แผนการจดั การเรียนรู้
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๕ เรือ่ ง วิเคราะหข์ ้อเท็จจริงและข้อคดิ เหน็ จากขา่ ว
รหัส ท ๒๒๑๐๑ ชอ่ื รายวชิ า ภาษาไทย กลุม่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒ ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๒ ชว่ั โมง
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอยา่ งมีวิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ และ
ความรู้สกึ ในโอกาสต่าง ๆ อย่างมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์
ตัวช้วี ัด
ท ๓.๑ ม.๒/๓ วิเคราะหแ์ ละวจิ ารณ์เรอ่ื งที่ฟงั เรือ่ งท่ีฟงั และดูอย่างมีเหตผุ ล เพือ่ นำขอ้ คิดมา
ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดำเนินชีวิต
สาระสำคัญ / ความคดิ รวบยอด
การวิเคราะห์ข้อเทจ็ จริงและข้อคดิ เห็น คือ ตอ้ งรู้จักคิดวเิ คราะหห์ าขอ้ เท็จจรงิ และขอ้ คิดเหน็ ของ
ขา่ วสารสารทไ่ี ดร้ บั รวมทัง้ วเิ คราะหค์ วามนา่ เชื่อถือของข้อมูลวา่ มีมากนอ้ ยเพียงใด เพอ่ื ทจี่ ะประเมิน
ขา่ วสารนน้ั ๆ ใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุด
สาระการเรียนรู้/เนอื้ หาย่อย
ชวั่ โมงที่ ๑
ความรู้ (K)
นกั เรยี นมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจในเนอ้ื เรอื่ งการวิเคราะห์ข้อเทจ็ จริงและขอ้ คิดเหน็
ทักษะ/กระบวนการ (P)
นกั เรียนสามารถบอกเน้อื เรอื่ งของการวิเคราะห์ข้อเทจ็ จริงและขอ้ คิดเห็นได้อย่างถกู ตอ้ ง
คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
นกั เรียนนำความรูเ้ กีย่ วกับการวิเคราะห์ข้อเท็จจริงและขอ้ คิดเหน็ ไปเป็นพ้นื ฐานใน
การวเิ คราะห์งานประเภทต่าง ๆ
ชวั่ โมงท่ี ๒
ความรู้ (K)
นักเรียนมีความรูค้ วามเข้าใจในเน้อื เรอื่ งของหลกั การวิเคราะห์ขอ้ เทจ็ จรงิ และขอ้ คดิ เห็นจาก
ข่าว
ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
นักเรยี นสามารถบอกเน้ือเร่อื งของหลักการวิเคราะห์ข้อเทจ็ จริงและขอ้ คิดเหน็ จากข่าวไดอ้ ย่าง
ถูกต้อง
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
นกั เรยี นนำความรู้เกยี่ วกบั หลักการวิเคราะห์ขอ้ เท็จจริงและข้อคดิ เห็นไปเป็นพืน้ ฐาน
ในการวิเคราะห์งานประเภทตา่ ง ๆ
จุดเน้นสกู่ ารพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น
ทักษะในศตวรรษที่ 21 ( 3R8C )
Reading (อ่านออก)
(W) Riting (เขียนได้)
(A) Rithemetics (คิดเลขเป็น)
ทกั ษะด้านการคดิ อย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแกไ้ ขปัญหา
(Critical Thinking and Problem Solving)
ทกั ษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
ทกั ษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross-cultural
Understanding)
ทักษะดา้ นความร่วมมือ การทำงานเปน็ ทีมและภาวะผ้นู ำ (Collaboration,
Teamwork and Leadership)
ทกั ษะดา้ นการสอ่ื สาร สารสนเทศและรูเ้ ท่าทันส่อื (Communications, Information,
and Media Literacy)
ทกั ษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing and
ICT Literacy)
ทักษะอาชพี และทักษะการเรียนรู้ (Career and Learning)
ทักษะการเปล่ียนแปลง (Change)
การประเมินผลรวบยอด
ชิ้นงานหรือภาระงาน
ใบงาน เรือ่ ง การวเิ คราะห์ข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากขา่ ว
กิจกรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงท่ี ๑
ขั้นนำ
ครูกลา่ วทักทายนกั เรยี นและสนทนาซักถามร่วมกันในประเด็นการวิเคราะหข์ ้อเท็จจริงและ
ข้อคดิ เหน็ ในชีวติ ประจำวนั เมื่อครซู กั ถามนกั เรียนเสรจ็ ส้ิน จากนน้ั ครโู ยงเนอื้ หาเขา้ สู่บทเรียน (K, P)
ขัน้ สอน
๑. ครแู จกใบความรู้ เรื่อง การวเิ คราะหข์ อ้ เท็จจริงและขอ้ คดิ เห็น พร้อมกับใหค้ วามรู้
เกี่ยวกบั ความหมาย การเขียนวเิ คราะหข์ อ้ เท็จจริงและขอ้ คดิ เห็น (K) ประกอบกบั ยกตัวอยา่ ง
พร้อมท้ังสอดแทรกคำถาม เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นมีความกระตือรอื ร้น (P)
ขั้นสรปุ
ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเรือ่ ง การเขียนวเิ คราะหข์ อ้ เทจ็ จริงและขอ้ คิดเห็น คือ ต้องร้จู ักคิด
วิเคราะหห์ าขอ้ เท็จจรงิ และข้อคิดเหน็ ของข่าวสารสารท่ีได้รบั รวมทงั้ วิเคราะห์ความนา่ เชอื่ ถอื ของข้อมลู ว่ามี
มากนอ้ ยเพยี งใด เพอื่ ทจ่ี ะประเมินข่าวสารน้นั ๆ ให้เกิดประโยชนส์ งู สดุ ทำใหน้ ักเรยี นมีความรู้ความเข้าใจ
เกยี่ วกับความหมาย ลักษณะการวิเคราะห์ข้อเท็จจริงและขอ้ คดิ เหน็ ทำให้นกั เรยี นเกิดองคค์ วามรู้การเขียน
วเิ คราะห์และวิจารณ์ไปเปน็ พน้ื ฐานในการวเิ คราะห์งานประเภทต่าง ๆ ได้
(K, P, A)
ชวั่ โมงท่ี ๒
ขั้นนำ
ครูกล่าวทกั ทายนักเรียนและสนทนาซักถามรว่ มกนั ในประเดน็ การวเิ คราะห์ข้อเทจ็ จรงิ และ
ข้อคิดเหน็ จากข่าวในชวี ิตประจำวัน เมือ่ ครซู ักถามนกั เรียนเสร็จส้นิ จากน้ันครูโยงเน้อื หาเข้าสู่บทเรียน (K,
P)
ข้นั สอน
๑. ครแู จกใบความรู้ เร่อื ง หลกั การเขยี นวิเคราะห์ขอ้ เทจ็ จรงิ และข้อคดิ เหน็ จากข่าว
พร้อมกับใหค้ วามรู้เกยี่ วกบั ความหมาย หลกั การเขียนวเิ คราะหข์ อ้ เท็จจริงและขอ้ คดิ เห็นจากข่าว (K)
ประกอบกบั ยกตัวอยา่ ง พรอ้ มทัง้ สอดแทรกคำถาม เพือ่ ใหน้ ักเรียนมคี วามกระตอื รอื ร้น (P)
๒. ครแู จกใบงาน เรอ่ื ง หลักการเขยี นวเิ คราะหข์ อ้ เท็จจรงิ และขอ้ คิดเหน็ จากขา่ ว
ซ่ึงเป็นใบงานรายบคุ คล จากนัน้ ครูอธิบายคำชแ้ี จงใหน้ กั เรียนเข้าใจในช้ินงาน (K, P)
๓. ครูและนักเรียนรว่ มกันเฉลยใบงาน เร่อื ง หลักการเขียนวิเคราะหข์ ้อเทจ็ จรงิ และข้อคิดเหน็
จากข่าว จากนน้ั ครคู ำแนะนำเพมิ่ เตมิ เกี่ยวกบั การวิเคราะห์ข้อเท็จจริงและขอ้ คิดเหน็ จากข่าวเพือ่ เกิดความ
เขา้ ใจเพม่ิ มากขน้ึ
ขัน้ สรปุ
ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรปุ กจิ กรรม เรือ่ ง หลกั การเขยี นวเิ คราะหข์ ้อเทจ็ จริงและขอ้ คิดเห็น
จากข่าว ซงึ่ เป็นใบงานที่ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกล่มุ ไดร้ ่วมกันเขยี นวิเคราะห์ข้อเท็จจรงิ และข้อคิดเหน็ จากข่าวได้
อยา่ งถกู ตอ้ ง สะทอ้ นใหเ้ ห็นว่านกั เรียนมีการเขยี นวิเคราะหข์ ้อเท็จจรงิ และขอ้ คดิ เหน็ จากข่าว ไปเป็น
พ้ืนฐานในการวิเคราะหง์ านประเภทต่าง ๆ ได้เปน็ อย่างดี และสามารถนำ
การเขยี นวเิ คราะห์และวจิ ารณ์ไปเปน็ พื้นฐานในการวิเคราะห์งานประเภทตา่ ง ๆ ได้ (K, P, A)
การวัดผลประเมนิ ผล
วิธีการ เคร่ืองมอื เกณฑ์
ตรวจใบงาน เร่ือง การวเิ คราะห์ขอ้ เท็จจริง ใบงาน เรื่อง การวเิ คราะหข์ ้อเทจ็ จรงิ ผ่านเกณฑ์การประเมิน
และข้อคิดเห็นจากขา่ ว ใช้วิธีวัดผลจากการทำ และขอ้ คิดเห็นจากข่าว รอ้ ยละ ๕๐
ใบงานของนกั เรียนแตล่ ะคน โดยมปี ระเด็นใน
การวัดผล ไดแ้ ก่ ความรคู้ วามเข้าใจเก่ียวกับ
หลกั การวเิ คราะห์ขอ้ เท็จจริงและขอ้ คิดเหน็
จากข่าว ตอบคำถามเกย่ี วกบั หลักการ
วิเคราะห์ข้อเท็จจรงิ และข้อคดิ เหน็ จากขา่ ว
ความสวยงามของตวั หนังสือ ความเป็น
ระเบียบเรยี บรอ้ ยและความสะอาดเรยี บรอ้ ย
(ประเด็นของแตล่ ะคน) จากนั้นนำผลการ
ประเมินมาเป็นข้อมลู ในการปรับปรงุ และ
พฒั นานกั เรยี น และการจัดการเรียนการสอน
ของครใู นครงั้ ต่อ ๆ ไป
สื่อการเรยี นรู้
๑. ใบความรู้ เรอ่ื ง การวเิ คราะห์ข้อเทจ็ จรงิ และข้อคดิ เห็นจากข่าว
๒. ใบงาน เรอื่ ง การวเิ คราะหข์ อ้ เท็จจริงและขอ้ คิดเห็นจากข่าว
ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ สถานศกึ ษาหรอื ผู้ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย (ตรวจสอบ,นเิ ทศ,เสนอแนะ,รบั รอง)
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ................................................................
(นายสนอง ศรธี รรมา)
วันท.ี่ ........../...................../...........
บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้
๑. ผลการจดั การเรยี นรู้
............................................................................................................................. ..................................
...............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................
...............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................
๒. ปญั หาและอปุ สรรค
............................................................................................................................. ..................................
...............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................
............................................................................................................................. ..................................
...............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................
.................................................................................................................................................... ...........
๓. แนวทางการแก้ไขปญั หา
...............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................
...............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................
............................................................................................................................. ..................................
...............................................................................................................................................................
๔. ขอ้ เสนอแนะ
............................................................................................................................. ..................................
............................................................................................................................. ..................................
...............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................
........................................................................................................................................................ .......
............................................................................................................................ ...................................
ลงชอ่ื .................................................
(นายฤทธเิ ดช สกุลซ้ง)
วันที่............../......................./...............
เกณฑก์ ารประเมนิ ใบงาน เรื่อง การวิเคราะห์ขอ้ เท็จจริงและขอ้ คดิ เห็นจากข่าว
รายการประเมิน ระดับคะแนน
ความรูค้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกับ ๒ คะแนน ๑ คะแนน
หลกั การวิเคราะห์ข้อเท็จจรงิ
และข้อคดิ เหน็ จากข่าว มคี วามรคู้ วามเข้าใจเก่ยี วกบั มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกับ
หลักการวิเคราะห์ขอ้ เทจ็ จรงิ และ หลกั การวิเคราะห์ข้อเทจ็ จริงและ
ขอ้ คดิ เห็นจากข่าว ข้อคดิ เห็นจากขา่ วเลก็ น้อย
ตอบคำถามเกีย่ วกบั สามารถตอบคำถามเก่ียวกบั สามารถเขียนตอบคำถาม
หลกั การวิเคราะห์ขอ้ เท็จจริง
และขอ้ คดิ เห็นจากข่าว หลักการวเิ คราะห์ข้อเทจ็ จรงิ และ เกย่ี วกับหลักการวิเคราะห์
ความสวยงามของตวั หนงั สือ
ข้อคดิ เห็นจากขา่ วถกู ตอ้ ง ข้อเทจ็ จรงิ และขอ้ คดิ เห็นจาก
ความเปน็ ระเบยี บเรยี บร้อย
ขา่ วได้
ความสะอาดเรียบรอ้ ย
ตัวหนงั สือมีความสวยงาม ตัวหนงั สอื ไม่ค่อยสวยงาม
เรียบรอ้ ย เรยี บร้อย
มีความเป็นระเบยี บเรยี บร้อย ไมค่ อ่ ยมคี วามเป็นระเบยี บ
เรยี บรอ้ ย
มีความสะอาดเรยี บร้อยดีมาก มีความสะอาดเรยี บรอ้ ย
หมายเหตุ : เกณฑก์ ารทำใบงาน ตอ้ งไดค้ ะแนนรอ้ ยละ ๕๐ คอื ๕ คะแนนขึน้ ไป จากคะแนนเต็ม ๑๐
จึงจะถอื ว่าผา่ นเกณฑ์
เกณฑก์ ารประเมิน เกณฑ์การตัดสินระดบั คุณภาพ ผลการประเมนิ
๙-๑๐ คะแนน ดมี าก ผ่าน
๗-๘ คะแนน ดี ผ่าน
๕-๖ คะแนน ปานกลาง ผา่ น
๓-๔ คะแนน พอใช้ ไมผ่ า่ น
๐-๒ คะแนน ปรับปรุง ไมผ่ ่าน
แบบประเมนิ ใบงาน เรอ่ื ง หลักการวเิ คราะหข์ อ้ เทจ็ จรงิ และข้อคดิ เห็นจากขา่ ว
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒
รายการประเมนิ
ชอ่ื -สกลุ ความ ู้รความเ ้ขาใจเ ่ีกยว ักบ รวม สรุปผล
ห ัลกการวิเคราะห์ ้ขอเท็จจ ิรงและ
ต ้ขออบคิคดำเถห็านมจเา ่ีกกย ่ขวา ักวบ
ห ัลกการวิเคราะห์ ้ขอเท็จจ ิรงและ
ความส ้ขวอยคิงดเาห็มนขจอางก ัต่ขาววหนังสือ
ความเป็นระเบียบเ ีรยบ ้รอย
ความสะอาดเ ีรยบ ้รอย
๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผา่ น ไมผ่ ่าน
ด.ช.สมพงษ์ กงสะกาง
ด.ช.ทรงศกั ดิ์ เรืองกรไกร
ด.ช.พนิต ระแสน
ด.ช.ฤทธกิ ร ใบแสน
ด.ช.อนุเทพ ใยปางแก้ว
ด.ญ.ดนุนนั ท์ วระโงน
ด.ญ.จนั ทรจ์ ริ า สขุ ล้วน
ด.ญ.กัญญาลักษณ์ น้อยเวยี ง
ด.ญ.เบญจวรรณ นารแี พงศรี
ด.ญ.ตะวันฟา้ พลู เพิม่
ด.ญ.ขวัญฤดี คำเมือง
ด.ช.รชั ชานนท์ พลาดอนิ ทร์
ด.ช.วชระ วางศรี
ใบความรู้ เร่ือง การวิเคราะห์ขอ้ เทจ็ จริงและข้อคดิ เหน็ จากขา่ ว
ในชวี ิตประจำวนั นกั เรยี นไดท้ ราบขา่ วสารมากมายจากส่ือต่าง ๆ ทีม่ อี ยูร่ อบตวั เชน่ สอ่ื
สิ่งพมิ พเ์ ว็บไซต์ในอนิ เทอร์เนต็ รายการโทรทัศนว์ ทิ ยุ การรบั สารของนกั เรยี นทีต่ ้องอยใู่ นโลกแหง่ ขอ้ มูลแห่ง
ขอ้ มลู ขา่ วสารเช่นน้ี จงึ ตอ้ งรูเ้ ท่าทนั และรู้จักเลอื กรบั ข่าวสารใหเ้ หมาะสมกบั ตนเอง สอดคลอ้ งกับสภาพ
สังคมไทย
ที่ดงี าม และกอ่ ให้เกดิ ประโยชนใ์ นการดำเนนิ ชวี ิต
การวิเคราะห์ข่าวสารจากส่อื คอื ตอ้ งร้จู ักคดิ วิเคราะหห์ าข้อเท็จจริงและขอ้ คดิ เหน็ ของข่าวสาร
สารทไี่ ดร้ บั รวมท้ังวิเคราะหค์ วามนา่ เชื่อถอื ของข้อมลู วา่ มีมากน้อยเพยี งใด เพอื่ ที่จะประเมนิ ข่าวสารนั้น ๆ
ใหเ้ กิดประโยชน์สงู สดุ
ข่าว คือ เหตุการณ์ ข้อเท็จจริง และข้อคิดเหน็ ทไี่ ดร้ ับการรายงานเป็นส่งิ ท่คี นท่ัวไปให้ความ
สนใจ เพราะถา้ เหตกุ ารณ์ที่ถงึ แม้วา่ จะมคี นสนใจมากเพยี งใดแต่ไมไ่ ดร้ ับการรายงานก็ไม่ถือวา่ เปน็ ขา่ ว หรือ
วา่ ขา่ ว จะเปน็ สิ่งใหม่ๆ หรอื ขอ้มูลใหม่ๆ ที่มเี น้อื หาสาระและประโยชน์
หลกั การวิเคราะห์ข้อเทจ็ จริง
๑. มีความเป็นไปได้เสมอ
๒. มีความเป็นจรงิ เพียงอย่างเดียวเทา่ น้ัน
๓. สามารถหาหลักฐานอา้ งองิ พสิ จู น์ได้ว่าจรงิ หรอื เทจ็
๔. มคี วามเปน็ เหตุเปน็ ผล และสมเหตุสมผล
ตัวอยา่ งข้อความท่เี ป็นข้อเท็จจรงิ
๑. กตเวที หมายถงึ สนองคุณท่าน (พิสูจน์ได้โดยค้นความหมายจากพจนานุกรมฉบบั
ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕)
๒. ดวงตาเป็นอวัยวะที่ทำให้มองเหน็ (พิสูจน์ไดด้ ้วยหลักวิชาการ)
๓. ทุกคนหนีไมพ่ ้นความตาย (พิสจู นไ์ ดจ้ ากประสบการณ)์
หลักการวิเคราะห์ข้อคดิ เหน็
๑. เปน็ ข้อความแสดงความรูส้ ึก นึก คิด
๒. แสดงการคาดคะเนหรอื เดา เปรียบเทียบ อปุ มาอุปไมย
๓. เปน็ ความเชอื่ ไมม่ ีเหตผุ ล พสิ ูจน์ไม่ได้
๔. เป็นขอ้ เสนอแนะหรอื แนะนำของผู้พดู หรอื ผู้เขียน
ตวั อย่างขอ้ ความที่เปน็ ข้อคดิ เห็น
๑. การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยดีทีสดุ (ไม่มีขอ้ วินจิ ฉยั )
๒. คนเรยี นเกง่ ย่อมประสบผลสำเรจ็ ในชวี ิตเสมอ (ไม่มขี อ้ ยืนยัน)
๓. การรบั ประทานแต่ผักไม่น่าจะเปน็ ผลดีต่อร่างกาย (ไมม่ ีขอ้ ยนื ยนั )
ขอ้ ควรปฏิบัตใิ นการรบั สารท่ีดี
๑. รบั ขา่ วสารจากส่ือต่าง ๆ อย่างตั้งใจ โดยใช้ความร้แู ละประสบการณท์ ี่ส่งั สมมาเป็นพ้นื ฐานในการ
พจิ ารณาขั้นตน้ วา่ ควรจะตดิ ตามรบั ข่าวสารนนั้ ตอ่ ไปหรอื ไม่ เชน่ เร่อื งสว่ นตัวของผู้อน่ื เรอ่ื งหยาบ เรื่อง
นนิ ทาว่าร้ายกลา่ วพาดพิงผอู้ ืน่ ในทางเสยี หาย เร่อื งเหลา่ นีห้ ากสามารถพิจารณาได้ในขน้ั ต้นก็ควรจะ
หลกี เลีย่ ง เพราะเปน็ เรอื่ งทไี่ มเ่ กิดประโยชนแ์ ละอาจส่งผลเสียใหผ้ รู้ ับสารโดยไม่รตู้ ัว
๒. ใช้ความคดิ วเิ คราะหข์ ่าวสารจากส่อื ต่าง ๆ โดยแยกเปน็ ขอ้ เท็จจรงิ คอื ขอ้ ความท่ีเปน็ ความรู้
ทวั่ ไป ซ่งึ เกิดขน้ึ ตามสภาพจรงิ ที่ทุกคนในสงั คมยอมรับ และขอ้ คดิ เห็น คอื ความคิด ความเชื่อ ความร้สู ึก
หรอื อารมณส์ ่วนตวั ท่ีมีต่อสิ่งใดสิง่ หนึ่ง เหตกุ ารณใ์ ดเหตุการณห์ น่ึง ซ่ึงอาจจะมีเหตุผลหรือไมม่ ีเหตุผลกไ็ ด้
๓. นำผลการวเิ คราะห์มาสรปุ ทัง้ ในส่วนของข้อเท็จจริงวา่ เปน็ เรอื่ งราวเกยี่ วกับใคร อะไร ทีไ่ หน
เมื่อไร อย่างไร และในสว่ นของคิดเหน็ ว่าสอดคลอ้ งกบั ขอ้ เทจ็ จริงท่ไี ด้สรปุ ไว้อย่างมีเหตผุ ลหรอื ไม่ โดย
นักเรียนต้องฝกึ ฝนพจิ ารณาอยา่ งมีเหตุผล
๔. เมอ่ื สามารถช้ีแจงความสมั พันธ์อย่างมเี หตผุ ลระหวา่ งข้อเทจ็ จรงิ และข้อคดิ เห็นจากข่าวสารที่
ได้รบั แลว้ นน้ั ก็ถึงข้ันทรี่ ะบุได้วา่ ขา่ วสารเหลา่ นน้ั เชื่อถอื ไดห้ รือไม่ หากข่าวสารทไี่ ดร้ บั ไมน่ า่ เช่อื ถอื ก็
สามารถประเมนิ ค่าและไม่ใหค้ วามสำคัญท้งั ในการรบั รแู้ ละอา้ งอิงในโอกาสต่อ ๆ ไป เพราะอาจนำผลเสีย
มาสูต่ นเอง แตห่ ากพิจารณาแล้วพบวา่ มคี วามนา่ เช่อื ถอื กค็ วรจะประเมนิ ค่าไดว้ ่ามปี ระโยชน์และมคี ุณค่าตอ่
ตนเองหรือรวมถงึ ผู้อนื่ ดว้ ย ซง่ึ เม่อื รับร้ถู งึ คณุ ค่าเช่นนกี้ ็ควรใหค้ วามสำคัญขยายอ้างองิ ข่าวสารนั้น ๆ ใหผ้ อู้ นื่
ได้รบั ประโยชนต์ อ่ ไป
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
ใบงาน เรือ่ ง การวเิ คราะหข์ อ้ เทจ็ จรงิ และข้อคิดเหน็ จากข่าว
คำชีแ้ จง ให้นกั เรยี นวเิ คราะหข์ อ้ เท็จจรงิ ข้อคิดเห็นคำถามต่อไปนี้
Café Amazon ออกโรงขอโทษและยอมรบั ผิด ปมโดนแฉพนกั งานนำแกว้ ไปล้าง แลว้ กลับมาใช้ซำ้
พร้อมสัง่ ปดิ รา้ นสาขาดังกล่าว 3 วนั เพ่ือทำการสอบสวน
(1 ก.ย.) ผู้สื่อขา่ วรายงานวา่ จากกรณีท่มี กี ารแชร์เผยแพร่ภาพพนักงานรา้ นกาแฟช่อื ดังแห่งหนง่ึ มี
พฤติกรรมลักลอบนำเอาแก้วพลาสติกท่ีใช้แล้ว นำกลบั มาล้างและกลับไปใช้ซำ้ ใหล้ ูกค้าอกี กลายเป็นประเด็น
วิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลมีเดีย ล่าสดุ เพจเฟซบกุ๊ Café Amazon ไดโ้ พสตเ์ ผยแพร่หนังสือแถลงการณ์และขอ
อภยั กับกรณที เ่ี กิดขึน้ โดยยนื ยนั ว่าทางร้านยังยดึ ม่นั กับนโยบายการรักษามาตรฐานการบริการอย่างเครง่ ครัด และ
ดูแลกวดขนั พนักงานอย่างใกล้ชดิ โดยมขี อ้ ความระบวุ า่ ...
"ตามที่มภี าพปรากฏทางโซเชยี ลมีเดยี เมอ่ื วนั ท่ี 30 สงิ หาคม 2562 วา่ มีพนกั งานร้าน Café Amazon
สาขาสุขมุ วิท-ระยอง4 นำแก้วทใี่ ช้แล้วมาลา้ งทำความสะอาดแลว้ นำกลับไปใชซ้ ้ำน้นั Café Amazon ขออภัยเป็น
อย่างสงู มา ณ ทน่ี ี้ ซึง่ เหตุกาณด์ ังกล่าวเกดิ จากการท่พี นักงานไม่ปฏิบตั ิตามข้ันตอนมาตรฐานทกี่ ำหนดไว้
Café Amazon ส่งั การให้ปิดรา้ นสาขาดังกลา่ วเป็นเวลา 3 วนั ตัง้ แตว่ ันที่ 31 สิงหาคม ถึง 2 กันยายน 2562
เพ่อื สอบสวนพนักงานท่ีกระทำผดิ และอบรมพนกั งานทกุ คน ให้ปฏบิ ัติตามชน้ั ตอนมาตรฐานท่ี Café Amazon
กำหนดไวอ้ ยา่ งเคร่งครดั และหากตรวจสอบพบการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนมาตรฐานจะดำเนนิ การลงโทษอยา่ ง
เด็ดขาด
ทงั้ น้ี Café Amazon ไดก้ ำชบั ใหท้ กุ สาขาปฏบิ ตั ิตามมาตรฐานอย่างเครง่ ครดั เพอื่ ส่งมอบสินคา้ และ
บริการที่ มีคุณภาพใหก้ ับผู้บรโิ ภคทกุ ทา่ นและจะกวดขนั การปฏิบตั งิ านของพนกั งานทุกจดุ บริการอย่างใกล้ชิด
และเขม้ งวด เพื่อปอ้ งกนั มใิ ห้เกดิ เหตกุ ารณในลกั ษณะดังกลา่ วขน้ึ อีก จงึ เรยี นมาเพอื่ โปรดทราบ และขออภยั มายัง
ผู้บรโิ ภคทุกท่านอีกครัง้ เปน็ อย่างสูง"
ข้อเท็จจรงิ ขอ้ คิดเห็น
ชื่อ-สกุล ....................................................................................................... ชน้ั ................... เลขที่
แผนการจดั การเรยี นรู้
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๕ เรื่อง คำราชาศพั ท์
รหัส ท ๒๒๑๐๑ ช่อื รายวชิ า ภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย
ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๒
ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๓ ช่วั โมง
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลง
ของภาษาและพลังของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ
ตวั ช้ีวัด
ท ๔.๑ ม.๒/๒ ใช้คำราชาศพั ท์
สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
ชัว่ โมงท่ี ๑
คำราชาศัพท์ คือ ถอ้ ยคำที่ใชพ้ ูดกบั พระมหากษตั รยิ ์และพระบรมวงศานุวงศ์ ขา้ ราชการ
ชน้ั ผใู้ หญ่ พระภิกษุสงฆ์ รวมถงึ คำสภุ าพทใี่ ชก้ ับสุภาพชนทว่ั ไป ซงึ่ เราควรเลอื กใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั
ระดบั ชัน้ ของบุคคล
ชว่ั โมงที่ ๒
หลกั การใช้คำราชาศัพท์ คอื คำกรยิ าทเ่ี ป็นราชาศัพทอ์ ยูแ่ ลว้ สามารถใช้ได้เลย เช่น ตรสั
เสวย โปรด กริ้ว เสด็จ ผนวช เปน็ ต้น และการใช้ “ทรง” การใช้ “พระ” นำหน้าคำนามสามัญใหเ้ ปน็
ราชาศพั ท์ เช่น พระหตั ถ์ พระเกศา พระอาจารย์ การใช้ “พระบรม” นำหน้าคำนามหรอื คำกริยา
ใชเ้ ฉพาะกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั เทา่ นั้น การใช้ “พระราช” นำหน้าคำนามหรอื กรยิ าสามัญ
สำหรับใช้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั สมเด็จพระบรมราชินนี าถ และอุปราช คำวา่ “ตน้ ทรง
หลวง พระทนี่ ่งั ” ประกอบหลงั คำนามสามญั เพือ่ ให้เปน็ คำราชาศพั ท์
ชว่ั โมงที่ ๓
การจำแนกคำราชาศัพท์ คือ การจำแนกคำราชาศัพทแ์ ตล่ ะหมวดหมู่ทำให้งา่ ยตอ่ ความ
เขา้ ใจและการนำไปใช้ เชน่ หมวดรา่ งกาย หมวดเครือ่ งใช้ หมวดเครอื ญาติ หมวดกริยา หมวดสรรพนาม
หมวดคำที่ใชก้ บั พระสงฆ์ เป็นตน้
สาระการเรียนรู/้ เนอ้ื หาย่อย
ชัว่ โมงท่ี ๑
ความรู้ (K)
๑. นักเรียนมคี วามรู้ความเข้าใจในคำราชาศัพท์
๒. นกั เรยี นมคี วามรคู้ วามเข้าใจในการใช้คำราชาศัพท์สำหรับพระมหากษัตรยิ ์
พระบรมวงศานวุ งศข์ ้าราชการ พระภิกษุ และบุคคลทวั่ ไปได้
ทักษะ/ความคิดรวบยอด (P)
๑. นกั เรยี นสามารถอธิบายความหมายของคำราชาศัพทไ์ ด้
๒. นกั เรียนสามารถบอกหลกั การใช้คำราชาศัพท์ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง
คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
นกั เรียนสามารถนำความรูเ้ รือ่ งคำราชาศัพทไ์ ปเป็นแนวทางการใช้คำราชาศัพท์
ให้เหมาะสมแก่โอกาส และถกู ตอ้ งตามกาลเทศะได้ ไปเปน็ แนวทางการเขียนในชวี ติ ประจำวันได้
ชวั่ โมงที่ ๒
ความรู้ (K)
นักเรยี นมีความร้คู วามเขา้ ใจในหลกั การใช้คำราชาศพั ท์
ทกั ษะ/ความคิดรวบยอด (P)
นักเรียนสามารถบอกหลกั การใช้คำราชาศพั ท์ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง
คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
นกั เรียนสามารถนำความรเู้ รื่องคำราชาศัพท์ไปเป็นแนวทางการใชค้ ำราชาศพั ท์
ใหเ้ หมาะสมแกโ่ อกาส และถูกตอ้ งตามกาลเทศะได้ ไปเปน็ แนวทางการเขียนในชีวติ ประจำวนั ได้
ช่วั โมงที่ ๓
ความรู้ (K)
นักเรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจในการจำแนกคำราชาศพั ท์
ทกั ษะ/ความคิดรวบยอด (P)
นกั เรียนสามารถบอกการจำแนกคำราชาศพั ท์ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
นักเรียนสามารถนำความรู้เรอื่ งคำราชาศพั ท์ไปเป็นแนวทางการใช้คำราชาศัพท์
ใหเ้ หมาะสมแกโ่ อกาส และถูกต้องตามกาลเทศะได้ ไปเปน็ แนวทางการเขยี นในชวี ติ ประจำวนั ได้
จุดเน้นสู่การพฒั นาคุณภาพผเู้ รียน
ทกั ษะในศตวรรษที่ 21 ( 3R8C )
Reading (อา่ นออก)
(W) Riting (เขยี นได้)
(A) Rithemetics (คิดเลขเปน็ )
ทกั ษะด้านการคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปญั หา (Critical
Thinking and Problem Solving)
ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural
Understanding)
ทักษะด้านความรว่ มมือ การทำงานเปน็ ทีมและภาวะผูน้ ำ (Collaboration,
Teamwork and Leadership)
ทักษะดา้ นการสือ่ สาร สารสนเทศและรูเ้ ท่าทนั ส่ือ (Communications,
Information, and Media Literacy)
ทกั ษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (Computing
and ICT Literacy)
ทักษะอาชพี และทกั ษะการเรียนรู้ (Career and Learning)
ทักษะการเปล่ยี นแปลง (Change)
การประเมนิ ผลรวบยอด
ช้นิ งานหรอื ภาระงาน
๑. ใบงาน เร่อื ง ความหมายของคำราชาศพั ท์
๒. ใบงาน เรื่อง การใช้คำราชศพั ท์
๓. ใบงาน เรื่อง หมวดหม่คู ำราชาศพั ท์ (ช้นิ งาน)
กิจกรรมการเรียนรู้
ช่วั โมงที่ ๑
ขนั้ นำ
๑. ครูกลา่ วทักทายนักเรยี น พร้อมทัง้ ต้งั คำถามเก่ียวกับคำราชาศัพท์ เพอื่ วัดความรู้
พืน้ ฐานของนักเรียน วา่ “นักเรียนรจู้ กั คำราชาศพั ท์ และเคยได้ยนิ คำราชาศัพท์หรือไม่” จากนั้นให้
นักเรีนนแสดงความคดิ เห็นโตต้ อบกับครู
๒. ครใู หน้ ักเรียนร้องเพลง “คำราชาศัพท”์ และสังเกตคำราชาศัพทใ์ นเนือ้ เพลง
จากน้นั ครูโยงเข้าสู่บทเรยี น
“เพลงคำราชาศัพท”์
เดก็ เอย๋ เดก็ ดี ทอ่ งจำให้ดี คำราชาศพั ท์ (ซ้ำ)
หนงึ่ ผม คอื พระเกศา สองชวิ หาคือลิน้ นน่ั
สามหนา้ ผากพระนลาฏ ส่เี นอื้ นนั่ ก็คือพระมังสา
หา้ พระกรรณนน้ั คอื หู หกพระหนุรูไ้ หมคาง
เจ็ดตอ้ งศกึ ษาใหเ้ ช่ียวชาญ วา่ น้ิวกอ้ ยนั้น คือพระกนษิ ฐา
แปดข้อมือข้อพระหัตถ์ เกา้ ต้องฝึกหดั นะหนจู ๋า พระดรรชนี นว้ิ ชี้ตามมา
พระเนตรนนั้ หนา คือตานะหนู สบิ จำไว้ให้เปน็ ประโยชน์
ปากคือพระโอษฐ์ เล็บคอื พระนขา
หากหนูหนเู พียรท่องทุกเวลา (ซำ้ ) คำราชาศัพทก์ ไ็ มย่ ากเลย (ซำ้ )
ขน้ั สอน
๑. ครเู ปดิ ส่อื Power point เรื่อง คำราชาศพั ท์ ครูสนทนาซกั ถามรว่ มกับนักเรยี น
เก่ียวกับความหมายและการใช้คำราชาศพั ท์ (K) พรอ้ มทัง้ สอดแทรกคำถาม (P) เพอ่ื ให้นักเรียนมคี วามรู้
ความเขา้ ใจ
๒. จากน้นั ครแู จกใบงาน เรอื่ ง ความหมายของคำราชาศพั ท์ ซ่งึ เป็นใบงานรายบคุ คล
ครูอธบิ ายคำชแี้ จงใหน้ กั เรียนเข้าใจในช้ินงาน
๓. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรุปในประเดน็ การทำใบงานด้านจุดบกพรอ่ ง และข้อดี
เกีย่ วกับคำราชาศัพทแ์ ละการใช้คำราชาศัพท์ เพอื่ แนะแนวทางใหน้ ักเรยี นเกดิ ความเขา้ ใจเพมิ่ มากข้ึน
ขน้ั สรปุ
ครูสมุ่ นักเรียนสรุปใบงาน เร่อื ง ความหมายของคำราชาศัพท์ เปน็ ใบงานทใ่ี หน้ กั เรยี น
ได้นำเอาความร้มู าใช้ในการทำใบงาน สะท้อนใหเ้ ห็นว่านักเรยี นมีความเขา้ ใจในเนือ้ หาเกี่ยวกับคำราชา
ศัพท์และการใช้คำราชาศพั ท์เป็นอยา่ งดี และสามารถนำคำราชาศพั ทไ์ ปใชใ้ หเ้ หมาะสมตามโอกาสและ
กาลเทศะได้ (K, P, A)
ช่วั โมงที่ ๒
ขั้นนำ
ครกู ล่าวทกั ทายนกั เรียน พรอ้ มท้ังให้นักเรยี นรอ้ งเพลง “คำราชาศัพท”์ และสังเกต
คำราชาศพั ท์ในเนื้อเพลง จากน้ันครโู ยงเข้าสู่บทเรียน (K, P)
ขั้นสอน
๑. ครทู บทวนความรนู้ กั เรยี น พร้อมกบั เปิดสอื่ Power point เร่อื ง คำราชาศัพท์ ครู
สนทนาซักถามร่วมกับนกั เรยี นเก่ยี วกบั ความหมายและการใชค้ ำราชาศพั ท์ หลักการใช้คำราชาศัพท์ (K)
พรอ้ มท้ังสอดแทรกคำถาม (P) เพื่อใหน้ กั เรยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจ
๒. จากนั้นครูแจกใบงาน เร่ือง การใช้คำราชาศพั ท์ ซึง่ เป็นใบงานรายบุคคล ครูอธบิ าย
คำชแ้ี จงใหน้ ักเรียนเขา้ ใจในชิ้นงาน
๓. ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ ในประเดน็ การทำใบงานดา้ นจุดบกพรอ่ ง และขอ้ ดี
เกย่ี วกบั คำราชาศัพท์และการใชค้ ำราชาศพั ท์ เพอ่ื แนะแนวทางใหน้ กั เรยี นเกิดความเข้าใจเพ่มิ มากข้ึน
ขน้ั สรปุ
ครสู ุม่ นกั เรยี นสรุปใบงาน เรอื่ ง การใชค้ ำราชาศพั ท์ เป็นใบงานที่ใหน้ กั เรยี นได้นำเอา
ความรมู้ าใช้ในการทำใบงาน จากนัน้ ครสู รุปเพ่มิ เติมวา่ กิจกรรมท่นี กั เรยี นไดท้ ำน้นั ถูกต้อง สะท้อนให้
เหน็ ว่านกั เรยี นมคี วามเข้าใจในเนอ้ื หาเก่ยี วกบั คำราชาศัพท์และการใช้คำราชาศัพท์เปน็ อย่างดี และ
สามารถนำคำราชาศัพทไ์ ปใช้ให้เหมาะสมตามโอกาสและกาลเทศะได้ (K, P, A)
ชวั่ โมงท่ี ๓
ขนั้ นำ
ครกู ล่าวทกั ทายนกั เรียน และทบทวนความรู้เรื่องคำราชาศัพท์ (K, P) ครแู ละนกั เรยี น
ร่วมกนั รอ้ งเพลง “คำราชาศพั ท์” จากนั้นครโู ยงเข้าสบู่ ทเรยี น
ขั้นสอน
๑. ครูเปดิ สื่อ Power point เรื่องคำราชาศัพท์ พรอ้ มกบั ให้ความรู้เกี่ยวกับหลกั การใช้
“ทรง” และ “พระ”
๒. ครใู ห้นักเรียนแบง่ กล่มุ ๖ กล่มุ กลมุ่ ละเท่า ๆ กนั เพอื่ ทำกจิ กรรมบัตรคำ
“จับครู่ ้คู ำราชาศพั ท”์ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ให้นกั เรียนจบั คู่คำราชาศัพท์กบั คำสามญั แต่ละกลุ่มจะได้
คำศพั ทแ์ ตกตา่ งกัน
๓. ครใู ห้แต่ละกลุม่ ส่งตวั แทนออกมานำเสนอกิจกรรม “จับครู่ คู้ ำราชาศัพท”์ โดยครู
และนักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นและข้อเสนอแนะจากการนำเสนอว่าถกู ต้องหรือไม่ อย่างไร
เพอ่ื ให้นักเรียนใช้เป็นแนวทางในการใชใ้ ห้เหมาะสมแกโ่ อกาสตา่ ง ๆ ได้
๔. ครแู จกใบงานที่ ๒ ซงึ่ เป็นใบงานรายบุคคล เพื่อให้นกั เรยี นทำชิ้นงานหมวดหมู่คำ
ราชาศัพท์ ครูอธิบายคำชแ้ี จงใหน้ ักเรียนเขา้ ใจในช้ินงาน
ขั้นสรปุ
ครขู อตวั แทนนักเรยี นสรุปใบงานที่ ๒ เรอ่ื ง หมวดหมู่คำราชาศัพท์ เป็นงานท่ใี ห้
นักเรยี นไดน้ ำเอาความรแู้ ละใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการทำใบงาน และกจิ กรรมบัตรคำ “จับคูร่ คู้ ำราชา
ศัพท์” เป็นกิจกรรมที่ใหน้ ักเรียนได้นำความรคู้ วามเข้าใจในคำราชาศัพท์ และไดค้ วามสามคั คีภายใน
กลมุ่ จากนน้ั ครสู รุปเพิม่ เตมิ วา่ กิจกรรมท่ีนักเรยี นได้ทำนน้ั ถูกตอ้ ง สะทอ้ นให้เหน็ ว่านักเรยี นมคี วาม
เข้าใจในเน้อื หาเกย่ี วกบั คำราชาศพั ท์และการใช้คำราชาศพั ทเ์ ป็นอย่างดี และสามารถนำคำราชาศัพท์ไป
ใชใ้ ห้เหมาะสมตามโอกาสและกาลเทศะได้ (K, P, A)
การวดั ผลประเมินผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมนิ
ช่ัวโมงที่ 1
ใบงาน เร่อื ง ความหมายของคำราชา ผา่ นเกณฑ์การประเมิน
วิธีการ
ศัพท์ ร้อยละ ๕๐
ตรวจใบงาน เรอื่ ง ความหมายของคำราชา
ศัพท์ ใช้วิธวี ดั ผลจากการทำใบงานของ
นักเรยี นแตล่ ะคน โดยมปี ระเดน็ ในการวัดผล
ไดแ้ ก่ ความรูค้ วามเข้าใจเรอ่ื งความหมายของ
คำราชาศพั ท์ สามารถเขียนหลักการและ
ความหมายของคำราชาศพั ท์ ตรงประเดน็
การใชภ้ าษา และความสะอาดเรียบร้อย
(ประเดน็ ของแต่ละคน) จากน้ันนำผลการ
ประเมนิ มาเปน็ ข้อมลู ในการปรับปรงุ และ
พฒั นานกั เรยี น และการจัดการเรียนการสอน
ของครูในครั้งตอ่ ๆ ไป
ชั่วโมงท่ี ๒ เกณฑ์การประเมิน
วธิ ีการ เคร่อื งมอื ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ
ร้อยละ ๕๐
ตรวจใบงาน เร่ือง การใช้คำราชาศพั ท์ ใช้วธิ ี ใบงาน เรอ่ื ง การใชค้ ำราชาศพั ท์
วัดผลจากการทำใบงานของนักเรียนแต่ละคน
โดยมปี ระเดน็ ในการวดั ผล ไดแ้ ก่ ความรูค้ วาม
เขา้ ใจเรื่องความหมายของคำราชาศัพท์
สามารถเขยี นหลกั การและความหมายของคำ
ราชาศพั ท์ ตรงประเดน็ การใช้ภาษา
และความสะอาดเรยี บรอ้ ย (ประเด็นของแต่
ละคน) จากนัน้ นำผลการประเมินมาเป็น
ขอ้ มลู ในการปรบั ปรุงและพัฒนานกั เรียน
และการจัดการเรียนการสอนของครูในคร้งั
ต่อ ๆ ไป
ช่ัวโมงท่ี 3 เกณฑก์ ารประเมิน
วธิ ีการ เคร่อื งมือ ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ
รอ้ ยละ ๕๐
ตรวจใบงาน เร่อื ง หมวดหม่คู ำราชาศัพท์ ใช้ ใบงาน เรือ่ ง หมวดหมคู่ ำราชาศพั ท์
วิธวี ัดผลจากการทำใบงานของนักเรยี นแต่ละ
คน โดยมีประเด็นในการวดั ผล ได้แก่ ความรู้
ความเขา้ ใจเร่อื งการจำแนกคำราชาศัพท์
สามารถเขยี นและจำแนกคำราชาศัพท์ได้อย่าง
ถกู ตอ้ ง ตรงประเดน็ ความสวยงาม
ความสะอาดเรียบร้อย (ประเดน็ ของแต่ละคน)
จากน้นั นำผลการประเมินมาเปน็ ขอ้ มูลในการ
ปรบั ปรุงและพัฒนานักเรยี น
และการจัดการเรยี นการสอนของครใู นคร้ัง
ตอ่ ๆ ไป
สือ่ การเรียนรู้
๑. ใบความรู้ เรอื่ ง คำราชาศพั ท์น่ารู้
๒. ใบงาน เร่อื ง ความหมายของคำราชาศพั ท์
๓. ใบงาน เรอื่ ง การใชค้ ำราชาศัพท์
๔. ใบงาน เรอื่ ง หมวดหมคู่ ำราชาศัพท์ (ช้ินงาน)
๕. สอ่ื Powerpoint เร่อื ง คำราชาศัพท์
๖. บตั รคำ “จับค่รู ูค้ ำราชาศพั ท”์
ขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ สถานศึกษาหรอื ผูท้ ไี่ ด้รับมอบหมาย (ตรวจสอบ,นเิ ทศ,เสนอแนะ,รบั รอง)
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงช่ือ................................................................
(นายสนอง ศรีธรรมา)
วนั ที่.........../...................../...........
บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้
๑. ผลการจัดการเรยี นรู้
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๒. ปัญหาและอปุ สรรค
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๓. แนวทางการแกไ้ ขปญั หา
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๔. ขอ้ เสนอแนะ
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงชอื่ .................................................
(นายฤทธเิ ดช สกุลซง้ )
วันท.ี่ ............./......................./...............
เกณฑ์การประเมนิ ใบงาน เรื่อง ความหมายของคำราชาศพั ท์
รายการประเมนิ ระดับคะแนน
ความรคู้ วามเขา้ ใจเร่ือง
ความหมายของคำราชาศัพท์ ๒๑
สามารถเขยี นหลักการและ มีความรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกบั ไม่ค่อยมคี วามร้คู วามเขา้ ใจ
ความหมายของคำราชาศัพท์
ตรงประเด็น ความหมายของคำราชาศพั ทเ์ ปน็ อย่าง เกยี่ วกับความหมายของคำราชา
การใช้ภาษา ดี ศัพท์เท่าทค่ี วร
ความสะอาดเรียบร้อย สามารถเขยี นความหมายของคำราชา ไมส่ ามารถเขยี นความหมายของ
ศัพทไ์ ด้ถูกต้องตามหลักการ คำราชาศพั ท์ได้ถูกตอ้ งตาม
หลักการ
สามารถเขยี นความหมายของคำราชา
ศัพทไ์ ดถ้ ูกต้อง ตรงประเด็นกับเน้ือหา ไม่สามารถเขยี นความหมายของ
คำราชาศพั ท์ตรงประเด็นกับ
สามารถเขียนคำและเรยี บเรียงประโยค เนือ้ หาไดด้ เี ท่าท่ีควร
ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
ไม่สามารถเขียนคำและเรียบเรียง
ประโยคไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
ใบงานมคี วามสะอาด เขยี นไดอ้ ยา่ งเปน็ ใบงานไมค่ ่อยสะอาด การเขยี น
ระเบยี บเรยี บร้อย ไมม่ ีความเป็นระเบยี บเรยี บรอ้ ย
หมายเหตุ : เกณฑก์ ารทำใบงาน ตอ้ งไดค้ ะแนนรอ้ ยละ ๕๐ คือ ๕ คะแนนขึน้ ไป จากคะแนนเตม็ ๑๐
จงึ จะถือว่าผ่านเกณฑ์
เกณฑก์ ารประเมิน เกณฑ์การตัดสินระดับคุณภาพ ผลการประเมิน
๙-๑๐ คะแนน ดีมาก ผ่าน
๗-๘ คะแนน ดี ผ่าน
๕-๖ คะแนน ปานกลาง ผา่ น
๓-๔ คะแนน พอใช้ ไมผ่ ่าน
๐-๒ คะแนน ปรบั ปรงุ ไม่ผ่าน
แบบประเมินใบกจิ กรรม เรื่อง ความหมายของคำราชาศพั ท์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒
คำชแ้ี จง ให้ผู้ประเมนิ ทำเครื่องหมาย √ ลงในช่องคะแนน
รายการประเมนิ
ชื่อ-สกุล ความ ู้รความเ ้ขาใจเ ่ืรองความหมาย รวม สรุปผล
ของคำราชา ัศพท์
สามารถเขียนห ัลกการและ
ความหมายของคำราชา ัศพท์
ตรงประเด็น
การใช้ภาษา
ความสะอาดเ ีรยบ ้รอย
๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผ่าน ไม่ผ่าน
ด.ช.สมพงษ์ กงสะกาง
ด.ช.ทรงศักด์ิ เรอื งกรไกร
ด.ช.พนิต ระแสน
ด.ช.ฤทธิกร ใบแสน
ด.ช.อนุเทพ ใยปางแก้ว
ด.ญ.ดนุนนั ท์ วระโงน
ด.ญ.จันทรจ์ ริ า สขุ ล้วน
ด.ญ.กัญญาลักษณ์ น้อยเวียง
ด.ญ.เบญจวรรณ นารีแพงศรี
ด.ญ.ตะวันฟา้ พูลเพมิ่
ด.ญ.ขวัญฤดี คำเมือง
ด.ช.รัชชานนท์ พลาดอนิ ทร์
ด.ช.วชระ วางศรี
เกณฑ์การประเมินใบงาน เรอ่ื ง การใช้คำราชาศัพท์
รายการประเมนิ ระดับคะแนน
ความรู้ความเข้าใจเรื่องการใช้คำ
๒๑
ราชาศพั ท์
สามารถใชค้ ำราชาศพั ท์ มคี วามรู้ความเข้าใจเกีย่ วกบั การใชค้ ำ ไมค่ ่อยมคี วามร้คู วามเขา้ ใจ
ตรงประเดน็ ราชาศพั ท์เป็นอยา่ งดี เก่ยี วกับการใช้คำราชาศพั ท์
การใช้ภาษา เทา่ ท่ีควร
ความสะอาดเรียบร้อย
สามารถใช้คำราชาศัพท์ได้ถกู ตอ้ งตาม ไมส่ ามารถใช้คำราชาศัพทไ์ ด้
หลกั การ ถกู ต้องตามหลักการ
สามารถเขยี นความหมายของคำราชา
ศัพท์ไดถ้ ูกต้อง ตรงประเด็นกบั เนอ้ื หา ไมส่ ามารถเขยี นความหมายของ
คำราชาศัพท์ตรงประเดน็ กบั
สามารถเขยี นคำและเรียบเรยี งประโยค เนื้อหาได้ดเี ทา่ ที่ควร
ได้อยา่ งถูกตอ้ ง ไมส่ ามารถเขียนคำและเรียบเรียง
ประโยคได้อย่างถกู ต้อง
ใบงานมคี วามสะอาด เขยี นได้อยา่ งเป็น ใบงานไม่คอ่ ยสะอาด การเขยี น
ระเบียบเรียบร้อย ไมม่ คี วามเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย
หมายเหตุ : เกณฑก์ ารทำใบงาน ตอ้ งได้คะแนนร้อยละ ๕๐ คอื ๕ คะแนนขน้ึ ไป จากคะแนนเต็ม ๑๐
จึงจะถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
เกณฑ์การประเมิน เกณฑ์การตัดสินระดับคุณภาพ ผลการประเมิน
๙-๑๐ คะแนน ดีมาก ผา่ น
๗-๘ คะแนน ดี ผ่าน
๕-๖ คะแนน ปานกลาง ผา่ น
๓-๔ คะแนน พอใช้ ไม่ผ่าน
๐-๒ คะแนน ปรับปรุง ไมผ่ ่าน
แบบประเมนิ ใบกจิ กรรม เรอื่ ง การใช้คำราชาศัพท์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒
คำชีแ้ จง ใหผ้ ู้ประเมนิ ทำเครอ่ื งหมาย √ ลงในช่องคะแนน
รายการประเมิน
ชอื่ -สกลุ ความ ู้รความเข้าใจเ ่รืองความหมาย รวม สรุปผล
ของคำราชา ัศพท์
สามารถใ ้ชคำราชา ัศพท์
ตรงประเด็น
การใ ้ชภาษา
ความสะอาดเ ีรยบ ้รอย
๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผา่ น ไม่ผ่าน
ด.ช.สมพงษ์ กงสะกาง
ด.ช.ทรงศกั ดิ์ เรืองกรไกร
ด.ช.พนิต ระแสน
ด.ช.ฤทธิกร ใบแสน
ด.ช.อนุเทพ ใยปางแก้ว
ด.ญ.ดนุนนั ท์ วระโงน
ด.ญ.จันทร์จริ า สุขล้วน
ด.ญ.กัญญาลกั ษณ์ น้อยเวียง
ด.ญ.เบญจวรรณ นารแี พงศรี
ด.ญ.ตะวันฟ้า พูลเพิม่
ด.ญ.ขวัญฤดี คำเมอื ง
ด.ช.รชั ชานนท์ พลาดอนิ ทร์
ด.ช.วชระ วางศรี
เกณฑ์การประเมินใบงาน เรื่อง หมวดหมู่คำราชาศพั ท์
รายการประเมนิ ระดบั คะแนน ๑
๒
ความร้คู วามเข้าใจเรื่องการจำแนก มีความรู้ความเข้าใจเกย่ี วกบั จำแนกคำ ไมค่ อ่ ยมีความรู้ความเขา้ ใจ
คำราชาศพั ท์ ราชาศพั ท์เป็นอยา่ งดี เก่ียวกับจำแนกคำราชาศัพท์
เท่าท่ีควร
สามารถเขยี นและจำแนกคำราชา สามารถเขยี นจำแนกคำราชาศัพท์ได้ ไม่สามารถเขียนจำแนกคำราชา
ศพั ทไ์ ด้อยา่ งถกู ต้อง ถกู ตอ้ งตามหลกั การ ศพั ทไ์ ด้ถกู ตอ้ งตามหลักการ
ตรงประเดน็ สามารถเขยี นความหมายของคำราชา ไมส่ ามารถเขยี นความหมายของ
ศัพท์ไดถ้ กู ต้อง ตรงประเด็นกบั เน้อื หา คำราชาศพั ท์ตรงประเดน็ กบั
เนื้อหาได้ดเี ทา่ ทีค่ วร
ความสวยงาม สามารถระบายสไี ด้สวยงาม ไม่สามารถระบายสีไดอ้ ยา่ ง
สวยงาม ไมร่ ะบายสี
ความสะอาดเรียบรอ้ ย ใบงานมคี วามสะอาด เขยี นได้อย่างเปน็ ใบงานไมค่ ่อยสะอาด การเขยี น
ระเบียบเรียบร้อย ไมม่ คี วามเปน็ ระเบยี บเรียบรอ้ ย
หมายเหตุ : เกณฑ์การทำใบงาน ต้องได้คะแนนรอ้ ยละ ๕๐ คอื ๕ คะแนนขึ้นไป จากคะแนนเตม็ ๑๐
จงึ จะถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
เกณฑ์การประเมนิ เกณฑก์ ารตัดสนิ ระดับคุณภาพ ผลการประเมิน
๙-๑๐ คะแนน ดีมาก ผ่าน
๗-๘ คะแนน ดี ผ่าน
๕-๖ คะแนน ปานกลาง ผา่ น
๓-๔ คะแนน พอใช้ ไมผ่ า่ น
๐-๒ คะแนน ปรับปรงุ ไมผ่ ่าน
แบบประเมินใบกิจกรรม เรือ่ ง หมวดหมูค่ ำราชาศพั ท์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒
คำชแ้ี จง ให้ผู้ประเมินทำเครื่องหมาย √ ลงในชอ่ งคะแนน
รายการประเมิน
ช่ือ-สกลุ ความ ู้รความเ ้ขาใจเ ืร่องการจำแนก รวม สรปุ ผล
คำราชา ัศพท์
สามารถเขียนและจำแนกคำราชา
ศัพท์ไ ้ดอย่าง ูถก ้ตอง
ตรงประเด็น
การใ ้ชภาษา
ความสะอาดเ ีรยบ ้รอย
๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผ่าน ไม่ผ่าน
ด.ช.สมพงษ์ กงสะกาง
ด.ช.ทรงศักดิ์ เรืองกรไกร
ด.ช.พนิต ระแสน
ด.ช.ฤทธิกร ใบแสน
ด.ช.อนเุ ทพ ใยปางแก้ว
ด.ญ.ดนุนนั ท์ วระโงน
ด.ญ.จันทรจ์ ริ า สขุ ล้วน
ด.ญ.กัญญาลักษณ์ นอ้ ยเวียง
ด.ญ.เบญจวรรณ นารีแพงศรี
ด.ญ.ตะวันฟา้ พูลเพิม่
ด.ญ.ขวัญฤดี คำเมอื ง
ด.ช.รัชชานนท์ พลาดอนิ ทร์
ด.ช.วชระ วางศรี
ใบความรู้ เรอ่ื ง คำราชาศัพท์
เพลง คำราชาศัพท์
เด็กเอ๋ยเดก็ ดี ทอ่ งจำให้ดี คำราชาศัพท์ (ซ้ำ)
หนึง่ ผม คือ พระเกศา สองชวิ หาคือลนิ้ น่นั
สามหน้าผากพระนลาฏ สีเ่ นื้อนนั่ ก็คือพระมงั สา
ห้าพระกรรณนั้นคือหู หกพระหนุรู้ไหมคาง
เจด็ ตอ้ งศึกษาใหเ้ ช่ยี วชาญ ว่าน้ิวก้อยนน้ั คอื พระกนษิ ฐา
แปดข้อมือขอ้ พระหตั ถ์ เกา้ ต้องฝกึ หัดนะหนจู า๋ พระดรรชนี น้วิ ช้ีตามมา
พระเนตรนน้ั หนา คอื ตานะหนู สบิ จำไวใ้ หเ้ ปน็ ประโยชน์
ปากคอื พระโอษฐ์ เล็บคือพระนขา
หากหนูหนเู พยี รทอ่ งทุกเวลา (ซำ้ ) คำราชาศัพทก์ ไ็ มย่ ากเลย (ซ้ำ)
คำราชาศพั ท์ หมายความวา่ ศพั ทห์ ลวง ศัพท์ราชการ และหมายรวมถึงคำสภุ าพซ่งึ นำมาใช้ให้
ถกู ต้องตามชน้ั หรือฐานะของบุคคล บคุ คลผทู้ ่ีพดู ตอ้ งใชร้ าชาศพั ท์ดว้ ย
จำแนกเปน็ 5 ประเภท คอื
1. พระมหากษัตรยิ ์
2. พระบรมวงศานวุ งศ์
3. พระสงฆ์
4. ข้าราชการชน้ั สูงหรอื ขุนนาง
5. สภุ าพชนทั่วไป
คำราชาศัพทแ์ บ่งได้ 6 หมวด คอื
1. หมวดรา่ งกาย
2. หมวดเครือญาติ
3. หมวดเครือ่ งใช้
4. หมวดกรยิ า
5. หมวดสรรพนาม
6. หมวดคำทใ่ี ช้กับพระสงฆ์
หลักการใชค้ ำราชาศัพท์
๑. คำกริยาท่ีเปน็ ราชาศัพท์อยแู่ ลว้ สามารถใชไ้ ด้เลย เช่น ตรสั เสวย โปรด กรว้ิ เสดจ็ ผนวช
เปน็ ต้น
๒. การใช้ “ทรง”
ใช้ “ทรง” นำหนา้ กรยิ าบางคำ เช่น ทรงใช้ ทรงรับ ทรงถอื ทรงยินดี เปน็ ต้น
ใช้ “ทรง” นำหน้าคำนามท่ีเปน็ ราชาศพั ท์ เชน่ ทรงพระอักษร ทรงพระกรุณา
ทรงพระประชวร
ใช้ “ทรง” นำหน้าคำสามัญบางคำ เพื่อให้เป็นกริยาราชาศัพท์ เชน่ ทรงเรอื ใบ ทรงม้า
ไม่ใช้ “ทรง” นำหนา้ คำที่เป็นกริยาราชาศัพทอ์ ยู่แล้ว เชน่ โปรด ประทาน บรรทม ตรัส
เสด็จ
๓. ใช้ “พระ” นำหนา้ คำนามสามญั ใหเ้ ป็นราชาศัพท์ เช่น พระหัตถ์ พระเกศา พระอาจารย์
๔. ใช้ “พระบรม” นำหนา้ คำนามหรอื คำกริยา ใช้เฉพาะกบั พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั
เท่านนั้ เช่น พระบรมราชโองการ พระบรมราชานเุ คราะห์
๕. ใช้ “พระราช” นำหน้าคำนามหรือกริยาสามญั สำหรบั ใช้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั
สมเด็จพระบรมราชินีนาถ และอปุ ราช เชน่ พระราชสมภพ พระราชทาน พระราชดำเนนิ
๖. คำวา่ “ต้น ทรง หลวง พระทน่ี ่ัง” ประกอบหลงั คำนามสามัญ เพอื่ ใหเ้ ป็นคำราชาศพั ท์
เช่น ช้างตน้ เครือ่ งทรง ลูกหลวง เรอื พระทีน่ ่งั
คำราชาศัพท์ท่ีใช้กับพระมหากษตั รยิ ์
คำนามราชาศัพท์
วิธเี ปลี่ยนคำนามสามัญให้เป็นคำนามราชาศัพท์
๑) พระบรมมหาราช พระบรมราช พระบรม + นามสามัญ ใช้กับพระเจา้ แผน่ ดิน
เทา่ น้นั
๒) พระราช/พระ + นามสามญั ใช้กบั พระเจา้ แผ่นดิน/เจ้านายในตำแหนง่ ทล่ี ดหลนั่
กันลงมา ถ้านามนั้นประสมดว้ ยคำราชาศพั ทอ์ ยแู่ ล้ว จะไม่มี พระ นำหนา้ เชน่ ฉลองพระองค์ เสือ้ ทรง
รถพระทีน่ ง่ั แต่หากไม่มีนามราชาศพั ทอ์ ยู่กอ่ น ต้องสรา้ งราชาศัพทจ์ ากนามเดิม ใช้ พระราช/พระ +
คำนามบาลสี ันสกฤต หรือ คำนามภาษาอื่น + ราชาศัพท์คำใดคำหนง่ึ เชน่ พระราชโทรเลข พระ
โทรทัศน์ กระเปา๋ ทรงถอื แกว้ น้ำเสวย
๓) นามสามัญ + หลวง/ตน้ หลวง ใชก้ ับคน สัตว์ และสิ่งของทว่ั ไป ตน้ ใชก้ บั สตั ว์และ
สิ่งของชั้นดี
๔) ลักษณะนาม พระองค์ ใชก้ บั พระเจา้ แผน่ ดนิ พระราชวงศ์ องค์ ใชก้ ับพระราชวงศ์
สว่ นในรา่ งกาย ของเสวย และเคร่อื งใช้ของกษตั ริย์
หมวดร่างกาย
หมวดเครือญาติ
หมวดเครือ่ งใช้
หมวดคำกริยา
หมวดสรรพนาม