The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสร์2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Anocha Utumsakulrat, 2020-12-13 05:34:13

แผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสร์2

แผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสร์2

11. การวัดประเมินผล

11.1การวดั และประเมินผลชนิ้ งาน/ภาระงานรวบยอด

วธิ ีการ

1.การสงั เกตการณ์

2.การใช้ชุดกจิ กรรมวทิ ยาศาสตร์ร่องรอยบ่งช้ี 3.การวัดประเมนิ การปฏิบัติ

เครอ่ื งมอื

1. แบบสังเกตการณ์

2. ชุดกจิ กรรมวิทยาศาสตร์ 3. แบบวัดประเมินการปฏิบัติ

เกณฑ์

1.การประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics)

2.การประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผา่ นตั้งแต่ 2 รายการ ถอื วา่ ผ่าน ผ่าน 1

รายการถือวา่ ไม่ผา่ น

11.2การวดั และประเมินผลระหว่างการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (ประเมินจากแผนการจัดการเรียนรขู้ อง

หน่วยการเรียนรู้น้ี)

สง่ิ ทต่ี ้องการวดั วิธวี ดั ผล เคร่ืองมอื วัดผล เกณฑ์การประเมิน
1. ความร้เู กีย่ วกบั -การสอบถาม ซกั ถาม - นักเรียนได้คะแนน
- การถา่ ยโอนความรอ้ นของ ความคดิ เห็นอธบิ าย - แบบประเมนิ การ 12 คะแนนขน้ึ ไป
และเปรียบเทยี บการ อภิปรายแสดงความ หรือร้อยละ 80
ของเหลวและแกส๊ คิดเห็น ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
ถา่ ยโอนความรอ้ นวิธี - แบบประเมินการ - นกั เรยี นได้คะแนน
- การถ่ายโอนความร้อนโดยไม่ ตรวจผลงานผู้เรยี น ประเมินผลงาน
อาศัยตวั กลาง ต่าง ๆ 13 คะแนนขึน้ ไป
หรอื รอ้ ยละ 80
-การตรวจผลงาน ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
นักเรียน -นกั เรียนได้คะแนน
12 คะแนนข้ึนไป
2.ทกั ษะกระบวนการคิด และ - การอภิปรายแสดง - แบบประเมนิ การ หรือรอ้ ยละ 80 ถือว่า
ผ่านเกณฑ์
ทักษะกระบวนการกลุ่ม ความคดิ เห็นระบุ อภิปรายแสดงความ
- นักเรียนไดค้ ะแนน
ทกั ษะกระบวน คดิ เหน็ ประเมนิ คุณลกั ษณะ
อนั พึงประสงค์
การทางวิทยาศาสตรท์ ่ี - แบบประเมนิ 26 คะแนนขึน้ ไป
หรือรอ้ ยละ 80
ได้ปฏบิ ัตจิ ากกจิ กรรม พฤติกรรมการ ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์

- สงั เกตพฤติกรรมการ ทำงานกล่มุ 36

ทำงานกลุม่

3. คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ - สังเกตค่านิยมในการ - แบบประเมนิ

และสมรรถนะผู้เรียน ทำงานร่วมกบั ผู้อืน่ คณุ ลักษณะอันพึง

- มวี นิ ัยในการทำงานกลุ่ม และการทำงานใน ประสงค์

- นกั เรียนเหน็ ความสำคญั ระบบกลมุ่ - แบบประเมิน

ของการทำงานรว่ มกบั ผ้อู น่ื และ อภิปราย แสดงความ สมรรถนะผเู้ รียน

การทำงานในระบบกลุ่ม คดิ เหน็ เกยี่ วกบั ผลการ

- ยอมรับความคิดเหน็ ซงึ่ กัน ทดลอง - นักเรียนไดค้ ะแนน
และกันมีความเสยี สละและ การประเมนิ สมรรถนะ
อดทน 29 คะแนนขนึ้ ไป
หรอื ร้อยละ 80
ถอื ว่าผ่านเกณฑ์

12. กจิ กรรมการเรียนรู้
ชว่ั โมงที่ 1
1. ขน้ั ตัง้ ประเด็นปญั หา/สมมติฐาน (Hypothesis Formulation)
1.1 เชอ่ื มโยงความรทู้ ่ีไดเ้ รียนรไู้ ปส่กู จิ กรรมต่อไปโดยใช้คำถามวา่ มีการถ่ายโอนความร้อนดว้ ยวธิ อี ืน่ อีก

หรือไม่ อย่างไร
1.2 การถ่ายโอนความร้อนของของเหลวและแกส๊ เป็นอยา่ งไร
ช่วั โมงที่ 2-3

2. ขนั้ สืบค้นความรู้ (Searching for Information)
2.1ใหน้ กั เรยี นอ่านวธิ ดี ำเนนิ กิจกรรม จากนน้ั ครูและนักเรียนร่วมกนั อภปิ รายจุดประสงค์และวิธดี ำเนิน

กิจกรรมโดยอาจใชค้ ำถามดงั ตอ่ ไปน้ี
• กจิ กรรมนเี้ ก่ยี วกบั เร่ืองอะไร (เรื่องการถ่ายโอนความรอ้ นของนำ้ และอากาศ)
• การทำกจิ กรรมมขี น้ั ตอนโดยสรปุ อย่างไร (ตอนท่ี 1 ใหค้ วามรอ้ นแกน่ ำ้ สังเกตการเปลี่ยนแปลงของ

เมล็ดแมงลกั ในนำ้ วดั อุณหภูมขิ องนำ้ เมื่อไดร้ บั ความรอ้ น สรา้ งแบบจำลองการถ่ายโอนความรอ้ นของของเหลว
ตามความคดิ ของกลุ่มและสืบคน้ ขอ้ มูลการถ่ายโอนความร้อนของของเหลวจากแหลง่ ท่เี ช่ือถือได้ แลว้ นำมา
ปรับปรงุ แบบจำลองของตนเอง นำเสนอ ตอนที่ 2 แขวนพู่กระดาษใหส้ งู จากเทยี นไข เมอื่ จดุ เทยี นไขแล้ววัด
อุณหภมู ขิ องอากาศ สังเกตการเปลีย่ นแปลงของพู่กระดาษ สร้างแบบจำลองการถ่ายโอนความรอ้ นของแกส๊
ตามความคิดของกลุ่ม และสืบคน้ ข้อมูลการถา่ ยโอนความร้อนของแกส๊ จากแหลง่ ท่ีเช่ือถือได้ แลว้ นำมา
ปรบั ปรงุ แบบจำลองของตนเอง นำเสนอ)

• ข้อควรระวังในการทำกจิ กรรมมอี ะไรบา้ ง (ควรระวงั การใชช้ ุดตะเกียงแอลกอฮอล์ และการจดุ เทยี นไข)
2.2 เปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนซักถามเก่ยี วกับข้ันตอนการทำกิจกรรมท่นี กั เรียนยงั ไม่เข้าใจ จากนั้นครูและ
นักเรยี นรว่ มอภิปรายเพ่อื แก้ไขสง่ิ ท่ีนักเรียนยงั ไมเ่ ขา้ ใจ เน้นย้ำเกีย่ วกับวิธกี ารบนั ทึกผล ข้อควรระวังในการทำ
กิจกรรม โดยอาจใช้คำถามดงั น้ี
• ในตอนที่ 1 นกั เรยี นต้องติดต้งั เทอร์มอมิเตอร์วัดอุณหภูมิของน้ำท่ีตำแหนง่ ใดบา้ ง (จุ่มกระเปาะเทอรม์ อ
มิเตอร์ลงในบรเิ วณใกล้กับก้นบีกเกอร์ และจ่มุ อีกอันลงในบริเวณใกลก้ ับผิวนำ้ ใหก้ ระเปาะเทอรม์ อมิเตอรจ์ ม
ใต้ผิวน้ำ)
• ในตอนท่ี 1 สิง่ ทตี่ ้องสังเกตและวัดมีอะไรบา้ ง (สังเกตสิ่งท่ีเกดิ ขน้ึ กบั เมล็ดแมงลกั และวัดอุณหภมู ขิ อง
นำ้ บรเิ วณใกล้กบั ก้นบกี เกอร์ และบรเิ วณใกล้ผิวนำ้ ทกุ ๆ 30 วินาที จนน้ำเดือด)
• ในตอนท่ี 2 นกั เรยี นต้องติดตง้ั เทอร์มอมิเตอรว์ ดั อณุ หภูมิของอากาศทีต่ ำแหนง่ ใดบ้าง (จัดเทอรม์ อ
มเิ ตอร์ให้กระเปาะอยู่บรเิ วณปลายบนและปลายล่างของพู่กระดาษ)
• ในตอนที่ 2 สิง่ ที่ต้องสังเกตและวดั มีอะไรบา้ ง (สงั เกตสงิ่ ท่ีเกิดข้นึ กบั พู่กระดาษและวดั อณุ หภมู ขิ อง
อากาศทต่ี ำแหนง่ ปลายบนและปลายล่างของพู่กระดาษ ทุก ๆ 30 วนิ าที เป็นเวลา 3 นาที)

37

2.3 แบ่งกลมุ่ นักเรียน กลุ่มละ 4 - 5 คน เพอื่ ทำกจิ กรรมที่ 2 พรอ้ มทั้งออกแบบตารางบันทึกผลการทำ
กิจกรรม

2.4 ใหน้ ักเรียนรว่ มกนั ทำกิจกรรมตามวิธกี ารดำเนนิ กจิ กรรมตอนท่ี 1 ในหนังสอื เรยี น และสังเกตการ
เปลี่ยนแปลงทเี่ กดิ ขน้ึ

2.5 ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มอภปิ รายร่วมกนั และวาดแบบจำลองการถ่ายโอนความร้อนของของเหลว โดย
แสดงถงึ การจัดเรียงอนุภาคของของเหลวเมอ่ื ไดร้ บั ความรอ้ น จากนัน้ นักเรยี นนำเสนอแบบจำลองทีส่ รา้ งขึ้น
ตามความคดิ ของกลุ่ม

2.6 ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั ทำกิจกรรมตามวิธกี ารดำเนินกจิ กรรมตอนที่ 2 ในชดุ กจิ กรรม สงั เกตการ
เปลี่ยนแปลงท่เี กดิ ขึน้

2.7 ให้นกั เรยี น 1 - 2 กล่มุ นำเสนอผลการสังเกต นักเรียนกลุ่มอน่ื ฟงั การนำเสนอ และเปรยี บเทยี บผล
การทำกิจกรรมร่วม

2.8 ให้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มอภปิ รายรว่ มกนั และวาดแบบจำลองการถา่ ยโอนความร้อนของแกส๊ โดยแสดง
ถงึ การจัดเรยี ง
อนุภาคของแกส๊ เมื่อไดร้ บั ความร้อน จากนนั้ นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มนำเสนอแบบจำลองทีส่ ร้างขนึ้ ตามความคิดของ
ตนเอง

2.9 ใหน้ ักเรียนร่วมกนั สบื คน้ ข้อมูลการถ่ายโอนความร้อนของแก๊สจากแหล่งข้อมูลทเ่ี ชอื่ ถอื ได้ เชน่
หนงั สอื เวบ็ ไซต์หรือวีดทิ ศั น์ พร้อมท้งั ระบุแหล่งท่ีมาของข้อมลู ดว้ ย จากนั้นนำข้อมูลทรี่ วบรวมไดม้ าปรบั แก้
แบบจำลองของตนเอง และอธบิ ายแนวทางการปรับแก้แบบจำลอง

3. ขน้ั สรุปองคค์ วามรู้ (Knowledge Formation)
3.1 ร่วมกนั อภปิ รายเพื่อให้ได้ข้อสรุปวา่ การพาความร้อนเกดิ ข้นึ กบั สสารท่ีเปน็ ของเหลวและแก๊ส

ตวั กลางจะพาความร้อนไปพร้อมกับการเคล่ือนที่ของอนุภาคของตัวกลาง และความรเู้ กี่ยวกับการพาความร้อน
สามารถนำไปใช้อธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ ได้

3.2 ใหน้ กั เรยี นใชข้ อ้ มลู ท่ไี ด้จากการอภิปรายร่วมกนั มาใช้ตอบคำถามท้ายกจิ กรรม
4. ขน้ั การสื่อสารและนำเสนอ (Effective Communication)

4.1 นักเรยี นเขียนสรุปส่ิงที่ได้เรียนรูจ้ ากความเข้าใจของตนเองโดยใช้แผนผังเวนน์เปรียบเทียบความ
เหมือนและความแตกต่างกนั ระหว่างการพาความร้อนและนำความร้อน

4.2 ใช้คำถามเพ่ือให้นักเรียนเกิดข้อสงสัยว่าถ้าบริเวณท่ีไม่มีสสารที่เป็นตัวกลางใดเลยในการนำ
ความร้อนหรือพาความร้อนความร้อนจะถ่ายโอนมายังบริเวณท่ีมีอุณหภูมิต่ำกว่าได้หรือไม่ เช่น ในอวกาศ
ระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ บางช่วงไม่มีตัวกลาง ไม่มีอากาศ โลกของเราได้รับพลังงานความร้อนจากดวง
อาทติ ยไ์ ด้อย่างไร เพอ่ื เชอ่ื มโยงเข้าสกู่ จิ กรรมที่ 3 การถ่ายโอนความรอ้ นโดยไม่อาศยั ตัวกลางเปน็ อย่างไร
ต่อไป

5. ข้ันการบริการสังคมและสาธารณะ (Public Service)
5.1 ใหน้ กั เรยี นร่วมกันสบื ค้นขอ้ มลู เกี่ยวกับการถ่ายโอนความรอ้ นโดยไม่อาศยั ตัวกลาง พร้อมท้ังระบุ

แหล่งที่มาของข้อมูลครูแนะนำตัวอย่างแหล่งสืบค้นข้อมูลท่ีเชื่อถือได้ เช่น หนังสือ วีดิทัศน์ เว็บไซต์ของ
หน่วยงานราชการ

5.2 ครูและนักเรียนร่วมกนั อภิปรายเพือ่ ให้ได้ข้อสรุปว่าการแผ่รังสีความร้อนเป็นการถ่ายโอนความ
ร้อนโดยไม่ต้องอาศัยตัวกลางทเ่ี ป็นอนภุ าคของสสาร แต่ความร้อนถ่ายโอนโดยแผร่ งั สอี ินฟราเรดซึง่ เป็นคลน่ื
แมเ่ หล็กไฟฟา้

38

13. สอื่ การเรียนรู้/แหลง่ เรียนรู้ 2) หนงั สอื แบบเรยี น 3) สือ่ เพาเวอรพ์ อยต์
13.1สอื่ การเรยี นรู้
1) ชุดกิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ 2) ห้องสมุด
13.2แหลง่ เรียนรู้
1) อนิ เตอร์เนต็ รายละเอียด

14. บนั ทึกหลังการจดั การเรยี นรู้ ......................................................................................
ผลการสอน ......................................................................................
......................................................................................
1. ด้านความรู้ : ......................................................................................
- การถ่ายโอนความร้อนของของเหลวและ ................................................................................
แก๊ส ......................................................................................
- การถ่ายโอนความร้อนโดยไม่อาศยั ตวั กลาง ......................................................................................
......................................................................................
2. ด้านกระบวนการ :
- ทักษะกระบวนการคิด ................................................................................. .....
- ทกั ษะกระบวนการกลมุ่ ......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

3. ดา้ นคุณธรรมจรยิ ธรรมและค่านิยม ......................................................................................
อันพึงประสงค์ : ......................................................................................
- มีวินยั ......................................................................................
- ใฝเ่ รยี นรู้ ......................................................................................
- อย่อู ยา่ งพอเพียง ...............................................................................
- รกั ความเปน็ ไทย ......................................................................................

4. ปญั หาการสอน ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................
.......................................................................
......................................................................................
5. วธิ แี ก้ปัญหา ......................................................................................
.......................................................................
.......................................................................

39

ลงช่ือ........................................ครผู ู้สอน ลงช่อื ...........................................หวั หนา้ กลุ่มสาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกุลรัตน.์ .) (นายสรุ จกั ร์ิ แกว้ ม่วง.)

ลงช่ือ........................................... ลงชอื่ ...........................................
(..นายศวิ าวุฒิ รัตนะ..) (..นางรพพี ร คำบุญมา..)
หัวหนา้ งานนเิ ทศ
รองผู้อำนวยการกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ

ลงช่ือ ........................................................
(...นายจงจดั จนั ทบ...)

ผอู้ ำนวยการโรงเรียนสุวรรณารามวทิ ยาคม

40

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 7
หน่วยการเรียนรทู้ ี่……1……. พลังงานความร้อน……..….เร่อื ง………...สมดุลความรอ้ น ..........................

รายวิชา……......วทิ ยาศาสตร…์ …..2.......รหัสวชิ า……......ว 21102 ..............ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่.ี ...1.....
กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปีการศึกษา... 2563... ภาคเรียนท.ี่ .2...เวลา...7..ชว่ั โมง……
ผู้สอน.........................นางสาวอโนชา...อทุ ุมสกลุ รตั น์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ (รายวิชาพื้นฐานมีทงั้ มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชีว้ ัด
รายวิชาเพิม่ เติมมีเฉพาะมาตรฐานการเรียนรแู้ ละผลการเรียนร)ู้

1.1 มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวัด
ว 2.3 ม.1/5

2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด (หลอมจากตัวชีว้ ัดที่ใช้ในหนว่ ยการเรยี นรู้นี้เขยี นเปน็ แบบความเรยี ง)
ความร้อนถ่ายโอนจากสสารที่มีอุณหภูมิสูงกว่าไปยังสสารท่ีมีอุณหภูมิต่ำกว่าจนกระทั่งอุณหภูมิของ

สสารท้ังสองเท่ากันสภาพที่สสารทั้งสองมีอุณหภูมิเท่ากัน เรียกว่า สมดุลความร้อน เมื่อมีการถ่ายโอนความ
ร้อนระหว่างสสารซ่ึงมีอุณหภูมิต่างกันจนเกิดสมดุลความร้อน ปริมาณความร้อนที่สสารหนึ่งได้รับจะเท่ากับ
ปริมาณความร้อนท่ีอีกสสารหน่ึงสูญเสียความรู้เกี่ยวกับการถ่ายโอนความร้อนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ใน
ชีวติ ประจำวันหรอื ใชใ้ นการอธบิ ายปรากฏการณ์ที่เกดิ ขึ้นตามธรรมชาติได้

3. สาระการเรียนรู้
3.1 สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง/สาระการเรียนรู้เพ่มิ เติม (รายวชิ าเพมิ่ เติม)
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
• ความร้อนถา่ ยโอนจากสสารท่ีมีอุณหภมู สิ งู กวา่ ไปยังสสารทม่ี ีอุณหภมู ติ ำ่ กวา่ จนกระท่ังอณุ หภูมขิ อง

สสารท้ังสองเท่ากัน สภาพทสี่ สารทงั้ สองมีอุณหภูมเิ ทา่ กัน เรียกว่า สมดลุ ความรอ้ น
• เมื่อมกี ารถา่ ยโอนความร้อนจากสสารท่มี อี ุณหภูมติ ่างกนั จนเกดิ สมดุลความร้อนความร้อนท่เี พมิ่ ข้ึน

ของสสารหนึ่งจะเท่ากับความร้อนท่ีลดลงของอกี สสารหน่งึ ซง่ึ เปน็ ไปตามกฎการอนุรกั ษ์พลงั งาน
3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น (ถ้าในคำอธบิ ายรายวชิ าพูดถงึ หลักสูตรท้องถ่ินใหใ้ ส่ลงไปด้วย

...............................................................-...........................................................................................

4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
นักเรยี นสามารถ
1. อธิบายสมดลุ ความรอ้ น (K)

2. คำนวณปรมิ าณความรอ้ นระหว่างสสารเม่ือสมดลุ ความร้อนและปริมาณต่าง ๆ ท่ีเกย่ี วข้อง (P)

3. ออกแบบเลอื กใชแ้ ละสร้างอปุ กรณ์ทีใ่ ชค้ วามรู้เกี่ยวกับการถา่ ยโอนความรอ้ นในการออกแบบและ

แก้ปัญหาในชวี ติ ประจำวัน (A)

5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน (เลือกเฉพาะข้อท่ีเกดิ ในหน่วยการเรียนร้นู ี)้

 1. ความสามารถในการสื่อสาร  2. ความสามารถในการคิด
 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา  4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (เลอื กเฉพาะข้อทเ่ี กิดในหน่วยการเรยี นรู้น้ี)

 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  2. ซอ่ื สตั ย์สุจรติ

 3. มีวินยั  4. ใฝเ่ รยี นรู้ 41

 5. อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง  6. มุ่งมน่ั ในการทำงาน

 7. รกั ความเปน็ ไทย  8. มจี ติ สาธารณะ
7. ดา้ นคุณลกั ษณะของผู้เรียนตามหลักสตู รมาตรฐานสากล

 1. เป็นเลิศวชิ าการ  2. ส่อื สารสองภาษา  3. ลำ้ หน้าทางความคดิ

 4. ผลิตงานอย่างสร้างสรรค์  5. รว่ มกนั รับผิดชอบต่อสงั คมโลก
8. ทกั ษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คอื การเรียนรู้ 3R X 8C 2L

 R1 –Reading (อา่ นออก)  R2-(W) Ringting (เขยี นได้)  R3- (A) Rithmetics (คิดเลขเปน็ )
 ทกั ษะด้านการคดิ อย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแกไ้ ขปัญหา (Critical Thinking and Problem

Solving)

 ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
 ทกั ษะด้านความเข้าใจความต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทศั น์ (Cross-cultural Understanding)

 ทักษะดา้ นความร่วมมือ การทำงานเปน็ ทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)

 ทักษะด้านการสอ่ื สาร สารสนเทศและร้เู ทา่ ทันสื่อ (Communications, Information, and Media Literacy)
 ทักษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (Computing and ICT
Literacy)

 ทักษะอาชีพ และทกั ษะการเรียนรู้ (Career and Learning)
ความมีเมตตา (วนิ ยั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม (Compassion)

9. บรู ณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

1. หลักความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชิกในกล่มุ ใหเ้ หมาะสมกับจำนวนสมาชิกในหอ้ งเรยี นคือ

ประมาณกล่มุ ละ 4 – 6 คน

2. หลกั ความมีเหตุผล : ใหน้ ักเรียนสร้างสรรคผ์ ลงานและเกิดทักษะการปฏิบตั ิ , นกั เรียนเกดิ ความ

ภาคภมู ใิ จในผลงานของตนและส่งิ ท่ีเรียนรู้

3. หลกั ภมู คิ มุ้ กนั : ใหน้ กั เรียนเกดิ ทกั ษะการทำงานกลุม่ และกล้าแสดงออก , นักเรยี นรู้จักการวาง

แผนการทำงานและมอบหมายงานให้สมาชกิ ภายในกล่มุ ได้เหมาะสมกับความสามารถของแต่ละบคุ คล

4. เงอ่ื นไขความรู้ : การวางแผนงานทีจ่ ะทำก่อนแล้วคอ่ ยลงมือทำอย่างระมัดระวงั

5. เงือ่ นไขคุณธรรม : อดทนที่จะทำงาน และมคี วามขยนั ทจ่ี ะทำงานให้ออกมาไดด้ ีทสี่ ดุ , มีวินยั ในการ

ทำงาน

10. ช้ินงาน/ภาระงานรวบยอด

ตัวชว้ี ัด ชิน้ งาน ภาระงาน

ว 2.3 ม.1/5 - รายงานกจิ กรรมที่ 4 นำ้ อณุ หภมู ิ -วิเคราะห์สถานการณ์การถ่ายโอนความ

ตา่ งกนั ผสมกนั จะเป็นอยา่ งไร ร้อนและคำนวณปรมิ าณความรอ้ นทถี่ า่ ย

โอนระหว่างสสารจนเกดิ สมดุลความรอ้ น

โดยใชส้ มการ Qสูญเสยี = Qไดร้ ับ

11. การวัดประเมนิ ผล
11.1การวดั และประเมินผลชนิ้ งาน/ภาระงานรวบยอด

42

วิธีการ

1.การสังเกตการณ์

2.การใช้ชดุ กจิ กรรมวทิ ยาศาสตรร์ ่องรอยบ่งช้ี 3.การวดั ประเมินการปฏบิ ตั ิ

เครอ่ื งมอื

1. แบบสงั เกตการณ์

2. ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ 3. แบบวัดประเมนิ การปฏบิ ตั ิ

เกณฑ์

1.การประเมนิ ผลตามสภาพจริง (Rubrics)

2.การประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผ่านต้งั แต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผ่าน ผ่าน 1

รายการถือว่า ไม่ผา่ น

11.2การวัดและประเมนิ ผลระหว่างการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (ประเมนิ จากแผนการจัดการเรียนรขู้ อง

หนว่ ยการเรยี นรู้นี้)

สิง่ ทีต่ ้องการวัด วิธวี ดั ผล เครือ่ งมอื วดั ผล เกณฑ์การประเมนิ
1. ความรเู้ ก่ียวกบั -การสอบถาม ซักถาม - นกั เรียนไดค้ ะแนน
- สมดุลความรอ้ น ความคดิ เห็นอธิบาย - แบบประเมินการ 12 คะแนนขน้ึ ไป
- การคำนวณปริมาณความร้อนที่ เก่ียวกับสมดุลความ อภิปรายแสดงความ หรอื รอ้ ยละ 80
คดิ เห็น ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
ถา่ ยโอนระหวา่ งสสารจนเกดิ ร้อน - แบบประเมนิ การ - นักเรียนได้คะแนน
ตรวจผลงานผูเ้ รยี น ประเมนิ ผลงาน
สมดลุ ความรอ้ นโดยใช้สมการ -การตรวจผลงาน 13 คะแนนขึน้ ไป
นักเรียน หรือรอ้ ยละ 80
Qสูญเสีย = Qได้รับ ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์
-นกั เรียนไดค้ ะแนน
2.ทกั ษะกระบวนการคิด และ - การอภปิ รายแสดง - แบบประเมนิ การ 12 คะแนนข้นึ ไป
หรอื รอ้ ยละ 80 ถือว่า
ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม ความคิดเห็นระบุ อภิปรายแสดงความ ผ่านเกณฑ์

ทักษะกระบวน คดิ เห็น - นกั เรยี นไดค้ ะแนน
ประเมนิ คุณลกั ษณะ
การทางวิทยาศาสตรท์ ่ี - แบบประเมนิ อนั พงึ ประสงค์
26 คะแนนขึ้นไป
ไดป้ ฏิบตั ิจากกิจกรรม พฤติกรรมการ หรือร้อยละ 80
ถือว่าผ่านเกณฑ์
- สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุม่ - นกั เรยี นได้คะแนน
การประเมินสมรรถนะ
ทำงานกล่มุ
43
3. คุณลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ - สังเกตคา่ นยิ มในการ - แบบประเมิน

และสมรรถนะผูเ้ รียน ทำงานร่วมกับผู้อื่น คณุ ลกั ษณะอนั พงึ

- มวี นิ ัยในการทำงานกลุ่ม และการทำงานใน ประสงค์

- นกั เรียนเหน็ ความสำคญั ระบบกล่มุ - แบบประเมิน

ของการทำงานรว่ มกับผูอ้ นื่ และ อภิปราย แสดงความ สมรรถนะผเู้ รยี น

การทำงานในระบบกล่มุ คิดเห็นเก่ียวกบั ผลการ

- ยอมรบั ความคิดเหน็ ซ่ึงกัน ทดลอง

และกันมีความเสียสละและ

อดทน 29 คะแนนข้ึนไป
หรือรอ้ ยละ 80
ถือวา่ ผ่านเกณฑ์

12. กิจกรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงท่ี 1
1. ขัน้ ต้ังประเดน็ ปญั หา/สมมติฐาน (Hypothesis Formulation)
1.1 ใช้ภาพในหนังสือเรยี น และถามคำถามสรา้ งความสนใจ เพ่ืออภิปรายวา่ ใช้อปุ กรณ์ใดในการวัด

อณุ หภมู ิของรา่ งกายและมีวธิ กี ารวดั อยา่ งไร จงึ จะทราบผลวา่ อุณหภมู ิของรา่ งกายเปน็ เท่าใด (การวดั อุณหภมู ิ
รา่ งกายโดยใชเ้ ทอร์มอมเิ ตอร์วดั ไขอ้ าจใชก้ ารอมในปาก หรือสอดใต้รักแร้ เปน็ ระยะเวลาหนง่ึ เพอื่ ใหเ้ ทอร์มอ
มเิ ตอร์และรา่ งกายเกิดสมดุลความร้อนซง่ึ อุณหภมู ิทีอ่ ่านได้จะมคี ่าคงที่คา่ หนงึ่ )

1.2 ให้นกั เรยี นทำกจิ กรรมทบทวนความร้กู ่อนเรยี น เพ่ือประเมินความรพู้ ืน้ ฐาน เกยี่ วกับปัจจัยทมี่ ีผลต่อ
ปริมาณความร้อนท่ีทำให้สสารเปล่ียนสถานะและเปลยี่ นอุณหภมู ิ หากครูพบว่านกั เรียนยงั มคี วามรู้พ้นื ฐานไม่
ถูกต้อง ครคู วรทบทวนหรือแกไ้ ขความเข้าใจผิดเพ่ือใหน้ ักเรยี นมีความร้พู ื้นฐานเพยี งพอในการเรยี นตอ่ ไป

1.3 ตงั้ คำถามให้นกั เรยี นเกิดข้อสงสยั วา่ เมื่อมกี ารถ่ายโอนความร้อนระหว่างนำ้ ทีม่ ีอณุ หภมู ติ า่ งกัน
อณุ หภมู ขิ องน้ำทั้งสองจะเปลี่ยนแปลงไปจนกระทงั่ เป็นอยา่ งไร เพื่อเชอ่ื มโยงเข้าสกู่ จิ กรรมที่ 4 น้ำอุณหภูมิ
ต่างกันผสมกันจะเป็นอยา่ งไร

ชว่ั โมงที่ 2-3
2. ขนั้ สืบค้นความรู้ (Searching for Information)

2.1 ให้นักเรียนอ่านวธิ ีดำเนนิ กิจกรรม จากน้ันครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายจุดประสงค์และวิธดี ำเนิน
กิจกรรมโดยอาจใชค้ ำถามดังนี้

• กจิ กรรมน้ีเกี่ยวกบั เรอ่ื งอะไร (เรอ่ื งการถา่ ยโอนความร้อนระหว่างนำ้ ทีม่ ีอุณหภมู ติ ่างกนั )
• การทำกิจกรรมมีข้ันตอนโดยสรุปอยา่ งไร (เทนำ้ เย็น 25 ลูกบาศก์เซนตเิ มตร ลงในแคลอรมี เิ ตอร์ แล้ว
วดั และบนั ทึกอุณหภูมเิ ริ่มต้น วดั และบนั ทึกอุณหภูมินำ้ ร้อน 25 ลูกบาศก์เซนติเมตร ที่บรรจุในแกว้ แลว้ เทน้ำ
รอ้ นลงในแคลอรมี ิเตอร์ปิดฝาใหแ้ น่น จากน้ันวัดอุณหภูมขิ องน้ำทุก ๆ 10 วินาที เปน็ เวลา 2 นาที เขียนกราฟ
แสดงความสัมพันธร์ ะหวา่ งอุณหภมู ิของน้ำกับเวลา หลงั จากนน้ั ทำกิจกรรมทั้งหมดซ้ำอกี ครัง้ โดยเปล่ยี น
อณุ หภูมิของนำ้ ให้ต่างจากเดิม)
2.2 เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นซกั ถามเกย่ี วกับขน้ั ตอนการทำกจิ กรรมทน่ี กั เรยี นยังไม่เขา้ ใจ จากนั้นครแู ละ
นกั เรยี นรว่ มอภิปรายเพื่อแกไ้ ขสง่ิ ท่ีนกั เรยี นยงั ไมเ่ ขา้ ใจ เน้นยำ้ เกีย่ วกับวิธีการบนั ทึกผล
2.3 ให้นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กล่มุ ละ 4 - 5 คน เพอื่ ทำกิจกรรมที่ 4
2.4 ให้นักเรยี นนำผลจากการทำกจิ กรรมมาอภิปรายร่วมกัน และตอบคำถามทา้ ยกิจกรรม
2.5 ครแู ละนักเรยี นอภิปรายร่วมกันเพ่ือให้ไดข้ ้อสรุปว่าเม่ือผสมสสารทีม่ อี ณุ หภูมติ ่างกนั สสารจะมีการ
ถา่ ยโอนความร้อนจนกระท่งั สมดลุ ความรอ้ น ซ่ึงอุณหภมู ขิ องสสารท้งั สองจะเท่ากัน
2.6 นกั เรยี นอา่ นและอภิปรายวิธีการคำนวณปริมาณความรอ้ นของสสารทีถ่ ่ายโอนในขณะสมดุลความ
ร้อน เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า ในขณะสมดุลความรอ้ น ปรมิ าณความร้อนที่สสารหนง่ึ สญู เสยี ไปจะเท่ากบั ปริมาณ
ความร้อนท่ีอีกสสารหนง่ึ ไดร้ ับหรอื เขยี นอธิบายโดยใช้ความสัมพันธ์ Q สญู เสยี = Q ไดร้ บั

44

2.7 รว่ มกันอภิปรายเพ่ือศึกษาวธิ กี ารคำนวณหาสมดุลความรอ้ นของสสาร และปริมาณอน่ื ๆ ท่ีเก่ยี วข้อง
โดยครูใหน้ กั เรียนอ่านทำความเขา้ ใจโจทย์ตวั อย่างในหนังสือเรยี นทลี ะข้อ เพ่ือใหน้ กั เรียนเข้าใจแนวทางในการ
วเิ คราะหแ์ ละวิธีการหาคำตอบ

2.8 ให้นกั เรียนตอบคำถามระหวา่ งเรยี นและคำถามชวนคดิ แสดงวิธีการคำนวณเพื่อตรวจสอบความ
เขา้ ใจ จากนั้นนักเรียนอภิปรายและนำเสนอวธิ กี ารคำนวณ

3. ข้ันสรุปองคค์ วามรู้ (Knowledge Formation)
3.1 ใหน้ กั เรียนร่วมกันสรุปบทเรียนเร่ืองการถ่ายโอนความร้อน จากนน้ั นักเรียนทำกิจกรรม

ตรวจสอบตนเอง เพื่อสรปุ องค์ความรูท้ ่ีได้จากบทเรยี น โดยการเขียนบรรยาย วาดภาพ หรอื เขียนผังมโนทัศน์
สิ่งทไ่ี ด้เรียนร้จู ากบทเรยี นเรื่องการถา่ ยโอนความร้อน

3.2 นำเสนอผงั มโนทศั น์ โดยอาจใหน้ กั เรยี นนำเสนอและอภิปรายภายในกลุ่ม หรอื อภปิ รายรว่ มกนั
ในช้ันเรียน หรือตดิ แสดงผลงานบนผนังหอ้ งเรยี น แลว้ ใหน้ ักเรยี นทกุ คนรว่ มแสดงความคิดเห็น โดยอาจเขียน
ขอ้ เสนอแนะหรือข้อคดิ เหน็ ลงในกระดาษแผ่นเล็กติดไว้ จากนัน้ ครแู ละนักเรียนอภิปรายสรุปองค์ความรูท้ ไี่ ด้
จากบทเรยี นร่วมกนั

ชวั่ โมงท่ี 4-7
4. ข้นั การสอ่ื สารและนำเสนอ (Effective Communication)
4.1 ครใู หน้ ักเรียน สร้างต้ขู นส่งสนิ คา้ กันความร้อนไดอ้ ย่างไร
4.2 ครูใช้เวลาในช้ันเรียนเพื่ออภิปรายและช่วยหาแนวทางในการออกแบบช้ินงานร่วมกับนักเรียน

แล้วให้นักเรียนสร้างและทดสอบช้ินงานนอกเวลาเรียน จากน้ันจึงนำผลการทดสอบท่ีได้มาอภิปรายรว่ มกันใน

ห้องเรยี นต่อไป

5. ข้ันการบรกิ ารสงั คมและสาธารณะ (Public Service)

5.1 นักเรียนร่วมกันสืบค้นข้อมูลและนำความรู้เกี่ยวกับการถ่ายโอนความร้อนมาใช้ในการสร้าง

ช้ินงานอยา่ งไรบา้ ง

5.2 ครูและนักเรียนร่วมกันเปรียบเทียบประสิทธิภาพตู้ขนส่งสินค้ากันความร้อนของกลุ่มตนเองกับ

กลมุ่ อืน่ ๆ ใหม้ คี วามนา่ เชอื่ ถือทางวิทยาศาสตรต์ ้องควบคมุ ปัจจัยใดบ้าง

13. สื่อการเรียนรู้/แหลง่ เรียนรู้

13.1ส่อื การเรียนรู้

1) ชดุ กิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ 2) หนังสอื แบบเรียน 3) สอื่ เพาเวอร์พอยต์

13.2แหลง่ เรียนรู้

1) อินเตอร์เน็ต 2) หอ้ งสมุด

14. บนั ทึกหลังการจัดการเรยี นรู้

ผลการสอน รายละเอียด

1. ด้านความรู้ : ......................................................................................
- สมดุลความร้อน ......................................................................................
- การคำนวณปรมิ าณความรอ้ นที่ถ่ายโอนระ ......................................................................................
หวา่ งสสารจนเกิดสมดลุ ความรอ้ นโดยใช้สมการ ......................................................................................
................................................................................
Qสญู เสีย = Qไดร้ ับ ......................................................................................

45

2. ด้านกระบวนการ : ......................................................................................
- ทกั ษะกระบวนการคิด ......................................................................................
- ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม ......................................................................................
......................................................................................

3. ด้านคุณธรรมจริยธรรมและค่านยิ ม ......................................................................................
......................................................................................
อันพึงประสงค์ : ......................................................................................
......................................................................................
- มีวนิ ยั ...............................................................................
- ใฝเ่ รยี นรู้ ......................................................................................

- อยอู่ ยา่ งพอเพียง
- รกั ความเปน็ ไทย

4. ปญั หาการสอน ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................
.......................................................................
......................................................................................
5. วธิ ีแกป้ ญั หา ......................................................................................
.......................................................................
.......................................................................

ลงช่อื ........................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...........................................หวั หนา้ กลมุ่ สาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกุลรตั น์..) (นายสุรจกั ริ์ แก้วมว่ ง.)

ลงชือ่ ........................................... ลงชือ่ ...........................................
(..นายศวิ าวุฒิ รัตนะ..) (..นางรพพี ร คำบญุ มา..)
หวั หน้างานนเิ ทศ
รองผู้อำนวยการกลุม่ บรหิ ารวิชาการ

ลงชอื่ ........................................................
(...นายจงจัด จันทบ...)

ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนสุวรรณารามวิทยาคม

46

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี…2…กระบวนการเปลย่ี นแปลงลมฟ้าอากาศ…….เรือ่ ง……..ลมฟา้ อากาศรอบตัว.(ตอนที่ 1)....

รายวิชา……......วทิ ยาศาสตร…์ …..2.......รหัสวชิ า……......ว 21102 ..............ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่....1.....
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปีการศึกษา... 2563... ภาคเรียนท.่ี .2...เวลา...3..ช่วั โมง……
ผูส้ อน.........................นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกุลรตั น์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้วี ัด/ผลการเรยี นรู้ (รายวชิ าพ้ืนฐานมีทงั้ มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชวี้ ัด
รายวิชาเพิ่มเติมมีเฉพาะมาตรฐานการเรียนรู้และผลการเรยี นรู้)

1.1 มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ดั
ว 3.2 ม.1/1

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด (หลอมจากตัวชีว้ ดั ท่ีใช้ในหนว่ ยการเรยี นรู้น้เี ขยี นเปน็ แบบความเรียง)
บรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกเราน้ันมีการเปล่ียนแปลงและพัฒนาต้ังแต่เร่ิมกำเนิดโลกจนกระทั่งปัจจุบัน

บรรยากาศส่งผลต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม บรรยากาศมีสมบัติและองค์ประกอบแตกต่างกัน
ไปตามระดับความสูงจากผิวโลก นักวิทยาศาสตร์ใช้เกณฑ์การเปล่ียนแปลงอุณหภูมิตามความสูง แบ่ง
บรรยากาศเป็น 5 ช้ัน ได้แก่ ชั้นโทรโพสเฟียร์ชั้นสตราโตสเฟียร์ ชั้นมีโซสเฟียร์ ชั้นเทอร์โมสเฟียร์ และช้ันเอก
โซสเฟียร์ ด้วยสมบัติและองค์ประกอบ ทำให้บรรยากาศแต่ละช้ันเกิดปรากฏการณ์และส่งผลต่อมนุษย์และ
สงิ่ แวดล้อมแตกต่างกัน
3. สาระการเรียนรู้

3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง/สาระการเรียนรูเ้ พม่ิ เติม (รายวิชาเพม่ิ เติม)
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
• โลกมีบรรยากาศหอ่ หุ้ม นักวทิ ยาศาสตร์ใช้สมบัตแิ ละองค์ประกอบของบรรยากาศในการแบ่ง

บรรยากาศของโลกออกเปน็ ชั้น ซึง่ แบ่งได้หลายรปู แบบ
ตามเกณฑ์ที่แตกต่างกนั โดยทัว่ ไปนกั วิทยาศาสตร์ใชเ้ กณฑ์การเปล่ยี นแปลงอณุ หภมู ติ ามความสูงแบ่ง
บรรยากาศไดเ้ ป็น 5 ชั้น ได้แก่ ช้ันโทรโพสเฟยี ร์ ช้นั สตราโตสเฟยี ร์ ช้ันมโี ซสเฟยี ร์
ชัน้ เทอร์โมสเฟียร์ และชน้ั เอกโซสเฟียร์

• บรรยากาศแต่ละช้นั มีประโยชนต์ ่อสิ่งมชี วี ิตแตกตา่ งกัน โดยช้ันโทรโพสเฟียร์มปี รากฏการณ์ ลมฟา้
อากาศทสี่ ำคัญตอ่ การดำรงชีวติ ของส่งิ มชี ีวติ ช้ันสตราโตสเฟยี ร์ชว่ ยดูดกลนื รังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทติ ย์
ไม่ให้มายังโลกมากเกนิ ไปชั้นมีโซสเฟยี ร์ชว่ ยชะลอวัตถนุ อกโลกทีผ่ า่ นเข้ามา ให้เกิดการเผาไหมก้ ลายเป็นวัตถุ
ขนาดเล็กลดโอกาสท่จี ะทำความเสียหายแกส่ ง่ิ มชี วี ิตบนโลก ชัน้ เทอรโ์ มสเฟียร์สามารถสะทอ้ นคลน่ื วทิ ยุ และ
ชั้นเอกโซสเฟียร์เหมาะสำหรับการโคจรของดาวเทยี มรอบโลกในระดบั ต่ำ

3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถน่ิ (ถ้าในคำอธบิ ายรายวิชาพูดถงึ หลักสตู รท้องถิ่นให้ใสล่ งไปดว้ ย

...............................................................-...........................................................................................

4. จุดประสงค์การเรียนรู้
นักเรยี นสามารถ
1. สรา้ งแบบจำลองชัน้ บรรยากาศแสดงการแบง่ ช้ันบรรยากาศของโลกตามเกณฑ์ทต่ี นเองสรา้ งขน้ึ (P)
2. เปรยี บเทยี บประโยชน์ของช้นั บรรยากาศแตล่ ะชน้ั (K)
3. ตัง้ ใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้ (A)

47

5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น (เลือกเฉพาะข้อท่เี กิดในหนว่ ยการเรียนรู้นี้)

 1. ความสามารถในการส่ือสาร  2. ความสามารถในการคิด
 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา  4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (เลือกเฉพาะข้อทีเ่ กิดในหน่วยการเรียนรู้น้)ี

 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  2. ซอื่ สัตย์สจุ ริต

 3. มวี ินัย  4. ใฝเ่ รยี นรู้
 5. อยู่อยา่ งพอเพียง  6. มุง่ ม่นั ในการทำงาน

 7. รักความเป็นไทย  8. มจี ิตสาธารณะ
7. ด้านคณุ ลกั ษณะของผเู้ รียนตามหลกั สตู รมาตรฐานสากล

 1. เปน็ เลศิ วชิ าการ  2. สอื่ สารสองภาษา  3. ล้ำหน้าทางความคดิ

 4. ผลิตงานอยา่ งสรา้ งสรรค์  5. ร่วมกันรับผิดชอบต่อสงั คมโลก
8. ทกั ษะของคนในศตวรรษที่ 21 คือการเรียนรู้ 3R X 8C 2L

 R1 –Reading (อา่ นออก)  R2-(W) Ringting (เขยี นได้)  R3- (A) Rithmetics (คดิ เลขเป็น)
 ทกั ษะด้านการคดิ อย่างมีวิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปัญหา (Critical Thinking and Problem

Solving)

 ทกั ษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
 ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทศั น์ (Cross-cultural Understanding)

 ทกั ษะดา้ นความร่วมมือ การทำงานเป็นทมี และภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)

 ทักษะดา้ นการสือ่ สาร สารสนเทศและรู้เท่าทนั ส่ือ (Communications, Information, and Media Literacy)
 ทกั ษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (Computing and ICT
Literacy)

 ทกั ษะอาชีพ และทักษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)
ความมเี มตตา (วนิ ัย คณุ ธรรม จรยิ ธรรม (Compassion)

9. บรู ณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

1. หลักความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชิกในกลมุ่ ให้เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในหอ้ งเรยี นคอื

ประมาณกล่มุ ละ 4 – 6 คน

2. หลกั ความมเี หตุผล : ให้นกั เรียนสรา้ งสรรค์ผลงานและเกิดทกั ษะการปฏบิ ตั ิ , นักเรยี นเกดิ ความ

ภาคภูมิใจในผลงานของตนและสงิ่ ทเี่ รยี นรู้

3. หลกั ภมู คิ ุ้มกัน : ให้นกั เรยี นเกิดทักษะการทำงานกลมุ่ และกลา้ แสดงออก , นกั เรยี นรู้จกั การวาง

แผนการทำงานและมอบหมายงานให้สมาชิกภายในกล่มุ ได้เหมาะสมกบั ความสามารถของแต่ละบคุ คล

4. เงอ่ื นไขความรู้ : การวางแผนงานทจี่ ะทำก่อนแล้วคอ่ ยลงมือทำอย่างระมดั ระวัง

5. เงื่อนไขคณุ ธรรม : อดทนท่จี ะทำงาน และมีความขยนั ทีจ่ ะทำงานให้ออกมาได้ดที ส่ี ุด , มีวนิ ัยในการ

ทำงาน

48

10. ชนิ้ งาน/ภาระงานรวบยอด

ตัวชวี้ ดั ช้ินงาน ภาระงาน
- สรา้ งแบบจำลองท่อี ธบิ ายการแบ่งช้ัน
ว.3.2ม.1/1 - รายงานกิจกรรมท่ี 1 บรรยากาศของ
บรรยากาศของโลกและอธบิ ายประโยชน์
โลกเป็นอย่างไร
ของช้นั บรรยากาศแตล่ ะชั้น

11. การวัดประเมินผล

11.1การวดั และประเมนิ ผลชิ้นงาน/ภาระงานรวบยอด

วธิ ีการ

1.การสังเกตการณ์

2.การใชช้ ุดกจิ กรรมวิทยาศาสตร์ร่องรอยบ่งช้ี 3.การวัดประเมินการปฏิบัติ

เครอื่ งมือ

1. แบบสงั เกตการณ์

2. ชดุ กจิ กรรมวทิ ยาศาสตร์ 3. แบบวัดประเมินการปฏบิ ัติ

เกณฑ์

1.การประเมนิ ผลตามสภาพจริง (Rubrics)

2.การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผ่านต้งั แต่ 2 รายการ ถือว่า ผ่าน ผ่าน 1

รายการถือวา่ ไมผ่ า่ น

11.2การวัดและประเมินผลระหวา่ งการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (ประเมนิ จากแผนการจัดการเรียนรขู้ อง

หนว่ ยการเรียนรนู้ ้)ี

สิ่งท่ตี ้องการวัด วธิ วี ัดผล เคร่อื งมือวดั ผล เกณฑก์ ารประเมนิ
1. ความรเู้ กยี่ วกับ -การสอบถาม ซกั ถาม
- การแบง่ ช้ันบรรยากาศของโลก ความคดิ เหน็ อธบิ าย - แบบประเมินการ - นกั เรยี นได้คะแนน
- ประโยชน์ของช้นั บรรยากาศแต่ เกีย่ วกบั การแบ่งช้นั อภิปรายแสดงความ 12 คะแนนข้ึนไป
คิดเห็น หรอื ร้อยละ 80
ละชน้ั บรรยากาศของโลก - แบบประเมินการ ถือว่าผา่ นเกณฑ์
ตรวจผลงานผู้เรียน - นักเรียนไดค้ ะแนน
ประโยชนข์ องชน้ั ประเมนิ ผลงาน
13 คะแนนข้ึนไป
บรรยากาศแต่ละชนั้ หรอื ร้อยละ 80
ถือว่าผา่ นเกณฑ์
-การตรวจผลงาน
นกั เรียน -นักเรยี นไดค้ ะแนน
12 คะแนนข้นึ ไป
2.ทักษะกระบวนการคิด และ - การอภิปรายแสดง - แบบประเมนิ การ หรือร้อยละ 80 ถอื ว่า
ทักษะกระบวนการกลุ่ม ความคดิ เห็นระบุ อภปิ รายแสดงความ ผ่านเกณฑ์
ทักษะกระบวน คดิ เหน็
การทางวิทยาศาสตร์ท่ี - แบบประเมนิ
ได้ปฏิบัตจิ ากกจิ กรรม พฤติกรรมการ
- สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกล่มุ

49

ทำงานกล่มุ

3. คณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ - สังเกตคา่ นิยมในการ - แบบประเมนิ - นกั เรยี นไดค้ ะแนน

และสมรรถนะผู้เรียน ทำงานร่วมกับผู้อื่น คณุ ลักษณะอันพึง ประเมินคุณลกั ษณะ

- มวี นิ ยั ในการทำงานกล่มุ และการทำงานใน ประสงค์ อันพงึ ประสงค์

- นกั เรยี นเห็นความสำคญั ระบบกลมุ่ - แบบประเมนิ 26 คะแนนขน้ึ ไป

ของการทำงานร่วมกบั ผูอ้ ื่นและ อภิปราย แสดงความ สมรรถนะผูเ้ รยี น หรือร้อยละ 80

การทำงานในระบบกลมุ่ คิดเหน็ เกีย่ วกบั ผลการ ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์

- ยอมรบั ความคิดเห็นซง่ึ กัน ทดลอง - นักเรียนได้คะแนน

และกันมีความเสยี สละและ การประเมินสมรรถนะ

อดทน 29 คะแนนขึน้ ไป

หรอื ร้อยละ 80

ถือว่าผา่ นเกณฑ์

12. กจิ กรรมการเรียนรู้

ชัว่ โมงที่ 1

1. ข้ันต้ังประเดน็ ปญั หา/สมมติฐาน (Hypothesis Formulation)

1.1 ครตู ง้ั ประเด็นให้นักเรยี นร่วมกนั ยกตัวอย่างและอภิปรายดังนี้

• จากขอ้ มลู ข่าวสาร หรอื ประสบการณต์ รงของนักเรยี นพบขอ้ มูลเกยี่ วกบั สถานการณ์ทาง

ธรรมชาติเกีย่ วกบั ลมฟา้ อากาศทผ่ี ิดปกติอย่างไรบ้าง (นักเรียนตอบได้โดยอสิ ระ เชน่ อากาศร้อนจดั

พายฤุ ดรู ้อน ลูกเห็บตก)

• สถานการณ์ดงั กลา่ วสง่ ผลกระทบต่อชวี ิตและทรัพย์สินอย่างไรบา้ ง (นักเรียนตอบไดโ้ ดยอสิ ระ เชน่

หลังคาบา้ นปลิว รถยนตเ์ สียหาย ความเจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ)

1.2 ใหน้ ักเรยี นดภู าพนำหน่วย คือ ภาพเฮอรเิ คนแคทรนี าซ่งึ เป็นพายทุ ่ีมีความรุนแรงมากท่ีสดุ ลกู หน่ึงใน

ประวัติศาสตร์ของประเทศสหรฐั อเมรกิ า และสร้างความเสียหายนับเป็นมูลค่าถึง นบั แสนล้านดอลล่าห์ เกิดข้นึ

ระหว่างวันที่ 23-31 สงิ หาคม 2548

1.3 ใช้คำถามต่อไปนี้

• ปัจจยั ใดบ้างส่งผลใหเ้ กิดสภาพลมฟ้าอากาศในพื้นที่น้ัน ๆ (องคป์ ระกอบของลมฟ้าอากาศ

เปลีย่ นแปลง สภาพลมฟ้าอากาศเปล่ียนแปลง)

• องคป์ ระกอบของลมฟ้าอากาศมีอะไรบา้ ง(อณุ หภมู ิ ความชนื้ ความกดอากาศ ลม เมฆ และ

หยาดน้ำฟ้า)

1.4 ทำกจิ กรรมทบทวนความรู้ก่อนเรยี น แล้วนำเสนอผลการทำกิจกรรม หากครูพบว่านักเรยี น

ยังทำกจิ กรรมทบทวนความรู้ก่อนเรยี นไมถ่ ูกต้องครูควรทบทวนหรอื แก้ไขความเข้าใจผดิ ของนักเรียน

เพ่ือให้นกั เรยี นมีความรพู้ นื้ ฐานที่ถกู ต้องและเพียงพอท่ีจะเรียนเรอ่ื งบรรยากาศต่อไป

ชั่วโมงท่ี 2

2. ขัน้ สบื ค้นความรู้ (Searching for Information)

2.1 ให้นกั เรยี นอา่ นเนื้อหาในชดุ กจิ กรรมและตอบคำถามเก่ียวกับ การเกิดบรรยากาศของโลก ตัง้ แต่

เรม่ิ ต้นจนถงึ ปจั จุบันจากนนั้ ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันอภิปรายสรุปเกยี่ วกบั การเกดิ บรรยากาศของโลก เพือ่ ให้ได้

ข้อสรปุ ว่า เมือ่ โลกเกดิ ขึ้นในช่วงแรกไม่มีบรรยากาศห่อหุ้ม บรรยากาศของโลกมกี ารเปล่ียนแปลงต้ังแต่อดตี

50

จนถึงปัจจุบัน โดยมีเหตกุ ารณต์ ่าง ๆเข้ามาเก่ียวขอ้ ง บรรยากาศของโลกในปัจจุบันเหมาะสมต่อการดำรงชีวติ
ของมนุษย์

2.2 นำเข้าสูก่ จิ กรรมท่ี 1 บรรยากาศของโลกเปน็ อย่างไร โดยตง้ั คำถามสร้างความสนใจวา่ บรรยากาศที่
ห่อหมุ้ โลกมีลักษณะและสมบัตเิ หมอื นกันโดยตลอดตงั้ แตร่ ะดบั ผวิ โลกจนถงึ อวกาศหรือไม่ อย่างไร

2.3 ใหน้ กั เรียนอ่านวิธีดำเนนิ กจิ กรรมในหนังสือเรยี น และรว่ มกันอภิปรายในประเดน็ ดงั ตอ่ ไปนี้
• กจิ กรรมน้ีเก่ียวกบั เรื่องอะไร (บรรยากาศของโลก)
• กิจกรรมนมี้ ีจดุ ประสงค์อย่างไร (นักเรยี นตอบตามความคิดของตนเอง)
• วธิ ดี ำเนนิ กจิ กรรมมีขั้นตอนโดยสรปุ อย่างไร (อ่านขอ้ มลู สมบัติและองคป์ ระกอบของบรรยากาศ

จากตาราง จากน้นั สร้างแบบจำลองช้นั บรรยากาศของโลกตามเกณฑข์ องตนเองและนำเสนอ รวบรวมข้อมูล
การแบ่งชั้นบรรยากาศตามเกณฑข์ องนักวทิ ยาศาสตร์ และเปรียบเทียบกับเกณฑท์ ตี่ นเองสรา้ งข้ึน)

2.4 ให้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ เสนอแบบจำลองชั้นบรรยากาศ โดยนำผลงานติดแสดงไว้รอบห้องเรยี นนักเรียน
ทุกคนร่วมชมผลงาน

2.5 นกั เรยี นสืบคน้ ข้อมลู การแบง่ ช้ันบรรยากาศตามเกณฑ์ของนักวทิ ยาศาสตร์ จากแหล่งขอ้ มลู ทเ่ี ชอื่ ถือ
ได้ เช่น เว็บไซต์หรือหนงั สือจากหนว่ ยงานของรฐั ที่เกย่ี วข้อง และอภิปรายภายในกลุ่มเพื่อเปรยี บเทียบการแบ่ง
ชน้ั บรรยากาศตามเกณฑ์ของนักวิทยาศาสตร์ และเกณฑ์ของตนเอง โดยใหเ้ ขยี นผลการอภิปรายบนผลงาน
แบบจำลองช้ันบรรยากาศท่ีนักเรียนได้ติดแสดงไว้รอบห้องเรยี น

ชั่วโมงท่ี 3

3. ขน้ั สรปุ องคค์ วามรู้ (Knowledge Formation)

3.1 นักเรยี นตอบคำถามท้ายกจิ กรรม จากนน้ั นำเสนอ และอภปิ รายคำตอบรว่ มกนั เพื่อใหไ้ ด้ข้อสรปุ

วา่ ในแตล่ ะระดับความสงู บรรยากาศมสี มบัตแิ ละองคป์ ระกอบแตกตา่ งกันไป การแบง่ ช้ันบรรยากาศมหี ลาย

เกณฑ์ โดยท่ัวไปนกั วทิ ยาศาสตรใ์ ช้การเปลยี่ นแปลงอุณหภูมติ ามความสงู ในการแบ่งชนั้ บรรยากาศ

4. ข้นั การส่ือสารและนำเสนอ (Effective Communication)

4.1 นักเรียนรว่ มกนั อภิปรายและสรปุ ส่ิงที่ได้เรยี นรู้ เพื่อให้ได้ข้อสรปุ ว่า โลกของเรามีบรรยากาศ

หอ่ หมุ้ บรรยากาศทหี่ ่อห้มุ โลกมสี มบตั แิ ละองค์ประกอบแตกตา่ งกนั ไปตามความสูงจากพื้นโลก

นักวิทยาศาสตร์ใช้เกณฑ์ต่าง ๆ ในการแบ่งชน้ั บรรยากาศของโลก โดยทว่ั ไปนกั วิทยาศาสตรใ์ ช้การ

เปล่ยี นแปลงอุณหภมู ิตามความสูงในการแบ่งชนั้ บรรยากาศ ได้แก่ ชน้ั โทรโพสเฟียร์ สตราโตสเฟยี ร์ มโี ซสเฟยี ร์

เทอร์โมสเฟียร์ และเอกโซสเฟียร์ บรรยากาศแต่ละช้ันมปี ระโยชน์ตอ่ มนุษย์และสิ่งแวดล้อมในด้านต่าง ๆ เช่น

เกิดฝน ปอ้ งกันรงั สีอลั ตราไวโอเลต เผาไหม้อุกกาบาต สะท้อนคลนื่ วทิ ยุ บรรยากาศของโลกจงึ มีความ

เหมาะสมและเออ้ื ต่อการดำรงชวี ิตของสิ่งมีชวี ิต

5. ข้ันการบรกิ ารสังคมและสาธารณะ (Public Service)

5.1 ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเพ่ิมเติมเก่ียวกบั ประโยชน์ของชั้นบรรยากาศจากแหล่งข้อมลู ที่เชื่อถือได้

หรือหนังสือเรียน จากนั้นตอบคำถามระหว่างเรียน และทำกิจกรรมเสริม แบบจำลองช้ันบรรยากาศของ

นักเรียนเป็นอย่างไร โดยให้นักเรียนสร้างแบบจำลองที่แสดงสมบัติ องค์ประกอบ และประโยชน์ของชั้น

บรรยากาศแตล่ ะช้ัน

13. สอื่ การเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้

12.1สอ่ื การเรยี นรู้

1) ชุดกิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ 2) หนังสอื แบบเรยี น 3) สื่อเพาเวอร์พอยต์

51

12.2แหลง่ เรียนรู้ 2) หอ้ งสมุด
1) อินเตอร์เน็ต

14. บันทึกหลังการจดั การเรียนรู้ รายละเอียด
ผลการสอน
......................................................................................
1. ด้านความรู้ : ......................................................................................
......................................................................................
- การแบง่ ช้นั บรรยากาศของโลก ......................................................................................
......................................................................................
- ประโยชน์ของชน้ั บรรยากาศแตล่ ะชน้ั ......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

2. ด้านกระบวนการ : ......................................................................................
- ทกั ษะกระบวนการคิด ......................................................................................
- ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม ......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

3. ดา้ นคณุ ธรรมจริยธรรมและค่านิยม ......................................................................................
อันพึงประสงค์ : ......................................................................................
......................................................................................
- มีวนิ ยั ......................................................................................
......................................................................................
- ใฝ่เรียนรู้ ......................................................................................
- อยอู่ ย่างพอเพยี ง
- รักความเปน็ ไทย

4. ปญั หาการสอน ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

52

5. วิธแี ก้ปัญหา ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

ลงชอ่ื ........................................ครูผ้สู อน ลงช่อื ...........................................หวั หนา้ กลุ่มสาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อทุ ุมสกลุ รัตน.์ .) (นายสรุ จักร์ิ แก้วมว่ ง.)

ลงชอ่ื ........................................... ลงชือ่ ...........................................
(..นายศวิ าวฒุ ิ รตั นะ..) (..นางรพีพร คำบุญมา..)
หวั หน้างานนเิ ทศ
รองผอู้ ำนวยการกล่มุ บรหิ ารวชิ าการ

ลงชอื่ ........................................................
(...นายจงจัด จนั ทบ...)

ผ้อู ำนวยการโรงเรียนสวุ รรณารามวิทยาคม

53

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่…2…กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ…….เรอ่ื ง……..ลมฟา้ อากาศรอบตวั .(ตอนท่ี 2)....

รายวชิ า……......วิทยาศาสตร…์ …..2.......รหัสวชิ า……......ว 21102 ..............ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี....1.....

กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปกี ารศกึ ษา. 2563..ปกี ารศึกษา..2563...ภาคเรยี นท่.ี .2...เวลา...2..ชวั่ โมง……

ผ้สู อน.........................นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกุลรัตน์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้ (รายวชิ าพ้ืนฐานมีทัง้ มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้วี ัด
รายวชิ าเพิ่มเตมิ มีเฉพาะมาตรฐานการเรียนรแู้ ละผลการเรียนร)ู้

1.1 มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ัด ว 3.2 ม.1/2

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด (หลอมจากตัวชวี้ ดั ทใ่ี ชใ้ นหนว่ ยการเรียนรนู้ เี้ ขยี นเป็นแบบความเรียง)
มนุษยด์ ำรงชีวติ อยู่ภายใตบ้ รรยากาศชนั้ โทรโพสเฟียร์ซ่ึงเกดิ สภาพลมฟ้าอากาศต่าง ๆ เชน่ ลม เมฆ

ฝน ฟา้ แลบ ฟา้ รอ้ งองคป์ ระกอบของลมฟา้ อากาศ
3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง/สาระการเรยี นรูเ้ พ่มิ เติม (รายวชิ าเพิม่ เติม)

สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
• ลมฟ้าอากาศ เป็นสภาวะของอากาศในเวลาหนง่ึ ของพน้ื ท่ีหนึง่ ที่มีการเปลยี่ นแปลงตลอดเวลา
ขน้ึ อยูก่ ับองค์ประกอบลมฟา้ อากาศ ไดแ้ ก่ อุณหภมู อิ ากาศ ความกดอากาศ ลม ความช้ืน เมฆ และหยาดนำ้ ฟ้า
โดยหยาดนำ้ ฟา้ ท่ีพบบ่อยในประเทศไทยไดแ้ ก่ ฝน องค์ประกอบ
ลมฟ้าอากาศเปลีย่ นแปลงตลอดเวลาขน้ึ อยู่กบั ปจั จัยต่าง ๆ เช่น ปรมิ าณรังสีจากดวงอาทิตย์และลกั ษณะ
พน้ื ผวิ โลกสง่ ผลตอ่ อุณหภูมิอากาศ อณุ หภมู อิ ากาศและปริมาณไอน้ำส่งผลต่อความชื้น ความกดอากาศสง่ ผล
ต่อลม ความช้ืนและลมส่งผลต่อเมฆ
3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน (ถ้าในคำอธิบายรายวชิ าพูดถึงหลักสูตรท้องถิน่ ให้ใส่ลงไปดว้ ย

...............................................................-...........................................................................................

4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. วเิ คราะหแ์ ละอธิบายปัจจยั ท่มี ผี ลตอ่ การเปลย่ี นแปลงองคป์ ระกอบของลมฟ้าอากาศได้ (K)
2. ทดลองหาอุณหภูมอิ ากาศ และการเปลยี่ นแปลงอุณหภูมอิ ากาศได้ (P)

3. ตง้ั ใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้ (A)

5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น (เลือกเฉพาะข้อทเี่ กิดในหน่วยการเรยี นรู้น้)ี

 1. ความสามารถในการส่ือสาร  2. ความสามารถในการคิด
 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา  4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เลอื กเฉพาะข้อท่เี กิดในหนว่ ยการเรียนรู้น้)ี

 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  2. ซ่ือสัตยส์ จุ ริต

 3. มวี นิ ัย  4. ใฝเ่ รียนรู้
 5. อย่อู ย่างพอเพยี ง  6. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน

 7. รักความเปน็ ไทย  8. มีจิตสาธารณะ
7. ด้านคุณลักษณะของผเู้ รียนตามหลักสูตรมาตรฐานสากล

 1. เป็นเลิศวชิ าการ  2. สอื่ สารสองภาษา  3. ลำ้ หนา้ ทางความคดิ

 4. ผลติ งานอยา่ งสร้างสรรค์  5. รว่ มกันรับผดิ ชอบตอ่ สงั คมโลก

54

8. ทักษะของคนในศตวรรษที่ 21 คอื การเรยี นรู้ 3R X 8C 2L

 R1 –Reading (อ่านออก)  R2-(W) Ringting (เขียนได้)  R3- (A) Rithmetics (คิดเลขเปน็ )
 ทักษะด้านการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณและทักษะในการแก้ไขปญั หา (Critical Thinking and Problem

Solving)

 ทกั ษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
 ทกั ษะด้านความเขา้ ใจความต่างวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross-cultural Understanding)

 ทักษะด้านความรว่ มมือ การทำงานเป็นทมี และภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)

 ทกั ษะด้านการสอ่ื สาร สารสนเทศและรูเ้ ท่าทันส่ือ (Communications, Information, and Media Literacy)
 ทกั ษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing and ICT
Literacy)

 ทกั ษะอาชพี และทกั ษะการเรียนรู้ (Career and Learning)
ความมเี มตตา (วนิ ยั คณุ ธรรม จริยธรรม (Compassion)

9. บรู ณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

1. หลกั ความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชกิ ในกลมุ่ ใหเ้ หมาะสมกับจำนวนสมาชิกในห้องเรียนคอื

ประมาณกล่มุ ละ 4 – 6 คน

2. หลกั ความมีเหตุผล : ให้นักเรยี นสรา้ งสรรค์ผลงานและเกิดทักษะการปฏิบตั ิ , นกั เรยี นเกดิ ความ

ภาคภมู ใิ จในผลงานของตนและสิง่ ท่ีเรยี นรู้

3. หลักภูมิคุ้มกัน : ใหน้ กั เรียนเกดิ ทักษะการทำงานกลุ่ม และกล้าแสดงออก , นกั เรยี นรู้จักการวาง

แผนการทำงานและมอบหมายงานใหส้ มาชิกภายในกลุ่มได้เหมาะสมกับความสามารถของแต่ละบคุ คล

4. เง่อื นไขความรู้ : การวางแผนงานท่ีจะทำก่อนแลว้ ค่อยลงมือทำอย่างระมดั ระวงั

5. เง่ือนไขคุณธรรม : อดทนที่จะทำงาน และมคี วามขยันทจี่ ะทำงานใหอ้ อกมาไดด้ ีทสี่ ุด , มวี ินัยในการ

ทำงาน

10. ช้ินงาน/ภาระงานรวบยอด

ตัวชว้ี ดั ช้นิ งาน ภาระงาน

ว.3.2ม.1/2 - รายงานกจิ กรรมท่ี 2 อณุ หภมู ิอากาศ - วเิ คราะหแ์ ละอธิบายปัจจยั ที่มผี ลตอ่

เปลย่ี นแปลงอย่างไร การเปลย่ี นแปลงองค์ประกอบของลมฟา้

อากาศ

11. การวดั ประเมินผล

11.1การวดั และประเมนิ ผลช้ินงาน/ภาระงานรวบยอด

วธิ ีการ

1.การสังเกตการณ์

2.การใชช้ ดุ กจิ กรรมวิทยาศาสตร์ร่องรอยบ่งชี้ 3.การวดั ประเมนิ การปฏบิ ตั ิ

เครอ่ื งมอื

1. แบบสังเกตการณ์

2. ชุดกจิ กรรมวิทยาศาสตร์ 3. แบบวดั ประเมินการปฏิบตั ิ

เกณฑ์

55

1.การประเมินผลตามสภาพจรงิ (Rubrics)
2.การประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผา่ นต้ังแต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผ่าน ผ่าน 1
รายการถือวา่ ไมผ่ า่ น
11.2การวดั และประเมินผลระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (ประเมนิ จากแผนการจดั การเรยี นรู้ของ
หน่วยการเรียนรู้น้)ี

สิง่ ทต่ี ้องการวดั วิธีวดั ผล เคร่ืองมือวัดผล เกณฑ์การประเมิน
- นกั เรยี นไดค้ ะแนน
1. ความรเู้ กย่ี วกบั -การสอบถาม ซกั ถาม - แบบประเมินการ 12 คะแนนขึ้นไป
อภปิ รายแสดงความ หรือร้อยละ 80
- ปจั จยั ทีม่ ผี ลตอ่ การเปลี่ยน ความคดิ เหน็ อธิบาย คดิ เหน็ ถือว่าผา่ นเกณฑ์
แปลงองค์ประกอบของลมฟ้า เก่ยี วกบั ปัจจัยทม่ี ผี ลต่อ - แบบประเมนิ การ - นกั เรียนได้คะแนน
อากาศ การเปลยี่ นแปลง ตรวจผลงานผูเ้ รยี น ประเมินผลงาน
องค์ประกอบของลมฟา้ 13 คะแนนขึ้นไป
หรอื ร้อยละ 80
อากาศ ถือว่าผา่ นเกณฑ์
-นักเรยี นได้คะแนน
-การตรวจผลงาน 12 คะแนนขึ้นไป
นักเรยี น หรือร้อยละ 80 ถือวา่
ผา่ นเกณฑ์
2.ทักษะกระบวนการคิด - การอภปิ รายแสดง - แบบประเมินการ
และทักษะกระบวนการกลุ่ม - นักเรียนไดค้ ะแนน
ความคดิ เหน็ ระบทุ ักษะ อภิปรายแสดงความ ประเมนิ คุณลักษณะ
3. คุณลกั ษณะทีพ่ งึ อันพึงประสงค์
ประสงค์ กระบวน คิดเหน็ 26 คะแนนขึน้ ไป
และสมรรถนะผู้เรยี น หรอื ร้อยละ 80
- มวี นิ ยั ในการทำงานกลมุ่ การทางวิทยาศาสตรท์ ี่ได้ - แบบประเมิน ถือว่าผ่านเกณฑ์
- นักเรียนเห็นความสำคัญ - นักเรยี นได้คะแนน
ของการทำงานรว่ มกบั ผูอ้ ่นื ปฏบิ ัติจากกิจกรรม พฤติกรรมการ การประเมินสมรรถนะ
และการทำงานในระบบกลุ่ม 29 คะแนนขน้ึ ไป
- ยอมรบั ความคิดเหน็ ซึ่งกัน - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลมุ่ หรอื ร้อยละ 80
และกนั มีความเสียสละและ ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
อดทน ทำงานกลมุ่

- สังเกตคา่ นยิ มในการ - แบบประเมนิ

ทำงานรว่ มกบั ผู้อื่นและ คุณลักษณะอันพึง

การทำงานในระบบกลุ่ม ประสงค์

อภปิ ราย แสดงความ - แบบประเมิน

คดิ เห็นเก่ยี วกับผลการ สมรรถนะผู้เรยี น

ทดลอง

12. กิจกรรมการเรยี นรู้
ชว่ั โมงที่ 1
1. ขั้นต้งั ประเด็นปัญหา/สมมติฐาน (Hypothesis Formulation)

56

1.1 ทบทวนความรู้ เก่ียวกับองค์ประกอบของลมฟา้ อากาศที่ทำให้สภาพลมฟา้ อากาศเปลย่ี นแปลง
ว่ามีอะไรบา้ ง (อณุ หภูมิอากาศ ความชนื้ อากาศความกดอากาศ ลม เมฆ และฝน)

1.2 กระตุน้ ความสนใจนักเรยี นตอ่ การเรียนเกี่ยวกับองคป์ ระกอบของลมฟา้ อากาศ องคป์ ระกอบแรก
คืออุณหภูมิ โดยใช้ภาพ วีดิทัศน์ หรือเร่ืองราวท่ีน่าสนใจเก่ียวกับอุณหภูมิอากาศ เช่น การถาม คำถามว่าใน
รอบ 1 วนั อุณหภูมิอากาศมคี า่ แตกต่างกันไดม้ ากทส่ี ดุ เทา่ ใด

1.3 ให้นกั เรยี นดภู าพนำเร่อื ง อา่ นเนอ้ื หานำเรอ่ื งและรู้จักคำสำคัญ โดยครอู าจจะใชค้ ำถามดังน้ี
• จากสถิติโลกอุณหภูมิอากาศที่แตกต่างกันมากท่ีสุดในรอบวันมีค่าเท่าใด (จากสถิติโลกพบว่าวันที่

อุณหภูมิอากาศ ในรอบวันท่ีมีค่าแตกต่างกันมากที่สุด เกิดข้ึนในปี พ.ศ. 2459 ณเมืองบราวนิ่ง รัฐมอนทานา
ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยอุณหภูมิในรอบวันมีค่าแตกต่างกันถึง 56องศาเซลเซียส ในวันดังกล่าวอุณหภูมิ
อากาศสงู สดุ มีคา่ 7 องศาเซลเซียส และอุณหภูมอิ ากาศตำ่ สดุ มีคา่ -49 องศาเซลเซียส)

• นักเรียนคิดว่าช่วงไหนของวนั อณุ หภูมอิ ากาศสงู สุดและตำ่ สดุ เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบได้
โดยอิสระ)

1.4 ทำกิจกรรมทบทวนความรู้กอ่ นเรียน แล้วนำเสนอผลการทำกิจกรรม หากครพู บว่านักเรียน
ยงั ทำกิจกรรมทบทวนความรกู้ ่อนเรยี นไม่ถกู ตอ้ งครูควรทบทวนหรือแก้ไขความเข้าใจผดิ ของนกั เรยี น
เพือ่ ใหน้ กั เรียนมีความรพู้ ้นื ฐานทีถ่ ูกตอ้ งและเพียงพอทจี่ ะเรียนเรื่องอุณหภูมอิ ากาศต่อไป
ชั่วโมงท่ี 2
2. ขน้ั สืบคน้ ความรู้ (Searching for Information)

2.1 นำเขา้ สู่การทำกิจกรรมที่ 2 อณุ หภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างไร โดยต้ังคำถามกระตุ้นความสนใจว่า
จากสถิติโลกที่อุณหภูมิอากาศมีค่าแตกต่างกันมากที่สุดในรอบวันถึง 56 องศาเซลเซียส ซ่ึงเป็นความผิดปกติ
ของการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอากาศ ดังน้ันในวันท่ีอุณหภูมิอากาศมีการเปล่ียนแปลงแบบปกติ อุณหภูมิ
อากาศจะมกี ารเปลีย่ นแปลงอย่างไรและมีคา่ แตกตา่ งกันประมาณเทา่ ใด

2.2 ให้นักเรียนอา่ นวธิ ีดำเนินกิจกรรมในหนงั สอื เรยี น และร่วมกนั อภิปรายประเดน็ ดงั ตอ่ ไปนี้
• กิจกรรมน้เี ก่ียวกับเรื่องอะไร (การเปลยี่ นแปลงอณุ หภูมิอากาศในรอบวนั )
• กิจกรรมน้ีมีจุดประสงค์อะไร (ตรวจวัดอุณหภูมิอากาศและวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ

อากาศในรอบวัน)
• วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (อ่านวิธีการใช้เทอร์มอมิเตอร์ และเทอร์มอมิเตอร์รูป

ตัวยู วางแผนการตรวจวัดอุณหภูมิอากาศ บันทึกลักษณะทางกายภาพของพื้นท่ีท่ีตรวจวัด วัดและบันทึก
อณุ หภูมอิ ากาศตามแผนท่ีวางไว้ นำข้อมูลมาเขยี นกราฟเส้นแสดงการเปล่ียนแปลงอุณหภูมิอากาศในช่วงเวลา
ต่าง ๆ)

• วัสดุและอุปกรณ์พิเศษท่ีใช้ในกิจกรรมมีอะไรบ้างและใช้งานอย่างไร (เทอร์มอมิเตอร์รูปตัวยูซ่ึงมี
วิธีการใชง้ านดังแสดงในหนงั สอื เรยี น)

• ข้อควรระวังในการทำกิจกรรมมีหรือไม่อย่างไร (การใช้เทอร์มอมิเตอร์วัดคา่ อุณหภูมิอากาศไม่ควร
สัมผัสกระเปาะเทอร์มอมิเตอร์ และไมค่ วรให้กระเปาะเทอร์มอมเิ ตอร์สัมผสั แสงจากดวงอาทิตย์โดยตรง)

2.3 ใหน้ ักเรียนศึกษาและอภิปรายวธิ กี ารใชเ้ ทอรม์ อมเิ ตอรร์ ปู ตวั ยู โดยอา่ นข้อมูลในหนงั สือเรียน
2.4 ให้นักเรียนร่วมกันวางแผนเพื่อเลือกสถานท่ีและเวลาที่ใช้ในการวัดอุณหภูมิอากาศ รวมท้ังออกแบบ
วิธกี ารบันทกึ ผลค่าอุณหภมู อิ ากาศทสี่ งั เกตได้
2.5 ให้นักเรียนทำกิจกรรมตามแผนที่วางไว้ ครูสังเกตและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการตรวจวัดอุณหภูมิ
อากาศของนักเรียนรวมทงั้ การนำข้อมูลมาใช้ประกอบการอภิปรายหลังกิจกรรม

57

2.6 เน้นใหน้ กั เรียนเก็บขอ้ มูลลักษณะทางกายภาพของพ้นื ทที่ ่นี ักเรียนเลือกศึกษา เชน่ ปริมาณแสงแดด
ความช้นื แหล่งนำ้ ปริมาณตน้ ไม้ การนำขอ้ มูลทไี่ ดจ้ ากการตรวจวดั มาสร้างกราฟเสน้ ที่แสดงการเปล่ียนแปลง
อุณหภูมิอากาศในช่วงเวลาต่าง ๆ ที่ตรวจวดั และเตรียมนำเสนอ โดยครแู นะนำวิธีการสร้างกราฟให้แกน่ ักเรียน

3. ขัน้ สรปุ องค์ความรู้ (Knowledge Formation)

3.1 ให้นกั เรยี นนำผลการทำกิจกรรมติดแสดงหน้าหอ้ งเรยี นเพือ่ เปรียบเทยี บข้อมลู ของแตล่ ะกลมุ่

หากข้อมูลที่ไดจ้ ากแต่ละกล่มุ แตกตา่ งกัน ให้นกั เรียนอภิปรายสาเหตุและสรุปข้อมูลที่ควรจะเปน็

3.2 ให้นักเรียนตอบคำถามท้ายกจิ กรรม จากนนั้ ครแู ละนักเรยี นอภปิ รายคำตอบรว่ มกัน

4. ขน้ั การสือ่ สารและนำเสนอ (Effective Communication)

4.1 ให้นักเรียนอ่านขอ้ มูลในหนังสือเรียนเก่ียวกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอากาศในรอบ 24 ชั่วโมง

และตอบคำถามระหวา่ งเรียน

4.2 นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการเปล่ียนแปลงอุณหภูมิอากาศในรอบ 24 ชั่วโมงจนได้

ข้อสรปุ ร่วมกันว่า อุณหภมู ิ

อากาศในรอบวันมีการเปล่ียนแปลงในแบบรูปเดียวกัน โดยอุณหภูมิอากาศในช่วงเช้าจะมีค่าต่ำ และค่อย ๆ

สูงข้ึนจนกระทง่ั มคี า่ สูงทสี่ ุดในชว่ งบ่าย จากน้นั จะคอ่ ย ๆ ลดต่ำลง จนตำ่ ท่สี ดุ ในช่วงเวลาเช้ามืด

5. ขัน้ การบริการสังคมและสาธารณะ (Public Service)

5.1 นักเรียนอ่านข้อมูลเพิ่มเติมจากหนังสือเรียนเก่ียวกับปัจจัยท่ีส่งผลให้อุณหภูมิอากาศ

เปลีย่ นแปลง และตอบคำถามระหว่างเรียน จากนั้นครแู ละนกั เรียนรว่ มกันอภิปรายคำตอบ

5.2 นักเรียนรว่ มแสดงความคิดเห็นว่า ในวนั ท่ีเมืองบราวนิ่งมีค่าอุณหภูมิอากาศแตกต่างกันมากที่สุด

น่าจะมีเหตกุ ารณ์ใดเกิดขึ้น (อาจแสดงความเห็นได้หลากหลายเชน่ เกดิ พายหุ มิ ะ)

5.3 นักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปเนื้อหาท้ังหมดท่ีได้เรียนรู้จากการทำกิจกรรมและการอ่าน

เพ่ิมเติม เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า อุณหภูมิอากาศมีการเปลี่ยนแปลงไปในรอบวัน เนื่องจากพ้ืนโลกได้รับพลังงาน

จากดวงอาทิตย์และถ่ายโอนให้แก่อากาศเหนือบริเวณน้ัน เมื่อโลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ในช่วงเช้าทำ

ให้อุณหภูมิอากาศค่อย ๆ เพ่ิมสูงข้ึนและสะสมพลังงานไปเรื่อย ๆ จนมีอุณหภูมิอากาศสูงสุดในช่วงบ่าย เม่ือ

ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ลับขอบฟ้า การส่งพลังงานมายังโลกน้อยลง และพ้ืนโลกมีการถ่ายโอนความร้อนแก่อากาศ

ในปรมิ าณท่ีน้อยลง จึงทำให้อุณหภูมิอากาศค่อย ๆลดต่ำลง ส่วนในเวลากลางคืนพื้นโลกไม่ได้รับพลังงานจาก

ดวงอาทิตยแ์ ต่พื้นดินก็ยังถ่ายโอนความร้อนแก่อากาศเหนือบริเวณน้นั ทำให้อณุ หภูมิอากาศในชว่ งกลางคืนต่ำ

กว่ากลางวัน และมีค่าต่ำสุดในช่วงเช้ามืด นอกจากน้ันยังมีปัจจัยอื่น ๆ ท่ีส่งผลต่อการเปล่ียนแปลงอุณหภูมิ

อากาศ เชน่ ลักษณะทางกายภาพของพ้ืนที่ ระดับความสงู ของพื้นท่ี เปน็ ตน้

5.4 ครเู ชอื่ มโยงไปสู่การเรียนเรอื่ งต่อไปว่า อุณหภมู ิอากาศ เป็นองค์ประกอบหนึ่งของลมฟ้าอากาศ

ซึง่ นักเรยี นจะไดเ้ รยี นรเู้ กีย่ วกบั องค์ประกอบอื่น ๆ ของลมฟ้าอากาศในเร่ืองต่อไป

13. ส่ือการเรียนรู้/แหลง่ เรียนรู้

13.1 สื่อการเรียนรู้

1) ชุดกจิ กรรมวิทยาศาสตร์ 2) หนงั สือแบบเรียน 3) สอ่ื เพาเวอรพ์ อยต์

13.2แหลง่ เรียนรู้

1) อินเตอรเ์ น็ต 2) ห้องสมดุ

58

14. บนั ทึกหลังการจดั การเรยี นรู้ รายละเอียด
ผลการสอน
......................................................................................
1. ด้านความรู้ : ......................................................................................
- ปจั จยั ท่มี ผี ลต่อการเปลยี่ นแปลงองค์ ......................................................................................
ประกอบของลมฟ้าอากาศ ......................................................................................
......................................................................................
2. ดา้ นกระบวนการ : ......................................................................................
- ทักษะกระบวนการคิด ......................................................................................
- ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม ......................................................................................
......................................................................................

......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

3. ดา้ นคุณธรรมจรยิ ธรรมและคา่ นิยม ......................................................................................
อนั พึงประสงค์ : ......................................................................................
- มวี ินยั ......................................................................................
- ใฝ่เรยี นรู้ ......................................................................................
- อยู่อยา่ งพอเพียง ......................................................................................
- รักความเป็นไทย ......................................................................................
......................................................................................
4. ปัญหาการสอน ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................

......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

59

5. วิธแี ก้ปัญหา ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

ลงช่ือ........................................ครผู ู้สอน ลงชอื่ ...........................................หวั หน้ากลุ่มสาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อุทุมสกุลรัตน์..) (นายสุรจกั ร์ิ แกว้ มว่ ง.)

ลงชื่อ........................................... ลงชอ่ื ...........................................
(..นายศิวาวฒุ ิ รตั นะ..) (..นางรพพี ร คำบุญมา..)
หวั หนา้ งานนิเทศ
รองผูอ้ ำนวยการกล่มุ บริหารวชิ าการ

ลงชอื่ ........................................................
(...นายจงจัด จันทบ...)

ผอู้ ำนวยการโรงเรียนสุวรรณารามวิทยาคม

60

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 10
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี…2…กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศ…….เรอ่ื ง……..ลมฟ้าอากาศรอบตัว.(ตอนที่ 3)....

รายวชิ า……......วทิ ยาศาสตร…์ …..2.......รหัสวชิ า……......ว 21102 ..............ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี....1.....
กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปกี ารศึกษา... 2563...ภาคเรียนท่.ี .2...เวลา...2..ชวั่ โมง……
ผสู้ อน.........................นางสาวอโนชา...อุทุมสกลุ รตั น์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ช้ีวดั /ผลการเรียนรู้ (รายวชิ าพื้นฐานมีทัง้ มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชวี้ ดั
รายวชิ าเพ่ิมเตมิ มีเฉพาะมาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละผลการเรียนรู้)

1.1 มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ดั
ว 3.2 ม.1/2

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด (หลอมจากตวั ชีว้ ัดที่ใช้ในหนว่ ยการเรยี นรนู้ ้ีเขียนเป็นแบบความเรียง)
มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ภายใต้บรรยากาศชั้นโทรโพสเฟียรซ์ ึ่งเกดิ สภาพลมฟ้าอากาศต่าง ๆ เช่น ลม เมฆ

ฝน ฟา้ แลบ ฟ้ารอ้ งองค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ
3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง/สาระการเรียนรู้เพิม่ เติม (รายวิชาเพม่ิ เติม)

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
• ลมฟ้าอากาศ เปน็ สภาวะของอากาศในเวลาหน่ึงของพืน้ ท่ีหนึ่งท่ีมีการเปลยี่ นแปลงตลอดเวลา
ขน้ึ อยกู่ ับองคป์ ระกอบลมฟ้าอากาศ ไดแ้ ก่ อุณหภมู ิอากาศ ความกดอากาศ ลม ความชื้น เมฆ และหยาดน้ำฟา้
โดยหยาดน้ำฟ้าที่พบบ่อยในประเทศไทยไดแ้ ก่ ฝน องค์ประกอบลมฟา้ อากาศเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาขึ้นอยู่กบั
ปัจจัยตา่ ง ๆ เชน่ ปรมิ าณรังสีจากดวงอาทติ ย์และลักษณะพ้ืนผิวโลกส่งผลตอ่ อณุ หภูมิอากาศ อุณหภูมิอากาศ
และปรมิ าณไอน้ำสง่ ผลต่อความชนื้ ความกดอากาศสง่ ผลต่อลม ความชน้ื และลมส่งผลตอ่ เมฆ
3.2 สาระการเรียนรูท้ อ้ งถิน่ (ถา้ ในคำอธบิ ายรายวชิ าพดู ถึงหลักสูตรทอ้ งถิน่ ใหใ้ ส่ลงไปดว้ ย

...............................................................-...........................................................................................

4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธบิ ายปจั จัยที่มีผลตอ่ การเปลยี่ นแปลงอุณหภูมิอากาศ ความชืน้ และ ความกดอากาศ (K)
2. ทำทดลอง สังเกตและอธบิ ายแรงและทิศทางของแรงทีอ่ ากาศกระทำตอ่ วตั ถุ(P)

3. ต้ังใจเรยี นร้แู ละแสวงหาความรู้ (A)

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน (เลอื กเฉพาะข้อท่เี กิดในหนว่ ยการเรยี นรนู้ ี้)

 1. ความสามารถในการสื่อสาร  2. ความสามารถในการคดิ
 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา  4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (เลือกเฉพาะข้อท่ีเกิดในหน่วยการเรียนรนู้ ี้)

 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์  2. ซ่ือสัตย์สุจริต

 3. มีวนิ ัย  4. ใฝเ่ รยี นรู้
 5. อย่อู ย่างพอเพยี ง  6. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน

 7. รักความเปน็ ไทย  8. มีจติ สาธารณะ

61

7. ด้านคุณลักษณะของผู้เรยี นตามหลักสูตรมาตรฐานสากล

 1. เป็นเลิศวิชาการ  2. ส่ือสารสองภาษา  3. ล้ำหนา้ ทางความคิด

 4. ผลิตงานอย่างสรา้ งสรรค์  5. ร่วมกนั รับผดิ ชอบต่อสงั คมโลก
8. ทกั ษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คือการเรยี นรู้ 3R X 8C 2L

 R1 –Reading (อ่านออก)  R2-(W) Ringting (เขยี นได้)  R3- (A) Rithmetics (คดิ เลขเป็น)
 ทกั ษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปัญหา (Critical Thinking and Problem

Solving)

 ทักษะดา้ นการสร้างสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
 ทักษะดา้ นความเขา้ ใจความต่างวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross-cultural Understanding)

 ทกั ษะด้านความร่วมมือ การทำงานเปน็ ทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)

 ทักษะด้านการสือ่ สาร สารสนเทศและรเู้ ท่าทันสื่อ (Communications, Information, and Media Literacy)
 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร (Computing and ICT
Literacy)

 ทักษะอาชีพ และทักษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)
ความมีเมตตา (วนิ ยั คณุ ธรรม จริยธรรม (Compassion)

9. บูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

1. หลักความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชิกในกล่มุ ใหเ้ หมาะสมกบั จำนวนสมาชิกในห้องเรยี นคอื

ประมาณกลมุ่ ละ 4 – 6 คน

2. หลกั ความมเี หตุผล : ใหน้ ักเรียนสรา้ งสรรคผ์ ลงานและเกิดทักษะการปฏบิ ัติ , นักเรียนเกดิ ความ

ภาคภูมิใจในผลงานของตนและส่งิ ทีเ่ รียนรู้

3. หลกั ภูมิคมุ้ กัน : ให้นักเรยี นเกิดทักษะการทำงานกลมุ่ และกล้าแสดงออก , นักเรยี นรู้จกั การวาง

แผนการทำงานและมอบหมายงานใหส้ มาชกิ ภายในกลุ่มได้เหมาะสมกบั ความสามารถของแต่ละบคุ คล

4. เงอื่ นไขความรู้ : การวางแผนงานท่จี ะทำก่อนแล้วค่อยลงมือทำอย่างระมัดระวัง

5. เงอ่ื นไขคณุ ธรรม : อดทนที่จะทำงาน และมคี วามขยันท่จี ะทำงานให้ออกมาไดด้ ที ีส่ ดุ , มวี ินัยในการ

ทำงาน

10. ช้ินงาน/ภาระงานรวบยอด

ตัวช้วี ดั ชนิ้ งาน ภาระงาน
- วเิ คราะหแ์ ละอธิบายเรื่องอากาศมี
ว.3.2 ม.1/2 - รายงานกิจกรรมท่ี 3 อากาศมแี รง
แรงดนั
กระทำต่อวัตถุอย่างไร - วเิ คราะห์และอธบิ ายการเปลี่ยนแปลง

ของความกดอากาศ

11. การวดั ประเมนิ ผล
11.1การวดั และประเมนิ ผลชนิ้ งาน/ภาระงานรวบยอด
วิธีการ

62

1.การสังเกตการณ์

2.การใชช้ ดุ กจิ กรรมวิทยาศาสตรร์ ่องรอยบ่งชี้ 3.การวดั ประเมนิ การปฏิบตั ิ

เครอ่ื งมอื

1. แบบสงั เกตการณ์

2. ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ 3. แบบวัดประเมินการปฏบิ ัติ

เกณฑ์

1.การประเมินผลตามสภาพจรงิ (Rubrics)

2.การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นตงั้ แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผา่ น ผ่าน 1

รายการถือวา่ ไมผ่ า่ น

11.2การวัดและประเมนิ ผลระหวา่ งการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (ประเมินจากแผนการจดั การเรยี นรขู้ อง

หนว่ ยการเรียนรนู้ ี้)

สง่ิ ทต่ี ้องการวดั วธิ วี ดั ผล เครอื่ งมือวดั ผล เกณฑก์ ารประเมิน
- นกั เรยี นได้คะแนน
1. ความรูเ้ ก่ียวกับ -การสอบถาม ซกั ถาม - แบบประเมนิ การ 12 คะแนนขน้ึ ไป
หรือรอ้ ยละ 80
- อากาศมีแรงดนั ความคิดเหน็ อธิบาย อภปิ รายแสดงความ ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์
- นักเรยี นไดค้ ะแนน
- การเปลย่ี นแปลงของความกด เกยี่ วกบั การเปลีย่ น คดิ เห็น ประเมนิ ผลงาน
13 คะแนนขึ้นไป
อากาศ แปลงของความกด - แบบประเมนิ การ หรือรอ้ ยละ 80
ถือว่าผ่านเกณฑ์
- อปุ กรณ์ท่ีใชว้ ัดความกด อากาศ ตรวจผลงานผู้เรยี น -นักเรยี นได้คะแนน
12 คะแนนขน้ึ ไป
อากาศ -การตรวจผลงาน หรือรอ้ ยละ 80 ถือวา่
ผา่ นเกณฑ์
นกั เรยี น
- นักเรยี นไดค้ ะแนน
2.ทักษะกระบวนการคิด และ - การอภิปรายแสดง - แบบประเมินการ ประเมินคุณลักษณะ
อนั พึงประสงค์
ทกั ษะกระบวนการกลมุ่ ความคิดเห็นระบุ อภิปรายแสดงความ 26 คะแนนขึน้ ไป
หรอื รอ้ ยละ 80
ทักษะกระบวน คดิ เห็น ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
- นักเรียนได้คะแนน
การทางวิทยาศาสตร์ที่ - แบบประเมนิ การประเมนิ สมรรถนะ
29 คะแนนขนึ้ ไป
ได้ปฏิบตั ิจากกจิ กรรม พฤติกรรมการ
63
- สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลมุ่

ทำงานกล่มุ

3. คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ - สังเกตคา่ นยิ มในการ - แบบประเมิน

และสมรรถนะผเู้ รยี น ทำงานร่วมกบั ผู้อน่ื คณุ ลกั ษณะอันพึง

- มีวนิ ัยในการทำงานกลุม่ และการทำงานใน ประสงค์

- นักเรียนเหน็ ความสำคัญ ระบบกล่มุ - แบบประเมิน

ของการทำงานร่วมกบั ผอู้ น่ื และ อภปิ ราย แสดงความ สมรรถนะผเู้ รยี น

การทำงานในระบบกลมุ่ คิดเหน็ เกย่ี วกับผลการ

- ยอมรบั ความคิดเหน็ ซงึ่ กนั ทดลอง

และกนั มีความเสยี สละและ

อดทน

หรอื รอ้ ยละ 80
ถือว่าผา่ นเกณฑ์

12. กิจกรรมการเรยี นรู้
ชั่วโมงที่ 1
1. ขนั้ ตงั้ ประเด็นปัญหา/สมมติฐาน (Hypothesis Formulation)
1.1 ครใู ช้คำถามกระตุ้น ดงั นี้
• ว่าวที่มนี ้ำหนกั มากสามารถลอยขนึ้ ไปในอากาศได้อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจ)
1.2 นกั เรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียนแลว้ นำเสนอผลการทำกจิ กรรม หากพบว่านักเรียนยัง

ทำกิจกรรมทบทวนความร้กู ่อนเรยี นไม่ถูกต้องครูควรทบทวนหรือแก้ไขความเข้าใจผดิ ของนักเรยี นเพื่อให้
นักเรียนมคี วามรู้พ้ืนฐานท่ีถูกต้องและเพยี งพอท่ีจะเรียนเร่ืองความกดอากาศและลมตอ่ ไป

1.3 นำเขา้ สกู่ ิจกรรมที่ 3 อากาศมแี รงกระทำต่อวัตถหุ รอื ไม่อย่างไร โดยเชอ่ื มโยงจากภาพวา่ วท่ีลอยบน
ฟ้าว่าเกดิ ขึ้นได้อย่างไร
2. ข้นั สืบค้นความรู้ (Searching for Information)

2.1 ใหน้ กั เรยี นอา่ นวธิ ดี ำเนินกจิ กรรมในหนงั สือเรยี น และร่วมกนั อภิปรายในประเด็นดังต่อไปนี้
• กิจกรรมนี้เกยี่ วกบั เร่ืองอะไร (แรงและทศิ ทางของแรงท่ีอากาศกระทำตอ่ วตั ถุ)
• กิจกรรมนี้มจี ดุ ประสงค์อยา่ งไร (นักเรยี นตอบตามความคิดของตนเอง)
• วธิ ดี ำเนินกิจกรรมมขี ัน้ ตอนโดยสรุปอยา่ งไร (บรรจุถุงพลาสติกลงในขวดโหลโดยไม่รีดถุงให้แนบ

กับขวดจากนัน้ ดึงถุงพลาสติกขึน้ จากกน้ ขวด บนั ทึกผล ทดลองอีกครัง้ หนึ่งโดยบรรจุถุงพลาสตกิ ลงในขวดโหล
และรีดถุงใหแ้ นบกบั ขวด คาดคะแนผลทีจ่ ะเกิดขึน้ จากน้ันดึงถงุ พลาสติกข้นึ จากกน้ ขวด โดยจดั ขวดใหอ้ ยู่ในมุม
ตา่ ง ๆ สงั เกตส่ิงทีเ่ กดิ ขึน้ และบันทกึ ผล)

2.2 ให้นักเรยี นทำกิจกรรม โดยครูสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียนอย่างใกลช้ ิด เพื่อให้คำแนะนำ ครู
นำ ข้อมูลท่ีไดจ้ ากการสังเกตมาใชป้ ระกอบการอภปิ รายหลังกิจกรรม เช่น ครูแนะนำเกี่ยวกับการดึง
ถุงพลาสติกออกจากขวดโหล หรอื การรดี ถุงพลาสติกใหแ้ นบกบั ด้านในของขวดโหล
ชว่ั โมงที่ 2

3. ขนั้ สรุปองคค์ วามรู้ (Knowledge Formation)
3.1 ให้นักเรยี นตอบคำถามท้ายกิจกรรม จากน้ันนำเสนอ และอภิปรายคำตอบรว่ มกันเพอ่ื ให้ได้

ข้อสรุปวา่ อากาศมแี รงกระทำตอ่ วัตถุทุกทิศทุกทาง
3.2 ใหน้ กั เรยี นอ่านข้อมูลเพ่ิมเติมจากหนังสือเรียนเกย่ี วกับแรงดันและความดนั ความดันในระดับ

ความสูงต่าง ๆ ผลของอุณหภูมิตอ่ ความดันอากาศ และผลของความดันอากาศต่อการดำรงชีวิต จากนัน้ ตอบ
คำถามระหว่างเรยี น ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายคำตอบ

4. ข้นั การส่ือสารและนำเสนอ (Effective Communication)
4.1 นักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ เพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่าความดันอากาศเปลี่ยนแปลง

ได้โดยมีปัจจัยสำคัญคือระดับความสูงของพื้นท่ีและอุณหภูมิของอากาศ พื้นท่ีท่ีมีระดับความสูงมาก ความดัน
อากาศมคี ่าตำ่ สว่ นพนื้ ที่ท่ีมีความสูงน้อย ความดันอากาศจะมีค่าสูง เน่ืองจากแรงโน้มถว่ งของโลกทำให้บริเวณ
ใกล้พื้นผิวโลกมีโมเลกุลอากาศอยู่หนาแน่นกว่าบริเวณท่ีอยู่สูงขึ้นไป อากาศบริเวณใกล้ผิวโลกจึงมีความดัน
มากกวา่ อากาศบริเวณท่อี ยสู่ ูงข้ึนไป นอกจากนน้ั อุณหภูมอิ ากาศยังสง่ ผลตอ่ ความดันอากาศ เนือ่ งจากอากาศท่ี
มีอุณหภูมิสูงกว่าจะเคล่ือนที่ได้อย่างอิสระกว่า จึงมีความหนาแน่นน้อยกว่า อากาศที่มีอุณหภูมิสูงกว่าจึงมี
ความดนั อากาศต่ำกวา่

64

5. ข้นั การบริการสงั คมและสาธารณะ (Public Service)
5.1 นักเรียนร่วมกันเขียนความสัมพันธ์ระหว่างความดันอากาศกับความสูงจากพ้ืนโลกควรเป็น

อย่างไร ให้สร้างแบบจำลองหรือเขียนแผนภาพอธิบายความสัมพันธ์ดังกล่าวแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันภายในชั้น
เรียน
13. สอ่ื การเรียนรู้/แหล่งเรยี นรู้

12.1สือ่ การเรียนรู้ 2) หนังสอื แบบเรียน 3) ส่อื เพาเวอรพ์ อยต์
1) ชดุ กจิ กรรมวิทยาศาสตร์

12.2แหลง่ เรยี นรู้

1) อินเตอรเ์ น็ต 2) หอ้ งสมุด
14. บันทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้

ผลการสอน รายละเอียด

1. ดา้ นความรู้ : ......................................................................................

- อากาศมีแรงดัน ......................................................................................
- การเปลย่ี นแปลงของความกดอากาศ ......................................................................................
- อปุ กรณท์ ่ีใชว้ ัดความกดอากาศ ......................................................................................

......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

......................................................................................
......................................................................................

2. ดา้ นกระบวนการ : ......................................................................................
- ทกั ษะกระบวนการคิด ......................................................................................

- ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม ......................................................................................

......................................................................................
......................................................................................

......................................................................................

......................................................................................
......................................................................................

......................................................................................

3. ดา้ นคณุ ธรรมจริยธรรมและคา่ นยิ ม ......................................................................................

อนั พึงประสงค์ : ......................................................................................
- มีวนิ ยั ......................................................................................
- ใฝ่เรียนรู้ ......................................................................................

- อยู่อย่างพอเพียง ......................................................................................
- รักความเปน็ ไทย

65

4. ปญั หาการสอน
....................................................................... ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................

......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

5. วิธีแก้ปญั หา
....................................................................... ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................

......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

ลงชื่อ........................................ครผู ้สู อน ลงช่ือ...........................................หวั หนา้ กลมุ่ สาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกลุ รตั น์..) (นายสุรจักร์ิ แกว้ ม่วง.)

ลงชอ่ื ........................................... ลงชือ่ ...........................................
(..นายศวิ าวฒุ ิ รตั นะ..) (..นางรพีพร คำบุญมา..)
หวั หน้างานนเิ ทศ
รองผูอ้ ำนวยการกลุ่มบรหิ ารวิชาการ

ลงชื่อ ........................................................
(...นายจงจดั จนั ทบ...)

ผอู้ ำนวยการโรงเรียนสวุ รรณารามวิทยาคม

66

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11
หน่วยการเรียนรทู้ …ี่ 2…กระบวนการเปลีย่ นแปลงลมฟา้ อากาศ…….เรอ่ื ง……..ลมฟา้ อากาศรอบตัว.(ตอนท่ี 4)....

รายวิชา……......วทิ ยาศาสตร…์ …..2.......รหสั วชิ า……......ว 21102 ..............ชนั้ มัธยมศึกษาปที .ี่ ...1.....
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปกี ารศึกษา... 2563...ภาคเรียนท่.ี .2...เวลา...2..ชว่ั โมง……
ผ้สู อน.........................นางสาวอโนชา...อุทุมสกุลรัตน์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชีว้ ดั /ผลการเรียนรู้ (รายวชิ าพน้ื ฐานมที ัง้ มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชว้ี ัด
รายวิชาเพม่ิ เตมิ มีเฉพาะมาตรฐานการเรยี นร้แู ละผลการเรยี นร้)ู

1.1 มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด
ว 3.2 ม.1/2

2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด (หลอมจากตวั ช้ีวัดทใ่ี ชใ้ นหนว่ ยการเรียนรู้น้เี ขยี นเปน็ แบบความเรยี ง)
มนุษยด์ ำรงชีวิตอยู่ภายใต้บรรยากาศชั้นโทรโพสเฟียรซ์ ึ่งเกดิ สภาพลมฟ้าอากาศต่าง ๆ เช่น ลม เมฆ

ฝน ฟา้ แลบ ฟา้ รอ้ งองคป์ ระกอบของลมฟา้ อากาศ
3. สาระการเรียนรู้

3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/สาระการเรียนรู้เพม่ิ เติม (รายวชิ าเพมิ่ เติม)

สาระการเรียนรู้แกนกลาง
• ลมฟ้าอากาศ เป็นสภาวะของอากาศในเวลาหนง่ึ ของพืน้ ที่หนึง่ ที่มีการเปล่ียนแปลงตลอดเวลา
ขึ้นอยูก่ ับองคป์ ระกอบลมฟ้าอากาศ ไดแ้ ก่ อุณหภูมอิ ากาศ ความกดอากาศ ลม ความชื้น เมฆ และหยาดนำ้ ฟ้า
โดยหยาดน้ำฟ้าท่ีพบบ่อยในประเทศไทยไดแ้ ก่ ฝน องคป์ ระกอบลมฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาข้นึ อย่กู บั
ปจั จยั ตา่ ง ๆ เช่น ปรมิ าณรงั สีจากดวงอาทติ ย์และลักษณะพื้นผิวโลกส่งผลตอ่ อณุ หภมู อิ ากาศ อณุ หภมู ิอากาศ
และปรมิ าณไอนำ้ สง่ ผลตอ่ ความช้ืน ความกดอากาศส่งผลต่อลม ความชน้ื และลมส่งผลตอ่ เมฆ
3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถิน่ (ถ้าในคำอธบิ ายรายวชิ าพูดถึงหลักสตู รท้องถน่ิ ให้ใสล่ งไปด้วย

...............................................................-...........................................................................................

4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
นกั เรียนสามารถ
1. อธบิ ายปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ การเปลย่ี นแปลงลม (K)

2. ทดลอง วิเคราะห์และอธบิ ายปัจจยั ที่มผี ลต่ออัตราเรว็ ลม (P)

3. ต้ังใจเรียนรแู้ ละแสวงหาความรู้ (A)

5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน (เลือกเฉพาะข้อทีเ่ กดิ ในหนว่ ยการเรียนรู้นี้)

 1. ความสามารถในการสื่อสาร  2. ความสามารถในการคดิ
 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา  4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เลือกเฉพาะข้อทเี่ กิดในหนว่ ยการเรยี นรนู้ ี)้

 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์  2. ซอ่ื สัตย์สุจรติ

 3. มวี ินยั  4. ใฝ่เรียนรู้
 5. อยู่อย่างพอเพยี ง  6. มุ่งมน่ั ในการทำงาน
 7. รักความเป็นไทย  8. มีจติ สาธารณะ

67

7. ด้านคุณลกั ษณะของผู้เรยี นตามหลักสูตรมาตรฐานสากล

 1. เปน็ เลิศวิชาการ  2. สื่อสารสองภาษา  3. ลำ้ หน้าทางความคดิ

 4. ผลติ งานอยา่ งสร้างสรรค์  5. รว่ มกันรับผิดชอบตอ่ สังคมโลก
8. ทกั ษะของคนในศตวรรษที่ 21 คือการเรยี นรู้ 3R X 8C 2L

 R1 –Reading (อา่ นออก)  R2-(W) Ringting (เขียนได)้  R3- (A) Rithmetics (คิดเลขเปน็ )
 ทกั ษะด้านการคดิ อย่างมีวิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปัญหา (Critical Thinking and Problem

Solving)

 ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
 ทกั ษะด้านความเขา้ ใจความต่างวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทศั น์ (Cross-cultural Understanding)

 ทกั ษะด้านความรว่ มมือ การทำงานเปน็ ทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)

 ทกั ษะด้านการส่ือสาร สารสนเทศและรเู้ ทา่ ทันสื่อ (Communications, Information, and Media Literacy)
 ทักษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing and ICT
Literacy)

 ทักษะอาชพี และทกั ษะการเรียนรู้ (Career and Learning)
ความมเี มตตา (วินยั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม (Compassion)

9. บูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

1. หลักความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชกิ ในกลมุ่ ใหเ้ หมาะสมกับจำนวนสมาชิกในหอ้ งเรยี นคือ

ประมาณกลมุ่ ละ 4 – 6 คน
2. หลกั ความมีเหตุผล : ให้นักเรียนสร้างสรรค์ผลงานและเกิดทักษะการปฏิบตั ิ , นักเรยี นเกดิ ความ

ภาคภูมใิ จในผลงานของตนและส่งิ ทเี่ รียนรู้

3. หลักภมู ิคมุ้ กนั : ให้นกั เรียนเกิดทักษะการทำงานกลุ่ม และกลา้ แสดงออก , นักเรียนรู้จกั การวาง

แผนการทำงานและมอบหมายงานให้สมาชกิ ภายในกลุ่มได้เหมาะสมกับความสามารถของแตล่ ะบุคคล

4. เงอื่ นไขความรู้ : การวางแผนงานท่ีจะทำก่อนแล้วค่อยลงมือทำอย่างระมัดระวัง

5. เงอื่ นไขคุณธรรม : อดทนทจ่ี ะทำงาน และมคี วามขยันทจี่ ะทำงานใหอ้ อกมาได้ดีทส่ี ดุ , มีวินัยในการ

ทำงาน

10. ชนิ้ งาน/ภาระงานรวบยอด

ตวั ช้วี ัด ชน้ิ งาน ภาระงาน

ว.3.2 ม.1/2 - รายงานกิจกรรมที่ 4 เหตใุ ดลมจึง - วเิ คราะห์และอธิบายเรื่องเคลอื่ นทข่ี อง

เคล่อื นที่เรว็ ตา่ งกัน ลมจากบรเิ วณท่ีมคี วามกดอากาศสูงไป

ยงั บรเิ วณทม่ี ีความกดอากาศต่ำ

- วเิ คราะหแ์ ละอธบิ ายลักษณะทาง

กายภาพของพื้นที่มผี ลต่ออัตราเรว็ ลม

และทิศทางลม

11. การวดั ประเมนิ ผล
11.1การวดั และประเมินผลชน้ิ งาน/ภาระงานรวบยอด

68

วิธีการ

1.การสงั เกตการณ์

2.การใชช้ ุดกจิ กรรมวิทยาศาสตร์รอ่ งรอยบ่งช้ี 3.การวดั ประเมินการปฏบิ ตั ิ

เคร่อื งมือ

1. แบบสังเกตการณ์

2. ชดุ กจิ กรรมวิทยาศาสตร์ 3. แบบวดั ประเมนิ การปฏบิ ตั ิ

เกณฑ์

1.การประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ (Rubrics)

2.การประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม ผา่ นตัง้ แต่ 2 รายการ ถอื วา่ ผา่ น ผ่าน 1

รายการถือว่า ไมผ่ ่าน

11.2การวัดและประเมินผลระหว่างการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (ประเมินจากแผนการจัดการเรียนรขู้ อง

หน่วยการเรียนรู้นี้)

สง่ิ ทีต่ ้องการวดั วธิ ีวดั ผล เคร่อื งมือวดั ผล เกณฑ์การประเมิน
- นกั เรียนได้คะแนน
1. ความรู้เก่ยี วกบั -การสอบถาม ซกั ถาม - แบบประเมนิ การ 12 คะแนนข้นึ ไป
หรอื ร้อยละ 80
- การเคลือ่ นที่ของลมจาก ความคดิ เห็นอธิบาย อภิปรายแสดงความ ถือว่าผา่ นเกณฑ์
- นักเรียนไดค้ ะแนน
บริเวณท่มี ีความกดอากาศสงู ไป เกี่ยวกับการเกดิ ลม คดิ เหน็ ประเมินผลงาน
13 คะแนนขน้ึ ไป
ยงั บริเวณท่ีมีความกดอากาศตำ่ -การตรวจผลงาน - แบบประเมินการ หรือร้อยละ 80
ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์
- ลักษณะทางกายภาพของ นกั เรยี น ตรวจผลงานผเู้ รยี น -นกั เรยี นได้คะแนน
12 คะแนนขึน้ ไป
พื้นท่มี ผี ลต่ออตั ราเรว็ ลมและ หรือรอ้ ยละ 80 ถือว่า
ผา่ นเกณฑ์
ทิศทางลม
- นกั เรยี นไดค้ ะแนน
- อุปกรณ์ที่ใชใ้ นการตรวจวดั ประเมนิ คุณลกั ษณะ
อันพึงประสงค์
ทิศทางลม 26 คะแนนขน้ึ ไป
หรอื ร้อยละ 80
2.ทกั ษะกระบวนการคิด และ - การอภิปรายแสดง - แบบประเมนิ การ ถือว่าผา่ นเกณฑ์
- นกั เรียนไดค้ ะแนน
ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม ความคิดเห็นระบุ อภิปรายแสดงความ การประเมนิ สมรรถนะ

ทักษะกระบวน คิดเหน็ 69

การทางวิทยาศาสตร์ที่ - แบบประเมิน

ไดป้ ฏิบตั จิ ากกิจกรรม พฤติกรรมการ

- สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลมุ่

ทำงานกลมุ่

3. คุณลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ - สังเกตค่านิยมในการ - แบบประเมิน

และสมรรถนะผูเ้ รยี น ทำงานร่วมกับผู้อน่ื คุณลกั ษณะอนั พึง

- มีวนิ ยั ในการทำงานกลุม่ และการทำงานใน ประสงค์

- นักเรียนเหน็ ความสำคัญ ระบบกล่มุ - แบบประเมิน

ของการทำงานร่วมกับผู้อ่ืนและ อภปิ ราย แสดงความ สมรรถนะผ้เู รยี น

การทำงานในระบบกลมุ่ คดิ เหน็ เกยี่ วกบั ผลการ

- ยอมรับความคิดเห็นซ่ึงกัน ทดลอง

และกันมีความเสียสละและ

อดทน 29 คะแนนขึน้ ไป
หรือร้อยละ 80
ถือวา่ ผ่านเกณฑ์

12. กิจกรรมการเรียนรู้
ชว่ั โมงที่ 1
1. ขั้นตง้ั ประเด็นปัญหา/สมมติฐาน (Hypothesis Formulation)
1.1 ครใู ช้คำถามกระตุ้นความสนใจนักเรียนคดิ ว่าเมื่อความดนั อากาศของ2 พื้นที่แตกต่างกันจะทำให้

เกดิ ผลอยา่ งไร
1.2 นกั เรยี นอา่ นวธิ ดี ำเนินกจิ กรรมในชุดกิจกรรมและรว่ มกนั อภปิ รายในประเดน็ ดงั ต่อไปนี้
• กิจกรรมน้เี ก่ยี วกบั เรือ่ งอะไร (ปจั จัยท่ีมีผลต่ออตั ราเร็วลม)
• กจิ กรรมนี้มีจดุ ประสงค์อย่างไร (นักเรียนตอบตามความคิดของตนเอง)
• วิธีดำเนนิ กจิ กรรมมขี ั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (เจาะรบู นขวดพลาสตกิ ท่ีไม่มฝี าปดิ 2 ใบ แลว้

เช่อื มตอ่ ขวดพลาสติกท้งั 2 ใบ ด้วยแผน่ ใสมว้ นเปน็ ทอ่ นำชุดขวดพลาสตกิ ท้ังสองไปวางไวใ้ นขันพลาสติก 2
ใบ แล้วรินน้ำท่ีมอี ุณหภุมติ า่ งกนั จากนนั้ แหย่ก้านธูปท่ตี ิดไฟลงไปในรูท่เี จาะไวต้ รงก่ึงกลางท่อใสและสังเกตผล
ที่เกดิ ขนึ้ ทำซำ้ อกี ครงั้ โดยจดั ใหค้ วามแตกต่างของอณุ หภูมขิ องนำ้ ในชุดทดลองทั้งสองชดุ ตา่ งกนั จากนั้นทำซำ้
อกี คร้ังโดยจัดใหค้ วามยาวของทอ่ ใสในชดุ ทดลองทง้ั สองชุดต่างกนั )

• ข้อควรระวงั ในการทำกจิ กรรมมีหรือไม่อยา่ งไร (การใช้อุปกรณใ์ นการเจาะรบู นขวดพลาสติกควร
ทำอยา่ งระมดั ระวงั )

1.3 นำเข้าสู่กิจกรรมท่ี 4 เหตุใดลมจงึ เคล่ือนท่เี ร็วตา่ งกัน
ชั่วโมงท่ี 2
2. ขัน้ สืบคน้ ความรู้ (Searching for Information)

2.1 นกั เรยี นลองต้ังสมมติฐานวา่ เมือ่ ปลอ่ ยควนั ธูปเข้าไปในท่อใสแลว้ จะเกดิ ผลอย่างไร และบันทึก
สมมตฐิ านท่ตี ้งั ไว้ก่อนการทดลองทง้ั 2 ตอน

2.2 นักเรยี นทำกจิ กรรมตามแนวทางที่ได้อภปิ รายร่วมกัน ครูสงั เกตการทำกิจกรรมเพอ่ื ให้คำแนะนำแก่
นกั เรยี น ครนู ำข้อมลู ที่ไดจ้ ากการสังเกตมาใชป้ ระกอบการอภปิ รายหลังกิจกรรม เช่น วิธกี ารสงั เกตการ
เคลื่อนที่ของควนั ธูป
ชั่วโมงที่ 3

3. ขั้นสรุปองค์ความรู้ (Knowledge Formation)
3.1 นักเรยี นพิจารณาสมมตฐิ านที่ต้ังไวก้ ่อนทำกจิ กรรมและผลการสงั เกตหลงั ทำกิจกรรมว่าเหมอื น

หรือตา่ งกนั อย่างไรจากนั้นนำเสนอและอภิปรายข้อสรปุ ที่ถูกต้องร่วมกนั
3.2 นกั เรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรม จากนน้ั นำเสนอและอภิปรายคำตอบรว่ มกันเพอื่ ใหไ้ ด้ข้อสรุป

วา่ ถา้ ความแตกตา่ งของความดันอากาศระหว่างบริเวณ 2 บริเวณ มีคา่ มากกว่า อากาศจะเคล่อื นทจ่ี ากบรเิ วณ
หนง่ึ ไปยังอกี บริเวณหนง่ึ ไดเ้ ร็วกว่า และระยะทางระหว่างบริเวณทมี่ ีความดันอากาศแตกตา่ งกนั นั้นมีค่า
มากกวา่ อากาศจะเคลื่อนท่จี ากบรเิ วณหน่ึงไปยังอีกบริเวณหนง่ึ ไดช้ ้ากวา่

4. ข้นั การสอ่ื สารและนำเสนอ (Effective Communication)
4.1 นักเรียนอ่านข้อมูลเพ่ิมเติมจากหนังสือเรียน เก่ียวกับอัตราเร็วลม ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราเร็วและ

ทิศทาง ลม อุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจวัดลม จากนั้นทำกิจกรรมเสริม และตอบคำถามระหว่างเรียน จากน้ันครู
และนกั เรียนร่วมกันอภปิ รายคำตอบ

70

5. ข้นั การบริการสังคมและสาธารณะ (Public Service)

5.1 นักเรียนร่วมกันกิจกรรมเสริม สำรวจความแรงลมและทิศทางลมภายในโรงเรียน ออกแบบและ

สร้างอปุ กรณใ์ นการตรวจวดั ลม

5.2 เชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้ในเรื่องต่อไปว่า องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศมีความสัมพันธ์กัน เช่น

ความกดอากาศและลมมีความสัมพันธ์กัน ความกดอากาศมีความสัมพันธ์กับอุณหภูมิอากาศ ความกดอากาศ

และลมเป็นองค์ประกอบของลมฟ้าอากาศซึ่งส่งผลต่อสภาพอากาศ ของพ้ืนที่นั้น ๆ เช่น ความแตกต่างของ

ความกดอากาศ ทำใหเ้ กิดลมแรงและอาจเกดิ เปน็ พายไุ ด้

13. ส่อื การเรียนรู้/แหล่งเรยี นรู้

12.1สอื่ การเรยี นรู้

1) ชุดกจิ กรรมวิทยาศาสตร์ 2) หนงั สอื แบบเรยี น 3) ส่ือเพาเวอร์พอยต์

12.2 แหล่งเรียนรู้

1) อินเตอรเ์ น็ต 2) หอ้ งสมดุ

14. บันทกึ หลังการจดั การเรียนรู้

ผลการสอน รายละเอียด

1. ดา้ นความรู้ :

- การเคล่อื นที่ของลมจากบริเวณท่ีมีความกด ......................................................................................

อากาศสงู ไปยังบรเิ วณทม่ี ีความกดอากาศตำ่ ......................................................................................

- ลักษณะทางกายภาพของพ้ืนที่มผี ลต่อ ......................................................................................

อัตราเรว็ ลมและทิศทางลม ......................................................................................

- อุปกรณท์ ่ีใชใ้ นการตรวจวดั ทศิ ทางลม ......................................................................................

................................................................................. .....

......................................................................................

......................................................................................

2. ดา้ นกระบวนการ : ......................................................................................

- ทักษะกระบวนการคิด ......................................................................................

- ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม ......................................................................................

......................................................................................

......................................................................................

......................................................................................

......................................................................................

3. ดา้ นคณุ ธรรมจรยิ ธรรมและค่านิยม ......................................................................................
อนั พึงประสงค์ : ......................................................................................
- มวี นิ ัย ......................................................................................
- ใฝ่เรยี นรู้ ......................................................................................
- อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง ......................................................................................
- รักความเปน็ ไทย ......................................................................................
......................................................................................

71

4. ปญั หาการสอน
....................................................................... ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................

......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

5. วธิ ีแก้ปัญหา
....................................................................... ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................

......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

ลงชื่อ........................................ครผู ้สู อน ลงชอื่ ...........................................หวั หนา้ กลุม่ สาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกุลรตั น์..) (นายสุรจักริ์ แกว้ ม่วง.)

ลงชอ่ื ........................................... ลงชอื่ ...........................................
(..นายศิวาวุฒิ รตั นะ..) (..นางรพพี ร คำบุญมา..)
หัวหน้างานนิเทศ
รองผอู้ ำนวยการกล่มุ บรหิ ารวิชาการ

ลงช่ือ ........................................................
(...นายจงจัด จันทบ...)

ผ้อู ำนวยการโรงเรียนสวุ รรณารามวิทยาคม

72

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 12
หนว่ ยการเรยี นรทู้ …ี่ 2…กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟา้ อากาศ…….เรอ่ื ง……..ลมฟ้าอากาศรอบตัว.(ตอนท่ี 5)....

รายวิชา……......วิทยาศาสตร…์ …..2.......รหัสวชิ า……......ว 21102 ..............ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่....1.....
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปกี ารศึกษา... 2563...ภาคเรยี นท.ี่ .2...เวลา...3..ชวั่ โมง……
ผสู้ อน.........................นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกุลรตั น์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชี้วัด/ผลการเรียนรู้ (รายวิชาพื้นฐานมีท้งั มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตัวชีว้ ัด
รายวิชาเพมิ่ เติมมีเฉพาะมาตรฐานการเรียนรแู้ ละผลการเรียนรู้)

1.1 มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั
ว 3.2 ม.1/2

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด (หลอมจากตัวชว้ี ัดท่ีใชใ้ นหนว่ ยการเรยี นร้นู เ้ี ขียนเปน็ แบบความเรยี ง)
มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ภายใตบ้ รรยากาศชน้ั โทรโพสเฟียรซ์ ่ึงเกิดสภาพลมฟ้าอากาศต่าง ๆ เช่น ลม เมฆ

ฝน ฟ้าแลบ ฟา้ รอ้ งองคป์ ระกอบของลมฟ้าอากาศ
3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง/สาระการเรยี นรู้เพิม่ เติม (รายวชิ าเพมิ่ เติม)

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
• ลมฟา้ อากาศ เป็นสภาวะของอากาศในเวลาหนึ่งของพื้นท่ีหน่งึ ท่ีมีการเปล่ียนแปลงตลอดเวลา
ข้นึ อยู่กับองคป์ ระกอบลมฟา้ อากาศ ไดแ้ ก่ อุณหภมู ิอากาศ ความกดอากาศ ลม ความชื้น เมฆ และหยาดนำ้ ฟา้
โดยหยาดน้ำฟ้าท่ีพบบ่อยในประเทศไทยไดแ้ ก่ ฝน องคป์ ระกอบลมฟา้ อากาศเปลีย่ นแปลงตลอดเวลาข้นึ อยกู่ ับ
ปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปริมาณรังสีจากดวงอาทิตยแ์ ละลักษณะพื้นผิวโลกส่งผลต่ออุณหภมู ิอากาศ อณุ หภูมิอากาศ
และปรมิ าณไอน้ำสง่ ผลต่อความชืน้ ความกดอากาศส่งผลต่อลม ความชนื้ และลมสง่ ผลต่อเมฆ
3.2 สาระการเรยี นรูท้ ้องถ่นิ (ถ้าในคำอธิบายรายวชิ าพูดถึงหลักสูตรท้องถ่นิ ใหใ้ ส่ลงไปดว้ ย

...............................................................-...........................................................................................

4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธบิ ายปัจจัยที่มผี ลตอ่ ความช้ืนสมั พทั ธ์และความชน้ื สัมบรู ณ์ (K)
2. วดั ความช้นื สัมพทั ธแ์ ละอธิบายปัจจัยทมี่ ีผลต่อความชน้ื สัมพัทธ์ (P)

3. ต้งั ใจเรยี นร้แู ละแสวงหาความรู้ (A)

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น (เลอื กเฉพาะข้อทเ่ี กดิ ในหน่วยการเรียนรูน้ ี้)

 1. ความสามารถในการสื่อสาร  2. ความสามารถในการคดิ
 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา  4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (เลอื กเฉพาะข้อทเี่ กิดในหน่วยการเรียนรนู้ ้ี)

 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  2. ซอื่ สัตยส์ ุจริต

 3. มีวนิ ยั  4. ใฝ่เรียนรู้
 5. อยอู่ ย่างพอเพยี ง  6. ม่งุ ม่ันในการทำงาน

 7. รกั ความเป็นไทย  8. มจี ิตสาธารณะ

73

7. ด้านคุณลกั ษณะของผ้เู รียนตามหลักสูตรมาตรฐานสากล

 1. เป็นเลศิ วชิ าการ  2. สื่อสารสองภาษา  3. ลำ้ หน้าทางความคดิ

 4. ผลิตงานอย่างสรา้ งสรรค์  5. รว่ มกนั รบั ผิดชอบตอ่ สงั คมโลก
8. ทกั ษะของคนในศตวรรษที่ 21 คอื การเรยี นรู้ 3R X 8C 2L

 R1 –Reading (อ่านออก)  R2-(W) Ringting (เขียนได้)  R3- (A) Rithmetics (คดิ เลขเปน็ )
 ทกั ษะด้านการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปญั หา (Critical Thinking and Problem

Solving)

 ทักษะดา้ นการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
 ทักษะด้านความเขา้ ใจความตา่ งวฒั นธรรม ตา่ งกระบวนทศั น์ (Cross-cultural Understanding)

 ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเปน็ ทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)

 ทกั ษะดา้ นการสอื่ สาร สารสนเทศและร้เู ท่าทันส่ือ (Communications, Information, and Media Literacy)
 ทกั ษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร (Computing and ICT
Literacy)

 ทักษะอาชีพ และทักษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)
ความมีเมตตา (วินยั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม (Compassion)

9. บรู ณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

1. หลักความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชิกในกลุ่มให้เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในหอ้ งเรียนคอื

ประมาณกลุม่ ละ 4 – 6 คน
2. หลกั ความมีเหตุผล : ใหน้ ักเรยี นสรา้ งสรรคผ์ ลงานและเกิดทักษะการปฏบิ ัติ , นกั เรียนเกิดความ

ภาคภมู ใิ จในผลงานของตนและสิ่งท่เี รยี นรู้

3. หลกั ภมู ิคมุ้ กนั : ใหน้ ักเรยี นเกิดทักษะการทำงานกลุ่ม และกลา้ แสดงออก , นักเรียนรู้จักการวาง

แผนการทำงานและมอบหมายงานใหส้ มาชิกภายในกล่มุ ได้เหมาะสมกบั ความสามารถของแต่ละบุคคล

4. เงือ่ นไขความรู้ : การวางแผนงานทจ่ี ะทำก่อนแลว้ คอ่ ยลงมือทำอยา่ งระมัดระวัง

5. เงื่อนไขคุณธรรม : อดทนท่ีจะทำงาน และมีความขยนั ทจ่ี ะทำงานให้ออกมาได้ดที สี่ ดุ , มีวนิ ัยในการ

ทำงาน

10. ชิน้ งาน/ภาระงานรวบยอด

ตวั ช้ีวัด ช้ินงาน ภาระงาน

ว.3.2 ม.1/2 - รายงานกิจกรรมท่ี 5 ปัจจัยท่ีมผี ลตอ่ - วเิ คราะหแ์ ละอธิบายเร่ืองความช้ืนคือ

ความชื้นสมั พทั ธ์มีอะไรบ้าง ไอนำ้ ท่อี ยู่ในอากาศค่าความช้ืนอากาศ

สามารถแสดงได้ในแบบความชืน้

สมั บูรณแ์ ละความช้นื สมั พัทธ์

- วิเคราะห์และอธบิ ายความช้ืนสัมบรู ณ์

- วิเคราะห์และอธิบายความชื้นสัมพัทธ์

11. การวัดประเมนิ ผล
11.1การวัดและประเมินผลชน้ิ งาน/ภาระงานรวบยอด

74

วิธีการ

1.การสงั เกตการณ์

2.การใช้ชดุ กิจกรรมวิทยาศาสตร์ร่องรอยบ่งชี้ 3.การวัดประเมินการปฏบิ ัติ

เครือ่ งมือ

1. แบบสงั เกตการณ์

2. ชดุ กิจกรรมวิทยาศาสตร์ 3. แบบวดั ประเมนิ การปฏิบตั ิ

เกณฑ์

1.การประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics)

2.การประเมินพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผา่ นตง้ั แต่ 2 รายการ ถือว่า ผ่าน ผา่ น 1

รายการถือว่า ไมผ่ า่ น

11.2การวดั และประเมนิ ผลระหว่างการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (ประเมินจากแผนการจดั การเรยี นรขู้ อง

หนว่ ยการเรียนรนู้ ้)ี

ส่ิงท่ีต้องการวดั วธิ วี ดั ผล เครอื่ งมือวัดผล เกณฑ์การประเมนิ
- นกั เรยี นไดค้ ะแนน
1. ความร้เู ก่ยี วกบั -การสอบถาม ซักถาม - แบบประเมินการ 12 คะแนนข้นึ ไป
- ความชื้น หรอื รอ้ ยละ 80
- ความชน้ื สัมบูรณ์ ความคิดเหน็ อธบิ าย อภปิ รายแสดงความ ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
- ความชื้นสัมพัทธ์ - นกั เรียนไดค้ ะแนน
- อุปกรณท์ ่ีใช้วดั ความช้ืน เกยี่ วกบั ความชน้ื คดิ เหน็ ประเมนิ ผลงาน
13 คะแนนข้นึ ไป
อากาศ - แบบประเมนิ การ หรอื ร้อยละ 80
ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
-การตรวจผลงาน ตรวจผลงานผเู้ รียน -นักเรียนไดค้ ะแนน
12 คะแนนขึน้ ไป
นกั เรียน หรือร้อยละ 80 ถือว่า
ผ่านเกณฑ์
2.ทกั ษะกระบวนการคิด และ - การอภิปรายแสดง - แบบประเมินการ
- นักเรียนไดค้ ะแนน
ทักษะกระบวนการกลุ่ม ความคดิ เห็นระบุ อภปิ รายแสดงความ ประเมนิ คุณลักษณะ
อันพึงประสงค์
ทักษะกระบวน คิดเหน็ 26 คะแนนข้ึนไป
หรือรอ้ ยละ 80
การทางวทิ ยาศาสตร์ที่ - แบบประเมนิ ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
- นกั เรียนได้คะแนน
ได้ปฏบิ ตั ิจากกจิ กรรม พฤติกรรมการ การประเมนิ สมรรถนะ

- สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม 75

ทำงานกลุ่ม

3. คุณลักษณะทพี่ ึงประสงค์ - สงั เกตค่านิยมในการ - แบบประเมิน

และสมรรถนะผู้เรียน ทำงานรว่ มกับผู้อื่น คุณลกั ษณะอันพงึ

- มวี ินัยในการทำงานกลมุ่ และการทำงานใน ประสงค์

- นกั เรียนเหน็ ความสำคญั ระบบกลุ่ม - แบบประเมนิ

ของการทำงานร่วมกับผู้อน่ื และ อภปิ ราย แสดงความ สมรรถนะผู้เรยี น

การทำงานในระบบกลมุ่ คิดเห็นเกี่ยวกบั ผลการ

- ยอมรบั ความคิดเหน็ ซึ่งกนั ทดลอง

และกนั มีความเสยี สละและ

อดทน 29 คะแนนขึ้นไป
หรือรอ้ ยละ 80
ถือวา่ ผ่านเกณฑ์

12. กิจกรรมการเรียนรู้
ชว่ั โมงท่ี 1
1. ขน้ั ตัง้ ประเด็นปญั หา/สมมติฐาน (Hypothesis Formulation)
1.1 ครใู ห้นกั เรยี นดูภาพนำเร่ือง อ่านเนอื้ หานำเรื่องและร้จู ักคำสำคัญ โดยครูอาจจะใช้คำถามดงั น้ี
• นกั เรียนเคยเห็นทะเลหมอกหรอื ไม่ ทะเลหมอกเกดิ ข้นึ ช่วงไหน (นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจ)

• ทะเลหมอกเกดิ ขึ้นได้อยา่ งไร (นักเรยี นตอบตามความเข้าใจ)
• หยดน้ำทเ่ี กาะข้างแกว้ น้ำเย็นเกดิ ขนึ้ ไดอ้ ย่างไร(นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจ)
1.2 ใหน้ กั เรยี นทำกจิ กรรมทบทวนความรกู้ ่อนเรียนนำเสนอผลการทำกิจกรรม หากพบว่านกั เรยี นยงั ทำ
กจิ กรรมทบทวนความรู้ก่อนเรยี นไม่ถูกต้อง ครูควรทบทวนหรือแก้ไขความเข้าใจผดิ ของนักเรยี น เพ่ือ
ให้นักเรยี นมีความรู้พ้ืนฐานที่ถูกต้องและเพยี งพอทีจ่ ะเรียนเรอ่ื งความชื้นต่อไป
1.3 นักเรียนอา่ นและตอบคำถามเก่ียวกบั ปรมิ าณไอน้ำในอากาศ ความชื้นสัมบรู ณ์ ปริมาณไอน้ำอ่ิมตวั
และความชนื้ สมั พทั ธจ์ ากหนังสือเรียน จากนัน้ ครแู ละนักเรียนอภปิ รายรว่ มกันเก่ียวกับความหมายและ
ความสัมพันธ์ของปริมาณไอน้ำในอากาศ ความชื้นสัมบูรณ์ ปริมาณไอนำ้ อ่มิ ตัว และความชน้ื สมั พัทธ์ เพอ่ื ใหไ้ ด้
ขอ้ สรุปว่า ไอน้ำในอากาศทำใหอ้ ากาศมีความชื้น ค่าความชื้นสัมบรู ณแ์ สดงปรมิ าณไอนำ้ ท่มี อี ยจู่ ริงในอากาศ
โดยมีหน่วยเปน็ กรมั ต่อลูกบาศกเ์ มตร ณ อุณหภูมิใดอุณหภูมิหนึ่ง อากาศสามารถรบั ไอน้ำได้ในปรมิ าณจำกดั
โดยปรมิ าณไอน้ำอม่ิ ตวั หรือปริมาณไอนำ้ สงู สุดที่อากาศรบั ได้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมอิ ากาศ ค่าความชื้นสัมพัทธ์
แสดงความสามารถของอากาศในการรบั ปริมาณไอนำ้ ณ ขณะนน้ั วา่ อากาศมปี ริมาณไอน้ำในอากาศเทา่ ไร
เทยี บกบั ความสามารถท่จี ะรับได้ทั้งหมด และจะสามารถรับได้อีกเท่าไร
โดยแสดงคา่ เป็นเปอรเ์ ซ็นต์
1.4 ครนู ำเขา้ สู่กจิ กรรมที่ 5 ปัจจยั ท่ีมีผลต่อความชน้ื สมั พทั ธ์มีอะไรบ้าง โดยอธิบายความสำคัญของ
ความชืน้ สัมพทั ธ์ซ่ึงแสดงถึงความสามารถในการรับไอนำ้ ในอากาศจึงทำให้นักวิทยาศาสตร์นำคา่ ความชื้น
สมั พัทธ์ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการแปลความหมายและทำนายลมฟา้ อากาศได้ ซึ่งการศึกษาปัจจยั ทม่ี ผี ลต่อความชืน้
สัมพทั ธจ์ ะทำใหน้ ักเรียนเข้าใจกระบวนการทเ่ี กยี่ วกบั ลมฟ้าอากาศมากข้ึน
ช่วั โมงที่ 2
2. ขน้ั สบื ค้นความรู้ (Searching for Information)
2.1 ใหน้ ักเรยี นอา่ นวิธีดำเนนิ กิจกรรมในชดุ กิกรรม และร่วมกันอภิปรายในประเด็นดังต่อไปน้ี
• กิจกรรมนี้เก่ียวกบั เรือ่ งอะไร (ปัจจัยท่ีมีผลต่อความชนื้ สัมพทั ธ)์
• กิจกรรมนี้มจี ุดประสงค์อยา่ งไร (นักเรียนตอบตามความคิดของตนเอง)
• วัสดแุ ละอปุ กรณ์พิเศษท่ใี ช้ในกิจกรรมมีอะไรบา้ งและใช้งานอยา่ งไร (ไซครอมิเตอร์ซ่ึงมีวิธกี ารใช้
งานและข้อแนะนำอยู่ในหนังสือเรียน)
• วธิ ดี ำเนนิ กจิ กรรมมขี ้ันตอนโดยสรุปอยา่ งไร (ศึกษาการใช้ไซครอมิเตอร์ วางแผนการทำงาน
ตรวจวดั และบนั ทึกความชนื้ สัมพทั ธโ์ ดยใช้ไซครอมเิ ตอร์ ตามสถานที่และเวลาท่ไี ด้ออกแบบไว้ รวมท้งั บันทึก
ลักษณะทางกายภาพในพื้นท่ีทีเ่ ลอื ก จากน้ันนำข้อมูลมาสร้างกราฟ)

76

• ข้อควรระวงั ในการทำกิจกรรมมหี รอื ไม่อย่างไร (การใช้ไซครอมิเตอร์ เพื่อวดั คา่ ความชื้นสัมพัทธ์
และอุณหภูมิอากาศควรใช้อุปกรณต์ ามขอ้ แนะนำในชุดกิกรรม)

2.2 นักเรยี นร่วมกนั วางแผนเพอ่ื เลอื กสถานท่แี ละเวลาท่ีใช้ในการวัดอุณหภมู ิอากาศ และความชืน้
สัมพทั ธ์ รวมท้งั ออกแบบวิธกี ารบันทึกผลทส่ี ังเกตได้
ช่ัวโมงท่ี 3

3. ขนั้ สรุปองค์ความรู้ (Knowledge Formation)
3.1 นกั เรียนทำกจิ กรรมตามแผนที่วางไว้ ครูสังเกตการตรวจวัดความชื้นสมั พัทธ์ของนกั เรียนเพ่ือให้

คำแนะนำและนำขอ้ มลู จากการสังเกตมาใชป้ ระกอบการอภิปรายหลังกิจกรรม

3.2 นักเรียนเก็บข้อมูลลกั ษณะทางกายภาพของพืน้ ทที่ น่ี ักเรียนเลือกศึกษา นำข้อมูลท่ีไดจ้ ากการ
ตรวจวัดมาสร้างกราฟเสน้ ท่ีแสดงการเปล่ียนแปลงความชน้ื สัมพทั ธใ์ นเวลาตา่ ง ๆ และเตรยี มนำเสนอผลการ
ทำกจิ กรรม โดยครูแนะนำวิธีการสร้างกราฟให้แกน่ ักเรียน

4. ข้นั การส่อื สารและนำเสนอ (Effective Communication)
4.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการทำกิจกรรม และนำผลงานติดแสดงหน้าห้องเรียนเพื่อ

เปรยี บเทยี บข้อมลู ของแต่ละกลมุ่

4.2 นักเรียนตอบคำถามทา้ ยกจิ กรรม จากน้ันครูและนักเรยี นร่วมกันอภิปรายคำตอบเพ่ือให้ได้
ขอ้ สรปุ ว่า ปัจจยั ทมี่ ีผลตอ่ คา่ ความชื้นสมั พทั ธค์ ือ อุณหภมู ิอากาศ และลกั ษณะทางกายภาพของพนื้ ที่

5. ข้นั การบรกิ ารสังคมและสาธารณะ (Public Service)

5.1 นักเรียนอ่านเนื้อหาเพ่ิมเติมเก่ียวกับความช้ืนในหนังสือเรียน ตอบคำถามระหว่างเรียน และ
อภปิ รายสรุปร่วมกนั เกีย่ วกบั ความชนื้ สัมพัทธ์ การเกดิ ละอองนำ้ เมฆ หมอก น้ำค้าง

5.2 เชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้ในเรื่องต่อไปว่า ค่าความชื้นสัมพัทธ์มีความสัมพันธ์กับการเกิดเมฆ ดังที่

ได้เรียนมาแล้ว เมฆและฝนเป็นองค์ประกอบของลมฟ้าอากาศซึ่งมีความสำคัญและส่งผลต่อการดำรงชีวิตของ
มนุษย์ นกั เรยี นจะไดศ้ ึกษาปัจจัยทีม่ ีผลตอ่ การเปลย่ี นแปลงเมฆและฝนเพ่ิมเติมในเร่ืองต่อไป
13. ส่อื การเรียนรู้/แหล่งเรยี นรู้

13.1สอ่ื การเรยี นรู้ 2) หนงั สอื แบบเรียน 3) สอื่ เพาเวอร์พอยต์
1) ชดุ กจิ กรรมวิทยาศาสตร์

13.2 แหล่งเรียนรู้

1) อนิ เตอรเ์ น็ต 2) ห้องสมุด
14. บนั ทึกหลังการจัดการเรยี นรู้

ผลการสอน รายละเอยี ด

1. ดา้ นความรู้ : ......................................................................................
- ความชื้น ......................................................................................
- ความช้นื สัมบูรณ์ ......................................................................................
- ความช้นื สมั พัทธ์ ......................................................................................
- อุปกรณ์ท่ีใชว้ ัดความชน้ื ......................................................................................
......................................................................................

2. ดา้ นกระบวนการ : ......................................................................................
- ทักษะกระบวนการคิด ......................................................................................

- ทักษะกระบวนการกล่มุ ......................................................................................

77

......................................................................................

3. ดา้ นคุณธรรมจริยธรรมและค่านยิ ม ......................................................................................
......................................................................................
อนั พึงประสงค์ : ......................................................................................
......................................................................................
- มวี นิ ัย ......................................................................................
- ใฝเ่ รยี นรู้ ......................................................................................

- อยู่อยา่ งพอเพยี ง
- รกั ความเป็นไทย

4. ปญั หาการสอน
....................................................................... ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................

......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

5. วิธีแก้ปญั หา
....................................................................... ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................

......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

ลงชือ่ ........................................ครูผ้สู อน ลงชอื่ ...........................................หวั หนา้ กลุ่มสาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกลุ รตั น.์ .) (นายสุรจกั ริ์ แกว้ ม่วง.)

ลงช่ือ........................................... ลงชอ่ื ...........................................
(..นายศวิ าวุฒิ รตั นะ..) (..นางรพีพร คำบุญมา..)
หัวหนา้ งานนเิ ทศ
รองผู้อำนวยการกลมุ่ บริหารวิชาการ

ลงช่อื ........................................................
(...นายจงจดั จนั ทบ...)

ผู้อำนวยการโรงเรียนสุวรรณารามวทิ ยาคม

78

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 13
หน่วยการเรียนรทู้ …ี่ 2…กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟา้ อากาศ…….เรอื่ ง……..ลมฟ้าอากาศรอบตวั .(ตอนท่ี 6)....

รายวชิ า……......วทิ ยาศาสตร…์ …..2.......รหสั วชิ า……......ว 21102 ..............ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี.่ ...1.....
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปกี ารศึกษา... 2563...ภาคเรยี นท.่ี .2...เวลา...3..ชวั่ โมง……
ผสู้ อน.........................นางสาวอโนชา...อุทุมสกลุ รตั น์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวดั /ผลการเรียนรู้ (รายวชิ าพ้ืนฐานมที ้งั มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วดั
รายวชิ าเพิ่มเติมมีเฉพาะมาตรฐานการเรยี นรู้และผลการเรียนร)ู้

1.1 มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวดั
ว 3.2 ม.1/2-3

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด (หลอมจากตัวชี้วดั ทใ่ี ชใ้ นหน่วยการเรยี นรนู้ เ้ี ขยี นเปน็ แบบความเรยี ง)
มนุษย์ดำรงชีวิตอยูภ่ ายใตบ้ รรยากาศชนั้ โทรโพสเฟียรซ์ ่ึงเกิดสภาพลมฟ้าอากาศต่าง ๆ เชน่ ลม เมฆ

ฝน ฟา้ แลบ ฟ้าร้ององคป์ ระกอบของลมฟ้าอากาศ
3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/สาระการเรยี นร้เู พม่ิ เติม (รายวิชาเพิ่มเติม)

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
• ลมฟา้ อากาศ เป็นสภาวะของอากาศในเวลาหนึง่ ของพ้นื ที่หน่ึงทม่ี กี ารเปลย่ี นแปลงตลอดเวลา
ขนึ้ อยูก่ ับองคป์ ระกอบลมฟา้ อากาศ ได้แก่ อุณหภูมอิ ากาศ ความกดอากาศ ลม ความชื้น เมฆ และหยาดนำ้ ฟ้า
โดยหยาดนำ้ ฟ้าที่พบบ่อยในประเทศไทยได้แก่ ฝน องค์ประกอบลมฟ้าอากาศเปล่ียนแปลงตลอดเวลาขึ้นอยกู่ ับ
ปัจจัยต่าง ๆ เชน่ ปรมิ าณรงั สีจากดวงอาทติ ยแ์ ละลักษณะพ้ืนผิวโลกสง่ ผลตอ่ อุณหภมู อิ ากาศ อณุ หภูมิอากาศ
และปริมาณไอน้ำสง่ ผลต่อความช้ืน ความกดอากาศส่งผลต่อลม ความช้นื และลมส่งผลตอ่ เมฆ
• พายฝุ นฟ้าคะนอง เกิดจากการทอ่ี ากาศที่มีอุณหภมู แิ ละความชนื้ สงู เคล่อื นที่ขนึ้ สู่ระดบั ความสูง ทม่ี ี

อุณหภูมติ ่ำลง จนกระท่ังไอน้ำในอากาศเกดิ การควบแนน่ เปน็ ละอองนำ้ และเกิดต่อเนื่องเปน็ เมฆขนาดใหญ่

พายฝุ นฟ้าคะนองทำให้เกดิ ฝนตกหนกั ลมกรรโชกแรง ฟ้าแลบฟ้าผา่ ซึง่ อาจก่อให้เกดิ อันตรายต่อชวี ิต

และทรัพย์สนิ

3.2 สาระการเรียนรู้ทอ้ งถิน่ (ถ้าในคำอธิบายรายวชิ าพูดถงึ หลกั สูตรท้องถ่ินใหใ้ ส่ลงไปด้วย

...............................................................-...........................................................................................

4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. สงั เกต อธบิ ายลกั ษณะ และจำแนกประเภทของเมฆ (K)

2. ตรวจวดั ปริมาณเมฆปกคลุมบนท้องฟ้า (P)

3. ตงั้ ใจเรยี นร้แู ละแสวงหาความรู้ (A)

5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน (เลือกเฉพาะข้อที่เกดิ ในหน่วยการเรยี นรู้น)้ี

 1. ความสามารถในการส่ือสาร  2. ความสามารถในการคิด
 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา  4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (เลอื กเฉพาะข้อที่เกิดในหนว่ ยการเรียนรนู้ ี้)

 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  2. ซอ่ื สตั ย์สจุ รติ

 3. มวี นิ ัย  4. ใฝเ่ รียนรู้ 79

 5. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง  6. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน

 7. รกั ความเป็นไทย  8. มจี ิตสาธารณะ
7. ดา้ นคณุ ลักษณะของผู้เรียนตามหลกั สูตรมาตรฐานสากล

 1. เป็นเลิศวชิ าการ  2. สื่อสารสองภาษา  3. ล้ำหนา้ ทางความคิด

 4. ผลิตงานอย่างสร้างสรรค์  5. ร่วมกันรับผิดชอบตอ่ สังคมโลก
8. ทักษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คือการเรียนรู้ 3R X 8C 2L

 R1 –Reading (อา่ นออก)  R2-(W) Ringting (เขยี นได้)  R3- (A) Rithmetics (คดิ เลขเป็น)
 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณและทักษะในการแกไ้ ขปัญหา (Critical Thinking and Problem

Solving)

 ทกั ษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
 ทักษะด้านความเขา้ ใจความต่างวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross-cultural Understanding)
 ทักษะดา้ นความร่วมมือ การทำงานเปน็ ทมี และภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)

 ทกั ษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศและรูเ้ ทา่ ทนั สื่อ (Communications, Information, and Media Literacy)
 ทกั ษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (Computing and ICT
Literacy)

 ทกั ษะอาชพี และทักษะการเรียนรู้ (Career and Learning)
ความมเี มตตา (วินยั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม (Compassion)

9. บรู ณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

1. หลักความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชิกในกลุม่ ให้เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในหอ้ งเรยี นคือ

ประมาณกลมุ่ ละ 4 – 6 คน

2. หลกั ความมีเหตผุ ล : ให้นักเรยี นสร้างสรรคผ์ ลงานและเกิดทกั ษะการปฏิบัติ , นกั เรยี นเกิดความ

ภาคภมู ใิ จในผลงานของตนและส่งิ ที่เรยี นรู้

3. หลกั ภูมิคุ้มกัน : ใหน้ ักเรียนเกิดทกั ษะการทำงานกลุ่ม และกล้าแสดงออก , นกั เรยี นรู้จกั การวาง

แผนการทำงานและมอบหมายงานใหส้ มาชกิ ภายในกลุม่ ได้เหมาะสมกบั ความสามารถของแตล่ ะบคุ คล

4. เงื่อนไขความรู้ : การวางแผนงานท่จี ะทำก่อนแลว้ ค่อยลงมือทำอยา่ งระมัดระวงั

5. เงอื่ นไขคุณธรรม : อดทนท่จี ะทำงาน และมีความขยันท่จี ะทำงานใหอ้ อกมาได้ดที ส่ี ดุ , มีวินัยในการ

ทำงาน
10. ช้ินงาน/ภาระงานรวบยอด

ตัวชวี้ ดั ช้ินงาน ภาระงาน

ว.3.2 ม.1/2-3 - รายงานกจิ กรรมท่ี 6 เมฆท่ีเห็นเป็น - วิเคราะห์และอธบิ ายปจั จัยทีท่ ำให้

อย่างไร รูปร่างลักษณะของเมฆและปริมาณ

เมฆทป่ี กคลุมทอ้ งฟา้ มีการเปลยี่ นแปลง

ตลอดเวลา

- วเิ คราะห์และอธิบายปัจจัยทท่ี ำให้

ปรมิ าณฝนในแตล่ ะพน้ื ท่ี และแตล่ ะ

ชว่ งเวลาในรอบปีแตกตา่ งกัน

80

11. การวัดประเมนิ ผล

11.1การวดั และประเมินผลช้นิ งาน/ภาระงานรวบยอด

วธิ ีการ

1.การสังเกตการณ์

2.การใช้ชุดกิจกรรมวทิ ยาศาสตรร์ ่องรอยบ่งชี้ 3.การวดั ประเมินการปฏิบตั ิ

เครอ่ื งมือ

1. แบบสังเกตการณ์

2. ชดุ กิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ 3. แบบวัดประเมนิ การปฏิบัติ

เกณฑ์

1.การประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics)

2.การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม ผ่านตัง้ แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผา่ น ผา่ น 1

รายการถือว่า ไมผ่ า่ น

11.2การวดั และประเมินผลระหว่างการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (ประเมินจากแผนการจดั การเรยี นรู้ของ

หนว่ ยการเรียนรนู้ ้ี)

ส่งิ ทีต่ ้องการวัด วธิ ีวัดผล เครอ่ื งมอื วดั ผล เกณฑก์ ารประเมนิ
- นกั เรียนไดค้ ะแนน
1. ความรเู้ กี่ยวกบั -การสอบถาม ซกั ถาม - แบบประเมินการ 12 คะแนนขนึ้ ไป
- เมฆและปริมาณเมฆ หรือร้อยละ 80
- หยาดน้ำฟ้า ความคิดเหน็ อธิบาย อภปิ รายแสดงความ ถือว่าผา่ นเกณฑ์
- ความชืน้ สมั พทั ธ์ - นกั เรียนได้คะแนน
- อุปกรณท์ ี่ใช้วัดฝน เก่ยี วกบั เมฆและ คิดเห็น ประเมินผลงาน
13 คะแนนขน้ึ ไป
ปริมาณเมฆ หยาดนำ้ - แบบประเมนิ การ หรอื รอ้ ยละ 80
ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
ฟา้ และ อปุ กรณ์ท่ใี ช้ ตรวจผลงานผูเ้ รยี น -นกั เรียนไดค้ ะแนน
12 คะแนนขึ้นไป
วัดฝน หรอื ร้อยละ 80 ถือวา่
ผา่ นเกณฑ์
-การตรวจผลงาน
- นกั เรียนได้คะแนน
นกั เรยี น ประเมนิ คุณลักษณะ
อนั พงึ ประสงค์
2.ทักษะกระบวนการคิด และ - การอภิปรายแสดง - แบบประเมินการ 26 คะแนนขน้ึ ไป
หรือรอ้ ยละ 80
ทักษะกระบวนการกล่มุ ความคดิ เห็นระบุ อภปิ รายแสดงความ
81
ทักษะกระบวน คดิ เห็น

การทางวิทยาศาสตร์ที่ - แบบประเมิน

ได้ปฏบิ ัตจิ ากกิจกรรม พฤติกรรมการ

- สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุม่

ทำงานกลมุ่

3. คณุ ลักษณะท่พี งึ ประสงค์ - สังเกตคา่ นิยมในการ - แบบประเมิน

และสมรรถนะผเู้ รียน ทำงานรว่ มกับผู้อ่ืน คณุ ลกั ษณะอันพึง

- มวี ินัยในการทำงานกลมุ่ และการทำงานใน ประสงค์

- นักเรียนเห็นความสำคญั ระบบกลมุ่ - แบบประเมนิ

ของการทำงานรว่ มกับผู้อนื่ และ อภปิ ราย แสดงความ สมรรถนะผู้เรยี น

การทำงานในระบบกล่มุ คดิ เห็นเกี่ยวกับผลการ ถือว่าผา่ นเกณฑ์

- ยอมรับความคิดเห็นซึ่งกัน ทดลอง - นกั เรียนไดค้ ะแนน

และกันมีความเสียสละและ การประเมินสมรรถนะ

อดทน 29 คะแนนขึ้นไป

หรือรอ้ ยละ 80

ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์

12. กิจกรรมการเรยี นรู้

ชวั่ โมงท่ี 1

1. ขัน้ ตั้งประเด็นปัญหา/สมมติฐาน (Hypothesis Formulation)

1.1 กระตุ้นความสนใจของนักเรียนเกี่ยวกับเมฆและฝนโดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียม ดังภาพนำเรื่อง หรอื

ภาพเคลอ่ื นไหวจากเวบ็ ไซต์http://www.sattmet.tmd.go.th/satmet/mergesat.html ทแ่ี สดงปรมิ าณเมฆ

เหนือพน้ื ท่ีประเทศไทย โดยอาจใชค้ ำถามกระตนุ้ ความสนใจดงั น้ี

• จากภาพบรเิ วณใดมีเมฆปกคลมุ ทราบได้อย่างไร(นักเรยี นตอบตามความเข้าใจ)

• นกั เรียนคิดว่าพนื้ ที่ใดนา่ จะเกิดฝน เพราะเหตุใด(นักเรียนตอบตามความเข้าใจ)

1.2 นักเรยี นทำกิจกรรมทบทวนความรกู้ อ่ นเรียน แลว้ นำเสนอผลการทำกิจกรรม หากพบว่านกั เรยี นยงั

ทำกจิ กรรมทบทวนความรู้ก่อนเรยี นไม่ถูกตอ้ ง ครูควรทบทวนหรอื แก้ไขความเข้าใจผดิ ของนกั เรยี น เพื่อใหม้ ี

ความรู้พน้ื ฐานที่ถูกต้องและเพียงพอท่จี ะเรยี นเร่ืองเมฆและฝนต่อไป

1.3 นำเข้าสู่การทำกิจกรรมท่ี 6 เมฆทเี่ หน็ เปน็ อย่างไร ครตู ้ังคำถามกระตุ้นความสนใจว่า บางครัง้ เรา

สามารถทำนายสภาพอากาศลว่ งหนา้ โดยใช้ขอ้ มลู จากลักษณะเมฆในท้องฟา้ ท่ีเราสังเกตได้ นกั เรยี นคดิ วา่ เมฆ

ในแตล่ ะวันมีลกั ษณะเหมือนกัน หรือ แตกตา่ งกันอยา่ งไรบ้าง

ชัว่ โมงท่ี 2

2. ขนั้ สืบคน้ ความรู้ (Searching for Information)

2.1 ให้นกั เรยี นอ่านวิธีดำเนินกจิ กรรมในหนังสือเรียน และรว่ มกันอภิปรายในประเดน็ ดงั ตอ่ ไปน้ี

• กจิ กรรมน้ีเก่ยี วกับเรอ่ื งอะไร (ลักษณะเมฆ และการตรวจวัด)

• กิจกรรมน้ีมจี ุดประสงค์อยา่ งไร (นักเรียนตอบตามความคิดของตนเอง)

• วิธดี ำเนนิ กจิ กรรมมขี ้ันตอนโดยสรปุ อยา่ งไร (อภปิ รายวธิ ีสังเกตเมฆบนท้องฟา้ ตามความคดิ ของ

ตนเอง สงั เกตวาดภาพ และจำแนกเมฆตามเกณฑข์ องตนเอง ศกึ ษาการสงั เกตเมฆตามวธิ กี ารที่นา่ เชอื่ ถือ

สงั เกตเมฆ และบนั ทึกข้อมูล)

2.2 นกั เรียนอภปิ รายร่วมกนั ในประเด็นดงั น้ี หากนักเรียนสังเกตเมฆในท้องฟา้ นักเรยี นคดิ ว่าควรจะได้

ขอ้ มูลอะไรบ้างและจะมีวธิ ีบอกปรมิ าณเมฆในทอ้ งฟ้าได้อยา่ งไร

ช่ัวโมงที่ 3

3. ข้นั สรปุ องค์ความรู้ (Knowledge Formation)

3.1 นักเรียนสงั เกตและวาดภาพเมฆ จำแนกเมฆท่ีพบตามเกณฑ์ของตนเอง และบอกปรมิ าณเมฆใน

ท้องฟ้าตามวธิ กี ารที่ได้อภิปรายร่วมกันจากข้อ 1 แลว้ นำเสนอ

3.2 นักเรยี นศกึ ษาลักษณะของเมฆ การจำแนกเมฆตามเกณฑ์มาตรฐานของนักวิทยาศาสตร์และ

วิธีการตรวจวดั ปริมาณเมฆปกคลมุ จากนั้นให้นักเรียนวางแผนการสงั เกตเมฆในช่วงเช้า กลางวนั และเย็น

ตามลำดับ โดยนกั เรยี นอาจทำกิจกรรมเสรมิ ทำอย่างไรจึงสงั เกตได้ง่ายข้ึน

4. ข้ันการสื่อสารและนำเสนอ (Effective Communication)

82

4.1 นักเรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรม จากน้ันนำเสนอ และอภิปรายคำตอบร่วมกันเพ่ือให้ได้ข้อสรุป

ว่า เมฆมหี ลายรูปร่างลักษณะ ในแตล่ ะชว่ งเวลาของวัน ปริมาณเมฆและลกั ษณะเมฆแตกตา่ งกันไป

4.2 นำเข้าสู่การเรียนรเู้ ร่ืองฝน โดยถามคำถามทบทวนความรู้ในประเดน็ หยาดนำ้ ฟ้าคอื อะไร

เกดิ ข้นึ ได้อย่างไร และให้นกั เรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง

5. ข้ันการบริการสงั คมและสาธารณะ (Public Service)

5.1 นักเรียนอ่านข้อมูลเกี่ยวกับฝน ในชุดกิจกรรม แล้วตอบคำถามระหว่างเรียน จากน้ันร่วมกัน

อภปิ รายคำตอบ

5.2 นักเรียนทำกิจกรรมเสริม ปริมาณฝนวัดได้อย่างไร ออกแบบและสร้างอุปกรณ์ท่ีช่วยในการวัด

ปรมิ าณฝน รวมทง้ั ได้ใช้แนวคดิ ในการทำเครอ่ื งวัดฝนทเ่ี ปน็ ทรงกระบอก

5.3 รว่ มกนั อภิปรายและสรุป วา่ เมฆมีหลายลักษณะ การจัดประเภทเมฆจัดโดยใช้ลกั ษณะและ

ความสูงเปน็ เกณฑ์ เมฆและฝนมีการเปล่ยี นแปลงข้ึนอยู่กบั ปัจจัยตา่ ง ๆ ปัจจัยทที่ ำใหเ้ มฆมีการเปลย่ี นแปลง

ได้แก่ ปริมาณไอน้ำในอากาศและสภาพแวดลอ้ มของพื้นท่ีที่สง่ ผลตอ่ ปริมาณไอนำ้ ในอากาศ อุณหภมู อิ ากาศ

ฤดูและ ลมนอกจากนีย้ งั มปี ัจจัยที่ทำให้ฝนมีการเปลย่ี นแปลงเชน่ ปริมาณเมฆ ฤดกู าล พื้นทห่ี รือภูมภิ าค และ

สภาพภมู ปิ ระเทศ

13. ส่ือการเรียนรู้/แหลง่ เรียนรู้

13.1สอ่ื การเรยี นรู้

1) ชดุ กิจกรรมวิทยาศาสตร์ 2) หนังสอื แบบเรียน 3) สอ่ื เพาเวอร์พอยต์

13.2แหลง่ เรยี นรู้

1) อนิ เตอร์เนต็ 2) ห้องสมุด

14. บันทกึ หลังการจดั การเรียนรู้ รายละเอยี ด
ผลการสอน
......................................................................................
1. ดา้ นความรู้ : ......................................................................................
- เมฆและปรมิ าณเมฆ ......................................................................................
- หยาดนำ้ ฟ้า ......................................................................................
- อุปกรณท์ ่ีใชว้ ัดฝน ......................................................................................
......................................................................................
2. ด้านกระบวนการ :
- ทักษะกระบวนการคิด ......................................................................................
- ทกั ษะกระบวนการกลมุ่ ......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

3. ดา้ นคุณธรรมจรยิ ธรรมและคา่ นยิ ม ......................................................................................
อนั พึงประสงค์ : ......................................................................................
- มีวินัย ......................................................................................
- ใฝเ่ รียนรู้ ......................................................................................
- อยอู่ ยา่ งพอเพียง ...............................................................................

83

- รกั ความเปน็ ไทย ......................................................................................

4. ปัญหาการสอน
....................................................................... ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................

......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

5. วิธแี กป้ ญั หา
....................................................................... ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................

......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

ลงชื่อ........................................ครผู ู้สอน ลงช่ือ...........................................หวั หนา้ กลมุ่ สาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อุทุมสกลุ รตั น.์ .) (นายสุรจกั ร์ิ แก้วมว่ ง.)

ลงชอื่ ........................................... ลงช่ือ...........................................
(..นายศิวาวุฒิ รัตนะ..) (..นางรพพี ร คำบุญมา..)
หัวหนา้ งานนเิ ทศ
รองผู้อำนวยการกลมุ่ บริหารวิชาการ

ลงชือ่ ........................................................
(...นายจงจัด จนั ทบ...)

ผู้อำนวยการโรงเรียนสวุ รรณารามวทิ ยาคม

84

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 14
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี…2…กระบวนการเปลีย่ นแปลงลมฟ้าอากาศ…….เรอ่ื ง……..ลมฟ้าอากาศรอบตวั .(ตอนที่ 7)....

รายวิชา……......วิทยาศาสตร…์ …..2.......รหสั วชิ า……......ว 21102 ..............ชนั้ มัธยมศึกษาปีท.่ี ...1.....
กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปกี ารศึกษา... 2563...ภาคเรียนท่ี..2...เวลา...5..ชว่ั โมง……
ผูส้ อน.........................นางสาวอโนชา...อทุ ุมสกลุ รตั น์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ดั /ผลการเรียนรู้ (รายวิชาพื้นฐานมีท้งั มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชี้วัด
รายวชิ าเพ่ิมเตมิ มีเฉพาะมาตรฐานการเรียนรแู้ ละผลการเรยี นรู้)

1.1 มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด
ว 3.2 ม.1/4-5

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด (หลอมจากตวั ช้ีวัดที่ใชใ้ นหน่วยการเรียนรู้นเี้ ขยี นเป็นแบบความเรยี ง)
มนุษย์ดำรงชีวติ อยู่ภายใต้บรรยากาศชน้ั โทรโพสเฟียรซ์ ่ึงเกิดสภาพลมฟ้าอากาศต่าง ๆ เช่น ลม เมฆ

ฝน ฟ้าแลบ ฟ้าร้ององคป์ ระกอบของลมฟา้ อากาศ
3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง/สาระการเรียนรู้เพม่ิ เติม (รายวิชาเพมิ่ เติม)

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
• การพยากรณอ์ ากาศเป็นการคาดการณล์ มฟา้ อากาศ ทีจ่ ะเกิดขนึ้ ในอนาคต โดยมีการตรวจวดั
องคป์ ระกอบลมฟา้ อากาศ การส่อื สารแลกเปล่ียนข้อมูลองค์ประกอบลมฟา้ อากาศระหว่างพืน้ ท่ี การวเิ คราะห์
ขอ้ มูลและสรา้ งคำพยากรณ์อากาศ
• การพยากรณอ์ ากาศสามารถนำมาใชป้ ระโยชนด์ า้ นตา่ ง ๆ เช่น การใชช้ วี ิตประจำวัน การคมนาคม
การเกษตร การป้องกัน และเฝ้าระวงั ภัยพิบัติ ทางธรรมชาติ
3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถ่นิ (ถา้ ในคำอธบิ ายรายวชิ าพดู ถงึ หลักสูตรท้องถิน่ ให้ใส่ลงไปดว้ ย

...............................................................-...........................................................................................

4. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายข้ันตอนการพยากรณ์อากาศ (K)
2. พยากรณ์อากาศอยา่ งง่ายจากข้อมลู องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ (P)

3. นำเสนอแนวทางการปฏบิ ัตติ นจากคำพยากรณ์อากาศ (P)

4. รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ความสัมพนั ธ์ระหว่างองคป์ ระกอบของลมฟ้าอากาศเพือ่ พยากรณ์

อากาศอย่างงา่ ย(P)

5. ตงั้ ใจเรยี นรแู้ ละแสวงหาความรู้ (A)

5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เลอื กเฉพาะข้อทเ่ี กดิ ในหนว่ ยการเรยี นรู้นี้)

 1. ความสามารถในการส่ือสาร  2. ความสามารถในการคดิ
 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา  4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (เลอื กเฉพาะข้อทเ่ี กิดในหน่วยการเรียนรู้น)้ี

 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  2. ซอื่ สตั ยส์ จุ รติ

 3. มีวนิ ัย  4. ใฝ่เรยี นรู้
 5. อย่อู ยา่ งพอเพยี ง  6. มุ่งมน่ั ในการทำงาน

85


Click to View FlipBook Version