94
เพ่ือเกษตรกรรมในที่ดินท่ีมิไดอยูในเขตปฏิรูปที่ดินแตอยางใดไม
เม่อื ความปรากฏตอคณะกรรมการฯ วา ตนไดใ ชอาํ นาจดาํ เนินการนอก
เขตปฏิรูปทดี่ ินคณะกรรมการฯ ยอมมอี ํานาจตามมาตรา 19 (3) และ
(4) แหงพระราชบัญญัตกิ ารปฏิรูปท่ีดนิ เพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518
ท่ีจะแกไขเปลีย่ นแปลงแผนผงั และการจดั แบงแปลงท่ีดินในเขตปฏิรูปที่ดิน
และแผนงานและโครงการปฏิรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรมใหถูกตองกับ
ขอเท็จจริงได (คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 427/2558)
(9) กรณที ี่มกี ารตราพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตปฏิรูปทีด่ ิน
โดยมีเน้ือที่ครอบคลุมถึงท่ีดินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดิน
ประเภทใชเพื่อประโยชนของแผนดินโดยเฉพาะ ซึ่งเปนที่ราชพัสดุ
พระราชกฤษฎีกาขางตนจะมีผลเปนการถอนสภาพการเปนสาธารณ
สมบัติของแผนดินของท่ีดินดังกลาวก็ตอเมื่อกระทรวงการคลังไดให
ความยินยอมแลว ดงั น้ัน เม่อื ไมปรากฏวากระทรวงการคลังไดใหความ
ยนิ ยอมใหน ําที่ดนิ ดงั กลา วมาดําเนนิ การปฏิรปู ทด่ี ิน และไมปรากฏดว ย
วาไดมีการถอนสภาพท่ีดินดังกลาวจากการเปนสาธารณสมบัติของ
แผน ดนิ ตามหลักเกณฑแ ละวธิ ีการทีก่ ฎหมายวาดวยท่ีราชพัสดุกําหนด
ไว สํานักงานการปฏิรูปที่ดนิ เพ่ือเกษตรกรรมยอมไมมอี ํานาจนําท่ีดิน
นั้นไปใชปฏิรูปทดี่ ินเพ่ือเกษตรกรรมได กรณีเชนนี้ปฏิรูปท่ีดนิ จังหวัด
ในทองท่ีที่รับผิดชอบมีอํานาจสั่งไมรับคําขอเขาทําประโยชนในท่ีดิน
ดังกลาวไดโดยไมจําตองสงเร่ืองใหคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด
พจิ ารณาคุณสมบัติกอนแตอ ยางใด (คําพิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี
อ. 428/2558)
95
(10) การทเี่ กษตรกรผไู ดรับอนุญาตใหเขา ทาํ ประโยชนในเขต
ปฏิรูปที่ดินไดยินยอมใหมีการกอสรางศาลาประชุมและศาลา
อเนกประสงคของหมูบานบนท่ีดินที่ตนไดรับ ส.ป.ก. 4 - 01 ก.
ยอมถอื วาเปนการสละสทิ ธกิ ารเขาทําประโยชนในที่ดินทต่ี นไดร ับมอบ
จากสํานักงานการปฏิรูปท่ีดินเพื่อเกษตรกรรมตามขอ 11 วรรคหนึ่ง
(1) ของระเบยี บคณะกรรมการปฏิรูปท่ีดินเพอ่ื เกษตรกรรม วาดว ยการ
ใหเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรผไู ดรับที่ดินจากการปฏิรูปท่ีดินเพ่ือ
เกษตรกรรมปฏิบัติเกี่ยวกับการเขาทําประโยชนในทดี่ ิน พ.ศ. 2535
ซ่ึงแกไ ขเพ่ิมเติมโดยระเบียบฯ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2540 รวมทงั้ เปนการ
แสดงเจตนาวาตนมิไดครอบครองและทํากินในที่ดินสวนดังกลาวแลว
กรณจี ึงไมเ ปนไปตามหลักเกณฑที่จะไดร ับการพจิ ารณาคดั เลือกใหเขา
ทําประโยชนในเขตปฏิรูปที่ดินตามท่ีกําหนดไวในขอ 8 (1) ของ
ระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปทีด่ ินเพือ่ เกษตรกรรม วาดว ยหลักเกณฑ
วิธีการ และเงื่อนไขในการคัดเลอื กเกษตรกร ซึง่ จะมสี ทิ ธิไดร ับที่ดินจาก
การปฏิรูปที่ดินเพ่ือเกษตรกรรมพ.ศ. 2535 ดังน้ัน การท่ี
คณะกรรมการปฏิรูปท่ีดินจังหวัดมีมติใหสํานักงานการปฏิรูปที่ดิน
จังหวัดดําเนินการรังวัดแบงแยกท่ีดินสวนที่กอสรางศาลาประชุม
หมูบานและศาลาอเนกประสงคอ อกจากแปลงที่ดนิ ส.ป.ก. 4 - 01 ก
ของเกษตรกรผูน้ัน เพื่อท่ีหมูบานจะไดมายื่นคําขอใชที่ดินใหถูกตอง
ตามระเบียบหลักเกณฑของสํานักงานการปฏิรูปท่ดี ินเพ่ือเกษตรกรรม
ตอไป และไดแกไขรูปแผนท่ีและเน้ือที่ตาม ส.ป.ก. 4 - 01 ก.
96
เหลือเฉพาะสวนท่เี กษตรกรผูน้ันครอบครองทําประโยชน จึงเปนการ
กระทําท่ีชอบดวยกฎหมาย (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.
910/2558)
(11) กรณีท่ีมีการตราพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตปฏิรูป
ท่ดี ินโดยมีเน้ือทค่ี รอบคลุมถงึ ท่ีดินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดิน
ประเภทใชป ระโยชนข องแผน ดนิ โดยเฉพาะ ซึง่ เปนทรี่ าชพัสดุ พระราช
กฤษฎีกาขางตนจะมีผลเปนการถอนสภาพการเปนสาธารณสมบัติของ
แผนดนิ ของทดี่ ินดงั กลาวก็ตอ เม่ือกระทรวงการคลงั ไดใหความยินยอมแลว
ทง้ั นี้ ตามนยั มาตรา 26 วรรคหนึ่ง (2) แหงพระราชบัญญตั ิการปฏิรูป
ทด่ี ินเพ่ือเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 เมอ่ื ขอเท็จจรงิ ตามคดนี ้ีไมปรากฏ
วา กระทรวงการคลังไดใหค วามยนิ ยอมใหน าํ ท่ีดินดังกลาวมาดาํ เนนิ การ
ปฏิรูปที่ดิน และไมปรากฏดวยวาไดมีการถอนสภาพที่ดินดังกลาวจาก
การเปนสาธารณสมบัติของแผนดินตามหลักเกณฑและวิธีการท่ี
กฎหมายวาดวยท่ีราชพัสดุกําหนดไว สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพ่ือ
เกษตรกรรมจึงไมม ีอาํ นาจนําท่ีดินนั้นไปใชปฏิรูปท่ีดินเพือ่ เกษตรกรรม
ได ดังน้ัน การที่คณะกรรมการปฏิรูปท่ีดินจังหวัดพิจารณาคําขอเขา
ทาํ ประโยชนใ นเขตปฏริ ปู ที่ดินดงั กลา วแลวมีมติใหย กคาํ ขอ จึงเปนการ
ใชด ุลพินิจโดยชอบดวยกฎหมายแลว (คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสดุ
ท่ี อ.226/2560)
97
(12) เมื่อระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
วา ดว ยหลกั เกณฑ วิธกี าร และเงอื่ นไขในการคดั เลือกเกษตรกร ซง่ึ จะมี
สิทธิไดรับที่ดินจากการปฏิรูปท่ีดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2535 มไิ ด
กาํ หนดกรอบระยะเวลาในการปฏบิ ัตหิ นาทข่ี องสํานักงานการปฏิรูปที่ดิน
จังหวัดในการพิจารณาขอพิพาทเก่ียวกับการคัดคานประกาศรายชื่อ
เกษตรกรผูไดรับการคัดเลือกใหเขาทําประโยชนในเขตปฏิรูปที่ดินไว
อันถือเปนขั้นตอนกระบวนการพิจารณาทางปกครอง สํานักงานการ
ปฏิรูปที่ดินจังหวัดจึงควรพิจารณากรณีดังกลาวใหแลวเสร็จภายใน
ระยะเวลาอันสมควร คือ ภายใน 90 วัน นับแตวันที่ไดรับเร่ืองรอง
คัดคาน ดังนั้น การท่ีสํานักงานการปฏิรูปท่ีดินจังหวัดรวบรวม
พยานหลักฐานจนไดขอเท็จจริงเพียงพอแกการพิจารณาขอพิพาท
ดงั กลาว แตกลับไมดําเนินการเสนอเร่ืองตอ คณะกรรมการปฏิรูปท่ดี ิน
จังหวัดเพ่ือพจิ ารณาทบทวนมตแิ ละดาํ เนินการมอบหนังสืออนุญาตให
เขาทําประโยชนในเขตปฏิรูปท่ีดินใหแกผูมีสิทธิหรือเกษตรผูไดรับ
คดั เลอื กใหเขาทาํ ประโยชนในทดี่ ินใหแลวเสร็จภายในระยะเวลา 90 วัน
ดังที่กลาวขางตน ยอมเปนการละเลยตอหนาท่ีตามที่กฎหมาย
กําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาที่ดังกลาวลาชาเกินสมควร
(คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.508/2560)
(13) กรณีท่ีมีผูยื่นคัดคานการออกหนังสืออนุญาตใหเขา
ทําประโยชนในเขตปฏิรูปที่ดินโดยอางวาเปนการออกผิดพลาด
คลาดเคลอื่ นน้นั ยอ มเปนอาํ นาจหนา ทีข่ องปฏิรูปที่ดินจังหวัดทจี่ ะตอง
ดําเนินการเพื่อหาขอเท็จจริงและมีคําวินิจฉัยใหเปนท่ียุติวาเปนการ
98
ออกหนังสืออนุญาตใหเขาทําประโยชนในเขตปฏิ รูปที่ดิน
โดยผิดพลาดคลาดเคล่ือนท่ีจะตองเพิกถอนตามขอ 10 ของระเบียบ
คณะกรรมการปฏิรูปท่ีดินเพื่อเกษตรกรรม วาดวยการออก แกไข
เพมิ่ เติม เพิกถอนและออกใบแทนหนงั สอื อนุญาตใหเขา ทําประโยชนใน
เขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2540 หรือไม ซ่ึงแมระเบียบดังกลาวจะไมได
กาํ หนดระยะเวลาทปี่ ฏริ ูปท่ีดินจังหวัดจะตองดําเนินการดงั กลาวเอาไว
เปนการเฉพาะ แตก็ควรดําเนินการตรวจสอบและมีคําวินิจฉัยใหแลว
เสรจ็ ภายในระยะเวลาอันสมควร คอื ภายใน 90 วัน นับแตว ันทไี่ ดรับ
หนังสือคัดคาน เวนแตมีเหตุอันสมควรอยางใดอยางหนึ่งที่ทําให
ไมสามารถดําเนินการใหแลวเสร็จภายในระยะเวลาดังกลาวได
เม่ือภริยาของผูไดรับหนังสืออนุญาตใหเขาทําประโยชนในเขตปฏิรูป
ที่ดินซ่ึงมีสิทธิที่จะไดรับสิทธิที่จะไดรับสิทธิการเขาทําประโยชนใน
ทีด่ ินโดยตกทอดทางมรดกเปนลําดับแรกสละสิทธิในการรับมรดกสิทธิ
การเขาทําประโยชนในที่ดิน สิทธิการเขาทําประโยชนในท่ีดินยอม
ตกทอดแกทายาทโดยธรรมของผูไดรับอนุญาตใหเขาทําประโยชน
ในเขตปฏิรูปที่ดินเฉพาะบุตรโดยชอบดวยกฎหมายท่ีเปนเกษตรกร
ซึ่งในกรณีท่มี ีบตุ รโดยชอบดวยกฎหมายทเ่ี ปนเกษตรกรหลายคนขอรับ
มรดกสิทธิ และบุตรเหลาน้ันไดตกลงกันแลววาจะใหผูใดเปนผูไดรับ
สิทธิในท่ีดินสวนใด พรอมท้ังยื่นเปนหนังสือแจงตอสํานักงานการ
ปฏริ ูปท่ีดนิ จังหวดั คณะกรรมการปฏิรูปที่ดนิ จังหวัดยอมอาํ นาจหนาที่
ตองพิจารณาแบงแยกสิทธิการเขาทําประโยชนในท่ีดินใหแกบรรดา
99
ทายาทดังกลาวตามที่ตกลงกัน ทั้งนี้ ตามมาตรา 39 แหง
พระราชบัญญตั กิ ารปฏริ ูปทีด่ ินเพอื่ เกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ประกอบ
กบั มติคณะกรรมการปฏิรูปท่ดี ินเพ่ือเกษตรกรรม ในการประชุมครั้งท่ี
5/2533 เมื่อวันที่ 10 ตลุ าคม 2533 ซึ่งเปนหลักเกณฑท่ีใชบังคับ
อยใู นขณะนนั้ การทีค่ ณะกรรมการปฏิรปู ทีด่ นิ จังหวัดไมดําเนนิ การตาม
อาํ นาจหนาทเ่ี ชนวา น้ี แตก ลบั ออกประกาศการขอรับมรดกสทิ ธิการเขา
ทาํ ประโยชนใหแ กบ ตุ รโดยชอบดว ยกฎหมายท่ีเปนเกษตรกรเพียงรายใด
รายหน่ึงเต็มทั้งแปลง เพื่อเปดโอกาสใหผูมีสวนไดเสียยื่นคําคัดคาน
การขอรับมรดกสิทธกิ ารเขาทําประโยชนในท่ดี ิน จงึ เปนการกระทาํ ท่ีไม
ถกู ตองตามขนั้ ตอนหรอื วธิ กี ารอันเปนสาระสําคญั ที่กฎหมายกาํ หนดไว
และเปนการออกประกาศการขอรับมรดกสิทธิการเขา ทาํ ประโยชนเกนิ
กวาสวนที่บุคคลน้ันจะไดรับมรดก และแมครบกําหนดตามประกาศ
แลวจะไมมีผูใดคัดคานการขอรับมรดกก็มิอาจถือไดวาบรรดาทายาท
โดยธรรมคนอ่ืน ๆ ท่ีเปนเกษตรกรสละสิทธิการรับมรดกสิทธิการเขา
ทําประโยชนในท่ีดินดังกลาว (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ อ.
246/2562)
(14) สิทธิการเขาทําประโยชนในเขตปฏิรูปที่ดินเพ่ือ
เกษตรกรรมเปน สทิ ธเิ ฉพาะตัวของผูไดร ับอนุญาตใหเขา ทาํ ประโยชนใน
เขตปฏิรูปที่ดิน มิใชทรัพยมรดกที่จะตกทอดแกทายาทตามมาตรา
1600 และมาตรา 1599 แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
เมื่อผูรับอนุญาตถึงแกความตาย สิทธิดังกลาวจึงหมดส้ินไปทันทีตาม
ขอ 11 วรรคหนึ่ง (1) และวรรคสอง ของระเบียบคณะกรรมการปฏิรูป
100
ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม วาดวยการใหเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร
ผูไดรับท่ีดินจากการปฏิรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรมปฏิบัติเก่ียวกับการ
เขาทําประโยชนในท่ีดิน พ.ศ. 2535 ซ่ึงแกไขเพิ่มเติมโดยระเบียบฯ
(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2540 และไมอ าจถือวาเปนมรดกทท่ี ายาทโดยธรรม
มีสิทธิไดรับตามสวนตามมาตรา 1629 มาตรา 1633 และมาตรา
1635 แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย การที่คณะกรรมการ
ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมไดมีมติในการประชุมครั้งที่ 7/2544
เม่ือวันท่ี 8 พฤศจิกายน 25844 กําหนดใหสามีหรือภริยาของ
เกษตรกรผูไดรับสิทธิการเขาทําประโยชนในเขตปฏิรูปท่ีดินที่ถึงแก
ความตาย เปนผูไดรับการพิจารณาใหไดสิทธิการเขาทําประโยชน
ในที่ดินดังกลาวเปนลําดับแรก โดยผูรับมรดกสิทธิดังกลาวตองเปน
เกษตรกรและไมมีท่ีดินทํากินของตนเองเพียงพอแกการครองชีพ
รวมท้ังไมไดรับการจัดที่ดินจาก ส.ป.ก. หรือไดรับการจัดจาก ส.ป.ก.
อยกู อนแลว และเน้ือท่รี ับโอนหรือตกทอดรวมกันไมเ กนิ ขนาดถือครอง
ท่ีดินตามที่กฎหมายกําหนด เปนการกําหนดหลักเกณฑเพื่อใหเกิด
ความเปนธรรมแกบ ุคคลในครอบครัวของเกษตรกรผูถึงแกค วามตายที่
ไดรวมพัฒนาและเขาทําปกระโยชนในที่ดิน และเพ่ือใหเปนไปตาม
วัตถุประสงคของพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพ่ือเกษตรกรรม
พ.ศ. 2518 ท่ีตองการใหเกษตรกรแตละรายมีท่ีดินทํากินอยางเพียง
จงึ เปนการกาํ หนดหลักเกณฑท ไ่ี มขดั ตอบทบัญญัติมาตรา 1600 และ
มาตรา 1629 แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย (คําพิพากษา
ศาลปกครองสงู สุด ที่ อ.305/2562)
101
(15) ที่ดินในเขตปฏิรูปท่ีดินท้ังหมดเปนกรรมสิทธิ์ของ
สํานักงานการปฏริ ูปทีด่ นิ เพอื่ เกษตรกรรม ที่ดินดังกลาวท้งั หมดจึงเปน
ที่ดินของรฐั ผูทีไ่ ดรับอนญุ าตใหเขาทําประโยชนในเขตปฏิรูปทด่ี ินหรือ
ผูมีสิทธิไดรับท่ีดินจากการปฏิรูปท่ีดินจะตองเปนผูมีคุณสมบัติและ
จะตอ งปฏบิ ัติตามหลักเกณฑที่กฎหมายทก่ี ฎหมายวาดว ยการปฏิรูปท่ีดิน
กําหนด โดยพิจารณาถึงคณุ สมบัติของเกษตรกรท่ีขอรับสิทธิเปนแตล ะ
รายไป ผูมีสิทธิไดรับท่ีดินจากการปฏิรูปท่ีดินไมมีอํานาจหรือมีสิทธิ
ทํานติ ิกรรมเพอ่ื กําหนดตวั บคุ คลใดในการสืบสิทธิการเขา ทาํ ประโยชน
ในทีด่ นิ ไดเอง อาํ นาจในการอนุญาตใหบ คุ คลใดเขาทาํ ประโยชนในทด่ี ิน
ดังกลาวตอ งเปนไปตามหลักเกณฑที่กําหนดไวในพระราชบัญญัติการ
ปฏริ ูปทด่ี นิ เพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 และท่แี กไขเพ่ิมเติม ตลอดจน
ระเบียบที่เกี่ยวของสิทธิการเขาทาํ ประโยชนในที่ดินแปลงปฏิรูปที่ดิน
จงึ เปนเรอ่ื งเฉพาะตัว ผไู ดรับสิทธิใหเขา ทําประโยชนในเขตปฏิรูปทด่ี ิน
ไมม ีอาํ นาจกําหนดตัวผูสืบสทิ ธดิ งั กลา วโดยทางพินัยกรรม ดงั นั้น กรณี
ทผ่ี ูไดรับอนุญาตใหเขาทาํ ประโยชนในเขตปฏิรูปที่ดินถึงแกความตาย
และทายาทของบุคคลดังกลาวยื่นคําขอรับมรดกสิทธิการเขาทํา
ประโยชนใ นเขตปฏิรูปท่ีดิน ยอมเปนอํานาจของคณะกรรมการปฏริ ูป
ท่ีดินจังหวัดท่ีจะอนุญาตใหบุคคลที่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ
ท่ีกฎหมายกําหนดเปน ผไู ดร บั สิทธิเขาทําประโยชนในทีด่ ินตอ ไปไดตาม
มาตรา 30 แหงพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
พ.ศ. 2518 และท่แี กไขเพม่ิ เติม (คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.
714/2560)
103
8. การจัดท่ีดินเพ่อื การครองชีพ
8.1 การจัดท่ีดินในรปู นคิ มสรางตนเอง
(1) กรณีท่ีมบี ุคคลครอบครองท่ีดนิ มากอนวันทม่ี ีกฎกระทรวง
กําหนดใหท่ีดินดังกลาวเปนปาสงวนแหงชาติใชบังคับ แตบุคคล
ดงั กลาวมิไดดําเนินการเพื่อขอใหตนมีสิทธิหรอื ใชประโยชนในท่ีดินท่ี
ตนครอบครองตามมาตรา 12 วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญตั ิปาสงวน
แหงชาติ พ.ศ. 2507 และเมื่อมีการตราพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคม
สรางตนเองในทองทท่ี ี่ทดี่ นิ นน้ั ตงั้ อยู โดยทางราชการไดน าํ ที่ดินบริเวณ
ดงั กลาวมาจัดสรรใหเปนนิคมสรางตนเอง ก็ไมป รากฏวาบุคคลขางตน
แสดงความประสงคท่ีจะเขาครอบครองทําประโยชนในท่ีดินดังกลาว
โดยการปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฎหมายวาดวยการจัดท่ีดินเพื่อการ
ครองชีพ กรณียอมตองถือวา บุคคลนั้นไมมีสิทธิครอบครองในท่ีดิน
ที่ตนอาศัยอยู และกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการชอบท่ีจะกําหนดให
ที่ดนิ ดังกลาวเปนทีส่ าธารณประโยชนในเขตนิคมสรางตนเองได ดงั นั้น
การที่คณะกรรมการพจิ ารณาคดั เลือกราษฎรเขา เปนสมาชิกนิคมสราง
ตนเองมีมติไมรับผูที่อางวาครอบครองที่ดินตอเน่ืองมาจากบุคคล
ดงั กลาวเขาเปนสมาชิกนิคมสรางตนเองโดยใหเหตุผลวา ผูน้ันไดระบุ
ความประสงคจะขอเขาครอบครองทาํ ประโยชนในทสี่ าธารณประโยชน
ซึง่ ไมส ามารถออกเอกสารสิทธิใหสมาชิกของนิคม จึงเปนการกระทําที่
ชอบดวยกฎหมายแลว (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.
327/2558)
104
(2) บคุ คลทค่ี รอบครองทําประโยชนใ นทดี่ นิ อยูกอนท่จี ะมีการ
ตราพระราชกฤษฎีกากําหนดใหท่ีดินแปลงดังกลาวเปนเขตนิคมสราง
ตนเองโดยไมม หี นังสอื แสดงสิทธิในทีด่ ิน และไมมีหลักฐานการแจงการ
ครอบครองท่ีดิน (ส.ค. 1) ตองถือวามิใชผูมีสิทธิครอบครองโดยชอบ
ดว ยกฎหมาย แมว า ภายหลังจากทม่ี ีการตราพระราชกฤษฎีกาดงั กลาว
บุคคลขางตนจะไดเขาเปนสมาชิกของนิคมสรางตนเอง กรณีก็ยอมไม
อาจถือไดวาบุคคลน้ันเปนผูมีสิทธิในท่ีดินแปลงดังกลาวดีกวาสมาชิก
นิคมสรางตนเองรายอ่ืนท่ีมีคุณสมบัติตามเง่ือนไขและหลักเกณฑท่ี
กฎหมายกําหนดใหไดเขาทําประโยชนในท่ีดินตามมาตรา 8 แหง
พระราชบัญญัติจัดที่ดินเพ่ือการครองชีพ พ.ศ. 2511 และไดรับการ
พิจารณาออกหนงั สอื แสดงการทาํ ประโยชน (น.ค. 3) ในทีด่ ินแปลงนั้น
ไปแลว ดังนัน้ การที่กรมพฒั นาสังคมและสวัสดกิ ารนําทด่ี ินดังกลาวไป
จัดใหแกสมาชิกนิคมสรางตนเองรายนั้น และตอมามีการออก น.ค. 3
ในท่ีดินดังกลาวใหแกทายาทโดยธรรมของผูน้ัน จึงเปนการกระทําที่
ชอบดวยกฎหมายแลว (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.
1567/2559)
8.2 การจดั ทด่ี นิ ในรูปนคิ มสหกรณ
(1) การจัดท่ีดินของรัฐจะตองดําเนินการตามกฎเกณฑที่
กาํ หนดในกฎหมายอยางเครงครัด และเมื่อพิจารณาแผนผังแสดงเขต
ท่ีดินของนิคมสหกรณแลวปรากฏวาเปนท่ีดินที่อธิบดีกรมสงเสริม
สหกรณม ีเจตนาสงวนไวใหสมาชิกใชประโยชนรวมกัน กรณจี ึงยอมไม
105
สามารถอนุญาตใหสมาชิกนิคมสหกรณคนใดเขาทําประโยชนในท่ีดิน
ดงั กลาวตามมาตรา 37 แหงพระราชบัญญัติจดั ท่ีดินเพื่อการครองชีพ
พ.ศ. 2511 ได ดงั นั้น การทอ่ี ธิบดีกรมสงเสริมสหกรณไ มออกหนังสือ
อนุญาตใหเขาทําประโยชนในท่ีดินของนิคมสหกรณ (กสน. 3) ใหแก
ผูฟองคดี จึงไมเปนการละเลยตอหนาทีต่ ามท่ีกฎหมายกําหนดใหตอง
ปฏิบตั ิ (คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.238/2553 และ ท่ี อ.
366/2553 วินิจฉยั แนวทางเดียวกัน)
(2) การแจงการครอบครองท่ีดินในขณะท่ียังไมมีการตรา
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสหกรณ ไมอาจถือไดว าเปนการสมัครเขา
เปนสมาชิกสหกรณและถือไมไดวาผูแจงการครอบครองเปนผูมีสิทธิ
ครอบครองในท่ีดินของนิคมสหกรณโดยชอบดวยกฎหมาย แมผูถือ
ครองทด่ี ินจะนําคําพิพากษาของศาลยุติธรรมที่พิพากษาวาท่ีดินอยูใน
ความครอบครองของนคิ มสหกรณไปแสดงตอ ผอู ํานวยการนิคมสหกรณ
เพอ่ื ขอใหออกหนังสือแสดงการทําประโยชน (กสน.5) ใหแกผ ูถือครอง
กรณีก็มิใชเปนการสมัครรับการคัดเลือกเขาเปนสมาชิกนิคมสหกรณ
การท่ีอธิบดีกรมสงเสรมิ สหกรณไมดําเนินการออก กสน.5 ใหแกผ ูถือ
ครองจึงไมเปนการละเลยตอหนาที่ตามที่กฎหมายกําหนดใหปฏิบัติ
และเม่ือปรากฏวามีราษฎรรายอื่นเขามาแยงการครอบครองที่ดิน
ดงั กลา วโดยเปน ผไู ดรบั การคดั เลือกใหเขาเปน สมาชิกนิคมสหกรณและ
ไดยืน่ คําขออนญุ าตเขา ทําประโยชนท่ีดิน ทั้งยงั ดําเนินกระบวนการออก
เอกสาร กสน. 5 ใหแกราษฎรรายน้ันอยางถูกตองตามข้ันตอนของ
106
กฎหมายการออก กสน. 5 ใหแกราษฎรดงั กลาวยอมเปนการกระทําที่
ชอบดวยกฎหมายแลว (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.
534/2554)
(3) ท่ีสาธารณสมบัติของแผนดินสาํ หรับพลเมอื งใชรวมกันจะ
ส้นิ สภาพการเปนทสี่ าธารณสมบตั ขิ องแผนดนิ กต็ อ เมื่อมกี ารถอนสภาพ
โดยพระราชบัญญตั หิ รอื พระราชกฤษฎกี าตามมาตรา 8 วรรคสอง แหง
ประมวลกฎหมายที่ดนิ ดังนน้ั แมป ระกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบับท่ี 153
ลงวนั ที่ 24 พฤษภาคม 2515 ทมี่ ฐี านะเทียบเทา กบั พระราชกฤษฎีกา
จะระบุใหจัดต้ังนิคมสหกรณข้ึนโดยแนวเขตท่ีดินตามแผนท่ีทาย
ประกาศครอบคลมุ ท่ีสาธารณประโยชนด วย แตขอความในประกาศมไิ ด
บัญญตั ิอยางชัดแจงวาใหมีผลเปนการถอนสภาพทีส่ าธารณประโยชน
กรณีจึงตองถือวาที่ดินดังกลาวยังมีสภาพเปนท่ีสาธารณสมบัติของ
แผนดินสําหรับพลเมืองใชรวมกัน ซ่ึงนายอําเภอทองที่มอี ํานาจหนาที่
ในการดูแลรักษาและคุมครองปองกันตามมาตรา 122 แหง
พระราชบัญญัติลักษณะปกครองทองที่ พระพุทธศักราช 2457
รวมทั้งมีอํานาจหนาที่นําที่ดินแปลงดังกลาวมาออกหนังสือสําคัญ
สําหรับที่หลวงได ตามมาตรา 8 ตรี แหงประมวลกฎหมายที่ดิน
พระราชบัญญัติจัดทดี่ ินเพ่ือการครองชีพ พ.ศ. 2511 มีวัตถุประสงค
เพ่ือจัดสรรที่ดนิ ของรัฐใหแกป ระชาชนไดม ีท่ีตั้งเคหสถานและประกอบ
อาชีพเปนหลักแหลงในที่ดินตนเอง โดยที่ดินที่นํามาจัดสรรใหแก
107
ประชาชนตามวัตถุประสงคดังกลาวตองเปนท่ีดินของรัฐซ่ึงมีลักษณะ
เปนท่ีดนิ รกรา งวางเปลา กรมสงเสริมสหกรณและหัวหนานิคมสหกรณ
จึงไมสามารถนําท่ีดินที่มีสถานะเปนท่ีสาธารณสมบัติของแผนดิน
สําหรบั พลเมืองใชร ว มกนั ตามมาตรา 1304 (2) แหงประมวลกฎหมาย
แพงแล ะพาณิชย มาจัดสรรใหแกสมาชิกนิคมสหกรณตาม
พระราชบัญญัติจัดท่ีดินเพ่ือการครองชีพ พ.ศ. 2511 ได
(คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.985/2561)
109
9. ทรี่ าชพัสดุ
(1) การท่ีธนารักษจังหวัดไดมีหนังสือแจงผลการตรวจสอบ
ขอ เท็จจรงิ ใหกรมธนารักษพ ิจารณาเพิกถอนทะเบียนท่ีราชพัสดุ แตไม
ปรากฏวา กรมธนารักษไ ดดําเนนิ การหรือส่ังการในเรือ่ งดังกลา วประการ
ใดภายในเวลาอันควร จนกระท่ังหลังจากที่ไดมีการฟองเปนคดีนี้
กรมธนารักษจึงไดมีหนังสือส่ังการใหธนารักษพื้นที่ดําเนินการ
ตรวจสอบขอเท็จจริงโดยแตงต้ังคณะกรรมการประกอบดวยบุคคลที่
กําหนดตามแนวทางที่กรมธนารกั ษก ําหนดทแ่ี จง เวียนจังหวัดถอื ปฏิบัติ
ตาม ยอ มถือไดวา กรมธนารักษป ฏิบัตหิ นา ทีใ่ นการดาํ เนินการเพกิ ถอน
ทะเบียนทีร่ าชพสั ดุลาชาเกินสมควร (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ
ท่ี อ.484/2553)
(2) ที่ดินอันเปนสาธารณสมบัติของแผน ดนิ ท่ใี ชเพือ่ ประโยชน
ของแผน ดนิ โดยเฉพาะแปลงใดหนวยงานทีเ่ ก่ียวของไดเลิกใชประโยชน
แลว กรมธนารักษมีหนาท่ีตามกฎหมายท่ีจะตองพิจารณาดําเนินการ
รวบรวมขอเท็จจริงเก่ียวกับที่ดินแปลงนั้นเสนอตอกระทรวงการคลัง
เพ่ือใหมีการพิจารณาดําเนินการตราพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพจาก
การเปนสาธารณสมบัติของแผนดินตอไป ทั้งนี้ เปนไปตามมาตรา 9
แหงพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518 ซึ่งเปนบทบัญญัติท่ีมี
ลักษณะบังคับใหหนวยงานท่ีเกี่ยวของตองดําเนินการโดยไมไดให
ดุลพินจิ ท่ีจะดาํ เนินการในประการอนื่ การที่กรมธนารักษไ มด ําเนินการ
110
เชนวานี้ยอมเปนการละเลยตอหนาท่ีตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตอง
ปฏบิ ตั ิ (คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.152/2555)
(3) ในกรณีท่ีมีผูยกท่ีดินใหใชเพื่อประโยชนของทางราชการ
โดยมไิ ดก าํ หนดเงอ่ื นไขไวว า เม่อื ทางราชการไมใชหรือเปลี่ยนการใชเพอื่
วัตถุประสงคอื่นจะตองคืนท่ีดินแกผูยกให กรณีเชนวาน้ี แมทาง
ราชการจะมิไดใชประโยชนในที่ดินตามวัตถุประสงคของผูยกให
แตหากปรากฏวา กระทรวงการคลงั กรมธนารักษ รวมไปถึงหนวยงานท่ี
เจาของทด่ี นิ มีเจตนายกทีด่ นิ ให ไดย ินยอมใหหนวยราชการอ่นื นําท่ีดิน
ไปใชเพื่อประโยชนของแผนดนิ และไดม กี ารนําทดี่ ินไปใชเ พื่อประโยชน
ของแผนดินแลวยอมตกเปนท่ีราชพัสดุอันเปนที่สาธารณสมบัติของ
แผนดินท่ีใชเพื่อประโยชนของแผนดินโดยเฉพาะ ซึ่งหากยังมีการใช
ประโยชนอยู มไิ ดเ ลิกใชประโยชน กรณยี อมไมเ ขา เง่อื นไขท่ีจะโอนคืน
แกผูยกใหหรือทายาทข องผูยกใหแตอยางใด (คําพิพากษา
ศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.224/2555)
(4) แบบแสดงรายการท่ดี ินเพือ่ ชําระภาษีบํารุงทองที่ (ภ.บ.ท. 5)
และใบเสร็จรับเงิน ภาษีบํารุงทองที่ มิใชเอกสารแสดงกรรมสิทธ์ิหรือ
สิทธิครอบครองท่ีดิน เปนเพียงแบบแสดงรายการท่ีดินเพอื่ ชําระภาษี
บํารุงทองที่และรับชําระเงินภาษีบํารุงทองที่ที่แสดงวาผูที่มีช่ือใน
ภ.บ.ท. 5 เปนผเู สียภาษบี ํารุงทองท่ี มิใชหลักฐานท่ีรับรองวาเปนผูมี
กรรมสทิ ธ์หิ รอื สทิ ธิครอบครองในทีด่ นิ แปลงที่ไดไปเสียภาษบี ํารุงทองที่
จงึ ไมก อ ใหเ กิดสิทธิตามกฎหมายเหนือทด่ี ินอันจะนําไปอา งจะนําไปอางได
111
โดยชอบดวยกฎหมาย ดังน้ัน เม่ือไมปรากฏพยานหลักฐานอ่ืนใดท่ี
ยืนยันวา ที่ดินพิพาทที่ไดไปเสียภาษีบํารุงทองท่ีเปนท่ีดินท่ีมีการ
ครอบครองทาํ ประโยชนโ ดยชอบดว ยกฎหมายตอเน่อื งกันมากอนทจ่ี ะมี
ประกาศใหท่ีดินบริเวณดังกลาวเปนเขตปาสงวนแหงชาติ กรณียอม
ฟง ไมไ ดวามีบุคคลใดเปนผูมีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดนิ นั้น
โดยชอบดวยกฎหมาย ที่ดินพิพาทจึงเปนท่ีดินของรัฐตามมาตรา 2
แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน และเปนสาธารณสมบัติของแผนดินตาม
มาตรา 1304 แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย การทีก่ รมทาง
หลวงข้ึนทะเบียนท่ีดินริมทางหลวงซ่ึงรวมถึงที่ดินพิพาท เพ่ือใช
ประโยชนแกงานทาง (แปลงวัดสุ) ไวในทะเบียนแสดงที่ดินนอกเขต
ทางหลวง (ด./1) ไดรับอุทิศ หรือซอื้ หรือสงวน หรือข้ึนทะเบียนไวใช
ประโยชนของกรมทางหลวง และการท่ีรัฐมนตรีวาการกระทรวง
คมนาคมไดออกประกาศกระทรวงคมนาคมสงวนที่ดินริมทางหลวง
ดังกลาวเพื่อประโยชนแ กง านทาง จึงเปนการกระทําท่ีชอบดว ยมาตรา
65 วรรคหน่ึง และวรรคสอง แหงพระราชบัญญัติทางหลวง
พ.ศ. 2535 แลว เม่ือไมปรากฏวาผูมใี ดโตแยงสิทธิในการประกาศให
ที่ดนิ ดังกลา วเปน ทด่ี นิ สงวนของกรมทางหลวง ท่ดี นิ ดังกลาวยอมตกอยู
ในความคุมครองของผูอํานวยการทางหลวง หามมิใหผูใดเขา
ครอบครอง หักราง จัดทํา หรือปลูกสรางดวยประกาศใดๆ ในท่ีดิน
เวนแตไดรับอนุญาตเปนหนังสือจากผูอํานวยการทางหลวง ท้ังนี้
112
ตามมาตรา 65 วรรคสาม แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน การข้ึน
ทะเบียนแสดงท่ดี ินนอกเขตทางหลวง (ด./1) ดังกลาว และการนําปาย
แสดงเขตท่ดี ินสงวนของกรมทางหลวงมาปกไวในท่ีดินพิพาท จึงไมเปน
ก า ร ก ร ะ ทํ า ล ะ เ มิ ด ต อ ผู เ สี ย ภ า ษี บํ า รุ ง ท อ ง ที่ ใ น ที่ ดิ น ดั ง ก ล า ว
(คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุด ท่ี อ.366/2562)
113
10. การจดั รูปทีด่ ินเพ่อื เกษตรกรรม
การกําหนดแปลงท่ีดินใหใ หมโ ดยออกเปนโฉนดทด่ี ินฉบับใหม
ท่ีมเี นือ้ ที่ลดลงจากทม่ี อี ยูใ นฉบบั เดิมอนั เน่อื งมาจากการหักเนื้อท่ีดินไม
เกิ นร อยละเจ็ ดของมู ลค าประเมิ นที่ ดิ นเดิ มเพ่ื อสร างสิ่ ง
สาธารณประโยชนตามมาตรา 37 ประกอบมาตรา 39 แหง
พระราชบัญญตั ิจัดรูปท่ีดินเพอื่ เกษตรกรรม พ.ศ. 2517 ยอมเปนการ
กระทําท่ีชอบดวยกฎหมาย และวัตถุประสงคของการจัดรูปที่ดินเปน
การนําท่ีดินทุกแปลงท่ีเขารวมโครงการจัดรูปท่ีดินมารวมกันเพ่ือวาง
ผังจัดแปลงท่ีดินใหม สํานักงานจัดรูปทีด่ ินจังหวัดจึงสามารถนําท่ีดิน
ทั้งหมดมาปรับและชดเชยเนื้อที่กันได ซึ่งหากมีการดําเนินการตาม
ข้ันตอนของการจัดรปู ท่ดี ินครบถว นแลว ต้ังแตเ ริ่มประกาศกําหนดเขต
ทอ งท่ีที่จะสํารวจเปนเขตโครงการจัดรูปที่ดิน จนกระทง่ั มกี ารกําหนด
แปลงที่ดินใหมใหแกผูเขารวมโครงการ กรณียอมไมเปนการละเลย
ตอ หนาทต่ี ามท่กี ฎหมายกาํ หนดใหต องปฏบิ ัตแิ ตอ ยา งใด (คาํ พิพากษา
ศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.712/2554)
115
11. กรณอี ่ืนๆ
การอุทิศทด่ี ินใหก ับทางราชการ
(1) การท่ีวัดซึ่งเปนเจาของท่ีธรณีสงฆมีพฤติการณอุทิศ
ที่ธรณีสงฆใ หเปนถนนสาธารณะโดยปริยาย กรุงเทพมหานครและ
ผูว า ราชการกรุงเทพมหานครยอมมอี ํานาจออกประกาศลงทะเบียน
ถนนดังกลาวใหเปนทางหลวงเทศบาล โดยไมจําตองดําเนินการโอน
กรรมสิทธ์ิทดี่ ินพพิ าทตามกฎหมายวาดว ยคณะสงฆ (คําพิพากษา
ศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.252/2552)
(2) การท่ีผูจัดการมรดกไดยกท่ีดินมรดกบางสวนแก
ทางราชการเพ่ือใชเปน ทป่ี ลูกสรางอาคารเรียนโดยมไิ ดร ับความยินยอม
จากทายาท แมจ ะฟง มไิ ดว าเปนการทาํ นิตกิ รรมซ่งึ ตนมสี วนไดเสียเปน
ปฏิปกษตอกองมรดก แตก ารดําเนินการดังกลา วก็เปน การกระทาํ ทีเ่ กนิ
ขอบอํานาจของผูจัดการมรดกท่ีจะตองทําการอันจําเปนเพ่ือจัดการ
มรดกโดยท่ัวไปหรือแบงปนทรัพยมรดกใหแกทายาทตามมาตรา
1719 แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย อยางไรก็ตาม
หากทายาททราบมาตลอดถงึ การกระทําน้ีแตมิไดคัดคา น กรณถี ือไดวา
ทายาทใหสัตยาบันโดยปริยายแกการดําเนินการดังกลาวแลว ทําให
ที่ดนิ ดังกลา วตกเปน สาธารณสมบตั ิของแผนดนิ ซ่ึงผจู ัดการมรดกมอิ าจ
โอนที่ดินไปใหแกบุคคลอื่นหรือแมกระทั่งทายาทไดอีก สํานักงาน
ธนารักษพื้นที่ยอมมีอํานาจนําที่ดินแปลงน้ีไปข้ึนทะเบียนเปนท่ี
ราชพสั ดุ (คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.36/2553)
116
117
118
คณะผจู ัดทาํ
ท่ปี รึกษา รองอธิบดกี รมท่ดี ิน
นายสรุ พล ศรีวโิ รจน
ผูจัดทาํ
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคญั
นายอาํ นวย พิณสวุ รรณ ผอู าํ นวยการสํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คัญ
นายวชั ระ มาลยั มาตร ผูเ ช่ยี วชาญเฉพาะดานการออกหนงั สอื สาํ คัญ
นายสมบัติ ลาออน ผูอาํ นวยการสวนมาตรฐาน
การออกหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นทด่ี นิ
นายอรรถพล อาบสวุ รรณ นักวชิ าการทด่ี ินชาํ นาญการพิเศษ
นางวลยั ลักษณ พรเลศิ ลักษณ นกั วิชาการท่ีดนิ ชาํ นาญการพิเศษ
นางประณอม ชลายนนาวนิ นักวิชาการทด่ี นิ ชํานาญการพิเศษ
นางสาวกอ งกาญจน อ่ิมพทิ กั ษ นักวชิ าการท่ีดินชํานาญการพิเศษ
นายพันธุเทพ ปทุมานนท นักวิชาการที่ดนิ ชาํ นาญการพเิ ศษ
นางสาวสุเนตร สุริวงษ นักวิชาการทด่ี นิ ชํานาญการพิเศษ
นางสาวมนทิรา ขนั คาํ นักวิชาการทด่ี ินชาํ นาญการพเิ ศษ
นายคณิน เศวตวงศ นกั วิชาการที่ดนิ ปฏบิ ัติการ
นางกรกมล อนิ ทนรุ ักษ เจาหนาทธี่ ุรการ
นางสาวจรสั ศรี บํารงุ ศกั ดิ์ เจา หนา ที่ธรุ การ
นางสาวพชี ญาดา หมน่ั หมาย เจาหนาที่ธรุ การ
นางสาวอาภาพรรณ ชธู รรม เจา หนา ท่ีธุรการ
คณะเจาหนาทีส่ ํานักมาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คัญ
กองการพิมพ
นายแสงชัย ธนพาณชิ ยว ฒั นา ผูอ าํ นวยการกองการพมิ พ
และคณะเจา หนาทกี่ องการพิมพท กุ ทาน