110 แหล่งเรียนรู้ทางประวตั ิศาสตรใ์ นทอ้ งถน่ิ ๗๗ จงั หวัดท่ัวไทย
(ภาคเหนอื เเละภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ)
อุทัยธานี
อทุ ยั ธานี
111แหลง่ เรยี นรู้ทางประวตั ศิ าสตร์ในทอ้ งถ่นิ ๗๗ จังหวดั ท่วั ไทย
(ภาคเหนือเเละภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ)
อทุ ยั ธานี
อทุ ัยธานี
อทุ ัยธานี เมืองพระชนกจักรี ท้งิ เมืองให้รา้ งไป เมอ่ื เข้าถึงสมัยอยธุ ยา พะตะเบดิ
ปลาแรดรสดี ประเพณเี ทโว ซง่ึ เปน็ ชาวกะเหรยี่ ง ไดฟ้ น้ื ฟเู มอื งอไู่ ทย มกี ารขดุ สระ
เพ่ือกักเก็บน�้ำ ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ส้มโอบา้ นน้�ำตก ไดต้ ง้ั “เมอื งอไุ ทย” เปน็ เมอื งหนา้ ดา่ นชน้ั นอกส�ำคญั
มรดกโลกห้วยขาแขง้ คอยระวงั ศกึ ทางพมา่ กฎหมายเกา่ ลกั ษณะพระธรรม
แหล่งต้นนำ้� สะแกกรัง มนญู สมยั พระเอกาทศรถ ระบวุ า่ “เมอื งอไุ ทยธาน”ี
ตลาดนดั ดงั โคกระบือ เป็นหัวเมอื งขึน้ แก่มหาดไทย ในสมยั ธนบุรี สมเดจ็
พระเจ้าตากสินมหาราช ให้พระราชทานช้างหลวง
อุทัยธานี ต้งั อยใู่ นพ้ืนท่ภี าคเหนือตอนล่าง ส�ำหรบั เมอื งอทุ ยั ธานี สบื เนอื่ งจนถงึ สมยั รตั นโกสนิ ทร์
บรเิ วณลมุ่ นำ้� สะแกกรงั มลี กั ษณะภมู ปิ ระเทศเปน็ ปา่ ตอนต้น ท่ีมีการตั้งด่านเพิ่มเติมด้วยระแวงว่าพม่า
และภเู ขา และท่ีดอนสลับทร่ี าบ มแี หลง่ ทรพั ยากร จะยกทพั มาทางอทุ ยั ธานี ในขณะทม่ี กี ารยา้ ยถนิ่ ฐาน
ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ด้วยมีป่าผืนใหญ่ คือ ของผคู้ นจากเมอื งอทุ ยั ธานเี ดมิ มาอยทู่ ี่ บา้ นสะแกกรงั
เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ หว้ ยขาแขง้ ไดร้ บั การประกาศ ตดิ รมิ แมน่ ำ้� สะแกกรงั มากขนึ้ จนเกดิ เปน็ ชมุ ชนการคา้
ขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ และขนสง่ ทส่ี �ำคญั เมอ่ื มกี ารปกครองรปู แบบมณฑล
จากยเู นสโก เทศาภบิ าล อุทัยธานีขน้ึ กับมณฑลนครสวรรค์ และ
จากความอุดมสมบูรณ์ของพ้ืนที่ดังกล่าว เปลี่ยนไปขึ้นกับมณฑลอยุธยา เม่ือยกเลิกรูปแบบ
ส่งผลให้ อุทัยธานี มีมนุษย์อยู่อาศัยต้ังแต่สมัย มณฑลเทศาภิบาลก็ได้รับการยกข้ึนให้เป็นจังหวัด
ยคุ กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ เมอ่ื ประมาณ ๓,๐๐๐ ปมี าแลว้ มผี ู้ว่าราชการจังหวดั เป็นผูป้ กครอง
โดยปรากฏหลกั ฐานการพบโครงกระดกู มนษุ ยโ์ บราณ จากประวัติความเป็นมาอันยาวนาน และ
เครอ่ื งมอื หนิ และภาพเขยี นสบี นหนา้ ผา มตี �ำนานเลา่ ถงึ บทบาทความส�ำคญั ของอทุ ยั ธานตี อ่ ประวตั ศิ าสตรช์ าติ
การสร้างเมอื งอทุ ยั ธานีว่า ในสมยั สุโขทัย พ้นื ท่แี ถบ ส่งผลให้มีแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ในท้องถ่ิน
อุทยั ธานนี ี้ มีกลุ่มชาวมอญ ชาวกะเหร่ยี งอาศัยอยู่ ทน่ี ่าสนใจ ดงั น้ี
อยา่ งหนาแนน่ ทา้ วมหาพรหม ไดร้ วบรวมกลมู่ คนไทย เมอื งโบราณบงึ คอกชา้ ง อยทู่ ตี่ �ำบลไผเ่ ขยี ว
มาต้ังถ่นิ ฐานท่ีบา้ นอทุ ยั เก่า (พ้นื ที่อ�ำเภอหนองฉาง อ�ำเภอสว่าง ปรากฏรอ่ งรอยการตงั้ ถนิ่ ฐานทอ่ี ยขู่ อง
ในปจั จบุ นั ) เรยี กชมุ ชนใหมน่ ว้ี า่ “เมอื งอไู่ ทย” ตอ่ มา ผู้คนสมยั ทวารวดี ดว้ ยพบเนนิ ดนิ รูปวงกลม มีคูน้ำ�
เม่ือแม่น้�ำเปลี่ยนทิศทาง เกิดความแห้งแล้งจึงได้ คนั ดนิ ลอ้ มรอบพนื้ ที่ ภายในพน้ื ที่ พบซากโบราณสถาน
113แหล่งเรียนร้ทู างประวัตศิ าสตรใ์ นท้องถิน่ ๗๗ จงั หวดั ทว่ั ไทย
(ภาคเหนือเเละภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื )
อุทัยธานี
ประเภทสถปู เจดยี ท์ างประพทุ ธศาสนา มกี ารคน้ พบ ลายดา่ นเมืองลาว ลายนาค ลายดา่ นใหญ่ มเี ทคนคิ
โบราณวตั ถุ เชน่ เครอื่ งปน้ั ดนิ เผา หนิ บดยา เครอ่ื งมอื ทเี่ ปน็ เอกลกั ษณ์ เชน่ ใชฝ้ า้ ยและไหมเปน็ วตั ถดุ บิ หลกั
เหลก็ ลกู ปดั สเี หลอื ง และพบศลิ าจารกึ อกั ษรปลั ลวะ เท่านั้น การย้อมสีผ้ามัดหมี่ เรียกว่า การมักแต้ม
ภาษาสันสกฤษ และภาษามอญโบราณ จ�ำนวน หรือ การแจะหมี่ ซึ่งเป็นการแต้มสีลงบนเส้นไหม
๓ หลัก สันนิษฐานว่าเมืองโบราณแห่งน้ีมีอายุราว ลายมดั หมกี่ ่อนน�ำไปทอเปน็ ผืนผ้า การใช้ ครัง่ ใน
พุทธศตวรรษท่ี ๑๒ แสดงถึงการแผ่อิทธิพลของ กรรมวธิ กี ารยอ้ ม การใชส้ สี ม้ หมากสกุ สเี หลอื ง เปน็ ตน้
พระพุทธศาสนาเหนอื ดนิ แดนแหง่ น้ี
วดั สังกสั รตั นคีรี อยบู่ นยอดเขาสะแกกรัง
วัดอโุ ปสถาราม เดมิ ชอ่ื วดั โบสถม์ โนรมย์ อ�ำเภอเมอื ง เดมิ ชอื่ บา้ นสะแกกรงั ตามประวตั ศิ าสตร์
ต้ังอยู่บนเกาะเทโพ ริมฝั่งแม่นำ้� สะแกกรัง ในพื้นท่ี อุทัยธานีที่บันทึกว่า แรกเร่ิมเดิมที ในสมัยสุโขทัย
อ�ำเภอเมือง เป็นวัดเก่าแก่ท่ีสร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. บรรพบรุ ษุ ของชาวอทุ ยั ธานี ตงั้ รกรากอยทู่ ี่ เมอื งอไู่ ทย
๒๓๒๔ มีโบราณสถานและโบราณวตั ถทุ ีท่ รงคุณคา่ ต่อมาเพ่ือความสะดวกในการคมนาคมและค้าขาย
เช่น ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในโบสถ์และวิหาร กบั พระนคร ไดข้ ยบั ขยายพน้ื ทม่ี าอยอู่ าศยั ทร่ี มิ แมน่ ำ้�
ท่ีเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ ซึ่งเป็นฝีมือช่างหลวง สะแกกรัง เรียกชื่อหมู่บ้านว่า หมู่บ้านสะแกกรัง
สมัยรัตนโกสนิ ทร์ตอนต้น ทโี่ บสถ์ เป็นภาพเกย่ี วกบั ซึ่งเป็นพ้ืนที่รายล้อมวัดสังกัสรัตนคีรีน้ี วัดแห่งน้ี
พทุ ธประวตั ิ นอกจากน้ี ยงั มี มณฑปแปดเหลยี่ ม เจดยี ์ มคี วามโดดเดน่ คือ มี สิริมหามายากุฏาคาร อาคาร
สามองค์ สามสมยั สงิ่ ของพระราชทานจากพระบาท มณฑป ทรงไทยสวยงาม บนเชงิ เขา บนั ได ๔๔๙ ขน้ั
สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ทอดยาวไปสทู่ ม่ี ณฑปนน้ั ใชเ้ ปน็ สถานทใ่ี นการจดั พธิ ี
เชน่ ฝาบาตรประดบั มกุ หม้อน้�ำ กระโถนปากแตร ตักบาตรเทโว ชว่ งวันออกพรรษาของทกุ ปี
แจกัน เป็นตน้
เมอื งโบราณการงุ้ อยทู่ ต่ี �ำบลวงั หนิ อ�ำเภอ
แหล่งทอผ้าพ้ืนเมืองบ้านโคกหม้อ อยู่ที่ บ้านไร่ พบร่องรอยการตั้งถิ่นฐานของผู้คน โดยมี
หม่บู ้านโคกหมอ้ อ�ำเภอทพั ทัน บรรพบุรษุ ชาวบ้าน การสร้างชุมชนตามแบบทวารวดี ที่มีผังเมือง
ชมุ ชนบา้ นโคกหมอ้ ไดอ้ พยพโยกยา้ ยมาจากเวยี งจนั ทน์ เป็นเนินดินรูปวงกลม ล้อมรอบด้วยคูน้�ำคันดิน
เมอื่ ปี พ.ศ. ๒๓๗๑ สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ ก�ำแพงเมอื งสงู ๖ เมตร คนู ำ�้ กวา้ ง ๒๐ เมตร ปจั จบุ นั
เจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) คร้ังปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์ ยงั คงมกี �ำแพงดนิ ใหเ้ หน็ เปน็ แนวเขตรอบเมอื ง ส�ำหรบั
แหง่ เวยี งจนั ทน์ ส�ำเร็จ ชาวลาวคร่งั ท่ถี ูกกวาดตอ้ น คูเมืองโดยรอบ ถูกขุดลอกท�ำลาย ภายในบริเวณ
ได้น�ำประเพณี วัฒนธรรม ส่ิงของเครื่องใช้ต่าง ๆ เมืองมีซากเจดีย์หักพัง พบโบราณวัตถุที่เก่ียวข้อง
มาดว้ ย หนง่ึ ในวฒั นธรรมทโี่ ดดเดน่ ของชาวลาวครง่ั กับพระพุทธศาสนา พระพิมพ์ จากหลักฐานท่ีพบ
คือ การทอผ้าท่ีเป็นผ้ามัดหมี่ต่อตีนจก ผ้ายกดอก สนั นษิ ฐานวา่ มีอายุประมาณ พ.ศ. ๑๑๐๐
ลายเชิงแบบเก่า ลวดลายผ้าเป็นแบบโบราณ เช่น
114 แหลง่ เรียนรทู้ างประวตั ศิ าสตร์ในทอ้ งถิ่น ๗๗ จงั หวดั ทัว่ ไทย
(ภาคเหนอื เเละภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ)
กาฬสนิ ธุ์
กาฬสินธุ์
115แหลง่ เรยี นรู้ทางประวตั ิศาสตร์ในท้องถ่นิ ๗๗ จงั หวดั ท่วั ไทย
(ภาคเหนือเเละภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)
กาฬสินธ์ุ
กาฬสนิ ธุ์
หลวงพ่อองค์ด�ำลอื เลื่อง จนกระทง่ั ถงึ สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั
(รัชกาลท่ี ๓) เจ้าอนุวงศ์ กษัตริย์แห่งเวียงจันทน์
เมอื งฟา้ แดดสงยาง โปงลางเลศิ ลำ�้ คิดปลดแอดจากการเป็นประเทศราชจากสยาม
วัฒนธรรมผู้ไท ผา้ ไหมแพรวา ไดเ้ กลยี้ กลอ่ มเจา้ เมอื งกาฬสนิ ธใ์ุ นขณะนน้ั ใหร้ ว่ มมอื
ผาเสวยภพู าน มหาธารลำ� ปาว ดว้ ย ทางกรงุ เทพมหานครจงึ ไดส้ ง่ พระยาราชสภุ าวดี
ไดโนเสาร์สัตวโ์ ลกลา้ นปี (ต่อมาคือ เจ้าพระยาเจ้าพระยาบดินทรเดชา สิงห์
สิงหเสน)ี และ หลวงคนั ธนาม ยกทัพมาปราบเมือง
กาฬสนิ ธุไ์ ว้ได้
กาฬสนิ ธ์ุ อยใู่ นตอนกลางของภาคตะวนั ออก ในสมยั การเปลยี่ นแปลงรปู แบบการปกครอง
เฉียงเหนือ เป็นพื้นท่ีท่ีมีความอุดมสมบูรณ์ด้วย ส่วนท้องถิ่นแบบมณฑลเทศาภิบาล มีการยกเมือง
ทรัพยากรธรรมชาติ มีการค้นพบหลักฐานทาง กาฬสินธุ์เปน็ “อ�ำเภออทุ ยั กาฬสินธ์ุ” ขึ้นกับมณฑล
โบราณคดีท่ีแสดงให้เห็นว่ามีชุมชนเผ่าละว้า หรือ ร้อยเอ็ด ต่อมามีการจัดแบ่งการปกครองใหม่ เป็น
ชาวลวั ะ เคยอาศยั อยใู่ นบรเิ วณนี้ เมอ่ื กวา่ ๑,๖๐๐ ปี อ�ำเภอ ข้ึนตรงกับจังหวัดมหาสารคาม และในปี
ประวตั คิ วามเปน็ มาของเมอื งกาฬสนิ ธ์ุ ปรากฏชดั เจน พ.ศ. ๒๔๙๐ ยกฐานะจาก อ�ำเภอกาฬสินธุ์ ข้ึนเป็น
ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เม่ือท้าวโสมพะมิตร จงั หวดั กาฬสนิ ธใุ์ นปัจจุบัน
อุปราชแห่งเมืองเวียงจันทน์ ได้อพยพผู้คนจาก จากเรื่องราวความเป็นมาอันยาวนานของ
นครหลวงเวียงจันทน์ ข้ามฝั่งโขง มาต้ังถิ่นฐาน การตั้งชุมชนท่ีอยู่ของผู้คนท่ีหลากหลาย ส่งผลให้
บนดินแดนประเทศไทย มีการโยกย้ายชุมชน เกดิ การสง่ั สมความรู้ ภมู ิปัญญา เกดิ ประวัตศิ าสตร์
หลายครงั้ จนพบดนิ แดนทเี่ หมาะสม ใกลก้ บั บรเิ วณ ทน่ี า่ ศกึ ษามากมาย แหลง่ เรียนรูท้ างประวตั ิศาสตร์
ล�ำน�้ำปาว จึงตั้งศาลเจ้าพ่อหลักเมืองขึ้น เรียก ในทอ้ งถิ่นท่ีนา่ สนใจ เช่น
ชมุ ชนใหมน่ ว้ี า่ บา้ นแกง่ ส�ำโรง ทา้ วโสมพะมติ ร ไดน้ �ำ
เครอ่ื งราชบรรณการตา่ ง ๆ ไปถวายพระบาทสมเดจ็ พระธาตยุ าคู อยทู่ บ่ี า้ นเสมา อ�ำเภอกมลาไสย
พระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหราช (รชั กาลท่ี ๑) เพ่ือ เป็นหนึ่งในโบราณสถานที่พบในเขตเมืองฟ้าแดด
แสดงความจงรกั ภกั ดี หนง่ึ ในเครือ่ งราชบรรณาการ สงยาง ซ่ึงเป็นเมืองโบราณสมัยทวารวดีท่ีส�ำคัญ
คือ กาน�้ำส�ำริดที่มีสีด�ำ พระองค์ทรงพระราชทาน ในภาคอีสาน ที่มีการค้นพบหลักฐานการต้ังชุมชน
นามเมืองวา่ “เมืองกาฬสนิ ธ”์ุ (“กาฬ” หมายถึง ด�ำ มากมาย พระธาตุยาคู เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ท่ีสุด
“สนิ ธ”์ุ หมายถงึ นำ�้ ) และแตง่ ตงั้ ทา้ วโสมพะมติ รเปน็ ในเมอื งฟา้ แดดสงยาง ลกั ษณะเปน็ เจดยี ท์ รง ๘ เหลยี่ ม
พระยาชัยสุนทร ปกครองเมืองกาฬสินธุ์เร่ือยมา กอ่ ดว้ ยอฐิ ดนิ ยอ่ มมุ ไม้ ๑๒ ฐานมคี วามกวา้ ง ๑๐ เมตร
117แหลง่ เรยี นรู้ทางประวัติศาสตร์ในทอ้ งถนิ่ ๗๗ จงั หวดั ท่วั ไทย
(ภาคเหนอื เเละภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)
กาฬสนิ ธุ์
ยาว ๑๐ เมตร สร้างซอ้ นกนั ในลักษณะเปน็ จตั ุรมุข ในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ จงึ ได้มีการวางศลิ าฤกษ์ สรา้ งวดั
มีบนั ไดทางขน้ึ ๔ ทิศ ความสงู วัดจากฐานถึงยอดสงู และบูรณะ มีพระสงฆจ์ �ำพรรษาจนถงึ ปจั จุบนั
๘ เมตร ชาวบา้ นเชอื่ กันวา่ เป็นพระธาตุท่ีบรรจุอัฐิ
ของพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ชาวเมืองเคารพนับถือ พทุ ธสถานภูปอ ต้ังอยตู่ �ำบลภปู อ อ�ำเภอ
จงึ เรียกกันว่า “พระธาตยุ าค”ู เพราะค�ำว่า “ญาค”ู เมอื งกาฬสนิ ธ์ุ เปน็ ทป่ี ระดษิ ฐานพระพทุ ธรปู โบราณ
ภาษาอสี าน หมายถงึ พระสงฆ์ผู้ใหญ่ในวัด นับเป็น ปางไสยาสน์ จ�ำหลักอยู่ใต้เพิงผาภูเขาหินทราย
โบราณสถานที่ยงั คงสภาพค่อนขา้ งสมบรู ณ์ จ�ำนวน ๒ องค์ องคห์ นงึ่ สนั นษิ ฐานวา่ สรา้ งในสมยั
พุทธศตวรรษท่ี ๑๒ - ๑๔ ตามแบบศิลปะสมัย
เมอื งฟ้าแดดสงยาง ตั้งอยู่ในพ้ืนท่หี มู่บ้าน ทวารวดี พนื้ ถนิ่ อสี าน คอื มพี ระพกั ตรค์ อ่ นขา้ งเหลยี่ ม
เสมา อ�ำเภอกมลาไสย ซง่ึ อยบู่ นท่ีราบลุ่มแมน่ �ำ้ ปาว พระโอษฐห์ นา ขมวดพระเกศาใหญ่ พระรศั มกี ลมนนู
ท่ีมีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การต้ังถ่ินฐาน คล้ายลูกแก้ว ครองจีวรเเบบห่มดองเรียบ อีกองค์
จึงปรากฏร่องรอยเมืองโบราณสมัยทวารวดี คือ สันนิษฐานว่าสร้างในพุทธศตวรรษท่ี ๑๘ - ๑๙
“เมืองฟา้ แดดสงยาง” หรือท่ีเรยี กอกี ชอื่ ว่า “เมือง ศิลปะแบบทวารวดีได้รับอิทธิพลจากสุโขทัย
เสมา” เนอื่ งจากมีผงั เมืองรปู วงรี คลา้ ยกบั ใบเสมา ส่วนสัด และลักษณะอ่อนช้อยพระพักตร์รูปไข่
สนั นษิ ฐานว่ามีการขยายพื้นท่ขี องชุมชน มรี ่องรอย พระโอษฐแ์ ย้ม พระกรรณยาว เม็ดพระศกเปน็ แบบ
คูน้�ำคันดินเดิม และร่องรอยคูเมืองใหม่สองช้ัน กน้ หอยขนาดใหญ่ ครองจวี รหม่ ดองสลกั รอ่ งเปน็ แนว
ปจั จบุ นั เหลอื เพียงซากอิฐปนดนิ และองคพ์ ระธาตุ สังฆาฏิ แสดงให้เห็นถึงการนับถือพระพุทธศาสนา
ยาคู ท่ีถือว่ายังสมบูรณ์อยู่มาก นอกจากนี้ ยังพบ ของผู้คนในแถบน้ีมาตงั้ แต่สมยั โบราณ
ใบเสมาหินทราย กระจายอยู่ทั่วหมู่บ้าน ใบเสมา ภูปอ นอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานของ
เหล่านี้เป็นภาพแกะสลักบอกเล่าเร่ืองราวเกี่ยวกับ พระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังมีทิวทัศน์ตาม
พทุ ธประวตั ิ ชาวบา้ นจงึ น�ำไปเกบ็ รกั ษาไวท้ ว่ี ดั โพธช์ิ ยั ธรรมชาตทิ ี่สวยงามเหมาะแก่การพกั ผอ่ นหย่อนใจ
เสมาราม ซึ่งเป็นวดั ประจ�ำหมูบ่ า้ น
วดั พทุ ธนมิ ติ ภคู า่ ว หรอื วดั พทุ ธนมิ ติ อยทู่ ่ี
วดั ดอนกู่ ตัง้ อยทู่ ต่ี �ำบลหนองแปน อ�ำเภอ อ�ำเภอสหัสขันธ์ บริเวณยอดเขาด้านทิศตะวันตก
กมลาไสย เป็นพื้นท่ีใกล้เคียงกับเมืองโบราณ เปน็ ทป่ี ระดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ปางไสยาสน์ ลกั ษณะ
ฟา้ แดดสงยาง ลกั ษณะเปน็ เนนิ ดนิ ชาวบา้ นเรยี กวา่ นอนตะแคงซ้าย ไมม่ เี กตุมาลา ซึ่งเป็นลักษณะของ
“ดอนกู่” ภายในบริเวณดอนกู่ มีก้อนหินทราย พระโมคคลั ลานะ พระสาวกองคห์ นงึ่ ของพระพทุ ธเจา้
ทรงส่ีเหลี่ยมขนาดต่าง ๆ วางบนเนินดินเป็นระยะ สนั นษิ ฐานวา่ ถกู สรา้ งขน้ึ ในสมยั เดยี วกบั พระธาตพุ นม
ในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ มกี ารขดุ คน้ พบพระพทุ ธรปู ศลิ ปะ เป็นพระพุทธรูปศักด์ิสิทธ์ิ ท่ีชาวกาฬสินธุ์เคารพ
ทวารวดี เศยี รพระพทุ ธรปู ขนาดใหญใ่ นสมยั ทวารวดี สักการะ ซ่ึงในทุกปี ช่วงเดือนเมษายน มีการจัด
๒ เศยี ร แตป่ จั จบุ นั เหลอื อยเู่ พยี ง ๑ เศยี ร จนกระทงั่ ประเพณีสรงน้�ำพระพุทธรปู ไสยาสน์
118 แหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตรใ์ นท้องถิ่น ๗๗ จงั หวดั ท่ัวไทย
(ภาคเหนือเเละภาคตะวันออกเฉียงเหนอื )
กาฬสินธ์ุ
นอกจากนี้ ภายในวดั ยงั มพี ระมหาธาตเุ จดยี ์ กุดสมิ อ�ำเภอเขาวง เปน็ ทเี่ คารพสกั การะของพีน่ ้อง
สรา้ งจากหนิ ทราย ยอดท�ำจากทองค�ำ ประดบั ตกแตง่ ชาวผู้ไทย (ภูไท) เป็นอยา่ งมาก เพราะพระธิเบศร์
ดว้ ยเพชรนลิ จนิ ดา เปน็ ทป่ี ระดษิ ฐานของ พระพทุ ธ- วงศา ได้พาสมัครพรรคพวกอพยพขึ้นไปยังภูพาน
นมิ ติ เหลก็ ไหล มวี หิ ารทปี่ ระดษิ ฐานพระพทุ ธรปู และ เพอื่ หาท�ำเลการตงั้ ถนิ่ ฐาน เเละทที่ �ำมาหากนิ เเตย่ งั
พระเครือ่ งจ�ำนวนมาก ไม่พบท�ำเลท่ีเหมาะสม จึงอพยพลงมาทางหลังเขา
พบทรี่ าบลมุ่ ล�ำนำ้� ใหญ่ คอื ล�ำนำ้� ยงั และยงั มลี �ำหว้ ย
อนสุ าวรยี พ์ ระยาชยั สนุ ทร ตง้ั อยทู่ ใี่ จกลาง อีกหลายสาย เห็นว่าเหมาะแก่การท�ำมาหากิน
เมอื งกาฬสนิ ธ์ุ ชาวกาฬสนิ ธไ์ุ ดร้ ว่ มกนั สรา้ งอนสุ าวรยี ์ บริเวณกุดน�้ำน้นั ยังพบมใี บเสมา แกะสลักเปน็ ลาย
แหง่ นข้ี นึ้ เพอื่ ระลกึ ถงึ พระยาชยั สนุ ทร หรอื ทา้ วโสม จึงถือเอานิมิตหมายอันนี้ ตั้งเป็นชื่อบ้านว่า กุดสิม
พะมติ ร ผเู้ จา้ เมอื งกาฬสนิ ธค์ุ นแรก ลกั ษณะเปน็ งาน นารายณ์ ตอ่ มาในปี พ.ศ. ๒๓๘๘ พระบาทสมเด็จ
ประติมากรรมสมั ฤทธิร์ ูปพระยาชัยสุนทรขนาดเท่า พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รชั กาลท่ี ๓) โปรดเกลา้ ฯ ให้
ตัวจริงมือขวาถือกาน�้ำ มือซ้ายถือดาบอาญาสิทธ์ิ ยกฐานะบ้านกุดสิมนารายณ์ ขึ้นเป็นเมืองกุดสิม
ตั้งอยู่บนฐานลวดบัวปูนปั้นทรงสูง มีก�ำแพงเมือง นารายณ์ และแตง่ ตง้ั ทา้ วกอ เป็น พระธเิ บศรว์ งศา
ลอ้ มรอบ ผนงั ก�ำแพงมีปนู ป้ัน บอกเลา่ เรอ่ื งราวการ เจ้าเมอื งกดุ สมิ นารายณ์
อพยพผคู้ นทน่ี �ำโดยท้าวโสมพะมิตร เพ่อื ตัง้ ถนิ่ ฐาน
ทอ่ี ยู่ เร่มิ จากการอพยพจากบา้ นผ้าขาว บ้านพัฒนา พพิ ธิ ภณั ฑส์ ริ นิ ธร หรอื พพิ ธิ ภณั ฑไ์ ดโนเสาร์
ผา่ นเทอื กเขาภพู าน บา้ นกลางหมนื่ อ�ำเภอเมอื งกาฬสนิ ธ์ุ ภูกมุ้ ข้าว เป็นสถานที่ปฏบิ ัตงิ านศึกษาวิจยั อนุรักษ์
จนกระท่ังถึงพ้ืนท่ีแก่งส�ำโรง ดงสงเปือย ริมฝั่ง และเก็บรวบรวมตัวอย่างอ้างอิงซากไดโนเสาร์ท่ีมี
ล�ำน้ำ� ปาว และเหตกุ ารณ์ท่ที ้าวโสมพะมิตร เขา้ เฝา้ ความสมบูรณ์แบบ และมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ไดร้ บั พระราชทานนามจากสมเดจ็
(รชั กาลที่ ๑) ขอพระราชทานตั้งเมือง ซ่งึ พระองค์ พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตน
โปรดเกล้าฯ ยกฐานะบ้านแก่งส�ำโรงขึ้นเป็น ราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี วา่ “พพิ ธิ ภณั ฑส์ ริ ธิ ร”
เมืองกาฬสินธ์ุ และตง้ั ทา้ วโสมพะมิตร เป็นเจา้ เมอื ง จัดเเสดงซากดึกด�ำบรรพ์ของไดโนเสาร์ท่ีภูกุ้มข้าว
กาฬสินธุ์คนแรก อ�ำเภอสหสั ขนั ธ์ จงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ พบโดยพระครวู จิ ติ ร
สหัสคณุ เจ้าอาวาสวดั สักกะวนั ในปี พ.ศ. ๒๕๓๗
อนสุ าวรยี พ์ ระธเิ บศร์วงศา (กอ) ทา้ วกอ จากหลักฐานทพ่ี บแสดงใหเ้ ห็นว่าพ้นื ท่นี ้ี เปน็ แหลง่
เปน็ อนสุ าวรยี ท์ สี่ รา้ งขนึ้ เพอื่ ระลกึ ถงึ คณุ งามความดี ไดโนเสาร์กินพืชที่สมบูรณ์ที่สุดของประเทศไทย
ของพระธิเบศร์วงศา (กอ) ผู้เป็นเจ้าเมืองกุดสิม โดยพบกระดกู ไดโนเสารเ์ กอื บท้ังตวั
นารายณ์คนแรก ตั้งอยู่ภายในศูนย์ศิลปาชีพต�ำบล
119แหล่งเรียนรทู้ างประวตั ิศาสตรใ์ นทอ้ งถ่ิน ๗๗ จงั หวัดทัว่ ไทย
(ภาคเหนือเเละภาคตะวันออกเฉียงเหนอื )
กาฬสินธุ์
ศูนยศ์ ิลปวฒั นธรรมผ้ไู ทย ผ้าไหมแพรวา เข้ามาตั้งหลักแหล่งอยู่แถบเทือกเขาภูพานทาง
บา้ นโพน ตงั้ อย่ทู ี่อ�ำเภอค�ำมว่ ง แพรวา หรือผ้าไหม ภาคอีสานของไทย ส่วนใหญอ่ ยู่ในจังหวดั กาฬสนิ ธ์ุ
แพรวา เปน็ ผา้ ทอมอื อนั เปน็ เอกลกั ษณข์ องชาวผไู้ ทย นครพนม มุกดาหาร สกลนคร ชาวผูไ้ ทยยงั คงรักษา
(ภูไท) ซ่ึงเป็นชนกลุ่มหนึ่ง มีถ่ินก�ำเนิดในบริเวณ วฒั นธรรมประเพณี ความเชอื่ การแตง่ กายไดอ้ ยา่ ง
แคว้นสบิ สองจุไท (ดินแดนส่วนเหนือของลาว และ ดีงาม มกี ารสืบต่อภมู ิปัญญาในการทอผ้า ด้วยการ
เวยี ดนาม ซง่ึ ตดิ ตอ่ กบั ดนิ แดนภาคใตข้ องจนี ) อพยพ เก็บลายจากการเก็บขิด และการจก เพื่อสร้าง
เคลื่อนยา้ ยผา่ นเวียดนาม ลาว แลว้ ขา้ มฝั่งแมน่ ำ�้ โขง ลายผา้ ทโ่ี ดดเด่นเปน็ เอกลักษณ์
120 แหลง่ เรยี นรู้ทางประวตั ศิ าสตร์ในทอ้ งถ่นิ ๗๗ จังหวดั ทวั่ ไทย
(ภาคเหนือเเละภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ)
ขอนเเก่น
ขอนแก่น
121แหล่งเรียนรทู้ างประวตั ิศาสตรใ์ นท้องถิน่ ๗๗ จังหวดั ทั่วไทย
(ภาคเหนอื เเละภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ)
ขอนเเกน่
ขอนเเกน่
ข้อพิพาทท่ีนครเวียงจันทน์ จากเหตุการณ์นั้น
พระธาตุขามแก่น เสยี งแคนดอกคนู ทา้ วเพย้ี เมอื งแพน ไดอ้ พยพผคู้ นจากนครเวยี งจนั ทน์
ศนู ย์รวมผา้ ไหม รว่ มใจผกู เส่ยี ว ข้ามแม่น�้ำโขงมาฝั่งไทย มีการโยกย้ายถ่ินฐาน
เทย่ี วขอนแกน่ นครใหญ่ ไดโนเสารส์ ิรินธรเน่ เพ่ือหาท�ำเลที่สมบูรณ์ในการตั้งชุมชน ในที่สุด
สดุ เท่เหรยี ญทองแรกมวยโอลิมปิก ไดล้ งหลกั ปกั ฐาน ในพนื้ ทบ่ี า้ นเมอื งเกา่ อ�ำเภอเมอื ง
ขอสวามภิ กั ดต์ิ อ่ พระมหากษตั รยิ ไ์ ทย และขน้ึ ตรงตอ่
เมืองนครราชสีมา ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธ
ขอนแกน่ ตง้ั อยกู่ ลางพน้ื ทขี่ องภาคตะวนั ออก ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) โปรดให้
เฉยี งเหนอื เปน็ เมอื งศนู ยก์ ลางการศกึ ษา การคา้ และ ยกฐานะเมอื งขน้ึ เปน็ “เมอื งขอนแก่น” และแตง่ ตงั้
เศรษฐกิจของภูมิภาค ในพ้ืนที่มีความอุดมสมบูรณ์ ทา้ วเพยี้ เมอื งแพน เปน็ พระนครศรบี รริ กั ษบ์ รมราชภกั ดี
ของทรัพยากรธรรมชาติ มีแม่น�้ำสายส�ำคัญ คือ เจา้ เมอื งขอนแกน่ คนแรก ในชว่ งรตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้
ล�ำนำ�้ พอง ปรากฏรอ่ งรอยการตง้ั ชมุ ชนโบราณตลอด มีการโยกย้ายที่ตั้งเมืองอยู่หลายครา ในสมัย
เสน้ ทางของล�ำนำ�้ หลายยคุ หลายสมยั เชน่ มกี ารพบ การปกครองแบบเทศาภิบาล ข้ึนตรงกับมณฑล
เครอื่ งมอื เครอื่ งใช้ เครอ่ื งประดบั ท�ำดว้ ยส�ำรดิ และโลหะ อดุ รธานี และเมอื่ ยกเลกิ การปกครองรปู แบบดงั กลา่ ว
อายุมากกว่า ๔,๐๐๐ ปี ท่ีแหล่งโบราณคดีบ้าน จึงเปลี่ยนชื่อเปน็ “จงั หวัดขอนแกน่ ” ในปัจจบุ นั
โนนนกกทา อ�ำเภอภเู วยี ง พบศลิ าจารกึ เสาหนิ โบราณ
และโบราณสถาน โบราณวัตถุ ต่าง ๆ ที่แสดงถึง พระธาตขุ ามแกน่ ประดษิ ฐานอยทู่ วี่ ดั เจตยิ ภมู ิ
การแผอ่ ทิ ธพิ ลของขอมเหนอื ดนิ แดนแหง่ น้ี ในช่วง หรือช่ือเดิม คือ วัดบ้านขาม อ�ำเภอน้�ำพอง เป็น
พทุ ธศควรรษที่ ๑๒ - ๑๓ มบี นั ทกึ การสรา้ ง พระธาตุ ปชู นยี สถานส�ำคญั คเู่ มอื งขอนแกน่ ลกั ษณะเปน็ อาคาร
บ้านขาม ท่ีสลักค�ำสอนของสมเด็จพระสัมมา ทรงเจดยี ์ ศลิ ปะแบบลา้ นชา้ ง มฐี านกวา้ งผายออกเปน็
สัมพุทธเจ้า แสดงให้เห็นว่าชุมชนในพื้นท่ีน้ีนับถือ ทรงสเี่ หลย่ี มจตั รุ สั เปน็ ฐานบวั ควำ�่ ตอ่ ดว้ ยเรอื นธาตุ
พระพุทธศาสนามายาวนาน ในสมัยอยุธยา พื้นที่ ที่เป็นบัวเหลี่ยม ซ้อนกัน มีปลียอดเป็นช้ันเรียว
แถบนไ้ี มม่ ชี มุ ชนทลี่ งหลกั ปกั ฐานชดั เจน มกี ารอพยพ ไปสู่ยอด ความสูงจากพนื้ ดนิ ถงึ ยอดฉัตร ประมาณ
โยกย้ายของผู้คนเสมอ และกลายเป็นเมืองร้าง ๒๕ เมตร รอบพระธาตุ มีก�ำแพงแก้วล้อมรอบ
ในบางสมยั ในสมยั ธนบรุ ี เกดิ ขอ้ พพิ าทในหมผู่ ปู้ กครอง ก�ำหนดอายุราวพุทธศตวรรษท่ี ๒๔ - ๒๕ ราวปี
นครเวยี งจันทน์ ซง่ึ ในขณะนนั้ เปน็ ประเทศราชของ พ.ศ. ๒๔๙๙ พระราชสารธรรมมนุ ี (กณั หา ปภสสฺ โร)
กรงุ ธนบรุ ี สมเด็จพระเจ้าตากสนิ มหาราช โปรดให้ ไดท้ �ำการบรู ณะพระธาตบุ า้ นขาม และเปลย่ี นชอื่ จาก
เจา้ พระยามหากษตั รยิ ศ์ กึ (ตอ่ มาคอื พระบาทสมเดจ็ พระธาตบุ า้ นขามเปน็ พระธาตขุ ามแกน่ และวดั บา้ น
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) ยกทักไปปราบ ขามเป็นวดั เจติยภมู ิ
123แหล่งเรยี นรูท้ างประวัติศาสตรใ์ นทอ้ งถน่ิ ๗๗ จังหวัดทั่วไทย
(ภาคเหนอื เเละภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ)
ขอนเเก่น
มีต�ำนานเร่ืองเล่าถึงประวัติของพระธาตุ พทุ ธศตวรรษที่ ๑๒ ขอ้ ความในจารกึ กลา่ วถงึ พระนาม
ขามแก่นหลายต�ำนาน ต�ำนานหนึ่งกล่าวว่า มเหนทรวรมนั กษตั รยิ แ์ หง่ อาณาจกั รเจนละ ปจั จบุ นั
พระยาหลงั เขยี ว เจา้ นครโมรยี ์ (อยใู่ นประเทศกมั พชู า มกี ารจัดต้งั พพิ ธิ ภัณฑป์ ระวัตศิ าสตร์ ภายในบรเิ วณ
ปจั จบุ นั ) ทรงทราบขา่ วการสรา้ งพระธาตพุ นม จงึ ได้ วัดศรีเมืองแอม เพื่อเป็นแหล่งให้ความรู้แก่ผู้สนใจ
เดินทางมุ่งไปนครพนมเพ่ืออัญเชิญพระอังคารธาตุ เมืองไชยวาน บ้านโพธิ์ไชย อ�ำเภอโคกโพธิ์ไชย
ไปบรรจุไว้ในพระธาตุพนมด้วย ระหว่างทางไป
ได้ค้างคนื ณ สถานที่แหง่ หนงึ่ ซง่ึ มีตอมะขามทผ่ี ุพงั เมอื งไชยวาน ตง้ั อยบู่ นเนนิ ดนิ รมิ หว้ ยทราย
เหลือแต่แก่น และได้อันเชิญพระอังคารธาตุวางไว้ ซึ่งเป็นสาขาของล�ำน้�ำชี สันนิษฐานว่าจากความ
ทบี่ นตอมะขามผนุ นั้ รงุ่ เชา้ เดนิ ทางตอ่ ไปยงั นครพนม อุดมสมบูรณ์ดังกล่าว จึงเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของผู้คน
และพบว่าพระธาตุพนมสร้างเสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว สมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ เมอื่ ประมาณ ๕,๐๐๐ ปมี าแลว้
ดว้ ยความผดิ หวงั จงึ เดนิ ทางกลบั เมอ่ื ผา่ นมายงั จดุ เดมิ โดยปรากฏร่องรอยคูน�้ำคันดินล้อมรอบผังเมือง
ทมี่ ตี อมะขาม ปรากฏวา่ ตอมะขามผไุ ดเ้ จรญิ งอกงาม ท่ีเป็นรูปวงรี บริเวณโรงเรียนบ้านโพธิ์ไชย มีการ
เปน็ นมิ ติ อนั ดี จงึ ไดส้ รา้ งพระธาตขุ นึ้ เพอื่ ประดษิ ฐาน ขุดพบเศษเคร่ืองปั้นดินเผา เคร่ืองมือโลหะ และ
พระอังคารธาตุน้ัน และพระยาหลังเขียวก็ได้สร้าง เคร่ืองประดับที่เป็นโลหะและลูกปัดหลากสี
บ้านแปงเมืองในพื้นที่น้ี ปัจจุบันในเดือน ๖ ของ เคร่ืองปั้นดินเผาแบบอุณหภูมิต�่ำ แบบเน้ือหยาบ
ทุกปี ชาวเมืองขอนแก่น จะได้จัดงานฉลองและ ขนาดใหญ่ เปน็ ไหทรงสูงก้นกลมมนใชบ้ รรจุกระดกู
นมัสการพระธาตขุ ามแก่น คนตาย ซ่ึงมาจากลักษณะความเช่ือเรื่องการฝังศพ
ของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ยังพบร่องรอย
เมอื งโบราณดงเมอื งแอม ต้ังอยทู่ ต่ี �ำบลดง การแผ่อทิ ธพิ ลวฒั นธรรมทวาราวดี ท่มี ีพทุ ธศาสนา
เมอื งแอม อ�ำเภอเขาสวนกวาง ภายในพื้นทีห่ มูบ่ า้ น เปน็ หลกั แพรห่ ลายเขา้ มา เชน่ มกี ารคน้ พบ กลมุ่ เสมา
ดงเมืองแอมและภายในวัดศรีเมืองแอม ปรากฏ หินทราย บางแผ่นมีค�ำจารึกและลวดลายสลัก
รอ่ งรอยการตง้ั ถนิ่ ฐานของผคู้ นเปน็ ชมุ ชนขนาดใหญ่ สวยงาม ช้นิ ส่วนพระพุทธรูปหินทรายสมยั ทวารวดี
ในอดีต พบซากโบราณสถาน ร่องรอยคูคันดิน จากหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ หลากหลายยคุ ทพ่ี บ
แสดงผงั เมอื งรปู รา่ งไมส่ มำ�่ เสมอ ลกั ษณะเปน็ คนั ดนิ จงึ เป็นเครอ่ื งยนื ยนั วา่ พื้นท่แี ห่งนี้ ใช้เป็นท่ีอยอู่ าศยั
ของเมอื งแฝดสองวงตอ่ เนอ่ื งกนั เมอื งทางดา้ นตะวนั ตก ทุกยุคสมัย
เปน็ รปู สเี่ หลยี่ มผนื ผา้ มมุ มน เมอื งดา้ นตะวนั ออกเปน็
รปู วงรแี ต่ด้านใต้ขยายออ้ มไปทางตะวนั ตก โบราณ ปราสาทเปอื ยนอ้ ย เรยี กอกี ชอ่ื วา่ กเู่ ปอื ยนอ้ ย
วตั ถสุ �ำคัญทพ่ี บทวี่ ัดนี้ คือ ศิลาจารกึ สมัยพระเจา้ หรือ พระธาตุกู่ทอง ต้ังอยู่ท่ีอ�ำเภอเปือยน้อย
มเหนทรวรมัน เป็นจารึกแผ่นหินทราย สลักภาษา เป็นปราสาทหินศิลปะขอม มีขนาดใหญ่ท่ีสุดที่พบ
สนั สกฤต อักษรปลั ลวะ (อินเดียใต)้ ก�ำหนดอายุราว ในขอนแก่น ท่ีมีความสมบูรณ์อยู่มาก การวางผัง
124 แหล่งเรยี นรทู้ างประวตั ศิ าสตร์ในท้องถนิ่ ๗๗ จงั หวดั ทัว่ ไทย
(ภาคเหนือเเละภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื )
ขอนเเก่น
อาคารและสิ่งก่อสร้างเป็นไปตามแบบแผนของ ปูนปั้นขนาดใหญ่ แต่เดิม เป็นเพียงองค์พระท่ี
ศาสนสถานขอมโบราณ สอ่ื ความหมายถงึ เขาพระสเุ มรุ สร้างจากหิน ตอ่ มา มีการน�ำน�ำ้ มนั ยางมาทาจนทัว่
ซึ่งเป็นแกนจักรวาล และเป็นที่สถิตของเทพเจ้า องคพ์ ระ แลว้ น�ำพอกดว้ ยปนู ดนิ สอพองและปนู ขาว
องค์พระปรางค์ประธาน มีหน้าบันสลักเป็นนาคที่ จงึ มขี นาดทใี่ หญข่ นึ้ ไดเ้ รยี กขานวา่ หลวงปพู่ ระเจา้ ใหญ่
วิจิตร ทับหลังสลักรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ มีซุ้ม นับแตน่ ้นั มา
ประตู (โคปรุ ะ) อยทู่ างทศิ ตะวนั ออกและทศิ ตะวนั ตก
ดา้ นขา้ งซมุ้ ประตเู จาะเปน็ ชอ่ งหนา้ ตา่ ง มกี �ำแพงแกว้ วัดมัชฌิมวิทยาราม หรือ วัดบ้านลาน
ลอ้ มรอบ จากลกั ษณะทางสถาปตั ยกรรม สนั นษิ ฐานวา่ อยู่ท่ีต�ำบลบ้านลาน อ�ำเภอบ้านไผ่ มีโบราณสถาน
สรา้ งข้นึ ราวพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๖ - ๑๗ เพื่อใช้เปน็ ที่ส�ำคัญ คือ โบสถ์ศิลปะอีสาน ล้านช้าง หรือท่ี
เทวสถานในศาสนาฮนิ ดู แสดงใหเ้ หน็ วา่ พน้ื ทนี่ เ้ี คยอยู่ ชาวบ้านเรียกวา่ “สิม” ทส่ี รา้ งข้นึ ในสมยั พระบาท
ภายใต้อทิ ธพิ ลของเขมร สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๗) ราวปี
พ.ศ. ๒๔๗๐ ภายในสิมมภี าพจติ รกรรมฝาผนงั หรอื
วดั ศรพี มิ ลบา้ นโตน้ ตงั้ อย่ทู ีอ่ �ำเภอพระยนื ทีเ่ รยี กว่า “ฮูปแตม้ ” เป็นภาพวาดเร่ืองทศชาติของ
ก่อต้ังข้ึนโดยสมเด็จพระพุทธาจารย์ (อาจ อาสภ พระพุทธเจ้า บางภาพมีการเขียนค�ำบรรยายภาพ
มหาเถระ) เอกลกั ษณท์ โ่ี ดดเดน่ ของวดั นี้ คอื มโี บสถ์ เปน็ ตวั อกั ษรไทยและอกั ษรไทนอ้ ย ปจั จบุ นั ตวั โบสถ์
และศาลาการเปรียญ ที่อยู่ในอาคารหลงั เดียว และ ได้รับการบูรณะโดยการสร้างหลังคาคลุมไว้
ภายในโบสถ์ เปน็ ทปี่ ระดษิ ฐานพระประธานสามองค์ เพื่อรักษา ฮูปแต้ม
ได้แก่ หลวงพ่อสุกเป็นพระหล่อ เป็นพระพุทธรูป
ศิลปะสโุ ขทัย หลวงพอ่ นาค เปน็ พระศลิ านาคปรก สิมวัดสระบัวแก้ว ตั้งอยู่ภายในวัด
ขดั สมาธิ ศลิ ปะอยธุ ยา ทางวดั อญั เชญิ หลวงพอ่ นาค สระบวั แกว้ บา้ นวงั คณู อ�ำเภอหนองสองหอ้ ง สมิ หรอื
มาจากจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา และ หลวงพอ่ ขาว โบสถ์อสี านน้สี รา้ งขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๗๔ หรือในสมยั
เปน็ พระศลิ าสขี าว ซง่ึ เปน็ พระพมา่ โบราณ พทุ ธบรษิ ทั พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รชั กาลท่ี ๗)
ที่มีจิตศรัทธาได้อัญเชิญหลวงพ่อขาวมาจากวัดของ โดยพระครวู บิ ลู ยพ์ ฒั นยกุ ต์ (หลวงพอ่ ผยุ ) เจา้ อาวาส
กรุงองั วะ ประเทศเมยี นมาร์ ในขณะนน้ั จดุ เดน่ ของสมิ แหง่ น้ี คอื มปี ระตมิ ากรรม
รูปสิงห์คู่น่ังหมอบและรูปปั้นคนน่ังเหยียดเท้า
วดั โพธไ์ิ ชย อยทู่ บ่ี า้ นกระนวน อ�ำเภอซ�ำสงู อยทู่ เ่ี ชงิ บนั ไดทางขนึ้ สโู่ บสถ์ รปู ปน้ั ทงั้ หมดนเี้ ปน็ ฝมี อื
เปน็ ท่ีประดษิ ฐาน หลวงปูพ่ ระเจา้ ใหญ่ พระพทุ ธรปู ของหลวงพ่อผุย ผนังของสิมเป็นการก่ออิฐถือปูน
ศักด์สิ ทิ ธิ์ คู่บา้ นคเู่ มืองมาแต่โบราณ สันนษิ ฐานว่า ทงั้ ภายในและภายนอกปรากฏภาพจติ รกรรมฝาผนงั
น่าจะสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตของผู้คน ชาดก
๑๓ - ๑๖ หลวงปู่พระเจ้าใหญ่เป็นพระพุทธรูป สวรรค์ นรก หรอื นทิ านพน้ื บ้าน
125แหลง่ เรยี นรทู้ างประวัตศิ าสตร์ในท้องถนิ่ ๗๗ จงั หวดั ทั่วไทย
(ภาคเหนอื เเละภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ)
ขอนเเกน่
สิมวัดไชยศรี วัดไชยศรี เป็นวัดเก่าแก่ ทศชาติชาดก เร่ืองพระเวสสันดร สังข์สินไชย
ของบา้ นสาวะถี อ�ำเภอเมือง วดั ไชยศรี ภายในวัดมี ภาพเทพและภาพสตั วต์ า่ ง ๆ ผนงั ดา้ นนอก เปน็ ภาพ
สมิ หรอื โบสถอ์ สี าน อายเุ กา่ แกก่ วา่ รอ้ ยปี เอกลกั ษณ์ นรก ๘ ขุม ภาพทหารยืนเฝ้าประตู
อนั โดดเด่นของสมิ หลงั น้ี คือ แต่เดิมหลงั คามงุ ด้วย
แผ่นไม้แป้นเกล็ด มีปีกยื่นทั้งสองข้าง ตามแบบ ศาลเจา้ พอ่ มเหสกั ข์ อยรู่ มิ ฝง่ั หว้ ยหนองเอย่ี น
สถาปตั ยกรรมอสี านดงั้ เดมิ แตเ่ มอ่ื ถงึ ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ อ�ำเภอชนบท เปน็ ศาลเจา้ ทช่ี าวชนบทใหค้ วามเคารพ
หลังคาเดิมผุพังมาก จึงมีการรื้อและท�ำหลังคา นับถือ เจ้าพ่อมเหสักข์ หรือ ผีมเหสักข์หลักเมือง
ขนึ้ ใหม่ เปน็ แบบสถาปตั ยกรรมรตั นโกสนิ ทร์ ทฝี่ าผนงั เป็น “ผอี าฮัก (อารักษ์)” ผปี ระจ�ำเมอื งทช่ี าวอสี าน
ท้ังด้านในและด้านนอก มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง เคารพกราบไหว้ เนอ่ื งจากเชอื่ วา่ เปน็ ผที คี่ อยคมุ้ ครอง
“ฮูปแต้ม” ท่ีสมบูรณ์ ภาพยังคงเด่นชัด ฝีมือ บ้านเมืองให้มีความสงบสุข เน่ืองจากผีบรรพบุรุษ
การเขียนแบบช่างพ้ืนบ้านและเขียนด้วยสีฝุ่น ของเจ้าเมืองผู้ต้ังชุมชน ในช่วงสงกรานต์ของทุกปี
ทไี่ ดม้ าจากวัสดทุ างธรรมชาติ ผนงั ดา้ นในเป็นภาพ ชาวบา้ นในชุมชนมกี ารจดั ประเพณีเลยี้ งผีมเหสักข์
126 แหลง่ เรยี นรู้ทางประวตั ิศาสตร์ในทอ้ งถนิ่ ๗๗ จงั หวดั ทัว่ ไทย
(ภาคเหนอื เเละภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ)
ชัยภูมิ
ชยั ภมู ิ
127แหล่งเรียนร้ทู างประวตั ศิ าสตรใ์ นทอ้ งถนิ่ ๗๗ จังหวดั ทั่วไทย
(ภาคเหนอื เเละภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ)
ชัยภูมิ
ชัยภมู ิ
ทิวทัศน์สวย รวยป่าใหญ่ พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รชั กาลที่ ๓)
ได้ปูนบ�ำเหน็จความดีความชอบ ยกชุมชนข้ึนเป็น
มีชา้ งหลาย ดอกไมง้ าม ลอื นามวรี บรุ ษุ “เมอื งชยั ภมู ”ิ และแตง่ ตงั้ นายแล ใหเ้ ปน็ “พระยา
สุดยอดผา้ ไหม พระใหญ่ทวารวดี ภกั ดชี มุ พล” เจา้ เมอื งคนแรกของชยั ภมู ิ
จากรอ่ งรอยการตงั้ ถน่ิ ฐานทอ่ี ยขู่ องกลมุ่ คน
ในอดตี ทตี่ อ่ เนอื่ งยาวนาน หลายยคุ หลายสมยั สง่ ผล
ชัยภูมิ ต้ังอยู่ในท่ีราบสูงอีสาน บริเวณ ใหช้ ยั ภมู มิ แี หลง่ เรยี นรทู้ างประวตั ศิ าสตรใ์ นทอ้ งถน่ิ
รมิ ขอบดา้ นตะวนั ตกของภมู ภิ าค ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ ทหี่ ลากหลายในมติ เิ วลา ควรคา่ แกก่ ารศกึ ษาเรยี นรู้ เชน่
เปน็ ทรี่ าบสงู ประกอบไปดว้ ยเทอื กเขาทเี่ รยี งรายจาก
ทางตะวนั ออกไปทางตะวนั ตก สง่ ผลใหม้ ที รพั ยากร อนุสาวรีย์พระยาภักดีชุมพล (แล) อย่ทู ่ี
ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ เป็นต้นก�ำเนิดของแม่น�้ำสาย วงเวยี นกลางเมอื งชยั ภมู ิ ชาวชยั ภมู ไิ ดร้ วมใจกนั สรา้ งขน้ึ
ส�ำคญั ของภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ไดแ้ ก่ แมน่ ำ้� ชี เพอื่ เปน็ การระลกึ ถงึ พระยาภกั ดชี มุ พล (แล) ผกู้ อ่ ตง้ั
ด้วยมีบริบทสภาพแวดล้อมที่เอ้ือต่อการอยู่อาศัย และเจา้ เมอื งคนแรกของชยั ภมู ิ ชาวชยั ภมู เิ รยี กทา่ น
จึงปรากฎร่องรอยหลักฐานการตั้งชุมชนในพ้ืนที่ ว่า “เจ้าพ่อพระยาแล” ในสมัยพระบาทสมเด็จ
บริเวณน้ี ทั้งที่เป็นโบราณสถานและโบราณวัตถุ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลท่ี ๒) นายแล
สมยั ทวารวดี อารยธรรมขอม รวมถงึ การรบั อทิ ธพิ ล ขา้ ราชส�ำนกั ของ เจา้ อนวุ งศ์ กษตั รยิ แ์ หง่ เวยี งจนั ทน์
ของลา้ นชา้ ง ได้อพยพครอบครัวและบริวาร เดินทางข้ามล�ำโขง
หลักฐานสมัยอยุธยาบันทึกไว้ว่า ในสมัย มาตง้ั ถนิ่ ฐานทพ่ี น้ื ทอี่ �ำเภอสงู เนนิ จงั หวดั นครราชสมี า
พระนารายณม์ หาราช พน้ื ทช่ี ยั ภมู นิ เ้ี ปน็ ชมุ ชนเมอื ง และอพยพเรอื่ ยมาจนกระทง่ั พบ “ชยั ภมู ”ิ ทเี่ หมาะแก่
ทขี่ นึ้ ตรงตอ่ เมอื งนครราชสมี า ซงึ่ เปน็ เมอื งหนา้ ดา่ น การตั้งถ่ินฐานที่บ้านหลวง (อยู่ระหว่างบ้านหนอง
ส�ำคัญของกรุงศรีอยุธยา ในเวลาต่อมาผู้คนท่ีเคย ปลาเฒา่ กบั บา้ นหนองหลอด เขตอ�ำเภอเมอื งชยั ภมู ิ
อยู่ได้อพยพไปต้ังถ่ินฐานยังแหล่งอื่น กลายเป็น ในปจั จบุ นั ) และขอขนึ้ ตรงกบั นครรราชสมี า มกี าร
เมืองร้าง การตั้งชุมชนครั้งใหม่ เกิดข้ึนในสมัย สง่ สว่ ยทองค�ำแกท่ างกรงุ เทพมหานคร ไมข่ อขนึ้ ตรง
รัตนโกสินทร์ เมื่อ “นายแล” ข้าราชส�ำนักของ ตอ่ เวยี งจนั ทนอ์ กี ตอ่ ไป พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้
เจา้ อนวุ งศ์ กษตั รยิ แ์ หง่ เวยี งจนั ทน์ อพยพครอบครวั เจา้ อยหู่ วั (รชั กาลที่ ๓) จงึ โปรดฯ ยกบา้ นหลวงขนึ้
พรอ้ มดว้ ยบรวิ ารตง้ั ถน่ิ ฐานในดนิ แดนน้ี เเละตงั้ เปน็ เปน็ ชยั ภมู ิ และแตง่ ตง้ั ใหเ้ ปน็ “พระยาภกั ดชี มุ พล”
ชมุ ชนหมบู่ า้ น ขน้ึ ตรงตอ่ เมอื งนครราชสมี า และมี เจา้ เมอื งคนแรกของเมอื งชยั ภมู ิ
การสง่ สว่ ยทองค�ำ บรรณาการแกก่ รงุ เทพมหานคร
129แหลง่ เรยี นรทู้ างประวัตศิ าสตร์ในท้องถิ่น ๗๗ จงั หวดั ทั่วไทย
(ภาคเหนือเเละภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื )
ชัยภูมิ
ตอ่ มา เจา้ อนวุ งศ์ แหง่ เวยี งจนั ทนก์ อ่ กบฏ ศลิ าแลงลงไปเปน็ ชน้ั ปจั จบุ นั มงี านนมสั การปรางคก์ ู่
ต่อกรุงเทพมหานคร ในปี พ.ศ. ๒๓๖๙ ยึดเมือง ในเดอื น ๕ ของทกุ ปี
นครราชสมี าได้ เกดิ เหตกุ ารณก์ ารรบจนเกดิ วรี กรรม
ทา้ วสรุ นารี แหง่ เมอื งนครราชสมี า ซงึ่ ทพั เวยี งจนั ทน์ ใบเสมาบ้านกุดโง้ง ตั้งอยู่บ้านกุดโง้ง
ลา่ ถอยจากนครราชสมี า มายดึ เมอื งชยั ภมู ขิ อใหร้ ว่ ม ต�ำบลหนองนาแซง อ�ำเภอเมือง กรมศิลปากร
เปน็ ฝา่ ยเดยี วกนั พระยาภกั ดชี มุ พล (แล) ไมเ่ ขา้ รว่ ม ได้มาส�ำรวจพื้นที่ เม่ือ พ.ศ. ๒๕๒๘ พบเสมาหิน
เปน็ กบฏดว้ ย เจา้ อนวุ งศเ์ วยี งจนั ทร์ เกดิ ความแคน้ ขนาดใหญ่สร้างด้วยหินทราย ที่บริเวณศาลปู่ตา
จับตัวพระยาภักดีชุมพลมาประหารชีวิตที่บริเวณ ที่บ้านกุด บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้าน และท่ีวัด
ต้นมะขามใหญ่ ริมหนองปลาเฒ่า ต่อมาในปี ศรปี ทมุ คงคาวนาราม ประมาณ ๒๐ แผน่ แตล่ ะแผน่
พ.ศ. ๒๕๑๑ ชาวชัยภูมิระลึกถึงคุณความดีที่ท่าน มขี นาดความกวา้ ง หนา และสงู ไมเ่ ทา่ กนั บางแผน่
มคี วามซอื่ สตั ยแ์ ละเสยี สละตอ่ แผน่ ดนิ พรอ้ มใจกนั มีภาพสลักเรื่องราวเก่ียวกับชาดกรูปพระโพธิสัตว์
สรา้ งศาลเจา้ พระยาแลขน้ึ ประดษิ ฐานรปู หลอ่ ของทา่ น ยืนบนดอกบัว และมีอักษรสมัยหลังปัลลวะจารึก
เพื่อเป็นที่เคารพสักการะ ในเดือน ๖ ของทุกปี อยู่ด้านหลัง แสดงให้เห็นอิทธิพลของพุทธศาสนา
ทางจังหวัดได้จัดให้มีงานถวายบายศรีเพ่ือสักการะ และวัฒนธรรมสมัยทวารวดีในช่วงพุทธศตวรรษ
เจา้ พอ่ พระยาแล ท่ี ๑๒ - ๑๖ นอกจากนี้ พบเศษภาชนะดนิ เผาเนอื้ หยาบ
แบบผิวเรียบ หรือมีลายเชือกทาบและลายขูดขีด
ปรางค์กู่ บ้านหนองบัวเมืองเก่า ต้ังอยู่ โดยทวั่ ไป
ต�ำบลในเมอื ง อ�ำเภอเมอื ง เปน็ โบราณสถานขนาดเลก็
ลกั ษณะเปน็ ปราสาทหนิ แบบเขมร สรา้ งดว้ ยศลิ าแลง พระเจา้ องคต์ อ้ื พบในภเู ขาเตย้ี ๆ ทชี่ อ่ื วา่
จากแผนผังการวางตัวอาคาร สระน้�ำ สันนิษฐาน ภพู ระ ต�ำบลนาเสยี ว อ�ำเภอเมอื ง เปน็ พระพทุ ธรปู
วา่ เปน็ อโรคยาศาลา หรอื โรงพยาบาล ทสี่ รา้ งขน้ึ สมยั ปางมารวิชัย จ�ำหลักที่ผนังหินบนเนินเขาองค์หน่ึง
พทุ ธศตวรรษที่ ๑๘ โดยพระเจา้ ชยั วรมนั ท่ี ๗ กษตั รยิ ์ หนา้ ตกั กวา้ ง ๔ ศอก รอบพระพทุ ธรปู นมี้ รี อ่ งรอย
อาณาจักรเขมร กลุ่มโบราณสถานประกอบด้วย การแกะหินเป็นรูปพระสาวกอีกหลายองค์ ศิลปะ
ปรางคป์ ระธานตรงกลาง ๑ องค์ มวี หิ ารดา้ นหนา้ พระพทุ ธรปู แบบอทู่ อง มอี ายรุ ะหวา่ งพทุ ธศตวรรษ
ลอ้ มรอบดว้ ยก�ำแพงศลิ าแลง ทผี่ นงั ปรางค์ ๓ ดา้ น ที่ ๑๘ - ๑๙ พระเจ้าองค์ตื้อ เป็นท่ีเคารพนับถือ
เป็นประตูหลอก ที่ช่องประตูหลอกด้านทิศเหนือ ความศักดิ์สิทธิ์ มีสถานท่ีสักการะกราบไหว้และ
ยงั มพี ระพทุ ธรปู ศลิ า ศลิ ปะแบบทวารวดเี คลอื่ นยา้ ย ยึดเหนี่ยวจิตใจของชุมชน โดยทุกปีมีงานนมัสการ
มาจากทอี่ น่ื กรอบประตหู นา้ ตา่ ง ทบั หลงั เสาประดบั พระพทุ ธรปู ทภ่ี พู ระ ในชว่ งกลางเดอื น ๕
เปน็ หนิ ทราย และมสี ระนำ�้ ซง่ึ ขอบสระกอ่ ขอบดว้ ย
130 แหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตรใ์ นท้องถ่ิน ๗๗ จงั หวัดทว่ั ไทย
(ภาคเหนือเเละภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)
ชัยภมู ิ
เมอื งโบราณนครกาหลง และ ตำ� นานนคร มคี วามส�ำคญั คอื เปน็ อโรคยาศาลา สรา้ งขนึ้ ในสมยั
กาหลง เมืองโบราณนครกาหลง ต้ังในพ้ืนที่บ้าน พระเจ้าชัยวรมันท่ี ๗ กษัตริย์ของอาณาจักรเขมร
คอนสวรรค์ อ�ำเภอคอนสวรรค์ สนั นษิ ฐานวา่ เปน็ ทตี่ ง้ั ราวพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๘ เพอื่ เปน็ สถานทใี่ หผ้ คู้ นไดพ้ กั
ของชมุ ชนโบราณสมยั ทวารวดี เพราะมผี งั เมอื งคนู ำ้� อาศยั ระหวา่ งการเดนิ ทางและเปน็ สถานทร่ี กั ษาผปู้ ว่ ย
คนั ดนิ ๒ ชนั้ พรอ้ มก�ำแพงเมอื งอกี ๑ ชน้ั ลอ้ มรอบ จากการเดนิ ทางทเี่ จบ็ ไข้ หรอื โรคภยั จากปา่
เนนิ ดนิ รปู วงรี ซง่ึ เปน็ ลกั ษณะของการเมอื งสมยั นน้ั
บนเนนิ ดนิ ทช่ี าวบา้ นเรยี กวา่ โนนกนู่ ้ี พบโบราณวตั ถุ อนสุ าวรยี พ์ ระไกรสงิ หนาท ตง้ั อยทู่ บ่ี า้ นยาง
สมยั วฒั นธรรมทวารวดี เชน่ พระพทุ ธรปู หนิ ขนาดใหญ่ อ�ำเภอเกษตรสมบูรณ์ พระไกรสิงหนาท เป็นช่ือ
ใบเสมาหินทรายจารึกภาษามอญโบราณ ท่ีใช้กัน ต�ำแหน่งเจ้าเมืองเกษตรสมบูรณ์ และอนุสาวรีย์นี้
ในดนิ แดนถนิ่ นเ้ี ปน็ อกั ษรยคุ หลงั อกั ษรปลั ลวะทรี่ บั สรา้ งขนึ้ เพอื่ ระลกึ ถงึ เจา้ เมอื งเกษตรสมบรู ณค์ นแรก
รปู แบบมาจากอนิ เดยี เปน็ ตน้ และมชี าวบา้ นในพนื้ ท่ี เช่ือกันว่า ในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธ
บอกเลา่ ต�ำนาน ทม่ี าของการเรยี กชอ่ื นครกาหลง วา่ เลศิ หลา้ นภาลยั (รชั กาลที่ ๒) เมอื งเกษตรสมบรู ณ์
ในสมัยก่อน พระยาขุนหาญได้มาพบพ้ืนที่แห่งนี้ มีเจ้าเมือง คือ หลวงไกรสิงหนาท สันนิษฐานว่า
เหน็ วา่ พนื้ ทนี่ อ้ี ดุ มสมบรู ณม์ าก เหมาะแกก่ ารสรา้ ง กลุ่มคนที่อาศัยในพ้ืนท่ีน้ีและหลวงไกรสิงหนาท
บ้านแปงเมือง แม้นกกาที่บินผ่านเข้ามาก็หากิน เจ้าเมือง เป็นกลุ่มคนที่มีเชื้อสายลาวเวียงจันทน์
จนเพลนิ กบั อาหารทม่ี ากมายจนลมื กลบั รงั พระยา มีการส่งสว่ ยผ้าขาวไปบรรณาการเวียงจนั ทน์ และ
ขนุ หาญจงึ ไดส้ รา้ งเมอื งและเมอื่ สรา้ งเสรจ็ ไดม้ กี าร ส่งดอกไม้ธูปเทียนเงินทองไปยังกรุงเทพมหานคร
สง่ สว่ ยบรรณาการไปใหเ้ มอื งแมอ่ ยเู่ สมอ (จากโบราณ หลวงไกรสงิ หนาท ปกครองชาวบา้ นดว้ ยความรม่ เยน็
วัตถุท่ีปรากฏ สันนิษฐานกันว่าเป็นเมืองทวารวดี เปน็ สขุ มคี วามดคี วามชอบ และจากความจงรกั ภกั ดี
เพราะมีการพบอกั ษรสมัยทวารวดีจารึกปรากฎอยู่ ต่อพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้
บนแผน่ หนิ มากมาย) เลื่อนบรรดาศักด์ิเป็น พระไกรสิงหนาท ในทุกปี
ชาวเกษตรสมบูรณ์จะจัดพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณ
ปรางค์กู่บ้านแท่น หรือ ปรางค์กู่บ้าน เพอื่ ร�ำลกึ ถงึ คณุ งามความดขี องอดตี เจา้ เมอื งทา่ นนี้
หนองแฝก อยทู่ อี่ �ำเภอบา้ นแทน่ เปน็ ปราสาทหนิ บรเิ วณอนสุ าวรยี พ์ ระไกรสงิ หนาท
ปรางคป์ ระธานสรา้ งดว้ ยศลิ าแลง โดยประตทู างเขา้
ดา้ นตะวนั ออก อกี ๓ ดา้ นเปน็ ประตหู ลอก บรรณาลยั พระธาตกุ ดุ จอก ตงั้ อยใู่ กลล้ �ำหว้ ยกดุ จอก
สร้างด้วยศิลาแลง เป็นอาคารรูปสี่เหล่ียมผืนผ้า พนื้ ทบ่ี า้ นยางนอ้ ย อ�ำเภอเกษตรสมบรู ณ์ ไดร้ บั การ
ก�ำแพงแก้วสร้างด้วยศิลาแลง มีซุ้มประตู สระน�้ำ ประกาศเปน็ โบราณสถาน ลกั ษณะเปน็ องคพ์ ระธาตุ
รปู สเี่ หลย่ี มผนื ผา้ ผนงั ขอบสระกรศุ ลิ าแลงจนถงึ พนื้ ๓ หลงั สภาพช�ำรดุ ทรดุ โทรม แตเ่ ดมิ มอี งคพ์ ระธาตุ
131แหลง่ เรียนรู้ทางประวัติศาสตรใ์ นท้องถิน่ ๗๗ จังหวัดทัว่ ไทย
(ภาคเหนอื เเละภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ)
ชัยภูมิ
อยู่ ๓ องค์ คอื องคแ์ รก มลี กั ษณะคลา้ ยสถปู บนยอด วัดปทุมชาติ ตั้งอยู่ท่ีต�ำบลหนองบัวใหญ่
พระธาตมุ รี อ่ งรอยของเศยี รพญานาค ๘ เศยี ร ประจ�ำ อ�ำเภอจัตุรัส มีพระยานรินทร์ (ทองค�ำ) เป็น
ทิศทั้งแปด แต่พังทลายลงมาเหลอื เพยี งเศียรเดียว ผอู้ ปุ ถมั ภ์ โดยไดร้ ว่ มกบั ชาวบา้ นกอ่ สรา้ งขนึ้ ในสมยั
องคท์ ส่ี อง เปน็ ทรงบวั เหลยี่ มศลิ ปะลา้ นชา้ ง ภายใน กรุงรัตนโกสินทร์ เม่ือปี พ.ศ. ๒๓๖๗ เดิมเป็นทุ่ง
เปน็ ทป่ี ระดษิ ฐานพระพทุ ธรปู หนิ ทรายปางมารวชิ ยั เป็นป่าช้าง ดงเสือ เป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่า ไม่มี
พระธาตกุ ดุ จอกเปน็ โบราณสถานในวฒั นธรรมลา้ นชา้ ง เจา้ ของจบั จองเปน็ กรรมสทิ ธ์ิ เหมาะแกก่ ารสรา้ งเมอื ง
ชาวบ้านนับถือ เคารพบูชาสถานที่แห่งน้ี ทุกปี การเกษตร เป็นแหล่งอุดมไปด้วยน�้ำและหญ้า
ในเดอื นเมษายน จะมปี ระเพณกี ารสรงนำ�้ พระธาตุ ส�ำหรบั เลยี้ งสตั ว์ ชาวบา้ นสรา้ งทอี่ ยอู่ าศยั โดยยดึ เอา
และนมสั การพระธาตกุ ดุ จอก บึงหนองบัวใหญ่เป็นที่พ่ึง ส่ิงท่ีตามมาก็คือท่ีพ่ึง
ทางจติ ใจคอื วดั สวา่ งวารวี หิ าร ตอ่ มาเปลยี่ นชอื่ เปน็
พระงา้ ง อยบู่ า้ นหนองฉมิ อ�ำเภอเนนิ สงา่ วัดสว่างอารมณ์ ต่อมาได้เปลี่ยนเป็น วัดปทุมชาติ
เป็นพระพุทธรูปแกะสลักบนหินทราย ศิลปะสมัย ให้ตรงกับความหมายของสถานท่ี เพราะอยู่ติดกับ
ทวารวดี แตเ่ ดมิ ดคู ลา้ ยแทง่ หนิ ทถี่ กู ปกคลมุ ไปดว้ ย บึงหนองบัวใหญ่และสระน้�ำกินท่ีมีดอกบัวใหญ่
ป่าไผ่รกทึบ ชาวบ้านได้ช่วยกันไปง้างกอไผ่และ ซงึ่ เปน็ ศนู ยก์ ลางของชมุ ชนในการจดั กจิ กรรมประเพณี
น�ำแท่งหินตั้งขึ้น จึงพบว่าเป็นพระพุทธรูปสลัก วฒั นธรรม เพอ่ื รกั ษาสงิ่ ทดี่ งี ามตงั้ แตอ่ ดตี สปู่ จั จบุ นั
ท�ำใหส้ นั นษิ ฐานไดว้ า่ กลมุ่ ชนทอี่ าศยั อยใู่ นบรเิ วณน้ี
นบั ถอื พระพทุ ธศาสนา
132 แหล่งเรียนรทู้ างประวัติศาสตรใ์ นทอ้ งถ่นิ ๗๗ จังหวัดทวั่ ไทย
(ภาคเหนอื เเละภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ)
นครพนม
นครพนม
133แหล่งเรยี นรูท้ างประวัตศิ าสตรใ์ นท้องถ่นิ ๗๗ จังหวดั ทั่วไทย
(ภาคเหนือเเละภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ)
นครพนม
นครพนม
พระธาตพุ นมคา่ ลำ้� ขอ้ พพิ าทของผคู้ รองนครเวยี งจนั ทน์ จากเหตคุ รง้ั นน้ั
เมอื งนครพนม หรอื เมอื งศรโี คตรบรู ไดถ้ วายตน้ ไมเ้ งนิ
วฒั นธรรมหลากหลาย เรณผู ไู้ ท ตน้ ไมท้ องแกส่ ยาม ยอมขนึ้ ในฐานะประเทศราช
เรอื ไฟโสภา งามตาฝง่ั โขง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
มหาราช (รัชกาลท่ี ๑) เปลี่ยนชื่อเมืองใหม่เป็น
“เมอื งนครพนม” เมอื่ ครงั้ ทเี่ จา้ อนวุ งศ์ แหง่ เวยี งจนั ทน์
นครพนม เปน็ จงั หวดั ชายแดนทางตะวนั ออก กอ่ การกบฏ ตอ้ งการปลดแอกการเปน็ ประเทศราช
เฉยี งเหนอื ของประเทศ สภาพพน้ื ทเ่ี ปน็ รปู รา่ งยาวโคง้ จากสยาม เจ้าเมืองนครพนม ซ่ึงเป็นพ่อตาของ
เลียบตามชายฝั่งขวาของแม่น�้ำโขงเป็นแนวยาว เจา้ อนวุ งศ์ ให้การสนับสนุนด้วย พระบาทสมเด็จ
โดยมแี มน่ ำ�้ โขง เปน็ เขตแดนธรรมชาตกิ น้ั กบั สาธารณรฐั พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รชั กาลที่ ๓) จงึ ไดด้ �ำเนนิ การ
ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว พน้ื ทโ่ี ดยทวั่ ไป เปน็ ทร่ี าบลมุ่ ปราบปรามเสยี สน้ิ กระทงั่ ถงึ สมยั พระบาทสมเดจ็
มีที่ราบสูงสลับภูเขาเล็กน้อย มีแม่น้�ำสายส้ัน ๆ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รชั กาลที่ ๕) นครพนม
แตไ่ ดใ้ ชป้ ระโยชนจ์ ากแมน่ ำ�้ โขง สง่ ผลใหเ้ ปน็ ท�ำเลทม่ี ี ขนึ้ ตรงตอ่ มณฑลลาวพวน มศี นู ยบ์ ญั ชาการทเี่ มอื ง
ความอดุ มสมบรู ณ์ เหมาะสมแกก่ ารตงั้ ถนิ่ ฐาน หนองคาย เมอ่ื ยกเลกิ ระบบมณฑล ไดเ้ ปลยี่ นเปน็
ดนิ แดนแหง่ น้ี มผี คู้ นอยอู่ าศยั และเกดิ การ จงั หวดั นครพนม ใน พ.ศ. ๒๔๔๒
สร้างบ้านแปงเมืองมาแต่สมัยโบราณ อาณาจักร จากความอดุ มสมบรู ณข์ องทรพั ยากรธรรมชาติ
เกา่ แก่ คอื อาณาจกั รศรโี คตรบรู ซง่ึ ปรากฏหลกั ฐาน ทน่ี �ำไปสคู่ วามเจรญิ รงุ่ เรอื งของอาณาจกั ร สง่ ผลให้
บง่ บอกวา่ นครพนมเปน็ เมอื งเกา่ แกค่ อู่ าณาจกั รแหง่ น้ี นครพนมมแี หลง่ เรยี นรทู้ างประวตั ศิ าสตรใ์ นทอ้ งถนิ่
จารกึ สถาปนาวดั โอกาสศรบี วั บกั ทกึ ชอื่ เตม็ ของเมอื ง ทนี่ า่ ศกึ ษาเรยี นรู้ เชน่
นครพนมวา่ “เมอื งนครบรุ รี าชธานศี รโี คตรบรู หลวง”
ระบวุ า่ เคยเปน็ เมอื งขนาดใหญท่ มี่ เี จา้ ผคู้ รองนครปกครอง พระธาตพุ นม ประดษิ ฐาน ณ วดั พระธาตพุ นม
มาหลายสมยั ตอ่ มาไดม้ กี ารยา้ ยศนู ยก์ ลางของเมอื งจาก วรมหาวหิ าร ในเขตอ�ำเภอธาตพุ นม เปน็ เครอื่ งแสดงถงึ
ฝง่ั ซา้ ยของแมน่ ำ้� โขง มาทฝี่ ง่ั ขวา และมกี ารโยกยา้ ย ความเจริญรุ่งเรืองทางพุทธศาสนาของนครพนม
ทตี่ ง้ั เมอื งอกี หลายครง้ั จนมกี ารเปลยี่ นชอื่ เมอื งเปน็ มาแต่โบราณกาล สันนิษฐานว่า สร้างข้ึนเม่ือ
“รกุ ขนคร” และ “นครบรุ รี าชธาน”ี ตามล�ำดบั ดนิ แดน ตน้ พทุ ธกาลประมาณราว พ.ศ. ๘ ในยคุ ทอ่ี าณาจกั ร
นครพนมนี้ ขึ้นตรงกับนครเวียงจันทน์เร่ือยมา ศรีโคตรบูรเจริญรุ่งเรือง มีการบูรณะสืบทอด
จนกระทง่ั ถงึ สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ กนั เรอื่ ยมาและมกี ารพฒั นารปู แบบขององคพ์ ระธาตุ
จฬุ าโลกมหาราช (รชั กาลท่ี ๑) โปรดใหย้ กทพั ไปปราบ จนปรากฏรปู ทรงทเี่ หน็ ในปจั จบุ นั ภายในองคพ์ ระธาตุ
135แหลง่ เรียนรู้ทางประวตั ิศาสตร์ในท้องถนิ่ ๗๗ จังหวดั ท่วั ไทย
(ภาคเหนอื เเละภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื )
นครพนม
บรรจพุ ระอรุ งั คธาตุ (พระอรุ ะ หรอื หนา้ อก) ของ พระธาตุศรีคุณ ประดิษฐานอยู่ภายในวัด
พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้าไว้ มขี องมคี ่าทีผ่ ้มู จี ติ ศรัทธา ธาตศุ รคี ณุ อ�ำเภอนาแก พระธาตอุ งคน์ ถ้ี กู คน้ พบโดย
ได้มอบเพื่อถวายแด่องค์พระธาตุ ยอดพระธาตุ กลมุ่ ชาวลาวทอ่ี พยพเขา้ มาตง้ั ถน่ิ ฐาน เมอ่ื ประมาณ
เปน็ ฉตั รทองค�ำ นำ�้ หนกั ๑๑๐ กโิ ลกรมั ในปี พ.ศ. พ.ศ. ๒๓๔๐ และไดร้ บั การบรู ณะครงั้ ใหญเ่ มอื่ พ.ศ.
๒๔๘๕ มีการยกฐานะวัดพระธาตุพนมข้ึนเป็น ๒๔๘๖ - ๒๔๙๐ มลี กั ษณะคลา้ ยองคพ์ ระธาตพุ นม
พระอารามหลวง ชนั้ เอก ชนดิ “วรมหาวหิ าร” ภายในบรรจพุ ระอรหนั ตสารรี กิ ธาตขุ องพระโมคคลั ลานะ
เหตกุ ารณส์ �ำคญั คอื เมอ่ื วนั ท่ี ๑๑ สงิ หาคม พระสารบี ตุ ร และพระสงั กจั จายนะ
พ.ศ. ๒๕๑๘ เนอ่ื งจากความเกา่ แกป่ ระจวบกบั เปน็ ชว่ ง
ฝนตกลมแรงตดิ ตอ่ กนั หลายวนั พระธาตพุ นมไดล้ ม้ พระธาตเุ รณู ประดษิ ฐานอยทู่ วี่ ดั พระธาตเุ รณู
ทลายลงทง้ั พระองค์ ชาวไทยทง้ั ประเทศไดร้ ว่ มใจกนั อ�ำเภอเรณนู คร องคพ์ ระธาตสุ รา้ งเมอ่ื พ.ศ. ๒๔๖๑
บริจาคทุนทรัพย์และก่อสร้างองค์พระธาตุข้ึนใหม่ โดยพระอุปัชฌาย์อินภูมิโย มีความคล้ายคลึงกับ
ตามแบบเดมิ เสรจ็ สน้ิ เมอ่ื ๒๓ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๒๒ พระธาตพุ นมองคเ์ ดมิ แตข่ นาดเลก็ กวา่ ภายในพระธาตุ
ปัจจุบัน องค์พระธาตุมีฐานกว้าง ๑๒.๓๓ เมตร บรรจพุ ระไตรปฎิ ก พระพทุ ธรปู ทองค�ำ พระพทุ ธรปู เงนิ
สงู ๕๓.๖๐ เมตร เปน็ เจดยี ท์ รงสเ่ี หลย่ี มสงู แลดสู งา่ งาม และเครอื่ งกกธุ ภณั ฑข์ องพระยาและเจา้ เมอื งสมยั กอ่ น
และในช่วงเดือน ๓ ทุกปี มีการจัดงานประเพณี นอกจากน้ี ภายในวดั พระธาตเุ รณเู ปน็ ทป่ี ระดษิ ฐาน
นมสั การองคพ์ ระธาตุ ของพระองคแ์ สน ซง่ึ เปน็ พระพทุ ธรปู ทองค�ำปางสมาธิ
ศลิ ปะแบบลาว ถอื เปน็ พระคบู่ า้ นของชาวเรณนู คร หรอื
วดั พระธาตมุ หาชยั ตงั้ อยทู่ อี่ �ำเภอปลาปาก ชาวผไู้ ทย (ภไู ท) ซงึ่ เปน็ กลมุ่ คนทยี่ งั สามารถรกั ษา
ภายในวดั มปี ชู นยี สถานทน่ี า่ ศกึ ษา คอื พระธาตมุ หาชยั ขนบธรรมเนยี ม ประเพณขี องทอ้ งถน่ิ ไวเ้ ปน็ อยา่ งดี
สรา้ งขน้ึ เมอื่ พ.ศ.๒๔๙๕ ความสวยงามอนั โดดเดน่
ของพระธาตแุ หง่ น้ี คอื เปน็ การสรา้ งพระธาตอุ งคใ์ หม่ พระธาตุท่าอุเทน ประดิษฐานอยู่ที่วัด
ครอบพระธาตอุ งคเ์ ดมิ ทม่ี แี ตโ่ บราณ พระธาตใุ หม่ พระธาตอุ เุ ทน อ�ำเภอทา่ อเุ ทน สรา้ งขนึ้ เมอ่ื ปี พ.ศ.
สรา้ งเปน็ รปู ทรงแปดเหลยี่ ม มองดคู ลา้ ยระฆงั ทอง ๒๔๕๕ โดยพระอาจารยศ์ รที ตั ถ์ ลกั ษณะเปน็ เจดยี ์
ยกฐานองค์พระธาตุเดิมให้สูงข้ึน ซึ่งวัดความสูง กอ่ อฐิ ถอื ปนู รปู สเ่ี หลยี่ ม จ�ำลองแบบมาจากพระธาตพุ นม
๓๗ เมตร จึงเป็นพระธาตุท่ีมีความสง่างามมาก ภายในบรรจุพระพุทธสารีริกธาตุท่ีอัญเชิญมาจาก
ภายในบรรจพุ ระบรมสารรี กิ ธาตุ และพระอรหนั ต เมอื งยา่ งกงุ้ ประเทศเมยี นมาร์ รวมถงึ พระพทุ ธรปู
สารรี กิ ธาตขุ องพระอญั ญาโกณฑญั ญะ พระสารบี ตุ ร และทรพั ยส์ นิ มคี า่ ทผ่ี มู้ จี ติ ศรทั ธาถวาย
และพระอนรุ ทุ และยงั มี พระพทุ ธรปู ปางหา้ มญาติ
แกะสลกั จากไมต้ น้ สะเดาหวานทใ่ี หญท่ ส่ี ดุ ในประเทศ
136 แหลง่ เรยี นรทู้ างประวตั ิศาสตรใ์ นท้องถิ่น ๗๗ จังหวดั ทวั่ ไทย
(ภาคเหนือเเละภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)
นครพนม
พระธาตปุ ระสทิ ธ์ิ ประดษิ ฐานอยทู่ ว่ี ดั พระธาตุ รปู เหมอื นหลวงปตู่ อื้ มกี ารจดั แสดงเรอ่ื งราว ประวตั ิ
ประสทิ ธิ์ อ�ำเภอนาหวา้ ลกั ษณะของพระธาตเุ ปน็ วตั รปฏบิ ตั ิ พรอ้ มแสดงขา้ วของใชส้ ว่ นตวั ของหลวงปู่
เจดีย์โบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างเม่ือใด นอกจากนี้ ภายในวดั ยงั มหี อ้ งสมดุ ส�ำหรบั ศกึ ษาหลกั ธรรม
ปรากฏเพยี งรอ่ งรอยวา่ สมเดจ็ พระไชยเชษฐาธริ าช ค�ำสอนทางศาสนา และทกุ ปี ในชว่ งงานบญุ เดอื น ๓
กษตั รยิ แ์ หง่ อาณาจกั รลา้ นชา้ ง เคยบรู ณะพระธาตแุ หง่ นี้ ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิด หลวงปู่ต้ือ อจลธมฺโม
และในปี พ.ศ. ๒๔๓๖ ไดม้ กี ารบรู ณะซอ่ มแซมครง้ั ใหญ่ ชาวบา้ นจะรวมตวั กนั จดั ประเพณปี ระจ�ำปขี องหมบู่ า้ น
โดยจ�ำลองแบบมาจากพระธาตพุ นม ภายใน บรรจุ มกี ารท�ำบญุ ตกั บาตร ท�ำโรงทาน เปน็ กจิ กรรมทที่ �ำ
พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตสารีริกธาตุ สบื ทอดกนั มาจนถงึ ปจั จบุ นั
พระพุทธรูปเก่าแก่ น�ำดินมาจากสังเวชนียสถาน
ในประเทศอนิ เดยี อนสุ าวรยี พ์ ระยอดเมอื งขวาง ตง้ั อยใู่ นพนื้ ที่
คา่ ยพระยอดเมอื งขวาง อ�ำเภอเมอื งนครพนม เปน็
พระพทุ ธบาทจำ� ลองพระธาตนุ คร ประดษิ ฐาน รปู หลอ่ ทองสมั ฤทธ์ิ ขนาดเทา่ ครง่ึ ตวั จรงิ ของพระยอด
อยทู่ วี่ ดั มหาธาตุ อ�ำเภอเมอื งนครพนม ลกั ษณะพระธาตุ เมอื งขวาง (ข�ำ ยอดเพชร) ขา้ ราชการฝา่ ยปกครอง
เปน็ ทรงสเ่ี หลยี่ มจตั รุ สั รปู ทรงตามแบบพระธาตพุ นม สังกัดกระทรวงมหาดไทย สมัยพระบาทสมเด็จ
องคเ์ ดมิ ทอี่ งคพ์ ระธาตุ ท�ำเปน็ ลายเครอื ไมด้ อกไมผ้ ล พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รชั กาลที่ ๕) รงั ต�ำแหนง่
รปู พระราชาทรงชา้ ง ทรงมา้ วจิ ติ รมาก ภายใน บรรจุ เจา้ เมอื งค�ำมว่ น เมอื งค�ำเกดิ ทขี่ น้ึ ตรงกบั กองขา้ หลวง
พระอรหนั ตสารรี กิ ธาตุ พรอ้ มกบั องคพ์ ระพทุ ธรปู ทองค�ำ เมอื งลาวพวน ภายในบงั คบั บญั ชาของพระเจา้ นอ้ งยาเธอ
และของมคี า่ ทผ่ี มู้ จี ติ ศรทั ธาถวายบรรจเุ พอ่ื บรรจไุ ว้ กรมหลวงประจกั ษศ์ ลิ ปาคม ซงึ่ พนื้ ทเี่ มอื งเมอื งค�ำมว่ น
ในองคพ์ ระธาตุ เมอื งค�ำเกดิ ในสมยั นน้ั เปน็ พนื้ ทดี่ นิ แดนขอ้ พพิ าทระหวา่ ง
ฝรงั่ เศสกบั ไทย เมอื่ สมยั ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ. ๒๔๓๖)
พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ต้ือ อจลธมฺโม ตั้งอยู่ ในการปกั ปนั เขตแดนฝง่ั ซา้ ยของแมน่ ำ้� โขงนนั้ ฝรง่ั เศส
ภายในพน้ื ทวี่ ดั อรญั ญวเิ วก (วดั ปา่ หลวงปตู่ อื้ ) ต�ำบล ต้องการยึดพื้นท่ีเมืองค�ำม่วน พระยอดเมืองขวาง
บา้ นขา่ อ�ำเภอศรสี งคราม เปน็ พพิ ธิ ภณั ฑท์ ส่ี รา้ งขน้ึ ได้น�ำก�ำลังประชาชนและทหารท้องถ่ินเข้าต่อต้าน
เพอื่ ระลกึ ถงึ ค�ำสอนและวตั รปฏบิ ตั ทิ ค่ี วรเปน็ แบบอยา่ ง การรกุ รานของฝรงั่ เศสดว้ ยความกลา้ หาญ เดด็ เดยี่ ว
ของหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม พระผู้ที่มีศีลาจารวัตร และเสยี สละ ทหารฝรงั่ เศสลม้ ตาย พระบาทสมเดจ็
การปฎบิ ตั ธิ รรม หลกั ค�ำสอนเปน็ ทนี่ า่ เลอื่ มใสศรทั รา พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รชั กาลท่ี ๕) พระราชทาน
รว่ มสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั บ�ำนาญใหเ้ ปน็ พเิ ศษ และใหก้ ารยกยอ่ งในฐานะวรี บรุ ษุ
(รัชกาลที่ ๕) ภายในพิพิธภัณฑ์มีหุ่นข้ีผึ้งจ�ำลอง ผรู้ กั ชาติ
137แหลง่ เรียนรูท้ างประวตั ิศาสตรใ์ นท้องถิน่ ๗๗ จงั หวัดทว่ั ไทย
(ภาคเหนือเเละภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)
นครพนม
ชุมชนเผ่าไทโส้ เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ กรมพระยาด�ำรงราชานภุ าพ เสนาบดกี ระทรวงมหาดไทย
อยู่อาศัยในพื้นท่ีบ้านโพนจาน อ�ำเภอโพนสวรรค์ เมอื่ เสดจ็ ภาคอสี าน ในปี พ.ศ. ๒๔๔๙
เล่าสืบต่อกันมาว่า ร่วมสมัยอยุธยาตอนกลาง
บรรพบรุ ษุ ชาวไทโสไ้ ดอ้ พยพมาจากดนิ แดนฝง่ั ซา้ ย ชุมชนบ้านทา่ เรอื อ�ำเภอนาหวา้ จงั หวดั
ของแมน่ ำ�้ โขง มาตง้ั รกรากในดนิ แดนแถบน้ี มกี าร นครพนม เปน็ แหลง่ ผลติ และจ�ำหนา่ ยเครอ่ื งดนตรี
ยา้ ยทตี่ ง้ั ถนิ่ ฐานหลายแหง่ และในทา้ ยทส่ี ดุ ตง้ั รกราก พนื้ บา้ นอสี านทใี่ หญท่ ส่ี ดุ ในประเทศ เชน่ พณิ แคน
ในพนื้ ทบี่ า้ นโพนจาน ในปจั จบุ นั ชมุ ชนไทโสบ้ า้ นโพนจาน โหวด โปงลาง กลองอสี าน เลา่ กนั วา่ ผพู้ ลกิ ฟน้ื ชมุ ชน
มอี ตั ลกั ษณก์ ารแตง่ กายทโ่ี ดดเดน่ มภี าษาทแี่ ตกตา่ งจาก แหง่ นใี้ หเ้ ปน็ ชมุ ชนการผลติ เครอื่ งดนตรพี นื้ บา้ นอสี าน
ชมุ ชนทอ่ี ยรู่ อบขา้ ง มปี รเพณี วฒั นธรรมของตนเอง คอื นายโลน แสนสรุ ยิ วงศ์ ชา่ งท�ำแคนคนแรกของ
เชน่ พธิ กี รรมแซงซะนาม การละเลน่ โสท้ งั่ บง้ั ซางกะจดู บ้านท่าเรือ ในปี พ.ศ. ๒๔๖๖ ได้เรียนวิชา ท�ำปี่
ดนตรพี นื้ เมอื ง และการอบรมสงั่ สอนคณุ ธรรมจรยิ ธรรม ท�ำแคน เครอ่ื งดนตรอี สี าน จากนายเสน ผเู้ ปน็ พช่ี าย
เพอ่ื การสบื ทอดวฒั นธรรมแกบ่ ตุ รหลานของชนเผา่ โส้ ซง่ึ ไปเรยี นมาจากชา่ งบา้ นพะนอม อ�ำเภอทา่ อเุ ทน
ซง่ึ กอ่ ใหเ้ กดิ คณุ คา่ ความภาคภมู ใิ จเรอื่ งราวประวตั ศิ าสตร์ และชา่ งบา้ นโนนตมู อ�ำเภอนาแก จากนน้ั จงึ ไดเ้ รมิ่ ตน้
ของชาตพิ นั ธต์ุ นเอง ซง่ึ เรอื่ งราวประเพณี วฒั นธรรม ท�ำปแ่ี ละแคนเปน็ อาชพี หลกั และไดร้ บั การยอมรบั
ของชาวไทโส้นี้ ได้รับการบันทึกไว้ในหนังสือเรื่อง ของคนทงั้ หมบู่ า้ น จงึ ไดม้ กี ารเผยแพรว่ ชิ าการท�ำป่ี
เทย่ี วทตี่ า่ งๆภาค๔พระนพิ นธใ์ นสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ ท�ำแคน ใหล้ กู หลานในหมบู่ า้ น จนถงึ ปจั จบุ นั
138 แหล่งเรยี นรู้ทางประวตั ิศาสตรใ์ นท้องถิ่น ๗๗ จังหวดั ท่ัวไทย
(ภาคเหนือเเละภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ)
นครราชสีมา
นครราชสมี า
139แหล่งเรยี นรู้ทางประวัติศาสตรใ์ นทอ้ งถนิ่ ๗๗ จงั หวัดทวั่ ไทย
(ภาคเหนือเเละภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ)
นครราชสีมา
นครราชสมี า
เมอื งหญงิ กล้า ผา้ ไหมดี หมโี่ คราช ก�ำแพงเมอื ง ประตสู ด่ี า้ น ออกแบบโดยชา่ งชาวฝรง่ั เศส
ตามแบบเดยี วกบั เมอื งลพบรุ ี และพระราชทานนาม
ปราสาทหิน ดินด่านเกวยี น วา่ “เมืองนครราชสมี า”
ภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งท่ี ๒
ชุมนุมเจ้าพิมาย เป็นชุมชนหนึ่งที่มีอ�ำนาจและ
นครราชสมี า หรอื ทเ่ี รยี กวา่ “โคราช” ตงั้ อยู่ ก�ำลังทางทหารมาก ดังนั้น ภายหลังการกอบกู้
ทางด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เอกราชจากพม่า เพื่อการก่อต้ังอาณาจักร สมเด็จ
มพี น้ื ทต่ี ดิ กบั ภาคกลาง เปน็ จงั หวดั ทมี่ พี นื้ ทม่ี ากทสี่ ดุ พระเจ้าตากสินมหาราชได้ยกทัพมาปราบชุมนุม
ในประเทศไทย มีเทือกเขาขนาดใหญ่ ท่ีเป็นแหล่ง เจ้าพิมาย และให้เมืองนครราชสีมาเป็นฐานก�ำลัง
ของทรพั ยากรป่าไม้ แมน่ �ำ้ อนั อดุ มสมบูรณ์ มกี าร ทางทหารท่ีส�ำคัญของอาณาจักร เมื่อเข้าสู่สมัย
ตง้ั ถน่ิ ฐานบนพน้ื ทน่ี ม้ี าตง้ั แตส่ มยั โบราณ เหน็ ไดจ้ าก รัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า
การพบหลักฐานการตั้งชุมชนสมัยทวารวดี โดย จฬุ าโลกมหาราช (รชั กาลท่ี ๑) ยกเมอื งนครราชสมี า
สันนิษฐานว่ามีศูนย์กลางของชุมชนอยู่ท่ีเมืองเสมา ข้ึนเปน็ หัวเมืองช้ันเอก ต้งั เจา้ พระยานครราชสมี า
พน้ื ทีอ่ �ำเภอสูงเนนิ พบกล่มุ โบราณสถานขนาดใหญ่ ให้เป็นผู้ส�ำเร็จราชการ หนึ่งในเหตุการณ์ส�ำคัญ
แสดงถงึ การแผอ่ ทิ ธพิ ลของอารยธรรมขอม กระจาย ท่ีแสดงถึงความจงรักภักดีของชาวนครราชสีมา
อยู่ทั่วพ้ืนที่ พบการสร้างเมืองสมัยขอมที่ส�ำคัญ ต่อผนื แผน่ ดินไทยอย่างยง่ิ คือ เมอื่ ครง้ั ท่ีเจา้ อนุวงศ์
ในพน้ื ทอ่ี �ำเภอพมิ าย และยงั พบจารกึ บนั ทกึ การเรยี ก กษัตริย์แห่งเวียงจันทน์ หวังปลดแอกจากการเป็น
พน้ื ที่แห่งหน่ึงว่า “เมืองนครราช” ประเทศราชของสยาม ในสมัยพระบาทสมเด็จ
หลกั ฐานสมยั อยธุ ยาระบวุ า่ พนื้ ทนี่ ี้ มคี วาม พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) ในศึกครั้งน้ัน
ส�ำคญั ตอ่ อาณาจักรมาก ด้วยเพราะ อาณาเขตของ ชาวนครราชสีมา น�ำโดยเจ้าเมืองนครราชสีมาและ
อาณาจักรอยุธยาฝั่งตะวันออก สิ้นสุดที่แม่น�้ำมูล “คุณหญิงโม” หรือ ท้าวสุรนารี มีบทบาทส�ำคัญ
ในพนื้ ทเ่ี มอื งพมิ าย และพน้ื ทเ่ี หนอื เมอื งพมิ ายออกไป จนขบั ไล่เจ้าอนุวงศไ์ ปได้
ถือเปน็ ดนิ แดนฝงั่ ลาว สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ จากเรอ่ื งราวความเปน็ มาทางประวตั ศิ าสตร์
ทรงถือเมืองนี้เป็นเมืองส�ำคัญเมืองหนึ่งในขอบ ที่ส�ำคัญ การค้นพบโบราณสถานท่ีแสดงถึงความ
ขัณฑสีมา และในสมยั สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ย่ิงใหญ่ของดินแดนแห่งนี้ ส่งผลให้ นครราชสีมา
โปรดใหย้ า้ ยเมอื งจากทต่ี ง้ั เดมิ มาอยใู่ นพนื้ ทปี่ จั จบุ นั มีแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ในท้องถิ่นท่ี
มีการออกแบบสร้างเมืองใหม่อย่างแข็งแรง มีป้อม น่าสนใจ เช่น
141แหลง่ เรียนรทู้ างประวัติศาสตรใ์ นท้องถิน่ ๗๗ จังหวดั ทัว่ ไทย
(ภาคเหนอื เเละภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื )
นครราชสีมา
อนสุ าวรยี ท์ า้ วสรุ นารี ตงั้ อยตู่ รงหนา้ ประตู คุณหญิงโม และ น้องสาว คือ นางสาวบุญเหลือ
ชุมพล ซึ่งเป็นประตูเมืองเก่าทางด้านทิศตะวันตก จนไดร้ บั ชยั ชนะ ซง่ึ ในการรบครงั้ นี้ นางสาวบญุ เหลอื
สร้างข้ึนเพื่อร�ำลึกถึงคุณงามความดีและวีรกรรม พลชี พี ดว้ ยการจดุ ไฟท�ำลายเกวยี นบรรทกุ ดนิ ระเบดิ
ในการปกป้องบ้านเมืองอย่างกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว จนตัวตาย เพื่อร�ำลึกถึงความเสียสละและคุณงาม
มีไหวพริบของท้าวสุรนารี หรือ คุณหญิงโม ผู้น�ำ ความดีของนางสาวบุญเหลือ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๑
ชาวนครราชสีมารวมก�ำลังสู้รบและต่อต้านกองทัพ ชาวนครราชสีมา ได้ร่วมกันก่อสร้างศาลสถิต
ของเจ้าอนุวงศ์ กษัตริย์แห่งเวียงจันทน์ ไม่ให้มาตี ดวงวิญญาณนางสาวบญุ เหลอื และวรี ชนชาวโคราช
กรงุ เทพฯ เปน็ ผลสําเรจ็ ซงึ่ พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ ขึ้นที่บริเวณทุ่งสัมฤทธิ์ ลักษณะเป็นศาลาทรงไทย
เจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี ๓) โปรดเกล้าฯ สถาปนา แบบจตรุ มขุ ภายในศาลมรี ปู ปน้ั ของนางสาวบญุ เหลอื
คณุ หญิงโม เปน็ “ท้าวสุรนารี” ขนาดยอ่ ม ยนื อยใู่ นทา่ ถอื คบเพลงิ ทน่ี �ำไปจดุ เกวยี น
อนุสาวรียท์ ้าวสรุ นารี สรา้ งข้ึนเม่อื ปี พ.ศ. บรรทกุ ดนิ ระเบดิ ของทหารลาวตามเรอ่ื งราวในอดตี
๒๔๗๖ เป็นอนุสาวรีย์ได้รับการออกแบบโดย ท่ีเล่ากันมา และทุกวันท่ี ๔ มีนาคม ของทุกปี
ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี เปน็ ผูอ้ อกแบบร่วมกับ จะมกี ารจัดงานร�ำลึกถงึ วีรกรรมดงั กลา่ ว
พระเทวาภนิ มิ มติ ร (ฉาย เทยี มศลิ ปไชย) ประตมิ ากร
ท่ีมีช่ือเสียง ถือเป็นอนุสาวรีย์ของสามัญชนสตรี อุทยานประวัติศาสตร์ปราสาทหินพิมาย
คนแรกของประเทศ ลกั ษณะเปน็ อนสุ าวรยี ท์ ที่ �ำจาก อยใู่ นอ�ำเภอพิมาย พนื้ ทขี่ องอุทยานประวตั ิศาสตร์
ส�ำรดิ ตงั้ อยบู่ นฐานสเี่ หลยี่ มยอ่ มมุ ไมส้ บิ สอง ภายใน จรดริมแม่น�้ำมูล และล�ำน้�ำจักราช เมืองพิมาย
บรรจุอัฐิของท้าวสุรนารี ออกแบบให้ท้าวสุรนารี มีคูน้�ำคันดินล้อมรอบ ตัวเมืองมีแผนผังเป็นรูป
แตง่ กายดว้ ยเครอ่ื งยศพระราชทาน ในทา่ ยนื มอื ขวา สเี่ หลยี่ ม มกี �ำแพงลอ้ มรอบทกุ ดา้ น ทงั้ น้ี จารกึ ภาษา
กมุ ดาบ ปลายดาบจรดพนื้ มอื ซา้ ยทา้ วสะเอว หนั หนา้ เขมร ทก่ี รอบประตรู ะเบยี งคดของปราสาทหนิ พมิ าย
ไปทางทศิ ตะวนั ตก ซง่ึ เปน็ ทศิ ทต่ี ง้ั ของกรงุ เทพมหานคร ระบุช่ือ “กมรเตงชคตวิมาย” และได้กล่าวถึง
ในทกุ ปีระหว่างวนั ที่ ๒๓ มีนาคม ถึงวันที่ การสรา้ งรปู เคารพส�ำคญั ชอื่ “กมรเตงชคตเสนาบดี
๓ เมษายน ชาวนครราชสีมาจัดงานฉลองวันแห่ง ไตรโลกยวิชัย” ใน พ.ศ.๑๖๕๑ จึงเช่ือได้ว่า
ชยั ชนะของทา้ วสรุ นารี (คณุ หญงิ โม) เปน็ งานประจ�ำปี เมืองพิมาย เป็นเมืองที่มีมาตั้งแต่สมัยอาณาจักร
ทย่ี ่ิงใหญข่ องจังหวัด เขมรโบราณ และมกี ารพฒั นาของตวั เมอื งอยา่ งสบื เนอ่ื ง
เปน็ ล�ำดบั จนมคี วามส�ำคญั โดยตง้ั อยบู่ นเปน็ เสน้ ทาง
อนสุ รณ์สถานวีรกรรมท่งุ สัมฤทธ์ิ ต้ังอยู่ท่ี คมนาคมเชอ่ื มโยงกบั เมืองส�ำคัญทางเหนือของลาว
ทงุ่ สมั ฤทธิ์ อ�ำเภอพมิ าย มคี วามส�ำคญั คอื เปน็ สถานท่ี และทางตอนใต้ของขอม ตัวปราสาทหินพิมาย
เกดิ วรี กรรมการสู้รบระหว่างกองทพั ของเจ้าอนุวงศ์ เป็นปราสาทหินท่ีขนาดใหญ่ท่ีสุดในประเทศไทย
แห่งเวียงจนั ทน์ กับ กลมุ่ ชาวนครราชสีมา ทีน่ �ำโดย รูปแบบศิลปกรรมขอม แบบบาปวน นครวัดมี
142 แหล่งเรยี นรู้ทางประวตั ศิ าสตร์ในทอ้ งถิน่ ๗๗ จงั หวดั ทวั่ ไทย
(ภาคเหนอื เเละภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ)
นครราชสีมา
ความงดงาม สันนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้น ในสมัยที่ แหลง่ โบราณคดบี า้ นโนนวดั และบา้ นปราสาท
อาณาจักรขอมได้แผ่อิทธิพลมายังภูมิภาคน้ี คือ เปน็ รอ่ งรอยหลกั ฐานทแี่ สดงใหเ้ หน็ วา่ อ�ำเภอโนนสงู
ในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๗ ใช้เป็นพุทธสถาน เปน็ พืน้ ทีท่ ่มี กี ารต้งั ชมุ ชนมาอย่างตอ่ เนื่อง สบื ทอด
ตามความเชอื่ ลทั ธมิ หายาน พนื้ ทขี่ องปราสาทหนิ พมิ าย ยาวนาน นบั ตง้ั แตส่ มยั ยุคก่อนประวตั ศิ าสตร์ จนถงึ
มปี รางคป์ ระธาน สรา้ งจากหนิ ทรายสขี าว องคป์ รางค์ ปัจจุบัน
มผี งั เป็นรปู สีเ่ หลย่ี มจัตรุ สั ย่อมมุ ไมส้ ิบสอง หลงั คา
ซ้อนเป็นชั้น มีมณฑปที่มีหน้าบันและทับหลัง แหลง่ โบราณคดบี ้านปราสาท อยู่ทต่ี �ำบล
สลักภาพเล่าเรื่องรามายณะ (รามาวตาร) และ ธารปราสาท อ�ำเภอโนนสงู ปรากฏรปู เเบบพน้ื ทม่ี คี นู ำ�้
กฤษณาวตาร และยังมีอาคารรูปส่ีเหล่ียมผืนผ้า คันดินลอ้ มรอบ ซึ่งเป็นลกั ษณะการตั้งเมืองโบราณ
ก่อด้วยหินทรายศิลาแลง สันนิษฐานว่า อาจเป็น สมัยทวารวดี อย่างไรก็ตามมีการค้นพบหลักฐาน
หอพราหมณ์ หรือ บรรณาลยั และมอี าคารก่อด้วย การอยู่อาศัยของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์
หินทรายสีแดง เรียกว่า ปรางค์หินแดง มีปรางค์ ราว ๓,๐๐๐ ปกี อ่ น โดยพบโครงกระดกู มนษุ ยโ์ บราณ
พรหมทัต มีประติมากรรมรูปบุคคลน่ังขัดสมาธิ ถึง ๖๐ โครง พร้อมกับ ภาชนะดนิ เผารูปแบบตา่ ง ๆ
เชอ่ื กนั วา่ เปน็ พระรปู เหมอื นของพระเจา้ ชยั วรมนั ที่ ๗ เครอื่ งประดบั ทงั้ ทท่ี �ำจากเปลอื กหอย และท�ำจากส�ำรดิ
เเละประติมากรรมสตรีน่ังคุกเข่า สันนิษฐานว่า จ�ำนวนมาก เชอื่ ไดว้ า่ คนกลมุ่ นรี้ จู้ กั การเพาะปลกู ขา้ ว
น่าจะเป็นพระนางชัยราชเทวีมเหสขี องพระองค์ และการเล้ียงสัตว์ มเี ทคโนโลยกี ารผลติ เครื่องส�ำริด
ในปัจจุบนั กรมศลิ ปากร ได้ท�ำการบูรณะ นอกจากน้ี ยังพบอาคารศานสถาน เรียกว่า กู่ธาร
ปราสาทหินพิมาย องคป์ ระธาน ด้วยเทคนิคการน�ำ ปราสาท เป็นโบราณสถานสมัยทวารวดี ก�ำหนด
ช้ินส่วนต่าง ๆ ของปราสาทประกอบเข้าด้วยกัน อายรุ าวพทุ ธศตวรรษที่ ๑๓ เเละ ยงั ปรากฏรอ่ งรอย
ตามหลกั วชิ าการและน�ำกลบั เขา้ สตู่ �ำแหนง่ เดมิ ท�ำให้ การแผ่อิทธิพลของขอมมายังภูมิภาคนี้ เช่น พบ
การบูรณะมีความสมบูรณ์ ปรากฏร่องรอยความ โบราณวัตถุ ศิลปะเขมร
ยิ่งใหญ่ของเมืองโบราณแห่งนี้ได้ชัดเจนยิ่งข้ึน ปจั จบุ นั กรมศลิ ปากร จดั ตงั้ เปน็ พพิ ธิ ภณั ฑ์
กลางแจ้งขึน้ ทแี่ หลง่ โบราณคดบี า้ นปราสาท
แหลง่ โบราณคดบี า้ นโนนวดั ตงั้ อยทู่ ตี่ �ำบล
พลสงคราม อ�ำเภอโนนสงู เป็นแหล่งโบราณคดีที่มี เมืองเสมา อยใู่ นอ�ำเภอสงู เนนิ สนั นษิ ฐาน
การค้นพบร่องรอยการอยอู่ าศัยของผ้คู น ที่ทับซอ้ น ว่าเป็นเมืองโบราณสมัยทวารวดี ท่ีต้ังขึ้นในราว
ในพนื้ ทแ่ี หง่ นอี้ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง กวา่ ๒๐๐ ชว่ั อายคุ น คอื พทุ ธศตวรรษที่ ๑๒ และมพี ฒั นาการสืบเนอ่ื งมาถึง
นับแต่ยุคหินใหม่ ยุคส�ำริด ยุคเหล็ก เรอ่ื ยมากระทงั่ พุทธศตวรรษท่ี ๑๖ - ๑๗ ภายใต้อิทธิพลของ
ยุคปัจจุบัน ภายในแหล่งโบราณคดี มีการขุดพบ อารยธรรมขอม สันนิษฐานว่า เดิมคืออาณาจักร
หลมุ ศพ กระดกู มนษุ ย์ เครอ่ื งประดบั และไหโบราณ ศรจี านาศะ แผนผงั เมอื งเปน็ รปู วงรี กวา้ ง ๓ กโิ ลเมตร
มอี ายเุ กา่ แก่ประมาณประมาณ ๖,๐๐๐ ปี ยาว ๔ กิโลเมตร มีร่องรอยคูเมืองและก�ำแพงดิน
143แหลง่ เรยี นรูท้ างประวัติศาสตรใ์ นท้องถ่ิน ๗๗ จังหวัดท่ัวไทย
(ภาคเหนือเเละภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื )
นครราชสมี า
ลอ้ มรอบเปน็ แนวยาวคลา้ ยก�ำแพง บรเิ วณเมอื งเสมา หลักศิลาจารึกรัชกาลที่ ๕ เป็นหลักศิลา
มีซากโบราณสถานก่อด้วยศิลาแลงและหินทราย จารึกในวโรกาสท่ีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
มกี ารขดุ พบโบราณวตั ถุตา่ ง ๆ เปน็ จ�ำนวนมาก เช่น เจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) เสด็จพระราชด�ำเนิน
พระนอนหินทราย ธรรมจักรเก่าแก่ ซ่ึงปัจจุบัน ทอดพระเนตรการสร้างทางรถไฟสายกรุงเทพ -
อยใู่ นบริเวณวดั ธรรมจักรเสมาราม นครราชสีมา เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ร.ศ. ๑๑๘
(พ.ศ. ๒๔๔๓) หลักศิลาจารึกน้ี ต้ังอยู่ที่บริเวณ
สระแกว้ เปน็ สระโบราณเกา่ แก่ มีประวตั ิ มอดนิ แดง ปจั จุบนั คอื บา้ นโคกสะอาด อ�ำเภอสีคิ้ว
ความเป็นมาคู่บ้านคู่เมืองนครราชสีมา โดยมี ผลทเี่ กดิ ขึน้ ภายหลงั การสร้างรถไฟสาย กรงุ เทพ -
ความส�ำคัญกับชาวนครราชสีมาต้ังแต่สมัยอดีต นครราชสมี า เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๔๔๓ คอื คนไทยเชอื้ สายจนี
ในหลายด้าน เป็นสระที่มีประวัติศาสตร์มากมาย อพยพมาตง้ั ถนิ่ ฐานทอี่ �ำเภอสคี วิ้ มากขน้ึ ซง่ึ สว่ นมาก
ในสมยั อยธุ ยา สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช ตั้งถ่ินฐานอยู่ใกล้ทางรถไฟ หรือ เขตสถานีรถไฟ
โปรดให้ยา้ ยเมอื งจากทตี่ ง้ั เมอื งเสมา (เดิม) มาอยใู่ น และภายหลงั มีการตัดถนนมิตรภาพ จากสระบุรถี งึ
พนื้ ทปี่ จั จุบัน และใหม้ ีการออกแบบสร้างเมืองใหม่ นครราชสีมา ท�ำให้มีนักธุรกิจชาวจีนเพ่ิมมากข้ึน
อยา่ งแขง็ แรง มีป้อม ก�ำแพงเมือง เเละประตูสี่ด้าน การเข้ามาตั้งรกรากของชาวไทยเช้ือสายจีนท�ำให้
พระองค์โปรดฯ ให้ตั้งหลักเมืองและให้ขุดสระแก้ว เกิดความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกจิ ในพ้ืนทน่ี ี้
สระขวัญ ตามลักษณะประเพณกี ารตัง้ เมอื ง เพอื่ ให้ ปัจจุบัน การรถไฟแห่งประเทศไทยได้จัด
เป็นแหล่งน�้ำกินน้�ำใช้ หากถูกข้าศึกตีล้อมเมือง แสดงนทิ รรศการเรอ่ื งราว ความส�ำคญั ของ หลกั ศลิ า
สระแก้ว เป็นสระทรงส่ีเหล่ียมผืนผ้า มีความกว้าง จารกึ รชั กาลที่ ๕ แหง่ น้ี นอกจากน้ี ชาวบา้ นไดร้ ว่ มกนั
๑๓๐ เมตร ความยาว ๑๕๐ เมตร สภาพน�ำ้ ในอดีต จัดกจิ กรรมการบวงสรวงเป็นประจ�ำทกุ ปี
ใสสะอาด เเละโปรดให้สร้างวัดกลางนครและรอบ
มุมเมืองท้ังสี่มุมเมือง ซ่ึงวัดทางด้านมุมท่ีอยู่ติดกับ ปรางคค์ รบรุ ี อยทู่ โี่ รงเรยี นบา้ นครบรุ นี ครธร
สระแก้ว ให้ชือ่ วา่ วดั สระแกว้ รมโฆสติ วทิ ยาคาร อ�ำเภอครบรุ ี ปรางคอ์ งคป์ ระธาน
เพอื่ ประกอบพระราชพธิ สี รงนำ้� มรู ธาภเิ ษก เป็นอาคารลักษณะศิลปะขอม สร้างด้วยศิลาแลง
ในการพระราชพธิ บี รมราชาภิเษก เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๙๓ แผนผงั เปน็ รปู สเ่ี หลยี่ มจตั รุ สั ยอ่ มมุ กรอบประตแู ละ
สมยั พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ล ทับหลังท�ำจากหินทรายแกะสลักลวดลาย มีมุขยื่น
อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ ๙) เปน็ ทางเขา้ บรรณาลยั สรา้ งดว้ ยศลิ าแลง มกี �ำแพงแกว้
โปรดให้น�ำน้�ำจากมหาเจดียสถานและพระอาราม ลอ้ มรอบ ภายนอกก�ำแพง มสี ระนำ�้ รปู สเี่ หลยี่ มผนื ผา้
ต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักร ๑๘ แห่ง ซ่ึงหนึ่งในน้ัน หรอื ทเ่ี รยี กวา่ บาราย นอกจากน้ี มกี ารคน้ พบชนิ้ สว่ น
น�ำมาจากสระน�้ำในนครราชสีมา ได้แก่ น�้ำจาก พระโพธสิ ตั วอ์ วโลกเิ ตศวร ชน้ิ สว่ นนภศลู ส�ำรดิ และ
สระแกว้ สระขวัญ ธารปราสาท และสระปกั ธงชัย โบราณวตั ถศุ ิลปะขอมอน่ื ๆ จากหลักฐานแวดล้อม
144 แหลง่ เรียนร้ทู างประวตั ิศาสตรใ์ นทอ้ งถิน่ ๗๗ จงั หวัดทว่ั ไทย
(ภาคเหนอื เเละภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)
นครราชสมี า
สนั นิษฐานวา่ โบราณสถานแห่งน้ี สร้างโดยพระเจา้ แผนผงั รปู สเี่ หลย่ี มผนื ผา้ ประกอบดว้ ยปรางคป์ ระธาน
ชยั วรมนั ท่ี ๗ เพอื่ ใหเ้ ปน็ อโรคยาศาล ใชเ้ ปน็ สถานท่ี รูปส่ีเหล่ียมย่อมุมไม้สิบสอง มีอาคารที่เรียกว่า
รักษาคนเจ็บป่วยและท่ีพกั ของผู้เดนิ ทาง บรรณาลยั ตงั้ อยดู่ า้ นหนา้ ลอ้ มรอบดว้ ยก�ำแพงแกว้
มซี มุ้ ประตทู างเขา้ ดา้ นหนา้ เพยี งทางเดยี ว นอกก�ำแพง
ปราสาทเมืองแขก ตั้งอยู่ท่ีอ�ำเภอสูงเนิน แกว้ มสี ระนำ�้ ศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ กรดุ ว้ ยศลิ าแลง หรอื ทเ่ี รยี กวา่
เป็นโบราณสถานที่เหลือเพียงซากอาคารรูปทรง บาราย
ปราสาทศิลปะแบบขอม อาคารทั้งหมดสร้างด้วย
หินทรายผสมอฐิ พน้ื ทีด่ า้ นหน้า มกี �ำแพงแกว้ และ วัดหน้าพระธาตุ หรือ วัดตะคุ อยู่ท่ี
คูน�้ำคันดิน ล้อมรอบ ปรากฏซากอาคารสองหลัง ปักธงชยั เปน็ วัดโบราณสร้างขึ้น เมอื่ ปี พ.ศ. ๒๓๓๐
สรา้ งหนั หนา้ เขา้ หากนั อาคารสองหลงั นมี้ แี นวก�ำแพง หรือในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า
ลอ้ มรอบ โบราณสถานประกอบดว้ ยปราสาท ๓ หลงั จุฬาโลกมหาราช (รัชกาลท่ี ๑) โดยกลุ่มชาวลาว
ซ่ึงตัง้ อยบู่ นฐานเดียวกัน แตป่ ัจจุบัน เหลือเเคเ่ พยี ง ที่อพยพมาจากเมืองเวียงจันทน์ สถานท่ีส�ำคัญ
รอ่ งรอยของมณฑป นอกจากซากอาคารโบราณสถาน ภายในวดั เช่น โบสถห์ ลงั เก่า เป็นโบสถท์ ี่สรา้ งขึน้
มกี ารคน้ พบโบราณวตั ถุ เชน่ ทบั หลงั รปู เทวดา ทบั หลงั ตามรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนปลาย
สลักลายก้านต่อดอก ลวดลายคลา้ ยกบั ศิลปะเขมร และรัตนโกสินทร์ตอนต้น คือ ฐานโบสถ์มีลักษณะ
โบราณ สมัยบนั ทายศรี ซง่ึ ก�ำหนดอายุ ราวปี พ.ศ. แอน่ โคง้ หรอื ทเี่ รยี กวา่ ตกทอ้ งส�ำเภา หรอื ตกทอ้ งชา้ ง
๑๕๑๐ - ๑๕๕๐ จากหลกั ฐานทปี่ รากฏสนั นษิ ฐานวา่ สว่ นของหลังคาโบสถ์ ไมม่ ชี ่อฟ้า ใบระกา หางหงส์
ปราสาทแห่งนี้ สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษท่ี ๑๖ เชน่ โบสถ์ทัว่ ไป คล้ายกับศิลปะพระราชนยิ มรัชกาล
อาจเป็นศาสนสถานตามคติความเช่ือพราหมณ์ พระบาทสมเดจ็ พระนั่งเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว (รัชกาลท่ี ๓)
ฮนิ ดู เพื่อประกอบพิธกี รรมถวายแดพ่ ระศวิ ะ ภายในโบสถ์มีภาพเขียนเรื่องราวชาดกตอนต่าง ๆ
ภาพการนมสั การรอยพระพทุ ธบาท ภาพพธิ ศี พ หรอื
ปราสาทเมอื งเกา่ อยทู่ อ่ี �ำเภอสงู เนนิ ตง้ั อยู่ อสภุ กรรมฐาน พระมาลยั นอกจากนี้ มหี อไตรกลางนำ�้
ในพ้ืนที่เมืองโบราณมีลักษณะพ้ืนท่ีเป็นรูปวงรี ใชเ้ ป็นสถานทีเ่ ก็บพระไตรปิฎก ต�ำราคมั ภรี ์โบราณ
กวา้ ง ๑,๔๐๐ เมตร ยาว ๒,๐๐๐ เมตร ก�ำแพงเมือง ภายในหอไตร มภี าพจิตรกรรมฝาผนังวาดเรอ่ื งราว
เดิมสร้างด้วยศิลาแลง ปัจจุบันเหลือเพียงเนินดิน พทุ ธประวตั ิ เทพชมุ นมุ ลายพมุ่ ข้าวบิณฑ์กา้ นแยง่
เป็นแนวยาวคล้ายก�ำแพง ซ่ึงกรมศิลปากร แมพ่ ระธรณี ดา้ นนอกท�ำเปน็ ลายรดนำ�้ ปดิ ทองสวยงาม
สันนิษฐานว่า พ้ืนที่น้ีเคยเป็นเมืองสมัยทวารวดี เเละ มีพระธาตุทรงส่เี หล่ยี มจตั รุ ัส สว่ นบนสงู เรียว
ปราสาทเมืองเก่า เป็นอโรคยาศาล สรา้ งขนึ้ ในสมัย ขึ้นไปสอบเข้าหากัน มีลักษณะคล้ายกลีบดอกบัว
พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ กษัตริย์แห่งอาณาจักรเขมร สรา้ งตามแบบศิลปะล้านช้าง ถอื เป็นศนู ยร์ วมจติ ใจ
เพ่ือให้เป็นโรงพยาบาล หรือเป็นที่พักแก่ผู้เดินทาง ของชาวชมุ ชนท่ีส�ำคญั
ปราสาทแห่งน้ีสร้างจากศิลาแลงและหินทราย
145แหล่งเรยี นรู้ทางประวัตศิ าสตรใ์ นท้องถนิ่ ๗๗ จังหวดั ท่วั ไทย
(ภาคเหนอื เเละภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื )
บึงกาฬ
บึงกาฬ
147แหลง่ เรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ในท้องถิ่น ๗๗ จังหวดั ท่ัวไทย
(ภาคเหนือเเละภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ)
บึงกาฬ
บึงกาฬ
เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ ได้มีการกวาดต้อนผู้คน
ภทู อกแหล่งพระธรรม คา่ ล�้ำยางพารา กลมุ่ ตา่ ง ๆ เชน่ ผไู้ ท ขา่ โซ่ กะเลงิ แสก ญอ้ และโยย้
งามตาแก่งอาฮง บึงโขงหลงเพลนิ ใจ ให้มาต้งั ถ่ินฐานในพ้ืนทีน่ ี้ และเจริญรุง่ เรอื งสืบมา
นำ�้ ตกใสเจด็ สี ประเพณแี ข่งเรอื ชื่อ “บึงกาฬ” ใช้เรียกหนองน�้ำใหญ่ใน
เหนือสดุ แดนอสี าน นมสั การหลวงพอ่ ใหญ่ อ�ำเภอไชยบรุ ี ชาวบา้ นเรยี ก “บงึ กาญจน”์ ในปี พ.ศ.
ศูนยร์ วมใจศาลสองนาง ๒๔๗๕ มกี ารเปลย่ี นชอื่ “อ�ำเภอไชยบรุ ”ี เปน็ อ�ำเภอ
บึงกาญจน์ และเปล่ียนช่ือ อ�ำเภอบึงกาญจน์ เป็น
อ�ำเภอ บึงกาฬ
บงึ กาฬ ตงั้ อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แมจ้ ะเปน็ จังหวดั ทต่ี ั้งขน้ึ ใหม่ แตก่ ป็ รากฏ
ของประเทศ รมิ ฝง่ั แมน่ ำ�้ โขง ซงึ่ เปน็ พรมแดนธรรมชาติ เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ศาสนาและวัฒนธรรม
ก้ันกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทสี่ ะทอ้ นผา่ นแหลง่ เรยี นรทู้ างประวตั ศิ าสตรใ์ นทอ้ งถน่ิ
มสี ภาพแวดลอ้ มทอ่ี ุดมสมบูรณ์ เดมิ เป็นต�ำบลหนึ่ง ทนี่ า่ ศึกษา เชน่
ในอ�ำเภอไชยบรุ ี จังหวัดนครพนม ต่อมา เมื่อปี พ.ศ.
๒๕๕๔ ได้รับการจัดตั้งเป็นจังหวัด ซ่ึงแม้จะเป็น วดั เจตยิ าครี วี หิ าร หรอื วดั ภทู อก ตง้ั อยู่
จงั หวดั ใหม่ แต่หลักฐานการตงั้ ถ่นิ ฐานบนพน้ื ทม่ี ีมา บนภทู อก พน้ื ทบี่ า้ นค�ำแคน อ�ำเภอศรวี ไิ ล ค�ำวา่ ภทู อก
อยา่ งยาวนาน จากบันทกึ สมัยรตั นโกสนิ ทรต์ อนต้น เป็นภาษาอีสาน หมายถึง ภูเขาท่ีตั้งอยู่โดดเด่ียว
กลา่ วถึงการอพยพโยกย้ายผคู้ น จากตอนเหนอื ของ ประกอบไปด้วยภูทอกน้อยและภูทอกใหญ่
เมืองหลวงพระบาง มาต้ังรกรากอยู่ที่ปากแม่น�้ำ เล่าต่อกันมาว่า เม่ือปี พ.ศ. ๒๔๘๓ พระอาจารย์
สงคราม ตงั้ ชอ่ื วา่ “เมอื งไชยสทุ ธอิ์ ตุ มบรุ ”ี ขนึ้ ตรงตอ่ จวน กุลเชฏโฐ แห่งภูวัว อ�ำเภอเซกา หนองคาย
เมืองเวียงจันทน์ พบร่องรอยศาสนสถานโบราณ เกิดนิมิตรเห็นปราสาท ๒ หลัง อยู่ทางด้านหลัง
แสดงถึงความรุ่งเรืองและความศรัทธาที่มีต่อ ภูทอก ต่อมาพระอาจารย์จึงได้เดินทางมาพิสูจน์
พระพทุ ธศาสนา สงิ่ ทเี่ หน็ ในนมิ ติ ร เมอ่ื มาถงึ บรเิ วณภทู อกนอ้ ยไดพ้ บ
ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ภมู ปิ ระเทศทสี่ วยงาม รม่ รน่ื เหมาะทจี่ ะปฏบิ ตั ธิ รรม
(รชั กาลท่ี ๓) เมอ่ื เจา้ อนวุ งศ์ กษตั รยิ แ์ หง่ เวยี งจนั ทน์ จึงร่วมกับ พระครูศรีธรรมวัฒน์ ซ่ึงเป็นเจ้าคณะ
คิดปลดแอกจากการเป็นประเทศราชของสยาม อ�ำเภอบึงกาฬและอ�ำเภอเซกา ได้ร่วมกันส�ำรวจ
เจ้าเมืองไชยบุรีเกรงกลัวภัย จึงอพยพไพร่พลไปยัง สถานที่ ธดุ งคแ์ ละปักกลดอยทู่ ถ่ี �้ำบนภทู อก ต่อมา
ทีใ่ หม่ ทง้ิ เมืองใหร้ ้างไป แต่ภายหลงั การปราบกบฏ ชาวบ้านค�ำแคนอารธนาพระอาจารย์ให้สร้างวัดที่
149แหล่งเรียนรูท้ างประวตั ิศาสตร์ในทอ้ งถน่ิ ๗๗ จงั หวัดทวั่ ไทย
(ภาคเหนอื เเละภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื )