ยุทธศาสตรสงเสริมการทองเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดเพชรบุรี
ตามรอยกวีนิพนธนิราศเมืองเพชรของกวีเอกสุนทรภู
Strategies to Promote Cultural Tourism of Petchaburi Province
Through the Trails of Travel Poetry: Niras Meung Petch
by SUNTHONPHU, a Renowned Poet
บทท่ี 1
บทนำ
ควำมเป็นมำและควำมสำคญั ของปญั หำ
การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมทีก่ ่อใหเ้ กิดการพฒั นาและมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม
สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมารัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมและ
ขับเคลื่อนการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีการพัฒนา
และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ผกผันไปตามปัจจัยทีเ่ กีย่ วข้อง ได้แก่ ปจั จยั ด้านการเมอื ง เศรษฐกิจ สังคม
วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ในอนาคต
ด้วยโอกาสและความหลากหลายของทรัพยากรการท่องเที่ยวที่มีมากมาย ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทาง
ธรรมชาติ และสถาปัตยกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้น รวมไปถึงศิลปวัฒนธรรม ประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์
วิถีชีวิตของผู้คนและอัธยาศัยไมตรีที่ดีงามของคนไทย (แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 2
(พ.ศ.2560-2564) ทาให้ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจานวนมากออกเดินทาง
ไปสัมผัสกับความงดงามที่มีเสน่ห์ของแหล่งท่องเที่ยวในเมืองไทยอย่างสม่าเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
สถานการณ์การท่องเที่ยวในปัจจุบันเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวทีม่ ีแนวโน้มสนใจ
ในการท่องเที่ยวพิเศษ ซึ่งมีส่วนสาคัญต่อการกาหนดทิศทางด้านการพัฒนาการท่องเที่ยว (Special
interest tourism) ตัวอย่างเช่น กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงศาสนา ซึ่งร่วมกับ
ผู้ประกอบการท่องเที่ยวนาเสนอสินค้าและบริการที่สอดคล้องกับความสนใจในพฤติกรรมของ
กลุ่มเป้าหมาย พร้อมท้ังสร้างสรรค์สินค้าและบริการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความสนใจพิเศษ ทาให้
ทิศทางการท่องเที่ยวของไทยต้องปรบั เปลี่ยนตลอดเวลา (กระทรวงการท่องเทีย่ วและกีฬา, 2558)
ผลการสารวจของนิตยสาร CEO World ซึง่ จัดอนั ดับประเทศทีม่ วี ัฒนธรรมทรงอิทธิพลต่อโลก
“World’s Best Countries for Cultural Heritage Influence, 2021” พบว่า ประเทศไทยอยู่ในอันดับ
TOP 5 ของโลก รองลงมาจากประเทศอิตาลี กรีซ สเปน และอินเดีย ตามลาดับ (นิตยสาร CEO World ,
2564) และผลสารวจการท่องเที่ยวของไทยในปี 2563 สาหรับเมืองหลัก-เมืองรอง 10 อันดับแรกของ
เมืองหลกั ทีส่ รา้ งรายได้ใหป้ ระเทศไทย ท่ามกลางสถานการณ์โควิด 19 ได้แก่ กรงุ เทพ เชยี งใหม่ ชลบุรี
ภูเก็ต สงขลา ประจวบคีรีขันธ์ กาญจนบุรี กระบี่ เพชรบุรี และนครราชสีมา โดยจังหวัด เพชรบุรีเป็น
1 ใน 10 เมืองหลักที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 13,549 ล้านบาท (กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
และกีฬา, 2563)
2
จังหวดั เพชรบุรีตง้ั อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรงุ เทพมหานคร เปน็ เมืองด่านสาคัญระหว่าง
ภ า ค ก ล า ง แ ล ะ ภ า ค ใ ต้ เ ป็ น เ มื อ ง ท่ อ ง เ ที่ ย ว ที่ มี ชื่ อ เ สี ย ง เ น่ื อ ง จ า ก มี ส ภ า พ ท า ง ธ ร ร ม ช า ติ แ ล ะ
ภูมิประเทศที่สวยงาม หลากหลาย ตลอดจนมีพื้นที่ชายฝ่ังทะเลด้านอ่าวไทย ส่งผลให้มีสถานที่
ท่องเที่ยวมากมายที่มีชื่อเสียงและยังคงธรรมชาติอันงดงามสมบูรณ์ในหลากรูปแบบ ทั้งนี้ สถานที่
ท่องเที่ยวที่โดดเด่นในจังหวัดเพชรบุรี สามารถจาแนกได้เป็น 3 ลักษณะ ได้แก่ เมือง 3 วัง
คือ พระนครคีรี พระรามราชนิเวศน์ และพระราชนิเวศมฤคทายวัน รวมถึงเมือง 3 ทะเล คือ ทะเล
เม็ดทราย ทะเลโคลน และทะเลหมอก นอกจากน้ัน ยังเป็นเมือง 3 รส คือ รสหวานของตาลโตนด
รสเค็มของเกลือสมุทร และรสเปรี้ยวของมะนาว (แผนพัฒนาจังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. 2561-2565)
จากวิสัยทัศน์ของจังหวัดเพชรบุรี ได้กล่าวถึง การสร้างแบรนด์ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เชิงอนุรักษ์
ธรรมชาติและพัฒนาจติ ใจไว้อย่างน่าสนใจว่า เมืองเพชรบรุ ีหรอื เมืองพริบพลี เป็นเมืองหน้าด่านในสมัย
โบราณ มีแหล่งท่องเที่ยวที่สาคัญ ได้แก่ มรดกโลกอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ล่องเรือชมแม่น้าเพชร
สายน้าสาคัญที่นาน้ามาประกอบในพิธีพิพัฒน์สัตยา เล่ากันว่าน้าในแม่น้าเพชรมีรสหวาน มีแสง
ระยิบระยับในเวลาค่าคืน เหมือนเพชรพลอย สมบัติแม่น้าเพชร ท่องเที่ยวชุมชนตลาดริมน้า
ชมภาพวาดสะท้อนชุมชนคนไทยเชอื้ สายจีน อ่านเรือ่ งสน้ั ของกวีซีไรท์ มนัส จรรยงค์ ชิมขนมไทยโบราณ
ขนมหวานเมืองเพชร สัมผัสวิถีชุมชน วัฒนธรรมเก่า ชื่นชมศิลปะสกุลช่างเมืองเ พ ชร
ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนโบราณ พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่ สัมผัสเมืองเก่าเล่าเร่ืองเมืองมรดกทางวัฒนธรรม
เที่ยววัดชมวัง และงานป้ันเลื่องชื่อ ศลิ ปะสมัยอยธุ ยา (สานกั งานจังหวัดเพชรบุรี, 2561) อีกทั้งเพชรบุรี
ยังเปน็ จังหวัดหนึ่งในโครงการไทยแลนด์รเิ วียร่า พืน้ ที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ตอนบน หรอื ถนนเลียบชายฝ่ัง
ทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทย (The Royal Coast หรือ Thailand Riviera) โดยเริ่มตั้งแต่จังหวัดเพชรบุรี
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร และจังหวัดระนอง ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวริมฝั่งทะเลที่มีความ
หรูหรา มีคุณภาพ และมีความหลากหลายเช่นเดียวกับริเวียร่าของประเทศฝรั่งเศส และริเวียร่าของ
ประเทศอติ าลี เพือ่ ดึงดูดการลงทุนและการท่องเทีย่ วในพืน้ ที่เพือ่ ยกระดับการท่องเที่ยวในพืน้ ทีด่ ังกล่าว
สู่ระดับนานาชาติ (มตชิ นออนไลน์, 2564)
ในด้านของแนวทางการพัฒนาการท่องเทีย่ วให้ได้รบั ความนยิ มเพิ่มมากขึ้นน้ัน มแี นวทางหลาย
รูปแบบหนึ่งในวิธีที่น่าสนใจ คือ การสร้างกระแสความนิยมด้วยการเผยแพร่สถานที่ท่องเที่ยวที่ปรากฏ
ในบทประพันธ์มาเป็นจุดขายหรือการท่องเที่ยวตามรอย (Through the Trails Tourism) ซึ่งจะสามารถ
กระตุ้นและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มีความสนใจเดินทางมาท่องเทีย่ วตามรอยวรรณคดีหรอื วรรณกรรมที่
มีชื่อเสียงไปเยือนยังสถานที่ที่ได้รับอิทธิพลจากการชม การดู การฟัง และประทับใจในสถานที่ปรากฏ
3
ในบทประพันธ์ดังกล่าวด้วยตนเอง วิธีการนี้จึงนับเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับชุมชนจากมรดกทาง
วัฒนธรรมด้านวรรณกรรม หรือกวีนิพนธ์ สามารถสร้างเงิน สร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน และยกระดับ
เศรษฐกิจชมุ ชนได้ออย่างเป็นรปู ธรรม
ดังเช่นงานวิจัยเร่ือง การใช้วรรณกรรมขุนช้างขุนแผนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
ในจังหวัดสุพรรณบุรี สามารถช่วยเพิ่มศักยภาพและคุณค่าการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในจังหวัด
สุพรรณบุรีได้เน่ืองจากจังหวัดสุพรรณบุรีมีทรัพยากรการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับ
วรรณกรรมขุนช้างขุนแผน เช่น การมีสถานที่จริงที่กล่าวถึงในวรรณกรรมขุนช้างขุนแผนและยังปรากฏ
อยู่ในปัจจุบัน การสร้างคุ้มขุนแผน บ้านขุนช้าง รูปจาลอง ภาพจิตรกรรมในวรรณกรรม ถนนสาย
สาคัญในจังหวัดสุพรรณบรุ ีมีการต้ังชื่อตามตัวละครต่าง ๆ ในเร่ืองขุนช้างขุนแผน ซึ่งมีความสอดคล้อง
ตามแนวทางการใช้วรรณกรรมเพื่อการท่องเที่ยวและการดาเนินการที่ดีจะสามารถนามาสร้างสรรค์
และจดั กิจกรรมเพือ่ ส่งเสริมการท่องเทีย่ วได้ซึ่งหนว่ ยงานภาครฐั เอกชน รวมถึงชุมชนในท้องถิ่นควรเข้า
มามีบทบาทในการดาเนินการเร่ืองนี้อย่างต่อเน่ืองและเป็นระบบ เพื่อเป็นการสร้างแนวทางการ
ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และยังเป็นการอนุรักษ์วรรณกรรมขุนช้างขุนแผน
อีกท้ังกระตนุ้ ให้นักท่องเที่ยวมีความสนใจในด้านการนาวรรณกรรมขุนช้างขนุ แผนเพิ่มขึ้น เพื่อสนับสนุน
และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในจังหวัดสุพรรณบุรี (อมรรัตน์ เปี่ยมดนตรี และ ศุภกรณ์
ดิษฐพนั ธ์ุ, 2558)
กวีนิพนธ์เร่ือง “นิราศเมืองเพชร” ของกวีเอกสุนทรภู่แต่งขึ้นในปี พ.ศ. 2388 แต่นิราศเร่ืองนี้มี
การค้นพบฉบับลายมือเขียนเพิ่มเติมในปี พ.ศ. 2529 โดยศาสตราจารย์ภิชาน ล้อม เพ็งแก้ว ซึ่งจาก
เนื้อหาส่วนที่เพิมเติมขึ้นมาทาให้ทราบว่า บรรพชนฝ่ายมารดาของสุนทรภู่น่าจะเป็นชาวเมืองเพชรบุรี
เส้นทางในนิราศเมืองเพชรเริ่มต้นเดินทางออกจากท่าเรือหน้าวัดอรุณราชวรารามมุ่งหน้าสู่จังหวัด
เพชรบุรีโดยเส้นทางช่วงจังหวัดเพชรบุรีนั้น สุนทรภู่เดินทางเข้ามาทางแม่น้าบางตะบูน แวะวัด
เขาตะเครา อาเภอบ้านแหลม แล้วลอ่ งเรอื เข้าแมน่ ้าเพชรบรุ ีขนึ้ ฝงั่ ที่วัดพลบั พลาชยั อาเภอเมืองเพชรบุรี
(วิกีพีเดีย) และจากคากล่าวที่ว่า วรรณคดีเปน็ กระจกเงาสะท้อนสังคม เนือ้ หาที่ปรากฏในวรรณคดีหรือ
บทกวีนิพนธ์ย่อมแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ตลอดจนวัฒนธรรมที่เปน็ มรดกอันล้าค่า จากยุค
สมยั หนึง่ บันทึกหนา้ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ผา่ นการเรียงร้อยถ้อยกวีนิพนธ์ของผู้แต่งซึ่งเยาวชน
ในรุ่นหลงั สามารถเรียนรู้ เรื่องราวต่าง ๆ เหล่าน้ันผ่านบทกวีนพิ นธ์ได้อย่างมนี ัยสาคัญ
ในกวีนิพนธ์เร่ืองนิราศเมืองเพชรมีตัวอย่างคากลอนมากมายที่สามารถนามาใช้เป็นประโยชน์
ในการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์ให้กับจังหวัดเพชรบุรีด้วยการตามร่องรอย
4
ของวัฒนธรรมในด้านต่าง ๆ อาทิ การนาเสนอภาพสะท้อนวิถีชีวิตและวัฒนธรรมจากความเชื่อของ
คนไทยในเร่ืองการบนบานศาลกล่าวและการไหว้พระขอพรสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยสุนทรภู่ได้
อธิษฐานขอพรในเวลาทีจ่ ะเดินทางไปเมืองเพชรบุรีในบทกลอนดงั น้ี
ลงนาวาหน้าวดั นมัสการ อธิษฐานถึงคณุ กรุณา
(นิราศเมอื งเพชร: สนุ ทรภ)ู่
และในตอนที่สุนทรภู่ได้เดินทางมาถึงวัดไทร ยังได้ต้ังจิตอธิษฐานขอพรจากเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ประจาต้นไทร พร้อมบนบานศาลกล่าวตามความเชื่อ สะท้อนถึงขนบวิถีชีวิตของคนไทย อีกท้ังได้
สอดแทรกเนื้อหาบางตอนของกวีนิพนธ์เร่ืองอื่นเข้าไปด้วย อันเป็นการเพิ่มเสน่ห์ที่น่าสนใจในการ
ตามรอยวรรณคดีไทย ดังนี้
ถึงวดั ไทรไทรใหญ่ใบชอุ่ม เป็นเซิงซุ้มสาขาพฤกษาศาล
ขอเดชะพระไทยซึ่งชยั ชาญ ช่วยอุ้มฉานไปเช่นพระอนิรุธ
พออุ่นอนุ่ แลว้ ก็ดีเปน็ ทีส่ ดุ
ได้รว่ มเตียงเคียงนอนแนบหมอนหนนุ เทพบุตรจะได้ข้นึ ทุกคืนวัน
จะสงั เวยหมแู นมแก้มมนุษย์
(นิราศเมอื งเพชร: สนุ ทรภ)ู่
นอกจากนั้นวรรณคดีดังกล่าวยังได้นาแสดงถึงวัฒนธรรมของอาหารไทยและขนมไทยโบราณ
ที่นา่ สนใจ โดยพรรณนาว่า
โอ้คิดถึงพึง่ บญุ ท่านขุนแพง่ ไปหนา้ แล้งรบั แขกแรกวสันต์
ตาข้าวเม่าเคล้าน้าตาลท้ังหวานมัน ไปด้วยกันค้ันขยาน้ากะทิ
(นิราศเมอื งเพชร : สุนทรภ)ู่
จากคาประพันธ์ตอนนี้ แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่ากวีนิพนธ์นิราศเมืองเพชรสามารถทาให้
นักท่องเที่ยวได้ศึกษาตามรอยวัฒนธรรมอย่างมีความสุข อิ่มเอมไปกับการได้สัมผัสด้วยรูป รส กลิ่น
เสียง หรือแม้กระท่ังการได้มีโอกาสได้ลงมือทาเพื่อ “ตามรอย” วัฒนธรรมเหล่าน้ัน กิจกรรมเพื่อ
ส่งเสริมการท่องเที่ยว จึงนับเป็นเสน่ห์ของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สามารถเสพความสุข สร้าง
ความประทับใจได้อย่างแยบยล ท้ังนี้ “มนตเ์ สน่ห”์ เหล่านี้ ล้วนมที ี่มาจากการใช้ “บทกวีนพิ นธ์” ของกวี
หรอื ผแู้ ตง่ ที่ได้รงั สรรค์รจนาบทประพันธ์ไว้อย่างมศี ลิ ปะ
ดงั นนั้ จงึ เห็นได้ว่าการท่องเทีย่ วเป็นพลังอนั สาคญั ทีจ่ ะนาไปสู่สันติภาพ และก่อให้เกิดมิตรภาพ
และความความเข้าใจอันดี ระหว่างชนชาติท่ัวโลก จากการที่การท่องเที่ยวก่อให้เกิดการติดต่อสัมพันธ์
5
กันโดยธรรมชาติและปราศจากตัวกลางใด ๆ ระหว่างชายหญิงที่มีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน
ที่สาคัญตามระเบียบสากลว่าด้วย จรรยาบรรณสาหรับการท่องเที่ยว (Global Code of Ethics for
Tourism) ในมาตราที่ 4 ได้กล่าวว่า การท่องเที่ยวเป็นผู้ใช้ประโยชน์จากมรดกทางวัฒนธรรมของ
มนุษยชาติและเป็นผู้ช่วยเพิ่มพูนคุณค่าของมรดกดังกล่าว ดังนั้น การวางนโยบายและกิจกรรมการ
ท่องเที่ยว จึงควรเคารพต่อมรดกทางวัฒนธรรม โบราณคดี และศิลปะอันล้าค่า ซึ่งควรได้รับการ
คุ้มครองรักษาและได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ตลอดจนการบริหารจัดการให้มีการบารุงรักษา
ทรัพยากรธรรมชาติสาหรับการท่องเที่ยวให้เป็นสามารถมรดกร่วมกันของมวลมนุษยชาติ เป็นสมบัติ
ของชมุ ชนในพืน้ ที่ทีม่ คี วามรกั และหวงแหน นอกจากน้ันยงั ควรมีการสนับสนนุ ส่งเสรมิ ให้ประชาชนทั่วไป
ได้มีโอกาสเข้ามาชมทรัพย์สินทางปัญญาและอนุสาวรีย์ทางวัฒนธรรมที่ท้ังภาครัฐและภาคเอกชนถือ
ครองในกรรมสิทธิ ด้วยความเคารพต่อความเป็นเจ้าของมรดกเหล่าน้ัน รวมถึงการเปิดโอกาสในการ
เข้าชมศาสนสถานโดยปราศจากอคติต่อขนบแห่งการเคารพบูชาตามความเชื่อความศรัทธายิ่งไปกว่า
น้ัน ควรมีการจัดวางแผนกิจกรรมการท่องเที่ยวให้เอื้ออานวยต่อความอยู่รอดและความเฟื่องฟูของ
ผลผลิตทางวัฒนธรรม งานฝีมือและขนบประเพณีพื้นบ้านที่ได้รับการสืบทอดมาอย่างยาวนาน ไม่ให้
ถกู กลบกลืน และสญู สลายไปตามกาลเวลาไปในทีส่ ดุ
ด้วยเหตุดังกล่าว ผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะศึกษาเร่ืองยุทธศาสตร์ส่งเสริมการท่องเที่ยว
เชิงวัฒนธรรมของจังหวัดเพชรบุรีตามรอยกวีนิพนธ์นิราศเมืองเพชรของกวีเอกสุนทรภู่ นับเป็นการ
ดาเนินการที่สาคญั ยิง่ เพราะเม่ืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวดั เพชรบุรีตามรอย
กวีนิพนธ์นิราศเมืองเพชรในเบื้องต้นเจริญก้าวหน้า สามารถดาเนินงานได้อย่างราบร่ืน เป็นรูปธรรมที่
ชัดเจน จะสามารถสร้างศักยภาพของประเทศไทยในการ ให้บริการสถานที่ท่องเทีย่ วตามรอยกวีนพิ นธ์
ส่งผลตอ่ ประเทศไทยและนานาชาติ รวมถึงยังสามารถใช้เป็น เครือ่ งมือในการประชาสัมพันธ์เพื่อดึงดูด
นักท่องเที่ยวโดยใช้สถานที่ท่องเที่ยวที่ปรากฏในบทกวีนิพนธ์ ทาให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและ
นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก เกิดความหลงใหลและต้องการเดินทางมาสัมผัส สถานที่ท่องเที่ยวใน
ประเทศไทยมากยิ่งข้ึน สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยเปน็ ผู้นาด้านการท่องเทีย่ ว ตอบสนองตอ่ การพัฒนา
ระบบเศรษฐกิจ เกิดเป็นห่วงโซ่การผลิตที่เกี่ยวเนื่องกันในทุกด้าน สร้างงานและสร้างรายได้มวล
รวมอย่างมหาศาล บรรลุตามยุทธศาสตร์แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2579 ซึ่งได้กาหนด
วิสัยทัศน์ไว้ว่า “ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพช้ันนาของโลกที่เติบโตอย่างมีดุลยภาพ
บนพื้นฐานความเป็นไทยเพื่อส่งเสริมทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และกระจายรายได้สู่ประชาชนทุก
6
ภาคส่วนอย่างย่ังยืน” สอดคล้องกับนโยบายของยูเนสโกที่ต้องการให้แต่ละประเทศนาเอาศิลปะของ
ประเทศตนเองมาสร้างมูลค่าเพิ่ม
คำถำมกำรวิจัย
1. ศักยภาพการตลาดแบบบรู ณาการการท่องเทีย่ วเชิงวฒั นธรรมของจงั หวัดเพชรบุรีตามรอยกวี
นิพนธ์นริ าศเมืองเพชรของกวีเอกสุนทรภู่่ ควรเป็นอย่างไร
2. ยุทธศาสตร์ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดเพชรบุรีตามรอยกวีนิพนธ์นิราศ
เมอื งเพชรของกวีเอกสนุ ทรภู่
3. องค์ประกอบแหลง่ ท่องเที่ยว (10A) เชิงวัฒนธรรมของจงั หวดั เพชรบรุ ี ตามรอยกวีนพิ นธ์นริ าศ
เมืองเพชรของกวีเอกสนุ ทรภู่มีอะไรบ้าง
วัตถปุ ระสงค์กำรวิจยั
1. ศกั ยภาพการตลาดแบบบรู ณาการการท่องเท่ียวเชิงวฒั นธรรมของจงั หวดั เพชรบุรีตามรอยกวี
นิพนธน์ ริ าศเมืองเพชรของกวีเอกสนุ ทรภู่ ควรเป็นอยา่ งไร
2. เพื่อศึกษาองค์ประกอบแหล่งท่องเทีย่ ว (10A) เชิงวัฒนธรรมของจงั หวัดเพชรบุรีตามรอยกวี
นิพนธ์นริ าศเมอื งเพชรของกวีเอกสุนทรภู่
3. เพื่อศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของนักท่องเที่ยวต่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
จงั หวัดเพชรบุรีตามรอยกวีนพิ นธ์นริ าศเมอื งเพชรของกวีเอกสนุ ทรภู่
4. เพื่อศึกษาส่วนประสมทางการตลาด (10P) ของแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัด
เพชรบุรีตามรอยกวีนพิ นธ์นริ าศเมอื งเพชรของกวีเอกสนุ ทร่ภู่เป็นอย่างไร
5. เพ่ือศกึ ษาการรบั รูก้ ารทอ่ งเท่ียวเชงิ วฒั นธรรมของจงั หวดั เพชรบรุ ี
6. เพือ่ แสวงหาแนวทางในการบูรณาการองค์ความรู้จากวรรณคดีนิราศเมอื งเพชรตอ่ การสร้าง
กระแสการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้จังหวัดเพชรบุรี และจัดทายุทธศาสตร์/
กลยุทธ์ (TOWS Matrix) ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดเพชรบุรีตามรอย
กวีนิพนธ์นิราศเมืองเพชรของกวีเอกสุนทรภู่ที่สอดคล้องกับสังคมและวัฒนธรรมท้องถิ่น
ในปจั จบุ ัน
7
สมมติฐำนกำรวจิ ัย
1. ลักษณะประชากรมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมและความต้องการของนักท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จังหวัดเพชรบุรีตามรอยกวีนิพนธ์นิราศเมืองเพชรของกวีเอก
สุนทรภู่
2. ลั ก ษ ณ ะ ป ร ะ ช า กร มี คว า ม สัม พัน ธ์กั บ ส่ว น ป ร ะ สม ท า ง กา ร ต ลา ด บ ริ การ ของ
การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จังหวัดเพชรบุรีตามรอยกวีนิพนธ์นิราศเมืองเพชรของกวีเอก
สนุ ทรภู่
3. ลักษณะประชากรศาสตร์มีความสัมพันธ์กับการรับรู้ทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของ
จงั หวัดเพชรบรุ ีตามรอยกวีนพิ นธ์นริ าศเมอื งเพชรของกวีเอกสนุ ทรภู่
ขอบเขตของกำรวจิ ัย
ขอบเขตด้ำนพื้นท่ี
การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้กาหนดขอบเขตพื้นที่เพื่อทาการศึกษาและเก็บข้อมูล โดยสถานที่
ในจังหวดั เพชรบุรีทีผ่ วู้ ิจัยวางแผนจะไปเก็บข้อมูลแบบสอมถาม ได้แก่
ในอาเภอบ้านแหลม จานวน 3 ที่ ประกอบด้วย 1) องค์การบริหารส่วนตาบลบ้านกุ่ม อาเภอ
บ้านแหลม 2) องค์การบริหารส่วนตาบลบางครก วัดเขาตะเครา 3) ชุมชนวัดปากคลอง ตาบลบางครก
อาเภอบ้านแหลม
ในอาเภอเมือง จานวน 7 ที่ ประกอบด้วย 1) ศาลากลางบ้านคามวาสี ชุมชนพระปรางค์
วัดมหาธาตุ 2) ชุมชนบ้านหม้อ วดั เขาบนั ไดอิฐ 3) ชมุ ชนพระนครคีรี วดั พระนอน 4) องค์การบริหาร
ส่วนตาบลธงชัย วัดถ้าเขาหลวง 5) ชุมชนวัดเกาะ 6) ชุมชนวัดลาด (วัดเพชรพรี) 7) ชุมชนคลอง
กระแชง วัดพลับพลาชยั
ขอบเขตด้ำนเนือ้ หำ
ผู้วิจัยได้ดาเนินการศึกษาข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์เพื่อสารวจความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้
ส่วนเสีย และใช้ข้อมูลทุติยภูมิจากทางทฤษฎี แนวคิด เอกสาร และวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ
วิจัยเพื่อนาข้อมูลไป วิเคราะห์และหาความสัมพันธ์ให้เกิดการเชื่อมโยงกับงานวิจัย และใช้เป็นข้อมูล
เบอื้ งตน้ ในการวางแผนกาหนด ทิศทางการเก็บข้อมูลตามลาดบั ขั้นตอน
8
ขอบเขตด้ำนประชำกร
ผวู้ ิจัยใช้การวิจัยแบบผสม โดยได้แบ่งประชากรออกเปน็ 2 กลุ่ม ได้แก่
1. กลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลักที่ศึกษาในการวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้วิจัยเก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก
(In-depth interview) ซึ่งมีการคัดเลือกผู้ให้ข้อมูลหลักแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive sampling) เพื่อให้
ได้ข้อมูลที่แท้จริงจากตัวแทนความเห็นของแต่ละภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
ของจงั หวดั เพชรบุรีซึ่งมีประชากรกลุ่มตวั อย่าง 5 กลุ่ม ได้แก่ ผแู้ ทนจากหน่วยงานภาครัฐ จานวน 5 คน
ผู้แทนจากหน่วยงานภาคเอกชน จานวน 8 คน ประชาชนในพื้นที่อาเภอบ้านแหลม จานวน 3 คน
ประชาชนในพื้นที่อาเภอเมือง จานวน 6 คน นักวิชาการด้านการท่องเที่ยว จานวน 1 คน นักวิชาการ
ด้านการตลาด จานวน 1 คน นักวิชาการด้านวัฒนธรรม จานวน 1 คน นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์
จานวน 1 คน และนกั วิชาการด้านภาษาไทย จานวน 1 คน และ NGO ด้านวัฒนธรรม จานวน 2 คน
2. กลุ่มประชากรที่ศึกษาในการวิจัยเชิงปริมาณ ผู้วิจัยเก็บข้อมูลเชิงปริมาณจากแบบสอบถาม
จานวน 400 ชุด เฉพาะจากนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางมาท่องเที่ยวและมีประสบการณ์การ
ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในอาเภอบ้านแหลมและในอาเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี จานวน 10 แห่ง ๆ ละ
40 ชุด
นิยำมศพั ทเ์ ฉพำะ
ในการวิจัยเรือ่ งนี้ ผวู้ ิจยั มีคาศัพท์เกีย่ วข้องที่เห็นควรนามาใหค้ าจากัดความ เพือ่ ให้เกิดความ
เข้าใจทีถ่ ูกต้องตรงกนั ดังนี้
ยุทธศำสตร์ (Strategies) หมายถึง การวางกลยุทธ์หรือเคร่ืองมือที่จะทาให้องค์กรมีการ
พัฒนาสมรรถนะใหเ้ หนอื กว่าในการแข่งขันสาหรับสถานการณ์ปัจจุบันและในอนาคต
กำรส่งเสริมกำรท่องเท่ียว (Tourism) หมายถึง การนาเอาความรู้จากการวิจัยเพื่อส่งเสริม
การท่องเทีย่ วใน 2 อาเภอ ของจงั หวัดเพชรบุรี ได้แก่ อาเภอบ้านแหลม และอาเภอเมอื งมาขยาย และ
ถ่ า ย ท อ ด อ อ ก ไ ป สู่ ป ร ะ ช า ช น ใ ห้ ส า ม า ร ถ รั บ รู้ แ ล ะ น า ไ ป ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้ ใ ห้ เ ข้ า กั บ ส ภ า พ แ ว ด ล้ อ ม
การท่องเที่ยว และวัฒนธรรมในแตล่ ะท้องที่เพือ่ สามารถพัฒนาการท่องเที่ยวให้มปี ระสิทธิภาพดียิ่งขนึ้
กำรท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรม (Cultural Tourism) หมายถึง การศึกษาหาความรู้ในพื้นที่
อาเภอบ้านแหลม และอาเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรีที่มีคุณลักษณะสาคัญทางประวัติศาสตร์และ
วัฒนธรรม มีการบอกเล่าเร่ืองราวอันเป็นผลเกี่ยวเนื่องกับองค์ความรู้และการให้คุณค่าของสังคม
9
สามารถสะท้อนให้เห็นถึงสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนในแต่ละยุคสมัยได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็น
สภาพทางเศรษฐกิจ สังคม หรือขนบธรรมเนยี มประเพณี
กำรท่องเที่ยวตำมรอย (Through the Trails Tourism) หมายถึง การเดินทางท่องเที่ยวไป
ยังอาเภอบ้านแหลม และอาเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี สถานที่ที่ได้รับอิทธิพลจากการชม การฟังและ
ความประทับใจในสถานทีแ่ หง่ นนั้ หรอื ต้องการไปเยือนสถานทีน่ ้ันดว้ ยตนเอง
กวีนิพนธ์ (Poetry) หมายถึง คาประพันธ์ที่กวีแต่ง โดยมีรูปแบบทางศิลปะในการใช้ภาษา
เพื่อเพิ่มเติมจากเนื้อหาทางความหมายและคุณประโยชน์ด้านสุนทรียะ เป็นงานเขียนที่มีวรรณศิลป์เร้า
ให้สะเทือนอารมณไ์ ด้
นิรำศมืองเพชร (Niras Meung Petch) หมายถึง ผลงานกวีนิพนธ์ประเภทกลอน ประพันธ์
หรอื แตง่ โดยสุนทรภู่
สุนทรภู่ (Sunthonphu) หมายถึง กวีที่มีความชานาญทางด้านคาประพันธ์ประเภทกลอน
เป็นผู้สร้างขนบการประพันธ์ประเภทกลอนนิทาน และกลอนนิราศขึ้นใหม่ จนกลายเป็นที่นิยมอย่าง
กว้างขวาง สืบเน่ืองมาจนถึงปัจจุบัน ผลงานที่มีชื่อเสียง เช่น นิราศเมืองเพชร นิราศภูเขาทอง และ
พระอภัยมณี เปน็ ต้น
ประโยชน์ท่คี ำดจะได้รับจำกกำรวจิ ยั
1. เกิดองค์ความรู้ใหม่จากการตกผลึกทางความคิดของยุทธศาสตร์ส่งเสริมการท่องเที่ยว
เชิงวัฒนธรรมของจังหวัดเพชรบุรี ตามรอยกวีนิพนธ์นิราศเมืองเพชรของกวีเอกสุนทรภู่ให้มี
ประสิทธิภาพมากยิ่งข้นึ เพื่อการประชาสัมพันธ์สถานทีท่ ่องเที่ยวที่ปรากฏในนิราศเมอื งเพชร
2. เกิดนวัตกรรมแนวทางการจัดการบูรณาการองค์วามรู้ไปยังทุกภาคส่วน ภายใต้การ
สนับสนุนจากภาครัฐ องค์การบริหารส่วนจังหวัดและท้องถิ่น เครือข่ายการท่องเที่ยว และ
จากภาคเอกชนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อสามารถเป็นต้นแบบของยุทธศาสตร์ส่งเสริมการท่องเที่ยว
เชงิ วฒั นธรรมของจงั หวัดเพชรบุรีตามรอยกวีนพิ นธ์นริ าศเมอื งเพชรของกวีเอกสุนทรภู่
3. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนาผลจากการวิจัยนี้ ไปเป็นแนวทางในการพัฒนา
การประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเทีย่ วแหง่ อน่ื ๆ ที่ปรากฏอยใู นกวีนิพนธ์ หรอื วรรณกรรมเรือ่ งต่าง ๆ
4. นักวิจัยนักวิชาการ และนักศึกษาสามารถนาผลการศึกษาวิจัยในครั้งนี้ไปเป็นข้อมูล
เพื่อสนบั สนนุ งานวิจัย และการค้นคว้าด้านการท่องเที่ยวให้เพิม่ มากยิง่ ขนึ้
บทท่ี 2
เอกสารและวรรณกรรมท่ีเกี่ยวข้อง
การศึกษาเร่ือง ยุทธศาสตร์ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดเพชรบุรีตามรอย
กวีนิพนธ์นิราศเมืองเพชรของกวีเอกสุนทรภู่ ผู้วิจัยได้ศึกษาค้นคว้าแนวคิด ทฤษฎี และเอกสารงานวิจัยที่
เกีย่ วข้องเพอ่ื ใช้เป็นแนวทางในการศกึ ษาวิจัย โดยแบ่งออกเปน็ 13 หัวข้อ ดงั น้ี
1. องค์ประกอบการท่องเทีย่ ว (10A)
2. พฤติกรรมและความตอ้ งการของนักท่องเที่ยว
3. แนวคิดเกี่ยวกับการท่องเทีย่ วเชงิ วฒั นธรรม
4. การรับรู้การท่องเทีย่ วเชิงวฒั นธรรม
5. แนวคิดเกีย่ วกับอิทธิพลของวรรณคดีที่มผี ลตอ่ การท่องเทีย่ ว
6. ส่วนประสมทางการตลาด (10P)
7. แนวคิดการสอ่ื สารการตลาดแบบบูรณาการ
8. แนวคิดด้านการสง่ เสริมการท่องเที่ยว
9. แนวคิดเกี่ยวกบั แผนยทุ ธศาสตร์
10. แนวคิดการวเิ คราะหด์ ้วย SWOT Analysis และ TOWS Matrix
11. ข้อมูลท่ัวไปของจงั หวัดเพชรบรุ ี
12. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
13. กรอบแนวคิดการวจิ ยั
องค์ประกอบการท่องเทีย่ ว (10A)
องค์ประกอบการท่องเที่ยวเป็นสิ่งสาคัญที่สามารถขับเคลื่อนใหก้ ารท่องเที่ยวประสบความสาเร็จอีก
ทั้งเป็นส่วนหนึง่ ที่สามารถพัฒนาศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวได้
ศักยภาพความพร้อมด้านองค์ประกอบการท่องเทีย่ ว (6A’s) ประกอบไปด้วย (อมราวดี คาบุญ และ
ดลฤทัย โกวรรธนะกลุ , 2556, สือ่ ออนไลน์)
1. สิ่งดึงดูดใจ (Attractions) เช่น แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ, แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้าง,
สถาปัตยกรรมและการจัดกิจกรรมพิเศษ
2. การเข้าถึง (Accessibility) ได้แก่ ระบบการคมนาคม สถานีขนสง่ ผู้โดยสาร และยานพาหนะ
3. สิง่ อานวยความสะดวก (Amenities) ได้แก่ การจัดเลี้ยงและการบริการการท่องเที่ยว
การเตรียมการโดยคนกลางระหว่างนักท่องเทีย่ วกบั เจ้าบ้าน
4. ที่พักในแหล่งท่องเที่ยว (Accommodation) เช่น โรงแรม รีสอรท์
5. กิจกรรม (Activities) หมายถึง กิจกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างที่นักท่องเที่ยวอยู่ในพืน้ ที่
11
6. การให้บริการของแหล่งท่องเที่ยว (Ancillary services) เช่น ธนาคาร โรงพยาบาล ไปรษณีย์ และ
โทรคมนาคม ในขณะเดียวกัน อลาสแตร์ มอร์ริสัน (Alastair M. Morrison, สื่อออนไลน์) ได้เพิ่มศักยภาพ
ความพรอ้ มด้านการท่องเทีย่ วที่สาคัญอีก 4 ประการ อนั ประกอบด้วย
7. การรับรู้ (Awareness) คุณลักษณะที่เกี่ยวข้อง กับระดับความรู้ของนักท่องเที่ยว ที่เกี่ยวกับ
จดุ หมายปลายทางและการได้รับอิทธิพลจากปริมาณและลักษณะของขอ้ มลู ที่ได้รับ
8. ลักษณะทีป่ รากฏ (Appearance) คณุ ลักษณะนี้ วัดการแสดงผลทีป่ ลายทางกบั นกั ท่องเทีย่ ว
เมื่อพวกเขามาถึงครั้งแรกและจากนั้นตลอดเวลาการเข้าพักในสถานที่ท่องเที่ยวจดุ หมายปลายทาง
9. ความเชื่อม่ัน (Assurance) คุณลักษณะนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย และความปลอดภัยของ
จุดหมายปลายทางสาหรบั นกั ท่องเที่ยว
10. การเห็นคุณค่า (Appreciation) หมายถึง ความรู้สึกจากระดับของการต้อนรับ รวมถึงการ
ให้บริการทีน่ กั ท่องเทีย่ วได้รับตลอดเวลาในการท่องเทีย่ ว
ยิง่ ไปกว่านั้น องค์ประกอบสาคญั ของการท่องเที่ยวยังประกอบด้วยอีก 3 สว่ นสาคญั (Prahalad และ
Ramaswamy, 2000) ได้แก่ 1) นักท่องเที่ยวซึ่งได้รับความ พึงพอใจจากการเดินทางท่องเที่ยว 2) เจ้าของ
ชุมชนที่มีการจัดการท่องเที่ยวในชุมชนอย่างย่ังยืน และ 3) ผู้ประกอบการธุรกิจทางการท่องเที่ยวซึ่ง
องค์ประกอบระหว่างเจ้าบ้านกับนักท่องเที่ยว ถือเป็นส่วนสาคัญที่จะเชื่อมโยงให้เกิดรูปแบบการท่องเทีย่ วที่
เกิดขึ้นจากแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ของชุมชน กิจกรรมการท่องเที่ยว ที่จะสร้างความพอใจและทาให้
นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังชุมชน ท้ังนี้ ชุมชนจึงต้องมีการบริหารจัดการการท่องเที่ยวภายใน ชุมชนให้มี
ป ระสิ ท ธิ ภาพ ร่ว มกั บ ผู้ป ระก อบก ารธุรกิ จการท่องเที่ยว ใ นพื้นที่ ส อด ค ล้องกับ ทรัพ ยาก ร สิ่งแวดล้อม
วฒั นธรรม จงึ ก่อให้เกิดคุณค่าทางการท่องเทีย่ ว
นอกจากนี้สมบัติ กาญจนกิจ (2544) มีแนวความคิดเพิ่มเติมว่า องค์ประกอบของการท่องเที่ยว
เป็นกระบวนการทางสังคมและเศรษฐกิจที่มีองค์ประกอบหลัก 3 ด้าน ซึ่งสอดคล้องกับ สุรเชษฎ์ เชษฐมาส
และคณะ (2539) คอื
1. ทรัพยากรแหล่งการท่องเที่ยว (Tourism Resource) ทรัพยากรการท่องเที่ยว ถือได้ว่าเป็นสินค้า
ทางการท่องเที่ยวที่มีความสาคัญมากเป็นอันดับต้น ๆ ในการตัดสินใจ เลือกมาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว
ซึ่งทรัพยากรทางการท่องเที่ยว หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่มีผลทาให้เกิดปัจจัยดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยว
ให้เกิดการเดินทางไปเยือนหรอื ไปท่องเทีย่ ว
2. บริการการท่องเที่ยว (Tourism Service) หรือ ส่ิงอานวยความสะดวกทางการท่องเที่ยว (Tourism
facilities) หมายถึง สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองพฤติกรรมในการ เดินทางท่องเที่ยว ของนักท่องเที่ยว
ในช่วงระหว่างการเดินทาง เพื่อให้การเดินทางท่องเทีย่ ว เปน็ ไปด้วยความสะดวกสบาย และปลอดภยั
3. การตลาดท่องเที่ยว (Tourism marketing) การตลาดท่องเที่ยว มีความสาคัญสาคัญเป็นอย่างยิ่ง
ต่อการเพิ่ม หรือลดจานวนนักท่องเที่ยว เพราะเน่ืองจากการที่นักท่องเที่ยวเกิดการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว
จะต้องอาศัยกระบวนการ ทางด้านการตลาดมาช่วยแนะนาให้เกิดการ เดินทางโดยความหมายภาพรวม
12
การตลาด หมายถึง ความพยายามที่ต้องการทาให้ นักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวใน
แหล่งท่องเที่ยวของตน แล้วเกิดการใช้สิ่งอานวยความสะดวกทางการท่องเที่ยว และบริการท่องเที่ยวใน
แหลง่ ท่องเทีย่ วน้ัน ๆ โดยอาจทา ได้โดย 2 วิธี ได้แก่
3.1 การให้ขอ้ มลู ข่าวสารการท่องเที่ยว หมายถึง การให้ขอ้ มลู ข่าวสารความรเู้ กี่ยวกับแหลง่ ท่องเที่ยว
ที่นักท่องเที่ยวนั้น ๆ ไปเยือน หรือจะเป็นการให้ข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับแผนที่เส้นทางในการไปยังจุดต่าง ๆ
ของแหล่งท่องเทีย่ ว เป็นต้น
3.2 การโฆษณาและการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว หมายถึง กระบวนการทางการสื่อสาร ข้อมูล
ข่าวสาร ทางด้านท่องเที่ยว ไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย โดยผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ
นิตยสาร หนังสือพิมพ์ จดหมาย อินเตอร์เน็ต เป็นต้น เพื่อเชิญชวน กระตุ้น เร่งเร้า เพื่อให้นักท่องเที่ยว
กลุ่มเป้าหมาย เกิดความสนใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังแหล่ง ท่องเที่ยวของตน ซึ่งแนวคิดดังกล่าวยังได้
สอดคล้องกับแนวคิดของวรรณา วงษ์วานิช (2546) การที่นักท่องเที่ยว เดินทางมาท่องเที่ยวนั้น จะต้องมี
การตลาดการท่องเที่ยวในการชักนาให้ นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยว ซึ่งหมายถึงความพยายามที่จะทาให้
นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา ท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวของตน และใช้สิ่งอานวยความสะดวกทางการ
ท่องเที่ยวและการ บริการในแหล่งท่องเที่ยวน้ัน โดยการตลาดการท่องเที่ยวทาได้ 2 วิธี คือ การให้ข้อมูล
ข่าวสาร การท่องเที่ยว และการโฆษณาประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละองค์ประกอบย่อยมี
ความสมั พันธ์กนั เป็นเหตุผลซึง่ กนั และกัน
4. นกั ท่องเทีย่ ว (Tourist) หรอื นกั ทศั นาจร คือ บุคคลทีเ่ ดินทางไปยงั สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ซึ่งไม่ใช่
ภูมิลาเนาของตนเอง และถือเป็นองค์ประกอบที่สาคัญที่สุด ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพราะหากไม่มี
นักท่องเที่ยวการท่องเที่ยวกไ็ ม่สามารถที่จะดารงอยู่ได้
จากแนวคิดดังกล่าว ผู้วิจัยสรุปได้ว่า แนวคิดเกี่ยวกับศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยว ผู้วิจัย
ได้นาองค์ประกอบของแหล่งท่องเที่ยวในแต่ละด้าน ได้แก่ ด้านสิ่งดึงดูดใจ ด้านการเข้าถึง ด้านสิ่งอานวย
ความสะดวก ด้านที่พักในแหล่งท่องเที่ยว ด้านกิจกรรม ด้านการให้บริการของแหล่งท่องเทีย่ ว ด้านการรับรู้
ด้านลกั ษณะที่ปรากฏ ด้านความเชื่อมน่ั ด้านการเห็นคณุ ค่า ผวู้ ิจัยนามากาหนดคาถามทีใ่ ช้ในการสมั ภาษณ์
เชงิ ลกึ เพื่อนาไปสร้างแผนยุทธศาสตรใ์ นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดเพชรบุรีตามรอย
กวีนพิ นธ์นริ าศเมอื งเพชรของกวีเอกสุนทรภู่
พฤติกรรมและความต้องการของนกั ทอ่ งเท่ยี ว
การศึกษาลักษณะทางประชากรศาสตร์ สามารถช่วยแบ่งส่วนการตลาด และ ช่วยกาหนด
กลุ่มเป้าหมายได้ (ศิริวรรณ เสรีรัตน์, 2538) ซึ่งลักษณะประชากรศาสตร์ประกอบด้วย อายุ เพศ ลักษณะ
ครอบครวั สถานภาพ รายได้ อาชีพ ระดบั การศกึ ษา เปน็ การวัดทีส่ ามารถ ทาให้เกิดความเข้าใจลักษณะทาง
ประชากรศาสตร์ มากการวัดจากตัวแปรทางด้านอื่น สอดคล้องกับ นิศา ชัชกุล (2557) และ นพรัตน์ ภูมิ
วุฒิสาร (2543) กล่าวว่า การตลาดสามารถ แบ่งส่วนตามตัวแปรด้านประชากรศาสตร์ได้ ดังนี้ เพศ อายุ
13
สถานภาพ ครอบครัว จานวน สมาชิกในครอบครัว ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ต่อเดือน โดยมี
รายละเอียดดังนี้
อายุ (Age) หมายถึง อายุของกลุ่มของผู้บริโภคซึ่งมีความสาคัญ (นพรัตน์ ภูมิวุฒิสาร , 2543) และ
มีความสัมพันธ์ต่อการบริโภคสินค้าหรือ บริการที่จะสามารถตอบสนองความ ต้องการของผู้บริโภคที่มีอายุ
แตกต่างกัน นักการตลาดจึงใช้ ประโยชน์จากด้านอายุเพื่อเป็นตัวแปร ทางด้านประชากรศาสตร์ที่แตกต่าง
กนั ของส่วนตลาดได้ ทาการค้นคว้าหาความตอ้ งการ ของตลาดส่วนเล็ก (Niche Market) โดยมุ่งความสาคัญ
ตลาดอายุส่วนนน้ั ๆ
เพศ (Sex) หมายถึง ตัวแปรทางที่เป็นส่วนในการแบ่งส่วนการตลาด เนื่องจากปัจจุบันน้ัน
ตัวแปรทางด้านเพศมีความสาคัญ (นพรัตน์ ภูมิวุฒิสาร, 2543) และมีการ เปลี่ยนแปลงในพฤติกรรม
ของการบริโภคไปจากเม่ือก่อน การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจมี สาเหตุจาก การที่ผู้หญิง ออกไปทางาน
นอกบ้านมากขึ้น
ลักษณะครอบครัว (Marital Status) หมายถึง ลักษณะของครอบครัวนับว่าเป็นเป้าหมาย ที่สาคัญ
ของการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดมาโดยตลอด และมีความสาคัญอย่างยิ่งใน ส่วนที่เกี่ยวกับ หน่วยของ
ผู้บริโภค นักการตลาดจะสนใจจานวน และลักษณะของบุคคลใน ครัวเรือนที่ใช้สินค้าใด สินค้าหนึ่งรวมถึง
ยังใส่ใจในการพิจารณาลักษณะทางประชาการศาสตร์ และโครงสร้างด้านสื่อ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่เป็นคน
ตัดสินใจในครอบครัวเพื่อที่จะช่วยทาให้พฒั นา กลยุทธ์การตลาดได้อย่างเหมาะสม
รายได้ การศึกษา และอาชีพ (Income, Education and Occupation) หมายถึง ตัว แปรที่สาคัญ
ต่อการกาหนดส่วนของตลาด โดยท่ัวไปแล้วนักการตลาดจะสนใจกลุ่มผู้บริโภคที่มี รายได้สูง แต่อย่างไร
ก็ตาม ครอบครัวที่มีรายได้ต่าเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ ปัญหาสาคัญของการแบ่งส่วน การตลาดโดยยึดถือ
เกณฑร์ ายได้เพียงอย่างเดียวกค็ ือ รายได้จะเป็นตัวชีว้ ัด ความสามารถของผบู้ ริโภค ในการซื้อสนิ ค้าหรือไม่มี
ความสามารถในการซื้อสินค้า ในขณะเดียวกันการเลือกซื้อสินค้า แท้ที่จริงอาจใช้เกณฑ์รูปแบบการ
ดารงชีวิต รสนิยม อาชีพ การศึกษา ฯลฯ เป็นตัวกาหนด เป้าหมายได้เช่นกัน แม้รายได้เป็นตัวแปรที่นิยมใช้
แต่นักการ ตลาดส่วนใหญ่ จะเชื่อมโยงเกณฑ์รายได้รวมกับตัว แปรด้านประชากรศาสตร์หรืออื่น ๆ เพื่อให้
สามารถกาหนด ตลาดเป้าหมายใหช้ ดั เจนมากยิง่ ขนึ้
สรุปได้ว่าการศึกษาด้านประชากรศาสตร์เป็นสิ่งสาคัญในการแบ่งตลาดของกลุ่มลูกค้า (ศิริวรรณ
เสรีรัตน์, 2538) เน่ืองจากลูกค้าแต่ละบุคคล จะมีลักษณะทางประชากรศาสตร์ ที่แตกต่างกันไปตามสภาพ
สิ่งแวดล้อมที่บุคคลในอาศัยอยู่ สภาพสังคม สภาพเศรษฐกิจ สภาพการศึกษา สถานภาพ ครอบครัว เพศ
ช่วงอายุ เป็นต้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ จะส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติ ความเชื่อที่แตกต่างของแต่ละบุคคล
สาหรับการวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้กาหนดให้ข้อมูลทางด้านประชากรศาสตร์ คือ ข้อมูลส่วนบุคคลของ
นักท่องเที่ยว ประกอบไปด้วย เพศ อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือน
ช่วงจานวนวันในการท่องเที่ยว ประมาณการ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังนาแนวคิด
ดังกล่าว ไปเปน็ แนวทาง ในการสร้างแบบสอบถาม ในส่วนของการวิจัยเชิงปริมาณ สาหรบั นกั ท่องเทีย่ ว
14
พฤติกรรมนักท่องเทีย่ ว
ทางด้านของรวีวรรณ โปรยรุ่งโรจน์ (2558) แสดงความคิดเร่ืองพฤติกรรมนักท่องเที่ยวว่า
พฤติกรรมนักท่องเที่ยว หมายถึง ความรสู้ ึกนึกคิดและการแสดงออกในด้านต่าง ๆ ของนกั ท่องเทีย่ ว ท้ังก่อน
การเดินทางท่องเที่ยว (Pre-Trip Behavior) ในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว (Post-Trip Behavior) และ
ภายหลังจากการเดินทางท่องเที่ยว (Post-Trip Behavior) ตลอดจนปัจจัยต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึก
คิดและการแสดงออกนั้น ๆ (Factors Influencing Tourist Behavior) นามาพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยว
แบบผจญภยั เชิงกีฬาตอ่ ไป
แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยว สรุปได้คือ พฤติกรรมนักท่องเที่ยว หมายถึง
ความรู้สึกนึกคิด และการแสดงออกในด้านต่าง ๆ ของนักท่องเที่ยวท้ังก่อน การเดินทางในระหว่างการ
เดินทางท่องเที่ยว และภายหลังจากการเดินทางท่องเที่ยว และหมายรวมถึง ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึก
นึกคิด และการแสดงออกของการกระทากิจกรรมใด ๆ ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม มีทั้งหมด 8 ประการ
คือ 1) จะไปท่องเที่ยวที่ไหน 2) จะไปท่องเที่ยวเม่ือไหร่ 3) จะไปท่องเที่ยวโดยทางใด (บก เรือ อากาศ)
4) จะไปท่องเที่ยวกับใคร 5) จะไปท่องเที่ยวนานเท่าไหร่ 6) จะไปท่องเที่ยวเพื่อชมอะไร 7) จะไปพักแรม
ในสถานที่ประเภทไหน 8) จะไปท่องเที่ยวแต่ละสถานทีก่ ี่วัน โดยการศกึ ษาพฤติกรรมนักท่องเที่ยว จะช่วยให้
นักการตลาดเข้าใจ ถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของ นักท่องเที่ยว ช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง
สามารถหาหนทางแก้ไขพฤติกรรมในการตัดสินใจซื้อสินค้า ของนักท่องเที่ยวในสังคมได้ถูกต้อง และ
สอดคล้องกับความสามารถในการตอบสนองของธุรกิจ ท่องเที่ยวมากยิง่ ขึน้
ในทรรศนะเดียวกัน ปาริฉัตร อิ้งจะนิล (2554) ได้เกล่าว่าพฤติกรรมหมายถึง การแสดงออก
ของการกระทากิจกรรมใด ๆ ก็ตามแบบคล้ายคลึงกันบ่อย ๆ คร้ังจนกลายเปน็ เอกลกั ษณ์ ของกลุ่มหรือของ
ตน ความหมายของคาว่าพฤติกรรมอาจจะคล้ายกบั คาว่านิสยั แตจ่ ะแตกต่างกัน เพียงมีการแสดงออกมาให้
เห็นได้ ถือว่าเป็นพฤติกรรมหากไม่แสดงออกมาให้เห็น เราจะเรียนว่านิสัย ตรงกับภาษาอังกฤษที่ว่า
Behavior หรืออเมริกันเรียกว่า Behavior ซึ่งแปลว่าการปฏิบัติตัว ความประพฤติ คุณสมบัติ พฤติกรรม
อาการ หรอื การแสดงออก ซึง่ ไปในทิศทางเดียวกับ บุญเลิศ จิตตง้ั วฒั นา (2548) ทีม่ มี มุ มองว่า การศกึ ษาถึง
พฤติกรรม นักท่องเที่ยว ในการตัดสินใจท่องเที่ยว ก็เพื่อให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสามารถตอบสนอง
ความต้องการของนักท่องเที่ยวให้ได้รับความพอใจซึ่งพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวในการตัดสินใจท่องเที่ยว
หมายถึง ปฏิกิริยาของนักท่องเที่ยว ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการได้รับหรือการใช้บริการทางการท่องเที่ยว
รวมท้ังกระบวนการตา่ ง ๆ ในการตดั สินใจเดินทางท่องเที่ยวซึ่งพอจะระบถุ ึง
พฤติกรรมนักทอ่ งเทย่ี วในการตัดสินใจท่องเทย่ี ว มีขน้ั ตอน 9 ข้ันตอนสาคัญ ดังน้ี
ข้ันตอนที่ 1 การส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยว (Tourism Promotion) เป็นการประชาสัมพันธ์
แจ้งข่าวสารข้อมูลการท่องเที่ยวซึ่งอาจเป็นข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรมประวัติศาสตร์สภาพ
ภูมิศาสตร์ที่พักคมนาคม ความปลอดภัย ให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย โดยผ่านทางสื่อต่าง ๆ และ
หนว่ ยงานที่เกี่ยวข้อง เชน่ จากหนงั สือพิมพ์ นิตยสาร องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว บริษัทนาเทีย่ ว ฯลฯ
15
ขั้นตอนที่ 2 ความต้องการของนักท่องเที่ยวแต่ละคน (Need) เม่ือนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายได้รับ
ข้อมูลการท่องเที่ยวแล้ว จะเกิดความต้องการท่องเทีย่ วขนึ้ ภายในใจ เพือ่ ส่งเสริมสิง่ ที่ขาดไป หรอื เพิ่มรสชาติ
ให้กับชีวิตของนักท่องเที่ยวแต่ละคน เช่น เกิดความเบื่อหน่าย อยากเปลี่ยนบรรยากาศ ต้องการเดินทาง
ท่องเที่ยวให้ได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ เป็นต้น โดยปกติแล้ว นักท่องเที่ยวส่วนมากต้องการ
ไปยังแหลง่ ท่องเที่ยวที่นา่ สนใจค่าครองชีพถูก การให้บริการได้มาตรฐาน มีความสะดวกสบาย และปลอดภัย
ในการท่องเทีย่ ว
ข้ันตอนที่ 3 สิ่งจูงใจสาหรับนักท่องเที่ยว (Motivation) เป็นแรงกระตุ้น ให้อยากท่องเที่ยวซึ่งเกิดจาก
ปัจจัย 2 ประการคือ Push Factor เป็นสภาพเง่ือนไขมา กระตุ้นผลักดัน ให้เกิดความต้องการหลีกหนีความ
จาเจซ้าซากในชีวิตประจาวันเพื่อไปท่องเที่ยว และ Pull Factor เป็นสภาพเง่ือนไขที่ดึงดูดให้ไปชมแหล่ง
ท่องเทีย่ วหรอื ร่วมกิจกรรมทางการ ท่องเทีย่ ว ซึง่ อาจแบ่งสิง่ จูงใจออกเป็น 4 ประเภทคือ
3.1 สิ่งจูงใจทางดา้ นกายภาพ (Physical Motivation) เป็นแรงกระตนุ้ ทีเ่ กิดจากความ ต้องการพักผ่อน
ทางรา่ งกาย และจติ ใจใหส้ ดช่นื รกั ษาบารงุ สุขภาพ เชน่ การอาบน้าแรก่ ารรว่ ม กิจกรรมกีฬา เปน็ ต้น
3.2 สิ่งจูงใจทางด้านวัฒนธรรม (Culture Motivation) เป็นแรงกระตุ้นที่เกิดจากความ ต้องการอยาก
รู้จักวัฒนธรรม ของประเทศที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนรวมทั้งการดาเนินชีวิตศิลปะ สถานที่ทางประวตั ิศาสตร์และ
เทศกาลตา่ ง ๆ
3.3 สิ่งจูงใจทางด้านส่วนตัว (Personal Motivation) เป็นแรงกระตุ้นที่เกิดจากความ ต้องการส่วนตัว
เชน่ การเดินทางไปเยีย่ มญาตมิ ิตร การไปจาริกแสวงบุญ เป็นต้น
3.4 สิ่งจงู ใจด้านสถานภาพ และชื่อเสียง (Prestige and Status Motivation) เปน็ แรงกระตนุ้ ที่เกิดจาก
ความต้องการพัฒนายกระดับตัวเองให้สูงขึ้น และสร้างชื่อเสียง เช่น การเข้าร่วมประชุม การศึกษาต่อ
ต่างประเทศเป็นต้น
ขั้นตอนที่ 4 การตดั สินใจของนกั ท่องเทีย่ ว (Decision Making) นบั ว่าเป็นองค์ประกอบ ทีส่ ง่ ผลกระทบ
ต่อการท่องเที่ยวมากเม่ือผู้ประสงค์เดินทางจากการท่องเที่ยวได้รับข้อมูล ทางการท่องเที่ยวแล้วเกิดความ
ต้องการอยากท่องเที่ยวขึ้น อีกทั้ง แรงกระตุ้นจากสิ่งจงู ใจจะ ทาให้เกิดภาพลกั ษณ์ทางการท่องเทีย่ ว (Tourist
Image) ของแต่ละท้องถิ่นขึ้นเพื่อประกอบการ พิจารณาตัดสินใจว่าจะไปท่องเที่ยวที่ไหนดีที่สุด โดยคานึงถึง
การประหยดั ปลอดภัย สะดวกสบาย และความอภิรมย์มากทีส่ ดุ เป็นเกณฑ์ภาพลักษณ์ทางการท่องเที่ยวของ
สถานที่ท่องเที่ยวอาจปรากฏทั้งในลักษณะบวก หรือ ลบก็ได้ เช่น ประเทศยุโรป มีความปลอดภัยสูง
แตค่ ่าใช้จ่ายสงู ตามไปด้วย ประเทศสังคมนยิ มมีเง่อื นไขเข้าประเทศยุ่งยากเปน็ ต้นจากการสารวจ
ปัจจัยในการตดั สินใจของนกั ท่องเทีย่ วมี 8 ประการตามลาดับความสาคัญ ดังตอ่ ไปนี้
1. จะไปท่องเทีย่ วที่ไหน?
2. จะไปท่องเที่ยวเมื่อไหร่?
3. จะไปท่องเทีย่ วโดยทางใด (บก เรือ อากาศ)?
4. จะไปท่องเที่ยวกับใคร?
16
5. จะไปท่องเที่ยวนานเท่าไหร่?
6. จะไปท่องเทีย่ วเพื่อชมอะไร?
7. จะไปพักแรมในสถานที่ประเภทไหน?
8. จะไปท่องเทีย่ วแตล่ ะสถานที่กีว่ ัน?
ขั้นตอนที่ 5 การวางแผนค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยว (Planning for Expenditure) นักท่องเที่ยวต้องศกึ ษา
ค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยวเพื่อเตรียมเงิน้ให้เพียงพอ โดยในการวางแผน ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวจะต้อง
วางแผนค่าใช้จ่ายท้ังหมดที่จะเกิดขึ้นในการท่องเที่ยวสถานที่นั้น ๆ เช่น ค่าพาหนะ ค่าเดินทางค่าที่พัก
ค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายซอื้ ของทีร่ ะลึก ฯลฯ
ขั้นตอนที่ 6 การเตรียมการเดินทาง (Travel Preparation) เม่ือตัดสินใจเลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่
แน่นอนและมีการวางแผนค่าใช้จ่ายแล้ว ในขั้นนี้ผู้เดินทางจะต้องเตรียมตัวในเร่ืองการจองต๋ัวพาหนะในการ
เดินทาง การจองรายการท่องเที่ยว การยืนยันการเดินทาง จัดทาเอกสารการเดินทาง เช่น หนังสือเดินทาง
(Passport) การอนุญาตเข้าประเทศ (Visa) เป็นต้น นอกจากน้ันยังต้องเตรียมเสื้อผ้าและของใช้จาเป็นใน
ระหว่างการเดินทางการแลกเปลี่ยน เงินตราต่างประเทศตลอดจนการเตรียมการเร่ืองสุขภาพและภารกิจ
ส่วนตวั
ข้ันตอนที่ 7 การเดินทางท่องเที่ยว (Travel) เป็นการเดินทางออกจากบ้านเพื่อท่องเที่ยวจนกระท่ัง
ท่องเที่ยวเสร็จแล้วเดินทางกลับถึงบ้านโดยจะมีการประเมินผลการท่องเที่ยวเป็นระยะ ๆ ตามประสบการที่
ได้รับ เริ่มต้ังแต่ยานพาหนะ ที่นาเข้าไปสู่จุดหมายปลายทาง หรือแหล่งท่องเที่ยวสภาพแวดล้อมต่าง ๆ
ตลอดจนที่พักอาหารการกิน และอื่น ๆ เพื่อประเมินผลการเดินทางท่องเที่ยวคร้ังนี้ว่า เป็นที่น่าพอใจหรอื ไม่
ซึง่ จะส่งผลกระทบต่อการตดั สินใจเดินทางในคร้ังต่อไป หรอื อาจจะบอกต่อให้บคุ คลอืน่ เดินทางมาท่องเที่ยว
ในสถานที่แหง่ น้หี รอื บอกต่อบุคคลอื่นไม่ให้มาสถานทีเ่ ทีย่ วแหง่ น้ี
ขั้นตอนที่ 8 ประสบการณ์การท่องเที่ยว เม่ือนักท่องเที่ยว ได้มีการประเมินผลการเดินทาง อาจเป็น
สถานที่สภาพแวดล้อมผู้คนการบริการสิ่งอานวยความสะดวกก็จะได้ผลของประสบการณ์การท่องเที่ยวซึ่ง
แบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ
1. มีความพึงพอใจเป็นประสบการณ์ทางบวก ( Positive) ที่นักท่องเที่ยวได้รับหรือสัมผัส
สิ่งต่าง ๆ ในขณะที่เดินทางท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ คน สภาพแวดล้อม การบริการ และสิ่งอานวย
ความสะดวกทางการท่องเที่ยว ปรากฏผลการประเมนิ ว่า นกั ท่องเทีย่ วมีความพึงพอใจ
2. ไม่มีความพึงพอใจเป็นประสบการณ์ทางลบ (Negative) ที่นักท่องเที่ยวได้รับ หรือสัมผัสสิ่งต่าง ๆ
ในขณะที่เดินทางท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นสถานที่ คน สภาพแวดล้อม การบริการ และสิ่งอานวยความสะดวก
ทางการท่องเที่ยวปรากฏผลการประเมนิ ว่านกั ท่องเทีย่ ว ไม่มคี วามพึงพอใจ
ขั้นตอนที่ 9 ทัศนคติของนักท่องเทีย่ ว เม่ือนักท่องเทีย่ ว ได้รับประสบการณ์ จากการท่องเที่ยวแล้วก็
จะเกิดทัศนคติจากการท่องเที่ยวคร้ังนี้ถ้าหากนักท่องเที่ยวได้รับความพึงพอใจ ก็จะมีทัศนคติที่ดีต่อการ
ท่องเที่ยวคร้ังนี้และอาจทาให้เขากลับมาท่องเที่ยวอีกคร้ังพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเป็นพฤติกรรมหนึ่งของ
17
ผู้บริโภคซึ่งแสวงหาจัดซื้อใช้ประโยชน์และประเมินสินค้า บริการที่คาดว่าจะสามารถสนองความต้องการได้
จึงกล่าวได้ว่า พฤติกรรมนักท่องเที่ยวคือ หนึ่งในพฤติกรรมผู้บริโภคที่ตัดสินใจใช้สินค้าบริการคือแหล่ง
ท่องเที่ยวและการเข้าพักอาศัยใน ประเภทต่าง ๆ โดย Smith (1997) ได้กล่าวว่า การเข้าใจถึงพฤติกรรม
ผู้บริโภคที่ท่องเที่ยว สามารถช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจบริการทราบว่าผลิตภัณฑ์และบริการแบบใดที่ควรจะ
ผลิต เพื่อนาเสนอแก่ผู้บริโภคที่ท่องเที่ยว หรือที่จาเป็นต้องได้รับการปรับปรุงพัฒนา เพื่อให้ได้รับ
ผลประโยชน์จากการตดั สินใจซื้อ
แนวคดิ เกีย่ วกับการท่องเทย่ี วเชิงวัฒนธรรม
วัฒนธรรมกับการท่องเที่ยวมีความเชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน ด้วยวัฒนธรรม ที่มีความแตกต่างกัน
จะเป็นแรงจูงใจสาคัญที่สาหรับการเดินทางท่องเที่ยว หลากหลายแบบ เช่น การท่องเที่ยวเชิงมรดก
การท่องเที่ยวเชิงศิลปะ การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Richards, 2018) สานักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยว
และกีฬา (2560) มมี มุ มองว่า ในปจั จบุ นั หนว่ ยงานรฐั ได้มกี ารส่งเสริมการท่องเทีย่ วเชิงวัฒนธรรม โดยมีการ
พฒั นาที่สอดคล้อง กับนโยบายทางดา้ นการท่องเที่ยว รวมถึงวิสัยทศั น์การท่องเทีย่ วไทยซึ่งเติบโตบนพื้นฐาน
ความเป็นไทย เน้นการพัฒนาสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับเอกลักษณ์และวิถีไทย
การท่องเทีย่ วเชงิ วฒั นธรรมจงึ เป็นปัจจยั สาคญั ในการพัฒนากิจกรรมการท่องเทีย่ วของประเทศไทย
จากงานวิจัยของยุทธศักดิ์ สุภสร (2563) พบว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่ นิยมเดินทาง
ท่องเทีย่ วเพือ่ เรยี นรู้วฒั นธรรมและสิง่ ใหม่ ๆ สกั การะไหว้พระ สิ่งศกั ดิ์สิทธิ์ ศกึ ษาประวัติ และเอกลักษณ์ของ
วิถีชุมชน ชื่นชอบแหล่งท่องเที่ยวประเภทโบราณสถาน ศาสนสถาน และพื้นที่ธรรมชาติ แรงจูงใจและการ
รบั รู้เป็นพฤติกรรมที่เกิดข้ึน นกั ท่องเที่ยว สามารถประเมิน และให้คณุ ค่าแก่การท่องเทีย่ วผ่านการรับรู้ ซึง่ ไป
ในทิศทางเดียวกับ Ximba (2009) ที่แสดงแนวคิดว่า การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมควรเน้นความเข้าใจใน
วัฒนธรรม และการมีส่วนร่วม ในประสบการณ์ทางวัฒนธรรมท้ังทางด้านภูมิปัญญา ความงาม จิตวิทยา
และความรู้สึก จึงทาให้นักท่องเที่ยวถ่ายทอดพฤติกรรม ที่เกิดขึ้นได้ และส่งผล ต่อการตลาดการท่องเที่ยว
ในพืน้ ที่
จากแนวคิดดังกล่าว ผู้วิจัยสรุปได้ว่า การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจะเป็นโอกาสให้เกิดการท่องเที่ยว
ซ้า เนื่องจากเพราะแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ มีความเป็นมาของทรัพยากร
วัฒนธรรม ก่อให้เกิดการเพิ่มมูลค่า ในด้านการท่องเที่ยว เชิงวัฒนธรรมนักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ทีม่ ี
คุณค่า เกิดความภาคภูมิใจ และเป็นการปลูกจิตสานึกในการท่องเที่ยวอีกด้วย โดยปัจจัยการรับรู้ด้าน
การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของนักท่องเที่ยวน้ัน ประกอบไปด้วย แรงจูงใจจากความต้องการผ่อนคลาย
ความเครียด แรงจูงใจด้านการแสวงบุญ แรงจูงใจด้านการเรียนรู้วัฒนธรรม อีกทั้งการรับรู้ยังเป็นพื้นฐาน
การเรียนรู้ของมนุษย์ ประกอบด้วยปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ทางด้านร่างกาย จิตใจ ความต้องการ และทัศนคติที่
ก่อให้เกิดการรับรู้ให้ความสนใจที่ต่างกันออกไป การรับรู้ในการท่องเที่ยวจึงมีความสาคัญที่ทาให้
นักท่องเทีย่ วรบั รู้กับสถานทีท่ ่องเทีย่ วนั้น ๆ เพื่อใหน้ กั ท่องเทีย่ วเกิดความประทบั ใจสูงสุด
18
การรับร้กู ารท่องเท่ยี วเชิงวัฒนธรรม
การรับรู้ (Bruce, Green & Georgeson, 2003; Petrosillo, Zurlini, Corliano, Zaccarelli & Dadamo,
2007) คือ กระบวนการที่เกิดขึ้น หลังจากที่ได้รับการกระตุ้นจากสิ่งเร้า และถูกแปลความหมาย โดยใช้
ความรู้ ประสบการณ์และความเข้าใจของแต่ละบุคคล โดยการรับรู้จะเกิดขึ้นได้ต้องประกอบด้วย
กระบวนการสาคัญ ได้แก่ การสมั ผสั ชนิดและธรรมชาติของสิ่งเร้า การแปลความหมายจากการสัมผัส และ
การใชค้ วามรเู้ ดิมเพือ่ แปล ความหมาย
การรับรู้การท่องเที่ยว หมายถึง กระบวนการที่เกิดขึ้น ซึ่งมีข้ันตอนดังนี้ 1.การเลือกรับรู้ ตามความ
สนใจ เช่น นักท่องเที่ยวมีความต้องการเดินทางท่องเที่ยวจะเลือกสนใจใน สื่อโฆษณาที่เกี่ยวกับแหล่ง
ท่องเที่ยว ที่พัก ต๋ัวเคร่ืองบิน เป็นต้น 2. การจัดระเบียบข้อมูล โดยอาจนาข้อมูลต่างๆ มารวบรวมเพื่อความ
เข้าใจ และ 3. การแปลความหมาย โดยอาศัยความรู้และประสบการณ์ในอดีตของบุคคลน้ัน ๆ ซึ่งในบริบท
ของการท่องเทีย่ วน้ัน คือ การแปลผลขอ้ มูลของนกั ท่องเที่ยวจากสิ่งที่นกั ท่องเที่ยวได้รับรู้ผ่านประสาทสัมผัส
ก่อน หรือหลังการเดินทาง ซึ่งการแปลผลข้อมูลน้ันจะมีความแตกต่างกันได้หากมีวัฒนธรรมที่ต่างกัน
(Sangeeta, 2013)
การรับรู้การท่องเทีย่ วเชิงวัฒนธรรม หมายถึง กระบวนการที่เกิดข้ึน หลังจากที่ได้รับการกระตนุ้ จาก
สิ่งเร้า และถูกแปลความหมาย โดยใช้ ความรู้ ประสบการณ์ และความเข้าใจของแต่ละบุคคล โดยการรับรู้
จะเกิดขึ้นได้ ต้องประกอบด้วย กระบวนการสาคัญ ได้แก่ การสัมผัส ชนิดและธรรมชาติของสิ่งเร้า การแปล
ความหมาย จากการสมั ผสั และการใช้ ความรเู้ ดิมเพือ่ แปล ความหมาย
แรงจูงใจมีบทบาทสาคัญในการตัดสินของพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว และเพื่อให้แรงจูงใจ
มีประสิทธิภาพนั้นต้องประกอบไปด้วยส่วนสาคัญ 2 ประการ คือ ความสามารถ หรือทักษะในการทางาน
ของบุคคล และการจูงใจเพื่อโน้มน้าวบุคคล ซึ่งแรงจูงใจ ในการท่องเที่ยว เป็นแรงจูงใจที่เกิดการโน้มน้าว
หรอื มีแรงกระตุ้นใหเ้ กิดความต้องการการเดินทาง (Pizam & Mansfield,1999)
ในทิศทางเดียวกัน ฉลองศรี พิมลสมพงษ์ (2550) ได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า แรงจูงใจ
แบ่งออกเป็นปัจจัยผลัก (Push Factors) และปัจจัยดึงดูด (Pull Factors) ซึ่งปัจจจัยผลัก เป็นปัจจัย ที่เป็นแรง
ให้นักท่องเที่ยวเกิดความต้องการเดินทาง แต่ในกระบวนการที่จะตัดสินใจ ไปท่องเที่ยวอยู่ที่ปัจจัยดึงดูด
แรงจงู ใจจะมีความสมั พันธ์กับการรับรู้ เนื่องจากมีส่วนหน่ึงของแรงจงู ใจ ให้เดินทางไปท่องเที่ยวเกิดจากการ
รับรู้ การรับรู้จึงมีความสาคัญมากในทางการตลาดการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าและ
บริการบนพื้นฐานของข้อมูลข่าวสารที่ได้รับรู้มา แรงจูงใจยังเป็นความต้องการของมนุษย์หรือผู้บริโภคที่
กาหนดการตอบสนองตามความต้องการ
19
แนวคดิ เกีย่ วกับอิทธิพลของวรรณคดที ่มี ีผลต่อการทอ่ งเท่ยี ว
วรรณคดี (Wiktionary) หมายถึง บทประพันธ์หรือวรรณกรรมที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งดี มีคุณค่า
เชงิ วรรณศิลป์ช้ันสูง เชน่ พระราชพิธีสิบสองเดือน มทั นะพาธา สามก๊ก เสภาเรอ่ื ง ขนุ ช้างขุนแผน ซึง่ สิง่ นี้ถือ
เป็นส่วนสาคัญในการแสดงออกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ยิ่งไปกว่านั้น วรรณคดียังสามารถถูกนาไป
ดัดแปลงเป็นศิลปะด้านอื่น ๆ เพราะเป็นตัวแทน ของความรู้สึกนึกคิดของผู้คน และสะท้อนสภาพสังคม
วัฒนธรรมมาทุกยุคทุกสมัย (สุภัทรา บุญปัญญโรจน์, 2020) ที่สาคัญวรรณคดีไทย ยังเป็นผลผลิตทาง
วัฒนธรรมที่มีการสืบทอดต่อกันมาช้านานจึงเปรียบเสมือนสมุดบันทึกเล่มหนึ่งที่มีการบันทึกเร่ืองราว
ศิลปวัฒนธรรมประวัติศาสตร์ของแต่ละแต่ละช่วงเวลา ดังนั้น หากเราใช้วรรณคดีมาเป็นสื่อกลาง ในการ
สื่อสารเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในการท่องเที่ยวก็จะทาให้เกิดความน่าสนใจซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวจะ
ได้เที่ยวชมสถานที่และศิลปวัฒนธรรมที่สวยงามแล้วยังสามารถเรียนรู้เร่ืองราวของวรรณคดีไปในเวลา
เดียวกันอีกด้วย (อจั ฉริยา วสุนนั ต์, 2560)
วรรณคดีถือเป็นหนึ่งในหนังสือเพื่อความฝันในการเดินทาง ที่นักท่องเที่ยว สามารถขยาย ขอบเขต
จินตนาการอันไกลโพ้นของผู้อ่านจากความช่วยเหลือของวรรณกรรมเร่ืองนี้ ซึ่งจะแนะนาให้ผู้อ่านได้รู้จัก
เรื่องราวและข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกบั จดุ หมายปลายทาง นอกจากนั้นผู้อา่ นสามารถใช้หนงั สอื เล่มนี้เพื่อ
วางแผนวันหยุดพักผ่อน วิธีการเดินทาง สถานที่พัก และคุณค่าที่ดีทีส่ ุด จากสิ่งที่ได้รับจากวรรณคดีเรือ่ งนั้น
(Victoria Brooks, 2001) การอา่ นบทประพนั ธ์ สามารถพาความคิดของผอู้ ่านไปได้ไกล สร้างแรงบันดาลใจให้
เกิดความต้องการ การเดินทาง ตามรอยท้ังจากตัวอักษร ผู้นิพนธ์ ตัวละคร หรือเร่ืองราวดี ๆ ที่สาคัญ
วรรณคดี สามารถเปน็ ตวั ดึงดดู ทีย่ ิง่ ใหญ่ ช่วยใหผ้ อู้ ่านได้พบประสบการณท์ ี่คุ้มค่า ช่วยใหเ้ ข้าใจถึง ไม่ใช่เพียง
แค่นาจุดหมายปลายทางมาสู่ชีวิตของคนแต่งเท่านั้น แต่ยังให้ข้อมูลเชิงลึกอีกยุคหนึ่งว่า พวกเขาใช้ชีวิต
อย่างไรอีกด้วย (Matthew Brumley, 2018)
อนึ่งวรรณคดีไทยยังถือเป็นองค์ประกอบหนึ่งของแนวทางการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ยุคใหม่ (Creative Economy) อันเป็นแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจ ที่ถูกนามาใช้เป็นยุทธศาสตร์หลัก ต่อการ
พัฒนาประเทศ โดยประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเป็นประเทศ ที่มีขีดความสามารถ ทางวัฒนธรรมเป็น
อันดับต้น ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังน้ัน การดัดแปลงใช้ทรพั ยากร ทางวรรณคดีของไทยผ่านวิธีการ
การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ (Creative Tourism) จึงถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ทางวัฒนธรรม (Soft Power)
ของการสง่ เสริมเศรษฐกิจ สร้างสรรค์ ของประเทศไทย โดยเชื่อมโยงจากการดัดแปลง บทประพันธ์ทีม่ คี วาม
โดดเด่น เพือ่ สรา้ งประสบการณใ์ ห้กบั นักท่องเทีย่ ว (สภุ ทั รา บญุ ปญั ญโรจน์, 2020)
เม่ือวิเคราะห์ถึงอิทธิพลของวรรณคดีที่แล้วดัดแปลงแล้วส่งทอดถึงกันซึ่งมีผลทางสังคมและ
วัฒนธรรมในลักษณะของการท่องเที่ยวสร้างสรรค์ตามบริบทปัจจุบัน โดยสามารถดารงเน้ือหาสาคัญ หรือ
สือ่ ความหมายถึงความโดดเด่นของวรรณกรรมน้ัน ๆ ได้อย่างนา่ สนใจ มีหลายเรื่องที่ควรศกึ ษา ได้แก่
20
วรรณคดีเร่ือง เสภาขุนช้างชุนแผน นิพนธ์โดยสุนทรภู่ (ขุนช้างชุนแผน, สื่อออนไลน์) เป็นนิทานมหา
กาพย์พื้นบ้านของไทย สันนิษฐานว่าแต่งขึ้นการร้องแบบมุขปาฐะ (ปากต่อปาก) และเค้าเร่ืองอาจเคยเกิดข้ึน
จรงิ ในสมัยกรุงศรีอยธุ ยาแล้วมีผจู้ ดจาเล่าสืบต่อกันมาคาดว่าเริ่มแต่งช่วงอยธุ ยาตอนกลาง (ราว พ.ศ. 2143)
และมีการเพิ่มเติมหรือตัดทอนเร่ือยมา จนมีรายละเอียด และความยาวอย่างที่สืบทอดกันอยู่ในสมัยอยุธยา
ตอนปลาย เน่ืองจากมีปรากฏ ในหนังสือคาให้การชาวกรุงเก่า ต่อมามีการดัดแปลงเพิ่มเติม จนมีลักษณะ
คล้ายนิทาน เพื่อให้เน้ือเร่ืองสนุกสนานชวนติดตามยิ่งขึ้น ในการดาเนินเร่ือง ได้สะท้อนภาพการดาเนินชีวิต
ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี และวัฒนธรรม ของชาวสยามในครั้งอดตี ได้อย่างชดั เจน สาหรบั เนื้อหาของขนุ ช้าง
ขุนแผนในปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้โปรดเกล้าฯ ให้กวีในรัชสมัยของพระองค์
ตลอดจนพระองค์เองร่วมกันแต่ง และทรงพระราชนิพนธ์ขี้น เป็นวรรณคดีที่มีค่าท้ังในด้านความไพเราะและ
ลีลาการแต่ง ตลอดจนเค้าโครงเร่ือง ได้รับการยกย่องตามพระราชบัญญัติวรรณคดีสโมสร ในรัชกาล
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวว่าเป็นยอดของหนังสือประเภทกลอนเสภา และได้รับประทับราช
ลัญจกร รูปพระคเณศร์ไว้เป็นเคร่ืองหมายของการยกย่องนั้นด้วย บางตอนในวรรณคดีเร่ืองนี้ ยังเป็น
หลักฐาน ที่ให้ความรู้ในเร่ืองราวความเป็นอยู่ของผู้คนและบ้านเมืองในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ สมกับที่มีคา
กล่าวว่า วรรณคดีเป็นกระจกเงา สะท้อนภาพความเปน็ ไปของบ้านเมอื งในยุคน้ัน ๆ ให้คนรุ่นหลัง ๆ ได้ทราบ
ต่อกัน
สถานที่ท่องเที่ยวตามรอยที่ได้รับอิทธิพล จากวรรณคดีขุนช้างชุนแผนที่น่าสนใจ ในจังหวัด
สุพรรณบุรี ได้แก่ วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร (ข่าวสด, 2562, สื่อออนไลน์) เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองที่สาคัญ
ของจังหวัดสุพรรณบุรี ตั้งอยู่ริมถนนมาลัยแมน ต.รั้วใหญ่ ทางฝ่ังตะวันตก ของแม่น้าสุพรรณบุรี
เป็นพระอารามหลวงช้ันตรี ชนิดวรวิหาร มีอายรุ าว 1,200 ปี สนั นิษฐานว่าสร้างขึน้ ในสมัย ทีเ่ มอื งสพุ รรณบุรี
รุ่งเรืองโดยในพงศาวดารเหนือกล่าวว่าพระเจ้ากาแตทรงให้มอญน้อยมาบูรณะวัดป่าเลไลยก์ ภายหลังปี
พ.ศ.1724 เล็กน้อย ภายในวัดรอบ ๆ วิหารหลวงพ่อโต จะมีภาพ จิตรกรรมฝาผนัง ที่ถูกรังสรรค์จากฝีมือ
การวาดของจิตรกรด้วยความวิจิตรศิลป์เล่าเร่ืองราววรรณคดีแห่งตานานเมืองสุพรรณอันลือเลื่องของไทย
นัน่ คือเสภาขุนช้างขุนแผนของสุนทรภู่ เปน็ ภาพสวยงาม ทีถ่ ่ายทอดเรือ่ งราวแต่ละตอนที่สาคัญของวรรณคดี
ได้อย่างครบถ้วนตั้งแต่เริ่มเร่ืองจนถึงตอนสุดท้ายและยังสอดแทรกประเพณีไทยไว้ในภาพอย่างประณีตโดย
วัดป่าเลไลยก์ปรากฏในเสภาขุนช้างขุนแผน ตอนที่พลายแก้วได้บรรพชาเป็นสามเณร และได้มาเรียน
คาถาอาคม เทศนม์ หาชาติ กบั สมภารมแี หง่ วัดป่าเลไลยก์
21
ภาพ 1 วดั ป่าเลไลยก์ที่ปรากฏในเสภาขนุ ช้างขุนแผน
http://www.suphan.biz/Watpalalai.htm
ภาพ 2 จติ รกรรมฝาผนังเสภาขนุ ช้างขุนแผน
https://www.khaosod.co.th/lifestyle/travel/news_2851328
นอกจากนี้ยังมีคุ้มขุนช้าง ซึ่งสร้างเป็นเรือนไทยไม้สักแบบโบราณหลังใหญ่ ตามวรรณคดีเร่ือง
ขุนช้างขุนแผนโดยแต่ละห้องบนเรือนนั้น มีการจัดแสดง ข้าวของเคร่ืองใช้ต่าง ๆ ในสมัยเก่าก่อน ไว้ให้
นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ บริเวณทางขึน้ คุ้มขุนช้าง ก่อนเดินขึ้นไปที่ด้านหน้า จะมีศาลาฝ่ังขวาและซ้าย เป็นฉาก
ภาพวาดของนางพิมพิลาไลย ขุนช้าง ขุนแผน ให้นักท่องท่องเทีย่ ว ได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก (ทราเวลทรู, 2564,
สือ่ ออนไลน์)
22
ภาพ 3 คุ้มขนุ ช้าง
https://www.khaosod.co.th/lifestyle/travel/news_2851328
ยิ่งไปกว่าน้ันจากงานวิจัยเร่ือง การใช้วรรณกรรมขุนช้างขุนแผน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
เชงิ วฒั นธรรมในจงั หวดั สุพรรณบุรี (อมรรตั น์ เปี่ยมดนตรี และศุภกรณ์ ดิษฐพันธ์, 2558) พบว่าวรรณกรรม
เร่ืองนี้สามารถจะช่วยเพิ่มศักยภาพและคุณค่าการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในจังหวัดสุพรรณบุรีได้เน่ืองจาก
จังหวัดสุพรรณบุรีมีทรัพยากรการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับวรรณกรรมขุนช้างขุนแผน เช่น
มีสถานที่จริง ที่กล่าวถึงในวรรณกรรมขุนช้างขุนแผนที่ยังปรากฏอยู่ในปัจจุบัน มีการสร้างคุ้มขุนแผน
บ้านขุนช้าง รูปจาลอง ภาพจิตรกรรมในวรรณกรรม มีถนนสายสาคัญในจังหวัด สุพรรณบุรีที่ต้ังชื่อตามตัว
ละครต่าง ๆ ในเร่ืองขุนช้างขุนแผน ซึ่งมีความสอดคล้อง ตามแนวทาง การใช้วรรณกรรมเพื่อการท่องเที่ยว
และตามแนวทางตัวอย่าง การดาเนินการที่ดี สามารถนามาสร้างสรรค์ และจัดกิจกรรม เพื่อส่งเสริมการ
ท่องเที่ยว ซึ่งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนรวมถึงชุมชนในท้องถิ่น ควรเข้ามามีบทบาท ในการสนับสนุน
กิจกรรมนี้ อย่างตอ่ เนือ่ ง และเปน็ ระบบ เพื่อเปน็ การสรา้ งระบบการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ช่วยกระจายรายได้
สู่ท้องถิน่ และ ยงั เป็น การอนรุ กั ษ์วรรณกรรมขนุ ช้างขุนแผน
23
ภาพ 4 การจดั แสดง ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ในสมยั ก่อน
https://www.khaosod.co.th/lifestyle/travel/news_2851328
นอกจากน้ันนักท่องเที่ยวยังมีความสนใจในด้านการนาวรรณกรรมขุนช้างขุนแผนมาใช้ส่งเสริม
การท่องเที่ยวอยู่ในระดับมากที่สุดโดยสนใจให้มีการนาวรรณกรรมขุนช้างขุนแผน มาใช้ในการพัฒนา
การท่องเทีย่ ว เชงิ วฒั นธรรมของจงั หวดั สุพรรณบรุ ี และต้องการ ให้มกี ารจัดจาหนา่ ย ของที่ระลึกที่เกีย่ วข้อง
กับวรรณกรรม และสนใจให้มีการส่งเสริมและอนุรักษ์วรรณกรรม ขุนช้างขุนแผนในจังหวัดสุพรรณบุรี
ส่วนในด้านการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยว ต้องการให้มีการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวและ
เน้นความเชื่อมโยงในความสนใจของนักท่องเที่ยวที่มีต่อการนาวรรณกรรมขุนช้างขุนแผนมาใช้ และการจัด
โปรแกรมท่องเที่ยว สถานที่ทีเ่ กีย่ วข้องกับวรรณกรรมขุนช้างขุนแผน การจดั สถานทีท่ ่องเที่ยว ที่แสดงให้เห็น
คุณค่าทางประวตั ิศาสตร์ และวิถีชีวติ ประเพณีไทยที่สะท้อน จากวรรณกรรม ขนุ ช้างขุนแผน
วรรณคดีไทยที่ยังอิทธิพลต่อการท่องเที่ยวไทย น่ันคือ เร่ือง ลิลิตตะเลงพ่าย เป็นวรรณคดีโบราณ
อิงประวัติศาสตร์ ประพันธ์ขึ้นโดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส และ
พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหม่นื ภูบาลบริรกั ษ์ จดุ มงุ่ หมายในการแต่ง เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวร
มหาราช และในวาระงานพระราชพิธีฉลองตึกวัดพระเชนตุพนฯ สมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งวรรณดคีเร่ืองนี้แต่งด้วย
ลิลิตสุภาพ ประกอบด้วย ร่ายสุภาพ โคลงสองสุภาพ โคลงสามสุภาพ และโคลงสี่สุภาพ แต่งสลับกันไป
จานวน 439 บท โดยได้แบบอย่าง การแต่งมาจากลิลิตยวนพ่ายที่แต่งขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น ลิลิตเปรียบ
ได้กับงานเขียนมหากาพย์ จัดเป็นวรรณคดีประเภทเฉลิมพระเกียรติพระมหากษัตริย์ โดยคาว่า ตะเลง
24
แปลว่า มอญ ส่วน คาว่า พ่าย แปลว่า แพ้ ดังน้ัน ลิลิตตะเลงพ่าย จึงหมายรวมถึง ความพ่ายแพ้ของมอญ
เนื่องจากกองทัพพม่า ในครานั้น ได้เกณฑ์ไพร่พลที่เป็นชาวมอญ มาเป็นจานวนมาก จึงดูเสมือนไทยทา
สงครามกับชาวมอญ โดยเน้ือหาเป็นการยกย่องสดุดีวีรกรรม ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในการทา
สงครามยุทธหัตถี กบั สมเด็จพระมหาอุปราชาของพม่า ซึง่ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชได้รับชยั ชนะ สามารถ
ใช้พระแสงของ้าวฟัน พระมหาอุปราชาคอขาดสะพายแล่งบนหลังช้าง (ตามประวัติศาสตร์ เป็นสงครามยทุ ธ
หตั ถีคร้ังสุดท้าย ระหว่างไทยกบั พม่า)
สาหรับสถานที่ท่องเที่ยวตามรอยวรรณคดีลิลิตตะเลงพ่ายตามเส้นทางยุทธหัตถีสมเด็จพระนเรศวร
(พีพีทีวี, 2558) มหี ลายแห่งที่นา่ สนใจและยังได้รับความนยิ มในปจั จบุ ัน ได้แก่
พระราชวังจันทน์ จังหวัดพิษณุโลก สถานที่เสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ในปี พ.ศ.2098 (พระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชาและพระวิสุทธิกษัตรี พระองค์ทรงมี พระพี่นาง
คือ พระสุวรรณเทวี (พระสุพรรณกัลยา) และพระน้องยาเธอ คือ สมเด็จพระเอกาทศรถ) พระองค์ทรง
ประทับ ณ พระราชวังจันทน์ ตั้งแต่เสด็จพระราชสมภพจนพระชันษาได้ 9 พรรษา พระเจ้าหงสาวดีได้ขอไป
เป็นพระราชบุตรบุญธรรมและประทับอยู่ที่หงสาวดี 6 ปี ตามประวัติผู้ที่สร้างพระราชวังจันทน์ คือ
พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) แห่งราชวงศ์พระร่วง ของอาณาจักรสุโขทัย (ซึ่งเป็นสายสกุลเดียวกันกับ
พระบิดาของสมเดจ็ พระนเรศวร) พระองค์ทรงสร้างพระราชวงั จนั ทร์บนเนินดินบนฝงั่ ตะวันตกของแม่น้าน่าน
ในระหว่างที่ พระองค์ ทรงครองเมืองพิษณุโลก ในปี พ.ศ.1905 - 1912 เม่ือสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
กษัตริย์แห่ง กรุงศรีอยุธยาทรงย้ายราชธานีมาอยู่ที่เมืองพิษณุโลกใน พ.ศ.2006 ทรงใช้พระราชวังจันทร์
เป็นที่ประทับตลอด นอกจากนี้เชื่อว่ามีการก่อสร้างเพิ่มเติมในสมัยพระองค์ด้วย จากนั้น พระราชวังจันทร์
ก็มักจะเป็นที่ประทับของพระมหาอุปราชของกรุงศรีอยุธยาในสมัยต่อๆ มาจนถึ งสมัยของสมเด็จ
พระมหาธรรมราชาธิราช ทรงให้สมเด็จพระนเรศวรเสด็จไปประทับ จากน้ันก็ไม่ปรากฏว่ามีเชื้อพระวงศ์
พระองค์ใดไปอยู่ทีพ่ ระราชวังจนั ทน์อกี เลย
25
ภาพ 5 พระราชวังจันทน์ จังหวัดพิษณุโลก
https://travel.trueid.net/detail/n5r8GoRdYgQZ
วัดหน้าพระเมรุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นสถานที่ตั้งพลับพลา ทาสัญญาสงบศึก กับพระเจ้า
บุเรงนอง ในอดีตพระมหาจักพรรดิ์ ได้ทรงตั้งพลับพลาระหว่าง วัดหน้าพระเมรุ และวัดหัสดาวาสเป็นที่ทา
สญั ญาสงบศึกกพั ระเจา้ บุเรงนอง หลงั พระเจ้าบเุ รงนอง ทูลขอชา้ งเผือก 2 ช้าง แตส่ มเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิ
ทรงมีพระบรมราชโองการไม่ประทานช้างเผือก พม่าจึงยกทัพรวมพล มาทาศึกและล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่
นาน ทางพระเจ้าบเุ รงนอง จงึ มีพระราชสาสนว์ ่า จะรบต่อไป หรอื ยอมเปน็ ไมตรี เนื่องด้วยทางไทยเสียเปรียบ
มาก พระมหาจักรพรรดิจึงทรงยอมเป็นไมตรี ทาให้ฝ่ายไทย ต้องเสียช้างเผือกจาก 2 ช้าง เป็น 4 ช้าง และ
ทกุ ปีตอ้ งสง่ ช้างให้ 30 เชอื ก พร้อมเงนิ 300 ช่ัง
ภาพ 6 วัดหน้าพระเมรุ จังหวัดพระนครศรอี ยธุ ยา
https://www.watportal.com/th/wat/type/detail/id/4/iid/26336
26
ด่านเจดีย์สามองค์ จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งอยู่บนพรมแดนประเทศไทยและประเทศพม่า ช่องเขา
ดังกล่าว เชื่อมอาเภอสังขละบุรี ทางตอนเหนือของจังหวัดกาญจนบุรี กับอาเภอพะยาตองซู ทางตอนใต้ของ
รัฐกะเหรี่ยง โดยช่องเขานี้ได้เคยเป็นเส้นทางสัญจรทางบก เข้าสู่ทางตะวันตก ของประเทศไทยมาตั้งแต่คร้ัง
อดีตกาล ซึ่งหลายคร้ังเส้นทางน้ี ก็ใช้เปน็ ทางเดินทัพ ของท้ังทหารไทยและพม่าในการเดินทางยกทัพ ซึ่งอาจ
ถูกสร้างขึ้น ในช่วงปลายสมัยอยุธยา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ หรือการเดินทางที่ปลอดภัย
ในสมัยก่อนมีพระเจดีย์ที่ชาวบ้านเรียกว่า " หินสามกอง " ซึ่งเป็นที่สักการะก่อนออกเดินทางออกนอก
ประเทศและเวลากลับมาได้อย่างปลอดภัย ต่อมาในปี พ.ศ.2472 พระศรีสุวรรณครี ี เจ้าเมืองสงั ขละบรุ ีได้เป็น
ผนู้ าชาวบ้าน ก่อสร้างเจดยี ์ขนาดเลก็ สามองค์ (ที่เห็นในปจั จบุ ัน) ไว้แทนที่ "หินสามกอง" ในอดีต ส่วนสาเหตุ
ที่ต้องมีเจดีย์ 3 องค์ มีขอสันนิษฐานว่าเนื่องจากสมัยอดีตชาวบ้านผ่านมาบริเวณนี้ก็จะนาหินมากองไว้
เพื่อสักการะเป็นสิริมงคลในการเดินทางเป็นสามกอง นานวันเข้ากองหินก็ได้มีขนาดใหญ่ขึ้นเร่ือยๆ จนถึง
ปี พ.ศ.2472 ได้มกี ารสรา้ งเจดยี ์ จงึ สรา้ งตามจานวนกองหินทีม่ อี ยู่
ภาพ 7 ด่านเจดีย์สามองค์ จงั หวดั กาญจนบุรี
https://www.thailandexhibition.com/Eat-Travel/802
อนุสรณ์ดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี คือ สถานที่ทาการยุทธหัตถีของสมเด็จพระนเรศวร โดยใน
ปี พ.ศ. 2135 พระเจ้านันทบุเรงโปรดให้พระมหาอุปราชานากองทัพทหาร 240,000 คน มาตีกรุงศรีอยุธยา
หมายจะชนะศึกในคร้ังนี้ สมเด็จพระนเรศวรทรงทราบว่า พม่าจะยกทัพใหญ่มาตี จึงทรงเตรียมไพร่พล
มีกาลัง 100,000 คน เดินทางออกจากบ้านป่าโมกไปสุพรรณบุรี ข้ามน้าตรงท่าท้าวอู่ทอง และตั้งค่ายหลวง
บริเวณหนองสาหร่าย จ.สุพรรณบุรี ในเช้าของวันจันทร์ แรม 2 ค่า เดือนยี่ ปีมะโรง พ.ศ. 2135 สมเด็จ
พระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถทรงเคร่ืองพิชัยยุทธ สมเด็จพระนเรศวรทรงช้าง นามว่าเจ้าพระยา
27
ไชยานุภาพ ส่วนพระสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงช้างนามว่าเจ้าพระยาปราบไตรจักร ช้างทรงของ
ทั้ง 2 พระองค์นั้นเป็นช้างชนะงา คือช้างมีงา ที่ได้รับการฝึกให้รู้จักการต่อสู้มาแล้วหรือเคยผ่านสงคราม
ชนช้างชนะช้างตัวอ่นื มาแล้ว
ในระหว่างการรบช้างทรงได้วิ่งไล่ตามพม่าหลงเข้าไปในแดนพม่า มีเพียงทหารรักษาพระองค์และ
จาตุรงค์บาทเท่านั้นที่ติดตามไปทัน สมเด็จพระนเรศวรทอดพระเนตร เห็นพระมหาอุปราชาทรงพระคชสาร
อยู่ในร่มไม้กับเหล่าท้าวพระยา จึงทราบได้ว่าช้างทรงของ 2 พระองค์ หลงถลาเข้ามา ถึงกลางกองทัพและ
ตกอยู่ในวงล้อมข้าศึกแล้ว แต่ด้วย พระปฏิภาณไหวพริบของสมเด็จพระนเรศวร ทรงเห็ นว่าเป็นการ
เสียเปรียบข้าศึก จงึ ไสชา้ งเข้าไปใกล้ แล้วตรัสถามด้วยคุ้นเคยมาก่อนแต่วัยเยาว์ว่า "พระเจ้าพีเ่ ราจะยืนอยู่ใย
ในร่มไม้เล่า เชิญออกมา ทายุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด ภายหน้าไป ไม่มีพระเจ้า
แผ่นดนิ ทีจ่ ะได้ยุทธหัตถีแล้ว" พระมหาอุปราชาได้ยินดงั น้ัน จงึ ไสชา้ งนามว่า พลายพัทธกอเข้าชน เจ้าพระยา
ไชยานุภาพเสียหลัก พระมหาอปุ ราชา ทรงฟนั สมเด็จพระนเรศวร ด้วยพระแสงของา้ ว แตส่ มเด็จพระนเรศวร
ทรงเบี่ยงหลบทัน จึงฟันถูกพระมาลาหนังขาด จากน้ันเจ้าพระยาไชยานุภาพ ชนพลายพัทธกอเสียหลัก
สมเด็จพระนเรศวรทรงฟันด้วยพระแสงของา้ ว ถูกพระมหาอุปราชา เข้าทีอ่ ังสะขวาสิน้ พระชนมอ์ ยู่บนคอชา้ ง
หลังเสร็จศึกในครั้งน้ัน สมเด็จพระนเรศวร ทรงถวายพระเกียรติยศให้แก่พระมหาอุปราชา
ด้วยการฝังพระศพ สร้างพระสถูปเจดีย์ และมีการสร้างพระอนุสาวรีย์ของพระองค์ในกาลต่อมา ส่งผลต่อ
การท่องเที่ยวของจังหวัดสุพรรณบุรี ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปสักการะ ขอพร และชื่นชมในพระบารมี
ตลอดจนเทิดพระเกียรติวีรกรรมที่ควรค่าแก่การยกย่อง เชิดชู เน่ืองด้วยทรงเป็นพระมหาบุรพกษัตริย์
ที่ทรงมีคุณานุประการต่อสยามประเทศ พระอนุสาวรีย์อันเป็นอนุสรณ์สถานจึงมีผลต่อความภาคภูมิใจใน
เอกราชของคนไทย และนามา ซึ่งการส่งเสริมการท่องเทีย่ ว ให้กับจังหวัดสุพรรณบุรีอย่างเป็นรูปธรรม และ
ย่ังยืน
ภาพ 8 อนุสรณ์ดอนเจดยี ์ จังหวดั สพุ รรณบุรี
https://tiewpakklang.com/post/3865
28
แม้กระน้ันยังมีวรรณคดีไทยที่สาคัญของไทยซึ่งเป็นท้ังมรดกและศิลปะทางวัฒนธรรมล้าค่าจนเป็น
หนึ่งในสัญลักษณ์ของสถานทีท่ ่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศนนั่ คือ วรรณคดีเร่ืองรามเกียรติ์ ถึงแม้ว่าจะ
มีเค้าโครงเร่ืองมาจากมหากาพย์รามายณะ แต่เม่ือไทยรับเข้ามา ได้ดัดแปลง เป็นเร่ืองรามเกียรติ์ ในแบบ
ฉบับของไทยเพื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมและประเพณีไทย บทละคร เร่ืองรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์ใน
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงได้รับยกย่องให้เป็นวรรณคดีแห่งชาติ เนื่องด้วย
เป็นรามเกียรติ์ของไทย ที่มีเนื้อหายาวที่สุด และสมบูรณ์ที่สุด ใช้ภาษาที่มีศิลปะและสานวนไทยที่เรียบง่าย
แต่ไพเราะ มีตัวละคร และพฤติกรรมแปลก ๆ ของตัวละครบางตัว รวมท้ังมีเหตุการณ์ บางเหตุการณ์
ที่น่าต่ืนตาต่ืนใจชวนให้ติดตาม ตัวละครหลายตัวใช้ปฏิภาณไหวพริบโต้ตอบกันอย่างได้รสชาติ เร่ือง
รามเกียรติ์จึงเป็นเร่ืองที่มีคุณค่าทั้งด้านวรรณศิลป์ และให้ความรู้เกี่ยวกับสังคม ประเพณี และวัฒนธรรม
ไทย (กรมศิลปากร, 2558)
รามเกียรติ์เป็นวรรณคดีไทยที่มีคณุ ค่าอย่างยิ่งในด้านศิลปวัฒนธรรม อันมีบทบาท และมีอิทธิพลใน
การสรา้ งสรรค์ด้านการท่องเที่ยวของไทย ทาให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ เรื่องราววรรณคดีมรดกและยังได้รู้จัก
สถานที่ท่องเที่ยวของไทยที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของประเทศไทยรวมถึงได้เรียนรู้เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม
ของไทยที่มชี ื่อเสียงท้ังในสายตาของชาวไทยและชาวต่างประเทศควบคู่กันไป
สอดคล้องกบั งานวิจัยเร่อื ง รามเกียรตก์ิ บั การท่องเทีย่ วไทย: การสรา้ งหนงั สอื อ่านเพิ่มเติม วรรณคดี
ไทยเพื่อการท่องเที่ยวสาหรับผู้เรียนชาวต่างประเทศ ผลการวิจัยพบว่า วรรณคดีไทย เร่ืองรามเกียรติ์ซึ่ง
สัมพันธ์กับศิลปวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของไทย สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเด็น ได้แก่ (1) รามเกียรติ์
: จิตรกรรมฝาผนังในวัดพระแก้ว (2) รามเกียรติ์ : ประติมากรรมรูปยักษ์ (3) รามเกียรติ์ : การแสดงโขน
และ (4) รามเกียรติ์ : การท่องเที่ยว การศึกษาวรรณคดีไทยเพิ่มเติม เพื่อการท่องเที่ยวสาหรับชาว
ต่างประเทศ จะเป็นการสร้างและเพิ่มพูนความรู้วรรณคดีไทยที่เปน็ มรดกทางวัฒนธรรมเรอ่ื งรามเกียรติ์ ทา
ให้ได้รู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทย และยังช่วยให้ชาวไทย และชาวต่างประเทศ
ได้เรียนรู้เกีย่ วกบั ศลิ ปวฒั นธรรมของไทยที่มชี ือ่ เสียง
ดังนั้น วรรณคดีไทยจึงมีส่วนช่วยให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ทั้งภาษาและวัฒนธรรมไทยควบคู่กันไป
เพราะเนือ้ หาของวรรณคดีไทยมกั จะบอกเล่าเรือ่ งราวในสมยั ก่อน ทีไ่ ด้รบั อิทธิพลจากคติ ความเชื่อ ประเพณี
ทัศนคติ ค่านิยม รวมไปถึงวิถีการดาเนินชีวิตของผคู้ นในสังคมในช่วงเวลาน้ัน ๆ ในด้านของจิตรกรรมฝาผนัง
และประติมากรรมรูปตัวละครยักษ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอก ถึงความเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมไทย โดย
ปรากฏอยู่ในสถานทีท่ ่องเที่ยวที่สาคัญ เป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทย นน่ั ได้แก่
ภาพจิตรกรรมฝาผนังเร่ืองรามเกียรติ์ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ที่เป็นที่รู้จักกัน
อย่างกว้างขวางทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งนี้ยังเป็นจิตรกรรมฝาผนัง ที่มีความยาวที่สุดในโลก มีจานวน
178 หอ้ ง โดยเป็นเรื่องรามเกียรต์เิ ริม่ ตงั้ แต่ตน้ เรือ่ งจนจบ และมีเร่อื งราวของพระนารายณ์ปางต่าง ๆ ก่อนจะ
29
อวตารมาเป็นพระราม แทรกอยู่ตามซุ้มประตูจานวน 80 ภาพ ภาพจิตรกรรมฝาผนังเร่ืองรามเกียรติ์นี้
วาดขึ้นตอนที่พระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้สร้างพระอาราม ในพระราชวัง ตามประเพณี ชื่อว่า “วัดพระศรีรัตนศาสดาราม” พระองค์โปรดเกล้าฯ
ให้เขียนรูปภาพเร่ืองรามเกียรติ์ รอบพระระเบียงตามพระราชนิพนธ์ บทละคร เร่ืองรามเกียรติ์ ของพระองค์
นอกจากนี้ ยังมีโคลงเร่ืองรามเกียรติ์สลักอยู่บนแผ่นหินอ่อนที่เสา รอบพระระเบียง แต่งขึ้นในสมัย
พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เป็นโคลงที่บรรยายตรงกับ ฉากในภาพจิตรกรรม
ห้องนั้น ๆ ภาพจิตรกรรมฝาผนัง เหล่านี้ มักจะได้รับความสนใจ จากชาวต่างประเทศ กล่าวคือเป็นภาพของ
หนุมานที่กาลังแสดงอิทธิฤทธิ์ เช่น ในตอนที่หนุมาน เนรมิตกายให้ใหญ่โต ใช้หางเป็นสะพานเพื่อให้เหล่า
ทหารวานรข้ามแม่น้ามหานที และเนรมิตกาย เพื่ออมพลับพลาที่ประทับของพระรามไว้ ในตอนที่ป้องกัน
ไม่ให้มยั ราพณม์ าลักพาตวั พระรามไปยงั เมืองบาดาล (นิดดา หงษ์ววิ ฒั น์, 2553)
ภาพ 9 หนมุ านเนรมิตกายใช้หาง เปน็ สะพานข้ามแมน่ ้ามหานที
http://storyuponme.blogspot.com/2014/08/2-9.html
ประติมากรรมรูปยักษ์ หรือการนาตัวละครจากเร่ืองรามเกียรติ์มาสร้าง เป็นงานประติมากรรมน้ัน
มีปรากฏเป็นประตมิ ากรรมขนาดใหญ่โดยปั้นเปน็ รปู ยกั ษ์ ซึง่ เปน็ ยกั ษ์สาคญั จากเร่อื งรามเกียรต์ทิ ้ังสิน้ ได้แก่
ทศกัณฐ์ อินทรชิต สหัสเดชะ วิรุญจาบัง มัยราพณ์ สุริยภพ วิรุฬหก มังกรกัณฐ์ อัศกรรณมารา จักรวรรดิ
ทศคีรีวัน และทศคีรีธร รูปป้ันยักษ์ท้ัง 12 ตนนี้ ต้ังอยู่ในบริเวณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (มณีปิ่น
พรหมสุทธิรกั ษ์, 2534)
การสร้างประติมากรรมรูปยักษ์ประดับที่ประตูวัดและสถานที่สาคัญ ๆ นี้ สะท้อนถึง คติความเชื่อ
ทีว่ า่ ยกั ษ์เป็นผู้เฝ้าและรักษาให้สถานที่นั้น ปราศจากอันตราย และการรบกวน จากภูตผปี ีศาจ
30
ภาพ 10 ยักษ์สุรยิ าภพและอินทรชติ ที่วดั พระศรรี ัตนศาสดาราม
https://travel.mthai.com/travel_tips/143309.html
ภาพ 11 ยกั ษ์ทศกณั ฐ์และสหัสเดชะทีว่ ดั อรณุ ราชวราราม
https://www.watarun1.com/th/architecture-detail/48
นอกจากที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามแล้ว ยังมีประติมากรรมรูปยักษ์ จากเร่ืองรามเกียรติ์
ทีว่ ดั อรุณราชวราราม ได้แก่ ยกั ษ์ทศกัณฐ์ และยกั ษ์สหัสเดชะ และยังมีการติดตั้งทีท่ ่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
เปน็ รปู หล่อยักษ์ทั้ง 12 ตน ที่บริเวณชนั้ 2 ของอาคารเทียบเครือ่ งบินอกี ด้วย
ยิ่งไปกว่าน้ัน ยังมีวรรณคดีอีกหนึ่งเร่ืองที่มีบทบาทสาคัญยิ่งต่อการท่องเที่ยวไทย นั่นคือเร่ือง
พระอภัยมณี (วิกิพีเดีย) ผลงานชิ้นเอกของพระสุนทรโวหารหรือสุนทรภู่กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร และ
เป็นวรรณคดีชิ้นเยี่ยมเร่ืองหนึ่งของไทย์ วรรณคดีเร่ืองนี้เป็นนิทานคากลอนที่มีความยาวมากถึง 94 เล่ม
สมุดไทย เม่ือพิมพ์เป็นเล่มหนังสือ จะมีความยาวกว่าหนึ่งพันสองร้อยหน้า ระยะเวลา ในการประพันธ์ไม่มี
31
การระบุไว้อย่างแน่ชัด แต่คาดว่าสุนทรภู่เริ่มประพันธ์ราวปี พ.ศ. 2364–2366 และแต่ง ๆ หยุด ๆ ไปตลอด
เป็นระยะ สิ้นสุดการประพันธ์ราว พ.ศ. 2388 รวมเวลามากกว่า 20 ปี สาเหตุที่วรรณคดีพระอภัยมณี
เป็นทีร่ ู้จักกว้างขวางมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากเค้าโครงเร่ือง ของพระอภยั มณีแหวกประเพณีของ
วรรณคดีในยุคเก่า มีจินตนาการล้ายุคอยู่มากมาย และมีตัวละครจากหลากหลายชนชาติ แสดงให้เห็นถึง
วิสัยทัศน์และความเปิดกว้าง ความเป็นนักคิดยุคใหม่ของผู้ประพันธ์เม่ือเปรียบเทียบกับยุคสมัยเดียวกันได้
เป็นอย่างดี นักวิชาการจานวนมากพากันศึกษากลอนนิทานพระอภัยมณี เพื่อค้นคว้าหาแรงบันดาลใจ
มาเชื่อมโยงแนวคิดของสุนทรภู่กับวรรณกรรมโบราณ ตลอดจนความรู้เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ยุคใหม่
ของบรรดานักเดินเรอื ที่เข้ามาสู่ประเทศไทยในยุคการค้าสาเภา นอกจากนี้ สุนทรภู่ ยังได้สอดแทรก แนวคิด
ไว้ในบทประพันธ์ทาให้ผลงานชิ้นนี้โดดเด่นและเป็นที่รู้จักมาก เพราะผู้คนล้วนใช้ บทกลอนเหล่าน้ัน เป็นคติ
สอนใจ เช่น บทกลอนในช่วงที่พระฤๅษีสอนสุดสาคร เป็นต้น เม่ือเข้าสู่ยุค ของการพิมพ์ โดยวรรณคดีพระ
อภัยมณี ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ในวงกว้างยิ่งขึ้นจากโรงพิมพ์ของหมอสมิท ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในยุคต่อมา มีการดัดแปลง และถ่ายทอด วรรณกรรม ชิ้นนี้ ออกไปในรูปแบบต่าง ๆ
มากมาย ทั้งเรือ่ งเล่า ร้อยแก้ว การต์ นู รวมทั้งภาพยนตร์ และละคร บทกลอนหลายชว่ งในเรือ่ ง พระอภัยมณี
ได้รับคัดเลือก ให้บรรจุอยู่ในแบบการเรียน การสอนของกระทรวงศึกษาธิการ กลายเป็นคติสอนใจที่ผู้คน
ทว่ั ไปจดจากันได้
อิทธิพลของวรรณคดีพระอภัยมณีก่อให้เกิดสถานที่ท่องเที่ยวที่นิยามเดินทางตามรอยหลายแห่ง
ได้แก่ อนุสาวรีย์สุนทรภู่ ต้ังอยู่ที่บ้านกร่า อาเภอแกลง จังหวัดระยอง กรมศิลปากร เป็นผู้ช่วยออกแบบ
แปลนและวางผังบริเวณ รวมเนือ้ ที่บริเวณอนุสาวรีย์สุนทรภทู่ ้ังหมด ประมาณ 8 ไร่เศษ ภายในสถานที่แห่งนี้
จะมีรูปปั้นสุนทรภู่ซึ่งอยู่ในลักษณะน่ังกาลังใช้ความคิด ประดิษฐาน อยู่บนเนินดิน มีแทนหินรองรับ
นอกจากนั้น ยังมีรูปตัวละครเอกจากเร่ืองพระอภัยมณี เช่น รูปปั้นพระอภัยมณีนั่งเป่าปี่อยู่ที่เชิงเนิน รูปปั้น
นางเงือกอยู่บนแทนหินกลางน้า รูปป้ันนางผีเสื้อสมุทร ยืนอยู่ในสระ ตัวละครต่าง ๆ จะอยู่เบื้องหน้ารูปปั้น
สนุ ทรภู่ (สถานทีท่ ่องเที่ยวในจังหวัดระยอง, สือ่ ออนไลน์)
32
ภาพ 12 อนุสาวรยี ์สุนทรภู่ อาเภอแกลง จังหวดั ระยอง
https://sites.google.com/site/meuxngkaelngnaxyu/xaphex-kaelng/xnusawriy-sunthr-phu
หาดนางรา (ทราเวลโฟกัส, 2560, สื่อออนไลน์) ต้ังอยู่ในพื้นที่ท่าเรือจุกเสม็ด เขตทหารเรือ สัตหีบ
จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชายทะเลที่สวยงาม ชายหาดมีความยาวประมาณ 200 เมตร
โดยสุดปลายหาด คือ แหลมนางรา ซึ่งค่ันระหว่างหาดนางรา และหาดนางรองจะมีรูปป้ัน ตัวละครในเร่ือง
พระอภัยมณี ซึ่งจะมีตัวละครเอกที่สาคัญ เช่น พระอภัยมณี นางเงือก ผีเสื้อสมุทร ม้านิลมังกร ฯลฯ
จากตานานของชาวบ้านเล่ามาว่า คาว่า “นางรา” เป็นชื่อเรียกเกาะที่อยู่ตรงข้าม หาดนางราในปัจจุบัน
เป็นเกาะที่ไม่มีคนอาศัยและไม่ค่อยมีคนไปเที่ยวนัก แต่อยู่มาวันหนึ่ง มีเสียงดนตรีมโหรีดังกึกก้องมาจาก
เกาะนี้ คล้ายเสียงดนตรีที่ใช้ในการร่ายรา และมีเสียงดนตรีดังขึ้นจากเกาะนี้อีกหลายคร้ัง ชาวบ้านจึงเรียก
เกาะนวี้ ่า "เกาะนางรา" จวบจน มาถึงทกุ วันนี้
ภาพ 13 หาดนางรา เขตทหารเรือสตั หบี จังหวดั ชลบุรี
http://happytime1184.blogspot.com/2017/07/blog-post_12.html
33
หาดปึกเตียน (รีดมี, 2563, สื่อออนไลน์) เป็นชายหาดในจังหวัดเพชรบุรี ห่างจาก อาเภอเมือง
เพชรบรุ ี 21 กิโลเมตร อยู่ในเขตของตาบลปึกเตียน อาเภอท่ายาง จังหวดั เพชรบรุ ี ณ แหลง่ ท่องเทีย่ วแหง่ น้ีจะ
มีรูปป้ันพระอภัยมณีกาลังเป่าปี่ และนางยักษ์สีดาทะมึน อยู่ไกล ๆ ในทะเลซึ่งเป็นฉากที่พระอภัยมณีกาลัง
เป่าปี่ เพื่อหยุดนางผีเสื้อสมุทรไม่ให้ทาร้ายผู้อื่น ในช่วงที่น้าลด เราสามารถเดินไปจนถึงรูปปั้นได้ นอกจาก
ประติมากรรมรูปพระอภัยมณี และนางผีเสื้อสมุทร กลางทะเลแล้ว บนฝ่ังยังมีประติมากรรมรูปตัวละคร
อื่น ๆ ในเรื่อง เชน่ นางเงอื ก สดุ สาครทีก่ าลงั ขี่มา้ นิลมังกร พระฤๅษี และกวีเอกสนุ ทรภอู่ ีกด้วย
ภาพ 14 หาดปึกเตียน จังหวัดเพชรบรุ ี
https://sites.google.com/site/nmeuxngphechrburi/sthan-thi-thxng-theiyw/had-puk-teiyn
ในประเทศไทย บทบาทของวรรณกรรมที่ได้รับความนิยมและมีผลต่อการท่องเที่ยวตามรอย
อย่างสูงสุด น่ันคือ วรรณกรรมเร่ืองบุพเพสันนิวาส ผู้ประพันธ์คือ รอมแพง เป็นผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้กบั
รอมแพงมากที่สุด มีการนาไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์ ในปี 2561 ซึ่งถือเป็นสื่อบันเทิง ที่ประสบความสาเร็จ
อย่างมากหลังจากได้แพร่ภาพออกอากาศไป โดยเนื้อหา เป็นแนวย้อนยุคที่เนื้อเร่ืองมีความโดดเด่น
สนุกสนาน แสดงให้เห็นถึงความแตกต่าง ระหว่างยุคสมัยและมีอิทธิพลต่อการท่องเที่ยวไทยเพราะสามารถ
ก่อให้เกิดปรากฏการณ์กระแสความนิยมตามรอยละครไทย เกิดการจัดโปรแกรมท่องเทีย่ ว ในสถานที่แหล่ง
โบราณสถาน ที่ปรากฏเป็นฉากของละครหลายแห่งซึ่งสถานที่แต่ละแห่งนั้นสร้างมาหลายร้อยปีและ
ล้วนมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจควรค่าแก่การไปเที่ยวชมอย่างยิ่ง รวมไปถึงนักท่องเที่ยว ยังเกิดกระแสนิยม
แตง่ ชดุ ไทยไปยงั สถานทีด่ งั กล่าวอกี ด้วย (บุพเพสนั นิวาส, 2561, สื่อออนไลน์)
สถานที่ท่องเทีย่ วตามรอยฯ ในจังหวัดพระนครศรอี ยุธยา (เอ็มไทย, สือ่ ออนไลน์) ได้แก่
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โบราณสถานเก่าแก่ ที่ได้รับการยกย่อง ให้เป็นมรดกโลก
ทางวัฒนธรรม บนพื้นที่กว่า 3,000 ไร่ ทั้งพระราชวังโบราณ, วัดพระศรีสรรเพชญ์, วัดมหาธาตุ,
วดั ราชบูรณะ, วัดพระราม, วิหารพระมงคลบพิตร และอีกมากมาย ได้สมั ผัสความรงุ่ เรอื ง ของกรงุ ศรีอยุธยา
34
อดีตราชธานีที่ปกครองแผ่นดินมาถึง 417 ปี นอกจากนั้น ยงั สามารถขีช่ ้างชมเมอื งกรุงเก่าที่เพนียดคล้องช้าง
หรอื วังช้างอยุธยา ซึง่ อยู่ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยธุ ยาและถกู ประกาศให้เปน็ มรดกโลก
ภาพ 15 อุทยานประวัติศาสตรพ์ ระนครศรอี ยธุ ยา
https://www.museumthailand.com/th/museum/Ayutthaya-Historical-Park
วัดไชยวัฒนาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอยุธยา วัดแห่งนี้สร้างขึ้นสมัยพระเจ้าปราสาททอง
เพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายให้พระราชมารดา และใช้จัดพิธีถวายพระเพลิงศพ ในพระมหากษัตริย์เกือบทุก
พระองค์ของอยุธยา และเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือกรุงละแวก (พนมเปญ) โดยจาลองแบบมาจาก
ปราสาทนครวัด สิ่งที่น่าสนใจคือ ปรางค์ประธาน ที่ตั้งอยู่บริเวณตรงกลางของพื้น รายล้อมด้วยปรางค์
บริวาร อีก 4 องค์
ภาพ 16 วัดไชยวฒั นาราม จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา
https://www.naewna.com/lady/479298
วัดพุทไธศวรรย์ พระอารามหลวงอันใหญ่โต จุดที่น่าสนใจ คือ ปรางค์ประธาน องค์ใหญ่ ศิลปะ
แบบขอม และพระบรมรูป “พระมหากษัตริย์ห้าพระองค์” ได้แก่ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมเด็จ
35
พระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจ้าอู่ทอง) สมเด็จพระเอกาทศรถ พระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ภาพ 17 วัดพุทไธศวรรย์
https://travel.kapook.com/view189411.html
สถานที่ท่องเที่ยวตามรอยฯ ในจังหวัดลพบรุ ี หรอื เมืองละโว้ (ทราเวลกระปกุ , สื่อออนไลน์) ได้แก่
พระนารายณ์ราชนิเวศน์ หรือวังนารายณ์ ต้ังอยู่ที่ถนนสรศักดิ์ ตาบลท่าหิน อาเภอเมือง จังหวัด
ลพบุรี มีเนื้อที่ท้ังหมดราว ๆ 40 กว่าไร่ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรด ให้สร้างขึ้นเม่ือปี พ.ศ. 2209
เพื่อใช้เป็นที่ประทับ แบ่งออกเป็น 3 เขต คือ เขตพระราชฐานชั้นนอก, เขตพระราชฐานชั้นกลาง และเขต
พระราชฐานช้ันใน ตัวพระราชวังหันหน้าไปทางตัวเมือง ด้านหลัง เป็นแม่น้าลพบุรี มีกาแพงโดยรอบ และ
มีใบเสมาเรียงรายอยู่บนสนั กาแพง อีกท้ังยงั มีป้อมปืนอยู่ 7 ป้อม มีประตูทางเข้า 7 ประตู พระที่นงั่ และ ตึกที่
สาคัญ อาทิ พระที่นั่งจันทรพิศาล, พระที่น่ังดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท เป็นต้น ปัจจุบันเปิดให้
นกั ท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมทกุ วนั ตั้งแตเ่ วลา 09.00 -16.30 น.
36
ภาพ 18 พระนารายณ์ราชนิเวศน์
https://travel.mthai.com/region/174133.html
พระที่นั่งไกรสรสีหราช หรือพระที่นั่งเย็น (พระตาหนักทะเลชุบศร) ต้ังอยู่ที่ตาบลทะเลชุบศร
อาเภอเมือง จังหวัดลพบุรี สมเด็จพระนารายณ์มหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่น่ังไกรสรสีหราชขึ้น
เพื่อทรงใช้เป็นสถานที่ประทับพักร้อน มีลักษณะเป็นพระที่น่ังช้ันเดียว แบ่งเป็น 3 ส่วน คือส่วนหน้าเป็นห้อง
โถงมีมุขเด็จ ส่วนกลางเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ และส่วนหลังซึ่งเป็นที่พักฝ่ายใน มีผังเป็นทรงจตุรมุข
ตรงมุขหน้า มีมุขเด็จยื่นออกมาและมีสีหบัญชรกลางมุขเด็จก่อด้วยอิฐถือปูน มีบันทึกจากชาวฝร่ังเศสถึง
สถานทีแ่ หง่ น้วี า่ "เปน็ ที่เหมาะสมมองท้องฟ้าได้ทุกด้าน" สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราชจงึ ได้ใช้สถานที่แหง่ นี้ใน
การสารวจจนั ทรุปราคาเมอ่ื วันที่ 11 ธันวาคม 2228 ร่วมกบั บาทหลวงเจซูอิต และบุคคลในคณะทตู ชดุ แรกที่
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งประเทศฝร่ังเศสส่งมาเจริญสัมพันธไมตรี ปัจจุบันที่แห่งนี้คงเหลือแต่เพียงผนัง
พระที่น่ัง ฉนวนหรือเขื่อนเพชร ในส่วนของลวดลายบนพื้นกรอบซุ้มเรือนแก้ว ของกรอบประตู และหน้าต่าง
น้ันเหลอื อีกเพียงเลก็ น้อย
37
ภาพ 19 พระทีน่ ่ังไกรสรสีหราช
http://library.tru.ac.th/aritc-tru/index.php/inlocal/inlop-5/lptour-2/27-illocal/inlop/146-lptupcool.html
พระปรางค์สามยอด สัญลักษณ์สาคัญของเมืองลพบุรี ต้ังอยู่ใจกลางเมืองใกล้กับศาลพระกาฬ
บริเวณตาบลท่าหิน อาเภอเมือง จังหวัดลพบุรี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
มีลักษณะเป็นพระปรางค์รูปแบบสถาปัตยกรรมขอม เรียงต่อกัน 3 องค์ มีมุขกระสันเป็นตัวเชื่อมต่อ
สร้างดว้ ยหินศลิ าแลง และหนิ ทราย ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยปูนปนั้
ภาพ 20 พระปรางค์สามยอด
https://travel.mthai.com/region/176712.html
บ้านหลวงรับราชทูต หรือบ้านหลวงวิชาเยนทร์ ต้ังอยู่ที่ถนนวิชาเยนทร์ ตาบลท่าหิน อาเภอเมือง
จังหวัดลพบุรี สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช บ้านหลังนี้เป็นสถานที่รับรอง คณะทูตจากประเทศฝรั่งเศส
38
ที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ส่งมาเข้าเฝ้า มีลักษณะเป็นอาคารทรงสถาปัตยกรรม สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา ล้อมรอบ
ด้วยกาแพง แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ตึกสองชั้นหลังใหญ่ ทางด้านตะวันตก มีซุ้มประตู ทางเข้าเป็นรูปโค้ง
ครึ่งวงกลม, ตึกตรงกลาง คาดว่าเป็นหอระฆัง และโบสถ์คริสต์ศาสนา มีซุ้มประตูทางเข้าเป็นรูปโค้ง
ครึ่งวงกลม และอาคารใหญ่ 2 ชั้นทางตะวันออก มีบันไดทางด้านหน้าเป็นรูปครึ่งวงกลม ซุ้มประตูทางเข้า
เป็นรูปโค้งครึ่งวงกลมด้วยเช่นกัน สถานที่แห่งนี้เป็นที่พักสุดท้ายของคอนสแตนติน ฟอลคอน (Constantine
Phaulkon) ขุนนางชาวกรีก ที่มีความสาคัญมากในช่วงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้วยความสามารถ
ในการเจรจา ค้าขายกับต่างชาติ จากพ่อค้าชาวต่างชาติธรรมดา คอนสแตนติน ฟอลคอน ก็ได้เข้ามารับ
ราชการ ในแผน่ ดินสยาม จนได้รบั ยศสูงสดุ ก่อนเสียชวี ิตคอื เจ้าพระยาวิชเยนทร์ ท่านมคี ู่สมรสทีเ่ รารู้จกั กันดี
คือ มารี กีมาร์ (Marie Guimar) หรอื ท้าวทองกีบม้า ราชินแี หง่ ขนมไทยนั่นเอง
ภาพ 21 บ้านหลวงรบั ราชทูต
https://travel.mthai.com/blog/174085.html
เสรี วงษ์มณฑา (คิดนอกกระแส, 2561, สื่อออนไลน์) ได้แสดงทัศนะ ต่อละครโทรทัศน์ไทย เร่ือง
บุพเพสันนิวาสไว้ว่า ละครเร่ืองนี้ กลายเป็นปรากฏการณ์ ที่มีคุณค่ายิ่งใหญ่ ในการปลุกกระแส ความนิยม
ไทย สามารถก่อให้เกิดละคร ที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ สร้างกระแสความนิยมในการ
ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และเชิงวัฒนธรรมที่อยุธยา ถ่ายทอดความรู้ให้ผู้ชม ท้ังในด้านของภาษาแ ละ
เอกลักษณ์ที่นา่ ภาคภูมใิ จ สามารถปลกุ กระแสนิยมไทย ให้สอดคล้อง กบั นโยบายนิยมไทยของรฐั บาลได้เป็น
อย่างดี ที่สาคัญละครเร่ืองบุพเพสันนิวาส สามารถสร้างรายได้ ด้านการท่องเที่ยวให้ประเทศไทยอย่าง
มหาศาล เพราะผชู้ มทีส่ นใจในเรื่องราวต่าง ๆ ของเหตุการณ์ในละครย่อมสนใจที่จะเดินทางตามรอยละครไป
ยังสถานที่ที่ปรากฏในละครเร่ืองนั้น เหมือนดังที่คนไทยเดินทางตามรอยละครเกาหลีจนทาให้การท่องเที่ยว
เกาหลีกลายเป็นที่นิยมอย่างมาก หากรัฐบาลให้ความสนใจใช้วัฒนธรรมนาเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว
39
ด้วยการ สร้างกระแสตามรอยละครได้สาเร็จ ประเทศไทย ย่อมสามารถที่จะเพิ่มจานวนนักท่องเที่ยว
ท้ังชาวไทยและชาวต่างชาติได้มากยิ่งขึ้น นาวัฒนธรรม พร้อมความเป็นไทยออกไปเผยแพร่ ให้ชาวโลก
ได้รบั รู้ ทาให้ละครไทยกลายเป็นละครที่ก้าวไกลสู่โลกไร้พรมแดน
หากวิเคราะห์ถึงวรรณกรรมต่างชาติ วรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตรเร่ืองสามก๊ก (Romance of
the Three Kingdoms: )三国演义 (วิกิพีเดีย) ถือเป็นวรรณกรรมโด่งดังและได้รบั ความนยิ มอย่างต่อเน่อื ง มาช้า
นาน จัดเป็นบทประพันธ์เพชรน้าเอกของโลก เป็นมรดกทางปัญญาของปราชญ์ชาวตะวันออกที่สุดยอด
มีการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ มากกว่า 10 ภาษาและมีการตีพิมพ์อย่างแพร่หลายท่ัวโลก แต่งขึ้นประมาณ
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 ยุคสมัยราชวงศ์หมิง ประพันธ์โดยหลัวก้วนจง (羅貫中) แปลและเรียบเรียงเป็น
ภาษาไทย ครั้งแรกโดยเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
เม่ือปี พ.ศ. 2345 ในรูปแบบสมุดไทย ตีพิมพ์คร้ังแรกโดยโรงพิมพ์ของหมอบรัดเลย์ ในปี พ.ศ. 2408 และ
ได้รับการตีพิมพ์ซ้าอีกครั้งภายใต้ชื่อ "หนังสือสามก๊ก ฉบับราชบัณฑิตยสภา" โดยโรงพิมพ์ โสภณ พิพรรฒ
ธนากร ในปี พ.ศ. 2471 ปจั จบุ นั สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ได้รับการตพี ิมพ์ใหมอ่ ีกหลายคร้ัง โดย
หลายสานกั พิมพ์ ถือเป็นวรรณกรรมจนี อิงประวัติศาสตร์เล่มที่ 2 โดยแปลจากไซ่ฮ่นั และเก่าแก่ทีส่ ดุ ในไทย
สามก๊กมีเน้ือหาหลากหลายรสชาติ เตม็ ไปด้วยเล่หก์ ลเพทุบาย กลศกึ ในการรบ การชิงรักหักเหลี่ยม
ความเคียดแค้นชิงชัง ความซือ่ สตั ย์และการให้อภยั ซึง่ มีเน้ือหาและเรือ่ งราวในทางที่ดี และร้ายปะปนกันภาพ
โดยรวม ของสามก๊กกล่าวถึงประวัติศาสตร์จีนในยุคสามก๊ก ในปี พ.ศ. 763 - พ.ศ. 823 โดยจุดเริ่มต้นของ
สามก๊ก เริ่มจากยุคโจรโพกผ้าเหลืองในปี พ.ศ. 726 ที่ออกอาละวาด จนเป็นเหตุให้บุคคลทั้งสามคือเล่าปี่
กวนอูและเตียวหุย ได้ร่วมสาบานตนเป็นพี่น้องและร่วมปราบกบฏโจรโพกผ้าเหลือง รวมทั้งการแย่งและ
ช่วงชิงอานาจ ความเป็นใหญ่ ในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่นของก๊กต่าง ๆ อันประกอบด้วยวุยก๊กหรือก๊กเว่ย (魏)
จ๊กก๊กหรือก๊กสู่ (蜀) และง่อก๊กหรือก๊กหวู (吳) จนถึงการสถาปนาราชวงศ์จ้ินโดยสุมาเอี๋ยน รวมระยะเวลา
ประมาณ 60 ปี นอกจากนี้ สามก๊ก ยังเป็นหน่งึ ในสีส่ ุดยอดวรรณกรรมจนี ร่วมกับไซอวิ๋ ซ้องก๋ังและความฝัน
ในหอแดง ซึ่งนักอ่านหนังสือจานวนมาก ยกย่องสามก๊กเป็นบทเรียนตาราพิชัยสงครามภาคปฏิบัติ
การบริหารและเศรษฐกิจ
อิทธิพลของวรรณกรรมเร่ืองสามก๊ก สามารถสร้างให้เกิดกระแสการท่องเที่ยว ตามรอยสถานที่
เกี่ยวข้องกับวรรณกรรม และได้รับความนิยมอย่างมากหลายแห่ง นั่นคือ ศาลเจ้าขงเบ้ง หรือ อู่โหวฉือ
แหง่ เมอื งเฉิงตู (เมเนเจอรอ์ อนไลน์, 2550) ซึ่งประกอบด้วยศาลขงเบ้ง สสุ านเล่าปี่ และบ้านจ่นิ หล่ี รวมเนอื้ ที่
139,860 ตรม. มีประวัติศาสตร์รวมยาวนานกว่า 1,784 ปี โดยมีจุดเด่นอยู่ 3 ประการคือ 1.ในสุสานฮุ่ยหลิง
เป็นที่ฝังศพของเล่าปี่และท่านผู้หญิงท้ังสอง ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุแห่งยุคสามก๊ก (ค.ศ.220-280)
40
ที่เก่าแก่ที่สุดและส่งผลอันยาวไกลที่สุดของประเทศจีน 2.เป็นศาลแห่งเดียวข องประเทศจีนที่บวงสรวง
เซ่นไหว้ ท้ังฮ่องเต้และขุนนางพร้อม ๆ กัน และ 3. มีประวัติศาสตร์ทางโบราณวัตถุ และทัศนียภาพที่เปิดให้
ชมอย่างตอ่ เนื่อง ไม่เคยขาดระยะเป็นเวลากว่า 1,780 ปี
สุสานฮุ่ยหลิง และศาลเล่าปี่ เริ่มสร้างเม่ือศักราชจางอู่ ปีที่ 3 (ค.ศ.223) แห่งราชวงศ์สูฮ่ัน ในสมัย
เหนือใต้ได้ทาการย้ายศาลขงเบ้งจากเมืองเซ่าเฉิงมาอยู่ที่นี้ สุสานฮุ่ยหลิง ศาลเล่าปี่ และศาลขงเบ้งท้ัง 3
จงึ ตง้ั อยู่ ในบริเวณใกล้ ๆ กัน แตแ่ ยกออกจากกนั ต้ังแตส่ มยั ราชวงศเ์ หนือ-ใต้ (ค.ศ.420-589) จนถึงราชวงศ์
หยวน(ค.ศ.1271-1368) และถูกทาให้รวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในสมัยราชวงศ์หมิง (ค.ศ.1368-1644)
รวมท้ังนาเล่าปี่ และขงเบ้งมาบวงสรวงเซ่นไหว้ในศาลหลังเดียวกัน แต่ชาวสู่หรือเสฉวน ยังคงนิยมเรียกรวม
สามสิง่ นวี้ ่า ศาลขงเบ้ง
จากการบูรณะปฎิสังขรณ์ในสมัยฮ่องเต้คงั ซีปีที่ 11 (ค.ศ.1672) แห่งราชวงศ์ชิง จึงได้จัดแบ่งเป็นศาล
องค์หน้า และศาลองค์หลังภายในศาลขงเบ้งอีก ปัจจุบันสิ่งก่อสร้างหลักในศาลขงเบ้ง หันหน้าไปทางทิศใต้
โดยตั้งแต่อยู่ ตามแนวกลาง ประกอบด้วย ศาลเล่าปี่ ศาลขงเบ้ง ศาลไตรสัตยพรต และสวนละครแห่งหอ
ร่วมสัตยาบัน เป็นต้น ทางทิศตะวันตกเป็นสวนสุสานฮุ่ยหลิง และห้องนิทรรศการวัฒนธรรมสามก๊ก ภายใน
ศาลยังมีศิลาจารึก โคลงคู่ ระฆังและกลองหอทิงหลี เรือนเซียงเยีย่ เปน็ ต้น ซึ่งเป็นเขตทศั นยี ภาพทีเ่ ปี่ยมด้วย
เนื้อหาที่น่าสนใจ มีรูปป้ันบุคคลในประวัติศาสตร์สามก๊ก 50 รูปซึ่งเกิดจากฝีมือจิตรกรในสมัยราชวงศ์ชิง
(ค.ศ.1644-1911) โดยส่วนใหญ่ รูปป้ันเหล่านี้ยังได้กลายมาเป็นเทพมงคลในสายตาประชาชนตั้งแต่ราชวงศ์
ชิงเปน็ ต้นมา เทพมงคลที่วา่ หมายถึง เทพที่นามาซึ่งความเป็นมงคล ความผาสุก ปัญญาและโชคลาภ โดยได้
รกั ษาไว้จนถึงปัจจบุ ัน
ต้ังแต่ปี ค.ศ.1780 เป็นต้นมา ศาลขงเบ้งค่อย ๆ ก่อตัวเป็นวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
นั้นคือ “วัฒนธรรมสามก๊ก” ซึ่งเกิดจากการประสานของวัฒนธรรมขงจ้ือกับวัฒนธรรมการทหารของจีน
อันเป็นข้อมูลการศึกษา และตัวอย่างในด้านการปกครองประเทศ การปกครองทหาร การบริหารธุรกิจ
การปฎิบัติตนต่อสังคม การปกครองครอบครัว และส่ังสอนลูกหลาน และด้วยสาเหตุนี้เอง จึงมีนักการเมอื ง
นักการทหาร นักการทูต นักธุรกิจ และประชาชนโดยท่ัวไปทั้งในและนอกประเทศจีน เดินทางจากพื้นที่
ห่างไกลเป็นพันลี้เพื่อมาเยี่ยมชมและศึกษา ทุก ๆ ปีจะมีผู้มาท่องเที่ยวและบวงสรวงเซ่นไหว้ศาลเจ้าขงเบ้ง
กว่า 1 ล้านคน
นอกจากศาลเจ้าขงเบ้ง ยังมีพิพิธภัณฑ์ซานซิงตุย ซึ่งเก็บรวมรวมข้าวของเคร่ืองใช้ จากสาริด
ที่ขุดพบ จากเมืองซานซิงตุย สะท้อนให้เห็นถึงอารธรรมเก่าแก่ที่มีมากว่า 3,600 ปี จากตามรอยสามก๊ก
ได้ทั้งความรู้ ทางประวัตศิ าสตร์ทีส่ าคญั ผ่านวฒั นธรรมสามก๊ก ขณะทีไ่ ด้สมั ผสั กบั มรดกโลกทีย่ ิ่งใหญ่
41
ทางด้านของวรรณกรรมตะวันตกที่มีอิทธิพลต่อการท่องเที่ยว เร่ืองที่โด่งดังและเป็นที่ชื่นชอบ
ของคนทั่วโลกมากหลายร้อยปีคือเร่ือง โรเมโอและจูเลียต (อังกฤษ: Romeo and Juliet) เป็นตานาน
วรรณกรรมโศกนาฏกรรมอันเป็นระดับโลก ประพันธ์โดย วิลเลียม เชกสเปียร์ กวีเอกของโลกชาวอังกฤษ
แตง่ ในปี ค.ศ. 1595 เนือ้ เรื่องเกีย่ วกับเรื่องราวความขดั แย้งของสองตระกลู คือ ตระกลู มอนตะคิวและตระกูล
คาปุเล็ต ในเมอื งเวโรนา ประเทศอติ าลี โดยวิลเลียม เชคสเปียร์ เลือกใช้สถานทีข่ องประเทศอิตาลีในการเซ็ต
ฉากของบทประพันธ์เพราะเป็นประเทศที่โดดเด่นท้ังด้านประวัติศาสตร์ อารยธรรม สถาปัตยกรรม ศิลปะ
ความงามอันหลากหลาย เมืองอันงดงาม และเร่ืองราวจากบทประพันธ์โรแมนติกดราม่าผสมกลมกล่อมกัน
จนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอิทธิพลยอดนิยม และดึงดูดให้นักเดินทางออกไปตามรอยจวบจน
ทุกวันนี้ โดยเส้นทางตามรอยวรรณกรรม ดังกล่าว อยู่ที่เมือง เวโรน่า เมืองอันสวยแสนโรแมนติก
และเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม ของยูเนสโก ตั้งอยู่ที่ ประเทศอิตาลี และได้รับสมญานามว่า
“LITTLE ROMAN” เพราะยังคงสภาพ สิ่งก่อสร้างจากสมัยโรมันไว้อย่างสมบูรณ์ สถานที่ปรากฏใน
บทประพันธ์ ได้แก่
Casa di Giulietta (บ้านของจูเลียต) เป็นสถานที่สมมติให้เป็นบ้านของ จูเลียต นางเอก ของ
โศกนาฏกรรม ความรักจุดเด่นของบริเวณบ้าน คือ กาแพงที่เต็มไปด้วย ข้อความและคาอธิษฐานเกี่ยวกับ
ความรัก ทั้งเขียน แปะ เพ้นท์ รวมถึงกุญแจคล้องประตู หรือตามผนัง มีชื่อคู่รักหนุ่มสาวเต็มไปหมดจนแทบ
ไม่มีที่ว่าง ข้อความท้ังหมดนั้นมาจากนักท่องเที่ยวบ้าง จากคนในอิตาลีบ้าง เพราะเชื่อว่าจะทาให้ความรัก
ม่ันคงยืนยาวเหมือนโรมิโอกับจูเลียต โดยเฉพาะอย่างยิ่งระเบียงอันโด่งดังที่ว่ากันว่าโรมิโอปีนขึ้นไปบอกรัก
จเู ลียต ภายในสถาปัตยกรรมหินของลานสนามของตึกัน้นซึ่งสามารถเข้ามาได้จากเฉลียงคดโค้งเลก็ ๆ ยังคง
ถกู เกบ็ รกั ษาไว้ในบรรยากาศโบราณราวกับอยู่อีกโลกหน่งึ
42
ภาพ 22 Casa di Giulietta (บ้านของจูเลียต)
https://www.cigna.co.th/health-wellness/travel/romeo-julient
Basilica di San Zeno Maggiore สถานที่แห่งนี้มีห้องใต้ดิน ที่เป็นฉากโรมิโอ และจูเลียตมาทา
พิธีแต่งงานกัน เป็นตัวอย่างของแท้ ดั้งเดิมของสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ โดยมีหน้าต่างกุหลาบวงล้อ
แหง่ โชคชะตา และประตูทองสมั ฤทธิ์ ยุคศตวรรษที่ 12 ติดอยู่ตรงฉากหน้าอาคาร
ภาพ 23 Basilica di San Zeno Maggiore
https://www.chieseverona.it/en/our-churches/the-basilica-of-san-zeno
43
เมืองแสนโรแมนติกแห่งนี้มีเนินเขาเรียงตัวซ้อนกันราวกับช้ันที่นั่งในโรงมหรสพ “เวโรนา” จึงนับเปน็
เมืองที่คุณสัมผัสกลิ่นอายของเชคสเปียร์ได้เป็นอย่างดี ในด้านผู้คนท้องถิ่น ในเมืองเวโรนาก็เต็มไปด้วย
ชีวิตชีวา ยิ้มแย้ม มีอารมณ์ขัน เต็มไปด้วยมิตรไมตรี และเป็นกลุ่มมนุษย์ ผู้มีนิสัยอยากรู้อยากเห็นชอบ
ต้อนรบั แขกผมู้ าเยือน รวมทั้งยินดเี ปิดรับอิทธิพลใหม่ ๆ
ทางดา้ นของวรรณกรรมต่างประเทศ มีบทประพนั ธ์หลายเรื่อง ทีม่ อี ิทธิพลต่อการท่องเทีย่ วจากอดีต
จนถึงปัจจบุ ัน โดยตวั อย่างวรรณกรรมที่โด่งดงั และเปน็ ทีช่ น่ื ชอบของผู้อา่ นทว่ั โลก อาทิ
วรรณกรรมเร่ือง เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ (The Lord of the Rings) เป็นงานเขียน ประเภทแฟนตาซี
ขนาดยาว ประพันธ์โดยศาสตราจารย์ชาวอังกฤษ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ซึ่งเป็นงานเขียนทีต่ ่อเนื่องกบั นิยาย
ชุดก่อนหน้านี้เร่ือง There and Back Again หรือเดอะฮอบบิท แต่ได้ขยายโครงเร่ืองซับซ้อนไปกว่า
เดอะฮอบบิทมาก โทลคีนผู้นิพนธ์ประพันธ์เร่ืองนี้ขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2480 - 2492 (ค.ศ. 1937 - 1949)
และได้วางจาหน่ายในปี ค.ศ. 1954-1955 โดยแบ่งตีพิมพ์ออกเปน็ 3 ตอน เนื่องจากหนังสือมีความยาวมาก
จนสานักพิมพ์เห็นว่าไม่สามารถตีพิมพ์รวมเป็นเล่มเดียวกันได้ วรรณกรรมเร่ืองนี้ได้แปลไปเป็นภาษาต่าง ๆ
มากมายไม่น้อยกว่า 38 ภาษา และได้รับยกย่อง ให้เป็นวรรณกรรมที่ดีที่สุดเร่อื งหนึง่ ของครสิ ต์ศตวรรษที่ 20
เร่ืองราวใน เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ เกิดขึ้นบนดินแดนในจินตนาการที่มีชื่อว่า มิดเดิลเอิร์ธ
ตัวละครในเร่ืองมีหลายเผ่าพันธ์ุ เช่น มนุษย์ เอลฟ์ (หรือ พราย ในฉบับแปลภาษาไทย) ฮอบบิท คนแคระ
พ่อมด และออร์ค หัวใจของเร่ืองเกี่ยวข้องกับแหวนเอกธามรงค์ ซึ่งสร้างโดยจอมมารเซารอน เหตุการณ์ใน
เร่ืองเริ่มต้นจากดินแดนไชร์อันสุขสงบ ไปยังส่วนต่าง ๆ ของมิดเดิลเอิร์ธ จนถึงเหตุการณ์สงครามแหวน
โดยผ่านมุมมองของตัวละครฮอบบิทคนหนง่ึ ที่ชื่อ โฟรโด แบ๊กกิน้ ส์ ในตอนท้ายของเรือ่ งยังมีภาคผนวกอีก 12
ชุดที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของโลกในนิยาย รวมถึงภูมิหลังด้านภาษาศาสตร์ของวัฒนธรรม
ต่าง ๆ ในนิยายด้วย
เม่ือพิจารณางานเขียน เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ จะเห็นว่า ผลงานเร่ืองนี้ แสดงให้เห็น ถึงความ
ลุ่มลึกทางด้านภาษา ด้านโครงตานาน ด้านแนวคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสู่อุตสาหกรรม และในด้านของ
ศาสนศาสตร์ จนสง่ ผลต่อวงการวรรณกรรมแฟนตาซียุคต่อมาเปน็ อย่างมาก ผลกระทบจากงานของโทลคีน
ต่อสังคมทาให้คาวา่ "แบบโทลคีน" ("Tolkienian" และ "Tolkienesque") ถกู บรรจุลงในพจนานุกรมภาษาองั กฤษ
ฉบบั ออกซฟอร์ด
ความนยิ มอย่างล้นหลามและยาวนานในวรรณกรรม เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ยังเปน็ จุดกาเนิดของ
งานเทศกาล ประเพณี ชมรม และสมาคมต่าง ๆ มากมาย จากบรรดาผู้ชื่นชอบ ผลงานนี้ รวมท้ังได้สร้างให้
เกิดแรงบันดาลใจอย่างต่อเนื่องต่องานศิลปะ ภาพวาด ดนตรี ภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ เกม และ
วรรณกรรมชิ้นอื่น ๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน มีการดัดแปลงนิยายเร่ืองนี้ ไปเป็นบทละครวิทยุ ละครเวที
รวมถึงภาพยนตร์หลายคร้ัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ไตรภาคในระหว่าง
44
ปี ค.ศ. 2001-2003 เป็นคร้ังที่กระตุ้นให้เกิด กระแสความสนใจ ในผลงานของโทลคีนขึ้นมาอย่างสูงมาก
อีกคร้ังหนึง่
บทวิจารณ์ในซันเดย์เทเลกราฟ (Sunday Telegraph) กล่าวว่า "นี่เป็นจินตนิยายที่ดีที่สุดเร่ืองหนึ่ง
ในศตวรรษที่ยี่สิบ" และนิวยอร์กเฮอรัลด์ (New York Herald) ก็ลงความเห็นว่า "หนังสือจะเป็นที่นิยม
อย่างมาก และจะอยู่ไปอีกนานยิ่งกว่าช่วงชีวติ ของเรา"
เม่ือปี พ.ศ. 2500 (ค.ศ. 1957) หนังสือชุด เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ได้รับรางวัลนิยาย แฟนตาซี
ยอดเยี่ยม จาก International Fantasy Award การได้พิมพ์เผยแพร่กับสานักพิมพ์ Ace Books และ Ballantine
ที่สหรัฐอเมริกา ทาให้หนังสือคงความนิยมอย่างสูงได้ตลอดช่วงทศวรรษ 1960 และติดอันดับหนังสือขายดี
มาจนตลอดศตวรรษที่ 20 ในปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) สถานีโทรทัศน์บีบีซี จัดสารวจความนิยม "หนังสือ
ในดวงใจ" ของประเทศอังกฤษ และ เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ได้รับเลือกเป็นอันดับหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2547
(ค.ศ. 2004) ผลสารวจในเยอรมนี และออสเตรเลียก็ปรากฏว่า เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ครองความนิยม
อันดับหนึ่ง ที่ผู้คนชื่นชอบที่สุดเช่นกัน นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) เว็บไซต์อเมซอนดอตคอม
เวบ็ หนังสือออนไลน์ทีใ่ หญ่ทีส่ ุดในโลก ได้จัดสารวจความนิยมของผอู้ ่าน และ เดอะลอร์ดออฟเดอะรงิ ส์ ได้รบั
การโหวตใหเ้ ปน็ "หนังสอื ยอดเยี่ยมแหง่ สหสั วรรษ
วรรณกรรมเร่ือง The Lord of the Rings ได้ถูกนามาภาพยนตร์ โดยทีมผู้สร้างเลือกใช้ ประเทศ
นิวซีแลนด์เป็นสถานที่ถ่ายทาภาพยนตร์ท้ัง 3 ภาค เนื่องจากประเทศนิวซีแลนด์ เป็นประเทศที่มีความ
หลากหลายทางภูมิศาสตร์ ประกอบไปด้วยชายหาดทอดยาว กว่า 1,700 กิโลเมตร มีมหาสมุทรสีครามที่
ยังคงความอุดมสมบูรณ์ รวมท้ังบริเวณที่เป็นบ่อน้าร้อน ภูเขาไฟ บ่อโคลนเดือด ฟยอร์ด และซาวนด์
อันสวยงาม จากความอุดมสมบูรณ์ที่งดงามของธรรมชาติกว่า 150 แห่งที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์สามารถ
สร้างชื่อเสียงให้ประเทศนิวซีแลนด์ได้กลายเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น และเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เหล่านักท่องเที่ยว
นิยมเดินทางไปท่องเทีย่ วตามรอยภาพยนตร์เร่อื งน้ี โดยมียอดจานวนนักท่องเทีย่ วจากประเทศอังกฤษเพิ่มขึ้น
ถึงรอ้ ยละ 10 ทกุ ปี ในช่วง 5 ปี หลังจากภาพยนตรไ์ ด้ออกฉาย (อบุ ลวรรณ สุจริตกุล, 2555, ออนไลน์)
เส้นทางการท่องเที่ยวตามรอย The Lord of The Rings ที่น่าสนใจ อาทิเช่น หมู่บ้านเกษตรกรรมมา
ทามาทา (Matamata) ในภมู ิภาคไวกาโต้ (Waikato) ซึง่ ตงั้ อยู่ที่บนเกาะเหนือ ของนวิ ซีแลนด์ได้รับการสร้างให้
เป็นหมบู่ ้านของตัวละครฮอบบิท (Hobbit)
45
ภาพ 24 หมบู่ ้านเกษตรกรรมมาทามาทา (Matamata)
https://www.dooddot.com/travel-the-lord-of-the-rings/
อุทยานไคโตกิ (Kaitoke) หรือเมือง “ริเวนเดล” ( Rivendell) ซึ่งตามเนื้อเร่ืองน้ัน เป็นเมืองที่สวยงาม
ราวกบั ความฝนั ของตัวละครเอล์ฟ (Elves) และยงั ใช้เป็นสถานที่ ถ่ายทาฉากที่เหลา่ พันธมิตรแหง่ แหวนได้พบ
กันเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ยังมีท่าเทียบเรือดอร์เซตต์ (Fort Dorset) ซึ่งในเร่ืองก็คือฉาก เมืองบรี (Bree)
ดินแดนที่มนุษย์และฮอบบิท สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน อย่างสงบสุขมาเป็นเวลานาน และแม่น้าฮัท (Hutt)
ก็ได้รับการเนรมิตให้เป็น Great River Anduin หรือแม่น้าที่บรรดากลุ่มพันธมิตรข้ามจากเมืองโลธโลเรียน
(Lothlorien) ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของเอล์ฟท้ังสาม (เมเนเจอร์ออนไลน์, 2548) แม้ว่า The Lord of the Rings
จะฉายไปนานแลว้ ทว่าเมื่อเอ่ยถึงนวิ ซีแลนด์ คนส่วนใหญ่ยังคงนึกถึงภาพยนตรเ์ รือ่ งนไี้ ม่เสื่อมคลาย
ภาพ 25 Mt Aspiring National Park และ Mt Ngauruhoe
https://www.dooddot.com/travel-the-lord-of-the-rings/
46
ในทานองเดียวกัน ยังมีวรรณกรรมเร่ืองแฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter) (วิดิพีเดีย, สื่อออนไลน์)
ที่มีอิทธิพลอย่างยิ่งด้านการท่องเที่ยว โดยเป็นชุดนวนิยายแฟนตาซีจานวนเจ็ดเล่ม ประพันธ์โดยนักเขียน
ชาวองั กฤษชื่อว่า เจ. เค. โรว์ลิง เป็นเรื่องราวการผจญภัยของพ่อมดวยั รุ่น แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเพือ่ นสองคน
รอน วีสลีย์ และ เฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ ซึ่งท้ังหมด เป็นนักเรียนของโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและ
เวทมนตรศ์ าสตร์ฮอกวอตส์ โครงเร่อื งหลกั เกี่ยวกบั ภารกิจของแฮร์รีใ่ นการเอาชนะพ่อมดศาสตร์มืดที่ชัว่ ร้าย
ลอร์ดโวลเดอมอร์ ผู้ที่ต้องการจะมีชีวิต เป็นอมตะ มีเป้าหมายเพื่อพิชิตมักเกิ้ล หรือประชากรที่ไม่มีอานาจ
วิเศษ พิชิตโลกพ่อมด และทาลายทุกคนทีข่ ดั ขวาง
แฮร์รี่ พอตเตอร์ หนังสือเล่มแรกในชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ วางจาหน่าย ในฉบับ
ภาษาอังกฤษครั้งแรกเม่ือวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 1997 และนับแต่นั้นหนังสือ ก็ได้รับความนิยมอย่าง
ล้นหลาม จนถึงเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2013 ชดุ หนงั สอื แฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้ทายอดขาย ไปมากกว่า 500 ล้าน
เล่มทั่วโลก ซึ่งเป็นชุดหนังสือที่มียอดขายมากที่สุดตลอดกาล และมีการแปลไปเป็นภาษาต่าง ๆ
รวม 80 ภาษา หนังสือสี่เล่มสุดท้ายของชุด ยังได้สร้างสถิติเป็นหนังสือที่จาหน่ายออกหมดเร็วที่สุดใน
ประวัติศาสตร์ โดยหนังสือเล่มสุดท้าย ของชุดมียอดขายกว่า 11 ล้านเล่มในสหรัฐและสหราชอาณาจักร
ภายในระยะเวลายี่สิบสีช่ ่วั โมงแรก ทีว่ างขาย
หนังสือท้ังเจ็ดเล่มถูกนาไปสร้างเป็นภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ โดยบริษัทวอร์เนอร์บราเธอร์ส
จานวนแปดภาค และเป็นชุดภาพยนตร์ ทารายได้สูงสุดตลอดกาลในลาดับที่ 3 นอกจากนี้ ยังได้มีการผลิต
สินค้าควบคู่กนั อีกจานวนมาก ซึง่ ทาให้ชือ่ ยี่ห้อแฮร์รี่ พอตเตอร์มมี ูลค่ามากกว่า 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยได้มีการต่อยอด ความสาเร็จของแฮร์รี่ พอตเตอร์ไปในหลายรูปแบบ อาทิเช่น สวนสนุกโลกมหัศจรรย์
ของแฮร์รี่ พอตเตอร์, สตูดิโอทัวร์ในลอนดอน, นิทรรศการเคลื่อนที่, ภาพยนตร์ภาคแยก ซึ่งดัดแปลงมาจาก
เน้ือหาของหนังสือสัตว์มหัศจรรย์และถิน่ ที่อยู่ และภายหลังได้มีการดัดแปลงแฮร์รี่ พอตเตอร์สู่รูปแบบละคร
เวที ใช้ชื่อวา่ แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเดก็ ต้องคาสาป เปิดการแสดงในวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 2016 ที่โรงละคร
พาเลซเธียเตอร์ เมืองลอนดอน โดยบทละครเวที ยังได้รับการพิมพ์จาหน่ายโดยสานักพิมพ์ลิตเติ้ลบราวน์
ซึ่งเปน็ สานกั พิมพเ์ ดียวกนั ที่ตพี ิมพ์นยิ ายผู้ใหญ่ของโรว์ลิ่งภายใต้ชื่อ โรเบิรต์ กัลเบรธอีกด้วย
47
ภาพ 26 หอ้ งอาหารในฮอกวอตส์ ณ มหาวิหารกลอสเตอร์ และ Warner Bros. Studio
https://travel.trueid.net/detail/0R6QlL813oqy
ภาพ 27 ธนาคารกริงกอตส์ Australia House และชานชลา 9 ¾ สถานีรถไฟไปฮอกวอตส์
สถานีรถไฟคิงส์ครอส
https://travel.trueid.net/detail/0R6QlL813oqy
สว่ นประสมการตลาดบริการ (10P)
ความหมายของการตลาดท่องเทีย่ ว
นักวิชาการและนักการตลาดได้ให้คาจากัดความของการตลาดการท่องเที่ยว (Tourism Marketing)
ไว้หลายมุมมอง อาทิ องค์การท่องเที่ยว (World tourism Organization) แสดงแนวคิดว่า การตลาดการ
ท่องเที่ยว คือแนวทางการวางแผนจัดการให้ตรงกับความต้องการของนักท่องเที่ยว โดยการวิจัย
การคาดการณ์ และการเลือกสรรผลิตภัณฑก์ ารท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด เพื่อบรรลุ
วตั ถุประสงค์และได้ผลประโยชน์สูงสุดแก่องค์กร (Coltman, 1989)
48
การตลาดการท่องเที่ยว เป็นการศึกษาถึงความต้องการของนักท่องเที่ยว และเป็นการจัด
องค์ประกอบที่สาคัญ ของส่วนประสมทางการตลาด (Market Mix) เป็นเคร่ืองมือ ในการเชื่อมโยงให้
เหมาะสมและสอดคล้องกนั (Middleton, 1994)
การตลาดการท่องเที่ยว เป็นกระบวนการจัดการ ที่ดาเนินการอย่างเป็นลาดับสาคัญ และต่อเนื่อง
ตามแผนงานอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริหารจัดการโรงแรม ซึ่งต้องมีการทาวิจัย การปฏิบัติการ
ควบคุม และประเมินกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความจาเป็น ความต้องการ และความพึงพอใจของ
นักท่องเที่ยว เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร ซึ่งแผนงานตลาด จะประสบความสาเร็จได้ต้องอาศัยความ
พยายามของบคุ ลากรในองค์กรทุกคน (Morrison, 1988)
ส่วนประสมการตลาดสาหรับธุรกิจบริการ
เสรี วงษ์มณฑา (2542) ได้ให้นิยามส่วนประสมทางการตลาด (Marketing Mix) ไว้ว่า เป็นการที่
กิจการน้ัน ๆ มีสินค้าและ/หรือบริการ ไว้ตอบสนอง ต่อความต้องการของลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมาย
โดยสามารถสร้างความพึงพอใจให้แก่พวกเขา ทั้งนี้ ราคาของสินค้า และ/หรือบริการอยู่ในระดับที่ผู้บริโภค
ยอมรับและยินยอมที่จะจ่าย (Willing to pay) พร้อมทั้งมีช่องทางการจัดจาหน่ายที่เหมาะสม ลูกค้าสามารถ
เข้าถึงได้อย่างสะดวกสบาย และมีความพยายามจูงใจเพื่อให้ลูกค้าเกิดความสนใจตัดสินใจซื้อสินค้าและ/
หรอื บริการนนั้ อย่างถูกต้อง
ส่วนประสมการตลาดสาหรับธุรกิจบริการ (Service Marketing Mix) (Kotler, 2000) เป็นแนวคิดที่
เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ให้บริการ ซึ่งเป็นธุรกิจที่แตกต่างจากสินค้าอุปโภคและบริโภค โดยทั่วไป จาเป็นจะต้อง
ใช้สว่ นผสมการตลาด (Marketing Mix) 7 อย่าง หรอื 7P’s ในการกาหนดกลยุทธ์ ซึ่งประกอบด้วย
1. ผลิตภัณฑ์ (Product) หมายถึง สิ่งซึ่งสามารถตอบสนอง ต่อความจาเป็น และความต้องการของ
ลูกค้าได้ โดยผู้ขายจะต้องทาให้ลูกค้า ได้รับผลประโยชน์ และคุณค่า จากผลิตภัณฑ์น้ัน ๆ โดยท่ัวไปแล้ว
ผลิตภัณฑ์แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ ผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ (Tangible Products) และผลิตภัณฑ์ที่จับต้องไม่ได้
(Intangible Products)
2. ด้านราคา (Price) หมายถึง คุณค่าของผลิตภัณฑ์ในรูปแบบตัวเงิน ลูกค้า จะเปรียบเทียบระหว่าง
คุณค่า (Value) และราคา (Price) ของบริการน้ัน ถ้าคุณค่าสูงกว่าราคา ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อ ดังน้ัน
การกาหนดราคา การให้บริการ ควรมีความเหมาะสม กับระดับการให้บริการที่ชัดเจน และง่ายต่อการ
จาแนกระดบั บริการที่ต่างกัน
3. ด้านช่องทางการจัดจาหน่าย (Place) เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับบรรยากาศ สิ่งแวดล้อม
ในการนาเสนอบริการให้แก่ลูกค้า ซึ่งมีผลต่อการรับรู้ของลูกค้า ในเร่ืองของคุณค่า และคุณประโยชน์ของ
บริการที่นาเสนอ ซึง่ ต้องพิจารณาในด้านของทาเลทีต่ ง้ั (Location) และช่องทางจดั จาหนา่ ย (Channels)
49
4. ด้านการส่งเสริม (Promotions) เป็นเคร่ืองมือสาคัญในการติดต่อสื่อสารไปยังผู้ใช้บริการ
มีวัตถุประสงค์เพื่อแจ้งข่าวสาร หรือชักจูงใจให้เกิดทัศนคติและพฤติกรรมอยากใช้บริการ และเป็นกุญแจ
สาคญั ของการตลาดสายสมั พนั ธ์
5. ด้านบุคคล (People) หรือพนักงาน (Employee) เป็นความสัมพันธ์ ระหว่างเจ้าหน้าที่ ผู้ให้บริการ
และผใู้ ช้บริการขององค์กร โดยเจา้ หนา้ ทีต่ อ้ งมีความสามารถ มีทัศนคติ ที่สามารถตอบสนอง ต่อผู้ใชบ้ ริการ
มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีความสามารถในการแก้ไขปัญหา สามารถสร้างค่านิยมให้กับองค์กรได้ ดังนั้น
องค์กรจึงต้องอาศัยการคัดเลือกเป็นอย่างดี ต้องมีการฝึกอบรม ฝึกการจูงใจ เพื่อให้สามารถสร้างความ
พึงพอใจให้กับลูกค้าได้ สร้างความแตกต่าง เหนอื คู่แขง่ ขนั
6. ด้านกายภาพและการนาเสนอ (Physical Evidence/Environment and Presentation) เป็นการแสดง
ให้เห็นถึงลักษณะทางกายภาพ และการนาเสนอให้กับลูกค้าให้เห็นเป็นรูปธรรม โดยพยายามสร้างคุณภาพ
โดยรวม ท้ังทางด้านกายภาพ และรูปแบบการให้บริการ เพื่อสร้างคุณค่า ให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นด้านการ
แตง่ กายสะอาดเรียบร้อย การเจรจา ต้องสุภาพอ่อนโยน และการให้บริการที่รวดเร็ว หรอื ผลประโยชน์อ่ืน ๆ
ทีล่ กู ค้าควรได้รบั
7. ด้านกระบวนการ (Process) เปน็ กิจกรรมทีเ่ กี่ยวข้องกับ ระเบียบวิธีการ และงานปฏิบตั ิในด้านการ
บริการที่นาเสนอแก่ผใู้ ช้บริการ เพือ่ มอบการให้บริการ ที่ถูกต้อง รวดเร็ว และเกิดความประทบั ใจ
ภาพ 28 ส่วนประสมการตลาด (Marketing Mix) 7 อย่าง หรอื 7P’s
ทีม่ า : Kotler (2000)
ถึงแม้ว่ากระบวนการท้ัง 7 ข้อนี้ จะเป็นเคร่ืองมือที่สาคญั ในการทาการตลาดที่ผ่านมา อย่างชัดเจน
แต่ปัจจุบันนี้ หากกล่าวถึง การทา การตลาดท่องเที่ยว เพื่อความยั่งยืน อาจต้องเน้นความสัมพันธ์ ระหว่าง
ผู้ซื้อและผู้ขาย (Relationship) และเน้นการขายคุณค่า (Value) ให้แก่ลูกค้า เป็นการเพิ่มมูลค่าในสินค้า และ
บริการมากยิง่ ขึน้