44
ท่ีดินแปลงอ่ืนมาใชเปนหลักฐานในการออก น.ส. 3 ก. ประกอบกับ
ท่ี ดิ น อ ยู ใ น เ ข ต ป า ส ง ว น แ ห ง ช า ติ แ ล ะ เ ข ต ป า ไ ม ถ า ว ร ต า ม ม ติ
คณะรัฐมนตรี ซ่ึงเปนท่ีดินท่ีไมอาจออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรอง
การทําประโยชนได การท่ีรองอธิบดีกรมท่ีดินซ่ึงอธิบดีกรมท่ีดิน
มอบหมายไดดําเนินการตามขั้นตอนทไี่ ดก ําหนดไวในมาตรา 61 แหง
ประมวลกฎหมายท่ีดิน และมีคําส่ังใหเพิกถอน น.ส. 3 ก. ดังกลาว
จึงเปนคําส่งั ที่ชอบดว ยกฎหมาย (คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.
505/2554)
(2) การย่ืนคําขอออกโฉนดท่ีดินเปนการเฉพาะรายโดย
อาศยั หลักฐาน น.ส. 3 แมจ ะไดมีการดําเนินการตามขน้ั ตอนท่ีกําหนด
ในกฎกระทรวง ฉบับท่ี 5 (พ.ศ. 2497) ออกตามความใน
พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. 2497 แตหาก
ปรากฏขอเท็จจรงิ วา น.ส. 3 ที่นํามาขอรังวัดออกโฉนดที่ดินไมต รงตาม
ตาํ แหนงทด่ี ินท่ขี อออกโฉนดท่ดี ิน และผูยน่ื คาํ ขอมิไดมสี ทิ ธิครอบครอง
ที่ดนิ ซึ่งเปน การออกโฉนดทดี่ ินท่ีคลาดเคลอ่ื นและไมช อบดวยกฎหมาย
กรณียอมเปนอํานาจหนาท่ขี องอธิบดีกรมท่ีดินท่ีจะพิจารณาเพิกถอน
โฉนดทดี่ ินดังกลา วตามนัยมาตรา 61 วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมาย
ทด่ี ิน (คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.39/2555)
(3) การนําท่ีดินตามแบบแจงการครอบครอง (ส.ค. 1)
ของที่ดินแปลงอน่ื มาใชเปน หลักฐานเพอ่ื ขอออกหนังสอื รับรองการทํา
ประโยชน (น.ส. 3 ก.) ทับท่ีดินปาชายเลนท่ีทางราชการสงวนไวเพ่ือ
45
รักษาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศอนั เปนลักษณะตอ งหามมใิ หออก
หนงั สือแสดงสทิ ธใิ นท่ดี ิน กรณจี งึ ไมส ามารถออก น.ส. 3 ก. ใหได ท้งั น้ี
ตามมาตรา 59 วรรคหน่งึ แหง ประมวลกฎหมายทดี่ ิน ประกอบ ขอ 3.
ของกฎกระทรวง ฉบับท่ี 2 (พ.ศ. 2497) ออกตามความใน
พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. 2497 กับขอ 5
และขอ 8 ของกฎกระทรวง ฉบับท่ี 5 (พ.ศ. 2497) ออกตามความใน
พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. 2497 หากมีการ
ออก น.ส. 3 ก. ในลักษณะตอ งหามเชนน้ี ผูมชี ่ือใน น.ส. 3 ก. ยอมไม
อาจกลาวอางวาตนมีสิทธิครอบครองโดยชอบดว ยกฎหมาย แมจ ะซื้อ
มาโดยสจุ ริตและเสยี คาตอบแทนหรือครอบครองทําประโยชนมาตลอด
ก็ตาม ดังนั้น เม่ือปรากฏวาอธิบดีกรมท่ีดินดําเนินการเพ่ือเพิกถอน
น.ส. 3 ก. ดงั กลา วโดยชอบดวยมาตรา 61 แหง ประมวลกฎหมายทดี่ ิน
แลว คําส่ังของอธิบดีกรมท่ดี นิ ท่ีใหเ พิกถอน น.ส. 3 ก. ฉบับพิพาทยอม
เปนคําส่ังท่ีชอบดวยกฎหมาย (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.
420/2558)
(4) ท่ีดินท่ีทางราชการไดหวงหามไวใชประโยชนเปนท่ีตั้ง
ของหนว ยทหารถอื เปนทส่ี าธารณสมบัติของแผนดนิ ประเภททรัพยสิน
ท่ีใชเพื่อประโยชนของแผนดินโดยเฉพาะ แมภายหลังจะมีการเปล่ียน
ทิศทางการไหลของแมน้ําตามธรรมชาติทําใหนํ้ากัดเซาะทดี่ ินจนพืน้ ดิน
บริเวณน้ันขาดแยกจากกัน ท่ีดนิ สวนท่แี ยกออกก็ยังคงมีสถานะเปนที่
สาธารณสมบัติของแผนดินประเภททรัพยสินท่ีใชเพ่ือประโยชนของ
46
แผนดินโดยเฉพาะอยูเชนเดิมและยังคงเปนท่ีดินท่ีทางราชการไดหวง
หามไวเพ่ือประโยชนของทางราชการทหารตอไปซ่ึงตองหามมิใหออก
หนงั สือแสดงสิทธใิ นท่ดี นิ การออกโฉนดที่ดินท่ที บั ท่ีสาธารณสมบัติของ
แผนดินดังกลาวยอมเปนการออกโดยคลาดเคล่ือนหรือไมชอบดวย
กฎหมาย ดังนั้น การทอ่ี ธิบดีกรมที่ดนิ หรอื รองอธบิ ดีซ่ึงไดรับมอบหมาย
จากอธิบดีกรมท่ีดินดําเนินการตามความในมาตรา 61 แหงประมวล
กฎหมายที่ดนิ และกฎกระทรวงทเ่ี กย่ี วของแลวมีคําส่ังใหแกไ ขรูปแผน
ทแี่ ละเน้อื ที่ในโฉนดทีด่ ินท่ีออกโดยคลาดเคล่ือนดังกลาว ตลอดจนแกไข
เอกสารหลักฐานท่ีเก่ียวของทั้งหมด จึงเปนการใชดุลพินิจในการออก
คําส่ังทางปกครองท่ีเปนไปตามขอเท็จจริงและขอกฎหมายแลว
(คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ. 877/2558)
(5) เจา พนักงานที่ดนิ จะตอ งใชค วามระมัดระวังอยางย่ิงตาม
วิสัยและพฤติการณข องผูมอี ํานาจหนาท่ใี นการออกหนงั สอื แสดงสิทธิ
ในท่ีดิน การท่ีเจาพนักงานท่ีดินออกหนังสือรับรองการทําประโยชน
(น.ส. 3 ก.) โดยไมไดตรวจสอบขอเทจ็ จริงใหไดความเปนท่ียุตวิ า ท่ีดิน
ตามแบบแจงการครอบครอง (ส.ค. 1) ท่ีนํามาใชเปนหลักฐานในการ
ออก น.ส. 3 ก. เปนท่ีดินแปลงเดียวกันหรือมีตําแหนงท่ีต้ังถูกตอง
ตรงกันหรอื ไมด านขา งเคียงของทีด่ ินมคี วามสัมพนั ธกันหรือไม อยางไร
สภาพที่ดินและการทาํ ประโยชนในท่ีดินเปนอยางไรและเปนทด่ี ินทพี่ ึง
ออกเอกสารสิทธิใหไดหรือไม ทําใหมีการออก น.ส. 3 ก. ทับท่ีดินท่ี
47
ตั้งอยูในเขตอุทยานแหงชาติซ่ึงทางราชการสงวนไวเพ่ือรักษา
ทรัพยากรธรรมชาติ สงผลให น.ส. 3 ก. ดังกลาวตองถูกเพิกถอน
ในภายหลัง พฤติการณเชนน้ีถือไดวาเจาพนักงานท่ีดินกระทําการ
โดยประมาทเลินเลอในการออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน ซ่ึงความ
เสียหายของผูซื้อท่ีดินตาม น.ส. 3 ก. ท่ีไมอาจอางการไดมาซ่ึงสิทธิ
ครอบครองในท่ีดนิ โดยทางนติ กิ รรมและจดทะเบียนเปนผลโดยตรงจาก
การกระทําของเจาพนักงานท่ีดิน กรมท่ีดินจึงตองรับผิดชอบชดใช
คาเสียหายจากการกระทําละเมิดดังกลาว (คําพิพากษาศาลปกครอง
สูงสดุ ท่ี อ. 963/2558)
(6) การออกโฉนดท่ีดินเปนการใชอํานาจออกคําส่ังทาง
ปกครองตามมาตรา 5 แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง พ.ศ.2539 เจา พนักงานท่ีดินจึงมีอํานาจตรวจสอบและ
แสวงหาขอเท็จจริงท่ีเก่ียวของไดตามความเหมาะสมในเร่ืองน้ัน โดย
ไมจําตองผูกพันอยูกับคําขอหรือพยานหลักฐานของคูกรณีเพียง
อยางเดยี ว ทัง้ นี้ ตามมาตรา 28 และมาตรา 29 แหงพระราชบัญญัติ
เดียวกนั ซ่ึงนอกจากจะตองตรวจสอบตาํ แหนงแนวเขตที่ดินท่ีขอออก
โฉนดท่ีดินและแจงใหเจาของท่ีดินขางเคียงมาระวังแนวเขตท่ีดินแลว
ยังตองตรวจสอบระวางแผนท่ีท่ีดินดังกลาวดวยความรอบคอบวา
ทบั ซอนกบั ทดี่ ินแปลงอืน่ หรือไมอ กี ดว ย ดงั นั้น การทีเ่ จาพนักงานที่ดิน
ออกโฉนดท่ีดินโดยมิไดนํารูปแผนท่ีท่ีไดจากการรังวัดออกโฉนดท่ีดิน
48
ลงในระวางแผนท่ีเพ่ือตรวจสอบตําแหนงท่ีต้ังของท่ีดินท่ีขอออก
โฉนดท่ีดินวามีเน้ือท่ีทับซอนกับท่ีดินแปลงอ่ืนหรือไม ทําใหการออก
โฉนดที่ดินดังกลาวเกิดความคลาดเคล่ือนไปทับซอนกบั ท่ดี ินทม่ี ีบุคคล
อ่ืนถือกรรมสิทธิ์ ซ่ึงตอมาอธิบดีกรมท่ีดินไดอาศัยอํานาจตามมาตรา
61 แหง ประมวลกฎหมายทด่ี นิ แลว มีคาํ สง่ั ใหแกไ ขรูปแผนทแ่ี ละเนอ้ื ที่
ในโฉนดท่ีดินท่ีออกโดยคลาดเคล่ือนดังกลาวใหมีเนื้อท่ีลดลงตรง
ตามความเปนจริง กรณีจึงถือไดวาเจาพนักงานท่ีดินกระทําการโดย
ประมาทเลินเลอในการออกโฉนดท่ีดินสงผลใหผูซ้ือท่ีดินดังกลาวโดย
สุจริตไดร ับความเสียหาย กรมท่ีดินจึงตอ งรับผิดในผลแหงการกระทํา
ละเมิดดงั กลาว (คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ. 175/2559)
(7) การพิจารณาวาท่ีดินจะเปนท่ีสาธารณประโยชน
หรอื ไมนั้น จะตอ งพิจารณาตามสภาพของที่ดินวาเปนทรัพยสินใชหรือ
สงวนไวเพ่ือประโยชนรวมกันหรือไม โดยไมจํากัดวาจะตองมีการขึ้น
ทะเบียนเปนท่ีสาธารณประโยชน เพราะท่ีสาธารณประโยชนเกิดจาก
การเขาใชประโยชนรวมกันและสภาพของตัวทรัพยเอง โดยกฎหมาย
มิไดบังคับวาจะตองข้ึนทะเบียนไวแตอยางใด ดังนั้น เม่ือขอเท็จจริง
ปรากฏตามบันทึกการตรวจสอบของทางอําเภอซ่ึงมกี ารใหถอยคําของ
พยานในทํานองเดียวกันวา ท่ีดินตามหลักฐานใบจองท่ีมีการนํามาขอ
ออกโฉนดท่ีดินเปนท่ีสาธารณประโยชนท่ีราษฎรในหมูบานใชเปนท่ี
เลี้ยงสัตว (วัว ควาย) มาต้งั แตโบราณ ประกอบกบั มปี ระชาชนในพน้ื ท่ี
รวมกันคัดคานวาเปนท่ีสาธารณประโยชน กรณียอมฟงไดวาท่ีดิน
49
ดงั กลาวเปน ทสี่ าธารณสมบัตขิ องแผนดนิ สําหรับพลเมอื งใชร วมกนั ตาม
มาตรา 1304 (2) แหง ประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย ดงั นั้น เมือ่ มี
การออกใบจองทบั ทสี่ าธารณประโยชนดังกลา วยอมเปนการออกใบจอง
ท่ีไมชอบดวยระเบยี บวาดว ยจดั ทด่ี ินเพอ่ื ประชาชน หมวด 2 และไมอ ยู
ในหลักเกณฑท่ีจะออกโฉนดท่ีดินตามขอ 14 (1) ของกฎกระทรวง
ฉบับท่ี 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใช
ประมวลกฎหมายท่ดี ิน พ.ศ. 2497 การที่เจาพนักงานทีด่ ินออกคําส่ัง
เพิกถอนใบจองดังกลาว และยกเลกิ คําขอออกโฉนดท่ีดนิ ขางตน จึงเปน
การกระทําทชี่ อบดวยกฎหมายแลว (คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุด
ท่ี อ.15/2560)
(8) กรณีท่ีผูซื้อท่ีดินเปนผูประกอบธุรกิจซ่ึงตองทราบดี
อยูแลววาท่ีดิน น.ส. 3 ก. ท่ีตนซื้อมีเพียงสิทธิครอบครอง รวมท้ัง
มีลักษณะภูมปิ ระเทศเปน ภูเขาและปาดงดิบ อนั มโี อกาสท่ีจะเปนพน้ื ที่
เขตปาสงวนแหงชาติท่ีไมสามารถออกเอกสารสิทธิใด ๆ ได ผูซ้ือยอม
สมควรตอ งตรวจสอบท่ีดินดงั กลา วกอนดําเนินการซ้ือ เม่ือไมป รากฏวา
ผูซื้อไดตรวจสอบสภาพท่ีดินวามีการครอบครองและทําประโยชนใน
ทดี่ ินดังกลาวจริงทั้งแปลง ถือเปนความประมาทเลินเลออยางรายแรง
ของผูซอ้ื เอง ดังน้ัน การท่ีอธิบดีกรมท่ีดินอาศัยอํานาจตามมาตรา 61
แหงประมวลกฎหมายที่ดนิ มีคําส่ังแกไข น.ส. 3 ก. ดังกลา ว เพ่ือให
รูปแผนท่ีและเน้ือท่ีตรงตามท่ีไดมีการครอบครองทําประโยชนจริง
ทาํ ใหผูซ้ือไดร ับความเสียหายจากการท่ี น.ส. 3 ก. มเี นอ้ื ท่ีลดลง ผูซ้ือ
50
จึงไมอาจอางความสุจริตในการซื้อท่ีดิน และไมอาจอางความเช่ือ
โดยสุจริตในความคงอยูของคําส่ังสําหรับท่ีดิน น.ส. 3 ก. ดังกลาว
ตามมาตรา 52 แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. 2539 กรมท่ีดินจึงไมตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
ความเสียหายใหแกผ ูซ้ือ รวมท้ังไมตองรับผดิ ชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูรับจํานอง ท่ีขอเท็จจริงรับฟงไดวารูอยูแลววาท่ีดินท่ีตน
รับจํานองไวอาจถูกเพิกถอนหรือแกไข น.ส. 3 ก. ในภายหลัง
(คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.1258/2560)
51
5. การดูแลรักษาท่ีดินอนั เปนสาธารณสมบตั ขิ อง
แผนดนิ
5.1 การกอสรางอาคารปดก้นั ทางสาธารณประโยชน
จากบทบัญญตั มิ าตรา 55 วรรคสาม มาตรา 57 วรรคหนึ่ง
และวรรคสอง และมาตรา 59 วรรคหน่ึง และวรรคสอง แหง
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. 2542 ประกอบกับขอ 5 วรรคหน่งึ ขอ 50 ขอ 64 และขอ 65
ของระเบียบของทป่ี ระชมุ ใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธี
พิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543 แสดงใหเห็นวา การแสวงหา
ขอเท็จจริงของศาลปกครองนั้นใชระบบไตสวน โดยใหศาลเปน
ผูดําเนินการในเร่ืองดังกลาวเพื่อใหไดขอเท็จจริงท่ีแทจริงในคดีท่ีจะ
นํามาพิจารณาวินิจฉัยและเมื่อไดขอเท็จจริงมาแลว หากศาลเห็นวา
ขอเท็จจริงที่ไดมาน้ันเพียงพอท่ีจะรับฟงเปนท่ียุติในการวินิจฉัย
ยอมเปนดลุ พินิจของศาลวาจะรับฟงขอ เท็จจริงน้ันไปในทางใด เมื่อบึง
พิพาทเปนสาธารณสมบัติของแผนดินสําหรับพลเมืองใชรวมกันตาม
มาตรา 1304 (2) แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย แมจะ
ตื้นเขินและไมไดใชเปนท่ีกักเก็บนํ้าและเปนที่เล้ียงสัตวอีกตอไป
แตตราบใดที่ยังไมมีการถอนสภาพตามมาตรา 8 วรรคสอง (1) แหง
ประมวลกฎหมายท่ดี นิ บงึ พิพาทก็ยงั คงเปน สาธารณสมบัติของแผนดนิ
สําหรับพลเมอื งใชประโยชนรวมกนั เชนเดมิ การท่ีประชาชนใชท่ดี ินบึง
52
พิพาทซ่ึงต้ืนเขินเปนทางเขาออกสูถนนสาธารณประโยชนไมวาจะใช
เปนเวลานานเพียงใด หรือมีจํานวนประชาชนใชมากนอยเทาใด
บึงพิพาทสวนที่ประชาชนใชเปนทางสัญจรก็คงมีสภาพเปนทาง
สาธารณประโยชนอนั เปน สาธารณสมบตั ขิ องแผน ดนิ สาํ หรับพลเมอื งใช
รวมกันเชนเดียวกัน ซ่งึ อยูในอํานาจหนาท่ขี องผูอาํ นวยการเขตจะตอง
ดูแลรักษาและคุมครองปองกันมิใหผ ูใ ดบุกรุกหรือเขาไปครอบครองโดย
ไมชอบดวยกฎหมาย ตลอดจนดูแลใหประชาชนไดใชใหตรงตาม
วัตถุประสงคของสภาพการใชประโยชนของประชาชน การท่ี
กรุงเทพมหานครนําที่ดินบึงพิพาทไปกอสรางอาคารท่ีทําการสํานักงาน
เขตและสรางร้ัวปดก้ันทางพิพาทซึ่งเปนทางสาธารณประโยชน
ท่ีประชาชนใชประโยชนร วมกันอยู จึงเปนการกระทําที่ไมถูกตอ งตาม
กฎหมาย และการที่ผูอํานวยการเขตซึ่งมีอํานาจหนาที่ดูแลรักษาทาง
สาธารณประโยชน มิไดดําเนินการใด ๆ เพื่อใหประชาชนไดใชทาง
พิพาทซึ่งเปนทางสาธารณประโยชน จึงเปนการละเลยตอหนาทตี่ ามที่
กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติตามมาตรา 9 วรรคหน่ึง (2) แหง
พระราชบัญญัตจิ ัดตั้งศาลปกครองฯ เม่ือขอเท็จจริงรับฟงเปน ที่ยุติวา
มีทางสาธารณประโยชนซึง่ เปนทางรถยนตทป่ี ระชาชนใชสัญจรสูถนน
สาธารณะอยูในบริเวณบึงที่พิพาท การที่กรุงเทพมหานครนําบึงท่ี
พิพาทไปกอสรา งอาคารสาํ นกั งานเขตกช็ อบทีจ่ ะกันทางพิพาทออกจาก
แนวเขตท่ีจะสรางรั้วสํานักงานเพื่อใหประชาชนใชประโยชนไดดังเดิม
53
หรือสรางใหมทดแทนทางเดิมใหมีความสะดวกไมนอยกวาเดิม
การสรางเพียงสะพานทางเดิน ค.ส.ล. ยังไมสะดวกและไมอาจทดแทน
ทางสาธารณประโยชนเดิมได และเม่ือเปรียบเทียบประโยชนของการ
เปดทางพิพาทตลอดแนวบึงเพ่ือใหประชาชนท่ีอาศัยอยูดานหลังบึง
พิพาทสามารถใชประโยชนทางพิพาทไดเปนจํานวนมาก กับภาระ
คา ใชจายในการรื้อถอนรัว้ สิ่งปลูกสรางและยายอุปกรณต าง ๆ รวมท้งั
ตองกอสรางร้ัวข้ึนใหมถือไดวาเหมาะสมและไมเปนการเสียหายเกิน
ความจําเปน ท้งั เปน ประโยชนต อ ประชาชนโดยสวนรวม อนั เปนอาํ นาจ
หนาท่ีของผูอํานวยการเขตและกรุงเทพมหานครตามมาตรา 89 (6)
แหงพระราชบัญญตั ริ ะเบียบบรหิ ารราชการกรงุ เทพมหานคร พ.ศ. 2528
ท่ีมีอํานาจหนาที่จัดใหมีและบํารุงรักษาทางบก และยังเปนอํานาจ
หนา ท่ีโดยตรงของผูอํานายการเขตท่ีจะดูแลรักษาและคมุ ครองปองกัน
ทางพิพาทซึ่งเปนทางสาธารณประโยชน (คําพิพากษาศาลปกครอง
สงู สุดที่ อ. 111/2547)
5.2 การออกคําส่งั ใหผ ูบกุ รุกร้ือถอนหรือทําลายสิ่งปลูกสราง
ออกจากท่ดี นิ ของรัฐ
(1) หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐซ่ึงมี
อาํ นาจหนาท่ีตามกฎหมายในการดแู ลรักษาที่ดนิ ของรัฐยอ มชอบท่ีจะ
ออกคําส่ังใหผูบุกรุกรื้อถอนหรือทําลายสิ่งปลูกสรางออกจากทดี่ ินของ
รฐั ได ผูท ีไ่ ดรบั ผลกระทบกระเทือนจากคําสัง่ ดงั กลาว จึงไมอ าจอา งเหตุ
54
ท่ียังมีผูบุกรุกบางรายไมไดรับคําส่ังใหร้ือถอนวาเปนการเลือกปฏิบัติ
ตอตนโดยไมเปนธรรมได เพราะการอางหลักแหงความเสมอภาค
เพื่อเรียกรองใหหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐปฏิบัติ
ตอตนเปนอยางเดียวกันยอ มทําไดเฉพาะเพอื่ ใหปฏิบัตใิ นส่ิงท่ีชอบดว ย
กฎหมายเทานั้น (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.160 -
อ.197/2551)
(2) หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐจะออก
คําส่ังทางปกครองท่ีมีผลกระทบกระเทือนตอสถานภาพของสิทธิหรือ
หนาที่ของบุคคลไดตอเม่ือมีกฎหมายบัญญัติใหอํานาจไวโดยชัดแจง
จะออกคําส่ังดังกลาวโดยอาศัยเพียงอํานาจทั่วไปไมได เมื่ออํานาจ
หนาทข่ี ององคก ารบรหิ ารสวนตําบลในการคุมครองดแู ลรกั ษาทรพั ยสิน
อันเปนสาธารณสมบัติของแผนดินเปนเพียงอํานาจทั่วไป และไมมี
บทบัญญัติใดใหอํานาจองคการบริหารสวนตําบลออกคําส่ังใหเอกชน
รอื้ ถอนสิ่งปลกู สรางใด ๆ ออกจากทีส่ าธารณสมบัติของแผนดนิ ไวอยาง
ชัดแจง องคการบริหารสวนตําบลจึงไมมีอํานาจออกคําส่ังใหเอกชน
รื้ อ ถ อ น สิ่ ง ก อ ส ร า ง อ อ ก จ า ก ที่ ส า ธ า ร ณ ส ม บั ติ ข อ ง แ ผ น ดิ น ไ ด
(คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.145/2552)
(3) องคกรปกครองสวนทองถิ่นและนายอําเภอทองที่มี
อํานาจหนาที่ในการดูแลรักษาและดําเนินการคุมครองปองกันที่ดินที่
ประชาชนใชป ระโยชนรวมกัน แมจะปรากฏวา หนวยงานทางปกครอง
หรือเจาหนาที่ของรัฐดังกลาวเคยมีหนังสือแจงใหผูบุกรุกรื้อถอน
55
ส่ิงปลูกสรางออกไปจากท่ีดินที่บุกรุกแลว แตก็ไมปรากฏวาบุคคล
ดังกลาวไมดําเนินการตามคําส่ัง และไมปรากฏวาหนวยงาน
ทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐดังกลาวไดดําเนินการอยางใด ๆ
ตามกฎหมายเพ่ือใหการบุกรุกรั้นหมดส้ินไป กรณีถือไดวาหนวยงาน
ทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐน้ันละเลยตอหนาท่ีตามที่กฎหมาย
กําหนดใหตองปฏิบัติ (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.
321/2553)
5.3 การเปล่ยี นสภาพการใชป ระโยชนท่ีดินอนั เปนสาธารณสมบัติ
ของแผน ดนิ สาํ หรบั พลเมืองใชรว มกนั
(1) การท่ีองคการบริหารสวนจังหวัดดําเนินโครงการ
กอสรางฝายน้ําลนคอนกรีตเสริมเหล็กและขุดลอกลําหวยหนาฝาย
ในท่ีดิน ซึ่งเดิมเปนทางสาธารณประโยชน อันเปนการเปล่ียนสภาพ
ทด่ี ินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดินสําหรับพลเมืองใชรวมกนั จาก
การใชเ พ่อื สาธารณประโยชนอยา งหนึ่ง เปนการใชเพื่อสาธารณประโยชน
อีกอยางหน่ึง โดยไมปรากฏวาไดดําเนินการตามแนวทางปฏิบัติท่ี
กาํ หนดไวในระเบียบกระทรวงมหาดไทยวาดวยการเปลี่ยนสภาพทีด่ ิน
อนั เปน สาธารณสมบตั ขิ องแผน ดนิ สําหรบั พลเมืองใชรวมกัน จากการใช
เพอ่ื สาธารณประโยชนอ ยางหน่งึ เปน อีกอยางหน่ึง พ.ศ. 2543 ถือเปน
การกระทําที่ไมถูกตองตามขั้นตอนหรือวิธีการอันเปนสาระสําคัญที่
กฎหมายกําหนด อนั เปนการกระทําท่ีไมชอบดว ยกฎหมาย แตความไม
ชอบดวยกฎหมายดังกลาวถือเปนกรณีท่ีสามารถแกไขไดดวยการ
56
ดํ า เ นิ น กา ร ใ ห เ ป น ไ ป ต า ม แ น ว ท า ง ป ฏิ บั ติ ท่ี กํ า ห น ด ใ น ร ะ เ บี ย บ
กระทรวงมหาดไทยขางตน (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.
154/2552)
(2) การท่หี นวยงานทางปกครองจะใชป ระโยชนใ นท่ีดินอัน
เปนสาธารณสมบัติของแผนดินสําหรับพลเมืองใชรวมกัน แมจะมี
ลกั ษณะเปน การใชทีด่ ินของรัฐเพ่ือประโยชนในราชการ หนวยงานทาง
ป ก ค ร อ ง ดั ง ก ล า ว จ ะ ต อ ง ป ฏิ บั ติ ต า ม ห ลั ก เ ก ณ ฑ แ ล ะ วิ ธี ก า ร ท่ี
กระทรวงมหาดไทยกําหนดและตอ งไดร ับกาอนุมัตจิ ากรัฐมนตรีวาการ
กระทรวงมหาดไทยกอน และในกรณีท่ีเปนการเปล่ียนสภาพการใช
ประโยชนท่ีดินจากการใชประโยชนอยางหน่ึงเปนอีกอยางหนึ่งก็ตอง
ดาํ เนนิ การตามหลกั เกณฑและวิธกี ารท่กี ระทรวงมหาดไทยกําหนดดว ย
มิฉะนั้น การดําเนินการดังกลาวยอมไมชอบดวยกฎหมาย
(คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.123/2553)
5.4 การขนึ้ ทะเบียนทดี่ นิ เพอ่ื ใหท บวงการเมืองใชป ระโยชน
โดยไมช อบดว ยกฎหมาย
แบบแจงการครอบครองท่ีดิน (ส.ค. 1) เปนเอกสารท่ี
ผคู รอบครองที่ดินทํายื่นตอพนกั งานเจาหนาทเ่ี พือ่ แสดงวามีที่ดนิ อยูใน
ความครอบครองของตนกอนวันท่ีประมวลกฎหมายท่ีดินใชบังคับ
การท่ีกํานันหรือผูใหญบานลงช่ือทายแบบแจงการครอบครองท่ีดิน
ก็เปนแตเพียงพยานเพื่อประโยชนในการตรวจสอบเบ้ืองตนของ
พนักงานเจาหนาที่ผูรับแจงเทานั้น ดังนั้น เมื่อปรากฏวานายอําเภอ
57
ไดรับแจงการครอบครองท่ีดินและพนักงานเจาหนาที่ไดลงช่ือรับแจง
การครอบครองดังกลาวในแบบ ส.ค. 1 แมจะไมมีการลงช่ือกํานันหรือ
ผูใหญบานรับรองเปนพยานก็หามีผลให ส.ค. 1 ดังกลาวไมชอบดวย
กฎหมายแตอ ยา งใด (คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.57/2553)
5.5 การดําเนินการกับผูบุกรุกท่ีดินอันเปนสาธารณสมบัติ
ของแผน ดนิ
(1) นโยบายจดั สรรท่ดี นิ ทาํ กินและท่อี ยูอ าศัยใหกบั ราษฎร
ผูเขาไปบุกรุกถือครองทดี่ ินของรัฐซึง่ ไดจดทะเบียนขอความชวยเหลือ
จากรัฐบาลเพื่อแกไขปญหาความยากจนมิไดเปนกฎหมายท่ีจะมีผล
ยกเวนใหผูปกครองทองท่ีมิตองปฏิบัติตามกฎหมาย การปลอยใหมี
ราษฎรบุกรุกท่ีสาธารณประโยชนและชะลอการดําเนินการใหผูบุกรุก
ออกไปจากท่ีสาธารณประโยชนโดยอางนโยบายดังกลาว จึงเปนการ
ละเลยตอ หนาท่ตี ามทกี่ ฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติหรอื ปฏิบัติหนาที่
ดังกลาวลาชาเกินสมควร (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.
338/2554)
(2) อาคารของราษฎรท่ีไดปลูกสรางลวงลํ้านานน้ําไทย
โดยไมปรากฏหลักฐานวาไดรับอนุญาตใหปลกู สรางอาคารจากเจาทา
ยอมเปนการปลูกสรางหรือซอมแซมอาคารที่ฝาฝนบทบัญญัติแหง
กฎหมายวาดวยการเดินเรือในนานน้ําไทย เม่ือเจาทาแจงใหราษฎร
ดังกลาวรื้อถอนอาคารออกไปภายในเวลาท่ีกําหนดแลว แตราษฎร
ไมปฏบิ ัติตาม เจา ทา กช็ อบที่จะนําคดมี าฟอ งขอใหศาลปกครองมีคําสั่ง
58
ใหราษฎรรื้อถอนอาคารดังกลาวไดตามมาตรา 118 ทวิ แหง
พระราชบัญญัติการเดินเรือในนานนํ้าไทย พระพุทธศักราช 2456
กรณีนี้เมอ่ื ปรากฏขอ เท็จจริงวาราษฎรรายน้ันเคยถกู ศาลอาญาลงโทษ
ปรับในความผิดฐานปลูกสรางอาคารดังกลาวลวงล้ํานานนํ้านานไทย
มาแลว ศาลปกครองยอมตองรับฟงขอเท็จจริงตามคําพิพากษา
ศาลอาญาวาอาคารดังกลาวลวงลํ้านานนํ้าไทย (คําพิพากษา
ศาลปกครองสูงสุด ท่ี อ.444/2554)
(3) กรณีท่ีราษฎรสรางเข่ือนเรียงหินย่ืนเกินจากแนวเขต
ท่ีดินเขา ไปในชายหาดของทะเลในลักษณะที่ไมอ าจจะอนุญาตใหปลูก
สรางไดตามขอ 4 (5) ข. ของกฎกระทรวง ฉบับท่ี 63 (พ.ศ. 2537)
อ อ ก ต า ม ค ว า ม ใ น พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ก า ร เ ดิ น เ รื อ ใ น น า น นํ้ า ไ ท ย
พระพุทธศักราช 2456 หนวยงานหรือเจาหนาที่ท่ีเก่ียวของยอม
ไมอ าจออกใบอนญุ าตใหไ ด แมเ จา ของสิง่ ปลกู สรางจะยอมชาํ ระคา ปรับ
ตามมาตรา 118 และมาตรา 118 ทวิ วรรคหา แหงพระราชบัญญัติ
การเดินเรือในนานน้ําไทย พระพุทธศักราช 2456 เน่ืองจากไดยื่น
คําขออนุญาตเกินกวาหนึ่งปนับแตวันที่กฎกระทรวงน้ีใชบังคับแลวก็
ไมอาจสั่งใหแกไขสิ่งปลูกสรางแทนการร้ือถอนได (คําพิพากษา
ศาลปกครองสูงสุดที่ อ.547/2554)
(4) ในกรณีที่มีราษฎรรองเรียนวามีการออกโฉนดท่ีดิน
ทบั ทสี่ าธารณประโยชนแ ละปรากฏวาผูมีอํานาจหนา ที่ในการดแู ลรักษา
และคุมครองปองกันท่ีสาธารณประโยชนไดดําเนินการตรวจสอบ
59
แนวเขตที่ดนิ เพ่อื แกไ ขปญ หาตามขอ รองเรียนมาโดยตลอดยอ มถอื ไมได
ว า ผู มี อํ า น า จ ห น า ท่ี ดั ง ก ล า ว ล ะ เ ล ย ต อห น า ที่ ใ น ก า ร ดู แ ล รั ก ษ า
ท่ีสาธารณประโยชนตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ และเม่ือ
ขอเท็จจริงเปนที่ยุ ติว า มิใช เปนการออกโฉนดที่ดินทับท่ี
สาธารณประโยชนต ามขอ กลาวหา กรณยี อมไมม ีเหตุที่จะตอ งเพิกถอน
โฉนดที่ดินนัน้ (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.686/2554)
(5) ราษฎรเจาของอาคารบานพกั อาศยั ทีป่ ลูกสรางลวงล้ํา
ลํานํ้าซง่ึ อาจเสียคาปรับอยางสูงตามกฎหมาย มีสิทธิย่ืนคาํ ขออนุญาต
ปลูกสรางอาคารหรือสิ่งอ่ืนใดลวงลํ้าลํานํ้าตอเจาทาเปนการเฉพาะ
รายไดตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 63 (พ.ศ. 2537) ออกตามความใน
พระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทย พระพุทธศักราช 2456
แตการย่ืนคําขอจะตองกระทําภายในกําหนดเวลาหน่ึงปนับแตวันท่ี
กฎกระทรวงใชบังคับ การท่ีราษฎรเจาของส่ิงปลูกสรางมิไดยื่นคําขอ
ภายในหน่งึ ปนบั แตว นั ดังกลา ว ยอมเปน กรณที ไี่ มอาจยนื่ คําขออนุญาต
ใหถกู ตองไดแลว เม่ือปรากฏวามกี ารปลูกสรางอาคารลวงลํ้าลํานํ้าจริง
เจาของจึงตองร้ือถอนสิ่งปลูกสรางของตนออกจากลํานํ้าดังกลาว
(คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.692/2554 และที่ อ.
693/2554 วนิ ิจฉยั แนวทางเดยี วกัน)
(6) การบุกรกุ เขาไปครอบครอง แผว ถางปา และกอสราง
ส่ิงปลูกสรางในบริเวณที่ดินเปนเขตอุทยานแหงชาติภายหลังจากมี
พระราชกฤษฎีกากําหนดใหที่ดินบริเวณดังกลาวอยูในเขตอุทยาน
60
แหงชาติแลว โดยไมไดรับการผอนผันใหอยูอาศัยในที่ดินดังกลาว
ตามมติคณะรัฐมนตรี ยอมเปนการกระทําความผิดตามมาตรา 16 (1)
(2) (13) แหงพระราชบญั ญัติอทุ ยานแหงชาติ พ.ศ. 2504 ประกอบ
มาตรา 54 แหงพระราชบัญญัติปาไม พุทธศักราช 2484 หัวหนา
อุทยานแหงชาตซิ ่ึงเปน พนักงานเจาหนาทตี่ ามพระราชบัญญตั ิอทุ ยาน
แหงชาติฯ จึงชอบที่จะใชอํานาจตามมาตรา 22 แหงพระราชบัญญัติ
ดงั กลาว ออกคาํ ส่ังใหผูบุกรุกดําเนินการทาํ ลายหรือรื้อถอนสิ่งปลูกสราง
หรือส่ิงอื่นใดที่ผิดไปจากสภาพเดิมออกไปใหพนอุทยานแหงชาติได
(คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ. 448/2558)
(7) การนําท่ีดินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดิน
สําหรับพลเมืองใชรวมกัน ตามมาตรา 1304 (2) แหงประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชย ไปใชกอสรางอาคารรานคาชุมชน
หอกระจายขาว หรือศาลาประชาคมแมจะมีวัตถุประสงคเปนการ
ปลูกสรางเพ่ือใหราษฎรใชประโยชนรวมกัน อันเปนประโยชนแก
สวนรวม แตกห็ ามีผลใหองคการบริหารสวนตําบลหลุดพนจากหนาท่ี
ในการดูแลรักษาทรัพยสินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดินและ
คุมครองปองกันที่ดินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดินแตอยางใดไม
ดังน้ัน การที่องคการบริหารสวนตําบลมไิ ดดําเนนิ คดีตามกฎหมายกับ
ผูบุกรุกท่ีดินดังกลาวและมิไดดําเนินการเพื่อใหมีการขอใชประโยชน
ในที่ดินดังกลาวใหถูกตองตามกฎหมาย จึงเปนการละเลยตอหนาที่
61
ตามที่กฎหมายกาํ หนดใหต องปฏิบัติ (คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ
ท่ี อ. 798/2558)
(8) การที่จะพิจารณาวาที่ดินท่ีพังทลายลงในแมนํ้าตก
เปนสาธารณสมบัติของแผนดินหรือไม ตองพิจารณาถึงสภาพการใช
ประโยชนใ นพื้นทีด่ งั กลา วดว ย หากปรากฏวาเจาของหรือผูครอบครอง
ไดปลอยทิ้งใหเปนที่สําหรับพลเมืองใชรวมกันแลวท่ีดินสวนดังกลาว
ยอมมีสภาพเปนทรัพยสินสําหรับพลเมืองใชรวมกันอันเปนสาธารณ
สมบัติของแผนดินตามมาตรา 1304 (2) แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย แตหากเจาของยังคงใชสิทธิแหงความเปนเจาของ
คงครอบครองอาคารและทด่ี นิ นน้ั อยู มไิ ดท อดทง้ิ ใหกลายเปนทส่ี ําหรับ
พลเมืองใชรวมกันแลว ท่ีดินสวนน้ันยังหาเปนสาธารณสมบัติของ
แผนดนิ ไม ดังนั้น เมอ่ื ปรากฏวาเจา ของที่ดินยังคงใชสทิ ธิแหง ความเปน
เจาของโดยการหวงกันหรือสงวนสิทธิในการครอบครองที่ดินดังกลาว
ดว ยการกอ สรางพนังกันตลิ่งเพื่อปองกันมิใหนํ้ากัดเซาะ ยอมถอื ไมได
วาที่ดินสวนน้ันไดกลายสภาพเปนท่ีดินอันเปนสาธารณสมบัติของ
แผนดิน การที่หนว ยงานทางปกครองหรือเจาหนา ท่ขี องรัฐซึ่งมีหนาท่ี
ดูแลรักษาท่ีดินอนั เปนสาธารณสมบัติของแผนดินไมด ําเนินการเพ่ือให
มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสรางออกจากท่ีดินดังกลาว จึงไมเปนการละเลย
ตอหนาท่ีตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ (คําพิพากษา
ศาลปกครองสูงสุด ที่ อ. 124/2559)
62
(9) นายอําเภอทองที่มีอํานาจหนาท่ีรวมกับองคการ
บริหารสว นตาํ บลในการดแู ลรกั ษาทส่ี าธารณสมบัติของแผนดินสําหรับ
พลเมอื งใชป ระโยชนรว มกนั ตามพระราชบัญญัตลิ ักษณะปกครองทอ งท่ี
พระพทุ ธศักราช 2457 พระราชบัญญัติสภาตําบลและองคการบริหาร
สวนตําบล พ.ศ. 2537 ประกอบระเบียบกระทรวงมหาดไทย
ที่เกี่ยวของ รวมท้ังมีหนาที่กํากับดูแลการปฏิบัติหนาที่ขององคการ
บรหิ ารสว นตาํ บลตามทพี่ ระราชบัญญตั ิระเบยี บบริหารราชการแผนดนิ
พ.ศ. 2534 และพระราชบญั ญตั สิ ภาตําบลและองคก ารบรหิ ารสว นตําบล
พ.ศ. 2537 กาํ หนดไว การท่ีนายอาํ เภอทองท่ีดําเนินการกบั กรณที ่ีมี
การสรางสิ่งปลกู สรางรุกลํ้าที่สาธรณประโยชน เพียงประสานองคการ
บริหารสวนตําบลใหแจงผูบุกรุกร้ือถอนส่ิงปลูกสรางออกไปจากท่ี
สาธารณประโยชนเทานั้น และเม่ือมีผูบุกรุกไมร้ือถอนส่ิงปลูกสราง
ออกไป ก็ไมปรากฏวานายอําเภอทองท่ีและองคการบริหารสวนตําบล
ดําเนินการใด ๆ ใหมีการรื้อถอนส่ิงปลูกสรางดังกลาวออกไปจากท่ี
สาธารณประโยชน กรณียอมถือไดวานายอําเภอทองที่และองคการ
บริหารสวนตําบลละเลยตอ หนา ที่ในการดแู ลรักษาและคมุ ครองปองกัน
ทีด่ ินดังกลาวตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ และยังเปนกรณีที่
นายอําเภอทองที่ละเลยตอหนาท่ีในการกํากับดูแลการปฏิบัติหนาท่ี
ขององคการบริหารสวนตําบลอีกสวนหน่ึงดวย (คําพิพากษา
ศาลปกครองสูงสุด ท่ี อ. 134/2559)
63
(10) กรณีท่ีขอเท็จจริงรับฟงเปนท่ียุติวา ไดมีผูบุกรุก
ปลกู สรา งอาคารหรือปลูกปกสิ่งใด ๆ ลงในที่สาธารณประโยชนหรือรุก
ลํ้าเขาไปในท่ีสาธารณประโยชนซึ่งต้ังอยูในเขตเทศบาล เทศบาลใน
ฐานะองคกรปกครองสวนทองถ่ินผูมีอํานาจหนาท่ีในการดูแลรักษาท่ี
สาธารณประโยชนดังกลาวยอ มมหี นาที่ตองดําเนินการเพ่ือใหผูบุกรุก
ทําการรื้อถอนสิ่งปลูกสรางออกไปจากที่สาธารณประโยชน ตลอดจน
แจงความดาํ เนินคดีกับผูบุกรุก ทั้งนี้ ตามมาตรา 122 วรรคหน่ึง แหง
พระราชบัญญัติลักษณะปกครองทองท่ี พระพุทธศักราช 2457
ประกอบกับขอ 6 ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการดูแล
รักษาและคุมครองปองกันที่ดินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดิน
สําหรับพลเมืองใชรวมกัน พ.ศ. 2553 และหากผูบุกรุกยังไม
ดําเนินการร้ือถอนสิ่งปลูกสรางออกไป เทศบาลยังมหี นาทีต่ องรายงาน
ใหผูวาราชการจังหวัดทราบ เพื่อท่ีผูวาราชการจังหวัดจะไดใชอํานาจ
ตามขอ 1 ของประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับท่ี 44 ลงวันที่ 11
มกราคม 2502 สงใหผูบุกรุกรื้อถอนส่ิงปลูกสรางออกจากที่ดิน
ดังกลาวตอไป การที่เทศบาลมิไดรายงานใหผูวาราชการจังหวัดทราบ
ถือไดว าเปนการละเลยตอหนาที่ตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ
(คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.941/2561)
64
5.6 การถอนสภาพทีด่ นิ อนั เปนสาธารณสมบตั ขิ องแผน ดิน
สาํ หรับพลเมอื งใชรวมกัน
(1) การทีห่ นว ยราชการกอ สรางอาคารรุกล้ําเขาไปในทาง
สาธารณประโยชน ซึ่งเปนท่สี าธารณสมบตั ิของแผนดินประเภทพลเมอื ง
ใชรวมกนั โดยไมไดด ําเนินการเพิกถอนทดี่ ินดังกลาวจากการเปนที่สา
ธารณสมบัติของแผนดินตามประมวลกฎหมายท่ีดินและไมได
ดําเนินการขอใชท่ีดินตามหลักเกณฑวิธีการท่ีกําหนดไวในระเบียบ
กระทรวงมหาดไทยท่ีเก่ียวของ แมจะเปนการกระทําท่ีไมชอบดวย
กฎหมาย แตห ากการปรับสภาพทีด่ นิ กลบั คนื เปน ทางสาธารณประโยชน
จะกอ ใหเ กดิ ผลเสียตอ ประโยชนสาธารณะในแงของทรัพยากรที่ใชไปแลว
และทรัพยากรท่ีจะตองใชเพื่อทําใหทด่ี ินกลับคืนสูสภาพเดิม มากกวา
ผลประโยชนท่ีประชาชนจะไดรับ ศาลอาจมีคําบังคับใหหนวยงานที่
เก่ียวของไปดําเนินการใหถูกตองตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย
เสียกอน ทัง้ นี้ เพ่ือเปนการคุมครองประโยชนสาธารณะ (คําพพิ ากษา
ศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.59/2555)
(2) การที่เจาของที่ดนิ ยินยอมอทุ ศิ ท่ีดินของตนใหเปนทาง
สาธารณประโยชนโดยไมปรากฏวามีการบังคับขูเข็ญ ยอมมีผลทําให
ที่ดินดังกลาวตกเปนท่ีสาธารณสมบัติของแผนดินสําหรับพลเมืองใช
รวมกันตามมาตรา 1304 (2) แหงประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย
และสภาพความเปนสาธารณสมบัติของแผนดนิ ดังกลาวไมอาจสูญสิ้น
ไป เวนแตจะมีการถอนสภาพหรือโอนไปเพ่ือประโยชนอยางอื่นโดย
65
อาศัยอํานาจตามกฎหมายตามมาตรา 1305 แหงประมวลกฎหมาย
ฉบับเดียวกัน ประกอบกับมาตรา 8 วรรคสอง (1) แหงประมวล
กฎหมายที่ดิน ซึ่งในการดําเนินการถอนสภาพท่ีดินจากการเปนท่ีสา
ธารณสมบัติของแผนดินสําหรับพลเมืองใชรวมกัน ไมมีกฎหมายใด
กําหนดใหนายอําเภอทองท่ีเปนผูถอนสภาพที่ดินดังกลาว ดังน้ัน
เม่ือเจาของเดิมแสดงความประสงคจะขอท่ีดินดังกลาวคืนจาก
นายอําเภอทองท่ี แตนายอําเภอทองท่ีมิไดคืนให จึงไมถือเปนการ
ละเลยตอหนาท่ีตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ (คําพิพากษา
ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.855/2559)
(3) ที่ดินที่ไดข้ึนทะเบียนการหวงหามท่ีดินสาํ หรบั ใชเปน
ทําเลเลี้ยงสัตวพาหนะและตอมาไดมีการนํามาข้ึนทะเบียนเปนที่
สาธารณประโยชน จนกระทง่ั ไดมกี ารออกหนังสือสําคัญสําหรับทห่ี ลวง
(น.ส.ล.) ในภายหลัง ยอมเปนท่ีดินอันเปนสาธารณสมบัตขิ องแผนดิน
สําหรบั พลเมอื งใชรว มกนั ตามมาตรา 1304 (2) แหงประมวลกฎหมาย
แพงและพาณชิ ย มาตงั้ แตมกี ารหวงหามครง้ั แรก ซ่ึงเมื่อปรากฏวายงั ไม
มีการถอนสภาพการเปนสาธารณสมบัติของแผนดนิ ตามหลกั เกณฑแ ละ
วธิ ีการที่ประมวลกฎหมายทด่ี ินบญั ญัติไว ทดี่ นิ ดังกลาวก็ยงั คงมสี ถานะ
เปนท่ีดินอันเปนสาธารณสมบัตขิ องแผนดินอยูเชนเดิม แมตอมาจะมี
การตราพระราชกฤษฎีกากําหนดใหท่ีดินน้ันเปนเขตปฏิรูปท่ีดิน
แตหากไมปรากฏขอเทจ็ จริงอนั จะเขาเง่ือนไขตามมาตรา 26 วรรคหนึ่ง (1)
66
แหงพระราชบัญญัติการปฏิรูปท่ีดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518
พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ยอมไมมีผลเปนการถอนสภาพการเปน
สาธารณสมบัติของแผนดินของที่ดินขางตน ดังน้ัน การท่ีราษฎร
เขาครอบครองทําประโยชนในทด่ี ินดังกลาวโดยไมม ีเอกสารสิทธิไมว า
จะครอบครองเปนเวลานานเทาใด ก็ไมทําใหไดมาซึ่งสิทธิในท่ีดิน
เพราะไมอาจยกอายุความการครอบครองทําประโยชนขึ้นเปนขอตอสู
กับแผนดินในเรื่องทรัพยสินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดินไดตาม
มาตรา 1306 แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย (คําพิพากษา
ศาลปกครองสงู สุดที่ อ.123/2562)
5.7 การอนุญาตใหใชประโยชนในท่ีดินอันเปนสาธารณสมบัติ
ของแผนดินสาํ หรบั พลเมืองใชร ว มกนั
รัฐมีอํานาจหนาท่ีในการดูแลรักษาและคุมครองปองกัน
มิใหผูใดบุกรุกหรือเขาไปครอบครองสาธารณสมบัติของแผนดิน
ประเภทพลเมืองใชรวมกันโดยไมชอบดวยกฎหมาย ท้ังน้ี เพ่ือสงวน
รักษาไวใหประชาชนไดใชสอยรวมกัน แตขณะเดียวกันรัฐก็มีอํานาจ
ในการจัดการสาธารณสมบัติของแผนดินเพื่อใหเกิดประโยชนในทาง
เศรษฐกจิ หรอื สังคม กลาวคือ การทีร่ ัฐจะใหเอกชนเขาครอบครองหรือ
ทาํ ประโยชนในท่ีดินสาธารณสมบัติของแผนดิน ก็เปนเรื่องทส่ี ามารถ
กระทําได แตตองมกี ฎหมายใหอํานาจไวโดยเฉพาะ และไดม ีการปฏิบัติ
ใหถูกตองตามกฎหมายแลว และตองไมเปนการขัดขวางตอการท่ี
67
พลเมืองเคยใชประโยชนรวมกันจนเกินความจําเปน หรอื หากจะมีการ
กระทบกระเทือนตอ การใชตามปกติ กต็ องใหไดร ับประโยชนท ่ีเกื้อกูล
สอดคลองกัน และเมื่อรัฐไดใหเอกชนรายใดเขาครอบครองหรือ
ทําประโยชนในทส่ี าธารณสมบัตขิ องแผนดนิ แหงใดตามมาตรา 9 แหง
ประมวลกฎหมายที่ดนิ ประกอบกบั ระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดว ย
หลักเกณฑแ ละวิธีการเกย่ี วกบั การอนุญาตตามมาตรา 9 แหงประมวล
กฎหมายทีด่ นิ พ.ศ. 2543 แลว รฐั คงมเี พียงอํานาจหนาทใี่ นการตรวจ
ตราดแู ลการใชพน้ื ทข่ี องผูรับอนุญาตไมใ หมีการฝาฝนหรือใชพ้นื ทโี่ ดย
ผิดตามเงื่อนไขที่ไดรับอนุญาตไวเทาน้ัน รัฐไมอาจใชอํานาจในการ
ปฏิบัติหนาท่ีเพื่อคืนสภาพเดิมแกท่ีสาธารณสมบัติของแผนดิน
แหง นั้นอกี (คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.380/2552)
5.8 การดูแลรักษาท่ีปศุสัตวอันเปนสาธารณสมบัติ
ของแผน ดินสาํ หรบั พลเมืองใชรว มกนั
ท่ีดนิ ซึง่ ชาวบา นเขาใชประโยชนนําสัตวเขาไปเล้ียงและ
เขาไปหาของปาโดยเปนการเขาไปใชประโยชนเพื่อเลี้ยงสัตวรวมกัน
อยา งอสิ ระและกระทํามานานเปน ประจําทกุ ป ท่ีดินดงั กลาวยอมเปนท่ี
สาธารณ-สมบัติของแผนดินสําหรับพลเมืองใชรวมกันอันเกิดข้ึนและ
เปนอยูตามสภาพของทดี่ ินและจากการใชรว มกันของราษฎรมานานโดย
ไมตองมีประกาศพระราชกฤษฎีกาสงวนไว หรือขึ้นทะเบียน หรอื ทาง
ราชการประกาศกําหนดใหเปนที่สาธารณประโยชน ดังน้ัน แมทาง
68
ราชการจะไดกําหนดใหที่ดินดังกลาวเปนเขตปาสงวนแหงชาติ
กําหนดใหเปนพื้นที่ปาไมถาวร และกําหนดใหเปนพ้ืนที่จัดสรรหวย
นํ้าเลาหรือหวยคําเลา ก็หามีผลทําใหท่ีดินพิพาทเปลี่ยนแปลงไปจน
กลายเปนท่ีดินท่ีมิใชท่ีสาธารณสมบัติของแผนดินสําหรับพลเมืองใช
รวมกัน เพราะมติคณะรัฐมนตรีมีฐานะเปนเพียงคาํ ส่ังของฝายบรหิ าร
จึงไมอาจนํามาลบลางผลทางกฎหมายกับกรณีน้ีได (คําพิพากษา
ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.240/2553)
69
6. การจดทะเบยี นสิทธแิ ละนิติกรรม
6.1 การจดทะเบียนสทิ ธิและนติ ิกรรมโอนมรดกท่ีดิน
(1) การจดทะเบียนสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย
ซ่ึงไดมาโดยทางมรดกตามมาตรา 81 แหงประมวลกฎหมายที่ดิน
เปนการใชอํานาจตามกฎหมายของเจาหนาที่ท่ีมีผลเปนการสราง
นิติสัมพันธขึ้นระหวางบุคคลในอันที่จะกอ เปล่ียนแปลง โอน สงวน
ระงับ หรือมีผลกระทบตอสถานภาพของสิทธิหรือหนาที่ของบุคคล
จึงเปนคาํ ส่ังทางปกครองตามมาตรา 5 แหงพระราชบัญญัตวิ ิธีปฏบิ ัติ
ราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ซ่ึงการจดทะเบียนท่ีชอบดวย
กฎหมาย นอกจากจะตองดาํ เนินการถูกตอ งตามรูปแบบ ขน้ั ตอน และ
วิธีการอันเปนสาระสําคัญตามที่กําหนดไวในมาตราดังกลาว และ
กฎกระทรวง ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2516) ออกตามความใน
พระราชบัญญตั ใิ หใชประมวลกฎหมายทด่ี ิน พ.ศ. 2497 เรื่อง การขอ
จดทะเบียนสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยซ่ึงไดมาโดยทางมรดกแลว
สาระของการจดทะเบยี น คือ ขอเท็จจริงเก่ียวกับสทิ ธิในการรับมรดก
อสงั หาริมทรัพยท่ขี อจดทะเบียนกจ็ ะตอ งชอบดวยกฎหมายดวย ดงั น้ัน
เม่ือมหี ลักฐานแสดงวา ผฟู องคดเี ปน บตุ รของเจามรดก ยอ มมสี ทิ ธิไดร ับ
มรดกท่ีดินที่พิพาทดวย การท่ีทายาทผูขอจดทะเบียนยืนยันตอ
พนักงานเจาหนาทีว่ า เจามรดกมีทายาทผูมสี ิทธิไดรับมรดกเพียงผูขอ
จดทะเบียนเทาน้ัน โดยไมไดแจงใหพนักงานเจาหนาท่ีทราบวาผูฟอง
คดีกเ็ ปนบุตรดวย จึงเปนขอเท็จจริงเกย่ี วกบั ทายาทผูม ีสทิ ธไิ ดร ับมรดก
70
ทไ่ี มถูกตอง การทเี่ จาพนักงานทีด่ ินดําเนินการจดทะเบยี นใหไปตามที่
ผูขอจดทะเบียนโอนมรดกแสดงหลักฐาน จึงเปนการจดทะเบียนท่ี
ไมชอบดวยกฎหมาย เม่ือขอเท็จจริงปรากฏแกเจาพนักงานท่ีดินวา
มีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมไปโดยไมชอบดวยกฎหมาย
เจาพนักงานที่ดินมีหนาที่ตองดําเนินการตามหลกั เกณฑและวิธีการที่
กําหนดไวในมาตรา 61 แหงประมวลกฎหมายทดี่ ิน และกฎกระทรวงที่
เก่ยี วของ โดยตอ งรายงานขอเทจ็ จริงพรอมความเห็นและเหตผุ ลไปยัง
ผูบังคับบญั ชาตามลําดับจนถึงอธิบดีกรมทีด่ ินหรอื รองอธิบดีซ่ึงอธิบดี
มอบหมายเพื่อดําเนินการแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนทําการ
สอบสวนตอไป การท่ีไมดําเนินการดังกลาวกลับแจงใหทายาทท่ีรอง
ขอใหเพิกถอนไปใชสิทธิทางศาล เปนการกระทําโดยไมชอบดวย
กฎหมาย อันมีลักษณะเปนการสรางข้ันตอนโดยไมจําเปนหรือสราง
ภาระใหเกดิ กบั ประชาชนเกินสมควรตามมาตรา 9 วรรคหน่ึง (1) แหง
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. 2542 (คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.69/2547)
(2) เมือ่ ขอเท็จจริงฟง ไดวาท่ดี ินพพิ าทเปนที่ดินสวนหนึ่งท่ี
ถกู นายกรฐั มนตรีสงั่ ใหต กเปนของรัฐ และเมอ่ื ผูฟองคดีท่ี 1 รองขอคืน
ท่ีดินเฉพาะสวนพิพาทปรากฏวาผูมีอํานาจหนาที่พิจารณาไดชี้ขาด
ไมคืนท่ีดินตามคําขอโดยไมปรากฏวาผูฟองคดีที่ 1 ไดดําเนินการยื่น
ฟองตอศาลยุติธรรมซึ่งเปนศาลที่มีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีใน
ขณะนั้นจนพนอายุความฟอ งคดแี ลว ผูฟองคดจี งึ ไมอ าจฟอ งขอใหศาล
71
ปกครองตรวจสอบความชอบดวยกฎหมายของคําสั่งดังกลาวของ
นายกรัฐมนตรีได จึงฟงวาที่ดินพิพาทตกเปนของรัฐตามคําส่ัง
นายกรัฐมนตรีแลว ดังน้ัน อธิบดีกรมท่ีดินยอมมีอํานาจดําเนินการ
เพกิ ถอนการจดทะเบยี นสทิ ธิและนิติกรรมทด่ี าํ เนนิ การโดยคลาดเคลอื่ น
หรือไมช อบดว ยกฎหมายน้ันได (คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.
322/2552)
(3) การเรียกเก็บคาธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและ
นิติกรรมโอนมรดกทดี่ ินสําหรับทายาทผูมีสิทธิรับมรดกในฐานะพนี่ อง
รวมบิดามารดาเดียวกัน ตองเรียกเก็บในอัตรารอยละ 2 ของราคา
ประเมินทุนทรัพย ตามขอ 2 (7) (ก) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ 47
(พ.ศ. 2541) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายทีด่ ิน พ.ศ. 2497 และเมื่อสภาพท่ีดินมรเดกมีสภาพติดทาง
สาธารณประโยชนมาต้ังแตกอนที่ผจู ดั การมรดกจะขอรังวัดแบงหักเปน
ทางสาธารณประโยชน การประเมินราคาทุนทรัพยท่ีดินเพ่ือเรียกเก็บ
คาธรรมเนียมจดทะเบียน ยอมตองคํานวณดวยราคาประเมินในหนวย
ทด่ี ินติดทางสาธารณประโยชน (คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.
532/2554)
6.2 การจดทะเบยี นแบงแยกโฉนดท่ีดนิ
การที่เจาพนักงานท่ดี ินไดมีหนงั สือแจงผูฟองคดีให
ไปดาํ เนนิ การจดทะเบยี นแบงกรรมสิทธริ์ วมภายใน 19 วัน นับแตวันท่ี
72
ลงในหนงั สอื โดยในหนังสอื ระบุขอ ความวา หากผูฟอ งคดีไมด ําเนินการ
ภายในกําหนดจะถือวาไมมีความประสงคดําเนินการเร่ืองรังวัด
จดทะเบียนแบงแยกโฉนดท่ีดิน กเ็ พ่ือใหการจดทะเบียนแบงแยกที่ดิน
แลวเสร็จตามคําขอ หากผูฟองคดีไมไปดําเนินการ ยอมอยูในดุลพินิจ
ของเจาพนักงานท่ีดินท่ีจะยกเลิกคําขอหรือไมก็ได การท่ีเจาพนักงาน
ที่ดินไมยกเลิกคําขอและผูฟองคดีไมไดย่ืนคําขอยกเลิกคําขอรังวัด
แบงแยกที่ดิน เจาพนักงานที่ดินจึงมีหนาท่ีตองดําเนินการตามคําขอ
ของผูฟองคดีตอไป (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.
355/2549)
6.3 การเรียกเก็บคาธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและ
นิตกิ รรมสาํ หรบั อสังหาริมทรัพย
(1) ในการเรียกเก็บคาธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิ
และนิติกรรมสําหรับอสังหาริมทรัพย ขอ 2 (7) ของกฎกระทรวง
ฉบับท่ี 47 (พ.ศ. 2541) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใช
ประมวลกฎหมายทดี่ ิน พ.ศ. 2497 กาํ หนดใหเรียกเก็บคาธรรมเนียม
จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามราคาประเมินทุนทรัพยตามท่ี
คณะกรรมการกําหนดราคาประเมนิ ทุนทรพั ยก ําหนดในอัตรารอยละ 2
ดังน้ัน ผูย่ืนคาํ ขอตอ งเสียคาธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติ
กรรมตอเจาพนักงานท่ีดินในอัตรารอยละ 2 ของราคาประเมินทุน
ทรัพย ซ่ึงเปนราคาประเมินทุนทรัพยท่ีใชบังคับในวันท่ีผูฟองคดีไป
73
ขอรับโอนอสังหาริมทรัพย (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.
5/2548)
(2) เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวาผูฟองคดีกับผูถือ
กรรมสิทธ์ิรวมไดยื่นคําขอแบงแยกกรรมสิทธ์ิรวมในโฉนดท่ีดิน โดยมี
เจตนาใหเจาพนักงานท่ีดินจดทะเบียนแบงแยกโฉนดทด่ี นิ แกพวกตนให
เปนไปตามแนวเขตการครอบครอง แตเ จาพนักงานทด่ี ินไดจดทะเบียน
แบงกรรมสิทธิ์รวมโฉนดท่ีดินสลับแปลงกันระหวางผูฟองคดีกับผูถือ
กรรมสิทธ์ิรวม ซ่ึงไมต รงกับเจตนาและแปลงที่ดนิ ทคี่ รอบครองอยูจริง
กรมท่ีดินยอมมีหนาที่ตองดําเนินการแกไขใหถูกตองตามมาตรา 61
วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน โดยเจาของท่ีดินไมจําตองเสีย
คาธรรมเนียม อันเนื่องมาจากการแกไขการจดทะเบียนที่ผิดพลาด
คลาดเคลอ่ื น ดงั นนั้ การทีเ่ จาหนาท่ีเรียกคา ธรรมเนียมการจดทะเบียน
แลกเปลี่ยนท่ีดินดังกลาว ถือเปนการเรียกโดยไมชอบดวยกฎหมาย
การฟอ งเรียกคนื เงินทไี่ ดช ําระไปดังกลา ว ถอื เปนคา เสียหายทผ่ี ูฟองคดี
เรียกจากมูลเหตุการกระทําละเมิด หาใชเปนเร่ืองการเรียกคืน
คาธรรมเนียมในการจดทะเบียนแลกเปลี่ยนท่ีดินไม (คําพิพากษา
ศาลปกครองสูงสุดที่ อ.422/2552)
(3) เม่ือศาลยุติธรรมมิไดมีคําพิพากษาให
เจา พนกั งานท่ดี ินจดทะเบยี นเปลยี่ นชื่อจากจาํ เลยทั้งส่ีเปนชื่อผูฟอ งคดี
(โจทก) และมไิ ดว ินิจฉัยใหนิติกรรมการขายท่ดี ินพพิ าทระหวางทายาท
และผูจัดการมรดกกับจําเลยท้ังสี่ในคดีดังกลาวเปนโมฆะหรือไมชอบ
74
ดวยกฎหมาย ประกอบกับไมปรากฏวาเจาพนักงานท่ีดินมีประเด็น
พพิ าทกบั ผฟู อ งคดีเก่ียวกับกรณกี ารดาํ เนินการแกไ ขชื่อผูถือกรรมสิทธ์ิ
ในทีด่ ิน หรือไดม ีการจดทะเบียนสิทธิและนิตกิ รรมหรอื จดแจงเอกสาร
รายการจดทะเบียนโฉนดท่ีดินพพิ าทโดยคลาดเคลื่อนหรือไมชอบดว ย
กฎหมายแตอยางใด อีกท้ัง คําพิพากษาดังกลาวมิไดมีผลเปนการเพิก
ถอนหรอื แกไ ขรายการจดทะเบียนสทิ ธิและนิติกรรมท่ีปรากฏในโฉนด
ท่ีดินพิพาท เจาพนักงานท่ีดินจึงยอมมิอาจนําความตามมาตรา 61
วรรคหนึ่ง และวรรคแปด แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน มาใชกับกรณี
ดงั กลาวได การโอนกรรมสิทธ์ิที่ดินตามคาํ พิพากษาคดีดังกลาว แมจะ
เปนการโอนท่ดี ินคนื ใหผูฟอ งคดีโดยไมม ีคาตอบแทน แตผลท่ีเกดิ ยอม
ทาํ ใหผฟู องคดไี ดมาซ่งึ ทรพั ยส ินอันคาํ นวณเปน ทุนทรพั ยได อนั ถอื เปน
กรณีที่มีทุนทรัพยที่ตองชําระคาธรรมเนียมการจดทะเบียนโอน
กรรมสิทธิ์ท่ีดิน โดยพิจารณาไปตามกฎหมายและระเบียบปฏิบัติของ
ทางราชการ (คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.457/2553)
6.4 การจดทะเบยี นแบง หกั ทด่ี ินเปนทางสาธารณประโยชน
(1) การที่เจาพนักงานท่ีดินไมดําเนินการรังวัด
แบงหักท่ีดินเปนทางสาธารณประโยชน ตามคําขอของเจาของท่ีดิน
เน่ืองจากในระหวางการดําเนินการตามคําขอ เจาของท่ีดินดังกลาว
ไดยื่นคําขอยกเลิกคาํ ขอขา งตน ถอื ไมไ ดว าเจาพนักงานท่ดี ินละเลยตอ
หนาท่ตี ามทีก่ ฎหมายกําหนดใหต อ งปฏิบตั ิ และกรณีหามีผลกระทบตอ
75
ความสมบู รณ ของการแสดงเจตนาอุ ทิ ศที่ ดิ นให เป นทาง
สาธารณประโยชนไม เนอื่ งจากการยกท่ีดินใหเปนสาธารณสมบัตขิ อง
แผนดินที่พลเมืองใชประโยชนรวมกนั แมมิไดจดทะเบียนตอพนักงาน
เจาหนา ท่ตี ามมาตรา 1299 วรรคหนึง่ แหง ประมวลกฎหมายแพง และ
พาณิชย ก็มีผลสมบูรณแลว (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.
87/2552)
(2) การจดทะเบียนแบง หักที่ดินในโฉนดทด่ี ินใหเปน
ทางสาธารณประโยชนที่เปนการดําเนินการตามคําขอของผูจัดการ
มรดกของเจาของกรรมสิทธิ์ในทดี่ ิน แมจะยังไมม ีการขึ้นทะเบียนเปน
ทางสาธารณประโยชน ที่ดินดังกลาวก็ตกเปนทางสาธารณประโยชน
ตงั้ แตว ันทีไ่ ดย่นื คาํ ขอแบงหักเปน ทด่ี นิ อันเปนการแสดงเจตนาสละการ
ครอบครองเพื่อสาธารณประโยชนแลว ดังนั้น เม่ือการจดทะเบียน
เปนไปตามเจตนารมณในขณะนั้นของผูย่ืนคําขอ และกระบวนการใน
การรังวัดแบงแยกท่ีดินเปนไปตามขั้นตอนของกฎหมายแลว การท่ี
เจาพนักงานที่ดินปฏิเสธไมดําเนินการแกไขการจดทะเบียนแบงหัก
ท่ีดินดังกลาวใหเปนทางสาธารณประโยชน จึงเปนการกระทําท่ีชอบ
ดว ยกฎหมายและไมเปนการละเลยตอหนาท่ีตามท่ีกฎหมายกาํ หนดให
ตอ งปฏิบตั ิ (คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.149/2555)
(3) กรณที ีเ่ จา ของที่ดินไดด ําเนินการขอรังวดั แบงหัก
ท่ีดินเปนทางสาธารณประโยชน และขอจดทะเบียนแบงหักเปนทาง
สาธารณประโยชน โดยลงลายมือชื่อรับรองความถูกตอ งดวยตนเองใน
76
เอกสารตาง ๆ ท่ีเกี่ยวของ ยอมเปนการแสดงเจตนาโดยชัดแจงวา
เจ าของที่ ดิ นประสงค อุ ทิ ศที่ ดิ นแปลงพิ พาทให เป นทาง
สาธารณประโยชน ในการน้ี หากไมปรากฏวาเจาของที่ดินไดโตแยง
คัดคานตอเจาพนักงานที่ดินในทันทีวาการดําเนินการรังวัดแบงแยก
ตามคําขอดงั กลา วไมถ ูกตอ ง และไมป รากฏขอ เท็จจริงหรือหลักฐานใด ๆ
ท่ีแสดงใหเ ห็นวา เจา พนักงานทีด่ นิ กระทาํ โดยมิชอบ หรอื มีเจตนาทุจริต
หลอกลวง ใหเจาของท่ีดินแสดงเจตนาในการแบงหักทาง
สาธารณประโยชนโดยสําคัญผิดในลักษณะของนิติกรรมซ่ึงเปน
สาระสําคัญแหงนิติกรรมอันตกเปนโมฆะตามมาตรา 156 แหง
ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย กรณียอ มตอ งถอื วาการแสดงเจตนา
อุทิศท่ีดนิ ใหเปนทางสาธารณประโยชนมีผลสมบูรณ ทําใหท่ดี ินน้ันตก
เปนสาธารณสมบัติของแผนดินประเภททรัพยสินสําหรับพลเมืองใช
รวมกัน การท่ีเจาพนักงานที่ดินดําเนินการจดทะเบียนแบงหักท่ีดิน
ดังกลาวเปนทางสาธารณประโยชน จึงเปนไปตามเจตนาของเจาของ
ท่ดี ิน มิไดเปนการจดทะเบยี นสิทธิและนิติกรรมโดยคลาดเคลื่อนหรือ
ไมชอบดวยกฎหมายแตอยางใด (คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.
156/2558)
(4) การที่เจา ของที่ดินยินยอมใหทางราชการกอสราง
คลองสงนํ้าตัดผานที่ดินของตน รวมทั้งยังไดเขารวมการรังวัดและ
ดํ า เ นิ น ก า ร ข อ จ ด ท ะ เ บี ย น แ บ ง หั ก ท่ี ดิ น ส ว น ดั ง ก ล า ว ใ ห เ ป น ที่
สาธารณประโยชน ยอมถือไดวา เจาของที่ดินแสดงเจตนาอุทิศท่ีดิน
77
สวนที่เปนคลองสงน้ําใหเปนที่สาธารณประโยชน และถือวาการ
จดทะเบียนแบงหักท่ดี ินสวนดงั กลาวใหเปนที่สาธารณประโยชนเปนไป
ตามความประสงคข องเจาของที่ดินแลว ทาํ ใหทด่ี ินสว นดังกลาวตกเปน
สาธารณสมบัติของแผน ดนิ ประเภททรัพยสินสําหรับพลเมอื งใชรวมกนั
แมภายหลังประชาชนจะมิไดใชประโยชนจากคลองสงนํ้าแหงน้ี
ความเปนสาธารณสมบัตขิ องแผนดินก็มิไดสูญสิ้นไป เจาของทีด่ ินเดิม
จะครอบครองที่ดินสว นท่ีเปนคลองสงนํา้ เปนเวลานานเทา ใดกไ็ มมีสิทธิ
ท่ีจะยึดถือเอาที่ดินดังกลาวกลับคืนมาเปนกรรมสิทธ์ิของตนไดอีก
ดังน้ัน ตราบใดท่ียังไมมีการถอนสภาพที่ดินดังกลาวจากการเปน
สาธารณสมบัติของแผนดินตามหลักเกณฑและวิธีการท่ีกฎหมาย
กําหนดไว ทางราชการก็ยอ มไมสามารถโอนที่ดินคนื ใหแกเจาของท่ดี ินได
(คําพิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ. 1005/2558)
(5) การท่ีบุคคลผูย่ืนคําขอรังวัดแบงกรรมสิทธิ์รวม
ไดแสดงความประสงคใหมีการแบงหักท่ีดินสวนหน่ึงของตนเปนทาง
สาธารณประโยชน โดยไดมกี ารลงลายมอื ช่ือในบันทึกถอยคาํ (ท.ด. 16)
และเอกสารตาง ๆ ที่ยืนยันวามีเจตนาขอใหเจาพนักงานที่ดิน
จดทะเบียนแบงหักที่ดินใหเปนทางสาธารณประโยชน รวมทั้งไดลง
ลายมือชื่อรับรองความถูกตองของรูปแผนที่ในกระดาษบาง (ร.ว. 9)
ซ่งึ แสดงรูปแผนที่ในการรังวัดแบงหักทด่ี ินเปนทางสาธารณประโยชน
ดงั กลาวไวแ ลว กรณยี อมเปน การแสดงเจตนาโดยชดั แจงทีจ่ ะอทุ ิศทด่ี ิน
78
ของตนบางสว นใหเ ปน ทางสาธารณประโยชน เมือ่ ไมป รากฏขอเทจ็ จริง
วา เจาพนักงานท่ีดินมเี จตนาทจุ รติ หลอกลวง กระทําโดยมิชอบ ทาํ ใหผ ู
ย่ืนคําขอรายดงั กลาวสําคัญผิด อีกทง้ั เจาพนักงานท่ดี ินยังไดช้ีแจงให
ทราบถึงความแตกตางระหวางการแบงหักทดี่ ินเปนทางสวนบุคคลกับ
การแบงหกั เปน ทางสาธารณประโยชนแลว และไมปรากฏวาผูย่ืนคําขอ
ไดโตแยงคัดคานตอเจาพนักงานท่ีดินวาการรังวัดท่ีดินสวนที่แบงหัก
เปนทางสาธารณประโยชนไมถูกตองการแสดงเจตนาแบงหักท่ีดิน
ดังกลาวเปนทางสาธารณประโยชนย อมมีผลสมบูรณ สงผลใหท่ดี ินใน
สวนนั้นตกเปนสาธารณสมบัติของแผนดินประเภททรัพยสินสําหรับ
พลเมอื งใชรวมกนั ตามมาตรา 1304 (2) แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย การจดทะเบียนแบงหักท่ีดินดังกลาวใหเปนทาง
สาธารณประโยชน จึงเปนไปตามเจตนาและถูกตองตรงตามความ
ประสงคของผู ย่ืนคําขอและเปนคําสั่งที่ชอบดวยกฎห มาย
(คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.353/2562)
6.5 การจดทะเบยี นประเภทไดม าโดยการครอบครอง
แมตามเจตนารมณของเจาของกรรมสิทธ์ิเดิม
ประสงคจะยกที่ดินใหเปนกรรมสิทธิ์ของวัดในพระพุทธศาสนา แตเม่อื
ปรากฏวากอ นการจดทะเบยี นโอนกรรมสิทธิ์ในท่ดี ินดงั กลาวเจาของได
ถึงแกความตาย และไมมีการจัดใหมีผูจัดการมรดกจดทะเบียนโอน
กรรมสิทธ์ิทีด่ ินแทน แตว ัดกลับย่ืนคําขอตอ ศาลจังหวัดเชียงรายเพ่ือมี
79
คําส่ังใหวัดไดกรรมสิทธ์ิในที่ดินดังกลาวโดยการครอบครองปรปกษ
ซง่ึ ศาลจังหวัดเชียงรายมีคาํ สั่งตามคาํ ขอ เชนนถี้ ือเปนการจดทะเบียน
ประเภทไดมาโดยการครอบครองอันเปนกรณมี ีทุนทรัพยจะตองเรียก
เก็บตามราคาประเมินของทางราชการในอัตรารอ ยละ 2 ตามขอ 2 (7) (ก)
ของกฎกระทรวง ฉบับที่ 47 (พ.ศ. 2541) ออกตามความใน
พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. 2497 มิใชชําระ
คาธรรมเนียมในอัตรารอยละ 0.01 ของราคาประเมินทุนทรัพย
ตามขอ 2 (7) (จ) ของกฎกระทรวงเดียวกนั ซง่ึ จะใชกบั กรณวี ัดรับการ
ใหท ี่ดนิ (คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.298/2553)
6.6 การจดทะเบยี นกรรมสิทธริ์ วม
(1) นายชางรังวัดและเจาพนักงานที่ดินผูมีหนาท่ี
ตามกฎหมายในการรังวัดที่ดินและจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
จะตองปฏิบัติหนาที่ดวยความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ
เพื่อใหการรังวัดและการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเปนไปอยาง
ถูกตองตรงตามความจริงและตรงตามความประสงคของผูย่ืนคําขอ
การที่บุคคลผูดํารงตําแหนงดังกลาวมิไดใชความระมัดระวังอยาง
เพียงพอจนทําใหการรังวัดออกโฉนดท่ีดิน และการจดทะเบียนแบง
กรรมสิทธิ์รวมท่ดี นิ เกดิ ความผดิ พลาดคลาดเคลอ่ื นเปนเหตุใหม ีการระบุ
ชื่อผูถือกรรมสิทธิ์ในหนาโฉนดท่ีดินสลับแปลงกัน และจํานวนเนื้อท่ี
ของที่ดินแปลงท่ีครอบครองอยูจริงกับเน้ือที่ของท่ีดินตามท่ีระบุใน
โฉนดท่ีดินไมถูกตองตรงกนั ซ่งึ ตอ มาเม่อื ผูถือกรรมสิทธ์ิไดนําโฉนดทด่ี ิน
80
ไปจํานองเปนประกันการชําระหนี้เงินกู และภายหลังอธิบดีกรมที่ดิน
ไดมีคําส่ังใหแกโฉนดท่ีดินและรายการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
ในทด่ี นิ ตามมาตรา 61 แหง ประมวลกฎหมายท่ีดิน สงผลใหโฉนดทด่ี ิน
ดังกลา วถกู แกไ ขเปล่ยี นแปลงใหมจี ํานวนเน้ือท่ลี ดลง ทําใหสิทธิในการ
บังคบั ชาระหนี้จาํ นองลดลงบางสวน กรณียอ มถอื เปน การกระทาํ ละเมิด
ตอผูรับจาํ นอง กรมท่ดี นิ จึงตอ งรับผิดชดใชค า สินไหมทดแทนในผลแหง
ละเมิดทเ่ี จาหนาท่ขี องตนไดกระทําในการปฏิบัตหิ นาที่ (คําพพิ ากษา
ศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.87/2559)
(2) การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมประเภท
กรรมสิทธ์ิรวมเฉพาะสวนของเจาของรวมรายใดรายหนึ่ง เปนเพยี งการ
จําหนายสิทธิการเปนเจาของรวมในท่ีดินเฉพาะสวนของผูโอนใหแก
ผูรับโอนเทาน้ัน มิใชเปนการจําหนายกรรมสิทธ์ิในตัวทรัพยสินหรือ
ท่ีดินในสวนของเจาของรวมรายอ่ืนใหหมดส้ินไปจากการเปนเจาของ
รวมตามมาตรา 1361 วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายแพงและ
พาณิชย จึงไมจําตอ งไดรับความยินยอมจากเจาของรวมทกุ คน ดังนั้น
เจา พนักงานทด่ี นิ ยอ มมีอํานาจดําเนินการจดทะเบยี นสิทธแิ ละนติ ิกรรม
ประเภทกรรมสิทธ์ิรวมเฉพาะสวนในที่ดินดังกลาวได โดยไมตองไดร ับ
ความยนิ ยอมจากเจา ของรวมรายอ่ืนๆ เสยี กอ น การทีเ่ จา พนักงานทีด่ ิน
ไมเพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมประเภทกรรมสิทธิ์รวม
เฉพาะสวนในที่ดินขางตนตามคํารองขอของเจาของรวมรายอ่ืน ๆ
81
จึงเปนการกระทําท่ีชอบดวยกฎหมายแลว (คําพพิ ากษาศาลปกครอง
สูงสดุ ที่ อ.1240/2559)
(3) กรณีศาลมีคําพิพากษาถึงท่ีสุดใหเจาของ
กรรมสทิ ธ์ิรวมรายใดรายหนึ่งจดทะเบียนแบงกรรมสิทธิ์รวมท่ีดินใหแก
เจาของกรรมสิทธิ์รวมรายอื่น หากไมปฏิบัติตามใหถือเอาคาํ พพิ ากษา
ของศาลแทนการแสดงเจตนาของเจาของกรรมสิทธ์ิรวมผูมีหนาทต่ี อง
ปฏิบตั ิตามคําพพิ ากษาน้นั เจา พนักงานท่ีดินยอมไมมีอาํ นาจดุลพินิจท่ี
จะไมดําเนินการจดทะเบียนแบงกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินใหเปนไปตาม
คําพพิ ากษาได และการจดทะเบียนสิทธิและนิตกิ รรมในลักษณะน้ียอม
ไมเปนการจดทะเบียนโดยคลาดเคล่ือนหรือไมชอบดวยกฎหมายที่จะ
เปนเหตุใหอธิบดีกรมที่ดินใชอํานาจตามมาตรา 61 แหงประมวล
กฎหมายที่ดิน มาดําเนินการเพื่อใหมีการเพิกถอน ดวยเหตุน้ี
เมื่ อปรากฏ ว าเจ าของกรรมสิ ทธิ์ รว มผู มี ห น าท่ี ต องปฏิ บั ติ ตาม
คาํ พิพากษาขา งตน ตกเปนลูกหน้ีตามคําพิพากษาในคดอี ื่น เจาหน้ีตาม
คําพิพากษาจึงมีสิทธินํายึดเฉพาะท่ีดินสวนท่ีเหลือจากการแบง
กรรมสิทธ์ิรวม อันเปนสวนของลูกหน้ีตามคําพพิ ากษาเทานั้น ไมอาจ
นํายึดทด่ี ินสวนท่ีเปนกรรมสิทธ์ิของเจาของรวมรายไดอ ่ืน การทอี่ ธิบดี
กรมท่ดี ินมีคาํ สง่ั ไมเพิกถอนการจดทะเบียนแบงกรรมสิทธิ์รวมดงั กลาว
ตามคํารองขอของเจาหนี้ตามคําพิพากษา จึงเปนคําสั่งที่ชอบดวย
กฎหมายแลว (คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.786/2560)
82
6.7 การจดทะเบียนจํานอง
ประมว ลกฎห มายท่ี ดิ นได กํ าห น ดขั้ นต อนห รื อ
วิธีการอันเปนสาระสําคัญไวในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
เก่ียวกบั ท่ีดิน โดยใหเจา พนักงานท่ีดินทําการสอบสวนเพ่ือใหทราบถึง
สิทธิและความสามารถของคูกรณีตลอดจนตรวจสอบถึงความสมบูรณ
ของสัญญาท่นี ํามาขอจดทะเบียนจํานองกอ นการรับจดทะเบียน การท่ี
เจา พนกั งานทด่ี นิ รับจดทะเบียนจํานองโดยมิไดดําเนินการตามข้ันตอน
และวิธีการดังกลาวกอน ทง้ั ที่กรณีปรากฏขอ บกพรองเก่ียวกับเอกสาร
หลกั ฐานประกอบคาํ ขอจดทะเบยี นจํานองและผูจํานองไดถ ึงแกความตาย
ไปกอนที่จะมีการยื่นคําขอจดทะเบียนจํานองแลว ยอมเปนการรับ
จดทะเบียนจํานองที่ไมชอบดวยกฎหมายและกอ ใหเกิดความเสียหาย
แกทายาทของเจาของท่ีดินอันถือไดวาเจาหนาที่กระทําละเมิดในการ
ปฏิบัติหนาที่ กรมที่ดินซ่ึงเปนหนวยงานตนสังกัดของเจาหนาที่
ผูกระทําละเมิดจึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน (คําพิพากษา
ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ. 449/2558)
6.8 การจดทะเบียนเกี่ยวกับภาระจํายอม
(1) ในกรณีทีท่ ่ีดินแปลงภารยทรัพยและที่ดินแปลง
สามยทรัพยตกเปนของเจาของคนเดียวกัน และเจาของที่ดินมีความ
ประสงคขอจดทะเบียนยกเลิกภาระจํายอมเจาพนักงานที่ดินยอมมี
อํานาจดําเนินการจดทะเบียนยกเลิกภาระจํายอมดังกลาวใหไดตาม
มาตรา 1398 แหงประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย ประกอบขอ 21
83
ของระเบยี บกรมทดี่ ิน วา ดวยการจดทะเบยี นสทิ ธแิ ละนิติกรรมเกย่ี วกบั
ภาระจํายอมในท่ดี ินและอสงั หารมิ ทรพั ยอยา งอืน่ พ.ศ. 2550 อยางไร
ก็ตามในกรณีท่ีมีการแบงแยกโฉนดท่ีดินแปลงสามยทรัพยออกเปน
แปลงยอยไปกอนแลว ภาระจํายอมยอมยังคงมีอยูแกทุกสวนที่แยก
ออกนั้น ท้ังนี้ ตามมาตรา 1395 แหงประมวลกฎหมายแพงและ
พาณิชย ซ่ึงหากเจาของที่ดินแปลงสามยทรัพยท่ีแยกออกมาแตละ
แปลงไมไดเปนคูกรณีในการทําบันทกึ ขอตกลงเลิกภาระจํายอมที่แยก
ออกมาแตละแปลงไมไดเปนคูกรณีในการทําบันทึกขอตกลงเลิกภาระ
จํายอมดวย กรณียอมถือไมไดวาการจดทะเบียนยกเลิกภาระจํายอม
ของทดี่ ินสามยทรัพยแปลงใดแปลงหนึง่ มีผลเปนการเลิกภาระจํายอม
ของท่ีดนิ สามยทรัพยทุกแปลง (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.
884/2559)
(2) การที่เจาพนักงานท่ีดินรับจดทะเบียนภาระ
จํายอมโดยไดเ ขียนตัวเลขโฉนดทด่ี ินแปลงสามยทรัพยผิดพลาด ท้ังใน
สวนของคําขอจดทะเบยี นภาระจาํ ยอมในแบบการสอบสวนสทิ ธใิ นทีด่ นิ
ประเภทภาระจํายอม (ท.ด. 1) ตลอดจนในสารบญั จดทะเบียนของท่ีดิน
แปลงภารยทรัพยทัง้ ฉบบั สํานกั งานทีด่ ินและฉบบั เจาของที่ดนิ และเมอื่
พบวา มีการเขียนตัวเลขผิดพลาด เจาพนักงานที่ดินกลับไมไดใ ชความ
ระมัดระวังอยางเพียงพอในการแกไขความผิดพลาดน้ัน โดยไดแกไข
เลขท่ีโฉนดท่ีดินแปลงสามยทรัพยใหถูกตองเฉพาะในสารบัญจด
ทะเบียนของโฉนดที่ดินแปลงภารยทรัพยฉบับเจาของที่ดินเทานั้น
84
เมอ่ื การกระทําดงั กลา วเปน เหตุใหผซู ื้อฝากสําคัญผิดวาที่ดินทต่ี นจะรับ
ซือ้ ฝากมีท่ีดินแปลงภารยทรัพยใชเปน ทางเขาออกสูถนนสาธารณะจน
ยอมตกลงรบั ซ้ือฝากท่ีดิน ทาํ ใหต อ มาภายหลงั ตองเสยี เงนิ ซอ้ื กรรมสิทธิ์
ในที่ดินเพิ่มเตมิ เพือ่ ใชเปนทางเขา ออกสูถนนสาธารณะ การกระทําของ
เจาพนกั งานทีด่ นิ ยอมเปน การกระทาํ ละเมิดตอ ผูซอ้ื ฝาก ตามนัยมาตรา
420 แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย อยางไรก็ตาม
แมคา ใชจ ายทต่ี อ งเสยี ไปในการซอ้ื กรรมสิทธ์ิในท่ีดนิ เพิม่ เตมิ เพอ่ื ใชเปน
ทางเขา ออกสูถนนสาธารณะจะถือเปนความเสียหายท่ีเปนผลโดยตรง
จากการกระทําละเมิดของเจาพนักงานที่ดินแตก็ทําใหผูซ้ือฝากได
กรรมสิทธ์ิในที่ดินสว นท่ีตนซื้อเพิ่มมาดวย ซงึ่ ตางจากการจดทะเบียน
ภาระจาํ ยอมทจี่ ะมีสิทธิเพียงใชทีด่ ินแปลงภารยทรัพยเปนทางเขาออก
เทาน้ัน ดังนัน้ ในการกาํ หนดคาเสียหายแกผูซ้ือฝากจึงตอ งนําเรื่องการ
ไดกรรมสิทธิ์ในท่ีดินแปลงท่ีซ้ือเพื่อใชเปนทางเขาออกมาพิจารณา
ประกอบกับ มูลคาของท่ีดินท่ีรับซื้อฝากในขณะที่รับซ้ือฝากและ
ในปจจุบนั เพือ่ หกั สว นความรบั ผิดดวย ทงั้ นี้ ตามนัยมาตรา 438 วรรค
หน่ึง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย (คําพิพากษา
ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ. 336/2562)
6.9 การจดทะเบียนสิทธแิ ละนิติกรรมประเภทขาย
การที่ผูซื้อและผูขายมีเจตนาที่จะซื้อขายท่ีดินท่ีมี
หลักฐานหนังสือรับรองการทาํ ประโยชน โดยผูขายไดสละและสงมอบ
การครอบครองที่ดินแปลงดังกลาวใหแกผูซื้อ ผูซ้ือยอมไดไปซ่ึงสิทธิ
85
ครอบครองในท่ีดินแปลงน้ันโดยชอบดวยกฎหมายตามมาตรา 1367
และมาตรา 1377 แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ยแลว แมใ น
การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนขายจะไดสําคัญผิดนําหนังสือ
รับรองการทาํ ประโยชนส ําหรับท่ดี นิ แปลงอนื่ ไปจดทะเบียนแทน ก็เปน
เพียงความสําคัญผิดในขอเท็จจริงเกี่ยวกับเอกสารหนังสือรับรองการ
ทาํ ประโยชนเทาน้ัน มิใชเปนเรื่องความสําคัญผิดในแปลงท่ีดนิ ซึ่งเปน
ทรัพยสินท่ีเปนวัตถแุ หง นติ ิกรรม จึงไมถือวาเปนการแสดงเจตนาโดย
สําคัญผิดในส่ิงซ่ึงเปนสาระสําคัญแหงนิติกรรมอันจะตกเปนโมฆะ
ตามมาตรา 156 แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย และเมื่อไม
ปรากฏวามีขอบกพรองอื่นใดอันจะทําใหการจดทะเบียนสิทธิและ
นิติกรรมโอนขายท่ีดินพิพาทไมชอบดวยกฎหมาย การทํานิติกรรม
ดังกลาวยอมสมบูรณและชอบดวยกฎหมาย กรณีเชนนี้ หากจะผลัก
ภาระใหผูซ้ือตองย่ืนคําขอจดทะเบียนไดมาโดยการครอบครองตาม
มาตรา 1367 แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยอ กี ยอมไมเ ปน
ธรรมตอผูซ้ือ เน่ืองจากจะทาํ ใหตอ งเสียคา ธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิ
และนิติกรรมอีกคร้ัง รวมทัง้ จะทําใหที่ดินดังกลาวกลายเปนเงินไดพึง
ประเมินท่ีอยูในขายนํามาคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา อธิบดี
กรมที่ดินหรือรองอธิบดีกรมท่ีดินท่ีไดรับมอบหมายจึงชอบท่ีจะใช
ดุลพินิจตามอํานาจหนาท่ีท่ีบัญญัติไวในมาตรา 61 แหงประมวล
กฎหมายท่ีดิน ส่ังใหแกไขรายการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมขาย
86
ท่ีดินพิพาท เพ่ือใหเปนไปตามขอเท็จจริงที่ถูกตองได (คําพิพากษา
ศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.1392/2560)
6.10 การอายัดที่ดนิ และการระงับการจดทะเบียนสิทธิ
และนติ ิกรรม
(1) หลักฐานการแจงการครอบครองทีด่ ิน (ส.ค. 1)
ไมใ ชหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดินทที่ างราชการออกให ซึง่ หากประสงคจ ะ
เปลี่ยนแปลงการถือครองเอกสาร ส.ค. 1 ก็กระทําไดแตเพียงการ
สงมอบการครอบครองใหแกกัน กรณีไมอาจฟองบังคับใหทําการ
จดทะเบยี นหรือเปลย่ี นแปลงทางทะเบียนได จึงไมอ าจถอื วาผูยื่นคาํ ขอ
อายัดที่ดิน ส.ค. 1 ที่อางวาตนถูกบุคคลอ่ืนแอบอางสวมสิทธิในท่ีดิน
ส.ค. 1 ดังกลาว เปนผูมีสวนไดเสียในท่ีดินอันอาจจะฟองบังคับใหมี
การจดทะเบียนหรือเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนตามหลักเกณฑที่
พนกั งานเจาหนา ทีจ่ ะรบั อายัดไดตามมาตรา 83 แหง ประมวลกฎหมาย
ท่ีดิน ซ่ึงแกไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแกไขเพ่ิมเติมประมวล
กฎหมายท่ีดนิ (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2543 ดงั นั้น การที่เจา พนักงานทด่ี ินมี
คําส่ังไมรับอายัดท่ีดิน ส.ค. 1 ใหตามคําขอ จึงชอบดวยกฎหมายแลว
(คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.1145/2560)
(2) ในการย่ืนคําขออายัดที่ดินตามมาตรา 83
แหงประมวลกฎหมายที่ดนิ ซงึ่ แกไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแกไข
เพิ่มเติมประมวลกฎหมายท่ีดิน (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2543 ผูขออายัด
จะตองเปนผูมสี วนไดเสียในทีด่ ินที่ขออายัดโดยตรง และอยูในฐานะที่
87
จะฟองบังคับใหมีการจดทะเบียนหรือใหมีการเปล่ียนแปลงทาง
ทะเบียนได เชน เปนผูมีสวนไดเสียในฐานะผูจะซื้อจะขายที่ดินตาม
สัญญาจะซื้อจะขายท่ีดิน หรือเปนผูมีสิทธิรับมรดกในที่ดิน หรือเปน
การไดท ีด่ ินมาโดยการครอบครองปรปกษ เปนตน ซง่ึ ผูขออายัดจะตอง
แสดงเหตุผลความจําเปนและเอกสารหลักฐานใหพนักงานเจาหนาที่
เห็นวามสี วนไดเ สียเกีย่ วกบั ทดี่ ินแปลงทข่ี ออายัดอยางไร เมอื่ ขออายัด
แลวจะไปฟองตอศาลในประเด็นใด ถามีหลายประเด็นใหแยกเปน
ประเด็น ในกรณีท่ีดนิ ทข่ี ออายัดไดมีการโอนไปยงั บคุ คลภายนอกแลว
ใหระบุดวยวาจะฟองบุคคลภายนอกดวยหรือไม ถาฟองจะฟองใน
ประเด็นใด มีเหตผุ ลอยางไร ท้ังน้ี เพื่อเปนการคุมครองสิทธิของบุคคล
ท่ีอาจมีสิทธิในที่ดินท่ีขออายัดดีกวาเจาของกรรมสิทธ์ิเดิมไมใหไดรับ
ความเสยี หายจากการโอนกรรมสิทธิ์หรือการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน
ดังน้ัน การท่ีผูขออายัดเพียงแตอางวาตนเปนเจาของสิ่งปลูกสรางซึ่ง
ต้ังอยูบนที่ดินท่ีขออายัดและมีสิทธิไดรับการคุมครองตามมาตรา
1310 แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย อันเปนบทบัญญัติที่
รบั รองและคมุ ครองสิทธิของบคุ คลทีป่ ลูกสรา งโรงเรือนในทดี่ ินของผูอ นื่
โดยสุจริตท่จี ะไดร ับการชดใชคา โรงเรือนจากเจา ของทด่ี ินเทานั้น มิได
บญั ญัตริ บั รองใหเจาของโรงเรือนมีสิทธิเหนือทดี่ ินของผูอ่นื แตอ ยางใด
โดยที่ผูขออายัดมิไดแสดงใหเห็นวาตนมีสวนไดเสียในที่ดินท่ีขออายัด
โดยตรงและอยใู นฐานะทีจ่ ะฟอ งบังคบั ใหมีการจดทะเบยี นหรือใหมีการ
เปล่ียนแปลงทางทะเบียนได ยอมถือไมไดวาเปนผูมีสวนไดเสียท่ีจะมี
88
สิทธิยื่นคําขออายัดที่ดิน (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.
426/2561)
(3) คาํ ม่นั ท่ีลูกหนไี้ ดใ หไวกับเจาหนี้วาจะไมขาย
ขายฝาก ใหเชาซ้ือ จํานองเพ่ิมเติม หรือจํานองลําดับสอง หรือทํา
นิติกรรมใด ๆ เพ่ิมเติมเก่ียวกับท่ีดิน หากปราศจากความยินยอมเปน
หนงั สือจากเจาหนี้ หรือจนกวาจะไดชําระหน้ีใหแกเ จาหน้ีจนครบถวน
แลว โดยในคํามั่นไมปรากฏขอความที่แสดงใหเห็นวาหากลูกหน้ีไม
ชําระหนี้ลูกหน้ีจะโอนกรรมสิทธ์ิหรือสิทธิครอบครองในท่ีดินใหแก
เจา หนี้ คาํ ม่ันดงั กลาวจึงมีวตั ถปุ ระสงคเ ปน การระงบั หรืองดเวนการทาํ
นติ กิ รรมใด ๆ ในทดี่ ินเพอ่ื ประโยชนในการไดร ับชําระหน้ีทม่ี ีอยูเทา นั้น
มิไดมีวัตถุประสงคจะนําที่ดินไปจดทะเบียนหรือเปล่ียนแปลงทาง
ทะเบียนเพื่อการชําระหน้ีโดยเฉพาะ ดังน้ัน เม่ือเจาหนี้มีคําขออายัด
ท่ีดินขางตน โดยมีวัตถุประสงคหามมิใหจําหนายท่ีดินเพ่ือไป
ดาํ เนินการฟอ งคดีตอศาลใหคําม่ันมผี ลตอไป มิไดป ระสงคจะขออายัด
ที่ดินไวเพื่อไปฟองบังคับใหมีการจดทะเบียนหรือเปล่ียนแปลงทาง
ทะเบียนใหแกเจาหนี้ กรณียอมไมอาจถือไดวาเจาหน้ีเปนผูมีสวนได
เสียในท่ีดินอันอาจจะฟองบังคบั ใหมีการจดทะเบียนหรือเปลีย่ นแปลง
ทางทะเบียนตามมาตรา 83 แหงประมวลกฎหมายที่ดิน การท่ี
เจาพนักงานท่ีดินมีคําส่ังไมรับคําขออายัดที่ดิน จึงเปนการออกคําสั่ง
ทางปกครองทีช่ อบดวยกฎหมายแลว (คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุด
ที่ อ.986/2561)
89
7. การออกหนงั สือแสดงสิทธิในทดี่ ินในเขตปฏริ ูปท่ดี นิ
เพ่อื เกษตรกรรม
(1) ผูฟองคดีครอบครองและทําประโยชนในที่ดินเขตนิคม
สรา งตนเอง ตัง้ แตป พ.ศ. 2529 กอ นทจี่ ะมีพระราชกฤษฎีกากําหนด
เขตปฏิรูปที่ดิน และที่ดินท่ีผูฟองคดีครอบครองมิไดมีแนวเขตท่ีดิน
ทับซอนกับเขตปฏิรูปท่ีดิน ยอมเปนที่ดินที่สามารถนํามาออกโฉนด
ท่ีดินใหแกผูที่ครอบครองและทําประโยชนในท่ีดินโดยชอบดวย
กฎหมายได ท้ังปรากฏวาไดมีการออกโฉนดที่ดินใหแกเจาของที่ดิน
แปลงขางเคียงของผูฟองคดีจํานวนหลายแปลงท้ังกอ นและหลังมพี ระ
ราชกฤษฎีกากําหนดเขตปฏิรูปที่ดิน แตสํานักงานการปฏิรูปท่ีดิน
จังหวัดก็มิไดคัดคาน ดังน้ัน การท่ีสํานักงานการปฏิรูปท่ีดินจังหวัด
ปกหลักเขตปฏิรูปที่ดินรุกลํ้าเขาไปในท่ีดินตามหลักฐานหนังสือแสดง
การทําประโยชน (น.ค. 3) ของผูฟองคดี จึงมีลักษณะเปนการเลือก
ปฏบิ ัติท่ีไมเ ปนธรรมและเปนการกระทาํ ที่มิชอบดวยกฎหมาย อนั เปน
การกระทําละเมิดตอผูฟองคดี (คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.
141/2549)
(2) การท่ีปฏิรูปท่ีดินจังหวัดในฐานะผูรับมอบอํานาจจาก
สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมไดดําเนินการขอใหมีการ
รังวัดและออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดินของผูฟองคดีแลว แตก็มิอาจ
ทาํ ใหผูฟองคดีไดรับเอกสารสิทธใิ นที่ดินไดเน่ืองจากมีปญหาอปุ สรรค
หลายประการซ่ึงมิใชความผิดของปฏิรูปที่ดินจังหวัด กรณีไมอาจถือ
90
ไดวาปฏิรูปที่ดินจังหวัดละเลยตอหนาที่หรือปฏิบัติหนาท่ีลาชา
เกินสมควร (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.176/2553)
(3) ผทู มี่ คี วามประสงคจะไดส ิทธิการเขาทําประโยชนในทด่ี ิน
เขตปฏิรูปท่ีดินจะตองเปนผูมีคุณสมบัติและจะตองปฏิบัติตาม
หลักเกณฑท่ีกฎหมายวาดวยการปฏิรูปที่ดินกําหนด โดยจะมี
กระบวนการพิจารณาใหสิทธิการเขาทําประโยชนในที่ดินแกเกษตรกร
เปนราย ๆ ไป สทิ ธกิ ารเขาทําประโยชนใ นท่ีดิน ส.ป.ก. 4 - 01 จึงเปน
สิทธิเฉพาะตวั และส้ินสดุ ทนั ทีท่ีบุคคลดังกลาวถึงแกความตาย ดังนั้น
เม่ือ ส.ป.ก. พิจารณาแลวเห็นวา ภรรยาของผูมีสิทธิท่ีถงึ แกความตาย
ดังกลาวเปนเกษตรกรตามความหมายของกฎหมายวาดวยการปฏิรูป
ทด่ี นิ เพื่อเกษตรกรรม และเปนผูทีค่ วรไดร ับการพจิ ารณาใหไดสิทธิการ
เขาทําประโยชนในท่ีดินดังกลาวเปนลําดับแรกตามหลักเกณฑท่ี
คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) มีมติกําหนด จึงมี
คาํ สงั่ ใหบุคคลดังกลา วเปน ผไู ดรับสิทธกิ ารเขา ทาํ ประโยชนในทด่ี ินตาม
หนังสือ ส.ป.ก. 4 - 01 ข ของผูถึงแกความตายดังกลาวตอไป จึงเปน
การกระทาํ ทช่ี อบดว ยกฎหมาย (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.
283 - 284/2554)
(4) เนอ่ื งจากคณะกรรมการปฏิรูปทดี่ ินเพือ่ เกษตรกรรมอาศยั
อํานาจตามกฎหมายวาดวยการปฏิรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรมออก
ระเบียบใหอํานาจปฏิรูปที่ดินจังหวัดในการออก แกไข เพ่ิมเติม และ
เพิกถอนหนงั สืออนญุ าตใหเขาทําประโยชนในทด่ี ินทไ่ี ดดําเนินการออก
ใหแกเกษตรกรไปแลว ประกอบกบั มาตรา 12 แหงพระราชบัญญตั ิวิธี
91
ปฏิบัตริ าชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 กําหนดใหคําส่ังทางปกครอง
จะตองกระทาํ โดยเจา หนาทีใ่ นเร่ืองน้ัน ดงั น้ัน อํานาจหนาท่ใี นการเพิก
ถอนหนังสืออนุญาตใหเขาทาํ ประโยชนใ นเขตปฏริ ปู ท่ดี ินจึงเปนอํานาจ
หนาที่ของปฏิรูปท่ีดินจังหวัด การท่ีคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพ่ือ
เกษตรกรรมมีมติใหเพิกถอนการจัดทําที่ดินและเพิกถอนหนังสือ
อนุญาตดังกลาว จึงเปนการกระทําโดยไมมีอํานาจหรือนอกเหนือ
อาํ นาจหนาที่ที่กฎหมายกาํ หนดไว (คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี
อ.572/2554)
(5) ระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปทด่ี ินเพื่อเกษตรกรรม วา
ดว ยหลกั เกณฑ วิธีการ และเงือ่ นไขในการคดั เลือกเกษตรกร ซ่ึงจะ
มีสิทธิไดร ับท่ีดินจากการปฏิรูปที่ดินเพ่ือเกษตรกรรม พ.ศ. 2535
ไดก ําหนดกรอบเวลาในการคัดเลือกและจัดเกษตรกรเขา ทํากนิ ตาม
แปลงท่ีกําหนดใหแลวเสร็จภายในหนึ่งรอยแปดสิบวันนับแตวัน
ประกาศใหเ กษตรกรยื่นคํารองขอเขา ทําประโยชน ดงั นั้น แมวาจะ
เปน กรณีท่ีเกษตรกรสามารถจัดหาท่ีดนิ เองได โดยไมตองตองรอให
สํานกั งานการปฏิรูปที่ดนิ เพื่อเกษตรกรรมจัดซื้อที่ดิน หากศาลเห็น
วาการขยายระยะเวลาดําเนินการจดั ทีด่ นิ ไมกอใหเ กิดความเสียหาย
แกเกษตรกรผูมีสิทธิไดรับการจัดที่ดิน ยอมอาจกําหนดคําบังคับให
สํานักงานการปฏิรูปท่ีดินจังหวัดดําเนินการจัดที่ดินใหแกเกษตรกร
ภายในระยะเวลาตามระเบียบดังกลาวนับแตวันที่ศาลมคี ําพิพากษาได
(คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.623/2554)
92
(6) เกษตรกรผูเขา ทาํ ประโยชนในท่ีดินโดยอาศัยสิทธิของ
บคุ คลอืน่ ยอ มไมมสี ิทธดิ กี วาเจา ของสิทธนิ ัน้ เม่ือเจาของสิทธิไดสละ
และสงมอบการครอบครองท่ีดินใหแกบุคคลภายนอก โดยท่ี
บุคคลภายนอกไดเขาครอบครองและเปนผูมีคุณสมบัติที่จะไดรับ
การคัดเลือกใหเขาทําประโยชนในเขตปฏิรูปที่ดินบุคคลภายนอก
ยอมมีสิทธิท่ีจะไดรับการจัดท่ีดินแปลงที่ตนไดรับการโอนสิทธิมา
ดังน้ัน การที่คณะกรรมการปฏิรูปท่ีดินจังหวัดมีมติใหจัดที่ดิน
ดังกลาวแกบ ุคคลภายนอก จึงมิใชคําส่ังท่ีไมชอบดวยกฎหมาย (คํา
พิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.711/2554)
(7) การท่ีผูไดรับอนุญาตใหเขาทําประโยชนในเขตปฏิรูป
ท่ีดินนําที่ดินไดรับอนุญาตไปใหบุคคลอ่ืนเขาทําประโยชนโดยมี
คาตอบแทน เปนการฝาฝนตอขอปฏิบัติท่ีเกษตรกรผูไดรับมอบ
ท่ีดินมีหนาที่ตองดาํ เนินการตามขอ 7 ของระเบียบคณะกรรมการ
ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม วาดวยการใหเกษตรและสถาบัน
เกษตรกรผูไดรับที่ดินจากการปฏิรูปที่ดินเพ่ือเกษตรกรรมปฏิบัติ
เก่ียวกบั การเขาทําประโยชนในทดี่ ิน พ.ศ. 2535 ซง่ึ หากมิใชกรณี
ที่หาตัวเกษตรกรผูน้ันมิได คณะกรรมการปฏิรูปท่ีดินเพ่ือ
เกษตรกรรมตองมีหนังสือเตือนใหเกษตรกรผูนั้นปฏิบัติใหถูกตอง
เสียหายถาไมป ฏบิ ัตติ ามจึงมคี ําสั่งใหส้ินสิทธิการเขาทาํ ประโยชนได
ทง้ั น้ี เปน ไปตามขอ 8 และขอ 11 ของระเบียบขางตน ดงั นั้น การ
ที่คณะกรรมการปฏิรูปท่ีดินเพื่อเกษตรกรรมมีมติใหเกษตรกรสิ้น
สิทธิการเขาทําประโยชนโดยไมมีการแจงเตือน ยอมเปนการออก
93
คาํ สงั่ ท่ีไมชอบดว ยกฎหมาย (คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.
55/2555)
(8) ผูท่ีมีคุณสมบัติที่จะมีสิทธิไดรับท่ีดินตามระเบียบ
คณะกรรมการปฏิรูปท่ีดนิ เพื่อเกษตรกรรม วาดวยหลกั เกณฑ วิธีการ
และเง่ือนไขในการคัดเลือกเกษตรกร ซ่ึงจะมีสิทธิไดรับที่ดินจากการ
ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2535 จะตอ งเปนผูประกอบอาชีพ
เกษตรกรรมเปนหลัก โดยพิจารณาจากการใชเวลาสวนใหญในรอบป
เพื่อประกอบอาชีพเกษตรกรรมแหงทองถ่ินน้ัน และทําประโยชนใน
ที่ดินหรืออํานวยการทําประโยชนในที่ดินดวยตนเองอยางเต็ม
ความสามารถโดยมิไดพิจารณารายไดแตเพียงเทานั้น ดังน้ัน
เมือ่ ขอเท็จจริงปรากฏวา บุคคลทไ่ี ดร ับ ส.ป.ก. 4 - 01 ใชเวลาสวนใหญ
ประกอบอาชีพคาขาย แมรายไดจากการคาขายจะนอยกวารายไดท่ี
ไดรับจากการทําการเกษตรกรรมก็ถือไมไดวาเปนผูประกอบอาชีพ
เกษตรกรรมเปน หลัก และไมปรากฏวาบุคคลดังกลาวมลี ักษณะทจ่ี ะถอื
ไดวาเปนเกษตรกรรมตามกฎหมายวาดวยการปฏิรูปที่ดินเพื่อ
เกษตรกรรม บคุ คลดังกลาวจึงยอมสิ้นสทิ ธิการเขา ทําประโยชนในทีด่ ิน
ในเขตปฏิรูปท่ีดินตามขอ 11 วรรคหน่ึง (3) ข.ของระเบียบ
คณะกรรมการการปฏิรูปทด่ี ินเพอื่ เกษตรกรรมวาดว ยการใหเกษตรกร
และสถาบันเกษตรกรผไู ดรับท่ีดินจากการปฏิรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรม
ปฏบิ ตั เิ กยี่ วกบั การเขา ทําประโยชนใ นทด่ี นิ พ.ศ. 2535 คณะกรรมการ
ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหามีอํานาจพิจารณากําหนดแผนผังและ
จัดแบงแปลงท่ีดิน ตลอดจนอนุมัติแผนงานและโครงการปฏิรูปท่ีดิน