The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แบเรียนรายวิชาสุพรรณบ้านฉัน 3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by เปนเอก, 2020-11-23 23:07:56

สุพรรณบ้านฉัน 3

แบเรียนรายวิชาสุพรรณบ้านฉัน 3

Keywords: สุพรรณบ้านฉัน 3

201

ร้านอาหารจานดว่ นราคาประหยดั เรียบง่ายสําหรับอาหารม้ือเชา้ และมอ้ื กลางวัน บนเสน้ ทางทอ่ งเทย่ี ว อย่าง
หมู่บ้านควาย ตลาดรอ้ ยปีสามชุก หรอื บงึ ฉวาก การเดินทาง รา้ นนี้อยรู่ มิ ถนน สาย 340 ฝัง่ ขาขึ้น เลยสามแยก
ศรปี ระจนั ต์ 2 กม. อยตู่ รงขา้ ม รพ.ศรีประจนั ต์ (ชาวบา้ นเรียก รพ.บ้านไร)่ ใกลห้ มบู่ า้ นควาย
http://www.suphan.biz/ResPalaew.htm

3. ร้านเรอื นแพป้าสร้อย (อาหาร & บรรยากาศ) รา้ นอาหารในบรรยากาศริมน้าํ อีกแหง่ หน่งึ ของจังหวดั
สพุ รรณและเปน็ ร้านเก่าแกท่ ี่เคยมีชอ่ื เสียงมานานในตลาดเก่าศรีประจันต์ จุดเดน่ ของทีร่ า้ น กค็ งจะเป็นบรรยากาศ
สบายๆรมิ นาํ้

4. รา้ นส้มตาํ เจ้หลิว (อาหาร-ส้มตํา) เปน็ ร้านส้มตาํ ใตร้ ม่ ไม้ และซ้มุ ริมนา้ํ รม่ รน่ื โปร่ง เยน็ สบาย
และท่เี ปน็ จดุ เดน่ กค็ งเปน็ รสชาดของอาหาร กม็ ีสม้ ตาํ สารพัดชนดิ ลาบ นํ้าตก ตบั หวาน ไกย่ ่าง
การเดินทางจากตัวเมืองสุพรรณ ตรงมาเร่ือยๆตามถนนสาย สุพรรณ-ชัยนาท ผ่านสี่แยกไฟแดงตลาดเก่า
ศรีประจันต์ ผ่านหมู่บ้านควาย ผ่านป้ายสวนพืชไร้ดินด้านขวามือถึงตรงน้ีให้ลดความเร็ว จะเป็นทางโค้ง สังเกต
ซ้ายมือจะมีป้ายแยกไปบ้านกล้วยให้เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 100 เมตรจะมีสะพานร้านจะอยู่ขวามือตรงตีนสะพาน
http://www.suphan.biz/jeahlewres.htm

5. ข้าวหมแู ดงแมป่ ุ๊ (จานดว่ น) การเดนิ ทาง ร้านนีอ้ ยู่รมิ ถนน สาย 340 ฝง่ั ขาขนึ้ เลยสามแยกศรีประจนั ต์
2 กม. อยตู่ รงข้าม รพ.ศรีประจนั ต์ (ชาวบ้านเรยี ก รพ.บ้านไร่) http://www.suphan.biz/maepu.htm

6. "บะหมต่ี าโปว้ " อําเภอศรปี ระจนั ต์ (จานดว่ น ทไี่ มด่ ่วน) รา้ นเก่าแก่ด้งั เดมิ โบราณ ร้านนี้มีเอกลักษณ์ขึ้น
ชอ่ื ลอื ฤาว่าเป็นกว๋ ยเต๋ียวที่คอยนานมาก และไมม่ แี ซงคิว
การเดินทางการเดนิ ทางจากถนนสาย 340 มาถงึ สามแยกศรีประจันต์ ให้เลย้ี วเขา้ ตลาดก่อนขน้ึ สะพานขา้ ม
แม่นํ้าท่าจีน ใหเ้ ล้ยี วซา้ ยและเลี้ยวขวาตอ่ ทันทไี ปจอดรถให้ในสุดhttp://www.suphan.biz/tapow.htm

7. บ้านขา้ วแกง (จานด่วน)ร้านข้าวแกงสตู รโบราณของเมอื งสพุ รรณ การเดินทางอย่รู มิ ถนนสายสุพรรณ -
ชัยนาท (340) เลยจากตวั เมอื งประมาณ 25 ก.ม. เลยสามแยกไฟแดง อําเภอศรีประจนั ต์ มา 5 ก.ม. สงั เกตทางเขา้
ป้ายปม๊ั น้าํ มนั PTโทร. 035-581333, 571311http://www.suphan.biz/jaepin20pot.htm

8. บ้านขนมจีน โพธพิ์ ระยา (จานดว่ น)จากของกนิ พืน้ บ้าน ทใ่ี ห้บริการมายาวนานในตลาดสดโพธพิ์ ระยา
จนถงึ ปจั จุบนั ชื่อเสยี งของขนมจนี โพธพิ์ ระยาก็เปน็ ท่รี ู้จกั กนั ไมเ่ ฉพาะแตค่ นในพ้ืนท่ี คนตา่ งถ่นิ นักทอ่ งเทีย่ ว
มากมาย ที่มโี อกาสไดล้ องลิม้ ชมิ รสขนมจนี โพธิพ์ ระยา การเดินทางจากหนา้ วัดวรจนั ทร์ ขับตรงมาเจอสแ่ี ยกเลี้ยว
ซา้ ยเข้าตลาดโพธิ์พระยา แตบ่ า้ นขนมจีนโพธพิ์ ระยา ใหข้ บั ตรงมาประมาณ ไมเ่ กนิ 2 กโิ ลเมตร จะผ่านโรงสีย่งเสง็
เลยโรงสมี าสงั เกตซ้ายมอื จะมปี ้ายบอกบา้ นขนมจีน ตดิ กบั ท่าจนี รีสอรท์ โทร. 035-408059, 086-1627812
http://www.suphan.biz/kanomjeenpopaya.htm

9. ร้านอาหาร เรือนชายน้ํา (อาหาร & บรรยากาศ) เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารริมน้ํา ทม่ี ีบรรยากาศและการ
ตกแต่งและดูแลอย่างดี สถานที่ติดบึงน้ําขนาดใหญ่ และห่างจากถนนหลัก (340) เพียง 3 กม. มีหลายมุมให้เลือก
นง่ั ตามชอบใจ มีท้งั ววิ รมิ น้ําสบายตา ววิ สวนสวยลมเยน็ สบายใจ หรอื ในห้องแอร์ก็มไี วบ้ ริการ
เปิดเวลา 11.00-22.00 น โทร 090-9418499การเดนิ ทางบนเส้นทาง 340 จากตวั เมอื งมาทางอาํ เภอศรีประจนั ต์
เลยี้ วขวาทางเข้าบ้านควาย ตรงไปอกี 3 ก.ม. ร้านอาหารอยู่ซา้ ยมอื
http://www.suphan.biz/ruencheynam.htm

10. ห้องอาหารทองประศรี วงั ยางรีสอร์ท บรรยากาศริมนาํ้ โทร 035-548870-2
11. แป๊ะโภชนา 035-548089

202
ของฝาก ของท่ีระลึก

1. หจก. อโลเวล่า สพุ รรณบรุ ี เปน็ โรงงานผลติ และจําหนา่ ยอาหารสมุนไพรเพื่อสขุ ภาพ บรรจกุ ระปอ๋ งอโล
เวร่า ลูกตาล กระจบั แห้ว ใกล้ตลาดเกา่ อาํ เภอศรีประจนั ต์ ท่ีอยู่ 612 หมู่ 3 อาํ เภอศรปี ระจนั ต์ จงั หวดั สุพรรณบรุ ี
โทร. 035-581371, 081-8574374 (คุณฉลวย)

2. กล้วยอบเนย ทอ่ี ยู่ หมู่ 2 ต.บ้านกร่าง (ขนม) โทร 035-548344
3. ผลไม้กระปอ๋ งสโนวเ์ ฮ้าส์ ท่อี ยู่ ถ.สพุ รรณบรุ ี-ชัยนาท (ผลไมก้ ระปอ๋ ง) โทร 035-581099
4. ศนู ยโ์ รงงานสินค้า (สุพรรณบรุ ี) (วทิ ยุ เสื้อผ้า รองเท้า) โทร 035-581668

อาํ เภอสองพ่นี อ้ ง
1. วดั ไผโ่ รงววั

วัดไผ่โรงวัว สมัยก่อนเป็นวัดท่ีใครๆท่ีมาสุพรรณ ต้องแวะกราบไหว้ และชมความสวยงาม ใหญ่โตของ
พุทธศิลปะ ต่อมาการจัดการภายในไม่ดี ทําให้วัดเริ่มไม่มีระบบระเบียบ เป็นภาพที่ไม่สวยงามกับผู้มาพบเห็น แต่
ปจั จบุ นั ไดม้ ีการจดั ระบบภายในวดั ให้เปน็ ระเบียบมากขึ้น ทาํ ใหว้ ดั เร่ิมกลบั มาสวยงาม เหมอื นเดิม ถึงจะไม่ 100%
แต่กน็ บั วา่ พฒั นาขนึ้ กวา่ แต่ก่อนมาก

วัดไผ่โรงวัว หรือ วัดโพธาราม เป็นวัดท่ีมีช่ือเสียงของจังหวัดสุพรรณบุรีสร้างเมื่อ พ.ศ. 2469 เป็นวัดท่ีมี
พุทธศาสนิกชน และบุคคลท่ัวไปนิยมไปเที่ยวชมกันมากเพราะท่านพระครูอุทัยภาคาธร (หลวงพ่อขอม) ได้
ดาํ เนนิ การกอ่ สรา้ ง “พระพุทธโคดม” เป็นพระพทุ ธรูปโลหะสําริดองคใ์ หญ่ทส่ี ุดในประเทศไทยนอกจากนี้ภายในวัด
มีส่ิงก่อสร้างเกี่ยวกับพุทธศาสนาที่สําคัญหลายแห่ง เช่น “สังเวชนียสถาน 4 ตําบล” คือ สถานท่ีที่พระพุทธเจ้า
ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนาและปรินิพพาน มีส่วนท่ีแสดงงานประติมากรรม เกี่ยวกับพุทธประวัตินรกภูมิ

203

สวรรค์ภูมิ นอกจากนี้ยังมี “พระกะกุสันโธ” พระพุทธรูปปูนป้ันขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้านหน้าพระพุทธรูปมี
“ฆ้อง และบาตร” ใหญ่ที่สุดในโลก และยังมี “พระวิหารร้อยยอด” และ “พระธรรมจักร” หล่อดว้ ยทองสําริด
ใหญท่ ีส่ ุดในโลก รวมทั้งส่ิงกอ่ สรา้ งอนื่ ๆ อกี มากมาย เป็นวดั ทโ่ี ดดเด่นวดั หน่ึงของจงั หวัดสุพรรณบุรี

วัดไผ่โรงวัว ตั้งอยู่ท่ี ตําบลบางตาเถร ห่างจากตัวจังหวัดสุพรรณบุรี ประมาณ 43 กิโลเมตร หรือจาก
กรงุ เทพฯ ประมาณ 70 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายตล่ิงชัน-สุพรรณบุรี มีทางแยกซ้ายก่อนถึงสามแยกลาดบัวหลวง
เข้าสู่วัดไผ่โรงวัว นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปวัดไผ่โรงวัวได้โดยใช้รถส่วนบุคคล การเดินทางหากออกจาก
กรงุ เทพมหานครทาง แคราย แลว้ ไปทางถนน กาญจนาภิเษก จากน้ัน ออกสุพรรณท่ีทางหลวงเส้น 340 ว่ิงไปเรื่อย
จนถึงแยกซ้ายมือไปอําเภอ 2 พี่น้อง เข้าทางหลวงหมายเลข 3422 ว่ิงไปประมาณ 14 กม. เล้ียวขวาเข้าวัด หาก
เริ่มต้นจากแยกนครชัยศรี ขับตรงไป ประมาณ 15.4 กิโลเมตร จากนั้นเล้ียวขวามือไปจังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อเล้ียว
ขวามือแล้วขับตรงไป ประมาณ 1.2 กิโลเมตร พบสามแยก ( แยกซ้ายไปจังหวัดสุพรรณบุรี ตรงไปไปจังหวัด
นครปฐม ) ให้ท่านเลี้ยวซ้ายไปจังหวัดสุพรรณบุรี จากน้ันขับตรงไปมุ่งหน้าสู่จังหวัดสุพรรณบุรี โดย เส้นทางท่ีมุ่ง
หน้าสู่จังหวัดสุพรรณบุรีจะผ่านอําเภอกําแพงแสน ผ่านมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผ่านทางเข้าโรงเรียนการบิน
กําแพงแสน จากนั้นขับไปอีกจะพบป้ายบอกทางไปวัดไผ่โรงวัว ให้ท่านขับตรงไปก่อน จากนั้นจะมีป้ายบอกทางให้
กลับรถ ( U - Turn ) หลังจากกลับรถแล้ว ประมาณ 200 เมตร ให้ท่านเลี้ยวซ้ายตามป้ายบอกทาง จากนั้นว่ิงไป
ตามเส้นทางอีกประมาณ 9 กิโลเมตร จะพบสามแยก ให้เล้ียวขวาเข้าสู่ถนนหมายเลข 3422 ( ไปอําเภอลาดบัว
หลวง จังหวัดอยุธยา ) วิ่งไปอีกประมาณ 13 กิโลเมตร ก็จะถึงวัดไผโ่ รงวัว ซ่ึงอยู่ทางด้านซ้ายมือของท่าน วัดไผ่โรง
ววั เปิดให้นักทอ่ งเท่ียวเขา้ ไปเยี่ยมชนและกราบไหวท้ กุ วนั ตงั้ แตเ่ วลา 08.30 - 17.30 น.
2. วดั ทบั กระดาน

วัดทับกระดานเป็นที่เก็บรักษาส่ิงของต่างๆของพุ่มพวง ดวงจันทร์ นักร้องเพลงลูกทุ่งช่ือดังตําแหน่ง
"ราชินีลูกทุ่ง" ที่เสียชีวิตไปแล้ว เพื่อให้ผู้ท่ียังรักและคิดถึงพุ่มพวงได้แวะเวียนมาระลึกถึง วัดต้ังอยู่ในอําเภอ
สองพี่น้อง ซึ่งเป็นอําเภอบ้านเกิดของเธอ พุ่มพวงคุ้นเคยกับวัดนี้ตั้งแต่เด็ก ท่ีวัดมีการเก็บรวบรวมเสื้อผ้าข้าวของ
เครอื่ งใช้ในการร้องเพลง รวมทั้งรปู ถา่ ยจากขา่ วหนังสือพิมพ์ไว้ในโบสถ์ของวัด นอกจากนี้บริเวณศาลา ท่านํ้าจะมี
รูปวาดของพุ่มพวง ดวงจันทร์ ท่ีมีคนนํามาให้เพื่อแก้บน ด้านหน้าวัดมีร้านขายของสด - แห้งต่างๆ เช่น นํ้าพริก

204
หนอ่ ไม้ ผลไม้ ทศ่ี าลาริมสระนํ้าของวัดมกี ารสรา้ งห่นุ พุ่มพวงเอาไว้ โดยทางวัดจะมีการจัดงานรําลึกถึงพุ่มพวง ช่วง
ประมาณวนั ที่ 13 มิถนุ ายน ของทุกปี ซง่ึ เปน็ วนั ครบรอบการเสียชีวติ ของเธอ
ทีอ่ ยู่ ตําบลบ่อสุพรรณ อาํ เภอสองพน่ี อ้ ง จงั หวัดสพุ รรณบุรี
การเดนิ ทาง วัดทบั กระดาน ไปตามทางหลวงหมายเลข 3387 ประมาณ 7 กิโลเมตร แล้วเข้าทางหลวง
หมายเลข 3351 กิโลเมตรที่ 10 โทร. 035-530113 หรือ 089-9226234
3. ตลาดบางลเ่ี มอื งสองฤดู

ตลาดบางล่ีตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นพื้นท่ีราบลุ่มแอ่งกระทะของอําเภอสองพี่น้อง ตั้งอยู่ริมคลองสองพ่ีน้อง
ฝั่งทิศใต้ คลองสองพี่น้อง เป็นแหล่งนํ้าธรรมชาติแหล่งสําคัญท่ีใช้อุปโภค บริโภค กันมาแต่โบราณ และยังเป็น
เสน้ ทางคมนาคมหลักของชาวตลาดบางลี่และชาวสองพี่นอ้ งในคร้งั อดตี

สองฤดนู น้ั ชาวสองพ่นี อ้ ง จะหมายถึงหนา้ แล้ง (ซ่งึ เรยี กวา่ หน้าแห้ง) กับหน้านา้ํ ซ่งึ เป็นวิถชี วี ติ ดง้ั เดมิ ในอดตี ในปี
หนึ่งท่ีสองพีน่ อ้ งจะมนี ํา้ ท่วมประมาณ 5-6 เดือน

Cr Panu Mitsuntisuk
ในอดตี หน้าน้าํ ท่วม รา้ นคา้ ในตลาดตอ้ งยา้ ยขึ้นไปคา้ ขายบนช้นั 2 และเทศบาลฯ ตอ้ งทาํ สะพานเดินรอบตลาด
ปจั จบุ นั พนื้ ทเ่ี ทศบาลเมอื งสองพ่ีนอ้ ง ไดม้ กี ารถมใหส้ งู ขึน้ จากพนื้ ดนิ เดมิ ประมาณ 2 เมตร จึงทาํ ใหน้ าํ้ ไม่ท่วม
ประวัตกิ ารกอ่ ต้ังตลาดบางลี่ มขี อ้ สนั นิษฐานอกี 2 เรื่อง ตามท่ี คุณสกุณา ฉันทดิลก ค้นคว้าไวด้ งั น้ี

เรอ่ื งแรกเลา่ ว่าตลาดบางลีต่ ั้งขนึ้ ทหี ลงั ตลาดอาํ เภอ(สองพ่นี อ้ ง)เกา่ (ตัง้ อยใู่ กลๆ้ โรงงานผลติ นาํ้ ดม่ื โยโจ)้ หรอื
ทค่ี นแตก่ อ่ นเรยี กกนั วา่ ตลาดสาน(บางคนว่านา่ จะเรียกตลาดศาล) เพราะตลาดอาํ เภอเกา่ แต่กอ่ นนน้ั ต้ังอยใู่ กลก้ ับ
ที่ว่าการอําเภอสองพน่ี อ้ งด้งั เดิม และสถานตี ํารวจภูธรอาํ เภอสองพีน่ อ้ ง สมยั นนั้ ตลาดสานหรอื ตลาดอําเภอเกา่ คง

205
เปน็ ตลาดศนู ยก์ ลางของอําเภอสองพ่ีน้อง มพี วกกองเกวยี นบรรทุกของจากปา่ ดอนมาขายเส้นทางจากป่าดอน ก่อน
ถงึ ตลาดสาน มลี ํารางบางน้อย และลาํ รางบางใหญ่ก้ัน ถา้ หน้าแล้งก็มาไดเ้ ลยเพราะลาํ รางแห้งแตถ่ ้าหนา้ นาํ้ น้ําจาก
คลองสองพนี่ อ้ งจะไหลเข้ามาในลาํ รางท้งั สองทําให้พวกกองเกวยี นต้องจอดรออยตู่ รงบรเิ วณที่ว่างก่อนถึงลําราง
บางน้อย ก็คอื ยา่ นตลาดบางลี่แถวโรงเจฮกเฮงต๊วั ในปัจจบุ ัน มพี วกคนจนี หัวดีชวนพวกกองเกวียนเลน่ การพนนั และ
ค้าขายกนั ทตี่ รงนนั้ จนเกดิ เปน็ ชุมชนแหง่ ใหม่ มีการปลูกหอ้ งแถวแห่งแรกใหพ้ วกคนจนี เช่าอยอู่ าศัยและค้าขายกนั
ตอ่ มาไดม้ ชี าวจนี ตามมาสมทบมากขึ้นเร่อื ยๆจนกลายเปน็ ชมุ ชนชาวจีนขนาดใหญ่ คอื ตลาดบางลีใ่ นปจั จบุ นั

ถา้ เปน็ จริงตามเรอื่ งน้ีตลาดบางลกี่ จ็ ะตั้งขึ้นราวๆ รัชกาลท่ี 5 เพราะอําเภอสองพีน่ อ้ ง ต้ังข้นึ ราวๆปี พ.ศ.
2439 ในสมัยรชั กาลที่ 5

เร่ืองที่ 2 เล่าว่าตลาดบางล่ี น้ันเกิดจากบรรดาพ่อค้าชาวจีนรุ่นบุกเบิกที่มาจากเมืองจีนกลุ่มหน่ึงได้มาต้ัง
หลักแหล่งทําเกษตรกรรมและค้าขายกันอยู่ในหมู่บ้านสองพี่น้องซึ่งเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ของชาวไทยท้องถิ่น แต่
หมู่บ้านสองพ่ีน้องเป็นที่ลุ่มน้ําท่วมอยู่เป็นเวลานานทําการค้าขายไม่สะดวก จึงโยกย้ายข้ึนไปอยู่ตรงบริเวณพื้นท่ี
ตลาดบางลใี่ นปัจจุบัน ซ่ึงเป็นท่ีดอนกว่า ผนวกกับท่ีเดิมเริ่มคับแคบเพราะมีลูกหลานมากข้ึน จึงต้องย้ายไปหาทําเล
ใหม่ท่ีจะค้าขายได้สะดวกขึ้น ต่อมาพ่ีน้องชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่ก็อพยพเข้ามาหาที่ทํามาหากินตามญาติๆท่ีมา
กอ่ นจงึ ทําใหช้ ุมชนตลาดบางล่ีกลายเปน็ ชุมชนชาวจนี ที่ใหญ่ขนึ้ ดงั ในปัจจบุ นั
4. ตําบลบางตะเคียน

เป็นตําบลที่มีภูมิประเทศ ลุ่มตํ่านํ้าท่วมซ้ําซากทุกปีติดกับแม่นํ้าท่าจีน วิถีชีวิตชาวบ้านทําไร่ผัก ปลูกข้าว
เล้ียงปลา เลี้ยงกุ้ง/ไก่/เป็ด ปลูกผักกระเฉด รับจ้างท่ัวไป รับราชการและค้าขาย มีสภาพเป็นชนบท ท้องทุ่ง

206

กว้างไกล ประชาชนยังรักษาวิถีชีวิตเป็นชาวบ้านชนบทพ่ึงตนเอง เศรษฐกิจพอเพียง การปกครองแบ่งเป็น 8
หมู่บ้าน มีเน้ือที่ 24.60 ตารางกิโลเมตร จํานวนประชากร 5648 คน ระยะทางห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 60
กโิ ลเมตร
ทอ่ งเทีย่ วเชงิ อนรุ ักษ์ บางตะเคยี น

- ไหว้พระพุทธรปู ทองคําศกั ดส์ิ ทิ ธิ์
- ศาลเจา้ พ่อขนุ ไกรพระลอยนํา้
- ทําบญุ ใหท้ าน ณ วังมัจฉา
- พระพุทธรูปสมยั โบราณ
- สัมผัสวิถชี ีวติ ของคนในตาํ บลบางตะเคยี น
- ของท่รี ะลึกงานฝมี ือของคนในชุมชน
หลวงพ่อวนุ่ วดั บางซอ
อดีตเจ้าอาวาสองค์ท่ี 6 ของวัดบางซอหลวงพ่อวุ่นเป็นพระเถระท่ีเรืองวิทยาคม ท่านเป็นผู้มักน้อยถือ
สันโดษไม่จําพรรษาวัดใดวัดหน่ึง ไม่ว่าแดดร้อนจัดหรือฝนจะตก ท่านก็พายเรือของท่านตามสบาย ครั้งหน่ึงเป็น
เร่ืองเล่าลือกันมากคือ ท่านจอดเรือพักท่ีร่มไม้ปากคลองบางยาง จ.สมุทรสาคร สมัยนั้นมีเรือโยงของบริษัท
สุพรรณบุรีขนส่ง จอดคอยเรือสินค้าที่ออกจากคลองภาษีเจริญ และคลองบางยาง ชาวเรือต่างก็เห็นหลวงพ่อวุ่น
จอดนอนพัก ที่ร่มไม้ปากคลองบางยาง เรือยนต์ก็โยงเรือสินค้าแล่นมาตลอดคืน รุ่งเช้าเรือยนต์ถึงปากคลอง
สองพ่ีน้อง สุพรรณบุรี ต่างก็เห็นหลวงพ่อวุ่นพายเรือ อยู่ปากคลองสองพี่น้อง ตา่ งก็เห็นเป็นอัศจรรย์ เล่าลือกันว่า
ท่านพายเรอื มาได้อยา่ งไร ท่านตอ้ งเป็นพระที่มีอทิ ธปิ าฏหิ ารยิ ์ อยา่ งแน่นอน นีเ่ ปน็ เรอื่ งบางส่วนของหลวงพ่อวุ่น

207

วิหารจตุรมุข ซ่ึงสร้างอย่างสวยงามภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางสะดุ้งมาร และรูปหล่อของ
พระครูเขมานุโยค อดตี เจา้ อาวาสวัดบางสาม

วังมัจฉา
ศาลาการเปรียญหลังเก่ากลางนํ้าเป็นสถานที่ให้ทานปลาสําหรับผู้มีจิตศรัทธาใจบุญ โดยมีปลาดุก

ปลาสวายและปลานํา้ จืดหลากหลายชนดิ เพื่อเป็นสริ ิมงคลแดช่ ีวิตและครอบครัว
ศาลเจ้าพอ่ ขนุ ไกร พระลอยนํ้า

วดั สําเภาทอง
ได้ขดุ พบพระพุทธรปู สมยั โบราณ ซ่ึงสนั นฐิ านว่ายุคสมัยกรุงรัตนโกสนิ ทร์ท่ี 3-4 ทาํ ด้วย หนิ ทราย จํานวน

2 องค์ ลกั ษณะองคพ์ ระพุทธรูป รปู ทรงไมเ่ หมอื นปัจจบุ ัน

208

พ้นื ทเ่ี กษตรเชงิ อนรุ กั ษ์
ปลูกผกั บุง้ ลอยนา้ํ ปลกู ผักกระเฉด แปลงผกั – คะนา้ – มะระ – เผอื ก- กระเพรา/ โหระพา นาขา้ ว

เลือกซอื้ ของท่รี ะลกึ งานฝมี อื ของ คนในชมุ ชนหมู่ที่ 3 บา้ นบางสะแก
รา้ นอาหาร

1. รา้ นอาหารบ้านดอน (อาหาร) ถนนสายบางล่ี-วัดไผ-่ สองพ่นี อ้ ง ก่อนถึงวัดอมั พวนั
เมนแู นะนาํ กุง้ ทอดเกลอื อาหารไทย, อาหารป่า เปดิ บรกิ าร 10.00 - 22.00 น.โทร 035-531888, 081-8800664

2. โจก๊ คตู่ ลาดบางลี่ (โจ๊ก จานด่วน) เปิดบริการ 13.00 - 08.00 น.
ของฝาก ของทีร่ ะลึก

1. กล้วยเลย์ กลว้ ยม้วน ทอ่ี ยู่ ถ.ท่งุ คอก-พระแท่นดงรัง ต.บอ่ สพุ รรณ (ขนม) โทร 035-402041
2. ปลาหม่าํ ทอ่ี ยู่ ถ.บางสนุ่น (อาหาร) โทร 035-542213
3. กลุ่มทอผา้ บา้ นหนองลงิ ทอ่ี ยู่ ต.บอ่ สุพรรณ (ผ้าทอ) โทร 035-402084
4. กลุ่มทอผา้ บ้านดอนมะนาว ท่ีอยู่ ต.ดอนมะนาว (ผา้ ทอ) โทร 035-566032

อาํ เภอสามชกุ

1. ตลาดสามชกุ

เป็นชุมชนชาวจีนเก่าแก่ท่ียังคงสภาพบ้านเรือนและตลาดแบบดั้งเดิม อยู่ริมฝั่งแม่นํ้าท่าจีน อําเภอสามชุก
จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นตลาดสําคัญในการติดตอ่ ค้าขายแลกเปล่ียนสินค้าที่สําคัญในอดีตต้ังแต่เมื่อ 100 กว่าปีก่อน
แต่เมื่อถนนคือเส้นทางจราจรทางบกที่เข้ามาแทนที่การเดินทางทางน้ํา ทําให้คนหันหลังให้กับ แม่นํ้าท่าจีน
ความสําคัญของตลาดแลกเปล่ียนสินค้าริมนํ้าเร่ิมลดลง จึงทําให้ชาวบ้านพ่อค้าท่ีอยู่ในตลาดสามชุกและครูอาจารย์
ท่ีเห็นคุณค่าตลาดเก่า รวมตัวเป็นคณะกรรมการพัฒนาตลาดสามชุกเชิงอนุรักษ์ช่วยกันระดมความคิดเพื่อหาทาง
อนุรักษ์ตลาดและที่อยู่ของตนไว้ จึงเป็นท่ีมาของกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ใช้การท่องเท่ียวศึกษาวิถีชีวิต
ชุมชนด้ังเดิม ประวัติศาสตร์ชุมชน เป็นเครื่องมือการพัฒนาอาคารไม้เก่าแก่ จนตลาดสามชุกได้รับการประกาศให้
เป็นตลาด 100 ปใี นเชงิ อนรุ กั ษ์

เสน่ห์ของการเย่ียมชมตลาดสามชุก คือการได้เดินชมความคลาสสิกและความเก่าแก่ของบ้านไม้อายุนับ
ร้อยปีแบบห้องแถวซึ่งมีท้ังช้ันเดียวและสองชั้น บ้านเรือนในตลาดมีการตกแต่งลวดลายฉลุไม้ท่ีเรียกว่า ลายขนม
ปงั ขิง ซึง่ เทา่ ที่พบในตลาดนีม้ ีถึง 19 ลาย

นอกจากน้ี นกั ทอ่ งเท่ยี วยงั สามารถเลอื กซอ้ื อาหารอรอ่ ยๆซึง่ มีขายตลอดทาง ส่วนรา้ นค้าท่นี ่าสนใจใน
ตลาดแห่งนไ้ี ดแ้ ก่ ร้านบ้านโคก้ ที่รวบรวมของสะสมและของทีร่ ะลกึ ทกุ อย่างทเี่ กี่ยวกบั โค๊ก เสียค่าเขา้ ชมคนละ 5
บาท รา้ นโกเ๋ ก๋ ที่ขายของท่ีระลกึ เสอ้ื หมวก และของนา่ รกั ต่างๆ โดยเนน้ ของทเ่ี ก่ยี วกบั โก๋เก๋ และการต์ ูนดังอ่นื ๆ
และรา้ นมหาสนุก เปน็ รา้ นขายของเลน่ โบราณทมี่ ีใหเ้ ลอื กมากมาย

ส่ิงทีน่ า่ สนใจอ่ืนได้แก่ อาคารพพิ ธิ ภัณฑ์ เป็นอาคารไม้โบราณติดลูกไม้ขนาด 3 ชั้นของขุนจํานงค์ จีนารักษ์
นายภาษีเก่า ซ่ึงท่านเจ้าของตลาดมอบให้เป็นแหล่งรวบรวมภาพถ่ายวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยก่อน ร้านถ่ายรูป
โบราณที่ยงั มีกลอ้ งถ่ายภาพเกา่ แก่อายกุ วา่ รอ้ ยปใี ห้บริการ ร้านขายยาสมนุ ไพร

อาหารการกินที่มีชื่อเสียงของตลาดแห่งนี้ มีอาทิ เจ็กอ้าวบะหมี่เก๊ียว ท่ีทําเส้นบะหม่ีเองท่ีเปิดขายมานาน
กว่า 70 ป,ี ข้าวห่อใบบัวสามชุก, ร้านนิสา ลูกชิ้นยักษ์สามชุก ท่ีมีลูกชิ้นขนาดใหญ่เกือบเท่าชามก๋วยเต๋ียว, ห่อหมก

209

ยกหม้อ, ห่อหมกปลากรายเคร่ืองแกงสดใส่หม้อดิน, หลนคุณย่า ร้านขายหลนรสชาติอร่อย มีให้เลือกหลากหลาย
แบบ ต้ังแต่หลนไข่เค็ม หลนปูม้า หลนปูเค็ม และหลนปลาอินทรีย์, ร้านเป็ดย่าง “เป็นย่างจ่าเฉิด” มีท้ังเป็ดย่าง
เปด็ พะโล้ เคร่ืองใน ส่วนของฝากอน่ื ๆมอี าทิ เมี่ยงปลาทู สาลีเ่ มอื งสุพรรณ ปลาแดดเดียว นาํ้ พริกแมก่ ิมลัง้

ตลาดสามชกุ มสี ิ่งอํานวยความสะดวกสาํ หรบั และผสู้ ูงอายุ อาทิ ทางลาด ตวั ตลาดไมม่ ีทางต่างระดบั
สามารถเขา้ ถงึ ได้ทกุ คน แต่มพี นื้ ต่างระดบั บริเวณรา้ นคา้ ผทู้ ่ีใช้ Wheel Chair อาจไม่สามารถเข้าในรา้ นคา้ ไดถ้ า้ ไม่
มคี นช่วยเหลอื มหี อ้ งนา้ํ สาํ หรบั คนพิการและผสู้ งู อายุทจี่ ดั ไว้เฉพาะของทวี่ ่าการอําเภอสามชกุ บรเิ วณใกล้ทีจ่ อดรถ
วันเปดิ ทําการ : วนั จนั ทร์ – วันอาทติ ย์ เวลาเปิดทําการ : 08.00 - 16.00
ที่อยู่ อยรู่ มิ แมน่ าํ้ ทา่ จีนตดิ กบั ที่วา่ การอําเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบรุ ี
2. บึงระหาร

ตง้ั อย่ทู ี่อาํ เภอสามชุก จงั หวัดสพุ รรณบุรี เป็นแหลง่ น้าํ ธรรมชาตซิ ง่ึ ไดข้ ดุ ลอกปรับปรงุ ใหม่ มีนํ้าตลอดปี อยู่
ห่างจากจังหวัดประมาณ 34 กิโลเมตร เป็นบึงขนาดใหญ่ที่มีความยาวหลายกิโลเมตร มีเนื้อท่ี 252 ไร่ มีถนนรอบ
บึง มีร้านอาหารและศาลาสําหรับเป็นท่ีพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน และยังใช้เป็นท่ีออกกําลังกาย แข่งขันกีฬา
ทางนํ้า หรือจอดรถพักรับประทานอาหาร สําหรับนักเดินทางท่มี ีโอกาสผ่านมาเที่ยวสามชุก และมีโอกาสได้พักค้าง
คนื แถวน้ี ชว่ งเวลาเชา้ หรือ เย็นก่อนพระอาทติ ย์ตก ลองหาโอกาสแวะไปเดินหรือป่ันจกั รยานรอบ ๆบงึ แวะทกั ทาย
กบั ชาวบา้ น ก็นับวา่ เป็นอีกกิจกรรมท่ีนา่ สนใจ บึงระหารเปิดบรกิ ารทกุ วัน ตง้ั แตเ่ วลา 5.00 น. – 18.00 น.

การเดนิ ทาง บงึ ระหารอยหู่ า่ งจากตวั จงั หวดั ประมาณ 34 กิโลเมตร หา่ งจากถนน สุพรรณ-ชยั นาท (340)
ประมาณ 100 เมตร ตรงสแ่ี ยกไฟแดง หากเล้ียวซา้ ยจะไปตลาดสามชุก ใหเ้ ล้ียวขวาไปเลก็ น้อย บงึ จะอยซู่ า้ ยมอื
3. วดั ลาดสิงห์

210

วดั ลาดสิงหต์ ้งั อย่ทู ีเ่ ลขที่ 77 บ้านลาดสิงห์ หมทู่ ่ี 5 ตาํ บลบา้ นสระ อาํ เภอสามชกุ จังหวดั สุพรรณบุรี มีเนอ้ื
ที่ประมาณ 35 ไร่ วัดแห่งน้ีเป็นวัดเก่าแก่ เดิมช่ือ “วัดราชสิงห์” มีคําเล่าสืบทอดกันมาว่าสมเด็จพระนเรศวร
มหาราชทรงสร้างวัดน้ีข้ึนมาภายหลังจากที่ประสบชัยชนะในสงครามยุทธหัตถีและทรงทราบข่าวว่า พระสุพรรณ
กัลยาที่เป็นตัวประกันอยู่ท่ีเมืองพม่าถูกประหารชีวิต เพื่อเป็นการล้างแค้นท่ีพระมหาอุปราชสิ้นพระชนม์ด้วย
พระแสงของ้าว พระองค์จึงทรงสร้างวัดเพ่ืออุทิศพระกุศลให้แด่พระสุพรรณกัลยา เมื่อได้ขับข้ามสะพานปูนเข้าวัด
จะพบโรงเรียนวัดลาดสิงห์อยู่ซ้ายมือ ส่วนด้านขวามือเป็นเจดีย์สีขาว และมีพระปรางค์ลีลาอยู่ข้างๆ ภายในวัดยังมี
ส่ิงน่าสนใจมากมาย เริ่มด้วย “อุโบสถวัดลาดสิงห์” เป็นอุโบสถไม้ ผสมอิฐปูนสีสวยงาม มีอิฐล้อมอยู่รอบๆโบสถ์
ด้านหน้ามีรูปปั้นลายสิงห์คู่ ภายในเป็นท่ีประดิษฐานของ “หลวงพ่อดํา” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศิลาแลง ปางสะดุ้ง
มาร (มารวิชัย) เกตุบัวตูม อายุอยู่ที่ประมาณ 500 ปี ทั้งน้ี สําหรับผู้ที่นิยมหาเลขเล่นหวย ชาวบ้านพูดกันว่า ให้มา
เล่นเซียมซีที่น่ี ค่อนข้างแม่น นอกจากนี้แล้ว ภายในบริเวณวัดยังเป็นที่ประดิษฐานของ “อนุสาวรีย์ 3 พระองค์”
ได้แก่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ และพระสุพรรณกัลยา ให้ประชาชนท่ัวไปได้กราบไหว้
บชู าในพระมหากรุณาธิคณุ ของพระองค์

หลังจากกราบไหว้บชู าส่ิงศักด์สิ ทิ ธเ์ิ รียบร้อยแลว้ บริเวณฝง่ั ตรงขา้ มของวัด รวมไปถึงบริเวณด้านหน้าโบสถ์
จะมีร้านขายอาหารปลามาขายขนมปัง ให้ผู้มีจิตศรัทธาสามารถซ้ือมาทําบุญให้บริจาคปลาได้ความต้องการอีกด้วย
หากผู้ใดสนใจมาทําบุญท่ีวัดแห่งนี้ เพ่ือสร้างความเป็นสิริมงคลให้แก่ชีวิต สามารถเดินทางมาโดยวัดจะอยู่ริมถนน
เลียบคลองชลประทาน หากมาทางรถยนต์ส่วนตัว ให้มาจากแยกจากทางหลวงหมายเลข 3038 ประมาณ 7
กโิ ลเมตรระหว่างอําเภอดอนเจดียแ์ ละอาํ เภอศรปี ระจันต์ เวลาเปดิ ทําการ: 08.00 - 17.00

4. วัดสามชกุ

วัดสามชุก ต้ังอยู่เลขท่ี 3 หมู่ 1 ตําบลสามชุก มีพื้นท่ี 20 ไร่ อยู่เหนือที่ว่าการจังหวัดสุพรรณบุรี 34
กิโลเมตร ห่างจากถนนสุพรรณบุรี - ชัยนาท 600 เมตร เป็นวัดเก่าแก่โบราณไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างมาต้ังแต่
สมัยใดมีสิ่งที่เป็นหลักฐานว่าเป็นวัดเก่า คือรอยพระพุทธบาทจําลองประดิษฐานในมณฑป กรมศิลปากรได้จด
ทะเบียนเปน็ วัตถุโบราณ พระพุทธรูปซงึ่ ประดษิ ฐานในมณฑปเปน็ พระพทุ ธรปู หินทรายสมยั อยธุ ยา

ปัจจุบันปฏิสังขรณ์และนํามาประดิษฐานเป็นพระประธานบนศาลาการเปรียญ และยังมีหงส์สัมฤทธิ์ 1 คู่
อดีตต้ังอยู่หน้ามณฑป ปัจจุบันอยู่ท่ีหอสวดมนต์ 1 ตัวและท่ีกุฏิพิพิธภัณฑ์ 1 ตัว บริเวณหอสวดมนต์ประดิษฐาน

211

หลวงพ่อธรรมจักร พระพุทธรูปสมัยอู่ทอง ชาวบ้านนิยมมาสักการบูชาเป็นพระพุทธรูปศักด์ิสิทธ์ิคู่กับวัดมาช้านาน
วันเปิดทําการ : วนั จันทร์ – วันอาทิตย์ เวลาเปดิ ทําการ : 09.00 - 18.00 น.
สอบถามขอ้ มูลเพ่ิมเตมิ โทร. 0 3557 1791, 0 3557 2755
5. หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่

ประวัติ หลวงพอ่ มยุ่ พุทฺธรักฺขโิ ต พระครูสุวรรณวุฒาจารย์ เกิดเมื่อวันท่ี 5 ธันวาคม พ.ศ. 2431 ตรงกับวัน
พฤหัสบดี ข้ึน 13 คํ่า เดือนอ้าย ปีฉลู ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ณ
บ้านดอนไร่ อําเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรของพ่อเหมือน แม่ชัง มีศรีไชย เม่ือมีอายุครบบวชได้
อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดท่าช้าง อําเภอเดิมบางนางบวช แต่อุปสมบทได้เพียง 10 พรรษา ก็ลาสิกขาออกไป
ช่วยบิดามารดาทํางาน ได้อุปสมบทครั้งท่ี 2 ณ วัดดอนบุปผาราม (วัดตะค่า) ตําบลบ้านกร่าง อําเภอศรีประจันทร์
เม่ือวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2465 ได้รับฉายาว่า พฺทฺธรักขิโต จําพรรษาอยู่ที่วัดหนองสะเดาได้ 3 เดือน จึงได้ย้ายมา
จําพรรษาที่วัดหัวเขา และย้ายไปยังวัดปู่บัวก่อนกลับมาจําพรรษาอยู่ที่วัดดอนไร่ และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะ
ตําบลหนองสะเดา เปน็ พระอปุ ัชฌาย์ และไดร้ ับพระสมณะศักด์เิ ปน็ พระครูสุวรรณวุฒาจารย์ ด้วยความท่เี ปน็ พระ
เคร่งครดั ในพระธรรมวินยั ขยันในการศึกษาหาความรู้ทุกด้านโดยเฉพาะในเรื่องตัวเลขอักขระยันต์ คาถาอาคมของ
ท่านเข้มขลังยิ่งนัก ทําให้วัตถุมงคลของหลวงพ่อมุ่ยทุกรุ่น ได้รับความนิยมจากนักสะสมอย่างมาก อาทิเช่น รูป
เหมือนปั๊มลอยองค์รุ่นแรกปี พ.ศ. 2497 ตะกรุดธงมหาราช ผ้ายันต์ แหนบ สิงห์ แหวน เหรียญเสมาปี พ.ศ. 2493
รปู ถ่ายภาพขาวดําเหรยี ญรปู เหมอื น พระสมเด็จตะกรุดสามกษตั รยิ ์ ฯลฯ ทา่ นถึงแกม่ รณภาพเมอ่ื วนั ท่ี 15 มกราคม
พ.ศ. 2517 ในแผน่ ดินพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั รัชกาลท่9ี รวมสริ ิอายุได้ 86 ปี บวชพระมาได้ 41 พรรษา

212

ภายในวัดมีมณฑปหลวงพ่อมุ่ย สถานท่ีบรรจุสรีระสังขาร ซึ่งมรณภาพไปแล้วแต่ร่างกายยังไม่เน่าเปื่อย
ปัจจบุ ันจึงมนี กั ทอ่ งเทยี่ วเดนิ ทางมากราบไหว้ขอพรจํานวนมาก โดยทางวัดจะเปิดให้เข้าสักการะต้ังแต่เวลา 06.00-
18.00 น. ทกุ วนั

ประวตั ิ วัดดอนไร่
วัดดอนไร่ ปัจจุบันต้ังอยู่ในเขตพ้ืนที่ของตําบลหนองสะเดา อําเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นวัดท่ี

สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนกลาง ในปี พ.ศ. 2456 ภายใต้การนําของท่านผู้ใหญ่ยาและนางบู่ ต้นตระกูล
ยาสุขแสง ได้นําชาวบ้านหักร้างถางพงบนที่ดอนแห่งหน่ึงในหมู่บ้านหนองตม อันเป็นไร่เก่าของนายสี นางพูน และ
นายแก้ว นางหมอน แล้วสร้างเป็นวัดข้ึนตรงไร่ดังกล่าวเรียกว่า วัดดอนไร่ เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจของ
ชาวบ้านหนองตม

หลงั จากชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างวัดดอนไร่ขึ้นมาแล้วแล้ว ก็ได้นิมนต์หลวงพ่อปล่ัง วัดวิมลโภคารามมาเป็น
เจา้ อาวาสรูปแรก อยู่ชว่ ยสร้างวัดได้ 1 พรรษา หลวงพอ่ ปล่ังกไ็ ด้ย้ายกลบั ไป

ปี พ.ศ.2458 หลวงพ่อพลอยได้มาเป็นเจ้าอาวาสรูปท่ี 2 อยู่ได้ 5พรรษา ก็ลาสิกขาบท จึงทําให้ วัดดอนไร่
ว่างเวน้ เจา้ อาวาสอกี ครงั้ หนง่ึ

ปี พ.ศ.2466 ภายหลงั จากการอุปสมบทครัง้ ท่ีสองของหลวงพอ่ มยุ่ ชาวบ้านได้นิมนตท์ ่านมาจําพรรษาที่วัด
ดอนไร่ ทา่ นกไ็ ดร้ ิเรม่ิ พัฒนาวัดตัง้ แตน่ น้ั มา

213

รา้ นอาหาร

1. รา้ นก้งุ เป็น (อาหาร & บรรยากาศ) บรรยากาศรมิ แม่นาํ้ เมนูแนะนาํ กุ้งทอดเกลอื น้ําพรกิ กุ้งสด กุง้ เผา
ปลาแรดทอดกระเทยี มตม้ ยําปลามา้ เปิดบรกิ าร 10.00 - 22.00 น. โทร. 035-504273, 571271, 571098 การ
เดินทาง จากตวั เมอื งสพุ รรณ ตามเสน้ ทางสุพรรณ-ชัยนาท (345) ระยะทางประมาณ 33 ก.ม.
ซ้ายมอื ก่อนถงึ ส่แี ยก สามชกุ ตลาดรอ้ ยปี เลก็ นอ้ ย

2. สาํ ราญโอชา (อาหาร) พาชิมอาหารแนวท้องถิ่น สถานทอ่ี าจจะเปน็ ตึกแถวธรรมดา แต่การจดั การดแู ล
เร่อื งความสะอาดทาํ ไดด้ ี น่านง่ั และทีเ่ ด็ดสดุ ก็คงเปน็ เมนอู าหารท่ีหลากหลายระดับภตั ตาคาร จากตลาดเดินมาที่
ร้านได้ไมไ่ กลมากนัก อยใู่ กลท้ ่ารถตู้ สามชกุ -กรุงเทพ ริมคลองชลประทาน ฝ่ังตะวนั ตก เมนูแนะนาํ ต้มยาํ ปลาม้า
ปลาบู่นึง่ ซีอ้ิว ยําผักบงุ้ กรอบ ปลาเค้าทอดนา้ํ ปลา ปลาเนอ้ื ออ่ นราดพรกิ หมูป่าผดั พริกแกง หมคู ว่ั ทอดเค็ม มะระ
ผัดไข่ ปลามา้ ผดั ฉ่า ไขต่ ุ๋นทรงเคร่ือง ปลาเคา้ ทอดนํา้ ปลา ตม้ ยาํ ปลาม้า เปดิ ชว่ งเชา้ 10.00-14.00 น. ช่วงบ่าย
16.00-22.00 น. โทร. 086-0937618 http://www.suphan.biz/somranocha.htm

3. รา้ นอาหารบ้านสวน (อาหาร & บรรยากาศ) สําหรับท่านท่ีชน่ื ชอบความรม่ รื่นของตน้ ไม้ บรรยากาศใน
ท้องรอ่ งสวนทเี่ ขยี วขจี ดว้ ยพรรณไม้หายากนานาชนิด ทางเข้าอยขู่ า้ งสถานีตาํ รวจ สภ.สามชกุ หา่ งจากถนนใหญ่
800 เมตร ทต่ี งั้ 193 หมู่ 9 ถนนสพุ รรณบุร-ี ชยั นาท ตําบลยา่ นยาว อําเภอสามชุก จงั หวัดสุพรรณบรุ ี
โทร 035-54 4143, 081-012 1253

4. ดาํ ขา้ วต้ม (อาหาร) เรียบงา่ ย รมิ ถนนใหญ่ ใกลต้ ลาดรอ้ ยปีสามชุก ชว่ งบา่ ยแกๆ่ ไปจนถงึ เทยี่ งคืน
กับอาหารรา้ นเกา่ แก่ ทเ่ี ตม็ ไปด้วยคุณภาพราคาไม่แพง เปิดบรกิ าร 16.00 - 24.00 น. โทร 035-571768,
086-5443941

5. "หนึ่ง" ต้มไสเ้ นือ้ " (จานด่วน) ร้านจะอยหู่ า่ งจากตวั สามชุกตลาดรอ้ ยปี ประมาณ 1 กม. เรมิ่ ต้นบริเวณ
ริมคลองชลประทานทางดา้ นตะวันตกของตวั ตลาด ขบั ตรงไปทางทศิ ใต้ ผ่านวดั วมิ ลโภคาราม ตรงไปอีกราว 900
เมตร ซา้ ยมอื เป็นรา้ น "ขวัญ" กว๋ ยเตย๋ี วเนอ้ื -น้ําตก (ร้านนก้ี อ็ รอ่ ย) ตรงไปอกี เลก็ นอ้ ย จะมีปา้ ยรา้ นเลยี้ วซา้ ยเขา้
ซอยไปนดิ เดียว เวลาเปดิ บรกิ ารตั้งแตเ่ ชา้ 8.00 น - 15.00 น.

6. ภาสกรฟู้ด สามชุก ตลาด 100ปี (จานด่วน)รายการอาหารเจแนะนาํ ตม้ ยําเห็ด ผกั คะนา้ ปลาเคม็
หม่ีผดั เจ รา้ นหางา่ ย อยใู่ นตลาดสามชุก 100 ปี (รอบนอก) ตรงขา้ มธนาคารออมสินจากส่ีแยกไฟแดง เลยี้ วซ้าย -
ข้ามสะพาน -เลย้ี วขวา ไปตลาดสามชุกผ่านทท่ี าํ การไปรษณีย์ ตรงไปอีกราว 200 เมตร สงั เกตธนาคารออมสิน
ขวามือ ร้านจะอย่ตู รงข้าม

7. เจง้ ิ้ว ตม้ เลอื ดหมู ขา้ วแกง อาํ เภอสามชกุ (จานด่วน) มีขายตง้ั แตต่ ี 5 กว่า ไปจนบ่าย ๆ หา่ งจากตวั
เมอื งสพุ รรณ ตามเสน้ ทางสพุ รรณ-ชัยนาท (345) ประมาณ 35 ก.ม. – ผ่านสีแ่ ยก ไฟแดง ทีเ่ ลี้ยวซา้ ยจะเข้า
สามชุก ตลาด 100 ปี ให้ขบั เลยไฟแดงไปเลก็ น้อยขวามอื จะเปน็ ปมั๊ น้ํามนั เอสโซ่ เลีย้ วขวาเข้าไปไดเ้ ลย ร้านจะอยู่
ในศูนยอ์ าหารของป๊ัมฯ

8. ร้านครัวลกู แม่หยา (อาหาร) สารพัดเมนปู ลาปลาชอ่ นเผา ปลาบนู่ ง่ึ ซอี วิ้ ปลาชอ่ นกระบอก คอื ใส่
กระบอกไมไ้ ผแ่ ล้วเอาไปเผา ถึงส่ีแยก อ.สามชุก ใหเ้ ลี้ยวขา้ มสะพานขาเข้าตลาด พอวง่ิ สุดสะพาน ให้เลีย้ วซ้ายจะ(มี
ปา้ ยบอก) ว่งิ ตรงไปอกี สองร้อยเมตร จะเจอรา้ นอยซู่ ้ายมอื

9. ผัดไทยเจ๊นอ้ ย สามชุก (จานด่วน) จากถนนริมคลองชลประทาน ผา่ นหน้าโรงเรียนสามชกุ รตั นโภคาราม
( ตอนน้ีเดินรถทางเดียว)ผา่ นตลาดสามชกุ เจอสะพานปูนทส่ี อง ใหเ้ ลีย้ วขวา จะเห็นร้านรงั สคี า้ วสั ดุ ตรงเขา้ ไปชอ่ ง
ขา้ ง ๆ ร้านรงั สแี ล้วเลีย้ วซ้ายผ่านสหกรณก์ ารเกษตรสามชกุ ไปอีกนกิ จ็ ะถึงรา้ นผดั ไทยเจน๊ อ้ ย คนแถวนนั้ เรยี กวา่
ซอยสหกรณ์รา้ นเปดิ 9.00 - บ่าย 2 แก่ๆ

214

10. แซบเวอ่ ร์ (อาหาร-สม้ ตาํ ) ร้านอาหารไทย อาหารอสี านรสจดั เหมาะสําหรับทา่ นทีช่ อบอาหารรส
เผด็ มีท้ังเมนปู ระเภทสม้ ตาํ หรืออาหารไทยพน้ื บา้ น ปลาแม่นํา้ กม็ ีให้เลอื ก อาหารแตล่ ะจานรสจดั จา้ น ถา้ ไม่กินเผด็
กต็ อ้ งส่ังเป็นพเิ ศษ ขอแบบไมเ่ ผด็ อยู่หา่ งจากถนนใหญ่ (340) สพุ รรณ-ชัยนาท เพยี ง 1 กม. เลยจากบา้ นควายมา
ราว 6-7 กม. ขวามอื จะมีทางแยกข้ามสะพานปนู ตรงไปอีก 1 กม. รา้ นอยทู่ างซา้ ยมอื

11. ครวั รมิ น้ํา 035-571234
12. ร้านคณุ แจ๊ส 035-504209
13. ครวั สามชกุ 035-504465
14. กว๋ ยเตย๋ี วบะหมี่เจ๊กอา้ ว กาแฟโบราณ สามชุก ตลาด 100 ปี
ของฝาก ของทรี่ ะลึก
1. กลุ่มจักสานบา้ นท่งุ แฝก ทอี่ ยู่ ถ.สุพรรณบรุ ี-ชยั นาท (ผลิตภณั ฑ์จกั สาน) โทร 035-581101
2. การณุ โตะ๊ มกุ ทอี่ ยู่ ถ.เลียบแมน่ า้ํ ท่าจีน โต๊ะหมบู่ ชู า โทร 035-571731

อาํ เภอหนองหญา้ ไซ

อําเภอหนองหญ้าไซเป็นอําเภอที่อยู่เหนือขึ้นไปจาก อําเภอดอนเจดีย์ อาจจะไม่เป็นที่คุ้นหูคุ้นตาของนัก
เดนิ ทางทอ่ งเที่ยวมากนกั เป็นอาํ เภอที่คอ่ นขา้ งสงบเงียบชาวบ้านสว่ นใหญม่ อี าชีพเกษตรกรรม ทาํ นา ทาํ สวน ทาํ ไร่
เลี้ยงสัตว์ และทอผ้า ภาพชีวิตของท่ีนี่จึงเป็นภาพชีวิตของชนบทเมืองสุพรรณ ที่ไม่แตกต่างกับภาพเมื่อหลายสิบปี
ก่อน และทอี่ าํ เภอหนองหญ้าไซแหง่ น้ี ยงั เป็นสถานทีท่ ่มี ีเรื่องราว ของวัฒนธรรมสมัยโบราณ ท่ีมีอายุหลายพันปี ให้
ชนร่นุ หลงั ได้ศกึ ษา คน้ หาประวัตศิ าสตร์ ท่ีถกู ฝังอยู่ใต้พืน้ ดนิ มานานนบั หลายชวั่ อายุคน
1. แหล่งโบราณคดหี นองราชวตั ร

แหล่งโบราณคดีหนองราชวัตร อยู่ในพื้นที่หมู่ 5 ตําบลหนองราชวัตร อําเภอหนองหญ้าไซ จังหวัด
สุพรรณบุรี ถูกค้นพบโดย นายวิมล อุบล เจ้าของที่ดิน จากการขุดปรับหน้าดินเพ่ือทําการเกษตรกรรม เม่ือวันท่ี
12 มิถนุ ายน 2546 และไดแ้ จง้ ให้องค์การบริหารส่วนตําบลหนองราชวัตรทราบ จากนั้นองค์การบริหารส่วนตําบล
หนองราชวัตรได้แจ้งให้สํานักงานศิลปากรท่ี 2 สุพรรณบุรีทราบ เพื่อตรวจสอบและดําเนินการในส่วนท่ีเก่ียวข้อง
จากการดําเนินการตรวจสอบแหล่งโบราณคดีดังกล่าวในเบ้ืองต้น โดยนายเขมชาติ เทพไชย ผู้อํานวยสํานักงาน
ศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี (ขณะนั้น) และนางสาวสุภมาศ ดวงสกุล นักโบราณคดี ได้พบหลักฐานทางโบราณคดี
จํานวนมาก ได้แก่ ชิ้นส่วนโครงกระดูกมนุษย์โบราณ ชิ้นส่วนกระดูกสัตว์ขวานหินขัด ช้ินส่วนภาชนะดินเผารูปทรง

215

ตา่ ง ๆ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ไดพ้ บชน้ิ ส่วนขาภาชนะดินเผาท่ีมีรูปแบบเฉพาะที่เรียกว่า “หม้อสามขา” อย่างท่ีเคยพบ
ในแหล่งโบราณคดีบา้ นเก่า จังหวัดกาญจนบรุ ี และแหล่งโบราณคดแี จงงาม อําเภอหนองหญ้าไซ จงั หวดั สุพรรณบุรี

ผลจากการขุดค้นแสดงให้เห็นว่ามีกลุ่มคนเข้ามาอยู่อาศัยใช้ประโยชน์ที่เนินดินน้ี 2 สมัยใหญ่ๆ ท่ีมีความ
แตกตา่ งกนั ในเรอ่ื งทศิ ทางฝงั ศพ เมอื่ พจิ ารณาโบราณวตั ถุต่างๆ ทพ่ี บในชั้นดินของแต่ละสมัย ทําให้สามารถกําหนด
อายุสมัยแหล่งโบราณคดีแห่งน้ีในเบื้องต้นได้ดังนี้ สมัยแรก พบโบราณวัตถุท่ีฝังร่วมกับศพและในพ้ืนที่อยู่อาศัย
หลายชนิด เช่น ขวานหินกะเทาะ ขวานหินขัด กําไลหิน และภาชนะดินเผา โดยเฉพาะ การพบขาหม้อสามขา
ทําใหส้ ามารถกาํ หนดอายโุ ดยเทียบเคยี งได้กับท่ีแหล่งโบราณคดีบ้านเก่า จังหวัดกาญจนบุรี ที่เคยมกี ารกําหนดอายุ
ไว้แล้วว่าอยู่ใน สมัยหินใหม่ อายุราว 4,000 - 3,500 ปีมาแล้ว โดยชุมชนท่ีเข้ามาอยู่อาศัยที่น่ีนั้นเร่ิมทําการ
เพาะปลูกมาต้ังแต่แรกเน่ืองจากได้พบแกลบข้าวปะปนในเศษภาชนะดินเผาของสมัยนี้ด้วย สมัยท่ีสอง โบราณวัตถุ
จําพวกข้าวของเคร่ืองใช้ส่วนใหญ่ยังคงคล้ายคลึงกับสมัยแรก แต่มีข้อสังเกตคือ สมัยท่ีสองจะนิยมใช้ขวานหินขัด
มากกว่าหินกะเทาะ และเร่ิมพบขวานหินขัดแบบมีบ่าด้วย รูปแบบหม้อสามขาก็หลากหลายมากข้ึน อีกท้ังยังไม่พบ
โลหะในที่นี้เลย จึงกําหนดอายุสมัยที่สองน้ีอยู่ใน สมัยหินใหม่ตอนปลายราว 3,500-2,500 ปีมาแล้ว รูปแบบ
หม้อสามขาในสมัยแรกของท่ีน่ีน้ันมีลักษณะพิเศษแตกต่างไปจากท่ีบ้านเก่า และแหล่งอื่นๆ ในไทย โดยมีขาอ้วน
ป้อมคล้ายคลงึ กับที่พบในวฒั นธรรมลุงชานของจนี ที่เป็นต้นแบบภาชนะประเภทนี้มากกวา่ อีกทัง้ ในสมัยที่สองยังได้
พบว่ามีการพัฒนารูปแบบภาชนะหม้อสามขาให้หลากหลายมากขึ้น โดยท่ีหม้อรูปแบบเดียวกับที่บ้านเก่าซ่ึงเป็น
พมิ พ์นิยมในไทยนัน้ ก็ไดพ้ บในสมยั ที่สองนด้ี ว้ ย จงึ นาํ ไปส่ขู ้อสันนิษฐานวา่ แหลง่ โบราณคดหี นองราชวัตรอาจจะเปน็
ชุมชนเกษตรกรรมยุคหินใหม่ระยะแรกๆ ในลุ่มนํ้าท่าจีน-แม่กลอง ที่มีกลุ่มชนภายนอกจากทางตอนใต้ของจีน
เคลื่อนย้ายลงมาผสมผสานแลกเปล่ยี นทางวฒั นธรรมโดยมี “หมอ้ สามขา” เปน็ ภาชนะแบบพิเศษของคนกลุ่มนี้ จน
ผสมกลมกลืนกับคนในท้องถิ่นเดิมพัฒนารูปแบบภาชนะให้ส่วนขาเรียวแหลมเหมาะแก่การใช้งานมากข้ึน เราจึงได้
พบรูปแบบหม้อสามขาแบบหลังนี้แพร่หลายท่ัวไปในแหล่งโบราณคดีในท่ีราบลุ่มแม่นํ้าแควน้อย-แควใหญ่ และอีก
หลายแหล่งในคาบสมุทรทางภาคใต้ แหล่งโบราณคดีแห่งนี้จัดเป็นแหล่งโบราณคดียุคหินใหม่ ที่เก่าแก่ท่ีสุดใน
จงั หวดั สุพรรณบุรี ภาชนะดนิ เผา (หม้อมีนม) สมัยกอ่ นประวัติศาสตร์

อายุราว 3,800 – 4,000 ปีมาแล้ว ดินเผา เส้นผ่าศูนย์กลางลําตัว 49 ซม. สูง 61.5 ซม.ได้จากแหล่ง
โบราณคดีหนองราชวัตร อําเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรี สํานักศิลปากรที่ 2 จังหวัดสุพรรณบุรี

ภาชนะดนิ เผาเน้อื ดนิ ไหล่ประกอบด้วยกระเปาะรูปกรวยคล้ายหน้าอกผู้หญิง 2 คู่ ปากและฐานเป็นเชิงสูง
ถูกทุบแตกเป็นช้ินเล็กชิ้นน้อย ปูรองรับศพเพศชายท่ีเสียชีวิตในวัยสูงอายุ (ราว 45 – 55 ปี ) ได้รับการ
ตีความหมายว่ารูปทรงพิเศษของภาชนะส่ือถึงสตรีมีครรภ์ 2 คนหันหลังชนกัน บนไหล่ภาชนะทําลายเส้นเกี่ยว

216

กระหวัดสัมพันธ์ต่อเนื่อง ซ่ึงอาจสื่อถึงการหมุนเวียนเป็นวัฏจักร การนําภาชนะรูปทรงน้ีมารองรับศพผู้ตาย น่าจะ
หมายถึงการใหผ้ ู้ตายไดก้ ลับสู่ครรภม์ ารดาเพือ่ ถอื กาํ เนดิ ใหมอ่ กี ครงั้ อกี ครง้ั หนึง่
2. วัดหนองหลวง

เดิมชื่อวัดสระปทุม คาดว่าสร้างมากกว่า 126 ปี มีวิหารเก่าแก่ สร้างมาต้ังแต่ พ.ศ. 2343 หลังคาเป็น
กระเบื้องว่าว พระพุทธรูปในวิหารมี 3องค์ องค์ประธานมีนามว่าหลวงพ่อเกตปทุม ซ่ึงเป็นที่เคราพบูชาของ
ประชาชนชาวอําเภอหนองหญ้าไซเป็นอย่างมาก ด้วยกาลเวลายาวนานทําให้วิหารชํารุดทรุดโทรม จึงได้ ทําการ
บรู ณปฏสิ งั ขรณห์ ลงั คาและผนังวิหารโดยคงรักษารูปทรงเดิมไว้ แลว้ เสร็จปี พ.ศ. 2532

รปู ภาพโดย... คณุ เกศินี โคว้ อดุ มประเสรฐิ
3. วัดบลั ลังก์

วดั บัลลังก์ เดมิ มีชอ่ื วา่ วดั บลั ลังกท์ อง ตอ่ มาเมอ่ื ทางราชการกาํ หนดทะเบียนวดั ในชนบทข้ึนวัดบัลลังก์ทอง
จึงตัดคําว่า ทอง ออกเสียเพราะว่าจะได้กะทัดรัดข้ึน จึงเหลือแต่คําว่า บัลลังก์ สร้างข้ึน ณ หมู่บ้านป่ารัง ตําบล
หนองหญ้าไซ อําเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อปีกุน พุทธศักราช 2466 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา
เมอื่ วันท่ี 1 ธนั วาคม พ.ศ. 2537 และได้ทําการผูกพัทธสีมา เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2540 เน้ือที่ประมาณ 160
ไร่

217

ประวตั ิ ความเป็นมา วดั บลั ลังก์
เหตุแห่งการสร้างวัดในป่ารังอันรกทึบแห่งน้ี ได้มีส่ิงศักดิ์สิทธ์ิเกิดข้ึน สิ่งศักด์ิสิทธิ์ท่ีว่านี้คือ แท่นศิลาแลง

สี่เหล่ียม ตั้งอยู่ในจอมปลวกใหญ่โผล่ข้ึนมามุมหน่ึง ในสมัยนั้นมีสัตว์ป่าชุกชุมมาก มีพรานป่าเข้ามาล่าสัตว์เสมอ
พรานคนหนึ่งมาล่าสัตว์ มีกระต่ายหนีข้ึนไปบนจอมปลวก แต่พรานไม่สามารถยิงกระต่ายได้ และสังเกตว่าสัตว์จะ
มาอาศัยอยู่ที่จอมปลวกน้ีมาก แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะอะไร จนอยู่มาวันหน่ึงมีชาวบ้านมาพบแท่นซ่ึงโผล่จาก
ดินจอมปลวก ซึ่งชาวบ้านได้มาสักการบูชาและบนบานสานกล่าวได้ดังใจคิด ด้วยเหตุน้ี ชาวบ้านจึงคิดชวนกันสร้าง
วัดกันขึ้น เน่ืองจากวัดบัลลังก์ เป็นสถานที่แห้งแล้งและกันดารจึงไม่มีพระมาจําพรรษาจนถึง พ.ศ. 2484 ชาวบ้าน
จงึ ไดน้ ิมนต์ พระพร มุนินาโถ มาเปน็ เจ้าอาวาส ได้พัฒนาวดั อยูไ่ ดร้ ะยะหนงึ่ ก็ลาสกิ ขา หลังจากนนั้ วดั บัลลังก์ ก็ขาด
เจ้าอาวาส ดงั น้ันชาวบ้านจงึ ไดป้ รึกษาหารือและลงมติ นมิ นต์พระอธกิ ารพยุง สนุ ทโร มาเปน็ เจา้ อาวาส
รา้ นอาหาร

1. ตม้ ยาํ ทาํ แกง โทร 087-9147176
ของฝาก ของทร่ี ะลกึ

1. กล่มุ ปลูกหม่อนเลยี้ งไหมและทอผา้ บา้ นทงุ่ แสม ทอี่ ยู่ ถ.ด่านช้าง-หนองเตย (ผา้ ไหม ผ้าทอ)
โทร 035-595400

2. กลุ่มทอผา้ พืน้ เมืองบา้ นโปร่งกระมัง่ ทอ่ี ยู่ ต.แจงงาม (ผา้ ทอ) โทร 086-0358530
3. ขา้ วกลอ้ งหอมมะลิ ทอ่ี ยู่ ม.1 ต.หนองหญ้าไซ (ขา้ วกลอ้ ง) โทร 035-577131

อาํ เภออูท่ อง

1. วดั เขาทําเทียม
วัดเขาทําเทียม ตั้งอยู่ท่ี ตําบลอู่ทอง อําเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นวัดเก่าแก่มาแต่โบราณ

สันนิษฐานว่าจะเป็นวัดแห่งแรกในประเทศไทย หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพานได้ 300 ปี
พระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระ ได้ทําการสังคยนา คร้ังท่ี 3 โดยมีพระเจ้าอโศกมหาราช เป็นองค์อุปถัมภ์ ณ เมือง

ปาฏลีบุตร และได้ส่งสมณฑูตพระอรหันต์ปัญจวคคีย์ ได้แก่ พระสณะ พระมุนียเถระ พระฌานีเถระ พระภูริยเถระ
และพระอุตตรเถระ ออกเผยแพร่พระพุทธศาสนายังเมืองสุวรรณภูมิ และได้จารึกภาษาสันสกฤตโบราณไว้ว่า

ปุษยคิริ หรือ ปุษยคีรี แปลว่า ภูเขา ดอกไม้ เนื่องจากบนภูเขามีดอกไม้ท่ีสวยงาม ประกอบด้วย ดอกสุพรรณิกา
(สมอฝ้าย) ดอกงิ้วป่าสามสี เป็นที่น่าอัศจรรย์ ที่ชื่อ ปุษยคิริ ไปพ้องกันกับภูเขาปุษยคีรีสังฆาราม ในเมืองสาญจี

รฐั โอรสิ สา

218

พระพทุ ธรปู แกะสลกั ภูผาใหญท่ ี่สดุ ในโลก ณ ผามังกรบิน ขนาดหนา้ ตกั 65 เมตร สงู 84 เมตร พระนามว่า
สมเด็จพระพุทธปุษยคีรศี รสี วุ รรณภมู ิ หรอื หลวงพอ่ อู่ทอง ปางมารวิชัย ศิลปะอทู่ อง 1
สอบถามข้อมูล 083-6187830

ศาสนวัตถุ ท่ีอยู่ในบริเวณวัด ประกอบด้วยพระอุโบสถเก่า สร้างในสมัยต้นๆกรุงศรีอยุธยา และเจดีย์
หมายเลข 12 ฐานเจดียส์ ร้างในสมัยอยุธยา พระพทุ ธรปู เก่าๆ ทีพ่ บท่ีวัดเขาทําเทียมน้ัน ปัจจุบันนําไปเก็บรักษาไว้ที่
พิพิธภัณฑ์ และเสมาธรรมจักร ท่ีสมบูรณ์ที่สุด สวยงามที่สุด ขุดค้นพบในในปี พ.ศ.2519 โดยนายธนิต อยู่โพธ์ิ
อธบิ ดีกรมศิลปากรในสมัยน้ัน

219

หลกั ฐานท่ีสนับสนนุ วา่ วัดแห่งน้เี ป็นวัดแห่งแรกในประเทศไทยก็คือ บันทึกของนักโบราณคดีอินเดียระบุว่า
การเดินทางไปอินเดียเพื่อศึกษาแก่นแท้พระพุทธศาสนาของหลวงจนี เหี้ยนจัง หรือสําเนียงกลางว่า เสวียนจ้ัง ⽞

奘 (พระถังซําจ๋ัง) ในพุทธศตวรรษท่ี 12 ท่านได้บันทึกสิ่งที่พบเห็นตลอดการเดินทางในช่วงเวลาน้ันไว้อย่าง
ละเอียด เม่ือพระถังซําจ๋ังได้เดินทางมาถึงแคว้นอุฑร ก็ได้บันทึกไว้วา่ มีสถูปกว่า 10 องค์ เป็นสถานที่ท่ีพระตถาคต
เจ้าทรงแสดงธรรมเทศนา “พระเจ้าอโศกมหาราช” ทรงสร้างไว้ในหุบเขาอันเป็นพรมแดนด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้
ของประเทศ (แควน้ อุฑร) มอี ารามช่ือ “ปุษปคีรีฆาราม”สถปู หินในอารามศกั ด์ิสทิ ธ์มิ าก

จนกระท่ังในปี พ.ศ. 2539-2544 นักโบราณคดีได้สํารวจพบพทุ ธสถานโบราณที่เนินเขาลังกุฎีในรัฐโอริสสา
อินเดีย พวกเขาขุดพบหลักฐาน และจารึกมากมายที่ยืนยันได้ว่า บริเวณน้ีคือ “ปุษปคีรี มหาวิหาร” หรือ
“ภูเขาปุษยคีรี” สังฆารามท่ีพระถังซําจั๋งได้กล่าวไว้ในบันทึกหลักฐานสําคัญท่ีพบท่ีเนินเขา ลังกุฎี ช้ีชัดวา่ สร้างใน
สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช คือ ซากปรักหักพังของพระสถูปหินทรงโอคว่ํา ส่ิงที่น่าสนใจเป็นพิเศษที่พบในบริเวณ
พระสถูปเป็นจารึกหินช้ินหนึ่งที่สลักพระนามพระเจ้าอโศกมหาราชไว้ถอดความได้ว่า “chhi karena ranja
asokhena” หรือ ราชาอโศก และพระรูปพระเจ้าอโศกมหาราชแกะด้วยหินคอนดาไลด์พระรูปแกะสลักพระเจ้า
อโศกที่ขดุ พบคร้งั น้ี สรา้ งความต่นื เต้นให้กับนกั โบราณคดีอินเดียเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการพบ พระรูปเด่ียวของ
พระเจา้ อโศกมหาราชในอินเดียเปน็ ครงั้ แรกพรอ้ มกับจารกึ หนิ ระบพุ ระนามในบริเวณเดยี วกัน

เมอื่ พิจารณาถึงช่ือเสียงของพระสถูปที่ปุษยคีรีสังฆารามในสมัยท่ีพระถังซําจั๋ง (พุทธศตวรรษท่ี 12) ก็อาจ
ให้คิดต่อไปได้ว่าพระสถูปและวิหารที่แคว้นกลิงคะ ต้ังแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชน้ัน (ราวพุทธศตวรรษท่ี 3) คง
จะมีช่ือเสียงเป็นท่ีรู้จักในหมู่พุทธศาสนิกชนมาอย่างต่อเน่ือง ทั้งพ่อค้านักบวชที่เดินทางจากเมืองท่า ทางทะเลท่ี
แคว้นกลิงคะไปค้าขาย และเผยแผ่ศาสนายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือสุวรรณภูมิ เนื่องจากเมืองท่ากลิงคะเป็น
หนึง่ ในเมืองท่าโบราณสําคัญที่ชาวอินเดยี ใช้เดินเรือไปมาหาสูก่ ับเมืองท่าสําคัญในสุวรรณภูมสิ มัยพุทธศตวรรษท่ี 3-
4 ซง่ึ ได้แกเ่ มอื งทา่ ตกั โกลา (คลองทอ่ ม) ทจ่ี งั หวัดกระบ่ี เมอื งสะเทมิ เมืองออกแอวในเวียดนาม และเมืองอู่ทอง
ในจังหวัดสุพรรณบุรี จึงเปน็ ไปได้ว่า ชื่อ ปุษยคีรีสังฆาราม แหง่ แควน้ กลงิ คะ จะมีความเกี่ยวข้องเชอื่ มโยงกับชื่อเขา
ปษุ ยคีรี หรอื เขาทาํ เทียมในเมอื งเก่าอู่ทอง ซ่ึงเป็นสถานทเ่ี ล่าขานว่า “พระโสณะ” และ “พระอุตระ”สมณทูตสมัย
พระเจ้าอโศก ได้เดินทางมาพํานักอยู่เม่ือครั้งที่เข้ามาเผยแพร่พุทธศาสนายังดินแดนสุวรรณภูมิ และท่ีเมืองเก่าอู่
ทองเช่นกันท่ีนักโบราณคดีได้พบจารึกสันสกฤตบนแผ่นศิลา ปรากฏคําว่า “ปุษยคีรี” เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการ
เผยแพร่พุทธศาสนาสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช แผ่ขยายมาถึงบริเวณเมืองเก่าอู่ทองน่ันเอง และจารึกหินก้อนนี้
ปัจจุบนั กรมศลิ ปากรเก็บรกั ษาไวท้ ีพ่ พิ ธิ ภัณฑสถานแหง่ ชาติอทู่ อง

220

พระพทุ ธรูปปางมารวชิ ยั ศลิ ปะสมัยอทู่ อง
ลกั ษณะโดยท่ัว ๆ ไป ของพระพุทธรูปแบบอู่ทอง มีไรพระศก ชายจีวรหรือสังฆาฏิตัดเป็นเส้นตรง ประทับ

ขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย และมีฐานเป็นหน้ากระดานแอ่นเป็นร่องเข้าข้างใน สําหรับอิทธิพลทวาราวดีและขอม
ผสมกัน พระพุทธรูป มักมีรัศมี เป็นรูปบัวตูม ส่วนอิทธิพลขอมหรือลพบุรี พระพุทธรูปจะมีรัศมีเป็นเปลว ส่วน
อิทธิพลสุโขทัยนั้น ถึงแม้จะมีอิทธิพลของ ศิลปะสุโขทัยเข้ามาปนอยู่มาก แต่พระพุทธรูปก็ยังคงมีไรพระศก และ
ฐานเป็นหน้ากระดานแอ่นเป็นร่องเข้าข้างใน พระพุทธรูปในสมัยอู่ทองเป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะเฉพาะตัว โดย
ประมวลเอาอทิ ธพิ ลจากสมยั ตา่ งๆ เข้าด้วยกนั อย่างแยบยล จนได้พระพทุ ธรูปท่ีมีลกั ษณะเฉพาะตวั
2. ศนู ยส์ ่งเสรมิ และพัฒนาอาชพี การเกษตร (พนั ธพ์ุ ชื เพาะเลี้ยง)  

 

ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเกษตรตั้งอยู่ตําบลพลับพลาไชย ริเร่ิมโดย ฯพณฯบรรหาร ศิลปอาชา ซ่ึงได้
ไปดูงานท่ีจังหวัดอุดรธานี เห็นศูนย์พันธ์พืชเพาะเล้ียงที่น่ันดีมาก จึงนํามาพัฒนาสร้างศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง
บนเน้ือท่ี 200 ไร่ เป็นศูนย์จัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนางานด้านพันธุ์พืชและฝึกอาชีพการเกษตร ท้ังในด้านการผลิตโดยใช้
เทคโนโลยีเพาะเล้ียงเน้ือเย่ือในห้องปฏิบัติการ การอนุบาล และการขยายเพ่ิมปริมาณการกระจายพันธุ์ การปลูก
การส่งเสริม และการฝึกอบรมวิทยาการต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้อง ภายในศูนย์มีสิ่งที่น่าสนใจ คือ โรงเรียนอนุบาลและผลิต
พืชเพาะเลีย้ ง 7 โรงเรอื น ทีค่ วบคุมการทาํ งานดว้ ยเครื่องคอมพิวเตอร์ ไดแ้ ก่

221

โรงที่ 1 โรงเรอื นอนุบาล ใชอ้ นุบาลพชื ขนาดเล็กที่นําออกจากขวดเพาะเลย้ี งเนือ้ ใหม่ ๆ ซ่ึงต้องการดูแล
เปน็ พิเศษ

โรงท่ี 2 โรงเรอื นอนบุ าล ใชอ้ นบุ าลพชื ทผี่ า่ นการอนุบาลจาก โรงที่ 1 มาแล้ว
โรงที่ 3 โรงเรอื นอนบุ าล ใชอ้ นบุ าลพชื ที่ผา่ นการอนุบาลจากโรงที่ 2 จนกวา่ จะนําไปปลกู
โรงท่ี 4 โรงเรอื นขยาย รบั พนั ธ์พุ ชื จากโรงเรอื นแม่พนั ธปุ์ ลอดโรคหรอื ปลกู พันธ์ุพืชหลกั เพื่อขยายเพม่ิ
ปริมาณให้มากข้นึ
โรงที่ 5 โรงเรอื นสาธิต ใช้สําหรบั สาธิตและทดสอบการใชห้ รอื การปลูกพชื เพาะเล้ยี งเพื่อเป็นตวั อย่างแก่
ผูใ้ ช้พนั ธ์ุ
โรงท่ี 6 โรงเรอื นแม่พันธป์ุ ลอดโรค มรี ะบบควบคุมโรคแมลงท่เี ข้มงวดใช้เก็บหรอื เตรยี มแม่พนั ธ์ุ เพอ่ื นําไป
เพาะเลี้ยงหรอื ขยายเพ่มิ ปรมิ าณต่อไป
โรงท่ี 7 โรงเรอื นผลิตต้นกลา้ ใชส้ ําหรับอนบุ าลพืชที่ขยายพันธโ์ุ ดยการเพาะเมลด็ หรอื ปกั ชํา
สําหรับระบบต่างๆ ของโรงเรือนอนุบาลพืช ได้แก่ ระบบทําความเย็น ระบบพ่นหมอก ระบบควบคุมอุณหภูมิ
ระบบควบคุมความเข้มของแสง ระบบการให้แสง ระบบควบคุมศัตรูพืช ระบบการวางพืช ระบบการให้นํ้า ระบบ
การให้ปุ๋ย ระบบฆ่าเชื้ออุปกรณ์และวัสดุอนุบาล ระบบเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ ระบบควบคุมการทํางานโดย
คอมพิวเตอร์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ตึกอํานวยการ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร (พันธุ์พืช
เพาะเลยี้ ง) ตาํ บลพลับพลาไชย อําเภออู่ทอง จังหวดั สุพรรณบรุ ี 72160 โทร. 0 3555 1399
นอกจากนี้ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร (พันธุ์พืชเพาะเล้ียง) จ.สุพรรณบุรีร่วมกับจังหวัดสุพรรณบุรี ได้
กําหนดจัดงานท่องเท่ียวขึ้นเพ่ือเป็นการส่งเสริมการท่องเท่ียวภายในจังหวัดสุพรรณบุรี และเพ่ือเป็นแหล่งเรียนรู้
การท่องเท่ียวเชิงเกษตร ซ่ึงได้มีกําหนดการจัดงานตามปฏิทินท่องเที่ยวหลักของศูนย์พันธุ์พืชเพาะเล้ียง โดยจะจัด
ประมาณวันท่ีตามท่ีกําหนดเป็นประจําทุกปี ดังนี้ 1-10 มกราคม เทศกาลดอกทิวลิปบานรับปีใหม่ 1-15 กุมภา
เทศกาลกุมภาสัญญารัก ดอกกุหลาบ 1-31 สิงหาคม เทศกาลทุ่งดอกกระเจียวส่ือรักวันแม่ 1-15 ธันวาคม
เทศกาลทุง่ ทานตะวนั วนั พ่อ และ1-31 ธนั วาคม เทศกาลดอกไม้เมอื งหนาว
เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30 - 16.30 น.
3. พิพธิ ภัณฑสถานแหง่ ชาติ อูท่ อง

222

ประวัติการก่อต้ังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง น้ัน ในปี พ.ศ. 2446 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระยาดํารงราชานุภาพ เม่ือคร้ังดํารงตําแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยได้ตรวจราชการเมืองสุพรรณบุรี
และเสด็จสํารวจเมืองโบราณอูท่ อง ทรงนิพนธ์เลา่ เรื่องเมอื งอูท่ องในรายงานเสด็จตรวจราชการเมืองสุพรรณบุรีและ
ทรงนิพนธ์หนังสือเร่ืองนิทานโบราณคดี ต่อมา พ.ศ.2476 ราชบัณฑิตยสภาได้เร่ิมทําการสํารวจทําแผนผังเมือง
โบราณอู่ทองโดยสังเขป ซ่ึงปรากฏว่าเป็นเมืองโบราณสําคัญที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีแห่งหน่ึง
กรมศิลปากรได้จัดสร้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง ขึ้นเป็นอาคารช่ัวคราวในปี พ.ศ. 2502 เพ่ือเก็บรักษา
โบราณวัตถุที่ได้จากการสํารวจและขุดค้นทางโบราณคดีที่เมืองโบราณอู่ทอง ก่อนจะทําการสํารวจขุดแต่งโบราณ
สถานท่ีมีกระจายอยู่ท่ัวไปในเมืองโบราณอู่ทองเพิ่มเติม และพบโบราณวัตถุสมัยทวารดีจํานวนมาก ในปี พ.ศ.
2507-2509 ศาตราจารยช์ อ็ ง บวสเซลีเยร่ ์ (M.JeanBoisselier) ผ้เู ชย่ี วชาญดา้ นโบราณคดแี ละประวตั ศิ าสตรศ์ ลิ ปะ
ภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ชาวฝร่ังเศส และหัวหน้าหน่วยศิลปากรในขณะน้ัน ได้ทําการสํารวจขุดแต่งโบราณสถานใน
เมืองอู่ทองและศึกษาค้นคว้าทางโบราณคดีกับเมืองโบราณอู่ทอง ในปี พ.ศ.2508-2509 กรมศิลปากรได้จัดสร้าง
อาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทองขึ้นเป็นการถาวร เพ่ือเก็บรักษาและจัดแสดงโบราณวัตถุท่ีได้จากขุดค้นทาง
โบราณคดี เมอื่ ดําเนนิ การแล้วเสร็จได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนาง
เจ้าฯพระบรมราชินีนาถเสดจ็ พระราชดาํ เนินทรงเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง เม่ือวันท่ี 13 พฤษภาคม พ.ศ.
2509

เป็นสถานท่ีรวบรวมศิลปะโบราณวัตถุในสมัยต่างๆ ท่ีขุดค้นพบ และแสดงวิวัฒนาการของมนุษย์ยุคต่างๆ
ที่เคยอาศัยอยู่ในดินแดนแถบสุพรรณบุรี แบ่งออกเป็น 2 อาคาร คือ อาคารที่ 1 จัดแสดงการค้นพบเมืองอู่ทอง
สมัยก่อนประวัติศาสตรแ์ ละสมยั วฒั นธรรมทวารวดี พระพุทธรปู สมัยทวารวดี อาคารที่ 2 จัดแสดง ห้องชาติพันธ์ุ
วิทยาและลูกปัดท่ีค้นพบในเมืองอู่ทองตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ถึงสมัยทวารวดี ส่วนลานกลางแจ้งสร้างเป็น
เรือนแบบลาวโซง่ จดั แสดงวฒั นธรรมประเพณี การแต่งกาย เครื่องมือเครอ่ื งใชใ้ นชีวติ ประจําวนั ของชาวลาวโซง่

ทั้งน้ี เมืองอู่ทอง ปัจจุบันอยู่ที่อําเภออู่ทอง เป็นเมืองเก่า ที่มีชื่อปรากฏในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาว่า
พระเจ้าอู่ทองทรงอพยพผู้คนหนีโรคห่า จากเมืองอู่ทองเม่ือปี พ.ศ.1890 ไปสร้างเมืองหลวงใหม่คือ กรุงศรีอยุธยา
ต่อมาได้มีการขุดค้นหาหลักฐานที่เมืองอู่ทอง แล้วลงความเห็นว่า เมืองนี้เป็นเมืองเก่าก่อนกรุงศรีอยุธยาและร้างไป
นานนับร้อยปี ก่อนที่พระเจ้าอู่ทองจะสร้างกรุงศรีอยุธยา จึงเชื่อกนั ว่าพระเจ้าอู่ทองน่าจะไม่ได้หนีโรคห่าดังท่ีกล่าว
ไวแ้ ตแ่ รก
พิพิธภณั ฑ์เปิดให้เขา้ ชมทุกวนั เวน้ วันจนั ทร์ และวนั หยดุ นกั ขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.
อตั ราคา่ เขา้ ชม : ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 30 บาท โทร. 0 3555 1021, 0 3555 1040
ทอ่ี ยู่ ถนนมาลัยแมน ตําบลอทู่ อง อาํ เภออูท่ อง จังหวัดสุพรรณบุรี

223

4. วดั เขาดีสลกั

วัดเขาดีสลักตั้งอยู่หมู่ท่ี 5 ตําบลดอนคา ห่างจากอําเภออู่ทอง 8 กิโลเมตร ภายในวัดมีจุดเด่น ที่น่าสนใจ
คือ รอยพระพุทธบาทจําลอง ซ่ึงในปี พ.ศ. 2535ฯพณฯ บรรหาร ศิลปอาชา ให้กรมศิลปากรมาพิสูจน์
รอยพระพุทธบาท สรุปได้ว่าเป็นสมัยใกล้เคียงกับพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรี ต่อมาทางกรมเลยได้ขึ้นทะเบียน
เป็นโบราณวตั ถแุ ละมีการสร้างมณฑปบนยอดเขาครอบเอาไว้อย่างสวยงาม ต่อมาก็ได้มีการสร้างถนนขึ้นเขาพัฒนา
เป็นแหลง่ ท่องเทยี่ วเสร็จใช้เวลา 5 ปี สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ เสดจ็ พระราชดาํ เนนิ ไปเปิดเมือ่ ปี พ.ศ. 2542

ตัวรอยพระพุทธบาทจําลองสร้างด้วยแผ่นหินทรายสีแดง รูปส่ีเหลี่ยมผืนผ้า มีลายกลีบบัวโดยรอบ
พระบาท ปลายนิ้วพระบาทยาวไม่เสมอกัน ข้อน้ิวพระบาทมี 2 ข้อ โดยข้อน้ิวพระบาทข้อแรกทําลายขมวดเป็นรูป
ก้นหอยตามคมั ภีรม์ หาบรุ ษุ ลักษณะหรอื มหาปรสิ ลักขณะ ดงั ท่ีพรรณนาไวใ้ นปฐมสมโพธิกถาฉบับภาษาบาลี รวมท้ัง
ในคัมภีร์ลิลิตวิสูตรฉบับภาษาสันสกฤต ข้อนิ้วที่ 2 ทําเป็นลายก้นขดหรือใบไม้ม้วนลักษณะคล้ายกับลวดลายพันธ์ุ
พฤกษาซ่ึงนิยมในศิลปะแบบทวารวดี ซ่ึงจะเห็นได้จากลวดลายปูนป้ันประดับ ศาสนสถานหรือลวดลายประดับ
ประติมากรรม อันเนื่องในพุทธศาสนาในสมัยทวารวดี บริเวณฝ่าพระบาททําเป็นรูปธรรมจักรขนาดเล็กมี
กงล้อธรรมจักรจํานวน 16 ซ่ี อยู่กลางฝ่าเท้าและรายล้อมด้วยภาพสลักรูปมงคล 108 ประการ อยู่ในกรอบวงกลม
มลี กั ษณะแตกตา่ งจากรอยพระพทุ ธบาททีพ่ บท่อี นื่ คอื รอยพระพุทธบาทนนู ขนาดกว้างประมาณ 65.5 เซนตเิ มตร
ยาว 141.5 เซนติเมตร อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 14-16 นอกจากนี้ ภายในวัดยังพบโพรงหินภายในมี
พระพุทธรปู และโบราณวตั ถตุ า่ งๆ อีกหลายชนิดอีกดว้ ย

การเดินทาง
สามารถเดินทางได้โดยใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 340 เล้ียวซ้ายเข้าเส้น 357(ก่อนถึงตัวเมืองสุพรรณ)

ตรงยาว 10 กม. จะพบแยก ให้เล้ียวซ้ายเข้าถนนมาลัยแมน (321) จากนั้นไปตามทางยาวๆ ประมาณ 21 กม.
มุ่งหน้า อ.อู่ทอง จนพบแยกอู่ทอง ให้เลี้ยวขวาไปประมาณ 3 กม. จะพบทางเข้าวัดอยู่ซ้ายมือ (มีป้ายบอก) ไปตาม
ทางประมาณ 10 กม. จะพบทางวนข้ึนเขาไปชมพระพุทธบาท ไปตามทางจนถึงยอดเขา ท้ังนี้ หากต้องการ
สอบถามรายละเอยี ดเพ่มิ เติม สามารถติดตอ่ ไดท้ ่ี โทร. 035-421444, 081-1974974
เวลาเปิดทําการ : 09.00 - 16.00

224

5. วดั เขาพระศรสี รรเพชญาราม (เดมิ ชอ่ื วดั เขาพระ)

วดั เขาพระศรีสรรเพชญาราม หรือที่ในอดีต ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดเขาพระ ต้ังอยู่ที่ถนนมาลัยแมน ในตัว
อําเภออู่ทอง วัดแห่งน้ีนับเป็นวัดเก่าแก่ เป็นที่เคารพนับถือของชาวอู่ทอง สันนิษฐานว่ามีมาต้ังแต่สมัยทวารวดี
เพราะมีโบราณวัตถุหลายช้ิน เช่น พระพุทธไสยาสน์ พระพุทธรูปปางต่าง ๆ ซึ่งสลักจากเน้ือหิน เป็นต้น ภายในวัด
แห่งนี้ มสี ง่ิ ที่นา่ สนใจมากมาย เริ่มด้วย “เทวรปู จักรนารายณ์เน้ือหิน” เป็นเทวรูปที่สลักอยู่บนเน้ือหิน มีขนาดกว้าง
97 เซนติเมตร สูง 175 เซนติเมตร คาดว่าน่าจะมีอายุอยู่ในสมัยพุทธศตวรรษท่ี 13 – 14 มีลักษณะเป็นแผ่นหิน
สลักนูนสูง เป็นรูปทิพยบุคคลมี 4 กรพระหัตถ์ซ้ายขวา ทั้งบนและล่าง ล้วนถือส่ิงต่างๆอยู่ เช่น จักร คทา เป็นต้น
ส่ิงที่น่าสนใจสิ่งต่อมา คือ “ซากเจดีย์อยุธยา” ซากเจดีย์น้ีตั้งอยู่บนยอดเขาเป็นเจดีย์ฐานส่ีเหล่ียมจัตุรัส ยาวกว้าง
ดา้ นละ 8 เมตร ส่วนบนเป็นองค์ระฆงั สมัยทวารวดี ทัง้ น้ี เจดีย์นี้คาดว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา โดยสร้างซ้อนทับบน
โบราณสถานสมัยทวารวดี ถัดไปคือ “รอยพระพุทธบาทจําลอง” รอยพระพุทธบาทน้ีแกะสลักมาจากหินทราย
สีเขียว ตั้งอยู่บนยอดเขา สลักลวดลายมงคล 108 ประการ ในกรอบวงกลม คาดว่าเป็นศิลปะสมัยทวารวดี
ตอนปลายท่ี ไดร้ ับอทิ ธิพลศลิ ปะขอม อายุนา่ จะอยูใ่ นชว่ งประมาณพทุ ธศตวรรษที่ 16- 17
การเดนิ ทาง

ทางด้านรถยนต์ ให้ขบั มาห่างจากจงั หวัดประมาณ 34 กิโลเมตร โดยวัดจะ ใกลห้ อนาฬกิ าบรรหาร –
แจม่ ใส เลย้ี วเข้าซอยไปประมาณ 2 กิโลเมตร หากเดนิ ทางมาทางรถโดยสาร ใหใ้ ชม้ รี ถ สายใต้ สาย กรงุ เทพ-
สพุ รรณ-ท่าช้าง หรอื สาย กรุงเทพ-อู่ทอง-ด่านช้าง หากเดนิ ทางมาทางรถตโู้ ดยสาร ใหใ้ ชส้ าย อูท่ อง - สุพรรณ -
กรงุ เทพ เปดิ ให้เขา้ ชมทกุ วนั ตงั้ แตเ่ วลา 8.00-17.00 น.
ทางวัดจะมีงานนมัสการพระพุทธไสยาสน์ 2 คร้ัง คอื วนั ขึ้น 15 คาํ่ และแรม 1 คํ่า เดอื น 12 กับวันข้นึ 14-15 ค่ํา
และแรม 1 คํา่ เดอื น 5 หากมาในชว่ งเวลาดงั กลา่ ว จะไดส้ มั ผสั กบั บรรยากาศที่คกึ คักไปอกี แบบ
ท่อี ยู่ ถนนมาลยั แมน ตําบลอ่ทู อง อําเภออ่ทู อง จงั หวดั สพุ รรณบุรี
เบอรโ์ ทร 0 3553 6030,0 3553 5789,0 3553 6189

225

6. วนอุทยานพมุ ว่ ง และคอกชา้ งดนิ สมยั ทวาราวดี

เป็นสถานที่ธรรมชาติป่าใกล้เมือง อุทยานแห่งนี้มีเน้ือท่ีประมาณ 1,725 ไร่ ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขา
หลายลูกติดต่อกัน ส่วนใหญ่เป็นหิน บริเวณตอนกลางเป็นท่ีราบ ความสูงของพ้ืนท่ี 180-245 เมตร และมีสถานที่
ประวัติศาสตร์เก่ียวกับวรรณคดีอยู่บริเวณเชิงเขา สภาพพ้ืนที่เป็นป่าเบญจพรรณสลับกับป่าไผ่รวก สัตว์ป่าท่ีพบ
ได้แก่ ไกป่ า่ กระรอก กระแต กระต่ายปา่ หมาปา่ อีเห็น และนกชนดิ ตา่ งๆ
ภายในวนอทุ ยานมสี งิ่ ท่ีน่าสนใจไดแ้ ก่

เสน้ ทางศกึ ษาธรรมชาติ ระยะทาง 1.5 กโิ ลเมตร ใชเ้ วลาเดนิ ประมาณ 1 ช่ัวโมงครงึ่ ระหว่างทางเดินจะ
เหน็ ไม้เบญจพรรณจาํ พวกไม้มะค่า ไผ่ จนั ทน์กะพอ้ จันทนผ์ า

คอกชา้ งดนิ สมยั ทวารวดีอยไู่ ม่ไกลจากท่ีทําการ อายรุ าว 1,500 ปี จํานวน 3 คอกมเี น้ือทปี่ ระมาณ 10 ไร่
ฐานวิหารศลิ าแลงสมัยทวารวดี สันนษิ ฐานว่าใช้เปน็ ที่สําหรบั กษตั รยิ ท์ าํ พธิ บี วงสรวงสงั เวยเพอื่
คลอ้ งชา้ งปา่
น้ําตกพุม่วง ซึ่งมีชื่อปรากฏอยู่ในวรรณกรรมเร่ืองขุนช้างขุนแผน มีท้ังหมด 5 ช้ัน ตลอดเส้นทางท่ีน้ําตก
ไหลผ่าน จะผ่านจุดท่ีน่าสนใจ คือ คอกช้างดินและฐานศิลาแลง หากข้ึนไปบนเทือกเขาพระจะเห็นพันธุ์ไม้นานา
ชนดิ อาทิ เชน่ จนั ทน์กะพ้อ และปรงเผอื ก มี ลานหนิ ทีม่ ีก้อนหนิ น้อยใหญ่วางสลับกัน บางแห่งก็รวมกันเป็นเชิงช้ัน
มีตน้ ปรงขน้ึ สลับ เป็นปา่ ใกล้เมอื งท่หี าได้ยากแหง่ หน่งึ

226

วนอุทยานแห่งน้ีเหมาะสําหรับผู้ที่ชอบบรรยากาศธรรมชาติที่สงบเงียบ ต้องการความเป็นส่วนตัวและ
ความปลอดภัย หากต้องการพักค้างแรมควรติดต่อขออนุญาตล่วงหน้าและเตรียมอาหารไปเอง สอบถามข้อมูล
เพิ่มเติมไดท้ ่ี วนอทุ ยานพุม่วง ตาํ บลจระเขส้ ามพนั อําเภออู่ทอง จงั หวัดสุพรรณบรุ ี 72160
โทร. 08 1943 5188
การเดินทาง วนอุทยานพุมว่ ง ตงั้ อยหู่ มทู่ ่ี 5 ตําบลจระเข้สามพนั ห่างจากจงั หวัดประมาณ 40 กิโลเมตร ไปทาง
หลวงหมายเลข 321 กิโลเมตรที่ 128–129 แล้วเข้าทางหลวงหมายเลข 3342 ไป 500 เมตร จะเห็นทางเข้าวน
อทุ ยานพมุ ่วงทางขวามอื

7. สวนหินธรรมชาติ พหุ างนาค
" มรดกทางธรรมชาติชน้ิ เอกของเมืองสพุ รรณ ทีค่ วรคา่ แกก่ ารปกปกั ษ์รักษาไว้ "
ความงดงามของสวนหินธรรมชาติดึกดําบรรพ์อายุนับหมน่ื ล้านปี สวนป่าไม้โบราณอายุนับ 1000 ปี และ

ปรศิ นาแหง่ ศาสนสถาน เมอื งโบราณอู่ทอง เป็นสถานทีท่ ี่น่าสนใจแห่งใหม่ของจังหวัดสุพรรณบุรี ที่เต็มไปด้วยความ
งดงามทางธรรมชาติ สวนหินที่งดงามตามจินตนาการ ด้วยรูปทรงท่ีหลากหลาย และร้ิวรอยที่สรรสร้างโดย
ธรรมชาติ ดั่งผลงานชิ้นยอดของศิลปินช้ันเย่ียม ความงามที่แฝงไว้ซึ่งปริศนา ให้ผู้ที่สนใจเรื่องราวของอารยธรรม
โบราณ ร่องรอยทีป่ รากฏเปน็ ปรศิ นาใหเ้ ราตอ้ งคน้ หากนั ตอ่ ไป

ปัจจุบัน สวนหินธรรมชาติ พุหางนาค ได้เปิดให้เป็น แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อยู่ภายใต้การดูแลของ
วนอุทยานพุม่วงโดยความร่วมมือกับชาวชุมชนในพื้นท่ี จัดเส้นทางพาชมความงดงาม และเรียนรู้ธรรมชาติของ
สวนหินแห่งน้ี เพ่ือเป็นเกราะป้องกันการบุกทําลายและหาประโยชน์ จากทรัพยากรอันทรงคุณค่า โดยหวังให้นัก
เดินทางท่องเที่ยวท่ีมีจิตสํานึกในธรรมชาติ จะได้เข้ามามีส่วนร่วมในการปกป้องป่าแห่งนี้ ภาพหลุมที่เกิดจากการ
ลอบขุดต้นปรง ภาพต้นจันผาที่เหลือเพียงตอขนาดใหญ่ บ่งบอกถึงอนาคตของไม้โบราณเหล่าน้ี หากเราไม่ช่วยกัน
ดแู ล

227

"หินต้ัง" ท่ีนักวิชาการโบราณคดีและประวัติศาสตร์ สันนิษฐานว่ามนุษย์ยุคโบราณนําหินมาวางซ้อนกันไว้
เพอ่ื เป็นสถานทีป่ ระกอบพธิ กี รรมอนั ศักด์สิ ิทธิ์ เมื่อกวา่ 2,000 ปีทผ่ี ่านมา

หินต้ัง เป็นวัฒนธรรมหินที่คนพื้นเมืองยุคดึกดําบรรพ์สุวรรณภูมิอุษาคเนย์จัดวางเป็นกลุ่มให้ได้รูปลักษณะ
ต่างๆ ใช้บอกเขตศักดิ์สิทธิ์ พบมากในอีสานและลาว เช่น ไหหินท่ีทุ่งไหหิน แขวงเชียงขวาง ในลาว ครั้นรับ
พทุ ธศาสนาก็ปรบั หนิ ตงั้ เป็นเสมาหนิ เชน่ ทีภ่ ูพระบาทบวั บก-บวั บาน อําเภอบา้ นผอื จังหวดั อดุ รธานี

หนิ ตั้ง ทปี่ ่าหนิ ต้งั บนยอดเขาพุหางนาค เมืองอู่ทอง สุพรรณ คือส่ิงก่อสร้างในศาสนาผีพ้ืนเมืองสุวรรณภูมิ
อุษาคเนย์ ท่ีมีอยู่ก่อนรับศาสนาพราหมณ์-พุทธ จากอินเดีย แสดงว่าบริเวณลุ่มนํ้าแม่กลอง-ท่าจีน มีชุมชนขนาด
ใหญ่ระดับเมืองหรือรัฐเล็กๆอยู่แล้ว กอ่ นตดิ ต่อรบั อารยธรรมอนิ เดีย
8. บา้ นขาม

บ้านขาม หรือ "บ้านขามผ้าไทย" ตั้งอยู่ที่ตําบลพลับพลาชัย อําเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็น
ศูนย์รวมผ้าหัตถกรรมผ้าฝ้ายทอมือ เส้ือลายไทย ผ้าขาวมือ โดยชาวบ้านที่น่ีพื้นเพดั้งเดิมเป็นชาวลาวที่อพยพมา
จากเวียงจันทน์ มีฝีมือในการทอผ้าตีนจก หรือผ้าทอมัดหมี่ท่ีมีเอกลักษณ์ ปัจจุบันมีการดัดแปลงนําผ้าทอ มาทํา
เปน็ ปลอกหมอน ชุดเสอื้ ผา้ และกระเป๋าถอื ลายสวยงาม

เดมิ กลุ่มทอผา้ บ้านขามผ้าไทย มีช่ือวา่ “ กลุ่มผ้าโหลแปรรปู ” กอ่ ต้ังเม่ือ พ.ศ. 2544 โดยมีนางสาวบรรจง
จุมพรม เป็นประธานกลุ่ม สมาชิกของกลุ่มมีอาชีพเย็บผ้าโหลเป็นรายได้เสริม ต่อมาได้ทํากลุ่มผ้าแปรรูปเป็น
เครือ่ งน่งุ หม่ สุภาพบรุ ษุ และสุภาพสตรี กล่มุ มีการทอผา้ มดั หม่ี และผ้าฝ้ายสีพ้นื ตา่ งตดั สาํ เรจ็ รปู จาํ หนา่ ยท้ังปลีกและ

228

ส่ง นอกจากนี้กลุ่มได้ทําการตัดเย็บผ้าลายไทยทําลายผ้าตามเทศกาล เนื้อผ้าทําจากผ้าค๊อตตอนร้อยเปอร์เซ็นต์
เน้ือผา้ จะไม่ย่น สีไมต่ ก สสี ดใสสวยงาม เป็นท่ตี อ้ งการของตลาด ซ่งึ กลุ่มได้จําหน่ายเส้ือผ้าสําเร็จรูปที่ตัดเย็บจากผ้า
คอตตอนจําหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ สินค้าท่ีผลิตขายและเป็นท่ีนิยมในปัจจุบันได้แก่ เส้ือเช้ิตคละลาย
ตา่ งๆ อาทิ เส้ือลายลายสุพรรณบุรี สีกะปิ ลายสุพรรณิกา ลายชวนชม ลายดอกบัว ลายกาบบัว โดยนอกจากจะ
เปน็ ท่ีนยิ มของลูกค้าท่ัวไปแล้ว หน่วยงานต่างๆยังมักสั่งซ้ือเสื้อเช้ิตจากที่นี่ไปให้บุคลากรในหน่วยงานสวมใส่ในหน้า
เทศกาลอกี ดว้ ย

บา้ นขามผา้ ไทยยังผลติ และจาํ หน่าย ผา้ ขาวมา้ ทอมอื คละสี คละลาย, ผา้ ถงุ ทอมอื คละสี คละลาย, เสอ้ื
หมอ้ ฮอ่ ม ท้งั ทรงธรรมดาและแบบด้นมอื รวมไปถงึ ผา้ ขนหนรู ปู ตุก๊ ตาต่างๆ อยา่ ง รูปกระต่าย ตัวดว้ ง ทผี่ ลติ จากผา้
ไมโครไฟเบอรค์ ณุ ภาพสูง เหมาะสาํ หรับซอ้ื ไปเป็นของฝากหรอื ของชํารว่ ย
ปัจจุบันบ้านขามมีบริการโฮมสเตย์ให้บริการแก่นักท่องเท่ียว ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้
ที่ โทร. 081-734-8345, 035-421-770 หรอื 087-069-3775
การเดินทาง สําหรับการเดินทางไปยังบ้านขาม จากสุพรรณบุรีให้ใช้เส้นทางหมายเลข 321 ถึงบ้านสวนแตง
แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 3416 จนไปบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 333 เล้ียวขวามุ่งไปทางอําเภอด่านช้าง
หมู่บา้ นอย่หู า่ งจากตวั จงั หวดั ราว 22 กิโลเมตร ห่างจากบา้ นดอนคาราว 3 กโิ ลเมตร
9. NPJ Fantasy เอ็นพเี จ แฟนตาซี

เป็นสถานท่ที อ่ งเท่ียวและท่ีพกั รวมในหน่ึงเดียว บา้ นพักแนวแฟนตาซี ทม่ี ีรูปแบบต่างๆ ทัง้ ผลไม้ และ
การต์ ูนสตั ว์นา่ รกั ๆ ทีม่ ีสสี นั สดใส และภายในบรเิ วณยงั มกี ิจกรรมใหส้ นกุ สนาน อกี หลายอย่าง ไม่วา่ จะเปน็ การข่ี
มา้ น่ังรถมา้ เล่นมา้ โยก วา่ ยน้าํ เลย้ี งแกะ หรอื สนกุ สนานกบั การถ่ายภาพสวยๆ กบั ภาพสามมิติ สถานทีต่ ัง้ ห่างจาก
ตัวอาํ เภออูท่ อง เพียง 5 กม. โทร. 091-8910666, 062-5544429

229

อัตราค่าเขา้ ชม
ผูใ้ หญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท เด็กสงู ไม่เกนิ 85 ซม. เขา้ ชมฟรี

การเดนิ ทาง เสน้ ทางหลกั มี 2 เสน้ ทาง
เส้นทางหลัก (เส้นทางที่ 1) วิ่งเส้นตะลุงเหนือ (3472) ทางไปอุทยานพระฤาษีองค์ใหญ่ จากถนนใหญ่แยก

เข้าไป 4.8 กม. ก่อนถึงอุทยานฯ แยกซ้ายมปี ้ายทพี่ ักต้งั อยู่หน้าปากทาง เขา้ ไปประมาณ 300 เมตร ท่พี กั อยูซ่ า้ ยมอื
เส้นทางท่ี 2 วิ่งรถไปทาง วัดเขาพระศรีสรรเพชญาราม ก่อนถึงวัดจะมีแยกทางด้านขวา จะมีป้ายท่ีพัก

ต้งั อยเู่ ขา้ ไปสุดทาง (2.8 กม.) ทพี่ กั จะอย่ขู วามือ
ร้านอาหาร
1. เรอื นบหุ งา (อาหาร & บรรยากาศ) เปดิ 10.30 น - 23.00 น
อาหารแนะนํา ปลาช่อนอบฟาง ก้งุ ราดซอสมะขาม ไก่รวนสมุนไพร กงุ้ เผา กงุ้ ผดั พรกิ เกลือ ปลาบึกผดั ฉา่
การเดนิ ทาง ติดถนนใหญ่ เส้นทาง อู่ทอง-นครปฐมเลยจากหอนาฬิกาอําเภออู่ทอง ไปทาง จังหวัด นครปฐม
ประมาณ 2 กม. คอยมองปา้ ยร้านดา้ นซ้ายมือ โทร 081-8251733
2. เจม้ ล ก๋วยเต๋ยี วหมู (จานดว่ น) เป็นรา้ นเลก็ ๆ แต่รสชาติ ถอื ว่าไมธ่ รรมดา
การเดินทาง อยู่ใกล้หอนาฬิกา ไปทาง วัดเขาพระศรสี รรเพชญาราม ราวๆ 800 เมตร ซ้ายมอื ติดกบั รา้ นขาย
กลว้ ยแขก
3. รา้ นครวั สวสั ดี (อาหาร & บรรยากาศ) มีบรกิ ารอาหารหลากหลาย
อาหารแนะนาํ ปลาสวัสดสี มุนไพร ต้มยาํ ปลามา้ /ปลาคงั ปลาม้า/ปลาคงั ผัดฉา่ ปลาม้า/ปลาคัง ผัดพรกิ ไทดาํ ไก่
ผัดเมด็ มะมว่ ง ลาบปลาชอ่ น ตม้ แซบ่ หมตู ุ๋น ก้งุ ราดซอสมะขาม
ท่อี ยู่ 879 เทศบาลตาํ บลอทู่ อง ถนนมาลยั แมน เยอ้ื งปม๊ั เชลล์ อ.อทู่ อง จ.สุพรรณบุรี
เบอรต์ ดิ ตอ่ 035-564-454 และ 085-212-8402
4. ครวั คงทอง (อาหาร & คาราโอเกะ)
อาหารแนะนํา กงุ้ หรรษา ปลาคลกุ ฝุ่น เปดิ 10.30 น - 23.00 น
การเดินทาง ติดถนนใหญ่ เสน้ ทาง อทู่ อง-นครปฐม เลยจากหอนาฬิกาอาํ เภออู่ทอง ไปทาง จ.นครปฐม
ประมาณ 3 กม. ซ้ายมอื เลยแยกบ่อพลอยไปเล็กน้อย อยดู่ ้านในปมั้ นาํ้ มนั ปตท. เบอรโ์ ทร 081-0060877
5. ร้านอาหาร Three of us (อาหาร & บรรยากาศ นั่งชวิ ) รา้ นอาหารเลก็ นา่ รกั สไตล์ English cottage
บรรยากาศโรแมนตกิ โทร085-0721219
6. บา้ นรมิ นํา้ ถ.วัดเขาพระ เปิดบริการ 10.00-22.00 น. 035-565533

230

เมนแู นะนาํ อาหารไทยโบราณ อาหารไทยอีสาน ปลาภูมิปญั ญาไทย พล่ามะเดอื่ วา่ นหางจระเขก้ รอบทรงเครื่อง
7. ร้านอาหารน้องออ้ ตั้งอยรู่ มิ ถนนมาลยั แมน
8. แสนสขุ 035-551105
9. พรทิพย์ 035-551601
10. ไลโ้ ภชนา 035-552375
11. สายน้าํ 035-552076
12. ครวั รมิ คลอง 01-2946474
13. วงั กุง้ พร้อมเจริญ 035-565599
14. ครัวศรสี ะอาด 035-551095
15. ครวั ลุงฤทธ์ิ 035-559036
ของฝาก ของที่ระลกึ
1. กลุม่ ผา้ ปักดน้ มอื ที่อยู่ ถ.มาลัยแมน ต.กระจนั (ผา้ ปักด้นมอื ) โทร 035-551300
2. ซองเดอร์ เครือ่ งดม่ื ธัญพชื สําเร็จรปู ถ.ดา่ นชา้ ง-มาลยั แมน (เครื่องดมื่ ) โทร 089-9227819
3. ผา้ ทอวงั ทอง ทอี่ ยู่ บ้านวงั ทอง (ผา้ ทอ) โทร 035-484080
4. ศนู ยส์ ง่ เสรมิ สขุ ภาพแผนไทย ท่อี ยู่ รพ.อ่ทู อง (ผลติ ภัณฑ์สมนุ ไพร) โทร 035-565554
5. ผัก ผลไมป้ ระดษิ ฐ์ ที่อยู่ ถ.พระยาจักร (อาหาร) โทร 035-552991

กิจกรรมที่ 2 สถานทท่ี อ่ งเทยี่ วทสี่ าํ คัญในจังหวัดสพุ รรณบุรี

คาํ สงั่ ใหผ้ เู้ รยี นจดั ทาํ รายงานเกี่ยวกับแหล่งทอ่ งเทยี่ วท่สี ําคญั ในจังหวดั สุพรรณบรุ ีอาํ เภอละ 5 แหลง่ ตามหัวขอ้
ตอ่ ไปนี้

1. ประวตั คิ วามเป็นมา
2. ที่ตัง้
3. การเดนิ ทาง
4. รา้ นอาหาร ของฝาก ของท่ีระลกึ ในอําเภอ

231

เรื่องที่ 3 การอนรุ กั ษ์แหลง่ ท่องเท่ยี ว

ความหมาย คือ การสงวน รักษาคุณภาพและการใช้อย่างรู้คุณค่า เพื่อคงเอกลักษณ์เดิมพร้อมทั้ง
ปรบั ปรงุ พฒั นา เสริมสร้าง ใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สดุ ในขณะเดยี วกนั ก็ต้องใหเ้ กดิ ผลกระทบนอ้ ยที่สดุ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความ
รัก ความหวงแหนและพร้อมทช่ี ่วยกนั ปกป้องดแู ลรกั ษาใหย้ ่งั ยืนตอ่ ไป

ทรัพยากรทอ่ งเที่ยวเปน็ สินคา้ หลกั ของการทอ่ งเทยี่ วท่มี ีความจําเป็นในอันที่จะดูแลรักษาไว้มิให้เสื่อมโทรม
มีธรรมชาติท่ีสวยงาม มีวัฒนธรรมประจําชาติที่น่าภาคภูมิใจ เพ่ือการดึงดูดใจให้นักท่องเท่ียวเข้าไปเยือนก่อให้เกิด
มูลค่ามหาศาลทางเศรษฐกิจ เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้แก่ท้องถิ่น จนนับเป็นรายได้ท่ีมากเป็นอันดับหนึ่งของ
ประเทศ ดังนั้นรากฐานสําคัญในการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเท่ียวในภาพรวม การปลูกจิตสํานึกของคนใน
ทอ้ งถิน่ ให้รกั หวงแหน และชน่ื ชมในคณุ คา่ ความงดงามแห่งมรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่สืบทอดมา ก็เพ่ือให้
พวกเขาได้สํานึกแห่งความภาคภูมิใจ รับผิดชอบและพร้อมท่ีจะดูแลรักษาสมบัติของแผ่นดินเหล่านั้นการปลูก
จิตสํานึกจึงมีความจําเป็น ท่ีบุคคลทุกฝ่ายต้องช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรท่องเที่ยวให้คงคุณค่า คงความสวยงาม
อยา่ งยั่งยนื

การอนุรักษ์ มิใช่การกักเก็บส่ิงเหล่าน้ันไว้ แต่การอนุรักษ์เป็นการใช้อย่างมีประสิทธิภาพให้เกิดประโยชน์
สงู สดุ ใช้ไดน้ านทีส่ ุด และเกิดประโยชน์ตอ่ คนจาํ นวนมากทส่ี ดุ ดังนน้ั ถ้านําแนวความคิดในเร่ือง การอนุรักษ์มาใช้
กับแหล่งท่องเที่ยว ก็หมายว่าการอนุรักษ์ มิใช่การห้ามมิให้นักท่องเท่ียวเข้าไปใน แหล่งท่องเท่ียว แต่การที่
นกั ทอ่ งเทีย่ วเขา้ ไปในเขตดงั กลา่ วแลว้ ตอ้ งไมท่ าํ ลายแหล่งทอ่ งเที่ยว ดังน้ันการอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวจงึ เป็นการนํา
ทรัพยากรการท่องเท่ียวมาใช้ให้เหมาะสมที่สุด ได้ประโยชน์สูงสุดพร้อมท้ังป้องกันรักษาให้ได้คงทนในระยะ
เวลานานทสี่ ดุ ได้ประโยชน์สงู สุด พรอ้ มท้งั ปอ้ งกนั รกั ษาไวใ้ หค้ งทนในระยะทางนานทสี่ ดุ

การอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยว ให้ประสบผลสําเร็จควรใช้มาตรการดังต่อไปนี้ (ชยาภรณ์ ช่ืนรุ่งโรจนฺ,
2538:222-223)

1. มาตรการทางสังคม มนุษย์มีความเช่ือผูกพันเกี่ยวกับศาสนา สิ่งศักดิ์สิทธ์ิจิตใจของมนุษย์มี ความกลัว
ความยําเกรง ความเคารพนับถือ หรือความรู้สึกอ่ืนๆ ต่อส่ิงดังกล่าวแล้ว สิ่งศักด์ิสิทธิ์ให้ทั้ง คุณประโยชน์และโทษ
แก่มนุษย์ ทั้งน้ีข้ึนอยู่กับมนุษย์แสดงพฤติกรรมต่อส่ิงนั้นอย่างไร การอาศัยความเกรงกลัวของมนุษย์ดังกล่าวแล้ว
เป็นปฏิบัติหรือมาตรการมิให้การทําลายแหล่งท่องเที่ยวก็จัดเป็นแนวปฏิบัติที่ดีอย่างหน่ึงแหล่งท่องเท่ียวหลายแห่ง
เป็นที่ศักด์ิสิทธ์ิ หรือมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็ควรใช้มาตรการดังกล่าวแล้ว เช่น ป่าไม้มีเทวดารักษาป่า
ต้นไม้ใหญ่บางชนิดมีผีรักษาดังน้ันไม่ควรตัดทําลาย ต้นไม้ เทวดาหรือผีจะลงโทษในลําธาร ห้วย มีผีนํ้าไม่ควรทิ้ง
ส่งิ ปฎกิ ูลลงในลาํ ธาร ลําห้วย เพระผนี าํ้ จะให้โทษ

ตัวอย่างการใช้มาตรการทางสังคม เป็นข้อห้ามซึ่งประสบผลสําเร็จ เช่นที่ถ้ําลอด อําเภอเมือง จังหวัด
แม่ฮ่องสอน บริเวณถ้ําลอดมีลําธารไหลผ่านถํ้า ในลําธารมีปลาชุกชุม แต่ประชาชนไม่บริโภคปลาเหล่านั้นเพราะมี
ความเชื่อวา่ ปลาในถาํ้ ถา้ บริโภคแลว้ เป็นอนั ตรายถึงแกช่ ีวติ

แหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น ถํ้า ภูเขา เกาะ เจดีย์ วัด ฯลฯ บางแห่งมีตํานานหรือความเชื่อที่น่าเกรง
กลัวกน็ ่าจะรอ้ื ฟ้ืนความเชือ่ เหลา่ นน้ั เพือ่ ใหป้ ระชาชนเกดิ ความเกรงกลวั และไม่ทําลายแหลง่ ท่องเท่ยี ว

232

2. มาตรการทางธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ สามารถเสริมสร้างขึ้นใหม่ได้ตามขบวนการ
ธรรมชาติ กล่าวคือ ทรัพยากรประเภทนี้เมื่อใช้แล้วก็คืนรูปตามขบวนการทางธรรมชาติ เช่น ป่าไม้ เมื่อถูกโค่น
ทําลายหลังจากปล่อยทิ้งไว้ระยะหน่ึงป่าไม้จะเกิดขึ้นมาใหม่ และปรับตัวเข้าสู่สภาพเดิม แต่ท้ังนี้ต้องไม่ถูกทําลาย
มากมายจนปรบั เปลย่ี นเขา้ สู่สภาพเดมิ ไมไ่ ด้

เมอื่ ธรรมชาตสิ ามารถปรบั เปลย่ี นเข้าสสู่ ภาพเดมิ ได้ การวางมาตรการทางธรรมชาติ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความสมดุล
ในการปรับตัวของแหล่งท่องเที่ยวกับนักท่องเท่ียวจึงเป็นสิ่งสําคัญ รัฐบาลควรมีข้อห้ามในเรื่องระยะเวลาของการ
ท่องเท่ียว ปริมาณนักท่อง- เท่ียวจํานวนวันพักของนักท่องเท่ียวเพื่อให้ธรรมชาติเกิดการปรับตัวได้ไม่ถูกทําลาย
แหลง่ ท่องเทยี่ วบางแห่งก็ปรับตัวตามกฎของธรรมชาติ โดยไม่มีกฎหมายหรอื ข้อบังคับ เช่น ทุ่งดอกบังตอง ดอยแม่
อูคอ อําเภอขุนยาม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ดอกบัวตองบางในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม นักท่องเท่ียวก็ไปเท่ียวชม
ดอกบัวตองพียงระยะ 2 เดือน เหลือเวลาอีก 10 เดือน ทุ่งบัวตองก็สามารถปรับตัว และผลิดอกใหม่หลังฤดูฝน
(เดือนสิงหาคม-ตลุ าคม) อกี คร้งั หน่งึ

การเกิดพายุทําให้ทะเลมีคล่ืนลม และฝนตกหนัก ก็เป็นมาตรการอย่างหนึ่งของธรรมชาติท่ีป้องกันมิให้
นักท่องเที่ยวเดินทางไปชายทะเล หรือ หมู่เกาะ จึงทําให้แหล่งท่องเท่ียวเกิดการปรับตัวพืชและสัตว์ไม่ถูก
นักท่องเทย่ี วรบกวนและทําลายจงึ มโี อกาสเจรญิ เติบโต

อย่างไรกต็ าม ลําพงั แตม่ าตรการซึ่งเกิดจากอุปสรรคของธรรมชาติอยา่ งเดยี วในการห้ามปรามนักทอ่ งเท่ียว
ย่อมไม่ไดผ้ ล ตอ้ งอาศัย กฎหมายหรอื ขอ้ บังคับ จากรฐั บาลหรอื องคก์ รทีเ่ กีย่ วข้องด้วย

3. มาตรการทางกฎหมาย การเพม่ิ จํานวนประชากร มผี ลกระทบโดยตรงต่อการขยายตัวของพ้ืนที่ในการ
ประกอบอาชพี เช่น เกดิ การบกุ รกุ ปา่ หรือพ้นื ที่สาธารณอืน่ เพ่ือใช้เปน็ แหล่งในการสร้างผลผลิตในด้านเกษตรกรรม
พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม หรือการปลูกสร้างที่อยู่อาศัย ทรัพยากรการท่องเท่ียวทางธรรมชาติแหลายแห่ง เช่น
นํ้าตก หาดทราย ภูเขา ฯลฯ ถูกประชาชนบุกรุกด้วยวัตถุประสงค์ดังกล่าว การใช้มาตรการทางกฎหมายเพ่ือ
ป้องกันและลงโทษผู้ท่ีฝ่าฝืน จึงเป็นสิ่งจําเป็นอย่างย่ิงในการอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยว ในปัจจุบันมีกฎหมายหลาย
ฉบับที่เก่ียวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรการท่องเท่ียว เช่น พระราชบัญญัติสงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503
พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 พระราชบัญญัติโบราณสถานโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑ์
สถานแหง่ ชาติ พ.ศ. 2504 พระราชบญั ญตั สิ ง่ เสริมและรกั ษาคณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ มแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ฯลฯ

4. มาตรการทางเศรษฐกิจ การพฒั นาการท่องเที่ยว โดยมุ่งเป้าหมายด้านปริมาณ คือ จํานวนนักท่องเที่ยว
และรายได้ที่เพิ่มขึ้น ย่อมก่อให้เกิดผลเสียต่อแหล่งท่องเท่ียว เพราะแหล่งท่องเที่ยวไม่สามารถรองรับปริมาณ
จํานวนมากของนักท่องเที่ยว ได้ก่อให้เกิดปัญหามลพิษ เช่นอากาศเสีย นํ้าเน่า ขยะ การทําลายระบบนิเวศในด้าน
อ่ืนๆ การใช้มาตรการทางเศรษฐกิจโดยการลดรายได้จากนักท่องเท่ียวให้น้อยลงเพื่อให้สมดุลกับปริมาณ
นักท่องเท่ียวและการปรับสภาพของแหล่งท่องเที่ยว การเก็บภาษีอากรจากผู้ประกอบการด้าน การท่องเท่ียว เพื่อ
นํารายได้จากภาษีอากรมาพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว การยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีอากร ให้แก่ผู้ประกอบการที่
อนุรักษ์แหล่งท่องเท่ียว เช่น การยกเว้นภาษีอากร ให้แก่ผู้ประกอบการท่ีอนุรักษ์ แหล่งท่องเที่ยว เช่นการยกเว้น
หรือลดหย่อนการเก็บภาษีโรงเรือนแก่อาคารเก่า ซ่ึงมีค่าทางด้านศิลปวัฒนธรรมนํามาปรับปรุงเป็นโรงแรม

233

ร้านอาหาร หรอื สถานประกอบการอื่นๆ ด้านการท่องเที่ยวการจ่ายงบประมาณจากรัฐบาทสมทบเพื่อบํารุงอาคาร
เกา่ ใหค้ งสภาพเดิมไว้ ก็เปน็ ส่งิ จําเปน็ อย่างหนึง่ ในการอนรุ ักษแ์ หล่งท่องเทีย่ ว

5. มาตรการทางการศกึ ษา การวางมาตรการทางการศึกษาในเรือ่ งการอนุรกั ษแ์ หลง่ ทอ่ งเท่ยี วตอ้ งกระทํา
พร้อมกันท้ัง 2 ระบบคือ การศึกษาภายในโรงเรียน และการศึกษานอกโรงเรียน หรือการศึกษานอกระบบ สถาน
การศึกษาตั้งแต่ระดบั ช้ันประถมศึกษา ระดับชั้นอุดมศึกษา ต้องจัดกระบวนการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับการ
อนุรักษ์ การปลูกฝังเจตคติในเรื่องแหล่งท่องเท่ียว ในด้านการศึกษานอกระบบ ผู้ปกครองส่ือมวลชน และสถาบัน
อื่นๆ ในสังคมต้องช่วยกันเผยแพร่ให้ประชาชนมองเห็นคุณค่าความสําคัญและวิธีการอนุรักษ์เก่ียวกับแหล่ง
ทอ่ งเทย่ี ว
วธิ ีการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรทอ่ งเท่ยี ว อาจสรุปไดด้ ังนี้

1. สงวน (Preservation) คอื การเกบ็ รักษาไวใ้ ชป้ ระโยชน์สูงสุดแต่ตอ้ งไม่ให้มผี ลกระทบเสยี หาย
2. ปอ้ งกนั (Prevention) มิใหเ้ กิดการบกุ รกุ รบกวนจนเกดิ ความเสียหาย
3. ฟ้ืนฟู (Rehabilitation) ให้คนื สภาพดงั เดิม เสริมสรา้ งให้คงอยู่สืบไป
4. บริหารจัดการ (Management) ตามนโยบายการบริหารจัดการแหล่งทอ่ งเทีย่ ว
แนวทางในการอนุรกั ษท์ รพั ยากรการท่องเท่ยี ว
การอนุรกั ษท์ รพั ยากรการท่องเท่ยี วใหค้ งสภาพสมบรู ณ์อยา่ งยาวนาน มแี นวทางปฏบิ ตั ิดงั นี้
1. ไม่ปรับสภาพของสถานท่ีท่องเท่ียวทางธรรมชาติให้เปลี่ยนไปจากเดิมจนด้อยคุณค่าลง เช่น ไม่เน้นการ
สร้างท่ีพักแรมหรือรีสอร์ทในแหล่งท่องเท่ียวทางธรรมชาติให้มาก นักท่องเท่ียวท่ีเข้าไปท่องเท่ียวกันอย่างหนาแน่น
จะทําให้สูญเสยี ความเป็นธรรมชาติ
2. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษส่ิงแวดล้อมขึ้นในแหล่งท่องเท่ียว เช่น ไม่ท้ิงขยะ ไม่เผาขยะและปล่อยให้มีขยะ
ตกค้างในแหล่งท่องเที่ยวแต่ควรสร้างหรือวางถังขยะให้กลมกลืนกับสภาพของแหล่งท่องเท่ียว และควรขนขยะ
ออกไปกําจดั นอกแหล่งท่องเทย่ี ว
3. ไม่รุกลา้ํ ทําลายโบราณสถาน และสถานท่ีท่ีมีความสําคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น ไม่เข้าไปอยู่อาศัยใกล้
กับพ้ืนท่ีที่เป็นกําแพงดินหรือกําแพงเมืองโบราณ ไม่ถมหรือปรับพื้นท่ีที่เป็นคูเมืองโบราณเพ่ือก่อสร้างอาคาร
บา้ นเรอื น
4. ไม่ทําลายทรัพยากรทุกชนิดที่อยู่ในสถานท่ีท่องเท่ียว เช่น ไม่เหยียบยํ่าและเด็ดดอกไม้ในป่า ไม่เก็บหิน
ในแหล่งท่องเท่ียวไปเป็นของท่ีระลึก ไม่ขีดเขียนผนังถ้ําและทําลายหินงอกหินย้อยในถ้ําให้แตกหัก ไม่ล่าสัตว์และ
เผาป่าในเขตหวงห้าม
5. อนุรักษศ์ ิลปวฒั นธรรมและประเพณอี นั ดีงามของท้องถิ่นเอาไว้ และถา่ ยทอดใหค้ นรนุ่ หลงั สบื ตอ่ ไป
แนวทางการพฒั นาแหลง่ ท่องเทย่ี ว
การพัฒนาทรัพยากรการท่องเท่ียวจะต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดผลกระทบต่อแหล่งท่องเท่ียว และไม่ชักนํา
ให้คนเข้าไปในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากเกินไปจนเกินขีดความสามารถในการรองรับของพื้นท่ีและต้อง
รักษาสภาพธรรมชาติเดมิ เอาไว้ใหไ้ ด้มากที่สดุ โดยมแี นวทางดังนี้

234

1. สร้างสง่ิ อาํ นวยความสะดวกต่าง ๆ ให้มีความกลมกลืนกับบรรยากาศของสถานท่ีท่องเที่ยวและคํานึงถึง
ความจาํ เปน็ ในการก่อสร้าง การก่อสร้างและการใช้งานต้องไม่ก่อให้เกิดมลพิษสิ่งแวดล้อม เช่น การสร้างถนนเข้าสู่
สถานทท่ี อ่ งเทีย่ ว ท่พี กั แรม ร้านอาหาร สถานทน่ี นั ทนาการ จะตอ้ งไมก่ อ่ ใหเ้ กิดฝุน่ ละออง เสียงดงั นาํ้ เสยี และขยะ
ตกค้างในสถานทท่ี ่องเที่ยว

2. ดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวในการชมสถานท่ี เช่น การสร้างสะพาน การสร้างบันได
การสรา้ งรวั้ ก้นั บรเิ วณทางเดนิ หรอื นํ้าตกทอี่ าจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตราย การติดดวงไฟให้แสงสว่างในถํ้าหรือให้ยืมตะเกียง
เพ่ือเดินชมในถ้ํา ผู้ดําเนินการต้องพิจารณาว่าการก่อสร้างหรือการติดต้ังดวงไฟต้องไม่ทําลายทัศนียภาพของแหล่ง
ท่องเที่ยวน้ัน ๆ ให้เสียไป นอกจากน้ีควรมีการเฝ้าระวังไม่ให้มีมิจฉาชีพ และการก่ออาชญากรรมขึ้นในแหล่ง
ท่องเท่ียวอีกด้วย

3. จดั ทาํ ปา้ ยบอกทางไปยงั แหล่งท่องเที่ยวตา่ ง ๆ ในทอ้ งถ่นิ ให้ชัดเจน สวยงาม เห็นได้งา่ ย และบํารุงรักษา
ให้อย่ใู นสภาพใช้งานได้ หรืออาจทาํ แผนท่ีแสดงที่ตั้งของแหลง่ ท่องเที่ยว และแนะนาํ สถานทที่ ่องเที่ยวทีอ่ ยใู่ กลเ้ คยี ง
เพ่ือให้นักท่องเที่ยวมีความรู้สึกว่าการเดินทางมาเที่ยวในพ้ืนที่แห่งนั้นคุ้มค่า เพราะสามารถเท่ียวชมสิ่งต่าง ๆ ได้
หลายอยา่ ง และยังเป็นการเช่อื มโยงการทอ่ งเทย่ี วในท้องถ่นิ อีกดว้ ย

4. แสวงหาสถานท่ีที่มีความสวยงาม โดดเด่น ศิลปวัฒนธรรม และประเพณีประจําท้องถ่ินที่มีเอกลักษณ์
เฉพาะ เพ่ือพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ เป็นการดึงดูดนักท่องเท่ียวให้เข้ามาเที่ยวชมและใช้จ่ายเงิน
ภายในทอ้ งถิ่น

5. ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการบูรณะโบราณสถาน และดูแลแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
ในท้องถ่ินให้อยู่ในสภาพดี มีการจัดระเบียบการเข้าชม การบริการสถานที่จอดรถฟรี ถ้าต้องมีการเก็บเงินค่าบํารุง
ต่าง ๆ องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ จะตอ้ งเก็บ
ผมู้ ีสว่ นเก่ยี วข้องกับการอนรุ ักษแ์ ละพัฒนาทรัพยากรการท่องเทย่ี ว

ผู้ที่มีหนา้ ที่ช่วยอนรุ กั ษ์และพฒั นาทรัพยากรการทอ่ งเทย่ี วประกอบดว้ ยหลายฝา่ ยดังตอ่ ไปน้ี
1. นักท่องเท่ียว เป็นผู้ที่ใช้ทรัพยากรการท่องเที่ยวโดยตรง ต้องมีจิตสํานึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ควร
ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของแหล่งท่องเที่ยวท่ีไปชม ไม่ประพฤติตนให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรการ
ท่องเทีย่ ว
2. เจ้าของท้องถ่ิน เป็นกลุ่มท่ีมีส่วนได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากทรัพยากรการท่องเที่ยวถ้าเจ้าของ
ท้องถน่ิ สามารถรกั ษาทรพั ยากรการท่องเที่ยวในท้องถ่ินให้สมบรู ณ์ สวยงาม จะทําใหม้ ีนักท่องเท่ียวเข้าไปท่องเท่ียว
ในท้องถน่ิ อย่างต่อเนอื่ ง ซง่ึ เป็นการกระจายรายได้สู่คนในท้องถ่ิน
3. มัคคุเทศก์ มีหน้าท่ีถ่ายทอดความรู้ ช่วยบอกข้อควรปฏิบัติ ข้อควรระวัง ก่อนและระหว่างเข้าชม
สถานที่ต่าง ๆ มัคคุเทศก์ต้องกล้าที่จะตักเตือนเมื่อนักท่องเท่ียวประพฤติตนไม่เหมาะสมและประพฤติตนเป็น
ตวั อยา่ งทดี่ ีในการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรการทอ่ งเที่ยว
4. ผู้ประกอบการในแหล่งท่องเที่ยว ผู้ประกอบธุรกิจในแหล่งท่องเที่ยวต้องคํานึงถึงผลเสียต่อ
สภาพแวดลอ้ มด้วย หากผู้ประกอบการทาํ ให้ส่งิ แวดลอ้ มเสอ่ื มโทรมอาจเกิดปัญหาขัดแย้งกับคนในท้องถิ่น และเมื่อ

235

สถานท่ีท่องเท่ียวสูญเสียความสวยงามตามธรรมชาติไป นักท่องเที่ยวก็จะเปล่ียนไปเที่ยวท่ีอ่ืน และไม่กลับมาเท่ียว
ยังท่ีเดิมอกี

5. หน่วยงานภาคเอกชนท่ีเกี่ยวข้องกับการท่องเท่ียว องค์กรภาคเอกชน เช่น สมาคม มัคคุเทศก์อาชีพ
สมาคมไทยธุรกิจการท่องเท่ียว มีส่วนช่วยควบคุมดูแลผู้ประกอบอาชีพในธุรกิจท่องเท่ียว ให้ดํารงอยู่ใน
จรรยาบรรณทางธรุ กิจ และให้ช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรการทอ่ งเทย่ี ว

6. หน่วยงานภาครัฐท่เี กยี่ วข้องกบั การท่องเท่ียว องค์กรภาครฐั เชน่ การทอ่ งเที่ยวแห่งประเทศไทย กรม
อทุ ยานแหง่ ชาติ สตั วป์ ่า และพันธ์ุพชื กรมสง่ เสริมคณุ ภาพสงิ่ แวดล้อม มีหนา้ ท่โี ดยตรงในการส่งเสริมการท่องเท่ียว
การจัดการทรัพยากรการท่องเท่ียว ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวและบุคคลฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการ
ท่องเทีย่ ว มจี ิตสํานกึ และชว่ ยกันดแู ลรกั ษาทรัพยากรการทอ่ งเที่ยวและสงิ่ แวดลอ้ มใหค้ งอยู่อย่างยั่งยนื

กจิ กรรมที่ 3 การอนรุ กั ษแ์ หลง่ ทอ่ งเท่ยี ว

คําส่งั ใหผ้ เู้ รียนตอบคําถามตอ่ ไปน้ี
1. จงบอกวธิ ีการอนรุ กั ษแ์ หลง่ ท่องเทย่ี ว
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2. การอนรุ ักษแ์ ละพัฒนาทรพั ยากรการทอ่ งเที่ยวเป็นหน้าทข่ี องบคุ คลใดบ้าง จงอธิบาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

236

แบบทดสอบบทที่ 4 แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วจังหวดั สพุ รรณบรุ ี

คาํ ส่งั ให้เลอื กคําตอบท่ีถูกทส่ี ุดเพยี งขอ้ เดียว 6. ป่าหนง่ึ เดียวท่อี ดุ มสมบูรณท์ ีส่ ดุ ของสพุ รรณบุรี
อยูท่ ใี่ ด
1. ขอ้ ใดไมไ่ ด้จดั อย่ใู นประเภทของแหล่งทอ่ งเทย่ี ว
ก. แหล่งทอ่ งเทีย่ วเชงิ นิเวศ ก. วนอุทยานหบุ เขาวง
ข. แหล่งท่องเทีย่ วทางวัฒนธรรม ข. อทุ ยานแหง่ ชาตพิ เุ ตย
ค. แหล่งทอ่ งเที่ยวเพือ่ ความบันเทงิ ค. บงึ ฉวากเฉลิมพระเกียตริ
ง. แหล่งทอ่ งเที่ยวเชงิ ศิลปะวิทยาการ ง. หมู่บา้ นอนรุ ักษ์ควายไทย
7. ถา้ หากตอ้ งการชมวถิ ชี วี ิตแบบพืน้ บา้ นของจงั หวดั
2. ขอ้ ใดจดั อยใู่ นแหล่งทอ่ งเทยี่ วทางธรรมชาติ สพุ รรณบรุ ี ควรไปทใี่ ด
ก. มานไี ปเที่ยวเมอื งโบราณ ก. ตลาดรอ้ ยปสี ามชุก
ข. มานะพาแม่ไปวดั ปา่ เลไลยก์ ข. ศาลเจ้าพอ่ หลักเมือง
ค. มานพไปเทีย่ วเขอ่ื นกระเสยี ว ค. บงึ ฉวากเฉลิมพระเกยี ตริ
ง. ปิตพิ าครอบครวั ไปเท่ยี วตา่ งประเทศ ง. หมูบ่ ้านอนุรักษ์ควายไทย
8. วัดไผโ่ รงววั มีชอ่ื เรียกอีกอยา่ งหนง่ึ ว่าอะไร
3. เรือนขนุ ชา้ ง – ขนุ แผนทอ่ี ยู่ในวดั วัดปา่ เลไลยก์ ก. วดั พระลอย
จัดเปน็ แหลง่ ทอ่ งเทีย่ วประเภทใด ข. วดั พระนอน
ค. วดั โพธาราม
ก. แหล่งท่องเท่ียวเชิงนเิ วศ ง. วดั พระศรสี รรเพชร
ข. แหลง่ ทอ่ งเท่ยี วทางวัฒนธรรม 9. ศนู ย์พนั ธ์ุพืชเพาะเลยี้ ง ตง้ั อยู่ในอําเภออะไร
ค. แหล่งทอ่ งเท่ยี วทางประวตั ศิ าสตร์ ก. อําเภออทู่ อง
ง. แหลง่ ทอ่ งเท่ียวทางศิลปะวิทยาการ ข. อาํ เภอสองพี่นอ้ ง
4. ปราณตี อ้ งการเดนิ ทางไปเทย่ี วทห่ี าดทรายห้วย ค. อําเภอศรปี ระจันต์
กระเสียว ปราณีตอ้ งเดนิ ทางไปทีอ่ าํ เภอใด ง. อําเภอเดิมบางนางบวช
ก. อําเภอด่านชา้ ง 10. ขอ้ ใดไมใ่ ชแ่ หล่งทอ่ งเทีย่ วท่ีคํานงึ ถงึ การมีสว่ น
ข. อาํ เภอดอนเจดยี ์ ร่วมชมุ ชน
ค. อาํ เภอสองพี่นอ้ ง ก. สรา้ งประโยชนต์ อ่ ทอ่ งถน่ิ
ง. อาํ เภอศรปี ระจนั ต์ ข. การทอ่ งเทย่ี วท่มี คี วามรบั ผดิ ชอบ
5. “ปางองุ๋ สุพรรณ”มีชอ่ื เรยี กอีกอย่างหนงึ่ ว่าอะไร ค. สร้างความตระหนักและปลูกจติ สาํ นกึ
ก. บึงฉวาก ง. เปน็ แหลง่ วัฒนธรรมและประวัตศิ าสตร์
ข. เขอื่ นกระเสยี ว
ค. ตลาดรอ้ ยปสี ามชุก
ง. อ่างเก็บนํา้ หุบเขาวง

237


Click to View FlipBook Version