หมวดคำท่ใี ช้กบั พระสงฆ์
คำสุภาพ หมายถึง คำทเี่ หมาะใชก้ ับบุคคลทัว่ ไป เปน็ คำทีม่ ีความหมายเหมือนกัน
ขอ้ สังเกต เกีย่ วกับการใช้คำราชาศพั ท์ ระดบั พระมหากษัตริยแ์ ละบรมวงศานุวงศ์
คำนาม
1. ใชค้ ำ “พระบรม” หรอื “พระบรมราช” นำหนา้ คำนามท่ีสำคญั ซ่ึงสมควรจะเชดิ ชูให้
เปน็ เกียรติ
ตัวอย่าง พระบรมราชโองการ
พระบรมราชูปถมั ภ์
พระบรมมหาราชวัง
พระบรมวงศานวุ งศ์
2. ใช้คำ “พระราช” นำหนา้ คำนามทีใ่ ช้เฉพาะพระมหากษตั ริย์ซึง่ ต้องการกล่าวไม่ให้ปน
กบั พระบรมวงศานุวงศ์
ตวั อยา่ ง พระราชลัญจกร
พระราชประวตั ิ
พระราชดำริ
พระราชทรัพย์
3. ใชค้ ำ “พระ” นำหนา้ คำนามท่วั ไปเพ่อื ใหแ้ ตกตา่ งจากสามัญชน
ตัวอย่าง พระเกา้ อ้ี
พระชะตา
พระโรค
พระตำหนัก
4. ใช้คำ “พระ” นำหนา้ คำนามทว่ั ไปเพอ่ื ใหแ้ ตกตา่ งจากสามัญชน
ยกเว้น
คำกริยา
- คำกริยา คำว่า “ทรง”
คำว่าทรง ทรง ตามด้วย คำนาม มีความหมายถึง กษตั ริยเ์ ทพเจ้า
ตวั อยา่ ง
ทรงธรรม ทรงชัย ทรงฉตั ร หมายถงึ พระเจ้าแผ่นดนิ
ทรงหงส์ หมายถงึ พระพรหม
ทรงโค หมายถงึ พระอิศวร
ทรงครฑุ หมายถงึ พระนารายณ์
- คำวา่ ทรง คำนาม ตามด้วย ทรง บอกใหท้ ราบว่า ส่งิ นนั้ เป็นของพระมหากษัตริย์ หรือพระ
บรมวงศานุวงศ์ ตัวอย่าง เคร่ืองทรง รถพระท่ีน่ังทรง ม้าทรง
- คำว่าทรงตามดว้ ยนามราชาศัพท์ ตัวอย่าง ทรงยนิ ดี ทรงฟัง ทรงนงิ่
- คำว่าทรง หมายถงึ ทำ
ตวั อยา่ ง
ทรงบาตร หมายถงึ ใส่บาตร
ทรงม้า หมายถงึ ขม่ี ้า
ทรงกรม หมายถึง มฐี านนั ดรเปน็ เจา้ ต่างกรม
- คำว่าทรงเม่อื ใช้กับกรยิ า “มี” และ “เป็น”
• ถ้าคำนามขา้ งหน้าเปน็ ราชาศพั ท์ ไมต่ ้องใช้ทรง
ตัวอย่าง เปน็ พระราชโอรส มีพระบรมราชโองการ
• ถา้ คำนามขา้ งหลงั เปน็ คำสามัญ ต้องใช้ทรง
ตัวอย่าง ทรงเปน็ ประธาน ทรงมีทกุ ข์
คำท่ีใช้กับพระภิกษสุ งฆ์
เปน็ คำที่พระสงฆใ์ ชก้ นั ในหมู่สงฆแ์ ละกล่าวกับฆราวาส หรือฆราวาสกล่าวกบั พระสงฆ์
ตวั อยา่ งเชน่
บรุ ุษที่ ๑ (พระสงฆ์แทนตนเอง) = อาตมา อาตมภาพ
บรุ ุษที่ ๒ (แทนผู้ท่ีพระสงฆพ์ ดู ดว้ ย) = มหาบพิตร โยม
เชิญ = นมิ นต์
สวดมนต์ = เจริญพทุ ธมนต์
อาหาร = ภตั ตาหาร
ป่วย = อาพาธ
ไหว้ = นมัสการ
คำสุภาพสำหรบั สามัญชนทัว่ ไป
หลกั การสงั เกต
๑. ไมใ่ ชค้ ำแขง็ กระดา้ ง เช่น คำอทุ าน โว้ย หอื หา
๒. ไม่ใชค้ ำคำหยาบคาย
๓. ไม่ใช้คำผวน
ตวั อย่างคำสุภาพ
ควาย = กระบือ
ปลาไหล = ปลายาว
ผกั ตบ = ผักสามหาว
ลงิ = วานร
ใบงาน เรอื่ ง ความหมายของคำราชาศพั ท์
คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ใหถ้ ูกตอ้ ง
๑. คำราชาศัพท์ หมายถึงอะไร
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๒. คำราชาศพั ทม์ ีกีป่ ระเภท อะไรบา้ ง
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๓. คำราชาศัพทไ์ ปเปน็ กห่ี มวด อะไรบ้าง
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ชือ่ -สกลุ .............................................................................................. ชั้น ................... เลขที่ .............
ใบงาน เรอ่ื ง การใช้คำราชาศัพท์
คำชี้แจง : ให้นกั เรียนเปล่ียนคำในวงเลบ็ แต่ละข้อใหเ้ ป็นคำราชาศัพทใ์ ห้ถูกต้อง
๑. พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั .............................................(ไป) เยย่ี มราษฎรในถิ่นทุรกันดาร
๒. สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯสยามบรมราชกุมารี...................................................(ทำบญุ ) เนื่องใน
วนั วสิ าขบูชา
๓. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช...............................................(เกิด) ณ
โรงพยาบาลเมานทอ์ อเบอร์น เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสสาซูเซตต์ สหรัฐอเมรกิ า
๔. สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯสยามบรมราชกมุ ารี.................................................(แตง่ เพลง) เพลง
สม้ ตำ
๕. พ่อขุนรามคำแหงมหาราชเปน็ .......................................(ลกู ชาย) ของพ่อขนุ ศรีอินทราทติ ย์ ผูเ้ ป็น
ปฐมกษตั รยิ ์ในราชวงศ์พระรว่ งแห่งอาณาจกั รสุโขทัย
๖. ท่ีศาลาศิริราชรอ้ ยปี โรงพยาบาลศริ ิราช มีหน่วยงานและประชาชนจากจงั หวดั ต่าง ๆ เดนิ ทางไป
......................................... (อวยพร) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชนิ นี าถ
๗. เจา้ หน้าท่ีกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนท่ี ๔๒๕ นำสงิ่ ของ......................................(ให)้ ของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มอบให้แก่ราษฎร ตำบลโคกเคียน อำเภอตะกัว่ ป่าทที่ประสบอุทกภัย
๘. สมเด็จพระเจา้ ลกู เธอเจ้าฟา้ จฬุ าภรณวลยั ลักษณ์ อัครราชกมุ ารี...............................(เยีย่ ม) ราษฎร
และหน่วยแพทย์ พอ.สว. จังหวัดสรุ นิ ทร์
ใบงาน เรื่อง หมวดหมคู่ ำราชาศพั ท์
คำช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นวาดภาพคำราชาศพั ทห์ มวดหมรู่ า่ งกายให้สวยงาม
แผนการจดั การเรยี นรู้
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๔ เรื่อง โคลงภาพพระราชพงศาวดาร
รหสั ท ๒๒๑๐๑ ช่ือรายวชิ า ภาษาไทย กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย
ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๒ ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา 3 ชว่ั โมง
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเหน็ วิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทย
อยา่ งเห็นคณุ ค่าและนำมาประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ จริง
ตัวช้วี ัด
ท 5.๑ ม. 2/๑. สรปุ เนือ้ หาวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่านในระดบั ทีย่ ากขึน้
ท 5.1 ม. 2/๒. วิเคราะห์และวจิ ารณ์วรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถิน่ ทอ่ี า่ น
พรอ้ มยกเหตุผลประกอบ
ท 5.1 ม. 2/3 อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอา่ น
ท ๕.๑ ม.๒/๔ สรปุ ความร้แู ละข้อคิดจากการอา่ นไปประยกุ ต์ใช้ในชีวติ จรงิ
สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด
ช่วั โมงที่ ๑
การถอดคำประพันธ์ คือ การเกบ็ ความจากคำประพันธม์ าเขียนใหม่เป็นภาษารอ้ ยแก้ว
ท่ีสละสลวย โดยตอ้ งคงเน้อื ความเดิมไว้ ซึง่ ก่อนทน่ี กั เรียนจะสรุปเน้ือหาจากวรรณคดีได้นั้น จำเปน็
จะต้องถอดความจากร้อยกรองเปน็ ร้อยแกว้ เสยี ก่อน เพอ่ื ให้สะดวกตอ่ การสรปุ เนอ้ื หาวรรณคดี
ชว่ั โมงท่ี ๒
สรปุ เน้อื หาวรรณคดี คือ การสรปุ เรื่องราวจากการฟังหรอื การอา่ น ผู้ฟงั หรอื ผอู้ า่ นจะต้อง
จบั ใจความและสรปุ ใจความสำคัญของเรอ่ื ง เพือ่ ท่ีจะเปน็ พนื้ ฐานของการพดู หรือการเขยี นสรุปความ
ตอ่ ไป โดยจะตอ้ งจับประเด็นใหไ้ ดว้ ่า ใคร ทำอะไร ท่ีไหน เมือ่ ไร อย่างไร
ช่ัวโมงที่ 3
การวิเคราะห์คณุ ค่าจากวรรณคดี คอื การพิจารณา แยกแยะและประเมินคา่ โดยแสดง
ความคดิ เห็น อภปิ รายข้อเทจ็ จริงให้ผู้อืน่ ทราบวา่ ใครเปน็ ผแู้ ตง่ เปน็ เร่อื งเกี่ยวกับอะไร มีประโยชน์
อยา่ งไร มีประโยชน์ตอ่ ใคร ผูว้ เิ คราะห์มคี วามเหน็ อยา่ งไร เร่ืองท่อี ่านมคี ุณค่าดา้ นใด และแต่ละด้าน
สามารถนำไปประยกุ ต์ให้เกิดประโยชนต์ อ่ ชวี ติ ประจำวันอยา่ งไร
สาระการเรียนรู้/เนอื้ หายอ่ ย
ชัว่ โมงท่ี ๑
ความรู้ (K)
นักเรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจในหลักการถอดคำประพนั ธ์
ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
นักเรียนสามารถถอดคำประพันธจ์ ากเรือ่ งโคลงภาพพระราชพงศาวดาร
ได้ถกู ต้องตามหลกั การ
คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
นักเรยี นสามารถนำความรจู้ ากการเรียนไปเป็นแนวทางในการถอดคำประพนั ธ์
วรรณคดีเรือ่ งอืน่ ๆ ในอนาคตได้
ชวั่ โมงท่ี ๒
ความรู้ (K)
นักเรียนมคี วามรู้ ความเขา้ ใจในการสรปุ เน้ือหาวรรณคดี
ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
นักเรยี นสามารถสรปุ เน้อื หาจากเร่ืองโคลงภาพพระราชพงศาวดารไดถ้ กู ต้อง
ตามหลักการ
คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
นกั เรยี นสามารถนำความร้จู ากการเรียนไปเป็นแนวทางในการเขียนสรุปเนื้อหา
จากวรรณคดีเรอื่ งอื่น ๆ ในการเรยี นระดบั ต่อไปได้
ชัว่ โมงที่ 3
ความรู้ (K)
นกั เรยี นมคี วามรู้ความเข้าใจในหลักการวเิ คราะห์คณุ ค่าจากวรรณคดี
ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
นักเรียนสามารถวเิ คราะหค์ ณุ คา่ จากโคลงภาพพระราชพงศาวดารไดถ้ กู ต้อง
คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A)
นักเรยี นสามารถนำความรูจ้ ากการเรียนไปเป็นแนวทางในวเิ คราะห์คณุ คา่ ในวรรณคดี
เรอื่ งอื่น ๆ ในการเรียนระดบั ต่อไปได้
จดุ เน้นสกู่ ารพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียน
ทกั ษะในศตวรรษที่ 21 ( 3R8C )
Reading (อา่ นออก)
(W) Riting (เขยี นได)้
(A) Rithemetics (คิดเลขเป็น)
ทักษะดา้ นการคดิ อย่างมีวิจารณญาณและทกั ษะในการแกไ้ ขปญั หา (Critical
Thinking and Problem Solving)
ทกั ษะดา้ นการสร้างสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
ทกั ษะดา้ นความเข้าใจความต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural
Understanding)
ทักษะดา้ นความรว่ มมือ การทำงานเป็นทมี และภาวะผนู้ ำ (Collaboration,
Teamwork and Leadership)
ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศและรเู้ ท่าทันสื่อ (Communications,
Information, and Media Literacy)
ทักษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร (Computing
and ICT Literacy)
ทกั ษะอาชพี และทักษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)
ทักษะการเปลีย่ นแปลง (Change)
การประเมินผลรวบยอด
ช้นิ งานหรือภาระงาน
ชว่ั โมงที่ ๑
กิจกรรม ถอดถอ้ ยรอ้ ยเรยี ง
ช่วั โมงที่ ๒
ใบงานเรอ่ื ง สรปุ เน้อื หาจากโคลงภาพพระราชพงศาวดาร
ช่วั โมงที่ 3
ใบงานเรือ่ ง วิเคราะห์คุณค่าจากโคลงภาพพระราชพงศาวดาร
กิจกรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 1
ขัน้ นำ
ครูกล่าวทกั ทายนกั เรยี น แล้วครูให้นกั เรยี นดแู ผน่ ภาพในมอื แล้วครใู ชค้ ำถาม
“นักเรยี นคดิ วา่ ภาพน้ีเปน็ ภาพการสรู้ บของใครในสมัยกอ่ น” จากนั้นใหน้ กั เรยี นแสดงความคิดเห็น
โต้ตอบกบั ครู (K)
ขั้นสอน
๑. ครแู จกใบความรู้ เรอื่ ง การถอดคำประพันธ์ และประวตั ิโคลงภาพพระราช-
พงศาวดาร และเล่าเรอ่ื งย่อในแต่ละภาพ พร้อมกบั ให้ความรเู้ กีย่ วกบั ความหมาย หลกั การสรุปความรู้
ลกั ษณะการพจิ ารณาใจความสำคญั หลักการ อธิบายความหมายของการถอดคำประพนั ธ์ หลักการถอด
คำประพนั ธ์ และครยู กตัวอย่างการถอดคำประพันธ์ให้นักเรียนดเู พื่อให้นกั เรยี นเขา้ ใจหลักการถอด
คำประพันธ์มากข้นึ ประกอบกับยกตัวอย่างพรอ้ มทงั้ สอดแทรกคำถาม เพอื่ ใหน้ กั เรียนมคี วาม
กระตอื รอื รน้ (K, P)
๒. ครูใหแ้ บ่งนกั เรียนออกเปน็ 3 กลมุ่ กลุ่มละ 5 คน ทำกิจกรรม “ถอดถ้อย รอ้ ย
เรยี ง” โดยให้นกั เรยี นถอดคำประพนั ธ์จากโคลงภาพพระราชพงศาวดารทคี่ รกู ำหนดให้ถกู ต้อง
ตามหลักการถอดคำประพนั ธ์ (K, P)
๓. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยใบงาน เร่ือง ถอดถ้อยร้อยเรยี ง จากน้ันครคู ำแนะนำ
เพิม่ เตมิ เกยี่ วกับการอ่านเพือ่ เกิดความเขา้ ใจเพ่มิ มากขนึ้
ขน้ั สรปุ
ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรุปกจิ กรรม เรอื่ ง ถอดถ้อยร้อยเรยี ง ซ่ึงเป็นกิจกรรมท่ีให้นักเรยี น
ถอดคำประพนั ธจ์ ากโคลงภาพพระราชพงศาวดารให้ถูกต้องตามหลกั การ จากการทำกจิ กรรมนกั เรียน
สามารถปฏิบัติไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง สะท้อนผลไดว้ า่ นักเรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจในหลกั การถอดคำประพนั ธ์
สามารถถอดคำประพนั ธใ์ หถ้ ูกต้องตามหลักการ และสามารถนำความรู้ที่ไดจ้ ากการเรยี น เร่อื ง การถอด
คำประพนั ธ์ ไปเปน็ แนวทางในการถอดคำประพันธจ์ ากวรรณคดเี รือ่ งอืน่ ๆ ในอนาคตได้ (K, P, A)
ชว่ั โมงท่ี ๒
ขัน้ นำ
ครูกลา่ วทักทายนกั เรียน แล้วครูเปดิ วดิ โี อ “Project_UPPER11_CG_Queen_
Sri_Suriyothai” แลว้ ครูใชค้ ำถาม “นักเรียนเคยไดย้ นิ เร่อื งราวน้ีหรือไม่” จากนั้นให้นักเรียน
แสดงความคิดเห็นโตต้ อบกับครู (K)
ขั้นสอน
๑. ครูแจกใบความรู้และให้ความรูก้ ับนกั เรยี นเร่ือง สรปุ เน้อื หาวรรณคดี จากน้นั ครู
อธบิ ายความหมายของการสรุปเนอื้ หา หลักการสรุปเน้อื หา และครยู กตวั อยา่ งการสรปุ เนื้อหาวรรณคดี
เพือ่ ให้นกั เรยี นเข้าใจการสรุปเน้อื หาท่ีถูกต้องตามหลักการมากยง่ิ ขนึ้ (K)
๒. ครูใหน้ ักเรยี นทำใบงาน เร่อื ง สรปุ เนอ้ื หาจากเรอื่ งโคลงภาพพระราชพงศาวดาร
โดยใหน้ ักเรยี นเขยี นสรปุ เน้อื หาจากโคลงภาพพระราชพงศาวดารทีค่ รพู าถอดคำประพันธม์ าให้ถูกตอ้ ง
ตามหลักการ (K, P, A)
๓. ครใู ห้นักเรยี นออกมานำเสนอหน้าชั้นเรยี น โดยเลอื กจากการสุม่ จากสัญลกั ษณ์
ดา้ นหลังใบงาน จำนวน 1 คน จากน้นั ครูและนักเรยี นรว่ มกนั เสนอแนะรายละเอยี ดเพม่ิ เตมิ (P, A)
ขนั้ สรปุ
ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ใบงาน สรุปเนื้อหาจากโคลงภาพพระราชพงศาวดาร
เปน็ ใบงานท่ีใหน้ กั เรียนสรุปเนอ้ื หาวรรณคดีให้ถกู ต้องตามหลักการ จากการทำกจิ กรรมนักเรยี นสามารถ
ปฏบิ ตั ิไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง สะทอ้ นผลได้วา่ นกั เรยี นมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจในหลักการสรปุ เนื้อหาโคลงภาพ
พระราชพงศาวดารสามารถสรุปเนอื้ หาจากวรรณคดีได้ และสามารถนำความรู้จากการเรียน
เรอ่ื ง การสรปุ เนือ้ หาจากโคลงภาพพระราชพงศาวดาร ไปเขยี นสรปุ เนื้อหาจากวรรณคดีเร่ืองอื่น ๆ
ในการเรียนระดับตอ่ ไปได้ (K, P, A)
ชั่วโมงที่ 3
ข้ันนำ
ครกู ล่าวทักทายนกั เรยี น แลว้ ครูใช้คำถาม“นกั เรียนคิดวา่ วรรณคดี สะทอ้ นวิถชี วี ิตและ
วัฒนธรรมของคนในสมยั กอ่ นหรือไม่ อย่างไร” จากน้ันให้นกั เรยี นแสดงความคิดเหน็ โต้ตอบกบั ครู (K)
ขน้ั สอน
๑. ครแู จกใบความรู้ ให้ความร้กู บั นกั เรยี นเร่อื ง วิเคราะห์คุณคา่ จากวรรณคดี จากนน้ั
ครูอธบิ ายความหมายของวิเคราะหค์ ณุ ค่าจากวรรณคดี หลกั การวิเคราะห์คุณค่าจากวรรณคดี และครู
ยกตัวอย่างการวเิ คราะห์คณุ คา่ จากวรรณคดี เพอื่ ใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจการวิเคราะห์คุณคา่
จากวรรณคดีที่ถกู ต้องตามหลกั การมากยงิ่ ข้ึน (K)
๒. ครูใหน้ กั เรียนทำใบงาน เรอื่ ง วิเคราะห์คุณค่าจากโคลงภาพพระราชพงศาวดาร
โดยให้นกั เรียนวิเคราะหค์ ุณค่าจากโคลงภาพพระราชพงศาวดารใหถ้ ูกต้อง (K, P, A)
๓. ครูใหน้ ักเรียนออกมานำเสนอหนา้ ชนั้ เรยี น โดยเลอื กจากการสุม่ สัญลักษณ์ดา้ นหลงั
ใบงาน จำนวน 1 คน จากน้ันครูและนกั เรียนร่วมกนั เสนอแนะรายละเอยี ดเพม่ิ เตมิ (P, A)
ขน้ั สรุป
ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรปุ ใบงาน วิเคราะหค์ ณุ ค่าจากโคลงภาพพระราชพงศาวดาร
เปน็ ใบงานที่ให้นกั เรยี นวิเคราะห์คณุ ค่าจากวรรณคดีใหถ้ กู ตอ้ งตามหลักการ จากการทำกิจกรรมนักเรยี น
สามารถปฏิบัติได้อยา่ งถกู ตอ้ ง สะทอ้ นผลไดว้ า่ นักเรียนมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจในการวิเคราะหค์ ุณค่า
จากโคลงภาพพระราชพงศาวดาร สามารถวเิ คราะคุณค่าจากวรรณคดีไดถ้ กู ตอ้ งตามหลักการ
และสามารถนำความรู้จากการเรยี นเร่อื ง วิเคราะห์คณุ ค่าจากวรรณคดี ไปเปน็ แนวทางในวเิ คราะห์
คุณค่าในวรรณคดเี รอื่ งอื่น ๆ ในการเรียนระดับตอ่ ไปได้ (K, P, A)
การวัดผลประเมินผล เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
ชัว่ โมงท่ี 1 กิจกรรมถอดถ้อย รอ้ ยเรยี ง
ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน
วธิ ีการ ร้อยละ ๕๐
ประเมินกจิ กรรมถอดถอ้ ย ร้อยเรยี ง ใชว้ ิธี
วดั ผลจากการทำกจิ กรรมของนกั เรยี นแต่ละ
คน โดยมีประเด็นในการวัดผล ได้แก่ ถอด
ความได้ตรงกับความหมายเดิม จับใจความได้
ถกู ตอ้ งวา่ ขอ้ ความนนั้ กล่าวถึงอะไร สามารถ
นำคำสามญั ที่มีความหมายตรงกนั มาแทนได้
ใชส้ รรพนามบุรษุ ท่ี 1, 2 หรอื 3 ตามบท
ประพนั ธ์ และลำดบั เนื้อความตามบทเดมิ
(ประเดน็ ของแตล่ ะคน) จากนน้ั นำผลการ
ประเมินมาเปน็ ข้อมลู ในการปรับปรุงและ
พฒั นานกั เรียน และการจัดการเรยี นการสอน
ของครูในครง้ั ต่อ ๆ ไป
ช่วั โมงที่ ๒ เกณฑ์การประเมนิ
วิธกี าร เครอื่ งมือ ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ
ร้อยละ ๕๐
ประเมนิ ใบงานเร่อื ง สรุปเน้ือหาจากโคลงภาพพระราช ใบงานเรื่อง สรปุ เน้อื หาจาก
พงศาวดาร ใช้วธิ วี ดั ผลจากการทำใบงานของนักเรยี น โคลงภาพพระราชพงศาวดาร
แตล่ ะคน โดยมปี ระเดน็ ในการวดั ผล ไดแ้ ก่ จับใจความ
สำคัญไดอ้ ย่างถกู ต้อง สรุปเนอื้ หาได้ตรงตามคำ
ประพนั ธ์ เขียนสรปุ ดว้ ยภาษาทีส่ ละสลวย ไพเราะและ
เปน็ สำนวนภาษาของตนเอง ลำดับเรื่องราวได้อยา่ ง
ถูกต้อง และแทนสรรพนามบุรุษท่ี 1, 2 และ 3 ได้
อย่างถูกตอ้ ง (ประเด็นของแตล่ ะคน) จากน้นั นำผล
การประเมินมาเป็นข้อมูลในการปรับปรงุ และพัฒนา
นักเรียน และการจดั การเรียนการสอนของครูในครง้ั
ตอ่ ๆ ไป
ช่วั โมงท่ี 3 เกณฑ์การประเมิน
วิธกี าร เคร่อื งมอื ผ่านเกณฑ์การประเมนิ
รอ้ ยละ ๕๐
ประเมินใบงานเรอ่ื ง วิเคราะห์คุณคา่ จากโคลงภาพ ใบงานเรื่อง วิเคราะห์คณุ ค่า
พระราชพงศาวดารใชว้ ธิ ีวัดผลจากการทำใบงาน จากโคลงภาพพระราช
ของนักเรียนแตล่ ะคน โดยมปี ระเดน็ ในการวดั ผล ไดแ้ ก่ พงศาวดาร
วเิ คราะหค์ ุณคา่ ไดถ้ กู ตอ้ งตรงตามประเภท เขียน
วเิ คราะหด์ ้วยภาษาที่สละสลวย ลำดับการเขียนได้
ถกู ตอ้ ง วิเคราะห์ด้วยความสมเหตุสมผล และผลงาน
สะอาดเรียบรอ้ ย (ประเดน็ ของแต่ละคน) จากนั้นนำผล
การประเมนิ มาเป็นขอ้ มลู ในการปรับปรุงและพัฒนา
นกั เรยี น และการจดั การเรียนการสอนของครูในคร้ัง
ต่อ ๆ ไป
ส่ือการเรียนรู้
ชั่วโมงท่ี ๑
๑. ใบความร้เู รอื่ ง การถอดคำประพันธ์
๒. ใบงานเรื่อง ถอดถอ้ ย ร้อยเรียง
ช่ัวโมงที่ 2
1.ใบความรู้เรื่อง สรุปเนอ้ื หาวรรณคดี
2. ใบความรูเ้ รือ่ ง สรปุ เนอื้ หาจากโคลงภาพพระราชพงศาวดาร
3. วดิ ีโอ “Project_UPPER11_CG_Queen_Sri_Suriyothai”
ช่ัวโมงท่ี 3
๑. ใบความร้เู รื่อง การวิเคราะห์คุณค่าจากวรรณคดี
๒. ใบงานเร่ือง วเิ คราะหค์ ณุ ค่าจากโคลงภาพพระราชพงศาวดาร
ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ สถานศกึ ษาหรือผ้ทู ี่ไดร้ บั มอบหมาย (ตรวจสอบ,นเิ ทศ,เสนอแนะ,รับรอง)
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ................................................................
(นายสนอง ศรีธรรมา)
วนั ที่.........../...................../...........
บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้
๑. ผลการจัดการเรียนรู้
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๒. ปญั หาและอปุ สรรค
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๓. แนวทางการแกไ้ ขปัญหา
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๔. ขอ้ เสนอแนะ
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงช่อื .................................................
(นายฤทธเิ ดช สกลุ ซ้ง)
วนั ท่ี............../......................./...............
แผนการจัดการเรยี นรู้
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๔ เร่อื ง การประเมินคณุ ค่าจากศิลาจารกึ หลกั ที่ ๑
รหัส ท ๒๒๑๐๑ ช่อื รายวิชา ภาษาไทย กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๑ ช่ัวโมง
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความร้แู ละความคิดเพ่อื นำไปใช้ตัดสนิ ใจ
แกป้ ญั หาในการดำเนนิ ชีวติ และมนี สิ ยั รกั การอ่าน
ตวั ชว้ี ัด
ท ๑.๑ ม.๒/๗ อา่ นหนังสอื บทความ หรอื คำประพนั ธ์อย่างหลากหลาย และประเมินคุณคา่
หรอื แนวคดิ ทไี่ ด้จากการอา่ น เพือ่ นำไปใช้แก้ปัญหาในชวี ติ
สาระสำคัญ / ความคดิ รวบยอด
การประเมินคณุ ค่า คอื การอา่ นหนังสอื เอกสาร หรือสือ่ อเิ ล็กทรอนิกส์ทำให้ผู้อ่านได้รับ
ความรู้ ความคดิ ตา่ ง ๆ สามารถนำไปใช้ให้เป็นประโยชนใ์ นการศกึ ษาหรือในชีวิตประจำวนั ไดอ้ ย่างมาก
จึงมีผกู้ ล่าววา่ คนที่อ่านมากฟังมากเปน็ พฤติกรรมของผ้ทู ่เี ปน็ ผ้รู อบรู้ เพราะผูร้ บั สารสามารถประเมินคา่
ไดว้ ่าขอ้ ความท่ีอา่ นนั้นมเี น้ือหาสาระหรือขอ้ คิดเป็นอย่างไร สามารถนำไปใชใ้ หเ้ ป็นประโยชน์ได้เพยี งใด
ผู้ส่งสารมีความรู้ ความสามารถและความจริงใจต่อผรู้ บั สารมากนอ้ ยเพียงใด เป็นต้น
สาระการเรยี นรู้/เนอ้ื หายอ่ ย
ความรู้ (K)
นกั เรียนมคี วามร้คู วามเขา้ ใจในเรื่องของคุณค่าของวรรณคดี
ทักษะ/กระบวนการ (P)
นักเรยี นสามารถบอกคุณค่าของวรรณคดีอยา่ งถูกต้อง
คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)
นกั เรียนนำความร้เู กย่ี วกบั คณุ ค่าของวรรณคดีไปเป็นพืน้ ฐานในการเขียน
งานประเภทตา่ ง ๆ
จุดเน้นสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
ทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 ( 3R8C )
Reading (อา่ นออก)
(W) Riting (เขยี นได้)
(A) Rithemetics (คิดเลขเป็น)
ทักษะดา้ นการคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปัญหา (Critical
Thinking and Problem Solving)
ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
ทกั ษะดา้ นความเข้าใจความต่างวฒั นธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross-cultural
Understanding)
ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเปน็ ทีมและภาวะผ้นู ำ (Collaboration,
Teamwork and Leadership)
ทักษะดา้ นการสือ่ สาร สารสนเทศและรู้เท่าทันส่อื (Communications,
Information, and Media Literacy)
ทกั ษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing
and ICT Literacy)
ทักษะอาชีพ และทกั ษะการเรียนรู้ (Career and Learning)
ทักษะการเปล่ียนแปลง (Change)
การประเมนิ ผลรวบยอด
ชิ้นงานหรอื ภาระงาน
ใบงาน เรอ่ื ง คุณค่าในศิลาจารกึ
กิจกรรมการเรยี นรู้
ขั้นนำ
ครูและนกั เรยี นรว่ มกันทบทวนเนอื้ หาเรือ่ ง ศิลาจารกึ หลกั ท่ี ๑ ในแตล่ ะด้านวา่
มเี นื้อหาภาพรวมเก่ียวกับเรือ่ งใดบา้ ง
ขน้ั สอน
๑. ครูแจกใบความรู้ เร่อื ง การประเมนิ คุณค่า พรอ้ มกับสอนเกี่ยวกบั ความหมาย
หลกั การสังเกต ประเภทของคณุ ค่าดา้ นต่าง ๆ (K) พร้อมท้งั สอดแทรกคำถาม (P) เพอ่ื ใหน้ ักเรียนมี
ความรคู้ วามเข้าใจ
๒. ครูแจกใบงาน เร่ือง คุณค่าในศลิ าจารกึ ซึง่ เป็นใบงานรายบคุ คล ครูอธิบายคำช้ีแจงให้
นักเรียนเข้าใจในชน้ิ งาน
๓. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรุปในประเด็นการทำใบงานดา้ นจดุ บกพร่อง และข้อดเี ก่ียวกบั
การวิเคราะห์คณุ ค่า เพ่อื แนะแนวทางให้นักเรยี นเกิดความเขา้ ใจเพิ่มมากขน้ึ
ขน้ั สรปุ
ครสู ุ่มนักเรียนสรปุ ใบงาน เรื่อง คุณค่าในศิลาจารกึ เป็นใบงานท่ีใหน้ กั เรียนได้นำเอา
ความรูม้ าใช้ในการทำใบงาน สะท้อนใหเ้ หน็ ว่านักเรียนมีความเขา้ ใจในเน้อื หาเกี่ยวกับการวิเคราะห์
คณุ ค่า และการใช้เขยี นเปน็ อยา่ งดี และสามารถนำองคค์ วามรู้ เร่ือง การวเิ คราะห์คุณคา่ จากศิลาจารึก
ไปไปเป็นพน้ื ฐานในการเขียนงานประเภทตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (K, P, A)
การวดั ผลประเมินผล เกณฑ์การประเมิน
วธิ ีการ เคร่ืองมือ ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ
รอ้ ยละ ๕๐
ประเมนิ ใบงานเรอื่ ง สรุปเน้ือหาจากบทละครพูดเร่อื ง ใบงานเร่ือง สรุปเนื้อหาจาก
เหน็ แกล่ กู ใชว้ ธิ ีวดั ผลจากการทำใบงานของนักเรยี น วรรณคดเี รอ่ื ง พระอภยั มณี
แต่ละคน โดยมปี ระเด็นในการวัดผล ไดแ้ ก่ ความรู้ ตอน พระอภยั มณหี นีนางผีเส้อื
ความเขา้ ใจเกย่ี วกับคุณค่าในศิลาจารึก เขียนตอบ
คำถามเกยี่ วกับ คณุ ค่าในศลิ าจารกึ ความสวยงามของ
ตวั หนงั สอื ความเป็นระเบยี บเรียบร้อย และความ
สะอาดเรยี บร้อย (ประเด็นของแตล่ ะคน) จากน้นั นำผล
การประเมนิ มาเป็นข้อมูลในการปรับปรงุ และพัฒนา
นกั เรยี น และการจดั การเรยี นการสอนของครูในคร้ัง
ต่อ ๆ ไป
สอ่ื การเรียนรู้
๑. ใบความรู้ เร่อื ง การวิเคราะห์คุณคา่
๒. ใบงาน เรอ่ื ง คณุ ค่าในศิลาจารึก
ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ สถานศึกษาหรือผทู้ ่ีไดร้ บั มอบหมาย (ตรวจสอบ,นเิ ทศก์,เสนอแนะ,รับรอง)
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงชื่อ................................................................
(นายสนอง ศรีธรรมา)
วันที่.........../...................../...........
บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้
๑. ผลการจัดการเรยี นรู้
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๒. ปัญหาและอปุ สรรค
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๓. แนวทางการแกไ้ ขปญั หา
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๔. ขอ้ เสนอแนะ
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงชอื่ .................................................
(นายฤทธเิ ดช สกุลซง้ )
วันท.ี่ ............./......................./...............
เกณฑก์ ารประเมนิ ใบงาน เรื่อง คุณคา่ ในศิลาจารกึ
รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
๒ คะแนน ๑ คะแนน
ความรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั มีความรูค้ วามเข้าใจเกย่ี วกับ มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเก่ียวกับ
คณุ ค่าในศิลาจารึก คณุ ค่าในศิลาจารึก คุณค่าในศิลาจารกึ เลก็ นอ้ ย
เขียนตอบคำถามเกยี่ วกับ สามารถเขียนตอบคำถาม สามารถเขียนตอบคำถาม
คุณค่าในศิลาจารกึ เก่ยี วกับคุณค่าในศิลาจารกึ เกย่ี วกับคณุ ค่าในศิลาจารกึ
ถูกต้อง
ได้
ความสวยงามของตวั หนงั สอื ตัวหนังสือมีความสวยงาม ตวั หนงั สือไมค่ อ่ ยสวยงาม
เรียบร้อย เรียบรอ้ ย
ความเป็นระเบียบเรียบรอ้ ย มคี วามเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ย ไม่ค่อยมคี วามเปน็ ระเบียบ
เรียบรอ้ ย
ความสะอาดเรียบรอ้ ย มีความสะอาดเรยี บร้อยดีมาก มคี วามสะอาดเรยี บร้อย
หมายเหตุ : เกณฑ์การทำใบงาน ตอ้ งได้คะแนนร้อยละ ๕๐ คอื ๕ คะแนนข้ึนไป จากคะแนนเต็ม ๑๐
จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์
เกณฑก์ ารประเมนิ เกณฑก์ ารตัดสนิ ระดับคณุ ภาพ ผลการประเมนิ
๙-๑๐ คะแนน ดีมาก ผา่ น
๗-๘ คะแนน ดี ผ่าน
๕-๖ คะแนน ปานกลาง ผา่ น
๓-๔ คะแนน พอใช้ ไม่ผา่ น
๐-๒ คะแนน ปรบั ปรุง ไมผ่ า่ น
แบบประเมนิ ใบงาน เรือ่ ง การวเิ คราะห์เนอื้ หาจากศลิ าจารกึ
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒
รายการประเมนิ
ชอื่ -สกลุ ความ ู้รความเ ้ขาใจเ ่ีกยว ักบ รวม สรปุ ผล
คุณค่าใน ิศลาจา ึรก
เขียนตอบคำถามเ ่ีกยว ักบ
ุคณ ่คาใน ิศลาจา ึรก
ความสวยงามของ ัตวหนังสือ
ความเป็นระเบียบเ ีรยบ ้รอย
ความสะอาดเ ีรยบ ้รอย
๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผ่าน ไม่ผ่าน
ด.ช.สมพงษ์ กงสะกาง
ด.ช.ทรงศักดิ์ เรอื งกรไกร
ด.ช.พนิต ระแสน
ด.ช.ฤทธิกร ใบแสน
ด.ช.อนุเทพ ใยปางแก้ว
ด.ญ.ดนุนนั ท์ วระโงน
ด.ญ.จันทรจ์ ิรา สขุ ลว้ น
ด.ญ.กัญญาลกั ษณ์ นอ้ ยเวยี ง
ด.ญ.เบญจวรรณ นารีแพงศรี
ด.ญ.ตะวันฟ้า พูลเพมิ่
ด.ญ.ขวัญฤดี คำเมือง
ด.ช.รชั ชานนท์ พลาดอินทร์
ด.ช.วชระ วางศรี
ใบความรู้ เร่อื ง การประเมินคุณคา่
ความหมายของการประเมินคุณคา่
การประเมนิ คา่ เปน็ การตัดสินความถกู ต้องเทีย่ งตรงและคุณค่าของเร่อื งที่อ่าน ว่าถกู ต้องชดั เจน
หรอื ไม่ เช่ือถอื ไดม้ ากนอ้ ยเพียงใด มคี ุณคา่ หรอื ไม่ อยา่ งไร โดยพจิ ารณาเน้อื หา วธิ ีการนำเสนอ และการ
ใช้ภาษา การประเมินค่า จงึ ต้องทำอย่างผู้มสี ติปัญญาคือจะต้องมขี ้อมลู หลกั เกณฑ์ และเหตผุ ล การ
ประเมนิ ค่าอาจพจิ ารณา ตามประเภทของงานเขียนไดด้ ังนี้
๑. สารคดี จะต้องเสนอความรทู้ ี่นา่ สนใจ ถูกตอ้ ง และน่าเช่อื ถอื เสนอความเหน็ ที่มี
เหตุผล มคี วามคิดรเิ ริม่ สรา้ งสรรค์ จรงิ ใจ และเป็นกลาง การเสนอเรือ่ งสนุกสนาน ชวน
ติดตาม ต่อเนอ่ื ง ใช้ภาษาชัดเจน เข้าใจง่าย เหมาะกับผูอ้ า่ น
๒. บนั เทงิ คดี
๒ .๑ พิจารณาองคป์ ระกอบของเร่ือง ดังน้ี
- โครงเรอ่ื งต้องแสดงการกระทำ และเหตุการณ์ทเี่ กย่ี วโยงต่อเนื่องกนั มีลกั ษณะสมจริง
- เน้อื เร่อื งก่อใหเ้ กิดความเพลดิ เพลินและสตปิ ญั ญาแก่ผอู้ า่ น
- แนวคิดของเร่ืองชดั เจนและมคี ุณค่าแกผ่ ูอ้ า่ น
- ตวั ละครและฉากมลี กั ษณะสมจรงิ และช่วยเสนอแนวคดิ ของเร่ือง
๒.๒ การเสนอเร่อื งชวนตดิ ตาม เรา้ ความสนใจของผ้อู ่าน
๒.๓ การใช้ภาษาชัดเจน และเขา้ ใจง่าย
หลกั การอา่ นประเมนิ ค่างานเขียน ๔ ประเดน็
๑. การพิจารณาส่วนประกอบและเนือ้ หา
๒. การพิจารณาถอ้ ยคำภาษา
๓. การพิจารณากลวิธกี ารดำเนินเรอ่ื ง
๔. การพจิ ารณาคุณค่าของงานเขียน
แนวคดิ หมายถึง ความคดิ ท่มี ีแนวทางปฏิบตั หิ รือความคิดสำคัญซึ่งเป็นแนวในการผูกเร่ืองหรือ
ความคิดอื่น ๆ ทีส่ อดแทรกอยู่ในเรอ่ื งกไ็ ด้ เชน่ แนวคดิ เกยี่ วกบั เรือ่ งบุญกรรม แนวคดิ เกย่ี วกบั ความรัก
ความยุตธิ รรม ความตาย แนวคดิ ที่เกย่ี วข้องกบั มนษุ ย์ หรอื แนวคดิ ทเี่ ปน็ ความรูใ้ นดา้ นต่าง ๆ
ใบงาน เร่ือง คุณค่าในศลิ าจารกึ
คำช้แี จง : ให้นักเรยี นเขยี นประเมนิ คุณคา่ จากศิลาจารึก หลักที่ ๑ ตอ่ ไปน้ี
พ่อกชู ือ่ ศรอี ินทราทติ ย์ แม่กูชื่อนางเสือง พกี่ ชู ื่อบานเมือง ตูมพี นี่ อ้ งทอ้ งเดียวหา้ คน ผู้ชายสาม ผู้หญิงสอง พ่เี ผือผู้
อ้ายตายจากเผอื ตง้ั แต่ยังเล็กเมื่อกูขนึ้ ใหญไ่ ด้สบิ เก้าเขา้ ขุนสามชนเจา้ เมอื งฉอดมาท่เมอื งตาก พ่อกูไปรบขุนสาม
ชนหวั ซ้าย ขุนสามชนขับมาหวั ขวา ขุนสามชนเกลื่อนเข้า ไพรฟ่ ้าหนา้ ใสพ่อกู หนีญญ่ายพายจะแจ้น กบู ห่ นี กขู ่ี
ชา้ งเบกพล กขู บั เข้าก่อนพอ่ กู กตู ่อช้างดว้ ยขุนสามชน ตนกูพงุ่ ช้าง ขุนสามชนตัวชอื่ มาสเมอื งแพ้ ขุนสามชนพ่าย
หนี พอ่ กจู ึ่งขึ้นชื่อกูช่อื พระรามคำแหง เพราะกูพุง่ ชา้ งขนุ สามชน เมือ่ ช่วั พ่อกู กบู ำเรอแกพ่ อ่ กู กบู ำเรอแก่แมก่ ู กู
ได้ตัวเน้ือตัวปลา กเู อามาแกพ่ อ่ กู กไู ด้หมากสม้ หมากหวาน อนั ใดอันกนิ อร่อยกนิ ดี กูเอามาแก่พ่อกู กูไปตหี นังวงั
ช้างได้ กูเอามาแกพ่ อ่ กู กไู ปท่บา้ นท่เมือง ไดช้ ้างได้งวง ได้ปัว่ ไดน้ างได้เงอื นไดท้ อง กเู อามาเวนแกพ่ ่อกู พอ่ กตู าย
ยังพี่กู กพู รำ่ บำเรอแกพ่ กี่ ู ดงั่ บำเรอแก่พ่อกู พกี่ ตู าย จึงได้เมอื งแก่กูท้งั (ก)ลม
๑. รปู แบบ
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๒. เนื้อหาสาระ
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ชื่อ-สกุล ........................................................................................... ช้ัน .............. เลขที่ .............
แผนการจดั การเรียนรู้
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๓ ลิขิตอกั ษรา เรือ่ ง คำทมี่ าจากภาษาต่างประเทศ
รหัส ท ๒๒๑๐๑ ชอ่ื รายวิชา ภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๓ ช่วั โมง
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษา
และพลงั ของภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัตขิ องชาติ
ตัวชีว้ ัด
ท ๔.๑ ม.๒/๕ รวบรวมและอธบิ ายความหมายของ คำภาษาต่างประเทศที่ใช้ในภาษาไทย
สาระสำคญั / ความคดิ รวบยอด
ชัว่ โมงที่ ๑
คำภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย คือ คำทีย่ ืมมาจากภาษาของผู้ให้ และผนวกเข้าเป็น
ส่วนหน่ึงของภาษาของผู้รับ อาจเป็นกลุม่ คำก็ได้ จะใช้ควบคู่กันไปเสมือนคำเดียว อาจมีการเขยี น การ
อา่ น และความหมาย ทีเ่ ปลี่ยนแปลงไปจากเดมิ ก็ได้
ชัว่ โมงท่ี ๒
ภาษาบาลเี ขา้ มาปะปนอยใู่ นภาษาไทย เพราะสาเหตุจากการยอมรบั นบั ถอื ศาสนาพทุ ธ
ของคนไทย ขอ้ สังเกตคำภาษาบาลีในภาษาไทย ประสมสระ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ประสมด้วย
ส นยิ มใช้ ฬ และไม่นยิ มคำควบกล้ำ
ภาษาสันสกฤต คอื ภาษาสนั สกฤตเขา้ มาในภาษาไทย เพราะคนไทยเคยยอมรับนับถอื
ศาสนาพราหมณ์ ข้อสงั เกตคำภาษาสนั สกฤตในภาษาไทย ประสมสระ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ
และเพิม่ ไอ เอา ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ประสมด้วย ศ ษ ฆ ฌ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ภ เชน่ พยัคฆ์ อัชฌาสยั
ปรากฏ สัณฐาน ครุฑ ฤทัย เปน็ ตน้ (ยกเวน้ ฆา่ เฆีย่ น ฆ้อง ศอก ศึก เศิก เศร้า ท้ังหมดน้เี ป็นคำไทยแท้)
มักมีคำควบกล้ำ และตัวการันต์ มคี ำว่า “เคราะห”์ และมีการใช้ ร หนั (รร) เช่น ครรภ์, จกั รวรรดิ
ช่วั โมงที่ ๓
สาเหตุท่ไี ทยยืมคำภาษาต่างประเทศมาใช้ คอื เพราะอิทธพิ ลทางศาสนาทำใหไ้ ทยยืม
คำภาษาบาลี-สนั สกฤต การคา้ ขาย การศกึ ษา และการติดต่อกนั ทำให้ไทยยมื ภาษาจนี ภาษาญ่ีปุ่น
ภาษาองั กฤษ ภาษาเขมร เขา้ มาใช้ รวมทง้ั ทางวฒั นธรรม ไทยนำภาษาชวา-มลายเู ข้ามาใช้
สาระการเรียนรู้/เนอื้ หายอ่ ย
ช่ัวโมงท่ี ๑
ความรู้ (K)
นักเรยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจในเรือ่ ง คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
ทักษะ/ความคดิ รวบยอด (P)
นักเรยี นสามารถบอกคำภาษาต่างประเทศในภาษาไทยไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
นักเรียนสามารถนำความรู้เรื่อง คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทยไปเป็นพื้นฐานใน
การสอื่ สารในชวี ิตประจำวนั และใช้ในการเรียนในระดบั ท่สี ูงข้นึ ได้อยา่ งเหมาะสม
ช่ัวโมงท่ี ๒
ความรู้ (K)
นกั เรียนมีความรู้ความเขา้ ใจในเรอ่ื งภาษาบาลี และภาษาสนั สกฤต
ทกั ษะ/กระบวนการอา่ น (P)
นักเรียนสามารถบอกภาษาบาลี และภาษาสนั สกฤตได้อย่างถูกตอ้ ง
คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
นกั เรยี นสามารถนำความรเู้ ร่ือง คำภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทยไปเป็นพ้ืนฐาน
ในการสอื่ สารในชีวติ ประจำวัน และใชใ้ นการเรียนในระดบั ทส่ี ูงขึ้นได้อยา่ งเหมาะสม
ชัว่ โมงท่ี ๓
ความรู้ (K)
นกั เรยี นมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจในเรอ่ื ง สาเหตทุ ไ่ี ทยยมื คำภาษาต่างประเทศมาใช้
ทกั ษะ/ความคดิ รวบยอด (P)
นักเรียนสามารถบอกสาเหตุท่ไี ทยยมื คำภาษาต่างประเทศมาใช้ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
นกั เรยี นสามารถนำความร้เู ร่ือง คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทยไปเป็นพืน้ ฐาน
ในการส่ือสารในชวี ติ ประจำวัน และใชใ้ นการเรยี นในระดับทส่ี ูงขึน้ ได้อย่างเหมาะสม
ทักษะในศตวรรษที่ 21 ( 3R8C )
Reading (อ่านออก)
(W) Riting (เขียนได)้
(A) Rithemetics (คิดเลขเปน็ )
ทกั ษะดา้ นการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปัญหา
(Critical Thinking and Problem Solving)
ทกั ษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
ทักษะดา้ นความเข้าใจความต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทศั น์ (Cross-cultural
Understanding)
ทักษะด้านความรว่ มมือ การทำงานเปน็ ทมี และภาวะผ้นู ำ (Collaboration,
Teamwork and Leadership)
ทักษะดา้ นการสือ่ สาร สารสนเทศและรู้เท่าทันสอ่ื (Communications,
Information, and Media Literacy)
ทกั ษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing
and ICT Literacy)
ทกั ษะอาชีพ และทักษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)
ทักษะการเปลย่ี นแปลง (Change)
การประเมนิ ผลรวบยอด
ชิน้ งานหรอื ภาระงาน
๑. เกม พิซซา่ ภาษาตา่ งประเทศ
๒. ใบงาน เรอื่ ง คำไหน ไม่ใชไ่ ทยแท้
กจิ กรรมการเรยี นรู้
ชวั่ โมงที่ ๑
ขน้ั นำ
ครูกล่าวทักทายนกั เรยี นและเตรียมความพร้อมกอ่ นเข้าสบู่ ทเรียน โดยการใหน้ ักเรยี น
เล่นเกม “ตอบคำถาม” โดยครจู ะอา่ นคำถามเกยี่ วคำภาษาต่างประเทศ ๔ คำถาม แล้วใหน้ กั เรยี นตอบ
คำถามจำนวน ๔ ตวั เลอื ก เพอ่ื ทดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี น จากนนั้ ครูโยงเนอ้ื หาเขา้ ส่บู ทเรยี น
(K, P)
ขั้นสอน
๑. ครูแจกใบความรู้ และให้ความร้เู รื่อง คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย จากใบงาน
โดยใหค้ วามรู้เกยี่ วกบั ความหมาย ข้อสงั เกต คำภาษาตา่ งประเทศทีใ่ ช้ในภาษาไทย (K) ประกอบกบั
ยกตวั อย่าง พร้อมทง้ั สอดแทรกคำถาม จากสือ่ “ลกู อมปริศนา” เพอ่ื ให้นักเรยี นมคี วามกระตอื รือรน้ (P)
๒. ครใู ห้นกั เรยี นทดสอบความเข้าใจ โดยเกม “พิซซา่ ภาษาตา่ งประเทศ” โดยครูจะ
แบง่ นกั เรยี นออกเปน็ ๔ กลมุ่ กลมุ่ ละเทา่ ๆ กนั ครูจะมีคำให้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มชว่ ยกันวางคำศพั ท์
ที่ปรากฏให้ตรงกับประเทศของภาษานัน้ เป็นรูปพิซซา่ กลุ่มใดเสรจ็ กอ่ นถอื ว่ากลุม่ น้นั เปน็ ฝา่ ยชนะ (K, P)
ขน้ั สรปุ
ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปกิจกรรม เรอ่ื ง คำภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย สำหรับ
กิจกรรมการเลน่ เกม “พซิ ซา่ ภาษาตา่ งประเทศ” เป็นกิจกรรมที่ให้นกั เรยี นนำความรูเ้ ก่ียวกับคำ
ภาษาต่างประเทศในภาษาไทยมาทำกจิ กรรม สะท้อนให้เหน็ ว่านกั เรยี นสามารถบอกคำ
ภาษาต่างประเทศในภาษาไทย และสามารถนำความรูท้ ี่ได้จากเรอ่ื ง คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทยไป
เปน็ พ้ืนฐานในการส่อื สารในชวี ิตประจำวันและใช้ในการเรยี นในระดบั ทสี่ งู ขนึ้ ไดอ้ ย่างเหมาะสม (A)
ชั่วโมงที่ ๒
ขัน้ นำ
ครูกลา่ วทกั ทายนักเรยี นและเตรยี มความพร้อมก่อนเขา้ สู่บทเรียน โดยร่วมกันสรทนา
ถงึ ภาษาบาลี และสนั สกฤตจากนน้ั ครูโยงเน้อื หาเข้าสู่บทเรียน (K, P)
ขัน้ สอน
๑. ครูแจกใบความรู้ และใหค้ วามร้เู รื่อง ภาษาบาลี และสันสกฤต จากใบงาน โดยให้
ความรู้เกย่ี วกับความหมาย ขอ้ สังเกต ของคำภาษาบาลแี ละสันสกฤต (K) ประกอบกับยกตัวอย่าง พรอ้ ม
ท้ังสอดแทรกคำถาม เพ่อื ใหน้ กั เรียนมคี วามกระตอื รือร้น (P)
๒. ครแู นะนำเพิม่ เติมเก่ยี วกับคำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย เพื่อเกิดความเข้าใจ
เพม่ิ มากข้นึ
ขนั้ สรุป
๑. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปความรู้เร่ือง ภาษาบาลี สนั สกฤต ซ่งึ ภาษาบาลีเขา้ มา
ปะปนอย่ใู นภาษาไทย เพราะสาเหตุจากการยอมรับนบั ถือศาสนาพุทธของคนไทย ขอ้ สงั เกตคำภาษา
บาลใี นภาษาไทย ประสมสระ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ประสมด้วย ส นิยมใช้ ฬ และไมน่ ยิ มคำควบกล้ำ
ภาษาสนั สกฤต คอื ภาษาสนั สกฤตเข้ามาในภาษาไทย เพราะคนไทยเคยยอมรับนับถอื ศาสนาพราหมณ์
ข้อสังเกตคำภาษาสนั สกฤตในภาษาไทย ประสมสระ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ และเพิม่ ไอ เอา ฤ
ฤๅ ฦ ฦๅ ประสมดว้ ย ศ ษ ฆ ฌ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ภ เช่น พยัคฆ์ อัชฌาสัย ปรากฏ สัณฐาน ครฑุ
ฤทยั เปน็ ต้น (ยกเวน้ ฆา่ เฆย่ี น ฆ้อง ศอก ศึก เศิก เศรา้ ท้ังหมดนเ้ี ปน็ คำไทยแท้ มกั มีคำควบกลำ้
และตวั การนั ต์ มีคำวา่ “เคราะห์” และมกี ารใช้ ร หนั (รร) เช่น ครรภ์, จักรวรรดิ เปน็ ตน้ และจากที่
นักเรียนไดเ้ รยี นทำใหน้ ักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเก่ยี วกับความหมาย และคำภาษาตา่ งประเทศท่ใี ชใ้ น
ภาษาไทย ทำให้นกั เรียนเกิดองค์ความรู้ (K, P) สามารถนำความรูท้ ไี่ ด้จากเร่อื ง คำภาษาตา่ งประเทศใน
ภาษาไทยไปเป็นพ้นื ฐานในการสอื่ สารในชวี ติ ประจำวนั และใชใ้ นการเรยี นในระดบั ทีส่ ูงข้ึนได้อยา่ ง
เหมาะสม (A)
ชั่วโมงที่ ๓
ขัน้ นำ
ครูกลา่ วทักทายนกั เรยี นและเตรยี มความพร้อมกอ่ นเขา้ สู่บทเรียน โดยการสอบถาม
ถงึ สาเหตุที่มีคำทีม่ าจากภาษาต่างประเทศ เพ่อื ทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน จากน้ันครูโยงเนอื้ หา
เข้าสูบ่ ทเรียน (K, P)
ขั้นสอน
1. ครูแจกใบความรู้ และทบทวนความรูเ้ รื่อง คำภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย จาก
ใบงาน โดยใหค้ วามรู้เกยี่ วกับความหมาย ข้อสงั เกต คำภาษาต่างประเทศทใ่ี ช้ในภาษาไทย (K) ประกอบ
กับยกตัวอย่าง พรอ้ มทงั้ สอดแทรกคำถาม จากส่อื “ลูกอมปริศนา” เพอื่ ให้นกั เรยี นมีความกระตือรือร้น
(P)
๒. ครใู ห้นกั เรยี นทดสอบความเข้าใจ โดยเกม“พซิ ซ่าภาษาต่างประเทศ” โดยครจู ะ
แบ่งนักเรียนออกเป็น ๔ กลมุ่ กลุ่มละเท่า ๆ กัน ครูจะมีคำให้นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกนั วางคำศพั ทท์ ่ี
ปรากฏให้ตรงกับประเทศของภาษาน้ันเปน็ รปู พิซซา่ กลุ่มใดเสร็จก่อนถือวา่ กลมุ่ นัน้ เป็นฝา่ ยชนะ (K, P)
๓. ครใู หน้ กั เรียนทำใบงาน เรือ่ ง คำไหน ไมใ่ ช่ไทยแท้ ซ่งึ เป็นใบงานรายบุคคลที่ให้
นักเรยี นได้วงกลมคำภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย พร้อมระบคุ ำในช่องใหถ้ ูกต้อง จากนัน้ รว่ มกันเฉลย
ใบงาน (K, P)
4. ครูแนะนำเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกับคำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย เพือ่ เกิดความเขา้ ใจ
เพิ่มมากขนึ้
ขนั้ สรุป
ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปกิจกรรม เรื่อง คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย สำหรับ
กจิ กรรมการเล่นเกม “พซิ ซาภาษาตา่ งประเทศ” เปน็ กจิ กรรมท่ใี ห้นกั เรียนนำความรเู้ ก่ยี วกบั คำ
ภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทยมาทำกิจกรรม และใบงาน เร่อื ง คำไหน ไมใ่ ชไ่ ทยแท้ เปน็ กิจกรรมท่ีให้
นักเรยี นบอกภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย สะท้อนใหเ้ ห็นวา่ นกั เรียนสามารถบอกคำภาษาต่างประเทศ
ในภาษาไทย และใชใ้ นการเรยี นในระดับที่สงู ข้ึนได้อย่างเหมาะสม และสามารถนำความรู้ทไี่ ด้จาก
เร่อื ง คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ไปเป็นพืน้ ฐานในการสือ่ สารในชวี ิตประจำวันและใช้ในการเรยี น
ในระดับทส่ี งู ขน้ึ ได้อยา่ งเหมาะสม (A)
การวดั ผลประเมินผล
วธิ ีการ เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมนิ
ตรวจใบงาน เรือ่ ง คำไหน ไมใ่ ชไ่ ทยแท้ ใช้วิธวี ัดผล ใบงาน เรอ่ื ง คำไหน ไมใ่ ช่ไทยแท้ ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ
จากการทำใบงานของนักเรียนแต่ละคน โดยมี รอ้ ยละ ๕๐
ประเด็นในการวัดผล ได้แก่ ความรคู้ วามเข้าใจเรอ่ื ง
ความหมายและคำทม่ี าจากภาษาตา่ งประเทศ
สามารถตอบคำทมี่ าจากภาษาต่างประเทศ
ตรงประเดน็ การใช้ภาษา และความสะอาดเรียบร้อย
(ประเดน็ ของแตล่ ะคน) จากนน้ั นำผลการประเมนิ มา
เปน็ ข้อมลู ในการปรบั ปรุงและพฒั นานกั เรียน
และการจัดการเรยี นการสอนของครูในครัง้ ตอ่ ๆ ไป
สอ่ื การเรยี นรู้
๑. ส่อื การเรียนรู้ “ลูกอมปริศนา”
๒. เกม “ตอบคำถาม”
๓. บตั รคำพซิ ซ่าภาษาตา่ งประเทศ
ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ สถานศกึ ษาหรือผูท้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย (ตรวจสอบ,นเิ ทศ,เสนอแนะ,รบั รอง)
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ................................................................
(นายสนอง ศรีธรรมา)
วันที่.........../...................../...........
บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้
๑. ผลการจัดการเรียนรู้
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๒. ปญั หาและอปุ สรรค
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๓. แนวทางการแกไ้ ขปัญหา
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๔. ขอ้ เสนอแนะ
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงช่อื .................................................
(นายฤทธเิ ดช สกลุ ซ้ง)
วนั ท่ี............../......................./...............
เกณฑ์การประเมนิ ใบงาน เร่อื ง คำไหน ไมใ่ ช่ไทยแท้
รายการประเมิน ระดบั คะแนน
๒๑
ความรู้ความเข้าใจเรื่อง มคี วามรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคำทีม่ า ไม่คอ่ ยมคี วามรู้ความเขา้ ใจ
ความหมายและคำทมี่ า จากภาษาต่างประเทศเปน็ อย่างดี เกย่ี วกับคำท่ีมาจาก
จากภาษาต่างประเทศ ภาษาต่างประเทศเท่าทีค่ วร
สามารถตอบคำที่มา สามารถตอบคำทม่ี าจาก ไม่สามารถตอบคำทีม่ าจาก
จากภาษาต่างประเทศ ภาษาต่างประเทศไดไ้ ดถ้ กู ตอ้ ง ภาษาตา่ งประเทศไดถ้ กู ต้อง
ตรงประเดน็ สามารถบอกความหมายและตอบคำ ไม่สามารถบอกความหมายและ
ท่มี าจากภาษาตา่ งประเทศได้ถกู ตอ้ ง ตอบตอบคำที่มาจาก
ตรงประเด็นกับเนือ้ หา ภาษาต่างประเทศได้ ตรงประเดน็
กับเนื้อหาไดด้ ีเท่าที่ควร
การใชภ้ าษา สามารถเขยี นคำและเรียบเรยี งประโยค ไมส่ ามารถเขยี นคำและเรียบเรียง
ได้อย่างถกู ต้อง ประโยคได้อย่างถูกตอ้ ง
ความสะอาดเรียบรอ้ ย ใบงานมคี วามสะอาด เขยี นได้อย่าง ใบงานไม่คอ่ ยสะอาด การเขยี นไม่
เปน็ ระเบียบเรยี บรอ้ ย มคี วามเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย
หมายเหตุ : เกณฑก์ ารทำใบงาน ตอ้ งไดค้ ะแนนร้อยละ ๕๐ คือ ๕ คะแนนข้ึนไป จากคะแนนเต็ม ๑๐
จึงจะถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
เกณฑ์การประเมิน เกณฑ์การตัดสนิ ระดบั คณุ ภาพ ผลการประเมิน
๙-๑๐ คะแนน ดีมาก ผา่ น
๗-๘ คะแนน ดี ผ่าน
๕-๖ คะแนน ปานกลาง ผ่าน
๓-๔ คะแนน พอใช้ ไมผ่ า่ น
๐-๒ คะแนน ปรบั ปรงุ ไมผ่ า่ น
แบบประเมินใบงาน เร่ือง คำไหน ไมใ่ ช่ไทยแท้ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒
คำชี้แจง ให้ผปู้ ระเมินทำเครอื่ งหมาย √ ลงในช่องคะแนน
รายการประเมนิ
ชือ่ -สกุล ความ ู้รความเข้าใจเ ่ืรอง รวม สรปุ ผล
ความหมายและคำที่มาจาก
สามภาารษถาต ่ตอาบงคปำระที่เมทาศจาก
ภาษา ่ตางประเทศ
ตรงประเด็น
การใช้ภาษา
ความสะอาดเ ีรยบ ้รอย
๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผ่าน ไมผ่ ่าน
ด.ช.สมพงษ์ กงสะกาง
ด.ช.ทรงศกั ด์ิ เรอื งกรไกร
ด.ช.พนิต ระแสน
ด.ช.ฤทธิกร ใบแสน
ด.ช.อนเุ ทพ ใยปางแก้ว
ด.ญ.ดนุนนั ท์ วระโงน
ด.ญ.จนั ทร์จิรา สุขลว้ น
ด.ญ.กัญญาลกั ษณ์ นอ้ ยเวียง
ด.ญ.เบญจวรรณ นารีแพงศรี
ด.ญ.ตะวันฟ้า พลู เพ่มิ
ด.ญ.ขวัญฤดี คำเมือง
ด.ช.รัชชานนท์ พลาดอินทร์
ด.ช.วชระ วางศรี
ภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย
คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย คือ คำทีย่ ืมมาจากภาษาของผู้ให้ และผนวกเข้าเป็นสว่ น
หน่งึ ของภาษาของผรู้ ับ อาจเปน็ กลุ่มคำก็ได้ จะใช้ควบคกู่ นั ไปเสมอื นคำเดยี ว อาจมีการเขยี น การอา่ น
และความหมายท่เี ปลยี่ นแปลงไปจากเดมิ กไ็ ด้
วิธีการนำคำภาษาต่างประเทศมาใชใ้ นภาษาไทย
๑. ใช้ตามคำเดิมที่ยืมมา เชน่ เกม คอมพวิ เตอร์
๒. เปลยี่ นรปู และเสียงใหเ้ ปล่ยี นไปจากเดมิ เพอ่ื ให้เหมาะกับการออกเสยี งภาษาไทย
๓. ตดั คำให้มเี สียงสน้ั ลง
๔. แผลงสระและพยญั ชนะให้เปล่ียนไปจากเดิม
๕. เปล่ยี นความหมายไปจากเดมิ ให้เขา้ กบั ความหมายของภาษาไทย
ภาษาบาลี
ภาษาบาลีเข้ามาปะปนอยู่ในภาษาไทย เพราะสาเหตุจากการยอมรับนับถือศาสนาพุทธของ
คนไทย ขอ้ สงั เกตคำภาษาบาลใี นภาษาไทย
๑. ประสมสระ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ
๒. ประสมด้วย ส
๓. นยิ มใช้ ฬ
๔. ไม่นยิ มคำควบกล้ำ
กิตติ กเิ ลส กีฬา จตบุ ท จิต จุฬา ญาติ ดารา ทัพพี ทฐิ ิ ตัวอย่างคำ
นาฬกิ า นพิ พาน นิลบุ ล ปฏิทนิ ปฏิบัติ ปฐพี ปกติ ปญั ญา ภาษาบาลี
ปัจจยั บุคคล บุปผา โบกขรณี ปฐม ปญั หา พรหม ภตั ตา
ภกิ ขุ วิญญาณ วิตถาร วริ ยิ ะ สญู สิริ สันติ สญั ญาณ
เสมหะ อจั ฉรา อนจิ จา อัชฌาสัย โอรส โอกาส
ภาษาสนั สกฤต
ภาษาสนั สกฤตเขา้ มาในภาษาไทย เพราะคนไทยเคยยอมรบั นบั ถือศาสนาพราหมณ์
ข้อสังเกตคำภาษาสันสกฤตในภาษาไทย
๑. ประสมสระ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ และเพม่ิ ไอ เอา ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ
๒. ประสมด้วย ศ ษ ฆ ฌ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ภ เช่น พยัคฆ์ อัชฌาสัย ปรากฏ สัณฐาน ครุฑ
ฤทัย เป็นต้น (ยกเวน้ ฆา่ เฆี่ยน ฆอ้ ง ศอก ศกึ เศิก เศร้า ท้ังหมดนเ้ี ป็นคำไทยแท)้
๓. มกั มีคำควบกล้ำ และตัวการันต์
๔. มีคำวา่ “เคราะห”์
๕. มกี ารใช้ ร หัน (รร) เชน่ ครรภ์, จักรวรรดิ
๖. ตัวสะกดมักไมต่ รงตามมาตรา เชน่ เทวญั เนตร อากาศ พเิ ศษ อาหาร เปน็ ตน้
กัลบก กรรณ กรรม กษัตริย์ กัลป์ กีรติ โกรธ กรีฑา ตัวอยา่ งคำภาษา
เกษม กษียณ เกษตร ครรชิต ครรภ์ จักร จักรวาล สนั สกฤต
จันทรา ดัสกร ทรมาน ทรัพย์ ทฤษฎี ทิศ ทหาร
ทัศนีย์ ทิพย์ นักษัตร นมัสการ นาที นฤคหิต นิตยา
นิทรา นฤมล เนตร ภิกษุ มฤตยู มนุษย์ มารุต
มหัศจรรย์ ลักษณะ วรรค อัศจรรย์ อัธยาศัย อวกาศ
อาจารย์
ภาษาองั กฤษ
ภาษาอังกฤษเข้ามาในภาษาไทยในวงการศึกษา ธุรกิจ การเมือง การบันเทิง เป็นต้น
ข้อสงั เกตคำภาอังกฤษในภาษาไทย
๑. การทับศัพท์ โดยการถ่ายเสียงและถอดตัวอักษร จะทำให้เข้าใจง่าย สื่อสารได้ชัดเจน เช่น
game เกม graph กราฟ cartoon การต์ นู clinic คลินิก
๒. การบัญญัติศัพท์ โดยการสร้างคำขึ้นใหม่ นิยมใช้ในการสร้างศัพท์ทางวิชาการ เช่น airport
สนามบิน globalization โลกาภิวัตน์ science วิทยาศาสตร์
telephone โทรศพั ท์
๓. การแปลศัพท์ โดยการแปลเป็นคำภาษาไทยให้มีความหมายตรงกับคำในภาษาอังกฤษ เช่น
blackboard กระดานดำ enjoy สนกุ handbook หนังสอื คู่มอื school โรงเรยี น
กราฟ การ์ตูน กิ๊บ กลูโคส กัปตัน แก๊ส เกียร์ คริสต์มาส ตวั อย่างคำ
ไดนาโม ไดโนเสาร์ ครีม คลอรีน คอนกรีต คลินิก คอนเสิร์ต ภาษาอังกฤษ
คอมพิวเตอร์ คุกกี้ แคปซูล เคาน์เตอร์ ชอล์ก เช็ค เชียร์ โชว์
เซลล์ เต็นท์ เทอม แท็กซี่ แทรกเตอร์ นิวเคลียร์ บล็อก
เบนซนิ แบคทีเรีย ปลัก๊ พลาสตกิ ฟาร์ม ไมโครโฟน ไมโครเวฟ
ยีราฟ เรดาร์ ลปิ สติก เลเซอร์ วัคซนี วติ ามนิ ไวโอลิน
ภาษาจีน
ภาษาจีนจึงเขา้ มาปะปนอย่ใู นภาษาไทยมากมายจากทางด้านความสัมพันธ์ทางดา้ นวัฒนธรรม
และประเพณี ความสัมพนั ธ์ทางด้านการค้า
หลกั การสงั เกตคำภาษาไทยท่ีมาจากภาษาจนี
๑. นำมาเป็นชอื่ อาหารการกนิ เช่น กว๋ ยเตี๋ยว เต้าทงึ แป๊ะซะ เฉากว๊ ย จับฉ่าย เป็นต้น
๒. เป็นคำท่ีเกย่ี วกับส่ิงของเคร่อื งใช้ทีเ่ รารบั มาจากชาวจีน เชน่ ตะหลวิ ตกึ เก้าอี้ เก๋ง ฮวงซุ้ย
๓. เปน็ คำที่เกยี่ วกับการคา้ และการจดั ระบบทางการค้า เช่น เจง๋ บว๋ ย หนุ้ หา้ ง เปน็ ตน้
๔. เปน็ คำท่ใี ช้วรรณยุกตต์ รี จัตวา เป็นสว่ นมาก เช่น ก๋วยจับ๊ กุ๊ย เก๊ เก๊ก ก๋ง ตนุ๋ เป็นตน้
กงสี กงเต็ก ก๋วยเตี๋ยว ก๋วยจั๊บ เกาหลา กุ๊ย เก๊ เก๊ก ตัวอยา่ งคำ
เก้ยี ว กง๋ เกา้ อ้ี เขง่ จับกัง จับฉ่าย เจ๊ง เจ เฉาก๊วย เซ้ง ภาษาองั กฤษ
เซียน แซ่ ซาลาเปา ตะหลิว เต๋า ตุ๋น เต้าหู้ เต้าฮวย
เต้าเจี้ยว โต๊ะ บ๊วย บะฉ่อ บะหมี่ บู๊ ปุ้งกี๋ ปอเปี๊ยะ
แปะ๊ เจ๊ยี ะ พะโล้ เย็นตาโฟ หวย ยห่ี ้อ ลิน้ จี่ หุ้น เอ๊ียม
เฮงซวย ฮ่องเต้
ใบงาน คำไหน ไมใ่ ช่ไทยแท้
คำชแี้ จง ให้นกั เรียนลากเสน้ เชอ่ื มคำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย เพ่อื พาเดก็ หญงิ กลับบ้าน เนตร
แลว้ นำคำมาเติมลงในช่องใหถ้ ูกต้อง
ครรภ์ โตะ๊ ยาง นาฬกิ า กลั ป์
ยอม ปาก จฬุ า เสมหะ ภรยิ า เดือน คุกกี้
หาว ชา้ ง ระฆงั ฆา่ เกง่ โลหติ เฉาก๊วย
เสียม ย่ีห้อ แก๊ส คอนเสิร์ต นเุ คราะห์ มหศั จรรย์ เฆี่ยน
บิน คอมพิวเตอร์ ฮ่องเต้ เสอื้ ตุน๋ แบคทีเรยี กว๋ ยจ๊ับ
ลุง สาวสวย พะโล้ กรฑี า บะหม่ี คลองบงึ
ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต
…………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
ภาษาองั กฤษ ภาษาจนี
…………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
ชือ่ -สกุล .......................................................................................ชนั้ .................เลขท่.ี ............
เฉลย ใบงาน คำไหน ไม่ใช่ไทย เนตร
แท้ คกุ กี้
คำชี้แจง ให้นักเรียนวงกลมคำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย เพื่อพาเด็กหญิงกลับบา้ น
แลว้ นำคำมาเติมลงในช่องให้ถกู ตอ้ ง
ครรภ์ โตะ๊ ยาง นาฬิกา กลั ป์
ยอม ปาก จุฬา เสมหะ สญู เดือน
หาว ช้าง ระฆัง ฆ่า เก่ง สันติ เฉาก๊วย
เสยี ม ยีห่ อ้ แก๊ส คอนเสิร์ต นุเคราะห์ มหัศจรรย์ เฆย่ี น
บนิ คอมพิวเตอร์ ฮ่องเต้ ดาว ตุ๋น แบคทเี รยี ก๋วยจั๊บ
ลุง สาวสวย พะโล้ กรีฑา บะหม่ี คลองบงึ
ภาษาบาลี ภาษาสนั สกฤต
…จุฬา เสมหะ สูญ นาฬิกา…สนั ติ………………………… …………ครรภ์ กลั ป์ เนตร มหัศจรรย์ นุเคราะห์
กรีฑา…………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………..
ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน
…………………คกุ ก้ี คอนเสริ ์ต แก๊ส คอมพิวเตอร์ ……………โตะ๊ เฉาก๊วย ยี่ห้อ ฮอ่ งเต้ ตุ่น พะโล้
แบคทีเรีย………………………………………………………………… บะหม่ี ก๋วยจ๊ับ ……………………………………………………
…………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………
.
…………………………………………..
ชอื่ -สกุล .......................................................................................ชั้น.................เลขท่.ี ............
แผนการจัดการเรียนรู้
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๕ เรอ่ื ง สรุปเน้ือหาและวิเคราะห์คุณคา่ จากบทเสภาสามคั คเี สวก
รหัส ท ๒๒๑๐๑ ชอื่ รายวชิ า ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา 3 ชว่ั โมง
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรู้และความคดิ เพือ่ นำไปใชต้ ดั สนิ ใจ
แกป้ ญั หาในการดำเนินชีวิต และมีนิสยั รักการอา่ น
ตัวชีว้ ัด
ท ๕.๑ ม. ๒/๑ สรุปเนื้อหาวรรณคดแี ละวรรณกรรมทอ่ี า่ นในระดบั ทยี่ ากขึ้น
ม. ๒/๖ วิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถ่นิ ท่อี ่าน
พรอ้ มยกเหตุผลประกอบ
ม. ๒/๗ ท่องจำบทอาขยานตามท่กี ำหนดและบทร้อยกรองที่มคี ุณค่าตามความสนใจ
สาระสำคญั / ความคดิ รวบยอด
ชัว่ โมงท่ี ๑
การถอดคำประพันธ์ คือ การเก็บความจากคำประพันธม์ าเขียนใหมเ่ ปน็ ภาษารอ้ ยแก้ว
ทส่ี ละสลวย โดยต้องคงเน้ือความเดมิ ไว้ ซึ่งก่อนทนี่ ักเรยี นจะสรปุ เนือ้ หาจากวรรณคดไี ด้น้ัน จำเป็น
จะตอ้ งถอดความจากรอ้ ยกรองเปน็ รอ้ ยแกว้ เสียกอ่ น เพ่อื ใหส้ ะดวกตอ่ การสรปุ เน้ือหาวรรณคดี
ช่วั โมงท่ี ๒
สรปุ เน้อื หาวรรณคดี คอื การสรปุ เรือ่ งราวจากการฟังหรือการอา่ น ผู้ฟงั หรือผอู้ ่านจะตอ้ ง
จับใจความและสรปุ ใจความสำคญั ของเร่ือง เพือ่ ที่จะเปน็ พืน้ ฐานของการพูด หรือการเขยี นสรปุ ความ
ตอ่ ไป โดยจะตอ้ งจับประเดน็ ใหไ้ ดว้ ่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เม่ือไร อยา่ งไร
ช่วั โมงท่ี 3
การวิเคราะหค์ ุณค่าจากวรรณคดี คือ การพิจารณา แยกแยะและประเมนิ ค่า โดยแสดง
ความคดิ เหน็ อภปิ รายขอ้ เท็จจรงิ ให้ผูอ้ ืน่ ทราบวา่ ใครเปน็ ผแู้ ต่ง เป็นเรอ่ื งเก่ียวกบั อะไร มปี ระโยชน์
อยา่ งไร มปี ระโยชน์ตอ่ ใคร ผู้วเิ คราะห์มีความเห็นอย่างไร เรื่องที่อ่านมีคณุ ค่าด้านใด และแต่ละด้าน
สามารถนำไปประยุกตใ์ หเ้ กิดประโยชน์ต่อชวี ติ ประจำวนั อย่างไร
สาระการเรียนรู/้ เนอื้ หาย่อย
ชั่วโมงท่ี ๑
ความรู้ (K)
นักเรียนมีความร้คู วามเข้าใจในหลักการถอดคำประพันธ์
ทักษะ/กระบวนการ (P)
นักเรยี นสามารถถอดคำประพนั ธ์จากบทเสภาสามัคคเี สวกได้ถกู ต้องตามหลักการ
คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
นักเรียนสามารถนำความรู้จากการเรยี นไปเปน็ แนวทางในการถอดคำประพนั ธ์
วรรณคดเี รอ่ื งอ่นื ๆ ในอนาคตได้
ช่วั โมงที่ ๒
ความรู้ (K)
นักเรยี นมคี วามรู้ ความเข้าใจในการสรุปเน้อื หาวรรณคดี
ทักษะ/กระบวนการ (P)
นกั เรียนสามารถสรปุ เนอื้ หาจากบทเสภาสามคั คเี สวกไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การ
คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)
นกั เรยี นสามารถนำความรจู้ ากการเรยี นไปเป็นแนวทางในการเขยี นสรปุ เน้ือหา
จากวรรณคดีเรือ่ งอ่นื ๆ ในการเรียนระดบั ต่อไปได้
ชั่วโมงที่ 3
ความรู้ (K)
นกั เรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจในหลักการวิเคราะห์คุณค่าจากวรรณคดี
ทักษะ/กระบวนการ (P)
นักเรยี นสามารถวเิ คราะห์คุณคา่ จากบทเสภาสามัคคเี สวกได้ถูกต้อง
คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)
นักเรียนสามารถนำความรู้จากการเรียนไปเป็นแนวทางในวเิ คราะหค์ ุณค่าในวรรณคดี
เรอ่ื งอน่ื ๆ ในการเรยี นระดบั ตอ่ ไปได้
จุดเน้นสกู่ ารพฒั นาคุณภาพผู้เรียน
ทักษะในศตวรรษที่ 21 ( 3R8C )
Reading (อ่านออก)
(W) Riting (เขียนได)้
(A) Rithemetics (คิดเลขเปน็ )
ทกั ษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแกไ้ ขปญั หา (Critical
Thinking and Problem Solving)
ทกั ษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
ทักษะดา้ นความเข้าใจความต่างวฒั นธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross-cultural
Understanding)
ทกั ษะด้านความรว่ มมอื การทำงานเป็นทีมและภาวะผ้นู ำ (Collaboration,
Teamwork and Leadership)
ทกั ษะด้านการสือ่ สาร สารสนเทศและรเู้ ท่าทันสอ่ื (Communications,
Information, and Media Literacy)
ทักษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (Computing
and ICT Literacy)
ทักษะอาชีพ และทักษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)
ทักษะการเปล่ยี นแปลง (Change)
การประเมนิ ผลรวบยอด
ชิ้นงานหรือภาระงาน
ช่วั โมงท่ี ๑
กจิ กรรม ถอดถ้อยร้อยเรยี ง
ชัว่ โมงที่ ๒
ใบงานเรือ่ ง สรปุ เนื้อหาจากบทเสภาสามัคคเี สวก
ชวั่ โมงที่ 3
ใบงานเรอื่ ง วิเคราะหค์ ณุ ค่าจากบทเสภาสามัคคีเสวก
กจิ กรรมการเรยี นรู้
ชั่วโมงท่ี ๑
ขัน้ นำ
ครูเปดิ วดี โี อ “บทเสภาสามัคคีเสวก” ใหน้ ักเรียนดู จากน้ันครูใช้คำถาม “นักเรียน
เคยไดย้ ินบทเสภานห้ี รือไม”่ และใหน้ ักเรยี นแสดงความคิดเห็นโตต้ อบกับครู (K)
ขัน้ สอน
๑. ครูแจกใบความรู้และให้ความรูก้ บั นักเรียน เรื่อง การถอดคำประพันธ์ จากนั้นครู
อธิบายความหมายของการถอดคำประพนั ธ์ หลักการถอดคำประพนั ธ์ และครยู กตวั อยา่ งการถอด
คำประพันธ์ใหน้ ักเรียนดเู พ่อื ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจหลักการถอดคำประพันธ์มากขนึ้ (K)
๒. ครูให้แบ่งนกั เรียนออกเปน็ 3 กล่มุ กลมุ่ ละ 5 คน ทำกิจกรรม “ถอดถอ้ ย รอ้ ย
เรยี ง” โดยใหน้ กั เรยี นถอดคำประพันธจ์ ากบทเสภาสามัคคีเสวกทีค่ รูกำหนดใหถ้ กู ตอ้ งตามหลกั การ
(K, P, A)
๓. ครใู ห้นกั เรยี นออกมานำเสนอหนา้ ชนั้ เรียนทกุ กล่มุ เพอื่ เปน็ การแลกเปลย่ี นเน้อื หา
ซ่ึงกันและกนั จากนัน้ ครูและนกั เรียนรว่ มกันเสนอแนะรายละเอียดเพ่ิมเติม (P, A)
ขน้ั สรุป
ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปกิจกรรม “ถอดถ้อย รอ้ ยเรยี ง” เป็นกิจกรรมที่ใหน้ กั เรยี น
ถอดคำประพนั ธจ์ ากบทเสภาสามัคคีเสวกให้ถกู ต้องตามหลกั การ สะท้อนผลวา่ นกั เรยี นมคี วามรู้
ความเขา้ ใจในหลักการถอดคำประพนั ธ์ สามารถถอดคำประพันธ์ใหถ้ กู ตอ้ งตามหลกั การ และสามารถนำ
ความรูท้ ่ไี ด้จากการเรยี น เรือ่ ง การถอดคำประพนั ธ์ ไปเป็นแนวทางในการถอดคำประพันธ์จากวรรณคดี
เรือ่ งอนื่ ๆ ในอนาคตได้ (K, P, A)
ช่ัวโมงท่ี 2
ข้นั นำ
ครใู หน้ กั เรียนออกมาเลา่ เน้อื เรื่องจากบทเสภาสามคั คีเสวกอย่างคร่าว ๆ จากการ
ถอดคำประพันธ์ในชวั่ โมงที่แลว้ จากนน้ั ครูให้นกั เรียนถามคำถามท่นี ักเรยี นสงสยั เพอ่ื เป็น
การแลกเปลย่ี นความร้ซู ึง่ กนั และกนั
ขน้ั สอน
๑. ครแู จกใบความรู้และให้ความรกู้ บั นักเรียนเรอ่ื ง สรปุ เนือ้ หาวรรณคดี จากนั้นครู
อธบิ ายความหมายของการสรุปเนื้อหา หลกั การสรุปเน้ือหา และครยู กตวั อย่างการสรุปเน้อื หาวรรณคดี
เพื่อใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจการสรุปเนื้อหาท่ีถกู ตอ้ งตามหลกั การมากยิ่งขนึ้ (K)
๒. ครูให้นกั เรียนทำใบงาน เรอ่ื ง สรุปเน้ือหาจากบทเสภาสามัคคีเสวก โดยให้นกั เรยี น
เขียนสรปุ เนอ้ื หาจากบทเสภาสามคั คเี สวก ทคี่ รูพาถอดคำประพันธม์ าให้ถกู ตอ้ งตามหลกั การ (K, P, A)
๓. ครูให้นกั เรียนออกมานำเสนอหน้าชั้นเรยี น โดยเลอื กจากการสุ่มจากสัญลกั ษณ์
ดา้ นหลงั ใบงาน จำนวน 1 คน จากนน้ั ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั เสนอแนะรายละเอียดเพ่ิมเติม (P, A)
ข้ันสรุป
ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรุปใบงาน สรุปเน้อื หาจากบทเสภาสามัคคเี สวก เปน็ ใบงาน
ทใี่ ห้นกั เรยี นสรุปเนอื้ หาวรรณคดีให้ถูกตอ้ งตามหลักการ สะท้อนผลว่านกั เรียนมีความรู้ความเข้าใจ
ในหลกั การสรุปเน้ือหาจากวรรณคดี สามารถสรปุ เน้อื หาจากวรรณคดีได้ และสามารถนำความรู้จากการ
เรียนไปเขียนสรุปเนอ้ื หาจากวรรณคดเี ร่อื งอนื่ ๆ ในการเรียนระดบั ต่อไปได้ (K, P, A)
ชว่ั โมงท่ี 3
ขน้ั นำ
ครกู ล่าวทกั ทายนกั เรียน แลว้ ครใู ช้คำถาม “นกั เรียนคดิ วา่ วรรณคดี สะทอ้ นวถิ ชี ีวติ
และวฒั นธรรมของคนในสมัยก่อนหรอื ไม่ อยา่ งไร” จากนั้นให้นักเรยี นแสดงความคดิ เห็นโต้ตอบกับครู
(K)
ข้นั สอน
๑. ครแู จกใบความรู้ ให้ความรกู้ บั นกั เรยี นเรอ่ื ง วิเคราะห์คณุ ค่าจากวรรณคดี จากนั้น
ครอู ธบิ ายความหมายของวเิ คราะหค์ ุณคา่ จากวรรณคดี หลักการวเิ คราะห์คุณค่าจากวรรณคดี และครู
ยกตัวอย่างการวเิ คราะห์คุณคา่ จากวรรณคดี เพอ่ื ให้นกั เรียนเขา้ ใจการวิเคราะห์คุณคา่
จากวรรณคดีที่ถูกต้องตามหลกั การมากยิ่งขึ้น (K)
๒. ครูให้นกั เรียนทำใบงาน เรื่อง วิเคราะหค์ ุณค่าจากบทเสภาสามัคคีเสวก โดยให้
นกั เรยี นวิเคราะห์คุณคา่ จากบทเสภาสามัคคีเสวกให้ถกู ตอ้ ง (K, P, A)
๓. ครูให้นักเรียนออกมานำเสนอหน้าชน้ั เรียน โดยเลือกจากการสมุ่ สัญลกั ษณ์ดา้ นหลัง
ใบงาน จำนวน 1 คน จากนน้ั ครูและนักเรยี นรว่ มกันเสนอแนะรายละเอียดเพิ่มเตมิ (P, A)
ขน้ั สรปุ
ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรุปใบงาน วิเคราะหค์ ุณค่าจากบทเสภาสามัคคเี สวก เปน็ ใบ
งานที่ใหน้ ักเรียนวเิ คราะห์คุณคา่ จากวรรณคดีใหถ้ ูกต้องตามหลักการ สะทอ้ นผลว่านกั เรยี นมีความรู้
ความเขา้ ใจในการวเิ คราะห์คุณค่าจากวรรณคดี สามารถวิเคราะคุณคา่ จากวรรณคดไี ด้ และสามารถนำ
ความรู้จากการเรียนเรือ่ ง วิเคราะหค์ ุณค่าจากวรรณคดี ไปเปน็ แนวทางในวเิ คราะห์คุณคา่ ในวรรณคดี
เรื่องอน่ื ๆ ในการเรียนระดับต่อไปได้ (K, P, A)
การวัดผลประเมนิ ผล เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
ช่วั โมงท่ี 1 ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน
ร้อยละ ๕๐
วธิ ีการ
เกณฑ์การประเมนิ
ประเมนิ กจิ กรรมถอดถ้อย รอ้ ยเรียง ใช้วธิ ีวดั ผลจากการ กจิ กรรมถอดถอ้ ยรอ้ ยเรยี ง ผา่ นเกณฑ์การประเมิน
รอ้ ยละ ๕๐
ทำกิจกรรมของนักเรยี นแต่ละคน โดยมปี ระเด็นในการ
วดั ผล ได้แก่ ถอดความได้ตรงกับความหมายเดิม จับ
ใจความได้ถูกตอ้ งวา่ ขอ้ ความน้ันกลา่ วถึงอะไร สามารถนำ
คำสามัญท่ีมีความหมายตรงกนั มาแทนได้ ใชส้ รรพนาม
บรุ ุษที่ 1, 2 หรอื 3 ตามบทประพันธ์ และลำดบั เนอ้ื ความ
ตามบทเดิม (ประเดน็ ของแต่ละคน) จากนัน้ นำผลการ
ประเมินมาเปน็ ข้อมูลในการปรับปรงุ และพฒั นานกั เรียน
และการจดั การเรียนการสอนของครูในครั้งต่อ ๆ ไป
ชวั่ โมงที่ ๒ เคร่ืองมือ
วิธีการ
ประเมินใบงานเรอ่ื ง สรปุ เนอื้ หาจากบทเสภาสามัคคีเสวก ใบงานเรื่อง สรุปเนอื้ หาจาก
ใชว้ ิธวี ดั ผลจากการทำใบงานของนกั เรยี นแตล่ ะคน โดยมี บทเสภาสามัคคีเสวก
ประเด็นในการวดั ผล ได้แก่ จับใจความสำคญั ได้อย่าง
ถูกต้อง สรปุ เนือ้ หาได้ตรงตามคำประพันธ์ เขียนสรปุ ด้วย
ภาษาท่ีสละสลวย ไพเราะและเป็นสำนวนภาษาของตนเอง
ลำดบั เรื่องราวได้อย่างถูกต้อง และแทนสรรพนามบุรษุ ท่ี
1, 2 และ 3 ได้อย่างถูกต้อง (ประเด็นของแต่ละคน)
จากน้นั นำผลการประเมินมาเป็นข้อมลู ในการปรบั ปรุงและ
พัฒนานักเรยี น และการจดั การเรียนการสอนของครใู น
ครั้งตอ่ ๆ ไป
ชว่ั โมงท่ี 3 เกณฑ์การประเมิน
วิธีการ เคร่อื งมือ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ
ร้อยละ ๕๐
ประเมนิ ใบงานเร่ือง วเิ คราะหค์ ุณคา่ จากบทเสภา ใบงานเรอ่ื ง วเิ คราะห์คุณค่า
สามคั คเี สวก ใช้วธิ วี ัดผลจากการทำใบงานของนักเรยี น จากบทเสภาสามคั คเี สวก
แตล่ ะคน โดยมปี ระเดน็ ในการวัดผล ได้แก่ วิเคราะห์
คุณค่าไดถ้ กู ตอ้ งตรงตามประเภท เขียนวเิ คราะห์ด้วย
ภาษาทส่ี ละสลวย ลำดับการเขียนไดถ้ กู ตอ้ ง วเิ คราะห์
ด้วยความสมเหตุสมผล และผลงานสะอาดเรยี บร้อย
(ประเด็นของแตล่ ะคน) จากน้นั นำผลการประเมนิ มา
เปน็ ข้อมูลในการปรับปรุงและพัฒนานกั เรียน
และการจัดการเรียนการสอนของครูในครั้งตอ่ ๆ ไป
ส่อื การเรียนรู้
ชว่ั โมงท่ี ๑
๑. ใบความรเู้ รื่อง การถอดคำประพนั ธ์
๒. ใบงานเรอ่ื ง ถอดถอ้ ย ร้อยเรยี ง
3. วดิ โี อ “บทเสภาสามัคคีเสวก”
ชั่วโมงที่ 2
1.ใบความรูเ้ รื่อง สรปุ เนอ้ื หาวรรณคดี
2. ใบความรู้เร่ือง สรุปเนือ้ หาจากบทเสภาสามัคคีเสวก
ช่วั โมงที่ 3
๑. ใบความรู้เรอ่ื ง การวเิ คราะหค์ ุณค่าจากวรรณคดี
๒. ใบงานเร่ือง วเิ คราะหค์ ณุ ค่าจากบทเสภาสามัคคีเสวก
ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษาหรือผู้ท่ไี ดร้ ับมอบหมาย (ตรวจสอบ,นเิ ทศ,เสนอแนะ,รับรอง)
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ................................................................
(นายสนอง ศรีธรรมา)
วนั ท.ี่ ........../...................../...........
บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้
๑. ผลการจดั การเรยี นรู้
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๒. ปัญหาและอุปสรรค
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๓. แนวทางการแก้ไขปญั หา
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๔. ขอ้ เสนอแนะ
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงช่ือ.................................................
(นายฤทธิเดช สกุลซ้ง)
วนั ที.่ ............./......................./...............
แผนการจัดการเรยี นรู้
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 เร่ือง ลีลาการประพันธ์
รหสั วิชา ท ๒2๑๐๑ ชือ่ รายวชิ า ภาษาไทย กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ ๑ เวลา 1 ชวั่ โมง
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเหน็ วิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทย
อยา่ งเหน็ คณุ ค่าและนำมาประยุกตใ์ ช้ในชีวิตจริง
ตวั ช้ีวัด
ท 5.๑ ม. 1/3 อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อา่ น
สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
ลีลาการประพันธ์ คอื กลวธิ ีการประพันธ์ทผ่ี ู้ประพันธ์เลอื กใช้ในการถา่ ยทอดเร่อื งราว
และอารมณ์ตา่ ง ๆ ผา่ นทางตวั ละครและฉาก ซ่งึ ลีลาการประพนั ธ์มชี ือ่ เรยี กอีกอย่างว่า “รสวรรณคดี”
โดยมที ้งั หมด 4 รส ได้แก่ เสาวรจนี นารีปราโมทย์ พโิ รธวาทงั และสลั ลาปงั คพสิ ยั
สาระการเรียนรู/้ เนื้อหายอ่ ย
ความรู(้ K)
นักเรียนมีความร้คู วามเขา้ ใจในลีลาการประพันธ์
ทักษะ/กระบวนการ (P)
นักเรียนสามารถวเิ คราะหร์ สของคำประพันธจ์ ากบทเพลงได้ถูกต้องตามลักษณะลีลา
การประพันธ์
คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A)
นกั เรียนสามารถนำความรูจ้ ากการเรียนไปเปน็ แนวทางในการวเิ คราะหล์ ลี าการประพันธ์
จากเรือ่ งอ่นื ๆ ในอนาคตได้
จุดเนน้ สกู่ ารพฒั นาคุณภาพผู้เรียน
ทกั ษะในศตวรรษที่ 21 ( 3R8C )
Reading (อ่านออก)
(W) Riting (เขยี นได้)
(A) Rithemetics (คิดเลขเปน็ )
ทกั ษะด้านการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณและทกั ษะในการแกไ้ ขปญั หา (Critical
Thinking and Problem Solving)
ทักษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
ทกั ษะดา้ นความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทศั น์ (Cross-cultural
Understanding)
ทักษะด้านความร่วมมอื การทำงานเป็นทมี และภาวะผู้นำ (Collaboration,
Teamwork and Leadership)
ทกั ษะด้านการส่อื สาร สารสนเทศและรูเ้ ท่าทันสอื่ (Communications,
Information, and Media Literacy)
ทักษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร (Computing
and ICT Literacy)
ทักษะอาชพี และทกั ษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)
ทกั ษะการเปลย่ี นแปลง (Change)
การประเมินผลรวบยอด
ชน้ิ งานหรือภาระงาน
กิจกรรม รสวรรณคดีจากบทเพลง
กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขัน้ นำ
ครูกลา่ วทักทายนกั เรยี น แลว้ ให้นักเรยี นอ่านบทประพันธ์
“นางผีเสอ้ื เหลือโกรธพโิ รธรอ้ ง มาตัง้ ซ่องศลี จะมีอยู่ทไ่ี หน
ชา่ งเฉโกโยคหี นเี ขาใช้ ไม่อยู่ในศีลสตั ยม์ าตดั รอน
เขาวา่ กันผวั เมียกบั แม่ลกู ยื่นจมกู เข้ามาบ้างชว่ ยสัง่ สอน
แม้นคบคกู่ ไู ว้มใิ หน้ อน จะราญรอนรบเรา้ เฝา้ ตอแย
แล้วช้หี น้าด่าอึงหึงนางเงือก ทำซบเสือกสอพลออตี อแหล
เห็นผัวรกั ยักคอทำทอ้ แท้ พ่อกับแม่มึงเข้าไปอยู่ในทอ้ ง”
จากนั้นครูใช้คำถาม “นกั เรียนคดิ ว่าจากบทท่ีนกั เรยี นได้อ่าน นางผเี สือ้ มอี ารมณ์เช่นไร”
เมื่อถามจบครูใหน้ กั เรียนแสดงความคดิ เห็นโตต้ อบกบั ครู (K)
ข้นั สอน
๑. ครูแจกใบความรู้และให้ความรูก้ ับนกั เรยี น เรือ่ ง ลีลาประพนั ธ์ จากนน้ั ครอู ธบิ าย
ความหมายของลีลาการประพันธ์ ลกั ษณธของรสวรรณคดี และครูยกตัวอยา่ งรสวรรณคดีทง้ั 4 รส
ใหน้ กั เรยี นดู เพือ่ ให้นักเรยี นเข้าใจลลี าการประพนั ธ์มากข้ึน (K)
๒. ครใู ห้นักเรยี นทำกิจกรรม รสวรรณคดีจากบทเพลง โดยในนกั เรยี นวิเคราะหว์ า่ บท
เพลงมรี สวรรณคดีหรอื ไม่ จากน้ันให้นกั เรยี นค้นหาเพลงที่มีรสวรรณคดีทั้ง 4 รส แลว้ นำมาเขียน
ลงใบงาน (K, P, A)
๓. ครใู ห้นักเรียนออกมานำเสนอหนา้ ช้ันเรยี นโดยการสุ่ม เพื่อเปน็ การแลกเปลีย่ น
เนอื้ หาซง่ึ กนั และกนั จากนั้นครูและนกั เรียนรว่ มกนั เสนอแนะรายละเอยี ดเพิ่มเตมิ (P, A)
ขั้นสรปุ
ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรปุ กิจกรรม รสวรรณคดจี ากบทเพลง เป็นกจิ กรรมที่ให้
นักเรียนคน้ หาเพลงที่มีรสวรรณคดที ้ัง 4 รส จากการทำกิจกรรมนักเรียนสามารถปฏิบตั ิได้อย่างถูกตอ้ ง
สะทอ้ นผลได้ว่านักเรยี นมคี วามรคู้ วามเข้าใจในลีลาการประพันธ์ สามารถวเิ คราะหร์ สของคำประพนั ธ์
จากบทเพลงไดถ้ กู ตอ้ งตามลักษณะลีลาการประพันธ์ และสามารถนำความรจู้ ากการเรยี นไปเป็น
แนวทางในการวิเคราะหล์ ีลาการประพันธจ์ ากเรือ่ งอ่ืน ๆ ในอนาคตได้ (K, P, A)
การวัดผลประเมินผล เกณฑก์ ารประเมิน
วิธกี าร เครื่องมอื ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ
ประเมินกิจกรรม รสวรรณคดจี ากบทเพลง กจิ กรรม รสวรรณคดีจากบทเพลง รอ้ ยละ ๕๐
ใชว้ ธิ ีวดั ผลจากการทำใบงานของนักเรียน
แตล่ ะคน โดยมปี ระเดน็ ในการวัดผล ไดแ้ ก่
บอกประเภทของรสวรรณคดไี ด้ถูกต้อง
วเิ คราะห์รสวรรณคดไี ดต้ รงตามลักษณะคำ
ประพนั ธ์ ใชภ้ าษาในการเขียนวเิ คราะหไ์ ด้
สละสลวย ชดั เจนและไมส่ บั สน เรยี บเรยี งบท
วิเคราะหใ์ หเ้ ปน็ สำนวนภาษาของตนเอง และ
ผลงานสะอาดเรยี บรอ้ ย (ประเดน็ ของแต่ละ
คน) จากนั้นนำผลการประเมินมาเป็นขอ้ มูลใน
การปรบั ปรุงและพัฒนานกั เรยี น และการ
จดั การเรยี นการสอนของครใู นครั้งตอ่ ๆ ไป
ส่อื การเรียนรู้
๑. ใบความรู้ เรื่อง ลีลาการประพันธ์
๒. กจิ กรรม รสวรรณคดีจากบทเพลง
3. เพลงที่มีรสวรรณคดีต่าง ๆ
ขอ้ เสนอแนะของหวั หน้าสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ่ีไดร้ ับมอบหมาย (ตรวจสอบ,นเิ ทศ,เสนอแนะ,รับรอง)
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงชื่อ................................................................
(นายสนอง ศรีธรรมา)
วนั ท.่ี ........../...................../...........
บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้
๑. ผลการจดั การเรียนรู้
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๒. ปัญหาและอปุ สรรค
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๓. แนวทางการแกไ้ ขปัญหา
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๔. ข้อเสนอแนะ
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงช่ือ.................................................
(นายฤทธเิ ดช สกลุ ซง้ )
วันท่ี............../......................./...............
ใบความรู้
เร่อื ง ลลี าการประพันธ์
ลลี าการประพนั ธ์ คือ กลวธิ ีการประพนั ธท์ ่ผี ปู้ ระพนั ธเ์ ลอื กใชใ้ นการถา่ ยทอดเรือ่ งราวและ
อารมณต์ ่าง ๆ ผ่านทางตวั ละครและฉาก ซง่ึ ลลี าการประพันธม์ ชี ื่อเรียกอีกอย่างวา่ “รสวรรณคดี”
(รสของความไพเราะในการใช้ถ้อยคำใหเ้ กดิ ความงดงามและเกิดอารมณ์) โดยมีทั้งหมด 4 รส ไดแ้ ก่
เสาวรจนี นารปี ราโมทย์ พโิ รธวาทัง และสลั ลาปงั คพิสัย
ลักษณะของลีลาการประพันธ์
รสวรรณคดี คอื แบ่งเปน็ ๔ รสคอื
๑) เสาวรสจนี เป็นลกั ษณะของรสวรรณคดีแต่ละประเภทเป็นรสความไพเราะเกย่ี วกับการ
ชมความงาม อาจเป็นความงามของตัวละคร สถานที่ หรือธรรมชาติ
ตวั อยา่ ง
พงศก์ ษัตรยิ ท์ ศั นานางเงอื กนอ้ ย ดูแช่มช้อยโฉมเฉลาท้งั เผา้ ผม
ประไพพกั ตรลกั ษณล์ ำ้ ล้วนขำคม ทง้ั เนือ้ นมนวลเปลง่ ออกเตง่ ทรวง
ขนงเนตรเกศกรอ่อนสอาด ดังสุรางค์นางนาฎในวงั หลวง
พระเพลินพิศคิดหมายเสียดายดวง แลว้ หนักหนว่ งนึกที่จะหนไี ป
(พระอภัยมณี : สุนทรภ่)ู
๒) นารปี ราโมทย์ เปน็ รสท่แี สดงถึงความรกั ใคร่ หรอื พดู จาโอ้โลมใหอ้ ีกฝา่ ยเกิดความปฏพิ ัทธ์
บทเกีย้ วพาราสีหรอื บทปลอบใจ
ตัวอย่าง
ถงึ มว้ ยดินสน้ิ ฟ้ามหาสมทุ ร ไมส่ นิ้ สุดความรกั สมคั รสมาน
แมน้ เกิดในใตฟ้ ้าสธุ าธาร ขอพบพานพศิ วาสไม่คลาดคลา
แม้นเนื้อเย็นเป็นหว้ งมหรรณพ พข่ี อพบศรีสวสั ดิเ์ ป็นมจั ฉา
แมน้ เปน็ บวั ตัวพ่เี ป็นภุมรา เชยผกาโกสุมปทมุ ทอง
เจา้ เป็นถ้ำอำไพขอใหพ้ ่ี เปน็ ราชสหี ์สมสเู่ ปน็ คสู่ อง
จะติดตามทรามสงวนนวลละออง เป็นคตู่ รองพศิ วาสทุกชาติไป
(พระอภยั มณี : สุนทรภู)่
๓) พิโรธวาทัง เปน็ บทแสดงความโกรธ ตัดพอ้ ด่าทอ เหน็บแนม เสียดสี หรอื แสดงความ
เคียดแค้น แสดงให้เหน็ ถึงความก้าวร้าวของตวั ละคร
ตวั อยา่ ง
นางผีเส้อื เหลือโกรธพิโรธร้อง มาตัง้ ซ่องศลี จะมาอย่ทู ีไ่ หน
ช่างเฉโกโยคีหนเี ขาใช้ ไมอ่ ยใู่ นศลี สตั ย์มาตัดรอน
เขาว่ากนั ผวั เมียกบั แม่ลกู ย่นื จมูกเข้ามาบา้ งชว่ ยส่งั สอน
แม้นคบค่กู ูไว้มิให้นอน จะราญรอนรบเรา้ เฝ้าตอแย
(พระอภยั มณี : สุนทรภู่)
๔) สลั ลาปังคพสิ ัย เป็นรสทีแ่ สดงการคร่ำครวญ โศกเศร้า ว้าเหว่ เสยี ใจ
ตวั อยา่ ง
วา่ พลางทางชมคณานก โผนผกจับไม้อึงม่ี
เบญจวรรณจบั วัลย์ชาลี เหมือนวันพ่ีจากสามสุดามา
นางนวลจบั นางนวลนอน เหมือนพี่แนบนวลสมรจินตะหรา
จากพรากจบั จากจำนรรจา เหมอื นจากนางสะการะวาตี
แขกเต้าจับเตา่ รา้ งรอ้ ง เหมือนรา้ งนอ้ งมาหยารศั มี
นกแก้วจบั แก้วพาที เหมอื นแก้วพีท่ ้ังสามสงั่ ความมา
(อเิ หนา : พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลัย)